เพราะอย่างนั้นคุณถึงยอมยกลูกชายตัวเองให้คนอื่นตอนที่เปลี่ยนสายอาชีพงั้นเหรอ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้ตัวเองสินะ โม่ถิงถาม
ชัดเจนว่าผู้หญิงคนนั้นอึ้งกับคำพูดของโม่ถิง เธอไม่เคยนึกภาพเลยว่าเขาจะใช้วิธีนี้โต้ตอบ แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็เริ่มหัวเราะออกมา นี่เป็นตัวเลือกของครอบครัวฉัน ท่านประธานโม่ไม่มีสิทธิ์มาพูด
งั้นคุณก็ควรระวังคำพูดของตัวเองให้ดี
โม่ถิงมักไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ แต่เมื่อเป็นเรื่องของถังหนิง เขาจะตอบโต้เสมอ
ก็ได้ ฉันจะไม่พูดอะไรก็แล้วกัน เพราะถึงยังไงทุกคนก็มีตาอยู่แล้ว…
ผมจำพฤติกรรมในวันนี้ของคุณเอาไว้แล้ว ดังนั้นอย่าโทษผมถ้าจะไม่ไว้หน้าคุณก็แล้วกัน
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเริ่มประนีประนอมขึ้นเล็กน้อย เอาอย่างนี้ไหม่ ฉันจะกลับไปสั่งสอนน้องสาวของฉันแล้วกัน คุณคิดว่าไงล่ะคะท่านประธานโม่
สายไปแล้ว! โม่ถิงกล่าวก่อนวางสายโทรศัพท์
แม้เดิมทีผู้หญิงคนนี้จะมาจากไห่รุ่ย แต่เธอก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของไห่รุ่ยอีกแล้ว และแน่นอนว่าเฉินซิงเยียนเองก็ไม่ได้มาไห่รุ่ยเช่นกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องของถังหนิง ไม่มีใครหน้าไหนได้รับอนุญาตให้พูดจาใส่ร้ายถังหนิงต่อหน้าเขาทั้งนั้น
โม่ถิงไม่ชอบคนที่มาประจบสอพลอเขาแล้วก็ไม่ชอบคนที่มาท้าทายอำนาจเขาเช่นกัน คนที่อยู่ในวงการต่างทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี นี่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกหวั่นใจนิดหน่อย
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องแค่กับเฉินซิงเยียนแต่ยังเกี่ยวกับถังหนิงด้วย!
เพราะเฉินซิงเยียนตกอยู่ในความวุ่นวายนี้เพราะเธอทำเพื่อถังหนิง
…
ประธานของอี้ซิงฟิล์มมีชื่อว่าไป๋อวี๋ ส่วนน้องสาวของเธอมีชื่อว่าไป๋หลินหลิน
เดิมทีไป๋อวี๋ตั้งใจจะฝึกฝนน้องสาวของเธอด้วยตัวเอง แต่โชคไม่ดีที่น้องสาวของเธอมีความคิดในหัวมากเกินไป
เพราะความกลัวที่มีต่อโม่ถิง สุดท้ายไป๋อวี๋จึงโทรหาน้องสาวของเธอ คราวนี้เธอสร้างปัญหาใหญ่เกินไปแล้วนะ คนอื่นอาจจะไม่เป็นปัญหา แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเธอเอาอึไปเทใส่น้องสาวของโม่ถิงแบบนั้น เธอยังอยากรอดอยู่ในวงการนี้อยู่ไหม
ไป๋หลินหลินกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ที่บ้านด้วยท่าทีภาคภูมิใจ แล้วไง ตอนนี้พี่สาวของหนูกำลังทำงานอยู่ที่ฮอลลีวูด ถ้าเรื่องมันเลวร้ายจริงๆ หนูก็ยังทำงานกับพี่ได้เสมออยู่ดี!
ไปขอโทษเฉินซิงเยียนซะ! ไป๋อวี๋สั่ง
ไม่ไป!
ถ้าเธอไม่ไปก้ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่อีก ฉันจะไม่ให้เธอได้มาทำงานในฮอลลีวูด ไว้ค่อยมาบอกฉันว่าเธอจะเอายังไงหลังจากไปคิดให้ดีแล้วกัน
ไป๋หลินหลินวางโทรศัพท์ด้วยความโกรธขนเกือบจะขว้างมันลงกับพื้น แม้เธอจะไม่อาจเก็บกลั้นความโกรธภายในเอาไว้ได้ แต่เธอก็เข้าใจว่าคนฉลาดจะไม่มีวันต่อสู้เมื่อโอกาสไม่อำนวย ดังนั้นสุดท้ายเธอจึงโทรหาผู้จัดการของเธอ หาโอกาสซื้อของขวัญไปขอโทษเฉินซิงเยียนซะ
เธอไม่คิดจะไปขอโทษด้วยตัวเองงั้นเหรอ ผู้จัดการคนนั้นถาม
แค่ฉันคิดจะขอโทษก็โชคดีแค่ไหนแล้ว จะให้ฉันไปขอโทษด้วยตัวเองงั้นเหรอ ไม่มีทาง อีกอย่างฉันไปพูดอะไรเรื่องถังหนิงหรือไง มันก็เป็นความจริงทั้งนั้นที่ถังหนิงทั้งแก่ แล้วก็กำลังจะตกยุคในไม่ช้า ไม่ใช่เรื่องลับอะไรสักหน่อย
ผู้จัดการคนนั้นมองดูโทรศัพท์ของเธอด้วยความไม่สบายใจ ไป๋อวี๋ได้โทรมาและสั่งให้ไป๋หลินหลินไปขอโทษด้วยตัวเอง…
พี่อวี้บอกให้เธอไปขอโทษด้วยตัวเอง
ไป๋หลินหลินเตะขาโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว หลังระบายความไม่พอใจออกไปได้เล็กน้อย ในที่สุดเธอก็ตอบ ช่วยหาตารางงานของนังนั่นให้ฉันที
ตกลง ผู้จัดการคิดว่าไป๋หลินหลินคิดได้แล้ว เธอจึงเริ่มหาข้อมูลอย่างมีความสุข
ไป๋หลินหลินทำเสียงเยาะเย้ยอย่างไม่พอใจ เธอจะดูสิว่าพี่สาวของเธอจะใส่ใจอะไรไหม่ถ้าเธอไปหาเรื่องไห่รุ่ยให้ถึงที่สุดจริงๆ
…
ถังหนิงเข้าใจสถานการณ์ที่เฉินซิงเยียนกำลังประสบอยู่เป็นอย่างดี แม้ไม่มีใครกล้าพูดว่าร้ายเธออย่างโจ่งแจ้ง แต่เธอก็ต้องพบกับความยากลำบากมากมายอยู่เบื้องหลังเช่นกัน เพราะในฐานะน้องของโม่ถิง เธอมีสิทธิ์พิเศษที่ทำให้คนอื่นเกรงกลัว แต่เธอก็ต้องแบกรับความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับสถานะนี้เช่นกัน
โม่ถิงเป็นคนไร้ความปรานีในวงการนี้มาโดยตลอด เมื่อต้องจัดการกับศิลปินที่มาจากค่ายอื่น เขาไม่เคยแสดงความเมตตาใดๆ ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายที่แอบเก็บความไม่พอใจที่มีต่อโม่ถิงเอาไว้ แต่เพราะความสามารถมากมายของเขา คนพวกนั้นจึงไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ทว่าเฉินซิงเยียนนั้นต่างออกไป เธอไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของไห่รุ่ยและเธอไม่มีคนหนุนหลัง แม้จะมีอันจื่อเฮ่าเป็นผู้จัดการ เขาก็ไม่แข็งแกร่งพอจะเป็นโล่ให้เธอได้
หากคนสักคนอยากจะใช้อุบายบางอย่างจากที่มืด ก็ไม่มีใครทันสังเกตทั้งนั้น
หลังจากข่าวที่เธอถูราดด้วยอุจจาระรั่วไหลออกไป เฉินซิงเยียนยังคงนิ่งเงียบอยู่อีกหลายวัน
แม้อันจื่อเฮ่าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอตลอดช่วงเวลาเหล่านั้น เธอก็ยังคงรู้สึกเซื่องซึมและไม่มีสิ่งใดที่เธอสามารถทำได้
กระนั้นเธอก็ยังมีตารางงานถ่ายทอดสดในวันพรุ่งนี้ เมื่อคิดถึงท่าทางล้อเลี่ยนของคนอื่นๆ ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นคงอย่างรุนแรง ไม่ว่างานนี้จะสำคัญแค่ไหน เธอก็ไม่อยากไปอีกแล้ว
อันจื่อเฮ่าบอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกต่อต้าน เขาจึงโอบกอดเธอไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างและดึงเธอมานั่งที่ตักของเขา จากนั้นเขาจึงถามอย่างอ่อนโยน เธออยากยกเลิกงานพรุ่งนี้ไหม
อือหึ ฮันไม่อยากถูกคนพวกนั้นล้อเลียน
เธอไม่ใช่เฉินซิงเยียนคนที่ฉันเคยรู้จัก เฉินซิงเยียนคนที่สามารถเปลี่ยนโลกให้กลับตาลปัตได้เพื่อยั่วโมโหคนอื่นหายไปไหนแล้วนะ
หลังได้ยินเช่นนั้น เฉินซิงเยียนก็ระเบิดหัวเราะออกมา ฉันกลัวจะสร้างปัญหาให้นาย
เธอไม่ต้องการให้อันจื่อเฮ่าต้องมาผลาญเงินเพื่อแก้แค้ให้เธออีกแล้ว
ความน่าเคารพมันสร้างกันได้ ถ้าเธอต้องการให้คนอื่นเห็นค่าของเธอ เธอก็ต้องเห็นค่าตัวเองเสียก่อน เธอจะไปร่วมรายการถ่ายทอดสดพรุ่งนี้ ต่อให้ฟ้าถล่มฉันก็จะลากเธอไป! อันจื่อเฮ่าปลอบโยนอีกฝ่ายทั้งที่หัวใจเขารู้สึกเจ็บปวด เฉินซิงเยียนเปลี่ยนไปมากนักตั้งแต่มาอยู่กับเขา
เธอเคยเป็นเฉินซิงเยียนที่มีอิสระและไม่แคร์สิ่งใด แต่บัดนี้…
… เธอกลับหวาดระแวงมากจนสูญเสียความเป็นตัวเองไปจนหมดสิ้น
ยามดึกคืนนี้ อันจื่อเฮ่านั่งอยู่ในห้องทำงานเพื่อจัดการเอกสารต่างๆ ขณะนั้นเอง ถังหนิงโทรหาเขาเพื่อคอนเฟิร์มตารางงานของเฉินซิงเยียน เธอมีงานถ่ายทอดสดพรุ่งนี้ใช่ไหม
ใช่ พรุ่งนี้ตอนสองทุ่ม
ฉันจะไปดูด้วยและไปเป็นกำลังใจให้เธอสักหน่อย
โอเค เขารู้สึกมีความสุขมากที่มีคนอีกคนมาช่วยเขาปกป้องเฉินซิงเยียน
แน่นอนว่าถังหนิงไม่ได้คาดคิดว่าไป๋หลินหลินเองก็จะมาปรากฏตัวที่รายการถ่ายทอดสดนี้ด้วย ในเวลาเช่นนี้เธอจึงควรทำหน้าที่พี่สะใภ้ อย่างน้อยเธอต้องบอกทุกคนรู้ว่าตระกูลโม่ไม่ยอมถูกรังแกได้ง่ายๆ
โม่ถิงได้ยินบทสนทนาของถังหนิงจากด้านหลัง เขาจึงเอ่ยถามขึ้น คุณวางแผนจะไปปกป้องเฉินซิงเยียนงั้นเหรอ
คุณปกป้องฉันและฉันก็จะปกป้องครอบครัวของเรา
โม่ถิงไม่ได้ตอบอะไรพลางเอามือลูบผมอีกฝ่าย ดูเหมือนเขาจะเห็นด้วย
อีกอย่าง ถ้าซิงเยียนยังถูกรังแกอยู่แบบนี้ มันก็จะยิ่งทำให้คุณขายหน้าไปด้วยไม่ใช่เหรอ คนตระกูลโม่จะยอมให้คนอื่นมาทำร้ายแบบนี้ได้ยังไง
เข้าใจแล้ว
ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ ถังหนิงจะไปร่วมรายการถ่ายทอดสดอย่างไม่เป็นทางการ เธอเพียงแต่ไปให้กำลังใจเท่านั้น แน่นอนว่าก่อนที่งานโฆษณาของเธอจะเริ่มถ่ายทำ เธอจะไม่เผยตัวเองต่อหน้าสื่อสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ในเมื่อมีคนมาล้อเลียนว่าเธอมีรอยท้องลาย เธอก็จะจัดการฉีกหน้าคนพวกนั้น
กระนั้น เฉินซิงเยียนในฐานะผู้ถูกกระทำกลับไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับไป๋หลินหลินเลย และไม่รู้ด้วยว่าถังหนิงจะมาปรากฏตัวเช่นกัน
รายการโชว์ที่กำลังจะมาถึงจะต้องสนุกมากแน่ๆ …
…
บ่ายวันต่อมา เฉินซิงเยียนเดินทางมาถึงสถานีโทรทัศน์พร้อมอันจื่อเฮ่า ทว่าขณะที่ผู้คนเดินผ่านเดิน พวกเขากลับแอบยิ้มอย่างเยาะเย้ย
เฉินซิงเยียนรู้สึกอับอาย อันจื่อเฮ่าจึงถามคนพวกนั้นตรงๆ ขำอะไรนักเหรอ
เหตุการณ์ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเฉินซิงเยียน เธอเคยมีประสบการณ์แบบนี้กับแอนนี่มาก่อน…
เมื่อนึกย้อนถึงความทรงจำอันไม่น่าอภิรมย์นัก เฉินซิงเยียนกอดตัวเองแน่นและยอมให้อันจื่อเฮ่าช่วยล้างตัวของเธอ ไม่นานนักผู้ช่วยของเธอกลับมาพร้อมชุดเสื้อผ้าสะอาดและทั้งสามใช้เวลากว่าสี่สิบนาทีอยู่ในห้องน้ำ กระนั้นพวกเขาก็ยังคงไม่อาจชำระล้างกลิ่นเหม็นรุนแรงออกจากร่างกายของเฉินซิงเยียนได้
ในฐานะศิลปินที่ไม่ระมัดระวังตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ หากใครสักคนแค่คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ถังหนิงเคยประสบพบเจอมาแล้วละก็ เห็นได้ชัดว่าวงการบันเทิงนั้นเป็นสถานที่ที่คนจะยกคนที่อยู่ในระดับสูงและเหยียบย่ำคนที่ต่ำ และมันเป็นแบบนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เฉินซิงเยียนเคยตกหลุมพรางมาแล้วมากมายตั้งแต่ในอดีต แต่กระนั้นเธอก็ยังต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้อีก คงไม่อาจมีใครว่าโทษอันจื่อเฮ่าที่รู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อยเพราะเฉินซิงเยียนเรียนรู้อะไรช้าเหลือเกิน
หลังกลับมาถึงบ้าน เฉินซิงเยียนก็ขังตัวเองอยู่ในห้องอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายของเธออยู่นานกว่าสี่ชั่วโมง ในระหว่างนั้น อันจื่อเฮ่าได้ติดต่อไปยังทีมโปรดิวเซอร์ของรายการทอล์กโชว์ดังกล่าวและเตือนให้พวกเขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับรวมทั้งขอให้พวกเขาหาตัวคนผิดมาให้ได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดแต่ยากที่จะทำได้
กว่าเฉินซิงเยียนจะออกมาจากห้องอาบน้ำ เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงตีสามแล้ว เมื่อเห็นอันจื่อเฮ่ากำลังรอเธออยู่ในห้องนั่งเล่น เธอได้แต่เดินก้มหน้าไปหาอีกฝ่าย
ภายใต้ความมืด อันจื่อเฮ่าโอบแขนข้างหนึ่งรอบเอวของเฉินซิงเยียนและดึงเธอลงมานั่งบนตักของเขา ทั้งคู่มองลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกัน แต่เธอซิงเยียนกลับรู้สึกไม่มีความสุข ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถเป็นคนเจ้าวางแผนได้อย่างพี่หนิง มันเหนื่อยเกินไป ฉันคิดว่าฉันไม่เหมาะกับวงการนี้จริงๆ นั่นแหละ
ตอนนี้ลืมเรื่องพวกนั้นไปก่อนเถอะ… อันจื่อเฮ่าถอนหายใจพลางบีบจมูกของอีกฝ่าย
ในเมื่อเฉินซิงเยียนไม่อาจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและปกป้องตัวเองได้ งั้นเขาก็ควรจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องเธอ
เขาตระหนักได้ว่าเขาได้บีบบังคับให้หลายคนทำในสิ่งที่เกินความสามารถของคนเหล่านั้น ถ้าเธอรู้สึกว่าเธอไม่ชอบการแสดงอีกแล้วจริงๆ แล้วเธอก็ไม่อยากวิ่งหางานตลอดเวลาอีก ตั้งแต่นี้เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำแล้วล่ะ
จริงเหรอ
ใครบอกให้เธอทำให้ฉันกังวลกันล่ะ อันจื่อเฮ่าถามอย่างหมดหนทาง
เฉินซิงเยียนนิ่งเงียบไปชั่วครู่หนึ่งขณะที่เธอเริ่มตระหนักได้ว่าเธอไม่ได้ทุ่มเทอะไรให้กับความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากนัก
เธอปฏิเสธที่จะทำสิ่งนั้นหรือเปลี่ยนสิ่งนี้ ดูเหมือนอันจื่อเฮ่ามักจะต้องคอยเตรียมสิ่งต่างๆ ให้เธออยู่เสมอ…
ฉันจะทนดูอีกสักหน่อย ถ้าฉันรับมันไม่ไหวอีกต่อไป ฉันจะบอกนายนะ
แต่เฉินซิงเยียนไม่รู้เลยว่าข่าวเรื่องที่ ‘น้องสาวของโม่ถิงเปื้อนอึไปทั้งตัว’ จะแพร่ไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่าในวันถัดมา
ชื่อของ ‘เฉินซิงเยียน’ ไม่ได้สำคัญนึก แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่เธอเป็นน้องสาวของโม่ถิง
[ยัยสตันต์กระจอกนั่นเคยเป็นข่าวว่าถูกบังคับให้กินฉี่นี่ คราวนี้บางคนเอาอึไปเทให้เธอ ดูท่าชะตาชีวิตของเธอน่าจะต้องเกี่ยวข้องกับของพรรค์นี้สินะ]
[ฮะๆๆ ฉันว่าก็งั้นแหละ]
[น้องสาวของโม่ถิงดูไม่เห็นทำอะไรเก่งสักอย่างเลย]
[เทียบกับคู่โม่ถิงถังหนิงแล้ว ยังห่างไกลอีกเยอะ]
โม่ถิงไม่คาดว่าเฉินซิงเยียนจะสร้างข่าวแบบนี้ขึ้นมา ดูเหมือนทุกครั้งที่เธอกลายเป็นพาดหัวข่าว จะต้องเป็นเรื่องที่เธอถูกรังแกเสมอ ดังนั้นโม่ถิงจึงเริ่มรู้สึกว่าอันจื่อเฮ่าเป็นผู้จัดการที่ขาดคุณสมบัติ
เดิมทีโม่ถิงไม่คิดจะเข้ามายุ่งเรื่องของเฉินซิงเยียน จนกระทั่งเขาได้รับสายโทรศัพท์จากถังหนิง ซิงเยียนเป็นน้องสาวของคุณ ต่อให้ไห่รุ่ยไม่ออกมาพูดอะไร เราก็ไม่อาจนิ่งเฉยแบบนี้
แต่ พวกเขาจะทำอะไรกับเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ
คุณคงไม่คิดจะนั่งดูคนในตระกูลโม่ถูกรังแกหรอกใช่ไหม
โม่ถิงโก่งคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนที่เขาจะขอให้ฟังอวี้ติดต่อหาอันจื่อเฮ่า เขาบอกให้ฟังอวี้บอกอีกฝ่ายว่า หากเขาไม่สามารถปกป้องเฉินซิงเยียนได้ ก็ให้ส่งสัญญาของเธอมาให้ไห่รุ่ยดูแลซะ ไห่รุ่ยจะไม่มีวันปล่อยศิลปินในสังกัดต้องเจอเรื่องแบบนี้
ขณะเดียวกัน อันจื่อเฮ่าได้ใช้ประโยชน์จากเส้นสายที่เขามีในการจับตัวคนก่อเหตุและพวกเขาได้รับการยืนยันแล้วว่าคนคนนั้นคือใคร
กระนั้นก็ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง คือเด็กใหม่คนนั้นมีพี่สาวที่ทรงอำนาจอยู่!
ท่ามกลางนักแสดงสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเวทีระดับโลกนั้น พี่สาวของเด็กใหม่คนนี้เป็นหนึ่งในนั้น นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอกล้าลงมือกับเฉินซิงเยียน เพราะเธอมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่ง!
นักแสดงหญิงคนนี้เคยเซ็นสัญญากับไห่รุ่ยแต่หลังจากอาชีพนักแสดงของเธอเติบโตในต่างประเทศ เธอได้ก่อตั้งบริษัทเอเจนซี่ของตัวเองและเซ็นสัญญากับฮอลลีวูด
ทุกวันนี้เธอไม่ได้แสดงอีกแล้ว แต่กลับผันตัวไปเป็นโปรดิวเซอร์แทน แม้หลักๆ เธอจะมุ่งมั่นอยู่กับการทำงานในต่างประเทศ แต่เธอก็ยังคงมีชื่อเสียงโด่งดังในจีน ผู้คนเพียงแค่ไม่มีโอกาสได้เห็นเธอบ่อยนักเท่านั้น
หลังจากตระหนักถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม เฉินซิงเยียนก็ได้ปรามอันจื่อเฮ่าเอาไว้ ครั้งก่อนนายได้ทุ่มเททรัพย์สินทั้งหมดที่นายมีเพื่อฉันไปแล้ว คราวนี้นายคิดจะเสียสละอะไรอีก มันก็แค่อึนิดๆ หน่อยๆ เอง ฉันรับมือได้น่า
อันจื่อเฮ่ามองเฉินซิงเยียนอย่างลึกซึ้ง ฉันจะต้องแก้แค้นให้เธออย่างแน่นอน ฉันเป็นคนรักษาคำพูดเสมอ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลถึงวิธีการของฉันหรอก
เฉินซิงเยนมองอันจื่อเฮ่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเธอพยักหน้า จากนี้ไปฉันจะพยายามทำตัวให้ดีแล้วกัน…
แต่โม่ถิงไม่อยู่เฉยกับเรื่องนี้ เพราะเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเธอพยายามจะปกป้องเมียของเขา อันจื่อเฮ่าพูดด้วยน้ำเสียงเสียดสี ต่อให้เขาไม่ใช่ผู้จัดการที่ยอดเยี่ยม แต่โม่ถิงเองก็ไม่ใช่พี่ชายที่ดีเหมือนกัน
ดังนั้นอันจื่อเฮ่าจึงโทรหาฟังอวี้และให้คำตอบของเขาแก่โม่ถิง อีกฝ่ายพูดใส่ร้ายถังหนิง ผู้หญิงคนนั้นบอกว่ารอยผิวแตกลายของถังหนิงใหญ่จนน่าจะฆ่ายุงตายได้แล้วยังบอกด้วยว่าอีกไม่กี่ปีถังหนิงจะแก่และไม่น่าสนใจอีกต่อไป ผู้หญิงพวกนั้นยังอ้างด้วยว่าสุดท้ายคุณก็จะทิ้งถังหนิงไป
พูดง่ายๆ คือโม่ถิงไม่ได้ปกป้องชื่อเสียงผู้หญิงของตัวเองเช่นกันเพราะผู้คนไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเขา
หลังได้รับคำตอบจากอันจื่อเฮ่า โม่ถิงหัวเราะ จากนั้นเขาจึงบอกกับฟังอวี้ ติดต่อประธานของอี้ซิงฟิล์ม น้องสาวของเธอมาหาเรื่องน้องสาวฉัน บอกเธอให้อธิบายเรื่องนี้มาซะ
น้องสาว!
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟังอวี้ได้ยินโม่ถิงพูดคำนี้ แต่แน่นอนว่าฟังอวี้รู้ดีว่าโม่ถิงไม่ได้ต้องการให้คนพวกนั้นออกมาอธิบายเรื่องนี้เพราะน้องาวของเขา แต่เป็นเพราะภรรยาของเขาต่างหาก กล้าดียังไวถึงมาอ้างว่าถังหนิงมีรอยผิวแตกลาย
ถึงแม้จะมีคนมากมายที่คิดแบบนั้น…
… แต่ใครกันจะกล้าออกมาพูดเรื่องแบบนี้ คนพวกนั้นต้องกล้ามากแน่ๆ!
ไม่นานนัก พวกเขาได้รับสายจากประธานของอี้ซิง เราควรมาพบกันแล้วหารือเรื่องนี้นะคะ เพราะถึงยังไงเราก็เคยร่วมงานกันมาก่อน
ผู้หญิงคนนี้เป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกและประสบความสำเร็จในสายอาชีพที่เปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะค่อนข้างมีความสามารถ ประกอบกับความใจกว้างที่เธอได้จากการปรับตัวเข้ากับชาวอเมริกัน รวมถึงการเป็นผู้หญิงเก่งที่สามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองเพียงลำพัง เธอจึงไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ของโม่ถิง นี่เป็นเพียงการทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ ของพวกสาวๆ ประธานโม่อย่าไปใส่ใจเลยนะคะ
ทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ !
เธอคิดว่าเรื่องนี้เป็นแบบนั้นงั้นเหรอ
อีกอย่าง จากที่ฉันรู้ ท่านประธานโม่เองก็ดูจะไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับการทะเลาะกันของพวกเด็กๆ แต่เป็นเรื่องที่น้องสาวของฉันบังเอิญไปพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับคุณนายโม่ต่างหาก ท่านประธานโม่นี่รักภรรยาของตัวเองจริงๆ เลยนะคะ ฉันอยากจะเห็นกับตาตัวเองจังเลย
คุณจะได้เห็นเร็วๆ นี้
ขนาดโม่ถิงยังไม่อาจได้รับคำขอโทษจากอีกฝ่าย อย่าว่าแต่อันจื่อเฮ่าเลย
ในเมื่ออีกฝ่ายตัดสินว่าเรื่องในครั้งนี้เป็น ‘การทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ’ เช่นนั้นโม่ถิงก็จะตอบสนอง ‘การทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ’ นี้
ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังอยากจะพูดข้อกังวลอะไรนิดหน่อยนะคะ ฉันได้ยินมาว่าภรรยาของคุณได้ให้กำเนิดลูกแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนั้นการที่จะมีรอยท้องแตกลายก็เป็นเรื่องปกติ น่าสงสารนะคะทุกครั้งที่สุดยอดนางแบบหรือนักแสดงสาวๆ ฝีมือดีให้กำเนิดลูก
คุณค่าของผู้หญิงพวกนั้นต้องมาลดลง…
ผลปรากฏว่าหลงเจี่ยตั้งครรภ์ได้กว่าสองเดือนแล้ว!
นี่อาจเป็นข่าวดีที่สุดที่ถังหนิงได้รับในช่วงพักหลังมานี้ เมื่อคิดว่าทั้งหลงเจี่ยและลู่เช่อต่างปรารถนาที่จะมีลูกด้วยกันมานานแสนนาน หัวใจของถังหนิงก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความปีติ
หลงเจี่ยยกเลิกงานทั้งหมดในมือและกลับไปอยู่บ้านเพื่อดูแลครรภ์และเตรียมคลอดลูก ขณะเดียวกัน ทันทีที่แม่ของลู่เช่อได้รับข่าวดี เธอก็บินตรงมายังปักกิ่งด้วยความตั้งใจที่จะมาดูแลหลงเจี่ยในระยะยาว
โดยในเวลานี้ ลูกๆ ของถังหนิงกับโม่ถิงมีอายุได้เกือบหกสิบวันแล้ว
ขณะที่เธอมองดูลูกผมที่ปรากฏบนศีรษะของเด็กทั้งสอง ถังหนิงเอื้อมมือของเธอไปลูบศีรษะของแฝดผู้พี่
เดิมทีโม่ถิงต้องการให้เด็กทั้งสองเริ่มหย่านม เพราะถังหนิงจำเป็นต้องกลับไปถ่ายทำ แต่ถังหนิงปฏิเสธ เด็กๆ ยังต้องการนมแม่เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิต้านทาน พวกเขาเป็นลูกของเรานะ ฉันจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพวกเขา
ลูกชายทั้งสองคนของผมไม่ได้อ่อนแอแบบนั้นหรอกนะ…
ฉันมีน้ำนม แล้วทำไมฉันถึงให้พวกเขาไม่ได้ ต่อให้ตอนที่ฉันกลับเข้าวงการไปแล้วและถ่ายทำโฆษณาในช่วงเวลาหนึ่งเดือน ฉันก็ยังสามารถปั๊มนมให้พวกเขากินได้ตอนที่ฉันไม่อยู่ แบบนี้พวกเขาจะได้ไม่ขาดสารอาหาร ถังหนิงตอบพร้อมรอยยิ้ม
โม่ถิงหมดหนทางเมื่ออยู่กับถังหนิง เขาทำได้เพียงดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เจ้าเด็กแสบสองคนนี้ได้แต่ประโยชน์จริงๆ นะเนี่ย!
นี่ นั่นลูกคุณนะ! ถังหนิงกล่าวพลางทุบไปที่แผ่นอกของโม่ถิง อีกอย่าง มีใครบางคนคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ถึงได้มาแอบขโมยอาหารของลูกชายตัวเองตอนกลางดึก…
โม่ถิงไม่เถียงพลางอุ้มถังหนิงไว้ในอ้อมแขน พวกเขาไม่กล้าบ่นหรอก!
…
ขณะที่เฉินซิงเยียนตอบรับคำเชิญไปร่วมรายการวาไรตี้โชว์สองสามรายการ ตอนนี้เธอได้เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้างแล้ว แน่นอนว่าเหตุผลที่เส้นทางของเธอราบรื่นขึ้นมากนั้นมีส่วนมาจากที่ความจริงที่เธอเป็นน้องสาวของโม่ถิง
ต่อให้ถ้ามีใครอยากจะสร้างความยุ่งยากให้เธอ คนพวกนั้นจะต้องคิดก่อนว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะต่อกรกับโม่ถิงหรือเปล่า ถึงแม้โม่ถิงจะไม่เคยออกมายอมรับเฉินซิงเยียนต่อสาธารณะ แต่เขาก็ไม่เคยออกมาปฏิเสธเช่นกัน
ตารางถ่ายรายการวาไรตี้ของเฉินซิงเยียนในวันนี้เป็นรายการทอล์กโชว์เพราะรูปแบบการสัมภาษณ์แบบใหม่ในรายการแนวนี้กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
เฉินซิงเยียนเป็นหนึ่งในแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมรายการ
อันจื่อเฮ่าไม่ได้เดินทางไปที่รายการเป็นเพื่อนเฉินซิงเยียนเพราะตอนนี้เธอมีผู้ช่วยของตัวเองแล้ว ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอร่วมงานแนวนี้ อันจื่อเฮ่าจะให้เธอได้แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาได้อย่างอิสระ
ที่ด้านหลังเวที เฉินซิงเยียนใช้ห้องพักร่วมกับแขกที่ได้รับเชิญคนอื่นๆ เนื่องจากทั้งหมดมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ แขกคนอื่นๆ จึงเข้ามากล่าวคำทักทาย แต่เฉินซิงเยียนไม่รู้สึกคุ้นเคยกับคนพวกนี้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นท่าทีไร้อารมณ์ของเฉินซิงเยียน แขกคนอื่นๆ ก็ดึงมือของตัวเองกลับอย่างกระอักกระอ่วนและเริ่มพูดคุยกันเองอยู่ด้านข้าง ฉันอยากจะรู้จริงว่าต้องทำบุญมากี่ชาติได้ถึงเกิดมาเป็นน้องสาวของโม่ถิงแบบนี้
เป็นน้องสาวโม่ถิงแล้วไงเหรอ ดูอย่างถังหนิงสิ ต่อให้มีโม่ถิงเป็นผู้จัดการส่วนตัว พวกเธอไม่เห็นเหรอว่าถังหนิงกลายเป็นพวกตกยุคไปแล้วตั้งแต่คลอดลูกน่ะ
ถังหนิงเป็นภรรยาของตระกูลร่ำรวยมีชื่อเสียงในสังคม ทำไมต้องมาแคร์เรื่องชื่อเสียงด้วยล่ะ
อย่าลืมสิ ในวงการนี้เป็นเรื่องของชื่อเสียงและโชคเท่านั้นนะ ในเวลาไม่กี่ปี พอถังหนิงแก่แล้วก็ไม่สวยอีกต่อไป มาดูอีกทีเธอก็ไม่ต่างอะไรกับแม่บ้านน่าสงสารธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ
ถูกของเธอ ตอนนี้ถังหนิงคลอดลูกแล้ว รอยแตกที่ท้องน่าจะลึกมากจนฆ่ายุงได้เลย เห็นว่าไห่รุ่ยปฏิเสธงานโฆษณาผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กไปหลายเจ้า ไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังไม่ยอมรับความจริงอยู่หรือไง
ถังหนิงคิดว่าตัวเองฝืนธรรมชาติได้หรือไงนะ ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก ทันทีที่ผู้ชายมีลูก เขาก็จะเริ่มหมดความสนใจในตัวผู้หญิงคนนั้น รอดูเถอะ ไม่ว่าคู่รักในวงการบันเทิงคู่นั้นจะรักกันมาแค่ไหน พวกเขาก็จะจบด้วยการนอกใจอีกฝ่ายอยู่ดี
เดิมทีเฉินซิงเยียนตั้งใจจะไม่ใส่ใจผู้หญิงทั้งสอง แต่ยัยสองคนนั้นยังคงเอาแต่นินทาลับหลังเธอ
ท้ายที่สุดเธอไม่อาจทนได้อีกต่อไป รอให้ตัวเองก้าวไปถึงจุดเดียวกับถังหนิงได้ก่อนเถอะค่อยมาบอกว่าถังหนิงตกยุค พวกเธอยังไม่แม้แต่จะอยู่ในจุดที่มีโอกาสนั้นด้วยซ้ำ
ผู้หญิงสองคนนั้นหันมามองหน้าเฉินซิงเยียน จากนั้นทั้งสองกลอกตาไปมาและทำเสียงเยาะเย้ย
คนพวกนี้กลังพูดว่าร่างกายของถังหนิงลงพุงแล้วกลายเป็นพวกตกยุคงั้นเหรอ
เฉินซิงเยียนเพิ่งจะพบกับถังหนิงเมื่อไม่นานมานี้และถังหนิงดูสวยยิ่งกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ ผู้หญิงพวกนี้กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้
กระนั้นในวงการก็กำลังลือกันว่าถังหนิงไม่ยอมรับความจริง
จะเป็นไปได้ยังไงที่ว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะยังคิดว่าตัวเองยังสาวและสวยอยู่หลังจากคลอดลูกแล้ว
เธอคิดว่าถ้าตัวเองไม่ใช่น้องสาวของโม่ถิงแล้วจะยังมีที่ให้เธอยืนอยู่อย่างทุกวันนี้เหรอ เธอมันก็แค่สตันต์ คิดว่าตัวเองมีค่านักหรือไง
ผู้ช่วยของเฉินซิงเยียนนั้นเป็นคนมีความสามารถแต่ไม่เก่งเรื่องการต่อปากต่อคำ โดยเฉพาะกับสถานการณ์แบบที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าในตอนนี้ ดังนั้นเฉินซิงเยียนจึงรู้สึกว่าเธอไร้ที่พึ่ง
ขณะนั้นเอง อันจื่อเฮ่าปรากฏตัวขึ้นที่หน้าทางเข้าของห้องพักและกล่าวกับผู้หญิงเหล่านั้น ในเมื่อพวกคุณรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวของโม่ถิง ก็ควรจะรักษาระยะห่างเอาไว้ไม่ใช่เหรอ
เฉินซิงเยียนหันกลับไปมอง ทันทีที่เธอรู้ว่าคนคนนั้นคือผู้ชายของเธอ หัวใจเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
พวกคุณอยากรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับศิลปินคนล่าสุดที่มาหาเรื่องเฉินซิงเยียน
ผู้หญิงทั้งสองเห็นชัดว่ารู้สึกหวาดกลัวขณะเก็บข้าวของของตัวเองและรีบเดินจ้ำอ้าวไปยังห้องพักห้องอื่น
ฉันเข้าใจว่านายไม่มาไม่ใช่เหรอ
เธอคิดว่าฉันจะไว้ใจให้เป็นแบบนั้นได้หรือไง อันจื่อเฮ่าถามพลางเอามือกอดอก
เฉินซิงเยียนยิ้มหวานพลางต่อยไปที่แขนของอีกฝ่าย ฉันรู้อยู่แล้วว่านายรักฉันที่สุด ตอนแรกฉันก็ไม่ได้อยากจะมีน้ำโหหรอกนะ แต่ปากผู้หญิงสองคนนั้นน่าจะถูกเย็บปิดไปซะ พวกนั้นบอกว่าพี่หนิงแก่แล้วท้องก็เต็มไปด้วยรอยแตกลาย ฉันทนไม่ได้ก็เลยพูดอะไรไปนิดหน่อย
ถังหนิงต้องการให้เธอมาปกป้องหรือไง อันจื่อเฮ่าส่ายหน้า ถังหนิงเจออะไรแบบนี้มาเยอะและรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดีกว่าเธอมาก หยุดกอดได้แล้ว ถ้ามีใครมาเห็นเข้า ข่าวจะเอาพวกเราไปพูดเสียๆ หายๆ
ฉันไม่ได้ดังขนาดนั้นหรอกน่า!
แต่เธอเป็นน้องสาวของโม่ถิง!
ได้ยินเช่นนั้น เฉินซิงเยียนก็รู้สึกไม่พอใจ แม้เธอจะรู้ว่ามันเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่เพราะเรื่องมีปากเสียงในคืนนี้ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเธอได้สร้างอันตรายให้ตัวเองไว้มากแค่ไหน หากผู้หญิงพวกนั้นไม่ชอบขี้หน้าเธอและต้องการจะเล่นแง่กับเธอ คนพวกนั้นก็มีวิธีมากมายทีเดียว
ต่อให้เธอเป็นน้องสาวของโม่ถิงก็ตาม!
ไม่นานจากนั้นเฉินซิงเยียนเดินเข้าไปภายในห้องสตูดิโอที่ใช้ถ่ายรายการ เนื่องจากเธออยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่เด็ก เธอจึงปรับตัวเข้ากับสถานการณ์แบบนี้ได้ดีกว่าศิลปินหน้าใหม่คนอื่น แต่เพราะเหตุนี้ทำให้แขกคนอื่นๆ กลับพากันไม่ชอบเธอยิ่งกว่าเดิม
เวลาสี่ทุ่มตรง ในที่สุดเฉินซิงเยียนก็ถ่ายรายการเสร็จ ผู้ช่วยของเธอยื่นเสื้อแจ็กเกตให้ขณะที่เธอเตรียมตัวไปพบอันจื่อเฮ่าที่อยู่ด้านนอก กระนั้นเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ บางคนกลับขังเธอไว้ในห้อง ซ้ำร้าย คนพวกนั้นยังเทน้ำเน่าใส่เธออีกด้วย…
คราวนี้เฉินซิงเยียนหลบไม่พ้นและไม่อาจเปิดประตูออกมาได้ เธอทำได้เพียงโทรหาผู้ช่วยของตัวเอง
ทันทีที่ผู้ช่วยของเธอได้รับการติดต่อ เธอรีบวิ่งไปหาอันจื่อเฮ่าและอธิบายสถานการณ์ให้เขาฟัง
หาร้านเสื้อผ้าที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วซื้อเสื้อผ้าใหม่มาชุดหนึ่ง
ได้ค่ะคุณอัน
หลังจากนั้น อันจื่อเฮ่าวิ่งโครมครามเข้าไปในห้องน้ำหญิงก่อนจะพังประตูและอุ้มเฉินซิงเยียนออกมา จากนั้นเขาจึงพาเธอไปล้างตัวที่อ่างล้างหน้า
เจออะไรอย่างนี้แล้วทำไมเธอถึงไม่รู้จักเรียนรู้สักทีนะ
ถ้าเธอไม่ได้ฉลาดหรือมองการณ์ไกลเท่าถังหนิงก็อย่าเที่ยวไปหาเรื่องคนอื่นเขาสิ! อันจื่อเฮ่าโกรธมากจนดวงตาทั้งสองข้างของเขารุกโชตไปด้วยความโกรธ เธออยากให้ฉันอยู่ในสภาพที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาหรือไง
โอเค อันจื่อเฮ่าพยักหน้า
เฉินซิงเยียนได้ยินคำตอบของอันจื่อเฮ่าแล้ว ก็หันหลังกลับไปยังห้องนอนก่อนจะตรงเข้านอนหลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอเข้าใจว่าหากเธอทำตามคำสั่งของอันจื่อเฮ่า เขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไป
แต่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเธอเป็นสัญญาณสะท้อนถึงความประมาทของตัวเอง เธอรู้เพียงแค่ว่าเธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่ภายในแต่ไม่รู้จะพูดออกมาได้อย่างไร
อันจื่อเฮ่ารู้ดีว่าเขาได้ทำร้ายอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงวางงานในมือลงและเดินเข้าไปในห้องนอน ภายใต้ความมืด เขาเอื้อมมือออกไปโอบกอดเฉินซิงเยียนเอาไว้ ขอโทษที่ไม่ได้ปกป้องหัวใจของเธอนะ
เฉินซิงเยียนไม่พูดอะไร เธอเพียงแต่กัดลงไปบนแขนของอันจื่อเฮ่าและทิ้งรอยเขี้ยวลึกเอาไว้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้หรือทอดทิ้งเธอ แต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่ยอมแพ้ในตัวฉันเช่นกัน
เฉินซิงเยียนยังเด็ก นิสัยเธอจึงยังไม่คงที่และจิตใจของเธอก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นอันจื่อเฮ่าจึงไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะอดทนมาได้ไกลขนาดนี้ตั้งแต่ต้น
เพราะถึงอย่างไร ก็เป็นเรื่องแน่นอนที่การรบกวนจากพ่อแม่ของอวิ๋นซินจะไม่มีทางจบลงง่ายๆ แต่กระนั้นเขาก็จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อหาทางแก้ไข
โอเค เฉินซิงเยียนเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะทนต่อไปได้นานแค่ไหนเช่นกัน
เธอไม่ชอบถูกใครบังคับมาตั้งแต่เด็กๆ ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่ชอบบังคับตัวเองเพื่อคนอื่นเช่นกัน
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีความรู้สึกพิเศษให้กับใครสักคน ดังนั้นเธอจึงหวังว่าความทุ่มเทของเธอจะไม่สูญเปล่าเพราะผู้ชายที่ไม่มีค่าพอ
…
หลังจากถังหนิงคลอดลูก ไห่รุ่ยปิดข่าวเรื่องนี้ไว้อย่างแน่นหนา แต่สื่อก็ยังสามารถถ่ายรูปซย่าอวี้หลิงกำลังอุ้มเด็กสองคนเอาไว้ได้ ส่งผลให้การตั้งท้องของถังหนิงกลับมาอยู่ในความสนใจของสื่ออีกครั้ง
โม่ถิงยังคงไม่ให้คำตอบกับสื่อในขณะที่เขาน้อมรับความคาดเดาต่างๆ ของสาธารณะ กระนั้นบริษัทต่างๆ เองก็ได้ยินข่าวนี้และเริ่มส่งสัญญามากมายมาถึงโม่ถิงผ่านทางลู่เช่อ
เพราะถึงอย่างไร โม่ถิงก็ยังคงเป็นผู้จัดการของถังหนิง!
ท่านประธานครับ ร่างสัญญาพวกนี้เกี่ยวของกับเด็กทั้งหมด…
พูดง่ายๆ คือโลกภายนอกกำลังบอกว่าถังหนิงควรจะเปลี่ยนสไตล์ได้แล้ว
เธอไม่ได้อยู่ในวัยสาวอีกต่อไป หลังการเป็นแม่ เธอต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมายแน่
โม่ถิงไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองขณะที่เขาปัดสัญญาเหล่านั้นลงไปกองกับพื้น จากนี้ไปอย่าเอาของแบบนี้มาวางบนโต๊ะฉันอีก
รับทราบครับ ลู่เช่อเดาไว้แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ เพราะเป็นเรื่องปกติที่โม่ถิงจะโกรธ ใครกันกล้ามาพูดว่าถังหนิงสามารถเป็นตัวแทนคนเป็นแม่ได้เพียงอย่างเดียว และใครกันที่กล้าพูดว่าภรรยาของเขาแก่
เขาจะทำให้ถังหนิงของเขาใช้ชีวิตอย่างอ่อนเยาว์ยิ่งกว่าเดิมอีก
เราควรทำยังไงกับข่าวลือเกี่ยวกับการคลอดลูกของคุณผู้หญิงดีครับ
ฉันจะหาโอกาสอธิบายเรื่องนี้เอง โม่ถิงกล่าวก่อนกลับไปง่วนอยู่กับเอกสารในมือ
ขณะเดียวกัน ถังหนิงได้ยินเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นผ่านทางช่องทางข่าวสารเล็กๆ น้อยๆ มากมายของหลงเจี่ย ว่ามีโอกาสและสัญญามากมายแค่ไหนมาเสนอให้เธอจากบรรดาบริษัทเกี่ยวกับเด็ก กระนั้นปฏิกิริยาของเธอไม่ได้แตกต่างไปจากของโม่ถิง
คนพวกนั้นต้องตาบอดแน่ๆ ดูหุ่นกับผิวตึงๆ ของคุณสิ เหมือนแต่ก่อนเปี๊ยบเลยนะ หลงเจี่ยพูดไปด้วยกินไปด้วย ทำไมเราไม่ขอให้นายใหญ่จัดการเปิดตัวเธอบนรันเวย์ไปเลยล่ะคะ
การคงความสาวและสดใสไว้ได้ตลอดกาล เป็นเส้นแบ่งที่ชัดเจนมากสำหรับศิลปินคนหนึ่ง
ถังหนิงไม่พูดอะไรเลย เธอเพียงแค่มองไปที่สัญญาของ ‘ชายาหนิง’ และทำเป็นไม่สะทกสะท้าน
ว่าแต่ตอนนี้ทุกคนกำลังเดาเพศของลูกคุณไปต่างๆ นานา แถมยังพูดกันด้วยว่าลูกคุณเกิดมาพิการหรือเปล่า ฉันคิดว่าถึงเวลาที่คุณจะออกมาพูดได้แล้วนะคะ แน่นอน ไม่ใช่การทำเพื่อพวกสอดรู้สอดเห็นพวกนั้น แต่ทำเพื่อแฟนๆ ของคุณต่างหาก คุณซื่อสัตย์ต่อคนพวกนั้นมาตลอดนี่นะ
ถังหนิงพยักหน้าพลางนำคำพูดเหล่านั้นมาไว้พิจารณา กระนั้นขณะที่เธอมองวิธีที่หลงเจี่ยสวาปามอาหารตรงหน้า เธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เธอไม่คิดว่าตัวเองกินเยอะดื่มเยอะไปหน่อยเหรอ
ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมค่ะ แต่หมู่นี้ฉันชอบกินนู้นกินนี่เป็นพิเศษ หลงเจี่ยบ่นงึมงำ
เธอได้ตรวจบ้างหรือไง เธอท้องหรือเปล่า
ท้อง?
หลงเจี่ยตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี่มาก่อน หลังจากไป๋ลี่หวาบอกให้เธอเปลี่ยนบรรยากาศเมื่อครั้งก่อน ความกังวลของเธอก็หมดไปและเธอแค่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าถังหนิงไม่ได้เตือนเธอถึงความเป็นไปได้นี้ เธอคงคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับกระเพาะของเธอแน่
ฉันจะตรงไปตรวจที่โรงพยาบาล
ไปสิ ถังหนิงพยักหน้า โทรหาลู่เช่อด้วยล่ะ เธอต้องมีใครสักคนไปเป็นเพื่อนนะ
ได้ค่ะ หลงเจี่ยกล่าวก่อนจะหายไปจากสายตาของถังหนิงอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น ถังหนิงตกอยู่ในห้วงความคิด
เธอไม่อาจยอมรับสิ่งที่โลกจำกัดความตัวเธอหลังจากการคลอดลูกได้ ส่งผลให้เธอฝึกฝนร่างกายของตัวเองหนักขึ้นกว่าเดิม
คืนนั้น โม่ถิงกับมาถึงบ้านก็พบว่าถังหนิงยังคงอยู่ในห้องออกกำลังกาย ชายหนุ่มจึงเดินไปให้นมลูกๆ กระนั้นถังหนิงได้เห็นว่าเขากลับมาแล้ว ขณะที่โม่ถิงกำลังอุ้มลูกชายคนหนึ่งขึ้นมา ถังหนิงได้ถ่ายรูปช่วงเวลาแห่งความรักนั้นเอาไว้ได้
เมื่อโม่ถิงเงยหน้าขึ้นมาและพบว่าถังหนิงกำลังถ่ายรูปอยู่นั้น เขาพูดขึ้น มาใช้รูปที่คุณถ่ายในการแถลงข่าวกับสื่อกันเถอะ
ถังหนิงพยักหน้าและเข้าใจเจตนาของโม่ถิงเป็นอย่างดี ทั้งสองต้องการจัดการกับข่าวลือ โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดจากคำใส่ร้ายของฮว่าเหวินเฟิ่งก่อนหน้านี้
ดังนั้นถังหนิงจึงล็อกอินเข้าไปในโซเชียลมีเดียของโม่ถิงและโพสต์รูปของคู่พ่อลูกลงไปพร้อมกับคำบรรยายสั้นๆ ว่า [ปะป๊าถิง]
หลังสาธารณชนได้เห็นรูปดังกล่าว ทุกคนต่างพากันตื่นเต้น
[ถังหนิงคลอดโม่ถิงน้อยออกมาแล้ว!]
[เป็นลูกชาย! ถังหนิงนี่รู้วิธีฉีกหน้าคนได้ดีจริงๆ!]
[ทุกคนต่างพากันคิดไปต่างๆ นานาว่าลูกของเธอเข้าโรงพยาบาล ในที่สุดพวกเราก็ได้สบายใจเสียที ดูรูปน่ารักพวกนั้นสิ…]
[ปะป๊าถิงกำลังอิ่มรัก…]
[ฉันไม่ชอบโพสต์นี้เลย ไม่เป็นมีถังหนิงเลยอ่ะ]
[หุ่นของถังหนิงต้องอ้วนเผละไปแล้วแน่ๆ]
โม่ถิงบอกถังหนิงให้โพสต์เช่นนี้เพราะเขาต้องการให้เธอยังคงเป็นปริศนาและป้องกันไม่ให้สื่อต่างๆ ตัดสินใจว่าเป็นแค่แม่ธรรมดาคนหนึ่ง
ในขณะที่ทำเช่นนั้น ถังหนิงไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะว่าเธอได้ให้กำหนดลูกหนึ่งหรือสองคนเช่นกัน!
ก่อนการกลับเข้าสู่วงการแสดง ผมได้รับงานโฆษณาไว้ให้คุณตัวหนึ่งครับ โม่ถิงกล่าวขณะที่เขาอยู่ในห้องอาบน้ำกับถังหนิงหลังจากส่งเด็กๆ เข้านอนแล้ว เป็นแบรนด์เครื่องสำอางราคาแพงที่มีชื่อเสียงโด่งดังของต่างประเทศ
นี่เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับถังหนิง พูดตามหลักแล้วหลังจากการถอนตัวออกจากวงการมาเนิ่นนาน ชื่อเสียงของเธอควรจะซ่าลงแต่กลับกัน เธอไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณหนังทั้งสามเรื่องของเธอ เนื่องจากการฉายในต่างประเทศมักจะล่าช้ากว่าการฉายภายในประเทศเสมอ ทำให้ ‘คนรักที่สาบสูญ’ เพิ่งจะเริ่มฉายในต่างประเทศ
ขณะที่ชื่อเสียงของเธอกระจายไปในต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องง่ายที่เธอจะคว้าตำแหน่งตัวแทนแบรนด์ระดับโลกไว้ได้
ทำไมคุณถึงเลือกทำแบบนี้คะ
เพราะผมต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผู้หญิงของผมยังคงงดงามอย่างน่าทึ่งเหมือนเดิมไงล่ะ!
ถังหนิงพยักหน้า
ขณะที่เธอฝึกซ่อมร่วมกับโม่ถิงนั้น โปรเจกต์ตัวแทนแบรนด์ก็ได้เริ่มมีความคืบหน้า
แน่นอนว่าวิสัยทัศน์ของดม่ถิงยังคงเฉียบแหลมเฉกเช่นทุกครั้ง เหตุผลที่เขาช่วยให้ถังหนิงได้งานโฆษณาครั้งเพราะตัวโฆษณาขะช่วยสร้างภาพลักษณ์ของผู้หญิงตะวันตกที่ดูโฉบเฉียวและยังสามารถช่วยถังหนิงได้เฉิดฉายความพลังที่อยู่ภายในตัวเธอ
เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะบอกบริษัทผลิตภัณฑ์เด็กทุกเจ้าว่านี่คือผู้หญิงของเขาและเธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนเลยแม้แต่น้อย!
