เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 338 การดูหมิ่นของคนตระกูลซู

ตอนที่ 338 การดูหมิ่นของคนตระกูลซู

ตอนที่ 338 การดูหมิ่นของคนตระกูลซู!

เย่เฉินบุกเข้ามาในบ้านตระกูลซูคนเดียว ก็เหมือนจูล่งบุกฉางป่านพัวด้วยตัวเอง!

ความกล้า ความโอหังแบบนี้ คนธรรมดาสู้ไม่ได้แน่นอน!

ซูเจิ้นหางเห็นเย่เฉินเดินเข้ามา ก็ดุด่าหลานชายตนเองว่าไม่มีมารยาท จากนั้นก็กล่าวกับเย่เฉินด้วยรอยยิ้ม

“เย่เฉิน เธอมาแล้วเหรอ ซูมู่หลินยังเด็กไม่ค่อยรู้อะไร อย่าถือสาเขาเลยนะ”

เย่เฉินหันมองซูเจิ้นหาง ยืนตัวตรง แล้วกล่าวโดยไม่มีท่าทีขัดเขินหรือหวาดกลัว “สวัสดีครับคุณซู ได้ยินมาว่าคุณซูกับปู่ของผมรู้จักกัน แถมเมื่อก่อนคุณยังเคยช่วยปู่ของผมด้วย ผมกับแฟนเตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้คุณซูเท่านั้น หวังว่าคุณซูจะชอบ”

ซูเจิ้นหางพยักหน้ารับ“เย่เฉิน เธอมีน้ำใจจริงๆ รีบนั่งสิ ”

คนรับใช้คนหนึ่งยื่นมือมารับโสมจากมือเย่เฉิน จากนั้นก็ให้เย่เฉินนั่งลงตรงตำแหน่งข้างประตู ข้างๆ กับซูมู่ชิง

เพิ่งจะหย่อนก้นลงไปแตะเก้าอี้ สาวรับใช้คนหนึ่งก็เดินมา “กูเหย่คะ เชิญดื่มชา”

เมื่อได้ยินสาวใช้ตระกูลซูเรียกตนเองแบบนี้ เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย เขาเหลือบไปสบตาซูมู่ชิงอย่างอดไม่ได้

กูเหย่เป็นสรรพนามที่บ้านฝ่ายหญิงจะใช้เรียกลูกเขย ดูแล้วคนรับใช้ของตระกูลซูคงจะเห็นเขาเป็นสามีของซูมู่ชิง

หลังจากเห็นเย่เฉินนั่งลงแล้ว ซูเจิ้นหางก็กล่าวกับเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “พูดถึงปู่ของเธอ เรารู้จักกันตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ตอนนั้นเราต่างก็ทำธุรกิจที่เทียนไห่ ตอนนั้นฉันเห็นความรู้และแววตาของปู่เธอไม่เหมือนคนทั่วไป คิดว่าเขาจะต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน! พูดไปแล้ว ตอนนั้นฉันก็ยังคิดเลยว่าถ้าทายาทของเราสองตระกูลได้แต่งงานกัน ก็คงจะกลายเป็นญาติกัน เสียดายที่ลูกสาวลูกสาวของฉันไม่เข้าตาปู่ของเธอ”

และในตอนนี้เอง จู่ๆ พ่อของซูมู่หลินก็โพล่งออกมา “พ่อครับ เรื่องในอดีตจะพูดถึงมันทำไม!”

ในห้องรับแขก หญิงวัยกลางคนที่ประโคมเครื่องประดับเต็มตัวแบบที่เย่เฉินไม่เคยเห็นมาก่อนก็กล่าวออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก “จริงด้วยค่ะ เหมือนว่าเราอยากจะแต่งเข้าตระกูลเย่ของเขานักหนา! เราไม่เข้าตาพวกเขาที่ไหน พวกเขาต่างหากที่ไม่เข้าตาเรา!”

เย่เฉินยิ้มเย็นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกเขาสองคนน่าจะยังเคียดแค้นเรื่องที่โดนปู่ของเขาปฏิเสธ

ก็ไม่แปลก ใครไหนประเทศนี้บ้างที่จะไม่อยากแต่งกับลูกสาวและลูกชายของคนตระกูลซู

แต่ว่าพวกคุณไม่คู่ควรจะเกี่ยวดองกับคนในครอบครัวผมหรอกนะ!

ซูเจิ้นหางกล่าวต่อ “ฮ่าๆ คิดไม่ถึงเลยว่าลูกชายของฉันจะไม่ได้เกี่ยวดองกับตระกูลเย่ของพวกเธอ แต่จนมาถึงรุ่นหลานคิดไม่ถึงเลยว่าเราจะมีวาสนาต่อกัน ฉันรู้เรื่องของเธอกับมู่ชิงแล้ว เย่เฉิน เธอข่มขืนหลานสาวฉันจนมีลูก สี่ปีมานี้ก็ไม่ถามไถ่ถึงข่าวคราวของพวกเขาสองคนแม่ลูก แต่วันนี้ฉันยังคงปฏิบัติกับเธออย่างมีมารยาท ฉันน่าจะดีกับเธอมากเลยจริงไหม?”

ใครๆ ก็รู้ว่าจะล่วงเกินตระกูลซูไม่ได้ ขนาดสวี่ฉู่หมิงเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองเสินเฉิงยังต้องก้มหัวให้ความเคารพเขา

หากว่าวันนี้เย่เฉินไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลเย่ เป็นแค่ผู้ชายจนๆ ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอะไร

แล้วดันเคยข่มขืนคุณหนูที่แสนร่ำรวยอย่างซูมู่ชิง เขาไม่มีทางได้มานั่งดื่มชาที่นี่แน่ คงจะโดนฆ่าตายแล้วเอาศพไปโยนลงทะเลนานแล้ว!

เย่เฉินกล่าวว่า “เรื่องนั้นผมผิดเองจริงๆ ครับ ผมได้ขอโทษคุณซูมู่ชิงอย่างจริงใจไปแล้ว อีกอย่างตระกูลซูของพวกคุณก็เคยทำร้ายผม ซูมู่หลินหลานชายคุณก็เคยข่มขืมหวังเจียเหยาภรรยาเก่าของผม ตอนนั้นหวังเจียเหยายังเป็นภรรยาของผมจนหล่อนมีลูกสาวกับเขา”

คำพูดนี้ของเย่เฉินทำให้ในห้องรับแขกเกิดเสียงวิจารณ์ขึ้นมา

ผู้ใหญ่ไม่น้อยรวมถึงพวกซูมู่เสวี่ย และซูมู่ชิงต่างก็หันมองซูมู่หลิน

“มู่หลินนายมีลูกสาวแล้วเหรอ? เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?”

“ลูกสาวนายอยู่ไหน? ทำไมไม่พามาเจอเรา?”

เห็นได้ชัดว่าคนตระกูลซูไม่ได้รู้เรื่องแม้แต่น้อย

แต่ว่าซูเจิ้นหางกลับไม่มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด เขากล่าว

“เรื่องนี้ฉันได้ยินซูมู่หลินเล่าแล้ว เขาไม่ได้ข่มขืนหล่อนแต่เป็นเพราะภรรยาเก่าของเธอรักในเงินทอง พอรู้ว่าเขาเป็นหลานชายฉันก็ยอมนอนกับเขา แถมไม่พอยังได้เงินจากเขาไปตั้งหลายล้าน เย่เฉิน ผู้หญิงจากตระกูลที่ไม่ได้ใหญ่มากในอวิ๋นโจวอย่างหวังเจียเหยา แถมไม่พอเห็นแก่เงินจนทรยศเธอ ไม่คู่ควรกับเธอแม้แต่น้อย!

ถึงแม้ว่าซูมู่หลินจะทำผิด แต่ก็ทำให้เธอได้เห็นธาตุแท้ของผู้หญิงคนนั้น จนเธอตัดขาดความสัมพันธ์กับหล่อนได้อย่างเด็ดขาดก็น่าจะถือว่าเป็นเรื่องดีนะ”

พอได้ยินคนสูงวัยกว่ากล่าวเช่นนี้ เย่เฉินก็หัวเราะเสียงเย็น “พอได้ยินท่านซูพูดแบบนี้ แปลว่าผมยังต้องขอบคุณที่ซูมู่หลินเคยสวมเขาให้ผมสินะ?”

ซูมู่หลินที่นั่งข้างๆ ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ข้างๆ หัวเราะออกมา “ไม่เป็นไรเลย ไม่ต้องขอบคุณหรอกนะ ฉันชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้ว”

พอได้ยินคำพูดของซูมู่หลิน พวกพี่น้องทั้งหมดของเขา นอกจากซูมู่ชิงต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ซูมู่เสวี่ยเยาะเย้ยทันที “เย่เฉิน ถึงแม้ว่าซูมู่หลินจะเคยสวมเขาให้คุณ แต่เขาก็ให้เงินภรรยาเก่าคุณนะ เงินร้อยล้านไม่ใช่น้อยๆ เลยนะตอนนี้คุณไม่มีเงินไม่ใช่เหรอ? เงินพันล้านน่าจะมีส่วนของคุณครึ่งหนึ่งนะ”

“ฮ่าๆ”

แล้วคนทั้งตระกูลซู นอกจากซูมู่ชิงแล้วก็ประสานเสียงหัวเราะออกมา

ผู้ชายตาเล็กๆ ที่ชื่อซูมู่ชิวแล้วเปิดปากกล่าว “นอนกับเมียนายให้เงินครั้งละพันล้าน น้องชายของเราใจกว้างจริงๆ ฉันรู้สึกว่าถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ เย่เฉินน่าจะอยากให้เมียเขานอนกับซูมู่หลินหลายๆ รอบ”

“ฮ่าๆ… ถูกต้องๆ นี่คือหนทางสู่ความร่ำรวย เมียนอนกับคนอื่น ผู้ชายนับเงิน”

คิดไม่ถึงว่าสองพี่น้องซูมู่ชิวกับซูมู่เสวี่ยจะช่วยกันเหยียดหยามเย่เฉิน!

เย่เฉินรีบโต้กลับทันที “หมาสองตัวที่ไหนกำลังเห่านะ?”

ซูมู่ชิวตบโต๊ะอย่างหัวเสีย “นายว่าใครเป็นหมา!”

ซูมู่เสวี่ยหัวเสีย “นายคิดว่าตัวเองยังเป็นกูเหย่ของบ้านเราจริงๆ เหรอ? ต่อให้นายเป็นสามีของซูมู่ชิงจริงๆ นายก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดกับเราแบบนี้!”

ไม่เพียงแค่สองคนเท่านั้น แต่ยังมีผู้หญิงวัยกลางคนที่น่าจะอ่อนวัยกว่ามารดาของซูมู่ชิงก็กล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ

“มารยาทของผู้ชายที่มู่ชิงเลือกแย่เกินไปแล้ว ครั้งแรกที่มาบ้านของเราก็พูดกับพี่น้องแบบนี้ ไร้มารยาทจริงๆ!”

ซูมู่เสวี่ยมองผู้หญิงวัยกลางคนที่ค่อนข้างเหมือนน้าเสวี่ย [1] “แม่คะ นักโทษน่ะค่ะ แม่ยังจะหวังมารยาทอะไรจากเขาคะ”

ดูแล้วหญิงวัยกลางคนที่ค่อนข้างอ่อนวัยคนนี้คงจะเป็นแม่ของซูมู่ชิวและซูมู่เสวี่ย ซึ่งก็คือภรรยารองของพ่อพวกเขา

ก่อนหน้านี้เย่เฉินเองก็เคยได้ยินซูมู่หลินพูดอยู่บ้างแล้วว่าพ่อของเขามีภรรยาสองคน เขากับซูมู่ชิงเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน ส่วนซูมู่ชิวและซูมู่เสวี่ยเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน

พวกเขาทั้งสี่คนมีพ่อคนเดียวกัน แล้วก็มีแม่คนละคน เหมือนเย่เฉินและเย่เซวียน

เย่เฉินค่อนข้างหัวเสีย ตอนที่เขาเจอซูมู่เสวี่ยเป็นครั้งแรกก็ไม่ชอบขี้หน้าหล่อน รู้สึกว่าหล่อนชอบดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ตอนที่รู้ว่าเย่เฉินเป็นคนขับรถหญิงสาวยังไม่เห็นเขาเป็นคนด้วยซ้ำ

ตอนนี้ซูมู่เสวี่ยรู้ดีแก่ในว่าเย่เฉินเป็นหลานชายตระกูลเย่ ยังกล้าจะดูถูกเขาแบบนี้ เขาย่อมทนไม่ไหว

เย่เฉินหันไปตะคอกซูมู่เสวี่ย “คุณว่าใครเป็นนักโทษ?”

ซูมู่เสวี่ยไม่มีท่าทีหวาดกลัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็ว่านายไง ทำไมล่ะ?”

ที่นี่มีแต่คนตระกูลซูอีกทั้งยังมีบอดี้การ์ดที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้า จึงไม่กังวลใจว่าเย่เฉินจะลงมือหรือไม่

เย่เฉินไม่คิดจะลงไม้ลงมืออยู่แล้ว เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “มิน่าคุณถึงได้ชอบแอบมองผม ดูแล้วคุณน่าจะมีรสนิยมที่ไม่เหมือนใครนี่ ซูมู่เสวี่ยคุณอย่าแอบหลงรักผมเลยนะ คุณหน้าตาอัปลักษณ์เกินไป หุ่นก็ไม่ดี ต่อให้ปิดหน้าผมก็ไม่อยากจะแตะต้องคุณ”

[1] เป็นมีมยอดฮิตในประเทศจีน

ตอนที่ 337 บุกตระกูลซูคนเดียว!

คราวก่อนตอนที่เย่เฉินออกจากเมืองหลวงไปนั้น เขายก UFO ให้ซูมู่หลิน

พวกยานยนต์ที่บินได้อย่างยานอวกาศจากนอกโลกที่หาดูได้ยาก มีมูลค่าสูง ในนั้นยังมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกอีกด้วย

ถ้าจะนับมูลค่าแล้วย่อมต้องแพงกว่าเครื่องบินส่วนตัว เรือสำราญอะไรมาก เย่เฉินจะให้คนไปเรื่อยได้อย่างไร?

เขาให้ซูมู่หลินเข้าใจผิดไปเองว่าได้สมบัติมาครอบครอง เขาแน่ใจว่าซูมู่หลินจะต้องเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี เผื่อว่าวันข้างหน้าจะได้เอาไว้ใช้เอง

คิดไม่ถึงว่า ยานอวกาศอย่าง UFO จะสามารถควบคุมได้โดยทางไกล เย่เฉินสามารถใช้คอมพิวเตอร์มาควบคุมเครื่องบินลำนี้ได้ด้วย

เย่เฉินเปิดคอมพิวเตอร์ให้ฉินหงเหยียนเหลือบดู ชี้ไปที่ตำแหน่งสีแดงในจอภาพ “นั่นคือตำแหน่งในตอนนี้ของ UFO”

จากนั้นเย่เฉินก็กดเปิดแผนที่โดยละเอียด ไม่ใช่สถานีตำรวจ แล้วก็ไม่ใช่ตำแหน่งของห้องวิจัยหรือพื้นที่ทางการทหารใดๆ แต่เป็นพื้นที่อยู่อาศัย

เย่เฉินเคยกังวลว่า UFO ลำนี้จะโดนทางตำรวจริบไป ดูแล้วซูมู่หลินน่าจะจัดการเรื่องนี้เรียบร้อย

“ตำแหน่งนี้น่าจะเป็นบ้านปู่ของซูมู่หลิน!”

เย่เฉินยิ้ม พรุ่งนี้เช้าเขาจะไปเยี่ยมปู่ของอีกฝ่าย UFO อยู่ที่นั่นพอดี โชคดีจริงๆ

เขาสามารถสั่งให้หวังเอ้อร์เชอโจมตีคนบ้านนี้ได้ทุกเมื่อ!

……

ตกดึก ณ เรือนสี่ประสานที่แสนหรูหราของซูเจิ้นหาง

ซูมู่หลินไปที่ห้องหนังสือของคนเป็นปู่แล้วรายงาน “ปู่ครับ หมอนั่นมาที่เมืองหลวงแล้วครับ คิดว่าพรุ่งนี้เขาน่าจะขอพบคุณปู่แต่เช้า”

“อืม”

ซูเจิ้นหางในตอนนี้กำลังสวมแว่นตาเขียนหนังสืออยู่

ซูมู่หลินกล่าว“เขามากับฉินหงเหยียน ผมเดาว่าเขาคงจะไม่ยอมเลิกกับหล่อนแล้วมาเป็นเขยบ้านเราแน่ครับ”

ซูเจิ้นหางเขียนหนังสือต่อ“ถ้าไม่ยอมก็ให้เขาติดอยู่ที่นี่ตลอดไปแล้วกัน”

สีหน้าซูมู่หลินฉายแววโหดเหี้ยม “เมื่อคราวก่อนเขารอดตัวไปได้ ในที่สุดคราวนี้ผมก็จะได้จัดการเขาแล้ว! พรุ่งนี้จะเป็นวันตายของเย่เฉิน! คุณปู่ครับ ผมเตรียมคนกับอาวุธเอาไว้แล้ว ไม่ว่าเขาจะต่อยตีเก่งขนาดไหน แต่เขาแค่คนเดียวก็อย่าหวังว่าจะรอดออกจากประตูบ้านเรา!”

ซูเจิ้นหางพยักหน้า

แล้วคิดในใจ “เย่ฉงไห่ เราจะได้เป็นญาติหรือศัตรูกัน ต้องดูหลานชายตัวดีของนายแล้วว่าเขาจะเลือกทางเดินไหน!”

……

9 โมงเช้าวันต่อมา

เย่เฉินและฉินหงเหยียนจูบลากัน

“ผมไปแล้วนะที่รัก รอผมที่บ้านนะ ผมไปเดี๋ยวเดียว”

เย่เฉินมองหญิงสาวด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์

ฉินหงเหยียนนั้นดูเหมือนจะหนักกว่าอีกฝ่าย ถึงแม้จะรู้ว่าชายหนุ่มวางแผนเอาไว้แล้ว แต่หล่อนก็ยังกังวลว่าเขาจะเป็นอะไรไป

ฉินหงเหยียนออกแรงสวมกอดชายหนุ่ม ราวกับนี่จะเป็นกอดสุดท้ายระหว่างพวกเขาสองคน

“ที่รัก คอยติดต่อฉันนะคะ ถ้าเที่ยงคุณยังไม่กลับมา ฉันจะไปแจ้งความ”

ฉินหงเหยียนกล่าว

“ครับ ผมไปก่อนนะ”

เย่เฉินประคองใบหน้าหญิงสาว แล้วเรียนรถแท็กซี่เพื่อเดินไปยังตำแหน่งที่ซูมู่หลินส่งให้เขา

ที่นั่นก็คือที่เก็บ UFO ที่แสดงบนคอมพิวเตอร์ และเป็นไปอย่างเย่เฉินเดาเอาไว้ที่นั่นก็คือบ้านของปู่ซูมู่หลิน

ในเวลาเดียวกันนั้นเองหวังเอ้อร์เชอได้ซ่อนตัวอยู่แถวนั้นนานแล้ว โดยเขาสามารถใช้คอมพิวเตอร์ควบคุม UFO ได้ตลอดเวลา

เย่เฉินและหวังเอ้อร์เชอสามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา อีกประเดี๋ยวเย่เฉินจะส่งสัญญาณโดยการปาแก้ว ทันทีที่เขาปาแก้ว หวังเอ้อร์เชอก็จะควบคุม UFO ให้โจมตีบ้านตระกูลซูในทันที!

ไม่นานนักเมื่อรถของเย่เฉินก็มาถึงหูท่ง[1]แคบๆ ก็โดนคนขวางเอาไว้

“รถผ่านไม่ได้ คุณเย่ลงมาสิ”

ชายแก่คนหนึ่งมารอเขาที่นี่นานแล้ว

เย่เฉินรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนของตระกูลซู จึงจ่ายเงินค่ารถแล้วเดินลงจากรถมา

หลังจากเดินเลาะตามด้านหลังชายชรา ครู่ใหญ่เย่เฉินถึงเดินไปจนถึงประตูบ้านขนาดใหญ่ของซูเจิ้นหาง

ส่วนซูมู่หลินเองกำลังรอเขาอยู่ที่ประตูบ้าน

สีหน้าซูมู่หลินยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มถือดี“เย่เฉิน คุณปู่ของฉันให้ฉันมารอต้อนรับนายที่นี่ คุณปู่ให้เกียรตินายมากเลยเห็นไหม?”

เย่เฉินแค่นเสียง ตอนที่เพิ่งจะเข้าไปด้านในก็โดนซูมู่หลินขวางเอาไว้

“รอเดี๋ยว ในมือนายถืออะไร?”

ซูมู่หลินกังวลว่าเย่เฉินจะมีอาวุธปืนหรืออะไรพวกนั้น

เย่เฉินโบกมือ“โสม เอามาให้คุณปู่คุณ”

อย่างไรเสียคนในยุคปู่ของตระกูลเย่และตระกูลซูก็เคยเป็นเพื่อนกัน อีกทั้งซูเจิ้นหางยังเคยช่วยคุณปู่ของเย่เฉินด้วย

นี่เป็นครั้งแรกที่พบกัน เย่เฉินจะมามือเปล่าไม่ได้

ถึงอีกเดี๋ยวจะต่อยตีกันขึ้นมาก็ต้องมีมารยาท

ซูมู่หลินยื่นมือมารับ เปิดกล่องมองดู “อ้อ โสมป่า ราคากี่แสนเนี่ย? เย่เฉินทำไมนายยังมีเงินล่ะ? ทรัพย์สินนายโดนอายัดไป น่าจะเป็นคนจนแล้วไม่ใช่เหรอ”

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “เป็นเงินของแฟนผมซื้อให้ ถ้าพวกคุณไม่อยากได้ ผมไม่เอาของเข้าไปก็ได้”

ซูมู่หลินโกรธจัด “ตระกูลซูของเราไม่เสียดายของราคาถูกแบบนี้หรอก! โสมป่าแบบนี้บ้านเรามีเยอะแยะ! เงินจากฉินหงเหยียน เราไม่อยากได้หรอกนะ!”

แต่พอพูดถึงตรงนี้ก็มีคนรับใช้อีกคนเดินเข้ามาแล้วกล่าว “ท่านซู ท่านบอกว่าเอาของขวัญที่คุณเย่เอามาเข้าไปได้”

ซูมู่หลินแค่นเสียงแล้วส่งโสมให้เย่เฉิน

“เข้ามาสิ คุณปู่ของฉันรอนายนานแล้ว!”

ซูมู่หลินเดินนำหน้า เย่เฉินตามหลัง

มาถึงในตัวบ้านแล้ว เย่เฉินก็เห็น UFO ของตนเอง ก็ชะงักฝีเท้าลงไป

ซูมู่หลินเห็นท่าทางตกใจของเย่เฉินก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าๆ เย่เฉิน คราวก่อนนายให้ซีกวาโยนฉันเข้าไปใน UFO แล้วส่งฉันไปที่สถานีตำรวจ แถมคลิปเสียงของนายยังทำฉันอายแทบแทรกแผ่นดินหนี! แต่ว่าฉันต้องขอบใจนายนะ ที่นายให้ UFO ลำนี้กับฉัน ฉันเคยจ้างสถาบันวิจัยในประเทศเราลองตรวจดู ตอนนี้เทคโนโลยีของเครื่องบินลำนี้ยังไม่มีในประเทศเราเลย นายเลิกมองเถอะ ของชิ้นนี้ต่อไปเป็นของตระกูลซูแล้ว!”

เย่เฉินไม่แยแส “เป็นตระกูลที่ไม่เคยเห็นโลกอะไรเลยจริงๆ เศษเหล็กเน่าๆ แบบนี้ยังเห็นเป็นสมบัติล้ำค่า”

“แก…”

ซูมู่หลินร้อนรน คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะกล้าทำตัวโอหังในบ้านคนตระกูลซู!

ทว่าพูดเรื่องเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าพวกนี้ ตระกูลซูของพวกเขาไม่มีทางเทียบเคียงกับตระกูลเย่ได้ เพราะตระกูลเย่สนิทกับ Musk เป็นอย่างมาก แล้วตัวชายต่างชาติผู้นี้ก็เป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกใบนี้

“แล้วทำไมพวกคุณต้องเอามันมาตั้งไว้ในบ้านล่ะ?” เย่เฉินถาม

ซูมู่หลินกล่าว “คุณปู่ของฉันชอบมันมากน่ะสิ เลยสั่งให้คนเอามาไว้ที่บ้านเขา เลิกพูดเหลวไหลเถอะ รีบตามฉันเข้ามาได้แล้ว คุณปู่ครับ เดียรัจฉานตัวนั้นมาแล้วครับ!”

เพิ่งเดินเข้าไปด้านในห้องรับแขก ซูมู่หลินก็ด่าเย่เฉิน

เย่เฉินหัวเสีย ถ้าเป็นที่อื่นเขาคงถีบอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเลไปแล้ว!

แต่ว่าตอนนี้เขาทำแบบนี้ไม่ได้

เมื่อมองเข้าไปด้านในห้องรับแขกที่กว้างใหญ่และหรูหรา ก็พบว่าซูเจิ้นหางนั่งอยู่ด้านในสุดโดยที่ทั้งสองข้างมีบรรดาลูกสาวและชายของเขานั่งอยู่

และริมสุดมีทายาทรุ่นที่สามนั่งเรียงกัน ทั้งซูมู่ชิง ซูมู่ชิว ซูมู่เสวี่ยและซูมู่หลิน

แค่คนตระกูลซูก็ดูน่าเกรงขามแล้ว

และด้านหลังของพวกเขาก็มีชายในชุดสูทร่างใหญ่ยืนเรียงกันเป็นแถว

อีกทั้งคนพวกนี้น่าจะมีปืนในมือกันทุกคน!

[1] เป็นซอยขนาดเล็กที่มีมาแต่ตั้งสมัยโบราณในเมืองปักกิ่ง

ตอนที่ 336 อาวุธลับของเย่เฉิน!

เย่เฉินบรรจงสวมตุ้มหูเพชรมูลค่าเกินร้อยล้านสองชิ้นนั้นลงบนหูของหญิงคนรัก

ตุ้มหูสองข้างนี้เป็นสีฟ้าและชมพู เมื่ออยู่บนหูสองข้างของฉินหงเหยียนแล้วก็ทำให้เจ้าหล่อนดูสูงสง่ามากกว่าที่เคย!

“ที่รัก คุณสวยจังเลย…”

เย่เฉินอดใจไม่ไหวจนต้องชมหญิงสาว เขาอยากจะให้ตุ้มหูนี้ให้หญิงสาวนานแล้ว

คราวก่อนตอนที่ฝากฉินเสี่ยวตั่วเอาไปให้นั้น หญิงสาวยังโกรธเขาจึงคืนตุ้มหูคู่นี้มา

ฉินหงเหยียนเองก็เป็นคนรักสวยรักงาม หญิงสาวรีบหยิบกระจกบานเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าแล้วชมไม่ขาดปาก “สวรรค์ ตุ้มหูเพชรคู่นี้สวยเกินไปแล้วมั้ง!”

ของมูลค่าตั้งเจ็ดร้อยล้านประดับอยู่บนหูของตนเอง แค่คิดก็รู้แล้วว่ามีน้ำหนักเท่าไหร่กัน!

แต่ว่าฉินหงเหยียนไม่คิดจะรับมันเอาไว้

“ที่รัก ตอนนี้คุณโดนอายัดทรัพย์สิน ตุ้มหูคู่นี้คุณเก็บเอาไว้เถอะ”

ฉินหงเหยียนชอบของขวัญชิ้นนี้มากก็จริงแต่พอคิดเถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของชายคนรัก หล่อนก็คิดว่าคืนให้เขาน่าจะดีกว่า เผื่อเกิดเรื่องอะไรจะได้แลกเป็นเงินสดก็ยังดี

แต่เย่เฉินกลับส่ายหน้า “ในเครื่องบินมีของแพงๆ ตั้งเยอะแยะ ผมยังไม่เอาลงมาเลย ที่เอาแต่ของชิ้นนี้ออกมาจากเครื่องก็เพราะว่าผมอยากให้คุณ คุณเก็บตุ้มหูเอาไว้เถอะ พอถึงเมืองหลวงไม่แน่ว่าที่นั่นอาจจะยิ่งทำให้ผมต้องลำบากกว่านี้ พวกเขาอาจจะค้นตัวดูว่าผมมีของมีค่าอะไรไหม เอาไว้ที่ผมเสี่ยงจะโดนพวกเขายึดของไปอีก เรายังไม่ได้จดทะเบียนกัน ทางกฎหมายคุณกับผมยังไม่ได้เป็นอะไรกัน พวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับคุณได้”

พอฟังแบบนี้แล้วฉินหงเหยียนก็พยักหน้า “ค่ะ ฉันจะต้องเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี ที่รัก ตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะเลี้ยงคุณเอง ต่อไปถ้าคุณไม่มีเงินก็มาเอาที่ฉัน เงินโดนอายัดก็ช่างมันปะไร!”

เย่เฉินหัวเราะ “ได้เลยครับ ฮ่าๆ ดูแล้วชะตาของผมน่าจะถูกกำหนดให้เกาะผู้หญิงกินแน่ๆ เลย”

ก่อนนี้ตอนเย่เฉินปลอมตัวเป็นคนจนก็ไปเกาะคนที่บ้านหวังเจียเหยากับฉินหงเหยียน แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะต้องเกาะผู้หญิงกินจริงๆ แล้ว

แต่ว่าเย่เฉินไม่มีทางปล่อยให้เรื่องดำเนินไปแบบนี้เรื่อยๆ แน่

เขาตั้งใจไว้แล้วว่าหลังจากจัดการเรื่องของหลิวเจิ้งคุนกับซีกวาแล้ว ถ้าทรัพย์สินของตนเองยังโดนอายัดอยู่ล่ะก็ เขาก็จะไม่สนใจแล้ว แต่จะบินไปใช้ชีวิตที่อังกฤษกับหญิงสาว

พอมาถึงสนามบินเย่เฉินก็กล่าวกับหวังเอ้อร์เชอ “เสี่ยวหวัง ฉันกับหงเหยียนจะไปเมืองหลวง นายไม่ต้องนั่งไฟล์ทเดียวกับพวกเรา ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพวกคนตระกูลซูจะคอยตามนายเหมือนกัน นายนั่งไฟล์ทกลางคืนไปแล้วกัน”

หวังเอ้อร์เชอกล่าวพร้อมระบายยยิ้ม “ครับคุณชาย!”

เมื่อมาถึงเมืองหลวงในตอนที่ทั้งสองคนกำลังจะออกจากสนามบินนั้นเอง พวกเขาก็พบกับคนรู้จัก

“คุณเย่ คุณฉิน พวกคุณมาทำอะไรที่เมืองหลวงเหรอ?”

ผู้หญิงท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียวในวัยประมาณ 40 เดินมาหยุดตรงหน้าพวกเขา

หล่อนก็คือเหอหมิ่นรองผู้บริหารคนหนึ่งในไป๋ลี่

เหอหมิ่นคนนี้รู้จักกับฉินหงเหยียนมานานแล้ว แถมฉินหงเหยียนยังเป็นคนเลือกหล่อนมาด้วยหลังจากที่เป็นประธานบริษัทแล้วก็เลือกหญิงสาวมาเองกับมือ

“คุณเหอ?”

“เหอหมิ่น! บังเอิญจังเลย นี่เธอจะไปไหน?” ฉินหงเหยียนถาม

เหอหมิ่นกล่าวว่า “ค่ะ ฉันจะไปประชุมที่เทียนไห่ ที่นั่นวุ่นวายไปหมดแล้วคุณเย่ คุณฉิน ไม่งั้นพวกคุณก็ไปกับฉันเถอะค่ะ”

เย่เฉินรู้ดีว่าเรื่องนี้ตนเองโดนสืบและอายัดทรัพย์สินน่าจะแพร่กระจายทั่ววงการแล้ว และน่าจะส่งผลต่อหุ้นของบริษัทไป๋ลี่ด้วย

เย่เฉินกล่าว “ตอนนี้เรายังไปไม่ได้ ต้องไปทำธุระที่เมืองหลวง”

เหอหมิ่นมีหลายอย่างอยากจะรายงานหัวหน้าทั้งสองของตนเองจึงกล่าว “พวกคุณจองโรงแรมแล้วหรือยัง? ไม่อย่างนั้นวันนี้ไปพักที่เรือนสี่ประสานของฉันเถอะ ฉันจะพาพวกคุณไปเอง”

ฉินหงเหยียนกล่าว “เหอหมิ่นเธอต้องไปประชุมที่เทียนไห่ไม่ใช่เหรอ? เธอไม่ต้องไปส่งเราหรอก เดี๋ยวตกเครื่องนะ”

เหอหมิ่นโบกมือ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันนั่งอีกไฟล์ทก็ได้”

พร้อมกันนั้นหญิงสาวก็โทรศัพท์เพื่อให้คนมารับพวกเขา

เมื่อนั่งในรถเหอหมิ่นก็รีบรายงานทั้งสองคนอย่างอดไม่ได้ “คุณเย่ คุณเหอ ตอนนี้ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นวุ่นวายมากค่ะ เอาแต่ถกกันเรื่องต่อไปยังจะจ้างพนักงานขนส่งผู้หญิงต่างชาติมาอีกดีไหม คุณเองก็รู้ว่าเพราะเรื่องนี้ต้องใช้ต้นทุนสูง ก่อนหน้านี้ได้เงินสนับสนุนจากคุณ ตอนนี้เงินคุณโดนอายัดเงินส่วนนี้อาจจะส่งผลต่อกำไรของพวกผู้ถือหุ้น พวกเขาเลยไม่ค่อยพอใจ”

เย่เฉินพยักหน้ารับ ที่จริงแล้วเป้าหมายที่เขาแบบนี้นั้นเป็นเพราะอยากจะช่วยผู้ชายในประเทศนี้ต่างหาก

จนถึงตอนนี้เขาทำมามากพอแล้ว ตอนนี้มีผู้หญิงต่างชาติที่สมัครมาทำงานและใช้ชีวิตที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ

เย่เฉินกล่าว “เรื่องนี้หยุดไปก่อนชั่วคราว อีกอย่างเหอหมิ่น ผมกับหงเหยียนอาจจะไปอังกฤษ คงไม่กลับไปที่บริษัทแล้ว ตอนนี้ผมขอแต่งตั้งให้คุณเป็นประธานบริษัทไป๋ลี่ คุณช่วยผมดูแลบริษัทด้วยนะ”

เหอหมิ่นตกใจกับโชคที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน “ขอบคุณค่ะคุณเย่! แต่พวกคุณ…จะไปกันจริงๆ เหรอคะ”

เย่เฉินหะนมองนอกหน้าต่าง “ต้องดูก่อนว่าพรุ่งนี้คุยกับตาแก่นั่นยังไง”

เย่เฉินไม่ได้มีความมั่นใจอะไรนักหนากับวันพรุ่งนี้

รถแล่นมาถึงเรือนสี่ประสานของเหอหมิ่นอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าบ้านของหญิงสาวจะอยู่ใกล้ๆ กับเรือนสี่ประสานของซูมู่ชิง

เมื่อเปิดประตูให้พวกเขาแล้ว เหอหมิ่นก็ทิ้งกุญแจไว้ให้พวกเขาสองคน

“คุณเย่ คุณฉิน สองวันนี้พวกคุณพักที่นี่ก่อนเถอะนะ ฉันไปเทียนไห่ก่อนแล้วค่ะ ถ้าพวกคุณมีอะไรโทรหาฉันได้ทุกเมื่อเลยค่ะ”

“อืม ขอบคุณนะ เหอหมิ่น” ฉินหงเหยียนส่งเหอหมิ่นที่ประตู

ตอนที่ฉินหงเหยียนเดินกลับมาก็พบว่าเย่เฉินเองนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกในสวน ด้วยท่าทีสบายใจ

ฉินหงเหยียนกล่าว “ดูเหอหมิ่นนั่นสิ พอรู้ว่าคุณเย่ของเราชอบนอนเรือนสี่ประสาน เลยตั้งใจจัดแจงให้คุณมาพักที่นี่”

เย่เฉินงุนงง “ผมเคยบอกตอนไหนว่าชอบเรือนสี่ประสาน”

ฉินหงเหยียนแสร้งทำท่าทีหึงหวงชายหนุ่ม “คราวก่อนที่คุณมาเมืองหลวงพักอยู่ที่เรือนสี่ประสานตั้งหนึ่งสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ? แถมยังอยู่กับสาวสวยปานนางฟ้าเสียด้วย ชิ สัปดาห์นั้นคุณคงมีความสุขมากสินะคะ?”

เย่ฉินรีบร้อนลุกลงมาจากเก้าอี้ รีบลุกขึ้นสวมกอดหญิงสาวแล้วปลอบโยนหล่อน “ที่รักครับ หรือว่าคุณไม่เชื่อใจผมเหรอครับ? เรานอนกันคนละห้อง ผมไม่ได้คิดอะไรกับหล่อนเลยนะครับ”

ฉินหงเหยียนกล่าว “คุณไม่ได้คิดอะไรกับหล่อน แต่หล่อนคิดนี่คะ คุณรู้ไหม? ซูมู่ชิงชอบคุณ”

เย่เฉินรู้อยู่แล้วเพราะเขาเองก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างสองคนนั้นเหมือนกัน

แต่ว่าเย่เฉินยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “เป็นไปได้ยังไง หล่อนเป็นคนสวยที่สุดในเมืองหลวงเชียวนะ มีผู้ชายมาชอบหล่อนเยอะแยะ ผมมันก็แค่คนเหลือขอแถมยังเคยย่ำยีหล่อน หล่อนจะชอบผมได้ยังไง”

เมื่อได้ยินชายหนุ่มบอกว่าตัวเองเป็นแค่คนเหลือขอ ฉินหงเหยียนก็หลุดหัวเราะออกมา

ฉินหงเหยียนถาม “คุณคนเหลือขอคะ พรุ่งนี้คุณจะไปคุยกับตระกูลซูยังไง? ตอนนี้คุณไม่มีลูกน้อง จะพาแค่หวังเอ้อร์เชอคนเดียวไปด้วยเหรอ คนตระกูลซูมีลูกน้องตั้งเยอะแยะอีกทั้งอาจจะยังมีอาวุธด้วยนะ พรุ่งนี้คุณไปตระกูลซู ถ้าพวกเขาหาเรื่องคุณจะทำยังไง?”

ใบหน้าชายหนุ่มฉาบรอยยิ้มเอาไว้ “ลูกน้องของผมไม่ได้มีหวังเอ้อร์เชอคนเดียวเสียหน่อย ยังมีคนอื่นด้วย”

“ใครคะ?”

“UFO!”

ตอนที่ 335 ไปเมืองหลวง!

ไปเมืองหลวง!

ปู่ของเย่เฉินเคยเตือนเขา ว่าจะประมาทอิทธิพลของตระกูลซูในประเทศนี้ไม่ได้ ถ้าเย่เฉินไปเมืองหลวงชีวิตอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ!

แต่ว่าตอนนี้หลิวเจิ้งตุนและซีกวาโดนจับ อีกเดี๋ยวจะโดนจับขังตลอดชีวิตเย่เฉินไม่สามารถมองทั้งสองคนติดคุกได้

แล้วเย่เฉินตอนนี้เองก็โดนอายัดทรัพย์สิน ติดต่อคนในตระกูลไม่ได้ ดังนั้นทั้งเส้นสายและอิทธิพลไม่มีทางตระกูลซูได้เลย

นอกจากจะไปตระกูลซูเท่านั้น ก็ไม่มีหนทางอื่นจะช่วยเหลือซีกวาและหลิวเจิ้งตุน

ถึงแม้ว่าทั้งสองคนนั้นจะเป็นแค่ลูกน้องของเขาแต่เย่เฉินเห็นทั้งสองคนเป็นมากกว่านั้น เขาไม่อาจเห็นแก่ความสุขของเขาและฉินหงเหยียน แล้วทิ้งให้พวกเขาติดคุกไปตลอดชีวิตไม่ได้

เย่เฉินหันมองซูมู่หลินแล้วกล่าว “ได้ ผมจะไปเมืองหลวง เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะไปพบคุณปู่ของคุณด้วยตัวเอง!”

ใบหน้าซูมู่หลินแต้มรอยยิ้มบางๆ “ดีมาก งั้นฉันจะรอการมาถึงของคุณชายเย่! พวกเราไป!”

ซูมู่หลินพูดพลางโอบเอวหวังเจียเหยาเข้าลิฟต์ไป

ตอนที่ลิฟต์ใกล้จะปิด เย่เฉินก็ตะโกนใส่หวังเจียเหยา “หวังเจียเหยา คุณรีบถนอมเวลาที่จะได้อยู่กับลูกชายให้คุ้มค่าเถอะ ยังเหลือเวลาอีกนานในการหาผู้ชายนะ แต่ลูกน่ะไม่ได้อยู่กับคุณไปตลอดนะ”

เมื่อได้ยินเสียงเตือนของเย่เฉิน หวังเจียเหยาก็รีบร้อนกล่าว “เดี๋ยวฉันจะกลับอวิ๋น…”

หญิงสาวยังไม่ทันพูดจบลิฟต์ก็ปิดไป

หลังจากทั้งสองคนเดินไปแล้ว ฉินหงเหยียนถามอย่างเป็นกังวล “เย่เฉิน คุณจะไปเมืองหลวงจริงๆ เหรอ? ฉันเคยได้ยินสวี่ฉู่หมิงเคยพูดว่าตระกูลซูนั้นทรงอิทธิพลอย่างมาก แถมเมืองหลวงยังเป็นพื้นที่ของพวกเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง”

เย่เฉินกล่าว “หลิวเจิ้งคุนและซีกวาโดนจับเพราะผม ผมไม่สามารถนั่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรได้ อีกทั้งทรัพย์สินของผมก็โดนอายัดแล้ว ผมต้องให้พวกเขาจัดการถอนอายัด หงเหยียน หรือไม่งั้นคุณรอผมอยู่ที่เมืองเสินเฉิง ผมจัดการอะไรเสร็จแล้วจะรีบกลับมาหาคุณ”

“ไม่เอา!” ฉินหงเหยียนคว้าแขนชายหนุ่ม “ฉันอยากจะไปเมืองหลวงกับคุณ คุณไปที่นั่นคนเดียวฉันไม่สบายใจ!”

เย่เฉินรู้ว่านิสัยของฉินหงเหยียน ยิ่งอันตรายเท่าไหร่หล่อนก็ยิ่งไม่อยากแยกจากเขา

“ได้ งั้นเราไปด้วยกัน”

และในเวลานี้ สีหน้าของหวังเอ้อร์เชอก็ฉายแววกังวล “คุณชายเย่ คนของเราส่วนมากโดนจับไปหมดแล้ว เหลืออีกแค่สิบกว่าคน อีกทั้งยังต่อยตีไม่ค่อยเก่ง ผมได้ยินมาว่าท่านหลิวมีลูกน้องตั้งพันคนที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาเอามาที่ประเทศนี้แค่ร้อยกว่าคน ยังเหลืออีกตั้งเก้าร้อยกว่าคน หรือไม่งั้นเราไปเอาตัวลูกน้องเขาเก้าร้อยคนมาที่นี่ก่อน แล้วค่อยไปเมืองหลวงดีไหมครับ?”

หวังเอ้อร์เชอหวาดกลัว รู้สึกว่าพวกเขาสิบกว่าคนไปถึงเมืองหลวง แทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลซู

เย่เฉินกล่าว “อาคุนยังมีนักเลงมืออาชีพเก้าร้อยกว่าคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จริงๆ พวกเขาเป็นคนที่อาคุนสอนเองมากับมือ ฟังแต่คำสั่งของอาคุน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะไปหาพวกเขาที่ไหน”

หวังเอ้อร์เชอรีบร้อนกล่าว “หรือไม่งั้นผมส่งคนไปส่งจดหมายหาท่านหลิว ให้เขาหาโอกาสโทรหาลูกน้องเขาดีไหมครับ?”

เย่เฉินส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ตอนนี้อาคุนมีความผิดมากพอแล้ว อย่าให้เขาไปก่อเรื่องอะไรอีก แล้วอีกอย่างเราไม่ต้องใช้คนเยอะมากมาย แค่ฉันกับนายก็พอแล้ว”

หวังเอ้อร์เชอยิ้มเขินๆ “ขอบคุณครับคุณชายเย่ที่เชื่อมือผม อาจเพราะปกติผมวางท่าเก่ง คุณชายเลยไม่แน่ใจในความสามารถของผมเท่าไหร่ ที่จริงแล้ว ผมยังเอาชนะผู้ใหญ่ง่อยๆ ยังไม่ได้เลย…”

เย่เฉินยิ้มแล้วกล่าวกลางๆ “ฉันรู้ว่านายมันอ่อน ฉันก็ไม่ได้ให้นายไปมีเรื่องในเมืองหลวง นายคอยจัดการอยู่เบื้องหลังก็ได้”

“เบื้องหลัง? เบื้องหลังอะไรครับ?” หวังเอ้อร์เชอประหลาดใจ

เย่เฉินไม่ตอบ “เดี๋ยวถึงที่นั่นแล้วเดี๋ยวบอก”

เห็นได้ชัดว่าตอนที่เขาออกจากเมืองหลวงเมื่อคราวก่อน เขาทิ้งอะไรเอาไว้!

เรื่องนี้ไม่มีใครรู้!

ก่อนจะไปเย่เฉินและฉินหงเหยียนไปเก็บสัมภาระที่วิลล่าของสวี่ฉู่หมิง จากนั้นก็ไปบอกลาฉินเสี่ยวตั่ว

หลังจากนั้นหวังเอ้อร์เชอก็ขับรถพาเย่เฉินและฉินหงเหยียนไปที่สนามบิน

เครื่องบินส่วนตัวของเย่เฉินจอดอยู่ที่นี่

แต่ใครจะไปรู้พวกเย่เฉินเพิ่งถึงเครื่องบินส่วนตัวของเขา ผู้ชายหลายคนในชุดเครื่องแบบก็เดินปราดเข้ามาขวางเขา

หนึ่งในนั้นกล่าวกับเย่เฉิน “สวัสดีครับคุณชายเย่ใช่ไหม? ขอโทษด้วยนะครับเครื่องบินส่วนตัวของคุณโดนอายัดไว้ชั่วคราว คุณใช้ไม่ได้ครับ”

“อะไรนะ?”

เย่เฉินและฉินหงเหยียน และหวังเอ้อร์เชอตกใจพร้อมกัน อายัดทรัพย์สินเงินทองยังไม่พอ ขนาดเครื่องบินส่วนตัวก็ยังไม่ให้ใช้อีกเหรอ?

ดูแล้วเรื่องครั้งนี้น่าจะหนักหนาสาหัสทีเดียว ถาหากว่าคุณปู่ของเขาไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่สามารถจะอยู่ที่ประเทศนี้ได้อย่างองอาจเหมือนเมื่อก่อน!

เย่เฉินไม่ได้เถียงกับอีกฝ่าย เพราะเขารู้ว่าเถียงกันไปก็ไร้ประโยชน์ เย่เฉินกล่าว “กระเป๋าเดินทางของผมยังอยู่ด้านใน ฉันจะขอเข้าไปเอาของ”

แต่ว่าชายในเครื่องแบบยังคงยื่นมือมาขวาง “คุณเย่ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณเอาของที่มีมูลค่าไปขายต่อ เราคงให้คุณเข้าไปไม่ได้”

“คุณว่าอะไรนะ?”

คราวนี้คนโมโหก็คือฉินหงเหยียน “พวกคุณอายัดเครื่องบินแล้ว เพราะแค่ไม่อยากให้เราออกจากปนะเทศแค่นั้นเองไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไปเอาของไม่ได้? ด้านในต่อให้มีของราคาแพง ก็เป็นของของเรา ทำไมเราจะเอาไปใช้ไม่ได้?”

เย่เฉินรู้ว่า ตระกูลซูต้องการให้เย่เฉินกลายเป็นยาจกเต็มตัว!

ไม่เพียงแต่บัญชีมีเงินหมื่นล้านโดนอายัด กระทั่งอยากจะเอาของไปขายก็ไม่ได้!

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเย่เฉินคงจะกลายเป็นคนจนจริงๆ แล้ว

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “ผมไม่ได้มาเอาของแพงอะไร จะเอายากับของใช้ในชีวิตประจำวันเฉยๆ”

เย่เฉินกล่าว “ยาพ่น ผมเป็นหืดหอบ”

ชายในเครื่องแบบครุ่นคิดรู้สึกเหมือนว่าถ้าหากแค่ยายังไม่ยอมปล่อยเขา ก็เหมือนว่าจะเกินไปเลยยอมให้อีกฝ่ายเข้าไปในเครื่องบิน “ก็ได้ เข้าไปสิ”

ชายในเครื่องแบบขึ้นไปบนเครื่องบินกับทั้งสามคน

เย่เฉินมีกล่องใส่ยาขนาดใหญ่จริงๆ ด้านในยังมียาอยู่ไม่น้อย

ชายในเครื่องแบบอุทานอย่างตกใจ “ยาคุณเยอะเกินไปแล้วนะเนี่ย”

เย่เฉินจงใจกระแอม “เคยรบอยู่ที่โซมาเลียมาหนึ่งปี หลังจากกลับมาร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง”

เมื่อได้ยินขนาดนี้แล้ว ชายในเครื่องแบบก็เกิดนับถือเขา “อ้าวเหรอ? คิดไม่ถึงว่าคุณจะเคยรบมาก่อน! ผมเองก็เคยเป็นทหาร เสียดายที่ไม่มีโอกาสไปรบ คุณช่วยฝ่ายไหนเหรอครับ? เหมือนว่าประเทศของเราไม่ได้เข้าร่วมสงครามครั้งนี้”

เย่เฉินตอบ “ผมโดนที่บ้านส่งไปหาประสบการณ์”

ชายในเครื่องแบบยิ้ม “ที่บ้านคุณนี่ใจเด็ดจริงๆ เอาคุณไปทิ้งไว้ที่นั่นแล้วไม่กลัวคุณจะตายเหรอ?”

เย่เฉินคุยเรื่อยเปื่อยกับอีกฝ่ายต่อ แล้วเก็บของส่วนตัวหลายอย่างใส่กระเป๋า “หวุดหวิดเกือบตายเหมือนกัน คุณอยู่ในประเทศนี้สบายๆ เถอะ คุณไม่รู้หรอกว่าในสงครามมันน่ากลัวขนาดไหน เพื่อนที่พูดคุยเรื่อยเปื่อยกันเมื่อวินาทีก่อน อีกไม่นานก็อาจจะร่างกายก็อาจจะกระจัดกระจายไปคนละส่วน”

เย่เฉินคุยเรื่อยเปื่อยกับฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะรีบเก็บของแล้วลุกขึ้น

สุดท้ายแล้ว ชายในเครื่องแบบก็เป็นฝ่ายจับมือเย่เฉินก่อน “คุณเย่ครับ คุณรักษาสุขภาพให้ดีๆ นะครับ ผมนับถือคนที่เคยผ่านศึกสงครามมาก่อนอย่างคุณ อีกอย่างผมขอแนะนำให้คุณรีบติดต่อกับตระกูลของคุณเถอะครับ”

เย่เฉินกล่าวพลางจับมือฝ่ายตรงข้าม “ขอบคุณนะครับที่บอกเรื่องพวกนี้กับผม ลาก่อน”

เย่เฉินและฉินหงเหยียนขึ้นรถของหวังเอ้อร์เชอ หลังจากนั่งด้านหลังเรียบร้อยแล้ว เย่เฉินก็ล้วงเอาตุ้มหูสองชิ้นจากในกระเป๋าเสื้อออกมาแล้วส่งให้ฉินหงเหยียน

“อ้าว! นี่มันตุ้มหูเพชร Artemis กับ Apollo นี่นา! คุณเอาออกมาด้วยตอนไหน? ทำไมฉันไม่เห็นเลย!”

ของชิ้นเล็กๆ สองชิ้นนี้มีมูลค่าถึงเจ็ดร้อยล้านเลยทีเดียว

ตอนที่ 334 หลิวเจิ้งคุนและซีกวาตกที่นั่งลำบาก!

คืนนี้เย่เฉินและฉินหงเหยียนมีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกันตลอดคืน

บทเพลง SUFFER ของ charlie puth ที่พวกเขาเปิดเพื่อสร้างบรรยากาศ บรรเลงวนไปไม่รู้กี่รอบแล้ว!

อีกทั้งในค่ำคืนนี้ก็มีคนที่ผ่านราตรีนี้ไปอย่างเร่าร้อนเช่นกัน ก็คือซูมู่หลินและหวังเจียเหยาที่พักอยู่ในห้องข้างๆ

ทั้งสองคนเองก็ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน

และบังเอิญที่ทั้งสี่คนลงลิฟต์มาเจอกันตอน 9 โมงพอดี

เย่เฉินจูงมือฉินหงเหยียน ส่วนหวังเจียเหยาคล้องแขนซูมู่หลิน ทั้งสี่คนเจอกันโดยบังเอิญ

หวังเจียเหยาตกใจจนปล่อยมือออกจากซูมู่หลิน

พูดไปแล้ว คราวก่อนที่เจอเย่เฉินในโรงแรมห้าดาวคือตอนที่หล่อนไปเปิดโรงแรมกับฟางเชาแล้วโดนเย่เฉินจับได้

คราวนี้ก็เหมือนเดิม หวังเจียเหยาลนลาน

ทว่าซูมู่หลินกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แล้วทักทายเย่เฉินก่อน

“เย่เฉินเห็นท่าทางเดินของพวกนายไร้เรี่ยวแรง คืนวานคงจะเหนื่อยมากล่ะสิ ฟ้าเหลืองกันเลยสิ ฮ่าๆ”

ซูมู่หลินมองไล่ไปตามขาของฉินหงเหยียนแล้วพบว่าตรงหัวเข่าของหญิงสาวเป็นสีแดงก่ำ อีกทั้งยังเขียวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าน่าจะเกิดจากเมื่อคืน

ส่วนหวังเจียเหยาสวมประโปรงสั้น เย่เฉินเหลือบตามองหัวเข่าหญิงสาวอย่างอดไม่ได้ ก็พบว่าหัวเข่าหญิงสาวก็แดงๆ เขียวๆ เหมือนกัน!

ผู้ชายตัวโตสองคนอย่างซูมู่หลินและเย่เฉินย่อมเข้าใจทันทีที่มองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น!

เย่เฉินเห็นซูมู่หลินกับหวังเจียเหยาเปิดห้องด้วยกัน ก็ไม่สบอารมณ์

ถึงแม้ว่าแฟนในตอนนี้ของเขาคือฉินหงเหยียน และเขาเองก็ไม่รักหวังเจียเหยาอีกต่อไป แต่อย่างไรเสียหล่อนกับซูมู่หลินก็เคยทรยศเขา!

อีกทั้งเมื่อวานหวังเจียเหยายังมีหน้ามาบอกเย่เฉินว่าหล่อนรักแค่เย่เฉินคนเดียวในโลกใบนี้!

รักกับพ่อคุณสิ!

เมื่อเช้าเพิ่งบอกว่ารักผม แต่ตกดึกมาเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่นเนี่ยนะ?

นี่คือความรักที่คุณมีให้ผมเหรอเนี่ย?!

เย่เฉินนึกถึงคำพูดเมื่อวานที่หวังเจียเหยาพูดแล้วก็ขยะแขยง!

เย่เฉินหันมองหวังเจียเหยาแแล้วถาม “ลูกล่ะ?”

หวังเจียเหยาไม่กล้าสบตาเย่เฉินตรงๆ “ฮะ?”

เย่เฉินทวน “ผมถามคุณว่าลูกชายผมอยู่ที่ไหน?!”

หวังเจียเหยากล่าวเสียงเบา “อ๋อ ลูกของเราอยู่อวิ๋นโจว แม่ฉันดูอยู่”

เย่เฉินหัวเสีย “หวังเจียเหยาคุณนี่ใช้ได้นี่ ลูกยังเล็กอยู่เลย คุณทิ้งลูกไว้ที่อวิ๋นโจว แล้วโร่มาหาผู้ชายที่นี่คนเดียวเหรอ!”

หวังเจียเหยารีบร้อนอธิบาย “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะซูมู่หลิน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะมาที่เมืองเสินเฉิง!”

เย่เฉินตะคอก “มาหาผมเหรอ? มาหาผมแล้วไปโผล่ที่ห้องผู้ชายคนอื่นได้ยังไง?”

หวังเจียเหยากล่าวทันที “จะไม่ใช่เพราะนายได้ยังไง นายกลับไปกินน้ำพริกถ้วยเดิม กลับไปคืนดีกับฉินหงเหยียน ไม่ยอมดีกับฉันแล้วยังไม่ยอมให้ฉันไปนอนกับผู้ชายคนอื่นอีกเหรอ?”

เย่เฉินกล่าวว่า “ผมไม่ได้ห้ามคุณไม่ให้ไปหาผู้ชายคนอื่น คุณอยากไปหาใครก็ตามใจ ผมไม่สนใจหรอกแต่ว่าคุณจะเป็นแม่ที่เอาแต่หาความสุขให้ตนเอง ไม่สนใจลูกเต้า ผมว่าให้ตระกูลผมมารับลูกชายเร็วกว่าเดิมดีกว่า!”

“ไม่นะ! เย่เฉิน ขอร้องล่ะ อย่าเอาลูกฉันไป!”หวังเจียเหยาเริ่มลนลาน

ตอนนี้ซูมู่หลินเปิดปากเอ่ยพลางระบายยิ้มน้อยๆ “หวังเจียเหยา ทำไมต้องขอร้องเขา ตอนนี้เขาเป็นคนไม่มีเงินแล้ว เงินโดนอายัดอยู่ ไม่มีเงินจะใช้สักบาทเดียว อีกทั้งเขาก็ติดต่อคนในตระกูลเขาไม่ได้ ไม่สนใจเขามานานแล้ว ตระกูลเย่ไม่กล้ากลับมาเหยียบประเทศนี้หรอก”

เมื่อได้ยินคำพูดของซูมู่หลิน ใบหน้าของเย่เฉินฉายแววไม่พอใจ “เป็นอย่างที่คิดจริงด้วยว่าคนตระกูลซูหาเรื่องฉัน!”

ซูมู่หลินแค่นเสียง “ถูกต้อง ตระกูลซูของเราจะหาเรื่องนาย ทำไมล่ะ?! เย่เฉิน นายนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พี่สาวฉันชอบนายถือเป็นบุญเมื่อชาติก่อนของนาย แต่นายกลับไม่เลือกพี่สาวฉัน ดันไปเลือกฉินหงเหยียน”

“บอกนายให้นะ การอายัดทรัพย์สินนายก็ยังสบายไป! ต่อไปฉันจะทำให้นายอนาถกว่าขอทานอีก!”

“แกรนหาที่เองนะ!” เย่เฉินอยากจะตะบันหมัดใส่หน้าอีกฝ่าย

“อย่าเลย” ฉินหงเหยียนดึงเย่เฉินเอาไว้ ที่นี่มีกล้อง ถ้ามีเรื่องวิวาทกันขึ้นมาจะต้องโดนลากเข้าคุกแน่

ซูมู่หลินกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัว “จะต่อยฉันเหรอ? วันนี้ฉันไม่ต่อยกับนายหรอกนะ ตอนนี้ฉันไม่มีแรงโดนเมียนายทำฉันเหนื่อยทั้งคืน ฮ่าๆ”

เห็นท่าทางภาคภูมิใจของซูมู่หลินที่โอ้อวดเรื่องของเขาและหวังเจียเหยาแล้ว เย่เฉินก็นึกถึงเรื่องที่ทั้งสองคนทำผิดต่อเขาในระหว่างที่เขายังแต่งงานกับหวังเจียเหยาอยู่ จึงไม่สนใจเรื่องกล้องวงจรปิดอะไรอีก แล้วโผเข้าไปประเคนฝ่าเท้าให้อีกฝ่าย!

ซูมู่หลินโดนเย่เฉินยันจนไปติดประตูลิฟต์

“แกมันคนสารเลว คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลงไม้ลงมือกับฉันเชียว! ฉันจะรอดูนายไปติดคุกกับพวกหลิวเจิ้งคุนเลย!”

ซูมู่หลินแผดเสียง

“ว่าอะไรนะ?” เย่เฉินจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นในคำพูดของอีกฝ่าย

ซูมู่หลินหัวเราะคิกคัก “เย่เฉิน นายน่ะ หลงผู้หญิงจนลืมเพื่อน สนใจเรื่องจะไปหาความสุขกับผู้หญิงของตัวเอง เลยลืมเลยสินะว่าเพื่อนกำลังลำบาก หลิวเจิ้งคุน ซีกวาแล้วก็พวกนักเลงพวกนั้นน่ะโดนจับเข้าคุกกันหมดแล้ว แถมไม่มีใครโดนปล่อยตัวออกมาเลยด้วยซ้ำ! ไม่เพียงเท่านั้นนะ ฉันบอกนายให้ซีกวากับหลิวเจิ้งคุนลูกน้องที่แสนจะจงรักภักดีของนายน่ะจะโดนจับเข้าคุกไปตลอดชีวิต!”

เย่เฉินตะโกนกร้าว “ไร้สาระ เขาเป็นยังไงฉันรู้ดี มันไม่ได้หนักหนาขนาดนั้น!”

และในเวลานี้เองหวังเอ้อร์เชอที่เพิ่งลงลิฟต์มาก็รีบร้อนเดินมาหาเย่เฉินแล้วกล่าวต่อว่า “คุณชายครับ แย่แล้ว หูจื่อทรยศพี่กวากับท่านคุน! เขาเอาเรื่องที่สองคนนั้นทำผิดกฎหมายมาตลอดหลายปีมานี้บอกตำรวจหมดแล้ว”

เย่เฉินจำคนชื่อหูจื่อคนนี้ไม่ได้ แต่จำได้ลางๆ ว่าเขาเหมือนจะเป็นลูกน้องของหลิวเจิ้งตุน

เย่เฉินมองซูมู่หลินที่มีท่าทีลิงโลด “พวกคุณซื้อหูจื่อไปแล้วสินะ?”

เย่เฉินหงุดหงิด ซีกวาคงจะไม่เป็นไรมาก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ได้ทำผิดอะไรนักหนา

แต่ถ้าจะนับเรื่องที่หลิวเจิ้งคุนเคยทำบวกๆ กันเข้าไปแล้ว น่าจะโดนจับขังหลายปี

ทว่าซูมู่หลินกลับกล่าว “หลิวเจิ้งคุนกับซีกวาจะต้องโดนขังคุกตลอดชีวิตแน่นอน”

หวังเอ้อร์เชอก็กล่าวว่า “หูจื่อคนนั้นยังอ้างความผิดร้อยแปดโทษใส่ความท่านหลิวกับพี่กวา ทั้งเรื่องทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุรถชน ไฟไหม้ในตลอดหลายปีทั้งหลายแหล่ คุณชายเย่ ไม่แน่ว่าท่านหลิวกับพี่กวาอาจจะโดนจับขังไปตลอดชีวิตก็ได้นะครับ! คุณชายรีบหาวิธีช่วยพวกเขาเถอะครับ”

เย่เฉินร้อนรน ถ้าหากว่าพวกเขาสองคนชดใช้ในความผิดที่ตนเองทำเขายังพอทนได้

แต่ตอนนี้ซูมู่หลินกลับหาคนมาใส่ร้ายพวกเขา!

หลิวเจิ้งคุนและซีกวาล้วนแต่เป็นลูกน้องของเย่เฉิน ซื่อสัตย์กับเขา ทำนี่นั่นแทนเขามามาก เย่เฉินไม่สามารถอยู่เฉยๆ และไม่ทำอะไรได้

เย่เฉินหันมองซูมู่หลิน “นี่ถึงกับจ้างคนมาใส่ร้ายลูกน้องฉันเชียวเหรอ?”

ซูมู่หลินกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ทำไมจะไม่กล้า! ตอนที่นายจับฉันครั้งแรก ไอ้สองคนนั้นอยากจะฆ่าฉันด้วยซ้ำ! เย่เฉิน นายอยากให้ฉันช่วยพวกเขาไหมล่ะ? เรื่องนี้ง่ายนิดเดียวฉันแค่ต้องไปบอกคนของฉันให้ไปถอนคำร้อง แล้วยอมรับว่าเขาโกหก หลักฐานพยานบุคคลเป็นหลักฐานเท็จก็เรียบร้อยแล้ว”

เย่เฉินจึงถาม “แล้วมีเงื่อนไขอะไร?”

ซูมู่หลินกล่าว “ฉันไม่ได้เป็นคนตั้งเงื่อนไข นายต้องไปเมืองหลวงไปถามปู่ฉัน! นายกล้าไปเมืองหลวงไหมล่ะ!”

ตอนที่ 333 ทรัพย์สินโดนอายัด!

สถานีตำรวจ เมืองเสินเฉิง

เย่เฉิน ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงโดนจับแยกสอบสวนคนละห้องในสถานี

ฉินอ้าวหมิงไม่ตาย แต่ว่าเขากลับเก็บตัวเงียบไม่ส่งข่าวคราว ซูเจิ้นหางและสวี่ฉู่หมิงต่างก็ฟันธงแล้วว่าโดนพ่อเย่เฉินกักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้

ดังนั้นตอนนี้พ่อของเย่เฉินจึงกลายเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้

ผู้กำกับหลี่หยิบรูปภาพที่สวี่ฉู่หมิงส่งมาให้แล้วกล่าวกับเย่เฉิน “คุณเย่ เราติดต่อกับตำรวจที่ปารีสแล้ว เย่เจิ้งหนานพ่อของเขาเป็นคนสุดท้ายที่เจอฉินอ้าวหมิง เรามีเหตุผลให้สงสัยว่าการหายตัวไปของคุณฉินอ้าวหมิงอาจจะเกี่ยวข้องกับพ่อของคุณ

ดังนั้นผมหวังว่าคุณจะช่วยติดต่อพ่อคุณหน่อย จะได้รู้ข่าวคราวของคุณฉินอ้าวหมิงให้ชัดเจน ฉินหงเหยียนลูกสาวของคุณฉินอ้าวหมิง แล้วยังเป็นแฟนของคุณด้วย คุณย่อมต้องอยากให้หล่อนได้เจอพ่อเร็วๆ จริงไหม?”

เย่เฉินครุ่นคิด อย่างไรเสียพ่อของเขาไม่ได้ฆ่าใคร แล้วเขาจะไม่โทรก็ไม่ได้

“ครับ”

เย่เฉินโทรหาบิดาของตนเอง ต่อหน้าผู้กำกับหลี่

ทว่าแปลกที่พ่อเขาไม่รับสาย

หลังจากนั้นเขายังโทรหาพ่อบ้านฟางและคุณปู่ แต่ก็ไม่มีใครรับสาย

“หรือว่าพวกเขารู้แล้วว่าฉันอยู่สถานีตำรวจ?”

ตระกูลเย่ที่เป็นตระกูลแสนลึกลับของโลกย่อมไม่สามารถหาตัวเจอได้ง่ายๆ

“ขอโทษด้วย ผมติดต่อพวกเขาไม่ได้” เย่เฉินกล่าว

“งั้นพอจะขอที่อยู่คุณปู่ของคุณได้ไหม?” ผู้กำกับหลิวถาม

เย่เฉินส่ายหน้า “ปกติเขาอยู่เมืองนอก มักจะย้ายประเทศบ่อยๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ผมไม่ได้เจอหน้าเขามาหลายปีแล้วเหมือนกัน”

ผู้กำกับหลิวกล่าวกับตำรวจ “ไปลองตรวจดูหน่อยว่าช่วงนี้เย่เจิ้งหนานได้กลับเข้าประเทศหรือเปล่า”

“ครับ!”

ตำรวจคนนั้นใช้เวลาตรวจเอกสารไม่นาน แล้ววิ่งมารายงาน “ผู้กำกับหลิว ผมตรวจแล้วครับ ไม่เจอข้อมูลเกี่ยวกับเย่เจิ้งหนานเลยครับ”

ผู้กำกับผงกศีรษะแล้วหันไปหาเย่เฉิน “คุณเย่เฉิน คุณปู่ของคุณอยู่อังกฤษใช่ไหม? ส่วนไหนของประเทศอังกฤษ?”

เย่เฉินกล่าว “ขอโทษครับ นี่ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณปู่ผม ขอโทษด้วยนะครับที่ผมแพร่งพรายไม่ได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับคุณปู่ของผมด้วย”

ผู้กำกับหลิวกล่าว “เอาแบบนี้แล้วกัน เราค้นเจอว่าเงินสดของคุณโอนมาจากต่างประเทศ เราสงสัยว่าเงินก่อนนี้จะผิดกฎหมาย นอกเสียจากว่าคุณจะให้คุณปู่ของคุณออกหน้า กลับมาพิสูจน์เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเราคงต้องขออายัดเงินในบัญชีทั้งหมดของคุณเป็นการชั่วคราว!”

อายัดเงินทั้งหมดในบัญชีของเย่เฉินเหรอ?!

เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะหนักหนาขนาดนี้!

“ทำไมต้องอายัดบัญชีผม? คุณปู่ของผมเริ่มเริ่มงานในวงการธุรกิจของประเทศนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน เงินของตระกูลเย่ล้วนแต่ทำมาหากินอย่างสุจริต” เย่เฉินเถียง

ผู้กำกับหลิวกล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณเย่อย่าเพิ่งใจร้อน เราก็แค่สงสัยเท่านั้น คุณเองก็รู้ในตอนแรกคุณพ่อของคุณตกผู้เป็นต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกร ตอนนี้ก็ตกเป็นผู้สงสัยว่าโดดกักขังหน่วงเหนี่ยว คุณเองก็ยังสนิทสนมกับพวกนักเลงอย่างหลิวเจิ้งคุนกับซีกวา

เราเลยจำเป็นต้องอายัดทรัพย์สินของคุณเพื่อสืบหาที่มาของทรัพย์สิน ถ้าหากว่าคุณปู่ของคุณสามารถมาที่นี่ได้ด้วยตัวเอง แล้วอธิบายสาธยายความจริง ก็จะไม่มีปัญหาอะไร เราสามารถถอนอายัดได้ทุกเมื่อ”

เย่เฉินพอจะฟังออกว่า พวกเขาจะอายัดทรัพย์สินของตนเองนอกเสียจากว่าคุณปู่ของเขาจะกลับประเทศ

“ใครอยากล่อให้ปู่ฉันกลับมานะ? หรือว่าซูเจิ้นหางปู่ของซูมู่ชิง?”

ผู้กำกับหลี่พูดต่อ“แน่นอน คุณเย่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ ก็ฟ้องได้”

เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “ได้ครับ”

“เย่เฉินคุณเป็นยังไงบ้าง?” ฉินหงเหยียนถาม

เย่เฉินถอนหายใจ “แย่แล้ว เงินสดของผมโดนอายัด”

“อะไรนะ?” ฉินหงเหยียนเองก็พอจะรู้ว่าในบัญชีของเขามีเงินหลายหมื่นล้าน!

“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?” ฉินหงเหยียนคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อเย่เฉิน

“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?”

นี่เป็นเรื่องของพ่อเย่เฉินชัดๆ

เย่เฉินกล่าว “เรากลับไปคุยกันที่โรงแรม”

“อืม”

หลิวเจิ้งคุนและซีกวารวมไปถึงเหล่าลูกน้องที่โดนจับเข้าสถานีตำรวจ จนตอนนี้ยังไม่ออกมา

หวังเอ้อเชอร์ที่อยู่เบื้องหลัง และรับผิดชอบเก็บกวาดและจัดแจงจึงยังไม่โดนจับ เขาขับรถพาคนทั้งสองกลับโรงแรม

เมื่อถึงห้องพักของโรงแรมแล้ว ฉินหงเหยียนถามอย่างอดทนไม่ไหว “เย่เฉินนี่มันเรื่องอะไรกันแน่คะ? สรุปแล้วใครเป็นคนเอารูปใบนั้นให้คุณ? พ่อของฉันอยู่ที่ไหน?”

เย่เฉินเล่าเรื่องตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาที่เขาพาฉินเสี่ยวตั่วไปฝรั่งเศส ประกาศหาเบาะแสจนได้พบกับพี่ชายของเขาให้หญิงสาวฟัง

เย่เฉินกล่าวว่า “ขอโทษด้วยนะครับ หงเหยียน ผมยืนยันได้แค่ว่าพ่อของคุณยังไม่ตาย อีกทั้งน่าจะอยู่สบายมากด้วย แต่ว่าเขาอยู่ที่ไหนผมยังไม่มีสิทธิ์รู้”

ฉินหงเหยียนฟังเรื่องราวจากปากเย่เฉินแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ “ดูแล้วตระกูลเย่ของคุณน่าจะมีความลับอยู่ อีกทั้งความลับที่ว่านี้น่าจะเกี่ยวกับพ่อฉันด้วย ไม่รู้ว่าความลับนี้ของตระกูลเย่ของพวกคุณคืออะไรกันแน่ ติดไม่ถึงว่าจะถึงขนาดที่ทำให้พ่อฉันไม่ติดต่อฉันเลยถึง 11 ปี”

ฉินหงเหยียนเข้าใจบิดาของตนเองอย่างมาก ฉินอ้าวหมิงค่อนข้างรักลูกสาวสองคนของเขามาก เขาไม่มีทางทนไม่สนใจลูกสาวของเขาได้อยู่แล้ว

จะต้องมีเหตุผลพิเศษอะไรแน่ที่ทำให้ฉินอ้าวหมิงไม่ยอมติดต่อพวกเขา

เย่เฉินกล่าวปลอบฉินหงเหยียน “หงเหยียน ผมรับปากคุณนะ ว่าผมจะต้องพยายามช่วงชิงสิทธิ์ของที่บ้านมาช่วยคุณรับพ่อกลับบ้าน เสียดายที่ตอนนี้เงินผมโดนอายัด ทำให้ไม่รู้ว่าการฝึกฝนทางธุรกิจของผมจะสำเร็จหรือเปล่า”

ตอนนี้เย่เฉินกลายเป็นคนจน แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขากลายเป็นยาจก

ก่อนหน้านี้แต่งงานเข้าตระกูลหวัง เขาหลอกหวังเจียเหยาถึงสองครั้งว่าเขาไม่มีเงิน

แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เขามีเงินแต่ใช้ไม่ได้ เขาไม่มีเงินให้ใช้แล้วจริง ที่นี่ในประเทศนี้เขาไม่มีเงินจริงๆ

ฉินหงเหยียนรู้สึกละอายใจมากทีเดียว ถ้าหากไม่ใช่เพราะหล่อน เย่เฉินก็คงจะไม่โดนอายัดบัญชีแบบนี้

พอมองย้อนกลับไป ว่าตนเองทำให้ชายคนรักต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก หญิงสาวก็รู้สึกผิดอย่างมาก หล่อนคุกเข่าลงต่อหน้าเขา!

“หงเหยียน คุณทำอะไร ลุกขึ้นเถอะ”

เย่เฉินจะทนให้ฉินหงเหยียนคุกเข่าได้อย่างไร?

หญิงสาวคุกเข่าลงตรงหน้าชายหนุ่ม “เย่เฉิน ขอโทษด้วยนะคะ ที่ฉันไม่บอกอะไรเลยแล้วไปแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง ช่วงนี้คุณคงเกลียดฉันมากแน่ๆ เลย”

เย่เฉินประคองหญิงสาวขึ้นมา เขามองใบหน้าอิดโรยอ่อนล้าของหล่อนแล้วกล่าว “ที่รักครับ ผมไม่เคยเกลียดคุณเลยนะ แล้วผมก็ไม่เคยโทษคุณด้วย ผมรู้ว่าคุณเลิกกับผมไปเพราะอยากให้ผมลืมคุณ จะโทษก็ต้องโทษที่สวรรค์กลั่นแกล้งกัน ถึงได้ทำให้ตาแก่แบบสวี่ฉู่หมิงฉวยโอกาสได้!”

พอพูดถึงสวี่ฉู่หมิงแล้ว ฉินหงเหยียนก็หันไปกล่าวกับเย่เฉิน “เย่เฉิน หลังจากที่มาเมืองเสินเฉิงแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ในวิลล่าของสวี่ฉู่หมิง แต่ว่าฉันไม่เคยนอนกับเขา กระทั่งจูบกันก็ยังไม่เคย ฉันไม่เคยทรยศคุณเลยจริงๆ นะคะ คุณเชื่อฉันไหม?”

เย่เฉินตอบพลางมองตาฉินหงเหยียน “ผมเชื่อสิ!”

เขาเองก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉินหงเหยียนกับสวี่ฉู่หมิงมาก่อนจะกการแอบฟัง หลายวันมานี้ทั้งสองคนไม่ได้ทำอะไรกันทั้งนั้น

แน่นอนว่าก่อนวันนี้เท่านั้น

ถ้าหากว่าเย่เฉินไม่ขัดขวางการแต่งงานของพวกเขาแล้วล่ะก็ วินาทีนี้ฉินหงเหยียนอาจจะไปนอนอยู่บนเตียงของสวี่ฉู่หมิงแล้วก็ได้!

พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วเย่เฉินก็รู้สึกว่าตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้ครอบบครองฉินหงเหยียนอีกครั้ง นี่ช่างเป็นความสำเร็จที่แสนหอมหวานเหลือกิน

เย่เฉินอดใจไม่ไหวเขาโน้มตัวเข้าหาหญิงสาวทันที

ตอนที่ 332 ค่าตัวถูกๆ ของหวังเจียเหยา!

ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินแล้วถาม “เย่เฉินพ่อคุณอยู่ที่ไหน?”

เย่เฉินส่ายหน้า เขารู้แค่ว่าบิดาของหญิงสาวยังไม่ตายแต่ไม่รู้ว่าฉินอ้าวหมิงอยู่ที่ไหน

ผู้กำกับหลี่เองก็รู้จักฉินอ้าวหมิง เขาย้อนถามอย่างสงสัย “ทำไมทุกคนถึงได้แน่ใจนักล่ะครับว่าคุณฉินอ้าวหมิงยังไม่ตาย?”

สวี่ฉู่หมิงชี้เย่เฉิน “เขามีรูปใหม่ของพี่ฉินอ้าวหมิง”

ผู้กำกับหลี่มองเย่เฉิน “ผมขอดูหน่อยได้ไหม?”

เย่เฉินพยักหน้ารับแล้วยื่นภาพถ่ายในมือถือให้อีกฝ่ายดู เขาพยักหน้า

“เป็นคนฉินอ้าวหมิงจริงๆ ถ้าดูจากระยะเวลาแล้ว เมื่อ 11 ปีก่อนเขาอายุ 40 กว่าตอนนี้ก็น่าจะ 50 กว่าแล้ว คุณเย่ไปได้ภาพถ่ายใบนี้มาจากไหน?”

เย่เฉินย่อมไม่สามารถบอกได้ว่าคนให้มาเป็นพี่ชายของเขาจึงกล่าวต่อไปว่า “สองวันก่อนผมไปฝรั่งเศสเพื่อไปสืบเรื่องฆาตกรที่ฆ่าพ่อของฉินหงเหยียน จ่ายเงินไปห้าสิบล้านถึงได้รูปใบนี้มา”

เหตุผลนี้ใช้ได้ทีเดียว อีกทั้งเรื่องเย่เฉินจ่ายเงินไปห้าสิบล้านแค่ไปสืบก็จะเจอ

อีกทั้งในเวลานี้ สวี่ฉู่หมิงก็กล่าวต่อ “ผู้กำกับหลิว ผมตามสืบเรื่องพี่ฉินอ้าวหมิงโดนฆาตกรรมมานานแล้ว ผมมีภาพถ่ายของพี่ฉินอ้าวหมิงกับผู้ต้องสงสัยในวันที่เขาตาย แล้วคนๆ นั้นก็คือพ่อของเย่เฉิน เย่เจิ้งหนาน!”

“แล้วรูปถ่ายอยู่ไหน?” ผู้กำกับหลิวถาม

สวี่ฉู่หมิงตอบ “บ้านผม เดี๋ยวจะให้คนไปเอามาเดี๋ยวนี้”

ผู้กำกับหลิวพยักหน้าแล้วกล่าว “คุณสวี่ คุณเย่ รบกวนคุณไปสถานีตำรวจกับผมหน่อย จะได้ช่วยให้เบาะแสเรื่องการหายตัวไปของคุณฉินอ้าวหมิง”

จากนั้นผู้กำกับหลี่ก็หันไปหาฉินหงเหยียน “คุณคือลูกสาวของคุณฉินอ้าวหมิงใช่ไหม? คุณเองก็ไปกับพวกเราดีกว่า ”

“ค่ะ”

ทั้งสามคนไม่มีใครปฏิเสธ

“ฉันเองก็เป็นลูกสาวของฉินอ้าวหมิง ฉันจะไปด้วยค่ะ!”

ฉินเสี่ยวตั่วที่อยู่ข้างๆ ก็จะเดินตามพวกเขาไป

ผู้กำกับหลิวพยักหน้า “งั้นรบกวนคุณช่วยไปด้วยกันหน่อย”

พูดจบ ผู้กำกับหลิวก็เดินออกจากงาน ก่อนจะไปเขาหันไปสั่งลูกน้องของเขา “จับพวกคนที่สร้างความวุ่นวายที่นี่ไปให้หมด!”

“ครับ!”

หลังจากคนสำคัญอย่างเย่เฉิน สวี่ฉู่หมิง และฉินหงเหยียนไปแล้ว งานแต่งที่แสนครึกครื้นนี่ก็จบลงอย่างเป็นทางการ

บรรดาแขกในงานต่างก็ทยอยกลับบ้าน

ซูมู่หลินกล่าว “คุณปู่ เย่เฉินไม่ได้ทะเลาะวิวาท ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เขาไม่ได้ทำอะไรผิดที่นี่ เรื่องของฉินอ้าวหมิง เป็นไปได้มากว่าเขาจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ แต่คิดว่าน่าจะโดยปล่อยออกมาแน่เร็วๆ นี้ หมอนี่ไม่รู้จักอะไรเลย แถมยังดึงดันจะคบหากับฉินหงเหยียน โดยที่ไม่เห็นหัวพี่สาวผมเลย ไม่เห็นหัวตระกูลซูเลย ไม่สั่งสอนเขา ผมคงคับอกตาย!”

ซูเจิ้นหางสีหน้าดำคล้ำ เขากล่าวเสียงเรียบ “สบายใจเถอะ ! รังแกหลานสาวฉันแล้วคิดจะสะบัดตูดไปไม่รับผิดชอบ ชิ เขาฝันหวานเกินไปแล้ว!”

ซูเจิ้นหางพูดจบก็สาวเท้าเดินออกไป

ตอนที่คนตระกูลซูเดินมาที่หน้าประตู ที่จริงแล้วหวังเจียเหยารออยู่ที่หน้าประตูนานแล้ว

หวังเจียเหยายืนอยู่ตรงนั้นตัวตรง ทำท่าที่ราวสาวน้อยใสซื่อ

หล่อนสวยขนาดนั้นจึงคิดว่าตนเองน่าจะสามารถเรียกร้องความสนใจจากซูเจิ้นหางได้

ทว่าคนตระกูลซูไม่มีใครเหลือบแลหล่อน แต่เดินผ่านหล่อนไปทันที

“เฮ้อ”

ในตอนที่หวังเจียเหยาและซูมู่หลินเดินสวนทางกัน หวังเจียเหยายื่นมือเรียวยาวคว้าแขนของซูมู่หลินเอาไว้

ซูมู่หลินเองชะงักฝีเท้าปรายตามองหวังเจียเหยา หญิงสาวสบตาเขาด้วยแววตาหวานซึ้ง “ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

สีหน้าซูมู่หลินฉายแววรังเกียจ จากนั้นก็ตะโกนกับซูเจิ้นหาง “คุณปู่กลับกันไปก่อนเลย ผมขอแวะห้องน้ำเดี๋ยวเดียวครับ”

เมื่อคนในครอบครัวเดินไปกันหมดแล้ว ซูมู่หลินจึงกล่าวอย่างไม่พอใจ “มีเรื่องอะไร?”

หวังเจียเหยากล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “คนเมื่อกี้คือปู่นายเหรอ?”

ก่อนหน้านี้ตอนที่ซูมู่หลินไปนอนกับหวังเจียเหยาที่วิลล่าของเย่เฉิน เคยเอารูปถ่ายของคุณปู่กับคนใหญ่คนโตทั้งหลายแหล่ เพื่อให้หวังเจียเหยานับถือชื่นชมตนเอง

“อืม มีอะไร?” ซูมู่หลินถามเสียงเย็น

หวังเจียเหยายิ้มหวาน “ทำไมนายไม่แนะนำคุณปู่ให้ฉันรู้จักล่ะ?”

ซูมู่หลินกล่าวอย่างไม่เกรงใจ “แนะนำคุณ? คุณคู่ควรเหรอ?”

อย่าว่าแต่คนตระกูลหวังหลุดจากตระกูลร่ำรวยไปแล้ว ต่อให้เป็นช่วงรุ่งเรืองที่สุดในยุคก่อน ก็ไม่เข้าสายตาคนตระกูลซู

หวังเจียเหยากัดริมฝีปาก เมื่อโดนแขวะแบบนี้ ก็หงุดหงิดมากทีเดียว “นายจะบอกว่าจะให้เงินฉันพันล้าน ตอนนี้นายเอาเงินให้ฉันสิ”

พูดไปจนจบแล้ว หวังเจียเหยามาไถเงินจากซูมู่หลิน

ไม่เอาเงินจะไม่ใช่สไตล์ของหวังเจียเหยา

ซูมู่หลินกล่าวพลางระบายยิ้ม “ผมเคยบอกแล้วว่าถ้าหากว่าคุณมีลูกชายให้ผม ผมจะให้เงินคุณพันล้าน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าลูกสาวของผม ส่วนลูกชายเป็นของเย่เฉิน ผมไม่ชอบลูกสาว ผมไม่ได้อยากได้ลูกสาวคนนั้น คุณเก็บลูกเอาไว้เถอะ!”

ซูมู่หลินพูดพลางจะเดินหนีไป หวังเจียเหยารีบร้อนลากเขาเอาไว้ “ทำไมนายใจร้ายจังเลย? ไม่ว่ายังไงนั่นก็สายเลือดนายนะ มีลูกสาวดีจะตายไป ลูกสาวเป็นตุ๊กตาตัวน้อยของคนเป็นพ่อนะ นายรู้ไหมว่าเย่เฉินหวังว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกเขามากขนาดไหน? แต่นายกลับไม่รู้จักเห็นคุณค่าเลย!

ฉันไม่สนใจ ฉันคลอดลูกสาวให้นาย ถึงนายจะไม่ให้พันล้าน ก็ให้ฉันสักห้าร้อยล้านเถอะ! นายแค่ให้เงินฉันมาห้าร้อยล้าน แล้วต่อไปเรื่องทั้งหมดของลูก นายไม่ต้องสนใจแล้ว ฉันเลี้ยงเอง”

ซูมู่หลินครุ่นคิด เงินห้าร้อยล้านสำหรับเขาไม่ได้เป็นจำนวนมากมายอะไร

ซูมู่หลินเห็นวงหน้างดงามของหวังเจียเหยา ก็อดยื่นมือไปแตะใบหน้างดงามไม่ได้

“คุณสวยขนาดนี้ ลูกสาวโตแล้วคงต้องสวยมากแน่ ก็ได้ เอาเงินไปห้าร้อยล้านแล้วกัน”

หวังเจียเหยาดีใจอย่างมาก “งั้นนายรีบโอนมาเลย!”