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น เด็กชายทั้งสองมีอายุได้หนึ่งเดือนแล้ว เพื่อเป็นการฉลอง เหล่าผู้อาวุโสได้จัดงานเลี้ยงขึ้นที่บ้าน ตลอดวันนั้น โม่ถิงกับถังหนิงไม่มีโอกาสได้อุ้มลูกๆ ของพวกเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
หลังจากหนึ่งเดือนเต็มแห่งการพักฟื้นอย่างระมัดระวัง ในที่สุดถังหนิงก็ได้สลัดเสื้อผ้าอันหลวมโครกและได้กลับมามีรูปร่างที่พอดีกับชุดเดรสตัวยาวของเธอในอดีตอีกครั้ง อาจเป็นเพราะเธอยังคงให้นมลูกของเธอด้วยตัวเอง ร่างกายส่วนบนของเธอจึงดูอวบอั๋นมากกว่าปกติ ประกอบกับร่างกายอันสูงเพรียวของเธอ ถังหนิงจึงดูเซ็กซี่และเย้ายวนยิ่งกว่าในอดีต
ด้วยเหตุนี้ ทั้งฮั่วจิงจิงและหลงเจี่ยต่างพากันแสดงท่าทีไม่พอใจ เวลาคนอื่นคลอดลูก ร่างกายของผู้หญิงพวกนั้นดูไม่ต่างกับลูกแอปเปิล แล้วทำไมพอเธอคลอดรูปร่างเธอกลับดูเพอร์เฟกต์กว่าแต่ก่อนอีกล่ะ
ทั้งหมดต้องขอบคุณท่านประธานโม่
หลังจากการคลอดลูก ถังหนังได้รับการดูแลเรื่องอาหารการกินโดยนักโภชนาการคนเก่าของเธอ และแม้เธอจะต้องดูแลลูกชายถึงสองคน เธอก็ไม่เคยลืมที่จะดูแลสัดส่วนของตัวเองด้วยการออกกำลังกาย
นั่นคือวิธีที่ทำให้เธอได้ผลลัพธ์อย่างปัจจุบันนี้ และมีร่างกายที่ดูดียิ่งกว่าแต่ก่อน
ฉันรู้สึกว่าเธอยังเดินบนรันเวย์ได้สบายๆ ได้เลยนะ
ถังหนิงมองไปที่โม่ถิงซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลพลางยิ้มด้วยความรักใคร่…
เป็นเพราะผู้ชายคนนี้ช่วยวางแผนชีวิตให้เธอเป็นอย่างดีจนเธอไม่เสียอะไรไปเลย
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือความมั่นใจของเธอ!
หลังงานเลี้ยง ซย่าอวี้หลิงอุ้มหลานชายทั้งสองและพูดกับถังหนิง เดี๋ยวหลานๆ จะไปนอนที่บ้านยายคืนนี้นะ ลูกกับโม่ถิงค่อยมารับเด็กๆ พรุ่งนี้
ทำไมล่ะ
ซย่าอวี้หลิงมองถังหนิงและขยิบตาให้ พวกลูกไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแบบคู่รักมานานแค่ไหนแล้วล่ะ ลูกปล่อยให้ผู้ชายของตัวเองอดทนมานานขนาดนี้ได้ยังไงกัน
คุณแม่… ถังหนิงกระแอม
ไม่ต้องห่วง เรามีพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่ที่บ้าน เด็กๆ พวกนี้ไม่อดหรอก เอาตามนี้นะ พูดจบ ซย่าอวี้หลิงและไป๋ลี่หวาก็ช่วยกันส่งแขกทุกคนกลับบ้านก่อนอุ้มหลานทั้งสองออกไป
เสียงอื้ออึงภายในห้องนั่งเล่นพลันหายไปกลายเป็นความเงียบสงัด ของตกแต่งต่างๆ ภายในห้องยังคงดูราวกับหลุดออกมาจากนิยาย แต่ถังหนิงใช้โอกาสนี้ในการเข้าหาโม่ถิงจากด้านหลังและกอดอีกฝ่ายเอาไว้ เราไม่ได้มีเวลาสบายๆ แบบนี้ด้วยกันมาสักพักแล้วนะ
ในเมื่อเป็นแบบนั้น ก็อย่าให้ความตั้งใจของแม่ต้องสูญเปล่าแล้วกัน… ทันทีที่เขาพูดจบ โม่ถิงหันกลับมาและประคองถังหนิงไปที่โซฟา
คุณรู้วัตถุประสงค์ของคุณแม่หรือเปล่า
โม่ถิงโถมตัวลงทับร่างกายของถังหนิง ขณะที่เขาใช้แขนข้างหนึ่งยันไว้เหนือศีรษะของถังหนิง เขาใช้มืออีกข้างดึงเสื้อของหญิงสาวขึ้น
ท่านคงเห็นผมว่าอดใจรอที่จะกินคุณทั้งตัวต่อไปไม่ไหวแล้ว
คนรักทั้งสองไม่ได้มีเวลาอยู่ร่วมกันเช่นนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ถังหนิงไม่อาจจำได้อีกแล้ว ทั้งหมดที่เธอรู้คือสัมผัสของฝ่ามือชายหนุ่มที่ลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกวาบหวิวไปทั้งตัว ความรู้สึกสั่นสะท้านรุนแรงกว่าทุกครั้ง
เราควรไปที่ห้องนอนกันไหมคะ
คุณกำลังอายเพราะกลายเป็แม่คนแล้วอย่างนั้นเหรอ โม่ถิงถามพลางกดจมูกของเขาเข้าหาของถังหนิง
ถังหนิงไม่อาจหนีรอดไปได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงยอมรับขณะที่ใบหน้าของเธอเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ
โม่ถิงไม่พูดอะไรอีกพลางลุกขึ้นนั่งและปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองก่อนโยนไปข้างๆ แล้วหันมาถอดเดรสตัวยาวของถังหนิง…
ร่างกายของทั้งคู่ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน โม่ถิงดูแลถังหนิงเป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายของเธอไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย
ตามมาด้วยรสจูบอันคุ้นเคย ถังหนิงไม่มีแม้แต่โอกาสจะปฏิเสธจุมพิตนั้น… เธอทำได้เพียงโอบรัดเรียวแขนของเธอรอบลำคอของโม่ถิงขณะที่ความรู้สึกภายในของเธอพลันว่างเปล่าไปหมด
ไม่นานสิ่งพันธนาการบนร่างกายของเธอได้ถูกปลดเปลื้องไปจนหมด ถังหนิงมองโม่ถิงอย่างเว้าวอนจนความว่างเปล่าภายในตัวเธอในที่สุดก็รับการเติมเต็ม ส่งผลให้เธอปลดปล่อยเสียงร้องแห่งความพึงพอใจออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
เธอรักผู้ชายคนนี้มากเหลือเกิน เธอรักความรู้สึกที่มีเขาอยู่ภายในตัวเธอ วิธีที่ทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นและไม่อาจควบคุมตัวเองได้
โม่ถิงกลัวว่าเขาจะทำให้ถังหนิงเจ็บ เขาจึงถูไถกับอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล แต่ถังหนิงกลับกัดเข้าที่ไหล่ของเขาและพูดด้วยเสียงกระเซ่า ถิง… ทำแบบที่คุณเคยทำสิ
หืม โม่ถิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ฉันต้องการให้คุณทำแบบที่คุณเคยทำ แบบที่รุนแรงและหนักหน่วง
โม่ถิงไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงแต่ตอบสนองมันด้วยการกระทำ…
บนโซฟา บันได อ่างอาบน้ำ และอ่างล้างหน้า
ค่ำคืนนั้นถูกเติมเต็มด้วยความต้องการอันบ้าคลั่งที่ไร้จุดสิ้นสุด
หลังทั้งหมดนั้น ถังหนิงนอนเอนกายอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ภายในอ้อมแขนของโม่ถิงและพูดด้วยน้ำสียงแหบพร่า ฉันชดเชยสิ่งที่ติดค้างคุณไว้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาหมดหรือยังคะ
คุณคิดว่าแค่นี้มันเพียงพองั้นเหรอ
ไร้เดียงสาเสียจริง!
…
คืนนั้น ด้านนอกมีฝนตกอย่างหนัก เฉินซิงเยียนเพิ่งจะทำงานเสร็จและกำลังจะกลับบ้านกับอันจื่อเฮ่าขณะที่ทั้งสองเห็นชายชราคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู
เฉินซิงเยียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่อันจื่อเฮ่าเพียงแค่พูดขึ้น เข้าไปข้างในก่อน
เฉินซิงเยียนพยักหน้า จากนั้นเธอจึงเดินเข้าไปในห้องนอนของเธออย่างระมัดระวังเพื่อให้อันจื่อเฮ่าและชายชราคนนั้นได้มีพื้นที่ส่วนตัว
จื่อเฮ่า เด็กคนนี้… ลุงอวิ๋นถามออกมาด้วยความสงสัย
แฟนผมเองครับ อันจื่อเฮ่าตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง คุณลุงทำไมถึงมาอยู่ที่นี่
โอ้ นี่เธอมีแฟนแล้วสินะ จะแต่งงานกันหรือเปล่าล่ะ ลุงอวิ๋นนั่งลงก่อนจะเริ่มขุดคุ้ยประเด็นนี้ เธอสัญญาไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่า…
อันจื่อเฮ่าเข้าใจดีว่าชายชราต้องการจะพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างใจเย็น คุณลุง อวิ๋นซินก็จากไปได้หลายปีแล้วนะครับ ถึงเวลาที่ผมจะใช้ชีวิตของตัวเองเสียที
เธอหมายความว่ายังไง เราไม่เคยยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของเธอ แต่… ฉันแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง อวิ๋นซินต้องไม่พอใจกับเรื่องนี้แน่
ได้ยินเช่นนั้น อันจื่อเฮ่าตกอยู่ในความเงียบ เขาเข้าใจดีว่าลุงอวิ๋นกำลังสื่อถึงอะไร เขากลัวว่าอันจื่อเฮ่าจะหยุดให้การดูแลตัวเขากับภรรยาหลังจากที่แต่งงานใหม่
ในเมื่อผมสัญญากับอวิ๋นซินไว้ว่าจะดูแลลุงกับป้า ผมก็จะไม่มีวันกลับคำ
ไม่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่ไม่ยอมรับเรื่องที่เธอมีแฟนใหม่ ลุงอวิ๋นเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ท่าทีของเขาทั้งแข็งกระด้างและไม่พอใจ พวกเราคิดเสมอว่าสักวันหนึ่งเธอจะอยู่ในงานศพของพวกเราแทนในส่วนของอวิ๋นซิน
พูดง่ายๆ คืออันจื่อเฮ่าเป็นของอวิ๋นซินและไม่อาจเป็นของคนอื่นได้ ไม่เช่นนั้นมันเท่ากับเขากำลังนอกใจเธอ
อันจื่อเฮ่าดูแลชายหญิงชราทั้งสองมานานหลายปี จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งสองจะเป็นกังวลแต่การกระทำแบบนี้มันไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยงั้นหรือ
ข้อแรกนะครับคุณลุง อวิ๋นซินกับผมเราเป็นแค่แฟนกัน เราไม่เคยแต่งงานกันด้วยซ้ำ ข้อสอง ผมสัญญากับอวิ๋นซินว่าผมจะดูแลพวกคุณ แต่ผมยังคงมีชีวิตของผมเอง ผมไม่อาจปล่อยให้ใครมากำหนดชีวิตของผมได้ คุณลุงเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อไหม
ลุงอวิ๋นไม่พูดสิ่งใดอีกก่อนจะกลับไปอย่างรวดเร็ว ฉันจะมาหาเธอใหม่วันหลัง
หลังชายชรากลับไปแล้ว อันจื่อเฮ่าถอนหายใจออกมาและชำเลืองตามองไปที่ประตูห้องนอนซึ่งอยู่ไม่ไกล ออกมาเถอะ…
เฉินซิงเยียนไม่คิดว่าอันจื่อเฮ่าจะรู้ว่าเธอกำลังแอบฟังอยู่ ดังนั้นเธอจึงเปิดประตูและเผยตัวออกมา ผู้ชายคนนั้น…
พ่อของอวิ๋นซิน อันจื่อเฮ่าตอบอย่างตรงไปตรงมา ฉันดูแลพ่อแม่อวิ๋นซินแทนอวิ๋นซิน
ก่อนหน้านี้ อันจื่อเฮ่าคิดว่าเขาเป็นสาเหตุการตายของอวิ๋นซิน ดังนั้นการดูแลคนชราทั้งสองแทนเธอจึงดูสมเหตุสมผล แต่ท้ายที่สุดการตายของเธอนั้นที่จริงแล้วเป็นผลจากแผนชั่วของหลานซี
นายยังจำเป็นต้องดูแลพวกเขาต่อไปในอนาคตไหม เฉินซิงเยียนถาม
เธอไม่พอใจเรื่องนี้หรือไง
ถ้าพวกเขาเข้าใจ ฉันก็ไม่อะไรหรอก แต่ถ้าไม่… เฉินซิงเยียนตอบอย่างตรงไปตรงมา เขาต้องการควบคุมชีวิตนาย
ฉัน…เรื่องนั้นฉันก็รู้ ปล่อยเรื่องนี้ให้ฉันจัดการเถอะ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลแล้ว ไปอาบน้ำไป พรุ่งนี้เธอต้องไปออดิชั่น
อันจื่อเฮ่า ฉันเป็นคนที่ชอบยอมแพ้นะ แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้เรื่องของนาย ช่วยอย่าทำอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่แล้วกัน
ถังหนิงไม่ได้เปิดโปงเรื่องของทั้งคู่ เธอเพียงแค่ยิ้ม ต่อให้อันจื่อเฮ่าสามารถซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้แต่ แต่เฉินซิงเยียนทำไม่ได้
ตอนนี้เด็กๆ ก็คลอดออกมาแล้ว คุณจะกลับมาถ่ายหนังไหม อันจื่อเฮ่าเริ่มคิดถึงอนาคตของถังหนิงไว้ล่วงหน้า การแสดงของคุณยอดเยี่ยม คุณจะทิ้งมันไว้แบบนั้นไม่ได้นะ ทีมงานของ ‘ชายาหนิง’ กำลังรอคุณอยู่
แววตาถังหนิงเปลี่ยนเป็นอ่อนโอนขณะที่เธอมองดูเฉินซิงเยียนอุ้มหนึ่งในลูกชายของเธอ ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังเถอะนะ ตอนนี้เจ้าตัวแสบสองคนนี้ยังออกหาจากฉันไม่ได้
คุณยังไม่ได้วางแผนจะประกาศเรื่องนี้งั้นเหรอ
ฉันจะปล่อยให้เรื่องของซ่งซินเป็นหัวข้อข่าวตอนนี้ไปก่อน
สายตาอันจื่อเฮ่าแฝงความคิดบางอย่างขณะที่เขามองไปที่ถังหนิง เดิมทีเขาคิดว่าเรื่องร้ายต่างๆ ในวงการบันเทิงที่ถังหนิงได้ประสบจะทำให้เธอไม่สะทกสะท้าน แต่ในความเป็นจิงเธอก็ยังคงมีเปลวไฟแห่งความหลงใหลในการแสดงอยู่
กระนั้น ในตอนนี้ คนทั้งประเทศกำลังจับตามองชะตากรรมของซ่งซิน คนดังที่ก่อคดีอาชญากรรม เรื่องราวน่าตื่นเต้นนี้ไม่ใช่อะไรที่จะจางหายไปได้ง่ายๆ …
เมื่อถึงตอนที่โม่ถิงเดินทางกลับมาถึงบ้านในตอนค่ำ เฉินซิงเยียนและอันจื่อเฮ่าได้กลับไปแล้ว โม่ถิงกอดถังหนิงเป็นสิ่งแรกก่อนจะเดินตรงไปดูลูกทั้งสอง…
ผมบอกให้ลู่เช่อติดต่อคนสองสามคน พวกเขาจะ ‘ดูแลซ่งซินเป็นอย่างดี’
ชีวิตที่เหลือในคุกของเธอฟังดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นะ… ถังหนิงหัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยนพลางส่ายศีรษะไปมา
ตลอดชีวิตงั้นเหรอ จะเป็นแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อซ่งซินเอาชีวิตรอดอยู่ได้นานขนาดนั้นเท่านั้นแหละ!
แน่นอนว่าดม่ถิงไม่ได้พูดในสิ่งที่เขากำลังคิดออกมา กระนั้นการพูดถึงซ่งซินทำให้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและดำมืด
…
ขณะเดียวกัน หลังอันจื่อเฮ่าพาเฉินซิงเยียนกลับมายังอะพาร์ตเมนต์ของเขาแล้ว เขาได้ขับรถออกไปข้างนอกอีก
เฉินซิงเยียนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะมุ่งหน้าไปไหน เธอเพียงแต่เข้าไปอาบน้ำและรอการกลับมาของอีกฝ่ายอยู่ที่โซฟาอย่างใจเย็น แต่ในขณะนั้น อันจื่อเฮ่าได้เดินทางมายังย่านเมืองเก่าและเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งอย่างคุ้นเคย
พ่อของอวิ๋นซินโทรหาเขาว่าแม่ของอวิ๋นซินล้มป่วย นับตั้งแต่การตายของอวิ๋นซิน อันจื่อเฮ่าได้เข้ามาเป็นคนดูแลพ่อแม่ของเธอ แม้เขาจะไม่ได้เข้ามาเยี่ยมทั้งสองบ่อยนัก แต่เมื่อใดก็ตามที่มีบางอย่างร้ายแรงเกิดขึ้น เขาจะเข้ามาดูแลด้วยตัวเอง
จื่อเฮ่า ป้าอวิ๋นของเจ้าไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจแล้วหมอก็แนะนำว่าเธอควรจะไปรับการรักษาที่ต่างประเทศ ฉันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เราควรทำยังไงดี
คุณลุง อย่าเพิ่งวิตกไปเลยครับ ให้ผมดูคุณป้าก่อนนะ อันจื่อเฮ่ากล่าวก่อนจะผลักประตูเข้าไปยังห้องนอนของป้าอวิ๋น เมื่อเขาได้เห็นหญิงชรากำลังนอนอยู่บนเตียง เขาเดินตรงเข้าไปหาเธอและเอ่ยถาม คุณป้า เป็นยังไงบ้าง
จื่อเฮ่า… มาแล้วเหรอ ป้าอวิ๋นดูทรุดโทรมและลมหายใจของเธอช่างอ่อนแรง แต่เธอยังคงสามารถคว้ามือของอันจื่อเฮ่าเอาไว้ได้ จื่อเฮ่า ป้าเจ็บจริงๆ อย่าทิ้งพวกเราไปเลยนะ… อย่าแต่งงานใหม่แล้วลืมอวิ๋นซินของพวกเรานะ
คุณป้า ต่อให้ผมแต่งงานใหม่ ผมก็จะยังดูแลคุณลุงคุณป้าแทนอวิ๋นซิน อันจื่อเฮ่าตอบอย่างใจเย็น
ไม่ได้! ป้าอวิ่นพลันคำรามออกมา เธอเป็นของอวิ๋นซิน เธอจะแต่งงานกับใครหน้าไหนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าเธอเจอผู้หญิงคนอื่น ป้าคงอยู่ต่อไปอีกไม่ได้!
อันจื่อเฮ่าพูดอะไรไม่ออก
ลุงอวิ๋นยืนอยู่เบื้องหลังคนทั้งสอง เมื่อเห็นอันจื่อเฮ่าค่อนข้างผิดหวัง เขารีบเข้าไปปลอบโยนภรรยาของตัวเองทันที เขาไม่แต่งหรอกนะ จื่อเฮ่าจะไม่มีวันลืมอวิ๋นซิน
อันจื่อเฮ่าไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว หลังไปเยี่ยมคนทั้งสอง เขากระโดดขึ้นรถและขับออกจากย่านนั้น หลังจากกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์ของตัวเอง เขาไม่เล่าอะไรให้เฉินซิงเยียนฟังเลยแม้แต่คำเดียว
อวิ๋นซินก็คืออวิ๋นซิน เธอเป็นอดีตไปแล้ว เขาตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับพ่อแม่ของอวิ๋นซิน ดูเหมือนพวกเขาจะกลัวว่าเขาจะเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่เพราะพวกเขาเอาแต่พึ่งพาอันจื่อเฮ่ามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แต่… ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องแต่งงานใหม่ไม่ใช่เหรอ
ทำไมเธอยังไม่นอนอีก อันจื่อเฮ่าถามเมื่อเห็นเฉินซิงเยียนนั่งคุดคู้อยู่ที่โซฟา เขาเดินตรงไปและปิดโทรทัศน์ พรุ่งนี้เธอมีคิวแน่นนะ อย่าดื้อสิ ไปนอนซะ
แต่…
อันจื่อเฮ่าไม่พูดอะไรอีกขณะที่เดินตรงไปยังห้องทำงาน
ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขารู้สึกผิดหวังแม้เขาจะรู้ดีว่าพ่อแม่ของอวิ๋นซินไม่ใช่ความรับผิดชอบของเขาก็ตามที…
เฉินซิงเยียนแอบเข้าไปในห้องทำงานและนั่งลงบนตักของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ ไปนอนกับฉันไหม
ฉันยังมีเรื่องต้องทำ
นายไม่มีอะไรต้องทำสักหน่อย! เฉินซิงเยียนจับโกหกเขา
ฟังฉันนอน ไปนอนซะ
มีอะไรทำให้นายหงุดหงิดสินะ เฉินซิงเยียนพูดหลางเขย่าคอของอันจื่อเฮ่า ฉันได้ยินคำถามที่พี่หนิงถามนายวันนี้ ทำไมนายถึงไม่ยอมรับมันล่ะ
ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวไปต่อกรกับโม่ถิง อันจื่อเฮ่ากล่าวพลางจ้องตาของเฉินซิงเยียน อีกทั้งเขายังต้องแก้ปัญหาเรื่องพ่อแม่ของอวิ๋นซินด้วย
ทำไมเขาถึงมีสิทธิ์มาตัดสินเรื่องสำคัญในชีวิตของฉันล่ะ เฉินซิงเยียนพูดถากถาง ฉันจะแต่งงานกับใครก็ได้ที่ฉันต้องการ…
ได้ยินคำว่า ‘แต่งงาน’ อันจื่อเฮ่ากลับหัวเราะออกมาอย่างฉับพลันพลางประคองแก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวและถาม เธอยังไม่เข้าใจฉันจริงๆ เลยด้วยซ้ำ เธอรู้ได้ยังไงว่าเธอจะไม่เสียใจทีหลัง
นายจะทำให้ฉันเสียใจหรือไงล่ะ
ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดให้เธอมีความสุข อันจื่อเฮ่าตอบพลางอุ้มเฉินซิงเยียนไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินออกจากห้องทำงานไปยังห้องนอน ตอนนี้เธอจะไปนอนได้หรือยัง
เฉินซิงเยียนจดจ้องไปที่อันจื่อเฮ่าอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่พูดอะไร ท้ายที่สุดเธอพยักหน้าและหลับตาลงก่อนจะหลับไป แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้คืนนี้เธอรู้สึกกระวนกระวายนิดหน่อย
เธอสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับอันจื่อเฮ่า เมื่อใครบางคนรักคนคนหนึ่งอย่างลึกซึ่ง พวกมักจะกลายเป็นคนเซนซิทีฟและหวาดระแวงเสมอ อันจื่อเฮ่าเป็นรักแรกของเธอ ดังนั้นเธอจึงทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับความสัมพันธ์และไม่เกรงกลัวสิ่งใด แต่สำหรับอันจื่อเฮ่าล่ะ
ท้ายที่สุด อันจื่อเฮ่าใช้เวลาทั้งคืนคิดตริตรองอยู่ในห้องทำงาน ก่อนพบเฉินซิงเยียน เขาไม่เคยนึกภาพว่าตัวเองจะตกหลุมรักใครได้อีก ดังนั้นเขาจึงไม่เคยจัดการกับพ่อแม่ของอวิ๋นซินอย่างชัดเจน แต่ตอนนี้เขารู้สึกผิดที่เขาไม่ได้จัดการเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ดูเหมือนเขาจำเป็นต้องอธิบายให้ผู้อาวุโสทั้งสองเข้าใจว่าเขาเป็นห่วงคนทั้งสองเพราะความรักที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมีให้กับลูกสาวของทั้งสอง แต่เขาไม่ได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น!
เช่นเดียวกับเหตุผลที่เขาไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์กับถังหนิงล่ะ นั่นเป็นเพราะก่อนที่จะเขาแก้ปัญหานี้ เขาไม่รู้ว่าจะสามารถรับประกันความสุขของเฉินซิงเยียนได้อย่างไร
โม่ถิงคุ้นเคยกับการรักและเอาใจใส่ภรรยาของตัวเอง เขาจะไม่มีวันยอมให้อันจื่อเฮ่าทำอะไรที่เป็นปัญหาซึ่งอาจทำร้ายเฉินซิงเยียนอนาคต
…
หลายวันหลังจากนั้น ในที่สุดศาลก็ตัดสินคดีของซ่งซิน เพราะการที่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนมากมาย ศาลจึงได้ประกาศคำตัดสินสู่สาธารณะเพื่อให้คนทั้งประเทศได้เห็นคำพิพากษาสุดท้ายของเธอ
คุกเป็นสถานที่ที่ทุกข์ทรมานกว่าที่ซ่งซินเคยจินตนาการถึง ใช้ช่วงเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ ซ่งซินดูหมดหนทางและอ่อนแรงอย่างมาก เธอได้เปลี่ยนแปลงไปจากคนที่ครั้งหนึ่งเคยหยิ่งยโสโดยสิ้นเชิง
ในขณะที่ต้วนจิ่งหงดูไม่สะทกสะท้าน
ท้ายที่สุด ซ่งซินถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกยี่สิบปีในข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเจตนา…
ยี่สิบปี…
เมื่อได้ยินตัวเลขดังกล่าว ซ่งซินก็ทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นและเริ่มส่งเสียงอ้อนวอน…
ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะ! ฉันไม่อยากติดคุก! ฉันไม่อยากเข้าไปอยู่ในคุก!
ทว่าการได้เห็นเธอเป็นเช่นนั้นกลับทำให้คนส่วนใหญ่คิดถึงคำสามคำ สมน้ำหน้า!
ซ่งซินเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงและไร้มนุษยธรรม ถึงตอนนี้ฉันจะพิการมาได้สองสามปีแล้ว ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันก็ยังคงเป็นการได้เห็นซ่งซินถูกส่งเข้าคุกด้วยตาของตัวเอง!
คำพูดของซ่งเซียวเซียวนั้นทั้งชัดเจนและหนักแน่น แฝงไปด้วยความรู้สึกเกลียดชังอย่างที่สุด
ความรู้สึกของเธออยู่ในระดับเดียวกับของถังหนิง การที่ฮั่วจิงจิงได้รับบาดเจ็บและการที่เธอเกือบต้องแท้งลูก ถังหนิงจะไม่มีวันลืมมันไปตลอดชีวิต
ดังนั้นเธอและซ่งเซียวเซียวจึงหมายตาไปที่เป้าหมายเดียวกัน
ซ่งซินจะไม่มีโอกาสรอดพ้นจากกฎหมายได้อีก
แม้ผู้ชมจะดูผ่านโทรทัศน์แต่ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของซ่งเซียวเซียว โดยเฉพาะเมื่อเขามองไปตรงพื้นที่ว่างซึ่งเคยเป็นที่ที่ขาซ้ายของเธอเคยอยู่ อยู่ๆ ทุกคนก็ได้รับรู้การกระทำอันโหดเ**้ยมของซ่งซิน…
…
ซ่งซินไม่ได้คาดคิดว่าไห่รุ่ยจะขุดเรื่องเก่ามาใช้เป็นไพ่ตาย เธอตระหนักได้ว่าเธออ่อนต่อโลกเกินไป ปรากฏว่าแม้พวกเขาจะไม่ใช้คำกล่าวหาของต้วนจิ่งหง ไห่รุ่ยก็ยังสามารถทำลายเธอได้อยู่ดี เพราะเธอทำเรื่องเลวร้ายไว้มากมายเกินไป
ไม่นานนัก ซ่งซินได้รับโทรศัพท์จากทนายความของเธอบอกเธอว่าครั้งนี้เขาไม่อาจช่วยประกันตัวเธอได้ จากนั้นเขาจึงบอกให้เธอหนีไปต่างประเทศเพื่อซ่อนตัวโดยเร็วที่สุด
แต่ซ่งซินไม่ต้องการยอมรับความพ่ายแพ้! เธอจะแพ้แบบนี้ได้ยังไงกัน เธอไม่มีทางแพ้
กระนั้นเธอก็ไม่อาจขัดขืนไม่ให้ตำรวจพาตัวเธอกลับไปยังห้องเดิมและพบกับเจ้าหน้าที่คนเดิมที่สถานีตำรวจได้ คุณซ่ง เราพบกันอีกแล้วนะ คราวนี้คุณจะใช้ใครเป็นโล่อีกล่ะ
เช่นเดียวกันครั้งก่อน ซ่งซินไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดูเหมือนเธอจะกำลังรอผู้อาวุโสซ่งเพราะเขาคือโอกาสสุดท้ายของเธอ
แต่ในความเป็นจริงนั้น หลังจากที่ผู้อาวุโสซ่งฟื้นคืนสติหลังจากการผ่าตัดและได้เห็นข่าว เขาเพียงแค่ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นหมดไปกับการสูบบุหรี่อยู่ภายในห้องพักคนไข้ เธอไม่เคยนึกเลยว่าจะเลี้ยงดูปีศาจร้ายแบบนี้ขึ้นมา
นับจากนี้ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอคนอื่น
ข่าวยังคงถ่ายทอดสดเหตุการณ์ที่ห้องแถลงข่าวของไห่รุ่ยอย่างต่อเนื่อง ถึงจุดนี้ ชื่อเสียงของซ่งซินดูเหมือนจะเสียหายเกินเยียวยา แต่กระนั้นซ่งซินก็ยังคงยืนกรานที่จะปฏิเสธความผิดของเธออย่างต่อเนื่องด้วยสภาพจิตใจที่แน่วแน่และมั่นคง
เป็นเช่นนั้นจนกระทั่งตำรวจได้รับข่าวว่าผู้อาวุโสซ่งได้ทำการฆ่าตัวตายที่โรงพยาบาล!
หลังได้รับรายงาน เจ้าหน้าที่สอบปากคำได้กลับเข้าไปในห้องสอบปากคำและวางเอกสารบางอย่างลงตรงหน้าซ่งซิน เมื่อก่อนผมเคยเห็นผู้หญิงที่โหดเ**้ยมมามาก หลายคนหั่นสามีตัวเองเป็นชิ้นๆ แล้วบีบคอลูกสาวของตัวเอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลักฐาน พวกเธอไม่เคยใช้อุบายอะไรต่อเนื่องเหมือนอย่างที่คุณทำ
ถ้าคุณยังมีคุณธรรมอะไรหลงเหลืออยู่ในใจบ้างละก็ คุณควรจะชดใช้ความผิดของคุณที่ทำกับปู่ตัวเองด้วยชีวิต!
ณ เวลานั้น ซ่งซินยังไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเจ้าหน้าที่คนนั้น จนกระทั่งเธอได้เห็นใบยืนยันการเสียชีวิตของผู้อาวุโสซ่ง
เกิดอะไรขึ้นกับปู่ของฉัน เขาตายได้ยังไง
ทำไมเขาถึงตายงั้นเหรอ ทำไมคุณไม่ถามตัวเองล่ะ พูดจบ เจ้าหน้าที่ก็ยื่นจดหมายลาตายที่ผู้อาวุโสซ่งเขียนถึงซ่งซิน
ขณะที่เธอชำเลืองตามองดูซองจดหมายสีขาวราวหิมะ ในที่สุดซ่งซินก็ตระหนักได้ว่ามือทั้งสองข้างของเธอสั่นเทา เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นเช่นนั้น เขาจึงคว้าซองจดหมายไปและช่วยเปิดมันให้เธอ
[ซินซิน นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ปู่จะเรียกชื่อของหลาน หลังจากได้เห็นสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่หลานได้ทำ ปู่ไม่อาจสู้หน้าใครในโลกนี้ได้อีก สิ่งที่ปู่ทำได้คือการเอาชีวิตของตัวเองชดใช้ให้กับความเลวร้ายทุกอย่างที่หลานได้ทำ นี่คือผลกรรมของปู่ ผลกรรมที่ไม่สั่งสอนหลานให้ดี และเป็นผลกรรมของหลานที่จะต้องสูญเสียครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในโลกใบนี้ไป…
[ปู่ขอประกาศให้ทรัพย์สินทั้งหมดของปู่ได้รับการบริจาคให้กับการกุศล ปู่ไม่ต้องการให้มันตกอยู่ในมือคนจิตใจอำมหิตอย่างหลาน
[จากนี้ไป หลานต้องอยู่คนเดียวแล้วนะ ขอให้โชคดี]
หลังได้อ่านข้อความสั้นๆ ซ่งซินเสียสติ นี่มันเป็นไปไม่ได้ ปู่ของฉันไม่มีทางตาย
เขาตายแล้ว คุณเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตาย คุณฆ่าปู่ของตัวเอง! เจ้าหน้าที่คนนั้นตะโกนใส่ซ่งซิน ถ้าผมเป็นเขา ผมคงสับคุณเป็นชิ้นๆ ก่อนจะฆ่าตัวตาย มันคงเป็นประโยชน์กับสังคมมากกว่านี้
ดวงตาของซ่งซินเบิกโพลงขณะที่เธอทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนในที่สุดจะทรุดลงกับพื้นและร้องไห้ ฉันไม่ได้เป็นต้นเหตุให้ปู่ตาย ฉันไม่ได้ทำ! พวกมันต่างหากที่ทำ!
…
ผู้อาวุโสซ่งโชคร้ายจริงๆ ที่มีหลานสาวแบบนี้ ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้แค่ต้องชดใช้ด้วยชีวิตของตัวเอง หลงเจี่ยมาช่วยถังหนิงดูแลเด็กๆ อยู่ที่ไฮแอทรีเจนซี่ ขณะที่เธออ่านข่าวในมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างของเธอก็กำลังช่วยแต่งตัวให้เด็กหนึ่งในสองคน ถึงจะน่าสังเวชไปหน่อย แต่ชีวิตมันก็แบบนี้ละนะ
เขาว่ากันว่าเด็กคือศัตรูจากชาติปางก่อนที่มาเกิดเพื่อเอาคืน ฉันละสงสัยจริงว่าชาติที่แล้วผู้อาวุโสซ่งไปทำติดค้างอะไรซ่งซินไว้มากขนาดนั้น
ถังหนิงยิ้มพลางรับลูกชายของเธอจากมือของหลงเจี่ย ถึงจะน่าสงสาร แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้
แต่ต่อให้ถึงจุดนี่ ซ่งซินก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไร ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้สึกผิดต่อปู่ตัวเองบ้างหรือไงนะ
ถังหนิงส่ายศีรษะ ในขณะที่เธอกำลังจะวางลูกชายคนหนึ่งของเธอลงในเปล เธอได้รับสายเรียกเข้าจากลู่เช่อ ซ่งซินสารภาพแล้วครับ หลังจากไปที่โรงพยาบาลแล้วเห็นศพปู่ของเธอเอง เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกและในที่สุดก็บอกทุกอย่างกับตำรวจ
เยี่ยมไปเลยไม่ใช่เหรอ หลงเจี่ยถามพลางมองไปที่ถังหนิง ในที่สุดเราก็จัดการกับนังปีศาจนี่ได้สักที
ถ้ามันยังทำเป็นไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อีก สวรรค์ก็คงต้องส่งสายฟ้ามาผ่ามันให้ตายแล้วล่ะ
ซ่งซินน่าเกลียดชังแค่ไหนอย่างนั้นหรือ แค่อ่านสักสิบความเห็นจากความเห็นนับพันบนโลกออนไลน์ก็เพียงพอที่จะตอบคำถามนี้ได้แล้ว
[ถึงจะฟังดูโหดร้ายนะ แต่ฉันก็หวังว่าศาลจะตัดสินให้มันโดนประหารชีวิตซะ ยิ่งถ้าตัดมันเป็นชิ้นๆ ทีละชิ้นได้ยิ่งดี]
[ซ่งซินเป็นผู้หญิงที่น่าขยะแขยงจริงๆ มันเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ตัวเองต้องตาย ตอนนี้มันจะมีความสุขอยู่ไหมนะ]
[ฉันขอให้ตำรวจไม่ปล่อยให้มันตายง่ายๆ ให้มันใช้ชีวิตอยู่ในคุกนั่นแหละดีแล้ว]
ขณะเดียวกันที่สถานีตำรวจ ซ่งซินได้สารภาพในความผิดสองสามอย่าง แต่เมื่อเป็นเหตุการณ์ของฮั่วจิงจิงและการปั่นหัวฮว่าเหวินเฟิ่ง เธอยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับความผิด ที่จริงเธอพูดกับตำรวจว่า ถ้าคุณต้องการให้ฉันสารภาพในคดีพวกนั้น ก็ไปพาถังหนิงมาหาฉันสิ!
ถังหนิงไม่ใช่คนที่คุณจะพบได้อีกแล้ว… เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวพลางใส่กุญแจมืออีกฝ่าย คุณจะมีแค่กำแพงคุกเป็นเพื่อนไปตลอดชีวิตและไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไป…
ไม่ ต้วนจิ่งหงจะต้องไปกับฉันด้วย… ซ่งซินพยายามหาสิ่งปลอบใจสุดท้ายให้ตัวเอง แต่ตำรวจกลับทำลายความหวังนั้นของเธออย่างรวดเร็ว
คุณเข้าใจผิดแล้ว ต้วนจิ่งหงได้รับการยกย่องที่เข้ามอบตัวกับตำรวจ รวมถึงเหยื่อก็ได้ยกโทษให้เธอแล้ว โทษของเธอเบากว่าของคุณมาก มีเส้นบางๆ คั่นระหว่างความดีกับความเลว และเส้นบางๆ นั้นก็มากพอที่จะกำหนดว่าคุณจะได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก นั่งรอคำตัดสินของคุณเถอะ!
เพราะนี่เป็นคดีใหญ่ที่สั่นสะเทือนวงการบันเทิง ซ่งซินจึงยังได้รับความสนใจจากสาธารณะอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุการณ์ต่างๆ นับไม่ถ้วนที่นำมารวมกัน โทษของซ่งซินนั้นมากพอที่จะทำให้เธอต้องอยู่ในคุกไปตลอดชีวิต…
คนที่มีความสุขที่สุดในครั้งนี้อาจจะเป็นฮว่าเหวินเฟิ่ง เธอกำลังจะได้มีเพื่อนในไม่ช้า!
เหตุการณ์ทั้งหมดมาถึงจุดจบในเวลาเดียวกับที่เฉินซิงเยียนถ่ายทำละครเสร็จ หลังจากกลับมายังปักกิ่ง เธอและอันจื่อเฮ่าพากันไปเยี่ยมถังหนิงที่ไฮแอทรีเจนซี่ เมื่อได้เห็นหลานชายทั้งสองของเธอ เฉินซิงเนียนเต็มไปด้วยความปีติยินดี
ถังหนิงสังเกตเห็นว่าสายตาของอันจื่อเฮ่าจับจ้องไปที่เฉินซิงเยียนตลอดเวลา เธอจึงหัวเราะและเอ่ยถามขึ้น พวกเธอสองคนคบกันแล้วงั้นเหรอ
อันจื่อเฮ่าส่ายหน้า เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานทางธุรกิจธรรมดาเท่านั้น
ที่จริงแล้วภายนอกซ่งซินแค่ดูเป็นคนแข็งแกร่ง เพราะลึกลงไป เธอตระหนักเป็นอย่างดีว่าทุกครั้งที่ไห่รุ่ยออกมาเคลื่อนไหว พวกเขาจะต้องมั่นใจในสิ่งที่ทำจริงๆ แต่เพราะเธอไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งวิธีที่เธอจัดการกับเรื่องต่างๆ ของเธอนั้นมีจุดด่างพร้อยตรงไหน
ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวที่เธอจะนึกออกคือไห่รุ่ยสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมา!
และอ้างอิงจากความไร้ปรานีของถังหนิง นี่จึงเป็นไปได้อย่างยิ่ง ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้มีเพียงรอให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวและเล่นไปตามน้ำ
ถังหนิง มีอะไรก็จัดมาได้เลย…
ตอนนี้คนแพ้คนชนะยังไม่ถูกกำหนด…
โชคไม่ดีที่เธอไม่รู้เลยว่าไห่รุ่ยไม่ได้จะต้อนเธอให้จนมุมด้วยเหตุการณ์ที่เธอคิดอยู่ในใจ…
…
หลังเหตุการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์ การถูกสุนัขกัดของฮั่วจิงจิง การเกือบแท้งลูกของถังหนิงและข่าวฉาวเกี่ยวกับการลอกผลงานของผู้อาวุโสอู๋ ผู้คนต่างพากันจับจ้องไปที่ซ่งซินอย่างใกล้ชิด ทุกคนค่อนข้างมั่นใจว่าเธอคือตัวต้นเหตุทั้งหมด แต่พวกเขากังวลว่าไห่รุ่ยจะสามารถแสดงหลักฐานอะไรออกมาได้หรือไม่
เดิมทีนี่เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องจัดการ แต่เพราะเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในวงการบันเทิง เรื่องเหล่านี้จึงต้องได้รับการแก้ไขโดยไว้วิธีการของวงการบันเทิง
แน่นอนว่าซ่งซินไม่สนใจเสียงคาดคะเนต่างๆ เธอเพียงแค่เชื่อว่าหากไห่รุ่ยไม่สามารถแสดงหลักฐานอะไรออกมาได้ เธอก็จะไม่เป็นอะไร แต่…วงล้อแห่งการเปลี่ยนแปลงได้เริ่มเคลื่อนที่แล้ว ยกตัวอย่างเช่นในไม่ช้าวงการบันเทิงกำลังจะไม่มีที่สำหรับเธออีกต่อไป
เช้าวันต่อมาในเวลาแปดโมงเช้าพอดีตามที่ไห่รุ่ยได้เคยให้คำมั่นไว้ ไห่รุ่ยได้เริ่มต้นการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ
การแถลงข่าวดำเนินโดยหัวหน้าคนใหม่ของฝ่ายประชาสัมพันธ์เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับฮั่วจิงจิงและพวกเขากังวลว่าฟังอวี้อาจจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้
ท่ามกลางเสียงรัวชัตเตอร์จากกล้องของบรรดาสื่อ หัวหน้าคนใหม่ของฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้ก้าวขึ้นไปยืนที่โพเดี้ยมและประกาศต่อบรรดาผู้สื่อข่าว เนื่องจากชื่อเสียงของไห่รุ่ยได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องและศิลปินจำนวนมากที่อยู่ภายใต้การดูแลของเราได้รับผลกระทบ ไห่รุ่ยจะขอโต้ตอบข้อกล่าวหาของคุณซ่งซินในวันนี้ ผมหวังว่าทุกคนจากวงการข่าวจะสามารถรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดได้!
แน่นอน!
เราจะไม่ปรานีเพียงเพราะปู่ของเธอแน่!
ซ่งซินไม่ลงรอยกับไห่รุ่ยมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นในวันนี้ไห่รุ่ยจะขอชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ ที่เธอกล่าวหาเราที่ละข้อ ประการแรก ซ่งซินอ้างว่าไห่รุ่ยกดดันศิลปินของค่ายเพื่อให้ถังหนิงได้อยู่ในตำแหน่งสูงสุด เห็นได้ชัดว่าเมื่อเธอพูดเช่นนี้ เธอต้องการจะหมายถึงตัวเธอเอง แต่อย่างที่ทุกท่านทราบดี ถังหนิงเป็นนักแสดงและซ่งซินประกอบอาชีพสายดนตรี จุดยืนของทั้งสองจึงไม่ได้แข็งขันกัน ยิ่งไปกว่านั้น คุณถังหนิงได้ประกาศวางมือจากวงการบันเทิงไปแล้ว ดังนั้นเธอจะแข่งขันกับซ่งซินเพื่ออะไร ข้อกล่าวหาประการแรกนี้จึงเป็นการใส่ร้ายจากซ่งซินทั้งสิ้น
ประการที่สอง กรณีลอกเลียนผลงานกับผู้อาวุโสอู๋ กรณีนี้เป็นเหตุให้ผู้อาวุโส่อู๋ได้รับบาดเจ็บทางสมอง ภาพยนตร์ของถังหนิงต้องถูกยกเลิกออกจากโรงภาพยนตร์และถังหนิงถูกแบนออกจากวงการอย่างลับๆ ผู้เขียนของ ‘นักแกะรอย’ ได้ออกมาชี้ตัวผู้ยุยงและโลกอินเทอร์เน็ตต่างออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้นับตั้งแต่นั้น ผมดูว่าไห่รุ่ยไม่เคยออกมาให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับกรณีนี้ แต่บัดนี้ผมจะให้คำตอบในเรื่องนี้และเผยความจริงทั้งหมดในอีกไม่ช้า
ประการที่สาม เกี่ยวกับอดีตผู้จัดการของซ่งซินซึ่งมีชื่อว่าต้วนจิ่งหง ภาพลักษณ์ของเธอเสียหายอย่างมากหลังจากที่เธอถูกจับได้ว่าเป็นขโมยเมื่อไม่นานมานี้ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ไห่รุ่ยกลับช่วยเธอให้ได้เดบิวต์ ซึ่งมีเหตุผลในการกระทำครั้งนี้ ข้อแรก ต้วนจิ่งหงได้อธิบายกับไห่รุ่ยว่าเธอเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธานโม่เพื่อซ่งซิน ซึ่งเป็นศิลปินของเธอ เธอต้องการช่วยซ่งซินเอาสำเนาเอกสารรายงานการประเมินของเธอและนั่นทำให้เธอทำผิดพลาดอย่างมหันต์ ข้อสอง ต้วนจิ่งหงเปิดเผยเรื่องโหดร้ายทั้งหมดที่ซ่งซินเคยทำใหนอดีตและขอร้องให้ไห่รุ่ยช่วย เนื่องจากต้วนจิ่งหงรู้ความลับต่างๆ ของซ่งซิน และซ่งซินได้ทำความผิดไว้มากมาย ไห่รุ่ยจึงตัดสินใจช่วยเพื่อความปลอดภัยของต้วนจิ่งหง
หากต้วนจิ่งหงแค่อยากจะโด่งดัง เธอคงเริ่มเส้นทางใหม่สู่การเป็นดาราดังด้วยตัวตนใหม่ของเธอไปแล้ว เธอก้าวออกมาใส่ร้ายซ่งซินทำไมกัน
ทุกท่านต้องสงสัยแน่ว่าทำไมคนที่ซื่อสัตย์ต่อซ่งซินมากขนาดนี้ถึงได้เปลี่ยนข้างและหักหลังเธออย่างกะทันหันเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะต้วนจิ่งหงถูกตราหน้าว่าเป็นขโมยเพื่อประโยชน์ของซ่งซิน แต่ซ่งซินกลับทอดทิ้งเธอ ด้วยเหตุนี้ผลลัพธ์จึงออกมาอย่างที่เราเห็นกันในวันนี้ ขณะที่ต้วนจิ่งหงตัดสินใจซื่อสัตย์กับตัวของเธอเอง ใครบางคนกลับยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับในความผิดที่ตัวเองได้ทำเอาไว้
ตอนนี้เราจะไม่ถูดถึงเรื่องที่เราไม่มีหลักฐาน และไม่ไม่พูดถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วย กลับกัน ไห่รุ่ยจะเปิดโปงอาชญากรรมอื่นที่ซ่งซินได้เคยทำไว้ในอดีตแทน! ผมหวังว่าสหายจากสื่อต่างๆ จะได้ตาสว่างกับสิ่งที่เรามีในมือตอนนี้!
หลังจากหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดจบ หญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นบนพรมแดงพร้อมไม้เท้าคำยันและคนช่วยพยุงอีกหนึ่งคน
บรรดานักข่าวหลีกทางให้ทั้งสองแต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าไห่รุ่ยกำลังทำอะไรอยู่
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน
สุภาพสตรีสาวท่านนี้คือซ่งเซียวเซียว เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าเท่าๆ กับซ่งซิน และเธอยังเรียนโรงเรียนเดียวกันกับซ่งซินอีกด้วย
ผมแน่ใจว่าทุกคนคงสังเกตว่าขาซ้ายของเธอถูกตัดออกไป มันเกิดขึ้นได้อย่างไรงั้นเหรอครับ ทั้งหมดเป็นเพราะซ่งซิน!
พวกเธออายุได้สิบเก้าปีตอนที่ทุกอย่างเกิดขึ้น เพียงเพราะเซียวเซียวสามารถเอาชนะซ่งซินและได้รางวัลที่หนึ่งในขณะนั้น ซ่งซินได้ตัดสินใจอย่างบ้าบิ่นด้วยการผลักเซียวเซียวจนตกบันได และเนื่องจากอาการบาดเจ็บทำให้เธอไม่อาจเข้าร่วมงานพิธีมอบรางวัลได้
แต่สิ่งที่ซ่งซินไม่ได้คาดคิดคือซ่งเซียวเซียวเห็นคนที่ผลักเธอ ดังนั้นซ่งซินจึงทำสิ่งที่โหดเ**้ยมมากกว่าเดิม เธอใช้เส้นสายของปู่ตัวเองในการข่มขู่ซ่งเซียวเซียวและครอบครัวของเธอ!
ตลอดหลายปี ซ่งเซียวเซียวต้องใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวด เธอได้แต่เฝ้าดูซ่งซินไต่เต้าสู่ความโด่งดังในขณะที่เธอกลายเป็นคนไร้ค่า ไม่มีตัวตน
ในอดีต เธอกลัวว่าเธอจะทำให้ครอบครัวต้องตกอยู่ในอันตราย เธอจึงไม่พูดอะไร แต่บัดนี้เธอเพียงแค่ต้องการให้ทุกคนได้รับรู้ความจริงว่าซ่งซินเป็นปีศาจที่ไร้ความเมตตา!
และในครั้งนี้ คุณไม่ต้องพยายามปฏิเสธความจริงเหล่านี้หรอกนะซ่งซิน เรามีพยานและหลักฐานที่คุณข่มขู่คนในครอบครัวซ่ง เราจะส่งข้อมูลพวกนี้ไปให้ตำรวจโดยเร็ว
เมื่อได้เห็นหญิงสาวผู้พิการอยู่ต่อหน้า บรรดานักข่าวพากดกล้องถ่ายรูปของตนเองอย่างบ้าคลั่ง
พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีการเปิดโปงเรื่องอื่นอีก!
ดังนั้นหลังจากเรื่องทุกอย่างที่พวกเขาได้รับรู้ เห็นได้ชัดว่าซ่งซินเป็นปีศาจโดยแท้!
ได้เห็นปฏิกิริยาของบรรดานักข่าว หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ส่งไมโครโฟนให้กับซ่งเซียวเซียว และถึงแม้ซ่งเซียวเซียวจะพิการแต่เพื่อการแก้แค้น เธอจึงอาจหาญกว่าที่เคยเป็นมาก
เสียงอันแหบพร่าของเธอดังก้องไปทั่วฮอลล์ ซ่งซินเป็นคนอำมหิตอย่างที่สุด อาจเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่ทุกคนจะจินตนาการได้… ซ่งเซียวเซียวชี้ไปที่พื้นที่ว่างซึ่งเคยเป็นที่ที่ขาซ้ายของเธอเคยอยู่และพูดต่อด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา ตอนฉันอายุสิบเก้า ฉันตกจากชั้นสี่ ถ้าไม่เป็นเพราะฉันโชคดี ฉันอาจจะเสียโอกาสที่จะได้พูดต่อหน้าทุกท่านในวันนี้และได้ทวงคืนความยุติธรรม
ดังนั้นทันทีที่แนได้ยินข่าวลือร้ายๆ ที่ซ่งซินเป็นคนปลุกปั่น ฉันจึงเป็นคนแรกที่เชื่อ เพราะเธอเป็นคนแบบนั้นจริงๆ!
เมื่อวานนี้หลังจากที่อุบัติเหตุรถชนปรากฏขึ้น ซ่งซินถูกตำรวจควบคุมตัวเพื่อทำการสอบปากคำ แต่เธอก็ยังใช้วิธีจนได้ประกันตัวออกมาและไม่ได้รับการลงโทษ ดังนั้นความตั้งใจของฉันในการมายืนที่นี่วันนี้คือเพื่อส่งผู้หญิงคนนั้นกลับเข้าไป…
ฉันไม่ต้องการเป็นผู้หญิงคนนี้เดินไปมาอย่างอิสระด้วยขาที่ไม่ได้ปราศจากบาดแผลใดๆ อีกแล้ว มันน่าขยะแขยง!
หลังจากตำรวจกลับไปแล้ว ซ่งซินชำเลืองตามองลุงเฉินด้วยโกรธเกรี้ยวอยู่ภายในห้องพักของโรงพยาบาล ทำไมแกถึงบอกตำรวจ แกไม่รู้เหรือไงเพราะสิ่งที่แกพูดฉันอาจจะต้องติดคุกก็ได้ ตระกูลซ่งไม่เคยทำไม่ดีกับแกเลยสักครั้ง นี่คือวิธีที่แกตอบแทนผู้มีพระคุณหรือไง
ในเมื่อคุณหนูทำผิด คุณหนูก็ควรเข้าคุก ลุงเฉินตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ไม่ไหวติงกับคำขู่ของซ่งซินเลยแม้แต่น้อย
แกจะต้องได้ชดใช้ให้กับสิ่งที่แกพูดในวันนี้!
ลุงเฉินพ่นลมออกทางจมูกก่อนเอนหลังเพื่อพักผ่อน เขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนบ้าอย่างซ่งซินอีกต่อไป
เขาต้องตาบอดมาตลอดที่ทำงานให้ตระกูลซ่งแถมต้องมารับใช้นายจ้างโรคจิตแบบนี้อีก
แม้ซ่งซินจะอยากแก้แค้น แต่เธอจดจ่ออยู่กับความคืบหน้าของตำรวจมากกว่า เธอกังขาว่าพวกเขาจะดูกล้องและพิสูจน์ความผิดของเธอไปแล้วหรือยัง
เช่นเดียวกับไห่รุ่ย เธอสงสัยว่าโม่ถิงกำลังเล่นเกมอะไรอยู่กันแน่
แม้สถานการณ์ของเธอจะไม่สู้ดีนัก แต่ถ้าโม่ถิงต้องการให้เธอเสียหาย เธอรู้สึกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้!