ซูมู่หลินยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะมองประเมินหวังเจียเหยา “หวังเจียเหยา คุณนี่ก็หุ่นดีใช้ได้นะ ดูแล้วไม่เหมือนคนเคยคลอดลูกเลย ฮ่าๆ… เอางี้แล้วกัน คุณไปโรงแรมเป็นเพื่อนผมหน่อย ดูแลเอาใจผมหน่อย เดี๋ยวโอนเงินให้ดีไหม?”

หวังเจียเหยาลังเล คราวนี้ที่หล่อนมา เป้าหมายหลักๆ ก็คือเพื่องอนง้อเย่เฉิน

แต่ในตอนนี้เย่เฉินและฉินหงเหยียนกลับมาคืนดีกันแล้ว หล่อนก็ไม่มีหวังแล้ว

ดังนั้นหวังเจียเหยาเลยพยักหน้ารับ “ได้ฉันไปกับนายก็ได้”

ซูมู่หลินจูบหญิงสาวทันที แล้วโอบเอวหล่อน “งั้นไปกันสิ ที่รัก!”

หวังเจียเหยาหันหน้าไปมองหวังซ่าวเจี๋ย “พี่ซ่าวเจี๋ย นายช่วยเก็บความลับเรื่องนี้ให้ฉันด้วยนะ ห้ามบอกเย่เฉิน แล้วก็อย่าลืมนะตอนนี้ฉันเป็นคนที่รวยที่สุดในบ้าน!”

หวังซ่าวเจี๋ยกัดฟันกรอดอย่างไม่พอใจ แต่ก็ได้แต่ตกปากรับคำ

ทว่าซูมู่หลินเหมือนว่าจะมีเจตนาเหมือนอยากให้เย่เฉินรู้ จงใจเลือกโรงแรมที่เย่เฉินพักอยู่ อีกทั้งยังเลือกห้องเพรสซิเดนท์สูทด้วย

ในห้องหรูหรานั้น หวังเจียเหยาเรือนร่างอ้อนแอ้นบอบบาง “ที่รัก ฉันได้ยินมาว่าคุณปู่ของนายบอกว่าพ่อเย่เฉินจับใครไว้น่ะ คุณปู่ของนายไม่ชอบเย่เฉินใช่ไหม? ตระกูลซูของนายจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลเย่ใช่ไหม?”

ซูมู่หลินกล่าวพลางระบายยิ้ม “ถูกต้อง เย่เฉินและฉินหงเหยียนคืนดีกัน เขายั่วโมโหคุณปู่ของผมแล้ว เขาจบเห่แน่!”

ตอนที่ 331 แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ!

แต่ด้านหลังของเย่เฉินและฉินหงเหยียนห่างจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ไม่ถึงสองเมตร มีภาพแต่งงานของสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียนหราอยู่!

ที่นี่คืองานแต่งงานของสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียน ทว่าเย่เฉินกลับจุมพิตหญิงสาวต่อหน้าสวี่ฉู่หมิงอย่างไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย

ในงานเกิดเสียงดังฮือฮาขึ้นมากกว่าเดิม!

“สวรรค์ นี่…เหลวไหลเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าสาวจะจูบกับชายอื่นต่อหน้าเจ้าบ่าวเสียด้วย!”

“คุณสวี่เป็นถึงคนที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะโดนเหยียดหยามขนาดนี้!”

“เย่เฉินคนนี้มันแน่จริงๆ กล้าทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย!”

โต๊ะของตระกูลซูอยู่ใกล้เวทีที่สุด พวกเขาหัวเสียเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า!

ซูเจิ้นหางขมวดคิ้วมุ่น แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร!

เขาตั้งใจจะให้เย่เฉินเป็นหลานเขยเขา โดยแต่งงานกับซูมู่ชิงหลานสาวของเขา

แต่วันนี้ไอ้เด็กเย่เฉินกลับคืนดีกับแฟนเก่าต่อหน้าเขา!

“รู้อย่างนี้ตอนแรกไม่น่าปล่อยให้ออกไปจากเมืองหลวงเลย!”

ตอนนั้นซูเจิ้นหางอยากจะรั้งเย่เฉินไว้ที่เมืองหลวง แต่บังเอิญว่าเขารู้มาพอดีว่าฉินหงเหยียน จะแต่งงานกับคนอื่นพอดี ซูเจิ้นหางเลยไม่บังคับเขา

คิดว่าหลังจากที่เย่เฉินเลิกกับฉินหงเหยียนแล้ว ย่อมมาตามจีบหลานสาวของเขา ไม่นานก็จะกลายเป็นเขยของพวกเขาไปเอง

คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะหลงใหลในตัวฉินหงเหยียนมากขนาดนี้ หลังจากเลิกกันไปแล้วก็ยังพยายามขอหญิงสาวคืนดี

ซูมู่หลินหัวเสีย “สองคนเล่นอะไรกัน? เห็นเจ้าบ่าวเป็นอากาศหรือไง? เย่เฉินสารเลวจริงๆ!”

ถ้าหากว่าเย่เฉินได้ยินแบบนี้ เขาคงฟาดหน้าซูมู่หลินทันที

ซูมู่หลินต่างหากที่เหลวไหล เขาไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้เพราะก่อนหน้านี้เขาก็อาศัยโอกาสที่เย่เฉินไปทำงานแอบมาหลับนอนกับฉินหงเหยียน!

ซูมู่ชิงเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ในใจก็เจ็บปวดอย่างมาก หล่อนก็ผุดลุกขึ้น“ฉันไปก่อนนะ”

และอีกคนที่เห็นภาพแสนบาดตานั้นก็คือหวังเจียเหยาที่ยืนอยู่ตรงประตู

“เย่เฉิน คิดไม่ถึงเลยว่านายจะมาแย่งเจ้าสาว! งานแต่งงานสองครั้งที่ผ่านมา นายก็มาก่อความวุ่นวายตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่นายจะมาแย่งตัวฉัน! แต่วันนี้นายกลับมา คิดไม่ถึงว่าจะมาแย่งเจ้าสาวในงานแต่งงานอย่างฉินหงเหยียน แล้วมาขอหล่อนคืนดี!

ช่วงนี้ฉินหงเหยียนจะต้องนอนกับสวี่ฉู่หมิงแล้วแน่นอน แต่ทำไมนายถึงให้อภัยหล่อน! แล้วทำไมพอฉันนอนกับคนอื่น นายถึงไม่ยอมให้อภัยฉัน แต่พอเป็นหล่อนไปนอนกับคนอื่น แต่นายก็ยังให้อภัยหล่อน? นี่ไม่ยุติธรรมเลย! ฉันโกรธจนจะบ้าแล้ว!”

หวังเจียเหยาเดือดปุดๆ หล่อนยอมรับว่าตนเองเคยทำผิดจริงๆ แต่ว่าหล่อนรู้สึกว่านั่นก็เป็นเรื่องที่ผู้หญิงหน้าตาสวยก็ทำผิดกัน

หล่อนรู้สึกว่าเย่เฉินควรจะให้อภัยตนเอง

และในเวลานี้เองซูมู่ชิงก็เดินออกจากงานด้วยใบหน้าเรียบเฉย สวนทางกับหวังเจียเหยา

หวังเจียเหยานิ่งไปเมื่อเห็นซูมู่หลิน

“ผู้หญิงสวยจังเลย!”

นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเจียเหยาเจอซูมู่ชิง ยังอดตะลึงในความสวยของอีกฝ่ายไม่ได้

บนเวทีนั้นสวี่ฉู่หมิงหน้าแดงก่ำ พิธีกรงานแต่งไม่รู้จะพูดอะไร

จากนี้ไปเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองเสินเฉิง เกรงว่าจะกลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองเสินเฉิง!

สวี่ฉู่หมิงตะโกนกร้าว “หุบปากไป! พวกแกหุบปาก! เย่เฉิน หงเหยียน หยุดเดี๋ยวนี้!”

ทว่าเย่เฉินและฉินหงเหยียนกลับไม่สนใจคำพูดของเขาแม้แต่น้อย แต่ยังจุมพิตกันอย่างดูดดื่มต่อไป

ในเวลาที่ผ่านมาพวกเขาผ่านอะไรกันมามาก พวกเขาจึงไม่อาจสะกดความต้องการในใจได้

สวี่ฉู่หมิงหัวเสีย เขาจะทนให้ภรรยาของตนเอง จุมพิตกับชายอื่นต่อหน้าแขกจำนวนมากได้อย่างไร?

“จัดการพวกเขา! รีบแยกพวกเขาออกจากกันเดี๋ยวนี้!”

สวี่ฉู่หมิงจึงหันไปสั่งบรรดาพนักงานรักษาความปลอดภัย

“ครับ!”

พนักงานรักษาความปลอดภัยร่างกายสูงใหญ่พวกนี้ลงมือทันที พวกเขาเตรียมจะปีนขึ้นบนเวทีเพื่อลากเย่เฉินลงไปจากเวที

ทว่าพวกเขาเพิ่งจะขยับตัว แต่กลับลูกน้องของโดนหลิวเจิ้งคุนและซีกวาก็ปราดเข้าขวางทันที!

“กลับมาเดี๋ยวนี้ไอ้คนสารเลว! กล้าทำคุณชายเย่เสียเรื่อง รนหาที่ตายชัดๆ”

ซีกวาคว้าพนักงานรักษาความปลอดภัยที่พุ่งพรวดขึ้นเวทีแล้วฟาดหน้าอีกฝ่าย

ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็เริ่มลงไม้ลงมือ

งานแต่งงานจึงกลายเป็นการตะลุมบอน!

ลูกน้องของหลิวเจิ้งคุนล้วนแต่เป็นลูกน้องเก่งๆ ที่จ้างมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พนักงานรักษาความปลอดภัยของสวี่ฉู่หมิง ถึงจะไม่ด้อยไปกว่าเขาแต่พอเปรียบเทียบกับนักเลงหัวไม้ที่เตะต่อยเป็นอาชีพก็ยังอ่อนหัดกว่ามาก

ทันทีที่เห็นลูกน้องสู้ไม่ไหว สวี่ฉู่หมิงก็หัวเสียอย่างที่สุด เขาแจ้งความทันที

ไม่นานตำรวจก็มาถึงงานแต่งงาน เย่เฉินกับฉินหงเหยียนเพิ่งจะหยุดจุมพิตกัน

“หยุดเดี๋ยวนี้! ทุกคนหมอบลง!”

ในตอนนี้คนของหลิวเจิ้งคุนและสวี่ฉู่หมิงเองต่างก็หมอบลงไป

และตอนนี้สีหน้าของสวี่ฉู่หมิงคล้ำเขียว เดินลงจากเวทีแล้วชี้เย่เฉินพลางกล่าว “คุณตำรวจครับ ก็คนนี้น่ะสิครับ พาคนพวกนี้มาถล่มงานแต่งงานของผม คุณช่วยจับเขาเข้าคุกด้วยครับ!”

ซีกวาที่นั่งยองๆ บนพื้นก็กล่าว “พวกเราแค่ไม่ชอบขี้หน้าสวี่ฉู่หมิงเท่านั้นเลย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเย่”

ตำรวจเดินมาหาเย่เฉินพลางถาม “คนพวกนี้คือคนของคุณเหรอ?”

เย่เฉินย่อมไม่ยอมรับอยู่แล้ว “ไม่ใช่”

“งั้นคุณมีเรื่องวิวาทกับเขาหรือเปล่า?” ตำรวจถามต่อ

เย่เฉินตอบ “ไม่นะครับ”

“งั้นคุณมาทำอะไรที่นี่?” ตำรวจถามต่อ

เย่เฉินมองฉินหงเหยียนแล้วตอบ “ก็มาจูบกับหล่อน”

ตำรวจปรายตามองฉินหงเหยียน นี่มันเจ้าสาวของงานชัดๆ!

หญิงสาวรีบร้อนเสริม “ฉันเป็นคนจูบเขาก่อน”

ตำรวจทำอะไรไม่ถูก เขามองสวี่ฉู่หมิงแล้วกล่าว “นี่…ออกจะยุ่งยากอยู่นะครับ”

หลังจากที่เย่เฉินมาก็ไม่ได้ทำเรื่องวุ่นวายผิดกฎหมายอะไร แค่จูบกับเจ้าสาวเท่านั้นเอง หนำซ้ำหญิงสาวยังเป็นคนจูบเขาก่อนด้วยซ้ำ

และในเวลานี้เองก็มีรถตำรวจอีกคันมาจอดที่หน้าประตู

ชายหนุ่มวางท่าทางใหญ่โตเดินนำตำรวจมาด้วยจำนวนไม่น้อยคนในงานจำเขาได้ทันที

“นั่นมันผู้กำกับหลิว!”

“ผู้กำกับมาเองเลย!”

ผู้กำกับหลิวเดินมาหยุดตรงหน้าของซูเจิ้นหาง “ท่านซูครับ ได้ยินมาว่าที่นี่มีเรื่องทะเลาะวิวาท รู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ด้วยผมเลยรีบมาด้วยตัวเองเลยครับ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”

ซูเจิ้นหางโบกมือ“ไม่เป็นไร”

จากนั้นซูเจิ้นหางก็ลุกขึ้น เขาถลึงตามองเย่เฉินด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก จากนั้นก็กล่าวกับผู้กำกับหลิว “เสี่ยวหลิวเอ้ย เธอยังพอจำคุณฉินอ้าวหมิงได้ใช่ไหม?”

อีกฝ่ายรีบตอบทันที “จำได้อยู่แล้วครับ เขาเป็นโปรแกรมเมอร์ นักธุรกิจและเจ้าของธุรกิจที่เก่งมากคนหนึ่งในเมืองเสินเฉิง เสียดายที่เขาตายที่เมืองนอกเมื่อ 11 ปีก่อน”

ซูเจิ้นหางกล่าว “ฉินอ้าวหมิงยังไม่ตาย ผมสงสัยว่าคนๆ นี้คือพ่อของเย่เฉินกักขังหน่วงเหนี่ยวฉินอ้าวหมิงเอาไว้!”

กักขังหน่วงเหนี่ยว!

คิดไม่ถึงว่าซูเจิ้นหางจะพูดว่าพ่อของเย่เฉินกักขังหน่วงเหนี่ยวพ่อของฉินหงเหยียน!

สีหน้าเย่เฉินโหดเหี้ยม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอซูเจิ้นหาง และพอจะเดาได้ว่าตาแก่คนนี้คือปู่ของซูมู่หลินและซูมู่ชิง

แต่คิดไม่ถึงว่าเจอหน้ากันครั้งแรก เขาก็จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตนเองทันทีแบบนี้!

“ถูกต้อง!” สวี่ฉู่หมิงเองก็เสริม “ถ้าพี่ฉินยังไม่ตายจริงๆ งั้นเขาก็ต้องโดนคนตระกูลเย่กักขังหน่วงเหนี่ยว! ไม่อย่างนั้นทำไมตลอด 11 ปีที่ผ่านมานี้เขาถึงได้หายสาบสูญไป ไม่ติดต่อลูกและครอบครัวล่ะ? ขนาดตอนที่ภรรยาของเขาตายเขายังไม่ปรากฏตัวเลย!”

ฉินหงเหยียนชะงักไป หล่อนหันมองหน้าเย่เฉิน หล่อนอยากรู้คำตอบจากปากของชายคนรัก!

ตอนที่ 330 ความจริงเปิดเผย!

สวี่ฉู่หมิงชี้หน้าเย่เฉิน “ได้ยินไหม! ฉินหงเหยียนไม่อยากคบหากับนายแล้ว! เย่เฉิน อย่างไรเสียนายก็เป็นถึงประธานบริษัทใหญ่โต ทำเรื่องเด็กน้อยแบบนี้ไม่รู้สึกอายหรือไง?!”

แขกเหรื่อคนอื่นๆ ต่างก็ตำหนิเย่เฉิน

“เย่เฉินคนนี้เด็กน้อยเกินไปแล้วมั้ง? เจ้าสาวไม่รักเขาแล้ว แต่เขายังตามตอแยหล่อนอีก ชั่วจริงๆ!”

“จริงด้วยๆ วัยรุ่นนี่ไม่รู้จักปล่อยวางเลยนะ”

“น่าตลกจริงๆ ยังมาล่มงานอีก คิดว่ากำลังถ่ายละครอยู่เหรอ? แกมาล่มงานแต่ง แต่เจ้าสาวเขาไม่ไปกับแก ฮ่าๆ”

เมื่อได้ยินคำด่าและคำตำหนิของคนด้านหลัง เย่เฉินก็หัวเสียอย่างยิ่ง เขาหันหลังไป แล้วถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างโมโห

แล้วเย่เฉินก็เห็นซูมู่หลินที่นั่งไขว่ห้างรอดูละครฉากใหญ่พอดี

เมื่อเย่เฉินเห็นซูมู่ชิงก็ถลึงตาใส่เขา

ซูมู่หลินกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “มองฉันทำไม? ฉันไม่ได้ด่านายเสียหน่อย!”

ซูมู่หลินคิดถึงคราวก่อน นายยัดฉันใส่ UFO ไปโผล่ที่สถานีตำรวจ จนเกือบจะโดนระเบิด ฉันยังไม่กล้าคิดบัญชีกับนายเลย!

คราวนี้ซูมู่ชิงที่นั่งข้างซูมู่หลินก็ตีเขาเบาๆ “อย่าพูดเหลวไหลนะ”

ซูมู่ชิงรู้ดีว่าตอนนี้เย่เฉินเห็นแฟนเก่ากำลังจะแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น ก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ไม่อยากให้น้องชายมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้

ซูมู่หลินเองถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วเปลี่ยนท่านั่งวางขาให้เรียบร้อย ไม่สบตาเย่เฉินอีก

เย่เฉินเห็นซูมู่ชิงในใจก็สับสน เพราะว่าครั้งก่อนที่แอบได้ยินบทสนทนาระหว่างซูมู่ชิงและฉินหงเหยียน หญิงสาวบอกว่าชอบเขา

ในเวลานี้หวังเจียเหยาที่นั่งแถวประตูเพิ่งจะเห็นซูมู่หลินที่นั่งด้านใน “เขาก็มาด้วยแฮะ…”

เย่เฉินหันหน้ามามองฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “หงเหยียน ผมรู้ว่าคุณยังรักผมอยู่ คุณหลอกผมไม่ได้หรอก”

ส่วนสวี่ฉู่หมิงที่อยู่ด้านข้างตะคอก “เย่เฉิน นายอย่าหน้าด้านหน้าทนนักหนาเลย ในตอนนี้ฉินหงเหยียนเป็นภรรยาของฉัน! ถ้านายกล้าพูดจาเหลวไหลที่นี่ ฉันจะแจ้งความจับนายแล้วนะ”

เย่เฉินมองสวี่ฉู่หมิง “สวี่ฉู่หมิงไอ้สารเลว! ตอนนั้นพ่อของหงเหยียนฝากแกดูแลหล่อน แต่แกกลับบีบให้หล่อนเป็นเด็กแก วันนี้ยังกล้าแต่งงานกับหล่อนอีก แกละอายใจบ้างไหมเนี่ย?!”

สวี่ฉู่หมิงตะคอก “แกไม่คู่ควรพูดถึงพ่อของฉินหงเหยียน!”

“ทำไมฉันไม่คู่ควรล่ะ?” เย่เฉินกล่าวเสียงขึงขัง

สวี่ฉู่หมิงตะคอก “แกไม่คู่ควรรู้คำตอบ!”

เย่เฉินเองก็ตะคอกกลับ “แกอยากพูดใช่ไหมว่าพ่อฉันฆ่าพ่อของหงเหยียน?”

คำพูดนี้ของเย่เฉินทำให้ทั้งงานแต่งงานตกตะลึง โดยเฉพาะสวี่ฉู่หมิง และฉินหงเหยียน!

ฉินหงเหยียนนิ่งไป “คุณ..คุณรู้ได้ยังไง?”

เย่เฉินกล่าว “หงเหยียน ผมจะบอกคุณว่าพ่อผมไม่ได้ฆ่าพ่อคุณ คุณเข้าใจผิด!”

“เป็นไปไม่ได้!” สวี่ฉู่หมิงปฏิเสธทันทีควัน “ฉันส่งคนไปตามสืบเรื่องการตายของพี่ใหญ่ตั้งแต่เมื่อ 11 ปีก่อน ตอนนั้นฉันได้รูปถ่ายมาใบหนึ่ง ก็เลยรู้หน้าตาของฆาตกร จนในที่สุด ก่อนนี้ฉันสืบจนพบ ว่าคนผู้นั้นก็คือพ่อแท้ๆ ของแกเย่เฉิน เย่เจิ้งหนานทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเย่! นอกเสียจากว่าแกจะไม่ยอมรับว่าเย่เจิ้งหนานเป็นพ่อแก”

เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่ฉู่หมิง ซูมู่หลินก็เบิกบานใจ “เร้าใจขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? มิน่าล่ะจู่ๆ ฉินหงเหยียนถึงได้เลิกกับเย่เฉินโดยกระทันหัน ที่แท้ก็เป็นแค้นฆ่าพ่อนี้เอง”

เย่เฉินกล่าวกับสวี่ฉู่หมิง “เย่เจิ้งหนานคือพ่อผมไง!”

สวี่ฉู่หมิงกล่าวพลางหัวเราะ “ยอมรับก็ดี! แกเป็นลูกชายฆาตกร!”

เย่เฉินตวัดฝ่ามือฟาดใส่หน้าสวี่ฉู่หมิง “แต่พ่อฉันไม่ได้ฆ่าใคร! นั่นเพราะฉินอ้าวหมิงพ่อของฉินหงเหยียนไม่ได้ตายด้วยซ้ำไป”

ประโยคนี้ทำให้คนทั้งงานแต่งงานเถียงกันทันที

ที่นี่คือเมืองเสินเฉิง ก่อนนี้ฉินอ้าวหมิงเป็นคนสำคัญและมีอิทธิพลในวงการธุรกิจทุกคนจึงรู้จักเขา

ชายอายุ 40 กว่าผุดลุกขึ้น แล้วตรงมาหาเย่เฉิน

“ไอ้เด็กบ้า ไม่ว่านายจะเป็นประธานบริษัทเฉินเย่กรุ๊ปหรือว่าบอสใหญ่ของบริษัทเดลิเวอรี่ แต่ถ้าแกกล้าเอาเรื่องพี่ใหญ่มาพูดเหลวไหลฉันไม่ปล่อยแกไปแน่!”

นอกจากนี้ยังมีอีกคนลุกขึ้นมา “ใช่ พี่อ้าวหมิงเคยช่วยเราหลายคน ถ้าไม่ได้เขาคอยช่วยให้ตอนนั้น ฉันไม่มีทางสำเร็จแบบวันนี้!”

พอจะมองออกว่าฉินอ้าวหมิงเป็นที่รักอย่างมาก

ซูมู่หลินกล่าวชม “ฉินอ้าวหมิงตายไป 11 ปีแล้วแต่ยังมีคนออกตัวแทนเขา คนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย”

ซูเจิ้นหางที่นั่งร่วมโต๊ะจิบชาแล้วกล่าว “ฉินอ้าวหมิงเป็นคนสำคัญ เขาเป็นโปรแกรมเมอร์ ทั้งทักษะการทำงานและวิสัยทัศน์ดีเยี่ยมอย่างมาก ในโลกของเทคโนโลยี 5G ของหัวเหวยก็เป็นแผนการที่ฉินอ้าวหมิงวางเอาไว้ และเขาเป็นคนที่แนะนำให้ผู้บริหารหัวเหวยเก็บ 10% ของกำไรเอาไว้วิจัยเทคโนโลยี พวกเขาถึงได้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขนาดนี้”

เมื่อได้ยินคำพูดของซูเจิ้นหางทั้งหมด คนตระกูลซูก็รู้เรื่องคร่าวๆ ของฉินอ้าวหมิงก็เสียดาย คนเก่งๆ แบบนี้จะโดนฆ่า เสียดายจริงๆ

ฉินหงเหยียนตื่นเต้น เขารู้ว่าเย่เฉินไม่ใช่คนที่จะพูดจาเรื่อยเปื่อย “เย่เฉินนายพูดเหลวไหลอะไร? ทำไมถึงบอกว่าพ่อฉันยังไม่ตาย?”

สวี่ฉู่หมิงรีบกล่าวต่อ “หงเหยียน เธออย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหล เขาทำไปเพื่อขัดขวางงานแต่งงานของเรา เลยสร้างเรื่องโกหกเรื่องนี้ขึ้นมา!”

แต่ฉินหงเหยียนกลับไม่คิดแบบนี้ ตอนนั้นพวกหล่อนก็ไม่เห็นศพของบิดา หล่อนก็เคยวาดฝันเอาไว้ว่าพ่อของหล่อนยังไม่ตาย

และในเวลานี้เองเย่เฉินเองก็คว้าเอามือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วส่งเปิดรูปใหม่ของฉินอ้าวหมิง

“หงเหยียนผมไม่ได้หลอกคุณ คุณดูสิ นี่คือรูปใหม่ของพ่อคุณ”

ในวินาทีที่เห็นภาพถ่าย ฉินหงเหยียนก็ตกตะลึงเอามือปิดปาก จากนั้นก็ประคองมือถือด้วยมือสองข้าง เพิ่งพินิจมองใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าในภาพถ่ายนั้น แล้วน้ำตาก็พรั่งพรูออกมา

“คุณ…คุณพ่อยังไม่ตาย!”

“เป็นไปไม่ได้!”

สวี่ฉู่หมิงแย่งมือถือมา ตอนนี้ชายวัยกลางคนทั้งสองคนออกตัวแทนฉินอ้าวหมิง เขาเองก็เดินขึ้นมาบนเวที แล้วมองภาพถ่ายนั้นด้วยกัน

มองแค่ปราดเดียวพวกเขาก็รู้ว่าเป็นฉินอ้าวหมิง!

“ถูกต้อง นี่คือพี่ฉิน!”

“จริงด้วย นี่มันพี่ฉิน!”

“อ๊าก! พี่อ้าวหมิงยังไม่ตาย! สวรรค์มีตาจริงๆ!”

ทว่าสวี่ฉู่หมิงเองก็ไม่อยากจะเชื่อความจริงเรื่องนี้ เขาพุ่งพรวดไปหาเย่เฉิน

“เย่เฉินรูปนี้ของแกเป็นของปลอม! แกจะต้องใช้เทคโนโลยีอะไรโดยอ้างอิงจาพเมื่อสิบปีก่อนของเขาทำรูปปลอมนี่ออกมา! ใช่ไหม!”

เย่เฉินตะคอกกลับ “สวี่ฉู่หมิง กลัวอะไร? กลัวว่าถ้าพ่อของหงเหยียนยังไม่ตาย เขาจะกลับมาคิดบัญชีกับคุณล่ะสิ!”

สวี่ฉู่หมิงหลอกฉินหงเหยียนตอนเด็กๆ ให้เป็นผู้หญิงของเขา ถ้าหากว่าฉินอ้าวหมิงรู้เรื่องนี้ขึ้นมาล่ะก็ ไม่ปล่อยเขาไปแน่ๆ!

“แก…แกพูดจาเหลวไหล!” สวี่ฉู่หมิงปฏิเสธทันที “พี่ฉินอ้าวหมิงมีบุญคุณใหญ่หลวงกับฉัน ถ้าหากว่าเขายังไม่ตายจริงๆ ฉันจะเป็นคนที่ดีใจที่สุดในโลกใบนี้เลย! นายพาเขามาด้วยหรือเปล่า?”

เย่เฉินไม่ได้ตอบสวี่ฉู่หมิง แต่ยืนบนเวทีพลางกุมมือฉินหงเหยียน

“หงเหยียน…”

“เย่เฉิน…”

เย่เฉินทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาโน้มตัวไปจุมพิตฉินหงเหยียน!

แล้วหญิงสาวก็เช่นกัน หล่อนค้อมตัวไปหาเย่เฉิน!

ทั้งสองคนจุมพิตกันอย่างดูดดื่มในงานแต่งงานของสวี่ฉู่หมิง!

ตอนที่ 329 แย่งตัวเจ้าสาว

ถึงแม้ว่าสวี่ฉู่หมิงจะเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง แต่อย่างไรเสียก็เป็นการแต่งงานครั้งที่สอง หนำซ้ำภรรยาคนแรกก็ยังตายไปไม่เท่าไหร่

ดังนั้นเขาจึงเลือกจัดงานแต่งงานในตอนกลางคืน และจัดไม่ใหญ่โตเอิกเกริกมากนัก

แขกที่เชิญมาก็มีจำนวนไม่มาก มีแต่คนที่สนิทๆ หรือไม่ก็พวกคนใหญ่คนโตถึงจะได้รับบัตรเชิญ

และพิธีการในงานแต่งงานก็ค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ได้มีขั้นตอนอะไรเยอะแยะแบบคนสมัยใหม่

ขั้นตอนปัญญาอ่อนพวกนั้น สำหรับประธานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อย่างสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียนนั้นเป็นการลดตัวเกินไป

ทั้งสองคนเดินขึ้นมาบนเวทีแล้ว สวี่ฉู่หมิงก็พูดจาตามมารยาทจำพวกขอบคุณแขกทุกท่านและประสบการณ์ทั้งหมดที่ตนเองเคยประสบพบเจอ

นอกจากนี้เขายังพร่ำพรรณถึงความรักที่เขากับฉินหงเหยียนมีให้แก่กัน

ก็มีทั้งเรื่องจริงและโกหก เช่นเขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าฉินหงเหยียนเป็นลูกสาวของเพื่อนที่เขาเคารพนับถือ แต่กลับไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาเคยเลี้ยงหญิงสาว

แถมยังพูดว่าเขาช่วยเหลือสองคนพี่น้องอย่างใจกว้าง แต่ก็ไม่พูดเรื่องที่เขาสั่งให้ฉินหงเหยียนเป็นภรรยาลับๆ ของเขา

สุดท้ายหลังจากที่พรรณนาทุกอย่างไปจนหมด ทำให้แขกทั้งหลายต่างก็ตื้นตันไปกับความรักของคู่รักนี้

“ซึ้งจังเลย! หากว่าพ่อของเจ้าสาวที่อยู่ในปรโลกได้เห็นลูกสาวของเขา มีคนดูแลดีขนาดนี้ มีที่พักพิงดูแลดีขนาดนี้คงจะต้องดีใจมากทีเดียว! นั่นสิ ก่อนหน้านี้คุณสวี่เองเห็นเจ้าสาวเป็นเหมือนลูกสาว หนำซ้ำยังดูแลหล่อนกับน้องสาวมานานหลายปี ตอนนี้กลายเป็นคนในครอบครัวเดียวกันจริงๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี!”

เมื่อเห็นทุกคนต่างก็ซาบซึ้งกับความรักของฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิง พิธีกรในงานแต่งงานที่ยืนอยู่บนเวทีก็กล่าวว่า

“เรื่องคุณสวี่กับคุณฉินหักมุมมาก โรแมนติกมากด้วย! เรามาดื่มให้คู่บ่าวสาวดีไหม?”

แขกเหรื่อด้านล่างต่างก็ตะโกน

“หอมเลย! หอมเลย!”

ที่บนเวที สวี่ฉู่หมิงจูงมือฉินหงเหยียน หญิงสาวกลับมีสีหน้าเก้อเขิน

สวี่ฉู่หมิงกล่าวเสียงเบา “พิธีกรคนนี้จริงๆ เลย ทั้งที่สั่งเขาเอาไว้แล้วว่าห้ามจัดขั้นตอนเหลวไหลเลอะเทอะทั้งหลายทั้งแหล่ ”

เมื่อด่าพิธีกรเสร็จ เขาก็กล่าว “หงเหยียน วันนี้เป็นวันมงคลของเราสองคน ทุกคนก็ตื่นเต้นกัน เธอช่วยฉันรับมือกับพวกเขาหน่อยได้ไหม?”

สวี่ฉู่หมิงคิดถึงฉินหงเหยียนใจจะขาดแล้ว!

ฉินหงเหยียนคนนั้น ถึงแม้ว่าจะแสดงได้สมบทบาท แต่ก็ไม่อาจเทียบเคียงกับฉินหงเหยียนตัวจริงได้แม้แต่น้อย!

ผู้หญิงราคาถูกที่ใช้เงินซื้อได้ จะเปรียบเทียบกับนางฟ้าที่ใช้เงินหลายหมื่นล้านก็ยังซื้อไม่ได้ได้ยังไง!

ฉินหงเหยียนรู้ดีว่าแขกเหรื่อด้านล่างเวทีนั้นมีอำนาจใหญ่โต โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูเจิ้นหางจากตระกูลซูในเมืองหลวงยังมาร่วมงานด้วยตนเอง

ถ้าหากไม่รับปากล่ะก็ สวี่ฉู่หมิงคงจะเสียหน้าแย่ ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงฉลาดหลักแหลม แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนรู้จักไว้หน้าผู้ชายเสมอ

“อืม” ฉินหงเหยียนพยักหน้ารับปากอีกฝ่าย!

สวี่ฉู่หมิงดีใจอย่างยิ่ง เขารีบค่อยๆ เข้าไปประชิดหญิงสาว ก่อนจะจุมพิตเจ้าสาวทันทีท่ามกลางเสียงโห่ร้องของบรรดาแขกเหรื่อ!

ฉินหงเหยียนยืนนิ่งไม่ไหวติง เมื่อเห็นสวี่ฉู่หมิงเข้ามาใกล้ตนเองเรื่อยๆ หล่อนจึงรีบปิดตาทันที!

วินาทีที่หญิงสาวปิดเปลือกตา หญิงสาวก็คิดถึงเย่เฉิน!

“ขอโทษด้วยนะเย่เฉิน สุดท้ายเราก็ไม่ลงเอยกันอยู่ดี ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อให้คุณลืมฉันไป! ดีกว่าพอถึงตอนนั้นแล้วให้คุณต้องมาลำบากใจ ไม่สู้ให้คุณเกลียดฉันตอนนี้ยังดีกว่า!”

ฉินหงเหยียนได้แต่โทษที่สวรรค์ใจร้ายเกินไป!

ทุกคนมองด้านบนเวที ริมฝีปากของสวี่ฉู่หมิงประทับทาบลงบนริมฝีปากบางของฉินหงเหยียน!

แต่ในเวลานี้เอง!

ทันใดนั้นเย่เฉินก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู แล้วตะโกนใส่สวี่ฉู่หมิงที่อยู่บนเวที

“สวี่ฉู่หมิง! ถ้ากล้าจูบฉินหงเหยียนล่ะก็ โดนฉันต่อยแน่ !”

พนักงานที่อยู่ตรงหน้าประตูตกใจ เมื่อครู่เขาหันไปมองเวทีเหมือนกัน

เมื่อตั้งสติได้เขาก็รีบขวางผู้มาเยือนทันที “นี่คุณจะทำอะไร? แจ้งชื่อมา!”

หลิวเจิ้งคุนเตะพนักงานคนนั้นจนกระเด็นออกไป จากนั้นก็เดินไปพูดกับเขา “ได้ยินชัดแล้วนี่ เขาคือเย่เฉิน เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศนี้! เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศนี้! เขาคือเย่เฉินประธานบริษัทเฉินเย่กรุ๊ป!”

“อ้อ จำได้แล้ว เขาก็คือแฟนเก่าของเจ้าสาวฉินหงเหยียน ก่อนนี้เขาซื้อบริษัทเอ็กซ์เพรสไป๋ลี่แล้วมอบให้ฉินหงเหยียนเป็นของขวัญ!”

“เขามาทำไม? หรือว่าจะมาล่มงานแต่ง”

ทุกคนต่างก็ถกเถียงกัน แล้วทั้งงานแต่งงานก็ตกอยู่ในความโกลาหล

ในเวลานี้เอง หวังเจียเหยาที่นั่งแปลกแยกจากคนในงาน ก็ผุดยิ้มออกมา “ฮึ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเย่เฉินจะต้องมาแน่! หมอนี่ชอบก่อความวุ่นวายในงานแต่งงานที่สุดแล้ว ฉันแต่งงานไปสองครั้ง เขาก็มาก่อเรื่องสองครั้งเลย ไม่มีทางที่เขาจะไม่มาก่อเรื่องในงานของฉินหงเหยียน!”

เดิมทีหวังเจียเหยาก็มาที่นี่เพราะเขา ในวินาทีที่เห็นชายหนุ่มหญิงสาวก็สาวเท้าเร็วๆ วิ่งไปหาเขา

“เย่เฉิน! เย่เฉินนายไม่เป็นไรใช่ไหม? ​ฉันเป็นห่วงนายจะแย่แล้ว ฉันบอกนายตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าฉินหงเหยียนไม่ใช่คนดีอะไร หล่อนไม่เคยชอบนายเลย โลกใบนี้มีฉันแค่คนเดียวเท่านั้นแหละที่เคยชอบนาย!”

หวังเจียเหยาจงใจแต่งตัวสวย เพื่ออวดหุ่นที่กลับมาสมบูรณ์แบบอีกครั้งหลังจากที่หล่อนตั้งท้อง ลองให้เย่เฉินได้รู้สึกที่เคยมีให้กับหล่อนเหมือนที่ผ่านมา

ทว่าเย่เฉินกลับผลักหญิงสาวทิ้ง!

หวังเจียเหยาโดนผลักลงพื้นไปอย่างไม่ใยดี

“หลบไป!”

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็นชา

โลกนี้มีแค่คุณแค่คนเดียวเท่านั้นที่ชอบผมเนี่ยนะ?

อยากจะขอบคุณจริงๆ!

คุณสวมเขาให้ผมมาสามรอบ ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก!

ตอนนี้ใจของเย่เฉินเป็นของฉินหงเหยียนทั้งหัวใจ เขาไม่แยแสหวังเจียเหยาแม้แต่น้อย

เย่เฉินเดินไปใกล้อีกฝ่ายที่ละน้อย!

แต่ในเวลานี้เองคนตระกูลซูจากเมืองหลวงทุกคนที่นั่งในโต๊ะแขกสำคัญต่างก็หันมองเย่เฉินเป็นตาเดียว!

ซูเจิ้นหางจิบชา เขาดื่มชาอึกหนึ่ง กระปรี้กระเปร่าขึ้น ขณะมองทายาทตระกูลเย่อย่างเย่เฉินอย่างละเอียด

พูดไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจออีกฝ่าย

“เขาคือเย่เฉินพ่อของซือซือเหรอ?”

ซูเจิ้นหางถามซูมู่ชิงที่นั่งข้างๆ

หญิงสาวพยักหน้ารับ ซูมู่เสวี่ยกลับขมวดคิ้วมุ่นลอบกล่าวในใจ “ครั้งแรกที่หมอนี่มาตระกูลซูปลอมตัวว่าตัวเองเป็นคนขับรถของซูมู่หลิน!”

ซูเจิ้นหางหัวเราะ “ใช้ได้นี่ ดูหล่อกว่าในรูปถ่ายเยอะเลย”

พอจะมองออกว่าซูเจิ้นหางชอบเย่เฉินมากทีเดียว ถึงอยากจะได้เขามาเป็นหลานเขย

เย่เฉินไม่ได้สังเกตเห็นคนตระกูลซูด้วยซ้ำไป เขาสนใจแต่สวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียน

สวี่ฉู่หมิงหัวเสีย วันนี้มีคนจำนวนมากมาร่วมงานแต่งของเขา คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะกล้ามาก่อเรื่องที่นี่!

“เย่เฉินแกกล้ามาก่อความวุ่นวายในงานแต่งงานของฉันเชียวเหรอ?!” สวี่ฉู่หมิงยืนบนเวทีแล้วชี้ด่าเย่เฉิน

เย่เฉินสวนกลับ “ทำไมผมจะไม่กล้า!”

สวี่ฉู่หมิงจัดแจงสั่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยในงานให้ลงมือทันที

ทว่าหลิวเจิ้งคุนและพวกซีกวาที่อยู่ด้านหลังเย่เฉินก็ไม่ได้ยืนหล่อนิ่งๆ เท่านั้น แต่ลงมือทันที ตัวต่อตัว สู้กับพวกการ์ดไม่ให้อีกฝ่ายได้เข้าใกล้ตัวเย่เฉิน

งานแต่งงานตอนนี้กลายเป็นสนามรบ ฉินหงเหยียนที่อยู่บนเวทีประกาศกร้าว “เย่เฉินเราแต่งงานกันแล้ว ต่อให้คุณขัดขวางไม่ให้ฉันแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง ฉันก็ไม่คบหากับคุณ!”

ตอนที่ 328 หวังเจียเหยาเองก็มาร่วมงานด้วย!

ผู้หญิงที่ใบหน้างดงามหมดจดผู้นี้ก็คือหวังเจียเหยา ส่วนชายข้างกายก็คือหวังซ่าวเจี๋ย

หวังเจียเหยาผอมลงไปกว่าก่อนนี้มากแล้ว ความเร็วในการฟื้นตัวหลังคลอดลูกของหญิงสาวสามารถใช้คำว่ารวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์มาบรรยาย!

คุณแม่หลังคลอดน้อยคนนักที่จะฟื้นตัวเร็วแบบนี้

และเป็นเพราะหวังเจียเหยาใบหน้าสะสวยเกินไป ถึงได้วางมาตรฐานให้ตัวเองเอาไว้สูงมาก

และพร้อมกันนั้นหล่อนก็ทำไปเพื่อจะงอนง้อเย่เฉินอีกครั้ง ดังนั้นถึงได้บีบบังคับให้ตนเองกลับมาอยู่ในสภาพเดิมให้เร็วที่สุด!

พนักงานที่เผลอไผลไปกับความงามของหวังเจียเหยาก็เผลอประกาศออกไปโดยไม่ได้ขอดูการ์ดแต่งงานของพวกหล่อน

“ตระกูลหวัง จากอวิ๋นโจว!”

“ตระกูลหวังจากอวิ๋นโจว? ตระกูลหวังมาทำไม”

“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เห็นเคยได้ยินเลย แต่ว่าสาวน้อยที่มาคนนี้หน้าตาสวยมากทีเดียว”

เมื่อได้ยินชื่อตระกูลหวังจากอวิ๋นโจว เหล่าแขกเหรื่อในงานต่างก็แปลกใจเพราะที่นี่คือเมืองเสินเฉิงอยู่ไกลจากอวิ๋นโจวมากเอาการ

นอกจากตระกูลที่โด่งดังถึงจะเป็นที่รู้จัก พวเขาไม่มีทางรู้จักตระกูลเล็กๆ ที่เกือบจะหมดตัวแบบตระกูลหวังแน่นอน

สวี่ฉู่หมิงชะงักไป “ตระกูลหวังจากอวิ๋นโจวคิดจะทำอะไร? หงเหยียนเธอเชิญพวกเขามาเหรอ?”

ฉินหงเหยียนเห็นหวังเจียเหยาก็เสียอารมณ์ทันที หญิงสาวหันไปอธิบายกับเจ้าบ่าว “ผู้หญิงคนนั้นคือภรรยาเก่าของเย่เฉินกับหลิ่วอวี่เจ๋อ เดี๋ยวฉันไปเองคุณไม่ต้องไปหรอก”

“อืม”

เดิมสวี่ฉู่หมิงเองก็ไม่ได้คิดจะทักทายพวกเขาสองคน อย่าว่าแต่หวังเจียเหยากับหวังซ่าวเจี๋ยเลย ต่อให้คุณนายหวังย่าของพวกเขามาเอง สวี่ฉู่หมิงก็ไม่คิดจะไว้หน้าพวกเขาด้วยซ้ำ

ตระกูลหวังจากอวิ๋นโจว ในสายตาเขาแล้วเป็นเพียงฝุ่นธุลีเมื่อเทียบกับตระกูลซูจากเมืองหลวง!

ฉินหงเหยียนสาวเท้าเดินไปหาอีกฝ่ายช้าๆ เมื่อเห็นหวังเจียเหยาใบหน้าหญิงสาวก็หงิกงอขณะที่ถาม “คุณมาทำไม?”

หวังเจียเหยาเห็นฉินหงเหยียนก็มองอีกฝ่ายด้วยแววตาไม่เป็นมิตรเช่นกัน “ฉินหงเหยียนวางท่าอะไร? กว่าจะแย่งเย่เฉินมาจากฉันได้ก็ลำบากยากเย็น สุดท้ายยังจะเลิกกับเขามาแต่งกับตาแก่นี่เหรอ?”

หลังจากที่หวังเจียเหยาได้ข่าวว่าฉินหงเหยียนจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง เดิมหล่อนยังคิดว่าเป็นเรื่องโกหก

เพราะหวังเจียเหยารู้ว่าฉินหงเหยียนเป็นเหมือนกับหล่อน ต่างก็เป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์ อีกทั้งหล่อนสองคนต่างก็เคยคบหากับเย่เฉินและรู้ถึงจุดแข็งของเขา

ทั้งเงินทองและหน้าตาทางสังคม เย่เฉินเหนือกว่าสวี่ฉู่หมิงเห็นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอายุและหน้าตาอีก

มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเลือกสวี่ฉู่หมิง แล้วทิ้งเย่เฉิน!

จนตอนนี้พอได้มาเห็นฉินหงเหยียนสวมชุดเจ้าสาวยืนเคียงข้างสวี่ฉู่หมิง หวังเจียเหยาถึงเชื่อว่าข่าวคราวที่หล่อนรู้มาเป็นเรื่องจริง

“เกี่ยวอะไรกับเธอ?” ฉินหงเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หล่อนดูถูกผู้หญิงคนนี้ เพราะคนตรงหน้าทำร้ายเย่เฉินมานับครั้งไม่ถ้วน กระทั่งลูกยังไม่ใช่ของเขา!

หวังเจียเหยาเองก็ใช้ประโยคเดียวกันย้อนถามหญิงสาว “ทำไมจะไม่เกี่ยวกับฉัน? เย่เฉินเป็นอดีตสามีฉัน เป็นพ่อขอลูกฉัน เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ฉันรัก! เธอทำร้ายผู้ชายของฉัน ฉันย่อมต้องมาทวงถามเรื่องนี้จากปากเธอ!”

ฉินหงเหยียนกล่าวเสียงเย็นชา “เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนฉัน ถ้าจะพูดเรื่องทำร้ายเย่เฉิน ฉันว่าฉันทำไปยังไม่ถึงหนึ่งในร้อยเท่าที่เธอทำเลย!”

“เธอ…”

พอหวังเจียเหยานึกขึ้นมาได้ว่าตนเองทรยศเย่เฉินนับครั้งไม่ถ้วนก็เกิดละอายใจจนไม่มีอะไรจะเถียงอีกฝ่าย

ฉินหงเหยียนรู้ดีว่าหวังเจียเหยาไม่มีทางออกตัวแทนเย่เฉิน ตนเองและชายหนุ่มเลิกกัน หวังเจียเหยาดีใจจนเนื้อเต้น หล่อนจะมาโวยวายแทนเย่เฉินได้ยังไง?

ฉินหงเหยียนกล่าวต่อ “หวังเจียเหยา เธอมาที่นี่เพราะอยากจะมาเจอเย่เฉินล่ะสิ เย่เฉินเขาไม่มาหรอกนะ อีกอย่างฉันขอแนะนำอย่าได้คิดล่ะว่าหลังจากที่เย่เฉินเลิกกับฉันแล้ว เธอจะมีโอกาสได้ครอบครองเย่เฉินอีก เธอไม่คู่ควรกับเขา มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทั้งสวยกว่าเธอ อ่อนหวานกว่าเธอ นิสัยดีกว่าเธอ ชาติตระกูลดีกว่าเธอ เย่เฉินเขาไม่มีทางเลือกเธอหรอกนะ”

หวังเจียเหยาเต้นเร่าๆ “ฉินหงเหยียน!”

คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนจะแฉเป้าหมายที่แท้จริงที่หวังเจียเหยามางานแต่งงานของตนเองในครั้งนี้จนหมดเปลือก

หล่อนไม่ได้มาต่อล้อต่อเถียงกับฉินหงเหยียน ฉินหงเหยียนจะแต่งกับใครก็เชิญเกี่ยวอะไรกับหล่อนกัน?

แต่ที่หล่อนมาที่นี่ ก็เพื่อมาเจอเย่เฉิน!

ช่วงนี้หวังเจียเหยาติดต่อเขาไม่ได้เลย อีกฝ่ายไม่รับสายและไม่ตอบ WECHAT หล่อนด้วยซ้ำ

ตอนนี้เย่เฉินเลิกกับฉินหงเหยียนแล้ว ถือเป็นโอกาสอันดีที่หญิงสาวจะงอนง้อขอชายหนุ่มคืนดี!

แล้วจากประสบการณ์ในการแต่งงานของหล่อน หล่อนเชื่อมั่นว่าในงานแต่งงานของฉินหงเหยียน เขาจะต้องปรากฏตัวแน่นอน!

“เย่เฉินคนนี้ชอบก่อความวุ่นวายในงานแต่งงานของคนอื่นเป็นที่สุด ฉันแต่งงานสองครั้งเขาทำพังทั้งสองรอบเลย วันนี้เขาก็ต้องมางานแต่งงานของฉินหงเหยียนแน่!”

ก่อนนี้ตอนที่หล่อนแต่งงานกับฟางเชาเอย หลิ่วอวี่เจ๋อเอย งานแต่งงานล้วนแต่พังยับเยินด้วยฝีมือของเย่เฉิน

หล่อนเชื่อมั่นว่างานแต่งงานครั้งนี้ก็ไม่น่ารอดเหมือนกัน

ผู้หญิงที่เย่เฉินเคยรัก จะเหมือนโดนคำสาป แต่จะไปแต่งกับชายอื่นก็จะเกิดเรื่องวุ่นวายในงานแต่งงาน…

หวังเจียเหยากล่าวว่า “ฉินหงเหยียนเธอรู้ตัวแล้วไปจากเย่เฉิน ฉันดีใจมาก วันนี้ที่ฉันมาก็เพื่อมาอวยพร พี่ซ่าวเจี๋ยคะ”

“อืม”

หวังซ่าวเจี๋ยหยิบบัตรใบหนึ่งออกมาแล้วส่งให้พนักงานที่หน้าประตู “เงินมูลค่าสองแสนในนี้เป็นเงินใส่ซองของเรา”

พนักงานตกใจ เงินใส่ซองสองแสนไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ เลย

ให้เงินมาสองแสนแล้ว แต่ถ้าไม่ให้เข้างาน ไม่ให้กินข้าวในงาน ก็ออกจะเกินไปหน่อย

อย่างไรเสียหวังเจียเหยาเองก็เป็นอดีตภรรยาของเย่เฉิน ฉินหงเหยียนเองก็ไม่อยากะทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าเลยกล่าว “ในเมื่อเธออยากอยู่ที่นี่ก็ตามใจ หาที่นั่งว่างๆ เองแล้วกัน”

พูดจบฉินหงเหยียนก็หันหลังเดินหนีไป

“ชิ”

หวังเจียเหยาแค่นเสียงแล้วเชิดหน้า ใช้ใบหน้างดงามของตนเองหาที่นั่งว่างๆ บริเวณประตู

ขณะนี้เป็นเวลาหกโมง งานแต่งงานเริ่มขึ้นแล้ว!

ณ ลานจอดรถของโรงแรม

หลิวเจิ้งคุนที่นั่งอยู่ในรถ BENTLY โยนบุหรี่ในมือลงพื้นอย่างแรงแล้วตะโกน

“หกโมงแล้ว งานแต่งงานเริ่มแล้ว พี่น้องตามฉันมา เราจะถล่มงานแต่งานให้เละเลย!”

“ครับ!”

พวกกหลิวเจิ้งคุนเตรียมตัวกันอยู่นั้นเอง จู่ๆ เย่เฉินก็โทรเข้ามา

“คุณชายเย่ครับ! งานแต่งงานเริ่มแล้วนะครับ ผมกำลังจะพาคนเข้าไปในงาน!” หลิวเจิ้งคุนรายงาน

เย่เฉินห้ามเขา “ไม่ต้อง ฉันถึงเมืองเสินเฉิงแล้ว ตอนนี้ซีกว่ากำลังพาฉันไปที่โรงแรมอยู่ นายอยู่ที่นั่นก่อนอย่าเพิ่งทำอะไร เดี๋ยวฉันจะเป็นคนล่มงานแต่งเอง!”

ซีกวาที่กำลังขับ VOLVO SUV คันหนึ่งด้วยความเร็วสุดแรงเกิดจนชนรถไปไม่รู้กี่คันต่อกี่คันก็ตะโกนกร้าว “ท่านหลิวครับ เรื่องเลวๆ เรื่องนี้ยกให้คุณชายเถอะครับ อย่าแย่งหน้าที่คุณชายเลยครับ!”

หลิวเจิ้งคุนหัวเราะ เขารู้ว่าเย่เฉินเป็นห่วงตนเอง!

เพราะหลิวเจิ้งคุนเป็นคนมีคดีไปแล้ว ถ้าหากบุกเข้าไปแล้วเกิดโดนจับขึ้นมา เกรงว่าจะออกจากเมืองเสินเฉิงไปไม่ได้ !

หลิวเจิ้งคุนจึงรับคำ “ครับคุณชาย ผมจะรอคุณชายครับผม!”

ตอนที่ 327 งานแต่งงานของฉินหงเหยียน!

หลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ เย่เฉินไม่ได้สั่งให้หลิวเจิ้งคุนถล่มงานแต่งของฉินหงเหยียน

เพราะเย่เฉินคิดว่าพ่อของเขาเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อของฉินหงเหยียน ต่อให้เขารักหญิงสาวมากเท่าไหร่ก็ไม่มีหน้าจะทำเช่นนั้น

ฆ่าพ่อของหล่อนแล้วจะให้ถล่มงานแต่งหล่อนอีกเหรอ?

เย่เฉินทำไม่ลง!

แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าพ่อของหญิงสาวยังไม่ตาย พวกเขาไม่ใช่ศัตรูกัน!

ฉินหงเหยียนก็ไม่จำเป็นต้องเลิกกับเขา และไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง

เย่เฉินย่อมมีสิทธิ์จะแย่งตัวหล่อนกลับมา!

เมื่อชายหนุ่มขึ้นเครื่อง เครื่องบินก็โผทะยานพุ่งขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว!

แต่ในตอนนี้เอง ฉินเสี่ยวตั่วเพิ่งฟื้นได้สติ เมื่อเห็นเย่เฉินกลับมาแล้ว หญิงสาวก็หันหลังให้เขาทันที

เมื่อครู่ที่ฉินเสี่ยวตั่วตบหน้าเย่เฉิน หญิงสาวลั่นว่าชีวิตนี้ไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก

ที่จริงนี่ถือเป็นวิธีที่เมตตามากทีเดียว

หล่อนพูดแบบนี้ แปลว่าหล่อนไม่มีทางล้างแค้น ไม่มีทางไปตามสังหารพ่อของเย่เฉิน

ถ้าหากเป็นหญิงสาวคนอื่นที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ก่อนจะไปหล่อนคงต้องทิ้งท้ายไว้ว่า “ฉันจะฆ่าพ่อนายเพื่อล้างแค้นให้พ่อฉัน”

“เสี่ยวตั่ว”

เย่เฉินสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่าย

ฉินเสี่ยวตั่วตะคอก “อย่าเดินมา! ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก! นายเป็นลูกชายฆาตกร! ตระกูลเย่ของนายมันเป็นไอ้คนสารเลว!”

เย่เฉินรีบร้อนหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดภาพบิดาของหญิงสาวแล้วยื่นให้อีกฝ่ายดู “เสี่ยวตั่ว พ่อคุณยังไม่ตาย พ่อผมไม่ได้ฆ่าพ่อคุณ คุณดูนี่สิ นี่คือภาพใหม่ของเขา”

ในวินาทีที่หญิงสาวเห็นภาพถ่ายบิดาน้ำตาก็ไหลออกมา

เย่เฉินต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะแยกแยะจริงเท็จได้ แต่ฉินเสี่ยวตั่วเป็นลูกสาวของฉินอ้าวหมิง หล่อนมองแค่ปราดเดียวก็มองออกว่าคนผู้นี้คือพ่อแท้ๆ ของตนเอง!

“คุณพ่อยังไม่ตาย! พ่อฉันยังไม่ตาย!”

ฉินเสี่ยวตั่วตื้นตันใจจจนน้ำตาไหลอาบหน้า หล่อนมองเย่เฉินอย่างมีความสุข“พ่อนายไม่ได้ฆ่าพ่อฉัน งั้นนายก็ไม่ใช่ศัตรูของฉันน่ะสิใช่ไหม?”

เย่เฉินระบายยิ้ม เขายื่นมืออกไปเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวแล้วกล่าว “เด็กโง่ ผมไม่ใช่ศัตรูของคุณอยู่แล้วผมกับคุณและหงเหยียนเป็นครอบครัวเดียวกันที่รักกันมากที่สุดอยู่แล้ว”

“พี่เย่เฉิน!”

ฉินเสี่ยวตั่วโถมตัวเข้าอ้อมกอดเย่เฉินแล้วกอดเขาแน่น

ในส่วนลึกของจิตใจหญิงสาวชอบเย่เฉินคนนี้อย่างมาก หล่อนไม่อยากเป็นศัตรูกับเขาจริงๆ

“ฉันจะโทรหาพี่เดี๋ยวนี้!”

ฉินเสี่ยวตั่วกล่าวอย่างดีใจ

เย่เฉินกล่าวว่า “จากที่ผมรู้จักนิสัยของฉินหงเหยียน หล่อนไม่เชื่อหรอก ถ้าจะให้หล่อนเชื่อเรา เราสองคนก็ทำได้แค่ไปโผล่ที่งานแต่งก่อนงานแต่งจะเริ่มแล้วผมเอารูปถ่ายใบนี้ให้หล่อนดูเองกับตา”

“ค่ะๆ!”

ฉินเสี่ยวตั่วกอดเย่เฉินอย่างดีอกดีใจอีกครั้ง

……

เวลา 17.40 ตามเวลาเมืองหลวง ประเทศจีน

ณ โรงแรม Grand Skylight เมืองเสินเฉิงเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 20 นาทีก่อนงานแต่งงานจะเริ่ม

“คุณหวงประธานบริษัทจวี้ตัวตัวมาถึงแล้ว!”

เสียงดังกังวานของพนักงานดังขึ้นที่หน้าประตู

หวงเฉิงหมิงประธานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เดินเข้างานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แถมในมือยังถือของขวัญที่มีมูลค่ามาด้วย

“คุณสวี่ คุณฉิน ดีใจด้วยนะครับ”

หวงเฉิงหมิงเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียน

ส่วนสวี่ฉู่หมิงเองในตอนนี้สวมชุดสูทตัวเก๋ ส่วนฉินหงเหยียนอยู่ในชุดเจ้าสาว !

เป็นครั้งแรกในชีวิตของหญิงสาวที่ได้สวมชุดเจ้าสาว คิดไม่ถึงว่าเจ้าบ่าวจะไม่ใช่เย่เฉินแต่เป็นสวี่ฉู่หมิง!

หล่อนในชุดเจ้าสาวดูสะสวย โดดเด่น บริสุทธิ์ สูงส่งอย่างเห็นได้ชัด ทำให้แขกทุกคนในงานต่างอดมอง อดถ่ายภาพไม่ได้

สวี่ฉู่หมิงจับมือกับหวงเฉิงหมิง “ขอบคุณคุณหวงนะครับ เชิญนั่งเถอะ”

“ตระกูลหลิ่ว จากเทียนไห่!”

พนักงานที่หน้าประตูตะโกนเสียงดังอีกครั้ง

แล้วคนตระกูลหลิ่วทั้งหลิ่วหย่วนหาง หลิ่วอวี่เจ๋อ หลิ่วเฟิ่งรวมไปถึงพ่อแม่ของพวกเขาสองคน ขนาดหลิ่วหรูซือที่ตระกูลหลิ่วไม่ได้ยอมรับก็ยังมาร่วมงานด้วยกัน!

คนทั้งสามรุ่นของตระกูลมากันพร้อมหน้า ตะลอนมาไกลเพื่อมาเข้าร่วมงานแต่งานครั้งที่สองของสวี่ฉู่หมิง แสดงให้เห็นความจริงใจและความสำคัญที่พวกเขามีต่ออีกฝ่าย!

หลิ่วหย่วนหางและสวี่ฉู่หมิงเป็นพี่น้องร่วมสบาย เขาสาวเท้าเดินไปหาแล้วกล่าว “น้องสวี่ดีใจด้วยนะ!”

ตอนนี้ตระกูลหลิ่วโดนเย่เฉินเล่นงานจนกลายเป็นตระกูลธรรมดาๆ ในเทียนไห่ ไม่ได้รุ่งเรืองอย่างที่ผ่านมา

แต่ว่าสวี่ฉู่หมิงเองก็ยังคงเกรงใจคนตระกูลหลิ่วเหมือนเดิม

สวี่ฉู่หมิงสวมกอดอีกฝ่ายแล้วกล่าว “ขอบคุณพี่ใหญ่จริงๆ ที่มาร่วมงานของผม”

“คุณอาสวี่ พี่หงเหยียน ดีใจด้วยนะครับ!”

หลิ่วอวี่เจ๋อและหลิ่วเฟิ่งต่างก็แสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวด้วยท่าทีเคารพนับถือ

แต่ว่าตอนที่เห็นหลิ่วอวี่เจ๋อ สีหน้าสวี่ฉู่หมิงก็ไม่ใคร่จะพอใจนัก

เพราะช่วงก่อนนี้คิดไม่ถึงว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะสร้างฉินหงเหยียนปลอม โดยไปหาผู้หญิงกลางคืนมาศัลยกรรมใบหน้าให้คล้ายๆ กับฉินหงเหยียน

แถมยังให้ผู้หญิงคนนั้นไปนอนกับเหอเหวินเจี้ยนอดีตรองผู้บริหารของบริษัทไป๋ลี่ เพื่อจะได้ลองมีประสบการณ์อันน่าอภิรมย์กับฉินหงเหยียนตัวปลอม

ตอนนี้หญิงสาวกลายเป็นภรรยาเขาแล้ว เขาย่อมรู้สึกเหมือนโดนอีกฝ่ายดูเหมิ่นเหยียดหยาม

แต่ว่าสวี่ฉู่หมิงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเหอเหวินเจี้ยนนักหรอก

เมื่อหลายวันก่อนที่เขาจงใจหลบหน้าเย่เฉิน แล้วส่งคนไปจ้างผู้หญิงที่ศัลยกรรมจนเหมือนฉินหงเหยียนให้มาหาเขา

ในตอนที่ฉินหงเหยียนยังไม่รับปากว่าจะยอมมีอะไรกับเขา เขาก็ระบายอารมณ์ทั้งหมดกับฉินหงเหยียนคนนั้น

“ในที่สุดคืนนี้ฉันก็จะได้นอนกับฉินหงเหยียนตัวจริงเสียที! ไม่รู้ว่าหล่อนจะมีเสน่ห์เย้ายวนกว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนหรือเปล่า!”

สวี่ฉู่หมิงมองฉินหงเหยียนที่สวยหยาดเยิ้มอย่างตื่นเต้น เหมือนกับว่าตนเองไม่เคยได้ครอบครองหญิงสาวคนนี้มาก่อน

และแล้วก็ถึงเวลา 18.50 น.

“ตระกูลซู จากเมืองหลวง!”

เมื่อได้ยินคำว่าตระกูลซูจากเมืองหลวง สวี่ฉู่หมิงก็รีบรวบรวมสติ ไม่คิดเรื่องเลอะเทอะเหลวไหล เขาคว้าแขนฉินหงเหยียนแล้วกล่าว

“เร็ว รีบไปต้อนรับคุณซูกับฉัน!”

ฉินหงเหยียนที่รู้ว่าตระกูลซูที่ว่านี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยและสูงส่งที่สุดในบรรดาแขกเหรื่อทั้งหมดที่นั่งอยู่ในงาน!

ก็รีบร้อนจัดแจงชุดแต่งงาน ก่อนจะเดินตามสวี่ฉู่หมิงไป

แล้วจึงพบว่าที่หน้าประตูนั้น คนตระกูลซูจากเมืองหลวงมากันหลายรุ่นทีเดียว!

ซูมู่หลินและซูมู่ชิงที่เป็นทายาทรุ่นที่สามมากันตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน

แต่ยังมีซูมู่เสวี่ย ซูมู่ชิวทายาทรุ่นที่สามของตระกูลซูอีกสองคน คิดไม่ถึงว่าพวกเขาก็จะมาร่วมงานด้วย

นอกจากทั้งสี่คนนี้ยังมีหัวหน้าใหญ่ตระกูลซูที่ดูทรงอำนาจอย่างยิ่ง ซูเจิ้นหาง!

“สวรรค์ท่านผู้นั้นคือท่านซูจากเมืองหลวงใช่ไหมน่ะ?”

“เขาคือซูเจิ้นหางเหรอ?”

“หุบปาก! ไปเรียกชื่อเขาตรงๆ! อยากตายหรือไง!”

“สวี่ฉู่หมิงเป็นแค่นักธุรกิจที่ไม่เคยข้องแวะการเมือง มีทรัพย์สินแค่ไม่กี่แสนล้าน คิดไม่ถึงว่าท่านซูจะมาร่วมงานแต่งงานของเขาด้วยตัวเอง ไว้หน้าเขาจริงๆ!”

แขกคนอื่นๆ ในงานต่างก็เริ่มรวมหัวซุบซิบนินทา

สวี่ฉู่หมิงเองก็รีบร้อนเดินตรงไปที่ประตูแล้วจับมืออีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น “ท่านซูครับ ท่านมาร่วมงานของผมด้วยตัวเองแบบนี้ ผมทั้งตื้นตันทั้งซาบซึ้งเลยล่ะครับ!”

ซูเจิ้นหางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งานแต่งของน้องสวี่ผมจะไม่มาได้ยังไง? ท่านนี้คือคุณนายสวี่ใช่ไหมล่ะ?”

ซูเจิ้นหางหันมองฉินหงเหยียน

ฉินหงเหยียนเองจึงรีบแนะนำตัวเองกับอีกฝ่ายทันที “ท่านซูสวัสดีค่ะ ได้ยินชื่อท่านมานานวันนี้เพิ่งมีโอกาสได้พบท่าน ฉันชื่อฉินหงเหยียนค่ะ”

ซูเจิ้นหางมองประเมินหญิงสาวตรงหน้าแล้วพยักหน้ารับไม่หยุด “ใช้ได้ๆ ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้คุณนายซูเป็นประธานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เชียวนี่มู่ชิง มู่เสวี่ย พวกหลานจะต้องเรียนรู้จากผู้หญิงเก่งแบบคุณนายสวี่เข้าใจไหม”

ซูมู่ชิงและซูมู่เสวี่ยรีบหันไปกล่าวกับฉินหงเหยียนทันที “คุณนายสวี่ชี้แนะด้วยนะคะ”

ฉินหงเหยียนคิดไม่ถึงว่าท่านซูที่ยิ่งใหญ่คนนี้จะเยินยอตนเอง จนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ

สวี่ฉู่หมิงรีบร้อนตอบ “ไม่กล้าให้คำชี้แนะอะไรหรอกครับ เราพูดคุยกัน พูดคุยกัน คุณซู เชิญนั่งเลยครับ!”

“อืม”

พวกคนตระกูลซูค่อยๆ เดินทอดน่องเข้างานช้าๆ

ห้านาทีผ่านไป แขกสองคนสุดท้าย ชายหญิงคู่หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู

“ขออนุญาตสอบถามหน่อยครับว่าทั้งสองท่านมาจากไหน?”

พนักงานที่หน้าประตูเห็นหญิงสาวใบหน้างดงามก็กลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ยถาม

หญิงสาวใบหน้าหมดจด กล่าวด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง “ตระกูลหวังจากอวิ๋นโจว!”

ตอนที่ 326 พ่อของฉินหงเหยียนยังไม่ตาย!

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหู พอหันไปดูก็พบว่าเป็นเย่เทียน พี่ชายคนโตของเขา!

เย่เฉินวางแก้วเหล้าลงทันที แล้วลุกขึ้นจากบาร์ ก่อนจะเดินไปกอดพี่ชายอย่างดีใจ!

“พี่ใหญ่!”

พูดไปแล้วเขาก็ไม่ได้เจอพี่ใหญ่ของเขามาหลายปีแล้ว!

เย่เฉินและเย่เทียนมีพ่อแม่คนเดียวกัน แต่เป็นพี่น้องคนละแม่กับเย่เซวียน

และแน่นอนว่าพวกเขาสามคนสนิทสนมกันเป็นอย่างดี ไม่มีปัญหาอะไร

“พี่มาได้ยังไงครับ?”

เย่เฉินเองก็ประหลาดใจมากทีเดียว

เย่เทียนปรายตามองคนในบาร์แล้วกล่าว “พี่มีเรื่องอยากจะพูดกับนายแค่สองคน”

เย่เฉินรีบหันไปสั่งซีกวา “ซีกวา เคลียร์ร้าน”

ซีกวาอดลอบมองพี่ชายของเย่เฉินไม่ได้ อย่างไรเสียพี่ชายของคุณชายก็เป็นคนที่เขาต้องเคารพนับถือ

เย่เทียนไม่ได้หล่อเหลาเหมือนเย่เฉิน แต่ว่ารัศมีที่แผ่ออกมาจากตัวเขานั้น ทรงพลัง รุนแรงจนส่งผลให้เจ้าตัวดูพึ่งพาได้และเป็นผู้ใหญ่มากทีเดียว

“คุณชายเย่สวัสดีครับ!”

ซีกวาค้อมตัวทำควาเมคารพเย่เทียน หลังจากนั้นก็จัดการเชิญคนทั้งบาร์ออกจากร้านไป

เย่เฉินเหมาบาร์แห่งนี้เอาไว้นานแล้ว ดังนั้นพนักงานเองจึงโอนอ่อนเชื่อฟังซีกวา

หลังจากที่ทุกคนเดินออกไปแล้วนั้น เย่เฉินก็หันไปกล่าวกับพี่ชายอย่างอดไม่ได้ “พี่ครับ พ่อเราฆ่าคนตาย ฆ่าพ่อของแฟนผมตาย!”

เย่เทียนรีบร้อนกล่าว “ไม่นะ น้องสาม คุณพ่อไม่ได้ฆ่าเขา”

เย่เฉินส่งรูปถ่ายที่ชายฝรั่งคนนั้นให้เขามา ส่งต่อไปให้พี่ชายดูแล้วกล่าว “เมื่อกี้ผมโทรหาพ่อ พ่อยอมรับเองกับปากว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของฉินอ้าวหมิง”

เย่เทียนปรายตามองภาพแล้ววางลง ก่อนจะกล่าว “ฉินอ้าวหมิงไม่ได้ตายเสียหน่อย”

“พี่ว่าอะไรนะครับ?”

เย่เฉินตกใจ วินาทีนี้ฤทธิ์สุราที่เขาดื่มไปตลอดสามชั่วโมงเหมือนจะระเหย ออกจากร่างกายเย่เฉินจนไม่เหลืออะไร

เย่เฉินหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาแล้วให้น้องชายดูภาพใบหนึ่ง

เป็นภาพถ่ายของชายชราอายุราวๆ 50 ปีโดยประมาณ ผมสั้นกุด ใบหน้าอวบกลม

“นี่มัน…ฉินอ้าวหมิง!”

เย่เฉินพอจะมองออกว่าชายในภาพคือฉินอ้าวหมิง แต่ว่าฉินอ้าวหมิงในภาพถ่ายใบนี้นั้นดูจะมีอายุมากกว่าฉินอ้าวหมิงในภาพถ่ายที่เขามี

ถึงแม้ว่าจะอายุมากขึ้นแต่เขายังดูมีความสุขดี

เย่เทียนพยักหน้ารับ “นี่คือภาพล่าสุดของเขา”

เย่เฉินดีใจอย่างยิ่ง “เขายังไม่ตาย! พ่อไม่ได้ฆ่าพ่อของฉินหงเหยียน!”

เย่เฉินดีใจเกินบรรยาย เดิมทีเขาคิดว่าเขากับฉินหงเหยียนจะกลายเป็นศัตรูคู่แค้นกัน จนอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อย่างนั้น

ตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมาเย่เฉินเอาแต่ครุ่นคิดว่า หากมีวันใดวันหนึ่ง ตอนที่ฉินหงเหยียนฆ่าพ่อเขาเพื่อล้างแค้นแทนพ่อตนเอง เขาจะทำอย่างไร!

แต่ว่าตอนนี้เขาไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้อีกแล้ว บิดาของหญิงสาวยังมีชีวิตอยู่!

เย่เฉินสับสน “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ? เขายังไม่ตายแล้วทำไมถึงต้องกุเรื่องว่าตัวเองตายด้วย? แล้วข่าวลือที่ว่าโรงพยาบาลเผาศพผิดก็เป็นเรื่องโกหกเหรอครับ?”

เย่เทียนกล่าว “ขอโทษด้วย น้องสาม พี่บอกนายได้แค่ว่าฉินอ้าวหมิงยังไม่ตาย ส่วนจะเพราะอะไรนั้นพี่บอกนายไม่ได้ เพราะนี่มันเกี่ยวข้องกับความลับของครอบครัวเรา ตอนนี้นายยังไม่มีสิทธิ์รู้เรื่องนี้ ที่จริงแล้ว แค่สิทธิ์ในการดูภาพถ่ายนายก็ไม่มี แต่ว่าพี่ทนเห็นนายเสียใจไม่ได้จริงๆ ทนเห็นนายเสียคนที่นายรักที่สุดไปไม่ได้ พี่เลยบินมาเพื่อบอกเรื่องนี้กับนาย”

เย่เฉินซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง พี่ใหญ่รักเขาจริงๆ ด้วย!

เย่เฉินถามต่อ “ในเมื่อผมไม่มีสิทธิ์แล้วพี่รู้ได้ยังไงล่ะครับ?”

ถามจบเย่เฉินก็ได้คำตอบให้กับตนเอง “อ้อจริงด้วย พี่ใหญ่พี่ทำภารกิจทั้งหมดของตระกูลเราหมดแล้ว พี่เลยมีสิทธิ์ต่างๆ ทั้งหมดในตระกูลสินะ!”

เย่เทียนเป็นทายาทคนเดียวในรุ่นที่สามของตระกูลเย่ที่ผ่านการฝึกฝนทั้งหมด!

เย่เทียนระบายยิ้ม “ใช่ น้องสามนายก็สู้ๆ รีบผ่านการฝึกฝนของคุณปู่เร็วๆ คุณปู่ชื่นชมนายที่สุด นายอย่าทำให้คุณปู่ผิดหวังล่ะ”

เย่เฉินพยักหน้ารับ

แต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีแก่ใจมาทำภารกิจ หรือว่าสนใจเรื่องความลับอะไรของตระกูลทั้งนั้น ตอนนี้เขาแค่อยากจะบินกลับไปเมืองเสินเฉิง

เขาแค่อยากขัดขวางการแต่งงานระหว่างฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิง และบอกกับฉินหงเหยียนว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกเขาสองคนยังคงคบหากันได้!

เย่เฉินกล่าว “พี่ใหญ่ พี่ส่งรูปนี้ให้ผมได้ไหมครับ?”

“ได้สิ”

เย่เฉินส่งภาพใหม่ของฉินอ้าวหมิงให้น้องชาย

เย่เฉินและเย่เทียนไม่ได้เจอกันมาหลายปี เย่เฉินมีอีกหลายอย่างที่อยากคุยกับพี่ชาย มีหลายคำถามที่อยากถามเขา

แต่ว่าตอนนี้เวลากำลังกระชั้น ถ้าหากว่าเย่เฉินยังไม่รีบบิน เกรงว่าจะขวางงานแต่งงานของฉินหงเหยียนไม่ทันแล้ว!

“พี่ใหญ่ครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม แต่ตอนนี้ผมต้องไปแล้วไว้หาโอกาสมาเจอกันนะครับ!”

ในตอนที่เย่เฉินกำลังจะออกจากร้าน เย่เทียนก็คว้าแขนน้องชาย “เดี๋ยวก่อน”

“น้องสาม พี่มีเรื่องจะคุยกับนาย”

“พี่ว่ามาเลยครับ” เย่เฉินหันมองเย่เทียน

เย่เทียนกล่าว “เย่เซวียนไม่ได้รายงานตัวกับที่บ้านมานานมากแล้ว ตอนนี้เราติดต่อเขาไม่ได้ ตอนนี้เขาผ่านการฝึกฝนแทบจะทั้งหมดของตระกูลแล้ว เหลืออีกแค่ภารกิจเดียว”

เย่เฉินเองก็พอจะรู้ว่าเย่เซวียนไม่ไปร่วมสงครามเสียที

เย่เซวียนแก่กว่าเย่เฉิน เดิมทีควรจะเข้าร่วมสงครามก่อนเย่เฉิน แต่ว่าเขาไม่ยอมไปเสียที

เพราะหมอนั่นชอบตะลอนเที่ยว ไล่ตามหาผู้หญิงหน้าตาสะสวยในโลกใบนี้ แล้วเทียบกับสองพี่น้องอย่างเย่เทียนและเย่เฉินแล้วเขาค่อนข้างขี้ขลาดเหมือนกัน

ดังนั้นเขาถึงได้ข้ามการฝึกฝนที่ต้องไปสงคราม แล้วไปทำอย่างอื่นแทน

เย่เทียนกล่าววว่า “หลายปีมานี้พี่รองของนายไปก่อเรื่องเอาไว้ไม่น้อย ไปล่วงเกินขั้วอิทธิพลและตระกูลใหญ่ๆ เอาไว้มา หนึ่งในนั้นคือตระกูลซูที่เมืองหลวง”

ตระกูลซูที่เมืองหลวง!

เย่เฉินพยักหน้า “พี่รองเลอะเทอะจริงๆ เขาไปจับตัวซูมู่ชิงทายาทตระกูลซูที่เมืองหลวงมาขังไว้กับผม แล้วให้ผมมีอะไรกับหล่อน คนตระกูลซูต้องไม่ยอมอยู่แล้ว! ผมโดนคนตระกูลซูเล่นเกือบตาย!”

พอคิดถึงเรื่องนี้ เย่เฉินก็โมโหพี่ชาย ถ้าเขาไม่ไปล่วงเกินตระกูลซูเข้า ลูกหวังเจียเหยาก็คงจะเป็นลูกเขาทั้งสองคนไปแล้ว

เย่เทียนพยักหน้าแล้วกล่าว “เรื่องนี้พี่รู้แล้ว ดังนั้นคุณปู่ถึงไม่อยากให้เขาไปก่อเรื่องอีก ไม่ไปเข้าร่วมสงครามเขาก็จะไม่โตเสียที”

เย่เฉินเองก็คิดเช่นนั้น ขอแค่เคยผ่านสงครามมา ถึงจะเข้าใจความน่ากลัวของจิตใจมนุษย์ รวมไปถึงคุณค่าของชีวิต

แล้วถึงจะรู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ทำตัวเหลวไหลไม่คิดหน้าคิดหลังอีก

เย่เทียนกล่าวต่อ “พี่สืบเจอว่าช่วงนี้เขาอยู่ในประเทศนั่นแหละ พี่ไม่สะดวกกลับไป ในเมื่อนายอยู่ที่นั่นตลอด นายก็ช่วยสืบข่าวเขาให้ด้วยล่ะ หลังจากเจอตัวเขาก็สั่งให้กลับตระกูลเย่ทันที เพื่อเข้าร่วมการฝึกฝนสุดท้าย”

เย่เฉินกล่าว “ครับ ผมจะต้องหาพี่เขาให้เจอแล้วซัดหมัดใส่หน้าเขาแรงๆ สักครั้ง! แล้วถามเขาว่าทำไมต้องแนะนำทั้งหวังเจียเหยากับซูมู่ชิงให้ผม!”

เย่เทียนยิ้มแล้วตบบ่าน้องชาย “รีบไปเถอะ ฉินหงเหยียนรอนายอยู่ หลังจากดีกันแล้วก็รีบแต่งงานกับหล่อนเสียนะ พี่จะได้ไปดื่มเหล้ามงคลของพวกนาย”

“ครับ!”

หลังจากเย่เฉินร่ำลากับพี่ชายแล้วก็รีบไปที่สนามบินทันที!

เย่เฉินกดโทรหาหลิวเจิ้งคุนขณะอยู่บนรถที่แล่นอยู่บนถนนด้วยความเร็ว

อีกฝ่ายกดรับสายทันที เขาก็รีบร้อนกล่าวโดยที่เย่เฉินยังไม่ต้องถาม “คุณชายครับ คุณชายรีบมาเถอะครับ ไม่งั้นจะไม่ทันแล้วนะครับ! ที่นี่เช้าแล้วครับ คุณฉินหงเหยียนลองชุดแต่งงานแล้วนะครับ!”

เย่เฉินกล่าวว่า “ฉันจะไปถึงก่อนหกโมงเย็นแน่นอน ถ้าฉันยังไม่ถึง นายก็ถล่มงานแต่งให้ฉันได้เลย!”

หลิวเจิ้งคุนรับปากแข็งขัน “ครับ!”

ตอนที่ 325 สิทธิ์ภายในตระกูล!

“เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้… เป็นแบบนี้ได้ยังไง…”

เมื่อเห็นภาพถ่ายเขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที

เย่เฉินกลับไม่ได้ดีใจลิงโลด แต่เขากลับตกตะลึง ช็อกสุดขีดจนใกล้จะเป็นเสียสติอยู่รอมร่อ

ฉินเสี่ยวตั่วเห็นท่าทีของเย่เฉินก็กล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่เย่เฉิน พี่รู้จักผู้ชายในรูปใช่ไหมคะ? รีบบอกฉันมาเร็วว่าฆาตกรเป็นใคร? เขาเป็นใครกันแน่!”

เย่เฉินตัวแข็งค้างแล้วกล่าวตะกุกตะกัก “เขา…เขาคือพ่อผม”

“อะไรนะ?”

คราวนี้ฝ่ายตกใจกลายเป็นฉินเสี่ยวตั่วแทนเสียแล้ว หล่อนเอามือปิดปาก ไม่เชื่อว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริง

หยดน้ำตาหยดลงจากดวงตาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว

ฉินเสี่ยวตั่วมองเย่เฉินด้วยดวงตาที่คลอเอ่อไปด้วยน้ำตา “คนฆ่าพ่อฉันคือพ่อนายเหรอเนี่ย?”

คราวนี้เย่เฉินกับฉินเสี่ยวตั่วเข้าใจในทันทีว่าทำไมอยู่ดีๆ ฉินหงเหยียนถึงเลิกกับเขาแล้วไปแต่งงานกับคนอื่น เพราะว่าเย่เฉินเป็นลูกชายของฆาตกรที่ฆ่าบิดาของฉินหงเหยียนกับฉินเสี่ยวตั่ว !

ฉินหงเหยียนไม่สามารถแต่งงานกับศัตรูคู่แค้นของหล่อนได้!

ฉินเสี่ยวตั่วร้อนรน ฟาดฝ่ามือใส่หน้าเย่เฉินทันที!

เพี้ยะ!

ฝ่ามือนี้ของฉินเสี่ยวตั่วนั้นไม่ใช่เบาๆ เหมือนว่าหล่อนใส่สุดแรงที่มี แต่ว่าเย่เฉินกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เขาถึงขนาดไม่รู้สึกอะไร

ความตื่นตระหนกแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขาจนตัวชาวาบ

ฉินเสี่ยวตั่วตบเย่เฉิน ร้องไห้พลางตะโกนใส่เขา “เย่เฉิน ฉันเกลียดนาย! ฉันเกลียดคนตระกูลเย่อย่างพวกนาย! ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีกแล้ว!”

พูดจบฉินเสี่ยวตั่วก็หมุนตัวเตรียมเดินหนี

“เสี่ยวตั่ว!”

เย่เฉินคว้าแขนเรียวเล็กของฉินเสี่ยวตั่ว แต่ว่าหญิงสาวสะบัดมือทิ้งด้วยโทสะ

ฉินเสี่ยวตั่วก็วิ่งโร่ออกไป

ในตอนนี้ซีกวากำลังจ้องเหตุการณ์ภายในและสูบบุหรี่ที่หน้าประตูบาร์ LEBALL

เห็นฉินเสี่ยวตั่วร้องไห้พลางวิ่งออกไป แล้วโยนบุหรี่ทิ้งลงพื้นก่อนจะเอ่ยถาม

“คุณหนูเสี่ยวตั่ว คุณจะไปไหนครับ?”

ตอนนี้ฉินเสี่ยวตั่วจะมีแก่ใจมาสนใจลูกน้องเย่เฉินที่ไหน หล่อนเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเท่านั้น

ฝนยังคงตกน้อยๆ ฉินเสี่ยวตั่วก็ไม่มีร่ม

ซีกวาเองกังวลใจอย่างมากฉินเสี่ยวตั่ววิ่งโร่ออกไปด้านนอกตัวคนเดียวจะเกิดเรื่องเข้า เพราะหญิงสาวพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้

ดังนั้นซีกวาจึงรีบวิ่งตาม ก่อนจะไถ่ถามหญิงสาว

แต่ฉินหงเหยียนกลับตะโกนใส่เขา “ไสหัวไป! หมารับใช้ของเย่เฉินอย่างนาย! ไม่ต้องไล่ตามฉันมานะ!”

ซีกวาวิ่งตามฉินเสี่ยวตั่วไปตลอดทาง ขณะที่วิ่งก็ปลอบโยนหญิงสาว “คุณทะเลาะกับคุณชายหรือเปล่า คุณหนูเสี่ยวตั่วอย่าโกรธเลยนะครับ มีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จาเถอะครับ”

แต่ไม่ว่าซีกวาจะปลอบโยนหญิงสาวอย่างไร ฉินเสี่ยวตั่วก็ไม่สนใจ

เมื่อเห็นฉินเสี่ยวตั่ววิ่งไกลออกไปทุกที ซีกวาทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่เลือกวิธีบังคับหล่อน

“ขอโทษด้วยครับ คุณหนูเสี่ยวตั่ว!”

มือขวาซีกวาออกแรงทุบหญิงสาว ฉินเสี่ยวตั่วที่เดิมกำลังโวยวายก็หมดสติทันที

จากนั้นซีกวาจึงอุ้มฉินเสี่ยวตั่วกลับไป แล้วให้คนนำตัวหญิงสาวไปส่งที่เครื่องบิน

ตอนนี้ในบาร์ เย่เฉินกำลังตกตะลึงจากเรื่องราวที่ได้รู้

แต่เขาไม่เชื่อว่าบิดาตนเองจะเป็นฆาตกรฆ่าคนได้

จากที่เย่เฉินรู้มา ฉินอ้าวหมิงบิดาของฉินหงเหยียนเป็นโปรแกรมเมอร์ที่เก่งมากคนหนึ่ง มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น เป็นอัจฉริยะที่มีเพียงน้อยนิดของประเทศ

เขาเปิดบริษัทเอง มีอนาคตอีกไกล

ภาระที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่ใช่เพื่อหาเงินเท่านั้น

คนดีและฉลาดแบบนี้ไม่มีทางเป็นศัตรูของตระกูลเย่

ดังนั้นเย่เฉินถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา เย่เจิ้งหนานบิดาของเขาทันที!

ที่จริงแล้วเขาและบิดาไม่ได้สนิทสนมกันนักหนา อย่างน้อยๆ ก็ไม่สนิทกันแบบพ่อลูกในครอบครัวทั่วไป

เพราะวิธีการสั่งสอนของตระกูลเย่ทำให้สายสัมพันธ์ของคนในครอบครัวจืดจางกันไป

เด็กถูกสั่งสอนและส่งไปทำภารกิจที่หลากหลาย อีกทั้งบิดายังไม่ได้เป็นคนคอยตรวจสอบด้วยตนเองด้วย เพราะถ้าพ่อเป็นคนดูเองล่ะก็คงจะไม่อยากให้ลูกในไส้ตนเองต้องลำบากขนาดนี้

ตั้งแต่แต่งเข้าตระกูลหวัง แต่งงานกับหวังเจียเหยา เย่เฉินก็ไม่ค่อยติดต่อกับบิดา แต่ติดต่อกับปู่ของเขาค่อนข้างมากกว่าด้วยซ้ำ

“เฉินเอ๋อร์” เสียงของเย่เจิ้งหนานดังมาจากปลายสาย

เย่เฉินไม่พูดเรื่อยเปื่อยอีก เขาโพล่งถามบิดาทันที “พ่อครับ พ่อบอกผมทีว่าการตายของพ่อของฉินหงเหยียนเกี่ยวกับพ่อหรือเปล่าครับ?”

“ฉินหงเหยียนเหรอ?” เย่เจิ้งหนานเองประหลาดใจไม่น้อย “แฟนที่แก่กว่าแกคนนั้นเหรอ? พ่อของหล่อนคือใคร?”

เย่เฉินกล่าว “พ่อของหล่อนชื่อฉินอ้าวหมิงครับ!”

เมื่อได้ยินชื่อของฉินอ้าวหมิง เย่เจิ้งหนานเงียบอยู่ครู่ใหญ่แล้วถอนหายใจพลางกล่าว

“เฮ้อ โลกกลมกันเกินไป คิดไม่ถึงว่าแฟนสาวของแกจะเป็นลูกสาวของฉินอ้าวหมิง”

เย่เฉินพอจะมองออก พ่อของเขารู้จักของฉินอ้าวหมิงจริงๆ!

“พ่อบอกผมทีครับว่าการตายของฉินอ้าวหมิงเกี่ยวกับพ่อไหมครับ?!” เย่เฉินร้อนรนถาม

เย่เจิ้งหนานเงียบไปครู่ใหญ่พลางถาม “ก็ถือว่าอย่างนั้น”

“ทำไมพ่อต้องฆ่าเขาล่ะครับ! เขาไปล่วงเกินอะไรพ่อครับ หรือว่าล่วงเกินตระกูลเย่ของเรา!” เย่เฉินร้อนรน

เย่เจิ้งหนานกล่าว “เฉินเอ๋อร์ เรื่องนี้แกยังไม่มีสิทธิ์รู้”

“ไม่มีสิทธิ์เหรอ?” เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าพ่อของเขาจะพูดจาแบบนี้ “ผมเป็นลูกชายของพ่อ ยังไม่เพียงพออีกเหรอ? ยังต้องพูดเรื่องมีสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ด้วยเหรอ!”

เย่เจิ้งหนานกล่าวว่า “แกจำเป็นต้องทำภารกิจที่ปู่แกมอบหมายให้สำเร็จถึงจะมีสิทธิ์รู้ความจริง เฉินเอ๋อร์ ตอนนี้พ่ออยากจะบอกสาเหตุในเรื่องนี้ แต่ว่าปู่แกเป็นตนตั้งกฎนี้ขึ้น พ่อเองก็ไม่กล้าแหกกฎนี้หรอก”

เย่เฉินชะงักค้างไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องมีสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์อะไรทำนองนี้

มิน่าล่ะพวกเขาถึงต้องฝ่าฟันภารกิจแปลกประหลาดร้อยแปดพันเก้า ที่แท้หลังจากผ่านภารกิจทั้งหมดแล้วเพื่อได้จะได้มีสิทธิ์บางอย่าง ส่วนสิทธิ์นี้ก็คือจะได้ล่วงรู้ความลับพวกนี้ของตระกูล!

เย่เฉินตอนนี้กำลังฝ่าฟันภารกิจในด้านธุรกิจ ถึงแม้ว่าจะสร้างเฉินเย่กรุ๊ปแล้ว แต่ก็ยังไม่บรรลุตามความต้องการของคุณปู่

อีกทั้งหลังจากผ่านด่านธุรกิจแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องทำภารกิจอะไรอีก

ในระยะเวลาสั้นๆ อย่างน้อยๆ สองสามปี เกรงว่าเย่เฉินจะไม่สามารถทำภารกิจได้สำเร็จและจะไม่ได้สิทธิ์ในการรู้ความลับของตระกูล!

“พ่อครับ งั้นพอจะบอกผมได้ไหมครับ? ถ้าพ่อไม่บอกผมฉินหงเหยียนจะไปแต่งงานกับคนอื่นแล้วนะครับ”

เย่เฉินกล่าวอย่างตื่นเต้น

เย่เจิ้งหนานถอนหายใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ลูกชาย แกให้ความสำคัญกับความรักมากเกินไป ตอนนี้แกยังฝึกฝนดด่านอารมณ์ต่างๆ ได้ไม่มากพอ ถ้าสูญเสียผู้หญิงคนนี้ไปก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่งเถอะนะ”

พูดจบชายสูงวัยกว่าก็วางสาย

เย่เฉินกลับไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์อีกครั้ง จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ถือบรั่นดีแล้วยกขึ้นไม่หยุด

ซีกวากระหืดกระหอบวิ่งเข้ามา แล้วรายงานกับเย่เฉิน “คุณชายเย่ เมื่อครู่คุณหนูเสี่ยวตั่วร้องไห้หนักมากเลยครับ ผมส่งหล่อนไปที่พักผ่อนที่เครื่องบินแล้วครับ แล้วเราจะบินกลับไปตอนไหน? อีกไม่กี่สิบชั่วโมงงานแต่งงานบ้าบอของสวี่ฉู่หมิงก็จะเริ่มขึ้น ถ้าเราไม่ออกเดินทางอีก ก็จะไม่ทันแล้วนะครับ!”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของซีกวา แล้วเย่เฉินกลับส่ายหน้า

พ่อของฉินหงเหยียนโดนพ่อของเย่เฉินฆ่าตาย เมื่อครู่เย่เจิ้งหนานเป็นคนยอมรับเรื่องนี้เองกับปาก

เย่ฉินจะมีหน้ากลับไป ไปทำลายงานแต่งงานของฉินหงเหยียนแล้วกลับไปคบหาหล่อนได้ยังไง?

เวลาชั่วโมงหนึ่งผ่านไป

ซีกวาวิ่งเข้ามา “ใกล้จะไม่ทันแล้ว คุณชายเย่ เราออกเดินทางกันเถอะครับ!”

เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก็ผ่านไป

ซีกวาวิ่งเข้ามา “จะให้ตาเฒ่าสวี่ฉู่หมิงแย่งผู้หญิงของคุณชายไปไม่ได้นะครับ! คืนเข้าหอ ตาแก่นี่จะต้องเล่นสกปรกแน่! เขาจะต้องลงมือเผด็จศึกฉินหงเหยียนแน่นอน!”

อีกหนึ่งชั่วโมงต่อไป

ซีกวาวิ่งเข้าไปอีกครั้ง “ถ้าหากว่าเราออกเดินทางกันตอนนี้ ยังมีโอกาสไปงานแต่งงานตาแก่นั่นทันนะครับ! แต่ถ้าสายไปสิบนาทีก็จะไม่ทันแล้ว!”

และในเวลานี้จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มหน้าออกเอเชียที่สุขุมคนหนึ่ง เดินเข้ามาในบาร์ เขาตรงดิ่งไปที่บาร์เหล้าแล้วตบบ่าของเย่เฉิน

“ใคร อยู่ไกลๆ คุณชายเย่เลยนะ!” ซีกวารีบพุ่งพรวดออกไป

“น้องสาม”

คนผู้นั้นกล่าวเสียงเนิบๆ

ตอนที่ 324 คิดไม่ถึงว่าฆาตกรตัวจริงคือ!

คำพูดของชายคนนี้ทำให้เย่เฉินเกิดสนใจอย่างมาก!

หลายชั่วโมงก่อน มีคนจำนวนมากมาพบเขา แต่คนจำนวนมากล้วนแต่พูดเรื่องเรื่อยเปื่อย เหลวไหลเกินไปกว่าความเป็นจริงมาก กระทั่งเมื่อ 11 ปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ยังไม่รู้แน่ชัดด้วยซ้ำ

แต่ชายฝรั่งวัย 50 คนนี้ไม่ใช่อย่างนั้น ทำไมเขาถึงใช้คำว่าเย่เฉินก็ตามสืบเรื่องนี้ด้วยเหรอ

นี่แปลว่าเขารู้ว่าเรื่องที่มีคนมาตามสืบเรื่องนี้ก่อนหน้านั้น!

ไม่แน่ว่าตอนนั้นคนที่ให้ข่าวกับสวี่ฉู่หมิงอาจจะเป็นเขาก็ด้วย!

เย่เฉินสนใจอีกฝ่ายทันที ในที่สุดก็น่าจะกลับไปทันขัดขวางงานแต่งงานของพวกเขาสองคนแน่นอน!

เย่เฉินกล่าวอย่างนับถือ “คุณผู้ชาย คุณรู้อะไรมาใช่ไหม? ถ้าหากว่าคุณให้เบาะแสที่มีประโยชน์ ผมจะให้เงินห้าสิบล้านฟรังค์กับคุณ ไม่ผิดคำพูดแน่นอน!”

ชายฝรั่งหัวเราะ เขาโบกมือขวาที่สวมนาฬิกา Van Cleef & Arpels เหมือนอยากจะแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาเองก็ฐานะมากเช่นกัน

เขาถือแก้วเหล้า แล้วยกขึ้นดื่มอึกใหญ่จากนั้นก็ย้อนนึกถึงอดีต “วันที่ 29 เดือนสิงหาคม เมื่อ 11 ปีก่อน ผมมาดื่มเหล้าที่นี่ ผมจำได้แม่นเลยเพราะวันนั้นคือวันเกิดผมืลูกสาวผมบินจาก Toulouse เพื่อมาหาผม ตอนใกล้เที่ยงคืนหล่อนถึงจะมาถึง แล้วอยากจะเซอร์ไพรส์ผม

หล่อนโทรหาผมถามว่าทำอะไรอยู่ ผมบอกว่าผมอยู่ที่บาร์ LEBALL หล่อนไปผมไปหาที่หน้าประตู พอออกไปก็เห็นหน้าหล่อนพอดี ผมดีใจมาก อยากจะวิ่งไปกอดหล่อน แต่หล่อนกลับนึกสนุกอะไรไม่รู้ใช้กล้องโซนี่ที่เพิ่งซื้อใหม่มาถ่ายรูปผม

ในรูปถ่ายนั้นบันทึกความตื่นเต้นที่ผมมีตอนเห็นหน้าลูกสาว ผมดื่มไปนิดหน่อย ยิ้มหน้าบาน กางแขนออกแล้วเดินตรงไปเหมือนอยากจะกอดหล่อน ว้า นั่นมันเป็นวินาทีที่ควรค่าให้จดจำ ผมไม่มีทางลืมสีหน้าในตอนนั้นของหล่อนเลย รูปถ่ายใบนั้นที่ลูกผมถ่าย ผมเก็บเอาไว้ เพราะไม่นานจากนั้นหล่อนก็เกิดรถชน แล้วไม่สามารถถ่ายภาพให้ผมได้อีกเลย”

พูดมาตั้งมาก ชายฝรั่งก็ดื่มเหล้าเข้าไปอึกใหญ่

เย่เฉินฟังเงียบๆ ก็เปิดปากเอ่ย “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ให้คุณเล่าเรื่องที่ไม่สบายใจ ผมขอซื้อภาพใบนั้นด้วยเงินจำนวนห้าสิบล้านฟรังค์”

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คุณจะซื้อรูปภาพใบนั้นไปทำไม?”

เย่เฉินกล่าว “ถ้าหากว่าผมทายไม่ผิดล่ะก็ ภาพใบนั้นไม่น่าจะถ่ายได้แค่คุณ แต่น่าจะมีคนที่ผมตามหาด้วย”

ชายฝรั่งหัวเราะพลางพยักหน้ารับ “คุณนี่เป็นเด็กที่ฉลาดหลักแหลมจริงๆ เมื่อสิบปีก่อน มีชาวจีนมาหาข่าวเรื่องนี้ ภาพใบนี้ผมเลยก็อปปี้เอาไว้หนึ่งแผ่นแล้วส่งให้คนๆ นั้นแล้ว ทำไมล่ะ ยังหาตัวฆาตกรไม่เจอเหรอ? ดูแล้วฆาตกรคนนั้นเป็นน่าจะลึกลับมากทีเดียว”

ชายชาวจีนผู้นั้นที่ฝรั่งบอกว่าได้รูปภาพใบนั้นไปเมื่อสิบปีก่อนน่าจะเป็นสวี่ฉู่หมิง

สวี่ฉู่หมิงได้รับภาพถ่ายของฆาตกรเมื่อสิบปีก่อน หงเหยียนก็น่าจะรู้แล้ว แต่ว่าทำไมพวกเขาถึงเพิ่งนึกจะอยากแก้แค้นเอาในตอนนี้นะ?

“หรือว่าตัวตนของฆาาตกรคนนั้นลึกลับมากจริงๆ จนสวี่ฉู่หมิงสืบเป็นสิบปีก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร? คิดไม่ถึงว่าโลกนี้นอกจากตระกูลเย่ของเราแล้วจะยังมีคนลึกลับขนาดนี้อยู่อีก โลกนี้นี่มีพยัคฆ์ซ่อนตัวอยู่เยอะจริงๆ”

เย่เฉินเดาได้แล้วว่าสวี่ฉู่หมิงจะต้องเพิ่งมาสืบเจอว่าฆาตกรตัวจริงคือใครถึงได้เพิ่งบอกกับฉินหงเหยียน

เย่เฉินร้อนรน ถ้าไม่หาข่าวตั้งแต่ตอนนี้ เขาคงจะไปช่วยหญิงในดวงใจของเขาไม่ทันแล้ว

เขาจึงกล่าว“ผมขอรูปถ่ายนั้นได้ไหมครับ?”

ฝรังคนนั้นกลับส่ายหน้า “ผมชักจะสนใจเรื่องของคนตายไปแล้วสิ คุณต้องบอกผมก่อนว่าคุณเป็นใคร คนตายเป็นใครแล้วทำไมคุณต้องยอมควักเงินตั้งห้าสิบล้านมาสืบเรื่องนี้”

เย่เฉินคว้าแขนฉินเสี่ยวตั่วที่นั่งฟังภาษาฝรั่งเศสหน้าเหลอหลาเพราะไม่เข้าใจแล้วกล่าวต่อ “ผู้หญิงคนนี้คือลูกสาวของคนตาย เราเป็นคนในครอบครัวของเขา เราแค่อยากรู้ความจริง อยากล้างแค้นให้พ่อของเธอ!”

ฝรั่งคนนั้นอุทานด้วยความตกใจ “หล่อนเป็นลูกสาวของผู้ชายคนนั้นเหรอ?”

เห็นชายคนนั้นไม่เชื่อ เย่เฉินถึงกล่าวกับฉินเสี่ยวตั่ว “คุณมีรูปถ่ายคู่กับพ่อคุณไหม?”

หญิงสาวพยักหน้า พ่อแม่ของหล่อนตายไปนานแล้ว หล่อนเปลี่ยนมือถือมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ว่ารูปของบิดาจะอยู่ในโทรศัพท์ทุกเครื่องที่มี

“รีบหาให้เจอเร็วๆ แล้วเอาให้เขาดู!” เย่เฉินเร่ง เขารอไม่ไหวแล้ว

“เร่งอะไรนักหนาเนี่ย”

ฉินเสี่ยวตั่วกดเปิดคลังภาพส่วนตัว ในคลังภาพส่วนตัวนั้นมีรูปหลายใบ ทว่าแค่มองผ่านๆ ก็จะพบว่ามีแต่รูปถ่ายขาอ่อนอะไรพวกนั้น

“แค่ก”

ฉินเสี่ยวตั่วเก้อเขิน ตอนตัวเองเบื่อๆ ชอบถ่ายรูปเรียวขาอยู่บ่อยๆ แล้วหล่อนก็ไม่กล้าเก็บภาพพวกนี้ไว้ในคลังภาพแต่จะถูกย้ายมาไว้ตรงนี้แทน

เย่เฉินรีบร้อนเสสายตา ไม่กล้ามองอีก

พลางคิดในใจว่าผู้หญิงสวยๆ พวกนี้วันๆ ทำอะไรกัน ในมือถือมีรูปเซลฟี่ก็ว่าเยอะแล้ว คิดไม่ถึงว่าในคลังภาพส่วนตัวจะมีรูปที่ทำให้ผู้ชายต้องหวั่นไหวแบบนี้อยู่ด้วย!

“เอ่อ… เจอแล้ว อ้ะนี่”

ฉินเสี่ยวตั่วหน้าแดงขณะส่งมือถือให้เย่เฉิน แล้วยังไม่ลืมจะเตือนชายหนุ่ม “อย่าสไลด์ไปเรื่อยล่ะ อีกรูปเป็นรูปส่วนตัวของฉัน”

เย่เฉินเองกำลังรีบเลยรับมือถือมาแล้วกล่าว “สบายใจเถอะผมไม่…”

แต่เขายังพูดไม่ทันจบ มือของเย่เฉินก็เผลอไปสไลด์หน้าจอ สไลด์ผ่านรูปคู่ของสองคนพ่อลูก กลายเป็นรูปฉินเสี่ยวตั่วทำปากจู๋ชูนิ้วในห้องน้ำ

“กรี๊ด! เย่เฉินคนบ้า! ยังบอกอีกว่าไม่! นายจงใจชัดๆ!”

ฉินเสี่ยวตั่วหน้าแดงเห่อ แล้วทุบตีอีกฝ่ายไม่หยุด

เย่เฉินรำคาญ “ผมไม่ได้ตั้งใจ! ตอนนี้ผมคงมีอารมณ์มาดูรูปเลอะเทอะอะไรก็ไม่รู้ของคุณมั้ง!”

ฉินเสี่ยวตั่วหัวเสีย มือก็ยังทุบตีเขาต่อ “รูปเลอะเทอะอะไรกัน นายอธิบายมาเดี๋ยวนี้นะ! รูปส่วนตัวของฉันกลายเป็นรูปเลอะเทอะได้ยังไง!”

เย่เฉินยกมือขึ้นปัดป้องการทำร้ายร่างกายของหญิงสาว “คุณถ่ายรูปในห้องน้ำ ไม่เรียกเลอะเทอะแล้วเรียกอะไร”

ฉินเสี่ยวตั่วเขินอายขึ้นมาทันที “ฉัน…ฉันไม่ได้เข้าห้องน้ำ! ฉันพักต่างหาก!”

เย่เฉินคว้าแขนฉินเสี่ยวตั่วแล้วกล่าว “เอาเถอะๆ อย่าโวยวายเลย ผมไม่แตะมือถือคุณละ คุณถือมือถือตัวเองแล้วเอารูปคู่คุณกับพ่อไปให้เขาดูเองแล้วกัน”

“ชิ”

ฉินเสี่ยวตั่วหัวเสีย ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้มาตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่าพ่อตนเอง หล่อนไม่มีทางยอมจบเรื่องนี้แบบนี้แน่

เห็นภาพส่วนตัวของหล่อนแต่ยังกล้าเยาะเย้ยกัน!

ฉินเสี่ยวตั่วสไลด์ภาพถ่ายของตนเองกับบิดากลับมาอีกครั้งแล้วส่งให้ชายชาวต่างชาติดู

ชายคนนั้นตกใจเล็กน้อย แต่มองปราดเดียวก็จำฉินอ้าวหมิงได้!

“ถูกต้อง ผู้ชายคนนี้เลย!”

แต่ว่านี่คือภาพถ่ายเมื่อ 11 ปีก่อนตอนนั้นหญิงสาวยังเป็นเด็ก เจ้าหล่อนจึงกังวลว่าชายคนนี้จะคิดว่าเด็กหญิงในภาพไม่ใช่ตนเอง

ฉินเสี่ยวตั่วหันไปถามเย่เฉิน “เขาคงจะไม่คิดว่าคนในรูปไม่ใช่ฉันใช่ไหม”

เย่เฉินรีบหันไปอธิบายกับชายคนนั้นทันที “ผู้หญิงตรงหน้าคุณคนนี้เป็นเด็กผู้หญิงในรูปถ่ายจริงๆ พวกเราไม่มีความจำเป็นอะไรต้องหลอกลวงคุณ”

ชายคนนั้นมองเด็กหญิงในภาพถ่ายกับเด็กสาวตรงหน้าอย่างเปรียบเทียบในใจแล้วพยักหน้า “พอจะมองแววตาออก คุณเป็นลูกสาวของผู้ชายคนนั้นไม่ผิดแน่”

เย่เฉินปลื้มใจอย่างมาก “ในเมื่อแน่ใจแล้วว่าเราเป็นใคร พอจะขายภาพให้พวกเราได้ไหมครับ?”

ชายคนนั้นส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ไม่ขายแต่ให้ฟรีไปเลยแล้วกัน”

พูดพลางหยิบซองจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วส่งให้พวกเขา พลางกล่าว “ขอให้เจอฆาตกรเร็วๆ นะ”

พูดจบเขาก็เดินออกไป

“ขอบคุณครับ”

เย่เฉินและฉินเสี่ยวตั่วในตอนนี้ตื้นตันใจอย่างยิ่ง ในที่สุดพวกเขาก็จะได้รู้สักทีว่าฆาตกรที่ฆ่าบิดาของฉินหงเหยียนและฉินเสี่ยวตั่วคือใคร!

“พี่เย่เฉิน รีบเปิดดูเร็ว ให้ฉันดูหน่อยว่าไอ้สารเลวคนไหนที่ฆ่าพ่อฉัน!”

ฉินเสี่ยวตั่วรบเร้า

เย่เฉินพยักหน้ารับ แล้วหยิบภาพถ่ายจากในซองจดหมายออกมา

ตรงกลางของภาพถ่ายนั้นเป็นชายฝรั่งที่เพิ่งจากไป

เขาหันมาส่งยิ้มสดใสให้กับกล้อง

ทว่าสายตาของพวกเขาสองคนกลับจับจ้องที่บริเวณด้านข้างเขา

ฝั่งขวาของเขาเป็นฉินอ้าวหมิงและฆาตกร!

เย่เฉินตัวชาวาบทันทีที่เห็นชายคนที่เดิมตามฉินอ้าวหมิง!

“เป็นเขาได้ยังไง!”

ตอนที่ 323 สืบหาฆาตกร!

ผู้หญิงจะสวยหรือไม่ จะเอาชนะใจชายได้หรือเปล่านั้น สิ่งที่สำคัญก็คือเสื้อผ้าและการแต่งหน้า

ผู้หญิงทุกคนล้วนแต่มีสไตล์ที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด

ยกตัวอย่างเช่นหวังเจียเหยา ถึงแม้ว่าหล่อนจะเป็นผู้หญิงสารเลวที่เล่นชู้อยู่หลายครั้ง แต่สไตล์ที่เหมาะสมกับหล่อนก็คือแบบใสซื่อบริสุทธิ์

วงหน้างดงามไร้ที่ตำหนิ และสีหน้าท่าทางที่ใสซื่ออ้อนวอนขอให้แฟนหนุ่มให้อภัยได้ตลอดเวลา หล่อนที่เกิดมาก็เหมาะกับบทบาทเช่นนี้

หากว่าให้หล่อนไปสวมชุดเซ็กซี่ เช่นกี่เพ้าเอย ลูกไม้สีดำเอย หล่อนใส่ไปก็คงไม่สวยงามและเหมาะสม

แต่ฉินหงเหยียนที่เป็นผู้หญิงซึ่งมีเสน่ห์ของหญิงสาวเต็มตัว หล่อนสวมชุดสไตล์ใสๆ แบบนี้ไม่ไหว ถ้าหากว่าให้ไปใส่ชุดนักเรียนมัธยมปลาย

ต้องสวมชุดผู้บริหาร ชุดทำงาน ถึงจะนำเสนอเสน่ห์ที่หญิงสาวมีได้ ถึงจะทำให้หล่อนสมบูรณ์แบบที่สุด

ส่วนซูมู่ชิงนั้น เป็นพวกสาวหวานหรือสาวข้างบ้าน ไม่ว่าจะใส่ชุดแนวไหนก็สามารถนำเสนอความสวยของหล่อนได้ ขอแค่แต่งหน้าเย็นชาจนเกินไปก็เป็นอันใช้ได้

และสำหรับก็ฉินเสี่ยวตั่วเช่นเดียวกัน ใบหน้าของหล่อนไม่ได้สวยกว่าหวังเจียเหยา ฉินหงเหยียน ซูมู่ชิง แค่เรือนร่างก็ไม่สู้หวังหยวนหยวน

แต่ว่าในตอนที่หล่อนสวมชุดแอร์โฮสเตส เสน่ห์ของหญิงสาวไม่ว่าชายคนใดเห็นก็หลงลืมหญิงสาวคนอื่นไปหมดสิ้น!

ฉินเสี่ยวตั่วจงใจเข้าไปประชิดตัวชายหนุ่ม เพื่อให้เขาเห็นเรือนร่างของตนเองได้ชัดเจนตำตา มองครู่หนึ่งเย่เฉินก็เป็นฝ่ายเก้อเขินไปเอง

“พอได้แล้ว เสี่ยวตั่ว เลิกหมุนที”

ฉินเสี่ยวตั่วยังไม่ลดละ “งั้นนายว่าหุ่นฉันดีไหม?”

เย่เฉินตอบ “ดี!”

ฉินเสี่ยวตั่ว “เพอร์เฟ็คไหม!”

เย่เฉินจึงตอบ “เพอร์เฟ็ค!”

ฉินเสี่ยวตั่วถามต่อ“คู่ควรกับพี่รองของนายไหม?”

เย่เฉินตอบ “คู่คววรๆ คู่ควรอยู่แล้ว แต่เขาต่างหากไม่คู่ควรกับคุณ!”

ฉินเสี่ยวตั่ว “งั้นทำไมยังไม่เรียกพี่สะใภ้!”

เย่เฉิน “เด็กน้อยเอ้ย ยังกล้ามาแต๊ะอั๋งผม! ดูว่าผมจะจัดการคุณยังไง!”

“โอ้ย พี่กวาคะช่วยด้วย เย่เฉินจะลงมือทำร้ายคนแล้ว!”

ฉินเสี่ยวตั่วสวมรองเท้าส้นเตี้ยหัวกลมๆ อันเป็นเครื่องแบบของแอร์โฮสเตส วิ่งหนีบนเครื่องบิน

……

เพราะได้ฉินเสี่ยวตั่วอยู่เป็นเพื่อน การเดินทางตลอดหลายสิบชั่วโมงของเย่เฉินถึงได้สนุกกว่าที่เคย

เขาถึงขนาดลืมไปว่าตนเองมาทำอะไร ลืมเรื่องที่ว่าฉินหงเหยียนใกล้จะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง

เย่เฉินเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมฉินหงเหยียนถึงได้ไม่อยากเล่าเรื่องทุกอย่างกับน้องสาว หล่อนไม่อยากให้เด็กสาวที่ใบหน้ามักจะแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่แสนสดใสนี้กลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย

เวลาสิบกว่าชั่วโมงผ่านไป เย่เฉินมาถึงปารีสอันเป็นเมืองหลวงของฝรั่งเศส สายฝนกำลังโปรยปรายอยู่ในเมือง พวกเขานั่งรถมาที่สถานีตำรวจของปารีส

ตำรวจที่ชื่อแฟรงค์มาพบเย่เฉิน

ภาษาฝรั่งเศสของเย่เฉินถือว่าดีมากทีเดียว เขาจึงใช้ภาษาฝรั่งเศสสนทนาทันที “ผมอยากจะขอสืบดคีของชายชาวจีนที่โดนทำร้ายในบาร์ LEBALL ที่ถนนฌ็อง-ฌัก รูโซวันที่ 9 เดือนสิงหาคม ตอนเมื่อ 11 ปีก่อน คนโดนทำร้ายชื่อฉินอ้าวหมิง”

ฉินอ้าวหมิงคือชื่อบิดาของฉินเสี่ยวตั่วและฉินหงเหยียน

เขาค้นหาข้อมูลที่สืบเจอในตอนนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบรายงานกับเย่เฉิน

“คุณฉินอ้าวหมิงคือโปรแกรมเมอร์คนหนึ่ง ตอนนั้นเขามาเข้าร่วมงานประชุมที่ปารีส จากข้อมูลตอนนั้นเขามาที่บาร์ LEBALL คนเดียว แต่ว่าตอนที่ออกไปนั้นเองกลับออกไปกับคนจีนอีกคน เราสงสัยว่าการตายของฉินอ้าวหมิงน่าจะเกี่ยวข้องกับชายคนนั้น”

เย่เฉินรีบร้อนถาม “มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับฆาตกรเหรอ มีกล้องไหม?”

“มี” แฟรงค์ส่งเอกสารให้เย่เฉิน บนเอกสารนั้นมีข้อมูลรูปภาพในกล้อง “แต่ว่าไม่ชัดมากเท่าไหร่ เลยมองเห็นภาพเขาไม่ชัด” ตอนนั้นเราจำแนกตามรูปร่างของเขา ลองตามสืบในปารีส จนสุดท้ายผลทฤษฎีที่ได้นั้นก็คือเขาอาจจะเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือไม่ก็ลูกน้องมาเฟีย

เราสืบได้ว่าฉินอ้าวหมิงเป็นเถ้าแก่ของบริษัทเทคโนโลยีและโปรแกรมเมอร์ที่เก่งมากคนหนึ่ง เขามีคู่แข่งจำนวนมากในประเทศ เราสงสัยว่าเขาอาจจะโดนคู่แข่งของเขาสั่งฆ่า ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นการแข่งขันภายในประเทศของพวกคุณ”

เย่เฉินรู้ดีว่าพวกเขาย่อมไม่อยากให้ฉินอ้าวหมิงตายโดยน้ำมือของคนฝรั่งเศส

เย่เฉินถามต่อ “ฉินอ้าวหมิงตายยังไง? แล้วได้ส่งศพกลับประเทศไหม?”

แฟรงค์ตอบ “เขาโดนยิงตาย มีแขกหลายคนในคืนนั้นได้ยินเสียงปืน จากนั้นคุณฉินอ้าวหมิงก็โดนส่งตัวไปโรงพยาบาล แต่โชคไม่ดี เราทำศพเขาหาย”

“หาย?” เย่เฉินตัวแข็งค้าง

แฟรงค์กล่าวต่อ “จริงด้วยที่จริงวันนั้นศพที่หมอทำหายเป็นศพขอคนฝรั่งเศส แต่พนักงานนั้นเอาศพของคุณฉินอ้าวหมิงไปเผาแทนเพื่อหนีความผิดกะว่าจะเอาตัวรอด แต่เสียดายสุดท้ายเรื่องแดงขึ้นมา เราเลยแน่ใจได้ว่าคุณฉินอ้าวหมิงตายแล้วจริงๆ ส่วนหลักฐานยืนยันตัวตนของเขาที่ทิ้งไว้ก็พอจะสามารถยืนยันตัวตนของเขาได้แล้ว”

ในเมื่อตำรวจพูดขนาดนี้แล้วก็คงจะไม่ผิดแน่

เย่เฉินอยากจะรู้ว่าผู้ชายชาวจีนอีกคนที่อยู่กับฉินอ้าวหมิงคือใคร!

“ในเมื่อฉินหงเหยียนบอกว่าจะล้างแค้นงั้นหล่อนจะต้องรู้ก่อนว่าฆาตกรคือใคร ตำรวจไม่รู้ จะต้องมีคนอื่นรู้แน่!”

เย่เฉินไม่ได้เสียเวลากับตำรวจมากมายนัก แต่ตรงดิ่งไปที่จุดเกิดเหตุทันที นั่นก็คือบาร์ LEBALL ที่ถนนฌ็อง-ฌัก รูโซ

จนมาตอนนี้บาร์แห่งนี้ยังเปิดอยู่น

“ฉันอยู่ที่ปารีสได้แค่ 24 ชั่วโมง ถ้าสายไปล่ะก็จะกลับไปไม่ทัรงานแต่งงานของฉินหงเหยียน!”

เย่เฉินร้อนใจมาก สำหรับเย่เฉินแล้วจะสายไปแค่ชั่วโมงเดียวก็ไม่ได้!

เพราะฉินหงเหยียนรับปากกับสวี่ฉู่หมิงแล้วว่าจะยอมตกเป็นของเขาในวันแต่งงาน!

เย่เฉินจะปล่อยให้เขาได้ครอบครองฉินหงเหยียนไม่ได้เด็ดขาด!

ดังนั้นเย่เฉินถึงได้เดินไล่ถามบาร์แห่งนั้นรวมไปถึงบาร์ใกล้เคียงด้วย แต่ก็ไม่ได้เบาะแสอะไร

“ทำยังไงดี พี่เย่เฉิน ผ่านมาก็ตั้งนานแล้ว ต่อให้มีคนรู้เรื่องนี้ก็เถอะ แต่อาจจะไม่อยู่ปารีสแล้วหรือไม่ก็ตายไปแล้วล่ะมั้ง?”

ฉินเสี่ยวตั่วท้อแท้

เย่เฉินไม่เชื่อมั่นว่าเขาจะหาคนผู้นั้นไม่เจอ ในเมื่อสวี่ฉู่หมิงหาเจอ เขาก็จะต้องหาเจอเหมือนกัน เพียงปัญหาอยู่ที่เวลาเท่านั้น!

เย่เฉินมองนาฬิกาไม่หยุด เขาก็ไม่ได้มีเวลามากมายนัก เขาโทรหาช่องโทรทัศน์ต่างๆ รวมไปถึงโฆษณาในอินเตอร์เน็ตและตั้งรางวัลห้าล้านฟรังค์หากได้ข้อมูล เขาทำทั้งหมดนี้เพื่อหาตัวฆาตกรให้เจอได้เร็วที่สุด!

เงินห้าล้านฟรังค์ นั่นมีมูลค่าตั้งสามสิบล้านหยวน เลขจำนวนนี้ถือว่ามหาศาลจนทำให้คนคลั่ง

แต่คนที่มาหาเย่เฉินจำนวนมากนั้น ส่วนมากล้วนแต่มาเพื่อเงินรางวัล หนำซ้ำยังเป็นพวกหลอกลวง ไม่ได้มีหลักฐานอะไร

เวลา 20 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฟากเย่เฉินก็ยังคงหาเบาะแสอะไรไม่เจอ

หลิวเจิ้งคุนที่อยู่เมืองเสินเฉิงโทรมาหา “คุณชายเย่ คุณต้องรีบเตรียมตัวบินกลับแล้วนะครับ ถ้าในอีกสี่ชั่วโมงไม่ออกเดินทางล่ะก็ ฉินหงเหยียนจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงแล้วนะ!”

เวลาที่เย่เฉินเหลือไม่มากแล้ว!

เย่เฉินที่กำลังนั่งอยู่ที่บาร์ LEBALL สูบบุหรี่ ด้วยท่าทีลำบากใจ

และในเวลานี้ชายฝรั่งวัย 50 เดินมานั่งลงข้างเขา สั่งบรั่นดีแก้วหนึ่ง หันมองเขาด้วยแววตาหยั่งเชิงก่อนจะกล่าวถาม

“คนจีน ทำไมไมนายมาสืบเรื่องนี้ล่ะ? คนที่ตายไปแล้วเป็นคนมีหน้ามีตามากเหรอที่ประเทศนายน่ะ?”

ตอนที่ 322 ฉินเสี่ยวตั่ว : เราคบกันเถอะ!

ในเวลานี้ฝนยังไม่หยุด ทุกคนต่างก็กางร่มกันบวกกับที่เย่เฉินต้องการจะไปถึงฝรั่งเศสให้เร็วที่สุด เขาเองก็ร้อนใจ

ดังนั้นจึงไม่ได้มองแอร์สาวคนดังกล่าวแล้วกล่าวอย่างไม่สนใจ “ไปๆ จะไปหาเงินไปหาที่เครื่องบินลำนี้ อย่ามาสร้างความรำคาญ….”

ซีกวาพูดไปจู่ๆ ก็สังเกตเห็นว่าหญิงสาวเรือนร่างแบบบบางในชุดแอร์โฮสเตสนี้คือฉินเสี่ยวตั่ว!

“คุณฉินเสี่ยวตั่ว!” ซีกวาตกตะลึง “มาได้ยังไงครับเนี่ย?”

ฉินเสี่ยวตั่วถือร่มแล้วทำมือเป็นสัญญาณให้เขาเงียบแล้วส่งยิ้ม “อย่าบอกพี่เย่เฉินล่ะ เอาฉันขึ้นเครื่องไปด้วย ฉันจะไปฝรั่งเศสกับพวกคุณ!”

ซีกวา “เอ่อ…”

ซีกวาเองก็ชอบฉินเสี่ยวตั่วอย่างมาก เขารู้สึกว่าหญิงสาวใสซื่อน่ารัก รู้ว่าหล่อนไม่ได้มีเจตนาอะไรไม่ดี จึงยอมให้หล่อนขึ้นเครื่องบินไปด้วย

เครื่องบินบินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ฝนเพียงเท่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรสำหรับนักบินเครื่องบินส่วนตัวเลย

เพราะนักบินเป็นคนรัสเซีย ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าประเทศที่มีการต่อสู้บ่อยๆ นี้ขับเครื่องบินเก่งที่สุดในโลก

Leonardo นักแสดงฮอลีวูดผู้รับบทแจ็คในเรื่องไททานิค ก็เคยนั่งเครื่องบินของรัสเซียมาก่อน

สายการบินนี้เกิดเรื่องพอดิบพอดี คิดไม่ถึงว่าเครื่องบินนี้จะระเบิด!

ชายผู้นี้นั่งมองด้านนอกหน้าต่าง เห็นลูกไฟลุกติดเครื่องยนต์ เขาตกใจจนร้องตะโกนออกมาเสียงดัง

แต่เขากลับพบว่าทั้งเครื่องบินมีเขาตกใจแค่คนเดียว ส่วนคนอื่นๆ นั่งยังคงนั่งจิบกาแฟ จิบเหล้ากันอย่างใจเย็น

ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูก จึงเรียกแอร์โฮสเตสมาแล้วตะโกนถามด้วยความหวาดกลัว “นี่มันเกิดอะไรขขึ้นกันแน่!”

หญิงสาวตอบกลับมาว่า “ไม่ต้องเป็นกังวลใจไปค่ะ คุณผู้ชาย เรามีปัญหาเล็กน้อยเท่านั้นเอง ก็แค่หนึ่งในเครื่องยนต์พังก็เท่านั้นเอง”

ปัญหาเล็กๆ ก็แค่ เท่านั้นเอง…

ตอนเครื่องบินแตะพื้น ล้อหลังก็เริ่มระเบิด แต่ทุกคนก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ดังนั้นอากาศแบบนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลยด้วยซ้ำกับนักบินของเย่เฉิน

เย่เฉินนั่งบนที่นั่งหรูหราของเครื่องบินส่วนตัวอ่านข้อมูล แอร์โฮสเตสคนหนึ่งถือแก้วกาแฟเดินมาหาเย่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณชายเย่ ดื่มกาแฟเถอะ ฉันชงเองเลยนะคะ”

เย่เฉินรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูมากทีเดียวจึงแหงนหน้ามอง “ฉินเสี่ยวตั่วเหรอ? คุณมาได้ยังไงเนี่ย?”

ฉินเสี่ยวตั่วหัวเราะร่า แล้วทรุดนั่งลงตรงหน้าเย่เฉิน “ฮ่าๆ ฉันว่าแล้วว่านายจะต้องบินไปฝรั่งเศส เมื่อกี้ยังจะหลอกฉันอีก ชิ! จริงสิ ฉันคิดออกแล้วพ่อฉันน่ะเสียไปเมื่อวันที่ 29 เดือนสิงหาคม ตอน 11 ปีก่อน ตำแหน่งที่พ่อฉนได้รับบาดเจ็บก็คือบาร์ LaBall ที่ถนนฌ็อง-ฌัก รูโซ”

ฉินเสี่ยวตั่วแจกแจงสถานที่และเวลาที่บิดาตนเองตายกับเย่เฉิน ทำให้เขาน่าจะหาตัวฆาตกรได้ง่ายกว่าเดิม

ฌ็อง-ฌัก รูโซคือศิลปินและนักปราชญ์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอย่างมากในฝรั่งเศส ถนนสายนี้จึงมีชื่อเสียงอย่างมากในปารีส

เวลา 11 ปีก่อนไม่ถือว่ายาวนานอะไร เวลานั้นในเมืองใหญ่ๆ อย่างปารีสติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้เป็นจำนวนมากแล้ว

เย่เฉินคิดว่าเขาควรจะลองหาเบาะแสจากกล้องวงจรปิด!

เย่เฉินดื่มกาแฟที่ฉินเสี่ยวตั่วชงอึกหนึ่ง รสชาติอร่อยดีจริงๆ มีแอร์โฮสเตสสาวสวยบวกตำแหน่งว่าที่น้องสะใภ้ของตนเองในอนาคตให้บริการ ทำให้สิบชั่วโมงนี้ไม่น่าเบื่อเลย

เขาหันมองอากาศด้านนอกหน้าต่างแล้วหันไปถามฉินเสี่ยวตั่ว “พี่คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณมาฝรั่งเศสกับผม?”

ฉินเสี่ยวตั่วกล่าว “ไม่รู้อยู่แล้ว หล่อนไม่ให้ฉันมาเจอนายด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องออกไปต่างประเทศกับนายเลย นายคิดดูนะพี่สาวฉันก็เกินไปจริงๆ หล่อนเลิกกับนายไปก็จริงแต่มีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้เราติดต่อกัน? ต่อให้เลิกกับพี่เขาไปแล้ว แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่นา

เมื่อสองวันก่อน ฉันเถียงกับพี่บอกว่าถ้าหล่อนไม่อยากได้นายแล้ว ฉันจะเอาเอง พอพี่เขาได้ยินก็หัวร้อนขึ้นมาเลย ตะโกนใส่ฉันใหญ่ว่าห้ามเราคบกัน แถมยังห้ามไม่ให้ฉันชอบนายอีก”

เย่เฉินหัวเราะ “พี่สาวคุณยังรักผมอยู่ หล่อนต้องห้ามเราคบกันอยู่แล้ว คุณก็อย่าไปยั่วโมโหหล่อนโดยคำพูดเหลวไหลพวกนั้น”

ฉินเสี่ยวตั่วยิ้มหวาน “ฉันไม่ได้พูดเหลวไหลสักหน่อย ถ้าพี่ฉันแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงจริงๆ ฉันอาจจะตามจีบนายก็ได้”

เย่เฉินมีสีหน้าเก้อเขินไม่รู้ว่าฉินเสี่ยวตั่วพูดเรื่องจริงหรือว่าล้อเล่น

คิดไม่ถึงว่าในเวลานี้ซีกวาที่อยู่ข้างๆ จะชูมือขึ้นพลางพูดเสียงดัง “คุณหนูฉินเสี่ยวตั่ว ผมสนับสนุนคุณครับ!”

เย่เฉินถลึงตาใส่ซีกวา “สนับสนุนก็บ้าแล้ว เกี่ยวอะไรกับนาย”

ฉินเสี่ยวตั่วหัวเราะเสียงดัง

เย่เฉินกล่าว “เสี่ยวตั่ว ถ้าคุณอยากจะมีแฟนจริงๆ ผมแนะนำให้คุณได้ อย่างไรเสียผมก็เป็นพี่เขยคุณ เรื่องใหญ่ในชีวิตแบบนี้ ผมจะรับผิดชอบก็เป็นเรื่องสมควร”

ฉินเสี่ยวตั่วท้าวคางแล้วส่งยิ้มร่าเริง “จริงเหรอ? จะแนะนำคนแบบไหนให้ฉันล่ะ?”

เย่เฉินจึงย้อนถาม“แล้วคุณอยากได้คนแบบไหนล่ะ?”

ฉินเสี่ยวตั่วครุ่นคิด “ฉันชอบคุณชายในนตระกูลที่ลึกลับแบบพวกนายน่ะ ไม่ใช่เพราะนายมีเงินนะ แต่ฉันรู้สึกว่าบ้านนายน่าสนใจดี แต่งงานเข้าไปน่าจะสนุกดี ไม่แน่ว่าจะมีสมบัติลึกลับเหมือนเล่นเกมไง ฮ่าๆ จริงสิ พี่ชายน้องชายนายมีโสดๆ ไหม แนะนำให้ฉันรู้จักเร็ว”

เย่เฉินตัวค้างแข็ง “ผมไม่มีน้องชายหรอก มีพี่ชายสองคน คุณอยากเป็นพี่สะใภ้ผมเหรอ?”

ฉินเสี่ยวตั่วหัวเราะร่าเริงพลางทรุดตัวนั่งลงข้างกายเย่เฉิน “ก็ดีนะ เป็นพี่สะใภ้นายน่าจะดี ต่อไปถ้าพี่สาวฉันแต่งงานกับนาย ต่อไปขนาดพี่สาวฉันก็ยังจะต้องเรียกฉันว่าพี่สะใภ้เลยนะ ฮ่าๆ แค่คิดก็สนุกแล้ว! รีบบอกฉันมา พี่ชายนายสองคนหล่อไหม!”

เย่เฉินพูดไม่ออก แต่ว่าการเดินทางนั้นอีกยาวนาน คุยเรื่อยเปื่อยกับหล่อนก็ไม่น่าเป็นอะไร

เย่เฉินแนะนำ “พี่ชายผมอายุ 30 กว่าแล้ว แล้วก็แต่งงานแล้วด้วย คุณไม่มีหวังแล้วล่ะ”

“แล้วพี่คนที่สองล่ะ?” ฉินเสี่ยวตั่วซักไซ้

แค่พูดถึงเย่เซวียนพี่ชายเขา เย่เฉินก็ส่ายหน้า “พี่ชายคนที่สองของผมยังไม่แต่งงาน”

ฉินเสี่ยวตั่วดีใจอย่างยิ่ง “ว้าว มีคนที่ยังไม่ได้แต่งงานคนหนึ่งจริงๆ ด้วยรีบบอกฉันเร็วว่าพี่ชายคนที่สองของนายหล่อไหม สูงเท่าไหร่ น้ำหนักล่ะ ทำงานอะไร”

เย่เฉินอดยื่นมือออกไปเคาะจมูกที่เชิดรั้นของหญิงสาวไม่ได้ “คุณอย่าคิดเหลวไหลเลย คุณกับพี่รองของผมเป็นไปไม่ได้หรอก”

ฉินเสี่ยวตั่วมีท่าทีไม่พอใจ “หญิงโสดชายโสดมีอะไรเป็นไปไม่ได้กัน? พี่ชายคนโตอายุ 30 กว่างั้นพี่รองก็ไม่แก่ไปกว่านั้นหรอกจริงไหม? อายุน่าจะเหมาะสมกับฉันพอดี!”

เย่เฉินอธิบาย “พี่รองของผมคนนี้เป็นคนสารเลว เขาเป็นคนที่ก่อเรื่องเก่งที่สุดในบรรดาพวกเราสามคน และก็เป็นคนที่หัวแข็งที่สุดด้วย อีกทั้งพี่รองของผมก็เป็นพวกมองคนแต่ภายนอกเสียด้วย ตัดสินคนที่หน้าตาและเรือนร่าง ผู้สวยๆ ทั่วไปเขาไม่แลหรอก”

พูดมาเท่านี้ฉินเสี่ยวตั่วก็ชกเย่เฉินน้อยๆ “ฮึ นายกำลังจะบอกว่าฉันขี้เหร่ หุ่นไม่ดีงั้นเหรอ กลัวว่าพี่ชายายจะไม่ชอบฉันเหรอ? เย่เฉินนายเบิกตาดูให้ชัดๆ ฉันขี้เหร่ตรงไหนเหรอ หุ่นไม่ดีตรงไหน?”

ฉินเสี่ยวตั่วยืนขึ้นแล้วโพสท่า หมุนตัวไปรอบๆ เพื่อนำเสนอทั้งด้านหน้าและหลังให้เย่เฉินดู

ฝั่งเย่เฉินก็ไม่ได้แสดงท่าที แต่ซีกวานั้นเลือดกำเดาไหลแล้ว…

ตอนที่ 321 ฆาตกรที่ฆ่าพ่อของฉินหงเหยียน!

ณ ห้องเพรสซิเด้นท์สูทชั้นบนสุดของโรงแรม Intercontinental Hotel เย่เฉินที่กำลังสวมหูฟังเพื่อฟังเนื้อหาทีพวกเขาคุยกัน ไม่ได้ยินเสียงเม็ดฝนที่ตกด้านนอกแม้แต่น้อย

แต่ในใจเขาตอนนี้กลับราวมีสายฟ้าฟาดลงกลางใจ!

เย่เฉินในตอนนี้ได้รู้ความจริงสักที!

ที่แท้ฉินหงเหยียนรู้เรื่องฆาตกรที่ฆ่าพ่อตัวเองเลยตัดสินใจมาขอเลิกกับเย่เฉิน!

“คนที่ฆ่าพ่อของฉินหงเหยียนเป็นใครกันแน่นะ!”

และในเวลาเดียวในรถบนถนน

สวี่ฉู่หมิงยอมให้หญิงสาวตบตีแล้วเป็นฝ่ายยอมรับ “เธอพูดถูก หงเหยียน ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรบอกเรื่องพวกนั้นกับเธอ ไม่ควรไปรบกวนความสงบในชีวิตเธอ ในเมื่อเธอรักเย่เฉินขนาดนั้น เธอก็ถือว่าเธอไม่เคยได้ยินคำพูดพวกนั้นของเธอ ถือเสียว่าไม่เคยมาที่เมืองเสินเฉิงมาก่อนสิ! พ่อของเธอคือคนที่ฉันเคารพ เป็นเพื่อนสนิท ความแค้นของเขาฉันจะไปล้างแค้นเอง เธอไม่ต้องไปเสี่ยงหรอก เธอทำเหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกลับไปหาเย่เฉินสิไป!”

คำพูดนี้ของเขาฟังเหมือนเขาใจกว้าง มีน้ำใจเสียเหลือเกินแต่เย่เฉินรู้ว่าเป็นเพราะเขาเข้าใจนิสัยของหญิงสาว ถึงได้จงใจพูดแบบนี้

จากที่เขารู้จักหญิงสาว หล่อนไหนเลยจะยอมหนีจากโลกความจริง แล้วยอมละทิ้งความแค้นที่บิดาโดนฆ่าเพียงเพื่อจะมีชีวิตที่แสนสงบและมีความสุขแล้วทำเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนเองได้ยังไง?

ผู้ชายแก่ๆ ที่เจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างสวี่ฉู่หมิง ย่อมต้องใช้ไม้นี้เพื่อเอาาชานะใจสาว!

และเป็นไปอย่างที่คาดฉินหงเหยียนไม่ตบตีเขาอีกแต่กล่าวด้วยเสียสะอื้น“ไม่ ฉันจะไม่กลับไปหาเย่เฉินแล้ว เรื่องของเราสองคนมันจบลงแล้ว ความแค้นของพ่อฉัน ฉันจะต้องไปล้างแค้นด้วยตนเอง ฉันจะฆ่าไอ้คนสารเลวคนนั้น! ต่อให้ฉันต้องตายก็เถอะ!”

พอได้ยินแบบนี้เย่เฉินก็ตกตะลึง

คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนจะถึงขั้นเตรียมตัวเตรียมใจตายไปกับฆาตกร!

“เด็กโง่ ทำไมคุณถึงจะเอาชีวิตเข้าแลกล่ะ? ตระกูลเย่ของเรามีอิทธิพลทั่วโลก คุณบอกผมมาก็ได้ว่าเขาเป็นใคร ผมช่วยคุณจัดการเขาไม่ดีหรือไง? หงเหยียนจะต้องกลัวว่าจะทำให้เราลำบากไปด้วย บางทีคนๆ นั้นอาจจะมีอิทธิพลอย่างมาก หรือบางทีคนผู้นั้นอาจจะรับมือได้ยาก…”

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็พบว่าเสียงสะอื้นของหญิงสาวค่อยๆ เบาลง แล้วหล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

และในเวลานี้เองเย่เฉินก็ถอดสายหูฟังออก เขาในตอนนี้รู้แล้วว่าทำไมหญิงสาวถึงทอดทิ้งเขาไป

ตอนนี้เขาแค่ต้องรู้ว่าฆาตกรคือใครก็เป็นอันใช้ได้!

“อาคุน อากวา!”

เย่เฉินเรียกทั้งสองคนมา “รีบไปเอาตัวสวี่ฉู่หมิงมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”

“ครับ!”

ในระหว่างที่สองคนนั้นไปตามล่าตัวสวี่ฉู่หมิง เย่เฉินก็โทรหาฉินเสี่ยวตั่ว

“เสี่ยวตั่ว”

“พี่เย่เฉินมีอะไรคะ?”

“พี่สาวคุณเคยบอกคุณไหมว่าคนที่ฆ่าพ่อพวกคุณคือใคร?”

“ไม่นะ พี่สาวฉันกับคุณอาสวี่ควานตัวหาพวกเขามาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าใครคือฆาตกร ทำไมจู่ๆ ถึงถามเรื่องนี้ล่ะ?”

เย่เฉินไม่ตอบแต่ถามต่อ “งั้นคุณพอจะรู้สถานที่กับเวลาที่แน่ชัดที่พ่อคุณตายได้ไหม?”

ฉินเสี่ยวตั่วคุ่นคิด “พ่อฉันตายเมื่อปี 2011 ฉันรู้แค่ว่าที่ฝรั่งเศส แต่สถานที่กับเวลาฉันจำไม่ค่อยได้ นายถามเรื่องนี้ทำไมเหรอ พี่สาวฉันคุยอะไรกับนายใช่ไหม?”

เย่เฉินพอจะเข้าใจแล้วว่าฉินหงเหยียนกับสวี่ฉู่หมิงน่าจะไม่ได้บอกเรื่องที่พวกเขาเจอตัวฆาตกรแล้วกับฉินเสี่ยวตั่ว

เพราะฉินหงเหยียนหวังว่าน้องสาวจะมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย จึงไม่เพิ่มความทุกข์ใดๆ ให้หญิงสาว

เย่เฉินเองก็เห็นฉินเสี่ยวตั่วเป็นน้องสะใภ้ เป็นคนในครอบครัว เขาเองก็ไม่อยากจะให้ความตั้งใจของฉินหงเหยียนต้องพังทลายไป

ดังนั้นเขาจึงตอบแค่ “อ้อ ไม่มีอะไร จู่ๆ ผมก็นึกขึ้นมาได้น่ะเลยลองถามดู ไม่มีอะไรแล้ว ผมวางล่ะ”

“เดี๋ยวก่อน!”

แต่จู่ๆ ปลายสายก็มีเสียงท้วงดังขึ้น “ไม่ใช่สิ นายโทรมาถามเรื่องนี้โดยเฉพาะ หรือว่าจะไปฝรั่งเศสเพื่อไปตามล่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อฉัน! ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน! เพราะนายเห็นพี่สาวฉันกำลังจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง นายจะต้องอยากหาตัวฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเราเพื่อล้างแค้นให้พี่ฉัน แล้วใช้เงื่อนไขข้อนี้มาขอพี่สาวฉันแต่งงานอีกรอบใช่ไหม?”

เย่เฉินไม่รู้จะพูดอะไร คิดไม่ถึงว่าในหัวของฉินเสี่ยวตั่ว จะผูกเรื่องอะไรแบบนี้ออกมา

แต่เย่เฉินยังไม่ทันได้ตอบ ฉินเสี่ยวตั่วก็พูดต่อ “ฉันก็จะไปด้วย ฉันจะไป! ฉันอยากรู้เรื่องของพ่อมาตลอดเลย แต่ว่าพี่เขาไม่ยอมบอก ฉันเองก็เป็นลูกสาวพ่อเหมือนกัน ฉันเองก็มีสิทธิ์จะทำอะไรเพื่อพ่อบ้าง ทำไมพี่เขาไม่ยอมบอกฉัน? เย่เฉินฉันไปฝรั่งเศสด้วยสิ?”

เย่เฉินย่อมไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว “ผมไม่ได้จะไปฝรั่งเศส อีกอย่างตอนนี้ฝนตกหนัก บินไม่ได้ ผมก็ไปไม่ได้อยู่ดี คุณคิดมากเกินไปแล้ว”

ฉินเสี่ยวตั่วโวยวาย “คุณพี่คะ ฉันเนี่ยเป็นแอร์นะ บินอยู่ทุกวัน ฝนแค่นี้ไม่ได้มีผลอะไรกับการบินหรอกเข้าใจไหม? อีกอย่างนายมีเครื่องบินส่วนตัวนี่นา!”

เย่เฉินยังคงไม่เห็นด้วย “ผมไม่ได้ไปฝรั่งเศสจริงๆ แค่นี้ล่ะ”

พูดว่าไม่ไปฝรั่งเศส แต่เย่เฉินก็เตรียมกระเป๋าสัมภาระ แล้วโทรศัพท์สั่งให้คนทางฝั่งนั้นรอจัดการให้เขา

หลิวเจิ้งคุนกลับมารายงานอย่างรวดเร็ว “ขอโทษด้วยครับคุณชาย สวี่ฉู่หมิงกับคุณฉินหงเหยียนไปพักที่บ้านเสินเฉิงเลขที่ 1 เราเข้าไปด้านในไม่ได้!”

“สวี่ฉู่หมิงต้องเล่นลูกไม้สกปรกอะไรอีกแน่ๆ ว่าถ้าไม่ใช่เจ้าของวิลล่าด้านในจะไม่ให้ใช่ไหม?” เย่เฉินตะคอก “งั้นซื้อเลยหลังหนึ่ง ดูสิว่าจะให้เข้าไหม!”

หลิวเจิ้งคุนมีสีหน้าไม่สู้ดี “ถามแล้วครับ แต่พวกเขาไม่ขาย”

“หมู่บ้านหลังนี้เป็นหมู่บ้านที่หรูหราที่สุด ดีที่สุดในเมืองเสินเฉิง หรืออาจจะถึงขั้นในประเทศเลยด้วยซ้ำไปครับ ได้ยินมาว่าพวกเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่รวยๆ ในประเทศเราทั้งหมดไม่อยู่บ้านตัวเอง แต่มาซื้อบ้านที่นี่ เงื่อนไขของพวกเขาตอนนี้ก็คือต้องเป็นประธานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ซื้อบ้านของพวกเขา แต่พอเราแจ้งชื่อคุณชาย พวกเขาก็ปฏิเสธทันที!”

ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าสวี่ฉู่หมิงน่าจะวางแผนเอาไว้ก่อนนี้ เพื่อไม่ให้เย่เฉินได้เข้าใกล้เขา

บ้านเสินเฉิงเลขที่ 1 เป็นแหล่งรวมของอภิมหาเศรษฐีในประเทศนี้ นโยบายรักษาความปลอดภัยย่อมต้องดีเลิศ

ถ้าหากว่าสวี่ฉู่หมิงไม่ออกมา เกรงว่าคงจะจับตัวไม่ได้เลย และต่อให้ออกมา เขาเป็นคนรอบคอบย่อมต้องหอบบอดี้การ์ดมาด้วย

แล้วต่อให้จับตัวอีกฝ่ายมาได้ สวี่ฉู่หมิงก็อาจจะไม่ยอมสารภาพกับเขาว่าคนที่ฆ่าพ่อของฉินหงเหยียนคือใครกันแน่

“อาคุน นายคอยเฝ้าพวกเขาอยู่ที่นี่ ส่วนฉันกับซีกวาจะไปฝรั่งเศส”

“ฝรั่งเศส? คุณชายจะไปไกลขนาดนั้นเลยหรอครับ? แต่ว่าอีกสองวันคุณฉินหงเหยียนจะแต่งงานแล้ว อย่ากลับมาสายนะครับ”

“อืม ฉันรู้น่า”

บินไปฝรั่งเศสอย่างน้อยๆ ก็ใช้เวลาหลายสิบชั่วโมง ไปกลับใช้เวลาทั้งวัน

เย่เฉินจำเป็นต้องสืบหาความจริงให้ได้ภายในหนึ่งวัน!

ดังนั้นเย่เฉินจึงรีบไปที่สนามบิน ถือร่มแล้วเดินเข้าไปในเครื่องบินส่วนตัวของตนเอง

พวกซีกวาเองก็ตามหลังมาติดๆ

ในตอนที่ซีกวาถือร่มเดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นเครื่อง ทันใดนั้นเองก็มีสาวสวยขายาวในชุดแอร์โฮสเตส เดินตามมาแล้วถาม

“คุณผู้ชายคะ คุณผู้ชาย คุณจะไปฝรั่งเศสหรือเปล่าคะ? อยากได้แอร์โฮสเตสไปบริการไหมคะ? ฉันเองก็จะไปฝรั่งเศส ให้ฉันติดเครื่องไปด้วยคน ฉันทำงานให้ฟรีก็ได้ค่ะ!”

ตอนที่ 320 ฉินหงเหยียนที่หมดอาลัยตายอยาก!!

ในตอนที่ก่อนเขาจะออกมาจากเมืองหลวง เย่เฉินสั่งให้ซีกวายัดซูมู่หลินใส่เข้าไปใน UFO แล้วขับไปที่สถานีตำรวจ

คิดไม่ถึงว่าซูมู่หลินจะรอดปลอดภัยกลับมา

เห็นได้ชัดว่าศักยภาพของตระกูลซูนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

ในห้อง VIP ของร้านอาหาร ซูมู่หลินอธิบายพลางระบายยิ้ม “อ้อ เย่เฉินเป็นพ่อของซือซือ เขาก็คือประธานบริษัทของเฉินเย่กรุ๊ป ไอ้คนสารเลวนั่น หลอกลวงพี่สาวผม แถมยังทำให้พี่สาวผมท้องมีลูกสาวอีก ได้ยินมาว่าคุณฉินเองก็เคยคบหากับเย่เฉินมาก่อนใช่ไหม?”

ฉินหงเหยียนเก้อเขิน คิดไม่ถึงว่าซูมู่หลินคนนี้จะพูดจาไม่อ้อมค้อมตรงไปตรงมา และถามหญิงสาวแบบนี้ต่อหน้าสวี่ฉู่หมิง !

หากเปลี่ยนเป็นหลิ่วอวี่เจ๋อล่ะก็เขาคงไม่กล้าเสียมารยาทแบบนี้!

ดูไปแล้วตระกูลซูคงจะเก่งกล้าสามารถกว่าตระกูลหลิ่วมาก ไม่เห็นหัวสวี่ฉู่หมิงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

และในเวลานี้เองซูมู่ชิงก็เปิดปากกล่าว “มู่หลิน อย่าพูดจาเหลวไหล!”

จากนั้นหญิงสาวยังเป็นฝ่ายขอโทษฉินหงเหยียนด้วย “ขอโทษด้วยนะคะคุณฉิน เขาก็เป็นแบบนี้แหละปากไวไปหน่อย แต่ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีค่ะ”

ฉินหงเหยียนยิ้มน้อยๆ พวกเขานั่งลงและเริ่มสั่งอาหาร

หลังจากสั่งอาหารเสร็จแล้ว สวี่ฉู่หมิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายซู คุณหนูซู พวกคุณให้เกียรติผมขนาดนี้ ถึงกับมาร่วมงานแต่งงานของผมกับฉินหงเหยียนล่วงหน้าถึงสองวัน สองวันนี้พวกคุณอยากไปที่ไหนเดี๋ยวผมจัดการให้เอง!”

ซูมู่หลินมองออกไปนอกหน้าต่าง เอกลักษณ์ของร้านอาหารบนดาดฟ้าก็คือชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเมือง

เมื่อมองออกไป ทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเสินเฉิงและเขาอูถง หยดน้ำฝนเล็กๆ ที่โปรยปรายยิ่งทำให้ดูงดงามมากขึ้น

ซูมู่หลินกล่าวต่อ “เกรงว่าฝนตกรอบนี้จะไม่น่าหยุดในวันสองวัน เราอยู่ที่โรงแรมดีกว่า”

สวี่ฉู่หมิงก็ถามต่อ “แล้วเถ้าแก่ซูช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

ซูมู่หลินพยักหน้ารับ “คุณปู่ของผมแข็งแรงดีครับ เขายังวานให้ผมมาบอกว่า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดวันที่ 15 เดือนมีนาคม ท่านจะมาร่วมงานเองครับ”

“จริงเหรอ?”

สวี่ฉู่หมิงดีใจอย่างยิ่งที่ตระกูลซูไม่เพียงแต่ส่งทายาทในรุ่นที่สามของตระกูลมาที่เมืองหลวงยังล่วงหน้าก่อนด้วย แถมไม่พอกระทั่งประมุขของตระกูลยังจะมาร่วมงานด้วยตนเองอีก นี่ทำให้สวี่ฉู่หมิงตกใจเมื่อได้รับเกียรติใหญ่หลวงขนาดนี้จากพวกเขา

เพราะสถานะของตระกูลซูนั้น ไม่จำเป็นต้องเอาอกเอาใจเขา

“มา คุณชาย คุณหนู ผมขอดื่มให้พวกคุณหนึ่งแก้ว ขอบคุณนะครับที่พวกคุณยอมมาเมืองเสินเฉิง!”

สวี่ฉู่หมิงยกแก้วเหล้าขึ้นมา ทำให้ฉินหงเหยียนต้องยกแก้วตามแล้วทั้งสี่คนก็เริ่มดื่มด้วยกัน

ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนกลางวันแต่ว่าพวกเขาก็ยังคงดื่มกันเต็มที่ และอาจเพราะคนตระกูลซูเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยทำให้สวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียนจำเป็นต้องเอาอกเอาใจพวกเขาอย่างเต็มที่ แสดงน้ำใจไมตรีในการเป็นเจ้าภาพอย่างสุดความสามารถ

ส่วนตัวซูมู่หลินเหมือนตั้งใจว่าหากกินอาหารมื้อนี้แล้วจะตรงไปนอนหลับที่โรงแรมทันที เขาถึงได้ยกดื่มเอาไม่หยุด

ในสี่คนนี้มีแค่ซูมู่ชิงเท่านั้นที่จิบทีละน้อย อย่างไรเสียเจ้าหล่อนก็พาลูกสาวมาด้วย

ไม่นานนักพวกเขาก็ดื่มกันไปไม่น้อย ซูมู่หลินพาซือซือออกไปดูวิวด้านนอก ส่วนสวี่ฉู่หมิงไปเข้าห้องน้ำ

ในห้องจึงเหลือแต่ฉินหงเหยียนกับซูมู่ชิง

ผู้หญิงสองคนที่หน้าตาสะสวยเผชิญหน้ากัน บวกกับความสัมพันธ์ที่เป็นเหมือนคู่แข่งในความรักกันกลายๆ ดังนั้นในห้องจึงตกอยู่ในความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

จากนั้นจู่ๆ ซูมู่ชิงก็เปิดปากกล่าว “คุณฉินคะ ทำไมคุณถึงเลิกกับเย่เฉิน? เมื่อหลายวันก่อนนี้เย่เฉินอยู่กับฉันตลอด เขาพูดถึงคุณทุกวัน บอกว่าคุณหน้าตาสะสวยและรักกันมากด้วย แถมยังบอกว่าพวกคุณกำลังจะแต่งงานกัน”

เย่เฉินเองก็ตั้งใจฟังอย่างละเอียด คิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงจะช่วยตนเองแก้ปัญหาเรื่องนี้

ฉินหงเหยียนกล่าว“เราไม่เหมาะสมกัน เขา…ดีมากแต่อายุน้อยเกินไปสำหรับฉัน ฉันชอบผู้ชายที่ค่อนข้างโตหน่อย”

พูดจบฉินหงเหยียนก็ย้อนถามซูมู่ชิง “พอจะเล่าเรื่องคุณกับเย่เฉินหน่อยได้ไหมคะ? ทำไม…คุณถึงได้มีลูกกับเขาได้?”

ถึงแม้ว่าฉินหงเหยียนจะไม่ใช่แฟนเย่เฉินแล้ว แต่หล่อนก็ยังคงรักชายหนุ่มอยู่ อยากจะรู้เรื่องราวความเป็นไปในอดีตของเขาอย่างมาก

ซูมู่ชิงกล่าว“เมื่อสี่ปีก่อนเขาข่มขืนฉัน”

“เป็นไปไม่ได้! เขาไม่ใช่คนแบบนั้น!”

ฉินหงเหยียนรีบเถียงแทนเย่เฉินทันที ซึ่งนี่ทำให้เย่เฉินรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างมาก

ซูมู่ชิงรีบอธิบาย “เป็นแผนการของพี่ชายคนที่สองของเขา”

ทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็แค่นเสียงออกมา ใบหน้าเผยความไม่พอใจออกมา “ฮึ คนตระกูลเย่นี่ยโสโอหังไม่กลัวอะไรจริงๆ!”

จากนั้นฉินหงเหยียนก็ถามอีก “คุณไม่โกรธเย่เฉินหรอ?”

ซูมู่ชิงส่ายหน้า “ที่จริงเมื่อสี่ปีก่อนในห้องดำนั้น ฉันเป็นคนจับมือเย่เฉินก่อน ถ้าหากว่าเราไม่ทำอย่างนั้น เราจะออกจากที่นั่นไม่ได้ อีกทั้งหลายปีมานี้ฉันคอยจับตาดูเขาอยู่ตลอด เขาแต่งเข้าตระกูลหวัง ทั้งๆ ที่เป็นคุณชายคนที่สามของตระกูลหวัง แต่กลับยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี แถมยังเอาใจใส่และคอยดูแลหวังเจียเหยาที่เป็นภรรยาของเขาในตอนนั้นเป็นอย่างดี

ต่อมาพอเขาคบหากับคุณแล้ว เขาก็เป็นห่วงเป็นใยคุณ แถมยังช่วยคุณสานฝันให้คุณได้กลายเป็นประธานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อีก พูดกันตามตรงฉันชอบเย่เฉินมากๆ และฉันเองก็หวังว่าตัวเองจะมีแฟนแบบนี้”

พอได้ยินคำพูดของซูมู่ชิงแล้ว เย่เฉินก็ชะงักไป คิดไม่ถึงว่าหลายปีที่ผ่านมาซูมู่ชิงจะคอยจับตาดูตนเองอยู่ตลอดเหรอเนี่ย?

อีกทั้งคิดไม่ถึงว่าเจ้าหล่อนจะพูดว่าชอบเขาด้วย…

“ซูมู่ชิงชอบเรา… หล่อนชอบคนที่เคยทำร้ายหล่อนมาก่อนได้ยังไงกันนะ?”

เย่เฉินประหลาดใจมากทีเดียว

ฉินหงเหยียนถามต่อ “แล้วคนที่บ้านคุณล่ะคะ?”

ซูมู่ชิงกล่าว “คุณปู่ของฉันอยากจะผูกมิตรกับคนตระกูลเย่มาตลอด เขาชอบเย่เฉินมาก”

ฉินหงเหยียนพยักศีรษะ คำพูดและท่าทีทั้งหลายของซูมู่ชิงก็เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว

ในเมื่อคุณเลิกกับเย่เฉินแล้ว งั้นต่อไปภายหน้าผู้ชายที่เย่เฉินคนนี้ก็เป็นของฉันซูมู่ชิงแล้ว!

ฉินหงเหยียนยกแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วกล่าวกับซูมู่ชิง “คุณหนูซู คุณกับเย่เฉินไม่ว่าจะอายุ หน้าตาหรือพื้นเพล้วนแต่เหมาะสมกันอย่างมาก อีกทั้งพวกคุณก็มีลูกด้วยกัน พวกคุณต่างหากที่เป็นคู่กัน”

“แก้วนี้ฉันขอดื่มให้คุณ ขออวยพรให้คุณกับเขา…รักกันร้อยปี!”

พูดจบ ฉินหงเหยียนก็กระดกเหล้าในแก้วหมดในทีเดียว!

“หงเหยียน!”

เย่เฉินมองออกมาว่าฉินหงเหยียนเสียใจ!

“หงเหยียนคุณพูดเหลวไหลอะไร ผมไม่มีทางไปแต่งงานกับซูมู่ชิงหรอกนะ คุณต่างหากที่เป็นผู้หญิงของผม!”

เย่เฉินตะโกนกร้าว แต่น่าเสียดายที่ฉินหงเหยียนไม่ได้ยินเสียงของเขาแม้แต่น้อย

วันนี้ฉินหงเหยียนเป็นคนดื่มเหล้าเยอะที่สุด อีกทั้งด้วยความสามารถในการดื่มเหล้าของหญิงสาวแต่คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ออกจากร้านก็อาเจียนอาหารทั้งหมดออกมา!

“หงเหยียนเป็นยังไงบ้าง? ทำไมดื่มเยอะอีกแล้ว?”

สวี่ฉู่หมิงตบหลังหญิงสาวอย่างร้อนรน แล้วส่งน้ำให้หล่อนดื่ม ก่อนจะประคองหญิงสาวขึ้นรถ

รกเบนซ์สีดำขับออกจากลานจอดรถขับผ่านถนนที่ฝนตกโปรยปราย

เพลง ‘Ren Jian Qing Duo’ ที่เป็นเพลงประกอบละคร ‘Shen Yi Xi Lai Yue’ ดังขึ้นในรถ

ส่วนฉินหงเหยียนที่นั่งด้านหลังกลับร้องไห้เหมือนเป็นเด็กเล็กๆ

เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาว เย่เฉินเองก็เสียใจขึ้นมา

เดิมทีควรจะเป็นเย่เฉินที่ร้องไห้เพราะการเดินออกไปจากชีวิตเขาของหญิงสาวในงานแต่งงานของหล่อน

คิดไม่ถึงว่าคนที่เป็นฝ่ายเสียใจเพราะอีกฝ่ายมีความสุขจะเป็นหญิงสาว

การปรากฏตัวในวันนี้ของซูมู่ชิงมีอิทธิพลกับหญิงสาวอย่างมาก!

ซูมู่ชิงและเย่เฉินเหมาะสมกันเกินไป นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉินหงเหยียนที่รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเหลือเกิน

ฉินหงเหยียนร่ำไห้ ถึงขนาดตบสวี่ฉู่หมิง

“ฉันรักเย่เฉิน! ฉันควรจะเป็นผู้หญิงที่อยู่กับเขาไปตลอดชีวิต! ฉันไม่อยากเห็นผู้หญิงคนอื่นได้ครอบครองเขา! ทำไมคุณต้องบอกเรื่องพวกนั้นกับฉัน! ทำไมต้องบอกฉันว่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อของฉันคือใคร ทำไม! ทำไม! ทำไมกัน!”

ตอนที่ 319 ควีนปะทะควีน!
สัญชาตญาณดิบของผู้หญิงเดิมนั้นก็มีความริษยาแฝงอยู่ในใจเสมอ โดยเฉพาะเมื่อมีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่นชมหญิงสาวคนอื่นต่อหน้าต่อตาตนเอง!

ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉินหงเหยียนจะเลิกกับเย่เฉินแล้ว แต่หล่อนก็ยังอยากจะเห็นหน้าซูมู่ชิงที่เป็นผู้หญิงในอดีตที่ผ่านมาของเขา แถมยังมีลูกสาวให้เขาอีก ว่าหน้าตาเป็นยังไงกันแน่!

และแล้วเย่เฉินเองก็รู้ว่าร้านอาหารที่พวกเขาจะไปในตอนเที่ยงชื่อว่าร้านอาหารเทียนกงอย่างรวดเร็ว

นี่คือร้านอาหารบนดาดฟ้าของตึกที่สูงถึง 95 ชั้น และเป็นสถานที่หรูหราในเมืองเสินเฉิง

เย่เฉินรีบสั่งซีกวาทันที ให้ซีกวาจัดการไปติดกล้องที่ร้านอาหารแห่งนั้น ทั้งห้องใหญ่ ห้องVIP

เขาจะต้องรู้ทุกเรื่อง ทุกรายละเอียดในระหว่างกินข้าวของทั้งสี่คนนั้น

“คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนกับซูมู่ชิง…ผู้หญิงทั้งสองคนนั้นจะมาเจอกันแบบนี้”

เย่เฉินยังคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ฉินหงเหยียนและซูมู่ชิงต่างก็เคยเป็นผู้หญิงคนเย่เฉิน เดิมต่อให้ทั้งสองคนจะต้องเจอกัน เย่เฉินก็ควรจะต้องเป็นคนแนะนำให้พวกหล่อนรู้จักกันต่างหาก คิดไม่ถึงว่าพวกหล่อนจะรู้จักกัน โดยที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย แล้วไปเจอกันเองสองคน

ถึงแม้ว่าการพบกันของทั้งสองคนไม่ได้เกี่ยวกับเย่เฉิน แต่ถ้าผู้หญิงสองคนพบหน้ากันจะต้องพูดถึงเขาแน่ๆ

“ไม่รู้ว่าพวกหล่อนจะพูดถึงฉันได้ยังไง”

เย่เฉินเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน

เวลาเที่ยงมาถึงอย่างรวดเร็ว แต่ฝนยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ยังคงตกเปาะแปะไม่หยุด

สวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียนนั่งที่ด้านหลังรถ BENZ ด้วยกัน แล้วให้คนขับรถส่งพวกเขาไปที่ตึกอันเป็นที่ตั้งของร้านอาหารเทียนกง

ทั้งสองคนแต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการ พอจะมองออกว่า ถึงแม้สองพี่น้องตระกูลซูจะอายุน้อยกว่าสวี่ฉู่หมิง แต่เขาให้ความสำคัญกับพวกเขาอย่างมาก

เมื่อมาถึงห้อง VIP ที่นัดกันเอาไว้ก็พบว่าสองพี่น้องตระกูลซูรออยู่ที่นั่นแล้ว

หลังจากที่สวี่ฉู่หมิงเดินเข้ามาในห้องก็รีบร้อนจับมือซูมู่หลิน

“แย่แล้ว คุณชายซู ดูสิอุตส่าห์มาตั้งไกล เพื่อมาร่วมงานแต่งงานของผม ผมควรต้องเป็นคนเลี้ยงข้าวต่างหาก คิดไม่ถึงว่าวันนี้คุณสองคนจะจองร้านอาหารแบบนี้ ผมล่ะเขินมากเลย อาหารมื้อนี้ต้องให้ผมจ่ายนะครับ”

ซูมู่หลินจับมือสวี่ฉู่หมิงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณสวี่ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ ผมจ่ายเงินไปแล้วล่ะ การแต่งงานเป็นเรื่องมงคล ที่บ้านของเราขอเลี้ยงอาหารคุณก็เพื่อขอเกาะใบบุญของพวกคุณด้วย”

สวี่ฉู่หมิงยิ้มแย้ม เขาตะลอนไปทั่วมาตลอดหลายปี เขาเองก็พอจะเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาเหมือนกัน

ตระกูลสวี่และตระกูลซูถือเป็นตระกูลที่ร่ำรวย ใครจะแยแสเงินค่าอาหารมื้อเดียว แค่พูดกันตามมารยาทเท่านั้นเอง

จากนั้นสวี่ฉู่หมิงเองก็หันไปมองผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างซูมู่หลิน หลังจากที่เห็นผู้หญิงคนนี้แล้ว สวี่ฉู่หมิงก็ตกตะลึงในความสวยของหญิงสาวคนนั้น

วงหน้าของซูมู่ชิงงดงามไร้ที่ติ!

อีกทั้งวันนี้หญิงสาวยังตั้งใจแต่งตัวมาอย่างประณีตทั้งการแต่งหน้า เครื่องประดับ…

หญิงสาวสวมเสื้อแขนยาวสีขาว ดูผ่านๆ อาจจะเหมือนว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ตแต่บนเสื้อเป็นดีไซน์รูปโบ มองจากไกลๆ หญิงสาวเหมือนนางแบบที่มาโชว์เสื้อผ้าประจำฤดูกาล

ส่วนท่อนล่างหญิงสาวใส่กระโปรงหนังสีขาว ที่ค่อนข้างสั้น และเพราะเสื้อค่อนข้างยาวบวกกับพอเสื้อผ้าทั้งหมดเป็นสีเดียวกัน ก็เลยทำให้คนคิดว่าตัวเสื้อกับกระโปรงเป็นชุดเดียวกัน

ส่วนขาขาวเรียวยาวที่ต่อลงมาจากกระโปรง ด้านล่างเป็นรองเท้าบูทสั้นสีดำ

องค์หญิงของเมืองหลวง!

สูงส่งเกินไปแล้ว!

สวยงามเกินไปแล้วจริงๆ!

เย่เฉินที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ยังอดน้ำลายหกไม่ได้

“สัปดาห์นั้นที่ไปอยู่ที่เมืองหลวงยังไม่เคยเห็นซูมู่ชิงแต่งตัวสวยแบบนี้มาก่อน”

และเป็นไปอย่างที่คิดสิ่งที่สามารถทิ่มแทงให้ผู้หญิงแต่งตัวให้สวยที่สุดท่าที่จะทำได้ไม่ใช่ผู้หญิงอีกคนหรอกหรอ?

ส่วนฟากฉินหงเหยียนก็ไม่ยอมลดละให้เลย!

วันนี้ฉินหงเหยียนสวมกระโปรงสั้นทรงสูทสีดำ ทำให้แผ่รังสีผู้บริหารของหล่อนออกมาเต็มที่ อีกทั้งยังโชว์เรียวขายาวของหล่อน

ทั้งสองคนยืนด้วยกัน ไม่มีใครแพ้กันเลย!

“บ้าชิบ ฉันไม่เคยเห็นฉินหงเหยียนแต่งตัวแบบนี้มาก่อน! ผู้หญิงสองคนนี้เป็นอะไรกันแน่?”

ในเหตุการณ์ที่เย่เฉินไม่อยู่ด้วย แต่ผู้หญิงสองคนนี้กลับพยายามจะงัดเอาเสน่ห์ที่ตนเองมีทั้งหมดออกมา!

เย่เฉินเกลียดจริงๆ เขาอยากจะส่งสวี่ฉู่หมิงและซูมู่หลินไปสวรรค์ แล้วตนเองไปที่นั่นแทน!

สวี่ฉู่หมิงมองซูมู่ชิงแล้วถาม “คนผู้นี้คือ…”

ซูมู่หลินจึงแนะนำ “อ้อพี่สาวผมเอง”

ซูมู่ชิงเองจึงยื่นมือไปหาสวี่ฉู่หมิงแล้วกล่าว “สวัสดีค่ะ คุณสวี่ ฉันชื่อซูมู่ชิง”

สวี่ฉู่หมิงตกใจ “ที่แท้ก็คุณซูนี่เอง! ได้ยินมานานแล้วว่าคุณหนูซูเป็นคนที่สวยที่สุดในเมืองหลวง วันนี้ได้มาเจอเป็นเหมือนที่คนเขาชมกันจริงๆ!”

ซูมู่ชิงยิ้มน้อยๆ “คุณสวี่ชมกันเกินไปแล้ว”

และในเวลานี้เอง สวี่ฉู่หมิงก็เป็นฝ่ายแนะนำให้ฉินหงเหยียนกับทั้องสองคน “ผมขอแนะนำให้พวกคุณได้รู้จักกับคู่หมั้นของผม ฉินหงเหยียน”

ซูมู่หลินยิ้มพลางจับมือกับฉินหงเหยียน “คุณฉินครับ คุณนี่สวยจริงๆ”

“สวัสดีค่ะ” ฉินหงเหยียนเขย่ามือซูมู่หลิน

จากนั้นก็หันไปมองซูมู่ชิง

ซูมู่ชิงและฉินหงเหยียนประสานสายตากันเหมือนสายตาฟาดสายฟ้าออกมา!

หญิงสาวในชุดดำและขาว แถมทั้งสองคนยังเป็นคนสวยสะกดสายตาประหนึ่งเตียวเสี้ยนและต้านจีมาเกิดใหม่อีกครั้ง!

“คุณฉิน” ซูมู่ชิงยิ้มน้อยๆ ขณะจับมือกับฉินหงเหยียน

ฉินหงเหยียนกล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณหนูซู สวัสดีค่ะ เรียกชื่อฉันเลยก็ได้ค่ะ ”

เมื่อทั้งสี่คนแนะนำตัวกันเสร็จแล้ว แต่ยังมีอีกคนที่ยังไม่แนะนำตัว

ซูมู่ชิงพาซือซือลูกสาวของเย่เฉินและหล่อนมาด้วย

“แม่หนูน้อยคนนี้คือ?”

ฉินหงเหยียนอดมองไปที่เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักคนนั้นไม่ได้ อันที่จริงในตอนที่ถามนั้นหล่อนเองก็พอจะรู้คำตอบแล้ว

ซูมู่ชิงลูบเรือนผมของซือซือพลางกล่าว “นี่คือลูกสาวของฉันเองค่ะ ซือซือ”

เย่เฉินอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นลูกสาวของตนเอง

แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในสมองของฉินหงเหยียนก็มีคำพูดสะท้อนก้องไปมา “นี่คือลูกสาวของเย่เฉินเหรอเนี่ย!”

ขณะมองแม่หนูน้อย ในใจหล่อนก็อดย้อนคิดถึงชวงเวลาที่คบหากับเย่เฉินไม่ได้ พวกเขาสองคนมักจะจินตนาการถึงภาพที่พวกเขามีลูกด้วยกัน

เย่เฉินชอบเด็กผู้หญิง ฉินหงเหยียนเองเคยรับปากว่าจะมีลูกสาวให้เขาให้ได้ พวกเขาสองคนต่างก็รู้สึกว่าด้วยหน้าตาของพวกเขาลูกสาวของพวกเขาจะต้องน่ารักมากแน่ๆ

วันนี้ฉินหงเหยียนได้เห็นลูกสาวของเย่เฉินก็รู้สึกเหมือนกับภาพที่จินตนาการเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน!

ฉินหงเหยียนเสียใจอย่างมาก เดิมทีหล่อนมีโอกาสคลอดลูกสาวให้เย่เฉิน!

แต่ตอนนี้กลับไม่อาจเป็นจริงได้อีกแล้ว!

ฉินหงเหยียนมองเด็กหญิงแล้วถาม “ซือซือชื่อจริงของหนูคืออะไรคะ?”

ซือซือตอบอย่างว่าง่าย “หนูชื่อซูเย่หมิง หนูมีชื่อภาษาอังกฤษด้วยค่ะ ชื่อ Eileen ชื่อจีนของหนูคุณแม่เป็นคนตั้ง ส่วนคุณพ่อเป็นคนตั้งชื่อภาษาอังกฤษให้ค่ะ ”

พอได้ยินว่าเย่เฉินตั้งชื่อภาษาอังกฤษให้ลูกสาวของซูมู่ชิง ฉินหงเหยียนก็พลันรู้สึกริษยาขึ้นมา

แต่พอได้ยินตัวอักษรคำว่าเย่ ฉินหงเหยียนก็อ่อนไหวขึ้นมาจึงกล่าวถาม “เย่ไหนเหรอคะ?”