เป็นไปไม่ได้!
…
นับตั้งแต่วันที่ขาทั้งสองข้างของเธอได้รับบาดเจ็บ ฮั่วจิงจิงแทบจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะเลย ถ้าไม่ใช่เพราะถังหนิงคลอดลูก เธอคงเลือกที่จะอยู่บ้านและไม่ออกมาเผชิญโลกภายนอกแบบนี้แน่
เหตุการณ์ต่างๆ ของซ่งซินได้ปั่นกระแสคนทั้งเมืองและเรื่องของเธอกลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง แต่ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะออกมาแบบไหนก็ไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะอาชีพของเธอไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมได้อีก
โดยเฉพาะเมื่อเธอมองไปที่รอยแผลเป็นมากมายบนขาทั้งสองข้างของเธอ ฮั่วจิงจิงนึกสงสัยว่าเธอจะกลับไปเดินบนรันเวย์ด้วยขาแบบนี้ได้อย่างไร
เด็กๆ พวกนี้นิสัยดีจังเลย เป็นสองพี่น้องที่หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบเลย
แน่นอนสิ ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าแฝดเหมือนทำไมกันล่ะ ถังหนิงกล่าวพลางจัดเตียงนอนของเด็กๆ ขณะที่ฮั่วจิงจิงช่วยดูแลเด็กทั้งสอง
จากนี้ไปเธอวางแผนจะทำอะไรต่อ ไม่คิดจะกลับเข้าวงการเหรอ ฮั่วจิงจิงถามพลางแหย่มืออ้วนๆ ของเด็กๆ
ไว้ค่อยมาว่ากันหลังจากจัดการซ่งซินแล้ว
ถังหนิงไม่ได้คิดถึงอนาคต การให้กำเนิดลูกชายฝาแฝดได้เข้ามาป่วนแผนการต่างๆ ของเธอ เพราะชีวิตก่อนและหลังคลอดลูกนั้นแตกต่างกันอย่างมากและเธอไม่ต้องการห่างจากลูกๆ ของเธอนานๆ
ฉันเห็นข่าวแล้ว ซ่งซินนี่มันเป็นหนึ่งในคนที่น่ารังเกียจที่สุดเท่าที่ฉันรู้จักมาเลย
ฉันจะส่งผู้หญิงคนนั้นไปอยู่ในที่ที่สมควรอยู่แน่นอน…
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถังหนิงกำลังหมายถึงคุก…
ฉันหวังว่าพรุ่งนี้ทุกอย่างจะราบรื่นนะ
กระนั้นพวกเธอไม่จำเป็นต้องรอถึงวันรุ่งขึ้นอีกแล้ว เพราะจากคำให้การของลุงเฉิน ตำรวจได้ตามหากล้องจากรถคันที่เกิดเหตุ พบว่าซ่งซินเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุของผู้อาวุโสซ่ง ดังนั้นเธอจึงถูกนำตัวไปยังสถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำทั้งคืน แต่กระนั้นซ่งซินกลับปฏิเสธที่จะพูด เพราะทนายความของเธอเคยสอนเอาไว้ว่าไม่ให้พูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าขณะที่เขาไม่อยู่กับเธอ
ในคืนนั้น หลังจากโม่ถิงได้รับข่าวเรื่องนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำให้เด็กๆ เสร็จ ดังนั้นขณะที่เขากำลังเก็บห้องอาบน้ำ เขาเปิดลำโพงโทรศัพท์ของตัวเองและโทรหาลู่เช่อ ผู้หญิงคนนั้นแค่ถูกกักตัวชั่วคราวเท่านั้น นี่ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของเรา อย่าลืมว่าวัตถุประสงค์สำคัญของเราคือการส่งผู้หญิงคนนั้นเข้าคุก ดังนั้นพรุ่งนี้ให้ทำทุกอย่างตามที่วางแผนไว้แล้วทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องประหลาดใจ
ครับ ท่านประธาน!
ถังหนิงมองดูร่างกายอันสูงใหญ่และกำยำของโม่ถิงจากด้านหลัง ในฐานะประธานไห่รุ่ย เขาไม่จำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอหรือลูกๆ ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เขาจะลงมือเองโดยไม่เกี่ยงว่าเรื่องนั้นจะร้ายแรงแค่ไหน
ถังหนิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอ่อนไหวเล็กน้อยพลางโถมตัวใส่แผ่นหลังของโม่ถิงและโอบแขนทั้งสองข้างของเธอรอบลำคอของเขา
เป็นอะไรหรือเปล่าครับ
ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองได้แต่งงานกับสามีที่เก่งสุดๆ เลย
คุณเพิ่งรู้เหรอครับ โม่ถิงยิ้มพลางลุกขึ้นโดยแบกถังหนิงไว้บนหลังแล้วเดินออกจากห้องน้ำ เขาเดินก้าวอย่างมั่นคงพลางพูดเสริม ในเมื่อเราจะใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตอยู่ด้วยกัน คุณจะได้เห็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อในตัวผมมากกว่านี้อีก
ถังหนิงไม่ตอบ เธอทำเพียงแค่อิงหัวไหล่ของเขาและกัดแรงๆ
คุณเป็นแม่คนแล้วนะ ทำไมถึงยังไม่เปลี่ยนนิสัยพวกนี้อีกล่ะ โม่ถิงไม่ได้โกรธ เขาเพียงแค่นึกขึ้นได้ว่าถังหนิงไม่ได้กัดเขามานานแล้ว
ถังหนิงปล่อยเขี้ยวก่อนจะแหวกเสื้อของโม่ถิงออกเพื่อดูรอยกัด ขณะที่เธอมองดูมัน เธอพลันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย เจ็บไหม
โม่ถิงไม่ตอบ เขาเพียงแค่ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาพลางพาถังหนิงไปที่เตียง
ทั้งคู่เป็นเช่นนี้มาตลอด ไม่นับช่วงที่ทั้งคู่อยู่ต่อหน้าสาธารณะ ทันทีที่ทั้งสองกลับมาที่บ้าน พวกเขาจะเป็นคู่ชีวิตที่อีกฝ่ายต้องการมากที่สุดเสมอ
และตอนนี้ชีวิตของทั้งคู่ก็มีเด็กน้อยน่ารักอีกสองคนด้วย
…
นี่อาจเป็นค่ำคืนที่ไม่มีความสุขที่สุดในชีวิตของซ่งซิน ขณะที่เธอถูกถามซ้ำไปซ้ำมาอยู่ที่สถานีตำรวจจนถึงกลางดึก เธอไม่มีแม้แต้โอกาสที่จะได้กินอาหาร แม้แต่เตียงให้นอนพักก็ไม่มี
คุณซ่ง ถ้าคุณยังปิดปากเงียบอยู่แบบนี้ คุณก็มีแต่จะสร้างความยุ่งยากให้พวกเรานะครับ ทำไมคุณถึงไม่ยอมแพ้แล้วเลิกทำแบบนี้เสียที หลักฐานมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
จนกว่าทนายความของฉันจะมา ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น ซ่งซินพูดย้ำเช่นนี้ตลอดทั้งคืน เหล่าเจ้าหน้าที่ได้ยินคำพูดนี้หมายครั้งจนพวกเขารู้สึกว่าหูด้านชาไปหมด
เจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่สอบปากคำเธอได้แต่กลอกตาไปมาและส่ายศีรษะ มันจะเป็นประโยชน์กับตัวคุณเองถ้าคุณบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ซ่งซินปิดตาลงและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
เจ้าหน้าที่คนนั้นลุกขึ้นและทุบมือลงบนโต๊ะอย่างหมดหนทาง
ความตั้งใจของคุณแน่วแน่ดี
นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวของซ่งซิน เพราะเมื่อไม่มีหลักฐาน เธอจะไม่เปิดเผยอะไรทั้งนั้น เพราะหลักฐานที่ตำรวจมีไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอยอมรับผิด
ไม่นานหลังจากนั้น ทนายความของซ่งซินได้เดินทางมาถึงสถานีตำรวจและจัดการประกันตัวเธอออกมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แต่มองดูอาชญากรเดินออกไป แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ ส่งผลให้รอยยิ้มของซ่งซินนั้นให้ความรู้สึกของความเยาะเย้ยและจองหอง
เซียวอวี่เหอกำลังยืนรอซ่งซินอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูไร้หนทาง เขารีบรุดเข้าไปหาเธอและพาเธอกลับบ้านทันที กินอะไรก่อนเถอะแล้วค่อยทำอย่างอื่น
ทุกอย่างที่ฉันได้รับวันนี้ ฉันจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า
ซ่งซินกำลังฝันหวานถึงอนาคต แต่เธอไม่รู้เลยว่าโม่ถิงจะไม่มีวันให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สอง
พรุ่งนี้คุณวางแผนจะทำอะไรกับไห่รุ่ย เซียวอวี่เหอถามพลางนั่งลงข้างๆ ซ่งซินและตักอาหารใส่จานให้เธอเพิ่ม โม่ถิงไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายๆ ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอกนะ
ไม่ต้องห่วง ไห่รุ่ยไม่มีทางแสดงหลักฐานอะไรได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นเรื่องอื่น ซ่งซินอาจจะไม่แน่ใจนัก แต่ถ้าเป็นเรื่องของฮั่วจิงจิงกับเรื่องปั่นหัวฮว่าเหวินเฟิ่ง เธอรู้ดีว่าต้วนจิ่งหงจะเป็นเพียงคนเดียวที่ต้องรับผิด ดังนั้นมันเกี่ยวข้องกับเธอตรงไหนกัน
ไห่รุ่ยจะออกมาทำอะไรโดยไม่มีหลักฐานงั้นเหรอ
ครั้งอื่นฉันไม่แน่ใจ แต่ครั้งนี้ฉันมั่นใจว่าไห่รุ่ยไม่มีหลักฐานแน่นอน เพราะฉันไม่ได้ทำ! จากนั้นซ่งซินวางชามและตะเกียบลงแล้วพูดเสริม ฉันจะไปเยี่ยมคุณปู่ที่โรงพยาบาลทีหลัง ฉันไม่เชื่อว่าคุณปู่จะหักหลังฉันอีกคน!
[ใช่ๆ การที่ต้วนจิ่งหงออกมาเรียกร้องความยุติธรรมแสดงให้เห็นว่าเธอเตรียมใจเจอสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอมีจิตวิญญาณแห่งการเสียสละจริงๆ ฉันหวังว่าซ่งซินจะไม่ถูกปล่อยให้ลอยนวลหรอกนะ]
[เป็นไปได้ว่าต้วนจิ่งหงแค่อยากแก้แค้นซ่งซินก็ได้นะ ใครจะไปรู้ เขาบอกกันว่าไม่มีหลักฐานอะไรเลยไม่ใช่เหรอ]
…
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายต่างมีผู้สนับสนุนข้างของตัวเองมากมายและคนเหล่านั้นต่างตัดสินเรื่งในครั้งนี้ในแบบที่ตนเองต้องการไว้แล้ว
ต้วนจิ่งหงยืนกรานกว่าซ่งซินมีความผิด แต่ตำรวจไม่สามารถหาหลักฐานอะไรพบ
หากเธอต้องการให้ซ่งซินชดใช้สิ่งทีได้ทำลงไป… นั่นอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากทีเดียว
ไม่แปลกใจที่เมื่อทุกอย่างดำเนินมาถึงจุดนี้ ซ่งซินก็ยังคงเผชิญหน้ากับสถานการณ์ด้วยท่าทีหยิ่งผยอง…
หลังได้จริงผลลัพธ์จากการเข้ามอบตัวของต้วนจิ่งหง ถังหนิงขอให้เหล่าบอดีการ์ดพาตัวต้วนจิ่งหงกลับมาที่ไฮแอทรีเจนซี่ หลังนั้นหลังจากที่ถังหนิงกล่อมลูกชายทั้งสองของเธอเข้านอนแล้ว เธอเดินมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อพบต้วนจิ่งหงทันที
ฉันรู้ผลแล้วล่ะ…
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าการเอาผิดผู้หญิงคนนั้นจะยากขนาดนี้ ต้วนจิ่งหงกล่าวพร้อมเสียงสะอื้น ถ้ากฎหมายไม่สามารถหาหลักฐานอะไรมาเอาผิดผู้หญิงคนนั้นได้ ไม่เท่ากับว่าการเสียสละของฉันต้องสูญเปล่าอย่างนั้นเหรอ ถ้าครั้งนี้ฉันทำไม่สำเร็จ ในอนาคตก็ไม่มีใครสามารถต่อกรอะไรกับมันได้อีก
อาจไม่เป็นแบบนั้นก็ได้! ถังหนิงส่งสัญญาณให้ต้วนจิ่งหงนั่งลงพลางส่งกระดาษทิชชู่ให้และปล่อยให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์ลง เมื่อก่อนซ่งซินเคยทำร้ายใครหรือเปล่า
ตอนเป็นนักเรียน เพื่อให้ตัวเองได้รางวัลที่หนึ่ง มันจงใจทำร้ายคู่แข่งก่อนวันมอบรางวัลเพื่อให้คนพวกนั้นมาร่วมงานไม่ได้ อีกฝ่ายรู้ว่ามันทำอะไรไว้ แต่มันใช้เส้นสายของที่บ้านจัดการปัญหา แต่ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี!
ผิดแล้ว! หลังจากที่เธอพูดถึงเรื่องนี้ครั้งแรก โม่ถิงได้สั่งให้ลู่เช่อเริ่มสืบเรื่องนี้ เดิมทีเราไม่เจออะไรแต่หลังจากเห็นท่าทีของซ่งซิน อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้สึกแย่กับสิ่งที่ได้เห็น ดังนั้นพวกเขาถึงได้เป็นฝ่ายติดต่อพวกเรามา คนคนนั้นบอกเราว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของซ่งซินและพวกเขามีพยาน!
จริงเหรอ หัวใจต้วนจิ่งหงสัมผัสได้ถึงประกายแสงแห่งความหวัง
เธอจะรู้เองหลังจากเธอพบกับคนพวกนั้น
ถ้าพวกเขาสามารถเปิดโปงเรื่องนี้ได้ ไม่ว่าซ่งซินหรือผู้อาวุโสซ่งก็ไม่อาจหลุดรอดจากเงื้อมมือของกฎหมายไปได้แน่
แน่นอนว่าผู้อาวุโสซ่งไม่ทันได้ตระหนักเลยว่า ด้วยปัญหามากมายที่ซ่งซินเป็นผู้ก่อจะส่งผลถึงงานของเขาด้วย เพราะยังไงการสอบสวนจะต้องเกี่ยวข้องกับเขาด้วยเช่นกัน
…
หลังการเข้ามอบตัวของต้วนจิ่งหง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อาจหาข้อมูลอะไรได้เลย ดังนั้นเรื่องนี้จึงยิ่งทำให้อารมณ์ของซ่งซินร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม
ส่งผลให้ซ่งซินออกมาอ้างว่าไห่รุ่ยต้องการพลิกสถานการณ์และทำให้สื่อลืมเรื่องการบาดเจ็บของคุณปู่ของเธอโดยการจ้างให้ต้วนจิ่งหงออกมาแสดงละคร ในเมื่อไม่มีหลักฐานๆ จึงมีหลายคนที่เชื่อคำพูดของซ่งซิน แน่นอนว่าโลกนั้นช่างกว้างใหญ่และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ผู้คนไม่เคยเห็นไห่รุ่ยติดหล่มแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนไห่รุ่ยจะไม่มีทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้เสียแล้ว
ต่อหน้าสื่อและประชาชน คำพูดของซ่งซินฟังดูน่าเชื่อถือและเธอเล่นบทผู้เสียหายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ในครั้งนี้…
… อยู่ๆ ตำรวจได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุ
แม้ซ่งซินจะหวั่นวิตก แต่เธอเชื่อมั่นว่าคำขู่ที่เธอพูดกับลุงเฉินจะได้ผลและมีประสิทธิภาพ
ขณะที่เจ้าหน้าที่เดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย ซ่งซินได้เดินตามหลังเข้าไปอย่างกระชั้นชิดและพยายามกดดันลุงเฉินด้วยสายตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คุณคือลุงเฉินใช่ไหมครับ ช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ยังไง
ลุงเฉินลุกขึ้นนั่งและชำเลืองตาไปที่ซ่งซิน
จากนั้นเขาจึงตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ครับ ผมจำได้…
ลุงเฉินยังรู้สึกไม่ค่อยดีนัก อย่ารบกวนเวลาเขามากเลยนะคะ
พูดมาได้เลยครับ
ที่จริงอุบัติเหตุในครั้งนี้มันไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่เห็นภายนอก มันเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น… ลุงเฉินชี้ไปที่ซ่งซิน … เธอเข้ามารบกวนการขับรถของผมแล้วทำให้ผมขับรถชน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับไห่รุ่ย ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น!
ลุงเฉินพูดจบ สีหน้าซ่งซินก็เปลี่ยนไป ลุงเฉิน กล้าดียังไงมาพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าตำรวจแบบนี้
ผมแน่ใจว่าการ์ดบันทึกข้อมูลในรถของผมจะแสดงให้คุณตำรวจเห็นได้ว่าสิ่งที่ผมพูดมันไร้สาระหรือเปล่า ลุงเฉินคำราม ผมทำงานให้ตระกูลซ่งมานานหลายปี แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าคุณหนูใหญ่จะน่ารังเกียจถึงขนาดสั่งให้ผมปิดบังความจริงแบบนี้!
เป็นไปไม่ได้! กล้องหน้ารถไม่มีทางเก็บภาพอะไรที่แกกำลังพูดได้หรอก!
รถของตระกูลซ่งได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ด้วย ผู้อาวุโสซ่งอยู่ในตำแหน่งที่ทรงอำนาจ ดังนั้นท่านจึงกังวลเรื่องการถูกข่มขู่และถูกคนอื่นหลอกใช้เสมอ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของซ่งซินซีดเผือด
เป็นไปไม่ได้ แกโกหก!
เฉินเหลียงคนนี้ขับรถมาตลอดชีวิตและเป็นคนที่ปฏิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอด ผมจะไม่ปิดบังอะไรตำรวจทั้งนั้นและไม่มีทางใส่ร้ายคุณเช่นกัน จิตใต้สำนึกของคุณอาจจะยอมให้คุณทำแบบนั้น แต่ของผมไม่
หัวหน้าทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจหันกลับไปพูดกับเพื่อนร่วมงานของเขา อย่าลืมไปสืบดูกล้องในรถด้วย
เมื่อเห็นว่าตำรวจกำลังลงมือสืบสวน ซ่งซินรีบวิ่งไปคว้าพวกเขาไว้ทันที อย่าไปนะ พวกคุณไปไม่ได้!
เหล่าเจ้าหน้าที่มองดูเธอด้วยท่าทีขบขัน ดูเหมือนพวกเขาไม่จำเป็นต้องไปดูกล้องในรถก็รู้ความจริงแล้ว
ซ่งซินถูกผลักลงไปกองกับพื้น เธอพลันรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเพราะเธอตระหนักได้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้วที่เธอจะขัดขวางไม่ให้ความจริงถูกเปิดเผย
อีกไม่นานทั้งปักกิ่งจะรู้ว่าเธอถูกคนขับรถของบ้านตัวเองแหกหน้า
[หน้าด้านจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจจะโยนความผิดให้ไห่รุ่ย โชคดีที่คนขับรถคนนั้นเป็นคนดี!]
[เธอก่ออุบัติเหตุด้วยตัวเอง แล้วยังพยายามใส่ร้ายไห่รุ่ยอีก ฉันไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเท่านี้มาก่อนเลย]
[ฉันเริ่มเชื่อสิ่งที่ต้วนจิ่งหงพูดแล้วสิ แค่ดูจากอุบัติเหตุนี่ก็รู้แล้วว่าซ่งซินเป็นคนยังไง]
[ฉันก็เชื่อต้วนจิ่งหงเหมือนกัน!]
ขณะเดียวกัน ในที่สุดไห่รุ่ยก็ออกมาพูด พวกเขามีบางสิ่งจะประกาศในวันพรุ่งนี้!
ดูเหมือนพวกเขาจะกำลังเปิดศึกครั้งสุดท้ายกับซ่งซิน
การที่ไห่รุ่ยกำลังจะออกมาเคลื่อนไหวนั้นหมายความว่าเรื่องนี้กำลังจะถึงจุดไคลแมกซ์และจุดจบกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
ขณะที่ซ่งซินกำลังแสดงความไม่พอใจต่อไห่รุ่ยให้โลกรู้ ต้วนจิ่งหงได้เดินทางไปถึงสถานีตำรวจด้วยตัวเองและบอกพวกเขาว่าเธอต้องการแจ้งความ
เมื่อเจ้าพนักงานถามว่าเธอต้องการแจ้งความเรื่องอะไร เธอเพียงแค่กล่าวอย่างกล้าหาญว่าเธอต้องการมอบตัว
ตำรวจเริ่มดำเนินการสอบสวนและต้วนจิ่งหงใช้เวลาทั้งบ่ายในการอธิบายว่าเธอจัดการสร้างสถานการณ์ในการทำร้ายขาของฮั่วจิงจิงอย่างไรและเธอปั่นหัวฮว่าเหวินเฟิ่งให้คุกคามถังหนิงอย่างไร เธอไม่พยายามปิดบังความจริงเลยแม้แต่น้อย
คุณครับ ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงแล้วละก็ อ้างอิงจากกฎหมาย คนอื่นที่คุณต้องการจะกล่าวหาจะไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบหลักในคดีพวกนี้ คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า พูดง่ายๆ คือถ้านี่เป็นเรื่องจริง คุณจะเป็นผู้ต้องหาหลักและผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้น คุณเข้าใจใช่ไหม
ค่ะ ฉันเข้าใจ ต้วนจิ่งหงพยักหน้าอย่างรู้ความ ฉันก่อเหตุต่างๆ แต่คนที่สั่งให้ฉันทำเป็นอีกคนหนึ่ง คนคนนั้นคือซ่งซิน ฉันแค่รื้อฟื้นความจริงและข้อเท็จจริงต่างๆ เท่านั้น ส่วนผลที่ตามมา ฉันจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและศาลเป็นผู้ตัดสิน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ฉันก็สมควรได้รับเช่นนั้น
หลังได้ยินคำตอบของต้วนจิ่งหง เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างพยักหน้า ดีครับ คุณตระหนักถึงสิ่งต่างๆ ได้ดี ในเมื่อเนื้อคดีพวกนี้มีความร้ายแรง เราจะทำการสืบสวนให้กระจ่าง ไม่เช่นนั้นความโสมมในวงการบันเทิงคงได้แพร่ไปถึงทะเลที่ขั้วโลกแน่!
ต้วนจิ่งหงยังคงสงบนิ่ง โดยเฉพาะหลังจากที่เธอได้พูดความจริงออกมา เธอไม่มีภาระใดๆ ต้องแบกหรือมีพันธนาการใดๆ มาเหนี่ยวรั้งเธอไว้อีกแล้ว ดังนั้นในที่สุดเธอก็รู้สึกโล่งใจ…
บรรดาสื่อทราบข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นที่สถานีตำรวจอย่างรวดเร็วและพากันมารายล้อมรอบสถานที่แห่งนั้น เพราะต้วนจิ่งหงเป็นฝ่ายเข้ามอบตัวเองและให้ความร่วมมืออย่างดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุ้มครองเธอและไม่อนุญาตให้สื่อได้มีโอกาสเข้าใกล้เธอเลย
ถึงกระนั้นสื่อก็ยังคงป่าวประกาศเรื่องการมอบตัวของต้วนจิ่งหง…
เธอเป็นสมาชิกของวงเอโอบีจริงและเป็นคนเดียวกับต้วนจิ่งหงที่เคยพยายามจะขโมยของจากห้องทำงานของโม่ถิง ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นอดีตผู้จัดการของซ่งซินอีกด้วย เธออธิบายวิธีการที่เธอทำร้ายฮั่วจิงจิงและเกือบทำให้ถังหนิงต้องแท้งลูก รวมถึงยอมรับว่าเธอก่อเหตุทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่คนสั่งให้เธอทำเรื่องทั้งหมดคือซ่งซิน!
จากนั้นโลกอินเทอร์เน็ตได้เต็มไปด้วยความคิดเห็นมากมาย!
โม่ถิงได้ส่งคนสองคนไปดูแลความปลอดภัยของต้วนจิ่งหงด้วย ปรากฏว่าไห่รุ่ยให้การสนับสนุนการตัดสินใจของต้วนจิ่งหงเป็นอย่างมาก
[ฉันไม่เคยว่าการบาดเจ็บของฮั่วจิงจิงจะมีอะไรมากกว่านั้นเลยนะ ต้วนจิ่งหงสมควรถูกเกลียดแล้วละ แต่ซ่งซินนั่นมันโรคจิตชัดๆ!]
[ต้วนจิ่งหงยอมมอบตัวกับตำรวจด้วยตัวเอง ถึงเธอจะทำเรื่องเลวร้ายมากมาย เธอก็ยังกล้ายอมรับความผิดถือว่าน่าชื่นชมมากนะ]
[ไม่อยากเชื่อว่าซ่งซินจะพยายามกล่าวหาว่าไห่รุ่ยเป็นคนทำร้ายปู่ของเธอทั้งที่ตัวเองแอบทำเรื่องไร้ยางอายมากมายแท้ๆ น่ารังเกียจจริงๆ!]
…
นังสารเลวเอย! ซ่งซินแทบจะเสียสติหลังได้เห็นข่าวเรื่องต้วนจิ่งหงเข้ามอบตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าเธอจะได้รับความเห็นใจโดยการใช้การบาดเจ็บของปู่ตัวเองเป็นเครื่องมือ แต่เธอไม่เคยคาดคิดว่าต้วนจิ่งหงคนนั้นจะยอมเข้ามอบตัวกับตำรวจ ไม่มีหลักฐานแบบนี้นังสารเลวนั่นรู้ตัวหรือเปล่าว่าสุดท้ายมันนั่นแหละจะเจ็บตัว
ในความเป็นจริง คำกล่าวหานี้กับคำกล่าวหาที่เธอใส่ความไห่รุ่ยนั้นไม่แตกต่างกัน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครสามารถแสดงหลักฐานที่ชัดเจนได้ ทั้งหมดเป็นเพียงคำพูดและการกระทำเท่านั้น
แต่ความจริงที่ต้วนจิ่งหงเป็นฝ่ายเข้าไปที่สถานีตำรวจด้วยตัวเองทำให้ความจริงใจและคำพูดของเธอดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ดังนั้นความเห็นของประชาชนจึงเทมาอยู่ข้างเธออย่างฉับพลัน
ฉันทนนั่งอยู่เฉยๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก ฉันต้องโต้ตอบ! หลังพูดจบซ่งซินโทรหาเซียวอวี่เหอ ฉันต้องการฟ้องร้องต้วนจิ่งหงข้อหาหมิ่นประมาท ไปแจ้งความจับมันที่สถานีเดียวกันกับที่มันอยู่เลย!
เซียวอวี่เหอไม่เก่งเรื่องการรับมือกับปัญหา ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยว่าวิธีนี้จะเป็นการเอาคืนต้วนจิ่งหงที่ดีที่สุดและพาซ่งซินตรงไปยังสถานีตำรวจเพื่อเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายแบบซึ่งหน้า
ส่งผลให้สถานีตำรวจดังกล่าวแน่นขนัดไปด้วยผู้คน!
ต้วนจิ่งหงไม่คิดว่าซ่งซินจะปรากฏตัวที่สถานีตำรวจเดียวกัน และไม่คาดคิดว่าซ่งซินจะฟ้องร้องเธอในข้อหาหมิ่นประมาทต่อหน้าต่อตาเธอแบบนี้
บรรดาสื่อต่างกระหายที่จะหาข้อมูลไปเขียนข่าวแต่ตำรวจได้เตรียมการระวังไว้หมดแล้ว
ส่งผลให้ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองฝ่ายสามารถปรากฏตัวที่สถานที่เดียวกันได้
เมื่อศัตรูเผชิญหน้ากัน ดวงตาของพวกเธอสุมไปด้วยไฟแค้น แต่ซ่งซินตระหนักดีว่าการกระทำของต้วนจิ่งหงในวันนี้มีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับทั้งสองฝ่ายและไม่เกิดผลดีใดๆ
แค่เธอทำร้ายชื่อเสียงของตัวเองก็แย่พอแล้ว ยังมาพยายามลากฉันไปด้วยอีก พอใจกับผลลัพธ์ตอนนี้ไหมล่ะ
เมื่อได้ยินคำถามของซ่งซิน สายตาต้วนจิ่งหงนั้นทั้งเยือกเย็นและสงบนิ่ง เธอหนีไม่พ้นหรอก
เธอมีหลักฐานอะไร ซ่งซินถามพลางยักไหล่ทั้งสองข้าง ในเมื่อเธอเดบิวต์ไปแล้ว เธอก็ควรจะมุ่งมั่นกับการเป็นดาราของเธอไปสิ ทำไมถึงได้มาทำลายตัวเองด้วยวิธีนี้
ต้วนจิ่งหงไม่พูดอะไรขณะที่เธอหลับตาลง
เห็นเช่นนั้น ซ่งซินอยากจะขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น แต่คนของไห่รุ่ยรีบเข้ามาขวาง ถอยไป!
นี่ถึงขนาดมีบอดีการ์ดเลยเหรอ
ผมบอกให้คุณถอยไป ไม่ได้ยินหรือไง คนของไห่รุ่ยผลักซ่งซินออกไป
พวกแกไม่ได้ดูหรือไงว่ากำลังปกป้องใครอยู่ นังนั่นมันก็แค่เด็กหน้าใหม่ สมควรให้คนอย่างพวกแกมาดูแลหรือไง
อย่างน้อยเธอก็มีเกียรติ คุณมีแค่หัวใจที่ต่ำช้า หลังพูดจบ บอดีการ์ดเตือนไม่ให้ซ่งซินเข้ามาใกล้อีกแม้แต่ก้าวเดียว
จากนั้น อ้างอิงจากสิ่งที่ต้วนจิ่งหงกล่าว ตำรวจได้ทำการค้นบ้านของเธอแต่ไม่พบหลักฐานใดๆ ส่งผลให้ไม่สามารถยอมรับการมอบตัวของเธอได้เช่นกัน
จากการสืบสวนของตำรวจ ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่ระบุว่าคุณทั้งทั้งสองคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้งสองเหตุการณ์ ดังนั้นตำรวจจึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะจับกุมพวกคุณ พวกคุณทั้งสองคนควรกลับบ้านได้แล้ว เราจะติดต่อคุณเมื่อมีความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้น
หลังได้ยินสิ่งที่เจ้าหน้าที่กล่าว ซ่งซินระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น ต้วนจิ่งหง นี่ไงผลของการมอบตัวของแก!
หลังจากนั้น เธอหันไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจและร้องตะโกนขึ้น ฉันต้องการฟ้องร้องต้วนจิ่งหงในข้อหาหมิ่นประมาท!
เจ้าหน้าที่จ้องมองไปที่ซ่งซินและกล่าวกับเธอด้วยท่าทีรำคาญ เราเพียงแค่ยังไม่พบหลักฐาน คุณจะอวดดีไปทำไม ก่อนที่เราจะปิดคดีนี้ คุณยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่นะ!
พวกทนายของฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง
ซ่งซินพูดจบ ก็เดินดุ่มๆ ออกจากสถานีตำรวจด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ต้วนจิ่งหงยังคงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม คุณได้ตรวจสอบของที่ฉันบอกคุณหรือเปล่าคะ พวกคุณไม่พบอะไรเลยงั้นเหรอ
คุณผู้หญิง ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ ผมรู้ว่าคุณต้องการให้ตัวการได้รับความผิด แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะหาหลักฐานให้กับเหตุการณ์แบบนี้ ทางที่ดีตอนนี้คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ
ต้วนจิ่งหงไม่ยอมรับผลที่ออกมาและต้องการถามเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่านั้นแต่คนของไห่รุ่ยบอกกับเธอว่า กลับกันก่อนเถอะครับ ไม่มีความจำเป็นต้องร้อนรน
ฉันโกรธที่ฉันทำได้แค่มองซ่งซินแต่ทำอะไรผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลย!
การแก้แค้นมันช้าแต่แน่นอนนะครับ คนบางคนจะต้องได้รับผลกรรมในที่สุด
การที่ตำรวจไม่พบหลักฐานใดๆ นั้นเป็นไปตามที่ซ่งซินคาดคิด เพราะเธอเพียงแค่สั่งด้วยปากเปล่าเท่านั้น ใครจะไปพิสูจน์อะไรได้
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะแสดงท่าทีอวดดี
ผลที่ได้คือทันทีที่เธอก้าวออกมาจากสถานีตำรวจ เธอกล่าวกับสื่อโดยตรง เกี่ยวกับเรื่องที่ต้วนจิ่งหงเข้ามอบตัว ฉันจะปกป้องสิทธิ์ของตัวเองผ่านช่องทางทางกฎหมาย ฉันไม่เคยนึกเลยว่าฉันจะถูกเพื่อนรักของตัวเองแทงข้างหลังแบบนี้น นับจากวันนี้ไปฉันจะไม่มีเพื่อนแบบนี้อีก ยิ่งกว่านั้นฉันต้องการให้ต้วนจิ่งหงชดใช้อย่างสาสมกับสิ่งที่ได้ทำลงไป!
แต่ในโลกออนไลน์ผู้คนต่างพูดกันว่าภาพยนตร์ของถังหนิงถูกบีบให้ต้องปรับแก้และถังหนิงเองก็ถูกแบนอย่างลับๆ เพราะคุณปู่ของคุณใช้เส้นสายในเรื่องนี้ นักข่าวขุดหลุมรอให้ซ่งซินตกหลุมพราง เพราะตอนนี้ซ่งซินกำลังตามืดบอดด้วยความโกรธ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่เธอจะหลุดปากพูดออกมา
ถ้าคุณปู่ของฉันทำได้ขนาดนั้น ฉันจะยังถูกไห่รุ่ยรังแกอยู่แบบนี้เหรอคะ ซ่งซินตอบอย่างเหยียดหยันพลางใช้หางตามองไปยังนักข่าวคนนั้น
ถ้าอย่างนั้น ต้วนจิ่งหงที่ถูกจับได้ว่าเป็นขโมยเป็นคนเดียวกับจิ่งหงที่ตอนนี้อยู่ในวงเอโอบีจริงเหรอครับ นักข่าวถาม
คุณจะรู้เรื่องนี้ทันทีที่คุณเห็นภาพที่กำลังอยู่ในโลกออนไลน์ เธอแอบเข้าไปในห้องทำงานของโม่ถิงและถูกหมากัด หลังจากนั้นด้วยวิธีการบางอย่าง เธอก็ได้แปลงโฉมและเดบิวต์เป็นศิลปินคนหนึ่งของค่าย ถึงเหตุการณ์นั้นจะผ่านมาสองเดือนแล้ว ฉันก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้ออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า ฉันไม่อยากเชื่อว่าเธอจะเป็นอดีตผู้จัดการของฉัน ไร้ยางอายสิ้นดี!
แล้วอุบัติเหตุในวันนี้ล่ะครับ คุณอธิบายรายละเอียดได้ไหม
…
สาธารณะได้รับรู้ข้อโต้แย้งในวงการบันเทิงมามากพอแล้ว
ทุกคนมักอ้างว่าตนเองเป็นเหยื่อเสมอ แต่เมื่อใดก็ตามที่คนเหล่านั้นถูกเปิดโปง พวกเขาจะพูดไร้ยางอายอย่างที่สุด
เรื่องส่วนใหญ่ไห่รุ่ยไม่จำเป็นต้องออกมาอธิบายเพราะมันเป็นเรื่องไร้สาระทั่วไป แต่เมื่อเป็นเรื่องของต้วนจิ่งหง ประชาชนกลับมองไห่รุ่ยต่างออกไป
หากต้วนจิ่งหงเป็นคนเดียวกันกับต้วนจิ่งหงที่เคยพยายามขโมยของจากไห่รุ่ยจริง ทำไมการตอบสนองในของไห่รุ่ยถึงแปลกนัก
ถ้าหัวขโมยกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ นั่นหมายความว่าไห่รุ่ยกำลังสร้างภาพลักษณ์แบบไหนสู่สาธารณะกันล่ะ
ความจริงนั้น ไห่รุ่ยได้จัดการเรื่องนี้อย่างลับๆ เมื่อโม่ถิงต้องการให้ต้วนจิ่งหงเดบิวต์ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องเตรียมการสิ่งสำคัญต่างๆ เอาไว้แล้ว ส่งผลให้ไม่มีใครสามารถหารูปของต้วนจิ่งหงนับจากตอนที่เธอถูกจับได้ว่าเป็นขโมยและถูกสุนัขกัดได้เลย ดังนั้นด้วยรูปโฉมที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของต้วนจิ่งหง ตราบใดที่ทีมประชาสัมพันธ์ของไห่รุ่ยยืนกรานว่าทั้งสองไม่ใช่คนคนเดียวกัน ก็ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เพราะไม่มีใครสามารถหาอะไรมาเปรียบเทียบคนทั้งสองได้
หลังได้เห็นข่าวดังกล่าว ถังหนิงโทรหาต้วนจิ่งหง ไม่ต้องห่วง ทำหน้าที่ของเธอต่อไปเถอะ ไม่มีใครสามารถยืนยันตัวตนของเธอได้แน่นอน
แม้ต้วนจิ่งหงจะรู้ดีว่าไห่รุ่ยนั้นทรงอำนาจมากแค่ไหน แต่ทันทีที่เธอได้ยินคำว่า ‘ขโมย’ เธอก็ไม่อาจควบคุมความกังวลได้ เพราะถึงอย่างไรเธอก็คือต้วนจิ่งหง ต้วนจิ่งหงคนที่ถูกสุนัขกัดหลังจากแอบลักลอบเข้าไปภายในห้องทำงานของโม่ถิง
ก่อนหน้านี้เธอพึ่งพาโชคมาตลอด เธอคิดว่าเธอหากเธอไม่เปิดโปงซ่งซิน ซ่งซินก็จะไม่เที่ยวป่าวประกาศเรื่องของเธอ แต่…
…คนอย่างซ่งซินนั้น…
…ไร้หัวใจ!
เพราะเธอคิดเอาเองว่าต้วนจิ่งหงไม่มีหลักฐานอะไรในมือ
ถังหนิง…
จ๊ะ ก่อนที่ถังหนิงจะทันได้วางสาย ต้วนจิ่งหงเรียกเธอเอาไว้ ที่จริงฉันคิดว่ามันน่าจะพอแล้วละมั้ง
อะไรพองั้นเหรอ
ฉันได้ลิ้มรสความสำเร็จแล้ว แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในที่สุดฉันก็เชื่อในสิ่งที่คุณพูดเรื่องที่ว่าท้ายที่สุดคนที่ติดค้างและคนที่ทำผิดจะต้องชดใช้ ดังนั้นฉันไม่อยากจะหลบซ่อนตัวอีกแล้ว! ต้วนจิ่งหงกล่าวหลังจากรวบรวมความกล้า ฉันอยากจะขอให้ท่านประธานไม่ต้องเตรียมแผนประชาสัมพันธ์อะไรให้ฉันอีก ถึงฉันจะรู้ว่าเส้นทางไปสู่การเป็นดาราของฉันจะปราศจากปัญหาหลังจากไห่รุ่ยใช้เวทมนตร์วิเศษก็ตามที แต่ฉันไม่ใช่คนที่ไม่มีชนักติดหลัง
ถังหนิง ฉันขอโทษด้วยที่ก่อนหน้านี้เคยทำอะไรคุณและเพื่อนของคุณ ฉันขอโทษจริงๆ
ฉันไม่รู้จะชดใช้ตราบาปของตัวเองและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณได้ยังไง
ณ ปลายสายอีกด้านหนึ่ง ถังหนิงยังคงเงียบอีกชั่วครู่ก่อนในที่สุดเธอจะเอ่ยขึ้น เธอคิดเรื่องนี้ดีแล้วใช่ไหม
ฉันไม่เคยแน่ใจเท่านี้มาก่อนเลย ต้วนจิ่งหงยิ้ม หลังจากที่ฉันก้าวออกไป ฉันอาจจะพังยับเยินแต่ฉันคิดจะใช้ชีวิตที่ซื่อตรงมากกว่านี้ ถังหนิง ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างที่คุณทำให้ฉันนะ
ถังหนิงไม่ห้ามต้วนจิ่งหง เพราะต่อให้อีกฝ่ายกำลังจะสูญเสียทุกอย่าง เธอก็กำลังจะเป็นอิสระทางใจเช่นกัน
เธอวางแผนจะทำอะไรล่ะ
ฉันจะโจมตีผู้หญิงคนนั้นแบบซึ่งๆ หน้า ถังหนิงหัวเราะ ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ฉันแค่หวังว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน คุณจะช่วยดูแลพ่อแม่ของฉันแทนฉันด้วย พวกท่านเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้โลภมากเหมือนฉัน
ไม่ต้องห่วง!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ต้วนจิ่งหงยิ้มให้ถังหนิงและกล่าวคำอำลา
ครั้งหนึ่งถังหนิงเคยให้คำมั่นกับเธอว่าต่อให้ซ่งซินถูกเปิดโปง เธอก็จะไม่ถูกประณามไปด้วย ในตอนนั้นเธอรู้สึกว่าถังหนิงกำลังหลอกล่อเธออยู่ แต่ตอนนี้เธอกลับต้องการที่จะถูกประณาม ด้วยวิธีนี้เธอจะไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป ถังหนิงสามารถรักษาคำพูดของตัวเองได้แน่แต่ต้วนจิ่งหงไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว…
[ไห่รุ่ยเงียบมาตลอดเลย ทำไมแผนกประชาสัมพันธ์ถึงไม่ทำอะไรสักอย่าง]
[ฉันพยายามหารูปของต้วนจิ่งหงแต่เจอแต่รูปเบลอๆ ที่ไม่เห็นเหมือนอย่างที่ซ่งซินพูดเลย]
[ซ่งซินไม่เห็นอธิบายเรื่องอุบัติเหตุให้ชัดเจนเลย ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าใครเป็นคนผิดกันแน่]
[ถังหนิง ออกมาพูดอะไรสักอย่างสิ อย่าช่วยให้หัวขโมยกลายเป็นดารานะ]
[ทุกอย่างที่ฉันเห็นในโลกออนไลน์มีแต่ความไม่พอใจของซ่งซินทั้งนั้น ไห่รุ่ยไม่เห็นออกมาโต้ตอบอะไรเลยสักคำ ฉันสงสัยจริงว่าความจริงคืออะไรกันแน่ ฉันรู้สึกว่ามันต้องมีความลับใหญ่บางอย่างซ่อนอยู่ในเรื่องทั้งหมดแน่]
[ฉันก็คิดเหมือนกัน!]
[ฉันด้วย +1]
ท้ายที่สุด ไห่รุ่ยยังคงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนี้ขณะที่ความไม่พอใจของซ่งซินกระจายไปทั่วทุกหัวระแหงให้ทุกคนได้สนุกกับมันอีกหน่อย
ในที่สุดผู้อาวุโสซ่งและคนขับรถได้ออกจากห้องผ่าตัดราวห้าถึงหกชั่วโมงหลังจากนั้น เนื่องจากผู้อาวุโสซ่งมีอายุมากแล้วทำให้เขายังคงไม่ได้สติ ในขณะที่คนขับรถฟื้นคืนสติเป็นคนแรก
ซ่งซินยืนดูแลอยู่ข้างเตียงของคนขับรถ ทันทีที่เขาได้สติ เธอรีบพุ่งตัวเข้าหาเขาและถาม ลุงเฉิน เป็นยังไงบ้าง
คุณหนู…
ลุงยังจำได้ไหมว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ยังไง ซ่งซินถามทันทีที่เธอเห็นเขาเริ่มได้สติ
ผมจำได้ว่าเป็นคุณหนูที่…
ไม่ใช่! ไม่ใช่ฉัน… ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยทั้งนั้น ซ่งซินกล่าวก่อนจะโน้มตัวไปใกล้อีกฝ่ายและข่มขู่ ถ้าลุงกล้าบอกสื่อว่าฉันเป็นคนทำให้เกิดอุบัติเหตุละก็ ระวังครอบครัวของลุงเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน
ดวงตาลุงเฉินเบิกโพลง แต่เขาไม่พูดอะไรอีก
ซ่งซินสรุปเอาเองว่าลุงเฉินได้ยอมรับคำขู่ของเธอและจะไม่พูดอะไร ดังนั้นเธอจึงกล่าว ลุงเฉิน พักผ่อนเถอะนะ ฉันจะไปดูคุณปู่สักหน่อย
ลุงเฉินกะพริบตาปริบๆ ขณะที่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อสิ่งที่เขาพูดมาเคลื่อนมาถึงปาก เขาก็กลืนมันกลับไปจนหมด
เขาเป็นคนมีศีลธรรมมาตลอดชีวิต ใครจะไปคิดว่าทันทีที่เขาประสบอุบัติเหตุ เขาจะถูกข่มขู่เช่นนี้
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นความผิดของซ่งซิน…
ลุงเฉินรู้ดีว่าเขาจะทำอะไร เขารู้ดีว่าคำบางคำจะมีค่าก็ต่อเมื่อถูกพูดโดยคนที่มีอำนาจเท่านั้น
แต่ซ่งซินไม่รู้ตัวเลยว่าครั้งนี้เธอได้ขุดหลุมฝังตัวเองเสียแล้ว…
หากซ่งซินไม่ได้หุนหันพลันแล่นไปเรียกร้องให้ไห่รุ่ยออกมาเคลื่อนไหว เธอก็คงไม่ได้กระตุ้นต่อมของต้วนจิ่งหง…
เพราะในขณะที่ซ่งซินนั้นกล้าเพียงแค่แสดงท่าทีผยองต่อหน้าสื่อ…
…ต้วนจิ่งหงได้เข้ามอบตัวกับตำรวจด้วยตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว!
กลางดึกคืนนั้น คู่รักทั้งสองกำลังหลับสนิทก่อนที่ทันใดนั้นเสียงร้องไห้จะปลุกให้ถังหนิงตื่นจากการหลับใหล เมื่อรู้ว่าหนึ่งในลูกทั้งสองของเธอกำลังร้องไห้ ถังหนังเตรียมตัวลุกจากเตียงแต่ชายที่อยู่ข้างเธอกลับรีบวิ่งไปอุ้มกั่วกั่วไว้ในอ้อมแขน
โม่ถิงสัมผัสหน้าผากเด็กน้อยและขมวดคิ้ว ตัวร้อน เขาต้องมีไข้แน่…
หลังได้ยินเช่นนั้น ถังหนิงก็รีบลุกจากเตียงทันที คุณหมอบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่เด็กจะมีภูมิคุ้มกันต่ำ เธอสอนวิธีลดไข้ให้ฉันนิดหน่อยและบอกเราว่าอย่าตื่นตระหนก
คุณอยู่ที่เตียงเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง โม่ถิงกล่าวก่อนจะหยิบที่วัดไข้ออกมาแล้วพากั่วกั่วไปยังห้องน้ำ คุณหมอได้สอนพวกเขาให้อาบน้ำอุ่นให้กับเด็กเพื่อช่วยลดอุณหภูมิของร่างกาย
เด็กน้อยอีกคนที่ยังอยู่ในเปลคือแฝดผู้พี่ ขณะที่เด็กคนที่กำลังป่วยคือแฝดผู้น้องที่ร่างกายบอบบางกว่า ขณะที่โม่ถิงกำลังอาบน้ำให้กั่วกั่ว ถังหนิงได้โทรหาคุณหมอ แม้จะเป็นเวลากลางดึกแล้วแต่คุณหมอก็ยังตอบคำถามคนไข้ของเธออย่างใจเย็น
ที่จริงนับตั้งแต่เมื่อถังหนิงเริ่มตั้งท้อง หมอหลายคนก็ไม่ได้สังเกตว่าเธอกำลังอุ้มท้องแฝดเพราะแฝดผู้น้องมีพัฒนาการช้ากว่าแฝดผู้พี่ ส่งผลให้แฝดผู้น้องนั้นมีสุขภาพที่อ่อนแอกว่า
จะเป็นการดีถ้าคุณไม่เลี้ยงดูเขาเป็นพิเศษ อย่าสร้างนิสัยเลือกปฏิบัติให้เขาตั้งแต่เด็ก ไม่เช่นนั้นแฝดผู้พี่จะสัมผัสได้ถึงความไม่เท่าเทียม
หลังได้ยินคำแนะนำของหมอ ทำให้ความกังวลใจของถังหนิงลดลง จากนั้นเธอจึงเดินตามเข้าไปยังห้องน้ำอย่างช้าๆ และเห็นโม่ถิงกำลังเช็ดตัวให้เด็กน้อยภายใต้แสงไฟอบอุ่น ความจริงจังของเขาดูทรงเสน่ห์อย่างมาก
คำว่า ‘ปะป๊า’ พลันผุดขึ้นมาในใจของถังหนิง
อาจเป็นเพราะถังหนิงไม่เคยได้สัมผัสความรักของผู้เป็นพ่อมาก่อนในชีวิต การได้เห็นโม่ถิงที่กำลังจริงจังทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ…
เธอไม่รู้ว่าคนอื่นๆ เป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแค่ว่าโม่ถิงจะต้องเป็นพ่อที่ดีแน่นอน!
…
ขณะเดียวกัน ซ่งซินคุกเข่าด้วยความสับสนอยู่ต่อหน้าบรรพบุรุษของเธอตลอดทั้งคืน เดิมทีเธออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากพ่อบ้าน แต่พ่อบ้านเองก็ไม่รู้ว่าทำไมผู้อาวุโสซ่งถึงโกรธถึงขนาดนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ผู้อาวุโสซ่งยังสั่งให้เขาคอยควบคุมการลงโทษซ่งซินอย่างเข้มงวดอีกด้วย หากชายชราจับได้ว่าพ่อบ้านโอนอ่อนให้ซ่งซิน เขาจะถูกลงโทษเป็นสองเท่า
เช้าวันต่อมา ทันทีที่แสงอาทิตย์สาดส่อง ซ่งซินถูกผู้อาวุโสซ่งลากขึ้นรถก่อนที่เธอจะทันได้ตั้งตัว เธอไม่รู้เลยว่ากำลังจะมุ่งหน้าไปนที่ไหน
คุณปู่… อย่างน้อยช่วยบอกหนูหน่อยเถอะว่าทำไมหนูถึงต้องคุกเข่าต่อหน้าบรรพบุรุษตลอดทั้งคืนแบบนี้
หลานจะรู้เมื่อเราไปถึงที่หมาย ผู้อาวุโสซ่งคำราม
คุณปู่ไม่เคยทำกับหนูแบบนี้ คุณปู่กำลังรักแกหนูเพราะหนูไม่มีพ่อแม่หรือใครให้พึ่งใช่ไหม
ไม่มีใครให้พึ่งงั้นเรอะ ผู้อาวุโสยกมือขึ้นอีกครั้งและพร้อมที่จะตบหน้าซ่งซิน แต่ซ่งซินพลันยืนหน้าและร้องตะโกน ตบหนูเท่าที่คุณปู่ต้องการเลย หนูไม่สามารถหนีไปไหนได้อยู่แล้ว
ได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสซ่งกลับใจเย็นลงอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่เขาลดมือลงนั้น เขาหยิบมวนบุหรี่ขึ้นจุดและสูบเฮือกใหญ่ ซินซิน เราสองคนใช้ชีวิตด้วยกันมานานหลายปีและปู่ให้ทุกอย่างที่หลานต้องการมาตลอด แต่หมู่นี่ปู่เริ่มรู้สึกราวกับหลานเป็นคนแปลกหน้า หลานซ่อนอะไรไม่ให้ปู่รู้อยู่หรือเปล่า
ซ่งซินพลันตัวแข็งทื่อด้วยความรู้สึกผิดแต่แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรผิดปกติ คุณปู่ไปได้ยินข่าวลือมั่วๆ มาจากไหนเหรอคะ
หลานเคยสั่งให้ต้วนจิ่งหงไปทำอะไรที่เป็นอันตรายกับคนอื่นหรือเปล่า ผู้อาวุโสซ่งถามพลางมองดูซ่งซินด้วยความจริงจัง
คุณปู่… จะเป็นไปได้ยังไงกัน หนูเป็นผู้บริสุทธิ์นะ!
แต่ต้วนจิ่งหงมีหลักฐานว่าหลานทำร้ายฮั่วจิงจิงกับลูกของถังหนิง!
ได้ยินเช่นนั้น อุ้งมือทั้งสองข้างของซ่งซินเริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะที่เธอตกอยู่ในความหวาดวิตก แต่หลังจากคิดถึงสิ่งต่างๆ อย่างเงียบๆ เธอจำได้ว่าเธอแทบไม่เคยออกปากสั่งต้วนจิ่งหงเลย แล้วผู้หญิงคนนั้นจะมีหลักฐานได้อย่างไร
นี่มันกับดักของถังหนิงไม่ใช่หรือ
ดังนั้นเธอจึงหันกลับไปอีกด้านและพยายามเปิดประตูรถ เปิดประตูนะ ฉันจะออกไป!
วันนี้หลานจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!