“เย่จื่อ…ใบไม้”

ซูมู่ชิงกำลังจะเปิดปากถามแต่ใครจะรู้ว่าซูมู่หลินที่อยู่ข้างๆ กลับชิงพูด “เย่จากเย่เฉินน่ะ!”

เมื่อมีชื่อเย่เฉินโผล่ออกมา บรรยากาศที่กำลังสนุกสนานก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมา!

“ไอ้บ้าซูมู่หลิน คิดไม่ถึงว่าจะจงใจใช้ชื่อฉันยั่วประสาทฉินหงเหยียน!”

เย่เฉินตบโต๊ะอย่างหงุดหงิด

ตอนที่ 318 ความจริงที่ฉินหงเหยียนแต่งงาน!
“สวี่ฉู่หมิงไอ้คนสารเลว! กล้าขอจูบฉินหงเหยียนเชียว พ่ออยากจะซัดให้ฟันร่วงหมดปาก!”

เย่เฉินที่อยู่ในชั้นบนสุดของโรงแรมโกรธจนผุดลุกยืนขึ้น

โชคดีที่เขาแอบหย่อนเครื่องดักฟังใส่เข้าไป ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ว่าเคยมีเรื่องพวกนี้เคยเกิดขึ้นด้วย!

แต่ว่าพอฉุกคิดขึ้นมา สวี่ฉู่หมิงกำหนดวันแต่งงานของพวกเขาสองคนแล้ว แต่แค่อยากจูบว่าที่เจ้าสาวยังต้องขออนุญาตอีกฝ่าย

นี่แปลว่าก่อนนี้สวี่ฉู่หมิงไม่เคยจุมพิตหญิงสาวมาก่อน

พอคิดแบบนี้เย่เฉินก็รู้สึกดีขึ้นมา

ใจของเย่เฉินเต้นระรัว เขาอยากจะได้ยินคำตอบของฉินหงเหยียนแต่ก็กลัวด้วย!

เย่เฉินอ่านสีหน้าอารมณ์ของคนออกแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

แต่ว่าตอนนี้เขาได้ยินแต่เสียง ไม่เห็นสีหน้าของหญิงสาว ดังนั้นจึงร้อนใจอย่างยิ่ง!

แล้วเขาจึงได้ยินหญิงสาวกล่าวช้าๆ “ขอโทษด้วย ฉัน…ทำไม่ได้”

เย่เฉินตึงเครียดแล้วก็สบายใจในทันที

และเป็นไปอย่างที่คิดฉินหงเหยียนเองยังเป็นฉินหงเหยียนคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก

สวี่ฉู่หมิงเองก็ถือว่าเป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ฝืนใจหญิงสาว เขาเพียงแต่ผ่อนลมหายใจยาวพลางกล่าว

“เฮ้อ ฉันรู้ว่าเธอน่ะไม่รักฉันแล้ว เธอแต่งงานกับฉันก็แค่เพราะอยากจะบีบให้เย่เฉินยอมตัดใจ”

พอได้ยินแบบนี้เย่เฉินก็แข็งค้างไป

“หงเหยียนแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงเพื่อบีบให้เรายอมตัดใจ? แต่…ทำไมนะ? ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย?”

เครื่องดักฟังชิ้นนี้มีประโยชน์มากอย่างที่คิดเอาไว้ เขาได้รู้สาเหตุที่แท้จริงของการแต่งงานระหว่างทั้งสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว!

ฉินหงเหยียนไม่ชอบสวี่ฉู่หมิงเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวไม่อยากจะแต่งงานกับเขาด้วยซ้ำ

หล่อนยอมแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง เพียงเพื่อเลิกกับเย่เฉิน!

การเลิกกับเย่เฉินต่างหากเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของหญิงสาว!

“เราไปทำเรื่องผิดจนเกินจะให้อภัยอะไร ทำไมหล่อนถึงต้องดึงดันจะเลิกกับเราให้ได้นะ”

เย่เฉินยังคงจับต้นปลายไม่ถูก

ในหูฟังก็ได้ยินเสียงของสวี่ฉู่หมิงอีกครั้ง “แต่ว่านะ หงเหยียน ในเมื่อเธอเลือกจะแต่งงานกับฉัน แต่ไม่ยอมเป็นผู้หญิงของฉัน ทำแบบนี้ออกจะหยามกันเกินไป ไม่ว่าจะผู้ชายคนไหนก็รับไม่ได้กับการเหยียดหยามและดูหมิ่นขนาดนี้ นี่มันไม่ยุติธรรมกับฉันเกินไป”

สวี่ฉู่หมิงเริ่มโอดครวญ

เย่เฉิยเองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน

เขาแต่งงานกับหวังเจียเหยามาสามปี หญิงสาวไม่ยอมให้เขาแตะต้องหล่อน เขารู้ว่าช่วงเวลาแบบนี้มันผ่านพ้นไปอย่างยากลำบากแค่ไหน

แต่ตอนนี้เย่เฉินกลับไม่สามารถเห็นใจสวี่ฉู่หมิงด้วยซ้ำ

。”

แต่ใครจะคิดหญิงสาวกลับเปิดปากเอ่ย “ฉู่หมิง คุณช่วยฉันมาตั้งมากมาย ฉันซาบซึ้งใจอย่างมาก รอเราแต่งงานกันเสร็จ หลังจากที่ฉันกลายเป็นภรรยาที่แท้จริงของคุณแล้ว ฉันจะ…ไม่ปฏิเสธคุณอีก”

สีหน้าสวี่ฉู่หมิงฉายแววปีติยินดี “จริงเหรอ? ก็ดี งั้นฉันจะรออีกสามวัน สามวันหลังจากนี้เราก็จะแต่งงานกัน ฉันก็จะได้ครอบครองเธออีกครั้ง!”

ฉินหงเหยียนกัดริมฝีปากน้อยๆ ไม่พูดอะไร

“หงเหยียน งั้นฉันจะไม่รบกวนเธอแล้ว ไปก่อนล่ะ”

สวี่ฉู่หมิงหันหลังเดินออกไป

และในเวลานี้เองเย่เฉินก็ร้อนรนเมื่อได้ยินคำตอบของฉินหงเหยียน

ถึงฉินหงเหยียนในตอนนี้จะปฏิเสธอีกฝ่าย แต่หลังจากกลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว ก็จะไม่ปฏิเสธเขาอีก!

“ไม่ จะปล่อยให้สองคนนั้นแต่งงานกันไม่ได้ อย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมปล่อยให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน!”

เย่เฉินกำหมัดแน่นแล้วลอบสาบานกับตนเองในใจ

ทว่าภารกิจหลักในตอนนี้ก็คือต้องสืบให้ได้ก่อนว่าทำไมฉินหงเหยียนถึงต้องเลิกกับตนเองให้ได้

เย่เฉินครุ่นคิดทั้งคืนแต่ก็คิดไม่ออก

เขานั่งบนโซฟาในห้องพัก แล้วผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่อาจรู้

แล้วจำได้เพียงแต่ว่า 8 โมงเช้าของอีกวัน เขาเดินเท้าเปล่าไปริมหน้าต่าง แล้วพบว่ามีฝนตกมาไม่น้อย

เปาะ แปะ เปาะ แปะ…

เย่เฉินแหงนมองฝนด้านนอกหน้าต่าง เหม่อลอย ขณะยังคงครุ่นคิดแต่เรื่องของฉินหงเหยียน

“ไม่รู้ว่าวันนี้สวี่ฉู่หมิงจะยังสวมสูทตัวเดิมหรือเปล่า”

เครื่องดักฟังถูกซ่อนเอาไว้ในเสื้อสูทของสวี่ฉู่หมิง ถ้าหากวันนี้เขาเปลี่ยนเสื้อละก็เกรงว่าคงจะไม่สามารถดักฟังต่อได้แล้ว

เย่เฉินครุ่นคิดแล้วก็เดินกลับไปเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อค้นดูตำแหน่งของสวี่ฉู่หมิง

เย่เฉินพบว่าจุดแดงๆ กำลังเคลื่อนที่อยู่ นั่นก็แปลว่าเขากำลังเคลื่อนไหว เท่ากับว่าวันนี้เขาไม่ได้เปลี่ยนสูท ยังคงใส่เสื้อตัวเดิมกับเมื่อวาน !

“ดีมาก เขาควรจะไปหาฉินหงเหยียนอีก สวี่ฉู่หมิงคุยกับฉินหงเหยียนเยอะๆ เถอะ ให้ได้รู้ความจริงเร็วๆ ทีเถอะ!”

ตอนประมาณ 8 โมงครึ่ง สวี่ฉู่หมิงก็มาถึงวิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวง

ทันทีที่เข้าไปด้านใน สวี่ฉู่หมิงก็สบถออกมาทันที “ไอ้เปรตเย่เฉิน เมื่อวานทุบกระจกวิลล่าฉันพังหมดเลย หงเหยียนเมื่อวานนอนหลับหนาวแย่เลยล่ะสิ? เฮ้อ รู้แบบนี้พาเธอกลับไปนอนที่วิลล่าฉันในเมืองดีกว่า”

ฉินหงเหยียนส่ายหน้า “ไม่หนาว หน้าต่างชั้นล่างไม่แตก ฉันก็เลยนอนชั้นหนึ่ง จริงสิ คุณมาทำไมตั้งแต่เช้า?”

สวี่ฉู่หมิงกล่าว “อ้อ ฉันตั้งใจจะเอาเยลลี่เต้าหู้ที่เธอชอบกินตอนเด็กๆ มาให้ นี่เป็นร้านที่เคยเปิดแถวบ้านเธอตอนนั้น ลองชมดูหน่อยสิว่ารสชาติยังเหมือนเดิมหรือเปล่า ”

เยลลี่เต้าหู้จานเด็ดนี้เป็นอาหารเช้าที่ฉินหงเหยียนชอบกินมากตอนเด็กๆ หล่อนไม่ได้กินมานานแล้ว

“ขอบคุณ”

ฉินหงเหยียนชิมแล้วกล่าว “รสชาติเหมือนเดิมเลยค่ะ”

บนใบหน้าสวี่ฉู่หมิงเผยรอยยิ้มออกมา “นอกจากเอาอาหารเช้ามาให้เธอ ก็มีอีกเรื่อง เมื่อก่อนฉันเคยพูดถึงตระกูลซูให้เธอฟัง ตระกูลซูจากเมืองหลวงเคยช่วยฉันเอาไว้ไม่น้อยเมื่อหลายปีก่อน ตระกูลของพวกเขาเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในประเทศนี้

ฉันส่งบัตรเชิญไปที่ตระกูลซู เมื่อกี้เพิ่งมีคนโทรมาบอกฉันว่าวันนี้คนรุ่นที่สามของตระกูลซู ทั้งซูมู่ชิงและซูมู่หลินมาถึงเมืองเสินเฉิงแล้ว แล้วชวนเราไปกินข้าวเที่ยงด้วย”

ซูมู่ชิง!

พอได้ยินชื่อซูมู่ชิง เย่เฉินและฉินหงเหยียนก็ตัวแข็งค้างไป

เย่เฉินเคยบอกฉินหงเหยียน ว่าแม่ของเด็กหญิงวัยสามขวบที่เป็นลูกสาวคนใหม่ของเขาชื่อซูมู่ชิง!

“เป็นอะไรไป หงเหยียน เธอรู้จักพวกเขาเหรอ?” สวี่ฉู่หมิงเห็นสีหน้าตกใจของฉินหงเหยียน

ฉินหงเหยียนส่ายหน้า“ไม่รู้จักหรอก แต่เคยได้ยินเย่เฉินพูดว่าแม่ของเด็กหญิงอายุ 3 ขวบคนนั้นชื่อซูมู่ชิง ช่วงก่อนเขาอยู่กับสองคนแม่ลูกนั่นตลอด”

สวี่ฉู่หมิงเข้าใจทุกอย่างทันที “ฉันก็ว่าทำไมเด็กสองคนนั้นถึงได้มาที่เมืองเสินเฉิงก่อนงานเริ่ม แถมยังระบุเจาะจงเชิญเราสองคนไปกินข้าว ตระกูลซูเป็นตระกูลใหญ่โต มีหน้ามีตา ตอนแรกคิดว่าพวกเขาน่าจะส่งคนรุ่นหลานมาสักคนเดินๆ ในงานเรา แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาก่อนวันงานเสียอีก”

หงเหยียน ดูท่าแล้วอาหารมื้อนี้ไม่ได้อยากจะเจอฉันหรอก แต่มาเพื่อเจอหน้าเธอ เอายังไง อยากเจอซูมู่ชิงไหม?”

ทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็นึกถึงคำพูดในตอนนั้นที่เย่เฉินเคยพูดตอนที่ขอโทษขอโพยตนเอง “ถึงแม้ว่าซูมู่ชิงจะดีทุกอย่าง…”

ฉินหงเหยียนก็รับปากทันที “ได้ ฉันจะไปพบหล่อน!”

ลมเพชรหึงพุ่งขึ้นเป็นริ้วๆ ฉินหงเหยียนต้องการจะเห็นกับตาตนเองว่าซูมู่ชิงคนนี้ดีเลิศประเสริฐศรีขนาดไหน!

ตอนที่ 317 แอบฟังบทสนทนาระหว่างสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียน!
“สวี่ฉู่หมิง กล้านอนกับผู้หญิงของคุณชายเย่เชียวเหรอ! ยังกล้าพูดออกมาหน้าตาเฉย! เบื่อชีวิตแล้วสิ!”

หลิวเจิ้งคุนและซีกวาเดือดจนควันออกหู

ส่วนเย่เฉินเมื่อฟังจบ ก็ทนไม่ไหวเขาประเคนหมัดเข้าหน้าสวี่ฉู่หมิงทันที!

ผลัวะ!

เย่เฉินต่อยเข้าโครมจนแว่นตาของคนที่สูงวัยกว่าร่วงลงบนพื้น!

จากนั้นเย่เฉินก็คว้าเสื้อเชิ้ตอีกฝ่ายแล้วตะคอกใส่อีกฝ่ายอย่างดุดัน

“สวี่ฉู่หมิงไม่ไปลองส่องกระจกดูหน้าแย่ๆ ของตัวเองดูหน่อย หน้าตาห่วยๆ แบบนี้เนี่ยนะจะสวมเขาให้ผมได้? ไม่สำเหนียกตัวเองเลย ถุย!”

เย่เฉินไม่เชื่อที่เขาพูดว่าเคยนอนกับฉินหงเหยียนด้วยซ้ำไป

ถ้ามองจากในแง่ของเสน่ห์ที่มีกับเพศตรงข้าม ระหว่างพวกเขาสองคนแล้ว สวี่ฉู่หมิงสู้เย่เฉินไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว

เหมือนกับผู้ชายที่ไม่ว่ายังไงก็ชอบผู้หญิงอายุ 18 ปี ผู้หญิงเองก็ไม่มีทางชอบผู้ชายแก่ๆ เหมือนกัน

บางทีพวกหล่อนก็คงจะชอบผู้ชายแก่ๆ ตอนยังเป็นสาววัยแรกแย้ม แต่พออายุ 30 หล่อนก็ชอบผู้ชายอายุน้อยร่างกายแข็งแรง

คิดไม่ถึงว่าสวี่ฉู่หมิงคนนี้จะโอ้อวดว่าตนเองสวมเขาให้เย่เฉิน ช่างไม่รู้จักประมาณตัวจริงๆ!

ไม่ใช่เย่เฉินดูถูกเขา แต่สวี่ฉู่หมิงไม่มีความสามารถนี้จริงๆ!

จะต้องมีสาเหตุอื่นที่สวี่ฉู่หมิงพูดไม่ได้แน่นอน!

และในตอนที่เย่เฉินอยากจะเค้นถามสวี่ฉู่หมิงนั้นเอง ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นก็มีตำรวจในเครื่องแบบสองคนเดินเข้ามา

“พวกคุณทำอะไรกัน ทะเลาะวิวาทกันเหรอ รีบหยุดเลย!”

ตำรวจเห็นเย่เฉินคว้าคอเสื้อสวี่ฉู่หมิงก็รีบตะโกนห้าม

ซีกวารีบร้อนเดินมาแล้วหัวเราะ “มิได้ครับ มิได้ พวกเขาสองคนหยอกล้อกัน ไม่ได้วิวาทกันครับ”

เย่เฉินรู้ว่าในเมืองเสินเฉิง ไม่ว่าจะเส้นสายหรือว่าคอนเนคชั่น เย่เฉินไม่อาจสู้กับสวี่ฉู่หมิงได้เลย

วันนี้หากว่าจะดึงดันเอาชนะอีกฝ่ายเกรงว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

ดังนั้นเย่เฉินถึงยอมคลายมือปล่อยอีกฝ่าย จากนั้นก็ก้มตัวลงไปเก็บแว่นตาของอีกฝ่ายที่หล่นลงบนพื้นขึ้นมา

“ชิ” สวี่ฉู่หมิงแค่นเสียง เมื่อเห็นเย่เฉินยอมก้มลงไปเก็บบุหรี่ให้เขาแต่โดยดีก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายยอมอ่อนข้อให้เขาแล้ว!

แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าตอนที่เย่เฉินก้มลงไปเก็บแว่นตานั้น มือขวาของเขาแอบล้วงเครื่องดักฟังที่มีขนาดประมาณเมล็ดถั่วเขียวในกระเป๋าเสื้อซ้ายซ่อนไว้ในง่ามนิ้ว

เย่เฉินเป็นฝ่ายสวมแว่นตาให้สวี่ฉู่หมิง จากนั้นยังแสร้งช่วยจัดสูทให้เขา แต่ความจริงแล้วเขากำลังแอบใส่เครื่องดักฟังที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทของอีกฝ่าย

จากนั้นเย่เฉินก็กล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณตำรวจครับ ผมแค่หยอกคุณสวี่เท่านั้นเอง”

และตอนนี้เย่เฉินก็เป็นฝ่ายกุมความผิดของลูกสาวสวี่ฉู่หมิงเอาไว้ ดังนั้นเขาย่อมไม่กล้าพูดว่าเย่เฉินทำร้ายร่างกายเขา

สวี่ฉู่หมิงตอบ “เย่เฉิน ฉินหงเหยียนเลือกแล้ว อย่างไรเสียนายก็เป็นถึงประธานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เป็นคนใหญ่โตโด่งดังในวงการธุรกิจ หวังว่านายจะรู้ตัว อย่าทำพฤติกรรมเหมือนเด็กแบบนี้เลย!”

พูดจบสวี่ฉู่หมิงก็หันมองตำรวจทั้งสองคนแล้วกล่าว “คุณตำรวจครับ ต้องขอบคุณทุกท่านมากนะครับ เราไม่เป็นอะไรแล้วครับ ผมกลับไปพร้อมพวกคุณแล้วกัน”

หลังจากที่สวี่ฉู่หมิงเดินกลับไปกับตำรวจแล้ว ซีกวาก็สาวเท้าเดินไปหาเย่เฉิน “คุณชายเย่ ตอนนี้จะทำยังไงดี? สวี่ฉู่หมิงนี่ฉลาดเป็นกรด มีคนจำนวนตั้งมากคอยปกป้องเขา คราวหน้าเราสองคนน่าจะจับเขาไม่ได้แล้ว”

เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “จับเขามาก็ไม่มีประโยชน์หรอก เขาไม่มีทางบอกความจริงกับฉัน แต่ฉันแอบหย่อนเครื่องดักฟังลงไปในกระเป๋าสูทเขา อีกเดี๋ยวเขาจะบอกฉันเอง!”

เย่เฉินเชื่อว่า จิ้งจอกเฒ่าแบบสวี่ฉู่หมิงต่อให้เค้นถามยังไงเขาก็ไม่มีทางพูดแน่ๆ

ไม่สู้แอบฟังเขาดีกว่า แบบนี้อาจจะได้ความจริงมากกว่า!

หลังจากนั้นเย่เฉินและพวกหลิวเจิ้งคุนต่างก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง เย่เฉินจัดแจงเปิดโปรแกรมของเครื่องแอบฟังในคอมพิวเตอร์ แล้วใส่หูฟังเพื่อเริ่มดักฟังสวี่ฉู่หมิง!

“เกล็ดหิมะโปรยปราย ลมวสันต์พัดผ่าน ผืนฟ้าที่เวิ้งว้าง”

ในหูฟังของเขามีเสียงเพลงดังลอดออกมาเบาๆ และยังมีเสียงลมคลอมาด้วย

เย่เฉินเดาว่า สวี่ฉู่หมิงในตอนนี้น่าจะยังอยู่บนรถ

เครื่องดักฟังรุ่นนี้ยังสามารถบอกตำแหน่งได้ด้วยในเวลาเดียวกัน จากตำแหน่งของสวี่ฉู่หมิงที่ปรากฏขึ้นในคอมพิวเตอร์ก็เห็นว่าเขากำลังเคลื่อนที่

อีกทั้งทิศทางที่เขากำลังจะมุ่งหน้าไปนั้นก็คือวิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวง

ถ้าเย่เฉินทายถูก สวี่ฉู่หมิงน่าจะกำลังจะไปหาฉินหงเหยียน

และเป็นไปตามคาดไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงลอดมาจากในหูฟัง “หงเหยียน”

“คุณกลับมาแล้วเหรอ” ฉินหงเหยียนกล่าวเสียงเย็นชา ไม่ได้มีความสนิทสนม อ่อนหวานเหมือนคู่สามีภรรยาที่เจอหน้ากัน

“อ้อ” สวี่ฉู่หมิงรับคำ “ฉันได้ยินเรื่องของโม่โม่แล้ว หงเหยียนขอโทษด้วยนะ ลูกสาวฉันคนนี้เหลวไหลจริงๆ หล่อนกลัวว่าที่เธอแต่งกับฉันเพราะอยากได้เงินฉันน่ะ แต่ไม่ได้รู้เลยว่าเราสองคนเซ็นสัญญาตกลงกันเอาไว้ ถึงจะหย่าเธอก็จะไม่ได้ทรัพย์สมบัติใดๆ ของฉัน ก่อนจะมาฉันจัดการบอกเรื่องนี้กับโม่โม่แล้ว เธอวางใจเถอะนะ ต่อไปหล่อนจะไม่มายุ่งกับเธอแล้วล่ะ”

ได้ยินแบบนี้เย่เฉินก็งุนงง

คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนนั้นเซ็นสัญญาก่อนแต่งงานกันด้วย? ฉินหงเหยียนจะไม่ได้ทรัพย์สมบัติใดๆ ของอีกฝ่าย

เช่นนั้นแล้วฉินหงเหยียนจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงไปทำไมกัน!

หญิงสาวแรกรุ่นแต่งงานกับคนแก่มีเพียงจุดประสงค์เดียวนั้น นั่นคือเพื่อเงิน คนอย่างสวี่ฉู่หมิงนอกจากเงินแล้วจะมีข้อได้เปรียบอะไรอีก!

“อือ” ฉินหงเหยียนตอบเสียงแผ่ว

สวี่ฉู่หมิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว “เมื่อครู่ฉันไปเจอเย่เฉินมา”

ฉินหงเหยียนถาม “เขา…เขาได้ถามถึงฉันไหม?”

สวี่ฉู่หมิงตอบ “ถามสิ เอาแต่เซ้าซี้ซักไซ้ฉันว่าพูดอะไรกับเธอ เธอถึงได้เลิกกับเขา”

ฉินหงเหยียนถามต่อ “แล้วคุณพูดว่ายังไง”

อีกฝ่ายตอบ “ก็บอกไปว่าเราสองคนรำลึกอดีตกัน แล้วเผลอใจนอนด้วยกัน แล้วเธอเลยขอเลิกกับเขา ”

ฉินหงเหยียนแหวทันที “เราไม่ได้ทำอะไรกันชัดๆ ทำไมคุณต้องพูดแบบนั้น?”

สวี่ฉู่หมิงตอบ “ถ้าฉันไม่พูดแบบนี้ เขาจะยอมถอดใจเรื่องเธอได้ยังไง?”

ฉินหงเหยียนซักต่อ “แล้วเขาเชื่อไหม?”

สวี่ฉู่หมิงส่ายหน้า “ไม่สิ แถมยังต่อยฉันอีกหนึ่งหมัด บอกว่าฉันไม่มีปัญญาจะสวมเขาให้เขาได้ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้มั่นอกมั่นใจอะไรขนาดนี้!!”

ฉินหงเหยียนอดหัวเราะไม่ได้ หญิงสาวอธิบาย “เพราะว่าเมียเก่าเขาเคยนอกใจเขา หลอกลวงเขา ดังนั้นตอนที่ฉันกับเขาคบหากันเคยให้สัญญากับเขาเอาไว้ว่าจะไม่มีทางหลอกลวงเขา ถ้าฉันทรยศเขาจริงๆ จะเป็นฝ่ายสารภาพกับเขาเอง เขาเข้าใจนิสัยฉัน ถ้าหากว่าเป็นเพราะเรื่องนี้จริงๆ ฉันคงบอกเขาไปนานแล้ว”

สวี่ฉู่หมิงเข้าใจทุกอย่างทันที “ที่แท้ก็เพราะสาเหตุนี้”

ฉินหงเหยียนเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเขียวคล้ำไปน้อยๆ “เดี๋ยวฉันประคบน้ำแข็งให้แล้วกัน”

สวี่ฉู่หมิงตอบ “อืม”

ฉินหงเหยียนนั่งประคบน้ำแข็งบนใบหน้าสวี่ฉู่หมิงให้เขาบนโซฟา สวี่ฉู่หมิงมองหญิงสาวเงียบๆ ก่อนจะกล่าว “หงเหยียน ได้ยินมาว่าโม่โม่วางยาเธอ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”

ฉินหงเหยียนตอบ “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”

สวี่ฉู่หมิงผ่อนลมหายใจยาว “เฮ้อ นังหนูคนนี้เลอะเลือนจริงๆ เธอว่าถ้ามีวันนั้นเย่เฉินไม่โผล่ขึ้นมาให้ทันเวลา เธอโดนหมอนั่นข่มขืน จะทำยังไง? แต่ว่าหงเหยียน ต่อให้เกิดเรื่องนี้จริงๆ ฉันก็จะแต่งงานกับเธออยู่ดี”

เย่เฉินที่กำลังแอบฟังอยู่ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพึมพำ “ตาแก่สวี่ฉู่หมิงปลอบสาวเก่งจริงๆ นะ! คิดว่าทำแบบนี้จะเหมือนรักหงเหยียนมากเลยล่ะสินะ? คิดว่าจะมองข้ามเปลือกนอกทั้งหมดได้หรือไง? เรื่องนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจะพูดยังไงก็ได้ทั้งนั้น!”

เย่เฉินไม่รู้เลยว่าคำพูดนี้ของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวซาบซึ้งใจหรือไม่!

จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของสวี่ฉู่หมิงดังขึ้นอีกครั้ง

เขากล่าวว่า “หงเหยียน ขอฉันจูบเธอได้ไหม?”

ตอนที่ 316 ฉินหงเหยียนขอโทษเย่เฉิน?!
สิบนาทีผ่านไป เย่เฉินก็ถามหญิงสาวอย่างห่วงใย “เป็นยังไงดีขึ้นบ้างหรือยัง?”

ฉินหงเหยียนพยักหน้ารับ

เมื่อเขาเห็นหญิงสาวกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้งแล้วประคองหญิงสาวลงจากเตียงจากนั้นจึงกล่าว “หงเหยียน พวกเราไปกันเถอะ ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว”

ซีกวาที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวขึ้นมา“จริงด้วยครับ คุณหงเหยียนรีบออกไปจากที่นี่กับคุณชายเย่เถอะนะครับ โชคดีที่คุณชายมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นคนตระกูลสวี่อาจจะทำอะไรคุณอีกก็ได้”

แต่ว่าใครจะรู้เมื่อฉินหงเหยียนลงจากเตียงแล้วกลับผลักมือเขาออกน้อยๆ

“เย่เฉิน ฉันซาบซึ้งมากที่คุณช่วยฉัน แต่ว่าขอโทษมากๆ เลยนะ ฉันคงไม่ไปกับคุณ”

“อะไรนะ?”

เย่เฉินงุนงง ทำไมฉินหงเหยียนถึงไม่ยอมไปกับตนเอง!

“แต่คนบ้านนี้ทำกับคุณขนาดนี้แล้ว คุณยังจะแต่งเข้าบ้านหลังนี้อีกเหรอ?” เย่เฉินตะโกน

ฉินหงเหยียนกล่าวต่อ “สวี่โม่โม่ก็คือสวี่โม่โม่ สวี่ฉู่หมิงก็คือสวี่ฉู่หมิง คนที่ฉันจะแต่งงานด้วยคือสวี่ฉู่หมิง”

คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนจะแยกแยะพวกเขาสองคนออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่พาลโกรธสวี่ฉู่หมิงเพียงเพราะลูกสาวเขาทำผิด

กระทั่งสวี่โม่โม่ที่อยู่ข้างๆ ยังกล่าว “ฉินหงเหยียน ในเมื่อเธอจะมีผู้ชายที่รักเธอขนาดนี้ ทำไมต้องตามตอแยพ่อฉันไม่หยุดด้วยล่ะ?”

ตอนนี้เย่เฉินกำลังเดือดปุดๆ ระบายใส่ฉินหงเหยียนก็ไม่ได้ เขาทำได้เพียงหันไประบายโทสะที่มีกับสวี่โม่โม่

“หุบปากไปเลย! หงเหยียนไม่เคยตอแยพ่อคุณ พ่อเดียรัจฉานของคุณต่างหากที่ตามตอแยหงเหยียน!”

เย่เฉินเห็นฉินหงเหยียนแน่วแน่ ก็รู้ทันทีว่าหากตนเองไม่ไปเจอสวี่ฉู่หมิง แล้วคุยกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง เรื่องนี้จะไม่จบแน่!

พอดีกับที่ตอนนี้เขากำความลับเรื่องความผิดของลูกสาวอีกฝ่าย

“ลากสามคนนี้ออกไป!

“ครับ!”

เย่เฉินลากสวี่โม่โม่ไปที่ห้องรับแขก จากนั้นก็เก็บแก้วไวน์ของฉินหงเหยียนไปด้วยเพื่อเป็นหลักฐาน

“สวี่โม่โม่ พวกเธอสามคนวางยา ตอนนี้หลักฐานชัดเจน ฉันมีคลิปจากกล้องวงจรปิด พวกเธอจะไปมอบตัวหรือว่าจะให้ฉันแจ้งความ”

เย่เฉินมองทั้งสามคนพลางใช้ภาษาอังกฤษถามพวกเขา

พอได้ยินเย่เฉินบอกว่าจะแจ้งความ ฝรั่งสองคนก็ตกใจจนแข้งขาอ่อนร่วงลงไปกองกับพื้น

พวกเขาเป็นชาวต่างชาติ แต่ถ้าทำผิดกฎหมายที่นี่ก็ต้องเข้าคุกเหมือนกัน

สวี่โม่โม่กัดริมฝีปากแล้วถาม “ฉันต้องทำยังไงนายถึงจะปล่อยฉันไป?”

เย่เฉินกล่าว “โทรหาพ่อเธอบอกให้เขามาสลับตัวกับพวกเธอ ฉันให้เวลาสามชั่วโมง ภายในสามชั่วโมงนี้ ถ้าเขาไม่โผล่หัวออกมา ฉันจะส่งพวกเธอเข้าคุก!”

สวี่โม่โม่รู้ดีกว่าเย่เฉินไม่ได้ล้อเล่น หล่อนจึงต้องจำใจโทรหาพ่อตนเอง

……

เที่ยงคืน

ณ InterContinental Hotels

เย่เฉินและลูกน้อง รวมไปถึงพวกสวี่โม่โม่ ต่างก็อยู่ในห้องเพรสซิเด้นท์สูท

ก๊อกๆ

หวังเอ้อร์เชอเคาะประตูห้อง จากนั้นก็เดินนำใครบ้างคนเข้ามาในห้อง ชายคนที่ว่าคือสวี่ฉู่หมิง!

“พ่อคะ!”

ในวินาทีที่สวี่ฉู่หมิงปรากฏตัวขึ้น สวี่โม่โม่ก็รีบร้อนวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของบิดาแล้วสะอึกสะอื้น “พ่อคะ คนแซ่เย่คนนี้เขาทำเกินไปมากเลย ตบหนูตั้งหลายรอบ จนหน้าหนูบวมไปหมดแล้ว พ่อจะต้องเอาคืนให้หนูนะคะ”

สวี่ฉู่หมิงเห็นใบหน้าที่เดิมไม่ได้งดงามอะไรนักหาของลูกสาวบวมหนัก น่าเกลียดกว่าเดิม ก็รู้สึกเจ็บปวดใจ เขาเดินไปถามเย่เฉิน “เย่เฉิน นายกล้าทำร้ายลูกสาวฉันเชียวเหรอ นายนี่มันไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเลยนะ!”

เย่เฉินยังไม่ทันได้ตอบ หลิวเจิ้งคุนก็แทรกขึ้นมา “สวี่ฉู่หมิง ทำไมคุณไม่ลองถามลูกสาวสุดที่รักของคุณดูว่าไปทำเรื่องอะไรเอาไว้? หล่อนไปหาเพื่อนฝรั่งมาวางยาคุณฉินหงเหยียน เพื่อจะให้เพื่อนหล่อนข่มขืนคุณฉินหงเหยียน ถ้าคุณชายของเราไปช้าเพียงเสี้ยววินาทีเดียว เกรงว่าเรื่องคงดำเนินไปตามใจลูกสาวคุณแล้ว!”

“อะไรนะ?”

เมื่อครู่สวี่โม่โม่ไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวิลล่าในบิดาฟังในสาย ดังนั้นเขาจึงเพิ่งรู้เรื่องนี้

สวี่โม่โม่โกรธจัด “โม่โม่ ทำไมลูกทำกับหงเหยียนแบบนี้! หล่อนเป็นคนที่พ่อจะแต่งงานด้วยนะ”

สวี่โม่โม่แหว “ก็หนูไม่อยากให้พ่อแต่งงานกับมัน! แม่ตายไปเท่าไหร่เอง พ่อจะแต่งงานกับคนอื่น แถมคนนั้นยังเป็นเพื่อนหนูอีก”

สวี่ฉู่หมิงถอนหายใจ แล้วไม่อยากจะพูดอะไรต่อ “ลูกไปก่อนเถอะ คนของพ่ออยู่ด้านนอก พวกเขาจะไปส่งลูกกลับ”

ตอนที่สวี่โม่โม่กำลังจะออกจากห้องพอดี หวังเอ้อร์เชอก็ปราดเข้าไปขวางหญิงสาวเอาไว้

ห้องนี้เป็นพื้นที่ของเย่เฉิน ถ้าเขายังไม่ได้เอ่ยปากอนุญาตไม่ว่าใครหน้าไหนก็ออกจากห้องนี้ไปไม่ได้ทั้งนั้น

สวี่ฉู่หมิงหันไปมองเย่เฉิน “เย่เฉินเรื่องของเราสองคนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับลูกสาวฉัน ปล่อยลูกฉันไป”

เย่เฉินโบกมือน้อยๆ เป็นสัญญาณบอกให้หวังเอ้อร์เชอปล่อยหญิงสาวไป

สวี่ฉู่หมิงต่างหากที่เขาอยากเจอ

เย่เฉินเห็นสวี่ฉู่หมิงก็ผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง ตอนนี้เขาไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้อีก

“สวี่ฉู่หมิง คุณใจกล้ามากนะที่กล้าแย่งผู้หญิงของผม!”

สวี่ฉู่หมิงล้วงกล่องบุหรี่ออกมา สูบบุหรี่แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย ฉินหงเหยียนไม่ได้แต่งงานเสียหน่อย ส่วนใครจะเป็นเจ้าบ่าวก็ต้องพึ่งความสามารถของตัวเอง นายไม่มีปัญญาทำให้หล่อนแต่งกับนาย นั่นเป็นเพราะนายอ่อนเอง จะโทษฉันได้ไง!”

“รนหาที่ตาย!”

พวกซีกวาและหลิวเจิ้งคุนหัวเสีย เตรียมจะลงมือทำร้ายสวี่ฉู่หมิง

แต่ก็ได้ยินเสียงหวังเอ้อร์เชอดังมาจากที่ประตู “ตำรวจมา!”

เย่เฉินยกมือขึ้น เป็นสัญญาณห้ามไม่ให้คนของเขาลงมือ

สวี่ฉู่หมิงตั้งใจจะมาพบเย่เฉิน เขาย่อมต้องมีการเตรียมตัวเอาไว้ก่อน ไม่เพียงแต่แจ้งตำรวจแต่ยังพาลูกน้องมาด้วย แถมลูกน้องที่พามาด้วยนั้นก็เยอะกว่าลูกน้องของเย่เฉินมากด้วย

อย่างไรเสียที่นี่คือเมืองเสินเฉิง เป็นพื้นที่ของเขา

สวี่ฉู่หมิงไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย “เย่เฉิน นายคงจะรู้ว่าฉันพนันกับหงเหยียนเรื่องแต่งงานภายในครึ่งปีใช่ไหมล่ะ? ฉันเดิมพันกับหล่อนว่าภายในครึ่งปีพวกนายสองคนต้องเลิกกัน เพราะฉันรู้ว่านายอายุน้อยเกินไป หงเหยียนอยู่กับนายแค่เพราะหล่อนรู้สึกแปลกใหม่ หล่อนไม่เคยมีแฟนเด็ก ดังนั้นเลยคบหากับนาย แต่ระยะเวลาครึ่งปีก็นานพอจะทำให้หล่อนเบื่อแล้ว

พอถึงตอนนั้นหล่อนก็รู้เองว่าควรเลือกผู้ชายที่โตกว่า พร้อมกว่าอย่างฉัน บวกกับที่ชีวิตส่วนตัวของนายก็ออกจะวุ่นวาย เดี๋ยวก็เมียเก่า เดี๋ยวก็ลูก หงเหยียนไม่อยากเป็นแม่เลี้ยงให้ลูกนายหรอกนะ เย่เฉินในฐานะที่นายเป็นผู้ชาย ก็ควรจะทำใจกว้างๆ หน่อยนะ ถ้าหากว่าวันนี้คนที่หงเหยียนเลือกคือนาย ฉันก็จะอวยพรพวกนายจากใจจริง ที่นายทำอยู่ตอนนี้มันเพื่ออะไร?”

เย่เฉินระเบิดโทสะ “สวี่ฉู่หมิง อย่ามาเล่นไม้นี้ใส่ผม! ถ้าหากว่าหงเหยียนชอบคุณแล้วรังเกียจผมจริงๆ ไม่มีทางเป็นแบบนี้! แต่ก่อนจะมาที่นี่หล่อนยังบอกผมเองว่า หล่อนมาที่นี่ ที่เมืองเสินเฉิงนี่เพื่อบอกคุณว่าหล่อนเลือกผม เพื่อให้คุณตัดใจ! แต่หลังจากเจอคุณ หล่อนก็เปลี่ยนไป! สวี่ฉู่หมิง คุณพูดอะไรกับหล่อนกันแน่!”

สวี่ฉู่หมิงสูบบุหรี่แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อนายอยากรู้มากขนาดนั้น ก็ได้ฉันจะบอกนาย แต่ว่าฉันกลัวว่าถ้านายรู้แล้วจะรับไม่ได้น่ะสิ ฮ่าๆ ฉันกับหล่อนรำลึกอดีตเมื่อสิบปีก่อนด้วยกัน ความทรงจำที่สวยงามในตลอดสามปีของพวกเรา

ยิ่งย้อนอดีตกันเท่าไหร่ พวกเราสองคนก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง คืนวันนั้นเราดื่มกันนิดหน่อย ดื่มไปดื่มมาก็อดคิดถึงวันเวลาดีๆ ที่มีด้วยกันไม่ได้ เลยห้ามใจไม่ไหวนอนด้วยกันเข้า หลังจากนั้นหล่อนก็รู้สึกว่าทำผิดต่อนาย เลยตัดสินใจเลิกกับนายเรื่องมันก็มีแค่นี้เอง!”

ตอนที่ 315 ซ้อมลูกสาวสวี่ฉู่หมิง!
แรกเริ่มเดิมทีเย่เฉินไม่ได้สนใจปัญหาความปลอดภัยของฉินหงเหยียน

เพราะว่าฉินหงเหยียนไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอประเภทที่เปิดขวดน้ำไม่ได้ หล่อนไม่มีทางยอมให้ผู้ชายเอาเปรียบหล่อนได้ง่ายๆ

แต่ตอนนี้ต่างกันออกไป ฉินหงเหยียนโดนวางยาจนร่างกายไร้เรี่ยวแรง!

ฉินหงเหยียนอาจจะโดนหมอนี่เอาเปรียบได้ตลอดเวลา!

เย่เฉินร้อนรน เขาพุ่งพรวดออกไปนอกวิลล่า จากนั้นก็วิ่งด้วยความเร็ว 4*100 พุ่งตรงไปที่วิลล่าของฉินหงเหยียน!

และในเวลานี้เองชายชาวต่างชาติกำลังช้อนร่างที่อ่อนปวกเปียกของฉินหงเหยียนขึ้นมา ใบหน้าแต้มยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะมองเรือนร่างหญิงสาวที่งดงามราวของล้ำค่า “คนสวยตอนนี้ผมจะอุ้มคุณเข้าห้องไปมีความสุขกันนะ ฮ่าๆ”

ฉินหงเหยียนพยายามดิ้นรนอยากจะสลัดตัวให้หลุดพ้นจากชายคนนี้ แต่ไร้เรี่ยวแรง หญิงสาวจึงเรียกหาสวี่โม่โม่แทน เผื่อว่าอีกฝ่ายได้ยินจะได้เข้ามาช่วยหล่อน

“โม่โม่ สวี่โม่โม่……”

เมื่อได้ยินฉินหงเหยียนเรียกหาสวี่โม่โม่ ชายหนุ่มที่กำลังอุ้มร่างแบบบางขึ้นไปที่ชั้นบนก็หัวเราะพลางกล่าว

“เป็นคนสวยที่โง่จริงๆ พยายามเรียกหาโจรแท้ๆ ต่อให้หล่อนได้ยินก็ไม่มาช่วยคุณหรอก เพราะที่ผมมาที่นี่ทำเรื่องแบบนี้ก็เป็นความต้องการของหล่อน”

“อะไรนะ?”

ใบหน้าฉินหงเหยียนถอดสี ที่แท้ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความคิดของเขา แต่เป็นของสวี่โม่โม่!

เขาอุ้มฉินหงเหยียนมาถึงห้องอย่างรวดเร็ว แล้วโยนร่างบางลงบนเตียง จากนั้นก็เริ่มถอดรองเท้าของตนเอง

วินาทีนี้เองฉินหงเหยียนที่กำลังนอนแผ่หราอยู่บนเตียงก็ร่ำไห้ออกมา

หล่อนรู้ดีว่าวินาทีต่อไปหล่อนคงต้องโดนชายคนนี้ล่วงเกินแน่

“เย่เฉิน…”

วินาทีแบบนี้ ในสมองของฉินหงเหยียนกลับไม่ได้คิดถึงสวี่ฉู่หมิงที่กำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่กลับคิดถึงเย่เฉิน!

ถ้าหากว่ามีอะไรกับผู้ชายคนนี้ล่ะก็ หล่อนคงรู้สึกผิดกับเย่เฉินไม่ใช่สวี่ฉู่หมิง!

ถ้าหากว่าในตอนนี้หล่อนจะอยากให้ใครสักคนมาช่วยหล่อน ไม่ใช่สวี่ฉู่หมิงแต่เป็นเย่เฉินแทน!

ในใจของหล่อนนั้นยังมีเย่เฉินเต็มหัวใจ!

“ฮ่าๆ คนสวย ผมมาแล้ว!”

ในตอนที่ Bale กำลังจะโถมตัวลงไปหาฉินหงเหยียนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงโครมครามเสียงดัง!

หน้าต่างห้องแตกละเอียด!

แต่ไม่ใช่หน้าต่างแค่ห้องนี้ห้องเดียวเท่านั้น กระจกในชั้นสองและสามก็แตกละเอียดด้วยเช่นกัน!

จากนั้นก็เห็นเงาคนกระโดดผ่านเข้าไปในหน้าต่าง!

คนผู้นั้นก็คือเย่เฉิน!

“ใครน่ะ!” Bale ตะโกน

“คนที่จะมาเอาชีวิตแกไง!”

เย่เฉินเห็น Bale โน้มร่างทับตัวฉินหงเหยียน ก็หัวเสีย เขาโผทะยานเตะ Bale อย่างแรง!

โครม!

ชายชาวต่างชาติโดนเขาเตะจนพุ่งออกไปด้านนอกห้อง!

“หงเหยียน! หงเหยียน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”

เย่เฉินรีบร้อนเดินตรงเข้าไปตรวจตราร่างกายของหญิงสาวว่ามีบาดแผลหรือไม่ หรือว่า…เสื้อผ้าเรียบร้อยดีหรือไม่

โชคยังดีที่เย่เฉินมาได้ทันเวลา ผู้ชายสารเลวคนนี้ยังไม่ทันได้ทำอะไรหญิงสาว

“เย่เฉิน…”

เห็นเย่เฉินมาถึง น้ำตาของหญิงสาวก็ไหลพราก

เย่เฉินรีบร้อนปราดเข้าไปอุ้มหญิงสาวแล้วปลอบ “ที่รัก ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมมาแล้ว มาช่วยที่รักแล้วนะครับ”

เย่เฉินกอดพลางปลอบหญิงสาว คราวก่อนตอนเจอกันเย่เฉินอยากจะกอดหญิงสาวแนบแน่นแบบนี้ แต่หล่อนกลับต่อต้านดิ้นรน ถึงขนาดที่ว่าตบหน้าเย่เฉินจนสุดแรงด้วยซ้ำ

แต่ว่าตอนนี้ฉินหงเหยียนกลับไม่ทำเช่นนี้

แน่นอนว่าฉินหงเหยียนตอนนี้ไร้เรี่ยวแรง จนไม่สามารถต่อต้านเย่เฉินได้

และในเวลานี้ลูกน้องของเย่เฉินอย่างพวกหลิวเจิ้งคุนต่างก็รีบพุ่งเข้าวิลล่า

ซีกวาเห็นอีกฝ่าย ตนเองก็เตะต่อยใส่เขาเช่นกัน

“กล้าแตะต้องผู้หญิงของลูกพี่! อยากตายหรือไง! ตายซะ! ตายไป!”

ซีกวากล่าวไปพร้อมๆ กับต่อยอีกฝ่ายไปทุกคำพูดด้วย ชายต่างชาติโดนต่อยจนจมูกหักหน้าบวม

ส่วนหลิวเจิ้งคุนเดินมาที่ห้องสวี่โม่โม่ แล้วออกแรงลากหญิงสาวและแฟนหนุ่มของหล่อนออกมา

“พวกแกเป็นใคร! พวกแกทำอะไรเนี่ย! ใครปล่อยให้พวกแกเข้ามาในห้อง! ที่นี่เป็นบ้านของพ่อฉันนะยะ พวกแกบุกรุกเข้ามาในบ้านคนอื่นโดยพลการ!”

สวี่โม่โม่ก่นด่าหลิวเจิ้งคุนไม่หยุด ทว่าหลิวเจิ้งคุนกลับไม่สนใจเขา

แล้วหลิวเจิ้งคุนก็ลากทั้งสองคนเข้าไปในห้องที่เย่เฉินและฉินหงเหยียนอยู่พลางกล่าว “คุณชายเย่ ผมลากสวี่โม่โม่มาแล้วครับ”

สวี่โม่โม่เข้ามาในห้องแล้วเห็น Bale โดนซ้อมจนหมดสติไป คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนจะกอดกับชายแปลกหน้าบนเตียง!

สวี่โม่โม่รีบร้อนถามเย่เฉินทันที “นายเป็นใคร? ทำไมถึงกอดกับฉินหงเหยียน? นายเป็นชู้แม่นี่ใช่ไหม!”

ทันใดนั้นเองสวี่โม่โม่ก็รู้สึกคุ้นหน้าเย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนขึ้นมา “อ้อ ฉันคิดออกแล้ว พวกนายมันคนบ้าสองคนที่ร้านขนมหวานนี่นา!”

เย่เฉินหัวเสีย เขาวางหญิงสาวลงบนเตียง จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าสวี่โม่โม่แล้วฟาดฝ่ามือลงบนหน้าหล่อน!

เพี้ยะ!

เย่เฉินเห็นหน้าหล่อนก็หัวเสีย “เธอนี่มันใจกล้าจริงๆ กล้าวางยาผู้หญิงของฉัน! รีบเอายาแก้พิษมา!”

สวี่โม่โม่โดนตบแววตาก็เบิกกว้าง “แกกล้าตบฉันเลยเรอะ? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? แกรู้ไหมว่าพ่อฉันเป็นใคร”

เพี้ยะ!

เย่เฉินฟาดฝ่ามือใส่หน้าหญิงสาว!

“ตบนี้เธอเพราะเธอเป็นลูกสาวสวี่ฉู่หมิง!”

สวี่โม่โม่ใกล้จะเป็นบ้าอยู่รอมร่อ หล่อนเป็นคนเย่อหยิ่งโดยเฉพาะเวลาที่อยู่ในประเทศนี้

ถ้าหากว่าโดนฝรั่งซ้อมก็คงไม่รู้สึกอัปยศขนาดนี้ แต่ถูกคนร่วมชาติที่หล่อนดูถูกนักหนาตบตี จะให้ทนได้ยังไง!

สวี่โม่โม่ชี้เย่เฉินแล้วระเบิดอารมณ์ออกมา “แกมันคนชั้นต่ำ ที่แกตบฉันไปสองทีวันนี้ ฉันจะเอาให้แกได้ไปใช้ชีวิตที่เหลือในคุก! แล้วจะเอาให้หมดตัวเลยด้วย! แกตบฉันหนึ่งทีจะต้องชดใช้เงินให้ฉันสิบล้าน!”

เพี้ยะ!

เพี้ยะ!

เพี้ยะ!

เย่เฉินตบหน้าหล่อนสามทีอย่างไม่ลังเล!

จากนั้นก็หันไปถามซีกวา “เท่าไหร่แล้ว?”

ซีกวาหัวเราะคิกคัก “คุณชายเย่ตบแม่นี่ไปห้ารอบก็น่าจะห้าสิบล้านครับ ถ้าคุณชายอยากจะเอาให้หมดตัวเกรงว่ายังต้องตบอีกหลายแสนครั้งเลยครับ เกรงว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะทนไม่ไหวขนาดนั้น”

หลิวเจิ้งคุนเหม็นขี้หน้าผู้หญิงคนนี้มานานแล้ว “ต่อให้หล่อนทนได้หลายครั้ง หล่อนคู่ควรให้คุณชายต้องลงมือเองเหรอครับ?”

เย่เฉินหันมองสวี่โม่โม่ที่โดนตบจนเกือบเป็นลมแล้วกล่าว “มาเถอะ เรามาต่อกัน ไม่ต้องสิบล้านหรอก ฉันให้ครั้งละร้อยล้านเลย ชอบเงินมากไม่ใช่เหรอ? โอกาสหาเงินมาแล้วนะ”

และในเวลานี้สวี่โม่โม่ก็เกิดหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ!

สวี่โม่โม่ถอยกรูด “นาย…นายเป็นใครกันแน่?”

เย่เฉินนึกถึงเรื่องที่ร้านขนมหวาน “ฉันน่ะเหรอ ฉันก็เป็นคนทำให้ผู้ชายประเทศนี้ที่มีแฟนเป็นชาวต่างชาติหน้าตาดีน่ะสิ ทำไมล่ะ ทนไม่ได้ล่ะสิ?”

“คุณคือประธานบริษัทไป๋ลี่!”

สวี่โม่โม่กลืนน้ำลาย หล่อนเพิ่งรู้นี่เองว่าบทสนทนาระหว่างตนเองกับแฟนหนุ่มมีคนมาได้ยินเข้า!

“ยังไม่เอายาถอนมาให้อีก!” เย่เฉินตะคอก

สวี่โม่โม่ไม่กล้าอิดออด หญิงสาวหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วส่งให้เย่เฉิน

เย่เฉินรีบร้อนป้อนฉินหงเหยียน หญิงสาวก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆ มีแรงขึ้นมา

ตอนที่ 314 ฉินหงเหยียนเกือบพลาดท่า!
เย่เฉินเห็นสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนผ่านหน้าจอ

ฝรั่งคนนี้ไม่เพียงแต่จับมือฉินหงเหยียนอยู่นานไม่ยอมปล่อย แต่ดวงตาฉายแววหลุกหลิก

เพราะว่าฉินหงเหยียนอยู่บ้าน หล่อนจึงสวมกางเกงขาสั้น เผยเรียวขายาวนวลเนียน ดังนั้นสายตาของเขาถึงลอบมองเรือนร่างของหญิงสาวอย่างอดไม่ได้จนไม่อาจบดบังแววตาหื่นกระหายที่มีเพียงผู้ชายเข้าใจ!

“อยากตายสินะ! กล้าคิดอะไรกับผู้หญิงของฉัน!”

เย่เฉินกำหมัดแน่น ตอนที่เขาเห็นหมอนั่น มองๆ ไปเขาก็อารมณ์เสีย

แต่ว่าตอนนี้สวี่โม่โม่ยังไม่เปิดเผยจุดประสงค์ของพวกเขา ตอนนี้เขาจึงยังไม่ไปปรากฏตัวที่นั่น

ในวิลล่าของฉินหงเหยียน สวี่โม่โม่ก็เดินไปยังบริเวณที่เป็นห้องรับประทานอาหาร “เธอยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม? พวกเราก็ไม่ได้กินเหมือนกัน Bale เอาไวน์ Chateau Lafite Rothschild ปี 96 มา หงเหยียนเธอดื่มเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ”

ฉินหงเหยียนลังเลน้อยๆ

“ทำไมเหรอ เราบินมาตั้งไกลจากต่างประเทศ แค่ไวน์สักแก้วเธอก็ไม่ยอมดื่มเป็นเพื่อนเราเหรอ?”

สวี่โม่โม่มีท่าทีไม่พอใจ

ฉินหงเหยียนจึงไม่กล้าผลัดผ่อนอีกต่อไป “ก็ได้ งั้นฉันดื่มเป็นเพื่อนพวกเธอก็ได้”

สวี่โม่โม่กุลีกุจอเปิดขวดไวน์ จากนั้นก็รินไวน์จนเต็มแก้วฉินหงเหยียน พลางแนะนำไปด้วย

“หงเหยียน Bale เพื่อนฉันน่ะเป็นคนฝรั่งเศส เขาไม่ใช่คนธรรมดาเลยนะ ที่บ้านเขาเป็นตระกูลที่รวยที่สุด 1 ใน 4 ของฝรั่งเศส มีทั้งเงินและอำนาจ ธุรกิจที่บ้านของเขามีทั้งไร่ไวน์ น้ำมัน แบรนด์เนม มีทรัพย์สินแสนล้านู่นล่ะมั้ง!”

เย่เฉินได้ยินแบบนี้ก็เลิกคิ้ว แล้วคิดตามอย่างละเอียด

เพราะด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อประเทศฝรั่งเศส เท่าที่รู้ห้าตระกูลที่รวยที่สุดในฝรั่งเศสไม่มีตระกูลนี้

เกรงว่าที่สวี่โม่โม่จงใจพูดแบบนี้เพื่อให้ฉินหงเหยียนชอบเพื่อนตัวเอง

อย่างไรเสียผู้หญิงต่างก็นับถือผู้ชายที่มีเงินพวกนั้น ถ้ามีผู้ชายมาแสร้งทำเป็นคนร่ำรวย เพื่อลวงผู้หญิง ก็จะสำเร็จลุล่วงได้อย่างง่ายดาย

แต่ว่าเย่เฉินเชื่อมั่นว่าฉินหงเหยียนไม่ใช่ผู้หญิงที่หลงใหลไปกับเงินทอง

ยิ่งไปกว่านั้นฉินหงเหยียนก็เคยมีแฟนเป็นรวยๆ แบบเย่เฉิน เมื่อมองคนอื่นก็รู้สึกเหมือนเป็นคนธรรมดาทั่วไป!

“อ้อ งั้นเหรอ? ยินดีที่ได้รู้จักนะ ช่วงนี้ฉันกำลังเรียนภาษาฝรั่งเศสอยู่”

ฉินหงเหยียนส่งยิ้มให้เบลอย่างมีมารยาท แล้วทักทายอีกฝ่ายเป็นภาษาฝรั่งเศส

“แปลกจัง หงเหยียนเรียนภาษาฝรั่งเศสทำไมนะ?”

ก่อนนี้ตอนที่ยังคบหากับเย่เฉิน หญิงสาวพูดฝรั่งเศสไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เลิกกับเขา ตามหลักแล้วน่าจะยังอยู่ในช่วงระยะทำใจ ทำไมถึงได้มีแก่ใจไปเรียนภาษาฝรั่งเศสได้นะ?

สวี่โม่โม่แอบกล่าวกับตัวเองในใจ “ฉินหงเหยียน แกมันเป็นคนหน้าเงินจริงๆ พอฉันบอกว่า Bale เป็นคนฝรั่งเศส ก็รีบบอกเลยนะว่าเรียนฝรั่งเศสอยู่ เห็นชัดๆ ว่าหล่อนจงใจอ่อยเขา! ฮ่าๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันเองก็อยากให้แกนอนกับ Bale พอดี!”

สวี่โม่โม่แอบด่าฉินหงเหยียนในใจแล้วกล่าวออกมาทันที “Bale ในเมื่อหงเหยียนอยากเรียนภาษาฝรั่งเศส งั้นนายก็เป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้เลยสิ”

Bale ชูแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วส่งยิ้มกับฉินหงเหยียน “ได้เป็นติวเตอร์ของคนสวยแบบนี้ถือเป็นเกียรติของผมเอง Santé(ชนครับ)!”

ฉินหงเหยียนเองก็ชูแก้วไวน์ขึ้นมาชนกับอีกฝ่าย “Santé(ชนค่ะ)!”

สิ่งที่ทำให้เย่เฉินแปลกใจก็คือคิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนจะพูดคุยกับชายชาวต่างชาติอย่างมีความสุข ส่วนฉินหงเหยียนเหมือนว่าจะกำลังเรียนภาษาฝรั่งเศสอยู่จริงๆ มักจะใช้ภาษาฝรั่งเศสคุยกับอีกฝ่าย อีกทั้งยังถามเรื่องราวความเป็นไปของฝรั่งเศสจากชายหนุ่มอีกด้วย

หลิวเจิ้งคุนและซีกวาต่างก็กำลังมุงดูจอภาพหน้าดำคร่ำเครียด

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้ยินเสียงแต่ก็ไม่เข้าใจ เพราะพวกฉินหงเหยียนถ้าไม่ใช่ภาษาอังกฤษคุยกัน ก็ใช้ภาษาฝรั่งเศส จะใช้ภาษาจีนคุยกันสั้นๆ ก็มีแค่ตอนที่ฉินหงเหยียนกับสวี่โม่โม่คุยกันเท่านั้น

ซีกวากล่าว“ทำไมคุณหงเหยียนถึงคุยกับฝรั่งคนนั้นมีความสุขจังเลยล่ะครับ หรือจะชอบเขาแล้ว?”

เพี้ยะ!

หลิวเจิ้งคุนตบหัวซีกวา “เหลวไหล! ผู้หญิงที่คุณชายของเราชอบจะเป็นผู้หญิงใจง่ายที่ชอบคนไปเรื่อยแบบนั้นได้ยังไง?”

และในตอนนี้เองจู่ๆ ก็ได้ยินสวี่โม่โม่กล่าออกมา “จริงสิ หงเหยียน เหมือนว่าพ่อเธอเกิดเรื่องที่ฝรั่งเศสใช่ไหม?”

ทันใดนั้นเองสีหน้าฉินหงเหยียนก็ดำคล้ำลงไป แล้วพยักหน้ารับ

เย่เฉินเพิ่งจะเข้าใจ มิน่าฉินหงเหยียนถึงได้ยอมคุยกับหมอนั่น หล่อนไม่ได้นิยมชมชอบอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

เพียงแต่เพราะพ่อของหล่อนเกิดเรื่องที่ฝรั่งเศส ดังนั้นหล่อนถึงได้อยากรู้เรื่องของที่นั่นจากปากคนในพื้นที่

สวี่โม่โม่ดื่มไวน์แล้วกล่าว “แหม เสียดายจริงๆ ที่พ่อเธอตายเร็ว ถ้าพ่อเธอยังอยู่ ตอนนี้เธอคงไม่ต้องมาเป็นแม่เลี้ยงใคร”

พูดจบก็รู้สึกเหมือนพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ก็รีบหัวเราะกลบเกลื่อน “ฉันล้อเล่น อย่าถือสาเลย เราดื่มกันต่อๆ”

พูดถึงเรื่องที่หล่อนเสียใจ หญิงสาวก็ดื่มเหล้าไวน์แก้วแล้วแก้วเล่า

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง สีหน้าของสวี่โม่โม่ก็มึนเมาน้อยๆ ขณะที่นั่งลงบนขาของแฟนหนุ่มแล้วกล่าว “หงเหยียน ฉันกับแฟนขอไปจู๋จี๋กันหน่อย พวกเธอค่อยๆ คุยกันไปนะ”

ฉินหงเหยียนมองท่าทีสนิทสนมของทั้งสองคนก็รู้สึกหน้าร้อนวาบ

หลังจากที่สวี่โม่โม่เดินไปแล้ว จู่ๆ Bale ก็ลุกขึ้นจากฝั่งตรงข้ามแล้วทรุดตัวนั่งลงข้างตัวของฉินหงเหยียน อีกทั้งยื่นมือมาจับมือหล่อน ลูบเรือนผมแล้วกล่าวชมหญิงสาว

“ที่รัก คุณเป็นคนสวยมากจริงๆ ผมไม่เคยเจอผู้หญิงที่สวยขนาดคุณมาก่อน”

ฉินหงเหยียนรีบร้อนผลักเขาออกไป “คุณ Bale ช่วยเกรงใจฉันด้วย!”

Bale กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าแอ๊บเลยคนสวย คุณชอบผมไม่ใช่หรือไง? เราคุยกันถูกคอขนาดนี้ ผมรู้ว่าคุณชอบผมสบายใจเถอะ คนอื่นไม่มีทางรู้เรื่องของเราสองคนแน่นอน”

ฉินหงเหยียนอธิบายด้วยใบหน้านิ่งเฉย คุณคะ อย่าเข้าใจผิดนะคะ! ที่ฉันคุยด้วยเป็นเพราะแค่ฉันอยากเรียนภาษาฝรั่งเศส ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวคุณแม้แต่น้อยค่ะ!”

“ฉันมีสามีแล้ว คู่หมั้นของฉันคือพ่อเพื่อนคุณนะ!”

เย่เฉินดีใจอย่างมาก เมื่อเห็นหญิงสาวปฏิเสธหมอนั่น

แต่พอได้ยินว่าสามีของหล่อนไม่ใช่เขาแต่เป็นสวี่ฉู่หมิง เย่เฉินก็ยอกแสลงในใจ!

“สามีของคุณคือผม!”

เขากำหมัดแน่นแล้วจ้องจอภาพต่ออย่างไม่พอใจ

ในเวลานี้เองภาพชายชาวต่างชาติที่ปรากฏในจอภาพยังคงไม่ยอมเลิกรา หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ “คนสวย อีกตั้งสามวันกว่าคุณจะแต่งงาน ก่อนแต่งงานลองทำอะไรบ้าๆ สักหน่อย ไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตอะไรหรอกนะ มาเถอะมาคนดี!”

ฉินหงเหยียนถอยกรูดไปด้านหลังไม่หยุดแล้วขู่ “ถ้ายังมาใกล้ฉันอีก ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”

เย่เฉินรู้ว่าฉินหงเหยียนเคยฝึกวิชาป้องกันตัว ผู้ชายทั่วๆ ไปอาจจะสู้ฉินหงเหยียนไม่ได้

ทว่า Bale คนนี้ดูไปแล้วร่างกายกำยำ ฉินหงเหยียนอาจจะจัดการเขาไม่ได้

เขาล่าวพลางระบายยิ้ม “ก็ได้ ผมขอดูหน่อยว่าคุณจะไม่เกรงใจผมยังไง”

ฉินหงเหยียนหัวเสีย หล่อนง้างมือขึ้นมาแล้วพุ่งไปหาอีกฝ่าย แต่ฝ่ามือที่ฟาดลงไปกลับเป็นเหมือนรอยแมวข่วน เบาบางเหมือนเป็นแค่ใบไม้ร่วงลงบนพื้น

ชายหนุ่มอาศัยโอกาสนี้คว้าแขนของฉินหงเหยียน ใบหน้าเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“เป็นไปได้ยังไง! คุณ…คุณวางยาเหรอ?” หน้าหญิงสาวเปลี่ยนสี

“ซวยแล้ว1!”

เย่เฉินที่เห็นภาพในจอภาพก็รีบผุดลุกขึ้นทันที แล้วตะโกนกับทุกคน “ทุกคนรีบไปที่วิลล่าของสวี่ฉู่หมิงเดี๋ยวนี้!”

ตอนที่ 313 คนหน้าไม่อายมันคือพ่อคุณ!
ด้วยความน่าสะพรึงกลัวของเย่เฉินและหลิวเจิ้งคุน บวกกับที่หลิวเจิ้งคุนเลิกแขนเสื้อขึ้นอวดรอยสักหรา

ทุกคนล้วนแต่คิดว่าอีกเดี๋ยวคงต้องเกิดการนองเลือดแน่นอน

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าการตบโต๊ะเสียงดังของเย่เฉินจะแค่เร่งอาหารที่สั่งไปเท่านั้น…

หลิวเจิ้งคุนที่เป็นลูกพี่ในวงการนักเลงก็เก้อเขินไม่น้อย

แต่เขาก็ยังคงรับคำนายน้อยของตนเองอย่างแข็งขัน “ครับ!”

จากนั้นเขาก็เดินไปหาพนักงานแล้วเอ่ยถาม “ทำไมเยลลี่พีชของเรายังไม่เสร็จอีกล่ะ?”

พนักงานคนนั้นก็ตกใจ เขารีบร้อนเสิร์ฟเยลลี่ให้หลิวเจิ้งคุน “เอาไปๆ เสร็จแล้วไม่ใช่หรือไง”

หลิวเจิ้งคุนส่งจานให้เย่เฉิน “คุณชายเย่ เยลลี่พีชของคุณชายครับ!”

“อ่อ”

คราวนี้สวี่โม่โม่ถอนหายใจยาวหล่อนกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ “สองคนนี้เป็นบ้าแน่เลย แค่เร่งอาหารทำเหมือนจะฆ่าใครตาย ตกใจหมดเลย คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายตัวใหญ่ๆ สองคนจะสั่งอาหารเหมือนเด็กผู้หญิงเลย ประหลาดจัง”

ลูกค้าส่วนมากของร้านอาหารแห่งนี้เป็นคู่รัก ส่วนลูกค้าผู้ชายที่มากันสองคนอย่างเย่เฉินกับหลิวเจิ้งคุนนั้นค่อนข้างเป็นเป้าสายตามากทีเดียว

สวี่โม่โม่คิดว่าหลิวเจิ้งคุนและเย่เฉินที่ดูเป็นคนหยาบคายไร้มารยาท จะต้องไม่เข้าใจภาษาอังกฤษแน่นอน 100% ดังนั้นจึงไม่ระวังตัวอะไร

ที่จริงแล้วเมื่อครู่ตอนที่เย่เฉินได้ยินว่าสวี่โม่โม่จะหาคนไปอ่อยฉินหงเหยียน ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออยากจะสั่งสอนสวี่โม่โม่ทันที!

ทว่าพอย้อนคิดถ้าหากจะจัดการสวี่โม่โม่ที่นี่ตอนนี้ ก็ไม่ช่วยทำให้การแต่งงานระหว่างสองคนนั้นหยุดลง

ไม่สู้ให้สวี่โม่โม่ไปทำร้ายฉินหงเหยียน พอถึงตอนนั้นเย่เฉินก็จะไปปรากฏตัวแล้วช่วยเหลือหญิงสาวเป็นฮีโร่ เรียกคะแนนจากหล่อน

เพื่อให้หญิงสาวได้รู้ว่าการเข้าตระกูลสวี่มีอันตรายขนาดไหน ไม่แน่ว่าเจ้าหล่อนอาจจะถอดใจไปเอง

พอถึงตอนนั้นไม่แน่ว่าฉินหงเหยียนอาจจะยอมโผกลับมาสู่อ้อมกอดของตนเอง

ฉินหงเหยียนในตอนนี้เฉยชาใส่เขาอย่างมาก เขาต้องการโอกาสดีๆ ไปช่วยเหลือหล่อน เพื่อให้หญิงสาวซาบซึ้งใจ แล้วยอมกลับมาคืนดีกับเขา!

ส่วนสวี่โม่โม่เถือเป็นโอกาสอันดีที่ว่านี้!

“เราไปกันเถอะ ไม่กินข้าวที่นี่แล้ว มีแต่คนบ้าทั้งนั้น”

สวี่โม่โม่จูงมือแฟนหนุ่มของหล่อนลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้าน

หลังจากที่สวี่โม่โม่เดินออกจากร้านไปแล้ว เย่เฉินก็หันไปกล่าวกับหลิวเจิ้งคุน “ส่งคนตามพวกเขาไป ฉันอยากจะรู้ทุกการเคลื่อนไหวของหล่อน”

“ครับคุณชาย!” หลิวเจิ้งคุนส่งคนสะกดรอยตาพวกเขานานแล้ว “คุณชายเย่ เมื่อครู่ทำไมจู่ๆ คุณชายก็โมโหแบบนั้นล่ะครับ?”

เย่เฉินเองก็ลุกขึ้นยืน “กลับไปคุยกันบนรถเถอะ”

เมื่อกลับมาที่รถ หลิวเจิ้งคุนก็ได้ยินคำพูดทั้งหมดจากปากเย่เฉินก็หัวเสีย “อะไรนะ? นังแพศยาสวี่โม่โม่คนนั้น จะหาผู้ชายไปข่มขืนคุณฉินหงเหยียนเหรอครับ? เราต้องขัดขวางหล่อนไหมครับคุณชาย?”

เย่เฉินจึงกล่าว “ไอ้ขวางน่ะก็ต้องขวางอยู่แล้ว แต่ว่าต้องทำในจังหวะที่เหมาะสม รอให้สวี่โม่โม่ทำผิดเสียก่อน เราลงมือก็ยังไม่สาย”

หลิวเจิ้งคุนหัวเราะพลางพยักหน้า “อ้อ ดีนี่ครับคุณชาย พอตอนนั้นคุณชายก็ทำตัวเป็นฮีโร่ไปช่วยสาวงาม คุณฉินหงเหยียนจะต้องซาบซึ้งใจมากแน่ พอตอนนั้นหล่อนคงไม่อยากจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง แล้วหันกลับมาซบอกคุณชายแทน! คุณชายกับคุณฉินหงเหยียนมีปัญหากันตอนนี้พอดี สวี่โม่โม่คนนี้หาโอกาสเหมาะๆ เก่งจริงๆ”

เย่เฉินเชื่อมั่นว่า สวี่โม่โม่จะต้องช่วยตนเองให้ได้คืนดีกับฉินหงเหยียนแน่นอน!

……

เวลาสองทุ่ม ณ วิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวง

และในเวลานี้เอง เย่เฉิน หลิวเจิ้งคุนและซีกวาก็อยู่ที่วิลล่าแห่งนี้เช่นกัน ทว่าไม่ใช่หลังที่ฉินหงเหยียนอยู่ แต่เป็นวิลล่าที่เขาใช้เงินแสนซื้อมา

พวกเขาต่างกำลังจ้องจอภาพตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนภาพที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นเป็นภาพเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในแต่ละห้องของวิลล่าที่ฉินหงเหยียนพักอาศัยอยู่!

ตอนกลางวัน เย่เฉินให้คนตัดไฟวิลล่าที่หญิงสาวอาศัย แล้วก็ส่งคนสวมรอยเป็นช่างไฟฟ้าแสร้งว่าไปซ่อมไฟให้หล่อน

ซึ่งที่จริงแล้วพวกเขาฉวยโอกาสนี้ไปติดกล้องเพื่อคอยดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เพราะเย่เฉินรู้ว่าอีกไม่นานสวี่โม่โม่จะต้องส่งคนมาทำร้ายหญิงสาวแน่นอน!

และในเวลานี้เอง หวังเอ้อร์เชอที่คอยเฝ้าสถานการณ์ด้านนอกวิลล่าก็รีบร้อนวิ่งมารายงานเขา “คุณชายเย่ครับ สวี่โม่โม่พาฝรั่งสองคนมาหาคุณฉินแล้ว!”

และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ณ ประตูวิลล่าของฉินหงเหยียน

ฉินหงเหยียนเปิดประตูก็เจอพวกสวี่โม่โม่ ก็ส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “โม่โม่ มาหาฉันเหรอ ทำไมโทรมาบอกก่อนล่ะ”

ฉินหงเหยียนและสวี่โม่โม่อายุเท่ากัน และเป็นเพื่อนในโรงเรียนเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ห้องเดียวกัน ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยสนิทกัน แต่ทั้งสองคนพอจะรู้จักกันอยู่บ้าง

ดังนั้นเมื่อฉินหงเหยียนเห็นเพื่อนในอดีต ก็พลันดีใจอย่างมาก

ทว่าสวี่โม่โม่กลับมีท่าทีไม่เหมือนอีกฝ่าย “ทำไม ฉันมาบ้านพ่อตัวเองต้องขอนัดล่วงหน้าหรือไง?”

ฉินหงเหยียนกล่าว “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันแค่จะบอกว่าฉันไม่รู้ว่าเธอกลับมา ถ้าเธอบอกฉันก่อน ฉันจะได้ไปรับที่สนามบิน”

สวี่โม่โม่แค่นเสียงแล้วสาวเท้าเดินเข้าในตัววิลล่า “ฉันไม่กล้าลำบากให้เธอมารับหรอก เธอจะเป็นแม่เลี้ยงฉันอยู่แล้วนี่! ไม่กล้าหรอกจ้ะ!”

ฉินหงเหยียนที่เดินตามเข้ามาก็กล่าว “โม่โม่ อย่าพูดแบบนี้เลย ยังไงเราก็เพื่อนกันนะ”

สวี่โม่โม่หันหน้ามาแล้วตะโกนใส่หล่อน “เธอยังพอรู้ตัวอยู่เหรอว่าเราเป็นเพื่อนกัน! ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อน แต่เธอดันอยากจะเป็นแม่ฉัน! ฉินหงเหยียน เธอเห็นแก่เงินจนหน้าไม่อายเกินไปแล้วล่ะมั้ง?”

ในเวลานี้เอง ฉินเสี่ยวตั่วก็เดินลงมาจากชั้นสอง เห็นสวี่โม่โม่ด่าพี่สาวก็หัวเสีย

ฉินเสี่ยวตั่วสาวเท้าเดินมาแล้วกล่าว “สวี่โม่โม่เธอด่าใคร! ทำไมไม่ด่าพ่อตัวเองหน้าไม่อายมั่งล่ะ! เมียก็เพิ่งตายก็แต่งงานกับคนอายุน้อยกว่าขนาดนี้น่ะ? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังจะมั่นหน้าหาว่าพี่สาวฉันแต่งงานกับพ่อเธอเพราะเงิน? รู้ไหมคนตามจีบพี่สาวฉันไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่!”

“เสี่ยวตั่ว อย่าพูดเหลวไหล!” ฉินหงเหยียนกลับตำหนิน้องสาว

สวี่โม่โม่ก็ไม่ยอมลดละ “แหมนังเด็กเมื่อวานซืน อยู่บ้านพ่อฉันยังกล้าด่ากันอีกเหรอ? ปากเก่งขนาดนี้ เก่งกล้าสามารถมากนักจะมาอยู่บ้านพ่อฉันทำไมล่ะ ซื้อเองไปเลยสิ!”

ฉินเสี่ยวตั่วลมออกหูทันที หล่อนเกลียดที่สุดเวลาที่คนอื่นพูดว่าตนเองแย่งของๆ คนอื่น

ด้วยโทสะทำให้หญิงสาวพูดออกมา “ใครอยากอยู่บ้านเน่าๆ ของเธอไม่ทราบ!”

พูดพลางเปลี่ยนรองเท้าแล้วจะเดินออกจากบ้าน

“เสี่ยวตั่ว”

ไม่ว่าฉินหงเหยียนจะเรียกน้องสาวอย่างไร แต่หล่อนก็ไม่เดินกลับมา

สวี่โม่โม่ยิ้มอย่างได้ใจ หล่อนอยากให้ให้อีกฝ่ายหัวเสียแล้วทิ้งพี่สาวไว้ที่นี่คนเดียว ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมไปหล่อนจะดำเนินแผนชั่วของตนเองได้ยังไง?

สวี่โม่โม่ถึงได้เริ่มพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง “หงเหยียน เธออย่าโกรธที่ฉันพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้เลยนะ ถ้าเป็นเธอ แม่เพิ่งตายพ่อจะแต่งงานใหม่ แล้วแม่ใหม่ยังเป็นเพื่อนเธออีก เธอคงรู้สึกไม่ดีเหมือนกันใช่ไหม?”

ฉินหงเหยียนเข้าใจอารมณ์อีกฝ่ายเป็นอย่างดี จึงกล่าวเสียงอ่อนหวาน “โม่โม่ฉันเข้าใจเธอ”

“อื้ม” สวี่โม่โม่พยักหน้ารับ จากนั้นก็ชี้ไปที่ฝรั่งสองคนด้านหลังแล้วกล่าว “ยังไม่ได้แนะนำพวกเขาให้เธอรู้จักเลย นี่แฟนฉันJack แล้วก็เพื่อนเขา Bale”

“ยินดีที่ได้รู้จัก”

“ยินดีที่ได้รู้จัก”

ทั้งสองคนจับมือกับฉินหงเหยียน

ทว่าตอนที่ Bale จับมือฉินหงเหยียน เขากลับมีท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง แล้วอ้อยอิ่งจับมือหญิงสาวอยู่นานกว่าจะปล่อยมือ

ตอนที่ 312 กล้าแตะต้องฉินหงเหยียนเชียวเหรอ?!
อากาศในต่างประเทศนั้นดีกว่าที่นี่หรือไง?

สวี่โม่โม่คนนี้เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เลยคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น

เย่เฉินโตที่เมืองนอก เคยไปประเทศต่างๆ มาแล้วทั่วโลก ก็ไม่คิดว่าเมืองนอกจะดีกว่าที่บ้านเราตรงไหน

คนละพื้นที่ก็มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน บวกกับความเชื่อที่มีก็แตกต่างกันอีก แค่นี้ก็แตกต่างกันแล้ว เพราะฉะนั้นนี่ถือเป็นเรื่องปกติมากทีเดียว

ส่วนเรื่องมารยาทนั้น สถานการณ์ของคนในประเทศนี้ดีกว่าแต่ก่อนมากแล้ว แต่ในความคิดของสวี่โม่โม่เหมือนยังคงหยุดอยู่ที่ตอนเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่ทุกคนยังยากจน ไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนเขียนอ่าน มีความรู้

ทว่าเย่เฉินยังไม่แขวะสวี่โม่โม่ ตอนนี้เขากำลังแสร้งทำตัวเป็นแขกต่อแถวอยู่ด้านหลังของหญิงสาวพร้อมๆ กับหลิวเจิ้งคุน เพราะเขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร

เขาย่อมสามารถแสดงตัวแล้วลากหญิงสาวขึ้นรถแล้วถามหล่อนว่าบิดาของหล่อนอยู่ที่ไหน

แต่เย่เฉินเดาว่าด้วยนิสัยเย่อหยิ่งที่แบบเด็กนอกของสวี่โม่โม่ คงจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องจบไปง่ายๆ อีกฝ่ายน่าจะเป็นคนจำพวกที่รู้จักใช้กฎหมายในการปกป้องตนเอง

เย่เฉินตัดสินใจเดินตามหล่อนไปก่อน ดูว่าพอจะได้ข่าวคราวอะไรของสวี่ฉู่หมิงจากปากของหญิงสาวและแฟนหนุ่มหรือไม่

และแล้วก็ถึงตาของเย่เฉินและสวี่โม่โม่อย่างรวดเร็ว

ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในร้าน โดยสวี่โม่โม่และแฟนหนุ่มของหล่อนเป็นฝ่ายเลือกที่นั่งก่อน ส่วนเย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนก็นั่งลงบริเวณที่นั่งด้านหลังพวกเขาสองคน เพื่อจะได้แอบฟังคำพูดของพวกเขาได้อย่างสะดวก

บังเอิญที่ฝั่งขวาของพวกเขาเป็นคู่รักคู่หนึ่ง เป็นชายชาวจีนและสาวสวยประเทศยูเครน

คู่รักคู่นี้จับมือกันขณะกินขนม กินพลางถ่ายภาพแชร์ในโซเชียลด้วย ดูแล้วหวานชื่นอย่างยิ่ง

เมื่อเย่เฉินเห็นทั้งสองคนก็รู้สึกปลาบปลื้ม นั่นเพราะมีความเป็นไปได้อย่างมากที่หญิงสาวชาวยูเครนคนนี้จะเป็นพนักงานขนส่งที่เย่เฉินรับสมัครมาจากยูเครน

สาเหตุที่เย่เฉินทำแบบนี้เพราะหวังว่าหญิงสาวต่างชาติจะแต่งงานกับชายชาวจีน

แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่สวี่โม่โม่เห็นทั้งสองคนแล้วกลับพูดภาษาอังกฤษออกมาว่า “ขยะแขยงจริงๆ ฉันเห็นดอกไม้ปักก้อนขี้อีกแล้ว ผู้ชายประเทศเราคู่ควรกับสาวสวยๆ ขนาดนี้ด้วยเหรอ? เป็นฝีมือผู้บริหารหน้าโง่ของไป๋ลี่คนนั้น คิดไม่ถึงว่าจะไปรับสมัครสาวต่างชาติออกมาแก้ไขสภานการณ์เรื่องผู้ชายประเทศนี้แต่งงานไม่ได้ ไอ้พวก loser (คนขี้แพ้) สมน้ำหน้าที่แต่งงานไม่ได้ ผู้หญิงประเทศนี้ไม่แต่งงานกับพวกเขา พวกเขาก็ไม่คู่ควรจะแต่งกับผู้หญิงชาวต่างชาติเหมือนกัน!”

เย่เฉินได้ยินคำพูดนี้แล้วก็หัวเสีย!

สวี่โม่โม่คุณมีแฟนเป็นต่างชาติได้ แต่ทำไมผู้ชายในประเทศนี้จะมีแฟนเป็นชาวต่างชาติบ้างไม่ได้?

คุณคู่ควร แต่คนอื่นไม่คู่ควรงั้นสิ?

หลิวเจิ้งคุนฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าสวี่โม่โม่กำลังพูดอะไรอยู่ แต่เขาพอจะอ่านสีหน้า ท่าทางได้ เขามองออกว่าเย่เฉินหน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว “เป็นอะไรครับคุณชาย?”

เย่เฉินโบกมือ“ไม่มีอะไร”

ถึงแม้ว่าเย่เฉินอยากจะสั่งสอนสวี่โม่โม่คนนี้อย่างมาก อยากจะแก้ไขตรรกะแย่ๆ ของหญิงสาวแต่เป้าหมายที่เขามาในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องนี้

แล้วทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ได้ยินแฟนหนุ่มของสวี่โม่โม่ถามขึ้นมาว่า “หลังจากเรากลับมาก็ยังไม่เจอพ่อยูเลย พ่อยูไปไหน? เมื่อไหร่จะได้เจอเขา?”

เย่เฉินได้ยินคำถามนี้ก็ผุดลุกขึ้นทันที และเป็นไปอย่างที่คิดแค่เขาแฝงตัวอยู่แถวๆ ทั้งสองคนนั้น ไม่ต้องเค้นถามก็ได้ข่าวคราวของสวี่ฉู่หมิงมาทันที!

หนำซ้ำคำตอบแบบนี้ยังเชื่อถือได้มากเสียด้วย!

เพราะหากเค้นถาม สวี่โม่โม่ก็อาจโกหกก็ได้

แล้วจึงเห็นสวี่โม่โม่ตอบเนิบๆ “พ่อไอไปต่างจังหวัด ส่วนที่ไหนไอก็ไม่รู้หรอกนะ น่าจะเจอเขาก็ตอนวันแต่งงานวันที่ 15 นู่น”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ใบหน้าเย่เฉินก็ฉายแววหมดหวัง

สวี่ฉู่หมิงคนนี้หลบเย่เฉินไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่ากระทั่งบุตรสาวของเขายังไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน

เย่เฉินกล่าวกับหลิวเจิ้งคุน “เราไปกันเถอะ”

หลิวเจิ้งคุนงุนงง เพิ่งจะได้นั่ง ทำไมจะไปแล้วล่ะ หรือว่าเย่เฉินรู้คำตอบแล้วอย่างนั้นเหรอ?

ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังเตรียมจะลุกขขึ้นนั้นเอง จู่ๆ แฟนของสวี่โม่โม่ก็โพล่งออกมา “งั้นเราไปเจอแฟนใหม่พ่อยูกันสิ!”

แฟนใหม่ของสวี่ฉู่หมิงที่เขาหมายถึงก็คือฉินหงเหยียน

ทันทีที่พวกเขาพูดถึงฉินหงเหยียน เย่เฉินที่กำลังจะลุกขึ้นก็ชะงักไป

แล้วสีหน้าของสวี่โม่โม่ก็ฉายแววไม่พอใจ “ชิ นังแพศยาคนนั้นมีอะไรน่าไปเจอ!”

“แพศยา!”

เย่เฉินใจหาย คิดไม่ถึงว่าสวี่โม่โม่จะด่าฉินหงเหยียนเสียๆ หายๆ แบบนี้ นั่นเป็นผู้หญิงที่บิดาของหล่อนต้องการจะแต่งงานด้วย ทำไมถึงได้ด่าอีกฝ่ายรุนแรงขนาดนี้?

แฟนหนุ่มของสวี่โม่โม่หัวเราะ “แหมๆ ดูไปแล้วยูไม่ชอบแม่นั่นมากเลยนะ”

สวี่โม่โม่แค่นเสียงพลางกล่าว “ยูไม่รู้อะไรไง ผู้หญิงที่พ่อไอจะแต่งงานด้วย ที่จริงแล้วเป็นเพื่อนสมัยเรียนของไอ”

ชายฝรั่งอุทานเสียงเย็น “สวรรค์ พ่อยูแต่งงานกับผู้หญิงที่อายุน้อยขนาดนี้ หล่อนจะต้องสวยมากแน่ใช่ไหมล่ะ?”

สวี่โม่โม่ไม่ปฏิเสธเรื่องนี้แต่อย่างใด “สวยมากสิ หล่อนเป็นเหมือนนังจิ้งจอก ตั้งแต่พ่อแแม่หล่อนตายไป ก็ไม่มีใครเลี้ยงหล่อนให้มีชีวิตสุขสบาย นังแพศยาคนนี้ก็เลยมาอ่อยพ่อไอ จนตอนนี้พ่อไอกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง มูลค่าทรัพย์สินแสนล้าน ไอไม่มีทางยอมให้พ่อไอแต่งานกับผู้หญิงคนนี้ ไม่อย่างนั้นเงินของพ่อไอจะต้องโดนผู้หญิงคนนี้เอาไปแน่!”

เย่เฉินหัวเราะหึหึ ดูไปแล้วการแต่งงานระหว่างสวี่ฉู่หมิงกับฉินหงเหยียน ลูกสาวของเขาไม่ได้เห็นด้วยแม้แต่น้อย

สวี่โม่โม่รู้ว่าฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงทะเยอทะยาน ทำงานแก่ง ดังนั้นถึงไม่อยากให้หล่อนแต่งงานกับพ่อของตนเอง

ถ้าหากดูแค่เป้าหมายนี้เพียงอย่างเดียว เย่เฉินและสวี่โม่โม่ก็เดินบนเส้นทางเดียวกัน!

แล้วจู่ๆ สวี่โม่โม่ก็โพล่งออกมา “ที่รัก เมื่อวานเพื่อนยูเมื่อวาน หน้าตาหล่อดี ขอยืมใช้หน่อยได้ไหม?”

ฝรั่งคนนั้นกล่าวอย่างแปลกใจ “ยูจะใช้ยังไง?”

ทันใดนั้นเองสวี่โม่โม่ก็หัวเราะเจ้าเล่ห์ “ไปอยากให้เพื่อนยูคนนั้นไปอ่อยฉินหงเหยียนผู้หญิงคนนั้นของพ่อไอ ถ้าหล่อนคบกับเขา พ่อไอก็ไม่ต้องแต่งงานกับหล่อน ฮ่าๆ”

ผู้หญิงสารเลว คิดไม่ถึงว่าจะหาผู้ชายไปสวมเขาพ่อตัวเอง!

ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะอยากให้งานแต่งงานของสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียนล้มเหลว แต่จะให้เขามองดูฉินหงเหยียนอยู่กับผู้ชายคนอื่นคาตาได้ยังไง?

ยิ่งไปกว่านั้นจากความเข้าใจที่เย่เฉินมีต่อฉินหงเหยียน ไม่ว่าหู้ชายที่ว่าจะหล่อเหลาขนาดไหน ฉินหงเหยียนก็ไม่มีทางชอบเขา!

เพราะเย่เฉินเชื่อว่า ในตอนนี้ฉินหงเหยียน ยังรักตนเองอยู่

แต่ใครจะรู้ว่าฝรั่งคนนั้นจะโพล่งถาม “ถ้าหากว่าเขาทำไม่สำเร็จจะทำยังไง? ภาษาจีนเขาก็ไม่ดี”

บนใบหน้าสวี่โม่โม่ฉายแววโหดเหี้ยม “หึ งั้นก็ให้เขาจับหล่อนกดเลย!”

ปัง!

พอได้ยินตรงนี้ เย่เฉินก็ทนสะกดอารมณ์ไม่ไหว เขาตบลงบนโต๊ะสุดแรง!

คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้ารังแกฉินหงเหยียน สวี่โม่โม่รนหาที่ตายชัดๆ!

ทันทีที่เห็นเย่เฉินตบโต๊ะ แถมรอยโทสะก็ยังฉายชัดบนใบหน้า หลิวเจิ้งคุนก็ผุดลุกขึ้นทันที เขาเลิกแขนเสื้อขึ้น โชว์ให้เห็นรอยสักที่ดูโหดเหี้ยมบนแขนของเขา!

เขาไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ ไม่รู้ว่าสวี่โม่โม่กับแฟนหนุ่มของหล่อนกำลังพูดอะไรกันอยู่ ดังนั้นถึงได้ถามเย่เฉิน

“คุณชายครับ มีอะไรจะสั่ง คุณชายบอกมาได้เลยครับ!”

คนในร้านอาหารต่างก็ตื่นตระหนกไปกันหมด เมื่อเห็นเย่เฉินตบโต๊ะ และท่าทางน่ากลัวของหลิวเจิ้งคุน

“แย่แล้วจะมีเรื่องแล้ว ใครหาเรื่องพวกเขาเหรอเนี่ย?”

“ไม่รู้สิ ตกใจจริงๆ มีคนจะซวยแล้ว!”

สวี่โม่โม่และแฟนหนุ่มตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร!

ทุกคนในร้านต่างก็จดจ่อกับเย่เฉิน รอดูว่าเย่เฉินจะประกาศว่าเขาจะหาเรื่องใคร!

แล้วจึงเห็นเย่เฉินเงียบไป แล้วกล่าว “ไปถามพนักงานหน่อย ว่าเยลลี่พีชที่เราสั่งทำไมยังไม่มาสักที!”

หลิวเจิ้งคุน“…”

พวกคนในร้าน “…”

ตอนที่ 311 ลูกสาวของสวี่ฉู่หมิง
เย่เฉินยืนยันกับโจวหรงหรงแล้วว่าก่อนที่ฉินหงเหยียนจะมาเมืองเสินเฉิงนั้นหญิงสาวยังยุ่งๆ เรื่องของบริษัท ไม่ได้มีท่าทีเหมือนคนจะลาออกแม้แต่น้อย

แผนของฉินหงเหยียนคือ หล่อนจะอยู่ในเมืองเสินเฉิงแค่สองวัน แล้วหลังจากนั้นหญิงสาวก็จะกลับเมืองเทียนไห่

แต่หลังจากที่ฉินหงเหยียนมาเมืองเสินเฉิงแล้ว ก็ไม่ได้กลับไปอีก แถมยังส่งจดหมายลาออกไปที่บอร์ดบริหารด้วย

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่ฉินหงเหยียนไปพบสวี่ฉู่หมิง!

“สวี่ฉู่หมิงพูดอะไรกับฉินหงเหยียนกันแน่!”

เมื่อครู่เย่เฉินเดินหันหลังกลับออกมาจากวิลล่า แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะตัดใจจากหญิงสาว ฉินหงเหยียนเป็นหญิงสาวที่เขารักมากที่สุดในชีวิตนี้ เขาไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ แน่

ที่เขาตัดใจเดินออกมาก่อนเป็นเพราะเขาสังเกตเห็นแล้วว่า ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจฉินหงเหยียนได้

และหญิงสาวเองก็ยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น

ดังนั้นเขาถึงไม่คิดจะถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน

เย่เฉินกล่าวกับหลิวเจิ้งคุน “รีบไปหาข่าวของสวี่ฉู่หมิงมาเดี๋ยวนี้ฉันต้องการเจอเขา แล้วจะได้ถามเขาต่อหน้าว่าเขาเป่าหูอะไรแฟนฉัน!”

“ครับ คุณชาย!”

……

เช้าวันที่สอง เย่เฉินกินอาหารเช้าง่ายๆ ในโรงแรม แต่จนถึงตอนนี้พวกหลิวเจิ้งคุนก็ยังไม่รู้ว่าสวี่ฉู่หมิงอยู่ที่ไหน

“คุณชายเย่ครับ พวกผมก็ยังหาไม่เจอว่าหมอนั่นอยู่ไหน” หลิวเจิ้งคุนรายงาน

เย่เฉินถามต่อ “ได้ไปหาที่บริษัทเขาหรือยัง?”

หลิวเจิ้งคุนพยักหน้ารับ “เมื่อครู่ผมส่งคนบุกเข้าไปแล้ว ค้นทั้งห้องทำงานยันห้องน้ำ ก็หตัวเขาไม่เจอเลย”

สวี่ฉู่หมิงเองก็มีคอนโดหลายห้อง มีบ้านหลายหลัง ทำให้ตอนนี้พวกเย่เฉินไม่รู้ว่าสวี่ฉู่หมิงตอนนี้อยู่บ้านหลังไหนกันแน่

ไม่นานซีกวาก็เดินเข้ามาแล้วรายงาน “คุณชายเย่ เจอตัวแล้วครับ! ผมไปหลอกถามจากบัญชีของบริษัทหนึ่งของสวี่ฉู่หมิง เขาบอกว่าสวี่ฉู่หมิงไปแล้ว ไม่ได้อยู่เมืองเสินเฉิง”

“ออกไปแล้วเหรอ? ไปไหน?” เย่เฉินถาม

ซีกวาตอบพลางยิ้ม “ไม่รู้เลยครับ”

เย่เฉินมีสีหน้าไม่สู้ดี ถ้าหากว่าสวี่ฉู่หมิงยังอยู่ที่เมืองเสินเฉิงอาจจะพอตกลงกับอีกฝ่ายได้ อย่างไรเสียเมืองนี้ก็มีแค่นี้ หาตัวอีกฝ่ายเจอง่ายอบู่แล้ว

แต่ถ้าอีกฝ่ายออกจากเมืองนี้ไปแล้ว พื้นที่กว้างใหญ่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะไปควานหาตัวอีกฝ่ายจากที่ไหน

“หาต่อไป ไปหลอกถามคนที่รู้จักเขา จะต้องรู้แน่ว่าเขาไปที่ไหน”

เย่เฉินสั่ง

“ครับ!”

ทว่าผ่านไปหนึ่งวันก็ยังคงไม่มีข่าวคราวใดๆ

ไม่มีใครรู้ว่าสวี่ฉู่หมิงไปที่ไหน

เหลือเวลาอีกสามวันก็จะถึงวันแต่งงานของสวี่ฉู่หมิงกับฉินหงเหยียน

เย่เฉินที่เดิมรู้สึกว่าเวลาห้าวันน่าจะเพียงพอ ตอนนี้เขาเริ่มลนลานขึ้นมา

“เป็นไปได้อย่างมากที่สวี่ฉู่หมิงจะจงใจหลบฉัน ฉันเดาว่าก่อนงานแต่งงานเขาน่าจะไม่กลับมา”

เย่เฉินเริ่มคาดเดาเจตนาของสวี่ฉู่หมิง

ขอแค่สวี่ฉู่หมิงไม่มาเจอเย่เฉิน เขาก็จะไม่รู้ข่าวคราวหรือเบาะแสอะไรจากปากสวี่ฉู่หมิง และจะทำให้เขาไม่สามารถขัดขวางการแต่งงานระหว่างพวกเขาสองคนได้

ซีกวาร้อนรน “งั้นทำยังไงดี? ถ้าหากว่าเขามาโผล่เอาในวันแต่งงาน เราก็ทำได้แค่ไปป่วนงานแต่งงานแล้วนะครับคุณชาย!”

เย่เฉินไม่อยากเห็นฉินหงเหยียนในชุดเจ้าสาวของสวี่ฉู่หมิง หญิงสาวควรเป็นเจ้าสาวของเขาเท่านั้น!

ตอนนี้เขาย้อนนึกถึงความรู้สึกไม่สบายใจที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นหวังเจียเหยาในชุดเจ้าสาวที่วิลล่าเฝยชุ่ยในตอนนั้น!

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็นึกขึ้นมาได้ว่า “สวี่ฉู่หมิงจะแต่งงาน ญาติของเขาย่อมต้องมาร่วมงาน คราวก่อนตอนที่กินข้าวกับสวี่ฉู่หมิง จำได้ว่าเขาเคยบอกว่าเขามีลูกสาวคนหนึ่ง แถมยังจบจาก ม.แสตมป์ฟอร์ดด้วย”

ก่อนหน้านี้ที่เย่เฉินชวนสวี่ฉู่หมิงไปกินข้าวบนเรือ อีกฝ่ายเคยถามประวัติการศึกษาของเขา

เย่เฉินเคยบอกว่าตนเองเคยเรียนแสตมป์ฟอร์ด สวี่ฉู่หมิงเลยอยากจะโอ้อวดเสียหน่อยว่าลูกสาวของตนเองก็จบจากที่นั่นเหมือนกัน

เย่เฉินรีบร้อนกล่าวกับหลิวเจิ้งคุน “ลองไปสืบดูหน่อยว่าลูกสาวของสวี่ฉู่หมิงอยู่เมืองเสินเฉิงไหม อายุของหล่อนน่าจะไม่ต่างกับฉินหงเหยียน อายุ 30 ปีกว่าๆ เคยเรียนต่อที่อเมริกา”

“ครับ!”

เวลาครึ่งวันผ่านไป หลิวเจิ้งคุนก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง สืบข่าวลูกสาวสวี่ฉู่หมิงมาจนได้

หลิวเจิ้งคุนกล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณชายเย่ สืบได้แล้วครับ ลูกสาวของสวี่ฉู่หมิงชื่อสวี่โม่โม่ ชื่อภาษาอังกฤษคือมอร์ฟี เมื่อวันก่อนนั่งเครื่องบินมาจากประเทศอเมริกา มีแฟนเป็นฝรั่ง ตอนนี้พวกเขาสองคนกำลังต่อแถวกินข้าวที่ร้านอาหารดังที่ตั้งอยู่ในถนนไท่จื่อ จะให้ส่งคนไปจับหล่อนมาพบคุณชายไหมครับ?”

เย่เฉินส่ายหน้า ตอนนี้กลางวันแสกๆ จะให้ไปลากตัวหญิงสาวมารังแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้เขาเปล่าๆ

“เตรียมรถ พวกเราลองไปบ้าง” เย่เฉินกล่าว

“ครับคุณชาย!”

ครู่หนึ่งเย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนก็มาถึงร้านอาหารดังกล่าว คนที่ต่อแถวนั้นเยอะจริงๆ แถมไม่พอตอนนี้ใกล้เวลารับประทานอาหารอีก

“สวี่โม่โม่คือคนไหน?” เย่เฉินถาม

หลิวเจิ้งคุนชี้ไปที่หญิงสาวที่ย้อมผมทอง จูงมือกับชายหนุ่มผิวขาว “คนนั้นไงครับ”

เย่เฉินมองไปไกลๆ เขาจำได้ว่าลูกสาวของสวี่ฉู่หมิงน่าจะอายุเท่ากับฉินหงเหยียน ทั้งสองคนน่าจะอายุไล่เลี่ยกัน

แต่สวี่โม่โม่ดูท่าทางแล้วน่าจะอายุมากกว่า 35 ปีเสียอีก มองจากไกลๆ ยังดูออกว่าผิวพรรณไม่ค่อยดีนัก ดูมีอายุอย่างมาก

แตกต่างกับฉินหงเหยียนอย่างมาก ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะอายุ 30 กว่าปี แต่ถ้าหากว่าดูแค่พื้นหลังหรือเสี้ยวหน้าข้างๆ หญิงสาวไม่ได้ดูต่างจากหญิงสาวอายุ 25 ปีแม้แต่น้อย

แน่นอนว่าเราไม่สามารถตัดสินใครได้เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น อย่างไรเสียสวี่โม่โม่ก็เคยเรียนต่อเมืองนอก อีกทั้งคนต่างชาติก็ชอบอาบแดดอย่างมาก

คนผิวพรรณขาวผ่องจะช่วยทำให้หน้าตาดูดีได้ ทันทีที่หญิงสาวไม่ขาวก็จะดูแก่ชรา ดูหน้าตาน่าเกลียดมากด้วย

แค่เห็นสวี่โม่โม่คนนี้ จูงมือชายชาวฝรั่ง ท่าทางดูหวานแหววอย่างมาก

แต่ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นเองสวี่โม่โม่ก็หมุนตัวมาด่าคู่รักที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังเจ้าหล่อนแล้วก่นด่าออกมา “พวกคุณช่วยอย่ายืนเบียดขนาดนี้? เว้นระยะห่างเพื่อให้ปลอดภัยได้ไหม?”

คู่รักที่ยืนด้านหลังหญิงสาวน่าจะอายุประมาณ 18 ปีเท่านั้น ฝ่ายชายก็กล่าว “พวกเราไม่ได้อยู่ใกล้คุณมากเลยนะครับ…”

เย่เฉินเองก็เห็นว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็มีพอประมาณ

เพียงแต่ว่าแถวยาวมากไม่มีทางอยู่ไกลกันมากเกินไป มิฉะนั้นแถวคงจะลากยาวไปถึงฝั่งตรงข้ามแล้ว

แต่สวี่โม่โม่เองก็ไม่เถียงกับคนด้านหลัง แต่ใช้ภาษาอังกฤษคุยกับแฟนหนุ่มแทน “น่าเบื่อคนประเทศนี้ ไปไหนก็เจอแต่คนไม่มีมารยาท”

แฟนชาวต่างชาติของหญิงสาวกล่าว “นั่นสิ คนที่นี่ไร้มารยาทจริงๆ”

เย่เฉินแค่นเสียง เขาก็เคยไปมาหลายประเทศทั่วโลก คนต่างชาติก็ไม่ได้มีมารยาทขนาดนั้น คนแทรกแถวก็ยังมีเหมือนกัน

อีกทั้งคู่รักคู่นั้นที่ต่อแถวหลังหญิงสาว ก็ไม่ได้เบียดหล่อนขนาดนั้น

สวี่โม่โม่จงใจหาเรื่องคนอื่นชัดๆ เพื่อเอาเรื่องนี้มาคุยโวเท่านั้น

เย่เฉินส่งสายตาให้กับหลิวเจิ้งคุน อีกฝ่ายเดินดุ่มๆ ไปทันที ให้เงินคู่รักวัยรุ่นคู่นั้นสองร้อย “ขอโทษด้วยนะครับ พวกเรามีธุระ คุณพอจะแลกที่กับเราได้ไหมครับ?”

คู่รักวัยรุ่นรับปากทันที

ดังนั้นเย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนจึงได้แทนที่คู่รักคู่นั้น ยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขาสองคน

สวี่โม่โม่หันไปมองด้านหลังแล้วใช้ภาษาอังกฤษกล่าวกับแฟนหนุ่มของหล่อน “เห็นไหม คนในชาตินี้รู้จักแต่เงิน ในประเทศนี้ของแค่มีเงินก็ทำอะไรก็ได้ พวกเขาไม่รู้จักใฝ่หาความก้าวหน้าเลย เฮ้อ ไอล่ะเกลียดอากาศที่นี่ เดี๋ยวถ้าร่วมงานแต่งของแด๊ดดี้เสร็จ ไอจะรีบออกไปจากประเทศนี้เดี๋ยวนี้เลย!”

ตอนที่ 310 ฉันไม่เคยรักคุณ!
ทว่าคำพูดนี้เย่เฉินไม่ได้ทำให้ฉินหงเหยียนใจอ่อนแม้แต่น้อย

ฉินหงเหยียนยังคงมีท่าทีแน่วแน่ “ถ้าหากว่าคุณไม่อยากจะแต่งงานกับหวังเจียเหยา ซูมู่ชิง ก็ไปแต่งงานกับคนอื่นก็ได้ คุณเป็นคุณชายตระกูลเย่ อยากจะตบหากับผู้หญิงแบบไหนก็ได้ ถ้าหากว่าคุณชอบผู้หญิงที่โตกว่าแบบฉันล่ะก็ คุณก็ลองไปหาดูคนอื่นก็ได้ สรุปก็คือเรื่องระหว่างเรามันจบลงแล้ว”

เย่เฉินคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉินหงเหยียนจะตัดใจจากเขาได้เด็ดขาดแบบนี้ ไม่ยอมให้โอกาสเย่เฉินอ้อนวอนเลยด้วยซ้ำไป

ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนแค่โกรธเขา เขาขอโทษหญิงสาวไปแล้ว หล่อนน่าจะหายโกรธ

แต่ว่าจากท่าทีของหญิงสาวตั้งแต่แรกจนตอนนี้นั้น ท่าทีหญิงสาวเด็ดขาด หล่อนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าต้องการจะเลิกกับเย่เฉิน!

เย่เฉินหันมองฉินหงเหยียนแล้วถาม “หงเหยียน คุณมีอะไรที่ปิดบังผมแล้วบอกไม่ได้ใช่ไหม? ไอ้สวี่ฉู่หมิงคนนั้นมันพูดอะไรกับคุณใช่ไหม?”

ฉินหงเหยียนหลบสายตา แกล้งเดินหลบไปอีกทางแล้วกล่าว “ไม่เกี่ยวอะไรกับสวี่ฉู่หมิง คุณโดนฉันหลอกมาตลอด ฉันน่ะไม่เคยชอบคุณเลยสักครั้ง!”

“คุณพูดว่าอะไรนะ? คุณจะบอกว่าคุณไม่เคยชอบผมเลยเหรอ?” เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากคนรัก

ฉินหงเหยียนตอบ “ใช่สิ ฉันไม่เคยชอบคุณเลย ในช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันก็แค่เลี้ยงคุณ ปั่นหัวคุณ ก็เหมือนเวลาพวกผู้ชายรวยๆ อย่างพวกคุณเลี้ยงสาวๆ นั่นแหละ ฉันเลือกคบกับคุณก็แค่เพราะคุณหล่อดี อายุน้อย แรงดี ทำให้ฉันพอใจได้ แต่ว่าฉันไม่เคยชอบคุณเลยสักครั้ง!”

คำพูดของฉินหงเหยียนทิ่มแทงจิตใจของเย่เฉินอีกครั้ง!

ฉินหงเหยียนคบหากับเขาแค่สนุกๆ ปั่นหัวเขาเท่านั้นเองเหรอ?

ไม่ เย่เฉินไม่เชื่อว่าข้ออ้างที่เหลวไหลแบบนี้!

“ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ! คุณไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น!” เย่เฉินโวยวาย

ถ้าหากเป็นซ่งหงเย่ หล่อนคงกล้าทำเรื่องแบบนี้แน่ๆ การเลี้ยงดูผู้ชายหล่อๆ เป็นเรื่องที่หญิงสาวชอบ

ฉินหงเหยียนแค่เสียง“เย่เฉิน คุณใสซื่อเกินไป มิน่าถึงได้โดนหวังเจียเหยาหลอกตั้งหลายครั้ง ขนาดเด็กยังไม่ใช่ลูกคุณ กระทั่งผู้หญิงแบบเด็กน้อยอย่างหวังเจียเหยายังหลอกคุณได้ คนอย่างฉันที่มีประสบการ์มากกว่าหล่อนไม่รู้เท่าไหร่ หลอกคุณน่ะง่ายจะตาย!

เย่เฉินตอนนี้ฉันเบื่อคุณแล้ว พอได้แล้ว ต่อไปคุณไม่ต้องมาตามตอแยฉันอีก!”

ฉินหงเหยียนจงใจใช้หวังเจียเหยามาเพื่อโหมไฟโทสะในใจเย่เฉิน เพราะหล่อนรู้ดีว่าบาดแผลที่หวังเจียเหยาสร้างไว้กับเย่เฉินนั้นลึกขนาดไหน

เย่เฉินเจ็บปวดกับคำพูดนี้ของฉินหงเหยียน แต่เขาก็ยังไม่เชื่อว่าฉินหงเหยียนจะเป็นผู้หญิงประเภทเดียวกับหวังเจียเหยา!

“ผมไม่เชื่อ ผมไม่เชื่อหรอกนะ!”

เย่เฉินไม่มีทางมองคนผิด เขาเชื่อว่าความรู้สึกที่ฉินหงเหยียนมีให้เขานั้นเป็นเรื่องจริงง!

เย่เฉินไม่รู้ว่าทำไมฉินหงเหยียนถึงต้องพูดอะไรแบบนี้ บางทีอาจเพราะเจ้าหล่อนโกรธเขา หรือบางทีหญิงสาวอาจจะไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน

แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเย่เฉินก็เชื่อว่าฉินหงเหยียนยังคงมีความรู้สึกให้ตนเองอยู่

เขาไม่ยอมฟังฉินหงเหยียนพูดอะไรอีก แต่โถมตัวเข้าไปจูบฉินหงเหยียน!

บางทีหากคู่รักทะเลาะกัน ยิ่งต่อความยาวสาวความยืดก็ยิ่งทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายให้แย่ลงไป

บางครั้งคำพูดที่มากมายก็สู้รอยจูบจากคนรักเพียงครั้งเดียวไม่ได้

ก่อนนี้เย่เฉินและฉินหงเหยียนอาจจะเคยมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่เย่เฉินแค่จุมพิตหล่อนเบาๆ ก็จะเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

แต่ว่าครั้งนี้เย่เฉินเพิ่งจะประทับริมฝีปากลงไปหาหญิงคนรัก แต่หญิงสาวกลับดิ้นรนผลักเขาออกจนสุดแรง จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือใส่หน้าเย่เฉินอย่างแรง!

เพี้ยะ!

มือนวลเนียนของฉินหงเหยียนฟาดประทับบนใบหน้าเย่เฉิน

ถึงจะไม่ได้ออกสุดแรง แต่เย่เฉินกลับโดนตบจนมึน

ต่อให้เป็นตอนที่เย่เฉินแกล้งทำเหมือนโดนขับออกจากตระกูล หรือจะตอนเกาะหญิงสาวกินก็แล้วแต่ ฉินหงเหยียนเองก็เคารพเขา ไม่เคยดูถูกเขา และไม่เคยเหยียดหยามเขาเหมือนหวังเจียเหยา

แล้วยิ่งไม่มีทางลงมือทำร้ายเขา

แต่ครั้งนี้ฉินหงเหยียนกลับลงมือตบเย่เฉิน

หลังจากที่ฉินหงเหยียนตบเย่เฉินแล้ว หล่อนเองก็เจ็บปวดหัวใจเหมือนกัน ร่องรอยเป็นห่วงเป็นใยบนใบหน้าปรากฎขึ้บนใบหน้าของหญิงสาว

แต่ว่าหญิงสาวก็กลบร่องรอยอารมณ์บนใบหน้าทันที แล้วกล่าวกับเย่เฉินด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เย่เฉิน ฉันเคยบอกแล้วไง ว่าตอนนี้ฉันเป็นคู่หมั้นของสวี่ฉู่หมิง คุณช่วยให้เกียรติฉันด้วย! สิ่งที่ฉันควรบอกฉันก็พูดไปหมดแล้ว คุณกลับไปได้แล้ว ที่นี่คือบ้านของฉันกับสวี่ฉู่หมิง!”

เย่เฉินมองฉินหเหยียนอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง เขาเองยังไม่เชื่อว่าหญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจจะไร้เยื่อใยกับเขาขนาดนี้!

“ก็ได้ งั้นผมไปล่ะ”

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็นชา

ฉินหงเหยียนทำถึงขนาดนี้แล้ว เย่เฉินเองก็ไม่มีทางจะอ้อนวอนอีกฝ่ายต่อ

เย่เฉินสาวเท้าเดินตรงไปที่ประตู

ฉินหงเหยียนมองแผ่นหลังที่ค่อยๆ ลับหายไปของชายหนุ่ม บนใบหน้าก็ฉายแววอาวรณ์ น้ำตาเอ่อคลอในดวงตา

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ มาจากบันได ฉินหงเหยียนถึงได้เพียรสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเอง

ฉินเสี่ยวตั่วแอบฟังอยู่บนชั้้นสอง หล่อนจึงได้ยินบทสนทนาของเย่เฉินกับฉินหงเหยียนเมื่อครู่

ฉินเสี่ยวตั่วเดินมาถามฉินหงเหยียน “พี่คะ ทำไมพี่ถึงพูดจาใจร้ายกับพี่เย่เฉินอย่างนั้นล่ะคะ แถมยังลงมือทำร้ายเขาอีก พี่เป็นอะไรไปกันแน่?”

ฉินหงเหยียนไม่ตอบน้องสาว แต่สาวเท้าเดินกลับห้องตนเองที่อยู่ด้านบน ปิดไฟ คลุมโปงแล้วเอนตัวลงบนเตียง

จากนั้นก็มีเสียงสะอึกสะอื้นของหญิงสาวดังมาจากในผ้าห่ม!

……

ในเวลาเดียวเย่เฉินก็เดินออกมาจากในตัวบ้าน หลิวเจิ้งคุนและซีกวาต่างก็รีบเดินปรี่ขึ้นไปถาม “คุณชายเย่ คุณฉินล่ะครับ? หล่อนไม่กลับพร้อมคุณชายเหรอครับ?”

เย่เฉินปิดปากเงียบ ไม่พูดไม่จาแต่สีหน้าท่าทางกลับตึงเครียด ไม่ทักทายว่านเจิ้งหาวแต่เดินดุ่มๆ ไปขึ้นด้านหลังตัวรถทันที

หลิวเจิ้งคุนเองพอมองออกว่าเย่เฉินอารมณ์ไม่ได้ เป็นไปได้อย่างมากว่าน่าจะคุยกับฉินหงเหยียนไม่เรียบร้อย จึงรีบร้อนขับรถออกจากวิลล่าหลังนั้นทันที

หลังจากที่ขับรถออกจากวิลล่าแล้ว หลิวเจิ้งคุนจึงทำใจกล้าถามอีกครั้ง “คุณชายครับ… คุณฉินไม่ให้อภัยคุณชายเหรอครับ?”

หลิวเจิ้งคุนอยู่ติดตามรับใช้ข้างกายเย่เฉินมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่อความสัมพันธ์ในความรักระหว่างเย่เฉินกับแฟนสาวเป็นอย่างดี เป็นคนจำนวนน้อยนิดที่เย่เฉินสามารถเปิดใจคุยด้วยได้

เย่เฉินไม่ปิดบังอะไรอีกฝ่าย “หล่อนบอกว่าไม่เคยชอบฉัน บอกว่าแค่ปั่นหัวฉันเล่นๆ”

หลังจากซีกวาที่นั่งอยู่ตรงด้านหน้าตะโกนด่าออกมาเสียงดัง “อะไรนะ? คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนคนนี้จะกล้าปั่นหัวคุณชายเย่เชียวหรือ! แพศยาจริงๆ! คุณชายแต่งงานกับหล่อนเลยแต่งงานกับน้องสาวหล่อนไปเลย! เสี่ยวตัวคนนี้ทั้งใสซื่อและสะสวย ไม่ด้อยกว่าพี่สาวเลย!”

เพี้ยะ!

หลิวเจิ้งคุนยื่นมือมาตบหัวซีกวา “หุบปากไปเลย! แกคิดว่ามีสิทธิ์วิจารณ์ผู้หญิงของคุณชายเย่เชียวเรอะ!”

หลิวเจิ้งคุนพอจะมองออกว่าเย่เฉินกับฉินหงเหยียนนั้นรักกันลึกซึ้ง อีกทั้งเขาก็รู้ว่าฉินหงเหยียนไม่ใช่ผู้หญิงเลวร้ายอะไร

หลิวเจิ้งคุนกล่าวต่อ “ถึงแม้ว่าคุณฉินหงเหยียนจะเคยมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ผมคิดว่าฉินหงเหยียนเองเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง เป็นคนรักเดียวใจเดียวและใสสะอาดกว่าผู้หญิงอายุ 18-20 อะไรพวกนั้นเสียอีก

ผมเดาว่าหล่อนคงจงใจพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเพื่อยั่วโมโหคุณชาย คุณชาเย่อย่าไปเชื่อคำพูดพวกนี้ของหล่อนนะครับ”

เย่เฉินถอนหายใจแล้วกล่าว “ฉันต้องไม่เชื่ออยู่แล้ว ฉันคบหากับหล่อนมานานขนาดนี้ หล่อนเป็นผู้หญิงแบบไหน ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง? เพียงแต่ว่าที่หล่อนพูดนั้นเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ไม่ให้โอกาสอะไรฉันเลย ต่อให้ฉันขอร้องอ้อนวอนหล่อนทั้งคืน หล่อนก็คงไม่เปลี่ยนใจแน่นอน”

หลังจากที่ซีกวาได้ยินแล้วก็รีบร้อนกล่าว “งั้นจะทำอย่างไรกันดี? ก็แปลว่าคุณฉินหงเหยียนจะแต่งงานกับคนแซ่สวี่คนนั้นแล้วล่ะสิครับ”

ใบหน้าเย่เฉินฉายแววโหดเหี้ยม “ก่อนหงเหยียนจะมาเมืองเสินเฉิงหนึ่งวัน ยังแชทคุยกับฉันอย่างมีความสุขอยู่เลย แถมยังบอกว่าจะซื้อของขวัญมาฝากฉัน แต่พอมาถึงที่นี่ หลังจากพบสวี่ฉู่หมิงแล้ว หล่อนก็ไม่สนใจฉันเลย ไอ้แก่สวี่ฉู่หมิงคนนั้นจะต้องพูดอะไรกับฉินหงเหยียนแน่นอน!”

ตอนที่ 309 ฉินหงเหยียน: ระหว่างเรามันจบแล้ว!
เสียงคุ้นเคยของสตรีลอยออกมา

แต่ว่าเสียงนี้ไม่ใช่เสียงของฉินหงเหยียนแต่เป็นฉินเสี่ยวตั่วน้องสาวของหล่อน!

เย่เฉินที่เดิมกำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกของการกอดหญิงอันเป็นที่รักหลังจากไม่ได้พบกันมานาน

แต่หลังจากได้ยินเสียงของฉินเสี่ยวตั่วแล้วก็รีบคลายอ้อมกอดลงอย่างรวดเร็ว ราวโดนของร้อน แล้ววถอยกรูดออกมา

โชคดีที่ในห้องไม่ได้เปิดไฟ จึงไม่เห็นความเก้อเขินในตอนนี้บนใบหน้าของเย่เฉิน

“เสี่ยว…เสี่ยว…เสี่ยวตั่ว?”

เย่เฉินเกิดติดอ่างขึ้นมา เมื่อครู่เกือบไปแล้วจริงๆ ถ้าหญิงสาวอุทาออกมาช้าไปเสียหน่อย เย่เฉินคงจะหอมหล่อนไปแล้ว

ถ้าฉินหงเหยียนมาเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็คงจะอธิบายยากกว่าเดิม

เย่เฉินรีบร้อนเปิดไฟ เมื่อเห็นว่าเป็นฉินเสี่ยวตั่วก็กล่าวถาม “เสี่ยวตั่ว ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่? ที่นี่มันห้องพี่สาวคุณไม่ใช่เหรอ?”

เย่เฉินเกิดคลางแคลงใจขึ้นมาว่าว่านเจิ้งหาวกำลังหลอกลวงตนเองหรือไม่

คิดไม่ถึงว่าฉินเสี่ยวตั่วจะหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบตามองเย่เฉินแล้วกล่าวอย่างเก้อเขินขึ้นมาแทน

“ก็เป็นห้องพี่สาวฉันนี่แหละ ฉันขึ้นมาเอาของ ตอนที่เพิ่งถึงห้องหล่อน จู่ๆ หล่อนก็สั่งให้ปิดไฟ ไฟมืดตึ๊ดตื๋อฉันมองไม่เห็นอะไร ไม่กล้าเดินไปเรื่อย ก็เลยมายืนอยู่ที่นี่”

เย่เฉินกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”

หลังจากฉินเสี่ยวตั่วเห็นเย่เฉินแล้ว ทันใดนั้นเองก็หัเราะคิกคัก “เย่เฉิน นายนี่เก่งดีจริงๆ ติดไม่ถึงเลยว่าจะปีนหน้าต่างเพื่อแอบมาพบพี่ฉัน ฉันล่ะชอบละครบทนี้ของนายนะ!”

เย่เฉินส่ายหน้าแล้วถาม “พี่สาวคุณอยู่ไหน?”

ฉินเสี่ยวตั่วชี้ไปด้านนอก “อยู่ในห้องรับแขกชั้นหนึ่ง รีบไปขอให้พี่สาวฉันให้อภัยเถอะนะ ฉันจะรอข่าวดีของนาย เฮ้อ จะต้องเอาหมอนมาเพิ่มให้นายอีกใบหรือเปล่า? อีกเดี๋ยวถ้าพี่สาวฉันให้อภัยนาย ทั้งสองคนไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งนานขนาดนี้อดทนมานานขนาดนี้แล้วคงต้องนอนด้วยแน่เลย ฮ่าๆ ”

ฉินเสี่ยวตั่วแอบอมยิ้ม แม่หนูคนนี้ชอบกระเซ้าเย้าแหย่เย่เฉินเสมอ

เย่เฉินปรายตามองเตียงของฉินหงเหยียนพลางกล่าว “ไม่ต้องเอามาหรอกนะ อีกเดี๋ยวพอผมกับพี่สาวคุณคืนดีกันแล้ว พวกเราก็จะย้ายออกทันที ที่นี่เป็นบ้านของสวี่ฉู่หมิง ผมไม่อยากให้พวกคุณอยู่ที่นี่ จริงสิ เสี่ยวตั่ว ผมซื้อวิลล่าที่นี่หลายหลัง ผมกับหงเหยียนหลังหนึ่ง คุณหลังหนึ่ง”

พอได้ยินมาถึงตรงนี้แล้วฉินเสี่ยวตั่วก็ชะงักไป “นายพูดอะไรนะ? นายซื้อวิลล่าที่นี่ให้ฉันหลังหนึ่งเลยเหรอ?”

เย่เฉินยิ้มพลางผงกศีรษะรับ

“กรี๊ด!”

ฉินเสี่ยวตั่วมีท่าทีดีใจ แล้วโผเข้ากอดเย่เฉิน ถึงขนาดหอมแก้มอีกฝ่าย “ขอบคุณนะคะพี่เขย! พี่เขยจงเจริญ!”

เย่เฉินเก้อเขินอย่างมาก ถึงขนาดรีบเช็ดตำแหน่งบริเวณที่ฉินเสี่ยวตั่วจุมพิตหล่อน “ถ้าพี่สาวคุณเห็นเข้า เกรงว่าต่อให้ผมอธิบายทั้งคืนหล่อนก็คงไม่สนใจผม ”

ฉินเสี่ยวตั่วเองก็เป็นคนใจกว้างอย่างมาก “ฮ่าๆ ไม่เป็นอะไร ฉันล้างเครื่องสำอางแล้ว ไม่มีลิปสติก ลงไปเถอะ ไม่ต้องกลัว สู้ๆ!”

เย่เฉินเองก็สำรวจตัวเองผ่านทางกระจก เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีร่องรอยอะไร จึงเดินออกไปนอกห้อง

ด้านนอกห้องยังมืดสนิท เย่เฉินถึงเปิดไฟฉายของมือถือแล้วค่อยๆ เดินลงไปด้านล่าง จากนั้นก็กล่าวเสียงแผ่วในวิลล่าที่ว่างเปล่า “หงเหยียนผมมาแล้ว”

ตอนที่เย่เฉินมาถึงห้องรับแขกชั้นหนึ่ง ฉินหงเหยียนที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา ก็หยิบรีโมทมาเปิดไฟในห้องรับแขก

เมื่อไฟสว่างขึ้น เย่เฉินก็เห็นฉินหงเหยียนอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้พบกันมาเนิ่นนาน หล่อนดูผอมลงกว่าตอนที่ทั้งสองคนเจอกันเมื่อคราวก่อน แต่ยัวคงดูมีมาดนางพญาเหมือนอย่างเคย

ฉินหงเหยียนเองก็แหงนหน้ามองเย่เฉิน แต่ว่าแค่ปรายตามองเท่านั้น แววตาของหญิงสาวเสหลบเขาไปอย่างรวดเร็วจากนั้นก็กล่าวขึ้นมาว่า “ที่นี่เป็นบ้านของสวี่ฉู่หมิง คุณบุกเข้ามามันผิดกฎหมายนะ”

คิดไม่ถึงว่าเมื่อพบหน้ากันอีกครั้ง ประโยคแรกที่ฉินหงเหยียนกล่าวกับเขาจะเป็นการตำหนิพฤติกรรมของเขา

เย่เฉินรู้ว่าฉินหงเหยียนโกรธตนเองแน่ เขารีบร้อนวิ่งไปจับมือสองข้าของฉินหงเหยียนแล้วกล่าว

“ขอโทษด้วย หงเหยียน ในช่วงก่อนผมไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนคุณ เป็นความผิดของผมเอง คุณอย่าโกรธผมเลยได้ไหม?”

แต่ฉินหงเหยียนกลับสะบัดมือเขาทิ้งอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวเสียงเย็นชา “คุณเย่ คุณช่วยระวังมารยาทหน่อย! ตอนนี้…เป็นคู่หมั้นของสวี่ฉู่หมิง”

เย่เฉินก้มหน้าลง ทันใดนั้นเองพลันเหลือบเห็นแหวนที่นิ้วนางในตอนนี้ของฉินหงเหยียน

วินาทีที่เห็นแหวนบนนิ้ว ใจของเย่เฉินก็สลายทันที!

“แหวนวงนี้…ไม่ใช่วงที่ผมซื้อให้คุณนี่ สวี่ฉู่หมิงให้มาเหรอ? คุณตอบตกลงแต่งงานกับเขาแล้วเหรอ?”

คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนจะตกปากรับคำยอมแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง!

การแต่งงานของหล่อนกับสวี่ฉู่หมิงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หล่อนตั้งใจ หล่อนต้องการจะแต่งกับเขาจริงๆ!

ฉินหงเหยียนไม่กล้าสบตามองเย่เฉินตรงๆ หล่อนเสสายตาไปที่อื่น “ใช่สิ ฉันกำลังจะแต่งงานกับเขา”

ในใจของเย่เฉินเย็นยะเยียบ ทำไมเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันนี้วันที่หยิงที่เขารักลึกซึ้ง จะสวมแหวนของชายคนอื่นบนนิ้วนางของตนเอง!

เย่เฉินขอโทษฉินหงเหยียนอีกครั้ง “หงเหยียน คุณทำแบบนี้เพราะเรื่องลูกหรือเปล่า? ผมรับรองกับคุณได้เลยไม่ว่าจะลูกของหวังเจียเหยา หรือลูกของซูมู่ชิง้วนแต่จะไม่สามารถสืบทอดมรดกตระกูลเย่ได้ มีแค่ลูกของเราสองคนเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์รับมรดกของผม แบบนี้พอหรือยัง?”

ฉินหงเหยียนกล่าวเสียงเย็นชา “ฉันจะไม่มีลูกกับคุณ”

เย่เฉินสงสัยว่าฉินหงเหยียนสืบได้ว่าหล่อนมีลูกไม่ได้ถึงได้เป็นแบบนี้

อย่างไรเสียฉินหงเหยียนก็อายุ 3 กว่าปีแล้ว ที่ผ่านมาโดนสวี่ฉู่หมิงเลี้ยงมาตั้ง 3 ปี

สามปีมานี้จะใช่สวี่ฉู่หมิงซ้อมหล่อนจนมีลูกไม่ได้หรือเปล่า เย่เฉินเองก็ไม่รู้

ฉินหงเหยียนสงบสติอารมณ์ จนในที่สุดก็แหงนหน้ามองเย่เฉินพลางกล่าว “เดิมทีฉันเองก็อยากจะนัดเจอคุณเพื่อคุยกับคุณให้ชัดเจน ในเมื่อคุุณมาแล้วงั้นฉันขอพูดกับคุณต่อหน้าให้รู้เรื่องก็แล้วกัน เย่เฉิน ระหว่างเรามันจบแล้ว เราเลิกกันแล้ว ระหว่างเราไม่มีอะไรต่อไปอีก ฉันกับคุณมันคนละโลกกัน คุณเป็นลูกคนรวย ฉันมันแค่เด็กำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ อีกอย่างคุณอายุยังน้อย ฉันแก่กว่า อีกทั้งเคยมีผู้ชายเลี้ยงมาก่อน ไม่ได้เป็นผู้หญิงบริสุทธิ์

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้คุณก็มีลูกกับผู้หญิงตั้งสองคน อีกทั้งแม่ของเด็กๆ ล้วนแต่เป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งอายุน้อยแถมยังมีพื้นเพครอบครัวที่ดีอีก คุณไปอยู่กับแม่ของเด็กเถอะนะ อย่างน้อยๆ เด็กจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์”

เย่เฉินได้ยินฉินหงเหยียนพูดเรื่องพวกนี้หัวเสียทันที “หงเหยียน คุณพูดเหลวไหลอะไร! คุณจะให้ผมเลิกกับคุณไปหาหวังเจียเหยาเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายผมมาตั้งหลายครั้งไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้เสียหน่อย!

ส่วนเรื่องซูมู่ชิง… หล่อนเป็นผู้หญิงที่ดีเยี่ยมจริงๆ แต่ว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับหล่อนแม้แต่น้อย ผู้หญิงทุกคนในโลกใบนี้ไม่มีใครสู้คุณได้เลย! หงเหยียนผมไม่ได้สนใจอดีตของคุณเลย คุณอย่าสนใจเรื่องอดีตเลยได้ไหม!”

ตอนที่ 308 ดึงดันเข้าไปในห้องฉินหงเหยียน!
พี่ใหญ่อย่าล้อเล่น วิลล่าที่นี่น่าจะมีราคาอย่างน้อยหลายล้าน นายจะให้แค่แสนหยวน!

นี่มันปล้นกันชัดๆ!

ถ้าใช้แค่แสนหยวนแล้วสามารถซื้อวิลล่าที่นี่ได้สักหลัง หลิวเจิ้งคุน ซีกวาเองต่างก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้น

ทุกคนประสานเสียง “ขอบพระคุณคุณชายเย่ครับ!”

พวกหลิวเจิ้งคุนติดตามเย่เฉินจากอวิ๋นโจวไป Texas อเมริกา แล้วจากที่นั่นมาที่เมืองหลวง ตอนนี้ก็มาถึงเมืองเสินเฉิง

ติดตามเขาโดยไม่โอดครวญสักนิด แถมยังทำงานที่อันตรายทั้งนั้น

แต่พวกเขาก็ไม่เหมือนพนักงานของเย่เฉิน เย่เฉินก็ไม่สามารถเพิ่มเงินเดือนให้พวกเขา ต่อให้จะให้พวกเขาพวกเขาก็อาจจะไม่ต้องการ

ดังนั้นเย่เฉินถึงได้อยากอาศัยโอกาสนี้ให้สวัสดิการรางวัลดีๆ กับหลิวเจิ้งคุน

โดยการมอบวิลล่าราคาหลายสิบล้านให้พวกเขาทุกคน ถือเป็นรางวัลในการทำงานหนักของพวกเขา เพื่อต่อไปภายหน้าพวกเขาจะได้ยินยอมพร้อมใจทำงานถวายหัวให้เขา

ว่านเจิ้งหาวใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ กล่าวกับเย่เฉินด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “คุณเย่ คุณอย่าล้อผมเล่นเลยนะครับ จะใช้เงินห้าแสนซื้อวิลล่า 5 หลังคงไม่ได้ครับ ผมบอกคุณตรงๆ แล้วกัน เงินร้อยล้านที่คุณใช้ซื้อข่าวผม ผมใช้เงินไปตั้งหลายร้อบล้านในวันเดียวเพียนเพื่อปิดปากคนพวกนั้น จนตอนนี้ผมไม่มีเงินเหลือแล้วครับ

ตอนนี้ผมเป็นคนจนที่ไร้ทรัพย์สินอะไรแล้วล่ะครับ ถ้าคุณชายจะเอาวิลล่า 5 หลังของผมไปฟรีๆ พรุ่งนี้ผมน่าจะต้องไปเป็นขอทานแล้วล่ะครับ!”

ว่านเจิ้งหาวแสร้งทำท่าทีน่าสงสาร หวังว่าเย่เฉินจะเห็นใจ

แต่เย่เฉินรู้เรื่องแย่ๆ ของว่านเจิ้งหาวเยอะแยะ รู้ดีแก่ใจว่าเขาเป็นคนสารเลวที่ไม่น่าเชื่อถือ เจ้าเล่ห์ แถมยังไม่มีน้ำใจ เขาอยากจะเห็นว่านเจิ้งหาวเป็นขอทานใจจะขาด

หลิวเจิ้งคุนกอดคอว่านเจิ้งหาวพลางกล่าว “คุณว่าน อย่าโวยวายอยู่ที่นี่เลย คุณหาเรื่องคุณชายเย่ของเรา ไม่ยอมให้วิลล่าตามที่คุณชายของเราร้องขอ ไม่งั้นนายได้หมดตัวแน่ นายคิดว่ายังไงล่ะ? แล้วอีกอย่างพวกเราเองก็ไม่ได้เอาของนายฟรีๆ เสียหน่อย ให้เงินนายตั้งหลายแสนไม่ใช่หรือไง?”

หลายแสน?

ดูพูดเข้าหยั่งกับว่าเยอะเสียเต็มประดา!

วิลล่า 5 หลังนี้มีมูลค่าตั้งหลายร้อยล้าน!

ว่านเจิ้งหาวอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา เพียงแต่เกลียดตนเองทำไมถึงได้ละโมบถึงได้คิดอยากจะไปล่วงเกินท่านผู้สูงศักดิ์แบบนี้ ไปล่วงเกินใครไม่ว่าแต่ดันไปล่วงเกินเย่เฉินเสียได้!

เย่เฉินไม่มีแก่ใจจะพูดอะไรกับว่านเจิ้งหาวอีก ตอนนี้หญิงสาวที่รักนักหนาอยู่เพียงแค่เอื้อม เขาอยากจะไปพบหญิงสาวให้เร็วที่สุด

เย่เฉินทำตัวไม่ถูก ระยะหลังมานี้เขายุ่งๆ กับเรื่องของหวังเจียเหยา ซูมู่หลิน ซูมู่เสวี่ย จนมองข้ามหญิงในดวงใจ

เย่เฉินสาวเท้าเดินตรงไปที่หน้าประตูวิลล่าอย่างรวดเร็ว

แต่ว่าเพิ่งจะเดินเข้าไปด้านใน จู่ๆ ที่ในบ้านก็มีเงาคนสองคนโผล่ออกมา

“ทำอะไรน่ะ?”

มีคนสองคนเข้าขวางทางเย่เฉิน

เย่เฉินขมวดคิ้วมุ่นหันมองว่านเจิ้งหาวเล็กน้อย

ว่านเจิ้งหาวรีบร้อนอธิบาย “เกี่ยวกับผมยังไงล่ะ พวกเขาไม่ใช่คนที่ผมเตรียมไว้นะ แต่เป็นคนของสวี่ฉู่หมิง”

ดูไปแล้วสวี่ฉู่หมิงเองก็คงรู้นานแล้วว่าเย่เฉินจะมาหาฉินหงเหยียน ดังนั้นถึงได้ส่งคนมาขวาง

ชายในบ้านหลังนั้นกล่าวเสียงวางท่า “ที่นี่เป็นวิลล่าส่วนตัวของคุณสวี่เศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง คนชั้นต่ำรีบไสหัวออกไปได้แล้ว!”

เศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง ฟังดูยิ่งใหญ่เสียจริง!

ว่านเจิ้งหาวเห็นเย่เฉินโดนข่มก็รีบกล่าว“คุณเย่ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วย ที่นี่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่เหล่าสวี่ใช้เงินซื้อเอาไว้แล้ว เขามีสิทธิ์ห้ามเข้ารุกล้ำ ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้”

เย่เฉินแค่นเสียงเย็น “ไปไหนก็ไม่ไป”

หลังจากนั้นก็หันไปกล่าวกับซีกวาและหลิวเจิ้งคุน “รีบจัดการทั้งสองคนนั้นเดี๋ยวนี้!”

เย่เฉินเดินมาถึงด้านหน้าบ้าน อยู่ใกล้คนที่เขาคิดถึงเพียงเอื้อมมือ เขาไม่สนใจหรอกว่าที่นี่บ้านใคร ใครกล้าเข้ามาขวางไม่ให้เขาพบหญิงสาวที่รักมันคนนั้นต้องตาย!

“ครับ!”

หลิวเจิ้งคุนและซีกวาเพิ่งได้วิลล่าราคาตั้งหลายล้านมาจึงมีแรงฮึกเหิมเดินตรงดิ่งเข้าไปลากทั้งสองคนออกมา

“เฮ้ย นี่พวกนายทำอะไร ฉันอัดคลิปอยู่นะ!”

ชายในบ้านข่มขู่

หลิวเจิ้งคุนกลับกระชากกล้องที่อีกฝ่ายใช้อัดคลิป ปาลงพื้นสุดแรงจนแตกละเอียด จากนั้นก็ใช้เท้ากระทืบจนมือถือแตกละเอียด

อีกคนหนึ่งรีบหยิบมือถือออกมากดโทรออกทันที หลังจากที่ซีกวาเห็นแล้วก็รีบร้อนเดินไปหาเขา “เด็กบ้า ยังกล้าโทรหาเจ้านายแกอีกเหรอ เดี๋ยวคอยเถอะฉันจะซ้อมแกยังไง!”

แต่เย่เฉินกลับหันไปสั่งซีกวา “ปล่อยเขาโทรไป! วันนี้ฉันต้องการจะเข้าไปในบ้านของสวี่ฉู่หมิง เขามาก็ดีฉันจะได้ถามเขาต่อหน้ากันไปเลย ใครทำให้เขากล้ามาแย่งเมียฉัน!”

พูดจบเย่เฉินก็เดินตรงไปที่ประตูวิลล่า

ก๊อก ก๊อก

เย่เฉินเคาะประตูแล้วตะโกน“หงเหยียน”

“หงเหยียน ผมเอง เย่เฉิน”

เย่เฉินรีบร้อนตะโกน แต่ว่าในวิลล่ากลับไม่มีเสียงตอบรับ และไม่มีใครเปิดประตูให้เย่เฉิน

ทันใดนั้นเองเก็เห็นไฟที่สว่างอยู่จู่ๆ ก็ดับมืดลงไป

“ปิดไฟแล้วเหรอ? ทำไมพอคุณชายเคาะประตูพวกหล่อนก็ปิดไฟล่ะ?”

พวกซีกวาต่างก็สงสัย

นี่มันแปลว่าหญิงสาวไม่อยากเจอเย่เฉินชัดๆ!

เย่เฉินผิดหวัง ตนเองดั้นด้นฝ่าฟันมาตั้งไกลเพื่อเจอหล่อนที่เมืองเสินเฉิง คิดไม่ถึงว่าตนเองจะโดนหญิงสาวกีดกันอยู่ที่ประตู ไม่แม้แต่จะมาเจอหน้ากัน

ทว่าฉินหงเหยียนเลิกกับตนเองโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ เย่เฉินไม่ได้พบหน้าหล่อนจะให้เขายอมรับความจริงทั้งหมดนี้ได้อย่างไร!

ว่านเจิ้งหาวที่อยู่ด้านข้างกล่าว“คุณเย่ คุณฉินอาจจะเหนื่อยก็ได้ ไม่อย่างนั้นคุณชายค่อยมาวันพรุ่งนี้อีกรอบก็ได้ ผมขอรับรองว่าคุณชายจะได้เข้าไปแน่ๆ”

เย่เฉินจะรอจนถึงพรุ่งนี้ได้ยังไง!

เขาทนรอไม่ไหวแม้แต่นาทีเดียว!

เย่เฉินเดินไปหาว่านเจิ้งหาวแล้วถาม “คุณรู้ไหม่ว่าฉินหงเหยียนอยู่ในห้องที่ชั้นไหน?”

ว่านเจิ้งหาวลากเย่เฉินไปทางขวาแล้วชี้ห้องบริเวณชั้นสามพลางกล่าว “อยู่ที่ชั้นสาม ห้องที่มีโมบายแขวนไว้ตรงหน้าต่าง เวลาที่คุณฉินหงเหยียนพักอยู่ที่นี่ ผมเคยมาที่นี่กับหล่อนและสวี่ฉู่หมิง ดังนั้นก็เลยรู้ดี”

“อ้อ” เย่เฉินพยักหน้า

ว่านเจิ้งหาวถาม “อย่าบอกนะว่าคุณจะปีนหน้าต่างหรอ? ความสูงระดับนี้ปีนยากนะ คนปกติปีนไม่ได้หรอก ค่ำคืนดึกดื่นไฟมืดๆ คุณระวังจะล้มไปนะ ระวังหน่อยก็ดี”

ว่านเจิ้งหาวรู้แค่ว่าเย่เฉินเป็นผู้บริหาร รู้ว่าเขามีเงินแต่กลับไม่รู้ว่าจุดเด่นที่สุดของเขาไม่ใช่ฐานะที่ร่ำรวย

และในเวลานี้เองหลิวเจิ้งคุนก็ไปหาราวสองอันที่สามารถแขวนไว้บนกำแพงจากกล่องเก็บเครื่องมือหลังรถ เย่เฉินอาศัยสิ่งของสองชิ้นนี้ กระโดดผลุงขึ้นบนชั้นสามอย่างรวดเร็ว

หน้าต่างที่ชั้นสามที่ยังเปิดอยู่ เย่เฉินไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอะไร หลังจากเปิดแล้วก็กระโดดเข้าไป

“อ้าว คุณเย่นี่เก่งจริงๆ! ใช้ได้นี่!”

ว่านเจิ้งหาวตื่นตระหนก

พวกหลิวเจิ้งคุนกลับไม่มีท่าทีแปลกใจ นี่มันเป็นความสามารถปกติของคุณเย่เราไม่ใช่หรือไง?

หลังจากที่เย่เฉินกระโดดเข้าไปในห้องนอนบริเวณชั้นสามแล้ว ก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ในห้อง

“กลิ่นน้ำหอมนี่คุ้นจังเลย…. นี่เป็นห้องของหงเหยียนแน่นอน!”

ก่อนนี้เขาอยู่กับฉินหงเหยียนมานาน เขาย่อมต้องจำกลิ่นกายของหล่อนได้

บนเตียงในห้องนอนก็ไม่ได้มีคน เรือนร่างแบบบางอ้อนแอ้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตู

เพราะไม่มีแสงไฟ ในห้องค่อนข้างอับแสง ถ้าไม่เปิดหน้าต่างก็จะมองไม่เห็นว่าด้านในมีคนอยู่

เรือนร่างสูงโปร่ง มีส่วนเว้าส่วนโค้ง เหอะๆ ยังจะต้องถามอีกเหรอ? ต้องเป็นฉินหงเหยียนแน่ๆ!

ถ้าหากว่าเย่เฉินไม่รู้ว่าเป็นหญิงสาวในดวงใจ เช่นนั้นก็แปลว่าตลอดเวลาที่นอนกับฉินหงเหยียนคงจะเสียเวลาไปเปล่าๆ!

“หงเหยียน!”

เย่เฉินวิ่งไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กอดเรือนร่างแบบบางจากด้านหลัง โอบเอวบางๆ กอดคนในดวงใจสุดแรง ในตอนที่กำลังอยากจะจุมพิตหญิงสาว

ใครจะรู้…

“พี่เขยพี่ทำอะไรอ่ะ!”

ตอนที่ 307 คุกเข่าอ้อนวอนให้เข้าไปในวิลล่า!
เย่เฉินหัวเราะแล้วหันไปสั่งหลิวเจิ้งคุน “เอาเงินสดให้คุณผู้หญิงท่านนี้ร้อยล้าน หลังจากนั้นก็ส่งคลิปนี้ไปให้ว่านเจิ้งหาว เกมเริ่มแล้ว”

หลิวเจิ้งคุนยังคงงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคลิปนั้นถึงได้มีมูลค่าขนาดนี้ล่ะครับ?”

เย่เฉินมองอีกฝ่ายแล้วตอบ “ประเด็นไม่ใช่ลูกชายของว่านเจิ้งหาว แต่เป็นเด็กผู้ชายตัวสูงๆ ที่ยืนข้างลูกชายเขาคนนั้นใช่ไหม?”

หญิงวัยกลางคนยกนิ้วโป้งให้เย่เฉิน “ถูกต้องค่ะ ใช่แล้ว เด็กคนนั้นเป็นลูกของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ว่านเจิ้งหาวสนิทสนมกับเขามาก โครงการมากมายของเขาต้องพึ่งพาท่านผู้นั้น หากว่าท่านเกิดเรื่องเขาก็ไม่รอด”

หลิวเจิ้งคุนระบายยิ้ม กว่าจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รีบร้อนส่งคลิปวีดีโอที่ได้มาให้ว่านเจิ้งหาวทันที

หลังจากที่ว่านเจิ้งหาวเห็นเนื้อหาในคลิปแล้วก็ตกใจ รีบร้อนกดโทรหาอีกฝ่ายทันที

“ฮัลโหล”

“ฮัลโหล คุณเย่ใช่ไหม?”

“โทรหาคุณเย่ของเรามีอะไร?”

“น้องชาย ช่วยเอาโทรศัพท์ให้คุณเย่หน่อย ผมมีเรื่องด่วนจะต้องคุยกับคุณเย่ ได้โปรดล่ะ ขอร้อง!”

ท่าทีว่านเจิ้งหาวอ่อนลงอย่างมาก อีกทั้งยังกระวนกระวายและตึงเครียด

หลิวเจิ้งคุนส่งโทรศัพท์ให้เย่เฉิน เขาเอื้อมมารับโทรศัพท์แล้วพูดตรงๆ “คุณว่าถ้าผมปล่อยคลิปนี้ออกไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

ว่านเจิ้งหาวกล่าว “คุณชายครับอย่าส่งเลยนะครับ กรุณาอย่าปล่อยคลิปเลยนะครับ ถ้าคลิปนี้หลุดออกไป ลูกชายผมจะอยู่ที่โรงเรียนไม่ได้แล้ว แถมไม่พออาจจะโดนส่งเข้าสถานพินิจด้วย คุณชายเห็นแก่ที่ลูกชายผมยังเด็ก ไม่เข้าใจอะไร คุณชายได้โปรดทำใจกว้าง ผมจะให้เงินคุณชายห้าล้านได้ไหมครับ?”

เย่เฉินตะโกนด่าออกมาทันที “ผมซื้อคลิปมาราคาร้อยล้าน แต่เสนอมาให้แต่ห้าล้านเนี่ยนะ?”

“ใครขายให้คุณ คุณบอกผมมา ผมคืนเงินร้อยล้านให้เลย!” น้ำเสียงว่านเจิ้งหาวเจือกระแสอาฆาต

เย่เฉินแค่นเสียง “คุณคิดว่าผมจะบอกคุณเหรอ? แล้วอีกอย่างอย่าบอกนะว่าคุณคิดว่าผมไม่รู้ว่ามูลค่าของคลิปนี้มันอยู่ที่ไหน? เด็กคนนั้นที่รังแกเพื่อนกับลูกชายคุณชื่ออะไร พ่อแม่เขาชื่ออะไร จะให้ผมทวนให้ฟังไหมล่ะ!”

“คุณเย่! คุณเย่!”ว่านเจิ้งหาวสะอึกสะอื้นทันที “คุณเย่ ผมผิดไปแล้วครับ คุณอย่าปล่อยคลิปเลยนะครับ ถ้าคลิปนี้ถูกปล่อยออกมา ผมจบเห่แน่!”

ดูไปแล้วแม่บ้านน่าจะพูดถูก พ่อของเด็กในอีกคลิปคงจะเป็นผู้หญ่อันเป็นที่พึ่งของว่านเจิ้งหาว

สำหรับผู้ใหญ่คนนี้ ด้วยพฤติกรรมแบบนี้ของลูกชายคนนี้ น่าจะค่อนข้างส่งผลกับอนาคตของอีกฝ่ายอย่างมาก

ว่านเจิ้งหาวรู้ว่าเย่เฉินอยากจะเข้าวิลล่าของเขาเพื่อไปหาคนก็ตอบทันที “คุณเย่ เมื่อครู่เป็นเพียงความเข้าใจผิด คุณอยากจะไปวิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวงไม่ใช่เหรอครับ? คุณมาได้เลยรับเดี๋ยวผมจะรับคุณเข้าไปเอง!””

“ชิ!”

คำพูดจองว่านเจิ้งหาวตอนนี้ทำให้เย่เฉินขยะแขยง

เย่เฉินกล่าวว่า“คุณบอกว่าไม่ให้ผมเข้าผมจะเข้าไม่ได้ แล้วพอคุณบอกให้ผมเข้าไปแล้วผมจะต้องยอมเข้าไปด้านในโดยง่ายเหรอ? แกเป็นตัวอะไรถึงได้กล้าสั่งฉัน!”

เย่เฉินกดตัดสายทันที

“ฮัลโหล คุณเย่…คุณเย่…”

ในวิลล่าว่านเจิ้งหาวกล่าวเสียงหลง พบว่าเย่เฉินกดวางสายก็ร้อนใจเหมือนไฟสุมทรวง แล้วกดโทรกลับ จากนั้นเย่เฉินก็ไม่ยอมกดรับสายด้วยซ้ำ!

“ไม่ได้การล่ะ ฉันจำเป็นต้องไปหาเขา เพื่อขอร้องไม่ให้เขาปล่อยคลิป”

ว่านเจิ้งหาวคิดถึงสิ่งที่เย่เฉินพูดเมื่อหลายชั่วโมงก่อน “อีกเดี๋ยวนี้คุณจะต้องร้องไห้อ้อนวอนให้ผมเข้าไป”

เดิมคิดว่าเป็นเพียงคำคุยโวของเย่เฉินเท่านั้น แต่ตอนนี้กลายเป็นเรื่องจริงเสียอย่างนั้น!

นี่เย่เฉินกำลังข่มขู่ให้ว่านเจิ้งหาวไปอ้อนวอนเขา!

“พี่หาว คุณจะไปไหน? คนผู้นั้นยอมยกหุ้น 30% ของเฉินเย่กรุ๊ปให้คุณแล้วเหรอคะ? ถ้าคุณเป็นประธานผู้บริหารของเฉินเย่กรุ๊ป ต้องให้ฉันเป็นรองประธานนะคะ”

หญิงสาวเรียวขาวยาวเดินมากอดว่านเจิ้งหาว

ว่านเจิ้งหาวสะบัดฝ่ามือใส่หน้าหญิงสาวด้วยโทสะ “ไสหัวไปเลยไป! รองประธานก็บ้าแล้ว !”

ว่านเจิ้งหาวขับรถตรงไปโรงแรมที่เย่เฉินพักอย่างรวดเร็ว แล้วเดินดุ่มๆ ไปที่ห้องพักของเย่เฉินทันที

“คุณเย่…”

ว่านเจิ้งหาวค้อมตัวลง แต่งแต้มรอยยิ้มบนใบหน้าขณะมองไปที่เย่เฉิน

“คุณมาทำอะไร?” เย่เฉินถามทั้งรู้ดีแก่ใจ

ว่านเจิ้งหาวตอบ “คุณเย่ ผมมารับคุณไปวิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวง! ผมรู้มาว่าฉินหงเหยียนผู้หญิงของคุณอยู่ด้านในนั้น!”

เพี้ยะ!

เย่เฉินยังไม่ต้องลงมือ หลิวเจิ้งคุนก็ฟาดฝ่ามือใส่หน้าเขา “แกไอ้คนสารเลวแกรู้ทั้งรู้ว่าผู้หญิงของคุณเย่อยู่ด้านในนั้น เมื่อกี้ทำไมไม่ให้คุณเย่เข้าไปด้านใน? แล้วยังมีหน้ามาไถเงินคุณเย่อีก!”

ว่านเจิ้งหาวเอามือปิดหน้าพลางสะกดความเจ็บปวด “คุณเย่ ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ เป็นความคิดของไอ้สารเลวสวี่ฉู่หมิงที่ดึงดันจะให้คุณฉินมาอยู่ในวิลล่าของผม แล้วบอกผมให้อาศัยโอกาสนี้ยึดเอาหุ้น 30% ของบริษัทคุณมาให้ได้ หลังจากทำสำเร็จแล้วเขาจะเอาไปสองส่วนผมเอาส่วนเดียว

“ผมนับถือคุณสองคนจะตายไป คุณเย่กับคุณฉินถือเป็นคู่รักตัวอย่างในวงการธุรกิจของเรา! ตอนนั้นผมปฏิเสธไปทันที! แต่ว่าสวี่ฉู่หมิงจะร่วมมือกับผมให้ได้ เพราะเขามีเรื่องคาวๆ ของผมในมือ ผมเลยต้องจำใจเอาด้วยกับเขา!”

เย่เฉินระบายยิ้ม เขาก็ไม่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือโกหก “เรื่องคาวๆ ของคุณนี่มีเยอะจริงๆ เลยนะ แค่เดี๋ยวเดียวผมก็ได้เรื่องคาวๆ ของคุณมาเป็นสิบกว่าอย่าง”

ว่านเจิ้งหาวตกใจเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?

ในสายตาเย่เฉิน ว่านเจิ้งหาวในตอนนี้เป็นคนที่เขาอ่านได้ปรุโปร่ง เขามีไม้ตายอะไร เย่เฉินรู้ดีทั้งหมด

ว่านเจิ้งหาววางเกียรติและศักดิ์ศรีที่มี เขาคุกเข่าลงพื้นพลางกล่าว “คุณเย่ ผมขอร้องล่ะ คุณไปที่วิลล่าผมสักครั้งได้ไหมครับ ขอร้องล่ะ!”

ก่อนนี้เย่เฉินเคยพูดว่าถ้าหากว่าตอนนั้นว่านเจิ้งหาวไม่ยอมปล่อยเขาเข้าไป ไม่นานนักหรอกอีกฝ่ายจะต้องคุกเข่าขอร้องให้เขาเข้าไป

และในวินาทีนี้ก็เป็นจริงตามนั้น

เย่เฉินเองก็ไม่อยากจะเสียเวลากับขยะแบบว่านเจิ้งหาวอีก เขาอยากจะเจอหน้าฉินหเงหยียนให้เร็วที่สุด

เย่เฉินชันตัวลุกขึ้น แล้วขึ้นรถหลิวเจิ้งคุนก็ขับตรงไปที่วิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวงอีกครั้ง

แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูในคราวนี้ ยามสองคนกลับยืนรอต้อนรับพวกเราอยู่นานแถมยังทำความเคารพรถของเย่เฉินอีกด้วย

“ไอ้ขยะ คราวนี้ถ้าใครกล้าขวางเราอีกฉันจะตัดขาคนนั้น!”

หลิวเจิ้งคุนหันไปด่ายามที่เฝ้าประตู ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เฉินร้อนใจอยากมาเจอฉินหงเหยียน จนไม่มีแก่ใจคิดเล็กคิดน้อยกับยามเฝ้าประตูสองคน หลิวเจิ้งคุนคงโยนพวกเขาลงทะเลไปนานแล้ว

และแล้วพวกเขาก็มาถึงด้านหน้าวิลล่าแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็วภายใต้การนำทางของว่านเจิ้งหาว

ว่านเจิ้งหาวเสนอตัวเปิดประตูรถให้เย่เฉินแล้วชี้ไปที่วิลล่าด้านหน้าพลางกล่าว “คุณเย่ นี่คือวิลล่าที่คุณฉินพัก คุณดูเถอะครับ ไฟยังสว่างอยู่เลย หล่อนน่าจะยังไม่นอน คุณเข้าไปเถอะครับ อีกอย่างก่อนเข้าไป พอจะช่วยลบคลิปก่อนได้ไหมครับ…”

เย่เฉินนึกถึงตอนที่ว่านเจิ้งหาวไถเงินตนเองไปเมื่อครู่ ก็คับข้องใจอย่างมาก

ถ้าหากว่าปล่อยว่านเจิ้งหาวไปแบบนี้ ก็เท่ากับช่วยเขามากไปเสียหน่อย

เย่เฉินมองรอบๆ วิลล่าแล้วพบว่าสภาพแวดล้อม อากาศ ดีไซน์ ดีมากทีเดียว ถือได้ว่าเป็นพื้นที่หรูหราระดับหนึ่งในเมืองเสินเฉิง

เย่เฉินกล่าว“วิลล่าที่นี่สวยดีนะ ผมชอบมากจริงๆ อยากจะซื้อให้เพื่อนสักหลัง ผมกับหงเหยียนอีกหลังแล้วก็ให้น้องสะใภ้ผมฉินเสี่ยวตั่วอีกหลัง อาคุนอีกหลัง ซีกวาอีกหลังรวมๆ แล้ว…”

พอได้ยินว่าเย่เฉินอยากจะซื้อวิลล่า หวังเอ้อร์เชอก็รีบวิ่งมาจากด้านหลัง “คุณเย่ ผมด้วยครับ ผมด้วย!”

เย่เฉินมองหวังเอ้อร์เชอเล็กน้อย “บวกเสี่ยวหวังไปด้วยทั้งหมดเป็น 5 หลังแล้วกัน คุณขายวิลล่าให้ผม 5 หลังก็แล้วกัน”

ว่านเจิ้งหาวกล่าวพลางระบายยิ้ม “ได้สิได้ ราคาประเมินที่นี่อยู่ที่…”

เย่เฉินกล่าว “ให้เงินเขาไปห้าแสน หลังละแสนแล้วกัน ต้องรับด้วยนะ ผมไม่เอาขอคุณฟรีๆ หรอก”

หวานเจิ้งหาวหน้าดำคล้ำเขียวไปหมด

ตอนที่ 306 ได้เรื่องมาแล้ว!
“เหล่าสวี่ไอ้คนสารเลว!”

ว่านเจิ้งหาวสบถคำด่าออกมา

เขากับสวี่ฉู่หมิงเป็นเพื่อนที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรที่มากไปกว่านั้น

“ได้ ในเมื่อนายไม่ให้เงินฉันสักแดง ก็ได้ เดี๋ยวถ้าฉันได้หุ้น 30% ของเฉินเย่กรุ๊ปแล้วจะไม่แบ่งให้นายเลย!”

สวี่ฉู่หมิงไม่สนใจว่านเจิ้งหาวแม้แต่น้อย เดิมทีเขาก็ไม่ได้กะจะรักษาสัญญาที่บอกว่าจะแบ่งหุ้นที่ได้มาจากเย่เฉินให้เขา

เดิมเขาวางแผนเอาไว้ว่าถ้าหากว่าได้หุ้น 30% มาจริงๆ ก็ว่าจะบิดพลิ้วไม่แบ่งให้สวี่ฉู่หมิง

เห็นได้ชัดเจนว่าระหว่างทั้งสองคนไม่ได้มีความเชื่อมั่นและมิตรภาพใดๆ ต่อกัน ก็ไม่แปลกหรอกที่สวี่ฉู่หมิงจะพูดจาตัดรอนน้ำใจกันแบบนี้

“ชิ แค่ห้าร้อยล้านเท่านั้น เสียไปก็ช่างเถอะ ขอแค่ฉันจัดการอุดปากคนที่รู้เรื่องไม่ดีของฉันพวกนี้ได้ เย่เฉินจะทำอะไรได้ พอถึงตอนนั้นก็ต้องยอมยกเงินหลายหมื่นล้านให้ฉันอยู่ดีไม่ใช่หรือไง?”

ในขณะที่กำลังคิดเพลินๆ นั้นเองว่านเจิ้งหาวก็มีคนโทรเข้ามา

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ณ ห้องเพรสซิเดนท์สูทของโรงแรม InterContinental ในเมืองเสินเฉิง

ฟากของเย่เฉินก็ยังมีคนมาฟ้องเรื่องของว่านเจิ้งหาวไม่ขาดสาย

คนพวกนี้ส่วนมากแล้วแต่งตัวปกปิดมิดชิด ด้วยไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเขาเป็นใคร มีถึงขนาดที่เจ้าตัวไม่ยอมมาแต่จ้างคนอื่นมาแทน เพราะกลัวว่าหากว่านเจิ้งหาวรู้เข้าจะโดนล้างแค้น

ทว่าข่าวฉาวๆ ที่คนเหล่านี้รู้นั่น ถ้าไม่ใช่เป็นเพียงแค่ลมปากก็ไม่มีหลักฐานยืนยันอะไร หรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ไม่มากพอให้ว่านเจิ้งหาวล่มจม

ทันใดนั้นเองหวังเอ้อร์เชอก็รายงานมาจากด้านนอกประตู “คุณชายเย่ มีสาวสวยหุ่นดีมาครับ!”

เย่เฉินหันไปมองก็พบว่ามีสาวสวยสูง 172 ซม. เดินเข้ามาในห้อง ผู้หญิงคนนี้สวมรองเท้าส้นสูงทำให้หญิงสาวดูสูงขึ้นมากกว่าเดิม

หลิวเจิ้งคุนกล่าวถาม “คุณเองก็จะมาเล่าข่าวชั่วๆ ของว่านเจิ้งหาวเหรอ? คุณเป็นอะไรกับเขา?”

ผู้หญิงร่างสูงโปร่งคนั้นกล่าวต่อ “ฉันเป็นเด็กที่เขาเคยเลี้ยงค่ะ ว่านเจิ้งหาวนะเป็นคนไม่รักษาคำพูดเลย เขาเคยรับปากกับฉันว่าถึงจะเลิกกันไป เขาก็จะยกวิลล่าที่อ้ายฉินไห่ซานจวงให้ฉัน แต่ตอนนี้เขามีคนอื่น ไม่ชอบฉันแล้ว แต่เขายกกระเป๋ามาให้ฉันแค่ใบเดียว ไม่ให้วิลล่าฉันแบบที่รับปากเอาไว้!”

พวกเย่เฉินหัวเราะคิกคัก ผู้หญิงที่พวกเขาดูถูกกันที่สุดก็คือผู้หญิงหน้าตาสะสวย แต่เห็นแก่เงินจนยอมนอนกับผู้ชายแก่ๆ

นอนกับพวกเขาปีสองปี แล้วคิดว่าตนเองจะได้วิลล่าราคาหลายสิบล้าน?

ถ้าหากว่าโลกนี้มีเรื่องง่ายดายแบบนี้จริงๆ ผู้หญิงทั้งหมดก็คงไม่ต้องตั้งใจทำงานทำการอะไรแล้ว แค่ไปนอนกับพวกคนมีเงินเป็นอันใช้ได้!

เย่เฉินกล่าวถาม “คุณมีอะไรจะมาแฉให้ผมฟังล่ะ?”

ผู้หญิงร่างสูงโปร่งตอบคำถาม “เขาแอบเลี้ยงเด็กลับหลังเมียไม่นับเป็นข่าวฉาวหรอ?”

นี่ถือเป็นข่าวฉาวจริงๆ แต่ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร

ถ้าหากตอนนี้ว่านเจิ้งหาวเป็นเจ้าของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่มีชื่อเสียง หรือไม่ก็เป็นดาราชื่อดัง

งั้นจะเท่ากับว่าปัญหาครอบครัวของเขาจะส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานแน่นอน

แต่ว่านเจิ้งหาวไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนั้น เขาเป็นแค่เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร

ต่อให้เขาโดนแฉเรื่องแอบเลี้ยงเด็ก ก็ไม่แสบไม่คัน ไม่มีผลอะไรกับชีวิตหรือหน้าที่การงาน

หลิวเจิ้งคุนกล่าว “ข่าวฉาวๆ ที่เราอยากได้คือข่าวทำนองที่ว่าว่าเจิ้งหาวทำอะไรผิด ข่าวที่สามารถทำให้เขาหวาดกลัว ของคุณใช้ไม่ได้ เอาตัวไป”

เมื่อได้ยินคำสั่งของหลิวเจิ้งคุนแล้ว หวังเอ้อร์เชอก็ยกมือไล่ผู้หญิงร่างสูงโปร่งคนนั้นไป

สาวสวยคนนั้นเหมือนไม่ค่อยพอใจ หล่อนโดนลากออกจากห้องไปพลางกล่าว “เรื่องบนเตียงไม่นับเป็นข่าวคาวเหรอ?”

เย่เฉินและพวกหลิวเจิ้งคุนระเบิดเสียงหัวเราะ ข่าวคาวที่ผู้หญิงคนนั้นบอก ไม่ใช่ข่าวคาวแต่เป็นเรื่องตลก

“เอาเงินให้หนึ่งหมื่น ถือเสียว่าเป็นรางวัลที่ทำให้พวกเราสนุกแล้วกัน”

เย่เฉินสั่งหวังเอ้อร์เชอ

ถึงแม้ว่าสาวสวยหุ่นดีคนนี้ไม่ได้แฉข่าวคาวอะไรที่มันจะทำให้อีกฝ่ายล่มจมได้ แต่ข่าวตลกๆ พวกนี้ก็ยังพอมีมูลค่าอยู่บ้างเล็กน้อย

ทว่าหลายนาทีผ่านไป เย่เฉินเหลือบมองเนาฬิกาไม่หยุด จนพบว่าใกล้จะห้าทุ่มแล้ว

ถ้าหากว่าไม่มีอะไรเด็ดๆ คืนนี้เขาคงไม่ได้ไปเจอฉินหงเหยียนแล้ว

ในตอนที่เย่เฉินกำลังร้อนใจ หวังเอ้อร์เชอก็เดินเข้ามาอีกครั้ง “คุณเย่ มีคุณป้าคนหนึ่งมาครับ”

“ฮะ?”

เย่เฉินตกใจเมื่อมองเห็นหญิงสาววัย 40 กว่าปีที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าประตู แต่งตัวเรียบง่าย…. หน้าตา…เอ่อ…จะว่ายังไงดีนะ เหมือนเป็นคนซื่อตรง

พอจะมองออกว่าพื้นฐานครอบครัวน่าจะเฉยๆ

“เข้ามาเถอะ” หวังเอ้อร์เชอกล่าวกับผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้น

“ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้ารับ แล้วเดินเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทีเก้อเขิน และก้มหน้างุดๆ ตลอดเวลา ดูแล้วอีกฝ่ายน่าจะกำลังตื่นเต้นเล็กน้อย

หรือจะเป็นเพราะว่าไม่เคยเห็นห้องพักที่หรูหราแบบนี้มาก่อน?

เย่เฉินประหลาดใจมากทีเดียว ว่านเจิ้งหาวเองก็เป็นคนร่ำรวยในเมืองเสินเฉิง ทำไมถึงได้ไปเกี่ยวข้องกับผู้หญิงธรรมดาๆ แบบนี้ได้ล่ะ?

หลิวเจิ้งคุนปราดเข้าไปถาม “คุณมีข้อมูลอะไรของว่านเจิ้งหาวเหรอ?”

หญิงวัยกลางคนส่ายหน้า

หลิวเจิ้งคุนหัวเสีย “งั้นคุณคงมาผิดที่แล้วล่ะ เสี่ยวหวังส่งแขก แกนี่พาคนเข้ามาไม่ดูเลยนะ? ไม่ถามให้ดีๆ ก่อน”

แต่ใครจะรู้หญิงสาวคนนั้นกลับกล่าวด้วยเสียงที่ติดสำเนียงกวางตุ้ง “ฉันไม่มีข่าวของว่านเจิ้งหาวหรอกค่ะ แต่มีของลูกชายเขา!”

“ฮะ?”

เมื่อได้ยินแบบนี้เย่เฉินกับพวกหลิวเจิ้งคุนก็เกิดสนใจขึ้นมา

บางครั้งการทำลายใครสักคนหนึ่งไม่จำเป็นต้องเล่นงานเจ้าตัว แต่ลงมือกับญาติสนิทหรือคนรอบตัว ก็ถือเป็นวิธีการอย่างหนึ่ง

หญิงสาววัยกลางคนคนนั้นเอามือถือขึ้นมาดูแล้วส่งให้หลิวเจิ้งคุน “นี่คือคลิปวีดีโอที่ลูกชายเขารังแกเพื่อนที่โรงเรียน”

หลิวเจิ้งคุนรับมือถือมาส่งให้เย่เฉิน จากนั้นเขาก็กดเล่นคลิป

เย่เฉินลูบคางขณะครุ่นคิด เรื่องอย่างการรังแกกันในโรงเรียน ที่อเมริกามีการจัดการอย่างเข้มงวด มีบางครั้งอาจจะจับมากกว่า 6 ปีด้วยซ้ำ

แต่ว่าในประเทศนี้นั้น ถ้ามีเงินก็จะสามารถจบปัญหาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ส่วนผู้ปกครองก็รู้สึกว่าเป็นเด็กๆ ส่วนมากล้วนแต่จะจัดการกันสถานเบาเพื่อให้โอกาสเด็กๆ

“ลูกชายของว่านเจิ้งหาวคือคนไหน?” หลิ้วเจิ้งคุนถาม

“คนตัวเตี้ยๆ” หญิงวัยกลางคนตอบ

หลิวเจิ้งคุนกล่าวพลางขมวดคิ้ว “คุณเย่ ถ้าคลิปนี้ถูกปล่อยออกไป เกรงว่าว่านเจิ้งหาวคงจะไม่หวาดกลัวอะไรหรอกมั้ง?”

เย่เฉินพยักหน้ารับ

หลิวเจิ้งคุนมองหญิงวัยกลางคนคนนั้น “คลิปคุณไม่น่าจะถึงร้อยล้าน เดี๋ยวผมให้คนโอนหาคุณหนึ่งแสนแล้วกัน”

หญิงวัยกลางคนกลับร้อนรนขึ้นมา หล่อนพูดภาษากวางตุ้งออกมา “คุ้มสิ! เท่าไหร่ก็คุ้ม! ถ้าพวกคุณเอาคลิปนี้ไปให้ว่านเจิ้งหาวดู เขาต้องยอมให้เงินคุณมากกว่าร้อยล้านแน่!”

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็รู้สึกได้ถึงสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล “งั้นในเมื่อคลิปนี้มันมีมูลค่าขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ไปขอเงินจากเขาเอง?”

หญิงวัยกลางคนก้มหน้าพลางกล่าว “ฉันไม่กล้า…ฉันเป็นพี่เลี้ยงของเขา ถ้าเขาจับได้ เราตายยกบ้านแน่”

ที่แท้เป็นแม่บ้านของพวกเขา มิน่าดูแล้วถึงได้เหมือนคนรับใช้

ทว่าหลิวเจิ้งคุนยังคงไม่เข้าใจ “กะอีแค่คลิปลูกชายเขาทำร้ายร่างกายคนอื่นเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงจะมีมูลค่ามากขนาดนั้นล่ะ? ทำไมว่านเจิ้งหาวถึงจะยอมจ่ายไม่อั้นเพื่อไม่ให้คลปนี้หลุดออกไปล่ะ?”

และในเวลานั้นเองใบหน้าเย่เฉินก็เผยรอยยิ้มออกมา เขารู้คำตอบแล้ว!

เกมระหว่างเขาและว่านเจิ้งหาวได้จบลงอย่างสมบูรณ์ในวินาทีนี้

คนที่ได้รับชัยชนะก็คือเย่เฉิน!

ตอนที่ 305 ว่านเจิ้งหาวโดนขูดเลือดขูดเนื้อไปห้าร้อยล้าน!
ว่านเจิ้งหาวก็มีท่าทีตึงเครียดขึ้นมา!

คนในสายงานอสังหาริมทรัพย์อย่างพวกเขามีคนไหนมือสะอาดบ้าง?

หลายปีมานี้ว่านเจิ้งหาวยังพอเงียบๆ ไม่ได้ทำเรื่องอะไรเหลวไหลแต่ตอนที่เพิ่งเริ่มทำงานนั้น เขาทำเรื่องเลวร้ายไปมากเพื่อหาเงินและเพื่อจะยึดครองที่ดิน!

ทันใดนั้นเองมีสายโทรหาว่านเจิ้งหาว เป็นอดีตคู่ค้าของเขา

“ฮัลโหล” ว่านเจิ้งหาวรับสายทันที

ปลายสายกล่าวว่า “พี่หาวหลังจากที่พี่ร่ำรวย ทำไมถึงไม่สนใจน้องแล้วล่ะครับ?​ เรามาทำธุรกิจด้วยกันสิจะได้แบ่งเงินกัน ผมได้ยินมาว่ามีคนเสนอเงินร้อยล้านซื้อข่าวฉาวของพี่ ก่อนนี้ตอนเราสองคนทำธุรกิจด้วยกัน พี่เคยทำอะไรมาบ้าง ผมรู้ดีแก่ใจ”

สีหน้าว่านเจิ้งหาวหัวเสีย “แกมันบ้าไปแล้ว! ฉันมีเรื่อง แกคิดว่าแกจะรอดเหรอ?”

ปลายสายกล่าวพลางหัวเราะ“พี่หาวอย่าเพิ่งตื่นตูมไปสิครับ ผมไม่ได้บอกว่าจะแฉพี่เสียหน่อย ถ้าผมจะแฉพี่จริงๆ จะโทรหาพี่เหรอครับ? เราน่ะเป็นพี่น้องกัน ผมจะทรยศพี่ได้ยังไงล่ะครับ? แต่ว่านะ พี่หาวครับ ช่วงนี้ผมร้อนเงิน ผมขอยืมเงินพี่สักห้าสิบล้านหน่อยสิครับ”

เขาพูดถึงห้าสิบล้านทันทีที่เปิดปาก!