คุณปู่ไปเชื่อคำพูดของถังหนิงได้ยังไง หนูจะไปทำอะไรอย่างที่มันพูดได้ยังไงกัน ถังหนิงได้เอาหลักฐานให้คุณปู่ดูหรือเปล่า คุณปู่ไปเชื่อมันทั้งอย่างนั้นได้ยังไง ถ้าหนูบอกว่าหนูไม่ได้ทำก็คือหนูไม่ได้ทำ ซ่งซินโต้แย้ง จากนั้นเธอลุกขึ้นจากที่นั่งด้านหลังและเข้าขัดขวางการขับรถของคนขับรถ
คนขับรถตกใจและเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน แต่สายเกินไป…
รถของพวกเขาได้ชนเข้ากับราวกันของสะพานหินที่กำลังขับผ่านและเกือบจะตกลงจากสะพาน
ซ่งซินปลอดภัยเพราะการปกป้องของผู้อาวุโสซ่ง แต่ศีรษะของผู้อาวุโสซ่งกระแทกเข้ากับกระจกรถและชุ่มโชกไปด้วยเลือด
คุณปู่… คุณปู่คะ…
ผู้อาวุโสซ่งถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ซ่งซินทั้งโกรธและหงุดหงิด เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด หลังพิจารณาตัวเลือกทั้งหมดที่เธอมี เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาเซียวอวี่เหอ ฉันมีอะไรจะบอก…
แม้เธอจะถูกต้วนจิ่งหงแทงข้างหลัง เธอก็ยังเป็นคนระแวดระวังเสมอ ไม่น่าเป็นไปได้ที่เธอจะปล่อยให้ต้วนจิ่งหงมีหลักฐานใดๆ ในมือ
ดังนั้นเธอจึงมั่นใจว่าไห่รุ่ยไม่น่าสร้างหลักฐานอะไรขึ้นมาได้ คนพวกนั้นใช้อุบายหลอกชายชราให้ยอมประนีประนอมด้วย เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจที่สุด!
ในเมื่อถังหนิงหน้าด้านและทำให้ชีวิตปู่ของเธอต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องออมมือเช่นกัน
…
[ข่าวด่วน เวลาแปดนาฬิกาเช้าวันนี้ ได้รับรายงานอุบัติเหตุทางรถยนต์บริเวณสะพานหินใกล้ถนนจงหวน ผู้สื่อข่าวของเราได้รับการยืนยันว่าผู้ประสบเหตุดังกล่าวคือซ่งซินที่กำลังโด่งดังในขณะนี้และสมาชิกในครอบครัวของเธอ ผู้สื่อข่าวยังยืนยันอีกด้วยว่าปู่ของซ่งซินและคนขับกำลังอยู่ระหว่างการผ่าตัดอยู่ในห้องผ่าตัด ขณะที่ซ่งซินรอดมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน]
[นักข่าวของเราได้สัมภาษณ์ซ่งซินหลังอุบัติเหตุในครั้งนี้ แต่เขาต้องประหลาดใจเมื่อซ่งซินไม่ได้พูดถึงความช็อคของเธอแต่กลับพูดถึงความไม่พอใจที่เธอมีต่อคนคนหนึ่ง หากคุณต้องการทราบความจริง กรุณาติดตามการรายงานจากนักข่าวของเราหลังจากนี้]
[ซ่งซิน นักแต่งเพลงและนักเขียนชื่อดัง กล่าวว่าเหตุการณ์อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะไห่รุ่ย!]
ทุกท่านทราบดีเกี่ยวกับความไม่ลงรอยกันระหว่างฉันกับไห่รุ่ย หลังจากขั้นตอนทางกฎหมายสิ้นสุดลง ตอนแรกฉันคิดว่าหากฉันอดทนอีกสักหน่อยทุกอย่างคงจะสิ้นสุดลง เพราะฉันจะไม่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคนพวกนั้นอีก แต่ฉันไม่เคยคาดคิดเลยว่าไห่รุ่ยจะทำถึงขนาดทำร้ายสมาชิกในครอบครัวของฉัน!
ตอนนี้ฉันต้องการฟ้องร้องไห่รุ่ยในสามข้อหาหลัก หนึ่ง พวกเขาบีบบังคับศิลปินเพื่อรับประกันตำแหน่งของถังหนิงให้อยู่ในจุดสูงสุด สอง ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุการณ์ของผู้อาวุโสอู๋ แต่หลังจากใครบางคนโยนความผิดและทำให้ฉันตกเป็นผู้ต้องสงสัย ไห่รุ่ยไม่ได้ออกมาชี้แจงข้ออ้างต่างๆ พวกเขากดดันฉันเพราะต้วนจิ่งหงถูกจับได้ว่าเป็นขโมย แต่พวกเขากลับเบี่ยงเบนและช่วยให้ต้วนจิ่งหงได้เดบิวต์เป็นศิลปินในค่าย ใช่ค่ะจิ้งหงแห่งวงเอโอบีเป็นอดีตผู้จัดการของฉันเอง!
และตอนนี้สิ่งที่รับไม่ได้ยิ่งกว่าคือพวกเขาสร้างเรื่องโกหกมาเป่าหูคุณปู่ของฉันให้เป็นปรปักษ์กับฉัน ทำให้เขาต้องประสบอุบัติเหตุ ฉันขอเตือนคุณนะโม่ถิง ฉันจะไม่ยอมจบเรื่องนี้แน่!
ง่ายมาก แค่คุณติดต่อไปหาทุกคนที่คุณสั่งให้แบนถังหนิงแล้วยกเลิกคำสั่งแบนทั้งหมดของเธอ โม่ถิงตอบอย่างตรงไปตรงมา เผยวัตถุประสงค์ของเขาอย่างไม่ลังเล
แกกำลังจะบอกให้ฉันกลับคำพูดตัวเองอย่างนั้นเรอะ
นั่นเป็นปัญหาของคุณ น้ำเสียงของโม่ถิงค่อยๆ เยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคุณไม่รู้สึกผิดกับทุกสิ่งที่หลานสาวของคุณได้ทำลงไป งั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องใส่ใจกับศักดิ์ศรีของคุณ ผมแค่ต้องการเห็นคุณตบหน้าตัวเองเท่านั้นเอง
ผู้อาวุโสซ่งเบือนหน้าหนี ไม่อยากยอมรับชะตากรรมตัวเอง
อะไรกัน เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกไม่ให้ผมทำตัวจองหองเองไม่ใช่เหรอ ท่าทีพวกนั้นหายไปไหนหมดล่ะ
ผู้อาวุโสซ่ง ผมเกือบลืมบอกคุณไป หากคุณไม่จัดการสิ่งต่างๆ ที่หลานสาวของคุณทำในวันนี้ ผมจะจัดการเอาคืนกับเธอโดยตรง หลานสาวของคุณทำให้ภรรยาและลูกชายสองคนของผมเกือบเอาชีวิตไม่รอด หากคุณเป็นผม คุณจะเอาคืนเรื่องนี้ยังไงครับ
ผู้อาวุโสซ่งอ้าปากแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกมา
ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถพูดออกมาได้…
คนเราทำอะไรไว้ก็ต้องชดใช้ไม่ช้าก็เร็ว คุณจะชดใช้หรือผมหรือจะให้หลานของคุณเป็นคนชดใช้ล่ะ
ผู้อาวุโสซ่งไม่เคยเสียหน้าเช่นนี้มาก่อน เขาไม่เคยถูกคนอ่อนวัยกว่าต้อนจนพูดอะไรแบบนี้
ในสายตาคุณ ชีวิตคนคนหนึ่งมีค่าแค่น้อยนิดงั้นเหรอครับ
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ผู้อาวุโสซ่งก็สงบลงและคิดถึงสิ่งต่างๆ อย่างถี่ถ้วน เขาเข้าใจดีว่าการกระทำของโม่ถิงนั้นไม่ใช่เรื่องผิด ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง การปกป้องภรรยาของตัวเองเป็นสิ่งที่ต้องกระทำ เช่นเดียวกับคำถามของโม่ถิงเกี่ยวกับคุณค่าของชีวิตคนคนหนึ่ง…
…มันจะไม่มีค่าได้อย่างไรกัน
กระนั้นเขาไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะเป็นคนอ่อนแอในสายตาของหลานสาวตัวเอง
เพราะวิธีที่คุณตามใจเธอทำให้ซ่งซินทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ยั้งคิด คุณไม่คิดว่าเธอควรรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำบ้างหรือไง
ชายชรายังคงนิ่งเงียบไปอีกครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึก ว่ามา… แกต้องการอะไรอีก
เมื่อเห็นว่าชายชราเริ่มประนีประนอมมากขึ้น โม่ถิงจึงเอนหลังพิงเก้าอี้และหัวเราะ คุณกำลังถามว่าผมต้องการอะไรอย่างงั้นเหรอ ผมกำลังรอให้ผู้อาวุโสซ่งเสนอแนวทางแก้ไขที่น่าพอใจอยู่
นอกจากเรื่องที่ผมเรียกร้องไปก่อนหน้านี้ ผมกำลังรอให้ผู้อาวุโสซ่งแสดงให้ผมเห็นว่าเขาสามารถทำอะไรได้อีก ผมจะให้เวลาคุณหนึ่งวันกลับไปคิดให้ดี ถ้าผมไม่เห็นความคืบหน้าอะไรภายในหนึ่งวัน ผมคงต้องโทรหาตำรวจ…
ใบหน้าชายชราเปลี่ยนเป็นคร่ำเคร่ง เขาโกรธจัดจนพูดอะไรไม่ออก ขณะที่เขาลุกจากเก้าอี้ ชายชราเกือบจะหมดสติเพราะความดันที่พุ่งสูงขึ้นจนโม่ถิงต้องเรียกเลขาของเขาให้มาช่วยพาเขาออกไป
ถ้านี่ไม่เป็นเพราะผู้อาวุโสซ่งไม่สามารถแยกแยะผิดถูกได้ โม่ถิงคนไม่ต้องทำเรื่องยุ่งยากให้กับชายชราเช่นนี้
แต่เมื่อผู้สูงวัยไม่สมควรได้รับการเคารพ พวกเขาก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำ
นอกจากเรียกร้องให้ผู้อาวุโสซ่งถอนคำสั่งแบนถังหนิงแล้ว โม่ถิงไม่ได้ขออะไรอย่างอ่านอีก กลับกัน เขาได้บังคับให้ผู้อาวุโสซ่งคิดอย่างถี่ถ้วนและเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เขาต้องการดูว่าชายชราตั้งใจจะสละอะไรเพื่อปกป้องหลานสาวของตัวเอง
เขายังอยากเห็นแนวทางแก้ไขที่ชายแก่คนนั้นจะทำด้วย
…
ซ่งซินไม่รู้ตัวสักนิดเลยว่าผู้อาวุโสซ่งได้ล่วงรู้ถึงการกระทำอันชั่วร้ายต่างๆ ของเธอแล้ว หลังจากกลับมาที่บ้านและเห็นชายชรากำลังนั่งอยู่ที่โซฟา เดิมทีเธออยากกจะใช้อำนาจของเขาอีกครั้ง แต่ผู้อาวุโสซ่งจ้องเขม็งมาที่เธออย่างเย็นชาและออกคำสั่ง มานี่
คะคุณปู่ ซ่งซินดูประหลาดใจ
ปู่บอกให้มานี่! ชายชราย้ำด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ซ่งซินเดินตรงไปหาชายชราด้วยความสงสัยและระแวดระวัง จากนั้นเธอสัมผัสได้ถึงความแสบร้อนบนแก้มขวาของเธอที่มาพร้อมกับเสียงดัง เพียะ!
คุณปู่…
ปู่ต้องการให้หลานไปคุกเข่าต่อหน้าบรรพบุรุษคืนนี้ทั้งคืน ถ้าปู่ไม่บอกให้ลุก อย่าริอาจลุกขึ้นมาเชียว พ่อบ้าน จับตาดูเธอเอาไว้ ชายแก่ไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ ที่ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวพลางชี้ไปทางแท่นบูชาบรรพบุรุษ
ทำไมคะคุณปู่ ซ่งซินปฏิเสธที่จะทำตามพลางกุมแก้มของตัวเอง หนูไปทำอะไรให้คุณปู่โกรธนักหนา
เดี๋ยวพรุ่งนี้หลานก็จะรู้ ผู้อาวุโสซ่งสงบสติลง เขาคิดเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วนแล้ว แม้เขาจะไม่ชอบวิธีการของโม่ถิง แต่เขาก็เข้าใจดีว่าโม่ถิงทำไปเพื่อภรรยาของตัวเอง และต่อให้ถังหนิงไม่มีความหมายอะไรกับโม่ถิง ก็ยังมีลูกๆ ของเขาอีกสองคน เด็กพวกนั้นเกือบต้องตายด้วยน้ำมือของหลานสาวของเขา หากเขาอยู่ในจุดเดียวกับโม่ถิง เขาคงควักปืนออกมายิงตัวต้นตอให้ตายไปแล้ว
แต่สิ่งที่ทำร้ายจิตใจเขามากที่สุดคือความจริงที่ซ่งซินใช้เขาและเอาตำแหน่งหน้าที่ของเขามาใช้ฉวยโอกาสให้กับตัวของเธอเองและบรรลุสิ่งที่เธอต้องการ ขณะทำตัวราวกับเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆ ต่อหน้าเขา
เขาเป็นเครื่องมือให้หลานสาวของตัวเองก่อเรื่องต่างๆ!
หลังพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดผู้อาวุโสซ่งก็เลือกที่จะลากซ่งซินไปยังไห่รุ่ยในวันต่อมาเพื่อให้โม่ถิงจัดการลงโทษ เขาจะปล่อยให้โม่ถิงทำในสิ่งที่ต้องการ
เป็นเพราะซ่งซิน ทำให้เขากลายเป็นคนที่ไม่อาจแยกแยะผิดชอบชั่วดี นั่นเป็นสิ่งที่เขายากจะยอมรับได้
…
คืนนั้น โม่ถิงกลับไปที่บ้าน พบว่าถังหนิงกำลังกล่อมลูกทั้งสองคนให้หลับ ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปช่วยเธอ
แม้พ่อลูกจะเพิ่งได้มีปฏิสัมพันธ์กันมาเพียงชั่วเวลาสั้นๆ เด็กทั้งสองต่างคุ้นเคยกับอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ เด็กๆ ต้องการสัมผัสถึงไออุ่นของเขาจึงจะยอมหลับ
หลังจากนั้น คู่รักก็วางลูกทั้งสองลงในเปลนอนของพวกเขาก่อนเดินเข้าไปยังห้องเสื้อผ้า หลังจากช่วยโม่ถิงถอดสูทแจ็กเกตออก ถังหนิงเอ่ยถามขึ้น วันนี้คุณได้เจอคนคนนั้นหรือเปล่า
ไปพักที่เตียงเถอะ ทำไมคนที่เพิ่งคลอดลูกถึงไม่ดูแลตัวเองนะ โม่ถิงกล่าวพลางอุ้มถังหนิงไว้ในอ้อมแขน
ฉันสบายดี ฉันไม่เชื่อธรรมเนียมเก่าๆ ที่ต้องพักอยู่ไฟทั้งเดือนหลังจากคลอดหรอกนะคะ ถังหนิงหัวเราะ
ผมสั่งให้เขาหาแนวทางที่น่าพอใจให้เรา โม่ถิงอธิบายพลางวางถังหนิงลงบนเตียง
ผู้อาวุโสซ่งยังโอเคอยู่ไหมคะ
ตอนแรกเขาก็โกรธ แต่หลังจากคิดดีๆ ผมแน่ใจว่ามันต้องเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมรับเรื่องนี้
แน่นอนอยู่แล้ว ใครจะไปรู้สึกดีที่ถูกหลานสาวตัวเองใช้เป็นเครื่องมือกันล่ะ ถังหนิงยิ้ม เราแค่ต้องรอแล้วดูความจริงใจของผู้อาวุโสซ่ง ถิง ขอบคุณนะคะที่ช่วยเรื่องจิ่งหง
มันไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องการขอบคุณผมหรอกครับ มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของคุณที่ต้องมาขอบคุณผม โม่ถิงกล่าวก่อนพยายามกล่อมถังหนิงให้เข้านอน นอนพักก่อนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำหน่อย
ไม่ ฉันจะรอคุณ ไม่งั้นลูกๆ จะร้อง
อ้อใช่ นั่นสิ ผมไม่มีนมให้พวกเขานี่นะ!
ถังหนิงหัวเราะพลางต่อยเข้าที่แผ่นอกของโม่ถิงอย่างหยอกเย้าและพยักหน้าให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน รีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ
ในความเป็นจริง ต้วนจิ่งหงไม่ได้มีหลักฐานอะไรในมือ ต่อให้เธอไปหาตำรวจ เธอก็ทำได้ใส่ร้ายซ่งซิน ท้ายที่สุดจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น
แต่ถึงเป็นเช่นนั้น ซ่งซินจะปล่อยให้ตำรวจหาหลักฐานได้อย่างนั้นหรือ
เธอมีความผิดมากเกินกว่าจะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนั้น
ที่จริง ผู้อาวุโสซ่งนั้นไม่อาจดูถูกได้ แม้สัญชาตญาณของเขาจะไม่เฉียบคมเหมือนแต่ก่อนและมีแนวโน้มที่จะถูกซ่งซินเป่าหู เขาก็ยังคงเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถนำจุดจบมาสู่ซ่งซินได้
ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ ทุกคนจะต้องรอดูว่าผู้อาวุโสซ่งวางแผนอะไรไว้
หลังคิดเช่นนั้น ถังหนิงก็ชำเลืองตามองไปยังลูกทั้งสองของเธอ ผู้อาวุโสจากตระกูลโม่และตระกูลถังต่างพากันอุ้มพวกเขาไปมาทั้งวันโดยไม่มีใครยอมปล่อยมือเลย!
นี่หมายความว่านับจากนี้ไป เธอจะแทบไม่มีโอกาสได้อุ้มลูกทั้งสองเลยอย่างนั้นหรือ
นายดูดีแล้วแน่นะ โม่ถิงถามลู่เช่อขณะมองออกไปนอกบานกระจกที่สูงจรดเพดานของไห่รุ่ย
ครับ ผมแน่ใจ ลู่เช่อตอบ ในสายตาของผู้อาวุโสซ่ง ซ่งซินเป็นหลานสาวที่เขาเชื่อว่าเขาควรภูมิใจ สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นเด็กมีพรสวรรค์และมีจิตใจดีมาก ถึงเขาจะต่อต้านเธอไม่ให้ทำงานในวงการบันเทิง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารักเธอน้อยลงเลย
ตาแก่นั่นไม่รู้เลยหรือไงว่าหลานสาวตัวเองชั่วร้ายขนาดไหน
ซ่งซินไม่เคยให้เขารู้ครับ ลู่เช่อหัวเราะ
ช่วยส่งคำเชิญไปที ฉันอยากพบกับตาแก่นั่น โม่ถิงกล่าว ก่อนหันกลับมาจดจ้องไปยังกองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะของเขา อีกอย่าง ตั้งแต่นี้ไป ถ้าไม่ใช่ปัญหาสำคัญ ให้ส่งให้ฟังอวี้จัดการ
รับทราบครับ
โม่ถิงต้องการพบกับผู้อาวุโสซ่งเป็นการส่วนตัว!
ส่วนตัว!
แม้ลู่เช่อจะไม่รู้ว่าโม่ถิงต้องการทำอะไรกันแน่ จากดูจากนิสัยของเขาแล้ว ชะตากรรมของชายชราดูไม่น่าจะดีนัก
…
ผู้อาวุโสซ่งไม่คาดคิดว่าโม่ถิงจะส่งคำเชิญมาถึงเขา หลังได้ยินว่าโม่ถิงต้องการพบ เขาก็หันไปหาเลขาส่วนตัวและหัวเราะออกมา เจ้าโม่ถิงนี่มันก็แค่นายใหญ่ของบริษัทหนึ่งในวงการบันเทิง สำหรับคนแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่ามันต้องรอคิวอีกนานแค่ไหนถึงจะได้เจอฉัน ฉันไม่ไปเจอมันหรอก!
ท่านรัฐมนตรีครับ ผมเกรงว่าท่านจะไม่สามารถปฏิเสธคำเชิญนี้ได้ เลขาของเขาโน้มตัวเข้ามาใกล้และกระซิบที่ข้างหูชายชรา เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายชราทุบมือลงบนโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว
กล้าดียังไง!
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ท่านควรไปพบโม่ถิงจะดีกว่านะครับ ท่านเกษียณอายุแล้วและทำหน้าที่เป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น หลายสิ่งไม่สามารถจัดการได้ง่ายๆ เหมือนอย่างที่เคยอีกแล้ว อย่าเสี่ยงดีกว่านะครับ
ผู้อาวุโสซ่งนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ท้ายที่สุดเขาได้พยักหน้า จัดการมาก็แล้วกัน
ผู้อาวุโสซ่งใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่ในแวดวงการเมือง ดังนั้นเขาจึงทั้งหยิ่งผยองและทระนง แต่โม่ถิงเข้าใจธรรมชาติของคนแบบนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงบอกลู่เช่อให้ส่งต่อข้อความง่ายๆ เพียงประโยคเดียวมาถึงผู้อาวุโส
ก่อนหน้านี้ ผมยุ่งอยู่กับการดูแลภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ทำให้ผมไม่ได้พบกับผู้อาวุโสซ่ง ตอนนี้ผมพอมีเวลาแล้วจึงเป็นเรื่องสมควรที่ผมจะพบคุณ อย่างน้อยผมก็จำเป็นต้องรู้ว่าศัตรูของผมนั่นดีหรือเลวแค่ไหน
ผู้อาวุโสซ่งจดจำความหยิ่งยโสของโม่ถิงและวางแผนจะสั่งสอนอีกฝ่าย
โชคไม่ดีที่เขาจะไม่มีโอกาสนั้น
คืนนั้นเอง พายุรุนแรงได้พัดเข้าสู่ปักกิ่ง ผุ้อาวุโสซ่งเดินทางมาถึงสถานที่นัดหมายด้วยรถส่วนตัวของเขาและเดินตามเลขาเข้าไปยังห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง แต่เขามาถึงช้ากว่ากำหนดไปครึ่งชั่วโมง
เดิมทีเขาคิดว่าโม่ถิงจะกำลังรอตนเองอยู่ภายในห้อง ทว่าเมื่อเข้ามาภายใน โม่ถิงกลับไม่อยู่ที่นั่น หลังจากนั้นสิบนาทีเขาจึงเดินทางมาถึง
ผู้อาวุโสซ่งนั่งลงบนเก้าอี้ ตามองไปที่ชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเจอเด็กที่เชิญผู้ใหญ่มาแต่ตัวเองกลับเป็นฝ่ายมาถึงช้ากว่าผู้ใหญ่
โม่ถิงจัดระเบียบชุดสูทของเขาและปัดหยดน้ำฝนออกจากร่างกายก่อนที่เขาจะนั่งลงและตอบ อย่าถือสากับการมาช้าของผมเลยครับ เพราะผมเพิ่งจะกลายเป็นพ่อและชีวิตก็ยุ่งๆ นิดหน่อย เลยกินเวลาไปบ้าง
เจ้าหนุ่ม แกนี่มันจองหองจริงๆ แกคิดว่าเชิญฉันมาแบบนี้แล้วพูดกดดันอะไรฉันนิดหน่อย แล้วแกจะสามารถเปลี่ยนอะไรต่ออะไรได้หรือยังไง ไร้เดียงสาจริงๆ แกควรรู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คนคนหนึ่งอยู่ในจุดที่มีอำนาจ มันจะมีสิ่งล่อตาล่อใจมากมาย ภาพในวันนี้ฉันเคยเจอมาทั้งชีวิตแล้ว! ผู้อาวุโสซ่งพยายามจะข่มขู่โม่ถิงด้วยสถานะทางการเมืองของเขา
ผู้อาวุโสซ่งคิดว่าผมเชิญคุณมาวันนี้เพื่ออะไรงั้นหรือครับ โม่ถิงนั่งลงตรงข้ามชายชราโดยไม่ไหวเอนไปกับคำพูดเยาะเย้ยของอีกฝ่าย
จะมีอะไรเสียอีกล่ะ แกไม่ได้มาที่นี่เพราะเมียของแกหรือไง จากที่ฉันเห็น ถังหนิงเป็นแค่ดาราธรรมดา ถ้าวงการตัดสินใจจะแบนมัน ก็ต้องเป็นแบบนั้น แกจะสนับสนุนคนอื่นและทำให้คนพวกนั้นดังได้อยู่แล้วนี่ กับอีแค่ผู้หญิงธรรมดาคนเดียวมันมีค่าขนาดนั้นเลยหรือไง
โม่ถิงมองไปที่ชายชรา ช่วงเวลาเพียงสั้นๆ เขาก็เข้าใจได้ว่าซ่งซินเติบโตมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะถังหนิง และไม่ได้มีเจตนาจะมากดดันคุณ ผมแค่ต้องการแสดงอะไรบางอย่างให้คุณดู พูดจบ โม่ถิงก็หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาและเปิดคลิปที่ต้วนจิ่งหงได้เตรียมไว้
จนถึงตอนนี้ ซ่งซินเป็นคนสั่งให้ฉันทำเรื่องเลวร้ายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉันอยากพูดถึงสองเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เหตุการณ์แรก เธอสั่งให้ฉันลงมือจัดการให้ฮั่วจิงจิงโดนหมากัด เหตุการณ์ที่สองคือเธอสั่งให้ฉันไปปั่นหัวฮว่าเหวินเฟิ่งให้โจมตีถังหนิง ทำให้ถังหนิงเกือบแท้งลูก ฉันมีหลักฐานสำคัญอยู่ในมือ
ซ่งซินไม่เคยเป็นคนดีเลย ตั้งแต่ตอนที่เป็นนักเรียน เธอใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เช่นเพื่อให้เธอได้มาถึงโรงเรียนเป็นคนแรกตลอดทั้งปี เธอทำร้ายคู่แข่งจนบาดเจ็บเพื่อที่คนพวกนั้นจะได้มาร่วมงานรับรางวัลไม่ได้ หลังจากนั้นเธอข่มขู่คนพวกนั้นไม่ให้พูดอะไร ไม่เช่นนั้นเธอจะให้ปู่ของเธอทำให้ครอบครัวของเด็กพวกนั้นต้องตกงาน
ทันทีที่ถังหนิงขอให้ฉันยอมมอบตัวกับตำรวจ ฉันจะรีบบอกความจริงทั้งหมดกับตำรวจทันที ฉันมั่นใจว่าหลังจากตำรวจแน่ใจในสิ่งที่ฉันพูด พวกเขาจะสามารถเข้าจับกุมตัวซ่งซินได้โดยตรง…
ซ่งซินแสดงละครเก่ง แต่เธอมีความผิดในหลายคดีที่เลวร้ายอย่างที่สุดจริงและเธอไม่เคยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไปเลยสักนิด
หลังจากคลิปดังกล่าวจบลง โม่ถิงเก็บโทรศัพท์ของตนเองและมองไปที่ชายชราที่กำลังอยู่ในความตกตะลึง คุณคิดว่าประธานที่ทรงอำนาจของบริษัทระดับโลกคนหนึ่งจะมาเสียเวลาใส่ร้ายหลานสาว ‘แสนดี’ ของคุณไหมครับ
ผู้อาวุโสซ่งเอื้อมมือออกไปหวังจะคว้าโทรศัพท์จากมือของโม่ถิงแต่โม่ถิงหลบหลีกเขาได้อย่างรวดเร็ว ต้วนจิ่งหงเป็นเพื่อนที่ดีกับซ่งซินมาตั้งแต่สมัยเรียน หลังจากเรียนจบทั้งสองคนก็ยังทำงานด้วยกัน ต้วนจิ่งหงรู้ดีกว่าใครทั้งหมดว่าแท้จริงแล้วซ่งซินเป็นคนแบบไหนและรู้ทุกอย่างที่ซ่งซินทำด้วย
เป็นไปไม่ได้ หลานของฉันกำลังถูกใส่ความ! ผู้อาวุโสซ่งร้องตะโกนออกมา
เราจะได้รู้ว่ากันเป็นการใส่ความหรือเปล่าหลังจากเราโทรหาตำรวจ ต้วนจิ่งหงพร้อมที่จะมอบตัวทุกเมื่อ โม่ถิงหัวเราะ ต้วนจิ่งหงต้องมีเรื่องอยากพูดมากมายแน่ๆ ปล่อยให้ตำรวจเป็นคนถามเธอเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็แล้วกัน คนที่เสียหายจะได้ไม่เสียเปล่า
ท่าทีของผู้อาวุโสซ่งตึงเครียดขึ้นขณะที่เขาวิเคราะห์ใบหน้าของโม่ถิง เขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปและเข้าใจหลักสงครามจิตวิทยาเป็นอย่างดี
แต่ชายชราไม่อาจอ่านอะไรจากใบหน้าของโม่ถิงได้เลย โม่ถิงเพียงแค่ดูไร้ความเกรงกลัวเท่านั้น
นั่นเป็นเครื่องพิสูจน์ความมั่นใจของโม่ถิง
ชายหนุ่มไม่ได้กำลังกุเรื่อง
ฮึ่ม ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง แกคงโทรหาตำรวจไปแล้ว ทำไมถึงมาหาฉัน ผู้อาวุโสซ่งพูดด้วยน้ำเสียงถากถาง
ผมเป็นคนมีคุณธรรมนะ ก่อนที่ผมจะโทรหาตำรวจ ผมคิดว่าผมควรบอกให้คุณรู้เสียก่อนว่าหลานสาวคุณแท้จริงเป็นคนยังไงกันแน่และช่วยให้คุณหูตาสว่างเสียที อย่างที่เห็นว่าผู้อาวุโสซ่งค่อนข้างเป็นคนยุติธรรมและต้องการจะลงโทษคนในครอบครัวของตัวเอง ในเมื่อคุณรอให้ผมโทรหาตำรวจไม่ไหว ผมก็จะสนองให้ตามนั้น
หลังพูดจบ โม่ถิงก็โทรหาตำรวจ แต่ในขณะที่ตำรวจรับสาย ชายชรารีบความโทรศัพท์ไปจากมืออีกฝ่ายและกดวางสายทันที อย่าทำอะไรหุนหันสิ
โม่ถิงมองดูชายชราด้วยรอยยิ้มขบขัน เขาไม่พูดอะไรและไม่ได้โกรธด้วย
กระนั้น ผู้อาวุโสซ่งก็ยังสัมผัสได้ถึงท่าทีราวราชันของโม่ถิง
แกต้องการอะไร
ระหว่างทางกลับบ้าน ซ่งซินไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธของเธอเอาไว้ได้ หญิงสาวบังคับให้เซียวอวี่เหอหยุดรถแล้ววิ่งลงไปทำลายแปลงดอกไม้ที่อยู่ข้างถนน
เซียวอวี่เหอเดินตามหญิงสาวไป เมื่อเห็นเธอกำลังบันดาลโทสะใส่ดอกไม้เหล่านั้น เขาจึงเข้าไปหยุดเธอไว้ อย่าเป็นแบบนี้เลยครับ…
ฉันไม่มีสิทธิ์ระบายความโกรธของฉันเหรอคะ ผู้จัดการและเพื่อนสนิทที่สุดของฉันแอบไปเดบิวต์ลับหลังฉันและอนาคตของหล่อนก็สดใสกว่าอนาคตของฉันนะคะ ขอระบายสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ ซ่งซินหมุนตัวกลับไปทุบอกเซียวอวี่เหอ ฉันรู้ว่าถังหนิงวางแผนเรื่องทั้งหมดนี่ มันอยากให้พวกเราหันมาสู้กันเองในขณะที่มันนั่งรับผลประโยชน์อยู่เฉยๆ แต่นังสารเลวต้วนจิ่งหงก็ยังตัดสินใจที่จะไว้ใจมัน!
ไม่ว่าจะทางไหน ต้วนจิ่งหงก็เดบิวต์ไปแล้วนะครับ ทำไมคุณถึงทำใจยอมรับมันไม่ได้ล่ะ
ฉันจะยอมรับมันได้ยังไงล่ะคะ จู่ๆ เงาที่ติดตามฉันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็กลับมีชื่อเสียงมากกว่าฉันขึ้นมา จะให้ฉันยอมรับได้ยังไง ซ่งซินโอดครวญ
เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาเห็นเข้า เซียวอวี่เหอแสดงความเข้าใจแล้วพยุงซ่งซินกลับเข้าไปในรถก่อนจะพาเธอไปส่งที่บ้าน
ทว่าหลังจากที่ซ่งซินกลับถึงบ้านแล้ว หญิงสาวก็ยังคงเหวี่ยงอารมณ์โกรธใส่คนอื่นไปทั่ว อันที่จริง เธอหยาบคายแม้กระทั่งกับผู้อาวุโสซ่ง
เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ ผู้อาวุโสซ่งเอ่ยถาม
เซียวอวี่เหอถอนหายใจแล้วอธิบายไปแค่ว่าซ่งซินกำลังอารมณ์ไม่ดี
ชายชราพยักหน้าแล้วโบกมือใส่เซียวอวี่เหออย่างสบายๆ ฉันชินแล้วล่ะ ไม่ต้องแก้ตัวแทนเธอหรอก
ชายทั้งสองเข้าใจนิสัยของซ่งซินดี เธอจะไม่มีวันปล่อยให้ใครทำเธอเจ็บปวดเพราะเธอไม่เคยคิดถึงและอดทนกับคนอื่นๆ
ดังนั้นเธอจะไปยอมรับเรื่องที่ต้วนจิ่งหงเดบิวต์แล้วได้อย่างไร
หลังจากผ่านไปสักพัก เซียวอวี่เหอก็อธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้ผู้อาวุโสซ่งอย่างละเอียด ดังนั้นหลังจากที่ชายชราได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น เขาก็ยิ้มเยาะ ไม่เคยคิดเลยว่าจิ้งหงจะเป็นคนที่ทะเยอทะยานเช่นนี้ ดูเหมือนว่าปู่จะต้องสั่งสอนบทเรียนแบบเดียวกับถังหนิงให้แก่เด็กคนนี้เสียแล้ว
เซียวอวี่เหอไม่ตอบ ผู้อาวุโสซ่งสามารถสร้างผลกระทบต่อภาพยนตร์ของถังหนิงได้ แต่เขาจะสร้างผลกระทบต่ออัลบั้มของต้วนจิ่งหงอย่างไรกันล่ะ ผู้หญิงสองคนนี้อยู่คนละวงการกันโดยสิ้นเชิง
อีกอย่าง เหล่าคนที่เคยช่วยผู้อาวุโสซ่งนั้นก็ดูไม่เต็มใจจะเสี่ยงอีกครั้งเท่าไหร่
สยายปีกอย่างเต็มที่แล้วสินะ แต่อย่าลืมสิว่านกกระจอกก็คือนกกระจอกอยู่วันยังค่ำ! ถึงจะเปลี่ยนลักษณะภายนอกไป เธอก็ไม่มีวันได้เป็นหงส์หรอก!
จากคำพูดของผู้อาวุโสซ่งแล้ว เซียวอวี่เหอนั้นดูออกว่าเขาจะไม่ปล่อยต้วนจิ่งหงไป แต่อีกปัญหาหนึ่งก็คือ ต้วนจิ่งหงรู้ความลับของซ่งซินเยอะเกินไป
หากชายชราลงมือกดดันต้วนจิ่งหงจนเกินพอดี คนที่จะเจ็บปวดก็คือซ่งซิน
อันที่จริง ผู้อาวุโสซ่งยังไม่รู้เรื่องกรรมชั่วของซ่งซิน เขายังคงสันนิษฐานว่าหลานสาวของตัวเองถูกคนในวงการรังแกอย่างไม่หยุดหย่อน ทว่าชายชราไม่เคยพินิจเลยว่าด้วยอารมณ์ของซ่งซินแล้ว มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ทว่าเซียวอวี่เหอกลับไม่พูดอะไร…
การแสดงของวงเอโอบีนั้นคือความสำเร็จครั้งใหญ่ เป็นผลให้สาวๆ ได้แสดงความสามารถของพวกเขาให้คนทั้งประเทศได้เห็น เพราะถึงอย่างไร ไห่รุ่ยก็ทุ่มเทไปมากกับการฝึกเด็กหน้าใหม่และใช้ทรัพยากรทั้งหมดของพวกเขาอย่างไม่มีกั๊ก
ดังนั้นต้วนจิ่งหงจึงได้ลิ้มรสชาติของชื่อเสียงและไม่มีเหตุผลที่จะยอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อกลับไปมีชีวิตเหมือนเมื่อก่อน แม้ซ่งซินจะกำลังหาทางชำระแค้น เธอก็จะสู้ด้วยทั้งชีวิตของเธอ
…
คืนนั้นต้วนจิ่งหงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ถังหนิงฟังผ่านทางโทรศัพท์ หญิงสาวเพิ่งจะพาเด็กแฝดทั้งสองเข้านอน หลังจากได้ฟังต้วนจิ่งหงแล้ว เธอก็ตอบกลับไปอย่างนิ่งๆ ว่า ฉันรู้แล้วล่ะว่าวันนี้เธอทำได้ดีมาก
ซ่งซินดูโกรธมาก ฉันมั่นใจว่าเธอจะหาทางชำระแค้นแน่ๆ
อย่าห่วงเลย ตอนนี้เธอคือศิลปินของไห่รุ่ยแล้ว ไห่รุ่ยจะปกป้องเธอเอง ถังหนิงตอบนิ่งๆ เธอไม่ต้องทำอะไรเลย สนใจแค่การแสดงของตัวเองก็พอ นั่นคือการโจมตีซ่งซินที่ดีที่สุดแล้วล่ะ
เพราะถึงยังไง ผู้หญิงคนนั้นก็ทนไม่ได้เวลามีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับเธอ ไม่มีทางเลยที่หล่อนจะรับมือการข่มเหงจากเธอได้!
แล้วคุณล่ะคะ คุณจะปล่อยเธอไปทั้งแบบนี้เหรอ ต้วนจิ่งหงเอ่ยถาม ตอนนี้ถังหนิงเป็นแม่คนแล้ว เธอจะไม่แยแสต่อปัญหานี้ไหมนะ
ทุกครั้งที่ฉันมองดูลูกๆ ทั้งสองคน ฉันก็คิดอยู่ตลอดว่าพวกเขาเกือบจะไม่ได้ออกมาลืมตาดูโลกนี้เพราะอะไร
ถังหนิงจำความแค้นนี้ได้เสมอ
แต่เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับเธอ ทำตามที่ฉันบอกแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยเอง อีกอย่าง ในเมื่อเธอตัดสินใจจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นแล้ว ก็อย่ามีความคิดร้ายๆ ขึ้นมาเชียวล่ะ อย่าใช้วิธีการสกปรกที่เคยใช้มาก่อนแม้ว่าเธอจะกำลังรับมือกับซ่งซินอยู่ มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะฉีกตัวออกมาจากการควบคุมของซ่งซินได้ อย่าทำพลาดซ้ำสอง ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้
รับทราบค่ะ! ต้วนจิ่งหงจะจดจำสิ่งนี้เอาไว้เสมอ ฉันไม่ได้โง่นะคะ ฉันจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีก อย่าห่วงเลยค่ะ เมื่อเทียบกับการใช้วิธีการอันโหดเ**้ยมและมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวแล้ว ฉันพอใจที่จะมีชีวิตในแบบตอนนี้มากกว่า!
ถังหนิงไม่ต้องการให้ต้วนจิ่งหงเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะการมีอยู่ของต้วนจิ่งหงนั้นก็มาพอที่จะกระตุ้นและเยาะเย้ยซ่งซินได้แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่หญิงสาวจะต้องมาเสียเวลากับศัตรูของเธอ
แม้ต้วนจิ่งหงจะไม่ทำอะไรเลย แต่ตราบใดที่เธอเป็นที่นิยมมากกว่า ซ่งซินก็เจ็บปวดแล้ว
ครู่ต่อมา ถังหนิงวางสายแล้วหันกลับไปมองโม่ถิง ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มกำลังอุ้มลูกคนหนึ่งขึ้นมาอย่างระมัดระวังแล้วปลอบโยนเขา
นี่ฉันกวนลูกหรือเปล่าคะ
ไม่เป็นไรครับ กล่อมเขาอีกสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว โม่ถิงตอบนิ่งๆ แม้ว่าเขาเพิ่งจะเป็นพ่อคนได้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ชายหนุ่มก็ได้รับประสบการณ์มามากมายแล้ว
แน่นอนว่าในฐานะนายใหญ่แห่งเอเจนซี่ระดับโลก ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะเข้าใจอารมณ์ของเด็กน้อยทั้งสอง ดังนั้นโม่ถิงจึงเข้าใจอารมณ์และนิสัยการเข้านอนของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มทำให้ถังหนิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชื่นชมในความสามารถของเขา
เมื่อเห็นวิธีที่โม่ถิงอุ้มลูกของพวกเขา ถังหนิงก็อยากจะเอาตัวเข้าไปซุกใกล้ๆ ด้วยเหลือเกิน ภาพตรงหน้านี้มันสมบูรณ์แบบมากเกินไป
อันที่จริง หญิงสาวสามารถจินตนาการภาพที่เด็กๆ วิ่งรอบตัวโม่ถิงหลังจากที่พวกเขาโตจนเดินได้กันแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ภาพที่ว่าคงดูอบอุ่นไม่น้อยเลย
ซ่งซินได้รับของขวัญแล้ว…ถึงเวลาที่ตระกูลซ่งจะได้รับของขวัญบ้างแล้วล่ะครับ
อ่อนโยนกว่านี้อีกหน่อยสิคะ ถึงยังไงคุณก็เริ่มอายุเยอะแล้ว และพวกเราก็ไม่รู้ว่าคุณจะรับมือกับเรื่องดราม่าได้อีกมากแค่ไหนนะ! ถังหนิงพูดกับโม่ถิงพลางลูบแก้มของลูกน้อยอย่างอ่อนโยน
ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ครับ โม่ถิงกล่าวพลางวางลูกน้อยลงในเปลแล้วดึงตัวถังหนิงมาไว้ในอ้อมแขน ในอีกสองสามวันต่อจากนี้ ผมจะพาคุณทั้งสามคนกลับบ้านครับ
ในเมื่อมีโชว์ให้ดู จะสนุกกว่าถ้าได้ดูกับตาตัวเองนะ
ฉันรอแทบไม่ไหวเลยค่ะ ถังหนิงตอบอย่างจริงจังพลางซบลงที่แผ่นอกของโม่ถิง
มีบางสิ่งที่หญิงสาวจะยอมปล่อยผ่าน แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่เธอจะไม่มีวันปล่อยไป แม้พวกเขาจะลงหลุมไปแล้วก็ตาม!
ในขณะเดียวกันนั้น สิ่งเดียวที่หญิงสาวทำได้ก็คือรอดูโชว์ดีๆ
ต้วนจิ่งหงคิดไว้แล้วว่าซ่งซินจะเข้ามาที่ด้านหลังเวที ดังนั้นสมาชิกวงคนอื่นๆ จึงยังไม่ไปเช็ดเครื่องสำอางเพื่อแสดงสปิริตของทีม พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ต้วนจิ่งหงต้องเผชิญหน้ากับซ่งซินเพียงลำพัง
ไม่…
…หากว่ากันตามตรง พวกเขารอโอกาสที่จะฉีกซ่งซินเป็นชิ้นๆ มานานแล้ว
ไม่นานนักก็เกิดความโกลาหลที่ด้านนอกประตูห้องพักศิลปิน เห็นได้ชัดว่าสตาฟประจำคอนเสิร์ตกำลังขวางไม่ให้ซ่งซินเข้ามา
หญิงสาวทุกคนมองหน้ากัน กัปตันวงคือคนที่กล้าหาญที่สุด เธอจึงลุกจากโต๊ะเครื่องแป้งของตัวเองแล้วเดินตรงไปที่ประตูทันทีก่อนจะพูดกับสาวๆ ที่เหลือว่า ฉันเปิดประตูให้เอง
ต้วนจิ่งหงยังคงนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งของเธอ ทว่าทันทีที่ประตูเปิดออก ซ่งซินก็เงื้อมือจะตบเข้าที่หน้าของกัปตันวงทันทีโดยไม่ดูก่อนว่าเธอกำลังตบใคร
ดูเหมือนหญิงสาวจะคิดว่าคนที่มาเปิดประตูคือต้วนจิ่งหง!
กัปตันวงเดาะลิ้นอย่างเวทนาแล้วจับข้อมือของซ่งซินเอาไว้ คุณซ่งเจ้าแม่เซเลบนี่แตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ด้วย ดูเหมือนจะดังเรื่องอารมณ์ร้ายนะคะเนี่ย
พวกแกทุกคนออกไปให้หมด! ฉันมีเรื่องจะพูดกับต้วนจิ่งหง
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของซ่งซิน สาวๆ ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ออกคำสั่งใส่ใครเหรอคะคุณซ่ง พวกเรารู้ว่าปู่ของคุณเป็นข้าราชการอาวุโสนะคะ แต่ต้องขออภัยด้วยค่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลัวคุณ!
แก…
กัปตันคะ คุณกับสาวๆ ไปรอข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ ต้วนจิ่งหงรู้ดีว่าหากสาวๆ ยังอยู่ต่อ ซ่งซินก็จะก่อความวุ่นวายต่อไป ต้วนจิงหงรังเกียจมัน ดังนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจว่าจะเป็นการดีที่สุดหากเธอทำให้เรื่องนี้จบๆ ไปเสีย เช่นนั้นแล้ว หญิงสาวก็ไม่จำเป็นต้องมาเห็นใบหน้าอันป่วนจิตนี้อีก
กัปตันวงและสาวๆ มองหน้ากัน หลังจากเงียบไปชั่วขณะ พวกเขาก็พยักหน้า พวกเราจะรออยู่ข้างนอกนะ ถ้าหล่อนทำอะไรรุนแรงอีก เรียกพวกเราได้เลย
โอเคค่ะ ต้วนจิ่งหงมองหน้ากัปตันวงอย่างขอบคุณและทำท่าบอกให้เธอไม่ต้องกังวล
ไม่นานห้องนั้นก็เหลือเพียงแค่หญิงสาวสองคนเท่านั้น ต้วนจิ่งหงนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งขณะที่ซ่งซินก้าวเข้าไปหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าการไปเกาหลีแค่ครั้งเดียวจะทำให้ฉันดีไม่พอสำหรับเธอขึ้นมา!
และต่อจากนี้เธอก็จะมีค่าน้อยลงไปอีก! ต้วนจิ่งหงหัวเราะ
ทำไมกัน
ต้วนจิ่งหงเข้าใจว่าซ่งซินกำลังพยายามจะถามอะไร หญิงสาวหยิบสำลีขึ้นมาแล้วหนึ่งแผ่นเทน้ำยาลบเครื่องสำอางลงไปพลางตอบว่า เธอจะถามฉันจริงๆ เหรอว่าทำไม น่าขำสิ้นดี! ซ่งซิน เธอคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงที่โลกหมุนอยู่รอบตัวเหรอ คิดว่าเพียงเพราะพื้นหลังครอบครัวฉันไม่ได้ดีอย่างเธอแล้วฉันจะถูกลิขิตให้เป็นผู้ติดตามของเธออย่างนั้นเหรอ ถามฉันใช่ไหมว่าทำไม ทำไมเธอไม่ถามตัวเองล่ะว่าเธอทำอะไรกับฉันเอาไว้บ้าง
ฉันเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อทำร้ายฮั่วจิงจิงให้เธอ ฉันเสี่ยงชีวิตตัวเองยุยงฮว่าเหวินเฟิ่งให้เธอ ฉันถึงกับแอบเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธานโม่เพื่อขโมยรายงานประเมินของถังหนิงกับเธอ แต่ปฏิกิริยาแรกของเธอเป็นยังไงเหรอตอนที่ฉันถูกป้ายสีว่าเป็นขโมย เธอจำได้ไหมว่าตัวเองดูเป็นยังไงตอนที่โยนบัตรธนาคารใบนั้นใส่ฉัน
แต่เธอก็ยังมีความกล้าที่จะมาถามฉันว่าทำไม
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ซ่งซินก็อยากเถียงกลับและแก้เผ็ดต้วนจิ่งหง ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่เธอทำ ฉันดีกับเธอมาโดยตลอดนะ ฉันดูแลเธอระหว่างที่พวกเราเรียนมหาลัยด้วยกัน!
ใครต้องการการดูแลจากเธอ ใครจะไปอยากได้การดูแลจากเธอ ต้วนจิ่งหงหัวเราะดังเสียยิ่งกว่าเดิม ถึงพื้นหลังครอบครัวของฉันจะไม่ดีเท่าเธอ แต่ก็ยังดีกว่าคนทั่วๆ ไป ฉันเพียงแค่ต้องการพิสูจน์ว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ ดังนั้นฉันจึงทุ่มเทหัวใจและจิตวิญญาณไปกับการช่วยเหลือเธอยังไงล่ะ มันไม่เกี่ยวกับของแพงๆ ที่เธอให้ฉันเลย!
อย่าทำให้การกุศลอันไม่บริสุทธิ์ใจของเธอมันฟังดูดีหน่อยเลย…
ต่อหน้าฉันเธอยังทำให้ตัวเองรู้สึกเหนือกว่าไม่พออีกงั้นเหรอ
ในเมื่อเธอรู้ว่าพื้นหลังครอบครัวของฉันดีกว่า กล้าดียังไงถึงมาเป็นศิลปินล่ะ เธอมีสิทธิ์อะไรกัน ซ่งซินเยาะเย้ยอย่างไม่อดทน เธอคิดจริงๆ เหรอว่าเธอมีความสามารถที่จะมีชื่อเสียงมากกว่าฉันและได้อะไรๆ จากวงการนี้มากกว่าที่ฉันได้
แน่นอนว่าฉันทำได้ดีกว่าเธอและจะได้อะไรมากกว่าเธอ เพราะถังหนิงยินดีที่จะสนับสนุนฉัน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของฉัน ถังหนิงคือคนที่มอบความหวังให้ ในช่วงที่ฉันอ่อนแอมากที่สุด ศัตรูของฉันให้โอกาสฉันได้เริ่มต้นใหม่อย่างสวยงาม
แต่ในฐานะเพื่อนน่ะ เธอมันน่ารังเกียจยิ่งกว่าของเน่าเสียอีก!
ถังหนิงสนับสนุนเธอ? หยุดเพ้อฝันได้แล้ว…หล่อนก็แค่ใช้เธอเป็นเครื่องมือในการรักษาตำแหน่งของตัวเองเท่านั้น
ไม่สำคัญหรอก อย่างน้อยที่สุดฉันก็ได้เดบิวต์ ต้วนจิ่งหงอ้าแขนออกเพื่อให้ซ่งซินได้มองเห็นเธอชัดๆ ตอนนี้ฉันมีงานที่ประเมินค่าไม่ได้อยู่ในมือมากมาย ไห่รุ่ยจะไม่มองข้ามฉันโดยไม่มีเหตุผลแน่ พวกเขาจะไม่ระวังฉันเหมือนที่พวกเขาระวังเธอ ซ่งซิน ฉันรู้ว่าเธอโหดเ**้ยมแค่ไหน ฉันมีความลับของเธออยู่ในมือมากมาย ฉันอาจไม่มีโอกาสมากนักหากสู้กับเธอเพียงลำพัง แต่อย่าลืมซะล่ะว่าตอนนี้ฉันมีถังหนิงคอยหนุนหลังอยู่!
ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้มองฉันสูงส่งนัก แต่ฉันจะพัฒนาต่อไปอีก ในขณะที่เธอย่ำอยู่ที่เดิมพร้อมกับความหยิ่งยโสของเธอยังไงล่ะ
อีกอย่าง อย่าหาว่าฉันไม่ได้เตือนนะ เมื่อไม่นานมานี้คุณปู่ของเธอเพิ่งจะทำร้ายถังหนิงไป แต่ท่านประธานโม่ไม่ตอบโต้เพราะเขามัวแต่คิดเรื่องการตั้งท้องของถังหนิง ถ้าเขากลับมามีสติเมื่อไหร่ เธอกับคุณปู่ของเธอได้ตายอย่างเจ็บปวดแน่นอน
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ร่างซ่งซินก็เริ่มสั่นเทาไปด้วยความโกรธ เธออยากกระโจนใส่ต้วนจิ่งหงแล้วฉีกอดีตเพื่อนรักคนนี้ออกเป็นชิ้นๆ จนแทบขาดใจ
ต้วนจิ่งหงมองหน้าซ่งซินผ่านกระจกแล้วหัวเราะออกมา อย่าแม้แต่จะคิดแตะต้องตัวฉันเลยนะ เธอคิดว่าเธอมีโอกาสที่จะชนะฉันมากแค่ไหนกัน
ฉันไม่ปล่อยให้แกหนีไปจากเรื่องนี้แน่
ไม่ปล่อยแล้วจะยังไงล่ะ อนาคตของเธอก็ยังไม่ได้สดใสเหมือนอนาคตของฉันนี่ ต้วนจิ่งหงไม่สะทกสะท้าน
จะดีที่สุดถ้าเธอระวังคำพูดและการกระทำของตัวเองนะ ไม่อย่างนั้นแล้ว ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะใช้วิธีการที่โหดเ**้ยมที่สุดกับเธอ
เมื่อได้ยินคำเตือนของซ่งซิน ต้วนจิ่งหงก็มองเข้าไปในกระจก ความเกลียดชังในดวงตาของหญิงสาวลุกโชน เธอตอกกลับซ่งซินไปว่า ถังหนิงฝากฉันมาบอกเธอว่า ผู้ที่ฝักใฝ่ความชั่วร้ายนั้นจะนำความหายนะมาสู่ตนเอง
ซ่งซินยิ้มเยาะพลางผลักประตูให้เปิดออกแล้วเดินปึงปังจากไป
หลังจากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น สมาชิกคนอื่นๆ ของวงเอโอบีก็ผิวปากแล้วกู่ร้อง เห็นได้ชัดว่าต้วนจิ่งหงมีชัยในศึกครั้งนี้
เมื่อเห็นเช่นนั้น เซียวอวี่เหอก็เดินปรี่เข้ามาในห้องแล้วเอ่ยว่า ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม้แต่คุณก็หักหลังเธอ
ก็เขาหักหลังฉันก่อนนี่คะ ต้วนจิ่งหงตอบ
พา ‘เทพธิดาซ่ง’ ของคุณกลับไปซะเถอะค่ะ! สมาชิกคนอื่นๆ ของวงผลักชายหนุ่มออกไปจากห้อง พวกเขาไม่สนใจว่าชายคนนี้คือทายาทของเครือโรงภาพยนตร์ไคหวง พวกเขาไม่ได้เป็นนักแสดง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีอะไรต้องกลัว
หลังจากนั้น ต้วนจิ่งหงก็ผ่อนคลายลงแล้วมองหน้ากัปตันวงของเธอ ตอนนี้ฉันตระหนักแล้วว่าฉันเกลียดผู้หญิงคนนั้นแค่ไหน แต่ฉันก็ยังไม่ใช่คนที่เกลียดเธอที่สุดหรอก
กลุ่มสาวๆ ตบบ่าต้วนจิ้งด้วยความเข้าอกเข้าใจ พอแล้วล่ะ เธอทำได้สุดยอดมากแล้ว…เธอไม่ได้ทำให้หนิงของเราผิดหวังหรอก
อย่าพูดจารุนแรงนักสิครับ เซียวอวี่เหอเตือนหญิงสาวอย่างเสียมิได้
นี่คุณเพิ่งเจอฉันวันแรกงั้นเหรอ ใช่ว่าคุณเคยไม่รู้มาก่อนว่าฉันเป็นแบบนี้นี่ ซ่งซินตอบอย่างไม่สนใจ
เธอพูดถูก เซียวอวี่เหอนั้นรู้อยู่แก่ใจ เขารู้ว่าเธอเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะทุ่มเทให้เธอโดยไม่เสียใจ
…
อันที่จริง เหตุผลหนึ่งที่ซ่งซินไม่ได้ยืนกรานให้ต้วนจิ่งหงไปกับเธอนั้นเป็นเพราะต้วนจิ่งหงไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวของเธอมานานแล้ว ทว่าอีกเหตุผลหนึ่งก็คือหญิงสาวรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่คิดถึงภาพลักษณ์ใหม่อันน่าประทับใจของต้วนจิ่งหงหลังจากกลับมาที่บ้าน
เธอทนไม่ได้กับความจริงที่ว่าจู่ๆ ‘ผู้ติดตาม’ ของเธอก็น่าดึงดูดและตราตรึงใจมากกว่าตัวเอง
ดังนั้นถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดูปกติจากภายนอก หญิงสาวทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าหลายๆ สิ่งได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
เวลาหกโมงเย็น เซียวอวี่เหอมารับซ่งซินไปที่อีเวนต์นั้น อย่างไรก็ตาม ซ่งซินก็อดถามขึ้นมาระหว่างทางไม่ได้ว่า คุณได้สังเกตไหมคะว่าพักหลังมานี้ต้วนจิ่งหงสวยขึ้น
นิดหน่อยครับ เซียวอวี่เหอตอบ เธอมีสไตล์ขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
ฉันไม่ชอบเลยค่ะ ฉันไม่ชอบที่ผู้จัดการของฉันแต่งหน้าหนาๆ ลุกสะอาดๆ ดูดีกว่า ซ่งซินแสดงความไม่พอใจ ความหยิ่งยโสกำลังเข้าครอบงำเธอ
เป็นเพื่อนคุณนี่เหนื่อยแย่เลยนะครับ ห้ามแม้แต่จะโดดเด่นกว่าคุณเนี่ย เซียวอวี่เหอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
อะไรกัน ฉันมีสิทธิ์เลือกคบเพื่อนนะคะ!
เซียวอวี่เหอไม่ตอบพลางจดจ่ออยู่กับการขับรถ
วงเกิร์ลกรุปของต้วนจิ่งหงมีชื่อว่าเอโอบี (AOB) ทั้งวงมีสมาชิกจำนวนสี่คนและแต่ละคนก็มีจุดแข็งเป็นของตัวเอง หญิงสาวทั้งสี่คนนี้มีความสามารถมาก
ด้วยความที่เพิ่งจะเดบิวต์เสร็จมาหมาดๆ พวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์จัดคอนเสิร์ตของตัวเอง ดังนั้นอีเวนต์ในค่ำคืนนี้จึงถูกจัดขึ้นโดยบรรดารุ่นพี่ในไห่รุ่ยเพื่อแสดงการสนับสนุนเด็กหน้าใหม่ที่มีอนาคตไกลทั้งหลายและเอโอบีก็ได้รับเชิญให้มาทำการแสดงด้วย
ที่ด้านหลังของเวทีคอนเสิร์ต ต้วนจิ่งหงและสมาชิกวงของเธอกำลังแต่งหน้ากันอยู่ ตอนนั้นเองที่กัปตันวงเอ่ยถามต้วนจิ่งหงว่า นังชั่วนั่นมาถึงหรือยัง
ต้วนจิ่งหงหันกลับไปหากัปตันวงแล้วพยักหน้า อื้ม มาถึงแล้วล่ะ
ดี มาแสดงให้หล่อนเห็นกันเถอะว่าพวกเราเจ๋งแค่ไหน…
…
คอนเสิร์ตนั้นอัดแน่นไปด้วยคนนับหมื่นและแฟนคลับจำนวนมากปะปนอยู่ในหมู่ผู้ชม ดังนั้นวิสัยทัศน์ของเวทีจึงมีจำกัดและบรรยากาศในงานจึงค่อนข้างเสียงดังโหวกเหวก ทว่าซ่งซินมีตั๋ววีไอพี ดังนั้นหญิงสาวจึงได้นั่งด้านหน้าสุดซึ่งอยู่ห่างกับผู้ทำการแสดงเพียงนิดเดียวโดยมีทางเดินเล็กๆ กั้นอยู่ระหว่างเธอกับเวที
ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว…
เวลาหนึ่งทุ่ม คอนเสิร์ตได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ซ่งซินอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ศิลปินบนเวทีนั้นได้รับการฝึกฝนมาจากไห่รุ่ยจริงๆ การขับร้อง การเต้นและตำแหน่งบนเวทีของพวกเขานั้นเกือบจะสมบูรณ์แบบ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักร้องของไห่รุ่ยถึงได้เป็นที่นิยมนัก
เสียงร้องเชียร์ดึงขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่าจนซ่งซินเริ่มรู้สึกหูชา ทว่าการแสดงที่เธอกำลังรออยู่นั้นยังมาไม่ถึง
อย่างไรก็ตาม ต้วนจิ่งหงกลับได้เฝ้าดูซ่งซินจากด้านหลังเวทีอย่างชัดเจนเสียแล้ว
เธอรอเห็นปฏิกิริยาของซ่งซินแทบไม่ไหว
ด้านบนเวที ในที่สุดพิธีกรก็เตรียมให้ผู้ชมได้พบกับการแสดงของวงเอโอบีแม้เหล่าแฟนคลับจะไม่เคยได้ยินชื่อวงนี้มาก่อน แต่การที่ได้รู้ว่าไอดอลของพวกเขาเชิญคนกลุ่มนี้มาเป็นแขกรับเชิญนั้นก็ทำให้พวกเขารู้สึกเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ดังนั้นพวกเขาจึงปรบมือเสียงดังสนั่น
เตรียมพร้อมนะ ถึงเวลาขึ้นเวทีแล้ว กัปตันวงเตือนต้วนจิ่งหง อย่ากลัวล่ะ ตอนนั้นเธอก็แค่ต้องแสดงเสน่ห์ที่เธอมีมาโดยตลอด เธอไม่เคยด้อยกว่าใครเลยนะ
หลังจากที่ได้รับคำให้กำลังใจ ต้วนจิ่งหงก็พยักหน้าแล้วยิ้มอย่างสงบนิ่งให้กับกัปตันวง
ไม่นานนักแสงไฟบนเวทีก็เริ่มเปลี่ยนไป ทำให้ทั้งสถานที่จัดงานมืดสนิท ถึงเวลาที่ต้วนจิ่งหงและสมาชิกวงของเธอต้องขึ้นไปปรากฏตัวบนเวทีแล้ว ไม่กี่วินาทีต่อมา แสงไปบนเวทีก็เริ่มสว่างขึ้นและเผยให้เห็นหญิงสาวทั้งสี่ที่พร้อมอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง เมื่อเพลงขึ้น พวกเขาก็เริ่มขยับร่างอันบอบบางไปตามจังหวะของมันและเหล่าผู้ชมก็ปรบมือเสียงดังอีกครั้ง
หญิงสาวทั้งสี่ดูเท่และเป็นธรรมชาติในขณะที่พวกเขาร้องและเต้น ความยากของท่าเต้นของพวกเขานั้นน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
ทีแรกซ่งซินไม่ได้สังเกตเห็นว่าต้วนจิ่งหงอยู่ท่ามกลางหญิงสาวกลุ่มนั้นเพราะเสื้อผ้าและการแต่งหน้าของเธอ แต่เมื่อกล้องหลายๆ ตัวจับภาพไปที่ต้วนจิ่งหงและใบหน้าของหญิงสาวขึ้นไปปรากฏบนจอภาพขนาดยักษ์ ท่าทีของซ่งซินก็เปลี่ยนไป เธอหันไปถามเซียวอวี่เหอทันทีว่า นั่นจิ่งหงเหรอ ฉันเห็นภาพหลอนอยู่หรือเปล่าคะ
ขณะที่สาวๆ เปลี่ยนตำแหน่งกันไปมา เซียวอวี่เหอเองก็มองเห็นไม่ชัดเช่นกัน แค่คล้ายๆ น่ะครับ จิ่งหงจะมาที่นี่ทำไมกันล่ะ
สัญชาตญาณของซ่งซินบอกเธอว่าเธอไม่ได้พลาด ดังนั้นหญิงสาวจึงจ้องไปที่หญิงสาวคนนั้นต่อ ยิ่งซ่งซินมองผู้หญิงคนนี้เท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งดูคุ้นหน้าและดูเหมือนต้วนจิ่งหงมากขึ้นเท่านั้น
สุดท้ายเพลงก็จบลงและสาวๆ กลุ่มนี้ก็จบท่าเต้นของพวกเธอได้อย่างน่าประทับใจ ตอนนั้นเองที่ไฟทุกดวงสว่างขึ้นและพิธีกรเดินเข้าไปหาพวกเขา ชายหนุ่มพูดพร้อมด้วยรอยยิ้ม มาครับ แนะนำตัวเองและทักทายเหล่าแฟนคลับกันสักหน่อย
ซ่งซินมองหญิงสาวที่ดูคล้ายคลึงกับต้วนจิ่งหงด้วยความหวาดระแวงขณะที่เธอรับไมโครโฟนมาจากพิธีกรหนุ่ม
สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อจิ่งหงค่ะ
จิ่งหง!
เป็นต้วนจิ่งหงจริงๆ!
ซ่งซินลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นก็หวังเหลือเกินว่าตัวเองแค่หูแว่วไปเอง
เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปได้ยังไง
จิ่งหงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ยังไง เธอกลายมาเป็นสมาชิกวงเอโอบีได้ยังไง
หลังจากตระหนักแล้วว่าตัวเองถูกหลอก ใจของซ่งซินก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต้วนจิ่งหงโกหกเธอจริงๆ กล้าดีอย่างไรถึงมาโกหกเธอ
เซียวอวี่เหอหันไปมองซ่งซินอย่างไม่รู้ตัวและสังเกตเห็นสีหน้าอันสับสนบนใบหน้าของเธอ…
ในที่สุดซ่งซินก็ได้ลิ้มรสว่าความรู้สึกของการโดนเพื่อนสนิททรยศนั้นเป็นอย่างไร
สมาชิกทั้งสี่คนอายุยังน้อยกันอยู่เลยนะครับ ลือกันว่าเอโอบีเป็นวงเกิร์ลกรุปที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้ พอได้เห็นการแสดงของพวกคุณแล้ว ผมต้องขอพูดเลยล่ะครับว่าพวกคุณทุกคนทั้งสาว ทั้งสวยและเปี่ยมไปด้วยพลัง ท่านประธานโม่มีสายตาเฉียบแหลมในการมองคนจริงๆ ครับ พิธีกรหนุ่มเอ่ยชม อีกอย่าง ผมได้ยินมาว่าคุณจิ่งหงเพิ่งได้รับบาดเจ็บและเข้าร่วมวงมาได้ไม่นาน แต่ดูจากการแสดงของคุณแล้ว มันช่างสมบูรณ์แบบและคุณก็มีความสามารถจริงๆ ครับ
ขอบคุณค่ะ ต้วนจิ่งหงโค้งให้พิธีกรด้วยความขอบคุณ หลังจากนั้นหญิงสาวก็ยืนตัวตรงและมองไปยังซ่งซินที่อยู่ด้านล่างเวที
มันคือสายตาอันยั่วยุ อันที่จริง มีความเยาะเย้ยเจืออยู่อีกด้วย ดูเหมือนว่าเธอกำลังเยาะเย้ยให้กับความโง่เง่าและมั่นใจในตัวเองมากเกินไปของซ่งซิน
แน่นอนว่าถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ในอีเวนต์ที่มีคนจำนวนมากถึงหนึ่งหมื่นคน ซ่งซินคงได้วิ่งขึ้นไปบนเวทีและฉีกต้วนจิ่งหงของเป็นสองซีกแล้ว เธอทำเช่นนี้ได้ยังไง
เธอเป็นแค่ผู้จัดการคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรไปเป็นศิลปิน
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ต้องการมีชื่อเสียงมากกว่าเธอเสียอีก
ตอนนั้นเองที่ใจซ่งซินปะทุไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
เซียวอวี่เหอเหมือนจะสังเกตเห็น ดังนั้นเขาจึงเสนอแนะว่า ทำไมไม่ไปถามเธอที่ด้านหลังเวทีล่ะครับ
ถึงคุณไม่บอก ฉันก็จะไปอยู่แล้วค่ะ ซ่งซินกล่าวพลางกัดฟันกรอด ฉันอยากถามหล่อนว่าหล่อนมีความมั่นใจมาทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ได้ยังไง ฉันดีกับหล่อนมาโดยตลอด กล้าดียังไงถึงทรยศฉันแบบนี้! หล่อนประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยแล้ว!
หลังจากนั้น ถังหนิงก็ถูกส่งตัวไปยังห้องพักฟื้น ตอนนั้นเองที่ซย่าอวี้หลิงเดินเข้ามาในห้องพร้อมเด็กสองคนและให้ถังหนิงดูพวกเขา ลูกมีลูกชายสองคนแน่ะ
ถังหนิงมองไปที่เด็กทั้งสองแล้วตัวแข็งทื่อด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นเช่นนี้ ซย่าอวี้หลิงก็หัวเราะ ลูกไม่รู้เหรอว่าคลอดออกมากี่คน
ถังหนิงส่ายหน้าแล้วมองไปที่โม่ถิง ชายหนุ่มเองก็ยังไม่ได้เห็นเด็กๆ เช่นกัน นี่คือการพบกันครั้งแรกของพวกเขา
อยากอุ้มพวกเขาไหม ซย่าอวี้หลิงเอ่ยถามโม่ถิง
โม่ถิงนั่งนิ่ง ชายหนุ่มยังไม่ได้ปรับตัวให้เข้ากับตัวตนใหม่ในฐานะพ่อคน มีเพียงตอนนี้เท่านั้นที่เขาตระหนักว่าตัวเองมีความรับผิดชอบมากมายแค่ไหนในฐานะพ่อของเด็กสองคนนี้
จากนี้ไป เด็กสองคนนี้จะพึ่งพาเขาและถังหนิงเพื่อมีชีวิตรอด
แม้ชายหนุ่มจะเตรียมตัวสำหรับช่วงเวลานี้มาแล้ว การได้เจอเด็กๆ เป็นครั้งแรกนั้นก็ยังทำให้เขาตื่นตกใจ
ซย่าอวี้หลิงสังเกตเห็นความวิตกกังวลบนใบหน้าโม่ถิง ดังนั้นเธอจึงทำท่าบอกให้เขายกแขนขึ้นและทำตามสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ จากนั้นเธอก็วางเด็กทั้งสองลงในอ้อมแขนของเขาอย่างช้าๆ
เด็กๆ ดูตัวเล็กจ้อยเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของโม่ถิง อย่างไรก็ตาม พวกเขากำลังหลับสบายด้วยความรู้สึกปลอดภัยอย่างเต็มที่
นี่พวกเธอ ดูคุณพ่อที่กำลังอุ้มลูกแฝดอยู่สิ พวกเขาไม่ร้องไห้ด้วยล่ะ นางพยาบาลพากันหัวเราะเมื่อได้เห็นภาพนั้น เด็กๆ กับพ่อของพวกเขาจะต้องเข้ากันได้ดีแน่ๆ
ถังหนิงมองท่าทีอันระมัดระวังของโม่ถิงแล้วลุกขึ้นมาจับแก้มของเด็กๆ ขณะที่รอยยิ้มอันพึงพอใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ…
…
คืนนั้น โรงพยาบาลเงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง
ถังหนิงตื่นจากการหลับใหล พบว่าโม่ถิงยังคงนั่งอยู่ข้างๆ เตียงของเธอ หัวใจหญิงสาวปวดร้าวเมื่อมองไปที่เขา เด็กๆ เกิดมาแล้วและฉันก็สบายดีค่ะ คุณไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วนะคะ อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงสิ
โม่ถิงเงยหน้าขึ้นมามองถังหนิง หลังจากเหลือบมองเธออย่างเร็วๆ ชายหนุ่มก็พยักหน้า ครับ
จากนั้นชายหนุ่มก็เดินอ้อมไปที่อีกด้านหนึ่งของเตียงและนอนลงข้างๆ เธอ
ถังหนิงหยุดเขาไว้อย่างรวดเร็ว อย่ามานอนตรงนี้สิคะ ฉันเพิ่งจะคลอดลูกมา ตัวฉันไม่สะอาด
โม่ถิงยืดแขนออกมากอดถังหนิงไว้แล้วเอาหัวเธอแนบกับอกของเขา คุณมอบชีวิตให้กับลูกอันเป็นที่รักทั้งสองคนของผมนะครับ ผมไม่เคยรังเกียจคุณเลย ดังนั้นทำไมคุณถึงต้องรังเกียจตัวเองล่ะ
ฉันตัวเหม็นค่ะ…
ผมไม่รังเกียจ โม่ถิงกล่าวอย่างอ่อนโยนพลางกอดเธออย่างแนบแน่นต่อไป ขอบคุณนะครับคุณภรรยา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาถังหนิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ตราบใดที่ชายคนนี้รับรู้ถึงความทุกข์และสามารถเข้าใจความเจ็บปวดของเธอได้ งั้นทุกอย่างที่เธอต้องผ่านมานั้นก็คุ้มค่าแล้ว
คุณไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ
ตอนนั้นเองที่โม่ถิงพลันเริ่มบทสนทนาใหม่ขึ้นมาขณะที่เกยคางบนศีรษะของหญิงสาว โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน แต่พอมีคุณกับลูกๆ ผมก็ซาบซึ้งและพอใจมากแล้วครับ
หยาดน้ำตาไหลซึมออกมาจากมุมตาของถังหนิง ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของโม่ถิง หญิงสาวก็พลันหัวเราะ ด้วยความยินดีค่ะคุณชายโม่ นี่คือเครื่องพิสูจน์ความรักที่ฉันมีต่อคุณ
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรักที่คู่รักคู่นี้มอบให้แก่กันและกันนั้นก็ยังคงรุ่มร้อนและลึกซึ้งดังเช่นเคย
โม่ถิงนึกสงสัยอยู่บ่อยๆ ว่าจะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ที่รู้สึกขอบคุณคนรักของตัวเอง
โดยเฉพาะในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบนโลกนี้ถึงมีผู้คนมากมายที่โกรธหรือทำร้ายคนรักของตัวเองได้อย่างแสนสาหัส เพราะสำหรับเขา แค่ความคิดที่ว่าถังหนิงไม่ได้อยู่เคียงข้างกันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดแล้ว ดังนั้นแม้ถังหนิงจะทำบางสิ่งที่เกินเลยไปเป็นอย่างยิ่งในอนาคต ตราบใดที่เธออยู่เคียงข้างเขา นั่นก็เพียงพอแล้ว
ลูกๆ อยู่ที่ไหนคะ
หลับอยู่ครับ โม่ถิงตอบ
แล้ว…คุณได้ตั้งชื่อให้พวกเขาหรือยังคะ ถังหนิงเอ่ยถาม
คนโตให้ชื่อว่าโม่จื่อเฉิน ส่วนคนเล็กให้ชื่อว่าโม่จื่อซี คุณคิดชื่อเล่นให้พวกเขาได้เลยครับ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังหนิงก็นิ่งเงียบไป โม่ถิงรออย่างอดทน ในตอนที่ชายหนุ่มคิดว่าหญิงสาวผล็อยหลับไปแล้ว เธอก็พลันพูดขึ้นมาว่า เราเรียกพวกเขาว่าถังถังกับกั่วกั่วดีไหมคะ
พอลูกโตขึ้น พวกเขาได้เกลียดคุณแน่ครับ โม่ถิงหัวเราะ
ถังหนิงเองก็หัวเราะเช่นกัน คนเฒ่าคนแก่บอกเอาไว้ว่าควรตั้งชื่อเล่นให้เชยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยวิธีนี้ เด็กจะดูแลได้ง่าย พวกเขาควรจะดีใจที่ฉันไม่ได้ตั้งชื่อพวกเขาว่าหวังไฉ่หรืออาฟู่นะคะ
เดิมที่คู่รักพูดว่าพวกเขาจะพักผ่อนกัน ทว่าทั้งคู่ก็ไขว้เขวไปเพราะบทสนทนาอันไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะถึงอย่างไร หญิงอันเป็นที่รักของโม่ถิงก็ได้ให้กำเนิดเด็กแฝดผู้น่ารักน่าชังทั้งสอง ชายหนุ่มจะไม่ลืมวันนี้ไปอีกตลอดชีวิต
งั้น…สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้ให้กำเนิดเด็กชายถึงสองคน
ยอดเยี่ยม! จากนี้ไป บ้านหลังนี้จะมีผู้ชายมาช่วยเขาปกป้องถังหนิงเพิ่มอีกสองคน!
…
วันถัดมา ต้วนจิ่งหงได้ข่าวว่าถังหนิงคลอดเด็กออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว อันที่จริง เธอให้กำเนิดเด็กแฝดเลยด้วย
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาเพิ่งทำการแสดงไปเมื่อคืนที่ผ่านมา หญิงสาวก็คงจะเปิดแชมเปญดื่มฉลองกับสมาชิกในวงของเธอไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ฮว่าเหวินเฟิ่งเพิ่งจะปล่อยข่าวลือที่น่าขนลุกเกี่ยวกับหนิงของฉันออกมา ประมาณว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวที่มีความพิกลพิการ แต่ดูผลลัพธ์สิ หนิงของฉันคลอดเด็กที่สุขภาพแข็งแรงออกมาตั้งสองคน
โว้ว พอพวกเขาโตขึ้น สาวๆ ได้หลงกันตรึมแน่!
แต่ก่อนอื่นเลย ฉันสงสัยจริงๆ ว่าขาของพวกเขาจะยาวแค่ไหน…
ต้วนจิ่งหงมองดูสมาชิกวงของเธอพูดคุยกันเรื่องข่าวนี้อย่างตื่นเต้น พวกเขาดูมีวามสุขยิ่งกว่าได้คลอดลูกเองเสียอีก ทว่ามุมปากของหญิงสาวเองก็โค้งขึ้นเช่นกัน นอกเหนือจากเรื่องอื่นๆ แล้ว การได้ทราบข่าวนี้ก็ทำให้เธอมีความสุขด้วยเช่นกัน
ปัญหาเดียวก็คือซ่งซินผู้ยังอยากรู้อยากเห็นเรื่องถังหนิงและยังมีเจตนาที่จะทำร้ายเธอ
ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นยังไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนของเธอ…
…คืนนี้พวกเขาก็จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้
กัปตันวงดูเหมือนจะเข้าใจความกังวลของต้วนจิ่งหง ดังนั้นเธอจึงตบบ่าของหญิงสาว คืนนี้ทำให้เต็มที่นะ เธอคืออาวุธลับของพวกเรา
ต้วนจิ่งหงพยักหน้า อย่าห่วงเลย ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร
เร็วเข้า มาส่งตั๋วเข้าชมการแสดงสดไปให้เธอสักสองใบกันเถอะ แบบนั้นจะได้ยิ่งน่าตื่นเต้นไง…
ต้วนจิ่งหงรู้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ เธอเชื่อมั่นว่าไห่รุ่ยได้เตรียมการทุกอย่างที่จำเป็นเอาไว้แล้ว แต่ว่ากันจริงๆ คือด้วยนิสัยของซ่งซินนั้น แม้จะไม่มีใครขุดหลุมให้เธอตกลงไป หญิงสาวก็จะกระโจนเข้าไปในหลุมสักแห่งด้วยตนเอง
ดังนั้นจึงเป็นไปตามคาด ไม่ช้าต้วนจิ่งหงก็ได้รับสายจากซ่งซิน จิ่งหง คืนนี้เธอยุ่งอะไรไหม
มีอะไรเหรอ
ฉันอยากไปดูการแสดงของวงเกิร์ลกรุปวงใหม่ของไห่รุ่ยน่ะ ฉันอยากเห็นว่าพวกมันมีดีแค่ไหนและทำไมไห่รุ่ยถึงได้พยายามปั้นพวกมันนัก
คืนนี้ฉันต้องไปทานข้าวกับพ่อแม่น่ะ ชวนท่านประธานเซียวให้ไปเป็นเพื่อนแทนสิ ต้วนจิ่งหงตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่ความจริงแล้วหัวใจของเธอเต้นตุบตับด้วยความประหม่า
ก็ได้ ฉันจะโทรหาเซียวอวี่เหอละกัน ซ่งวินกล่าวก่อนจะวางสายไป
ต้วนจิ่งหงวางโทรศัพท์ลงแล้วหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น ถึงเวลาแล้วที่ซ่งซินจะได้รับของขวัญจากเธอ
ซ่งซินไม่ได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆ ตัวเธอเลย ใจของหญิงสาวนึกถึงแต่ความเกลียดชังตอนที่เธอโทรหาเซียวอวี่เหอ เซียวอวี่เหอเข้าใจความหยิ่งผยองของเธอดี ดังนั้นเขาจึงตอบว่า แล้วต้วนจิ่งหงล่ะ ทำไมเธอไม่ไปกับคุณ
เธอต้องอยู่กับพ่อแม่น่ะ ซ่งซินตอบ
ได้ครับ งันคืนนี้ผมจะไปกับคุณเอง
เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณได้ข่าวเรื่องถังหนิงมาบ้างหรือยังคะ
ไม่เลยครับ
นังนั่นออกลูกเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง เพราะงั้นหล่อนถึงไม่เอาออกมาโชว์ใครสักทีสินะ ซ่งซินเยาะเย้ย
ณ โรงพยาบาลในขณะเดียวกันนั้น ถังหนิงยังไม่คลอดเด็กออกมา ดังนั้นห้องของเธอจึงยังถูกคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา
โดยปกติแล้ว เมื่อการตั้งครรภ์เกินวันที่คาดไว้ไปสองสัปดาห์ เด็กในท้องจะเป็นอันตรายยิ่งขึ้น ไป๋ลี่หวารู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเธอจึงกระซิบบอกโม่ถิงอย่างเงียบๆ ว่า พวกเราควรเตรียมยาเร่งคลอดนะ ไม่อย่างนั้นแล้ว ยิ่งยืดการตั้งท้องไปเท่าไร เด็กในท้องก็ยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่ถิงจึงหันไปมองถังหนิงผู้กำลังนอนอยู่บนเตียงและไม่พูดอะไร
หากชายหนุ่มรู้ว่าถังหนิงจะต้องตกอยู่ในอันตรายและได้รับความเจ็บปวดมากมายเช่นนี้ เขาก็คงไม่อยากได้ลูกตั้งแต่แรก ตัวเขาเองก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ในตอนนี้เช่นเดียวกัน การที่เขากังวลเรื่องถังหนิงอย่างมากนั้นทำให้ชายหนุ่มกระสับกระส่ายเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าถังหนิงไม่ได้หลับอยู่ หลังจากที่แอบได้ยินบทสนทนาระหว่างแม่และลูกชาย หญิงสาวก็บังคับตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า ทำแบบที่แม่เสนอเถอะค่ะ ฉันรับมือไหว
แต่ยิ่งถังหนิงพยายามจะเข้มแข็งเท่าไหร่ โม่ถิงก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปเท่านั้น
ตอนนั้นเองที่ถังหนิงส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นให้ชายหนุ่มดังเคย รอยยิ้มของเธอนั้นคือรูปแบบการปลอบโยนที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้
โม่ถิงสงบลงแล้วพยักหน้า เดี๋ยวผมจะไปคุยกับคุณหมอครับ
หลังจากได้ยินคำขอของโม่ถิง คุณหมอก็ยิ้มแล้วอธิบายว่า ทางเราจะเฝ้าระวังอาการของคุณนายโม่เพื่อประเมินว่าเธอต้องการยาเร่งคลอดหรือไม่ อย่าห่วงเลยค่ะคุณโม่ พวกเราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณนายโม่และเด็กในท้องจะมีสุขภาพดีด้วยกันทั้งคู่
ทว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ดังนั้นตราบใดที่ยังมีความเสี่ยง โม่ถิงก็อดกังวลไม่ได้
ถิงคะ คุณไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะคะ ฉันก็แค่คลอดลูกเท่านั้นเอง ไม่ได้อันตรายอย่างที่คุณคิดหรอก…
กลางดึกคืนนั้นภายในห้องพักของโรงพยาบาล ใต้แสงไฟสีเหลืองนวล โม่ถิงกุมมือถังหนิงเอาไว้อย่างแนบแน่น หลังจากเด็กคนนี้เกิดมา ผมจะไม่ใจดีกับเขาแน่ กล้าดียังไงถึงอยู่ในท้องของคุณนานขนาดนี้และไม่ยอมออกมาสักที!
เด็กคนนี้อาจรู้ว่าคุณจะแย่งความอบอุ่นไปจากเขาทันทีที่เขาเกิดมา ดังนั้นเขาก็เลยตัดสินใจจะอยู่ในท้องของฉันให้นานขึ้นอีกหน่อยมั้งคะ
โม่ถิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพลันเอ่ยขึ้นมาว่า แม่บอกผมว่าคุณเองก็เสี่ยงอันตรายเหมือนกัน ดังนั้นสองสามวันที่ผ่านมาผมจึงเอาแต่คิดว่าผมจะทำยังไงถ้ามีอะไรเกิดอะไรขึ้นกับคุณ
แต่ไม่ว่าผมจะคิดเท่าไหร่ ผมก็หาคำตอบไม่ได้เลย สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกคือความหวาดกลัว ความกลัวที่ผมไม่เคยรู้สึกถึงมันมาก่อน
อย่ากลัวไปเลยค่ะ ลูกกับฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ เราสองคนจะไม่ไปไหน ถังหนิงพูดให้โม่ถิงหยุดกังวล เราสองคนจะอยู่เคียงข้างคุณไปจนแก่เฒ่า
คืนนั้น ถังหนิงนอนไม่หลับ รู้สึกได้ว่าโม่ถิงหลับอย่างระมัดระวังอยู่ในอ้อมแขนของเธอ หญิงสาวไม่เคยเห็นโม่ถิงในมุมนี้มาก่อน เขาคือราชาแห่งวงการบันเทิงและไร้เทียมทานในทุกสิ่งที่ทำมาเสมอ ทว่าในเวลาเช่นนี้ ชายหนุ่มกลับเป็นดั่งชิ้นแก้วอันแสนบอบบาง
ถังหนิงเจ็บปวดหัวใจ ดังนั้นหญิงสาวจึงภาวนาให้ลูกของเธอคลอดออกมาเร็วๆ เพื่อที่พ่อของเขาจะได้สบายใจเสียที
วันถัดมา คุณหมอเข้าตรวจร่างกายถังหนิงแล้วยืนยันว่าเธอสามารถใช้ยาเร่งคลอดได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงปลอบโม่ถิงและบอกให้เขาไม่ต้องกังวล
ขณะที่ถังหนิงรออยู่ในห้องคลอด โม่ถิงอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วยทว่าถังหนิงเข้าใจนิสัยของชายหนุ่มดีเกินไป หากเขาเห็นเธอเจ็บปวด เขาจะชอกช้ำใจเพราะภาพนั้นตลอดไป ดังนั้นถังหนิงจึงปฏิเสธไม่ให้เขาอยู่เป็นเพื่อนเธอ
ครู่ต่อมา ความเจ็บปวดก็มาถึง ถังหนิงรู้สึกได้ว่าปอดของเธอบีบตัวและเริ่มหายใจยากขึ้น
ที่ด้านนอกห้องคลอด ทุกคนรอด้วยความกระวนกระวายในขณะที่โม่ถิงนั่งเงียบๆ อยู่บนม้านั่ง ชายหนุ่มดูเครียดเป็นอย่างยิ่ง แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเพิกเฉยการมีตัวตนอยู่ของเขา
ในอดีต ถังหนิงเคยผ่านเรื่องยากลำบากมาทุกรูปแบบแล้ว การให้กำเนิดลูกสักคนให้กับชายที่เธอรักนั้นจะถือเป็นความท้าทายขนาดนั้นเชียวหรือ
เมื่อคิดเช่นนี้ ถังหนิงรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอพลันเปี่ยมไปด้วยพลัง
คุณถังหนิง เบ่งเรื่อยๆ เลยนะครับ หมอเห็นหัวเด็กแล้ว
ภายในห้องคลอด ถังหนิงกำลังได้สัมผัสการทรมานอันแสนสาหัส ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงเสียจนเธอเกือบจะเป็นลม
ด้านนอกห้องคลอดในขณะเดียวกันนั้น ทุกคนล้วนเห็นความทรมานที่โม่ถิงกำลังประสบ
ทำไมไอ้เจ้านี่ถึงต้องเจอเรื่องลำบากมากมายขนาดนี้กันด้วยนะ ผู้เฒ่าถังถอนหายใจ
ครู่ต่อมา นางพยาบาลคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากห้องคลอดแล้วจับมือผู้เฒ่าถัง คุณเป็นสมาชิกครอบครัวของคุณถังหนิงหรือเปล่าคะ
ชะ…ใช่ครับ
ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณถังหนิงคลอดเด็กออกมาแล้วและปลอดภัยดี อีกเดี๋ยวพยาบาลอีกคนจะออกมาคุยกับพวกคุณ อย่าห่วงไปเลยนะคะ คุณถังหนิงปลอดภัยค่ะ
เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวคลอดเด็กออกมาแล้ว ทุกคนก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนั้นเองที่นางพยาบาลเอ่ยถามว่า คนไหนคือสามีของเธอคะ
ทุกคนมองไปยังโม่ถิงขณะที่เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปหานางพยาบาลคนนั้น
ฉันดูออกเลยค่ะว่าคุณรักภรรยาของคุณมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นผู้หญิงสักคนคลอดลูกอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญเพื่อที่คนเป็นสามีจะได้ไม่ได้เป็นห่วงเธอ พวกคุณทั้งคู่น่ารักมากค่ะ ยินดีด้วยอีกครั้งนะคะ
ผมเข้าไปได้หรือยังครับ น้ำเสียงโม่ถิงนั้นไม่ได้เยือกเย็นเหมือนดังเคย อันที่จริง…มันเป็นเสียงที่แหบแห้งและสั่นเครือ ชายหนุ่มหวาดกลัวจนไม่ได้ตระหนักว่าตัวเองได้กลายเป็นพ่อคนแล้ว สิ่งเดียวที่เขานึกถึงคือถังหนิง คนรักของเขา
ได้ค่ะ เชิญเลย ทันทีที่นางพยาบาลเอ่ยเช่นนั้น โม่ถิงก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องคลอด เมื่อเห็นว่าถังหนิงเหงื่อท่วมตัว เขาก็รีบก้าวเข้าไปหาแล้วกุมมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้
ไม่เป็นไรค่ะ…มันจบแล้ว
ถังหนิงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว หยาดน้ำตาไหลพรากจากดวงตาทั้งสองของเธออย่างควบคุมไม่ได้
เพราะเมื่อครู่ก่อน หญิงสาวพนันกับพยาบาลสาวคนนั้นไว้
โดยส่วนมากแล้วผู้เป็นสามีมักจะจดจ่ออยู่กับลูกของพวกเขาทันทีที่ภรรยาคลอดเด็กออกมา มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไปดูอาการของภรรยาก่อน มีหลายกรณีที่ผู้เป็นสามีหนีไปทันทีที่พบว่าลูกของพวกเขาเป็นเด็กผู้หญิง
แต่ถังหนิงมั่นใจว่าสามีของเธอจะไม่เป็นเช่นนั้น
ในหัวใจเขา เธอเป็นที่หนึ่งเสมอ
ดังนั้นนางพยาบาลจึงชื่นชมความสัมพันธ์ของพวกเขาและแสดงความยินดีกับถังหนิง
คุณเจอลูกของเราหรือยังคะ
โม่ถิงส่ายหน้า ชายหนุ่มอยากกอดถังหนิงแต่เขาไม่อยากเคลื่อนไหวอย่างประมาท
คุณกังวลแค่เรื่องฉันเหรอคะ
อือฮึ เสียงโม่ถิงยังคงสั่นเครือ
…
ด้านนอกห้องคลอด ทุกคนยังเฝ้ารออยู่ ไม่นานนัก นางพยาบาลคนหนึ่งก็อุ้มเด็กที่ถังหนิงเพิ่งคลอดออกมาเพื่อให้คนในครอบครัวได้เห็นเจ้าตัวเล็ก
ทว่าทุกคนต้องประหลาดใจเมื่อนางพยาบาลคนนั้นอุ้มเด็กหนึ่งคนที่แขนแต่ละข้าง…
พวกคุณไม่รู้เหรอคะ คุณนายโม่คลอดเด็กแฝดออกมา เป็นผู้ชายทั้งคู่เลยค่ะ!
แฝด…ชาย!
โม่ถิง เจ้านั่นนี่โชคดีจริงๆ เป่ยเฉินตงถอนหายใจ ทว่าน้ำเสียงของเขามีร่องรอยของความชื่นชมอยู่เล็กน้อย
ขณะที่สมาชิกครอบครัวมองเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์และไร้เดียงสาทั้งสองที่อยู่ในอ้อมแขนของนางพยาบาล พวกเขาก็พลันรู้สึกตื่นเต้น
พี่น้องแฝดชาย ยอดเยี่ยมจริง…
บางทีในตอนนี้ แม้แต่ตัวถังหนิงเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเธอให้กำเนิดเด็กแฝด ระหว่างการตรวจ หญิงสาวจดจ่ออยู่กับสุขภาพของลูกเท่านั้นและบอกให้คุณหมอเก็บเรื่องอื่นๆ เอาไว้เป็นความลับ ส่วนตอนที่อยู่ในห้องคลอด สิ่งเดียวที่เธอจดจ่อก็คือความเจ็บปวด หลังจากที่ความเจ็บปวดนั้นทุเลาลง หญิงสาวก็จำอะไรไม่ได้อีก…
เนื่องจากต้วนจิ่งหงต้องพบซ่งซินหลังจากกลับมาถึงเมืองจีน เธอจึงกลับมาเพียงลำพังด้วยเครื่องบินคนละลำกับสมาชิกวงที่เหลือ
ซ่งซินบอกว่าจะมาต้อนรับเธอกลับบ้าน ดังนั้นหญิงสาวจึงรออยู่ที่สนามบินตามสัญญา ทว่าหลังจากที่ต้วนจิ่งหงไปถึง หญิงสาวเดินไปตรงหน้าซ่งซินแต่ซ่งซินกลับจำเธอไม่ได้
ในอดีต ต้วนจิ่งหงใส่แต่เสื้อออกกำลังกายหรือเสื้อผ้าที่สวมได้ทั้งสองเพศเท่านั้น เมื่อไหร่กันล่ะที่เธอเคยสวมกางเกงยีน โค้ตตัวยาวและรองเท้าส้นสูง
ที่สำคัญที่สุด จู่ๆ ต้วนจิ่งหงก็มีออร่าที่โดดเด่นขึ้นมา เมื่อเทียบกันแล้ว ซ่งซินในชุดลำลองนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ช่วยของต้วนจิ่งหงเลยทีเดียว
ทำไมอยู่ๆ เธอถึงมีสไตล์ขึ้นมาล่ะ ซ่งซินไม่ได้สังเกต แต่คำพูดของเธอเปี่ยมไปด้วยร่องรอยของความอิจฉาอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อก่อนฉันไม่รู้จักจัดระเบียบตัวเองให้ดี ในเมื่อฉันไปถึงเกาหลีใต้แล้ว ฉันก็คิดว่าฉันจะเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้จากที่นั่นกลับมาสักอย่างสองอย่าง ดูไม่แย่ใช่ไหม ต้วนจิ่งหงเอ่ยถามพลางกลั้นยิ้ม
ฉันชินกับลุกของเธอเมื่อก่อนมากกว่า ซ่งซินพูดไม่ได้ว่าต้วนจิ่งหงไม่ได้รับอนุญาตให้สวยกว่าเธอ ดังนั้นหญิงสาวจึงทำได้แค่บอกใบ้ว่าเสื้อพวกนี้ไม่เข้ากับต้วนจิ่งหง
ต้วนจิ่งหงเข้าใจว่าซ่งซินกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่สนใจพลางเปิดประตูรถและนั่งลงข้างๆ เธอ ตอนนี้เราจะไปที่ไหนกันเหรอ
พักหลังมานี้ฉันไม่ได้ข่าวเกี่ยวกับถังหนิงเลย เธอได้ยินอะไรมาบ้างไหม ซ่งซินถามเรื่องถังหนิงจากต้วนจิ่งหงทันทีที่มีโอกาส แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องถามต้วนจิ่งหงก็ตาม เพราะถึงอย่างไร หญิงสาวก็รู้ดีว่าต้วนจิ่งหงไม่มีทางรู้เรื่องอะไรทั้งนั้น บางทีอาจเป็นเพราะหญิงสาวรู้สึกสิ้นหวังกับการหาความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ในช่วงนี้ของถังหนิง
ในความเป็นจริงแล้ว ต้วนจิ่งหงรู้ แต่เธอบอกซ่งซินไม่ได้
เธอรู้ดีกว่าฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงมาถามฉันล่ะ
ก็แค่ถามดูน่ะ แม้แต่ซ่งซินเองก็รู้สึกว่าตัวเองไร้สาระอยู่เล็กน้อย อีกอย่างหนึ่ง วันนี้ฉันได้รับคำตัดสินของคดีกับไห่รุ่ย ถึงจะสูญเสียไปบ้าง แต่ฉันก็หาทางเป็นอิสระจากพวกเขาได้ กลับไปดื่มฉลองให้กับอิสรภาพของฉันกันเถอะ!
เอาสิ ต้วนจิ่งหงตอบอย่างสบายๆ
แต่ในช่วงเวลาเดือนหรือสองเดือนสั้นๆ นี้ โลกได้เปลี่ยนไปมาก ต้วนจิ่งหงไม่ใช่ผู้จัดการตัวเล็กๆ ที่ต้องคอยสนองความต้องการของซ่งซินอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอได้เดบิวต์ในฐานะสมาชิกวงเกิร์ลกรุปของไห่รุ่ยที่สะดุดตาที่สุด
บางทีอาจเป็นเพราะเครื่องแต่งกายของต้วนจิ่งหงหรืออาจเป็นเพราะออร่าของเธอ ทันทีที่หญิงสาวทั้งสองก้าวเข้าไปในบาร์ร้านประจำที่ปลอดภัย ผู้ชายจำนวนมากพบว่าตัวเองมองไปทางเธอและไม่สนใจซ่งซิน
เธอจะเด่นเกินไปแล้วนะ ทำไมถึงไม่เปลี่ยนไปแต่งลุกเดิมล่ะ ถ้าผู้คนรู้ว่าฉันมาที่บาร์นี้ ฉันอาจจะได้ขึ้นพาดหัวข่าวอีกก็ได้ ซ่งซินไม่พอใจเลย เธอรู้สึกไม่สบายใจกับสถานการณ์ในตอนนี้ โดยเฉพาะเมื่อจู่ๆ ผู้ติดตามคนเดิมของเธอกลายเป็นคนที่น่าดึงดูดกว่าตัวเธอเอง ความไม่พอใจนั้นรู้สึกเหมือนกับมีมดเป็นพันๆ ตัวกำลังกัดแผ่นหลังของเธออยู่
แต่เธอคิดว่าต้วนจิ่งหงเป็นใครกัน กี่ปีมาแล้วที่หญิงสาวติดตามเธอ ต้วนจิ่งหงจะไม่รู้หรือว่าจริงๆ แล้วเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ดังนั้นต้วนจิ่งหงจึงแอบยิ้ม นี่คือชุดที่ธรรมดาที่สุดของฉันแล้วนะ งั้นเราไปดื่มกันที่บ้านของเธอแทนไหมล่ะ
ซ่งซินไม่ต้องการถูกเปรียบเทียบกับต้วนจิ่งหงไปมากกว่านี้ ดังนั้นหญิงสาวจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ตกลง คุณปู่ของฉันไม่ได้เจอเธอมานานแล้วด้วย
จากนั้นหญิงสาวทั้งสองก็ออกจากบาร์แห่งนั้นและมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลซ่ง
ขณะที่พวกเขากำลังเข้าไปในบ้าน รอยยิ้มอันมั่นใจของซ่งซินก็กลับมาปรากฏบนใบหน้าของเธออีกครั้ง แม้ต้วนจิ่งหงจะหน้าตาสะสวยกว่าเธอ แต่ต้วนจิ่งหงก็ยังไม่มีคุณปู่ที่เล่นการเมืองหรือมีพื้นหลังครอบครัวที่น่าประทับใจ
สองสาวก้าวไปในห้องนอนของซ่งซินดังปกติและซ่งซินก็รีบตรงไปที่ตู้เก็บของเพื่อหยิบไวน์แดงออกมาหนึ่งขวด ขณะที่หญิงสาวรินไวน์ให้ต้วนจิ่งหง เธอก็ร้องออกมาว่า ฉันดีใจจริงๆ นะที่เรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน!
ต้วนจิ่งหงรับแก้วไวน์มาจากซ่งซินแล้วชนแก้วกับเธอ ทว่าหลังจากที่ดื่มกันไปสักพัก ซ่งซินก็พลันลุกขึ้นแล้วพูดว่า ฉันซื้อเสื้อผ้าใหม่มาเยอะเลย แถมพวกแฟนคลับก็ส่งมาให้เพิ่มอีก ฉันใส่คนเดียวไม่หมดแน่ งั้นเธอเอากลับบ้านไปบางส่วนซะนะ
ต้วนจิ่งหงมองซ่งซินที่ค้นห้องของเธออย่างขวักไขว่ ตอนนั้นเองที่ต้วนจิ่งหงตระหนักว่าตลอดหลายปีมานี้ซ่งซินทำให้ตัวเองรู้สึกเหนือกว่าอย่างไร ผู้หญิงคนนี้ทำเหมือนเธอเป็นกิจการกุศล
ต้วนจิ่งหงไม่ตอบโต้ในทันที หญิงสาวเพียงแต่เชิดหน้าขึ้นแล้วพูดกับซ่งซินว่า วางไว้อย่างนั้นแหละ ฉันจะเอาไปด้วยตอนฉันกลับ
เมื่อเห็นว่าท่าทางของต้วนจิ่งหงยังคงเหมือนในอดีต ซ่งซินก็ผ่อนคลายลงในที่สุดแล้วกลับไปอยู่ข้างๆ เธอ เซียวอวี่เหอกำลังจะเปิดสตูดิโอให้ฉัน เราจะมีอิสระกันเยอะขึ้นมากเลยล่ะหลังจากนั้น
นั่นก็ไม่เลวนะ ต้วนจิ่งหงพยักหน้า
ยังไงก็เถอะ ยินดีต้อนรับกลับมานะต้วนจิ่งหง! ซ่งซินดึงต้วนจิ่งหงเข้าไปกอด ฉันต้องการเธอมากจริงๆ หวังว่าเราสองคนจะต่อต้านไห่รุ่ยไปด้วยกันและมิตรภาพของเราจะคงอยู่ตลอดไปนะ น่าเสียดายที่เราไม่ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับถังหนิงเลย นังสารเลวนั่นคงจะคลอดลูกในเร็วๆ นี้แหละ
ท้ายที่สุดแล้วเธอจะได้รู้เรื่องเขาเองนั่นละ ต้วนจิ่งหงจิบไวน์ แววตาหนึ่งที่ซ่งซินไม่เข้าใจได้วาบผ่านดวงตาของต้วนจิ่งหงไป
ไม่สำคัญหรอก นังโสเภณีนั่นถูกกดขี่อยู่และไม่นานก็จะตกยุคไปเอง เธอรู้หรือยังว่าเมื่อเร็วๆ นี้ไห่รุ่ยเพิ่งตั้งวงเกิร์ลกรุปใหม่ขึ้นมา…
รู้หรือยัง
ต้วนจิ่งหงแอบเยาะเย้ยในใจ เธอไม่ได้แค่รู้เรื่องเพียงอย่างเดียวหรอกนะ แต่เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกวงเลยละ!
ซ่งซินพูดเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ในปักกิ่งต่อ ทว่าต้วนจิ่งหงรู้ทุกอย่างหมดแล้ว
ด้วยเหตุนี้ หญิงสาวทั้งสองจึงนั่งคุยกันตั้งแต่เช้าจนบ่าย เดิมทีซ่งซินวางแผนจะขับรถไปส่งต้วนจิ่งหงที่บ้านหลังจากเสร็จธุระกันแล้ว ทว่าต้วนจิ่งหงปฏิเสธข้อเสนอนั้น ฉันลืมบอกเธอไปน่ะว่าฉันย้ายที่อยู่แล้ว ขอฉันจัดบ้านก่อนสักหน่อยแล้วฉันจะบอกที่อยู่เธออีกทีนะ
แม้ซ่งซินจะค่อนข้างสับสน หญิงสาวก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เธอเพียงแต่ยื่นเสื้อผ้าที่ตัวเองไม่ต้องการให้ต้วนจิ่งหงและมองเพื่อนสาวออกจากบ้านไป…
ทว่าต้วนจิ่งหงกลับโยนเสื้อผ้าอันหรูหราเหล่านั้นลงถังขยะที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของซ่งซินก่อนจะโทรหาเอเจนซี่ของเธอ ครู่ต่อมารถตู้ของบริษัทก็มาถึงและพาต้วนจิ่งหงกลับไปยังอะพาร์ตเม้นต์ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้เธอ
ทันทีที่ถึงบ้าน สมาชิกวงคนอื่นๆ ก็พากันล้อมเข้ามาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยถามว่า นังนั่นพูดว่าไงบ้าง
ทำไมฉันถึงไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนเลยว่าหล่อนน่ารังเกียจแค่ไหน
เมื่อก่อนใครใช้ให้เธอทำตัวน่ารังเกียจแบบมันล่ะ ดีแล้วที่เธอเปลี่ยนเป็นคนที่ดีขึ้น มาเตรียมมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้นังสารเลวนั่นกันเถอะ!
ต้วนจิ่งหงพยักหน้าและรู้สึกตลกเล็กน้อย พวกเธอรู้ไหม แค่เพราะฉันเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปนิดหน่อย ซ่งซินถึงกับรู้สึกว่าฉันขโมยความโดดเด่นไปจากหล่อน และขอให้ฉันกลับไปใส่เสื้อผ้าเหมือนเดิมเลยนะ และเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าใครใหญ่ หล่อนเอาเสื้อผ้าที่ตัวเองไม่อยากได้มาให้ฉันเพียบเลย!
อย่าใส่ใจหล่อนเลย ตอนนี้อนาคตของเธอเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดนะ! หล่อนไม่มีทางเทียบติดหรอก!
เตรียมตัวเอาไว้ได้เลย การแสดงในปักกิ่งไม่หวานหมูแน่ๆ เพื่อทำให้คุณซ่งต้องกระอักเลือดด้วยความโกรธ พวกเราต้องทำออกมาให้ดีที่สุด! กัปตันวงพูดปลุกใจ
เธอพูดถูก มาซ้อมกันเถอะ…!
คำถามคือ หากคนธรรมดาคนหนึ่งได้รับโอกาสให้กลายเป็นคนร่ำรวยและมีชื่อเสียง คนคนนั้นจะปฏิเสธมันหรือไม่
แน่นอนว่าไม่!