อีกทั้งฟังจากน้ำเสียงแล้ว เกรงว่าไม่ได้ตั้งใจจะคืนด้วยซ้ำ!

ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องเย่เฉินล่ะก็ คนผู้นี้มาขอยืมเงินเขา เกรงว่าว่านเจิ้งหาวคงไม่แม้แต่จะสนใจเขา!

แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าหากว่าไม่ให้ขายืมเงิน บีบคั้นเขาขึ้นมา เขาอาจจะแฉตนเองเพื่อเงินหลักสิบล้านที่ว่า!

ว่านเจิ้งหาวกล่าวต่อ “น้องชาย เดี๋ยวฉันให้คนโอนเงินห้าสิบล้านเข้าบัญชีนายเลย เราเป็นคู่ค้าทางธุรกิจที่สนิทสนมกันจะตายไป ฉันกำลังจะมีโปรเจ็กต์ใหม่พอดีจะชวนนายมาทำด้วยกัน นายวางใจเถอะนะ ต่อไปถ้าฉันว่านเจิ้งหาวหางานได้ นายก็จะมีงานทำเหมือนกัน!”

ว่านเจิ้งหาวปลอบประโลมแล้วปลอบประโลมเล่า เพื่อจะปลอบ‘พี่น้อง’ ของเขาคนนี้

หลังจากนั้นก็โอนเงินให้เขาห้าสิบล้าน

แต่ว่าเพิ่งจะโอนเสร็จ ว่านเจิ้งหาวก็มีสายโทรเข้า แถมเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกอีกต่างหาก

“ฮัลโหล ใคร?”

“ผมอาเหว่ย”

เสียงปลายสายเป็นเสียงเย็นชา

อาเหว่ย!

เมื่อได้ยินชื่ออาเหว่ย หน้าว่านเจิ้งหาวก็เปลี่ยนสีทันที!

อาเหว่ยที่ว่าก็คือคนขับรถของว่านเจิ้งหาว!

อีกทั้งไม่เพียงแต่เป็นแค่คนขับรถธรรมดาๆ มีครั้งหนึ่งว่านเจิ้งหาวกินเหล้าเมาแล้วบังเอิญไปชนคนตาย ก็ใช้คนขับรถคนนี้มารับผิดแทน!

และแน่นอนว่าสุดท้ายแล้วว่านเจิ้งหาวเองก็ใช้เงินและเส้นสายที่มีไปติดต่อกับคนในครอบครัวผู้ตายลับๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องติดคุก

แต่ว่าหลังจากนั้นแล้วอาเหว่ยก็ถูกบีบให้ออกจากเมืองเสินเฉิง

“แก… แกโทรมาทำไม?” ว่านเจิ้งหาวถามอย่างระแวดระวัง

เรื่องว่านเจิ้งหาวขับรถขนคนตายมีแค่อดีตคนขับรถของเขาผู้นี้เท่านั้นที่รู้ อีกทั้งเขาจ่ายค่าปิดปากอีกฝ่ายไปแล้วเพื่อให้เขาออกจากเมืองเสินเฉิง

อาเหว่ยกล่าวต่อ “เถ้าแก่ คนที่ชนคนตายวันนั้นเป็นคุณชัดๆ แต่คุณกลับให้ผมเป็นคนรับผิดชอบ ตอนนี้คนบ้านนั้นไม่ยอมปล่อยผมไป ผมทนไม่ไหว อยากให้พวกเขาได้รู้ความจริง!”

“อาเหว่ย! นายอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม! มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จาสิ!” ว่านเจิ้งหาวมีท่าทีตื่นเต้น เขากลัวจริงๆ กลัวว่าเรื่องนี้จะแพร่ออกไป

อาเหว่ยกล่าวต่อในโทรศัพท์“ผมไม่มีเงิน ผมอยากได้สักสองร้อยล้าน!”

ว่านเจิ้งหาวได้ยินอาเหว่ยขู่ก็บันดาลโทสะ“อาเหว่ยนายเป็นบ้าหรือไง! ฉันให้เงินปิดปากนายไปตั้งห้าล้านแล้วไง! คิดไม่ถึงว่านายจะเอาเงินฉันอีกตั้งสองร้อยล้าน? นายกล้ามาไถเงินฉันเลยเหรอ? นายรู้ไหมว่าฉันใช้แค่เงิรหลักล้านสิบล้านก็ทำให้นายหายตัวไปได้แล้ว! นายกลับไปส่องกระจกดูตัวเองสิไป นายมีค่าตัวถึงสองร้อยล้านหรือไง?”

อาเหว่ยกล่าวอย่างหัวเสีย “ถ้าหากว่าคุณไม่ให้เงินสองร้อยล้านกับผม ผมจะไปรับเงินร้อยล้านจากคุณเย่แทน!”

“อะไรนะ? นายรู้เรื่องได้ยัง…”

ว่านเจิ้งหาวชะงักไป เขารู้ว่าอาเหว่ยอยู่ที่ต่างจังหวัด คิดไม่ถึงว่าอาเหว่ยที่อยู่ต่างจังหวัดจะยังรู้เรื่องที่เย่เฉินยอมใช้เงินร้อยล้านเพื่อซื้อข่าวคาวของเขา!

ดูแล้เรื่องที่เย่เฉินยอมทุ่มเงินร้อยล้านเพื่อซื้อข่าวไม่ดีของเขาน่าจะโด่งดังออกไปไกลเมืองเสินเฉิงแล้ว

ส่วนอาเหว่ยผู้เป็นคนขับรถของว่านเจิ้งหาว ย่อมมีคนโทรหาเขาเพื่อถามเรื่องเกี่ยวกับเขาจากอีกฝ่าย

อาเหว่ยกล่าวต่อ “ได้ยินมาว่าคุณเย่พูดคำไหนคำนั้น ถ้าผมบอกว่าคุณจะให้เงินสองร้อยล้าน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะยอมเพิ่มเงินเป็นสามร้อยล้านก็ได้ ฮ่าๆ”

ว่านเจิ้งหาวลนลาน ถ้าหากนับกันเรื่องเงินถุงเงินถัง ว่านเจิ้งหาวสู้เย่เฉินไม่ได้อยู่แล้ว!

ท่าทีว่านเจิ้งหาวอ่อนลงอย่างรวดเร็ว “อาเหว่ย นายอยู่กับฉันมานานหลายปี ฉันเห็นนายเป็นเหมือนพี่น้องในไส้ ก่อนหน้านี้ฉันคงชดเชยเงินให้นายน้อยเกินไป เอาล่ะ ฉันให้เงินนายสองร้อยล้านก็ได้!”

ช่วยไม่ได้ ว่านเจิ้งหาวจำใจต้องใช้เงินสองร้อยล้านมาอุดปากอาเหว่ย

แต่โทรศัพท์ของว่านเจิ้งหาวก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

“ฮัลโหล…” เสียงของเขาก็เริ่มสั่นๆ ขณะรับสาย

เสียงชายหนุ่มดังขึ้นที่ปลายสาย “ฮ่าๆ คุณว่าน ไม่เจอกันนานเลยนะ มีคนยอมทุ่มเงินร้อยล้านเพื่อซื้อข่าวของคุณ คุณได้ยินเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า? ผมเคยอยู่ที่บริษัทมาหลายปี บริษัทของเราเคยช่วยคนอื่นทำใบหย่าปลอมยังไง จัดการเรื่องเงินหมุนเวียนในบัญชียังไง ตบแต่งกำไรยังไง รายงานภาษีปลอมยังไง ผมน่ะรู้ดีปรุโปร่งเลยล่ะ แต่คุณว่านวางใจได้ ผมไม่ไปหาเย่เฉินเขาหรอก เอางี้แล้วกัน คุณให้เงินผมร้อยห้าสิบล้านหน่อยสิ”

ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ว่านเจิ้งหาวก็โดนขูดรีดเงินไปแล้วห้าร้อยล้านเพื่อจะอุดปากคนพวกนี้!

ว่านเจิ้งหาวไม่ใช่เศรษฐีร่ำรวยแสนล้านแบบเย่เฉิน เขามีเงินอย่างมากก็หลักหมื่นล้าน เงินห้าร้อยล้านที่เสียไปก็ทำให้ขนหน้าแข้งเขาร่วงไปเยอะแล้ว!

กริ๊งๆ……

โทรศัพท์ของว่านเจิ้งหาวดังขึ้น

อ๊าก!

ว่านเจิ้งหาวหยิบมือถือขึ้นมาปาทิ้งอีกทาง!

เขาไม่กล้ากดรับสาย เพราะทุกสายที่เขากดรับล้วนแต่เป็นสายโทรศัพท์ที่ต้องการเงินเขาครั้งละสิบล้านถึงร้อยล้าน! มูลค่าในการรับสายนั้นแพงเกินไป!

ว่านเจิ้งหาวทนไม่ไหว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาสวี่ฉู่หมิง

“ฮัลโหล”

น้ำเสียงของสวี่ฉู่หมิงเรียบเฉย

ว่านเจิ้งหาวกล่าว “เหล่าสวี่เกิดเรื่องแล้ว เย่เฉินนั่นใช้เงินร้อยล้านเพื่อซื้อข่าวไม่ดีของผม!”

สวี่ฉู่หมิงกล่าวเสียงเรียบ “อ้อ ฉันได้ยินแล้วล่ะ แต่นายไม่ต้องกังวลหรอก นักธุรกิจในเมืองเสินเฉิงของเราสามัคคีกันจะตายไป ไม่ค่อยสนใจคนนอกหรอก ต่อให้มีคนรู้เรื่องในอดีตของนาย พวกเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินนายเพียงเพื่อคนนอกพื้นที่หรอกนะ นายใช้เงินแก้ไขปัญหาเป็นอันใช้ได้”

ว่านเจิ้งหาวเกือบจะร้องไห้อยู่แล้ว “ผมใช้เงินแก้ปัญหาไปแล้ว แค่เดี๋ยวเดียวผมโดนไปห้าร้อยล้านแล้ว! ตอนแรกกะจะไถเงินเย่เฉินร้อยล้าน ผลกลายเป็นว่าไม่ได้เงินของเขาสักแดง! แถมไม่พอกลายเป็นว่าผมต้องจ่ายห้าร้อยล้านแทน! ผมจะบ้าตายแล้ว!”

สวี่ฉู่หมิงประหลาดใจ “ห้าร้อยล้าน? หลายปีที่ผ่านมานายไปทำเรื่องอะไรเอาไว้? ถึงต้องใช้เงินปิดปากคนเยอะขนาดนี้?”

ว่านเจิ้งหาวกับสวี่ฉู่หมิงเองมีความสัมพันธ์กันในเชิงธุรกิจเท่านั้น ไม่ได้เป็นพี่น้องหรือเพื่อนกัน ความผิดพวกนี้ที่เขาก่อเอาไว้จะให้สารภาพกับสวี่ฉู่หมิงหมดเปลือกได้ยังไง

พูดออกไปแล้วไม่เท่ากับว่าอีกฝ่ายจะรู้ไส้รู้พุงเขาหมดเหรอ?

ว่านเจิ้งเหออ้ำๆ อึ้งๆ “สรุปก็คือผมเสียเงินห้าร้อยล้านไปเปล่าๆ เลยวันนี้เพราะเรื่องของคุณ คุณก็รู้ว่าเงินสดของผมไม่ได้มีมากมาย คุณพอจะช่วยสมทบทุนห้าร้อยล้านให้ผมสักครึ่งหนึ่งได้ไหม”

สวี่ฉู่หมิงก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมา “นายจะให้ฉันช่วยตามเช็ดเรื่องให้นายด้วยเงินห้าร้อยล้านนี่น่ะเหรอ? นายก่อเรื่องเอง ทำไมฉันต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินให้นาย! เรื่องเย่เฉินฉันเป็นคนไปขอร้องให้นายช่วยก่อนเอง แต่ว่าฉันช่วยวางแผนให้นายเฉยๆ

ฉันช่วยให้นายได้หุ้นมูลค่าหลายพันล้าน เราสองคนแบ่งกัน ก็มากพอให้นายใช้เงินไปตลอดชีวิต! แต่นายเป็นคนไร้ความสามารถเอง ก่อเรื่องชั่วๆ เอาไว้เยอะเอง จนเย่เฉินมันมีเรื่องให้เล่นงาน แต่นายกลับโทษฉันเหรอ? เรื่องของนาย นายจัดการเองเถอะ ไม่อยากร่วมมือกันก็ไสหัวไป มีคนเยอะแยะอยากจะร่วมมือกับฉัน!”

พูดจบสวี่ฉู่หมิงก็กดสายทิ้ง

ตอนที่ 304 ใช้เงินร้อยล้านซื้อข่าวคาว!
เย่เฉินไม่ใช่เขยที่ไร้ประโยชน์คนเดิมคนนั้นของตระกูลหวังอีกแล้ว ตอนนี้เขาเป็นผู้บริหารของเฉินเย่กรุ๊ปแล้ว มีลูกน้องในมืหลายพันหลายหมื่น

ในฐานะที่เมืองเสินเฉิงเป็นเมืองใหญ่ลำดับหนึ่ง บรรดากิจการภายใต้บริษัทเขา ต่างก็มีสาขาแยกที่นี่อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่โตอีกด้วย

เย่เฉินโทรหาผู้จัดการเขตประจำเมืองเสินเฉิง ให้พวกเขาใช้เส้นสายของพวกเขา พยายามเรียกคนในวงการธุรกิจของเมืองเสินเฉิงมาที่โรงแรม InterContinental ที่เย่เฉินพักอาศัย

เย่เฉินเองก็บอกให้หลิวเจิ้งคุนโทรศัพท์หาโรงแรม เช่าห้องประชุมของโรงแรม แล้วเขาก็จัดงานเลี้ยงที่นี่

เวลาสามทุ่ม คนจำนวนมากของวงการธุรกิจในเมืองเสินเฉิงยังอยู่ด้านนอกกินข้าว สังสรรค์ หรือไม่ก็กลับบ้านไปกันหมดแล้ว

แต่ว่าเมื่อรู้ข่าวว่าเฉินเย่กรุ๊ปจะจัดงานเลี้ยงและจะเชิญคนในวงการธุรกิจของเมืองเสินเฉิง พวกเขาถึงได้รีบมาที่โรงแรมจัดงาน

พวกเขาก็พอจะเคยได้ชื่อเสียงที่โด่งดังของเฉินเย่กรุ๊ปมาก่อน บวกกับทีเย่เฉินยังบอกด้วยคุณหม่าอาจจะมาด้วย พวกคนในวงการธุรกิจจึงยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิม

ใครจะไม่อยากดื่มเหล้าสังสรรค์กับคุณหม่าบ้าง?

และแล้วในห้องประชุมที่จัดงานเลี้ยงก็เต็มไปด้วยคนในวงการธุรกิจของเมืองเสินเฉิงอย่างรวดเร็ว

คนพวกนี้สวมชุดเป็นทางการ ผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ต ชุดสูทและรองเท้าหนัง ส่วนผู้หญิงก็สวมกระโปรงยาวหรือสั้นที่สวยงามอย่างยิ่ง

พวกเขาประคองแก้วเหล้าเดินไปมาทักทาย พูดคุยกันและเพิ่ม WECHAT กัน

เย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนยืนมองคนเหล่านี้ที่ด้านข้างเวที

ในมือหลิวเจิ้งคุนถือรายชื่อแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงก่อนจะกล่าวกับเย่เฉิน

“คุณชายเย่คนพวกนี้ที่มา ไม่มีใครเป็นผู้บริหารเลยครับ มีแต่รองประธาน หรือไม่ก็ลูกกระจ๊อก ดูแล้วพวกตัวใหญ่ๆ ไม่มีใครไว้หน้าคุณชายเลย”

เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “ถ้าหากว่าแค่โทรตามประธานบริษัทมาได้ พวกเขาจะเรียกว่าตัวเอ้เหรอ? เดิมทีฉันก็ไม่ได้อยากเรียกคนพวกนี้มาหรอกนะ อยากจะเรียกพวกเขาที่ไม่ค่อยมีเงินกันมานี่แหละ”

ผู้จัดการเขตเมืองเสินเฉิงของบริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนในตอนนี้ ในฐานะที่เป็นเจ้าถิ่น เขาจึงเดินไปหยิบไมโครโฟนบนเวทีขึ้นมาแล้วกล่าว

“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเลี้ยงที่คุณเย่ของเราจัดขึ้นนะครับ ตอนนี้เชิญคุณเย่ เย่เฉิน ประธานเย่เฉินกรุ๊ปขึ้นมากล่าวอะไรทุกท่านสักเล็กน้อยบนเวที!”

เสียงปรบมือในงานดังกึกก้อง เย่เฉินเดินขึ้นบนเวทีพลางรับไมโครโฟนมา

เขาไม่ค่อยเข้าร่วมงานแบบนี้ วันนี้เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อฉินหงเหยียน

เย่เฉินกล่าวกับแขกในงาน “ขอบคุณทุกคนท่านที่อุตส่าห์สละเวลามาร่วมงานเลี้ยงของผมถึงแม้จะยุ่งกันมาก ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย ผมมาที่เมืองเสินเฉิงเป็นครั้งแรก ที่นี่เป็นเมืองที่งดงาม ผมอยากจะทำความรู้จักกับคนที่นี่ ถึงได้จัดงานเลี้ยงครั้งนี้ขึ้น ทว่าเป้าหมายในการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ นอกจากอยากจะรู้จักทุกคนแล้ว ผมยังมีเป้าหมายอื่น”

คนหลายร้อยด้านล่างเวทีต่างก็กำลังฟังเย่เฉินอย่างตั้งใจ

ทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่ทำธุรกิจมานาน ล้วนแต่เข้าใจดีว่าที่เย่เฉินบอกว่าอยากหาเพื่อนก่อนนี้เป็นเพียงแค่คำพูดตามมารยาทเท่านั้นเอง

ก็อีกฝ่ายเป็นถือประธานบริษัทเฉินเย่กรุ๊ป บริษัทของเขามีมูลค่าเป็นหลักแสนล้าน จะให้อยากจะเป็นเพื่อนกับพวกเขาที่เป็นเพียงแค่มดแค่ปลวกแบบนี้ได้ยังไง?

สาเหตุที่อีกฝ่ายกำลังจะกล่าวหลังจากนี้ต่างหาก ถึงจะเป็นสาเหตุหลักของการจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้!

เย่เฉินถาม “ทุกคนพอจะรู้จักนักธุรกิจที่ชื่อว่านเจิ้งหาวไหมครับ?”

คนด้านล่างเวทีต่างประสานเสียง

“รู้จักสิ ทำธุรกิจอสังหาไง!”

“วิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวงก็ของเขา!”

เย่เฉินพยักหน้ารับแล้วกล่าวต่อ “ผมยินดีจะจ่ายเงินร้อยล้านเพื่อซื้อข่าวคาวๆ ของหมอนี่ ขอแค่คุณทุกคนมีข่าวของเขามาให้ผม และมีหลักฐานพยานแน่ชัด ผมยินดีจ่ายเงินร้อยล้านให้คุณ!”

เมื่อได้ยินแบบนี้งานเลี้ยงก็เต็มไปด้วยเสียฮือฮาทันที

“ร้อยล้านเลยเหรอ? สวรรค์ ว่านเจิ้งหาวไปล่วงเกินคุณเย่ยังไง?”

“เงินร้อยล้านแลกกับแค่ข่าวคาวๆ กับหลักฐาน คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เสียดายที่ไม่เคยรู้จักกับว่านเจิ้งหาวมาก่อน ไม่ได้การล่ะ ฉันต้องโทรถามเพื่อนๆ ดูว่ามีใครรู้บ้าง”

“ฉันก็จะโทรด้วย! คุณเย่รวยขนาดนี้ เงินร้อยล้านที่รับปากเขาไม่มีทางบิดพลิ้วแน่!”

ทุกคนต่างรีบควักโทรศัพท์กดโทรหาเพื่อนๆ อย่างรวดเร็ว

เย่เฉินกล่าว “ทุกท่านครับ พวกคุณสามารถติดต่อเพื่อนของทุกคนได้เลย เพื่อให้เพื่อนๆ ขอทุกท่านมีโอกาสได้รับรางวัลก้อนใหญ่นี้ไปด้วยกัน ถ้าหากว่าใครมีข่าวคาวอยากจะบอกผมล่ะก็ ให้มาพบผมที่ห้องผมได้เลย ผมพักอยู่ที่เพรสซิเด้นท์สูทชั้นบนสุด”

พูดจบเย่เฉินก็เดินออกไปจาหห้องประชุม

หลิวเจิ้งคุนเดินตามหลังเย่เฉิน แต่เป็นเขารีบกดลิฟต์ให้เย่เฉินก่อน เมื่อเข้าไปในลิฟต์แล้วก็ถาม “คุณชายเย่ ทำไมคุณชายถึงได้มั่นใจล่ะครับว่าว่านเจิ้งหาวมีข่าวคาวๆ แน่นอน คุณชายรู้จักเขามาก่อนเหรอครับ?”

แผนการของเย่เฉินธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด

ในเมื่อว่านเจิ้งหาวอยากจะไถเงินเขาพันล้าน ไม่สู้เขาควักเงินร้อยล้านซื้อข่าวคาวของอีกฝ่าย

ในข่าวคาวๆ เหล่านี้เป็นไปได้อย่างมากว่าจะมีหลักฐานที่อีกฝ่ายทำผิด

พอถึงเวลาเย่เฉินมีหลักฐานพวกนี้แล้ว ยังจำเป็นต้องจ่ายเงินหลายพันล้านเพื่อประนีประนอมกับหมอนั่นหรือไง?

แต่เป็นว่านเจิ้งหาวต่างหากที่ต้องซมซานมาวิงวอนเย่เฉิน!

หลิวเจิ้งคุนย่อมเดาได้นานแล้วว่าเย่เฉินอยากจะทำอะไร เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เฉินถึงได้แน่ใจอย่างนั้นว่า ว่านเจิ้งหาวจะทำอะไรผิดมา?

หรือว่าพวกเขาสองคนรู้จักกันมาก่อน?

เย่เฉินกล่าว “อาคุน ฉันได้ยินมาว่าพ่อบ้านฟางบอกว่านายเองก็เป็นคนรักเรียน ฉันขอแนะนำให้นายลองอ่านตำราชื่อ‘โจวอี้’ ถ้าหากว่านายอ่านเข้าใจหนึ่งในสิบ นายก็จะรู้เองว่าที่ว่านเจิ้งหาวกล้าจะไถพันล้านจากฉัน แปลว่าเขาเป็นคนสารเลวจนถึงขั้นน่ากลัวแล้ว

ความกล้าและระดับสามัญสำนึกที่ต่ำตมแบบนี้ ไม่มีน่าเพิ่งมามีแน่ๆ มันต้องผ่านเวลาบ่มเพาะมา เหมือนคนในสายงานแบบนายนี่ไง ไม่มีใครโผล่มาจะกล้าฆ่าใครทันทีหรอก แต่จะค่อยๆ มีเรื่องวิวาทก่อน”

หลิวเจิ้งคุนพยักหน้ารับ “ดังนั้นคุณชายเลยแน่ใจว่าว่านเจิ้งหาวนี่ต้องทำเรื่องเลวๆ มามาก ถึงได้กล้าท้าทายคุณชายใช่ไหมครับ”

เย่เฉินกล่าวว่า“คนทำธุรกิจก็เหมือนกับพวกนักเลงหัวไม้นั่นแหละ ใครมือไม้สะอาดกันบ้าง? ต่อให้ไม่คิดเรื่องพวกนี้แต่ในสิบคนก็น่าจะมีคนสักแปดคนที่มือไม่สะอาดสะอ้านล่ะ เรารอกันเงียบๆ เถอะ”

……

และในเวลานี้เองว่านเจิ้งหาวที่เพิ่งขับรถมาถึงวิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวงก็ขับเข้าไปด้านใน และเพราะเขาเดาว่าอีกไม่นานเย่เฉินจะต้องโทรมาอ้อนวอนเขา เพื่อขอขับเข้าไปในวิลล่า

ในวิลล่าหรูหรา ว่านเจิ้งหาวสูง 170 ซม. กอดสาวสวยหุ่นดีส่วนสูงประมาณ 165 ซม.หญิงสาวในชุดเบาบางนี้น่าจะอายุ 20 ต้นๆ เมื่อเห็นก็รู้ทันทีว่าไม่มีทางเป็นภรรยาของว่านเจิ้งหาว

“พี่หาว ทำไมวันนี้อารมณ์ดีแบบนี้คะ?”

สาวสวยคนนั้นกล่าวถาม พลางหยิบแอปเปิ้ลลูกหนึ่งส่งให้ว่านเจิ้งหาว

ว่านเจิ้งหาวกัดฟันกรอดกล่าวพลางหัวเราะ “ฮ่าๆ ก็พี่กำลังจะได้หุ้น 30% ของเฉินเย่กรุ๊ป เหล่าสวี่นี่ใช้ได้เลยนี่ เรื่องดีๆ แบบนี้ยังอุตส่าห์คิดถึงกัน”

“เฉินเย่กรุ๊ปเหรอ? เป็นบริษัทอะไรเหรอคะ? ใหญ่มากเลยใช่ไหมคะ?” หญิงสาวกล่าวถาม

ว่านเจิ้งหาวตบลงบนขาเรียวยาวของหญิงงามคนนั้น “เธอมันโตแต่ตัวไม่มีสมองเลยนะ ไม่รู้จักเฉินเย่กรุ๊ปเหรอ? ถ้าฉันได้หุ้น 30% ของบริษัทนั้น ฉันก็จะกลายเป็นลูกพี่ในวงการเอ็กซ์เพรสและเดลิเวอรี่!”

“เอ๋? ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอคะ? พี่หาวเก่งมากเลย หลังจากพี่หาวได้หุ้นของเฉินเย่กรุ๊ปแล้วจะทิ้งฉันไหมคะ?” หญิงสาวคนั้นออดอ้อน

ว่านเจิ้งหาวระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ต้องดูว่าเธอยังน่ารักอยู่ไหม ฮ่าๆ”

และในเวลานี้โทรศัพท์ของว่านเจิ้งหาวก็ดังขึ้นพอดิบพอดี

“ฮัลโหล พูดอะไรนะ? เย่เฉินใช้เงินร้อยล้านซื้อข่าวคาวของฉันเหรอ?”

ตอนที่ 303 จะกรีดเลือดกรีดเนื้อฉันเหรอ?
ต้องการหุ้น 30% ของเฉินเย่กรุ๊ปเหรอ!

ว่านเจิ้งหาวคนนี้ใจกล้าเกินไปแล้ว!

เฉินเย่กรุ๊ปซื้อธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์มากมาย แถมยังเป็นหุ้นใหญ่ของเดลิเวอรี่ถวนถวนด้วย

แค่เดลิเวอรี่ถวนถวนที่เดียวก็มีมูลค่าหลักแสนล้านแล้ว!

ถ้าได้หุ้นสามในสิบของเฉินเยากรุ๊ปมา อย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีมูลค่าหลายพันล้าน!

บ้านในอ้ายฉินไห่ซานจวงแห่งนี้อย่างมากก็ขายได้แค่ไม่กี่ล้าน ยิ่งไปกว่านั้นต้นทุนของบ้านก็ต่ำเรี่ยดิน

ทำไมเขาถึงได้ใจกล้า กล้าจะเสนอราคาที่เวอร์วังขนาดนี้ให้เย่เฉิน?

เย่เฉินมองว่านเจิ้งหาวแล้วกล่าว “คุณว่าน นี่คุณกำลังไถเงินผมนี่นา หุ้น 30% ของเฉินเย่กรุ๊ปนี่คุณรู้ไหมว่ามันมีมูลค่าเท่าไหร่? คิดไม่ถึงว่าคุณจะกล้าใช้วิลล่าเน่าๆ นี่ของคุณแลกเปลี่ยนกับหุ้นบริษัทผม”

ว่านเจิ้งหาวหัวเราะเสียงดัง “ใช่แล้วครับ ผมรู้ว่าวิลล่าแห่งนี้ของผม มีมูลค่าไม่ถึง 30% ของเฉินเย่กรุ๊ปหรอกครับ แต่ว่ามีของบางอย่างที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้? คุณเย่มีเงินขนาดนี้ จะสร้างบริษัทแบบเฉินเย่กรุ๊ปอีกซักแห่งก็ไม่น่ายากจริงไหม?”

เย่เฉินพูดไม่ออก “ผมมีเงิน แต่ก็คงไม่ถึงขนาดต้องทำทานขนาดนี้หรอกนะ? ต่อให้ผมอยากทำบุญก็คงไม่จำเป็นต้องทำกับคุณจริงไหม?”

ว่านเจิ้งหาวกล่าวพลางระบายยิ้ม “นี่บังเอิญพอดีเลยไม่ใช่เหรอครับ? คุณอยากจะเข้าไปในวิลล่าของผมพอดี ถ้าผมไม่อนุญาตต่อให้คุณรวยขนาดไหน มีเงินมากเท่าไหร่ก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี”

“บังอาจ! คนแซ่ว่าน นี่แกอยากจะไถเงินคุณเย่ของเราชัดๆ!” หลิวเจิ้งคุนหัวเสีย

รอยยิ้มที่กรุ้มกริ่มเกรงใจของว่านเจิ้งหาว ที่จริงมันอาบยาพิษเอาไว้

ว่านเจิ้งหาวเห็นหลิวเจิ้งคุนที่เหงื่อไหลท่วมตัวก็กล่าวพลางระบายยิ้ม “ใช่แล้วครับ ผมกำลังจะไถเงินคุณเย่!”

อะไรนะ?!

เย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนชะงักไป เจ้าของอสังหาที่ตัวไม่สูงนักคนนี้จะตรงไปตรงมาขนาดนี้ โดยบอกเย่เฉินตรงๆ ว่าต้องการจะไถเงินเขา!

แววตาเย่เฉินฉายแววอำมหิต “คุณว่าน คุณรู้ไหมว่าเงิน 30% ของเฉินเย่กรุ๊ปนี้ ผมสามารถใช้มันซื้อชีวิตคุณกี่เท่าไหร่?”

เย่เฉินพูดตรงไปตรงมา เขาไม่ใช่คนโง่ ถ้าหากว่าเขาแบ่งหุ้น 30% ของเฉินเย่กรุ๊ปให้กับว่านเจิ้งหาวไม่สู้เอาเงินก้อนนี้ไปจ้างคนมาฆ่าเขาดีกว่า

ว่านเจิ้งหาวยังคงไม่หวาดกลัวอะไร “คุณเย่ ที่นี่คือเมืองเสินเฉิง คุณเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก อย่าเลอะเลือนนักสิ เขาว่ากันว่ามังกรเอาชนะงูเจ้าที่ไม่ได้ รถคันนี้ของคุณยังเป็นรถที่เช่ามาเลย คงอยากจะข่มขวัญกันล่ะสิ? ฮ่าๆ

แล้วอีกอย่างผมมีบอดี้การ์ดอยู่แล้ว อีกทั้งถ้าคุณกล้าทำอะไรบ้าๆ ให้คนของคุณบุกเข้ามา ผมจะโทรแจ้งตำรวจทันที ผมไม่เชื่อว่าคุณจะกล้ามีเรื่องกับตำรวจ!”

ว่านเจิ้งหาวเหมือนแน่ใจว่าจัดการเย่เฉินได้แน่ๆ แล้ว แน่ใจว่าเย่เฉินจะต้องยอมฟังเขาแต่โดยดี และยอมมอบหุ้น 30% ของบริษัทให้อีกฝ่ายแต่โดยดี

ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่เย่เฉินรักที่สุด คิดว่าเย่เฉินจะทำทุกอย่างเพื่อฉินหงเหยียน อย่าว่าแต่ 30% ของเฉินเย่กรุ๊ป ต่อให้ไม่เหลืออะไรเย่เฉินก็ไม่เสียดาย!

แต่ว่าเย่เฉินไม่ใช่คนโง่ เห็นได้ชัดว่าว่านเจิ้งหาววางแผนเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อจะไถเงินเย่เฉิน เย่เฉินไม่อยากจะเป็นคนผิด

เพื่อจะให้เห็นหน้าฉินหงเหยียน จะยอมมอบทุกอย่างให้อีกฝ่าย

เย่เฉินมองว่านเจิ้งหาวพลางกล่าว “คุณคงจะเป็นคนของสวี่ฉู่หมิงใช่ไหม?”

ว่านเจิ้งหาวและหลิวเจิ้งคุนต่างตกใจ คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะจู่ๆ พูดถึงสวี่ฉู่หมิงขึ้นมา

ที่จริงแล้วตอนที่ยามเห็นเอกสารประจำตัวของเย่เฉินเมื่อครู่ หลิวเจิ้งคุนก็สังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าพวกเขา

ทำไมตอนที่เห็นเอกสารของหลิวเจิ้งคุน ไม่ได้ท่าทีอะไรแต่หลังจากเห็นชื่อเย่เฉินแล้วก็มีท่าทีลำบากใจขึ้นมา?

มีเพียงความเป็นไปได้เท่านั้นก็คื ก่อนนี้มีคนคาดการ์เอาไว้ว่าเย่เฉินจะมาที่นี่ ดังนั้นถึงได้จงใจให้ยามทุกคนคอยตรวจสอบทุกคนที่เข้ามาที่นี่ ทันทีพบว่ามีคนชื่อเย่เฉินมาที่นี่ให้หาเรื่องเขาทันที

กลางคืนดึกดื่นมีคนโทรหาเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์อย่างว่านเจิ้งหาว คิดไม่ถึงว่าเขาจะรีบมาทันที คาดว่าเขาคงเตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้ว

ว่านเจิ้งหาวไม่ปฏิเสธพลางกล่าว “เหล่าสวี่เอ้ย ผมรู้จักจริงๆ อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นนักธุรกิจในเมืองเสินเฉิง ทำธุรกิจใหญ่โตกันทั้งหมด ผมบอกว่าไม่รู้จักเขา คุณคงไม่เชื่อแน่ๆ ฮ่าๆ”

เย่เฉินแค่นเสียงเย็นชา เขาเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

สวี่ฉู่หมิงอาศัยช่วงที่เย่เฉินละเลยฉินหงเหยียน แล้วใช้วิธีสกปรกของชายแก่ๆ พร่ำบ่นถึงความไม่ดีเย่เฉิน จากนั้นก็ล่อลวงฉินหงเหยียนให้มาแต่งงานกับเขา

แล้วจัดแจงให้ฉินหงเหยียนพำนักที่วิลล่าของอ้ายฉินไห่ซานจวง

สวี่ฉู่หมิงรู้ว่าเย่เฉินจะต้องมาหาฉินหงเหยียนที่นี่ แต่สวี่ฉู่หมิงเตี๊ยมกับว่านเจิ้งหาวก่อน เพื่อบีบบังคับให้เย่เฉินมอบ 30% ของเฉินเย่กรุ๊ปเพื่อจะได้เข้าไปวิลล่า!

“ดีนี่สวี่ฉู่หมิง ฉันก็ว่านายใจกล้าขนาดนี้ กล้าแต่งงานกับหงเหยียน ที่แท้ก็เอาหล่อนมาเป็นเหยื่อล่อ มาไถเงินฉัน!”

สวี่ฉู่หมิงเป็นนักธุรกิจที่ชาญฉลาด เย่เฉินคิดว่าที่เขาทำแบบนี้ก็มีเหตุผล

เย่เเฉินไม่มีทางติดกับของเขาเหรอก ยิ่งไม่มีทางติดกับของสวี่ฉู่หมิงทั้งที่รู้แก่ใจว่าเป็นแผนการของอีกฝ่าย

เย่เฉินเตือนว่านเจิ้งหาว “คุณว่าน เงินของผมไม่ได้เอามาง่ายๆ หรอกนะ ผมบอกคุณได้เลยว่าวันนี้คุณไม่มีทางได้เงินจากผมแม้แต่บาทเดียว ผมขอถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย จะให้ผมเข้าหมู่บ้านไหม ถ้าไม่ปล่อยให้ผมเข้าไปตอนนี้ อีกเดี๋ยวคุณจะได้ร้องไห้ขอร้องให้ผมเข้าไปแน่!”

ได้ยินคำข่มขู่ของเย่เฉินแล้ว ว่านเจิ้งหาวก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ คุณเย่นี่อายุน้อยๆ จริง ถึงได้พูดจาเหมือนเด็กอวดดีแบบนี้ ผมรู้ว่าคุณเย่มีเงิน ถ้าเปรียบเรื่องเงินๆ ทองๆ ผมคงสู้คุณไม่ได้ แต่ว่าประเทศเรามีกฎหมาย ที่นี่คือพื้นที่ของผม ต่อให้คุณมีเงินมากเท่าไหร่ ถ้าผมไม่ให้คุณเข้าไปคุณก็เข้าไปไม่ได้”

“วันนี้คุณจะทำเพื่อคนที่ชอบ ถ้าหากว่าไม่ควักเนื้อออกมาสักหน่อยล่ะก็ ฮ่าๆ อย่าได้คิดจะเข้าไปในวิลล่าเลย!”

จะให้ฉันยอมควักเนื้อตัวเองเหรอ?

เจ้าของบริษัทอสังหาเล็กๆ อย่างนาย คู่ควรเหรอไง!

“ก็ดี คุณจำคำพูดของตัวเองตอนนี้เอาไว้ให้ดี อีกเดี๋ยวเจอกัน!”

เย่เฉินกล่าวพลางเดินไปที่รถ จากนั้นก็หันไปสั่งหลิวเจิ้งคุน “ไป”

“ลูกพี่!”

หลิวเจิ้งคุนไม่อยากจะจบเรื่องแบบนี้ มันน่าขายหน้าเกินไป เป็นถึงนักเลงเบอร์ใหญ่ของอวิ๋นโจว ส่วนอีกคนยังเป็นถึงผู้บริหารเฉินเย่กรุ๊ป

คิดไม่ถึงว่ามาถึงเมืองเสินเฉิงแล้ว แค่หมู่บ้านเล็กๆ ก็ยังเข้าไปไม่ได้

ทว่าเย่เฉินกลับเดินจากไปอย่างแน่วแน่ หลิวเจิ้งคุนก็ไม่รู้จะพูดอะไร

เขาทำได้เพียงชี้หน้าว่านเจิ้งหาว จากนั้นก็สตาร์ทรถ กลับรถแล้วขับออกไป

“เดินทางปลอดภัยนะ คุณเย่ถ้าเปลี่ยนใจแล้ว โทรหาผมได้ตลอดเลยนะ คุณต้องให้หุ้น 30% ของเฉินเย่กรุ๊ปกับผม ฮ่าๆ”

ตอนที่ขับรถจากไป ว่านเจิ้งหาวยังตะโกนไล่หลังรถเย่เฉินอย่างหน้าไม่อาย

หลิวเจิ้งคุนเหยียบคันเร่งแล้วกล่าวกับเย่เฉิน “คุณชายเย่ ว่านเจิ้งหาวคนนี้หน้าด้านเกินไปแล้ว รู้ว่าคุณชายมีเงินก็เลยจงใจจะกรีดเนื้อคุณชาย ถึงคุณชายจะพูดว่ายอมแลกทุกอย่างขอแค่ได้เจอหน้าคุณฉิน แต่จะให้เอาเงินตั้งหมื่นล้านไปให้คนแบบนั้นฟรีๆ มันออกจะเกินไปจริงๆ นะครับ!”

เย่เฉินกล่าวเสียเย็น “ฉันไม่มีทางให้เงินหมื่นล้านให้เขาหรอก”

นี่ไม่ใช่แค่การต่อสู้ของเย่เฉินและว่านเจิ้งหาว แต่น่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างเย่เฉินกับสวี่ฉู่หมิงมากกว่า!

อีกทั้งนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสองคนสู้กัน!

ถ้าหากว่ากระทั่งว่านเจิ้งหาวคนนี้ยังรับมือไม่ได้ เย่เฉินก็ไม่มีคุณสมบัติจะไปสู้กับสวี่ฉู่หมิง แล้วยิ่งไปกว่านั้นก็คงไม่มีสิทธิ์จะไปแย่งฉินหงเหยียนมาจากสวี่ฉู่หมิง!

เย่เฉินกดโทรศัพท์ “โทรเรียกผู้จัดการเขตเมืองเสินเฉิงทุกคนของบริษัทเอ็กซ์เพรสไป๋ลี่ บริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนรวมไปถึงบริษัทลูกทุกแห่งของเฉินเย่กรุ๊ปให้มาพบฉัน!”

ตอนที่ 302 ไถเงินเย่เฉิน!
ในเวลานี้ มียามอีกคนเดินมาที่ประตูแล้วชี้รถ Bently ของเย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนพลางกล่าว “ถูกต้อง รถคันนี้เขาต้องเช่ามาแน่ๆ! ฉันเคยเห็นรถคันนี้ พวกเขาไม่ใช่เจ้าของรถ!”

ยามคนเมื่อครู่หัวเราะคิกคัก “อ้อ ที่แท้ยืมรถมาวางท่าเป็นคนรวยมาที่วิลล่าของเรา งั้นพวกเรายิ่งไม่สามารถปล่อยให้พวกคุณเข้ามาแล้วล่ะ””

หลิวเจิ้งคุนหัวเสีย “พวกแกพูดจาไร้สาระ!”

Bently ป้ายเมืองเสินเฉิงคันนี้ ไม่ใช่ของหลิวเจิ้งคุนจริงๆ แต่เป็นเพื่อนในท้องที่ที่เขารู้จัก

เพราะเขาและเย่เฉินนั่งเครื่องบินส่วนตัวเดินทางมาที่นี่ พวกเขาจึงไม่มีรถใช้ หลิวเจิ้งคุนย่อมต้องไหว้วานเพื่อนของเขาให้ส่งรถที่พอจะมีระดับให้เขา

แต่คิดไม่ถึงว่ายามเฝ้าประตูจะจำได้ แถมยังเยาะเย้ยพวกเขาว่ารวยปลอมอีกต่างหาก

ยามเฝ้าประตูหัวเราะคิกคัก “ไม่มีเงินซื้อวิลล่าก็ไปเถอะ อย่ามาขวางหน้าประตูวิลล่าเลย อีกเดี๋ยวเจ้าบ้านคนอื่นในหมู่บ้านน่าจะมาแล้ว”

หลิวเจิ้งคุนหัวเสียเขาเดินกลับมาที่รถแล้วกล่าวกับเย่เฉิน “คุณชายเย่ ผมขอยืมตุ้มหูเพชรของคุณชายหน่อยได้ไหมครับ?”

เย่เฉินพยักหน้ารับ หลิวเจิ้งคุนก็หยิบตุ้มหูเพชรนั้นขึ้นมาแล้วเดินไปหายามที่หน้าประตู “แหกตาของพวกแกดูให้ดีๆ นี่คือตุ้มหูเพชรราคาเจ็ดร้อยล้าน! แค่ตุ้มหูสองคู่นี้ก็มากเพียงพอจะซื้อวิลล่าเน่าๆ ของพวกแกได้หลายสิบหลังแล้ว”

เมื่อคุณอูที่อยู่ข้างๆ มองเห็นเข้า ตาก็เป็นประกายวิบวับ “สวรรค์ พี่คุน ตุ้มหูคู่นี้ใช่ Apollo กับ Artemis ที่เขาลือๆ กันหรือเปล่า? สมบัติที่ใครๆ ก็ลือถึงทำไมถึงอยู่ในมือคนในประเทศเราได้ล่ะ? พี่คุน ท่านที่นั่งคือใครเหรอครับ พี่คุนพอจะแนะนำให้ผมรู้จักได้ไหมครับ!”

คนทั่วไปที่พอจะมีความรู้อยู่บ้างเห็นตุ้มหูราคาเจ็ดร้อยล้านคู่นี้ คงจะลงไปกราบนานแล้ว

ทว่ายามกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “นี่หลอกกันใช่ไหม แค่ตุ้มหูเน่าๆ เท่านั้นเอง คุยโวว่าราคาเจ็ดร้อยล้านอะไรกัน ฮ่าๆ เห็นว่าพวกฉันไม่มีความรู้หรือไง?”

จริงด้วย ตุ้มหูคู่นี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นของปลอม ราคาอย่างมากก็น่าจะแค่ 30 หยวน” ยามอีกคนกล่าว

หลิวเจิ้งคุนหงุดหงิดจนไม่รู้จะทำอย่างไร ให้พวกเขาดูของราคาแพงขนาดนี้ แต่เหมือนสีซอให้ควายฟัง!

หลิวเจิ้งคุนคืนตุ้มหูกลับไปแล้วตะคอกใส่ยาม “จะปล่อยให้พวกเราเข้าไปไหม ถ้าไม่ปล่อยให้เข้าไป ฉันจะซ้อมพวกแกแล้วนะ!”

“จะลงไม้ลงมือทำร้ายกันใช่ไหม? รีบแจ้งตำรวจเร็ว!” ยามยังไม่ยอดลดละ

และในเวลานี้เย่เฉินก็เดินลงมาจากรถ

บุคลิกภาพของเย่เฉิน ต่อให้เป็นช่วงกลางคืนคนก็ยังเห็นบุตลิกที่ไม่ธรรมดาของเขา!

“อาคุน ไม่จำเป็นต้องไปมีเรื่องกับพวกยามที่เฝ้าประตูหรอกนะ”

เย่เฉินขวางหลิวเจิ้งคุนเอาไว้

ในเมื่อต้องคุยกับพวกคนระดับล่างแล้วเหมือนคุยกับนกกับกา ก็หาตัวหัวหน้าพวกเขาก็พอ

“ลองไปสืบมาหน่อยว่าเจ้าของโครงการอ้ายฉินไห่ซานจวงคือใคร หาตัวหัวหน้าพวกเขาให้หน่อย” เย่เฉินสั่ง

“ครับ!”

หลิวเจิ้งคุนโทรไหว้วานเพื่อนทันทีหลังจากโทรติดแล้ว หลิวเจิ้งคุนก็รายงานกับเย่เฉินทันที “คุณเย่ครับ เจ้าของอ้ายฉิงไห่ซานจวงชือว่านเจิ้งหาว เป็นเถ้าแก่ในสายงานอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงมากทีเดียวที่นี่ ผมเพิ่งบอกชื่อคุณเย่ไป เขากำลังรีบมา”

“อืม”

เมื่อว่านเจิ้งหาวคนนี้รู้กิตติศัพท์ของเย่เฉินและเย่เฉินกรุ๊ป ก็น่าจะง่ายแล้ว

หลิวเจิ้งคุนกล่าวกับยามสองคน “อีกเดี๋ยวเจ้านายพวกแกจะมา ฉันจะให้พวกแกก้มหัวขอโทษฉันต่อหน้าเจ้านาย!”

แต่ยามยังคงไม่มีท่าทีหวาดกลัว “เป็นกฎที่เบื้องบนกำหนดเอาไว้เอง พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษพวกนายด้วย?”

เย่เฉินเห็นท่าทางเชื่อมั่นในตัวเองของยามทั้งสองคน เหมือนว่าไม่กังวลใจเลยว่าจะตกงาน ก็แอบรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ

อีกทั้งถ้าหากมีแค่เจ้าของบ้านที่เข้าได้ แล้วทำไมเมื่อครู่ฉินเสี่ยวตั่วถึงเข้าไปได้ล่ะ?

ฉินเสี่ยวตั่วไม่ใช่เจ้าของบ้านเสียหน่อย เจ้าของบ้านที่นี่น่าจะมีแค่สวี่ฉู่หมิงคนเดียว

“หรือว่าจงใจหาเรื่องฉัน?” เย่เฉินครุ่นคิด

ผ่านไปไม่นานก็มีรถ Bently อีกคันขับเข้ามาจอดที่วิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวง

ชายวันกลางอายุประมาณ 40 กว่าปี สูงประมาณ 160-170 ซม. ก้าวลงมาจากนั่งด้านหลัง

คนผู้นี้ก็คือว่านเจิ้งหาว เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้

ว่านเจิ้งหาวเห็นเย่เฉินก็รีบส่งยิ้ม “อ้าว นี่ใช่คุณเย่จากเฉินเย่กรุ๊ปไหมครับเนี่ย? ยินดีที่ได้พบนะครับ!”

เมื่อเห็นว่านเจิ้งหาวเป็นฝ่ายทักทายเย่เฉินก่อน แถมยังมีท่าทางเกรงใจ หลิวเจิ้งคุนก็รู้เลยว่าเรื่องนี้น่าจะจบได้แล้ว

ปกติแล้วเย่เฉินไม่ชอบจะทักทายหรือคบค้าสมาคมกับเจ้าของบริษัทอสังหาหรือว่าบริษัทไหนๆ

แต่วันนี้เขาอยู่ในพื้นที่ของอีกฝ่าย มีเรื่องต้องขอให้เขาช่วย เย่เฉินเองก็จำเป็นต้องเกรงใจอีกฝ่าย

เย่เฉินกล่าวพลางยิ้มน้อยๆ “สวัสดีครับคุณว่าน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

ว่านเจิ้งหาวกล่าว “คุณเย่ครับ ตอนนี้คุณเป็นถึงลูกพี่ใหญ่ในวงการเอ็กซ์เพรสกับเดลิเวอรี่เลยนะครับ ผมอยากจะลองทำธุรกิจในวงการเดลิเวอรี่บ้าง รอจะเรียนรู้จากคุณอยู่เลยครับ!”

เย่เฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณว่านเกรงใจกันเกินไปแล้วครับ อนาคตเราร่วมมือกันได้ครับ”

“รับปากกันแล้วนะครับผม วันนี้คุณเย่มาที่วิลล่าผมทำไมเหรอครับ คุณอยากจะซื้อวิลล่าในหมู่บ้านของผมเหรอครับ?” ว่านเจิ้งหาวกล่าวถาม

ที่จริงแล้วเย่เฉินแค่อยากจะเจอฉินหงเหยียนเท่านั้น ไม่เคยอยากซื้อวิลล่าในนี้มาก่อน

แต่ว่าคิดไม่ถึงเลยว่ายามที่นี่จะจัดการได้ยากเย็นขนาดนี้ สุดท้ายยังต้องลากว่านเจิ้งหาวที่เป็นถึงเจ้าของมาที่นี่ด้วย

ในเมื่อเจ้าของมาแล้ว เย่เฉินจะไม่ซื้อวิลล่าก็เกรงใจ

อีกทั้งฉินหงเหยียนเลือกจะอยู่ที่นี่ต้องเป็นเพราะชอบสภาพแวดล้อมที่นี่

ในเมื่อหล่อนชอบอยู่ที่นี่ งั้นเย่เฉินก็จะซื้อวิลล่าที่นี่ให้หญิงสาว เพื่อที่อนาคตหญิงสาวจะได้อยู่ในวิลล่าที่เขาซื้อ ไม่ใช่วิลล่าของสวี่ฉู่หมิง

เย่เฉินจึงกล่าว “ถูกต้อง ผมกะจะซื้อวิลล่าที่นี่สักหลัง แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องด่วนต้องเข้าไปพบคนด้านใน คุณให้ผมเข้าไปก่อนแล้วพรุ่งนี้ผมจะให้คนมาจัดการซื้อ”

เย่เฉินเป็นถึงเจ้าของบริษัทแสนล้านที่โด่งดัง วิลล่าราคาแค่ไม่กี่ล้านเขาย่อมซื้อได้สบายๆ

ตามหลักแล้วว่านเจิ้งหาวไม่มีเหตุผลที่ไม่ที่จะไม่เชื่อเย่เฉิน ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไว้หน้าเขา

แต่ว่านเจิ้งหาวกลับหัวเราะเจ้าเล่ห์ “คุณเย่ คุณต้องซื้อก่อนนะครับถึงจะเข้าไปด้านในได้”

เย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนชะงักไปทันที

หลิวเจิ้งคุนตะคอก “ว่านเจิ้งหาวแกหมายความว่ายังไง? หรือว่าแกสงสัยว่าคุณเย่จะไม่มีปัญญาซื้อวิลล่าที่นี่เหรอ? เชื่อไหมว่าฉันเบิกเงินสดห้าล้านออกมาโยนใส่หน้าแกได้เดี๋ยวนี้เลย!”

“อาคุน ห้ามเสียมารยาท” เย่เฉินตำหนิหลิวเจิ้งคุน

ความจริงแล้วเย่เฉินเองก็รู้สึกไม่พอใจในตัวว่านเจิ้งหาวเช่นกัน

เป็นคนรวยๆ เหมือนกัน วันนี้ว่านเจิ้งหาวมีโอกาสได้รู้จักกับเย่เฉิน อย่าว่าแต่เย่เฉินจะซื้อพรุ่งนี้เลย ต่อให้เย่เฉินจะไม่ซื้อ แต่เขาก็ควรจะพยายามทำให้เย่เฉินพอใจ

อย่างไรเสียในวงการธุรกิจนั้นมีเพื่อนเพิ่มมาหนึ่งคนก็ถือว่ามีหนทางให้เดินเพิ่มขึ้น

ว่านเจิ้งหาวหัวเราะคิกคัก “เชื่อสิครับ ผมเชื่ออยู่แล้ว เพียงแต่ว่าซื้อวิลล่าเพียงหลังเดียวคุณก็ยังเข้าไปไม่ได้”

“หมายความว่ายังไง?” เย่เฉินมีสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก

ว่านเจิ้งหาวกล่าว “ผมรู้ว่าคุณเย่มีเงิน คุณหม่าบอกแล้วว่าคุณเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศนี้ บวกกับผมอยากจะก้าวเข้าในวงการเดลิเวิรี่และขนส่ง เอาแบบนี้แล้วกัน คุณซื้อวิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวงของผมก็ได้ แต่ผมไม่เอาเงิน ขอเป็นหุ้น 30% ของเฉินเย่กรุ๊ปแทนได้ไหม?”

ตอนที่ 301 โดนขวางที่หน้าวิลล่า!
เย่เฉินคว้าแขนของฉินเสี่ยวตั่ว แล้วถามด้วยท่าทีขึงขัง “เสี่ยวตั่ว พี่สาวคุณช่วงนี้ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

ฉินเสี่ยวตั่วเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาของเย่เฉิน ทันใดนั้นเองก็ตกใจจนอ้าปากกว้าง

“อ๊าก! นายคงจะไม่คิดว่าพี่ฉันป่วยเป็นโรคอะไรร้ายแรงใช่ไหม? นายอย่าทำฉันกลัวสิ!”

ในละครทีวี พระเอกนางเอกที่รักกันมากมายจู่ๆ ก็เลิกกัน ส่วนมากเป็นเพราะคนหนึ่งป่วยหนักไม่อยากเป็นภาระอีกฝ่าย

ดังนั้นถึงได้จงใจบอกเลิกกัน อีกทั้งยังต้องทำทีไร้เยื่อใย ทั้งที่ความจริงแล้วยังรักอีกฝ่าย ไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียใจ

เย่เฉินเพียงแต่เดามั่วๆ เท่านั้น เขาจึงปลอบ “เปล่าหรอก คุณอย่าเครียดเลย ผมแค่ถามไปเรื่อยเท่านั้นเอง”

ฉินเสี่ยวตั่วกล่าว “พี่สาวฉันไม่ได้ป่วยอะไร ไม่ได้ฉีดยา ไม่ได้กินยา แล้วก็ไม่ได้ไอ ไม่ได้ตัวร้อน เพียงแต่ดูเครียดๆ”

“แต่ถึงแม้ว่าหล่อนจะดูไม่ค่อยมีความสุข แต่มุ่งมั่นตั้งใจเรียนมากเลย!”

“เรียนเหรอ? เรียนอะไร?” เย่เฉินถามอย่างประหลาดใจ

ฉินเสี่ยวตั่วหัวเราะพลางเล่า “เรียนภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส แถมยังกลับไปเรียนมวยด้วย”

“ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส มวย?”

เย่เฉินไม่เข้าใจจริงๆ ว่าไอ้สิ่งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันพวกนี้ เกี่ยวข้องกันยังไงแล้วมันจะอธิบายอะไรได้

เย่เฉินมองไปที่ฉินเสี่ยวตั่วแล้วกล่าว “เสี่ยวตั่ว ผมสงสัยว่าที่พี่สาวคุณเลิกกับผมแล้วไปแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงปุปปับแบบนี้ จะต้องมีเรื่องอะไรที่ลำบากใจแน่ๆ เลยไม่ได้บอกกับพวกเรา คุณจะต้องเข้าข้างผมนะ อย่าไปคิดว่าตาแก่นั่นเป็นคนดีอะไร เขาคิดมิดีมิร้ายกับพี่สาวคุณมานานแล้ว ไม่ได้เห็นพี่สาวคุณเป็นลูกเป็นหลานเฉยๆ”

ฉินเสี่ยวตั่วครุ่นคิด ถึงแม้ว่าหล่อนจะเคารพสวี่ฉู่หมิงเห็นเขาเป็นผู้อาวุโสมาตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ตาม

แต่ว่าภรรยาของอีกฝ่ายยังจากไปไม่ถึงสองปี เขาก็แต่งงานกับฉินหงเหยียนที่เด็กกว่าเขาตั้งหลายปี หนำซ้ำยังเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทด้วย ทำให้ฉินเสี่ยวตั่วไม่เข้าใจ

ฉินเสี่ยวตั่วมองเย่เฉินแล้วกล่าว “ก็ได้ ฉันเข้าข้างนาย! พี่สาวฉันไม่ให้ฉันติดต่อกับนาย ฉันเลยลบ WECHAT ของนายไปแล้ว แต่ฉันยังมีอีก WECHAT นายแอดฉันมา”

“ได้”

เย่เฉินสแกนอีก WECHAT ของฉินเสี่ยวตั่วแล้วกล่าว “เสี่ยวตั่ว คุณพาผมไปหาพี่สาวคุณตอนนี้เถอะ”

ฉินเสี่ยวตั่วปฏิเสธพัลวัน “ไม่ได้ พี่สาวฉันห้ามเราติดต่อกันแล้ว ถ้าฉันพานายไปเจอหล่อน พี่สาวฉันเอาฉันตายแน่”

เย่เฉินไม่อยากทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ “ก็ได้ งั้นคุณกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมหาวิธีไปเจอหล่อนเอง”

ฉินเสี่ยวตั่วหัวเราะคิกคัก “คืนนี้นายอยากจะแสดงหนังรักโรแมนติกเหรอ? ฉันจะรอนายที่บ้านนะ ฉันน่ะชอบดูฉากโรแมนติกพวกนี้ที่สุดเลย”

ฉินเสี่ยวตั่วสัมผัสได้ว่าคืนนี้เย่เฉินอาจจะต้องปีนหน้าต่างเพื่อมาพบหน้าฉินหงเหยียน

เย่เฉินยิ้มพลางลูบศีรษะฉินเสี่ยวตั่ว แล้วให้ซีกวาส่งหล่อนกลับ

หลังจากนั้นเย่เฉินก็เปลี่ยนชุดแล้วให้หลิวเจิ้งคุนหารถ Bently ในเมืองเสินเฉิงให้เขาสักคัน

เย่เฉินขับรถ Bently ไปที่วิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวง

ทว่าตอนที่ผ่านประตูใหญ่กลับเจอเข้ากับความยุ่งยากเล็กน้อย

ยามที่วิลล่าไม่ได้ปล่อยให้รถเย่เฉินผ่านเข้าไปในทันที แต่สอบถามเขาก่อนว่า “สอบถามหน่อยนะครับ คุณใช่เจ้าของวิลล่าในนี้หรือเปล่าครับ?”

หลิวเจิ้งคุนที่ประจำตำแหน่งคนขับรถกล่าว “ไม่ใช่ พวกเรามาพบลูกบ้านด้านใน”

ยามหน้าวิลล่ากล่าว “ต้องขอโทษด้วยนะครับ หมู่บ้านเราเป็นวิลล่าที่หรูหราที่สุดในเมืองเสินเฉิง เราไม่สามารถปล่อยให้คนที่ไม่ใช่ลูกบ้านเข้าหมู่บ้านได้ เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เราไม่สามารถปล่อยคุณเข้าด้านในหมู่บ้านได้”

หมู่บ้านเศรษฐีจำนวนมาก จะไม่ยอมปล่อยคนเข้ามาเพ่นพ่านให้หมู่บ้าน เรื่องนี้ก็ไม่ได้แปลกอะไร

หลิวเจิ้งคุนหันไปรายงานเย่เฉินที่นั่งอยู่ด้านหลัง “คุณชายเย่ ผมรู้จักเถ้าแก่คนหนึ่ง เขาอยู่ที่นี่พอดี เดี๋ยวผมโทรหาเขาให้เขามารับพวกเรา คุณชายรอสักครู่นะครับ”

“อ่อ” เย่เฉินพยักหน้ารับ

และแล้วหลิวเจิ้งคุนก็โทรเรียกชายวัยกลางคนที่รูปร่างกำยำคนหนึ่งให้มาหา

ชายผู้นี้เป็นคนเมืองเสินเฉิง ก่อนนี้ไปรู้จักกับหลิวเจิ้งคุนตอนอยู่อวิ๋นโจว โดยอีกฝ่ายเคยขอความช่วยเหลือจากเขาเพื่อให้รับมือกับคู่แข่ง

เมื่อเห็นหลิวเจิ้งคุน เขาก็มีท่าทีเกรงใจอย่างยิ่ง “แหม พี่คุน ลมอะไรหอบพี่มาที่นี่ได้ครับ?”

หลิวเจิ้งคุนลงจากรถมาจับมือกับชายคนดังกล่าว “คุณอู สบายดีใช่ไหมครับ ดูดีเหมือนเดิมเลย”

“ชมเกินไปแล้ว พูดถึงดูดี ใครจะเอาชนะพี่คุนได้ล่ะครับ” คุณอูกล่าวพลางหัวเราะ

หลิวเจิ้งคุนพูดตรงๆ “คุณอู ที่ผมมาคราวนี้เพราะอยากจะเข้าไปหาเพื่อนคนหนึ่ง คุณช่วยคุยกับยามหมู่บ้านคุณให้ปล่อยรถผมเข้าไปที”

คุณอูยังนึกว่าอีกฝ่ายมีเรื่องใหญ่โตอะไร ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นเรื่องเล็กๆ แค่เข้าไปในวิลล่าก็รีบรับปากทันที “ไม่มีปัญหาเลยเดี๋ยวผมจัดการให้เอง!”

จากนั้นคุณอูก็เดินไปหายามของหมู่บ้านแล้วกล่าวว่า “ผมเป็นเจ้าของวิลล่าในหมู่บ้าน พวกเขาเป็นเพื่อนผม ปล่อยพวกเขาเข้าไปเร็วๆ!”

ยามกล่าว “ผมคงต้องขอเอกสารของเพื่อนๆคุณหน่อย”

คุณอูหัวเสียทันที “เอกสารบ้าบออะไร! ฉันจะไม่รู้เชียวเรอะว่าพวกเขาเป็นใคร? มีฉันรับรองแล้วจะเอาหลักฐานเอกสารบ้าบออะไร!”

คุณอูรู้ส่าหลิวเจิ้งคุนเป็นคนใหญ่คนโต จะให้เขามาแสดงเอกสารประจำตัวต่อกับยาม ก็จะทำให้เขาเสียศักดิ์ศรีไปเปล่าๆ

ยามยังคงยืนกราน “ต้องขอโทษด้วยครับ เพราะเบื้องบนค่อนข้างเข้มงวด จะต้องแสดงเอกสารประจำตัวก่อนถึงจะปล่อยไปได้”

คุณอู “แก…”

หลิวเจิ้งคุนค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องแสดงเอกสารประจำตัวมากทีเดียว เพราะว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร แถมตัวเองยังเคยทำผิดอีก

หลิวเจิ้งคุนหัวเราะ “จะเอาเอกสารใช่ไหมได้สิได้ ผมไม่ได้เป็นนักโทษอะไรสักหน่อย จะกลัวการแสดงหลักฐานทำไม?”

หลิวเจิ้งคุนส่งเอกสารประจำตัวให้ยามคนนั้นดูแล้วพินิจมองสีหน้าของอีกฝ่ายอย่างละเอียด

หากเขาสังเกตเห็นสีหน้าแปลกประหลาด หรือท่าทางเหมือนจะแจ้งตำรวจของอีกฝ่ายแล้วเขาจะซ้อมอีกฝ่ายให้สลบทันที

ทว่าเห็นได้ชัดว่ายามตัวเล็กๆ ของเมืองเสินเฉิงคนนี้ไม่รู้จักหลิวเจิ้งคุน

หลังจากเห็นเอกสารของหลิวเจิ้งคุนแล้วเขาก็คืนให้กับเขา

“คราวนี้จะไปได้หรือยัง?” หลิวเจิ้งคุนถามยาม

แต่ว่ายามที่เฝ้าประตูส่ายหน้า “ขอดูเอกสารของคนในรถด้วยนะครับ”

“แกเป็นบ้าเหรอ? จะดูเอกสารประจำตัวไปทำไมเยอะแยะ?” หลิวเจิ้งคุนอดด่าไม่ได้

“อาคุน!”

เย่เฉินไม่อยากจะให้มีเรื่องมากมาย เขาแค่อยากจะไปเจอฉินหงเหยียนเพื่อถามเรื่องราวทั้งหมดให้ชัดเจน

แล้วบวกกับตัวเย่เฉินเองไม่เคยทำอะไรผิด ไม่เคยทำเรื่องน่าละอายอะไร

ดังนั้นเย่เฉินก็เลยยื่นเอกสารประจำตัวออกไปให้ยาม

“รีบๆ ดูเร็ว!” หลิวเจิ้งคุนส่งเอกสารไปให้ยาม แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ยามเห็นแล้วใบหน้าเขากลับเปลี่ยนสีทันที “ขอโทษนะครับ พวกคุณเข้าไปในหมู่บ้านนี้ไม่ได้”

“แกพูดว่าอะไรนะ? ทำไมเข้าไปไม่ได้?” หลิวเจิ้งคุนกล่าวถาม

ยามกล่าว “ตอนนี้คนจะเข้าหมู่บ้านได้มีแค่เจ้าบ้านเท่านั้น พวกคุณไม่ใช่เจ้าของบ้าน พวกคุณจะเข้าไปไม่ได้”

หลิวเจิ้งคุนตะคอก “นี่มันกฎบ้าบออะไร? ฉันเข้าไปพบลูกบ้านในหมู่บ้านนี้ไม่ได้หรือไง? เจ้าของบ้านก็ออกมารับแล้วแกยังไม่ยอมให้ฉันเข้าไปอีกหรือไง? ฉันต้องซื้อวิลล่าที่นี่ใช่ไหมแกถึงจะยอมให้ฉันเข้าไป? แกคิดว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อวิลล่าเน่าๆ ที่นี่ของพวกแกหรือไง? ช่วยดูรถที่ฉันขับด้วย!”

ยามหัวเราะน้อยๆ มองป้ายทะเบียนรถ “พวกคุณเป็นคนนอกพื้นที่ ป้ายทะเบียนรถเป็นของเมืองเสินเฉิง เกรงว่าพวกคุณคงจะเช่ารถ Bently คันนี้มาใช่ไหม?”

ตอนที่ 300 การตัดขาดของฉินหงเหยียน!
ฉินเสี่ยวตั่วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ พี่ยังจะพูดอีกว่าอยากจะเลิกกับเย่เฉิน แค่บอกว่าผู้ชายที่พี่รักที่สุด พี่ก็พูดถึงเย่เฉินทันทีเลย เห็นชัดๆ เลยว่าผู้ชายที่พี่รักที่สุดคือเย่เฉินไม่ใช่คุณอาสวี่”

สีหน้าฉินหงเหยียนเก้อเขิน ท่าทางของหล่อนดูซูบซีดและอมทุกข์กว่าตอนอยู่เทียนไห่เมื่อเดือนก่อนมาก

ทว่านี่ไม่ได้ส่งผลกับความงดงามของหญิงสาว เพราะต่อให้ไม่ได้แต่งหน้า เพราะบุคลลิกที่วางตัวเป็นผู้ใหญ่และสูงส่งทั้งที่ไม่ได้แต่งหน้าแบบนี้ก็ยังดูสัสวยและชวนสะกดตากว่าอยู่ดี

เมื่อไม่มีท่าทางวางท่าของผู้บริหารแบบที่ผ่านมา หญิงสาวก็เหมือนผู้หญิงชาวจีนที่บอบบางน่าทะนุถนอม

หากเย่เฉินเห็นหล่อนในตอนนี้คงจะอดปรี่เข้ามากอดหล่อนไม่ได้ แล้วถนอมหล่อนทั้งคืน

ฉินหงเหยียนหัวเสียอย่างหนัก “พี่บอกเธอแล้วไง ว่าห้ามเธอไปเจอเย่เฉิน ห้ามติดต่อกับเขา เธอเห็นคำพูดพี่เป็นแค่ลมหรือไง?”

ฉินเสี่ยวตั่วรีบดึงมือพี่สาวแล้วออดอ้อน “อ๋อย พี่คะ พี่อย่าโกรธหนูเลย ก็เย่เฉินมาที่เมืองเสินเฉิงแล้วหาพี่ไม่เจอไม่ใช่หรือไงคะ พี่เองก็ไม่ได้คุยกับเขาให้รู้เรื่องชัดเจน หนูก็กลัวว่าเขาจะคิดสั้น เมื่อกี้ตอนเจอพี่เย่เฉิน เขาบอกหนูทุกอย่างเลย เขาบอกว่าเขารู้ว่าที่พี่โกรธเขาก็เพราะเขามีลูก

เขารับรองกับหนูแล้วว่าพี่ไม่ต้องเลี้ยงลูกเขา ไม่ต้องเป็นแม่เลี้ยงให้พวกเด็กๆ ลูกชายจากอดีตภรรยาของเขาจะโดนตระกูลเขามารับตัวไป ส่วนลูกสาวอายุสามขวบกว่าที่อยู่เมืองหลวง แม่เด็กจะเป็นคนเลี้ยงเอง แล้วเขาก็บอกว่าอยากจะมีลูกกับพี่สองคน ทรัพย์สมบัติอะไรก็มีมากพอจนทำให้พวกเขาใช้ได้สบายๆ ไปตลอดชีวิต พี่คะ หนูว่าเย่เฉินเขาก็ดูจริงใจดี พี่ก็ให้อภัยเขาไปเถอะ อย่างอนเขาเลย”

ฉินหงเหยียนยังคงมีท่าทีแน่วแน่ “ฉันกับเย่เฉินมันเป็นไปไม่ได้แล้ว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับลูกเขาสองคน”

ฉินเสี่ยวตั่วถามอย่างประหลาดใจ “ไม่เกี่ยวกับลูกเขาเหรอ? พี่ไม่ได้เลิกกับเขาเพราะกลัวว่าจะต้องเป็นแม่เลี้ยงให้ลูกเขาเหรอ?”

พูดถึงเรื่องนี้ฉินเสี่ยวตั่วก็หงุดหงิด

ที่จริงจากที่หล่อนรู้จักกับพี่สาวของหล่อน หล่อนก็คิดว่าพี่สาวเป็นคนใจกว้าง อีกทั้งเรื่องที่หวังเจียเหยาตั้งท้อง ฉินหงเหยียนก็รู้เรื่องตั้งนานแล้ว

ลูกสองคนของหวังเจียเหยา มีคนหนึ่งในนั้นไม่ใช่ลูกเย่เฉิน

ถ้าฉินหงเหยียนติดใจจริงๆ ล่ะก็ คงจะขอเลิกกับเย่เฉินตั้งนานแล้ว ไม่มีทางยอมแต่งงานกับเย่เฉิน!

ฉินเสี่ยวตั่วงุนงง “ในเมื่อไม่เกี่ยวกับเรื่องลูกของเย่เฉิน แล้วทำไมพวกพี่สองคนต้องเลิกกันด้วย? เพราะช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีเวลาให้พี่เหรอ? ถ้าเป็นเรื่องนี้หนูขอว่าพี่หน่อยเถอะ ช่วงนี้เขามีเรื่องกวนใจมากมาย ทั้งเรื่องลูกไม่ใช่ของเขา แล้วอยู่ๆ เขาก็มีลูกสาวงอกออกมาอีกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ช่าง จะมีหน้ามาทำตัวอารมณ์ดีได้อีกหรอ? พี่คะ พี่เป็นคู่หมั้นของเขา ก็น่าจะเข้าใจเขาหน่อย แล้วก็น่าจะคอยอยู่เคียงข้างเขา คอยปลอบเขาหน่อย”

ฉินหงเหยียนนั่งบนโซฟาแล้วยกขาเรียวงามขึ้นมาพาดขาอีกข้าง “ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอก”

ฉินเสี่ยวตั่วนั่งลง ขาเรียวสวยของสองคนพี่น้องก็ทำให้คนไพล่รู้สึกไปว่ามีพริตตี้มอเตอร์โชว์อยู่ที่นี่

“งั้นมันเพราะอะไรกันแน่?” ฉินเสี่ยวตั่วซัก

ฉินหงเหยียนไม่ได้ตอบฉินเสี่ยวตั่วแต่เลี่ยงไปตอบว่า “เรื่องของพี่กับเย่เฉิน เธอไม่ต้องยุ่งหรอก สรุปเลยก็คือพี่กับเย่เฉินไม่มีอะไรกันแล้ว ตลอดชีวิตนี้จะไม่มีทางได้อยู่ด้วยกันอีก เธอก็ห้ามไปพบเขาอีก แล้วให้คนส่งตุ้มหูเพชรกับจดหมายนี้ไปคืนเขา”

จดหมายขอโทษที่เย่เฉินให้ฉินหงเหยียน หญิงสาวไม่แต่จะเปิดอ่าน มองออกว่าหล่อนตัดขาดจากเย่เฉินโดยสิ้นเชิง!

ฉินเสี่ยวตั่วกล่าว “พี่คะ พี่จะให้คนส่งตุ้มหูเพชรคืน? ให้ใครไปเหรอคะ? พวกผู้หญิงจากบริษัทขนส่งไป๋ลี่ของพี่หรือคนขับรถล่ะคะ? พี่รู้ไหมคะว่าตุ้มหูคู่นี้ราคากี่บาท? เจ็ดร้อยล้านเชียวนะ! พี่ไม่กลัวคนขโมยไประหว่างทางเหรอ?”

ฉินหงเหยียนปรายตามองตุ้มหูสีสวยที่มูลค่าควรเมืองคู่นั้นเล็กน้อย แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าตุ้มหูคู่นี้มีมูลค่าสูงส่ง

ฉินหงเหยียนกล่าว “ได้ งั้นเธอเอาไปคืนให้เย่เฉินเอง แล้วก็ไปบอกเขาด้วยว่าให้เขาออกไปจากเมืองเสินเฉิงได้แล้ว ต่อไปไม่ต้องมาพบฉันอีก แล้วก็วิลล่าหลังนั้นที่เทียนไห่ ฉันตั้งใจจะขายทิ้ง ฉันเก็บสัมภาะของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เธอบอกให้เขากลับไปเทียนไห่แล้วจัดการเก็บของๆ เขาในวิลล่าไปได้แล้ว”

ฉินเสี่ยวตั่วได้ยินก็ทนไม่ได้แทนเย่เฉิน “พี่คะ พี่จะตัดขาดแบบนี้เลยเหรอคะ?”

ฉินหงเหยียนกล่าว “รีบไปรีบกลับ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเจอกับเขาแล้ว ต่อไปห้ามไปเจอกันอีก!”

พูดจบฉินหงเหยียนก็เดินขึ้นบ้านไป

“เฮ้อ”

ฉินเสี่ยวตั่วถอนหายใจ แล้วเก็บตุ้มหูเพชรมาแล้วหย่อนใส่กระเป๋า จากนั้นก็เดินออกจากวิลล่า

เมื่ออกมาแล้ว ฉินเสี่ยวตั่วก็กลัวว่าจะโดนคนปล้นไประหว่างทาง แล้วโทรหาซีกวาที่เป็นคนส่งหล่อนเมื่อครู่เพื่อให้เขามารับหล่อน

แล้วซีกวาก็ขับรถ BMW คันหนึ่งมารับหล่อน

“คุณหนูฉิน ทำไมถึงจะกลับไปเร็วขนาดนี้ล่ะครับ? ลืมของหรือเปล่าครับเนี่ย?” ซีกวาถาม

ฉินเสี่ยวตั่วทำปากยื่น “ฉันจะเอาของขวัญของเขาคืนให้เขา ไม่รู้ว่าพี่สาวฉันทำไมถึงต้องพยายามจะเลิกกับเขาให้ได้ เฮ้อ จริงสิ ซีกวา คุณบอกฉันมาตรงๆ ว่าช่วงนี้เย่เฉินได้แอบไปมีผู้หญิงคนอื่นที่ไหนหรือเปล่า?”

ซีกวาขับรถไปพร้อมกับรับรองกับฉินเสี่ยวตั่ว “คุณชายเย่กำลังทำงานยุ่งๆ ทุกวัน เดิมไม่มีแก่ใจมาสนใจเรื่อวุ่นวายจิปาถะแบบนี้หรอก พูดอีกอย่างคุณชายเย่ไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ไม่อย่างนั้นประธานบริษัทตั้งแสนล้าน ผู้หญิงที่อยากอ่อยเขา ผมคอยขวางจนเหนื่อยเลย”

ฉินเสี่ยวตั่วครุ่นคิดแล้วก็พบว่าเย่เฉินไม่ได้เป็นคนเลวร้าย

แต่ในเมื่อไม่ได้เป็นเพราะสาเหตุนี้แล้วทำไมพี่สาวของหล่อนถึงต้องดึงดันจะเลิกกับเย่เฉินได้?

ตลอดทางที่เดินทางมาโรงแรมของเย่เฉิน ฉินเสี่ยวตั่วก็ไม่ค่อยเข้าใจปัญหานี้นัก

“เสี่ยวตั่ว? ทำไมคุณกลับมาไวขนาดนี้? หงเหยียนมาด้วยหรือเปล่า?”

ตอนที่เห็นหญิงสาวขณะที่เปิดประตูห้องให้ฉินเสี่ยวตั่ว เย่เฉินยังคิดว่าฉินเสี่ยวตั่วพาพี่สาวมาด้วย

แต่ว่าหญิงสาวกลับกล่าว “เลิกฝันหวานเถอะ ฉันมาคนเดียว”

ไม่เพียงเท่านั้นฉินเสี่ยวตั่วยังส่งกล่องตุ้มหูคืนเย่เฉินด้วย “พี่เขาบอกว่าไม่เอาของขวัญ จดหมายก็ไม่อ่านด้วย แล้วก็พี่เขาบอกว่าอยากจะขายวิลล่าที่เทียนไห่แล้ว ให้นายเอาข้าวของของนายออกจากวิลล่าไปให้หมดด้วย”

“อะไรนะ?”

เย่เฉินได้ยินคำพูดแบบนี้ก็ชะงักไปทันที

นี่เป็นการเลิกกันจริงๆ แล้วไม่คิดจะติดต่ออะไรกันอีก!

ฉินหงเหยียนเป็นคนซื้อวิลล่าที่ทั้งสองเคยอยู่ด้วยกันที่วิลล่า หล่อนย่อมมีสิทธิ์ทำแบบนี้

แต่เพราะอะไรนะ?

ฉินเสี่ยวตั่วกล่าวว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ฉันบอกพี่เขาแล้วเรื่องคำสัญญาของนาย แต่หล่อนก็ไม่ยอมยกโทษให้นาย ฉันคิดว่าที่พี่เขาโกรธนายไม่ใช่เพราะเรื่องลูกหรอก แล้วก็ไม่ใช่เพราะนายไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนหล่อนด้วย นายไปทำเรื่องอะไรให้พี่เขาโมโหอีกหรือเปล่า?”

เย่เฉินคิดวนไปวนมา เรื่องอื่นอย่างนั้นเหรอ?

ตนเองไม่น่าจะมีเรื่องอะไรไปล่วงเกินฉินหงเหยียนแล้วนะ?

“นายค่อยๆ คิดเอาเองแล้วกัน พี่สาวฉันไม่ให้ฉันอยู่กับนายนาน ต่อไปฉันคงจะมาหานายไม่ได้แล้ว” ฉินเสี่ยวตั่วกล่าว

ในตอนที่ฉินเสี่ยวตั่วหันหลังเตรียมเดินออกไป เย่เฉินก็คว้าแขนหล่อน

ตอนที่ 299 ของขวัญอันมีมูลค่าประเมินไม่ได้ของเย่เฉิน!
“สวรรค์! ตุ้มหูเพชรสวยจังง!”

ฉินเสี่ยวตั่วตะลึง หล่อนเป็นแอร์โฮสเตสมักจะไปเที่ยวทั่วโลก หญิงสาวเคยไปร้านแบรนด์เนมมาแล้วทั่วโลก

แต่ว่าต่อให้เป็นผู้หญิงที่เคยเห็นโลกมามากอย่างหญิงสาว ยังตกตะลึงเมื่อเห็นตุ้มหูคู่นี้

ตุ้มหูเพชรที่มีคุณภาพแบบนี้ สวยจนทำให้คนหยุดหายใจ หล่อนยังไม่เคยเห็นมาก่อน

ตุ้มหูเพชรสองเม็ดนี้ เป็นสีฟ้าหนึ่งเม็ด และสีชมพูอีกหนึ่งเม็ด

ฉินเสี่ยวตั่วอดไม่ได้ หล่อนยื่นนิ้วขาวเรียวงามออกไปแตะเพชรเม็ดหนึ่งมาดูพินิจดูใกล้ๆ แล้วเพ้อ “สวยจังเลย…”

เย่เฉินเห็นท่าทางโง่งมของฉินเสี่ยวตั่วก็หัวเราะออกมา ตุ้มหูคู่นี้เป็นของขวัญที่ไม่ว่าผู้หญิงคนใดก็ไม่อาจปฏิเสธได้!

เย่เฉินแนะนำ “ตุ้มหูเพชรสองเม็ดนี้ ชื่อ Apollo กับ Artemis เทพแห่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เพชรชื่อ Apollo สีฟ้า 14.54 กะรัต ภายในไม่มีตำหนิ ส่วน Artemis สีชมพู 16.00 กะรัต ความใสอยู่ที่ VVS2 เป็นตุ้มหูเพชรที่แพงที่สุดในโลก”

ฉินเสี่ยวตั่วถามอย่างประหลาดใจ “ตุ้มหูคู่นี้ราคาเท่าไหร่?”

เย่เฉินกล่าว “เม็ดสีชมพูราคาเกือบสองร้อยล้าน ส่วนเม็ดสีฟ้าราคาห้าร้อยล้าน ”

“อะไรนะ? ห้า…ร้อยล้าน”

มือของฉินเสี่ยวตั่วที่หยิบตุ้มหูราคาห้าร้อยล้านนั้นสั่นระริก!

คิดไม่ถึงเลยว่าตุ้มหูเพชรเม็ดเล็กๆ จะราคาแพงเสียยิ่งกว่าบ้านที่แพงที่สุดในเมืองเสินเฉิงเสียอีก!

“ฮือๆ…. อิจฉาพี่สาวจังเลย”

ดวงตาฉินเสี่ยวตั่วฉายแววริษยา ตุ้มหูเพชรแบบนี้ ใครจะไม่อยากได้บ้าง?

ฉินเสี่ยวตั่วคล้องแขนเย่เฉินราวจะเอาใจเขา “พี่เขย งั้นพอจะยกตุ้มหูสีชมพูที่ราคาถูกกว่านิดหน่อยเม็ดนั้นให้ฉันใส่ได้ไหมคะ? นะคะนะๆ”

ฉินเสี่ยวตั่วขอร้องเย่เฉินไปพร้อมๆ กับเขย่ามือเขาไปด้วย

ฉินเสี่ยวตั่วหุ่นดีเกินไป หล่อนกอดแขนเขาแบบนี้ทำให้เขาออกจะตะขิดตะขวงใจไม่น้อย เพราะอาจจะไปแตะโดนอะไรที่ไม่ควรไปโดน

เย่เฉินกล่าว “ฮ่าๆ ขอแค่พี่สาวคุณยอม ผมก็ไม่ติดใจอะไรหรอก”

“ขอบคุณค่ะพี่เขย ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่เขยใจดีที่สุด!” ฉินเสี่ยวตั่วชมเชยเขาอย่างดีใจ

และเป็นอย่างที่คิด มีเงินย่อมดีกว่าอยู่แล้ว ถึงสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนแฟนสาว ทำผิดต่อแฟนสาวและทำผิดต่อคนในครอบครัวของแฟนสาวด้วย

แต่ขอแค่ส่งมอบของขวัญที่มูลค่าสูงขนาดนี้ออกไปให้แล้ว พวกหล่อนจะต้องให้อภัยเขาแน่

“เอาเถอะ ฉันจะรีบไปส่งมอบของขวัญและจดหมายของนายให้พี่สาวฉันเดี๋ยวนี้ นายรอข่าวดีจากฉันก็แล้วกัน!”

ฉินเสี่ยวตั่ววางเพชรมูลค่าแพงเทียมฟ้าลงในกล่องนั้นอย่างระมัดระวัง ถือเอาไว้ในมือแล้วเตรียมตัวกลับ

เย่เฉินพยักหน้ารับแล้วถาม “จริงสิ พี่สาวคุณตอนนี้อยู่ที่ไหน? อยู่ที่บ้านหรือนอนโรงแรม”

เมืองเสินเฉิงเป็นสถานที่ที่ฉินหงเหยียนเติบโต หล่อนน่าจะมีบ้านที่นี่

ต่อให้ไม่มีแต่ฉินเสี่ยวตั่วก็อยู่ที่นี่ ฉินหงเหยียนก็น่าจะอยู่กับน้องสาว

ฉินเสี่ยวตั่วกล่าววว่า “พี่สาวฉันตอนนี้อยู่ในวิลล่าของคุณอาสวี่”

“อะไรนะ? หล่อนอยู่บ้านสวี่ฉู่หมิง? พวกเขาอยู่ด้วยกันเหรอ?”

ใบหน้าเย่เฉินคล้ำเขียว เขาเคยโดนทรยศหักหลังจากคนรักมาก่อนจึงอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้เป็นอย่างมาก!

ตอนหวังเจียเหยาอยู่กับเย่เฉินยังเรียกผู้ชายให้มาหา

แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าฉินหงเหยียนไปอยู่ที่บ้านของสวี่ฉู่หมิงเสียอย่างนั้น!

หรือว่าฉินหงเหยียนนอนกับสวี่ฉู่หมิงไปแล้วเพราะโกรธเขา?

ถ้าหากเป็นแบบนี้เย่เฉินคงจะโกรธหญิงสาวจริงๆ!

ฉินหงเหยียนจะโกรธที่เย่เฉินไม่สนใจหล่อนก็ได้ จะโกรธที่จู่ๆ เย่เฉินมีลูกเล็กเด็กแดงโผล่ออกมาทำให้หล่อนต้องตกที่นั่งลำบาก

แต่ว่าหล่อนไม่ควรจะวิ่งโร่มานอนกับคนรักเก่าโดยไม่พูดไม่จาแบบนี้!

นี่คือการล้างแค้นชัดๆ!