แม้ต้วนจิ่งหงจะอยู่ในวงการเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เธอก็ได้เห็นความดึงดูดใจและความน่าตื่นเต้นของมันมาประมาณหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่หญิงสาวจะยอมรับสภาพของตัวเองในปัจจุบัน หากถังหนิงยินดีที่จะมอบโอกาสให้เธอก้าวข้ามซ่งซินและได้รับชื่อเสียงเงินทองไปพร้อมๆ กัน แม้แต่คนที่โง่เขลาที่สุดก็คงไม่มีวันทิ้งโอกาสอันดีนี้ไป ไม่ต้องพูดถึงคนอย่างต้วนจิ่งหงผู้ถูกซ่งซินกวนใจมาเสมอเลย
ฉะ…ฉันต้องทำยังไงบ้าง ต้วนจิ่งหงประหม่ามากเสียจนพูดไม่ออก
สำหรับถังหนิงแล้ว นี่อาจเป็นเพียงการตัดสินใจธรรมดาๆ แต่สำหรับต้วนจิ่งหง มันมากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอได้เลย
ฉันต้องใช้เวลาสักพักเพื่อวางแผนอย่างเหมาะสม ถังหนิงกล่าวก่อนจะกดวางสายแล้วหันไปมองหน้าโม่ถิง
ชายคนนี้ดูจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่เขาเข้าใจแผนการของถังหนิงเสมอ เพราะถึงอย่างไร การข่มเหงในครั้งนี้ก็ได้จุดประกายความคิดในใจของถังหนิงได้มากมาย
การพาต้วนจิ่งหงเข้าวงการบันเทิงนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้ซ่งซินเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด และในเวลาเดียวกัน มันจะช่วยปกป้องท้องของถังหนิงจากแผนการชั่วร้ายด้วยการดึงความสนใจของซ่งซินไปที่อื่น
ส่วนผู้อาวุโสซ่งนั้น พวกเขาจะจัดการกับเขาหลังจากที่เด็กเกิดมาแล้ว
สำหรับตอนนี้ ถังหนิงจะรอคลอดลูกด้วยความอดทน
เช้าวันถัดมา โม่ถิงสั่งให้ลู่เช่อไปหาข้อมูลเกี่ยวกับต้วนจิ่งหงมาเพื่อดูว่าเธอมีอะไรที่น่าสนใจหรือไม่ หากเธอมีความสามารถอยู่บ้าง พวกเขาก็สามารถเซ็นสัญญาให้เธอเป็นเด็กฝึกงานที่ไห่รุ่ยได้ทันที หากเธอไม่มีความสามารถอะไรเลย พวกเขาก็สามารถหาผู้เชี่ยวชาญสักคนมาช่วยเธอและลองดูสักตั้ง จากข้อมูลที่พวกเขาค้นพบ การทำให้ต้วนจิ่งหงโด่งดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
ต้วนจิ่งหงคนนี้มีหน้าตาและพื้นหลังครอบครัวที่อยู่ในระดับกลางๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรให้ขายเยอะนักยกเว้นเรื่องที่ว่า…เธอเต้นเก่งมาก! ถ้าเราเดบิวต์เธอในวงเกิร์ลกรุป เธอต้องทำได้ดีแน่นอนครับ
งั้นก็เอาแบบนั้นแหละ บอกให้ฟังอวี้เตรียมการและปฏิบัติกับเธอเหมือนเด็กฝึกงานคนอื่น หากเธอล้มเหลวไม่ว่าจะในแง่ไหนก็ตาม ไล่เธอออกได้เลย!
ลู่เช่อรู้สึกสับสน ต้วนจิ่งหงเป็นศัตรูของคุณผู้หญิงไม่ใช่หรือ ถึงอย่างนั้นโม่ถิงกลับไม่ได้สนับสนุนเธอเพียงอย่างเดียว แต่ยังวางแผนที่จะทำให้เธอมีชื่อเสียงอีกด้วย
โม่ถิงเข้าใจความสับสนของลู่เช่อ ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างเยือกเย็นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า เพราะความผิดที่ผ่านมา ตอนนี้เธอถึงต้องทำตัวเป็นโล่ยังไงล่ะ
ทำไมเราถึงไม่จัดการกับซ่งซินโดยตรงไปเลยล่ะครับ
นับจากซ่งซินไปจนถึงตระกูลซ่งและความสัมพันธ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับพวกเขาทั้งหมดในคราวเดียว พูดอีกความหมายหนึ่งก็คือ เด็กน้อยผู้ล้ำค่าของตระกูลโม่กำลังจะลืมตาดูโลกและชายหนุ่มก็ไม่มีเวลาไปจัดการกับคนเหล่านี้ ไม่ว่าปัญหานั้นจะสำคัญแค่ไหน ก็ต้องรอจนกว่าลูกของเขาจะเกิดมา
รับทราบแล้วครับ! ลู่เช่อเปล่งเสียงออกมาอย่างหนักแน่น ตามนิสัยของโม่ถิงแล้ว เขามักจะเป็นคนที่หาทางแก้แค้นในที่ที ทว่าสิ่งนี้ก็ได้อธิบายว่าทำไมเขาถึงจงใจฝึกฝนต้วนจิ่งหงให้ไปแตกหักกับซ่งซิน
เพราะเด็กน้อยผู้ล้ำค่าของตระกูลโม่กำลังจะลืมตาดูโลก!
ท่านประธานคงจะกังวลใจมากเลยสินะครับ
โม่ถิงไม่ตอบ ชายหนุ่มเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมาชำเลืองมองลู่เช่ออย่างเยือกเย็น เขาพูดไม่ชัดพอหรือไงนะ ไม่ว่าโม่ถิงจะสงบนิ่งแค่ไหน หญิงผู้เป็นที่รักของเขาก็กำลังจะมอบชีวิตให้กับลูกน้อยที่ล้ำค่าของเขา มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ชายหนุ่มจะกังวล
จดจ่อกับสิ่งที่นายต้องทำเถอะ อีกอย่าง ช่วยฉันเตรียมนัดกับเจ้าหน้าที่เหลิ่งจากกรมวัฒนธรรมด้วย…
ท่านประธานโม่วางแผนจะพบเขาเป็นการส่วนตัวหรือครับ
โม่ถิงไม่ตอบอะไร ทว่าลู่เช่อเข้าใจคำสั่งแล้วรีบถอยออกไปจากห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านายอย่างรวดเร็ว
ถังหนิงกำลังจะคลอด ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะป้องกันไม่ให้ข่าวใดๆ ก็ตามแพร่ออกไป ในเมื่อซ่งซินชอบการแข่งขันนัก เขาก็จะให้เธอได้แข่งกับเพื่อนรักของตัวเอง
แน่นอนว่าต้วนจิ่งหงไม่สมควรได้รับความสงสาร ตอนที่ถังหนิงยื่นข้อเสนอให้เธอเป็นครั้งแรก ถังหนิงไม่เคยบังคับให้ต้วนจิ่งหงตกลงยอมรับมันเลย ต้วนจิ่งหงมีทางเลือกที่จะปฏิเสธเสมอ ทว่าหญิงสาวก็ยังเลือกที่จะเดินบนเส้นทางนี้ ดังนั้นจากนี้ไป เธอจึงต้องรับมือกับผลที่ตามมาด้วยตัวเอง
ไม่ช้าต้วนจิ่งหงก็ได้รับเอกสารสัญญาจากไห่รุ่ย แม้มันจะระบุเอาไว้ว่าเธอเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานและสามารถถูกไล่ออกได้ทุกเมื่อ เธอก็ยังเห็นคุณค่าของโอกาสนี้
หญิงสาวอยากจะเห็นเหลือเกินว่าซ่งซินจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อรู้เข้า
แน่นอนว่าในระหว่างนี้ซ่งซินเองก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เธอฟ้องร้องไห่รุ่ยและเรียกร้องให้พวกเขายกเลิกสัญญากับเธอ ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวยังเรียกร้องค่าชดเชยอีกด้วย
ซ่งซินกล้าพอจะทำเช่นนี้เพราะเธอมีทั้งเซียวอวี่เหอและตระกูลซ่งคอยหนุนหลังอยู่
ในขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสซ่งก็ไม่สามารถสั่งให้ซ่งซินทำตามที่สัญญาเอาไว้กับเขาได้ เพราะชายชรายังไม่ได้ทำตามข้อตกลงของตัวเองเช่นกัน ซ่งซินรู้ว่าคุณปู่ของเธอติดค้างสัญญาของเขาอยู่ ดังนั้นเธอจึงแสร้งเป็นไม่รู้ไม่ชี้และไปพบกับเซียวอวี่เหออยู่เรื่อยๆ เพื่อเตรียมที่จะเริ่มต้นใหม่ในเอเจนซี่ของเขาหลังจากที่ยกเลิกสัญญากับไห่รุ่ยได้แล้ว
ทางด้าน ‘คนรักที่สาบสูญ’ ขั้นตอนการตรวจสอบนั้นใช้เวลาไม่นานนักก็ได้รับอนุญาตให้กลับมาฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง แม้จะไม่น่าตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อน แต่สาธารณชนก็ยังประทับใจกับการแสดงของถังหนิงอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าเหล่าแฟนคลับจะไม่พอใจ พวกเขาก็ไม่ได้ไม่พอใจเพราะนักแสดงหรือตัวภาพยนตร์เอง และแม้ว่ายอดขายตั๋วจะไม่ได้สูงเหมือนช่วงที่ภาพยนตร์ออกมาในตอนแรก มันก็ยังข่มภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่ฉายอยู่ในตอนนั้นได้มากพอควร
ซ่งซินสรุปเอาว่าศึกระหว่างเธอกับถังหนิงนั้นสร้างความเสียหายให้ทั้งสองฝ่าย แม้เธอจะไม่ได้กำไรจากมันเลย แต่ถังหนิงเองก็ไม่ได้อะไรเช่นเดียวกัน สถานการณ์ในขณะนี้เพียงแค่ดูไม่สู้ดีนัก
แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะของขวัญชิ้นใหญ่ที่ถังหนิงเตรียมเอาไว้ให้ซ่งซินนั้นยังไม่ถูกจัดส่ง
ระหว่างที่ซ่งซินและไห่รุ่ยกำลังสู้กันอยู่ในชั้นศาล ถังหนิงก็ได้ย้ายเข้าไปในแผนกผดุงครรภ์ของโรงพยาบาลแล้ว ลูกคนแรกของเธอและโม่ถิงกำลังจะออกมาลืมตาดูโลกใบนี้! ทว่าเหล่าสื่อมวลชนไม่ได้ล่วงรู้ถึงเรื่องนี้เพราะโม่ถิงปิดข่าวเอาไว้อย่างแน่นหนา และเพราะการต่อสู้ในชั้นศาลของซ่งซิน ความสนใจของเหล่าสื่อมวลชนจึงไปอยู่ที่อื่นโดยสมบูรณ์จนลืมเรื่องที่ถังหนิงกำลังจะคลอดลูกไปชั่วคราว
ไป๋ลี่หวาและซย่าอวี้หลิงทิ้งทุกอย่างที่บริษัทเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนถังหนิงที่โรงพยาบาล ผู้หญิงทั้งสองคนนี้มีสามีที่ห่วยแตกด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นพวกเขาจึงสนิทกันอย่างรวดเร็วราวกับพี่สาวน้องสาวและรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบกันให้เร็วกว่านี้
ถังจิ้งเซวียนยังเชิญสวี่ชิงเหยียนมาเหมือนทุกครั้งและตั้งตารอการมาถึงของหลานชายหรือหลานสาวของเขา ทว่าเจ้ามนุษย์ตัวน้อยกลับไม่ยอมออกมา
เป่ยเฉินตงเองก็ถูกหันซินเอ๋อร์ลากมาที่โรงพยาบาลด้วยเช่นกัน หลังจากที่เหลือบมองท้องของถังหนิงอย่างไวๆ แล้ว ชายหนุ่มก็พูดเย้ยหยันว่า เราสองคนไม่ต้องมีลูกกันเถอะ
หันซินเอ๋อร์สวนกลับอย่างรวดเร็ว ใครจะไปอยากมีลูกกับนาย
ฉันรับพวกคนอ้วนไม่ไหวน่ะ เป็นแบบที่เธอเป็นตอนนี้นั่นละดีแล้ว…
ถังหนิงหัวเราะลั่นกับคำพูดของเป่ยเฉินตงพลางถามหันซินเอ๋อร์ว่า ตานี่เลิกนิสัยขี้เกียจหรือยัง
ฉันไม่คาดหวังกับเขาหรอกค่ะ! หันซินเอ๋อร์ยักไหล่
การตอบโต้ของโม่ถิงงั้นหรือ ชายหนุ่มรีบไล่เป่ยเฉนตงออกจากห้องอย่างรวดเร็วแล้วอธิบายว่า ผมไม่อยากให้เขามาส่งผลกระทบต่อกรรมพันธุ์อันสมบูรณ์แบบของลูกผมน่ะ
หลังจากนั้นเฉินซิงเหยียนก็เข้ามาเยี่ยมเช่นกัน แม้ว่าเธอจะยังเขินอายเวลาอยู่ใกล้โม่ถิง หญิงสาวก็ทักทายเขาว่า ‘พี่ใหญ่’ เธอไม่ได้ทำเช่นนี้เพื่อตัวเองแต่เพื่ออันจื่อเฮ่า โม่ถิงจะได้เลิกทำให้ชายหนุ่มต้องลำบากเสียที…
ศิลปินหนุ่มชื่อดังถูกรับเชิญมาให้เป็นพรีเซนเตอร์ของอีเวนต์ดังกล่าว เมื่อชายหนุ่มปรากฏตัวบนพรมแดง แฟนคลับจำนวนหนึ่งก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นตามที่คาดไว้ แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าน้ำหอมยี่ห้อดังเจ้านี้มีคู่ค้าคนสำคัญอย่างถังซื่อกรุป
ดังนั้นร่างงามร่างหนึ่งจึงมาปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมวลชนและสาธารณชนในเวลาต่อมา ทีแรกทุกคนพากันตกตะลึงแต่ก็ตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการถ่ายภาพด้วยกล้องของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
ทำไมถังหนิงถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ เขาลือกันไม่ใช่เหรอว่าเธอถูกทั้งวงการแบน เธอได้รับอนุญาตให้มาที่นี่ได้ยังไงกัน
ข่าวลือน่ะเชื่อถือไม่ได้หรอก ดูจากสีหน้าของถังหนิงแล้ว เธอไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยนะเนี่ย
ถังหนิงต้องมาที่นี่เพื่อขจัดข่าวลือแน่ๆ
ถังหนิง มองมาทางนี้แล้วยิ้มให้พวกเราหน่อยครับ!
ถังหนิง…
…
ไม่มีใครคาดคิดว่าถังหนิงจะมาปรากฏตัว และเนื่องจากไม่ได้เห็นเธอมาสักพักแล้ว พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะไล่ตามเธอ ทุกคนอยากได้ยินจากปากของหญิงสาวว่าข่าวลือในช่วงนี้นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
โลกอินเทอร์เน็ตตามข่าวนี้กันอย่างรวดเร็ว พวกเขาถึงกับโพสต์ภาพถังหนิงที่โพสท่าได้อย่างสมบูรณ์แบบในชุดเดรสยาวสีชมพู
แน่นอนว่าซ่งซินตาโตเมื่อได้เห็นข่าวนั้น หลังจากที่แน่ใจแล้วว่านั่นคือถังหนิงจริงๆ เธอจึงโทรหาต้วนจิ่งหง เธอได้ข่าวหรือยัง วันนี้ถังหนิงไปร่วมงานเปิดตัวสินค้าของน้ำหอมยี่ห้อดังแบรนด์หนึ่ง ยังมีใครกล้าเชิญมันอีกได้ยังไงเนี่ย
ต้วนจิ่งหงไม่รู้เหตุผลนั้นเช่นกัน เธอเพียงแต่เชื่อในความสามารถของถังหนิง
ไม่ ฉันจะไม่ปล่อยให้นังสารเลวนั่นได้คืนวงการอย่างรวดเร็วแบบนี้!
เมื่อเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวศัตรูของซ่งซิน ต้วนจิ่งหงก็นิ่งเงียบ เธอเชื่อว่าถังหนิงนั้นกล้าหาญและไม่มีอะไรต้องกลัว
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เป็นไปได้ยังไง ฉันจะไปถามคุณปู่!
ขณะเดียวกัน ถังหนิงกำลังให้สัมภาษณ์อยู่
คุณถังครับ พักนี้มีข่าวลือกันว่าคุณไปลบหลู่ข้าราชการระดับสูงท่านหนึ่งและต้องเผชิญกับวิกฤตทางอาชีพครั้งใหญ่ นั่นเป็นเรื่องจริงไหมครับ
ขอโทษด้วยค่ะ แต่วันนี้ฉันไม่ได้มาร่วมงานในฐานะนักแสดงหรือศิลปิน อย่าลืมสิคะว่าฉันยังเป็นประธานบริษัทถังซื่อกรุป ฉันมาร่วมงานในวันนี้เพียงเพราะแบรนด์แบรนด์นี้เป็นคู่ค้าของถังซื่อกรุปเท่านั้นค่ะ ดังนั้นฉันจึงควรแสดงการสนับสนุนสักหน่อย…
ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ เธอมาที่นี่ใฐานะประธานบริษัทของถังซื่อกรุป ไม่ใช่ในฐานะนักแสดงของไห่รุ่ย!
มันอาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับซ่งซินที่จะข่มเหงถังหนิงที่เป็นนักแสดง แต่หากเธอต้องการจะข่มเหงถังหนิงที่เป็นประธานบริษัทละก็ เธออาจจะต้องติดสินบนข้าราชการหลายๆ คนที่ประจำอยู่ในกรมเศรษฐกิจ
ขณะที่ซ่งซินดูฉากนี้บนแท็บเล็ตของเธอ หญิงสาวก็อยากจะขว้างมันลงกับพื้นจนแทบขาดใจ
ถังหนิง แกนี่มันร้ายจริงๆ!
แปลว่าจากนี้ไปคุณจะเข้าร่วมอีเวนต์ต่างๆ ในฐานะประธานบริษัทถังซื่อกรุปใช่ไหมครับ ในเมื่อถังหนิงเปลี่ยนเรื่อง เหล่านักข่าวก็ปรับเปลี่ยนคำถามของพวกเขาเช่นกัน ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการจะรู้ก็คือถังหนิงได้ไปลบหลู่ข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งจริงๆ หรือไม่
อย่างน้อยก็งานนี้นั่นล่ะค่ะ ถังหนิงเลี่ยงตอบคำถาม หญิงสาวไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธว่าตัวเองถูกข่มเหง และนั่นทิ้งหลายสิ่งให้เหล่านักข่าวเก็บเอาไปคิด ในฐานะประธานบริษัทถังซื่อกรุป ฉันยังสามารถรับใช้ทุกคนได้อยู่ค่ะ
หลังจากนั้น ถังหนิงก็ออกจากบริเวณให้สัมภาษณ์และก้าวเข้าไปในสถานที่จัดงานอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าการปรากฏตัวของถังหนิงนั้นมอบความมั่นใจให้เหล่าแฟนคลับของเธอได้มากมาย มันเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นเธอปลอดภัย เพราะถึงอย่างไร ข่าวลือเหล่านั้นก็น่ากลัวเกินไปจริงๆ
[หนิงของฉันปลอดภัยล่ะ…]
[โชคร้ายที่เธอไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเธอถูกรังแกหรือเปล่า ศัตรูคงไม่ได้คิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าถึงถังหนิงจะไม่ใช่นางแบบหรือนักแสดง เธอก็ยังเป็นประธานบริษัทอยู่]
[ฉันคิดว่าหนิงของฉันกำลังถูกรังแกนะ ไม่อย่างนั้นเธอจะพูดเรื่องตัวตนในฐานะนักแสดงอย่างชัดเจนทำไมล่ะ]
[อันที่จริงมันไม่แย่เลยนะที่หนิงของฉันจะเป็นประธานบริษัท ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร เธอก็ยังเป็นหนิงของฉันอยู่!]
[หนิงของฉันน่าอัศจรรย์ที่สุดเลย!]
[ที่พูดๆ ว่าเธอถูกข่มเหงและกักตัวไว้มันอะไรกัน หนิงของฉันกำลังไปได้ดีกับการเป็นประธานบริษัทต่างหากล่ะ]
ไม่ว่าในกรณีไหน การปรากฏตัวของถังหนิงก็ทำให้เหล่าแฟนคลับสงบสติลงอย่างรวดเร็วและเลิกคาดเดาไปเรื่อยว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายหรือไม่
ที่สำคัญที่สุด ต้วนจิ่งหงสัมผัสได้ว่าถังหนิงกำลังประกาศสงครามกับซ่งซินผ่านจอภาพ หากซ่งซินต้องการข่มเหงเธอ มันก็เห็นได้ชัดแล้วว่าตระกูลซ่งยังไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้น
ด้วยเหตุนี้ ต้วนจิ่งหงจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้คือถังหนิงจริงๆ ไม่มีใครสามารถบดบังรัศมีอันเจิดจ้าของเธอได้ เธอทำให้ผู้คนทั้งอิจฉาและเลื่อมใสเธอได้ในเวลาเดียวกัน
ผู้อาวุโสซ่งรู้สึกโกรธกับอีเวนต์ในวันนั้น ดังนั้นชายชราจึงโทรหาชายคนหนึ่งที่ทำงานให้เขา
แต่ชายคนนั้นกลับตอบมาเพียงว่า นอกเหนือจากการเป็นนางแบบหรือนักแสดงแล้ว ถังหนิงมีตัวตนอื่นๆ อีกมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือประธานบริษัทถังซื่อกรุป
เขาสามารถควบคุมการกระทำของถังหนิงในวงการบันเทิงได้ แต่เขาไม่สามารถจำกัดอิสรภาพของเธอ เขาไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้น
พูดอีกอย่างก็คือ จากนี้ไปคุณไม่สามารถควบคุมการไปร่วมอีเวนต์ต่างๆ ของถังหนิงในฐานะที่เป็นประธานบริษัทถังซื่อกรุปได้อย่างนั้นหรือ
ท่านครับ อย่าบังคับให้ผมทำสิ่งที่อยู่เหนืออำนาจของผมเลย ผมมีเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ท่านควรจะคุยด้วยอยู่ ลองโทรหาเขาแล้วดูว่าเขายินดีที่จะทำลายบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งให้ท่านหรือเปล่า ขอผมเตือนท่านหน่อยนะครับว่าถังซื่อกรุปน่ะเป็นอาณาจักรน้ำหอมที่อยู่มานานนับศตวรรษและบริจาคเงินจำนวนมากให้กรุงปักกิ่ง…
ผู้อาวุโสซ่งรู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง เขาสิ้นท่าให้กับนักแสดงเพียงคนเดียวได้อย่างไร และเขาจะอธิบายสถานการณ์นี้กับซ่งซินอย่างไร
ยัยถังหนิงนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ
อย่างไรก็ตาม ชายชราไม่คิดเลยว่าคนที่เจ้าเล่ห์จริงๆ นั้นคือหลานสาวของเขาเอง
ลูกตบของถังหนิงนั้นกระแทกเข้าที่หน้าของชายชราอย่างจัง เพราะถึงอย่างไรชายชราก็ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับหลานสาวของเขาได้ ทีนี้ความภาคภูมิใจของเขาจะเป็นอย่างไรกันล่ะ
แน่นอนว่านี่คือผลลัพธ์ที่โม่ถิงและถังหนิงอยากให้เกิดขึ้น ถังหนิงคือคนที่โดนข่มเหงได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ น่าขำสิ้นดี!
ทว่าหากซ่งซินคิดว่าทุกอย่างจบลงอย่างเรียบง่ายเช่นนั้น ศัตรูของเธอก็คงจะไม่ใช่ถังหนิง ถังหนิงตัวจริงนั้นกำลังจะทำให้ซ่งซินได้ชดใช้ให้กับการตัดสินใจอันโง่เง่าของตัวเอง!
ถังหนิงกำลังจะคลอดลูก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะลาจากวงการบังเทิง แต่…เธอยังมีตัวเลือกในการทำให้ต้วนจิ่งหงมีชื่อเสียงขึ้นมา
ซ่งซินจะรู้สึกอย่างไรหากผู้จัดการของเธอประสบความสำเร็จมากกว่าตัวเอง
นี่เป็นบางสิ่งที่ต้วนจิ่งหงเองก็ไม่ได้คาดคิดเอาไว้เช่นกัน หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่าถังหนิงจะเสนอสิ่งที่กล้าและบ้าบิ่นเช่นนี้
ไปคิดมาแล้วให้คำตอบกับฉันนะ
แต่ทุกคนในวงการนี้ต่างก็มีจุดแข็งเป็นของตัวเองนะ ฉันจะไปเดบิวต์ได้ยังไงล่ะ ต้วนจิ่งหงไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อีกอย่าง ถ้าคุณทำให้ฉันมีชื่อเสียง คุณจะปล่อยให้ฉันก้าวข้ามคุณไปด้วยอย่างงั้นเหรอ
ถ้าเธอมีความสามารถ ฉันก็ไม่กลัวการถูกก้าวข้ามหรอกนะ ถังหนิงตอบ เธอไม่จำเป็นต้องมาห่วงฉันหรอก เมื่อถึงเวลาที่ฉันได้กลับไป ฉันก็จะกลับ!
ตอนนี้โลกภายนอกนั่นเต็มไปด้วยคำซุบซิบ เหล่าแฟนคลับพูดกันว่าโฆษณาของคุณถูกยกเลิกและกำลังสงสัยว่าคุณยังปลอดภัย ถูกคุมขังหรือกำลังตกอยู่ในอันตรายอยู่หรือเปล่า โม่ถิงพูดที่ข้างหูของถังหนิงเบาๆ พลางช่วยอาบน้ำให้เธอ คุณควรจะหาโอกาสปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนให้พวกแฟนคลับได้สบายใจกันนะ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังหนิงก็ยิ้มออกมา ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไปปรากฏตัวครั้งสุดท้ายก่อนคลอด…
ในความเป็นจริงแล้ว เจตนาที่แท้จริงของโม่ถิงคือให้ถังหนิงได้ตบหน้าซ่งซินสักฉาด เพราะถึงอย่างไร ซ่งซินก็คิดว่าถังหนิงจะหายไปจากวงการบันเทิงเพราะการข่มเหงของผู้อาวุโสซ่ง
ทว่าถังหนิงจะแสดงให้ซ่งซินเห็นว่าการข่มเหงเธอนั้นเป็นเพียงความไม่สะดวกสบายสำหรับวงการบันเทิงเท่า และโชคไม่ดีนักที่ผู้อาวุโสซ่งต้องพยายามให้มากกว่านี้
ถ้าเป็นอย่างนั้น ถิงคะ คุณคิดว่าตอนไหนจะเป็นเวลาที่เหมาะสมในการไปปรากฏตัวเหรอคะ
น้ำหอมชื่อดังแบรนด์หนึ่งกำลังจะจัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผมได้คุยกับแม่แล้วและเธอก็ยืนยันว่าเป็นคู่ค้าทางธุรกิจของถังซื่อกรุป ดังนั้นมันจึงสมเหตุสมผลที่คุณจะไปร่วมงานด้วยครับ โม่ถิงพูดกับถังหนิงอย่างนุ่มนวลตลอดเวลาพลางก้มหัวลงให้ถังหนิงเช็ดหลังให้
ขณะที่ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังท้องของถังหนิง ความคิดที่จะได้เห็นลูกในเร็ววันนั้นก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น ความรู้สึกนี้ช่างเหลือเชื่อนัก
ถิงคะ คุณเป็นผู้จัดการของฉันไม่ใช่เหรอคะ ทำไมคุณถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยหลังจากที่เห็นฉันเจอเรื่องแบบนี้ ถังหนิงเอ่ยถาม
ภาพยนตร์แค่กำลังถูกตรวจสอบเท่านั้นครับ มันไม่ได้โดนสั่งห้ามฉาย อีกอย่างผมก็ขอให้คุณอยู่บ้านมาโดยตลอดแต่คุณไม่เชื่อฟังผม ตอนนี้คุณมีเหตุผลให้ต้องทำตัวดีๆ แล้วล่ะ โม่ถิงตอบด้วยความจริงจัง ยังไงก็ตามแต่ คุณนายโม่ครับ คุณต้องมีอิทธิพลมากเสียจนหน่วยงานรัฐบาลต้องมากดขี่แน่ๆ …
ท่านประธานโม่คะ คุณมองว่าความทุกข์ของฉันเป็นเรื่องสนุกเหรอคะ ถังหนิงหมุนตัวกลับมาคล้องแขนรอบคอของโม่ถิง
คุณต้องรู้แล้วสิว่าผมมีความสุขกับการแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อไล่จับคู่แข่งของผม โม่ถิงจ้องหน้าภรรยาเขาเป็นเชิงบอกให้เธอประพฤติตัวดีๆ แม้จะมีท้องที่ใหญ่ขนาดนี้ หญิงสาวกลับไม่รู้จักผ่อนคลายเอาเสียเลย
เธอคิดว่าโม่ถิงเป็นใครกัน เขาเคยปล่อยให้เป็นเป็นทุกข์ด้วยอย่างนั้นหรือ ชายคนนี้เป็นคนที่แสนจะเจ้าคิดเจ้าแค้น ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้จักถ่อมตนและจะหาทางให้ศัตรูต้องชดใช้ต่อหน้าเธอ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ซึ่งก็คือวางแผนอย่างเงียบๆ และสร้างความเจ็บปวดอันเกินจะทานทน
ตกลงค่ะ ฉันยอมแล้ว จากนี้ไปฉันจะไม่กังวลเรื่องอะไรอีก ฉันจะรอให้ลูกออกมาลืมตาดูโลกอย่างอดทนค่ะ ถังหนิงยกมือของเธอขึ้นมาและยอมแพ้ แบบนั้นดีพอไหมคะ คุณชายโม่
โม่ถิงไม่พูดอะไร เขาเพียงแต่วางมือที่ปกคลุมไปด้วยฟองสบู่ลงบนแก้มทั้งสองข้างของถังหนิงแล้วดึงเธอเข้ามาจูบ ทั้งคู่จูบกันจนกระทั่งเจียนหมดลมหายใจก่อนชายหนุ่มจะแนบจมูกของเขาเข้ากับจมูกของหญิงสาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวนว่า ถ้าคุณไม่รีบคลอดลูกในเร็วๆ นี้ ผมจะหักห้ามใจตัวเองไม่ไหวอีกแล้วนะครับ
ฉันก็ไม่เคยบอกให้คุณหักห้ามใจนี่คะ…
แต่คุณหมอพูดอย่างชัดเจนแล้วนะครับว่าตอนนี้พวกเราทำแบบนั้นไม่ได้ โม่ถิงกอดถังหนิงเอาไว้อย่างแนบแน่นในขณะที่เขาพยายามกักเก็บความปรารถนาของตนไว้
ถิงคะ…
ไม่ได้ครับ!
…
คืนนั้นซ่งซินไปยังบ้านตระกูลต้วนพร้อมของขวัญมากมาย หญิงสาวรู้จักวิธีทำให้คุณพ่อและคุณแม่ต้วนมีความสุขดังเคย
จากนั้นเธอก็ไปพบต้วนจิ่งหงผู้กำลังจัดเก็บรูปภาพเก่าๆ อยู่ ในช่วงตลอดหลายปีที่อยู่ด้วยกันมา เธอและซ่งซินได้ถ่ายภาพเอาไว้มากมาย
จิ่งหง…
เธอมาที่นี่ทำไมน่ะ ขณะที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง ต้วนจิ่งหงปิดสมุดอัลบั้มในมือของเธอแล้วเอามันซุกไว้ใต้หมอน
ฉันเห็นแล้วล่ะ ซ่งซินรู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไร หญิงสาวทั้งสองก็มีช่วงเวลาอันยาวนานมาด้วยกัน พวกเขาสนิทกันยิ่งกว่าพี่น้องจริงๆ เสียอีก กลับมานะ กลับมาทำงานให้ฉัน
ฉันคิดว่าเธอไม่เชื่อใจฉันเสียอีก ต้วนจิ่งหงพูดเสียงกระซิก เธอไม่กลัวว่าฉันจะทรยศเธอเหรอ
ฉันรู้สึกแบบนั้นเพราะฉันหวาดกลัวเกินไปน่ะ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ตอนนี้ฉันตระหนักแล้วว่าเธอจะไม่มีทางทรยศฉัน ไม่อย่างนั้นเธอคงเปิดโปงฉันกับสาธารณชนไปแล้ว ซ่งซินอธิบาย อีกอย่าง ตอนนี้คุณปู่ของฉันกำราบถังหนิงไปแล้ว พวกเราไม่ควรทำร้ายมิตรภาพของเราเพราะคนแบบนั้นอีก กลับมาทำงานกับฉันเถอะนะ
ต้วนจิ่งหงมองไปทางอื่นโดยไม่พูดอะไร
พอขาของเธอหายดี เราก็กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน แล้วแสร้งว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่นะ ซ่งซินพูดกล่อมพลางพยายามอ่านสายตาของต้วนจิ่งหง
ขาฉัน… ต้วนจิ่งหงจับขาของเธอแล้วตอบว่า ฉันไม่รู้ว่ามันจะหายดีเมื่อไหร่
ไม่เป็นไร ฉันจะรอเธอ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ฉันก็จะรอ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ต้วนจิ่งหงก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมความรู้สึกโหยหา พวกเรากลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนได้จริงๆ เหรอ แล้วถ้าเธอทอดทิ้งฉันอีกล่ะ
ฉันจะไม่ทำอย่างนั้นอีก
ต้วนจิ่งหงคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า ตกลง ให้เวลาฉันได้ฟื้นตัวหน่อยนะ พูดกันตามตรงแล้ว ตอนที่เธอไม่อยู่ ถังหนิงก็พยายามมาข่มขู่ฉัน แต่ฉันบอกหล่อนไปว่าฉันกับเธอเป็นคนคนเดียวกัน ถ้าฉันเป็นพยานยืนยันความผิดของเธอ ก็เหมือนกับฉันเป็นพยานยืนยันความผิดของตัวเองด้วย ฉันรู้ดียิ่งกว่าใครว่าฉันเคยทำอะไรลงไปบ้างด้วยน้ำมือของตัวเอง ไม่ว่าฉันจะโง่แค่ไหน ฉันก็ไม่มีวันทรยศเธอ
หากซ่งซินยังคงไม่มั่นใจกับคำพูดของต้วนจิ่งหง ประโยคท้ายๆ นี้ก็มากพอที่จะกำจัดความสงสัยของเธอออกไปได้
ต้วนจิ่งหงคิดถูก โดยส่วนมากแล้วซ่งซินนั้นเพียงแค่ออกคำสั่ง แต่คนที่ลงมือทำนั้นจะเป็นต้วนจิ่งหงมาโดยตลอด หากต้วนจิ่งหงเป็นพยานยืนยันความผิดของซ่งซิน ก็เท่ากับเธอกำลังทำร้ายตัวเอง ด้วยความคิดนี้ ซ่งซินจึงวางใจต้วนจิ่งหงขึ้นมาก เพราะถึงอย่างไร หญิงสาวก็เชื่อว่าต้วนจิ่งหงนั้นจะพึ่งพาเธอเพื่อเอาตัวรอด
ขณะเดียวกัน โลกภายนอกนั้นก็กำลังซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องถังหนิงกันอย่างน่าขัน พวกเขาอ้างว่าเธอไปลบหลู่ข้าราชการชั้นสูงคนหนึ่งเข้าจนทำให้ถูกทั้งวงการบังเทิงแบน และตอนนี้หญิงสาวก็หายตัวไปเพราะเธอถูกคุมตัวไว้เพื่อการซักถาม ความเป็นไปได้หลายรูปแบบและหลายเวอร์ชั่นนั้นถูกยกขึ้นมาถกเถียงกัน
โฆษณาของเธอถูกยกเลิก ภาพยนตร์ของเธอกำลังถูกตรวจสอบและมิตรสหายของเธอก็อ้างว่าเธอโอหัง ดังนั้นสาธารณชนจึงแน่ใจว่าถังหนิงกำลังจะหายหน้าจากวงการบันเทิงตลอดไป
ซ่งซินคือคนที่น่าจะมีความสุขที่สุดกับผลลัพธ์นี้
ฉันไม่ต้องมาเห็นหน้าตาที่น่ารำคาญของถังหนิงอีกแล้ว สะใจจริงๆ
คุณปู่ซ่งลงมือด้วยตัวเองเหรอ ต้วนจิ่งหงเดา ครั้งนี้ถังหนิงน่าจะเจ็บหนักอยู่นะ การโดนหน่วยงานรัฐบาลกดดันมันคนละเรื่องกันกับการถูกเอเจนซี่กดดันเลย เวลาเอเจนซี่จะกดดันใครสักคน กฎหมายหรือการเปลี่ยนบริษัทก็สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ แต่พอเป็นหน่วยงานรัฐบาลแล้ว ไม่มีใครฝ่าฝืนคำสั่งของพวกเขาได้หรอก
นี่ล่ะคือจุดที่คุณปู่ท่านสุดยอด ซ่งซินหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
เธอวางแผนที่จะผลักถังหนิงไปถึงจุดไหนเหรอ
ฉันจะทำร้ายมันจนกว่ามันจะแท้ง!
คำตอบของซ่งซินนั้นตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง
แต่แน่นอนล่ะว่ามันเป็นเพียงความปรารถนาอันเลื่อนลอยของซ่งซินเท่านั้น เธอคิดว่าถังหนิงเป็นใครกัน เธอดูเหมือนคนที่เมตตาคนอื่นอย่างนั้นหรือ
ซ่งซินกำลังจะได้ค้นพบในเร็วๆ นี้ว่าตัวเองคิดผิดแค่ไหน
…
ไม่กี่วันต่อมา งานเปิดตัวสินค้าของน้ำหอมยี่ห้อดังเจ้าหนึ่งก็ถูกจัดขึ้นในกรุงปักกิ่งตามที่วางแผนไว้ แน่นอนว่าคนคนคนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนต้องกรี๊ดออกมานั้นจะไปปรากฏตัวที่งานนี้ด้วย
พักหลังๆ นี้นายใหญ่ดูเป็นกังวลมากเลยนะคะ คุณอยู่บ้านเฉยๆ และเตรียมตัวคลอดไม่ได้เหรอคะ หลงเจี่ยกลอกตา
ฉันรู้จักร่างกายของตัวเองดียิ่งกว่าใคร ถังหนิงดูสงบนิ่งดังเคย
ได้ถามหมอเรื่องเพศของเด็กหรือยังคะ คุณไม่สนใจเรื่องนั้นเลยเหรอ หลงเจี่ยผู้ดูกระวนกระวายยิ่งกว่าถังหนิงเอ่ยถาม พลางจ้องไปยังท้องที่ยื่นออกมาของถังหนิงและจินตนาการถึงเจ้ามนุษย์ตัวน้อยที่กำลังจะออกมาลืมตาดูโลก
ทำไมต้องถามด้วยล่ะ เดี๋ยวพอฉันคลอดแล้วพวกเราก็จะรู้เอง ถังหนิงอยากเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นเซอร์ไพรส์สำหรับโม่ถิงและตัวเธอเอง ไม่ว่าเด็กคนนี้จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เขาก็จะเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับทั้งสองอย่างเท่าเทียมกัน
หลานตัวน้อยของฉัน รีบออกมาเจอโลกได้แล้วนะ…พวกเราทุกคนรออยู่ หลงเจี่ยกล่าวพลางคุกเข่าลงตรงหน้าถังหนิงแล้วโน้มตัวเข้าไปหาท้องของหญิงสาว เด็กในท้องเตะกลับมาราวกับว่าได้ยินประโยคนั้น เมื่อหลงเจี่ยสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของเจ้าตัวน้อย เธอก็พูดไม่ออกด้วยความประหลาดใจ
ทันทีที่ถังหนิงได้เห็นเช่นนั้น รอยยิ้มอันเปี่ยมสุขก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ…
…
ภายใต้การปกป้องของผู้อาวุโสซ่ง ซ่งซินหลีกหนีจากสายตาของสาธารณชนได้อย่างรวดเร็วในขณะที่คำสาปแช่งและคำด่าทอถึงเธอนั้นถูกบดบังไปด้วยข่าวเรื่องล่าสุด ยกตัวอย่างเช่น ทุกคนกำลังสงสัยว่าถังหนิงไปลบหลู่ใครจนทำให้ภาพยนตร์ของเธอถูกถอดออกจากโรงภาพยนตร์
ในความเป็นจริงแล้ว สถานการณ์ของถังหนิงนั้นย่ำแย่ยิ่งกว่าที่สาธารณชนจินตนาการเอาไว้ เพราะถึงอย่างไร ผู้ให้ความช่วยเหลือที่ตระกูลซ่งไปพบมานั้นก็มีความสามารถที่ทำให้ทั้งวงการบันเทิงยืนขาสั่นไปตามๆ กัน ถังหนิงถูกจำกัดไม่ให้ไปปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน ไม่ใช่แค่เฉพาะในภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงตัวโฆษณาทั้งในอดีตและในอนาคตอีกด้วย ดูเหมือนว่าสำหรับข้าราชการระดับสูงบางคนแล้ว ทั้งวงการบันเทิงนี้อยู่ในกำมือของเขาและเขาก็สามารถกดขี่ศิลปินสักคนได้ในชั่วพริบตา…
แม้ไห่รุ่ยจะอยากช่วยเธอ…
…พวกเขาก็จำต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมาด้วย!
ซ่งซินรับรู้สถานการณ์ของถังหนิงผ่านผู้อาวุโสซ่ง การอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจนั้นมีประโยชน์ตามที่คาดเอาไว้ โม่ถิงมีฝีมือไม่ใช่เหรอ ไห่รุ่ยเก่งเรื่องการประชาสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ แต่พวกเขาก็ทำได้แค่มองดูถังหนิงถูกกดขี่โดยที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อยู่ดี
ทว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่กวนใจซ่งซิน ต้วนจิ่งหงผู้ถูกถังหนิงลักตัวไปนั่นเอง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซ่งซินจึงไปที่ห้องทำงานของผู้อาวุโสซ่งอีกครั้งแล้วครวญครางว่า คุณปู่คะ ยังจำเพื่อนคนดีของหนูที่ชื่อต้วนจิ่งหงได้ไหมคะ
คนที่คอยติดตามและอยู่เคียงข้างหลานไปทุกที่น่ะเหรอ ผู้อาวุโสซ่งพยายามนึกพลางวางปากกาในมือลง
ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้เธอตกอยู่ในมือของถังหนิง คุณปู่ช่วยคิดหาทางช่วยเหลือเธอได้ไหมคะ ซ่งซินเอ่ยถาม หนูรู้ว่ามันยากแล้วที่คุณปู่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่ตอนนี้หนูก็ยังมาขอให้คุณปู่เข้าไปพัวพันกับเรื่องใหม่อีก มันต้องลำบากแน่ๆ …
หลานแค่อยากได้คนคนคนนั้นไม่ใช่เหรอ หลานคิดว่าถังหนิงจะขัดขืนได้หรือยังไง ผู้อาวุโสซ่งเอ่ยถาม รอข่าวดีได้เลย แค่อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับปู่ก็พอ
ค่ะ คุณปู่ ซ่งซินพยักหน้าระรัว
เวลาผู้อาวุโสซ่งสัญญาอะไรแล้ว เขามักจะทำตามนั้นเสมอ ดังนั้นหลังจากที่ซ่งซินออกไปจากห้อง ชายชราจึงหยิบแว่นอ่านหนังสือออกมาสวมอีกครั้งแล้วโทรหาใครบางคน
…
เช้าวันถัดมา ตำรวจก็เดินทางไปถึงไฮแอทรีเจนซี่และเคาะประตูบ้านของถังหนิง พวกเขาแสดงตราตำรวจทันทีที่เห็นหญิงสาวพร้อมอธิบายว่า ทางเราได้รับแจ้งมาว่าผู้หญิงที่ชื่อต้วนจิ่งหงหายตัวไปได้สองสามวันแล้ว จากการสืบสวนของทางเราพบว่าคนที่พาเธอออกมาจากโรงพยาบาลคือคนของคุณ ดังนั้นเราจึงมาทำความเข้าใจกับสถานการณ์ดังกล่าวครับ…
ทันทีที่ถังหนิงได้ยินเช่นนั้น เธอก็รู้ว่าซ่งซินมาที่นี่เพื่อเอาตัวคนของเธอกลับไป ดังนั้นหญิงสาวจึงยิ้มให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วตอบว่า คุณตำรวจคะ ต้วนจิ่งหงคือคนเป็นๆ ทั้งคนนะคะ เธอจะถูกฉันพาตัวไปอย่างง่ายดายแบบนั้นได้ยังไง พวกคุณลองติดต่อเธอหรือยังคะ
ตำรวจไม่ตอบอะไร
เมื่อเห็นเช่นนี้ ถังหนิงจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาต้วนจิ่งหงต่อหน้าพวกเขา จิ่งหง เธออยู่ที่ไหนเหรอ มีตำรวจมาตามหาเธอถึงบ้านฉันเลยนะ เป็นไปได้ว่าครอบครัวของเธอไปแจ้งความว่าเธอหายตัวไป พวกเขาได้ติดต่อหาเธอบ้างหรือยัง
ถังหนิงเปิดลำโพงเพื่อให้เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยินคำตอบของต้วนจิ่งหงด้วย ทว่าคำตอบของเธอคือ ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่ที่บ้านกับพ่อและแม่ของฉันนะ ใครแจ้งความกันเนี่ย คงจะเป็นเรื่องผิดพลาดแล้วล่ะ…
ความกระอักกระอ่วนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเล็กน้อย
คุณตำรวจคะ ถ้าพวกคุณยังต้องการทำความเข้าใจกับเรื่องอื่นๆ อยู่อีก พวกคุณสามารถไปที่บ้านตระกูลต้วนเพื่อคุยกับพวกเขาอย่างเป็นการส่วนตัวได้เลยค่ะ
เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รู้จะพูดอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ขอโทษเท่านั้น ขอโทษที่ทำให้เสียเวลาครับ!
ฉันเข้าใจค่ะ พวกคุณเพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น แน่นอนว่าคำพูดของถังหนิงมีความหมายสองทาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนั้นจ้องหน้าถังหนิงไม่วางตาก่อนจะออกจากคฤหาสน์ไป
ครู่ต่อมา ต้วนจิ่งหงก็โทรกลับมาหาถังหนิง นี่ ‘คนคนนั้น’ กำลังตามหาตัวฉันอยู่เหรอ
เธอคิดว่าไงล่ะ ถังหนิงถามกลับ
อย่าห่วงเลย ฉันไม่หันหลังกลับไปหรอก
ฉันไม่ใช่ซ่งซินนะ ฉันไม่ข่มขู่ใคร ถ้าเธออยากจะไปก็ไปได้เลย ฉันไม่ห้ามหรอก
ต้วนจิ่งหงไม่ได้ตอบในทันที เธอเงียบจนถังหนิงได้ยินเสียงแทรกมาจากปลายสาย หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หญิงสาวก็ตอบกลับมาว่า ฉันก็มีความเคารพต่อตัวเองเหมือนกันนะ ไม่ไปๆ มาๆ ตามที่หล่อนต้องการหรอก
อีกเหตุผลหนึ่งที่ต้วนจิ่งหงตอบมาเช่นนี้ก็เพราะถังหนิงกำลังปกป้องครอบครัวของเธอ
ต้วนจิ่งหงไม่เคยคาดคิดเลยว่าซ่งซินจะได้มาลงเอยเช่นนี้ แต่หญิงสาวเข้าใจนิสัยของซ่งซินดี ในเมื่อเธอเป็นภัย เธอก็รู้ว่าซ่งซินมีวิธีการอีกมากมายที่จะจัดการกับเธอ
หญิงสาวนั้นยังมีศรัทธาว่าตัวเองยังมีอนาคตจากการติดตามถังหนิง หากเธอติดตามซ่งซินต่อไป เธอรู้ว่าตัวเองจะถูกนำไปใช้ในทุกๆ ทางที่เป็นไปได้และมีจุดจบอันน่าอนาถ ดังนั้นต้วนจิ่งหงจึงรู้ว่าการติดตามถังหนิงนั้นเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยตัวเองได้ เธอจะไม่เหยียบกับดักของซ่งซินอีกแล้ว หญิงสาวไม่ได้โง่ เธอรู้วิธีการเปลี่ยนไปหาสิ่งที่ดีกว่า
ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ควรหนักข้อนักนะ เธอก็รู้ว่าซ่งซินตอบโต้กับสิ่งนั้นได้อย่างเลวร้ายที่สุด… ถังหนิงเตือนต้วนจิ่งหงให้ระวังตัว
แล้วคุณล่ะ ตอนนี้ซ่งซินกำลังกดขี่คุณ จะมีใครในวงการนี้ที่ยังกล้าร่วมงานกับคุณอีก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังหนิงก็หยุดพูดไปชั่วขณะก่อนจะตอบว่า ถ้าฉันถูกข่มเหงโดยคนอย่างซ่งซินได้อย่างง่ายดายแล้วละก็ ฉันก็คงไม่ใช่ถังหนิงแล้ว ฉันไม่รังเกียจที่ศัตรูทุกคนของฉันคิดว่าแผนชั่วของตัวเองสำเร็จแล้วหรอกนะ พวกเขาสามารถรู้สึกสาแก่ใจได้ตามที่ต้องการเลย เพราะหลังจากนั้นพวกเขาก็จะเผยจุดอ่อนของตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว…
ต้วนจิ่งหงไม่เข้าใจว่าถังหนิงหมายความถึงอะไรและไม่ได้บังคับให้ตัวเองเข้าใจด้วย ตราบใดที่ถังหนิงมีฝีมือมากกว่าที่เธอคาดเอาไว้ เธอก็พอใจแล้ว
ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลตัวเองด้วยนะ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ต้วนจิ่งหงสามารถทำให้ถังหนิงได้
ถังหนิงยิ้มอย่างสบายๆ เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว สามีของฉันใส่ใจในความปลอดภัยของฉันยิ่งกว่าใครเลยล่ะ
พูดจบถังหนิงก็กดวางสาย
จากนั้นต้วนจิ่งหงก็จ้องไปยังโทรศัพท์ของตัวเอง เธอแน่ใจเหลือเกินว่าซ่งซินจะโทรมาหาเธอในเร็วๆ นี้…
ก่อนจะเดบิวต์ ซ่งซินสาบานกับคุณปู่ของเธอว่าหากเธอไม่ได้สร้างชื่อในวงการบันเทิง เธอจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
ทว่าครอบครัวของซ่งซินนั้นมีชื่อเสียงต้องรักษา แม้ว่าผู้อาวุโสซ่งจะพยายามทำให้เธอเล่นการเมืองแทนอย่างสุดความสามารถ ชายชราก็ไม่สามารถเอาชนะความหลงใหลในด้านดนตรีและความสร้างสรรค์ของเธอได้
และด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าซ่งซินเป็นคนหัวดื้อมาตั้งแต่ยังเด็ก ผู้อาวุโสซ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยวาง ให้หญิงสาวได้สำรวจความเป็นไปได้ของตัวเอง ชายชรารู้ว่าหลานสาวผู้โอหังของเขานั้นจำต้องเจอกับทางตันเสียก่อนที่จะยินยอมกลับมาอยู่เคียงข้างเขาอย่างแท้จริง
แม้ชายชราจะคาดการณ์เอาไว้ว่าหลานสาวของเขาจะได้สัมผัสเล่ห์เหลี่ยมที่อยู่ในวงการบันเทิงครบทุกรูปแบบ เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะถึงทางตันด้วยการทำลายชื่อเสียงของตัวเองจนย่อยยับ
ดังนั้นหลังจากที่ข่าวบินเทิงดังกล่าวถูกปล่อยออกมา ผู้อาวุโสซ่งจึงโทรหาซ่งซินทันที หลานซิน กลับบ้านเถอะ ปู่จะช่วยหลานแก้ปัญหานี้เอง แต่สัญญากับปู่ได้ไหมว่าจากนี้ไปหลานจะอยู่เคียงข้างปู่ เรียนรู้จากปู่ รวมถึงเอาตัวเองออกมาจากสถานที่น่ารังเกียจนั่นและไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องยุ่งเหยิงในวงการบันเทิงอีก
ซ่งซินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปที่บ้านแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าปู่ของเธอ คุณปู่คะ หนูทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วค่ะ
ยืนขึ้นเถอะ ยืนขึ้น… ผู้อาวุโสซ่งรู้สึกใจสลาย ชายชรารู้ว่าหลานสาวของเขาคนนี้โอหังแค่ไหน ถึงกระนั้น ใครบางคนกลับทำร้ายเธอได้อย่างแสนสาหัสเช่นนี้ เร็วเข้า บอกปู่มาซิว่าใครทำแบบนี้ ใครรังแกหลานสาวของปู่
ซ่งซินควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้พลางโผตัวใส่ชายชราแล้วร้องไห้ฟูมฟาย ถังหนิงกับโม่ถิงค่ะ คุณปู่คะ หนูเป็นทุกข์เหลือเกิน คุณปู่ต้องทวงความยุติธรรมให้หนูนะคะ!
ใครก็ตามที่กล้ารังแกหลานสาวของปู่จะต้องชดใช้ ชายชราประคองผู้เป็นหลาน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธอในสภาพที่พ่ายแพ้จนหมดรูปเช่นนี้ ซินซิน อย่าร้องไห้ไปเลย เห็นหลานเป็นอย่างนี้แล้วปู่รู้สึกแย่นะ
ชายชราใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ในแวดวงการเมืองและมีประสบการณ์ในการจัดการกับฝ่ายตรงข้ามทางเมืองที่หลากหลาย ดังนั้นหัวใจของเขาจึงหนักแน่นและแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ลูกๆ ของเขาไม่อยู่ที่บ้านอีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขามีอยู่ก็คือหลานสาวคนนี้ เป็นผลให้ชายชราทะนุถนอมเธอและไม่ปล่อยให้ใครทำอะไรเธอทั้งนั้น ทว่าในตอนนี้เธอกำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตรงหน้าเขา ใครจะรับมือไหวกันล่ะ
ส่วนทุกอย่างที่ซ่งซินทำกับคนอื่นอย่างนั้นเหรอ ชายชราไม่เคยใส่ใจเรื่องนั้น ตราบใดที่ซ่งซินมีพอใจและความสุข นั่นต่างหากคือสิ่งที่สำคัญ
หลังจากซ่งซินผล็อยหลับไป ผู้อาวุโสซ่งก็เดินวนไปวนมา พยายามทำการตัดสินใจเรื่องบางอย่างอยู่ในห้องของเขา จากนั้นชายชราก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วสวมแว่นอ่านหนังสือเพื่อหาเบอร์โทรเบอร์หนึ่ง
สวัสดีครับเจ้าหน้าที่หยาง…ผมมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะขอร้องคุณ มีเวลามาทานมื้อค่ำด้วยกันสักหน่อยไหมครับ
…
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากซ่งซิน แน่นอนว่าถังหนิงได้พิจารณาพื้นหลังครอบครัวที่ซ่งซินมี ดังนั้น เธอจึงคาดเดาว่าซ่งซินจะขอให้ครอบครัวของตัวเองช่วยหลังจากที่เธออับจนหนทาง
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอยังไม่เอาต้วนจิ่งหงออกมาใช้
แม้ครอบครัวของถังหนิงจะเป็นอาณาจักรน้ำหอมขนาดใหญ่ คนจนก็ไม่มีวันเอาชนะคนรวยและคนรวยก็ไม่มีวันเอาชนะคนที่มีอำนาจได้ หากตระกูลซ่งตัดสินใจจะปกป้องซ่งซินจริงๆ นั่นคือตอนที่ต้วนจิ่งหงจะมีประโยชน์
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวไม่คิดเลยว่าตระกูลซ่งจะลงมืออย่างรวดเร็วเช่นนี้!