ฉินเสี่ยวตั่วรีบร้อนอธิบาย “แหม ไม่ได้น้อยด้วยกัน คุณอาสวี่มีบ้านในเมืองเสินเฉิงตั้งเยอะตั้งแยะ พี่สาวฉันก็แค่อาศัยอยู่ในบ้านหนึ่งในนั้นของเขาเท่านั้นแหละ คุณอาเขาไม่ได้อยู่กับพี่สาวฉัน”

“นายเชื่อฉันได้ 100% เพราะว่าหลายวันมานี้ฉันนอนกับพี่เขาตลอด คุณอาสวี่ยังไม่เคยค้างคืนเลย” พอได้ยินฉินเสี่ยวตั่วพูด เย่เฉินก็เลยสบายใจ

เขาเองก็คิดว่าฉินหงเหยียนไม่น่าจะทรยศตนเอง ที่จงใจนอนอยู่ในบ้านของสวี่ฉู่หมิงก็เพื่อจงใจยั่วโมโหเขา ทำให้เย่เฉินเกิดหึงหวงหล่อน

ผู้หญิงยิ่งว่าง่าย เป็นผู้ใหญ่ก็ยิ่งโดนผู้ชายละเลย

กลับกันยิ่งเป็นผู้หญิงที่ขี้งอแงเท่าไหร่ ผู้ชายก็ยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นเท่านั้น

และในเวลานี้เองฉินเสี่ยวตั่วก็ทำปากยื่นพลางกล่าว “นายสบายใจเถอะน่า พี่สาวฉันจงใจยั่วโมโหนาย นายลองคิดดูนะ คุณอาสวี่เป็นผู้อาวุโสของพวกเรา เป็นเพื่อนสนิทของพ่อพวกเรา พวกเขาจะแต่งงานกันได้ยัง? แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องโกหกจริงไหม?”

ฉินเสี่ยวตั่วยิ้มไปพูดไป ทว่าได้ยินคำอธิบายแบบนี้ของฉินเสี่ยวตั่วแล้ว เย่เฉินก็ตึงเครียดขึ้น

เขาเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานที่ว่าฉินหงเหยียนแสร้งแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงเป็นเพียงเรื่องโกหก

แต่เหตุผลที่ฉินเสี่ยวตั่วกล่าวมานี้ทำให้เขาไม่มั่นใจนัก!

เพราะว่าเมื่อสิบปีก่อนสวี่ฉู่หมิงก็ไม่ได้เป็นแค่ญาติผู้ใหญ่ของหญิงสาว ตอนนั้นเขาได้แตะต้องล่วงเกินฉินหงเหยียนไปแล้ว!

ฉินเสี่ยวตั่วใสซื่อ จนวันนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องที่พี่สาวของตนเองโดนญาติผู้ใหญ่ที่หล่อนนับถือเลี้ยงดู!

เมื่อฉินหงเหยียนบอกน้องสาวตนเองเรื่องนี้ เย่เฉินเองก็ไม่อยากบอกเรื่องนี้กับฉินเสี่ยวตั่ว และไม่อยากจะพูดอะไรอีก

“เดินทางระวังแล้วกัน เดี๋ยวผมจะให้คนไปส่งคุณ”

“อืมๆ บ๊ายบาย แต่งตัวหล่อๆ รอข่าวดีจากฉันแล้วกัน!”

“OK!”

เมื่อได้ยินคำรับรองจากฉินเสี่ยวตั่วแล้ว เย่เฉินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ลำดับต่อมาแค่ต้องรอให้ฉินเสี่ยวตั่วจัดแจงให้พวกเขาสองคนเจอหน้ากันก็พอ!

……

ไม่นานนัก ซีกวาก็เป็นคนขับรถด้วยตนเองไปส่งฉินเสี่ยวตั่วที่วิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวงที่ฉินหงเหยียนพำนักอยู่

วิลล่าแห่งนี้ก็ถือเป็นวิลล่าหรูในเมืองเสินเฉิง

ที่ตั้งของวิลล่าแห่งนี้ถูกขนานนามเป็น ‘เขตคนรวยลำดับที่เก้าของโลก’ ด้านหลังติดกับภูเขาปัวหลัวที่สูงจากระดับน้ำทะเล 300 กว่าเมตร มีออกซิเจนจากธรรมชาติ

สามารถพูดได้ว่าที่นี่เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สุดในเมืองเสินเฉิง

“ขอบคุณนะคะพี่กวา ส่งแค่ที่ประตูก็พอแล้ว ที่นี่ยามตรวจเข้ม ห้ามรถขับเข้า ฉันไปล่ะ!”

ฉินเสี่ยวตั่วยิ้มแล้วโบกมือ

“คุณหนูระวัง! หากมีเรื่องอะไรคุณโทรหาผมได้ตลอดเวลานะครับ!” ซีกวากล่าวอย่างนอบน้อม

“ฮ่าๆ ค่ะๆ”

ฉินเสี่ยวตั่วยิ้ม เป็นครั้งแรกที่โดนคนเรียก ‘คุณหนู’ หล่อนรู้สึกว่าพวกลูกน้องของเย่เฉินน่าสนใจอย่างมาก

ถึงแม้สวี่ฉู่หมิงจะรู้ว่าเย่เฉินมีเงินมาก แต่จากสถานการณ์ก็เห็นได้ชัดเจนว่าฟากเย่เฉินจะเก่งกว่าเล็กน้อย

เมื่อกลับถึงวิลล่า ฉินเสี่ยวตั่วตระโกนเสียงกร้าว “พี่คะ หนูกลับมาแล้ว!”

แต่ว่าฉินหงเหยียนอยู่ในห้องรับแขกชัดๆ แต่ขานรับหญิงสาว

เดินเข้ามาดูใกล้ๆ ก็พบว่าหูของฉินหงเหยียนยัดหูฟังไร้สายเอาไว้

ฉินเสี่ยวตั่วถอดหูฟังฉินหงเหยียนออกมา ปรายตามองมือถือฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “พี่คะ พี่หัดภาษาอังกฤษอยู่หรอคะ ช่วงนี้ทำไมพี่ชอบเรียนภาษาอังกฤษจังเลยคะ ที่จริงระดับภาษาอังกฤษของพี่ออกไปเที่ยว คุยกับชาวต่างชาติก็รู้เรื่องแล้วนี่นา อ้อ ฉันรู้แล้ว เพราะพี่คิดว่าค่อไปอาจจะต้องย้ายไปอังกฤษกับเย่เฉินล่ะสิ ก็เลยเตรียมตัวทำความคุ้นเคยกับที่นั่นเอาไว้ล่วงหน้าใช่ไหม?”

ฉินหงเหยียนมีสีหน้าไม่พอใจ “เธอพูดเหลวไหลอะไร ฉันกำลังจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงอยู่แล้ว เลิกพูดถึงเย่เฉินที”

ฉินเสี่ยวตั่วหัวเราะคิกคัก หล่อนรู้ว่าพี่สาวยังชอบเย่เฉินอยู่ จึงส่งกล่องตุ้มหูเพชรในมือให้พี่สาว “นี่ค่ะพี่”

“อะไรเหรอ?” ฉินหงเหยียนถาม

“เปิดออกมาดูก็รู้เอง” ฉินเสี่ยวตั่วทำท่าทีลึกลับ

ฉินหงเหยียนรีบมาแล้วเปิดออกดู ทันใดนั้นเองก็ตกใจจนเอามือปิดปาก “ตุ้มหูเพชรที่ฉันชอบที่สุด! Apolla กับ Artemis นี่นา! ใครให้มาเหรอ?”

ฉินเสี่ยวตั่วหัวเราะคิกคัก “พี่ทายสิคะ”

“สวี่ฉู่หมิงเหรอ?” ฉินหงเหยียนถาม

ฉินเสี่ยวตั่วส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ ผู้ชายที่พี่รักที่สุดคนนั้นให้มาต่างหาก!”

ใบหน้าฉินหงเหยียนเปลี่ยนสีทันที “เย่เฉินเหรอ? เธอไปเจอเขามาเหรอ?”

ตอนที่ 298 พบฉินเสี่ยวตั่ว!
ผู้หญิงทุกคนต้องการการคนอยู่เคียงข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงในประเทศนี้ และมากกว่าไปนั้นคือผู้หญิงที่หน้าตาสะสวย

ผู้หญิงสวยๆ มีคนตามจีบมากมาย ถ้าคุณไม่สนใจหล่อนหลายๆ วันเข้าอาจจะโดนผู้ชายคนอื่นๆ อาศัยจังหวะนี้เข้ามาในความสัมพันธ์ก็ได้

เพราะข้างๆ ผู้หญิงสวยๆ มักจะมีตัวสำรองคอยเสียบจำนวนนับไม่ถ้วน

สวี่ฉู่หมิงถือว่าเป็นคนที่โชกโชนในด้านผู้หญิง หลังจากที่เขารู้ว่าเย่เฉินมีลูกสองคน เขาจะไม่ฉวยโอกาสเอาเรื่องนี้มาโจมตีเย่เฉิน ล้างสมองฉินหงเหยียนได้อย่างไร?

ยกตัวอย่างเช่นสามีมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น อนาคตคงจะมีความยุ่งยากมามากมาย ไม่เหลือทรัพย์สินเอาไว้ให้คุณอะไรแบบนี้

เย่เฉินเดาว่าสวี่ฉู่หมิงก็น่าจะพูดอะไรแบบนี้กับหญิงสาวแน่ๆ

และแล้วเครื่องบินก็ลอยมาเหนือเมืองหลวง ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแสกๆ ทิวทัศน์ภายนอกไม่ได้สวยงามน่าชมอะไรนักหนา

ถ้าหากว่าเป็นทิวทัศน์ตอนกลางคืนในเมืองใหญ่ๆ จะที่นี่ เทียนไห่ นิวยอร์คหรือลอนดอน นั่งเครื่องบินหรือว่าเครื่องร่อน

เมื่อมองวิวเมืองด้านล่างผ่านทางหน้าต่าง เห็นโคมไฟมากมายทอแสงสว่างเป็นทะเลดวงไฟ ทำให้คนหลงใหลอย่างมาก

เย่เฉินกล่าวถาม “งานแต่งงานของหงเหยียนกับสวี่ฉู่หมิงกำหนดเอาไว้วันไหน? ”

หลิวเจิ้งคุนตอบ “วันที่ 15 มีนาคม”

“เหลือเวลาอีก 5 วันพออยู่แล้ว”

ตอนนี้เป็นวันที่ 10 มีนาคม เย่เฉินมีเวลาอีก 5 วันทำให้ฉินหงเหยียนเปลี่ยนใจ เวลาประมาณนี้ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับเขา

เพราะเดิมทีเย่เฉินและฉินหงเหยียนไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่มีลูกงอกออกมาก็เท่านั้น

ซึ่งในจุดนี้เย่เฉินแค่ต้องอธิบายให้ชัดเจน และให้คำสัญญาในเรื่องของทรัพย์สินอะไรพวกนี้ ปัญหาก็จะถูกแก้ไขไปจนเรียบร้อย

สามชั่วโมงต่อมาเย่เฉินก็บินมาจากฝั่งเหนือสุดของประเทศนี้ มาถึงฝั่งใต้สุด

อากาศเมืองเสินเฉิงค่อนข้างอบอุ่น เพิ่งลงมาจากเครื่องบิน เย่เฉินก็สลัดเสื้อโค้ทตัวหาเทอะทะออกแล้วไปพักผ่อนที่โรงแรม

เมื่อมาถึงโรงแรมแล้วเย่เฉินก็หันไปสั่งหลิวเจิ้งคุน “ไปลองสืบหาที่พักของสวี่ฉู่หมิงในเมืองเสินเฉิง รวมไปถึงที่ตั้งของบริษัทด้วย”

“ครับคุณชาย1!”

ตอนนี้เย่เฉินอยากจะเจอฉินหงเหยียนใจจะขาด แต่จนตอนนี้ก็ยังโทรหาฉินหงเหยียนไม่ติด

ดังนั้นเย่เฉินถึงได้ส่งข้อความหาฉินเสี่ยวตั่ว

“เสี่ยวตั่ว ผมอยู่ที่เมืองเสินเฉิง ผมอยากจะขอนัดเจอคุณหน่อย”

ฉินเสี่ยวตั่วตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ตอนนี้ไม่ได้ ฉันต้องไปส่งพี่สาวไปลองชุดแต่งงาน หนึ่งทุ่มวันนี้เดี๋ยวฉันไปหา”

ฉินหงเหยียนเริ่มเลือกชุดแต่งงานแล้วเหรอ? หล่อนเอาจริงแฮะ!

เย่เฉินรู้สึกแย่อย่างมาก แต่ว่าตอนนี้เขาทำได้เพียงทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ผ่านทางฉินเสี่ยวตั่ว

รออยู่ที่โรงแรมชั่วโมงกว่า เย่เฉินก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างรวดเร็ว

เย่เฉินเปิดประตู ก็พบว่าด้านหน้าประตูมีสาวสวยเรียวขาวยาวยืนอยู่ หญิงสาวคนนั้นก็คือฉินเสี่ยวตั่ว!

“เสี่ยวตั่ว คุณมาแล้วเหรอ” เย่เฉินดีใจอย่างมาก

ฉินเสี่ยวตั่วเดินเข้ามาในห้อง แล้วตบตีเย่เฉินก่อน

“เย่เฉินทำไมถึงเพิ่งมา! ฉันรึก็อุตส่าห์ช่วยนายขอพี่ฉันแต่งงาน หลังจากขอแต่งงานแล้ว นายไปทำอะไรใส่พี่สาวกันแน่ พี่ฉันถึงโกรธขนาดนี้จนไปแต่งงานกับคนรุ่นอาอย่างสวี่ฉู่หมิงได้เนี่ย!”

ฉินเสี่ยวตั่วคาดโทษเย่เฉิน

เย่เฉินคว้ามือฉินเสี่ยวตั่ว รีบร้อนกล่าวคำขอโทษ “ขอโทษด้วยนะ เรื่องนี้ผมผิดเองจริงๆ หลังจากขอพี่สาวคุณแต่งงานแล้ว เดิมทีก็ตั้งใจจะรีบจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด แต่อยู่ๆ เมียเก่าผมก็คลอดลูก พอผลตรวจ DNA ของเด็กๆ ออกมาแล้วมีเด็กคนหนึ่งไม่ใช่ลูกผม หล่อนก็ไม่ยอมสักทีว่าพ่อของเด็กเป็นใคร

ผมโกรธมาก ก็เลยยุ่งๆ กับการควานหาตัวพ่อเด็ก ผลคือเจอตัวหมอนั่น แล้วเรื่องในอดีตที่เคยเกิดขึ้นก็ค่อยๆ แดงออกมาเยอะแยะไปหมด ผลกลายเป็นว่า ผมมีลูกสาว 3 ขวบกว่าอยู่ที่เมืองหลวงหลังจากที่ผมบอกพี่สาวคุณ พี่สาวคุณก็โกรธจนวางสายไปเลย ไม่สนใจผมไปตั้งหลายวัน คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะโกรธจนไปแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง”

ฉินเสี่ยวตั่วเป็นน้องสาวในไส้ของฉินหงเหยียน เย่เฉินจึงเห็นอีกฝ่ายเป็นญาติ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลจะปิดบังหล่อน

หลังจากฉินเสี่ยวตั่วได้ยินแล้วก็อดทุบเย่เฉินไม่ได้ “ก็ได้ เย่เฉิน ฉันก็คิดว่านายเป็นคนรักเดียวใจเดียว ที่แท้นายก็เป็นผู้ชายเจ้าชู้นี่นา นายมีผู้หญิงด้านนอกเยอะแยะขนาดนี้ จู่ๆ ก็มีลูกสองคนโผล่ออกมา? มิน่าล่ะพี่สาวฉันถึงอยากจะเลิกกับนาย กลับกันถ้าเป็นฉัน ฉันก็จะเลิกกับนายเหมือนกันแหละ! ใครจะชอบเป็นแม่เลี้ยงให้ลูกนายกับผู้หญิงคนอื่นล่ะ!”

เย่เฉินเองก็รู้สึกว่าที่ฉินหงเหยียนเลิกกับตนเองน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้

แต่เย่เฉินยังประคองให้อีกฝ่ายทรุดตัวนั่งลงแล้วปลอบ “เสี่ยวตั่ว เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องในอดีต หลังจากที่คบหากับพี่สาวคุณ ผมก็ไม่ได้ชอบใครอีก อีกอย่างผมไม่มีทางกลับไปคืนดีกับพวกหล่อน ส่วนเรื่องของลูก ลูกของหวังเจียเหยาจะโดนตระกูลเย่มารับตัวไปเร็วๆ นี้ แล้วลูกสาวที่อยู่เมืองหลวงก็ได้แม่เขาดูแล เด็กสองคนนี้ไม่จำเป็นต้องลำบากฉินหงเหยียนดูแล ผมไม่เคยอยากให้ฉินหงเหยียนเป็นแม่เลี้ยงใคร หรือมาช่วยผมเลี้ยงลูกๆ”

ฉินเสี่ยวตั่วเองเดือดปุดๆ อยากจะโวยวายแทนพี่สาวตนเองแล้วถาม “นายจะดีกับพี่สาวฉันใช่ไหม?”

“แน่สิ!” เย่เฉินยืนกราน

“งั้นตอนนี้นายมีลูกสาวกับลูกชายแล้ว ยังอยากมีลูกกับพี่สาวฉันไหม?” ฉินเสี่ยวตั่วซักไซร้

เย่เฉินพยักหน้ารับอย่างแน่วแน่ “แน่นอนสิครับ อีกอย่างผมกับฉินหงเหยียนจะมีลูกด้วยกันอย่างน้อยสองคนด้วย และแน่นอนว่าทั้งหมดนี้ต้องแล้วแต่หงเหยียน หล่อนอยากมีลูกกี่คนก็ตามใจหล่อนทั้งนั้น”

ฉินเสี่ยวตั่วถามต่อ “แล้วลูกที่คลอดออกมานายจะรักใครที่สุด? นายอยากให้ลูกใครรับมรดกของตระกูลเย่ของนาย?”

ถ้าหากว่าเป็นเพียงเพราะเรื่องปัญหาทรัพย์สินแล้วหญิงสวเลยเลิกกับเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องร้อนใจอีก

เย่เฉินกล่าว “ถึงแม้ว่าลูกของผมทุกคนจะเหมือนๆ กันสำหรับผม แต่ว่าผมไม่รู้สึกอะไรกับแม่ของลูกอีกสองคน ผมรักหงเหยียนที่สุด ผมยอมต้องรักลูกของเราสองคนมากกว่าอยู่แล้ว ส่วนเรื่องปัญหาทรัพย์สิน พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้เลยจริงๆ เพราะทรัพย์สมบัติตระกูลเย่ของเรามีเท่าไหร่ผมยังไม่รู้เลย น่าจะพอให้ลูกของผมคนหนึ่งใช้ได้ทั้งชีวิต”

ได้ยินเย่เฉินพูดแบบนี้ ฉินเสี่ยวตั่วก็อ้าปากกว้าง เพราะว่าหล่อนสงสัยในเรื่องเงินทองของตระกูลเย่มากทีเดียวเลยถามต่อ “จริงเหรอ? ตระกูลเย่ของพวกนายมีเงินขนาดนี้เลยเหรอ?”

เพิ่งพูดจบก็พบว่าตนเองกำลังจะหลุดออกจากหัวข้อหลัก กระแอมแล้วทำท่าทีจริงจัง “วันนี้นายรับปากกับฉัน นายต้องจำเอาไว้ให้ดีๆ มิฉะนั้นฉันจะจับนายตอน ให้นายไม่ใช่ชายแท้เต็มร้อย!”

ฉินเสี่ยวตั่วพูดพลางยื่นนิ้วกลางกับนิ้วชี้ที่เรียวยาวออกมา แล้วจิ้มลงไปบนขาของเขา

เย่เฉินชะงัก “นี่มันท่าแทงตาไม่ใช่เหรอ?”

ฉินเสียวตั่วแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “เป็นไอ้บบอดกับขันทีจะต่างอะไรกัน?”

เย่เฉินหัวเราะคิกคัก “น้องสะใภ้ที่เคารพ คุณสบายใจเถอะ ผมขอรับรอง ว่าจะไม่มีทางลืมแน่นอน คุณช่วยทำให้ผมเจอกับฉินหงเหยียนเร็วๆ หน่อย”

ฉินเสี่ยวตั่วมีท่าทีลำบากใจ “ตอนนี้ไม่ได้หรอก เมื่อวันก่อนๆ พี่เขาเพิ่งบอกฉันว่าห้ามไม่ให้ฉันติดต่อนาย แล้วมาเจอหน้านาย คราวนี้ฉันแอบมา! หล่อนโกรธนายจริงๆ ฉันกลับไปก่อนล่ะ กลับไปโน้มน้าวหล่อน เอาคำพูดของนายในวันนี้ไปบอกหล่อน รอหล่อนให้อภัยนาย ฉันจะจัดแจงให้พวกนายได้เจอหน้ากัน”

เย่เฉินพยักหน้ารับ “ได้ ผมมีของขวัญจะให้พี่สาวคุณ คุณช่วยเอาไปให้ผมหน่อย”

เย่เฉินส่งกล่องของขวัญที่ประณีตงดงาม และจดหมายอีกฉบับหนึ่งให้หญิงสาว

ฉินเสี่ยวตั่วรับมาแล้ว ก็เปิดกล่องออกดูอย่างประหลาดใจ “ของอะไรน่ะ?”

เมื่อเปิดดูแล้ว แววตาสองข้างของฉินเสี่ยวตั่วก็เป็นประกาย ยืนตัวค้างแข็งทันที!

ตอนที่ 297 ซูมู่หลิน : คุณปู่ครับช่วยผมด้วย!
ฟิ้ว~!

ฟิ้ว~!

ซูมู่หลินยังคงผิวปากอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทว่ายิ่งเขาผิวปากก็ยิ่งหมดหวัง

“เกิดอะไรขึ้น? คนของฉันล่ะ? ทำไมยังไม่เข้ามา?”

เย่เฉินถลาไปคุยกับซูมู่หลิน “คนของคุณคงไม่เข้ามาหรอก ไปเถอะ ตกลงกันแล้วว่าจะส่งคุณขึ้นสวรรค์ ฉันพูดแล้วจะต้องทำตามที่พูดให้ได้”

แล้วเย่เฉินและซีกวาก็ฝืนยัดซูมู่หลินเข้าไปด้านใน UFO

หลังจากนั้นซีกวาก็นั่งในบริเวณที่นั่งของคนขับ ส่วนซูมู่หลินนั้นนั่งตรงบริเวณด้านข้างคนขับ

แล้วซีกวาก็บินขึ้นบนอากาศอย่างรวดเร็ว

“ว้าว คุณน้าบินกับคุณอาหัวล้านไปแล้ว!” ซือซือแหวนหน้ามองยานทรงกลมที่ยิ่งบินขึ้นสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเล็กลงไปทุกที

ส่วนซูมู่ชิงนั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของ ซูมู่หลิน “เย่เฉิน…”

เย่เฉนกล่าวกับซูมู่ชิงว่า “สบายใจเถอะครับ เขาไม่ตายหรอก”

ถ้าหากว่าเย่เฉินฆ่าเขา ก็คงจะไม่ใช่วิธียุ่งยากแบบนี้ แต่การลงโทษในครั้งนี้ก็ถือว่ามาหพอจะทำให้เย่เฉินหายโกรธ

ในอากาศ ซีกวาเป็นคนขับ UFO ส่วนซูมู่หลินนั้นตึงเครียดจนเหงื่อแตกพลั่ก

ทันใดนั้นเองซูมู่หลินก็หยิบเอากุญแจดอกหนึ่งออกมา กุญแจดอกนี้หน้าตาเหมือนกุญแจธรรมดาๆ แต่ที่จริงแล้วมีมีดด้ามเล็กๆ ซ่อนในกุญแจ

ดาบจิ๋วนี้ซ่อนอยู่ในตัวกุญแจ แถมยังมิดชิดอย่างยิ่งอีกด้วย เป็นสิ่งของสารพัดประโยชน์ที่จำเป็นต้องพกพาขณะออกจากบ้าน

ซูมู่หลินถือมีดด้ามนั้นเอาไว้เพื่อป้องกันตัว แล้วเขากล่าวกับซีกวาว่า “นายชื่อซีกวาใช่ไหมล่ะ? ฮ่าๆ อวิ๋นโจววุ่นวายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับซีกวา เสียดายที่นี่คือเมืองหลวง! เมืองหลวงจะวุ่นวายไหม ขึ้นอยู่กับฉัน! นายจะเตะฉันลงจากฟ้าใช่ไหม? ซีกวาไม่ใช่ว่าฉันดูถูกนายนะ ไม่ว่าจะบนพื้นหรือบนฟ้า ถ้าสู้กันตัวต่อตัวฉันก็ยังต่อยกับนายชนะอยู่ดี!”

ซีกวายิ้มขณะมองซูมู่หลิน “คุณซู คุณไม่ต้องเครียดขนาดนี้ก็ได้ นายของผมไม่ได้ให้ผมเตะคุณลงไป”

ซีกวากดปุ่มบางอย่างติดต่อกัน เหมือนว่ากำลังติดตั้งระบบนำทางอัตโนมัติ

ซูมู่หลินไม่เคยได้สัมผัสของพวกนี้มาก่อนก็พอจะมองออก “นายเปิดระบบนำทางเหรอ? นำทางไปไหน?”

เมื่อติดตั้งระบบนำทางอัตโนมัติแล้ว ตัวนักบินไม่จำเป็นต้องบินด้วยตัวเอง UFO ก็จะบินไปถึงจุดหมายปลายทางด้วยตนเอง

อย่าว่าแต่ UFO ปลอมประเภทนี้เลย กระทั่งรถไฟฟ้า Tesla ภายใต้โปรเจ็กต์ของ Musk ก็มีระบบนำทางอัตโนมัติตั้งนานแล้ว

ซีกวากล่าว “อีกเดี๋ยวคุณก็รู้”

หลังจากซีกวาตั้งจุดหมายปลายทางแล้ว จู่ๆ ก็เปิดประตูตรงที่นั่งคนขับ

ฟิ้วๆ…

ถึงแม้ว่าจะบินไม่เร็วนัก แต่ก็ยังคงมีลมแรงพัดเข้ามาด้านในยาน

“นายจะทำอะไร!”

ซูมู่หลินตกใจ แล้วรีบร้อนคว้ามีดออกมา

ซีกวากล่าวพลางหัวเราะ “ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ ผมไม่ได้จะเตะคุณลงไปเสียหน่อย เอาไว้เจอกันนะครับคุณซู ขอให้คุณเดินทางอย่างมีความสุขนะครับ อ้อ จริงด้วย คุณชายเย่บอกผมว่ายก UFO ลำนี้ให้คุณนะครับ”

พูดจบซีกวาก็ทิ้งตัวดิ่งลงมาจากเครื่องบิน!

พรึ่บ!

เมื่อซีกวากระโดดลง ร่มชูชีพก็กางออก

“น่าตายจริงๆ! นี่เย่เฉินจะส่งฉันไปไหนเนี่ย?”

ซูมู่หลินกระวนกระวาย เขาอยากจะขับ UFO ลำนี้บังคับให้มันหยุด แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะบังคับมันอย่างไร

แต่ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจ UFO ลำนี้ก็มาถึงเป้าหมายและลอยกลางอากาศ

ซูมู่หลินก้มหน้าลงแล้วพ่นคำด่าออกมาทันที “เย่เฉินไอ้สารเลวส่งฉันมาที่สถานีตำรวจเฉย!”

ทันทีที่ UFO โผล่ออกมาเหนือสถานีเหนือตำรวจก็ตกเป็นเป้าสายตาของยามรักษาการณ์ทันที

ไม่ถึงสองนาที ตำรวจในสถานีก็รีบเตรียมอาวุธพร้อมมือ พลางชี้ปืนมาที่ UFO และซูมู่หลิน

“คนด้านบนโปรดฟังรีบขับเครื่องบินลงมาเดี๋ยวนี้ รีบขับเครื่องบินลงมาเดี๋ยวนี้!”

หัวหน้าสถานทีตะโกนโหวกเหวกใส่ซูมู่หลิน

ซูมู่หลินอยากจะอธิบายให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงดังๆ แต่ในเวลานี้เองจู่ๆ ก็มีเสียงของซีกวาดังงออกมาจากเครื่อบิน!

“คุณตำรวจ! ผมคือซูมู่หลิน! ผมมามอบตัวครับ! ผมทำลายครอบครัวของคนอื่น ขืนใจภรรยาชาวบ้าน ผมมีความผิดใหญ่หลวง!”

“แม่งเอ้ย! ทำไมเป็นแบบนี้!”

ซูมู่หลินตัวแข็งค้าง ซีกวากระโดดหนีหายไปพร้อมกับร่มชูชีพ แล้วทำไมมีเสียงอีกฝ่ายได้นะ?

หรือว่าจะอัดเอาไว้ก่อน แล้วตั้งเวลาเอาไว้ล่วงหน้านะ?

“คุณตำรวจ! ผมคือซูมู่หลิน! ผมมามอบตัวครับ! ผมทำลายครอบครัวของคนอื่น…”

เสียงของซีกวาดังขึ้นอีกครั้ง เป็นการตั้งวนให้เล่นต่อเนื่องวนไปมา

“โว้ย! เย่เฉิน ไอ้บ้า!”

ซูมู่หลินโกรธจนกระทืบเท้าเร่าๆ

ด้านล่างหัวหน้าสถานีก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “คุณซูมู่หลิน พวกเราได้ยินความผิดของคุณแล้ว และรับรู้ความผิดของคุณแล้วเช่นกัน ”

“เราขอเน้นย้ำอีกรอบ คุณซูมู่หลิน พวกเราได้…”

ตะโกนหลายๆ ครั้งไปก็ไม่ช่วยอะไร เพราะซูมู่หลินตอบอะไรพวกเขาไม่ได้ มีเพียงเสียงสารภาพผิดที่ซีกวาอัดให้เขาดังวนไปมา

สิบกว่านาทีผ่านไปหัวหน้าสถานีก็กล่าว “ขอให้คุณร่อนเครื่องบินลงมาจอดทันที ”

“ประกาศซ้ำ ขอให้…”

“ไปขอยืมระเบิดมาจากเขตทหารที่หนึ่งมาดีกว่า”

“อย่า! อย่า! อย่ายิงฉัน! ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้!”

ทันทีที่ได้ยินว่าจะโดนสอยร่วง ซูมู่หลินก็หวาดกลัวอย่างมาก เขางมหาร่วมชูชีพบนเครื่องบินอยู่นานนมกว่าจะเจอ

เขาเป็นคนกลัวความสูง แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ เขาทำได้เพียงตัดสินใจกระโดดร่มเท่านั้น

แต่เมื่อก้มหน้าลงมองก็พบว่าชักจะสูงเกินไป ถ้าหากว่าเขาใช้ร่มชูชีพเพื่อร่อนลงมา เขาคงตายตั้งแต่ยังไม่ได้กางร่มด้วยซ้ำไป

การกระโดดร่มเป็นหนึ่งในห้ากิจกรรมผาดโผนที่อันตรายที่สุดในโลก

ถึงแม้ว่าซูมู่หลินจะกลัวความสูง แต่ความรู้รอบตัวก็ยังพอมีอยู่บ้าง

เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากโทรหาซูเจิ้นหาง

ในตอนนี้เอง ซูเจิ้นหางเพิ่งจะโทรหาสวี่ฉู่หมิง เพื่อแสดงความยินดีกับการแต่งงานใหม่ แถมยังบอกด้วยว่าในวันที่ 15 อันเป็นวันแต่งงานเขาจะต้องไปแน่นอน

“มู่หลินเอ้ย โทรมาได้เวลาพอดีจริงๆ ห้าวันหลังจากนี้ แกกับมู่ชิวใครจะเป็นคนไปงานแต่งงานของสวี่ฉู่หมิงกับฉินหงเหยียน?” ซูเจิ้นหางถามหลานชาย

ซูมู่หลินกล่าวเสียงสะอื้น “คุณปู่ครับ คุณปู่รีบมาช่วยผมเถอะนะครับ ถ้าคุณปู่ไม่มาช่วยผม ผมจะโดนคนระเบิดผมตายอยู่แล้ว ไปไหนไม่ได้แล้วล่ะครับ”

“อะไรนะ? แกอยู่ที่ไหน?”

……

และในเวลานี้เอง เย่เฉินบอกลาซือซือแล้ว เดินทางออกจาเรือนสี่ประสานแล้วมาถึงสนามบินที่เครื่องบินส่วนตัวของเขาจอดอยู่

เขาต้องการจะบินไปที่เมืองเสินเฉิงไปกับลูกน้องและหลิวเจิ้งคุนในตอนนี้

“คุณชายเย่ ขอโทษด้วยนะครับ ช่วงนี้ผมเอาแต่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณในเมืองหลวง เลยไม่ได้จับตาดูคุณฉินเลย”

หลิวเจิ้งคุนเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องงานแต่งงานของสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียน เขาเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน

เย่เฉินมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วกล่าว“ไม่เป็นไร หงเหยียนคงจะโกรธฉันจริงๆ จู่ๆ ฉันก็มีลูกชายและลูกสาว ช่วงนี้ก็ไม่มีเวลาอยู่กับหล่อน หล่อนต้องรับไม่ได้อยู่แล้ว คงจะกำลังโกรธฉันอยู่ ขอแค่ฉันไปถึงเมืองเสินเฉิง ไปขอโทษหล่อนดีๆ อ้อนหล่อนสักหน่อยก็ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเรา ไม่ได้พังง่ายขนาดนั้น”

หลิวเจิ้งคุนพยักหน้า“นั่นสิครับ คุณฉินรักคุณชายขนาดนั้น ก่อนหน้านี้ตอนคุณชายทำเหมือนโดนไล่ออกจากบ้านยังอยู่เคียงข้างคุณชายไม่ไปไหน หล่อนไม่มีเหตุผลที่จะทอดทิ้งคุณชายในวันที่คุณชายกำลังรุ่งเรือง จะต้องเป็นสวี่ฉู่หมิงที่อาศัยจังหวะที่คุณชายไม่อยู่กับหล่อนแทรกเข้ามาในความสัมพันธ์ คุณฉินถึงได้หวั่นไหว”

เย่เฉินนึกถึงสวี่ฉู่หมิงก็หงุดหงิด “ไอ้แก่ กล้าแตะต้องคู่หมั้นของฉัน รนหาที่ตายจริงๆ!”

ตอนที่ 296 ลงโทษซูมู่หลิน!
“อะไรนะ! ทำไมเป็นแบบนี้! ทำไมหงเหยียนถึงต้องลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท!”

ตำแหน่งประธานบริษัทไป๋ลี่เป็นของขวัญที่เขามอบให้หญิงสาว นี่เป็นตัวแทนของความรักและการชดเชยที่เขามีต่อหล่อน ทำไมหล่อนถึงได้….

พอถึงตอนนี้ จู่ๆ เย่เฉินก็ตระหนักได้ถึงคำพูดเมื่อครู่ของซูมู่หลิน คำพูดของอีกฝ่ายอาจไม่ใช่แค่เรื่องไร้สาระ ไม่ใช่แค่ความปากพล่อย กัดเขาเพื่อให้ตัวเองมีความสุขเท่านั้นแล้ว

อาจจะเป็นความจริงก็ได้!

เย่เฉินกดโทรศัพท์ทันที ปลายสายคือฉินเสี่ยวตั่ว

เขาโทรหาหล่อนติด แปลว่าอีกฝ่ายไม่ได้บิน และไม่ได้บล็อคเบอร์เขา

แต่ว่าเสียงรอสายดังขึ้นต่อเนื่องและยาวนาน สุดท้ายฉินเสี่ยวตั่วก็ไม่ได้รับสายเขา

เย่เฉินเป็นคนหัวแข็ง เมื่อโทรไปครั้งแรกแล้วอีกฝ่ายไม่ยอมรับสาย เขาก็จะโทรจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมรับสาย

แต่ว่าโทรไปหลายสายติดต่อกันก็แล้ว หญิงสาวก็ไม่ยอมรับสายเขา

แต่ฉินเสี่ยวตั่วกลับส่งข้อความมาหาเขาแทน ในระหว่างที่เขาเอาแต่กดโทรหาหญิงสาวติดต่อกัน ความว่า:

“นายเลิกโทรมาเถอะ พี่สาวฉันไม่ให้ฉันติดต่อกับนายอีก”

เย่เฉินรีบร้อนตอบข้อความของอีกฝ่าย “เสี่ยวตั่ว ผมขอถามคุณแค่คำถามเดียว พี่สาวของคุณจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงจริงไหม?”

แล้วฉินเสี่ยวตั่วก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “จริง!”

ในวินาทีนั้นเองเย่เฉินราวโดนฉุดลงเหว

กว่าเขาจะหลุดพ้นจากเงาแห่งการโดนทรยศจากหวังเจียเหยา แล้วมีความสุขไปกับการมีลูกสาว แต่แล้วเพียงแค่ไม่กี่วันความสุขก็ระเบิดหายไปราวควัน

แต่ในตอนที่กำลังจะออกจากเมืองหลวง คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้!

ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่เย่เฉินรักสุดหัวใจ การทรยศของหญิงสาวนั่นทำให้เย่เฉินเจ็บปวดหัวใจเสียยิ่งกว่าตอนโดนหวังเจียเหยาทรยศร้อยเท่า พันเท่า!

หวังเจียเหยาเป็นผู้หญิงที่รักในแก้วแหวนเงินทอง แต่งงานกับเขาสามปี ไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัวด้วยซ้ำ แถมไม่พอในระหว่างน้้นยังเอาแต่ด่าว่าเยาะเย้ยเขาด้วยซ้ำไป

ทันทีที่เย่เฉินไม่มีเงิน หล่อนเปลี่ยนไปก่อนใครๆ เสียด้วยซ้ำ!

แต่ฉินหงเหยียนไม่ใช่คนแบบนั้น ในตอนที่เย่เฉินตกต่ำจนถึงขีดสุด ฉินหงเหยียนยังยินดีจะอยู่เคียงข้างเขา แถมยังพูดว่า “ต่อให้ต้องไปเป็นขอทานกับเย่เฉินในเทียนไห่ก็ยินดี”

ต่อให้อยู่ที่เทียนไห่ก่อนหน้านี้ ตอนที่จะตรวจ DNA ลูกของหวังเจียเหยา ฉินหงเหยียนยังเอาแต่ปลอบเย่เฉิน!

ผู้หญิงที่รักตนเองแบบนี้ ทำไมถึงไปแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง?

“หึๆ เป็นยังไงบ้าง ฉันไม่ได้โกหกใช่ไหมล่ะ?” ซูมู่หลินหัวเราะเยาะ

ทว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าในเวลานี้เย่เฉินกำลังอยู่ในสภาวะโกรธจัด!

ผลัวะ!

เย่เฉินต่อยหน้าซูมู่หลิน คว้าเขาขึ้นมาแล้วตะคอก “ซูมู่หลิน! ฝีมือนายใช่ไหม? นายล่อหวังเจียเหยาแล้ว ตอนนี้ก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นหวังเจียเหยาใช่ไหม! ฉันจะฆ่านาย”

“อย่านะ!” ซูมู่ชิงรีบร้อนอ้อนวอนเย่เฉิน

ซูมู่หลินกล่าาวอย่างละเหี่ยใจ “เกี่ยวอะไรกับฉัน! ฉันยังไม่เคยเจอฉินหงเหยียนด้วยซ้ำไป!”

ก่อนจะมาที่นี่ ซูมู่หลินตั้งใจจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือตนเอง หากว่าเย่เฉินเกิดถามว่าเรื่องนี้ใช้ฝีมือเขาหรือไม่ ซูมู่หลินกะจะออกตัวรับเอง

แต่ท่าทางเย่เฉินตอนนี้น่ากลัวเกินไป เขาเกิดปอดแหกขึ้นมา

ซูมู่ชิงรีบร้อนกล่าว “เย่เฉิน เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับซูมู่หลิน คุณเองก็น่าจะรู้ดี ว่าคุณฉินหงเหยียนไม่มีทางโดนข่มขู่หรือรับผลประโยชน์จากใครหรอก ต่อให้ซูมู่หลินขู่หล่อน หรือเอาเงินให้ หล่อนก็ไม่เห็นด้วยหรอกจริงไหม?”

เย่เฉินพยักหน้ารับ ฉินหงเหยียนมีนิสัยที่ค่อนข้างเย่อหยิ่ง ซูมู่หลินทำอะไรหล่อนไม่ได้หรอก

ซูมู่หลินกล่าว “ฉินหงเหยียนยอมแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงเองไม่มีบังคับเสียหน่อย! เย่เฉิน ฉันว่านะนายยอมแพ้เถอะ พี่สาวฉันชอบนายถือว่าเป็นบุญที่นายเคยสั่งสมมาตั้งแต่ชาติปางไหนๆ! ไม่ว่าจะหน้าตา นิสัย การอบรม ผู้หญิงสองคนนั้นไม่ได้หนึ่งในสิบของพี่สาวฉันด้วยซ้ำไป”

เย่เฉินชี้ไปที่ซูมู่หลินแล้วกล่าว “ฉินหงเหยียนจะสมัครใจหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย ฉันจะไปสืบให้รู้เรื่องของฉันเอง ต่อให้พี่สาวนายดีเลิศขนาดไหนก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายสักนิดเดียว ซูมู่หลินนายยั่วโมโหฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะไปจากเมืองหลวงฉันจะต้องจัดการแน่ๆ”

ซูมู่หลินหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ เป็นคนที่สำเหนียกกำลังตัวเองจริงๆ คิดจะลงโทษฉันงั้นเหรอ? ที่นี่คือเมืองหลวง! ที่นี่เป็นเหมือนบ้านของฉัน! เมื่อครู่ฉันไว้หน้านายหรอก! นายรู้หรือเปล่าว่าแค่เสียงผิวปากของฉันแค่นิดเดียวจะมีคนกี่คนที่บุกเข้ามา?”

แถวๆ เรือนสี่ประสานของซูมู่ชิงเงียบและเปลี่ยว จุดนี้เย่เฉินสังเกตเห็นตั้งแต่วันแรกแล้ว

อีกทั้งทุกๆ ที่ซูมู่หลินจัดแจงไว้ให้พี่สาว ก็ถูกคนของหลิวเจิ้งคุนที่อยู่ไกลๆ กว่าจับตามองเช่นกัน พวกเขาก็สามารถจัดการคนของซูมู่หลินได้ทุกเวลาเหมือนกัน

เย่เฉินกล่าว “ต่อให้คนพุ่งเข้ามามีจำนวนมากเท่าไหร่ก็ไม่ช่วยให้นายรอดหรอก!”

“นายพูดอะไร?” ซูมู่หลินงุนงง

แต่เขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างรวดเร็ว

20 นาทีต่อมาจู่ๆ ก็มี UFO ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือบริเวณพื้นที่วงแหวนที่สามของเมืองหลวง บินมาเพียงลำเดียวโดดๆ ทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของคนในพื้นที่จำนวนไม่น้อยให้มารุมดู

“นี่มัน UFO ที่เคยไปโผล่ที่เมืองเทียนไห่ไม่ใช่หรือไง? ทำไมมาโผล่ที่เมือหลวงได้นะ?”

“สวรรค์ เท่จังเลย! ในนั้นจะต้องมีมนุษย์ต่างดาวแน่เลย!”

UFO ร่อนลงในเรือนสี่ประสานของซูมู่ชิงอย่างรวดเร็ว

การปรากฏตัวขึ้นของ UFO ล่อความสนใจของซือซือ

“ว้าว เครื่องบินสวยจังเลย ของคุณพ่อหรอคะ? หนูอยากนั่ง!”

ซือซือวิ่งไปดู UFO ลำนี้ในสวนอย่างดีอกดีใจ

แล้วเวลานี้เองภายในที่นั่งของ UFO มีชายยหัวล้านเดินออกมา หน้าตาเขาน่ากลัวทำให้ซือซือตกใจ

เขาก็คือซีกวาลูกน้องของเย่เฉิน อดีตนักเลงหัวไม้ของอวิ๋นโจว

ซีกวาเดินลงมาเห็นซือซือก็รีบหยิบอมยิ้มออกมา เพื่อเอาใจเด็กสาว “นี่ใช่คุณหนูซือซือคนสวยหรือเปล่า? ผมเก็บอมยิ้มสายรุ้งชิ้นหนึ่งมาจากท้องฟ้า รับไว้ด้วยนะครับ!”

ซือซือเบิกตากว้าง “ว้าว เก็บมาจากฟ้าเหรอคะ? จริงหรือเปล่าเนี่ย?”

ซีกวากล่าว “จริงสิครับ คุณหนูไม่เห็นหรอครับว่าผมลงมาจากท้องฟ้าเลยนะครับ?”

ซือซือพยักหน้ารับไม่หยุด “หนูเห็นแล้วค่ะ! เท่มากเลย!”

ซือซือพบว่าคุณอาคนนี้ให้ความเคารพเธออย่างยิ่ง จึงไม่ระแวงแล้วยอมรับอมยิ้มมาแต่โดยดี

เมื่อมอบของขวัญให้ซือซือ ซีกวาเดินมาหาเย่เฉิน “คุณชาย”

ซือซืออุทานออกมาอีกครั้ง “คุณพ่อคะ คุณอาหัวล้านคนนี้เป็นคนของคุณพ่อใช่ไหมคะ?”

เย่เฉินพยักหน้าน้อยๆ

ซือซือถาม “งั้นหนูขอนั่งเครื่องบินทรงกลมของคุณอาหัวล้านได้ไหมคะ?”

เย่เฉินส่ายหน้า “เครื่องบินทรงกลมนี่ไม่ได้เอาไว้ให้หนูนั่ง เอาให้คุณน้าหนูนั่งต่างหาก”

พอได้ยินแบบนี้ ซูมู่หลินก็ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก

ตอนนั้นที่เขาอยู่อวิ๋นโจว ก็เคยขับรถชนเจ้านี่ แล้วหมดสติไป จากนั้นก็โดนเย่เฉินจับเอาไว้

ตอนนี้เห็น UFO ก็ยังฝังใจ!

ซือซือมีท่าทีริษยา “หึ คุณพ่อรักแต่คุณน้า ไม่รักซือซือ ไม่ยอมให้ซือซือนั่ง ดีกับคุณน้าเกินไปแล้วล่ะมั้งคะ?”

ดีกับฉัน?

ซูมู่หลินอยากจะเปิดอบรมบอกหลานสาวตนเองบอกหล่อนว่าเย่เฉินเป็นคนนิสัยไม่ดีขนาดไหน!

เย่เฉินมองซูมู่หลิน “เห็นหรือยังกระทั่งซือซือยังอิจฉาคุณเลย เข้าไปสิ”

“ฉันไม่นั่ง!” ซูมู่หลินเกาะต้นไม้ในสวนไม่ยอมปล่อย

เย่เฉินส่งสายตาบอกซีกวา เขาสาวเท้าเดินไปกอดซูมู่หลิน เอาไว้ทันที “มาสิมา คุณชายซู สนุกมากเลยนะครับ”

ซูมู่หลินถีบซีกวา ทว่าเขาหลบได้ “ไปเลยไป แค่เสียงผิวปากของฉัน พี่น้องหลายสิบก็จะพุ่งมาปกป้องฉันแล้ว วันนี้พวกนายไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะแตะต้องฉัน”

ฟิ้ว!

ซูมู่หลินผิวปากทันที

แต่ว่าหนึ่งนาทีผ่านไป ห้านาทีผ่านไป สิบนาทีผ่านไป

ไม่มีใครบุกเข้ามาในเรือนสี่ประสานแห่งนี้แม้แต่คนเดียว

ตอนที่ 295 ฉินหงเหยียนขอลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท!
ซูมู่หลินเหมือนเป็นผู้ปกครองของซูมู่ชิง ในน้ำเสียงของเขาเด็ดขาดไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งคำถาม

เย่เฉินยังไม่ทันได้ตอบ ซูมู่ชิงก็เป็นฝ่ายเก้อเขิน “มู่หลิน นานยพูดเหลวไหลอะไรน่ะ ใครบอก…ว่าฉันชอบเขา?”

ซูมู่ชิงค่อนข้างถือสาและติดใจในคำพูดที่คนอื่นจะพูดถึงตนเองและชายแปลกหน้าคนนี้

ถึงแม้ว่าหล่อนและเย่เฉินจะเคยมีลูกด้วยกัน แต่ทั้งสองคนไม่ค่อยได้รู้จักกันมากนัก กระทั่งเพื่อนยังไม่ใช่เลยด้วยซ้ำ

ซูมู่หลินมองซูมู่ชิงแล้วกล่าว “พี่ครับ พี่เลิกโกหกเถอะครับ ถ้าพี่ไม่ชอบเขา ก่อนนี้ทำไมต้องไปอยู่ที่ร้านกาแฟโทรมๆ ที่เขตชนบทของเทียนไห่นานนมขนาดนั้นด้วยล่ะ? แถมยังตั้งชื่อร้านกาแฟนว่าซือเฉิน ชื่อนี้มันก็น่าจะชัดเจนแล้วมั้ง? ผมเห็นทีไรก็ทนไม่ไหวทุกที เห็นกี่ครั้งก็อยากจะรื้อชื่อร้านทิ้งใจจะขาด!”

ซูมู่ชิงเขินอายจนหน้าแดง “ความหมายของซือชื่อร้านฉันไม่ใช่ซือเนี่ยน (คิดถึง) สักหน่อยแต่เป็น ซือ ที่มากจากอี้ซือ (ความหมาย) ต่างหาก อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อร้านนี้ด้วย”

ซูมู่หลินไม่ไว้หน้าพี่สาวตนเองแม้แต่น้อย “ต่อให้พี่จะไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อ แต่ร้านมันเหลือมาถึงมือพี่ พี่ก็น่าจะมีสิทธิ์เปลี่ยนชื่อร้านจริงไหมครับ?”

เย่เฉินพอจะเดาออกว่าชื่อร้านการแฟซือเฉินที่ว่านี้ คนตั้งน่าจะเป็นพี่รองของเขา เย่เซวียนเป็นคนตั้งแล้วทิ้งร้านไว้ให้ซูมู่ชิง

แต่ว่าซูมู่ชิงใช้ชื่อนี้ไม่ยอมเปลี่ยนชื่อ แปลว่าอย่างน้อยๆ หล่อนไม่ได้เกลียดชังเย่เฉิน

หรือบางทีอาจจะไม่ติดใจเรื่องราวชู้สาวที่เคยเกิดขึ้นกับเขาด้วย

ซูมู่ชิงไม่รู้จะอธิบายว่าอะไร หล่อนกลัวว่ายิ่งอธิบายแล้วจะยิ่งเข้าตัวเลยกล่าว “นายอย่ามาจับคู่มั่วเลย เย่เฉินเขามีแฟนแล้ว อีกอย่างเป็นผู้หญิงเก่งที่โดดเด่นมากด้วย”

ซูมู่ชิงหัวเราะร่วน “พี่หมายถึงฉินหงเหยียนล่ะสิครับ? หล่อนไม่ใช่ปัญหาแล้วล่ะครับ พี่แต่งงานกับเย่เฉินอย่างสบายใจเถอะ”

เย่เฉินขมวดคิ้วแล้วมองซูมู่หลิน “นายหมายความว่ายังไง? นายทำอะไรฉินหงเหยียนหรือเปล่า?”

เย่เฉินสังเกตเห็นความผิดปกติ ซูมู่หลินเป็นลูกเศรษฐี เลยโอหังไม่กลัวใคร

เขายังกล้าแตะต้องภรรยาของเย่เฉิน ฉินหงเหยียนป็นผู้หญิงที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ต่อให้ต้องสังหารหล่อนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซูมู่หลินก็อาจจะกล้าทำเช่นนั้น!

ซูมู่หลินกำลังรอเย่เฉินถาม “เย่เฉิน อย่าบอกนะว่านายยังไม่รู้? คู่หมั้นของนาย อ้อ ไม่สิน่าจะต้องเรียกว่าแฟนเก่าแล้ว ฉินหงเหยียนแฟนเก่าของนายน่ะ กำลังจะแต่งงานกับเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง ฮ่าๆ!”

เพี้ยะ!

เย่เฉินฟาดฝ่ามือประทับลงบนหน้าของซูมู่หลิน

“ไอ้คนสารเลว แกมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกคู่หมั้นของฉัน?”

เย่เฉินโกรธจัด เมื่อครู่เขายอมไว้หน้าซูมู่หลินเพราะเห็นแก่ซูมู่ชิง

แต่ว่าตอนนี้ซูมู่หลินกำลังพูดจาดูถูกคู่หมั้นของเขา บอกว่าฉินหงเหยียนกำลังจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง สร้างเรื่องโกหกที่ไร้สาระแบบนี้มาหลอกเย่เฉิน จะให้เขาทนได้อย่างไร?

“นายกล้าตบฉันเหรอ? ปู่ของฉันยังไม่เคยตบหน้าสักครั้งเลย!”

ที่นี่เป็นบ้านของตระกูลซู วันนี้เดิมทีซูมู่หลินมีโอกาสจะยิงเย่เฉิน จะให้เขาทนโดนเย่เฉินฟาดหน้าเขาตามอำเภอใจแบบนี้ได้อย่างไร?

ซูมู่หลินเองก็เป็นคนที่เคยออกกำลังกายเรียนวิชาป้องกันตัวมาบ้าง จึงลงมือเตะต่อยกับเย่เฉินทันที

ตุบ!

โครม!

ผลัวะ!

ซูมู่หลินเตะต่อยเย่เฉินสุดแรง พอต่อยไปสามหมัด ทำให้เย่เฉินยากจะรับมือได้ทันที

พอจะมองออกว่าด้วยความสามารถในตอนนี้ของซูมู่หลิน น่าจะเหนือว่าหลี่เฉิงเจี๋ยคนนั้นเล็กน้อย มิน่าเขาถึงได้ไม่ยอมรับหลี่เฉิงเจี๋ยเป็นพี่เขย

ทว่าเย่เฉินยังกลับรับมืออีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

เขาทั้งรุกและรับสลับกันไป แสร้งทำทีราวจะเตะท้องเขา จากนั้นก็ตวัดขาเตะเข้าใส่ขาขวาที่เคยบาดเจ็บก่อนนี้ของซูมู่หลิน!

อ๊าก!

ซูมู่หลินโหยหวนอย่างเจ็บปวด เมื่อขาของเขาโดนหลิวเจิ้งคุนแทงเอาไว้สองแผล ตอนนี้บาดแผลยังไม่หายดีเต็มที่

และเพราะฝ่าเท้านี้ทำให้การป้องกันของซูมู่หลินมีช่องโหว่ จนเย่เฉินสามารถตบหน้าซูมู่หลินได้อีกสองครั้ง!

เพี้ยะ!

เพี้ยะ!

“เย่เฉิน!”

ซูมู่หลินเห็นน้องชายโดนตบ ก็ทนไม่ได้ จึงเดินไปขอร้องกับเย่เฉิน

เย่เฉินเองก็ไม่ได้ตบตีเขาต่อแล้วกล่าวกับซูมู่หลิน “เรื่องของเราสองคนยังไม่จบ ชีวิตคุณอยู่ในกำมือผม คิดไม่ถึงว่าคุณจะกล้าดูถูกคู่หมั้นผม”

ซูมู่หลินเอามือกุมหน้าด้วยความโกรธ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยโดนคนรังแกแบบนี้มาก่อน!

“เย่เฉินแกมันคนชั้นต่ำหน้าไม่อาย แกลงมือทำร้ายแผลเดิมของฉันนี่หว่า เก่งจริงก็รอแผลฉันหายแล้วค่อยมาตีกัน ฉันจะเอาให้แกร้องหาพ่อเลย!”

คำว่า ‘พ่อ’ ของซูมู่หลินนี้ดังกึกก้อง จนเย่เฉินอดตอบเขาไม่ได้ “เฮ้อ ลูกชาย”

แต่ว่าเมื่อหันมองซูมู่ชิง เย่เฉินก็พลันเขินอาย

ตนเองแตะเนื้อต้องตัวคนเป็นพี่สาว พวกเขาสองคนเป็นพี่น้องกัน ไม่เท่ากับเขาเป็นพ่อของซูมู่ชิงไปด้วยเหรอเนี่ย…

“แก…”

ในตอนที่ซูมู่หลินกำลังจะพูดอะไรบ้างอย่าง ซูมู่หลินก็กล่าวอย่างไม่สบายใจ “เอาเถอะ มู่หลิน เรื่องนี้เดิมเป็นความผิดของนายนะ ทำไมถึงต้องไปว่าร้ายฉินหงเหยียนโดยไม่สาเหตุด้วย หล่อนก็ไม่ได้ทำอะไรให้นายสักหน่อย”

ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ซูมู่ชิงเองก็ชื่นชมสาวแกร่งในวงการธุรกิจอย่างฉินหงเหยียนเหมือนกัน

ซูมู่หลินกล่าวด้วยท่าทีเศร้าสร้อย “ใครใส่ความหล่อนกัน! ฉินหงเหยียนจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงอยู่แล้ว คนรู้กันทั้งเมืองเสินเฉิง ใครไม่รู้เรื่องนี้บ้าง! การ์ดแต่งงานส่งมาถึงเมืองหลวงนี้แล้วเนี่ย! เย่เฉิน นายยังเอาแต่พูดว่าฉินหงเหยียนเป็นคู่หมั้นนาย คู่หมั้นนายจะไปแต่งงานกับคนอื่นแล้ว เรื่องนี้นายไม่รู้ได้ไง?”

ซูมู่หลินรู้จักนิสัยน้องชายเป็นอย่างดี รู้ว่าเขาไม่ได้โกหก หล่อนก็เริ่มมีท่าทีตึงเครียด “เย่เฉิน ช่วงนี้คุณได้ติดต่อแฟนคุณบ้างไหม?”

หลายวันมานี้เย่เฉินนอกจากนอนหลับแล้ว ในเวลาอื่นๆ แทบจะอยู่เป็นเพื่อนซือซือกับซูมู่ชิงตลอดเวลา

ซูมู่ชิงแทบจะไม่เห็นเย่เฉินโทรศัพท์หรือแชทกับแฟนสาวของเขาแม้แต่น้อย

สีหน้าเย่เฉินไม่สู้ดีนัก

ตั้งแต่คราวก่อนที่โทรหาฉินหงเหยียน แล้วหญิงสาวโกรธจนตัดสายทิ้งแล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยกัน

เขาส่งข้อความฉินหงเหยียน หญิงสาวก็ไม่ได้ตอบกลับเขา

ตอนนี้เย่เฉินและฉินหงเหยียนน่าจะโกรธกันจริงๆ แล้ว พวกเขาสองคนในตอนนี้ถือว่ากำลังทำสงครามเย็นกันอยู่

แต่เย่เฉินไม่เชื่อว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงเพียงเพราะเรื่องนี้ มันออกจะเกินไปหน่อย

“เป็นไปไม่ได้ หงเหยียนไม่มีทางไปจากผม หล่อนเป็นผู้หญิงที่รักผมที่สุดในโลกใบนี้!”

เย่เฉินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรหาฉินหงเหยียนทันที

“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

โทรไม่ติด!

เย่เฉินจึงเปิด WECHAT แล้วกดโทรวีดีโอคอลไปทันที

แต่ก็ไม่มีใครรับสายอยู่ดี

“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”

เย่เฉินรู้สึกแปลกใจ เขาหยิบซิมโทรศัพท์อีกใบออกมาจากกระเป๋าเงิน ซิมชิ้นนี้เป็นของที่ทำงานของเขา เจ็ดวันมานี้เขาไม่ได้เสียบใส่ในโทรศัพท์เลย

เพราะโทรศัพท์ของที่ทำงานนั้นจะมีข่าวเกี่ยวกับงานมากมาย น่ารำคาญ

เจ็ดวันมานี้เย่เฉินแค่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนบุตรสาว เขาไม่อยากจะสนใจเรื่องการงานอะไรทั้งนั้น

หลังจากเปลี่ยซิมโทรศัพท์แล้ว เย่เฉินก็โทรหาเลขาของฉินหงเหยียน โจวหรงหรง

“คุณ…คุณเย่” โจวหรงหรงมีท่าทีกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด

เย่เฉินกล่าว “หรงหรง ทำไมโทรหาหงเหยียนไม่ติดเลย หล่อนกลับบริษัทไปแล้วหรือยัง?”

โจวหรงหรงกล่าว “คุณ…คุณเย่คะ คุณฉินหล่อน..หล่อนขอลาออกแล้ว”

“คุณพูดอะไร?” เย่เฉินตกตะลึง!

ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง!

เพราะเพิ่งเสียบซิมโทรศัพท์ทำให้โทรศัพท์ดาวน์โหลดข้อมูลได้ช้า ทำให้เพิ่งได้อัพเดทข่าวคราวพวกนี้

เย่เฉินเปิดดูข้อความ เป็นข่าวคราวที่คนในระดับสูงของบริษัทไป๋ลี่และเฉินเย่กรุ๊ปส่งหากัน โดยเนื้อหาทั้งหมดล้วนแต่เกี่ยวกับสิ่งนี้

“คุณฉินต้องการลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทไป๋ลี่!”

ตอนที่ 294 ฉินหงเหยียนแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง!
ซูเจิ้นหางเตรียมไปพบหน้าทายาทรุ่นที่สามของตระกูลซูคนนี้ด้วยตัวเอง!

เขาตั้งใจจะไปคุยกับเย่เฉินด้วยด้วยสถานะของปู่ เพื่อหลานสาวของตนเอง!

ทว่าในเวลานี้เองจู่ๆ คนใช้ก็เดินเข้าไปในห้องแล้วกล่าว “นายท่าน สวี่ฉู่หมิงจากเมืองเสินเฉิงส่งการ์ดแต่งงานมาครับ”

ซูมู่หลินเอื้อมมือไปรับการ์ดเชิญมา แล้วโบกมือใส่คนใช้เป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายออกไป

จากนั้นก็กล่าวพร้อมระบายยิ้ม “ฉันจำได้ว่าสวี่ฉู่หมิงอายุตั้ง 50 กว่าแล้วไม่ใช่เหรอ? ภรรยาเขาเพิ่งตายไปได้ไม่กี่ปี คิดไม่ถึงว่าเขาจะแต่งงานใหม่เร็วขนาดนี้ นี่มันเป็นหลักฐานของว่าเขามันคนโลเลชัดๆ คุณปู่ครับผมว่าตระกูลซูของเราต่อไปไม่ต้องช่วยเขาแล้วล่ะครับ เกิดวันไหนเราพลาดกันขึ้นมา คนประเภทนี้ก็ไม่มีทางช่วยเราหรอกครับ”

ตระกูลซูกับสวี่ฉู่หมิงไม่ได้ไม่รู้จักกันไปเสียทีเดียว เพราะว่าสวี่ฉู่หมิงนั้นเคยได้รับความช่วยเหลือจากซูเจิ้นหางมาก่อน

หลายปีมานี้เขาได้กลายเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองเสินเฉิงได้อย่างง่ายดายนั้น ส่วนหนึ่งของความสำเร็จนั้นต้องยอมรับว่าเป็นฝีมือของตระกูลซู

ทันทีที่ซูเจิ้นหางถูกใจใครก็จะช่วยลงทุนให้อย่างลับๆ ทันทีเพื่อรักษาสถานะภาพของตระกูลในประเทศแห่งนี้

ตอนแรกเขาเห็นว่าสวี่ฉู่หมิงเป็นคนที่มีความสามารถมากพอในการทำธุรกิจ ดังนั้นถึงได้เสนอตัวให้ความช่วยเหลือเขา เหมือนที่เคยช่วยเย่ฉงไห่เมื่อสิบปีก่อน

แต่เพราะหวังว่าในอนาคตวันไหนกาดว่าสวี่ฉู่หมิงร่ำรวย หรืออาจจะสิบปีหลังจากนี้ทายาทของเขาเก่งกล้าอาจจะพอช่วยคนรุ่นหลังของตระกูลซูได้

ซูเจิ้นหางไม่หันมองการ์ดแต่งงานด้วยซ้ำ ด้วยคนในระดับอย่างเขาไม่มีทางไปร่วมงานแต่งงานง่ายๆ แน่

ซูเจิ้นหางกล่าว “ลองหาเวลาว่างๆ ไปเมืองเสินเฉิงสักหน่อย”

ซูมู่หลินกล่าว “ผมไม่ไปหรอกครับ ผมไม่สนิทกับเขา คุณปู่ให้ซูมู่ชิงไปสิครับแต่ว่าพูดถึงสวี่ฉู่หมิงคนนี้เหมือนว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเย่เฉินอยู่นะครับ”

“เหรอ?” พอพูดถึงเย่เฉิน ซูเจิ้นหางก็สนใจเรื่องนี้ทันที

ซูมู่หลินกล่าว “คุณปู่จำได้ไหมครับว่าตอนนี้เย่เฉินมีแฟนคนหนึ่งน่ะครับ? หล่อนชื่อฉินหงเหยียนเป็นผู้บริหารหญิงที่สวยที่สุดในเทียนไห่ที่เคยออกทีวีคนนั้นน่ะครับ หล่อนเป็นคนเมืองเสินเฉิง อีกทั้งได้ยินมาว่าหล่อนเคยเป็นแฟนกับสวี่ฉู่หมิง ฮ่าๆ คิดออกแล้ว ฉินหงเหยียนมีน้องสาวเป็นแอร์โฮสเตสด้วยครับ ชื่อฉินเสี่ยวตั่ว สวยมากทีเดียว

“爷爷,您说许楚明娶的会不会是秦小朵?姐姐被叶辰抢走了,就娶她妹妹,哈哈,许楚明这老狗,这样的事,肯定做得出来,哈哈!”

“คุณปู่ครับ คุณปู่ว่าสวี่ฉู่หมิงแต่งงานกับฉินเสียวตั่วหรือเปล่าครับ? พี่สาวโดนเย่เฉินแย่งไปแล้ว เลยแต่งงานกับน้องสาวหรือเปล่า ฮ่าๆ สวี่ฉู่หมิงไอ้เดียรัจฉาน กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้อยู่แล้ว ฮ่าๆ”

ซูเจิ้นหางขมวดคิ้วแล้วมองซูมู่หลิน “ห้ามพูดเหลวไหล สวี่ฉู่หมิงไม่ได้ต่ำต้อยแบบที่cdพูด เขาเป็นคนที่มั่นคงอยู่นะ”

“ฮ่าๆ ในโลกนี้มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้บ้าง ผมพนันว่าเขาต้องแต่งกับฉินเสี่ยวตั่วแน่!”

เดิมทีซูมู่หลินไม่ตั้งใจจะเปิดการ์ดแต่งงาน แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มอยากรู้บ้างแล้ว

เขาอยากจะดูว่าสวี่ฉู่หมิงจะไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีขนาดนั้นเลยจริงหรือเปล่า ถึงขั้นที่ว่าไม่ได้ฉินหงเหยียน ก็หันไปคว้าเอาฉินเสี่ยวตั่วที่อายุยังน้อยไม่ทันโลกอะไร

ดังนั้นซูมู่หลินจึงเปิดการ์ดแต่งงานดูอย่างสนอกสนใจ

แต่เมื่อเห็นเนื้อหาบนการ์ดแต่งงานเขาก็ต้องตกใจ!

“เรียนเชิญ ‘ท่านซู: ซูเจิ้นหาง’ มาเข้าร่วมงานพิธีมงคลสมรส ณ Grand Sky Light Hotel Shenzhen ในวันที่ 15 เดือนมีนาคม ในเวลา 18:00 น. เจ้าบ่าว: สวี่ฉู่หมิง เจ้าสาว: ฉินหงเหยียน!

ฉินหงเหยียน! คิดไม่ถึงว่าเจ้าสาวคือฉินหงเหยียน! ทำไมเจ้าสาวถึงเป็นฉินหงเหยียนไปได้!”

หลังจากเห็นชื่อเจ้าสาวแล้ว ซูมู่หลินก็โวยวายอกมาเสียงดัง!

เย่เฉินเป็นศัตรูคู่แค้นของซูมู่หลิน เขาย่อมต้องรู้เรื่องราวในชีวิตของเย่เฉินเป็นอย่างดี รู้เรื่องหวังเจียเหยา แล้วย่อมต้องรู้เรื่องฉินหงเหยียนด้วย!

ฉินหงเหยียนในตอนนี้เป็นคู่หมั้นของเย่เฉินนี่นา!

แต่ว่าทำไมหล่อนถึงไปแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงได้?

“อะไรนะ?”

คราวนี้กลายเป็นซูเจิ้นหางที่ปกติจะนิ่งๆ ตกใจแทน “แกจะบอกว่าฉินหงเหยียนคนที่กำลังจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงอยู่รอมร่อคนนี้เป็นแฟนคนปัจจุบันของเย่เฉินเหรอ?”

ซูมู่หลินพยักหน้ารับ “ครับผม จริงแท้แน่นอน ก่อนหน้านี้เย่เฉินยังขอฉินหงเหยียนแต่งงานอยู่เลย หล่อนเองก็รับปากด้วยนะครับ หรือว่าฉินหงเหยียนรู้เรื่องของพี่มู่ชิงกับซือซือแล้วรับไม่ได้เลยเลิกกับเย่เฉิน ไปแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงเพราะโกรธหรือเปล่าครับ? แต่ว่าจากที่ผมรู้จักฉินหงเหยียนแล้ว หล่อนไม่น่าจะเป็นคนแบบนี้นะครับ”

ซูเจิ้นหางยิ้มน้อยๆ แล้วถอดรองเท้าที่ใส่เรียบร้อยแล้วอีกครั้ง “ดูแล้วสวรรค์คงจะไม่อยากให้เรากับตระกูลเย่เป็นศัตรูกัน สวรรค์มาโปรดจริงๆ ในเมื่อแฟนของเย่เฉินจะแต่งงานกับคนอื่น เมียเก่าเขาอย่างหวังเจียเหยาก็เป็นผู้หญิงใจง่ายราคาถูกที่แค่ให้เงินก็นอนกับหล่อนได้แล้ว ปู่มั่นใจว่าเย่เฉินจะต้องเลือกซูมู่ชิงแน่ พวกเราไม่ต้องใช้ไม้แข็งแล้วล่ะ ก็ดีเราจะได้ไม่ต้องรับบทคนเลว”

ซูเจิ้นหางกับซูมู่หลินเดิมที่ตั้งใจจะไปบีบบังคับเย่เฉินยอมเป็นเขยของตระกูลซู

แต่พวกเขาเองก็รู้ว่าเย่เฉินมีนิสัยเย่อหยิ่ง แถมยังเป็นคนตระกูลเย่ เขาย่อมไม่ยอมรับปากง่ายๆ แน่

งั้นแล้วตระกูลซูก็จะกำจัดเย่เฉิน เพื่อจะเป็นการบอกเย่เซวียนและเย่ฉงไห่ว่าลูกหลานตระกูลซูไม่ใช่ของเล่นที่คิดจะทำอะไรก็ได้!

แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแล้ว

เย่เฉินไม่มีแฟนแล้ว ถ้าจะหาใหม่ซูมู่ชิงก็เป็นตัวเลือกที่ดี

แต่พอได้ยินแบบนี้ ซูมู่หลินก็หัวเสีย “คุณปู่ครับ วันนี้จะไม่ทำอะไรเย่เฉินแล้วหรอครับ? ผมเตรียมตัวมาทั้งคืนเลย วันนี้กะจะเอาคืนเขาสักหน่อย”

ซูเจิ้นหางหัวเราะ “ไม่แล้วล่ะ ปู่จะมาขอร้องให้เขาเป็นเขยตระกูลเราทำไม? ไม่นานหลังจากนั้นเขาจะต้องมาคุกเข่าขอร้องปู่ ขอร้องให้ปู่ยอมยกซูมู่ชิงให้แต่งงานกับเขา เหอะ พอถึงตอนนั้นค่อยให้ซูมู่ชิงมีลูกชายให้เย่เฉินอีกที ปู่ไม่เชื่อหรอกว่าปู่จะหาความลับของตระกูลเย่ไม่ได้!”

ซูมู่หลินรู้ดี ซูเจิ้นหางคิดว่าตระกูลเย่เป็นตระกูลที่แสนลึกลับ มีความลับที่ไม่เหมือนกับตระกูลอื่นๆ เจ้าตัวก็ดึงดันอยากจะรู้ให้ได้ว่าพวกเขาซุกซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่

คิดถึงจุดนี้ ซูมู่หลินก็ไม่พูดอะไรอีก แต่เดินออกมาจากห้องของซูเจิ้นหาง

“เย่เฉินวันนี้คุณปู่ยอมปล่อยนายไป แต่ไม่ได้แปลว่าฉันจะปล่อยให้นายรอดตัวไปเหมือนกัน! หึหึ นายคงจะยังไม่รู้ข่าวการแต่งงานระหว่างฉินหงเหยียนกับสวี่ฉู่หมิงล่ะสิ? ฉันจะบอกนายเอง”

……

ณ ศูนย์ตรวจ DNA หุยหลง

พนักงานส่งเอกสารผลตรวจให้เย่เฉินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ยินดีด้วยคุณเย่ ซูเย่หมิงเป็นบุตรสาวของคุณ”

อ่านรายงานผลตรวจ DNA ในครั้งนี้ดูสบายกว่าตอนที่เทียนไห่มาก

ครั้งนั้นสีหน้าของศจ.ก่วนทำให้เขากังวลจนเกือบตาย

แต่จากสีหน้าท่าทางของพนักงานที่นี่ แค่ดูก็รู้แล้วว่าเด็กเป็นลูกของเขาไม่ผิดแน่

เย่เฉินอ่านผลรายงานการตรวจ DNA แล้วมองซูมู่ชิงอย่างดีอกดีใจ

ท้ังสองคนเดินออกมาจากศูนย์ตรวจ DNA เย่เฉินนั่งบริเวณที่นั่งด้านข้างคนขับแล้วกล่าวกับซูมู่ชิง “พอกลับไปแล้ว ผมอาจจะอยู่เป็นเพื่อนซือซือได้แค่ชั่วโมงเดียวนะ แล้วเดี๋ยวต้องไปเมืองเสินเฉิงแล้ว”

ซูมู่หลินพยักหน้ารับ “ค่ะ คุณจะไปจัดงานแต่งงานกับแฟนคุณใช่ไหมคะ?”

“ครับ” เย่เฉินยิ้มอย่างดีอกดีใจ

ทว่าสีหน้าซูมู่ชิงกลับดูไม่ค่อยมีความสุขนัก

แต่หล่อนก็ยังกล่าว “ดีใจด้วยนะ”

เย่เฉินมองเสี้ยวหน้าของซูมู่ชิง “ขอบคุณครับ”

ไม่นานจากนั้น สองหนุ่มสาวต่างก็กลับมาถึงเรือนสี่ประสานของซูมู่ชิง

เมื่อเข้าไปแล้วก็พบว่า ซูมู่หลินมานั่งรอที่ห้องรับแขกอยู่ก่อนแล้ว

“ผลตรวจ DNA เป็นยังไงบ้างล่ะ?” ซูมู่หลินนั่งไขว่ห้างพลามถาม

ซูมู่ชิงกล่าว “เย่เป็นเป็นพ่อของซือซือ”

ซูมู่หลินกล่าว “ดีมาก เย่เฉินในเมื่อนายเป็นพ่อของซือซือ พี่สาวฉันก็ชอบนาย งั้นนายก็อยู่เมืองหลวงต่อสิ ไม่ต้องไปไหนแล้วรีบแต่งงานพี่สาวฉันเลย เร็วๆ!”

ตอนที่ 293 วันตายของเย่เฉิน!
หลี่เฉิงเจี๋ยรู้ว่าตอนนี้ตระกูลซูกำลังควานหาตัวพ่อแท้ๆ ของซือซือ เขาจึงเชื่อมั่นว่าหากอีกฝ่ายรู้เรื่องนี้จะต้องตกใจมากแน่

แต่ว่าซูเจิ้นหางกลับดื่มชาอย่างใจเย็น แถมไม่มีท่าทีตกใจด้วยซ้ำ

หลี่เฉิงเจี๋ยประหลาดใจ “หรือว่าท่านซูรู้เรื่องนี้แล้ว?”

หลี่เฉิงเจี๋ยไม่ใช่คนโง่ จากท่าทางแบบนี้ของซูเจิ้นหางเห็นได้ชัดว่าเขาก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว

หลี่เฉิงเจี๋ยรีบพูดต่อ “ท่านซูได้ยินมาว่าตอนนั้นหมอนั่นใช้วิธีการสกปรกเพื่อได้ตัวมู่ชิง เพื่อทำให้ตระกูลซูขายหน้า ถ้าผลตรวจ DNA ออกมาว่าซือซือเป็นลูกสาวของหมอนั่นจริงๆ ผมยินดีจะฆ่าไอ้เดียรัจฉานตัวนั้นแทนตระกูลซูเองครับ!”

ขอแค่ซูเจิ้นหางพยักหน้ารับ หลี่เฉิงเจี๋ยก็จะรีบจัดการลอบฆ่าเย่เฉินทันที!

ทว่าซูเจิ้นหางกลับมองหลี่เฉิงเจี๋ยด้วยใบหน้าผิดหวังแล้วกล่าว “เฉิงเจี๋ยเอ้ย เดิมทีฉันเองก็สนับสนุนการแต่งงานของพวกเธอสองคนนั้นแต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไปแล้วล่ะ หรือจะปล่อยให้เรื่องของเธอกับมู่ชิงจบๆ ไปดีไหม”

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว สีหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยก็มีท่าทีไม่ค่อยพอใจนัก

ซูมู่ชิงเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่มีลูกแล้ว หลี่เฉิงเจี๋ยยังไม่รังเกียจแต่คิดไม่ถึงว่าตระกูลซูจะรังเกียจเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“เพราะอะไร? หรือว่าท่านจะให้ซูมู่ชิงแต่งงานกับไอ้แมงดานั่น?” หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ไอ้แมงดา?”

ซูเจิ้นหางได้ยินสรรพนามที่หลี่เฉิงเจี๋ยเรียกเย่เฉินก็หลุดหัวเราะออกมา “เฉิงเจี๋ย หมอนั่นไม่ใช่แมงดาหรอกนะ ถ้าพูดเรื่องสถานะเธอด้อยกว่าเขามาก”

“อะไรนะ?”

หลี่เฉิงเจี๋ยตกตะลึง เดิมทีคิดว่าเย่เฉินเป็นแค่คนขับรถ เป็นแค่คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

คิดไม่ถึงว่าสถานะที่แท้จริงของเย่เฉินนั้นจะยิ่งใหญ่กว่าเขาเสียอีก!

“มิน่าเขาถึงได้วางท่าใหญ่โตนาดนั้นเวลาอยู่ต่อหน้าพวกเรา!”

หลี่เฉิงเจี๋ยย้อนนึกถึงการพบหน้าสองครั้งก่อน แววตาที่แสนโอหังไม่เห็นเขาในสายตาของเย่เฉินทำให้เขาเข้าใจทุกอย่าง

ทว่าหลี่เฉิงเจี๋ยย้อนคิดแล้วก็กล่าวซ้ำอีกที “ท่านซูต่อให้หมอนั่นเหมาะสมคู่ควรกับซูมู่ชิง แต่ว่าถ้าเขาชอบซูมู่ชิงจนอยากจะรับผิดชอบหล่อนจริงๆ สามปีแล้วนะครับทำไมเขาไม่ยอมมาสู่ขอซูมู่ชิง? ผมพอจะมองออกว่าหมอนี่แค่ชอบซือซือ แต่ไม่ได้มีความรักใคร่อะไรในตัวซูมู่ชิงด้วยซ้ำ!”

คำพูดของหลี่เฉิงเจี๋ยจนซูเจิ้นหางขมวดคิ้ว สีหน้าก็ไม่ค่อยพอใจนัก

“เธอกลับไปเถอะ” ซูเจิ้นหางออกปากไล่แขกเสียงเย็น

“ท่านซู…”

หลี่เฉิงเจี๋ยยังคิดอยู่ว่าจะทำอะไร คนใช้ที่อายุมากแล้วคนหนึ่งเดินไปหาหลี่เฉิงเจี๋ยพลางยื่นมือ “เชิญ”

หลี่เฉิงเจี๋ยกัดฟันกรอด ไม่กล้าลุกขึ้นแล้วก็ค่อยๆ เดินจากไป

หลังจากที่หลี่เฉิงเจี๋ยเดินไปแล้วนั้น ซูมู่หลินก็เดินออกมาจากในห้อง

ซูมู่หลินมองกระดานหมากรุกแล้วระบายยิ้มขณะทอดสายตามองกระดานหมากรุกนั้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ปู่ครับ ก่อนหน้านี้คุณปูยังชอบชมเขาอยู่เลย ฝีมือการเล่นเหมากรุกได้น่าเกลียดจริงๆ”

ซูเจิ้นหางส่ายหน้าอย่างผิดหวัง “เฉิงเจี๋ยเด็กนี่ ตอนเด็กๆ เก่งมากทีเดียว ยิ่งโตยิ่งมั่นอกมั่นใจเกินไป แต่ว่าอย่างว่าเขาก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่มีในตอนนี้แล้ว”

ซูมู่หลินนั่งอยู่ในบริเวณที่หลี่เฉิงเจี๋ยอยู่เมื่อครู่ แล้วกล่าวถามซูเจิ้นหาง “คุณปู่ครับ ถึงแม้ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยจะไร้ประโยชน์ไปสักหน่อย แต่ว่าเขาก็ตาถึงนะครับ ถึงแม้ว่าพี่สาวของผมจะสวยล่มเมืองแต่ว่าเย่เฉินตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรในแง่นั้นกับพี่เขาเลยสักนิดเดียว หลังจากที่ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว ถ้าเขาไปจากเมืองหลวงเมื่อได้ผลตรวจมาจะทำยังไงครับ?”

สีหน้าซูเจิ้นหางเรียบเฉย แล้วยื่นมือไปแตะตารางหมากรุก มือขวาหยิบตัวม้าขึ้นมา จากนั้นก็จัดการกินตัวอัศวินของอีกฝ่าย!

“รุกฆาต!”

สีหน้าซูเจิ้นหางฉายแววน่ากลัว

ซูมู่หลินระบายยิ้มออกมา “ดีเหลือเกิน คุณปู่ครับ ในที่สุดคุณปู่ก็เห็นด้วยที่จะลงมือกับไอ้ชั่วเย่เฉินใช่ไหมครับ เมื่อปีก่อนตอนที่ผมรู้ความจริง ผมก็อยากจะหาคนมาฆ่าเขา แต่คุณปู่ไม่ยอม บอกว่าจะล้างแค้นใครสักคนไม่จำเป็นต้องเอาให้ถึงตายสามารถใช้วิธีอื่นทำให้เขาเจ็บปวดได้

ให้ผมไปนอนกับหวังเจียเหยาก็ความคิดคุณปู่นะครับ! เดี๋ยววันจันทร์ตอนที่ผลตรวจ DNA ออก ถ้าเขายังไม่ยอมเป็นเขยตระกูลซูของเรา วันนั้นแหละจะเป็นวันตายของเขา!”

ซูเจิ้นหางหรี่ตาลงมองต้นโอ๊คป่าในสวนก็พึมพำกับตนเอง “เย่ฉงไห่เอ้ยเย่ฉงไห่ หลายสิบปีก่อนฉันช่วยนายมาตั้งหลายครั้ง อยากจะเป็นเพื่อนกับนายตั้งหลายรอบ แต่ดูตระกูลลึกลับของนายสิ น่าหงุดหงิดสิ แต่ว่ากระทั่งตระกูลซูของนายกลับไม่เห็นฉันในสายตา! ตอนนี้หลานชายคนเก่งของนายกลับทำหลานสาวของฉันท้อง เหอะๆ ไม่รู้ว่าคราวนี้เราสองคนจะได้เป็นญาติกันไหม”

พูดถึงตรงนี้เหมือนจู่ๆ ซูเจิ้นหางจะคิดอะไรออกเลยหันไปสั่งซูมู่หลิน “เย่เซวียนพี่รองของเย่เฉิน จะจงใจให้ซูมู่ชิงกับเย่เฉินมีสัมพันธ์กัน เกรงว่าไม่น่าจะเป็นเพราะแค่ว่าซูมู่ชิงสวยเฉยๆ เท่านั้นหรอกนะ ฉันเลยเดาว่าในนั้นอาจมีเหตุผลอื่นๆ ที่มากกว่านั้น มู่หลินแกจะต้องตามสืบข่าวคราวของเย่เซวียน ทันทีที่สืบเจอ ต้องจับเขาให้ได้ไม่ว่าจะแลกกับอะไรก็ตาม จากนั้นให้พาตัวเขามาหาปู่!”

ซูมู่ชิงได้ยินชื่อเยว่เซวียนก็กัดฟันกรอดๆ ความตั้งใจที่อยากจะฆ่าอีกฝ่ายของเขารุนแรงเสียยิ่งกว่าความตั้งใจที่อยากจะฆ่าเย่เฉินเป็นร้อยเท่า!

“ครับ!” ซูมู่หลินรับปากเสียงดัง

……

ในวันที่สองเย่เฉินพาซือซือและซูมู่หลินขับรถออกจากเมืองหลวงด้วยกัน แล้วครึ่งชั่วโมงต่อมาก็รถก็มาถึงลานสกีว่านหลง

ซือซือเริ่มชอบเล่นเสก็ตตั้งแต่เมื่อปีก่อน ข้อนี้ทำให้เย่เฉินแสนจะดีใจ

เพราะหากเขาเป็นคนเลี้ยงลูกล่ะก็จะต้องให้แม่หนูน้อยเริ่มหัดเล่นสกีตั้งนานแล้ว

ในครอบครัวทั่วไปจำนวนมาก การเลี้ยงดูลูกนั้นปกติแล้วจะไม่ให้เด็กๆ ในวัย 3-8 ขวบเหนื่อยจนเกินไป จะปล่อยให้พวกเขาเล่นสนุกได้ตามใจ

ทว่าการเรียนพวกเปียโน สกี ภาษาอังกฤษ ว่ายน้ำในช่วงวัยนี้นั้น สำหรับเด็กๆ แล้วสามารถพูดได้ว่าจะติดตัวพวกเขาตลอดไป

อีกทั้งยังเรียนรู้ได้ค่อนข้างเร็วอีกด้วย

ทั้งเย่เฉิน ซูมู่ชิง ซือซืออยู่ที่โซนระดับต้น พวกเขาอัดคลิปวีดีโอไปพร้อมๆ กับเล่นสกีกันไป ดื่มด่ำกับวินาทีของการเป็นครอบครัวเหมือนมาพักร้อน

เย่เฉินยังให้ซือซือไปแข่งการทรงตัวของเด็กวัย 4 ขวบ ลูกสาวของเขาก็ได้ที่หนึ่งมาอย่างง่ายดาย!

พรสวรรค์ในด้านกีฬาของซือซือโดดเด่นเกินใคร แค่ดูก็รู้ว่าได้รับสืบทอดกรรมพันธุ์นี้มาจากเย่เฉิน

และทุกวันหลังจากนั้นเย่เฉินก็พาซือซือไปเที่ยวทุกวัน

โดยที่ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าในวันที่ผลตรวจ DNA ออกนั้นเขาอาจจะสร้างความตกตะลึงให้กับทั้งเมืองหลวง!

และแล้วเวลาหนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เย่เฉินและซูมู่ชิง ไปที่ศูนย์ตรวจ DNA ตั้งแต่ไก่โห่

และในเวลานี้เองซูเจิ้นหางก็รู้คำตอบแล้ว

ในเรือนสี่ประสานที่แสนหรูหรา ซูมู่หลินจึงรายงงานกับซูเจิ้นหาง “คุณปู่ครับผลตรวจออกมาแล้ว เย่เฉินนี่มันสารเลวจริงๆ เขาเป็นพ่อของซือซือจริงด้วยครับ!”