จากคำให้การของเหล่าคอหนัง ‘คนรักที่สาบสูญ’ เต็มไปด้วยฉากที่มีเนื้อหารุนแรงและเปื้อนเลือดมากมาย ทว่าทางต้นสังกัดกลับไม่ได้เตือนว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่เด็กดูไม่ได้ เป็นผลให้หน่วยงานราชการหน่วยงานหนึ่งออกมาสั่งให้พวกเขาหยุดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้และทำการแก้ไขมันเสีย
ทันทีที่ข่าวนี้ออกมา ความโกลาหลก็เกิดขึ้นทันที เพราะถึงอย่างไร เดิมทีภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับอนุญาตให้ออกฉายเพราะผ่านระบบคัดกรองเรตภาพยนตร์แล้ว ในเมื่อก่อนหน้านี้มันออกฉายได้ ทำไมจู่ๆ มันถึงถูกสั่งงดฉายล่ะ
ไม่มีใครเข้าใจสถานการณ์ดังกล่าว แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกถอดออกจากโรงและขอให้แก้ไขจริงๆ
เนื่องจากพวกเขาได้รับการแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากปฏิบัติตาม
หลังจากนั้น ผู้กำกับเฉิงก็ได้รับการแจ้งเตือนอันคลุมเครืออีกฉบับหนึ่งว่าให้แบนถังหนิงออกจากวงการ แน่นอนว่าทุกคนรู้ความจริงที่ไม่สามารถเอ่ยได้นี้ ซึ่งนั่นก็คือถังหนิงทำให้ใครบางคนไม่พอใจ ใครบางคนที่ไม่ใช่คนทั่วๆ ไป แต่เป็นใครบางคนที่มีอำนาจเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน โม่ถิงโยนประกาศของทางการฉบับนั้นลงหลังจากที่อ่านมันจนจบ เนื่องจากเป็นคำสั่งจากทางการ ไห่รุ่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติตาม เพราะถึงอย่างไร วงการบันเทิงและหน่วยงานวัฒนธรรมนั้นก็เป็นสองสิ่งที่อยู่แยกกันโดยสิ้นเชิง
ท่านประธานครับ…ถึงจะไม่มีการเอ่ยชื่อ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เพ่งเล็งมาที่คุณผู้หญิง หากเป็นอย่างนั้น จากนี้ไปใครจะกล้าทำงานกับเธอล่ะครับ
ดูเหมือนผู้อาวุโสซ่งจะใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเลยล่ะ โม่ถิงตอบนิ่งๆ ถ้าพวกเขาต้องการให้เราแก้ไขภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็แก้ไขมันซะสิ ใช่ว่าเราไม่ได้รับอนุญาตให้ฉายมันสักหน่อย
โม่ถิงไม่ตอบโต้เหตุการณ์เช่นนี้ด้วยอารมณ์อีกต่อไปแล้ว เพราะถึงอย่างไร เขากับถังหนิงก็ได้คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น
นี่หมายความว่าคุณผู้หญิงเป็นนักแสดงไม่ได้อีกต่อไปแล้วหรือครับ
ใครว่าล่ะ โม่ถิงถามกลับ ใครพูดเหรอว่าเธอเป็นนักแสดงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เธอเคยแสดงภาพยนตร์ดีๆ มาแล้วตั้งหลายเรื่อง สำคัญด้วยเหรอว่าเธอจะถูกเชิญให้ไปร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ หรือเปล่า อย่าลืมสิว่าไม่ใช่วงการนี้ไม่ต้องการเธอ เธอไม่จำเป็นต้องไปปรากฏตัวในโปรดักชั่นของคนอื่นๆ แล้วล่ะ จากนี้ไป ถังหนิงจะเป็นนักแสดงให้กับไห่รุ่ยเพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่ว่าใครจะเชิญเธอ เราจะปฏิเสธพวกเขาให้หมด
นอกเหนือจากไปถ่ายทำภาพยนตร์ ถังหนิงก็แทบจะไม่ไปปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอยู่แล้ว ดังนั้นมันจะมีปัญหาอะไรล่ะถ้าทั้งโลกหันหลังให้เธอ เพราะถึงอย่างไรไห่รุ่ยก็พร้อมที่จะแบกโลกทั้งใบเอาไว้เพื่อเธอ
แน่นอนว่าหลังจากได้ยินข่าวนี้ หลงเจี่ยก็วิตกเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินวนไปวนมาอยู่ตรงหน้าถังหนิง ถังหนิงกลับจับท้องของเธอเอาไว้แล้วหัวเราะ เธอเดินไปเดินมาอย่างนั้นทำไมน่ะ
คุณไม่กังวลเหรอคะ คุณเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้…
เธอเห็นฉันตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบไหนกันเหรอ ถังหนิงเอ่ยถาม
จากนี้ไปคุณจะเป็นนักแสดงไม่ได้แล้วนะคะ!
ใครบอกล่ะ ถังหนิงมองหลงเจี่ยอย่างไม่แยแส ฉันยังแสดงภาพยนตร์ของไห่รุ่ยได้อยู่นะ
คุณกำลังจะบอกว่า…
ฉันกำลังจะบอกว่า ตอนนี้ฉันมีภาพยนตร์ที่เคยแสดงเก็บไว้แล้วถึงสามเรื่อง ฉันไม่ได้อยู่ในช่วงที่ต้องรีบพิสูจน์ตัวเองอีกต่อไปแล้ว หลังจากเด็กคนนี้เกิดมา ฉันจะใช้พลังงานส่วนใหญ่ไปกับครอบครัวของฉัน ภาพยนตร์ปีละเรื่องน่ะเพียงพอแล้วสำหรับฉัน ถ้าฉันแสดงในภาพยนตร์ของไห่รุ่ย คนจะพูดอะไรได้ล่ะ
แต่หน่วยงานของรัฐนั่นจะเข้มงวดกับคุณนะคะ…
ฉันทำผิดกฎอะไรล่ะ ทำไมเจ้าหน้าที่พวกนั้นจะต้องมาเข้มงวดกับฉันด้วย พวกเขาแค่ทำให้เรื่องมันยุ่งยากสำหรับฉันเป็นการชั่วคราวเท่านั้นละ ในทางตรงกันข้าม ตระกูลซ่งได้ทำการเสียสละอันใหญ่หลวงเกินไปแล้ว…
ใหญ่หลวงเกินไปมากเลยล่ะ ทว่าหญิงสาวไม่รู้สึกสงสารตระกูลซ่งเลยแม้แต่น้อย
ตระกูลซ่งต้องรู้ตัวตนที่แท้จริงของซ่งซินอยู่แล้วใช่ไหม นั่นหมายความว่าพวกเขารู้เรื่องแผนชั่วของซ่งซินและเห็นดีเห็นงามกับมัน ในเมื่อตระกูลซ่งไม่สามารถแยกแยะถูกออกจากผิดได้ ทำไมถังหนิงจะต้องสงสารพวกเขาด้วยล่ะ
คุณวางแผนจะใช้ต้วนจิ่งหงเหรอคะ
โอ๊ย… ก่อนถังหนิงจะตอบ หญิงสาวพลันกุมท้องของเธอแล้วร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
หลงเจี่ยตอบสนองทันที อะไรคะ คุณพร้อมจะคลอดแล้วเหรอ อย่าทำฉันกลัวสิคะ…
ถังหนิงส่ายหัวแล้วกลับมานิ่งดังเดิม ลูกเตะท้องฉันน่ะ คงอีกไม่นานแล้ว…
การคาดการณ์ของถังหนิงนั้นถูกต้อง ซ่งซินเข้าไปเยี่ยมต้วนจิ่งหงที่โรงพยาบาลตอนเช้าตรู่ของวันถัดมา แม้ต้วนจิ่งหงจะรู้ว่าซ่งซินมาทำไม หญิงสาวกลับไม่ได้รู้สึกเกลียดเธอเท่าที่คิดเอาไว้เมื่อได้พบเธออีกครั้ง แม้ว่าซ่งซินจะทอดทิ้งเธอเพื่อปกป้องตัวเองตั้งแต่วันแรกที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นก็ตาม
จิ่งหง ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ… เซียวอวี่เหอนั้นได้เตรียมเทคนิคการประชาสัมพันธ์เอาไว้แล้ว แต่ซ่งซินกลัวว่าอะไรๆ จะผิดพลาดเพราะต้วนจิ่งหง ดังนั้นเธอจึงยังแสร้งทำเป็นว่าถูกสาธารณชนรังเกียจและไร้ที่พึ่ง
ฉันจะช่วยเธอด้วยสภาพแบบนี้ได้ยังไงล่ะ ต้วนจิ่งหงเอ่ยถามอย่างเยาะเย้ยตนเอง
เพื่อที่จะโค่นฉัน ถังหนิงต้องมาหาเธออย่างแน่นอน แต่แค่นี้หน้าที่การงานของฉันก็ย่ำแย่มากพอแล้ว ฉันสูญเสียโอกาสในการคืนสู่วงการไปด้วยไม่ได้หรอกนะ ดังนั้นเธอช่วยไปจากปักกิ่งและไม่ให้ใครพบเจอได้ไหม ฉันสาบานว่าตราบใดที่ฉันได้กลับไปรุ่งเรืองเหมือนก่อนหน้านี้ ฉันจะพาเธอกลับมาและดูแลเธอเป็นอย่างดี
ต้วนจิ่งหงไม่ได้เคลิบเคลิ้มไปกับคำพูดของซ่งซิน ท่าทีของหญิงสาวสงบนิ่งและมีกลิ่นอายของความไม่แยแสเล็กน้อย ประธานเซียวเตรียมอะไรเอาไว้รองรับเธอหรือยังล่ะ
ซ่งซินตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ รอยยิ้มจอมปลอมค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ
ถังหนิงมาคุยกับฉันแล้ว ต้วนจิ่งหงเผยอย่างนิ่งๆ เขาหวังว่าฉันจะเป็นพยานยืนยันความผิดของเธอ แต่ฉันไม่ได้ตอบตกลงเพราะเห็นแก่อดีตของเรา เราต่อสู้เคียงข้างกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว ถึงเธอจะกลายเป็นคนเลว ฉันก็ไม่ใจร้ายพอที่จะโหดเ**้ยมกับเธอ
ถังหนิงมาคุยกับเธอแล้วเหรอ ซ่งซินเมินเฉยต่อท่าทีใจดีของต้วนจิ่งหงไปโดยสิ้นเชิงและจับแต่ข้อเท็จจริงที่ว่าต้วนจิ่งหงได้พบกับถังหนิงแล้ว
ดังนั้นเธอจึงไม่ไว้ใจต้วนจิ่งหงเป็นธรรมดา…
เธอไม่ไว้ใจเพื่อนคนนี้เลยแม้แต่น้อย
ใช่ เขามาเจอฉันเมื่อคืนนี้
ข้อเสนอของถังหนิงต้องน่าสนใจมากแน่ๆ ซ่งซินพลันวิตกขึ้นมา เธอจะลงมือกับคนที่ทำงานด้วยกันมาหลายปีจริงๆ อย่างนั้นหรือ
ตอนนี้เธอคงกำลังหาทางจัดการกับฉันสินะ ต้วนจิ่งหงเข้าใจซ่งซินเป็นอย่างดีและเปิดโปงความคิดของหญิงสาวออกมาตรงๆ ฉันสงสัยจังว่าเธอรู้สึกไม่สบายใจสักนิดหนึ่งบ้างหรือเปล่า
สายตาซ่งซินมืดมนลงขณะที่เธอสังเกตเห็นความรู้สึกอันตรายที่แปลกประหลาดภายในดวงตาของต้วนจิ่งหง
ฉันขอสัญญาว่าฉันจะไป ในตอนท้าย ต้วนจิ่งหงยอมแพ้และพยายามประนีประนอม ฉันจะไปทันที
ในสายตาซ่งซิน ณ ตอนนั้น หญิงสาวสันนิษฐานว่าทั้งหมดที่ต้วนจิ่งหงทำลงไปคือส่วนหนึ่งในแผนการของถังหนิง ดังนั้นแม้ว่าต้วนจิ่งหงจะพูดว่าเธอจะไป ซ่งซินก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
ไม่นะ อย่าไปเลย มาอยู่กับฉันแทนเถอะ
เมื่อได้ยินข้อเสนอแนะของซ่งซิน ต้วนจิ่งหงก็หัวเราะด้วยความเย้ยหยันและไม่พูดอะไร ถังหนิงอาจเห็นเหตุการณ์นี้ล่วงหน้าแล้วก็เป็นได้
เธอพาฉันไปด้วยไม่ได้หรอก ต้วนจิ่งหงอธิบายนิ่งๆ ถังหนิงจัดเตรียมบอดีการ์ดสี่คนมาเฝ้าหน้าห้องเอาไว้แล้ว
ซ่งซินมองหน้าต้วนจิ่งหงด้วยความประหลาดใจ
หนุ่มๆ เข้ามาสิ ต้วนจิ่งหงตะโกนไปทางประตู นี่เป็นสัญญาณว่าซ่งซินกำลังจะสูญเสียโอกาสที่จะได้พบต้วนจิ่งหงอีกครั้ง
สุดท้ายเธอก็ทรยศฉันแล้วไปเป็นพวกเดียวกับถังหนิงสินะ
ต้วนจิ่งหงรู้สึกสนุกไม่น้อยเลยหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น เธอต่างหากล่ะที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นอันดับแรกเสมอ ซ่งซิน อย่าแข่งกับถังหนิงเลย นี่คือคำเตือนสุดท้ายของฉันในฐานะเพื่อน อีกอย่าง ฉันอยากจะเตือนเธอเอาไว้ด้วยว่าถังหนิงรู้เรื่องที่เธอพยายามจะฆ่าลูกเขา ฉันเดาว่าเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอได้ชดใช้ โชคดีด้วยตัวเองก็แล้วกันนะ!
ซ่งซินจ้องหน้าต้วนจิ่งหง สุดท้ายหญิงสาวก็ทำได้แค่เมินอดีตเพื่อนรักแล้วจากไป
ซ่งซินนั้นมีอำนาจเพราะเธอชั่วร้ายและรู้จักการใช้ภูมิหลังของตัวเองในฐานะหลานสาวของข้าราชการคนหนึ่งเพื่อทำอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ
ทว่าถังหนิงนั้นมีอำนาจเพราะเธอรู้จักการเล่นกับใจของคน
…
เซียวอวี่เหอสัญญากับซ่งซินว่าเขาจะช่วยเธอหันเหความสนใจของสาธารณชน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหาแพะมารับบาปนี้แทน ทว่าถังหนิงไม่ให้โอกาสเขาทำเช่นนั้น แม้เธอจะไม่ได้ใช้ต้วนจิ่งหง เธอก็ยังมีวิธีอื่นๆ ในการกระชากโอกาสในการคืนวงการของซ่งซินทิ้ง
มาดูข่าวบันเทิงล่าสุดนี่สิ มันเป็นเรื่องต่อจากการกล่าวหาว่า ‘คนรักที่สาบสูญ’ ลอกผลงานของคนอื่นมาน่ะ ทุกคนรู้ว่าโรงภาพยนตร์เครือหนึ่งไม่ยอมฉาย ‘คนรักที่สาบสูญ’ ก่อนวันฉายเดิมของมันเสียอีก โรงภาพยนตร์เครือนี้หรือไคหวงน่ะเป็นดาวดวงใหม่ในวงการเลยนะ วงในเผยว่าทายาทหนุ่มของไคหวงกำลังตามจีบซ่งซินอยู่ เขาต้องทิ้งเงินจำนวนมากไปเพื่อทำให้เธอพอใจ เพราะยังไงทุกคนก็รู้ว่า ‘คนรักที่สาบสูญ’ ทำเงินได้มากกว่าสี่ร้อยล้านหยวนแล้วตั้งแต่ออกฉายมา ฉันสงสัยจังว่าผู้ถือหุ้นที่ไคหวงได้เป็นลมไปเพราะความโกรธบ้างหรือยัง
ศึกระหว่างซ่งซินกับถังหนิงนั้นรุนแรงขึ้นทุกที แม้ถังหนิงจะไม่เคยตอบโต้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าท่านประธานโม่นั้นไม่มีความอดทนกับเรื่องพวกนี้ในฐานะที่เป็นผู้จัดการของเธอ ถ้าตัดสินจากระดับความสำคัญที่ไห่รุ่ยมอบให้กับปัญหานี้แล้ว ฉันคิดว่ามันก็ชัดเจนอยู่นะว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
วงในคนนั้นยังเผยอีกว่าทายาทหนุ่มวางแผนจะใช้เงินเพื่อหันเหความสนใจของสาธารณชน แม้ฉันจะไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ดูเหมือนเขาจะตกหลุมรักเธอจริงๆ นะ
เซียวอวี่เหอกำลังวางแผนใช้เงิน…
…ช่วนซ่งซินหันเหความสนใจของสาธารณชน!
ด้วยคำเตือนล่วงหน้านี้ ถังหนิงกำลังจะได้เห็นว่าเซียวอวี่เหอวางแผนที่จะลงมืออย่างไร
ถึงเขาจะลงมือ สาธารณชนจะไขว้เขวเพราะเขาหรือ
ไห่รุ่ยยังไม่ได้จัดการกับซ่งซิน อันดับแรก พวกเขาไม่มีหลักฐาน และอันดับที่สอง พวกเขายังเล่นกับเธอไม่เสร็จ!
ถังหนิงจะทำให้ซ่งซินต้องชดใช้โดยไม่คำนึงว่าผู้หญิงคนนี้จะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นผิดหรือไม่
หลังจากสูญเสียโอกาสสุดท้ายที่มี ซ่งซินก็มองไปยังคำด่าทอบนโลกออนไลน์และควบคุมอารมณ์ไม่ได้ในที่สุด หญิงสาวสนุกกับการวางแผนทำร้ายผู้อื่น อันที่จริงมันเป็นเรื่องที่สะใจมากสำหรับเธอ ทว่าเมื่อถึงคราวที่ตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ หญิงสาวก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาโดยพลัน นี่คือข้อพิสูจน์อย่างอ้อมๆ ว่าการเป็นคนที่ไม่ยอมผ่อนปรนกับคนมีอีคิวสูงนั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างยิ่ง การเป็นคนที่ไม่ยอมผ่อนปรนนั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นคนฉลาด เพราะผู้ที่มีอีคิวสูงนั้นก็สามารถเป็นคนที่ไม่ยอมผ่อนปรนได้เช่นกัน และถังหนิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แน่นอนว่าซ่งซินมีความฉลาดอยู่เพียงหยิบมือเดียว
เซียวอวี่เหอเห็นซ่งซินพ่ายแพ้จนหมดสภาพแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงรู้สึกโกรธ หลังจากซ่งซินหลับไปแล้ว ชายหนุ่มจึงโทรหาเลขาฯ ของเขาและบอกเธอให้ติดต่อไห่รุ่ยเพื่อส่งข้อความไปหาโม่ถิงว่า ออมมือไว้สักหน่อยเสมอ เผื่อเราจะได้เจอกันอีก!
เลขานุการของไห่รุ่ยส่งข้อความนั้นให้ลู่เช่อ แต่เมื่อชายหนุ่มได้ยินข้อความนั้น เขาถึงกับส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างดูแคลน ทำไมตอนที่วางแผนทำร้ายคนอื่นซ่งซินถึงไม่ออมมือสักหน่อยล่ะ
บนโลกนี้มีพวกปากว่าตาขยิบอีกมากมายที่ไม่สามารถหยุดได้
แน่นอนว่าลู่เช่อส่งต่อข้อความนั้นให้โม่ถิงครบถ้วนทุกคำ ทว่าคำตอบของโม่ถิงคือ ทำให้เซียวอวี่เหอรู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ สิ่งที่ซ่งซินสูญเสียไปมันยังไม่ถึงหนึ่งในพันของสิ่งที่คนอื่นๆ สูญเสียไปเลย!
แม้ถังหนิงจะพูดให้เธอเข้าใจง่ายขึ้น แต่ต้วนจิ่งหงก็อดคิดถึงมิตรภาพกับซ่งซินไม่ได้เมื่อถูกขอให้เป็นพยานยืนยันความผิดของซ่งซิน แม้ว่าเธอจะไม่อยากอ่อนไหวจนเกินไป แม้ว่าเธอจะเกือบเสียขาทั้งสองข้าง แต่เธอก็ยังไม่อยากทำ บางครั้งคนเราก็ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีสำหรับตัวเอง
ถึงอย่างนั้นก็มีหลายครั้งที่ต้วนจิ่งหงยินดีที่จะถลกหนังซ่งซินทั้งเป็นแล้วเลาะเอ็นทุกเส้นออกมาจากร่างของเธอ
ถังหนิงชำเลืองมองต้วนจิ่งหง หลังจากที่เห็นความรู้สึกสับสนในดวงตาหญิงสาว เธอก็ถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าเธอยังต้องการเวลาเพื่อคิดทบทวนสินะ แต่ฉันขอเตือนว่าทุกอย่างที่ซ่งซินทำลงไปจะถูกเปิดโปงในไม่ช้าก็เร็ว ถังหนิงยืนขึ้นจากโซฟาเพื่อจะจากไป ทว่าก่อนที่เธอจะเดินถึงประตู ต้วนจิ่งหงก็พลันเอ่ยถามขึ้นมาว่า คุณเกลียดซ่งซินแค่ไหนคะ
ฉันจะทำให้เธอเห็นด้วยการกระทำของฉัน ถังหนิงตอบโดยไม่หันกลับมามองก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ต้วนจิ่งหงค่อยๆ ผ่อนคลายลง ตอนนั้นเองที่เธอตระหนักได้ว่าเธอกลัวถังหนิงและหวั่นวิตกแค่ไหนเวลาอยู่ใกล้ๆ ผู้หญิงคนนี้…
ระหว่างทางกลับบ้าน โม่ถิงสวมกอดถังหนิงและคุ้มกันท้องของเธออย่างหวงแหนด้วยความกลัวว่าหญิงสาวจะบาดเจ็บจากแรงกระแทกเบาๆ
เจรจากับต้วนจิ่งหงไม่สำเร็จเหรอครับ
ค่ะ เห็นได้ชัดเลยว่าต้วนจิ่งหงยังไม่หมดศรัทธาในตัวซ่งซิน ถังหนิงตอบ ดีนะคะที่เธอยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่
ต้วนจิ่งหงมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่ซ่งซินอาจจะไม่มีก็ได้!
หากซ่งซินมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เธอคงไม่คิดแผนการที่ไร้มุษยธรรมมาได้มากมายเช่นนี้ ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ เธอไม่แสดงความเมตตาต่อเด็กหรือคนชราเลยด้วยซ้ำ
ไม่ช้าก็เร็วต้วนจิ่งหงจะเป็นพยานยืนยันความผิดของซ่งซินอย่างแน่นอนค่ะ ถังหนิงมั่นใจในเรื่องนี้ แม้ว่าบทสนทนาของเธอกับต้วนจิ่งหงจะไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น แต่เธอก็รู้ว่าที่ต้วนจิ่งหงยังเงียบอยู่นั้นเป็นเพราะหญิงสาวยังถูกทำร้ายไม่มากพอ ดังนั้นถังหนิงจึงจะปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันเอง ไม่สิ ความจริงคือเธอจะปล่อยให้ซ่งซินวางแผนโจมตีต้วนจิ่งหงต่อไปต่างหาก
…
นับตั้งแต่ไปค้างคืนที่รีสอร์ตวิลเลจพร้อมอาหารเช้าที่เพื่อนของอันจื่อเฮ่าเป็นเจ้าของ เฉินซิงเยียนก็ ‘กลับบ้าน’ หลังจากเลิกงานบ่อยขึ้นมาก ภายใต้สถานการณ์ปกติ อันจื่อเฮ่าจะจงใจอยู่ที่กองถ่ายเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าในการถ่ายทำภาพยนตร์ อันดับแรก เขาจำเป็นต้องจับตาดูหลิงหลงเผื่อว่าเธอจะมีเล่ห์กลอะไรอีก แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ มันทำให้เขาพาเฉินซิงเยียนตรงดิ่งไปที่รีสอร์ตวิลเลจหลังจากการถ่ายทำเสร็จสิ้นได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะรับมือกับเรื่องงาน ทำอาหาร หรือมองไปยังท้องฟ้ากว้าง ตราบใดที่พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกัน ทั้งคู่ก็พอใจแล้ว เพราะถึงอย่างไร นี่ก็เป็นความสัมพันธ์ครั้งแรกของเฉินซิงเยียน หญิงสาวอยากตัวติดกับเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหากทำได้ และเพราะความรักใคร่ของเธอ อันจื่อเฮ่ารู้สึกเด็กลงเยอะเลยทีเดียว…
ขณะเดียวกัน หลังจากที่หลิงหลงหลอกเฉินซิงเยียน คนในกองถ่ายก็แสร้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าพวกเขากลับช่วยเฉินซิงเยียนหาโอกาสสร้างปัญหาให้หลิงหลง
เป็นผลให้หลิงหลงได้สัมผัสความรู้สึกสิ้นหวังจากการถูกทิ้งให้อยู่บนภูเขาเพียงลำพัง และเพื่อยกระดับความน่าเวทนาของหลิงหลง ก่อนที่คนในกองจะวางแผนหลอกเธอ พวกเขาถึงกับทำให้แน่ใจว่าวันนั้นจะเป็นวันที่ฝนตก
คืนนั้นหลิงหลงตั้งใจกลับมาร้องไห้ฟูมฟายใส่ผู้กำกับ แต่มีคนบอกเธอว่าผู้กำกับกำลังทานอาหารค่ำอยู่กับคนของไห่รุ่ย
ไห่รุ่ย…
ไม่บอกก็รู้ว่าโม่ถิงมาที่นี่เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้น้องสาวของเขาอย่างแน่นอน
ท่านประธานโม่ของเรามีน้องสาวเพียงแค่คนเดียว ถ้าเธอถูก ‘ใครก็ไม่รู้’ มารังแกเช่นนี้ แล้วความภาคภูมิใจของเขาล่ะ
ทางเราจะจัดการกับเรื่องนี้ครับ ผู้กำกับตอบอย่างขอโทษขอโพย เราจะดูแลซิงเยียนให้ดี บอกท่านประธานโม่ด้วยครับว่าไม่ต้องเป็นห่วง
ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมขอฝากเฉินซิงเยียนไว้ที่คุณด้วยนะครับ…
ตอนนั้นเองที่หลิงหลงแอบฟังอยู่หน้าประตู หลังจากที่รู้ว่าผู้กำกับคุยอะไรกับไห่รุ่ย เธอก็ไม่กล้าแกล้งเฉินซิงเยียนอีกต่อไปแล้ว แม้สาธารณชนจะลือกันว่าเฉินซิงเยียนคือน้องสาวของโม่ถิง โม่ถิงก็ไม่เคยยอมรับ ดังนั้นหลิงหลงจึงเสี่ยงโชคต่อ แต่ตอนนี้…
…ถึงใครจะมามอบความกล้าให้เธออีกสักสิบเท่า เธอก็คงกลัวเกินกว่าจะเป็นปรปักษ์กับเฉินซิงเยียนอีก
เฉินซิงเยียนไม่รู้เลยว่าโม่ถิงส่งคนมาช่วยเธอ ตั้งแต่เริ่มคบหากับอันจื่อเฮ่า นอกเหนือจากจดจ่อกับการถ่ายทำแล้ว หญิงสาวก็ใช้เวลาที่เหลือร่วมกับเขา ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนของวัน อย่างเดียวที่หญิงสาวคิดมีเพียงแค่วิธีเข้าใกล้และขโมยจูบจากชายหนุ่ม
คืนนั้น คู่รักไปพักผ่อนอยู่ที่รีสอร์ต อันจื่อเฮ่ากำลังช่วยเฉินซิงเยียนอ่านบทของเธอ แต่ใจของยัยตัวแสบกลับอยู่ที่อื่น
ฟังอยู่หรือเปล่า อันจื่อเฮ่าเงยหน้าขึ้นมาและสังเกตเห็นว่าเฉินซิงเยียนกำลังจ้องเขาอยู่ ดังนั้นเสียงของชายหนุ่มจึงฟังดูโกรธเล็กน้อย
ถ้านายจูบฉัน ฉันจะจำบทของทั้งซีนนี้เลย
อันจื่อเฮ่าสูดหายใจเข้าลึก เมื่อเห็นว่าใจของเฉินซิงเยียนอยู่ที่อื่น ชายหนุ่มก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ ฉันพยายามที่จะสนับสนุนเธอเป็นอย่างมากเลยนะ ทำไมเธอถึงจริงจังกว่านี้ไม่ได้ล่ะ รู้ไหมว่ามีคนอีกมากมายแค่ไหนที่ฝันจะโชคดีอย่างเธอ
อย่างที่ฉันบอกไปแล้ว ความฝันของฉันคือการได้เป็นสตันต์ แน่นอนว่านั่นมันเป็นอดีตไปแล้วเพราะตอนนี้คุณคือความสนใจเพียงอย่างเดียวของฉัน… เฉินซิงเยียนตอบ
นั่นก็เพราะเธอยังเด็กและความคิดยังไม่เป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มที่ยังไงล่ะ ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าการคบกับเธอเร็วแบบนี้เป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่
หลังจากได้ยินประโยคนั้น ท่าทีของเฉินซิงเยียนก็พลันเปลี่ยนไปทันที มันเหมือนกับว่าเธอถูกบางสิ่งต่อยเข้าอย่างไม่ทันตั้งตัว
ตอนที่อยู่กับฉัน นายพักเรื่องงานเอาไว้ก่อนไม่ได้เหรอ ใช่ว่าฉันไม่ทำตามที่นายขอให้ฉันทำสักหน่อย…
อันจื่อเฮ่าเข้าใจอารมณ์โกรธของเฉินซิงเยียน ดังนั้นเขาจึงไม่เถียงกลับ ชายหนุ่มเพียงแต่พยักหน้า ฉันจะไม่พูดเรื่องงานอีกแล้ว เข้านอนกันเถอะ
นายจะนอนกับฉันไหม
เฉินซิงเยียน รู้ไหมว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ อันจื่อเฮ่าเอ่ยถาม
เฉินซิงเยียนฉวยโอกาสนี้นอนลงบนร่างของอันจื่อเฮ่าและขโมยจูบจากเขาก่อนจะเขยิบหนีไปอย่างรวดเร็ว อันจื่อเฮ่าทำตัวไม่ถูก ดังนั้นหลังจากที่กล่อมให้เธอหลับได้แล้ว ชายหนุ่มจึงไปหยิบผ้าห่มมานอนบนโซฟา ทว่าหลังจากที่ปิดไฟ เฉินซิงเยียนก็พลันเอ่ยถามขึ้นมาว่า นายจะเซ็นสัญญากับศิลปินคนอื่นไหม ยกตัวอย่างเช่น คนอย่างแอนนี่
ไม่แน่ใจ อันจื่อเฮ่าตอบ
ถ้านายมีซูเปอร์สตาร์อยู่ในมือสักคน นายจะล้มเลิกความคิดที่จะเซ็นสัญญากับคนอื่นไหม
ก็อาจจะ
อันจื่อเฮ่า นายผิดหวังในตัวฉันจริงๆ เหรอ
ครั้งนี้อันจื่อเฮ่าไม่ได้ตอบ ชายหนุ่มนั้นผล็อยหลับไปแล้ว ทว่าเฉินซิงเยียนยังคงนอนไม่หลับอยู่บนเตียง หญิงสาวรู้สึกผิดหวังในตัวเองเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่เธอเกิดมาอย่างไร้ความหักห้ามใจ หากความรักมาอยู่ตรงหน้าแล้ว หญิงสาวจะไม่คิดมากเกินไป…
ขณะเดียวกัน อันจื่อเฮ่าเองก็มีแรงกดดันของเขาอยู่ เพราะถึงอย่างไร เฉินซิงเยียนก็ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือน้องสาวของโม่ถิง
แล้วโม่ถิงเป็นคนอย่างไรงั้นเหรอ อันจื่อเฮ่านั้นรู้ดียิ่งกว่าใครว่าน้องสาวของโม่ถิงไม่ใช่คนที่ใครจะคบด้วยก็ได้ โดยเฉพาะในตอนที่เธอยังอายุไม่ถึงยี่สิบปี
ชายหนุ่มต้องการแสดงผลลัพธ์บางอย่างให้โม่ถิงเห็นเหลือเกิน อย่างน้อยก็เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองคู่ควรที่จะคบกับน้องสาวของเขา ทว่ายัยตัวแสบที่นอนอยู่บนเตียงกลับไม่ค่อยให้ความร่วมมือเอาเสียเลย
เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ผู้เขียนตอบรับการสัมภาษณ์จากนักข่าวชื่อดังและไม่ออกไปพบพร้อมคนจำนวนมากเกินไป
ชายหนุ่มก้มหน้าลงตลอดการสัมภาษณ์ แต่เขาอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดโดยละเอียดซึ่งรวมถึงตอนที่เขาได้รับโทรศัพท์จากผู้บงการอีกด้วย
ผมถูกใครบางคนสั่งมาจริงๆ ครับ แต่ผมไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้ว่าเธอคือใคร อย่างเดียวที่ผมรู้คือเธอเองก็เป็นนักเขียนเหมือนกันและยังเป็นคนในวงการบันเทิงอีกด้วย
เธอยังสาวอยู่ครับ อายุประมาณยี่สิบสองยี่สิบสามได้ เธอระวังกับสิ่งที่ตัวเองพูดมากครับ
ความตั้งใจของเธอคือหยุดยั้งไม่ให้ภาพยนตร์ของคุณถังหนิงได้ออกฉายครับ
ผมสืบเบอร์โทรศัพท์และเลขไอพีของเธอแล้ว แต่ผมรู้แค่ว่าเธออยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยนานาชาติ หาอย่างอื่นไม่พบเลยครับ
ผู้บงการนั้นเป็นนักเขียนจากวงการบันเทิง เธออายุราวๆ ยี่สิบสองยี่สิบสามปีและมีความแค้นกับถังหนิง ที่สำคัญที่สุด เธออาศัยอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยนานาชาติ การตามหาใครสักคนด้วยข้อมูลที่มากมายเช่นนี้นั้นไม่ใช่เรื่องยาก และด้วยความสามารถในการค้นคว้าของชาวเน็ต พวกเขาได้สร้างรายชื่อของผู้ที่มีคุณสมบัติตรงกับเกณฑ์ที่กำหนด ทว่าสุดท้ายแล้ว คนคนเดียวที่มีครบทุกข้อก็คือซ่งซิน!
ซ่งซินไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะถูกล็อกเป้าว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างง่ายดายเช่นนี้ อันที่จริง ชาวเน็ตเริ่มด่าทอเธอก่อนจะให้เวลาเธอได้ตอบโต้อะไรเสียอีก
[ซ่งซินคนนี้ไม่ใช่เหรอที่มีผู้จัดการเป็นขโมย]
[เธอคือศิลปินคนที่ดังมากในกรุงปักกิ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เหรอ แต่จากนั้นเธอก็เริ่มสูญเสียแฟนคลับไปเพราะผู้จัดการของเธอ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะชั่วร้ายขนาดนี้]
[ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย พวกเขาอยู่คนละวงการกันนี่ ทำไมเธอต้องทำอย่างนั้นกับถังหนิงด้วยล่ะ เธอทำให้ผู้อาวุโสอู๋พยายามฆ่าตัวตายเลยนะ]
[ฮ่าๆ ผู้หญิงคนนี้จองหองมาตลอดนั่นล่ะ ฉันเดาว่าหล่อนคงทนไม่ได้ที่เห็นถังหนิงดังและได้งานที่ดีกว่าตัวเอง ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย]
[ถ้าเป็นซ่งซินจริงๆ ละก็ ฉันขอให้หล่อนตายๆ ไปซะ!]
[แพศยาและสกปรกจริงๆ! หล่อนจะเลวเกินไปแล้ว!]
[ฉันเคยคิดว่าเพลงที่ซ่งซินแต่งเพราะดีนะ แต่จากนี้ไป ฉันคงต้องขอโบกมือลานางแล้วล่ะ บนโลกนี้มีคนอีกมากมายที่แต่งเพลงเก่ง ฉันจะเก็บการสนับสนุนของตัวเองเอาไว้ให้กับคนที่มีจิตใจดี]
[ไห่รุ่ยช่วยระงับการจ่ายงานให้เธอหน่อยได้ไหม นังผู้หญิงโรคจิตนี่จะได้หยุดทำร้ายคนอื่นสักที]
โลกอินเทอร์เน็ตนั้นเต็มไปด้วยคำด่าทอและแน่นอนว่าซ่งซินได้รับแจ้งเรื่องนี้ ทันทีที่เธอตระหนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวก็รู้สึกตกใจ
เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกจับได้และถูกเปิดโปง นี่มันเป็นไปได้อย่างไร
ดังนั้นในอีกหนึ่งนาทีต่อมา ซ่งซินจึงโทรหาฟังอวี้และถามด้วยน้ำเสียงที่บูดบึ้งว่า คำด่าทอจากสาธารณชนนั่นมันอะไรกัน จู่ๆ ฉันถูกใส่ร้ายได้ยังไง ทำไมไห่รุ่ยถึงไม่ประชาสัมพันธ์อะไรเลย พวกคุณมีแผนจะจัดการเรื่องนี้ยังไง
ไห่รุ่ยกำลังอยู่ในกระบวนการเปิดเผยผความจริงครับ
ความจริง? ความจริงคือคุณควรปกป้องชื่อเสียงของศิลปินในสังกัดก่อน เว้นเสียแต่ว่านี่คือวิธีการที่ไห่รุ่ยปฏิบัติกับศิลปินของตัวเอง ฉันเห็นมาตลอดว่าชื่อเสียงของถังหนิงนั้นได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี หรือเธอได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนอื่นคะ
ถึงบางอย่างจะเกิดขึ้นกับคุณถังหนิง ไห่รุ่ยก็จะไม่ประชาสัมพันธ์อะไรจนกว่าพวกเขาจะเปิดเผยความจริงได้ ทำไมต้องกลัวการสืบสวนด้วยล่ะครับถ้าคุณบริสุทธิ์จริง ฟังอวี้ถามนิ่งๆ
เยี่ยม เยี่ยมไปเลย! จากที่ฉันเห็นนะ ทั้งไห่รุ่ยเปิดทำการมาเพื่อถังหนิงคนเดียวชัดๆ พูดจบ ซ่งซินก็กดวางสายและโทรหาเซียวอวี่เหอ ฉันกำลังถูกใส่ร้ายนะ มันแย่มาก
เซียวอวี่เหอรู้ทุกอย่างจากโลกออนไลน์แล้ว แม้ซ่งซินจะเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าเธอควรถูกโจมตี
ซ่งซิน บอกผมมาตรงๆ นะครับ คุณทำใช่ไหม
คำถามของเซียวอวี่เหอจับทางซ่งซินได้ แม้เธอจะไม่รู้ว่าเซียวอวี่เหอวางแผนอะไรไว้ หญิงสาวก็ลงเอยด้วยการปฏิเสธทุกอย่างหลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ นี่คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ เรื่องอย่างนี้มันจะมาเกี่ยวกับฉันได้ยังไง
แม้แต่กับผมคุณก็ยังซื่อสัตย์ไม่ได้เหรอครับ ผมจะปกป้องคุณได้ก็ต่อเมื่อคุณพูดความจริงเท่านั้น
ฉันไม่ได้ทำจริงๆ ค่ะ ซ่งซินพูดต่อ เชื่อฉันนะคะ…
ก็ได้ครับ หวังว่าคุณจะจำทุกอย่างที่ผมทำเพื่อคุณได้นะ เซียวอวี่เหอพูดก่อนจะวางสายไป
ซ่งซินอึ้งเล็กน้อย หลังจากวางสาย หญิงสาวก็ยกมือขึ้นมาจับหน้าอกของตัวเองและรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นระรัว ทำไมเธอถึงรู้สึกมีความผิดมากเช่นนี้กันนะ
เธอไม่รู้ว่าเซียวอวี่เหอจะวางแผนช่วยดึงความสนใจของสาธารณชนไปได้อย่างไร สิ่งเดียวที่เธอรู้ก็คือตอนนี้เขาเป็นความหวังเพียงอย่างเดียวของเธอ…
แน่นอน ถังหนิงรู้ว่าซ่งซินจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ โดยเฉพาะตอนที่ไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาเช่นนี้ ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงปลิ้นปล้อนอย่างซ่งซิน หญิงสาวก็มีเล่ห์กลของตัวเอง
…
ภายในโรงพยาบาลอันเงียบสงบ ค่ำคืนก็มาเยือน…
ต้วนจิ่งหงไม่คิดเลยว่าถังหนิงจะมาพบเธอ เธอไม่เห็นตอนที่ถังหนิงเดินเข้ามาในห้อง อย่างเดียวที่หญิงสาวรู้คือถังหนิงนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ เตียงของเธอแล้วตอนที่เธอตื่นขึ้นมา แน่นอนว่าหญิงสาวจะประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมหากเธอรู้ว่าโม่ถิงนั้นกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง
คุณ…
เธอได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำกับฮั่วจิงจิงแล้ว แต่สิ่งที่เธอทำกับฉันล่ะ ถังหนิงเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วขึ้น
ต้วนจิ่งหงมองลึกเข้าไปในดวงตาถังหนิงแล้วตระหนักว่าถังหนิงดูเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่งและรู้ทุกอย่างที่เธอกำลังคิดอยู่
คุณ…กำลังพูดถึง…
ฉันกำลังพูดถึงตอนที่เธอยุให้ฮวาเหวินเฟิ่งใส่ยาควินิดีนลงในซุปไก่ของฉันน่ะ ถังหนิงขยิบตาแล้วพูดต่อก่อนที่ต้วนจิ่งหงจะบอกปัด ถึงตอนนั้นเธอจะปลอมตัวอยู่ ฮวาเหวินเฟิ่งก็ยังจำเธอในภาพบางส่วนจากกล้องวงจรปิดได้ ยังจะปฏิเสธอยู่อีกไหมล่ะ
ทันทีที่ต้วนจิ่งหงได้ยินเช่นนั้น ฝ่ามือของเธอก็เริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เธอไม่ต้องกลัวไปหรอก คนที่ฉันกำลังตามหาอยู่คือคนที่เริ่มเรื่องนี้ ถังหนิงพูดปลอบ เธอรู้ดียิ่งกว่าใครไม่ใช่เหรอว่าซ่งซินรับมือยากแค่ไหน ผู้หญิงคนนั้นขี้โกง เจ้าเล่ห์และปกป้องตัวเองเก่ง ฉันมั่นใจว่าเธอเองก็เกลียดหล่อนเหมือนกันใช่ไหมล่ะ
ต้วนจิ่งหงกัดริมฝีปากล่างของเธอและไม่พูดอะไร
เรื่องผู้อาวุโสอู๋น่ะ…
หล่อนเป็นคนทำค่ะ… ต้วนจิ่งหงโพล่งออกมา แต่ฉันช่วยคุณเป็นพยานยืนยันความผิดของหล่อนไม่ได้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นฉันที่ยืนยันความผิดของตัวเอง
งั้นเธอจะรอให้ฉันเปิดเผยมันเหรอ ซ่งซินจะไม่กัดตอบแล้วโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเธอแทนเหรอ หืม ถังหนิงถามพร้อมยิ้มบางๆ ถ้าเธอลงมือก่อน ฉันมั่นใจว่าเธอจะไม่พลอยติดร่างแหไปด้วย อันที่จริง เธออาจได้รับความเห็นใจจากทุกคนด้วยซ้ำ
คิดดูสิ เธอยินดีที่จะไว้ใจซ่งซินหรือฉันล่ะ
เมื่อเปรียบเทียบทั้งคู่แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหญิงสาวไว้ใจถังหนิงมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ซ่งซินจะหาโอกาสปกป้องตัวเองอย่างแน่นอน ถ้าเราหาคนใกล้ตัวหล่อนมาเป็นพยานยืนยันความผิดของหล่อนก่อนไม่ได้ ฉันมั่นใจว่าหล่อนจะหันมากัดเธอเพื่อป้องกันการถูกทรยศ เธอคิดว่าไงล่ะ ถ้าหล่อนหาทางล่าถอยไม่ได้ หล่อนจะโยนความผิดทั้งหมดมาให้เธออย่างแน่นอน ถ้าเธอวางแผนที่จะรอจนถึงตอนนั้นเพื่อสู้กลับ เธอคิดว่าโอกาสสำเร็จมีแค่ไหนกันล่ะ
หล่อนหาวิธีแก้ไขปัญหาได้สินะ ช่างเป็นพวกขยะที่น่าสิ้นหวังจริงๆ ซ่งซินกำลังนั่งอ่านข่าวอยู่ที่บ้าน หญิงสาวปาแก้วไวน์แดงในมือลงกับพื้นเมื่อได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น นี่คือวิธีระบายความโกรธของเธอ ทว่าซ่งซินกลับรู้สึกรำคาญยิ่งกว่าเดิมขณะที่มองของเหลวสีแดงกระจายไปทั่ว
ความตั้งใจเดิมของเธอคือหยุดยั้งการฉายภาพยนตร์ของถังหนิง ทว่าหญิงสาวต้องประหลาดใจที่ตัวเองไม่ได้ล้มเหลวเพียงอย่างเดียว แต่เธอยังช่วยถังหนิงโปรโมตอย่างฟรีๆ อีกด้วย
พรุ่งนี้ ‘คนรักที่สาบสูญ’ จะทำได้ดีแค่ไหนในโรงภาพยนตร์กันนะ
ซ่งซินคิดแค่ว่าแผนของเธอนั้นล้มเหลว แต่เธอไม่รู้เลยว่าถังหนิงเล็งเป้ามาที่เธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ ถังหนิงจะสลับบทบาทและเล่นเกมกับเธอ
…
ขณะเดียวกัน ผู้เขียนนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ นั้นก็ได้หายตัวไปอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้กลัวว่าไห่รุ่ยจะออกตามหาเขาเพียงอย่างเดียว ชายหนุ่มยังกังวลอีกว่าพวกเขาจะบังคับให้เขาต้องหักมือของตัวเอง ดังนั้นผู้เขียนจึงหนีไปซ่อน ไม่กล้าออกมาปรากฏตัว
ทว่าการสะกดรอยตามใครสักคนนั้นไม่ใช่งานยากสำหรับไห่รุ่ย โดยเฉพาะเมื่อมีความช่วยเหลือจากสังคมออนไลน์ที่ประกอบด้วยผู้คนจากร้อยพ่อพันแม่ ดังนั้นไห่รุ่ยจึงพบตัวผู้เขียนได้ในเวลาไม่นาน
ถังหนิงไม่สนใจจะไปพบกับเดนคนนั้น แต่หญิงสาวกลับคุยกับฟังอวี้ผ่านทางโทรศัพท์นานถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่พบตัวชายคนนั้น เนื้อหาในสายสนทนานี้เป็นความลับ นอกเหนือจากฟังอวี้ โม่ถิง และตัวเธอเองแล้วก็ไม่มีใครรู้เรื่องที่พวกเขาคุยกันอีก
ไม่นานจากนั้น ผู้เขียนก็ถูกเชิญให้ไปที่ห้องประชุมของไห่รุ่ย แม้ว่าผู้เขียนจะเตรียมใจรับสิ่งที่กำลังจะมาถึงเอาไว้แล้ว เขาก็ยังอดตัวสั่นตอนที่ไปถึงตึกนั้นไม่ได้
ฟังอวี้เจียดเวลามาดูหน้าขยะผู้ไร้ยางอายคนนี้ หลักๆ อนั้นเป็นเพราะเขาและถังหนิงจะไม่อุ่นใจหากพวกเขามอบความรับผิดชอบนี้ให้คนอื่น
ผม ฟังอวี้ เป็นรองประธานของไห่รุ่ย ฟังอวี้กล่าวขณะที่ก้าวเข้าไปในห้องประชุม ทว่าชายหนุ่มไม่ได้ยื่นมือออกมาจับมือกับผู้เขียน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความนับถือใดๆ ต่อชายคนนี้เลย
ผะ…ผมรู้ว่าต้องทำอะไรครับ ผู้เขียนคือชายรูปร่างผอมแห้งผมเกรียนอายุราวยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี ดูเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ใครจะคาดคิดล่ะว่าชายคนนี้คือคนที่สร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่หลวงให้กับวงการบันเทิงของกรุงปักกิ่ง
รู้ก็ดีแล้วครับ ผมจะไม่ถามคุณเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ เพราะตอนนี้ไห่รุ่ยเองก็กำลังทำการสอบสวนอยู่ ผมต้องการให้คุณบอกผมมาว่าใครเป็นผู้ยุยงให้เกิดเหตุการณ์นี้และเป็นคนสอนคุณว่าต้องทำอะไรบ้าง ฟังอวี้กล่าวพลางนั่งลงบนมุมโต๊ะกาแฟก่อนจะโน้มตัวมาด้านหน้า ผมมั่นใจว่าคุณรู้นะครับว่าถ้าโกหกแล้วผลที่ตามมาจะเป็นยังไง การที่ไห่รุ่ยจะทำให้คุณทุกข์ทรมานนั้นง่ายเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะครับ
ชายคนนั้นกลัวจนพูดไม่ออก เขาเอามือไพล่หลังไว้ตลอดเวลาเพราะกลัวว่าไห่รุ่ยจะจำคำสัญญาของเขาได้
ผะ…ผู้หญิงคนหนึ่งติดต่อผมมาทางอินเทอร์เน็ตแล้วจ้างผมทำเรื่องนี้ด้วยเงินจำนวนมากครับ ผมเพียงแค่ทำตามคำสั่งของเธอ ผมไม่รู้จริงๆ ครับว่าเรื่องราวทุกอย่างจะลงเอยแบบนี้ ขอร้องล่ะครับ อย่าหักมือผมเลย
หักมือคุณ ฟังอวี้หัวเราะพลางส่ายหน้า เราเป็นคนที่มีอารยธรรมแล้วนะครับ เราไม่ใช้ความรุนแรงอย่างนั้นหรอก คุณไม่ใช่เหรอครับที่เสนอแนะขึ้นมาเองตั้งแต่แรก
ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้นครับ…แค่ล้อเล่น
‘งั้นจากนี้เรามาล้อเล่นกันต่ออีกหน่อยเถอะครับ พูดจบ ฟังอวี้ก็มอบข้อมูลส่วนหนึ่งให้ชายคนนั้น ชายหนุ่มยังจำความแค้นเรื่องฮั่วจิงจิงได้อย่างแม่นยำ
หลังจากพบกับผู้เขียนเสร็จ ฟังอวี้ก็กำลังจะนำข้อมูลที่ได้ไปยังห้องทำงานของท่านประธาน ทว่าซ่งซินผู้สวมแว่นกันแดดที่มีสไตล์กลับเข้ามาหาเขาเสียก่อน
ไห่รุ่ยวางแผนที่จะเมินเฉยฉันไปอีกนานแค่ไหนคะ ซ่งซินเอ่ยถามขณะที่ก้าวเข้าไปในห้องทำงานของฟังอวี้แล้วถอดแว่นกันแดดออก ผู้จัดการของฉันยังอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ นี่ไห่รุ่ยลืมฉันไปหมดแล้วงั้นเหรอ
อย่างที่คุณก็ทราบนะครับว่าผู้จัดการส่วนตัวของคุณเป็นขโมย ดังนั้นสาธารณชนจึงเชื่อมโยงคุณทั้งสองคนเข้าด้วยกัน เหตุผลที่ไห่รุ่ยทำเช่นนั้นก็เพราะพวกเขาหวังว่าสถานการณ์จะซาลงไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณเองก็คงไม่อยากให้แฟนคลับของคุณมองคุณด้วยความอคติใช่ไหมครับ ฟังอวี้เอ่ยถามพลางเลิกคิ้วขึ้น
ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณจะพูดแบบนั้น นั่นคือหตุผลที่ฉันอยากยกเลิกสัญญากับไห่รุ่ยยังไงล่ะ ซ่งซินเอ่ยพลางเคาะโต๊ะของฟังอวี้ ฉันจะจ่ายค่าชดเชยเอง
ผมคุยเรื่องนี้กับท่านประธานโม่แล้ว เขาบอกว่าอยากจะรอจนกว่าโชคชะตาของคุณกับไห่รุ่ยจะไปจนสุดทาง แต่เวลานั้นยังมาไม่ถึงอย่างแน่นอนครับ หลังจากตอบไปเช่นนั้น ฟังอวี้ก็เอ่ยถาม ผมกำลังจะไปห้องทำงานของท่านประธาน แล้วคุณล่ะครับ
นี่ไห่รุ่ยคิดจะทำแบบนี้กับฉันต่อไปอย่างนั้นเหรอ
อย่าห่วงเลยครับ ท่านประธานโม่พูดแล้วว่าจะจ้างผู้จัดการคนใหม่และจัดตารางงานชิ้นใหม่ๆ มาให้คุณ กลับบ้านไปรอการแจ้งเตือนเถอะครับ
ซ่งซินจ้องหน้าฟังอวี้และส่งเสียงฮึดฮัดก่อนจะสวมแว่นกันแดดแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
ท่าทีของฟังอวี้เยือกเย็นลงขณะที่มองซงซินเดินจากไป เธอเป็นคนมีความสามารถแต่ชั่วร้ายและไม่คิดถึงชีวิตของคนอื่นบอกได้ยากเหลือเกินว่าหัวใจของเธอทำจากอะไร
เธอกำลังรองานเข้าเพิ่ม
เธอควรจะรอผลกรรมสนองมากกว่าเพราะนั่นจะมาถึงเร็วขึ้นอย่างแน่นอน!
…
แน่นอนว่าวันนี้ยังเป็นวันแรกของการฉาย ‘คนรักที่สาบสูญ’ อีกด้วย ตามสถิติแบบเรียลไทม์จากห้องขายตั๋วแล้ว พวกเขาขายได้มากกว่าหนึ่งร้อยล้านหยวน ทภายในเวลาสี่โมงเย็น นี่คือภาพยนตร์อาชญากรรมที่มีรายได้ทะลุหนึ่งร้อยล้านหยวนเร็วที่สุดในกรุงปักกิ่ง แน่นอนว่าต้องขอบคุณการประชาสัมพันธ์จากซ่งซิน
[พอดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วฉันถึงได้ตระหนักว่าไม่มีทางเลยที่ผู้อาวุโสอู๋จะลอกงานใคร ภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ‘สไตล์ของผู้อาวุโสอู๋’ ชัดๆ]
[เราต้องขอโทษผู้อาวุโสอู๋กับถังหนิงจริงๆ ผู้อาวุโสอู๋ทุ่มเทหัวใจไปกับการเขียนบทและถังหนิงก็แสดงบทของเธอด้วยความจริงจัง พวกเขาทั้งคู่สมควรได้รับความเคารพ]
[ฉันรู้สึกตะลึงเพราะถังหนิงอีกแล้ว ภาพยนตร์สามเรื่อง ตัวละครสามแบบ และเธอก็เข้ากับทุกๆ บ ทได้อย่างไร้ที่ติโดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยของการแสดงเอาไว้เลย น่าตกใจจริงๆ!]
[ดูแล้วตื่นเต้นมาก พระเจ้า นี่ฉันขนลุกแล้วนะ! ถังหนิงมีพลังที่น่าอัศจรรย์จริงๆ! ถึงตัวละครของเธอจะบังเอิญไปเจอสามีโดยที่จำเขาไม่ได้อยู่หลายครั้งก็เถอะ แต่ฉากต่อสู้น่ะดูเพลินสุดๆ]
[ยากมากเลยนะที่จะได้เห็นนักแสดงหญิงที่จริงจังแบบนี้ ฉันอยากเห็นถังหนิงถ่ายทอดตัวละครในนิยายเล่มโปรดของฉันทุกเล่มเลย ฉันมั่นใจว่าเธอจะทำได้ตามความคาดหวังแน่]
[ภาพยนตร์เรื่องนี้ควรได้รับการชื่นชมและควรค่าแก่การดูซ้ำ!]
[คืนนี้ฉันจะไปดูกับแฟนอีกรอบ!]
ด้วยความที่เริ่มต้นได้ดี ‘คนรักที่สาบสูญ’ จึงไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าประชาสัมพันธ์อีก เมื่อเสริมด้วยความรู้สึกผิดของสาธารณชน ห้องจำหน่ายตั๋วจึงลอยตัวและทิ้งให้ภาพยนตร์เรื่องอื่นจมกองฝุ่นไป…
ถังหนิงพิสูจน์ทั้งความสามารถและสถานะของเธอ
มีตัวละครอะไรบ้างเหรอที่ถังหนิงเล่นไม่ได้
ตอนนั้นเองที่ผู้เขียนเรื่อง ‘นักแกะรอย’ ไม่สามารถทนรับแรงกดดันได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจออกมาเปิดเผยนอกในของการลอกเลียนแบบผลงานทั้งหมดให้สาธารณชนได้ทราบ ขณะที่เขากำลังเตรียมพร้อม ซ่งซินกลับไม่ได้ตระหนักถึงภัยพิบัติที่กำลังมุ่งหน้ามาทางเธอเลย…
เวลาสองทุ่ม การรอคอยอันแสนยากลำบากเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ผู้เขียนเดินวนไปวนมาอยู่ที่บ้านด้วยความกลัวอย่างแท้จริง เขารู้ว่าไห่รุ่ยไม่ใช่องค์กรที่รับมือได้ง่ายๆ และเขาก็ไม่น่าเห็นด้วยกับข้อเสนอของซ่งซินเพราะความโลภตั้งแต่แรก เขาเชื่อคำพูดของซ่งซินและคิดว่าไห่รุ่ยคงไม่มีวันค้นพบความจริง ใครจะไปคิดล่ะว่า…
…ไห่รุ่ยคือไห่รุ่ยด้วยเหตุผลบางอย่าง คนอย่างเขาไม่น่าประเมินคนพวกนี้ต่ำเกินไปเลย!
ผมจะทำยังไงดี ทำยังไงดี ผู้เขียนโทรหาซ่งซินอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิด ทว่าซ่งซินไม่ยอมรับสาย
แม้หญิงสาวจะแคลงใจว่าไห่รุ่ยนั้นสามารถหาข้อมูลมาเพิ่มได้จริงหรือไม่ เธอก็ขี้โกงมากพอที่จะเลี่ยงรับสายจากผู้เขียนเพื่อลดความเสี่ยงในการถูกค้นพบ
ในความเป็นจริงแล้ว ข้อเท็จจริงที่ไห่รุ่ยถ่ายภาพหน้าจอมาและค้นพบว่านิยายถูกเขียนขึ้นโดยคนหลายคนนั้นก็เหนือความคาดหมายของเธอแล้ว เธอไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะมีอะไรมากกว่านี้อีก
ไม่นาน เวลาสองทุ่มนั้นก็มาถึง
ในฐานะผู้เฝ้าดูเหตุการณ์จอมสู่รู้ ชาวเน็ตทั้งหลายพร้อมที่จะต้อนรับการเปิดเผยครั้งใหม่ พวกเขาสงสัยว่าไห่รุ่ยมีอะไรจะแสดงให้พวกเขาเห็น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นคนตีกัน แต่ช้าก่อน นี่ไม่ใช่การตีกันทั่วๆ ไป มันกลายมาเป็นปริศนาที่ชวนสงสัยไปแล้ว
เมื่อเวลามาถึง เว็บไซต์ของไห่รุ่ยก็มีอัปเดตใหม่ และอัปเดตใหม่ล่าสุดนี้ก็มีคลิปวิดีโอประกอบอยู่ด้วย
บรรณาธิการชื่อดังคนหนึ่งของเว็บไซต์วรรณกรรมออนไลน์ปรากฏตัวในคลิปวิดีโอนั้น ข้างๆ เธอมีแล็ปท็อปที่เข้าใช้ระบบบริหารการจัดการเว็บไซต์อยู่ ในแน่นอนว่าสิ่งที่เธอต้องการจะให้สาธารณชนได้เห็นคือบางสิ่งที่ผู้ที่อยู่ในวงการนั้นรู้ดีอยู่แล้ว
ภายในคลิปวิดีโอนั้น หญิงสาวแก้ไขนิยายเรื่องหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ออกไปเมื่อหลายปีก่อนและเปลี่ยนเอาเนื้อเรื่องอันใหม่ใส่เข้าไปแทน นี่คือการสาธิตให้เห็นความยืดหยุ่นของวงการในแง่มุมนี้
มันไม่เกี่ยวกับสัญญาเลย เนื้อหานั้นสามารถถูกสับเปลี่ยนได้ในภายหลัง!
หลังจากที่ดูคลิปวิดีโอนั้น สาธารณชนก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าไห่รุ่ยพยายามจะสาธิตอะไร
ทำไมทุกคนถึงจดจ่ออยู่กับวันที่บนสัญญาฉบับนั้นและไม่คิดว่า ‘นักแกะรอย’ อาจถูกสับเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดในภายหลัง นี่จึงอธิบายว่าทำไมถึงมีนักเขียนหลายคน
เพราะหากนักเขียนหลายคนช่วยกันทำ มันก็เป็นไปได้ที่จะผลิตนิยายทั้งเรื่องเสร็จในเวลาอันสั้น
โอ้พระเจ้า!
งั้นนี่ก็คือความจริง คนร้ายนั้นแค่ใช้ภาพลวงและเกือบจะหนีพ้นจากอาชญากรรมครั้งใหญ่ไปได้!
ผู้สังเกตการณ์ของเหตุกาณ์นี้ตกตะลึงไปตามๆ กัน ทีแรกพวกเขาคิดว่านี่เป็นเพียงการคัดลอกผลงานธรรมดาๆ และไม่เคยคิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับแผนการและความลับมากมายขนาดนี้
หลังจากความจริงถูกเปิดเผย ทุกคนก็เงียบกริบ!
ไม่นานจากนั้นฟังอวี้ก็ตกลงให้สัมภาษณ์กับสื่อและแจ้งข้อสรุปของเหตุการณ์ทั้งหมดให้พวกเขาฟัง
ไห่รุ่ยเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนคงจะสามารถบ่งชี้ความจริงกันได้แล้ว ส่วนเรื่องการคัดลอกผลงานระหว่าง ‘นักแกะรอย’ และ ‘คนรักที่สาบสูญ’ ผมมั่นใจว่าทุกคนจะได้ข้อสรุปที่สมเหตุสมผลแล้วนะครับ
ไห่รุ่ยสัญญาแล้วว่าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้อาวุโสอู๋ ดังนั้นพวกเราจึงทำตามที่พูดให้สำเร็จ แล้วนักเขียนเรื่อง ‘นักแกะรอย’ ล่ะ ถ้าผมจำไม่ผิด คุณกล่าวหาผู้อาวุโสอู๋ด้วยความมั่นอกมั่นใจว่าเขาลอกเลียนแบบผลงานของคุณ และคุณก็ให้สัญญาว่าจะหักมือตัวเองถ้าเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น ผมหวังว่าคุณจะจำคำสัญญาของตัวเองได้ ผมจะรอดูผลลัพธ์นั้นนะครับ
และจากนั้นก็มีชาวเน็ตหัวรุนแรงกลุ่มหนึ่ง แน่นอนว่าไห่รุ่ยคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว เพราะถึงยังไง คนส่วนมากบนโลกใบนี้ก็ไร้หัวใจและไร้สมอง เราไม่สามารถถือโทษคนที่คิดอะไรด้วยตัวเองไม่ได้หรอกครับ หากพวกเขาเป็นปัญญาอ่อน ทางเราก็แก้ไขอะไรเรื่องนั้นไม่ได้
อ้อ แล้วก็อีกอย่าง ผมจำเป็นต้องพูดถึงเหล่า ‘ผู้เที่ยงธรรม’ ที่ใส่ร้าย ‘คนรักที่สาบสูญ’ เอาไว้เป็นพิเศษสักหน่อย เราไม่สามารถดูถูกพลังของกองทัพผู้เขียน ‘ตัวจริง’ ได้เลยครับ โชคไม่ดีนักที่ทุกอย่างที่พวกคุณทำลงไปนั้นเป็นได้แค่การสมรู้ร่วมคิดให้กับอาชญากรรมของคนอื่น! พวกคุณเป็นคนฉลาดที่ได้รับการศึกษา แต่เพราะแรงกดดันอย่างต่อเนื่องของพวกคุณ ผู้อาวุโสอู๋ถึงได้เกือบฆ่าตัวตายไปแล้ว! ขยะจริงๆ!
ถ้ายังมีสามัญสำนึกอยู่บ้างละก็ พวกคุณควรขุดรูแล้วเข้าไปซ่อนตัวในนั้นซะ!
คำพูดของฟังอวี้นั้นขวานผ่าซากและไร้ซึ่งการอดกลั้น!
ถึงอย่างไรก็มีบางโพสต์บนโลกออนไลน์ที่กระตุ้นอารมณ์โกรธของคน เพราะประโยคที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยประโยคหนึ่งอาจสามารถทำลายอนาคตหรือแม้แต่ชีวิตของคนคนหนึ่งได้
ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง พวกเขาหุบปากไม่ได้อย่างนั้นหรือ พวกเขาวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเหมาะสมก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นไม่ได้หรือ
นับจากนี้เป็นต้นไปไห่รุ่ยจะไม่ติดตามปัญหานี้อีก ส่วนเหตุผลที่ผู้เขียนสร้างแผนการนี้ขึ้นมาและไม่ว่าจะมีใครกระตุ้นให้เขาทำเช่นนี้หรือไม่นั้น ไห่รุ่ยจะไม่ปล่อยให้พวกเขาลอยนวลอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่พยายามทำให้ ‘คนรักที่สาบสูญ’ ไม่ได้ออกฉายนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปครับ มันจะออกฉายอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ ขอเรียนเชิญทุกท่านมารับชมและแสดงการสนับสนุนด้วยนะครับ
หลังจากการสัมภาษณ์ของฟังอวี้ โลกอินเทอร์เน็ตก็ท่วมท้นไปด้วยเสียงคำขอโทษ
เนื่องจากสาธารณชนได้รับการศึกษามากขึ้น คนส่วนมากจึงรู้จักการย้อนดูตัวเอง
[ขอโทษค่ะผู้อาวุโสอู๋! พวกเราขอโทษจริงๆ!]
[พวกเราไม่เคยคิดเลยว่าผู้อาวุโสอู๋เป็นผู้บริสุทธิ์ ขอโทษจากใจจริงครับ]
[ถึงมันจะอึดอัดอยู่หน่อยๆ เราทุกคนก็ควรไปโรงภาพยนตร์เพื่อแสดงการสนับสนุนนะ นี่ล่ะคือการขอโทษที่ดีที่สุด!]
[เธอพูดถูกแล้ว พรุ่งนี้เราจะไปที่โรงภาพยนตร์กัน ฉันอยากจะบอกเอาไว้ด้วยนะว่าผู้เขียนนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ น่ะโคตรจะไร้ยางอายเลย]
อาจเพราะเพื่อปกป้องมือของตัวเอง ผู้เขียนคนนั้นหนีไปซ่อนตัวและไม่ออกมาตอบโต้อะไร ชายหนุ่มขับความเย่อหยิ่งที่มีเมื่อก่อนหน้านี้ออกไปจนหมดสิ้น หลังจากผ่านไปสักพัก ชาวเน็ตคนหนึ่งที่มีนามแฝงว่า ‘มีดสั้น’ ก็ได้ออกมายอมรับบนโลกออนไลน์ว่าเธอคือหนึ่งในกลุ่มนักเขียนของนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ แต่หญิงสาวไม่รู้เลยว่ามีการสมคบคิดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เข้ามาเกี่ยวข้องและไม่รู้ด้วยว่าเธอจะถูกหลอกใช้เช่นนี้
เธออธิบายว่าเธอทำลงไปเช่นนั้นเพราะตัวเองไม่มีทางเลือกและจำเป็นต้องเอาชีวิตรอด ทว่าหลังจากที่เห็นผู้อาวุโสอู๋พยายามฆ่าตัวตาย เธอก็รู้สึกผิดมากเสียจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวแสดงหลักฐานการมีส่วนร่วมของเธอให้ทุกคนได้ดู ซึ่งนั่นรวมถึงส่วนที่เธอเขียนและร่างของมัน
ด้วยเหตุนี้ ความจริงจึงชัดเจน
ทุกอย่างนั้นใสเหมือนน้ำแข็ง
ผู้อาวุโสอู๋ไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันอยากจะขอโทษด้วยใจจริงค่ะ!
แม้ความจริงจะถูกเปิดเผยออกมาแล้ว คำถามบางคำถามก็ยังคงอยู่ เช่น ทำไมผู้เขียนถึงวางแผนทำเรื่องเช่นนี้ แค่เพราะต้องการจะเอาส่วนแบ่งจากกำไรอย่างนั้นหรือ
แต่ ‘คนรักที่สาบสูญ’ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา เขาจะไปคิดแผนต่อต้านมันทำไมล่ะ
นี่คือคำถามที่ไห่รุ่ยทิ้งเอาไว้ให้สาธารณชน
แน่นอนว่าเมื่อไห่รุ่ยพูดว่าพวกเขาจะสืบสวนเรื่องไหน พวกเขาก็จะทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน!
ทุกอย่างถูกชี้แจงแล้ว ความบริสุทธิ์ของผู้อาวุโสอู๋ได้รับการพิสูจน์สักทีนะคะ
เท่านี้ยังไม่พอหรอก ถังหนิงไม่ได้อารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้ยินคำครวญของหลงเจี่ย อย่าลืมสิว่า ถึงผู้อาวุโสอู๋จะฟื้นขึ้นมา เขาก็จะยังได้รับผลกระทบจากโรคความจำเสื่อมอยู่ดี ฉันจะเปิดโปงคนที่บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอนไม่ว่าเธอจะพยายามซ่อนตัวแค่ไหนก็ตาม
คุณมีแผนต่อจากนี้ไหมคะ หลงเจี่ยเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
หลักฐานเหรอ ซ่งซินจิบกาแฟอย่างสบายใจเฉิบอยู่ที่บ้าน ฉันอยากจะเห็นจังว่าไห่รุ่ยจะสร้างหลักฐานอะไรมา
หญิงสาวสันนิษฐานว่าแผนการของเธอนั้นสมบูรณ์แบบ อย่างน้อยที่สุดก็สำหรับคนนอกวงการ เธอไม่ได้คาดคิดว่าพวกเขาจะเห็นจุดบกพร่องใดๆ
โชคไม่ดีที่คนที่เธอกำลังต่อกรคือถังหนิงกับโม่ถิง
ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ รู้สึกสำนึกผิดเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงโทรขอความช่วยเหลือจากซ่งซิน ทว่าซ่งซินบอกชายคนนั้นอย่างนิ่งๆ ว่า อย่าห่วงไปเลย ไห่รุ่ยสร้างหลักฐานอะไรขึ้นมาไม่ได้หรอก ตราบใดที่คุณยังหนักแน่น ไห่รุ่ยก็ทำอะไรเราไม่ได้
แต่…เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับมือของผมเลยนะ…
ไม่มีคำว่าแต่
ซ่งซินทึกทักเอาว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องที่เธอเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงได้วิตกกันนักล่ะ นี่คือจุดที่ซ่งซินฉลาด เธอรู้จักการอยู่นอกจุดสนใจหลักของศึกนี้ แม้ความจริงจะถูกเปิดเผยออกมา เธอก็รู้ว่าเธอจะเดินหนีไปอย่างไร้รอยขีดข่วนโดยที่ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องกลับมาหาเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นเพียงแผนประชาสัมพันธ์ของไห่รุ่ย เพราะถึงอย่างไรไห่รุ่ยก็มักจะรับมือกับปัญหาเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนนั้นวิตกกว่าซ่งซินมาก เขาพนันเกมนี้ด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเอง หากไห่รุ่ยมีหลักฐานจริง เขาจะทำอย่างไร
สาธารณชนให้ความสนใจกับความคืบหน้าของเหตุการณ์นี้เป็นอย่างยิ่ง พวกเขาอยากรู้ว่าไห่รุ่ยจะหาหลักฐานมาได้หรือไม่ สัญญาของนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ ก็ถือว่าเป็นหลักฐานที่เป็นข้อสรุปแล้วไม่ใช่หรือ พวกเขามีบางอย่างที่เด็ดขาดยิ่งกว่านี้อีกอย่างนั้นหรือ
ตลกสิ้นดี!
เป็นไปไม่ได้หรอก!
ทุกคนต่างเฝ้ารอให้เวลาหนึ่งทุ่มตรงมาถึง โดยเฉพาะเหล่านักเขียนบทและเหล่านักเขียนหนังสือที่รวมตัวกันคว่ำบาตร ‘คนรักที่สาบสูญ’ พวกเขาเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาลอย่างชอบธรรมและพร้อมที่จะกลืนกินผู้อาวุโสอู๋ทั้งเป็น แต่ถ้าไห่รุ่ยมีหลักฐานขึ้นมาจริงๆ …
…จะเกิดอะไรขึ้นกับความภาคภูมิใจของพวกเขากันนะ
…
เวลาผ่านไปทีละหนึ่งวินาที รู้สึกเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง แต่ในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยนั้นก็มาถึง
ในระหว่างนี้ ไม่มีข่าวอะไรจะน่าดึงดูดใจไปกว่าการประกาศว่าจะแสดงหลักฐานของไห่รุ่ย
[หยุดถ่วงเวลาแล้วละไห่รุ่ย! รีบแสดงให้พวกเราเห็นได้แล้วว่าพวกแกมีหลักฐานอะไร!]
[ไห่รุ่ย หยุดล้อเล่นกับความรู้สึกของพวกเราสักที นี่มันเลยหนึ่งทุ่มมาหนึ่งนาทีแล้วนะ]
[ไหนล่ะหลักฐาน เป็นแค่เรื่องโกหกทั้งเพใช่ไหม]
ไม่นานหลังจากนั้น เว็บไซต์ของไห่รุ่ยก็ปล่อยคำแถลงการณ์ประชาสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยการค้นพบของพวกเขา มันประกอบด้วยหลักฐานอันชัดเจนที่มีความยาวถึงเก้าหน้า
ในคำแถลงการณ์นั้น ไห่รุ่ยอ้างถึงทุกส่วนที่ไม่สอดคล้องกันที่อยู่ในนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ และอธิบายว่า [สไตล์การเขียนของนักเขียนนั้นควรจะเป็นเหมือนเดิม คำศัพท์ วลี เครื่องหมายวรรคตอนและโทนที่ใช้ในการเล่าเรื่องควรจะสอดคล้องกัน แต่ดูนิยายความยาวห้าแสนสี่หมื่นคำนี้สิ ในเรื่อง ‘นักแกะรอย’ นี้มีสไตล์การเขียนที่แตกต่างกันอยู่จำนวนหนึ่ง หรือบางทีผู้เขียนอาจจะเป็นผู้ป่วยจิตเภทก็ได้
[ผมมั่นใจว่าผู้ที่ชื่นชอบการอ่านนวนิยายนั้นจะสามารถชี้ความแตกต่างได้ในทันที หากผู้เขียนไม่ได้เป็นผู้ป่วยจิตเภท เขาจะสร้างงานแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร]
ณ จุดนี้ ไห่รุ่ยใช้อีกแปดหน้าที่เหลือชี้ให้เห็นความไม่สอดคล้องและจุดบกพร่องอื่นๆ ที่อยู่ในนวนิยายดังกล่าว
ไห่รุ่ยให้ทุกคนได้เห็นสิ่งที่พวกเขาค้นพบก่อนเพื่อที่พวกเขาจะได้อธิบายมันออกมาในแบบของตัวเอง พวกเขาอยากให้สาธารณชนเชื่อว่าไห่รุ่ยกำลังแสดงหลักฐานของจริงและไม่ได้กำลังกล่าวหาใครส่งเดช
พวกเขาถามหาหลักฐานไม่ใช่หรือ
ไห่รุ่ยก็กำลังมอบมันให้พวกเขา!
เนื่องจากไห่รุ่ยไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน เหล่าคนที่ให้ความสนใจกับเหตุการณ์นี้จึงรีบเข้าไปดูหลักฐานบนเว็บนิยายออนไลน์อย่างรวดเร็ว
ก่อนจะเข้าไปดู พวกเขาไม่ได้สงสัยอะไรเลย ทว่าทันทีที่ได้ดู พวกเขาก็สงสัยว่าทำไมนิยายเรื่องเดียวถึงได้มีสไตล์การเขียนมากถึงห้าหกแบบ
โอ้พระเจ้า!
[เดิมทีฉันคิดว่าไห่รุ่ยพยายามจะเล่นไม่ซื่อ แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะละเอียดถึงขนาดที่เอาภาพถ่ายหน้าจอมาเป็นหลักฐาน]
[ผู้เขียนปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ ไห่รุ่ยถ่ายภาพหน้าจอพวกนี้มาจากเว็บอ่านนิยาย มันแสดงที่อยู่เว็บไซต์และวันที่อย่างชัดเจน ไม่มีทางเป็นของปลอมหรอก]
[โว้ว ช่างเป็นการพลิกสถานการณ์ที่น่าตกใจอะไรอย่างนี้! ผู้เขียนต้องเป็นบ้าแน่ๆ นี่มันถูกเขียนขึ้นโดยคนตั้งห้าหกคนเลยนะ]
[ผู้เขียนคนนี้ป่วยทางจิตหรือเปล่า]
[ก่อนที่ผู้เขียนจะอ้างว่าคนอื่นลอกงานตัวเอง เขาควรออกมาอธิบายก่อนนะว่าทำไมนิยายของเขาถึงมีคนเขียนด้วยตั้งห้าหกคน]
[ดูเหมือนไห่รุ่ยจะจริงจังกับการหาหลักฐานมากจริงๆ พวกเขาถึงกับค้นพบบางอย่างที่ละเอียดขนาดนี้เลยนะ]
[หลักฐานจากไห่รุ่ยโคตรเจ๋งเลย! มันเหมือนกับพวกเขาปูทางมาเพื่อตบหน้าอีกฝ่าย!]
นี่คือความฉลาดของไห่รุ่ย พวกเขาไม่เปิดไพ่ตายของตัวเองในทันทีแต่กลับสร้างภาพลวงว่าไห่รุ่ยสามารถสร้างหลักฐานอะไรขึ้นมาก็ได้ พวกเขาแค่เหลือความภาคภูมิใจเอาไว้ให้เหล่าผู้สนับสนุนของผู้เขียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
[เวลาสองทุ่มตรง ทางเราจะตอบคำถามของทุกคนและอธิบายว่าทำไมนวนิยายเรื่องนี้ถึงมีผู้เขียนมากถึงห้าหกคน] ไห่รุ่ยทิ้งให้ทุกคนคอย
ความจริงนั้นดูใกล้เข้ามาทุกที และด้วยเหตุนี้ ความคิดเห็นของผู้คนจึงเริ่มไขว้เขว
ผู้ที่มั่นใจว่าผู้อาวุโสอู๋คัดลอกผลงาน ผู้ที่ด่าทอเขาอย่างโกรธเกรี้ยวและกดดันเขาให้จบชีวิตของตัวเองนั้นไม่มั่นใจเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว หากตัวผู้เขียนไม่ได้ผิดปกติอะไร เขาก็คงไม่หานักเขียนอีกห้าหกคนมาช่วยเขาเขียนนิยายของตัวเอง
อีกอย่าง ไม่เคยมีใครเคยได้ยินชื่อนิยายของเขามาก่อน มีความจำเป็นอะไรที่ต้องหานักเขียนมาหลายคนเช่นนั้นกันล่ะ
ข้อมูลทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่ามีความลับอีกมากที่ยังไม่ถูกเปิดเผย
[เรื่องราวทั้งหมดนี่มันน่าสับสนขึ้นเรื่อยแล้วนะ!]
[หลักฐานของผู้เขียนไม่ได้ดูเหมือนของปลอมนะ แต่หลักฐานของไห่รุ่ยก็เป็นของจริงเหมือนกัน ฉันไปอ่าน ‘นักแกะรอย’ มาแล้วก็เห็นว่าเนื้อหาของนิยายเรื่องนี้เหมือนกับภาพถ่ายจากหน้าจอของไห่รุ่ยเปี๊ยบเลย มีหลายๆ ส่วนที่ไม่ต่อเนื่องกันอย่างแรง เห็นได้ชัดเลยว่ามีคนหลายคนเขียนมันขึ้นมา]
[ฉันอยากรู้ความจริงมากเลย ทั้งหมดนี่มันอะไรกัน]
เมื่อได้เผชิญหน้ากับปฏิกิริยาของสาธารณชน ผู้เขียนก็เปลี่ยนจากรู้สึกวิตกเป็นรู้สึกผิด
เขารู้ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ได้ทำให้เขาต้องอับอายเพียงอย่างเดียว แต่เขากำลังจะต้องเสียมือทั้งสองข้างไปเพราะมัน!
ทว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่ยังคงสนับสนุนเขาอย่างดื้อรั้น
[ถึงผู้เขียนจะไม่ปกติ ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้อาวุโสอู๋ไม่ได้คัดลอกผลงานสักหน่อย]
[ใช่แล้ว อย่างมากหลักฐานพวกนี้ก็แค่พิสูจน์ว่าผู้เขียนไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนกันเท่านั้น ทุกวงการมีความอยุติธรรมอยู่ มันเป็นเรื่องปกติ!]
[ช้าก่อน ไห่รุ่ยบอกว่าพวกเขาจะเปิดเผยทุกอย่างตอนสองทุ่ม ทุกคนต้องใช้เวลาไล่ดูหลักฐานอีกสักหน่อย หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าและทุกอย่างที่หล่อนคิดมันถูกหมดหรือไง]
ทันใดนั้น โลกอินเตอร์เน็ตก็เต็มไปด้วยความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน แต่มันชัดเจนว่าก้าวแรกของไห่รุ่ยนั้นประสบความสำเร็จ ถึงอย่างไร ถังหนิงนั้นไม่ได้มีเจตนาแค่จะลงโทษนักเขียนเพียงอย่างเดียว เธอยังต้องการฉีกผู้บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดออกเป็นชิ้นๆ ด้วย
ทว่าซ่งซินไม่ได้ปรากฏตัวเลยตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาจะพิสูจน์การมีส่วนเกี่ยวข้องของเธอได้อย่างไร
ถังหนิงจะไม่ปล่อยให้ซ่งซินโชคดีอยู่อย่างนี้
เธอจะหาโอกาสจับซ่งซินให้ได้คาหนังคาเขา!
ไม่มีคำว่าแต่ครับ ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับถังหนิงที่ผมรู้จัก แม้ว่าจะไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน คำคำเดียวจากผมก็มากพอที่จะให้เธอเริ่มตั้งแต่ต้น ตอนนี้เองก็ไม่ต่างกัน คุณแค่กำลังสับสน… โม่ถิงปลอบ ผมลองอ่านบทของผู้อาวุโสอู๋แล้ว สไตล์การเขียนของเขามีความสอดคล้องกัน ดังนั้นความหวังเดียวของเราก็อยู่ในห้าแสนสี่หมื่นคำนี้แหละครับ
ได้ยินคำพูดของโม่ถิง ถังหนิงก็สงบลงแล้วพยักหน้าในที่สุด ค่ะ ฉันจะฟังคุณ คุณไม่เคยคิดผิด
คุณต้องเหนื่อยแล้วแน่ๆ ไปพักผ่อนนะครับ…
ถังหนิงมองหน้าโม่ถิงเพื่อดูว่ามีโอกาสที่เธอจะเลี่ยงคำสั่งของเขาได้หรือไม่ ทว่าสีหน้าโม่ถิงนั้นหนักแน่น ดังนั้นเธอจึงไม่มาทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้า ค่ะ ฉันจะไปพักผ่อน แต่ฉันจำเป็นต้องอยู่ข้างๆ คุณเพื่อให้ใจสงบนะคะ
หญิงสาวไม่อาจใจร้อนกับเรื่องการหาคำตอบ สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็คือฟื้นความสงบของเธอ
หลังจากนั้น ถังหนิงก็เอนกายลงในอ้อมแขนของโม่ถิงแล้วค่อยๆ ผล็อยหลับไป
ดูเหมือนเธอจะเหนื่อยจริงๆ …
เมื่อเห็นเช่นนี้ โม่ถิงจึงเปิดแลปท็อปของเขาแล้วเลือกนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ โม่ถิงลงเอยด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกวาดสายตาอ่านนิยายทั้งเรื่องทีละคำ แน่นอนว่าเขาได้อะไรมามากมายจากการทำเช่นนี้…
เช้าวันถัดมา ถังหนิงตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของโม่ถิง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจดจ่ออยู่กับนิยายเรื่องนั้น ถังหนิงก็รู้สึกปวดใจ นี่คุณนั่งอ่านมาทั้งคืนเลยเหรอคะ
อย่าเพิ่งไปใส่ใจเรื่องนั้นเลยครับ มาดูนี่ก่อนสิ
โม่ถิงเปิดภาพจากหน้าจอให้ถังหนิงดู ดูสิครับว่าคุณจะเจออะไร
ถังหนิงนั่งอยู่ระหว่างแขนของโม่ถิง หญิงสาวโน้มตัวไล่ดูภาพนั้นบนจอแล็ปท็อป ไม่ช้าเธอก็สังเกตเห็นปัญหา สไตล์การเขียนไม่เหมือนกัน คำศัพท์ก็ไม่เหมือนกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้มาจากคนคนเดียวกันเลยค่ะ
ความต่างพวกนั้นอยู่ที่ช่วงคำที่สองแสน ช่วงคำที่สองแสนห้าหมื่น ช่วงคำที่สี่แสน และช่วงคำที่สี่แสนห้าหมื่นครับ
คุณจะบอกว่านิยายเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นโดยคนจำนวนหนึ่งเหรอคะ ถังหนิงเอ่ยถามด้วยท่าทางไม่แน่ใจ
ครับ และมันก็เขียนขึ้นในช่วงเวลาอันสั้นด้วย โม่ถิงตอบ ผมขอให้ลู่เช่อไปค้นคว้าเรื่องคนในวงการนิยายออนไลน์และพบว่าสถิติในการแต่งนิยายของนักเขียนดังๆ นั้นอยู่ที่ประมาณห้าหมื่นถึงแปดหมื่นคำภายในเวลาสามถึงสี่วัน หากคนจำนวนหนึ่งแบ่งกันไปคนละหนึ่งหมื่นคำ หนังสือเรื่องหนึ่งก็สามารถเขียนให้จบได้ภายในสิบวัน
แต่สัญญาฉบับนั้นมันมีมานานแล้วนะคะ… ถังหนิงนึกถึงสัญญาแผ่นนั้นขึ้นมา
สัญญานั้นเป็นของจริงครับ แต่ใครจะการันตีได้ล่ะว่านี่คือเนื้อหาดั้งเดิมของมัน
ถังหนิงตื่นตัวขึ้นด้วยคำถามอันเรียบง่ายนี้ พูดอีกอย่างก็คือ อีกฝ่ายจงใจโกหกเรา ไปดูสัญญานั่นแล้วตั้งคำถามพวกเขาเรื่องเนื้อหากันดีกว่าค่ะ
ผมบอกให้ลู่เช่อไปดูมาแล้วครับ นิยายออนไลน์นั้นต่างจากหนังสือที่จับต้องได้ มันเป็นไปได้ที่ผู้เขียนจะแก้ไขนิยายเรื่องนั้นหลังจากที่ถูกเผยแพร่ออกมาแล้ว การที่เรายังหาข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับหนังสือออนไลน์เล่มนี้ไม่ได้นั้นพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งครับ ถ้าไม่ได้ถูกดัดแปลง…ก็คงไม่มีคำเยอะมากขนาดนี้มาตั้งแต่แรกและมีใครบางคนแต่งเติมมันเข้าไปครับ
หลังจากฟังการวิเคราะห์ของโม่ถิง ถังหนิงก็ต้องยอมรับว่าเธอประทับใจในตัวชายคนนี้จริงๆ
แน่นอนว่าเธอประทับใจในความชั่วร้ายของซ่งซินเช่นกัน
งั้นถ้าเราหาตัวนักเขียนพวกนี้และบันทึกการแก้ไขนิยายได้ เราจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้อาวุโสอู๋ได้ไหมคะ
ผมไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวเองเลย สิ่งเดียวที่เราต้องทำก็คือเปิดเผยการค้นพบของเราให้สาธารณชนได้รับรู้ ผมเข้าใจว่านักเขียนที่ดีที่สุดในกลุ่มนั้นเริ่มเข้าไปทำให้นิยายสมบูรณ์ขึ้นและแก้ตัวบท นี่แปลว่าพวกเขากลัวว่าจะถูกจับได้แน่ๆ
ในเมื่อใครบางคนกำลังแก้ไขมันอยู่ งั้นเรามาเข้าหามันจากอีกมุมหนึ่งแล้วกล่าวหาเจ้าของแพลตฟอร์มนิยายออนไลน์ว่ามีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ดีกว่า
อันที่จริง ฉันเชื่อในการตัดสินของชาวเน็ตมากกว่าค่ะ ถังหนิงกล่าวหลังจากสงบลง เหตุผลเดียวที่พวกเขาโกรธขนาดนั้นก็เพราะพวกเขาสนับสนุนนักเขียนต้นฉบับและเกลียดการคัดลอกผลงาน แต่ผู้อาวุโสอู๋…
ทุกอย่างจะผ่านไปครับ
หลังจากได้ยินคำปลอบโยนของโม่ถิง ถังหนิงก็พยักหน้า
ฉันรู้สึกเหมือนสมองของฉันไม่ทำงานอีกแล้วเลยค่ะ
เด็กในท้องส่งผลต่อสมองของคนเป็นแม่นานถึงสามปีครับ ผมไม่โทษคุณหรอก โม่ถิงจูบหน้าผากของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
แน่นอนว่า เสียงของชาวเน็ตที่เรียกร้องให้ไห่รุ่ยออกมาขอโทษและระงับการฉายภาพยนตร์นั้นยังคงดังเหมือนเช่นเคย และในขณะเดียวกัน การด่าทอผู้อาวุโสอู๋ของพวกเขาก็ยังไม่สิ้นสุดลง เมื่อครอบครัวของเขาไม่สามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป ภรรยาของผู้อาวโสอู๋จึงตัดสินใจให้สัมภาษณ์กับสื่อเพื่อแสดงต้นฉบับ บันทึกการสร้างตัวละคร ข้อมูลสถานที่ที่สามีของเธอไปเยี่ยมเยียนและผู้คนที่เขาได้สัมภาษณ์ให้พวกเขาดู
สามีของฉันทุ่มเทชีวิตของเขาให้กับงานศิลปะของตัวเอง เพื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาทำทุกอย่างที่เป็นไปได้ ฉันไม่เคยคาดคิดเลยว่าสุดท้ายแล้วเขาจะถูกด่าทอ
ฉันไม่รู้ว่าเจตนาของคนร้ายคืออะไร แต่พวกเขาไม่ควรคิดฝันจะได้อะไรไปจากเรา
กรรมจะตามสนองเสมอ คนชั่วคนนี้จะได้รับการลงโทษอย่างแน่นอน
เพราะความสมัครใจที่จะออกมาพูดของคุณนายอู๋ เหล่าคนที่ผู้อาวุโสอู๋เคยสัมภาษณ์จึงเริ่มออกมายืนยันให้เขา
ผู้อาวุโสอู๋มักจะออกไปทำการวิจัยผู้คนในชีวิตจริงเวลาที่เขาออกแบบตัวละครเพื่อที่เขาจะได้เข้าใจอารมณ์ของตัวละครนั้นๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่นักลอกเลียนแบบทำเลย
ทว่า…ยังมีคนอีกมากมายที่ต่อต้านผู้อาวุโสอู๋
ลอกก็คือลอก จบนะ
ถ้าผู้อาวุโสอู๋ไม่ได้ลอกงานใคร แล้วไหนล่ะหลักฐาน
ไม่มีหลักฐานใด!
ถ้าเขามีหลักฐาน เขาจะฆ่าตัวตายไหม
ตอนนั้นเองที่ผู้เขียน ‘นักแกะรอย’ ทนการถูกใส่ร้ายไม่ได้ ดังนั้นทัศนคติของเขาจึงเริ่มจองหองยิ่งกว่าเดิม ถ้าเขาไม่ได้ลอกงานผม ผมจะหักมือตัวเอง!
ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนเหยื่อ แต่หลักฐานนั้นเอื้อให้ทางผู้เขียนเรื่อง ‘นักแกะรอย’ เพียงอย่างเดียว…
อย่างไรก็ตาม ระหว่างช่วงเวลาที่น่าท้อแท้นี้ ในที่สุดไห่รุ่ยก็ออกมาพูดและปล่อยคำแถลงการณ์ที่มีหัวเรื่องว่า ‘จำที่พูดเอาไว้ด้วย’
จุดประสงค์หลักของคำแถลงการณ์นี้ก็เพื่อบอกทุกคนว่าไห่รุ่ยจะเริ่มปล่อยหลักฐานที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้อาวุโสอู๋ตอนหนึ่งทุ่มตรง หากไห่รุ่ยพิสูจน์ได้ว่าผู้อาวุโสอู๋บริสุทธิ์ ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ ควรจะจำสัญญาของเขาเอาไว้ให้ดี
เขาพูดว่าเขาจะหักมือตัวเอง!
ผู้เขียนรายนั้นไม่คิดว่ามันเป็นไปได้ที่ไห่รุ่ยจะค้นอะไรเจอ ดังนั้นเขาจึงตอบไปอย่างมั่นใจว่า ถ้าผมสัญญาอะไรไว้ ผมก็จะทำ!
ผลก็คือเหตุการณ์ยิ่งบานปลายกันไปใหญ่ ครั้งนี้มีมือคู่หนึ่งเขามาเกี่ยวข้องด้วย!
[ไห่รุ่ยมีหลักฐานอะไรจะแสดงให้พวกเราได้เห็นกันนะ ฉันสงสัยจังว่าพวกเขาวางแผนจะพลิกสถานการณ์ยังไง]
[พวกเขาจะไม่ใช้ข้ออ้างเห่ยๆ กับตรรกะป่วยๆ มาบงการสาธารณชนใช่ไหม]
[ไห่รุ่ยไม่เคยทำอะไรอย่างนั้นมาก่อน พวกเขาซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาเสมอ ดังนั้นฉันจึงคาดหวังกับคืนนี้มากๆ เลยล่ะ]
[พวกเขายังพลิกสถานการณ์ได้อยู่เหรอ หลักฐานมันไม่ได้ชัดเจนอยู่แล้วหรือยังไง ฉันไม่อยากได้ยินข้ออ้างอะไรทั้งนั้น!]
[ถ้าไห่รุ่ยวางแผนที่จะแก้ตัวให้ไอ้หมาขี้ลอกนั่น ฉันจะเกลียดพวกเขาไปทั้งชีวิตเลย! ถึงฉันจะชอบเซเลบจากไห่รุ่ย ฉันก็จะไม่ยอมรับพวกเขาอยู่ดี]
หลงเจี่ยยักไหล่ทั้งสองข้าง เธอเองก็ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ของวงการใหม่นี้เช่นกัน
เพื่อที่จะเร่งกระบวนการตามหาความจริง โม่ถิงสั่งให้ลู่เช่อติดต่อเจ้าของเว็บนิยายนั้นแล้วขอให้พวกเขาส่งหลักฐานมาให้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่อาณาจักรขนาดยักษ์อย่างไห่รุ่ย แต่ก็ยังมีเอกสารที่มีผลตามกฎหมายและรีบดึงไฟล์จากเมื่อสามปีก่อนออกมาอย่างรวดเร็ว สัญญาที่ประทับตราอย่างเป็นทางการของนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ นั้นพิสูจน์ว่าเมื่อสามปีก่อนนิยายเรื่องนี้มีอยู่จริง นี่เป็นหลักฐานที่แน่นหนามาก
ท่านประธานครับ ทุกอย่างบ่งชี้ไปที่การคัดลอกผลงานอย่างเห็นได้ชัดและอีกฝ่ายก็ส่งหลักฐานมาให้เราแล้ว บทของผู้อาวุโสอู๋นั้นเป็นผลงานที่คัดลอกมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ
โม่ถิงมองไปยังกระดาษสัญญาที่มีสีเหลืองจางๆ แล้วอ่านเนื้อหาของมันอย่างละเอียดก่อนจะโยนมันไว้ข้างๆ
สืบต่อไป
คุณยังอยากสืบสวนต่อเหรอครับ ลู่เช่อเอ่ยถาม เมื่อโม่ถิงเงยหน้าขึ้นมา ลู่เช่อก็จับศีรษะของเขาอย่างประหม่า ที่ผมจะสื่อก็คือ เราควรคิดหาทางเยียวยาสถานการณ์แทนไหมครับ
ถ้าฉันพยายามเยียวยาสถานการณ์ก่อนที่จะรู้ความจริง ฉันอาจเจอปัญหาอื่นๆ ได้ ไห่รุ่ยจะมีแต่ต้องตบหน้าตัวเอง
โม่ถิงเป็นผู้นำของไห่รุ่ย ทว่าเขาไม่เคยปล่อยให้ใครใช้ลูกเล่นสกปรกเพื่อสนองเจตนารมณ์ของพวกเขา แม้หลายๆ ครั้งคนดีกับคนเลวจะได้พบกันในวงการบันเทิงบ้างก็ตาม
แล้วถ้าผลการสืบสวนของเรายังเป็นเหมือนเดิมล่ะครับ
ยังไงก็ต้องมีจุดบกพร่องบ้างนั่นล่ะ
ทำไมเขาถึงมั่นใจมากอย่างนั้นหรือ เพราะชายหนุ่มหยิบบทนี้ขึ้นมาจากกองบทเรื่องอื่นๆ ตอนที่เขานำบทฉบับนั้นไปให้ถังหนิง เขาได้ทำการค้นคว้ามาแล้ว ไห่รุ่ยไม่มีวันปล่อยให้เกิดการคัดลอกผลงาน ดังนั้นนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ นี้มาจากที่ไหนและมีสัญญาเป็นหลักฐานได้อย่างไร โม่ถิงพบว่ามันแปลกมากเหลือเกิน
ช่างเป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม เวลาดูจะไม่ปรานีความคืบหน้าอันแสนเชื่องช้า หลังจากที่ข่าวฉาวเรื่องการคัดลอกผลงานบานปลายออกไป นักเขียนนิยายออนไลน์คนนั้นก็ออกมาพูดในที่สุด เขาจ้างทนายความมาหนึ่งคนและพร้อมที่จะร้องเรียนลิขสิทธิ์
เขาถึงกับบรรยายว่าไห่รุ่ยเป็นดั่งฉลามยักษ์ที่สามารถกลืนกินปลาเล็กๆ อย่างเขาได้ทั้งเป็น ดังนั้น เขาจึงจำเป็นต้องชี้แจงสถานการณ์ดังกล่าวอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต นี่เป็นหนทางเดียวที่เขาจะสามารถทำให้ไห่รุ่ยถูกจับตามองและถูกตรวจสอบได้
เขาเรียกไห่รุ่ยว่าเป็นฉลามยักษ์!
นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ไห่รุ่ยประพฤติตนให้เหมาะสมและหยุดปกป้องนักเขียนบทคนนั้นเสียที เขาไม่เพียงแต่เรียกร้องค่าชดเชยและคำขอโทษแต่ยังบอกให้ไห่รุ่ยระงับการฉาย ‘คนรักที่สาบสูญ’ ในโรงภาพยนตร์ทุกแห่งโดยอ้างว่านี่คือหนทางเดียวที่จะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
ในฐานะที่เป็นเหยื่อ ทุกคำพูดของเขาฟังดูมีเหตุผล
แล้วจู่ๆ เขาก็ดูเหมือนจะพูดแทนนักเขียนทุกคนในประเทศ นักเขียนทุกคนรวมตัวกันคว่ำบาตร ‘คนรักที่สาบสูญ’ อย่างรวดเร็วและเรียกร้องให้ผู้อาวุโสอู๋ออกมาขอโทษต่อหน้าสาธารณชน
ในตอนนั้นหลักฐานทุกชิ้นบ่งชี้ว่าผู้อาวุโสอู๋เป็นพวกลอกเลียนผลงานคนอื่น มันรู้สึกเหมือนกับไม่มีใครสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาได้
ผู้อาวุโสอู๋ทั้งโกรธทั้งรู้สึกแย่ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสาธารณชนที่ไร้ความสามารถในการแยกแยะถูกผิด เขาก็ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ
[รีบออกมาขอโทษได้แล้ว! หยุดขี้ขลาดเสียที!]
[เมื่อก่อนนักเขียนบทคนนี้เขียนบทดีๆ เอาไว้มากมาย ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำเรื่องผิดพลาดอย่างนี้ หรือบางทีพรสวรรค์ของเขาจะหมดลงแล้ว]
[ไม่ว่ายังไงฉันก็คิดว่าพวกนักลอกผลงานควรจะตายๆ ไปให้หมดซะ]
เมื่อเห็นความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ ครอบครัวของผู้อาวุโสอู๋ก็ไม่กล้าบอกเขาเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือพากันนั่งถอนหายใจ
ขณะเดียวกัน ถังหนิงรุดไปเยี่ยมชายชราหลังจากที่รู้ว่าเขาล้มป่วย
คุณไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เลยค่ะคุณถัง มันไม่ใช่ความผิดของคุณ อีกอย่างคุณเองก็ใกล้จะคลอดแล้ว นี่มันอันตรายมากเลยนะคะ ภรรยาของผู้อาวุโสอู๋อุทาน ตาแก่ของฉันเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอดทั้งชีวิต ฉันไม่เชื่อว่าจะมีคนตัดสินใจมาใส่ร้ายเขาและจะไม่มีวันเชื่อว่าเขาลอกงานของใคร ในทางกลับกัน
หลานชายของฉันกลับเรียกคุณปู่ของเขาว่าคนไร้ยางอายระหว่างที่ทานอาหารเย็นเมื่อวานนี้! ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงไม่ใส่ใจอะไรนัก แต่บอกฉันสิคะว่าตาแก่ของฉันจะรับมือกับทั้งหมดนี่ยังไงด้วยอายุปูนนี้
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ถังหนิงก็พยายามปลอบใจหญิงชรา ฉันเชื่อในตัวผู้อาวุโสอู๋ค่ะ ดังนั้นฉันจึงยังไม่ยอมแพ้เรื่องล้างมลทินให้เขา ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้แสดงบทของเขาค่ะ
ขอบคุณมากค่ะคุณถัง
ถังหนิงส่ายหน้า ในความเป็นจริงแล้ว หญิงสาวรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ เพราะเธอสัมผัสได้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเพ่งเป้ามาที่เธอและผู้อาวุโสอู๋ก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง
ถังหนิงไม่สงสัยเลยว่าใครคือผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังความยุ่งเหยิงนี้ นอกเหนือจากซ่งซินแล้วจะมีใครอีกล่ะ
อันดับแรก ซ่งซินเป็นเพียงคนเดียวที่มีความแค้นกับเธอ และอย่างที่สอง ซ่งซินเป็นนักเขียน เธอย่อมเข้าใจว่าเว็บอ่านนิยายออนไลน์นั้นทำงานอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ถังหนิงยังคงต้องการหลักฐานที่แน่นหนา
ดังนั้นหลังจากไปเยี่ยมผู้อาวุโสอู๋เสร็จ ถังหนิงจึงกลับไปที่บ้านแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องทำงานเพื่ออ่านนิยายทั้งห้าแสนสี่หมื่นตัวอักษรนั้นตั้งแต่ต้น…
ทว่า…ถังหนิงไม่ได้คาดว่าปัญหานี้จะร้ายแรง ใต้ความกดดันอันรุนแรงของโลกอินเทอร์เน็ตรวมถึงความเข้าใจผิดและความแคลงใจจากครอบครัว ผู้อาวุโสอู๋เขียนพินัยกรรมและกินยาเกินขนาดเพื่อที่จะฆ่าตัวตายในวันที่สามหลังจากที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แม้ครอบครัวจะพบตัวเขาได้ทันเวลา ปริมาณยาจำนวนมากนั้นก็ได้ส่งผลกระทบทำให้สมองเสียหายและทำให้เขายังไม่ฟื้นจากอาการโคม่า ขณะเดียวกัน เหล่าคุณหมอก็เตือนว่าถึงชายชราจะฟื้น ความเสียหายนั้นก็ยังร้ายแรงและอาจส่งผลให้เป็นโรคสมองเสื่อม
ทว่าจนกระทั่งตอนนี้ โลกอินเทอร์เน็ตก็ยังคงอ้างว่าสมควรกับเขาแล้ว และการที่เขาฆ่าตัวตายเพราะความรู้สึกผิดนั้นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง พวกเขาถึงกับสงสัยว่าทำไมชายชราถึงไม่ตายและจบทุกอย่างให้เรียบร้อยไปเสีย
ไร้สาระสิ้นดี! เดี๋ยวนี้โลกอินเทอร์เน็ตน่ากลัวจริงๆ ชายชราคนนั้นโดนผลักมาจนถึงจุดนี้แล้วแต่พวกเขาก็ยังพูดเรื่องไร้สาระกันอยู่ได้ ฉันรู้สึกแย่แทนผู้อาวุโสอู๋จังค่ะ…
หลังจากได้ยินความคิดเห็นของหลงเจี่ย ถังหนิงก็ตบโต๊ะเสียงดังลั่น หลงเจี่ยยกมือขึ้นมาทาบอกด้วยความหวาดกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นถังหนิงบันดาลโทสะ อารมณ์ของหญิงสาวนั้นไม่เคยปรากฏบนใบหน้าของเธอมาก่อน
คุณถังหนิงคะ…
ขอฉันอยู่เงียบๆ หน่อยนะ…
หลงเจี่ยเข้าใจว่าถังหนิงอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าแล้วถอยออกจากห้องทำงานอย่างเงียบเชียบ ขณะที่กำลังจะหมุนตัวจากไป เธอก็พบว่าร่างสูงๆ ของโม่ถิงกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู
ผู้กอบกู้มาถึงแล้ว!
นายใหญ่คะ…คุณถังหนิงกำลังโกรธค่ะ
ฉันได้ยินแล้วล่ะ โม่ถิงตอบนิ่งๆ เธอไปได้แล้ว ฉันจะดูแลถังหนิงเอง
ค่ะ หลงเจี่ยวางใจขึ้นเยอะเมื่อมีโม่ถิงอยู่ ไม่มีใครอยากเห็นผลลัพธ์ในตอนที่อะไรๆ เลยเถิดมาจนถึงจุดนี้
ครู่ต่อมา โม่ถิงผลักประตูเข้าไปในห้องทำงาน ทันทีที่เห็นถังหนิงนั่งสิ้นท่าอยู่บนโต๊ะคอมพิวเทอร์ ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปดึงตัวหญิงสาวมาไว้ในอ้อมแขน คุณจะเป็นแม่คนแล้วนะ ไม่รู้วิธีวิเคราะห์สถานการณ์และตอบโต้อย่างเหมาะสมเหรอครับ
ถิงคะ…ดูเหมือนฉันจะหาคำตอบของปัญหาในครั้งนี้ไม่ได้เลย ฉันหามันไม่เจอจริงๆ …
คุณแค่รู้สึกสับสนครับ ใช่ว่าจะหาคำตอบไม่ได้สักหน่อย โม่ถิงปลอบพลางกอดเธอเอาไว้ นี่คือสภาพที่ศัตรูอยากจะเห็นคุณครับ ยิ่งคุณโทษตัวเองมากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งมีความสุข
แต่ว่า…