ซูเจิ้นหางพยักหน้า ผลตรวจนี้ไม่ได้อยู่เหนือจากการคาดเดาของเขา

ซูเจิ้นหางเปลี่ยนรองเท้าแล้วกล่าว “ไปอุ้มซือซือมาจากบ้านหลังนั้น แล้วค่อยให้คนไปซุ่มอยู่รอบๆ เรือนสี่ประสาน ไล่คนที่อยู่รอบๆ ไปให้หมด รอเย่เฉินกลับไป ฉันจะต้องเอาคำตอบจากเขาให้ได้! หรือไม่อย่างนั้นก็มาเป็นลูกเขยของตระกูลซูเราเสียเพื่อเป็นการชดเชยความผิดในอดีตของตัวเอง!”

ตอนที่ 292 คุณปู่ของซูมู่ชิง!
แววตาของเย่เฉินฉายแววโหดเหี้ยม เขากำหมัดแน่น เขาไม่ติดขัดอะไรถ้าต้องซ้อมคุณชายของเมืองหลวงคนนี้สักครั้ง!

หลี่เฉิงเจี๋ยมองเย่เฉินอย่างไม่ยอมแพ้พลางกล่าว

“หนุ่มน้อย คนที่กล้าใช้คำพูดแบบนี้ในเมืองหลวงมีแค่สองประเภทเท่านั้น ประเภทแรกคือคนที่เก่งกว่าหลี่เฉิงเจี๋ย ประเภทที่สองคือคนไม่กลัวตาย! เห็นได้ชัดว่านายไม่ใช่ประเภทแรก แต่ถ้าหากเดาไม่ผิดล่ะก็ คนอย่างนายจะต้องทำผิดมามากมายแน่นอน! ฆ่าคน ปล้นหรืออาจจะถึงขั้นเคยข่มขืนผู้หญิงคนมาก่อน!”

หลี่เฉิงเจี๋ยพอจะรู้ว่าเย่ฉินไม่ใช่คนดีอะไรนัก

“ทางที่ดีที่สุดนายรีบไสหัวออกไปจากเมืองหลวง กลับไปสถานที่ที่เป็นของนาย ไม่อย่างนั้นแค้นจะทำให้นายกลับมาเหยียบที่นี่ได้เลยตลอดชีวิต!”

หลี่เฉิงเจี๋ยข่มขู่เขา

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น เมื่อวานหมอนี่โดนซ้อมเสียน่วม คิดไม่ถึงว่าจะไม่ยอมรับว่าตนเองเก่งกว่าเขา

คิดไม่ถึงว่าจะเรียกเย่เฉินเป็น‘คนกลัวตาย’?

แถมไม่พอยังคิดว่าเย่เฉินจะมีคดีมากมาย หนำซ้ำยังคิดเสียว่าเป็นคดีที่รุนแรงจนต้องโดนจับเข้าคุกด้วย?

เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “หลี่เฉิงเจี๋ยคุณทายถูกแล้ว ผมเป็นคนเดนตายที่ไม่กลัวตายหรอกนะ ในเมื่อคุณให้ผมไปจากเมืองหลวงไม่ได้ งั้นผมขอทำคุณหายไปจากโลกนี้ก่อนแล้วกัน!”

เย่เฉินกล่าวอย่างโหดเหี้ยม แล้วจู่ๆ ก็ใช้มือขวาทำท่าทีเหมือนจะล้วงของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ตด้านซ้าย!

หลี่เฉิงเจี๋ยชะงักไปทันที คนอย่างเขาค่อนข้างจะระแวดระวังกับท่าทางแบบนี้อย่างมาก เพราะปืนมักจะถูกซุกเก็บเอาไว้ในนั้น!

“แกอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ! มีอะไรค่อยๆ คุยกัน!”

หลี่เฉิงเจี๋ยตกใจจนถอยกรูดไป ถึงขนาดที่ตะโกนร้องขอชีวิตด้วยซ้ำ

ใครจะรู้ในวินาทีที่เย่เฉินหยิบออกมาจากในกระเป๋าก็คือบุหรี่ห่อหนึ่ง

เย่เฉินหยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่งแล้วมองหลี่เฉิงเจี๋ยที่ตกใจจนหน้าสีเผือด “ผมแค่หยิบบุหรี่มวนเดียว ดูท่าคุณตกใจเข้าสิ อย่าบอกนะว่าคุ้ณกลัวว่าผมจะใช้ไฟแช็คเผาคุณน่ะ?”

“แก…”

หลี่เฉิงเจี๋ยโกรธจัด เมื่อครู่เขาใช้คำพูดข่มขู่เย่เฉินยังมีท่าทีโอหังเย่อหยิ่ง แต่ท่าทางอ้อนวอนกลัวตายนี่น่าอนาถเหลือเกิน

ท่าทางแสนน่าอายนี้โดนหญิงสาวในดวงใจเห็นเข้าอีกแล้ว!

จู่ๆ ซูมู่ชิงก็เดินมาแล้วกล่าว “หลี่เฉิงเจี๋ยคุณโวยวายก่อเรื่องพอหรือยัง? รีบขับรถของคุณไปเลยนะ หรือคุณจะให้ฉันโทรหาคุณปู่ฟ้องเขาให้เขาโทรหาคุณเพื่อย้ายรถใช่ไหมล่ะ?”

ทันทีที่ได้ยินซูมู่ชิงพูดถึงปู่ของหล่อน หลี่เฉิงเจี๋ยก็ใจฝ่อ

ที่พูดถึงกันเรื่องแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์กันทั้งนั้นไม่ใช่แค่ตระกูลซูที่เป็นฝ่ายได้ประโยชน์

ตระกูลหลี่ทำไมจะไม่อยากเกาะต้นบุญต้นนี้ล่ะ?

ปู่ของซูมู่ชิงเป็นคนที่หลี่เฉิงเจี๋ยเคารพนับถือ

ที่เขาตามจีบหญิงสาวไม่ใช่เพียงแค่เพราะใบหน้าที่สะสวย แต่เป้าหมายจริงๆ คือหวังว่าจะได้ความช่วยเหลือจากปู่ของซูมู่ชิง

“ก็ได้ พวกเราไปกัน!”

หลี่เฉิงเจี๋ยพูดกับเฉียนช่วนจื่อแล้วขับรถ SUV ของพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว

ซูมู่ชิงกล่าวกับเย่เฉินว่า “ให้ฉันขับเถอะนะคะ”

“อืม”

ที่เย่เฉินอาสาขับรถแทนหญิงสาว เดิมเพราะไม่อยากให้เจ้าหล่อนต้องเหน็ดเหนื่อย แต่พออยู่ที่เมืองหลวงเหมือนว่าจะเจอเรื่องยุ่งยากได้ตลอดเวลา

แต่ให้คุณหนูซูขับรถน่าจะดีกว่า จะได้ไม่ยุ่งยากเกินไป

เพิ่งถึงเรือนสี่ประสาน ซือซือก็ถูกสาวใช้ของซูมู่ชิงอุ้มไป

ซูมู่ชิงกลับยืนที่หน้าประตู แล้วกล่าวกับเย่เฉิน “เย่เฉินเมืองหลวงไม่ใช่สถานที่ที่นายควรจะอยู่นาน ฉันรู้จักหลี่เฉิงเจี๋ยดี เขาจะต้องหาทางเล่นงานคุณแน่ เมื่อวานคุณต่อยเขา ทำให้เขาขายหน้าขนาดนี้ วันนี้เขาเห็นเราสองคนไปศูนย์ตรวจ DNA ด้วยกัน เขาจะต้องไม่ปล่อยคุณไปแน่ ไม่สู้คุณออกไปจากเมืองหลวง ไปอยู่กับแฟนคุณดีกว่า รอผลตรวจ DNA ออกแล้วคุณค่อยกลับมา”

เย่เฉินรีบร้อนปฏิเสธทันที “จะได้ยังไง! ผมรับปากกับซือซือแล้วว่าจะพาลูกไปเล่นสดี นี่เป็นเรื่องแรกที่ผมสัญญากับลูก ผมจะกลับคำได้ยังไง? คุณหนูซูเดี๋ยวผ่านไปอีกสักพัก ผมก็จะต้องแต่งงานกับแฟนของผมแล้ว หลังจากนั้นก็จะไปฮันนีมูนแล้ว ดังนั้นอีกพักใหญ่ๆ ผมอาจจะไม่มีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนซือซือ ดังนั้นในสัปดาห์นี้ ผมจำเป็นต้องอยู่เมืองหลวงต่อ และอยู่กับลูกสาวผม 24 ชั่วโมง”

ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมาเย่เฉินเองก็ไม่ได้อยู่ในชีวิตของหล่อน ตอนนี้จะให้เขาเสียเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่แสนมีค่าที่จะได้ใช้เวลากับลูกสาวตนเองเพียงเพราะหลี่เฉิงเจี๋ยได้ยังไง

“งั้นก็ได้”

หลี่เฉิงเจี๋ยจึงไม่พูดอะไรอีก หล่อนย่อมหวังให้เขาอยู่ต่อ เพราะการมีอยู่ของเขาไม่ได้ทำให้ซือซือมีรอยยิ้มเพียงคนเดียว

แต่ยังทำให้หญิงสาวรู้สึกได้ว่าในบ้านมีสีสันครึกครื้นขึ้น…รวมไปถึงความสุขด้วย

……

หลังจากที่หลี่เฉิงเจี๋ยออกจากศูนย์ตรวจ DNA แล้วก็ขับรถตรงไปยังเรือนสี่ประสานที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งชั้นยอด

เรือนสี่ประสานหลังนี้ต่างจากเรือนสี่ประสานของซูมู่ชิง ไม่เพียงแต่อยู่ในตำแหน่งที่ดี แถมยังตกแต่งใหม่อีกด้วย

บ้านหลังนี้ยังเก็บร่องรอยของวัฒนธรรมของเรือนสี่ประสาน แต่ก็มีความหรูหรา ในทุกจุดแสดงให้เห็นสถานะความยิ่งใหญ่ของเจ้าของบ้านได้

หลี่เฉิงเจี๋ยจำเป็นต้องจอดรถในตำแหน่งที่ไกลจากบ้านหลังนี้มาก แล้วลงจากรถ พลางก้าวเดิน

เมื่อมาถึงปากทางหลี่เฉิงเจี๋ยจะเดินเข้าไปทันทีไม่ได้ เพราะบริเวณหน้าบ้านมีคนใช้ทำหน้าที่เป็นยามอยู่

“คุณชายหลี่ต้องขอโทษด้วยครับ วันนี้นายท่านไม่มีเวลาว่างพบคุณ” คนใช้กล่าวกับหลี่เฉิงเจี๋ยเสียงเย็น

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่ก็ไม่มีท่าทีเกรงใจแม้แต่น้อย

หลี่เฉิงเจี๋ยเองก็ไม่ได้มีท่ามีเหมือตอนที่เรียกเย่เฉินว่าไอ้หมารับใช้ตอนอยู่ที่ตระกูลซู ท่าทีเขาเป็นมิตรแถมยังกล่าวอย่างเว้าวอน “คุณช่วยบอกท่านซูหน่อยว่าผมมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับซูมู่ชิงมารายงานท่าน”

“ให้เขาเข้ามา”

และในเวลานี้เองในห้องที่ไกลออกไปก็มีเสียงชายชรากล่าวออกมาเป็นจังหวะเนิบๆ

“เชิญ”

“ขอบคุณครับ”

หลี่เฉิงเจี๋ยสาวเท้าเข้าประตูแล้ววิ่งเหยาะๆ ผ่านสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพรรณเข้าไปในห้อง

“ท่านซู!”

คนที่เขามาพบวันนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นซูเจิ้นหางปู่ของซูมู่ชิง!

ซูเจิ้นหางอายุ 70 กว่าปีแล้ว แต่ยังคงแข็งแรง วันที่อากาศหนาวๆ แต่ฮีทเตอร์ในห้องก็ไม่ได้มากมายนัก แต่เขาใส่แค่เสื้อยืดสีขาวบางๆ เท่านั้นเหมือนนักบวช

เขาไม่ได้แหงนหน้ามองหลี่เฉิงเจี๋ย แต่กำลังวางหมากรุกลงในกระดาน

“เฉิงเจี๋ยเอ้ย มาสิมา เราไม่ได้เล่นหมากรุกกันนานแล้ว เธอเล่นเป็นเพื่อนฉันสักตา” ซูเจิ้นหางกล่าว

หลี่เฉิงเจี๋ยรีบร้อนฟ้องเรื่องหลานสาวของอีกฝ่าย ไหนจะมีแก่ใจมาเล่นหมากรุกกับชายชรา?

“ท่านซู ผมเล่นหมากรุกไม่เก่ง ไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้ ผมเอาชนะท่านได้ยังไง? วันนี้ผมมาที่นี่เพราะมี…”

ในระหว่างหลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวอยู่นั้น ซูเจิ้นหางก็เหมือนไม่ได้ฟังคำพูดของเขาแต่ย้อนถาม “เธอจะเล่นฝั่งสีแดงหรือดำ”

หลี่เฉิงเจี๋ยก็ไม่กล้ามีปากเสียงกับอีกฝ่ายแล้วกล่าว “งั้นผมเป็นสีแดงก็ได้ครับ”

หลี่เฉิงเจี๋ยเล่นหมากอย่างว่าง่าย เพราะความสามารถของเขาอ่อนด้อยกว่าซูเจิ้นหาง บวกกับที่เขามีแก่ใจอยากจะให้หมากตานี้จบลงเร็วๆ

และแล้วซูเจิ้นหาง ก็ ‘รุกฆาต’ ไม่ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยจะขยับหมากไปทางไหนก็ตาย

หลี่เฉิงเจี๋ยรีบเยินยออีกฝ่าย “ท่านซูเก่งจริงๆ เอาจนผมไม่มีทางจะไปเลยครับ”

ซูเจิ้นหางมีท่าทีผิดหวังน้อยๆ “เฉิงเจี๋ยเหมือนทักษะการเล่นหมากรุกของเธอจะแย่ลงนะ เดิมทีฉันยังหวังว่าจะได้เธอมาคุยมาเล่นหมากรุกด้วยกัน”

หลี่เฉิงเจี๋ยยังไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของซูเจิ้นหาง เขาก็อดไม่ไหวอีก “ท่านซูครับ หลานสาวของท่านวันนี้พาผู้ชายแปลกหน้าไปที่ศูนย์ตรวจ DNA เขาอาจจะเป็นพ่อแท้ๆ ของซือซือ!”

ตอนที่ 291 ใครเป็นขอทาน!
โรงพยาบาลหุยหลง สถาบันตรวจ DNA

เย่ฉินจอดรถเสร็จ แล้วก็เดินเข้าตึกไปกับซูมู่ชิงและซือซือ

เป็นเพราะกลัวจะเจอคนรู้จัก ซูมู่ชิงเลยไม่ได้ไปศูนย์ตรวจ DNA ที่อยู่ในโรงพยาบาลทหารหรือโรงพยาบาลที่อยู่ในเขตทหาร แต่เลือกมาตรวจกันที่นี่

สถานที่ที่สามารถตรวจ DNA ต่างก็มีชื่อเสียง เพียงแต่ว่าที่นี่มีคนค่อนข้างมาก และวุ่นวาย

ทั้งสามคนเพิ่งมาถึงปากทางก็เห็นสามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังทะเลาะกัน แล้วพนักงานหลายคนต่างก็พยายามจะห้ามปรามพวกเขา

ชายวัยกลางคนด่าผู้หญิงคนนั้น “นังแพศยา แกมันวันทอง สวมเขาให้ฉัน เด็กไม่ใช่ลูกฉัน คิดไม่ถึงว่าแกจะหลอกฉันมาถึงแปดปี!”

เห็นได้ชัดว่าการวิวาทเรื่องนี้สาเหตุเป็นเพราะผลการตรวจ DNA ออกมาว่าลูกไม่ใช่ของเขา

ส่วนชายหญิงที่เดินออกมานี้กลายเป็นผู้ชายเป็นฝ่ายเดินตามขอโทษฝ่ายหญิง ส่วนฝ่ายหญิงมีท่าทีไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด

ชายคนนั้นกล่าว “ขอโทษนะครับที่รัก ผมไม่ควรสงสัยคุณ”

ฝ่ายหญิงกล่าวว่า “ไสหัวไป! คิดไม่ถึงเลยว่านายจะสงสัยว่าลูกไม่ใช่ของนาย ฉันรักนายขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่านายจะสงสัยฉัน เราหย่ากันเถอะ!”

ต่อมามีชายหญิงที่อ่อนวัยกว่าอีกคู่หนึ่ง ดูไปแล้วพวกเขาสองคนยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำไป ผมเด็กผู้ชายเป็นสีทองสะดุดตาเชียว

ฝ่ายชายกล่าว “ฮ่าๆ เด็กไม่ใช่ลูกฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้วล่ะ”

หญิงสาวกลับไล่ตามชายหนุ่ม “ต่อให้เด็กไม่ใช่ลูกนาย แต่ฉันก็จะเกาะติดกับนาย! อย่างไรเสียฉันก็จะจับนายให้ได้!”

เขาเห็นความสัมพันธ์ต่างๆ ของชายหญิงมากมายที่นี่

เขาไม่เพียงย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาเองก็เคยระบายโทสะใส่หวังเจียเหยาตอนที่เขาพบว่าหนึ่งในลูกแฝดสองคนของหวังเจียเหยาไม่ใช่สายเลือดของเขา

“เฮ้อ คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาตรวจ DNA อีกครั้งไวขนาดนี้”

เปรียบกับครั้งก่อนแล้ว ครั้งนี้เย่เฉินไม่ตื่นเต้นแม้แต่น้อย

หนึ่งคือเขาคิดว่าซูมู่ชิงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาหลอกเขา

อนึ่งถ้าหากว่าซือซือไม่ใช่ลูกเขา เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีกับเขาอยู่ดี

เขาจะสามาถอยู่กับฉินหงเหยียนเพียงคนเดียว ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องซือซือกับซูมู่ชิงแล้ว

ตอนที่ทั้งสามคนเพิ่งเดินเข้ามา ก็มีชายวัยกลางคนท่าทางแปลกประหลาดจ้องพวกเขาสามคน

ชายวัยกลางคนคนนั้นเดินมาจ้องซูมู่ชิง แล้วตะโกนด่า “อีตัว! น่าอายจริงๆ!”

เย่เฉินกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนบ้าแล้วทำร้ายสองคนแม่ลูก เลยปราดเข้าไปขวางตรงหน้าแล้วกล่าวกับอีกฝ่าย

“คุณผู้ชาย ระวังคำพูดด้วย!”

ชายวัยกลางคนนั้นเห็นเย่เฉินปกป้องซูมู่ชิง ก็ด่าเขา “แกมันไอ้แมงดา!”

เย่เฉินหัวเสีย “ไม่เคยโดนตีมาก่อนล่ะสิ?”

ชายวัยกลางคนแทบไม่มีท่าทีหวาดกลัวเย่เฉินด้วยซ้ำ “แกพาเมียแกมาตรวจ DNA งั้นก็เท่ากับเมียแกนอกใจ ทำผิดต่อแก! ผู้หญิงแบบนี้ไม่ใช่โสเภณีแล้วจะเป็นอะไร? ส่วนแกปกป้องผู้หญิงแบบนี้ไม่ใช่แมงดาแล้วเป็นอะไร?”

ซือซือได้ยินแล้วก็โกรธมาก “ห้ามด่าพ่อกับแม่หนูนะคะ!”

ชายหนุ่มคนนั้นเห็นซือซือหน้าตาน่ารักเลยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่หนูน้อย แม่หนูอาจจะเป็นแม่ของหนู แต่พ่อของหนูอาจจะไม่ใช่พ่อของหนูก็ได้ แม่หนูสวยขนาดนี้คงจะต้องมีผู้ชายเยอะแยะไปทั่ว อาจจะไม่รู้ว่าพ่อของหนูเป็นใคร เหอะๆ”

ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เหยียดหยามซูมู่ชิง เย่เฉินจึงประเคนหมัดฟาดใส่หน้าเขาอย่างอดทนไม่ไหว

แล้วตะโกนออกมาเสียงดัง “รปภ. ที่นี่มีคนโรคจิต รีบส่งไปโรงพยาบาลประสาทได้แล้ว!”

เย่เฉินจูงมือซือซือสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ซือซือรู้สึกไม่พอใจ เด็กหญิงถามเย่เฉินทันที “คุณพ่อคะ ทำไมคนนั้นต้องด่าแม่ด้วยคะ? คุณแม่เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกชัดๆ!”

เย่เฉินกล่าวกับซือซือ “เพราะว่าแม่ของหนูสวยมากๆ ไงล่ะ ผู้ชายจำนวนมากต่างก็ชอบหล่อน แต่แม่ของลูกไม่ชอบพวกเขา พวกเขาก็เลยอิจฉาเลยว่าให้แม่ของลูก คนแบบนี้มีเยอะแยะมากมายในโลก ในอนาคตซือซือโจมาสวยเหมือนคุณแม่ พอถึงตอนนั้นหนูจะเข้าใจเอง”

ซือซือเลยถามต่อ “งั้นคุณพ่อได้เป็นแฟนคุณแม่ทำไมไม่แต่งงานกับแม่ล่ะคะ? พ่อแม่เด็กคนอื่นแต่งงานกัน พ่อจะแต่งงานกับแม่ไหมคะ?”

คำถามนี้ทำให้เย่เฉินไม่รู้จะตอบเด็กหญิงว่าอย่างไรดี

เขามองซูมู่ชิงด้วยใบหน้าเก้อเขิน

เย่เฉินทำได้เพียงหลอกซือซือไปก่อน “พ่อกับแม่เคยแต่งงานกัน ตอนลูกยังไม่เกิดเราก็แต่งงานกันแล้วไง!”

“คนโกหก” เหมือนว่าซือซือจะไม่เชื่อ “พ่อกับแม่ยังไม่มีรูปแต่งงานกันด้วยซ้ำ ในห้องของคุณตาคุณยายยังมีรูปแต่งงานเลย แต่ไม่เห็นมีของพ่อกับแม่เลย”

เย่เฉินยังหลอกล่อเด็กหญิงต่อ “พวกเราก็แต่งงานกันนะแค่ไม่ได้เอารูปออกมาแขวนไง อยู่ในตู้”

“งั้นอีกเดี๋ยวกลับไป หนูจะดูรูปแต่งงานของพ่อกับแม่” ซือซือกล่าว

“แค่ก…ได้!” เย่เฉินก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับปากลูกสาวไปก่อน

เห็นท่าทางจนปัญญาของเย่เฉิน ซูมู่ชิงกล่าวพลางยิ้ม “แม่หนูน้อยคนนี้ไม่ยอมลดไม่ยอมละเลยใช่ไหล่ะคะ?”

เย่เฉินพยักหน้ารับ “สามปีมานี้คุณคงลำบากมากจริงๆ”

เย่เฉินพบว่าเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งเป็นเรื่องเหนื่อยล้าอย่างมาก

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไปลงทะเบียนเพื่อขอตรวจ DNA

ไม่นานนักทั้งสามคนก็เดินออกจากศูนย์ตรวจ DNA ไปที่ลานจอดรถ

เย่เฉินเพิ่งจะสตาร์ทรถเพื่อเตรียมจะขับออกจากลานจอดรถ

ทันใดนั้นเองรถ SUV ราคาหลายล้านหยวนคันหนึ่งขับมาปาดหน้ารถของเย่เฉิน ขวางทางออกของเขา!

มีชายสองคนลงมาจากในรถ คนขับรถคือเฉียนช่วนจื่อที่ท่าทางไม่น่ามอง ส่วนคนที่เดินลงมาจากข้างคนขับรถก็คือหลี่เฉิงเจี๋ย!

หลี่เฉิงเจี๋ยเดินลงมาจากรถหยุดลงตรงด้านหน้ารถ JEEP สีแดงของซูมู่ชิง เขาชี้ไปที่เย่เฉินที่นั่งหลังพวงมาลัยแล้วกล่าว

“แกลงมา!”

“อยากตายล่ะสิ!”

เย่เฉินเห็นหลี่เฉิงเจี๋ยอีกครั้งย่อมต้องไม่พอใจ

คิดไม่ถึงว่าหมอนี่จะไม่เห็นหัวใครในสายตา เรียกเขาเป็นหมารับใช้ เมื่อวานโดนเขาเตะยังไม่พอสินะ!

เห็นเย่เฉินลงจากรถ ซูมู่ชิงก็รีบร้อนลงมาจากที่นั่งด้านหลังแล้วสาวเท้าเดินไป “หลี่เฉิงเจี๋ยทำอะไร?”

หลี่เฉิงเจี๋ยมองทั้งสองคนแล้วตะคอก “ผมทำอะไรน่ะเหรอ? ผมสิต้องถามว่าพวกคุณทำอะไร! คุณพาซือซือมาทำอะไรที่นี่”

เมื่อซูมู่ชิงอยู่กับเย่เฉินหล่อนใจเย็นและอ่อนหวาน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลี่เฉิงเจี๋ยกลับแสดงความเด็ดขาดของหญิงสาวในเมืองหลวงออกมา

“ฉันพาลูกสาวฉันไปที่ไหนเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณมีสิทธิ์อะไรมาถามฉัน?”

หลี่เฉิงเจี๋ยหัวเสีย ตอนนี้ในวงสังคมของเขาทุกคนต่างก็รู้กันว่าตอนนี้เขากำลังตามจีบซูมู่ชิง และต้องการแต่งงานกับหล่อน

แต่ถ้าเพื่อนเขารู้เรื่องวันนี้เข้าจะไม่หัวเราะเยาะเขาแย่เลยเหรอ!

หลี่เฉิงเจี๋ยตวาด “คุณเป็นคู่หมั้นผมต้องเป็นเรื่องของผมอยู่แล้ว! ไอ้แมงดา นี่ใช่พ่อของซือซือหรือเปล่า? เขามีอะไรกับคุณใช่ไหม?”

เย่เฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร ซูมู่ชิงก็ยกมือขึ้นสะบัดมือฟาดหน้าหลี่เฉิงเจี๋ย!

เพี้ยะ!

ซูมู่ชิงที่มองดูเหมือนอ่อนแอบอบบาง แต่พอลงไม้ลงมือกับคนอื่นขึ้นมากลับดูมีเรี่ยวมีแรงมากทีเดียว “หลี่เฉิงเจี๋ย! ฉันขอพูดอีกที ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ! ต่อให้พ่อแม่ฉันเห็นด้วยกับการแต่งงานของเรา ฉันก็ไม่แต่งงานกับคุณ คุณเลิกโง่งมได้แล้ว!”

เย่เฉินหงุดหงิด เมื่อวานเขาซ้อมหลี่เฉิงเจี๋ยไปรอบหนึ่งเพราะหวังว่าต่อไปหลี่เฉิงเจี๋ยจะไม่มาเกาะแกะซูมู่ชิงอีก

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะมาเจอเขาอีกรอบ

เย่เฉินเดินไปหาหลี่เฉิงเจี๋ย ใบหน้าฉายแววเหี้ยมโหด “เรียกใครเป็นขอทาน? พูดอีกรอบที!”

ตอนที่ 290 ผู้ชายที่ขอดูตัวรู้ความจริง!
ตี 5 ของวันถัดมา

ดาวเด่นของวงการบาสเก็ตบอลอย่าง Kobe Bryant ยังต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อมาฝึกซ้อมทุกวัน

แต่วันนี้ที่เมืองหลวงมีใครบางคนตื่นตั้งแต่ตีห้า แต่กลับไม่มีเวลามาชื่นชมภาพทิวทัศน์หิมะสีขาว

หลังจากตื่นนอนแล้วเขาก็ไปออกกำลังกายในฟิตเนสของวิลล่า

เขาที่ว่าก็คือหลี่เฉิงเจี๋ยที่เมื่อวานโดนเย่เฉินซ้อมจนมีสภาพเละเทะ

“น่าโมโหจริงๆ เลย!”

“น่าโมโหจริงๆ เลย!”

“น่าโมโหจริงๆ เลย!”

หลี่เฉิงเจี๋ยฝึกซ้อมไปพร้อมๆ กับพร่ำบ่นไปด้วย

ถึงแม้ว่าเมื่อวานเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเย่เฉินแต่เขาก็ไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้นั้น!

เขารู้สึกว่าเป็นเพราะตนเองประมาทศัตรู ดังนั้นถึงได้แพ้อีกฝ่าย ถ้าหากมีโอกาสได้ต่อสู้กันใหม่อีกครั้ง เขาไม่มีทางพ่ายแพ้จนมีสภาพเละเทะแบบนี้

ซ้อมไปชั่วโมงกว่า เขาถึงได้กลับมาอาบน้ำจากนั้นจึงแวะมากินอาหารเช้าที่ห้องรับแขก”

และในเวลานี้เอง ชายหนุ่มที่มีรูปร่างเตี้ยหน้าตาอัปลักษณ์เดินมา “คุณหลี่”

หลี่เฉิงเจี๋ยกินสเต็กเนื้อวัวต่อพลางกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “สะกดรอยหมอนั่นเป็นยังไงบ้าง?”

เมื่อวานตอนที่หลี่เฉิงเจี๋ยออกจากตระกูซูในสภาพมอมแมมเลอะเทอะ แล้วสั่งให้ ‘เฉียนช่วนจื่อ’ ที่เป็นลูกน้องเขาคอยสะกดรอยตามเย่เฉิน

เฉียนช่วนจื่อรายงาน “เมื่อวานหลังจากที่หมอนั่นส่งคุณหนูซูก็อ้อยอิ่งอยู่ที่นั่น คิดไม่ถึงว่าเขาจะค้างคืนที่นั่น!”

“อะไรนะ?!”

หลี่เฉิงเจี๋ยโมโหจนกระแทกช้อนส้อมในมือทันที

“ซูมู่ชิงเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่ปล่อยให้ผู้ชายค้างคืนที่บ้าน ถ้าหากเรื่องนี้มีคนอื่นรู้เข้าจะมีสภาพเป็นยังไงบ้าง!”

หลี่เฉิงเจี๋ยหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขาถือว่าหญิงสาวเป็นว่าที่ภรรยาของตนเอง เขาย่อมต้องเป็นห่วงเป็นใยกับชื่อเสียงของว่าที่ภรรยาก่อนแต่งงานอยู่แล้ว

เฉียช่วนจื่อกล่าว “ก็นั่นสิครับ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนขับรถ แต่จะปล่อยให้เขาค้างคืนที่บ้านไม่ได้สิครับ คุณหนูซูสวยขนาดนั้นถ้าเกิดว่ากลางคืนกลางค่ำหมอนี่ก็คิดไม่ดีไม่ร้ายกับหล่อนขึ้นมา”

เห็นสีหน้าหงุดหงิดของหลี่เฉิงเจี๋ยแล้ว เฉียนช่วนจื่อก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ

“แล้วสืบได้หรือเปล่าว่าหมอนี้เมื่อคืนนอนที่ไหน? ได้แยกกันนอนคนละห้องกับซูมู่ชิงหรือเปล่า?” หลี่เฉิงเจี๋ยถาม

เฉียนช่วนจื่อตอบ “คุณหลี่ คุณเองก็รู้ว่า คุณชายซูซูมู่ชิงจ้างบอดี้การ์ดคอยแอบซุ่มดูอยู่รอบๆ บ้านของหล่อน คนของผมเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ แม้แต่โดรนก็ไม่กล้าบินเข้าไปใกล้ แต่ผมรู้คิดว่าด้วยนิสัยและบุคลิกที่เย็นชาเย่อหยิ่งของคุณหนูซู ไม่น่าจะลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับคนขับรถ”

หลี่เฉิงเจี๋ยพยักหน้า เขาเองก็พอจะรู้จักนิสัยและทัศคติของซูมู่ชิงอยู่บ้าง

หลายปีมานี้ไม่เคยได้ยินว่าหญิงสาวคบหากับใคร แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนก็อยู่ของหล่อนคนเดียว

ซึ่งนี่เป็นจุดที่เขาชื่นชอบหญิงสาว ใครจะไม่ชอบหญิงสาวบริสุทธิ์แบบนี้ล่ะ?

“คอยจับตาดูเอาไว้ ขอแค่หมอนี่ออกจากเรือนสี่ประสานมาให้รีบรายงานฉัน!”

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวเสียงเหี้ยม

เขาเองตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะต้องล้างแค้นเย่เฉินให้ได้

ต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวก็สู้ไม่ได้ แต่ทีนี่เป็นเมืองหลวงเป็นพื้นที่ของหลี่เฉิงเจี๋ย เขาย่อมไม่อยากโดนคนที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนรังแกกัน!

สามชั่วโมงต่อมา

ทันใดนั้นเองเฉียนช่วนจื่อก็โผล่มารายงาน “คุณชายหลี่ครับ หมอนั่นออกจากเรือนสี่ประสานไปแล้ว!”

หลี่เฉิงเจี๋ยที่กำลังอ่านหนังสือ ‘พิชัยสงครามซุนจื่อ’ พอได้ยินแบบนี้ก็ปิดหนังสือดังพรึ่บ “ดีมาก ในที่สุดไอ้หมารับใช้ตัวนั้นก็โผล่หางออกมาเสียที ฉันจะเตะขาเขาให้หัก! ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”

เฉียนช่วนจื่อกลับชะงักฝีเท้า แล้วค่อยๆ เปิดปากเอ่ย “เขา…เขาขับรถพาคุณหนูซูกับซือซือออกบ้านไปแล้ว…”

“ไปไหน? แกนี่ทำไมอ้ำๆ อึ้งๆ อย่าทำฉันหงุดหงิดได้ไหม! รีบพูดมา!”

หลี่เฉิงเจี๋ยผุดลุกขึ้นยืน เขาร้อนใจจนทนไม่ไหว

เฉียนช่วนจื่อกล่าว “พวกเขาสามคนไปที่โรงพยาบาลหุยหลงเพื่อตรวจ DNA”

“อะไรนะ?”

พอหลี่เฉิงเจี๋ยได้ยินคำว่าตรวจ DNA ก็แข้งขาอ่อน ร่วงลงบนเก้าอี้ดังตุ้บทันที

“คุณชายหลี่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” เฉียนช่วนจื่อถามอย่างห่วงใย

หลี่เฉิงเจี๋ยตัวแข็งค้าง

“ทำไมพวกเขาสองคนถึงได้พาซือซือไปตรวจ DNA ที่โรงพยาบาล? หรือว่าพ่อของซือซือคือเขา!”

หลายปีมานี้คำถามเรื่องพ่อที่แท้จริงของลูกสาวซูมู่ชิงเป็นใครกันแน่ เป็นปริศนาที่ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็อยากรู้

อย่าว่าแต่หลี่เฉิงเจี๋ยที่เป็นคนพวกนอกจะไม่รู้เลย กระทั่งพ่อแม่แท้ๆ ของซูมู่ชิงก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไป

หลี่เฉิงเจี๋ยย้อนคิดถึงเมื่อวาน ที่เย่เฉินอุ้มซือซือ เด็กสาวหัวเราะอย่างเบิกบานใจ ส่วนซูมู่ชิงที่อยู่ข้างๆ ก็มองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของความสุข

ทันใดนั้นเองก็เข้าใจทุกอย่าง

“มิน่าตอนทันทีที่เขาขึ้นไปด้านบน ก็เข้ากับซือซือกับซูมู่ชิงอย่างรวดเร็ว ที่แท้เขาเป็นคนเคยๆ ของซูมู่ชิง เป็นพ่อแท้ๆ ของซือซือ!”

เฉียนช่วนจื่อเตือนสติเขา “คุณชายหลี่ หมอนั่นอาจจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของคุณหนูซือซือก็ได้นะครับ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปตรวจ DNA หรอกครับจริงไหม เขาอาจจะแค่เคยนอนกับคุณหนูซูเฉยๆ”

โครม!

หลี่เฉิงเจี๋ยทุบหมัดลงบนโต๊ะ เมื่อได้รู้ว่าหญิงสาวที่รักเคยนอนกับศัตรูคู่แค้น แถมยังมีลูกด้วยกัน จะให้เขาทนได้ยังไง!

“หมอนั่นในเมื่อเคยนอนกับซูมู่ชิง ทำไม่แต่งงานกับหล่อนล่ะ? ทั้งประเทศนี้ มีใครบ้างที่ไม่อยากแต่งงานกับซูมู่ชิงน่ะ? ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นใคร เกรงว่าต่อให้เป็นลูกคนรวยหรือลูกข้าราชการชั้นสูงที่ไหน ตระกูลซูก็ถือว่าคู่ควรกับพวกเขา”

หลี่เฉิงเจี๋ยเองก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก ถ้าเป็นคนอื่นมีโอกาสได้ทำหญิงสาวท้อง แล้วทำไมไม่ฉวยโอกาสครั้งนี้ดองกับตระกูลซู?

ด้วยความสถานะของตระกูลซุในเมืองหลวง ได้กลายเป็นเขยของตระกูลซูก็จะไม่ต้องกลัวหน้าอินทร์หน้าพรมที่ไหนในประเทศนี้!

เฉียนช่วนจื่อหัวเราะหึหึพลางกล่าว “ถ้าหากว่าหมอนั่นเป็นลูกเศรษฐีหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนไหน แถมยังจีบคุณหนูซูอย่างเปิดเผยแล้วทำหล่อนท้อง เขาย่อมต้องไปสู่ขอคุณหนูซูกับตระกูลซูอยู่แล้ว”

หลี่เฉิงเจี๋ยรู้สึกว่าคำพูดของเฉียนช่วนจื่อฟังแล้วออกจะแปลกๆ เลยถาม “เฉียนช่วนจื่อนายรู้อะไรมาใช่ไหม?””

เฉียนช่วนจื่อรีบร้อนปฏิเสธ “ไม่ครับๆ ผมแค่เดาไปเรื่อยเปื่อย”

“สารเลว!” หลี่เฉิงเจี๋ยตบโต๊ะเสียงดัง “แกมันไอ้หมารับใช้ กินข้าวแดงแกงร้อนของฉัน นอนบ้านฉัน แต่กลับมีเรื่องปิดบังฉันเหรอ? รู้อะไรรีบพูดมา!”

เฉียนช่วนจื่อเป็นลูกน้องของหลี่เฉิงเจี๋ยมาหลายปี เขามีอะไรในใจย่อมไม่อาจเล็ดลอดสายตาของหลี่เฉิงเจี๋ยไปได้

เฉียนช่วนจื่อรู้ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยโกรธแล้ว จึงไม่กล้าปิดบังผู้เป็นนายอีกต่อไป “คุณชายหลี่ ถ้าผมเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟัง คุณอย่าบอกใครนะครับว่ารู้มาจากผม ไม่อย่างนั้นผมตายแน่”

“ยังจะพูดไร้สาระ แกจะได้ตายตอนนี้แหละเชื่อไหม!” หลี่เฉิงเจี๋ยอดนทนไม่ไหวนานแล้ว

“ครับๆ ผมพูดแล้วครับ” เฉียนช่วนจื่อก็ไม่อ้อมค้อมอีก “ก็เมื่อปีก่อนผมบังเอิญไปได้ยินข่าวบางอย่างมาเมื่อปีก่อน เขาบอกว่ามีวันหนึ่งซูมู่หลินเขาจู่ๆ ก็กินเหล้าจนเมา แล้วมีเรื่องวิวาท วันนั้นเขาพูดว่า ‘พี่สาวฉันโดนไอ้คนชั้นต่ำล่วงเกินแล้ว ฉันจะต้องฆ่าไอ้เดียรัจฉานตัวนั้นให้ได้’ แบบนี้ล่ะครับ”

พอฟังมาถึงตรงนี้ หลี่เฉิงเจี๋ยก็ตกตะลึง “ซูมู่หลินพูดแบบนี้จริงเหรอ?”

เฉียนช่วนจื่อรีบพยักหน้าหงึกหงัก “จริงๆ ครับ!”

หลี่เฉิงเจี๋ยตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่เขาเฝ้าฝันหาจะเคยโดนผู้ชายข่มขืนมาก่อน!

หลี่เฉิงเจี๋ยสติพร่าเลือนไปชั่วขณะ ถ้าหากเย่เฉินคนที่มีเรื่องกับตนเองเมื่อวานเป็นผู้ชายที่แตะต้องซูมู่ชิงล่ะ

แล้วทำไมซูมู่หลินยังยังรับหมอนั่นเป็นคนขับรถของตัวเองอีกล่ะ?

เฉียนช่วนจื่อกล่าวต่อ “คุณหลี่ คุณหนูซูดูเป็นคนใสซื่อ แต่ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วหล่อนนอนกับผู้ชายมากี่คน ไม่อย่างนั้นทำไมหมอนั่นต้องตรวจ DNA ลูกด้วยล่ะคุณชายว่าจริงไหมครับ? ผมคิดว่าด้วยคุณสมบัติของคุณชายแล้ว ไม่จำเป็นต้องคบหากับผู้หญิงที่ไม่รักนวลสงวนตัว รักสนุกแบบนี้เลย”

หลี่เฉิงเจี๋ยฟาดหน้าเฉียนช่วนจื่อ “แกไอ้หมารับใช้ แกกล้าวิจารณ์ซูมู่ชิงเลยเหรอ?”

“รีบเตรียมรถ ฉันจะตามพวกเขาไปโรงพยาบาลที่พวกเขาตรวจ DNA ด้วย!”

ตอนที่ 289 ฉินหงเหยียนโกรธแล้วเหรอเนี่ย?
ในฐานะที่ซูมู่ชิงเป็นคุณหนูตระกูลซูที่มีขื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง หล่อนไม่ได้สนใจเรื่องผลประโยชชน์จากการที่เป็น ‘ลูกหลานตระกูลเย่’ ที่เย่เฉินรับปาก

หญิงสาวในเมืองหลวงอย่างพวกหล่อนเย่อหยิ่ง ต่อให้โลกภายนอกจะมีฐานะที่ดีกว่าพวกหล่อน พวกหล่อนก็ไม่แยแส รู้สึกว่าวิถีชีวิตที่ตนเองมีเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ที่หล่อนรับปากเย่เฉินอย่างรวดเร็วนั่นเป็นเพราะรู้เรื่องของหวังเจียเหยาและซูมู่หลิน

หล่อนคิดว่าตนเองทำผิดกับเย่เฉิน

ซูมู่ชิงจึงสำทับ “ฉันได้ยินพี่รองของคุณเคยพูดว่าลูกหลานตระกูลเย่ของพวกคุณต้องส่งตัวให้ทางตระกูลเป็นคนดูแล ถ้าตรวจ DNA แล้วซือซือเป็นลูกสาวของคุณล่ะก็ ฉันหวังว่าจะได้เป็นลูกของฉันคนเดียว พวกคุณอย่าส่งคนมารับหล่อนไปได้ไหม”

เย่เฉินพยักหน้ารับ “ได้สิ ผมขอรับรองกับคุณในจุดนี้ได้เลย ถ้าหากว่าคุณมีลูกชายให้ผม เกรงว่าผมอาจจะตัดสินใจไม่ได้ เพราะว่าคุณปู่มีแผนการที่วางเอาไว้สำหรับลูกหลานผู้ชายของเขา ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงก็คงจะไม่มีเงื่อนไขอะไรมากมาย”

“อ้อ”

หลังจากทั้งสองคนพูดเรื่องนี้กันแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะพูดกันอีก ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันก็ออกจะเก้อเขินกันเล็กน้อย

เมื่อเงียบกันไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ซูมู่ชิงก็กล่าว “คุณกับฉินหงเหยียนเป็นยังไงบ้าง?”

เย่เฉินกล่าวแล้วยิ้ม “พวกเรารักกันดี ผมขอหล่อนแต่งงานแล้วหล่อนก็รับปาก ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเรื่องหวังเจียเหยาคลอดลูกแล้วเกี่ยวโยงเรื่องนั้นเรื่องนี้มา ตอนี้พวกเราก็น่าจะจัดงานแต่งงานไปแล้ว”

“อ้อ”

สีหน้าซูมู่ชิงเรียบเฉย ฝืนฉีกยิ้มแล้วกล่าว “เอ่อ…คุณอยู่เป็นเพื่อนซือซือทั้งวัน ไม่เห็นหล่อนโทรมา ตอนนี้พวกคุณกำลังข้าวใหม่ปลามัน น่าจะโทรหากันทุกคืน ฉันไม่รบกวนคุณดีกว่า ฉันขอไปพักผ่อนก่อน คุณไปโทรหาแฟนคุณเถอะ”

เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงจะเป็นฝ่ายกล่าวเรื่องนี้ก่อน “อ้อ ได้สิ งั้นเจอกันพรุ่งนี้”

หลังจากซูมู่ชิงไปแล้ว เย่เฉินก็ยืนแหงนมองท้องฟ้าของเมืองหลวงกลางตัวบ้าน

เกล็ดหิมะโปรยปรายลงบนใบหน้าของเย่เฉิน แต่เขากลับไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด

นั่นสิ ทั้งๆ ที่เหมาเกาะ คุกเข่าขอฉินหงเหยียนแต่งงานกลางเกาะ

ตอนนี้เดิมควรจะเป็นช่วงเวลาที่หวานแหววที่สุด แต่ว่าหลายวันมานี้เย่เฉินกลับอยู่คนละที่กับฉินหงเหยียน

ไม่เพียงแต่ไม่เจอหน้ากัน ตอนนี้เย่เฉินยังไม่โทรหาและยังไม่ส่งข้อความหาฉินหงเหยียนทุกวัน

ก่อนจะพบซูมู่ชิง เย่เฉินรู้สึกทุกข์ทน

ตอนนี้พอได้รู้ความจริงแล้ว เย่เฉินก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเสียใจ

“เพียงแต่ว่าจะบอกฉินหงเหยียนยังไงว่าจู่ๆ ก็มีลูกสาววัยสามขวบโผล่มา?”

เย่เฉินรู้สึกว่าถ้าหากบอกฉินหงเหยียนเรื่องนี้ หล่อนจะต้องถือสาแน่

“แต่ว่าสิ่งที่สำคัญระหว่างมีภรรยาจะต้องซื่อสัตย์ห้ามปิดบังกัน! หงเหยียนเองก็ปฏิบัติกับเราแบบนี้ กระทั่งเรื่องที่เคยโดนสวี่ฉู่หมิงเลี้ยงยังเป็นฝ่ายสารภาพก่อนด้วยซ้ำ แล้วเราจะมีเหตุผลอะไรมาปิดบังหล่อน?”

เย่เฉินตัดสินใจแน่วแน่แล้วจึงกดโทรหาแฟนสาว

“ฮัลโหล”

เขารอสายอยู่นานกว่าฉินหงเหยียนจะกดรับสาย

น้ำเสียงของฉินหงเหยียนอ่อนล้าเหมือนกับคราวก่อน

หรือว่าครั้งนี้เพิ่งตื่นนอนอีกแล้วเหรอ?

เย่เฉินไม่สนใจรายละเอียดนักหนา เขาถาม “ที่รักตอนนี้คุณอยู่ไหน”

ฉินหงเหยียนตอบพลางหัวเราะแผ่ว “เมืองเสินเฉิง”

เย่เฉินกล่าวพลางหัวเราะ “ฮ่าๆ คุณไปหาสวี่ฉูหมิงหรอ ฮ่าๆ เป็นยังไงบ้างตอนคุณปฏิเสธ เขาได้กอดขาอ้อนวอนคุณไหม?”

เมื่อหญิงสาวเห็นเย่เฉินอารมณ์ดีขึ้นมามากเลยถาม “คุณอารมณ์ดีแล้วเหรอ?”

ก่อนหน้านี้เวลาโทรคุยกัน เย่เฉินมีท่าทีหมดอาลัยตายอยาก

เย่เฉินกล่าว “อืม ขอโทษด้วยนะครับหงเหยียน ช่วงนี้ไม่ค่อยได้สนใจคุณ เพราะช่วงนี้ผมเกิดเรื่องมากมายเลยล่ะ”

“หงเหยียน ในฐานะที่คุณเป็นคู่หมั้นของผม ผมมีเรื่องต้องสารภาพกับคุณ วันนี้ผมมีลูกสาวอายุสามขวบ!”

พอหญิงสาวได้ยินแบบนี้ก็เหมือนจะสนใจเรื่องนี้ แต่เสียงของหญิงสาวยังคงเรียบเฉิยดังเดิม “สามขวบเหรอ?”

“อืม เรื่องนี้พูดไปแล้วก็ยาว เมื่อ 4 ปีก่อนตอนผมโดนส่งไปที่สงคราม พี่รองผมส่งผู้หญิงมา ผมกับผู้หญิงคนนั้นมีอะไรกัน วันนี้ผมเพิ่งรู้ว่าหล่อนท้องแล้วมีลูก” เย่เฉินอธิบาย

ฉินหงเหยียนกล่าว “อ้อ”

เมื่อได้ยินเรื่องใหญ่ขนาดนี้จากปากเย่เฉิน แต่หญิงสาวกลับตอบแค่สั้นๆ นี่ไม่ใช่นิสัยของหญิงสาวแม้แต่น้อย!

ปกติแล้วฉินหงเหยียนเป็นคนใจดี!

เย่เฉินตระหนักได้ทันทีว่าหญิงสาวจะต้องโกรธเขาแน่ๆ!

เย่เฉินกล่าว “ที่รักคุณโกรธผมหรือเปล่า? ผมรู้ครับไม่ว่าใครรู้ข่าวแบบนี้ก็ต้องรับไม่ได้กันทั้งนั้น แต่ผมไม่ต้องเลี้ยงลูก ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงในเมืองหลวงที่พึ่งพาตัวเอง หล่อนสามารถเลี้ยงลูกเองได้ ไม่มีทางมาวุ่นวายกับเราสองคน ผมขอรับรองได้เลย”

ได้ยินเย่เฉินอธิบาย แต่ฉินหงเหยียนก็ยังไม่รับปากอะไร แต่ย้อนถามเขา “เย่เฉิน คุณมาที่เมืองเสินเฉิงได้ไหม ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

เย่เฉินรีบร้อนกล่าว “หงเหยียนผมมีอะไรจะบอกคุณ ผมมีเรื่องจะบอกคุณเป็นกอง คุณไม่รู้หรอกว่าช่วงนี้ผมผ่านอะไรมา!

พี่รองของผมเป็นคนสารเลว เขาลักพาตัวผู้หญิงที่ดีมาส่งให้ผมเป็นของขวัญ! คุณรู้ผลที่ตามมาไหม? กลายเป็นน้องชายของผู้หญิงคนนั้น ให้เงินหวังเจียเหยาพันล้านเพื่อนอนกับหล่อน หลังจากนั้นลูกสาวที่คลอดออกมาก็เป็นลูกของน้องชายของผู้หญิงที่ผมล่วงเกินเข้า สวรรค์ ผมจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!”

ทว่าฉินหงเหยียนที่ได้ยินคำบอกเล่าเหล่านี้ของเย่เฉิน กลับตอบกลับเสียงเรียบ “คุณ…จะมาเจอฉันได้เมื่อไหร่?”

เย่เฉินตอบ “ที่รักครับผมก็มีเรื่ออยากคุยกับคุณเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้จริงๆ พรุ่งนี้ผมต้องพาลูกสาวไปตรวจ DNA กว่าผลจะออกน่าจะต้องรอสักหนึ่งสัปดาห์ สัปดาห์หนึ่ง อย่างมากก็ไม่เกินสิบวันผมจะไปพบคุณแน่นอนได้ไหม?”

ฉินหงเหยียนไม่ตอบแต่กดสายทิ้งทันที

ฉินหงเหยียนไม่เคยกดวางสายเขาโดยที่ไม่พูดไม่จาแบบนี้!

“หล่อนโกรธแล้ว หล่อนโกรธแล้วแน่ๆ!”

เย่เฉินทอดถอนใจพลางกุมศีรษะ

เขาคิดว่าฉินหงเหยียนคงจะหงุดหงิดรำคาญใจวุ่นวายพวกนี้ของตนเองแน่นอน

ผู้หญิงคนไหนจะรับได้ที่สามีของตนเองมีลูกสาวกับผู้หญิงสองคน?

“เฮ้อขอโทษด้วยนะหงเหยียน รอให้จัดการเรื่องทางนี้แล้ว ผมจะต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณ ชดเชยให้คุณแน่นอน”

เย่เฉินเองก็ทำอะไรไม่ด้ ตอนนี้เขาอยากจะอยู่กับลูกสาวของตนเองให้มากๆ อย่างไรเสียเขาก็ติดค้างเด็กหญิงเป็นเวลาถึงสามปี

ส่วนฉินหงเหยียนก็เป็นผู้หญิงที่ใจกว้างและเข้าอกเข้าใจเขาเป็นอย่างดี

เย่เฉินเชื่อว่าหล่อนไม่มีทางโวยวายขอเลิกกับเขาเพียงเพราะเรื่องนี้แน่นอน

ตอนที่ 288 ตรวจ DNA!
ซูมู่ชิงมองเย่เฉินอย่างกระดากอาย เขาเองก็มองหญิงสาวด้วยสายตาเช่นเดียวกัน

ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนมีศีลธรรมอย่างมาก ไม่มีทางเผลอตัวเผลอใจไปกับคนแปลกหน้าไปเรื่อยแน่นอน

ทว่าท้ายที่สุดแล้วทั้งสองคนก็ต้องมานอนบนพื้น โดยมีซือซือคั่นตรงกลาง

พวกเขาตัดสินใจว่ากล่อมแม่หนูตัวน้อยก่อนแล้วค่อยว่ากัน

หลังจากนั้นเย่เฉินก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องของตนเอง

45 นาทีต่อมาไฟในห้องก็ดับลง แล้วมืดสนิท

ซือซือหลับสนิทอย่างรวดเร็ว ส่วนเย่เฉินกับซูมู่ชิงก็แกล้งหลับเพื่อนอนเป็นเพื่อนซือซือ

“คุณหนูซู คุณหนูซู”

เมื่อเห็นซือซือหลับสนิทแล้ว เย่เฉินก็เรียกซูมู่ชิง เสียงแผ่ว

ทว่าเรียกไปตั้งหลายที ซูมู่ชิงก็ไม่มีท่าทีตอบรับ

“หรือว่าหล่อนก็หลับไปแล้ว?”

เย่เฉินเองก็ประหลาดใจ แล้วเปิดไฟฉายในโทรศัพท์ส่องไปหาหล่อน

ซูมู่ชิงนอนตะแคงหันหน้ามาทางเย่เฉินกับซือซือ เมื่อมองผ่านแสงไฟฉายก็ทำให้เห็นเสี้ยวหน้าที่งดงามของซูมู่ชิงเลือนลาง

“เสี้ยวหน้าของหล่อนเหมือนหวังเจียเหยาจัง…”

ไม่รู้ว่าผู้หญิงหน้าตาสวยๆ จะเหมือนๆ กันหมดหรือเปล่า แต่เย่เฉินคิดว่าเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายคล้ายคลึงกับหวังเจียเหยาอย่างมาก

“คุณหนูซู…”

เย่เฉินยื่นมือออกไปแตะแขนของหญิงสาว โดยที่เจ้าหล่อนสวมชุดนอนอยู่ดันั้นเขาจึงไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่าย

ทว่าซูมู่ชิงยังไม่มีปฏิกิริยตอบสนอง

นี่ทำให้เย่เฉินรู้สึกประะหลาดใจ เพราะว่าเขาพอจะมองออกว่าซูมู่ชิงไม่ได้นอนด้วยซ้ำ

“หล่อนไม่ได้นอนหลับเห็นๆ แล้วทำไมหล่อนถึงไม่ตอบนะในตอนที่เราปลุก?”

เย่เฉินสำรวจสีหน้าท่าทางของซูมู่ชิงอย่างละเอียด แล้วพบว่าในตอนที่ตอนเองแตะต้องตัวหล่อน หญิงสาวจะหอบหายใจถี่กระชั้นแล้วมีท่าทีตื่นเต้น

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็นึกขึ้นมาได้ว่า ครั้งล่าสุดที่เจอกันพวกเขาเจอกันที่ร้านกาแฟซือเฉิน

ครั้งนั้นเย่เฉินทำไปเพื่อทดสอบว่าด้านนอกร้านกาแฟซือเฉินของซูมู่ชิงมีบอดี้การ์ดหรือไม่ ดังนั้นถึงได้จงใจทำทีลวนลามหล่อน ทำท่าทีแกล้งจะจุมพิตหญิงสาว

และในเวลานั้นเองซูมู่ชิงก็มีท่าทีเช่นนี้!ลมหายใจหอบถี่กระชั้น ตึงเครียด! แต่ว่าไม่กล้าร้องเสียงดังและก็ไม่กล้าปฏิเสธ!

เหมือนจะรู้ว่าเย่เฉินจะจุมพิตหล่อน!

“โอ้ยจะเป็นลม!”

เหมือนว่าเย่เฉินพอจะเข้าใจสาเหตุในการแกล้งหลับครั้งนี้ของซูมู่ชิง!

หล่อนอาจจะรู้สึกว่าเย่เฉินเรียกหล่อนเพราะแค่อยากจะหยั่งเชิงว่าหล่อนนอนหลับหรือเปล่า

ถ้าหากว่าไม่ได้หลับ เย่เฉินก็จะสามารถแต๊ะอั๋งหล่อน หรือว่าจะจูบหล่อนก็ได้

มีผู้ชายจำนวนมากในโลกใบนี้ที่ทำแบบนี้

แต่เย่เฉินไม่ได้คิดอะไรแบบนี้ ที่เขาเรียกหญิงสาวเพราะมีเรื่องสำคัญ!

เย่เฉินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “คุณหนูซู ผมรู้ว่าคุณยังไม่หลับ คุณออกมาหน่อยได้ไหม? ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

เมื่อได้ยินเย่เฉินพูดเช่นนี้ ซูมู่ชิงถึงได้ลืมตา ใบหน้าแดงก่ำ มีสีหน้าเก้อเขิน “อ้อ”

ตอนนี้เป็นช่วงหน้าหนาว อากาศด้านนอกห้องหนาวมาก ทั้งสองคนสวมเสื้อขนเป็ดตัวหนาออกมาด้านนอกตัวบ้าน

เพิ่งเดินออกมาก็พบว่าในตัวบ้านมีหิมะสีขาวบางๆ ปกคลุมอยู่

“หิมะตกแล้ว”

เย่เฉินและซูมู่ชิงดีใจอย่างมาก ดูแล้วทั้งสองคนชอบหิมะอย่างมาก

“คุณเองก็ชอบหิมะมากใช่ไหม?” เย่เฉินกล่าวถาม

ซูมู่ชิงพยักหน้ารับ “ฉันกับซือซือชอบหิมะกันมาก”

“ในเมื่อซือซือเองก็ชอบหิมะ อีกสองวันเดี๋ยวพวกเราไปเล่นสกีกันดีไหม?” อย่าไรเสียเย่เฉินเองก็อยู่ที่นี่หลายวัน

“อื้ม ได้สิคะ” ซูมู่ชิงเองก็ตกปากรับคำอย่างดีใจ

เย่เฉินและซูมู่ชิงยืนอยู่ที่หน้าประตูมองเกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมาจากบนฟ้า เงียบไปครู่หนึ่งแล้วเย่เฉินก็เปิดปากเอ่ยช้าๆ

“คุณหนูซู การพบกันของเราในวันนี้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายจริงๆ ผมเฃยไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณดีๆ เลยผมมีเรื่องจะถามคุณตั้งเยอะ”

ซูมู่ชิงซุกมือในเสื้อกันหนาว “ถามมาสิคะ”

เย่เฉินกล่าว “เรื่องที่พี่รองเอาตัวคุณมาให้ผม แล้วก็เรื่องที่ผมเป็นพ่อของซือซือ ตระกูลซูของพวกคุณมีใครรู้บ้าง?”

เย่เฉินคาดเดาว่าคนส่วนมากในตระกูลซูจะต้องไม่รู้เรื่องนี้ อย่างน้อยๆ ผู้ใหญ่ของตระกูลซูในตอนนี้ก็น่าจะยังไม่รู้เรื่อง

เพราะถ้าพวกเขารู้ว่าคนที่เคยรังแกซูมู่ชิงคือเขาล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงส่งคนมาตามฆ่าตนเองนานแล้ว

หรือไม่ก็ด้วยความสัมพันธ์ที่มีกับปู่ของเย่เฉินก็น่าจะโทรศัพท์มาถามพวกเขาแล้ว

ผลลัพธ์คือไม่ต่างไปจากการคาดเดาของเย่เฉินมากนัก หญิงสาวตอบ “ฉันบอกแค่มู่หลิน แต่เขาบอกคนอื่นหรือเปล่า ฉันไม่รู้”

“อืม”

เย่เฉินเองก็คิดว่าตอนนี้คนทั้งตระกูลซูนอกจากเจ้าตัวแล้ว มีเพียงแค่น้องชายหล่อนที่รู้เรื่องนี้

ซูมู่ชิงกล่าว “ฉันไม่คิดจะบอกมู่หลิน แต่ว่าเขาเอาแต่ซักไซร้ฉัน เราสองคนพี่น้องสนิทสนมกันมาก เมื่อปีก่อนฉันทนไม่ไหวเลยบอกเขา แต่ว่าฉันกำชับเขาเอาไว้แล้วว่าห้ามไปหาคุณ แล้วก็ห้ามหาเรื่องคุณด้วย เขาได้ลงมือทำร้ายคุณหรือเปล่า?”

เย่เฉินแค่นเสียงเย็น “ผมรู้แจ้งในความสนิทสนมของพวกคุณสองคนพี่น้องเลยล่ะ เขาไม่เคยมาหาผมจริงๆ แต่ไปหาภรรยาในตอนนั้นของผม”

“หวังเจียเหยา? เขาไปหาหวังเจียเหยาทำไม?” ซูมู่ชิงตกตะลึง

เย่เฉินไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ แล้วกล่าวออกมา “เมื่อก่อนหน้านี้หวังเจียเหยาตั้งท้องคลอดเด็กแฝด ทารกผู้หญิงหนึ่งในคู่แฝดเป็นสายเลือดของซูมู่หลิน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูมู่ชิงก็ตกตะลึง!

“อะไรนะ? มู่หลินเขา…”

ซูมู่ชิงแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน คิดไม่ถึงว่าน้องชายของตนเองจะกล้าทำเรื่องแบบนี้

หล่อนรู้ว่าทั้งหมดที่ซูมู่หลินทำไปก็เพื่อหล่อน เขาใช้วิธีเช่นนี้ล้างแค้นเย่เฉิน!

ซูมู่ชิงละอายใจจนไม่รู้ว่าควรต้องพูดอะไร หญิงสาวจึงทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าเขา!

“ขอโทษด้วยนะคะ เย่เฉิน น้องชายฉันเขาทำแบบนี้เพราะฉัน ฉันมีน้องชายแค่คนเดียว ฉันหวังว่าคุณจะใจกว้างปล่อยเขาไป ขอแค่คุณไม่ฆ่าเขาจะลงโทษเขายังไงก็ได้”

เห็นได้ชัดว่าซูมู่ชิงเองก็พอจะรู้ถึงกิตติศัพท์ของตระกูลเย่!

ลูกหลานคนตระกูลเย่โดนเหยียดหยามแบบนี้ ผลที่จะตามมาคงจะหนักหนาสาหัส!

เย่เฉินก้มหน้าลงมองซูมู่ชิงที่คุกเข่าลงบนพื้น เกล็ดหิมะร่วงบนเรือนผมของหญิงสาวไม่หยุด

แสงไฟสลัวๆ ในบ้านทำให้ซูมู่ชิงรู้สึกเห็นความงดงามที่เกิดขึ้น

เย่เฉินย่อตัวลงประคองซูมู่ชิงขึ้นมา “คุณลุกขึ้นมาก่อน ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เราค่อยคุยกันทีหลัง”

เมื่อประคองซูมู่ชิงแล้ว ก็กล่าวกับเย่เฉิน “ยังมีอีกเรื่องที่ผมอยากจะคุยกับคุณ ผมอยากจะตรวจ DNA ซือซือ แต่คุณหนูซูอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมไม่ได้คิดว่าพวกคุณกำลังหลอกลวงผม ผมรู้ว่าตระกูลซูของพวกคุณมีเงิน พวกคุณไม่ได้ต้องการเงินของตระกูลเย่ของเรา ผมย่อมไม่คิดว่าพวกคุณจะกุเรื่องลูกสาวมาหลอกผม

แต่ว่าผมจำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้กับตระกูล กฎเกณฑ์ของตระกูลเย่ของเราคือ เด็กทุกคนจำเป็นต้องตรวจ DNA คุณคงจะเคยได้ยินพี่รองของผมพูดมาบ้างแล้ว ทั้งศักยภาพและอิทธิพลของตระกูลเย่ของเราที่มีในเวทีโลก ถ้าซือซือได้เข้าตระกูลเย่ของเราจะต้องมีประโยชน์กับหล่อนในอนาคต”

เย่เฉินเองไม่ได้สงสัยเรื่องที่ซือซือเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขาหรือไม่ เขารู้สึกว่าเขากับซือซือมีสายสัมพันธ์กัน

แต่ว่าหลังจากเรื่องหวังเจียเหยาเมื่อคราวก่อนทำให้เย่เฉินเกิดหวาดกลัวขึ้นมา เขาจึงเลือกตรวจ DNA เพื่อความสบายใจ

ซูมู่ชิงครุ่นคิดแล้วตอบ “ได้สิ”

ตอนที่ 287 ตามใจลูกสาวแบบไม่มีขีดจำกัด!
เย่เฉินกล่าวกับซือซือ “ซือซือ พ่อจะสอนคอร์ดแรกเป็นของหนู อาจจะยากนิดหน่อยนะ แต่ว่าเป็นคอร์ดที่พิเศษมากๆ เลยนะ”

ซือซือมองเย่เฉินด้วยแววตาแน่วแน่ “ซือซือไม่กลัวยากหรอกค่ะ”

เย่เฉินใช้มือขวากดคอร์ดบนแป้นเปียโน แล้วคอร์ด Fmaj7 ก็ดังขึ้น

เย่เฉินไม่ได้สอนคอร์ด F กับเด็กหญิง แต่สอนคอร์ด Fmaj7 ที่ซับซ้อนกว่า

เพราะในสายตาเย่เฉินนั้น คอร์ด F เป็นคอร์ดธของรรมดาเปรียบเสมือนลูกๆ ที่เกิดมาจากคู่ชีวิตของคู่รักธรรมดาๆ อย่างเขากับฉินหงเหยียนหรือไม่ก็กับหวังเจียเหยา เป็นลูกที่เกิดมาในความคาดการณ์ของเขา

แต่คอร์ด Fmaj7 มีโน้ต E หรือว่าโน้ตตัวมี ทำให้คอร์ดนี้แน่น และพิเศษมากขึ้น

เย่เฉินคิดว่านี่ถือว่าสีสันของซือซือ

ส่วนมือน้อยๆ ของซือซือยังไม่สามารถกดโน้ตทั้งสี่อย่าง F,A,C,E พร้อมๆ กันไม่ได้ ดังนั้นเย่เฉินเลยให้แม่หนูน้อยเล่นแยก

โดยกดโน้ต F,A,C,E ซ้ำไปมาไม่หยุด

จู่ๆ เย่เฉินก็เอ่ยปากถาม “ซือซือ คุณแม่ตั้งชื่อภาษาอังกฤษให้หนูหรือยัง?”

ซือซือส่ายหน้า

เย่เฉิรู้สึกว่าในเมื่อจู่ๆ ซือซือก็มีตัว E โผล่ออกมา ไม่อย่างนั้นก็ตั้งชื่อภาษาอังกฤษที่มีเริ่มต้นด้วยตัว E ก็แล้วกัน

ดังนั้นเย่เฉินก็เลยถามซือซือ “พ่อตั้งชื่อภาษาอังกฤษให้หนูดีไหม?”

ในฐานะที่เป็นลูกหลานตระกูลเย่จะต้องมีชื่อภาษาอังกฤษ เพราะตระกูลเย่มีหน้ามีตาในเวทีโลก ตอนนี้กำลังย้ายการลงทุนไปที่ประเทศอังกฤษ

ซือซือดีใจอย่างมาก “ได้ค่ะ”

เย่เฉินครุ่นคิดแล้วกล่าว “ซือซือชื่อภาษาอังกฤษของลูกคือ Eileen สะกดว่า E-I-L-E-E-N”

ซือซือฟังเสร็จก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ วิ่งโร่ไปหาซูมู่ชิงที่สวนด้านนอกแล้วตะโกนอย่างดีใจ “คุณแม่คะ คุณแม่ หนูมีชื่อภาษาอังกฤษแล้วค่ะ หนูชื่อEileen! คุณพ่อตั้งให้หนู!”

……

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

บนโต๊ะอาหารสไตล์จีน เย่เฉินมองอาหารหลายจานที่วางบนโต๊ะก็ตอบตรงๆ “คุณหนูซู คุณวุ่นอยู่นานสองนาน แต่มีอาหารแค่สองจานเองเหรอเนี่ย?”

อาหารบนโต๊ะมีแค่อาหารจานผักเท่านั้น ไม่มีเนื้อด้วยซ้ำ และยังมีน้ำซุปอีกชาม และมีอาหารหลักเป็นข้าว

ซูมู่ชิงมีสีหน้าเก้อเขิน “ฉัน…ทำกับข้าวไม่ค่อยเป็น”

เย่เฉินชี้สาวใช้ที่อยู่ด้านนอก “แล้วหล่อนล่ะ?”

ซูมู่ชิงกล่าว “หล่อนก็ทำไม่ค่อยเป็นหรอก หน้าที่หลักๆ ของหล่อนก็คือช่วยฉันเลี้ยงลูกตอนที่ฉันเหนื่อยๆ ปกติแล้วฉันกินแต่อาหารเจเป็นหลัก เลยไม่ได้สนใจเรื่องกินเยอะแยะหรอก”

เย่เฉินส่ายหน้า “แต่ผมจะปล่อยให้ลูกสาวผมหิวไม่ได้ ผมจะไปทำอาหารให้ซือซือ!”

เมื่อมาถึงห้องครัวเขาก็เปิดตู้เย็น แล้วพบว่าวัตถุดิบในตู้ก็ไม่ได้มีนักหนา ดังนั้นเย่เฉินถึงได้โทรเรียกให้หลิวเจิ้งคุนเอาวัตถุดิบมาส่งให้

เย่เฉินทำอาหารท้องถิ่นของอวิ๋นโจวอย่าง ‘เนื้อก้อนอวิ๋นโจว’ โดยล้างหมูสามชั้นหั่นเป็นก้อนๆ ก่อนเป็นอันดับแรกหลังจากนั้นก็เติมเกลือ ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำและเหล้าจีนคลุกเคล้าให้เข้ากัน

หลังจากนั้นก็พักเอาไว้ครู่หนึ่ง

จากนั้นก็ใส่แป้งมันเทศปั้นให้เป็นก้อน หลังจากนั้นก็เอาไปนึ่งในหม้อ

“อร่อยไหม? ซือซือ?”

เย่เฉินมองซือซืออ้าปากกลืนก้อนเนื้อเป็นก้อนๆ เขาก็พออกพอใจอย่างมาก

“อร่อยค่ะ อร่อย! คุณพ่อทำกับข้าวอร่อยกว่าคุณแม่เยอะเลย! ต่อไปหนูอยากให้คุณพ่อทำอาหารให้หนูกินได้ไหมคะ!”

ซือซือดีใจจนกระโดดโลดเต้น

เย่เฉินไม่ได้ทำอาหารพวกนี้เป็นแค่จานเดียว แต่ยังทำปูผัดขี้เมาและแป้งโมจิผัดได้ด้วย

เมื่อเห็นบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่กลิ่นหอมลอยกรุ่น ซูมู่ชิงก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งก่อนจะคิดในใจ “ในที่สุดบ้านหลังนี้ก็มีสีสันแล้ว ในที่สุด…ก็สมบูรณ์…น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่สามีของฉัน”

เย่เฉินเห็นสีหน้าสับสนของอีกฝ่ายก็กล่าว “คุณหนูซู คุณก็กินด้วยสิ”

ที่จริงแล้วซูมู่ชิงเองก็อยากจะชิมฝีมือของเย่เฉิน เพราะอยากจะรู้เหลือเกินว่าฝีมือการทำอาหารของชายหนุ่มที่เคยล่วงเกินตนเองในตอนนั้นจะเป็นอย่างไรกันแน่

แต่ว่าซูมู่ชิงเป็นหญิงสาวที่เย่อหยิ่งจึงกล่าวเสียงเรียบ “ไม่ดีกว่า ฉันกินเจ ฉันกินแค่อาหารจานผักของฉันเองน่าจะดีกว่า”

ซือซือที่กำลังกินโมจิก็หันมาแฉมารดาของตัวเองอย่างไม่ไว้หน้า “คุณแม่โกหก! มีคืนหนึ่งคุณแม่หิวกินไส้กรอกไปตั้งสองชิ้น”

“…” ใบหน้าซูมู่ชิงแดงวาบทันที

“ฮ่าๆ” เย่เฉินหลุดหัวเราะออกมา ซูมู่ชิงเลี้ยงลูกสาวได้ไม่ดีนัก เลี้ยงมาตั้งสามปียังสู้เขาที่เพิ่งรู้จักกันวันเดียวไม่ได้

“กินซักหน่อยสิ” เย่เฉินกล่าว

ซือซือกลับงอแงต่อ “คุณพ่อคะป้อนคุณแม่สิคะ แม่ถึงจะกิน ตอนหนูไม่อยากกินข้าวแม่ก็ทำแบบนี้”

คราวนี้คนเก้อเขินกลับกลายเป็นผู้ใหญ่สองคนแทน

เย่เฉินเพิ่งจะหยิบตะเกียบคีบอาหาร แต่ซูมู่ชิงกับชิงคีบอาหารเองก่อน “ฉันกินก็ได้”

ซูมู่ชิงยอมกินอาหารฝีมือเย่เฉินแต่โดยดีจากการโดนบังคับของสองพ่อลูก แล้วก็ต้องตกตะลึงกับรสชาติอาหาร

“ทำไมคุณทำอาหารอร่อยขนาดนี้?” ซูมู่ชิงถามอย่างตกตะลึง

เย่เฉินกล่าว “ฝึกทำตอนเป็นเขยที่แต่งเข้าของอวิ๋นโจว ก่อนนี้ผมเคยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปีน่ะคุณรู้หรือเปล่า?”

ซูมู่ชิงพยักหน้า “หวังเจียเหยาอาจจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศเราก็ได้”

เห็นได้ชัดว่าซูมู่ชิงเองก็พอจะรู้ถึงกิตติศัพท์ความสวยของหวังเจียเหยามาเหมือนกัน ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน หล่อนเองยังชอบหน้าตาของอีกฝ่ายอีกด้วย

ทว่าเย่เฉินกลับกล่าวว่า “ก่อนจะพบคุณผมก็คิดแบบนั้น”

คำพูดนี้ทำให้ซูมู่ชิงถึงกับเคี้ยวข้าวไม่ลง

คำพูดนี้หมายความว่ายังไง?

“ก่อนจะพบฉัน แบบนี้ฉันจะคิดว่าหลังจากที่พบฉันแล้วเขาก็ไม่คิดแบบนั้นเหรอ? เขากำลังจะบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศนี้เหรอ?”

ใบหน้าซูมู่ชิงแดงระเรื่อ

ที่จริงแล้วหลายปีมานี้เหล่าผู้ชายที่เคยชมซูมู่ชิงสวยปานนางฟ้ามีจำนวนนับไม่ถ้วน เจ้าหล่อนฟังมาจนเบื่อแล้ว

ทว่าเมื่อได้ยินคำชมจากปากชายตรงหน้า ซูมู่ชิงก็เขินอาย ทำตัวไม่ถูกเหมือนเป็นสาวน้อยเสียอย่างนั้น

คนที่สวยสูสีกับหวังเจียเหยาในประเทศนี้เห็นจะมีแต่ซูมู่ชิงเท่านั้น

เมื่อกินข้าวเสร็จเย่เฉินก็เล่นกับลูกสาวต่ออีกครู่หนึ่ง เวลาผ่านไปถึงตอนกลางคืนอย่างรวดเร็ว ได้เวลาเข้านอนของซือซือแล้ว

ซูมู่ชิงสั่งให้เตรียมห้องนอนแขกให้เขานานแล้ว แต่ว่าซือซือกลับดึงแขนคนเป็นพ่อ “คุณพ่อ นอนกับพวกเราสิคะ”

เด็กหญิงพูดไปพลางลากเย่เฉินไปนอนบนเตียงของซูมู่ชิง

เมื่อทรุดตัวนั่งลงบนเตียงของซูมู่ชิง เย่เฉินก็รู้สึกอึดอัดมากทีเดียว นี่เป็นห้องส่วนตัวของคุณหนูตระกูลซู ทั้งบนเตียง ผ้าห่มล้วนแต่เต็มไปด้วยกลิ่นของอิสตรี

เตียงหลังนี้มีผู้ชายจำนวนมากอยากจะมีโอกาสได้สัมผัสสักครั้ง!

ตอนนี้เย่เฉินเป็นคนที่มีแฟนแล้ว หล่อนรีบร้อนลุกขึ้นแล้วกล่าวกับซือซือ “พ่อนอนบนเตียงคุณแม่ไม่ได้ ตัวพ่อสกปรก ไม่อย่างนั้นพ่อปูพื้นนอนในห้องเป็นเพื่อนหนูกับคุณแม่ดีไหม?”

เพราะความสัมพันธ์ในอดีตของเขากับหวังเจียเหยาทำให้เขาชินชากับเรื่องแบบนี้

เมื่อพูดเสร็จแล้ว เย่เฉินก็จัดแจงปูพื้นนอนอยู่ข้างเตียง

ทว่าแม่หนูน้อยของเขากลับตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไพล่คิดไปว่านอนบนพื้นคงจะสบายดีก็รีบผุดลุกขึ้นแล้วกล่าว “หนูก็จะนอนพื้น คุณแม่คะเราสามคนนอนพื้นด้วยกันดีไหมคะ?”

ตอนที่ 286 คนรักเมื่อชาติก่อน!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูมู่ชิงก็นิ่งไป ใบหน้าของหล่อนออกแววเก้อเขิน

ค้างคืน?

หลายปีมานี้ซูมู่ชิงอยู่กับลูกสาวแค่เพียงสองคนแม่ลูก

เมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของซูมู่ชิง เย่เฉินก็อธิบายพร้อมระบายยิ้ม “คุณอย่าเข้าใจผิด ผมแค่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนซือซือ”

ลูกสาวในสายเลือดแท้ๆ แต่สามปีมานี้ก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน วันนี้ได้เจอกันจะให้ใช้เวลาด้วยกันแค่เดี๋ยวๆ แล้วแยกย้ายได้ยังไง?

เย่เฉินอยากจะอยู่กับหล่อน 24 ชั่วโมงใจจะขาด

มือนุ่มนิ่มของซือซือคว้าแขนหนาของเขาแล้วกล่าว “คืนนี้หนูอยากให้พ่อกอดหนูนอนหลับ”

ซูมู่ชิงพูดไม่ออก แล้วจึงสั่งสอนซือซือต่อ “ซือซืออย่าเหลวไหล พูดแบบนี้ไม่อายเหรอ”

ซือซือกลับทำท่าทีไม่พอใจ เด็กหญิงแก้ตัว “ก็พูดกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าลูกสาวคือคนรักเมื่อชาติก่อนของคนเป็นพ่อ? แล้วที่แม่ไม่เห็นด้วยที่หนูจะนอนกับพ่อเพราะแม่จะแย่งพ่อกับหนูเหรอคะ? งั้นหนูยอมให้ทั้งสองคนมานอนเป็นเพื่อนหนูก็ได้นะคะ”

คำพูดนี้ของซือซือทำให้เย่เฉินขบขัน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที

เด็กหญิงอายุไม่ถึงสี่ขวบ มีอะไรในหัวบ้างเนี่ย คิดอะไรตลกๆ เกินไปแล้วล่ะมั้ง?

ซูมู่ชิงเองก็เก้อเขินไปเพราะคำพูดของลูกสาว จนไม่กล้าสบตามองเย่เฉินตรงๆ

อะไรที่เรียกว่าแย่งเย่เฉินกับลูกสาว?

ทำเอาเหมือนซูมู่ชิงไม่ยอมให้ซือซือนอนกับเย่เฉิน เพื่อหล่อนจะได้นอนกับเย่เฉินแทนอย่างนั้น…

เพราะซือซือกล่าวถึง ‘คนรักในชาติก่อน’ เองก่อน คำพูดนี้ทำให้เย่เฉินนึกถึงบทเพลงบทหนึ่ง

‘คนรักในชาติก่อน’ ของท่านประธานโจว[1]

บทเพลงนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อลูกสาวของเขา ทั้งบทเพลงเต็มไปด้วยความรักใคร่และสับสนของคนเป็นพ่อที่มีต่อคนเป็นลูกสาว

เย่เฉินชอบเพลงนี้มาก หลังจากที่หวังเจียเหยาตั้งท้อง แค่นึกถึงว่าตนเองอาจจะมีโอกาสได้มีลูกสาวก็ฝึกซ้อมบทเพลงนี้อยู่หลายครั้ง

เดิมอยากจะรอให้ลูกสาวลืมตาดูโลกแล้วจะได้เล่นให้แม่หนูตัวน้อยฟัง เสียดายที่ลูกสาวไม่ใช่สายเลือดเขา

เย่เฉินยังคิดไปว่าตนเองคงฝึกบทเพลงนี้เสียเปล่าแล้ว

แต่ตอนนี้ซือซือก็ปรากฏตัวขึ้น!

“ซือซือ พ่อเล่นเพลง ‘คนรักในชาติก่อน’ ให้หนูฟังดีไหม?” เย่เฉินกล่าวพลางมองซือซือแล้วส่งยิ้ม

ซือซือเบิกตากว้าง “เอ๋? คนรักเมื่อชาติก่อน ไม่ใช่พวกเราหรอคะ? ซือซืออยากฟังค่ะ!”

เย่เฉินลูบหัวซือซือจากนั้นก็บรรเลงบทเพลงนี้อย่างรวดเร็ว

แต่การแสดงในครั้งนี้คิดไม่ถึงว่าจะดึงดูดสาวใช้ของเรือนสี่ประสานมา ดูแล้วสาวใช้เองก็คงจะเป็นแฟนเพลงของท่านประธานโจวชื่อดัง ทันทีที่ได้ยินเสียงอินโทรที่คุ้นเคยก็วิ่งมา

เมื่อบรรเลงอินโทรเสร็จแล้วเย่เฉินก็ร้องไปพร้อมๆ กับบรรเลงไปด้วย

“กระรอกกับวอลนัทเล่นซ่อนแอบในบ้าน”

“องุ่นหลบอยู่ในถังไม้เพื่อรอช่วงเวลาที่งดงาม”

เย่เฉินร้องส่วน RAP ซือซือเองเพิ่งเคยฟังเพลงแนวนี้เป็นครั้งแรก มีท่าทีตื่นเต้นแล้วหัวเราะคิกคัก เด็กหญิงที่ไม่รู้ประสาคิดไปว่าบิดาของตนเองพูดจจารวดเร็ว จนฟังไม่ออกว่าเขาพูดอะไร

แล้วเย่เฉินก็ร้องถึงท่อนฮุคอย่ารวดเร็ว

“รักอะไร ไม่พูดถึง ก็มีอยู่”

“รักอะไร แค่มอง ก็เข้าใจ”

สองประโยคนี้ของท่อนฮุคเป็นท่อนที่เย่เฉินชอบที่สุด ท่วงทำนองงดงาม อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเสียงหลบที่ไพเราะที่สุดของท่านประธานโจว

ทว่าในตอนที่กำลังจะร้องสองประโยคนี้เย่เฉินก็ตื่นเต้น

เพราะช่วงนี้เขามีเรื่องกวนใจมากมายจนทำให้เขาสูบบุหรี่มากมาย พอสูบบุหรี่เยอะๆ เข้าแล้วไม่ได้วอร์มเสียงก่อน ก็อาจจะร้องเสียงหลบไม่ได้!

แต่ดีที่เย่เฉินเรียนการร้องเพลงกับอาจารย์มาก่อน เขาเลยค่อยๆ ขับร้องท่อนที่ไพเราะแบบนี้ออกมาได้

“เธอยิ้ม เพียงนิดๆ หน่อยๆ ก็หายไป”

“ใช้คำพูดคำเดียวอธิบายไม่ได้”

“เป็นทะเลดาว”

“ว้าว เจ๋งจังค่ะๆ!” ซือซือปรบมืออย่างดีใจ

ส่วนซูมู่ชิงและสาวใช้ตัวน้อยของหล่อนก็ยืนฟังบทเพลงอย่างตกตะลึงที่ริมประตู

เย่เฉินขับร้องไปพร้อมกับบรรเลงเปียโนไปด้วย เขาเล่นเปียโนโดยไม่ต้องมอง เพราะเขากำลังใช้แววตาที่เต็มไปด้วยความรักของคนเป็นพ่อมองซือซือ

มองเด็กน้อยหน้าตาน่ารักอย่างซือซือ เย่เฉินก็อดคิดไม่ได้ว่าในอีกยี่สิบปีข้างหน้าเด็กหญิงเติบโตขึ้นจะมีหน้าตาเป็นยังไง

แล้วท่อนท้ายๆ ของเพลง ‘คนรักในชาติก่อน’ ก็สามารถบรรยายความรู้สึกของเย่เฉินในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี

“ต่อไปให้อนาคตฉันจะอยู่ในโบสถ์สีขาว”

“ส่งมือที่เคยกอบกุมมานานไปให้เขาอีกคน”

“น้ำตาหยดลงทีละหยดช้าๆ”

“ความซาบซึ้งใจจะยังอยู่”

“มองดูพวกเธอมีความสุขอยู่ไกลๆ”

“เหมือนชาติก่อนที่พวกเราเคยมีความสุขกัน!”

เมื่อเพลงจบลง ซือซือก็ปรบมืออย่างตื่นเต้น “เพราะจังเลยค่ะ หนูอยากเรียนเพลงนี้!”

เย่เฉินยิ้มขณะกล่าวกับซือซือ “เพลงนี้อาจจะยากเกินไปสำหรับลูก พวกเราจะต้องปูพื้นฐานให้ดีแล้วถึงจะบรรเลงเพลงได้นะ”

“งั้นคุณพ่อสอนพื้นฐานหนูหน่อย หนูอยากเรียนขั้นพื้นฐานค่ะ” ซือซือกล่าว

“ได้สิ”

ในตอนที่เย่เฉินกำลังจะสอนซือซือเล่นเปียโนนั้นเอง จู่ๆ เขาก็พบว่าซูมู่ชิงและสาวใช้ของหล่อนกำลังยืนอยู่ที่ประตู

เมื่อครู่ซูมู่ชิงจะออกจากห้องรับแขกเพื่อไปทำอาหารในครัว เย่เฉินก็คิดว่าหล่อนไปตั้งนานแล้ว

เพลงนี้ยาวเกือบสี่นาที หรือว่าซูมู่ชิงเอาแต่ยืนฟังเขาอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นเหรอ?

“คุณยังไม่ไปทำอาหารอีกเหรออ?” เย่เฉินมองอีกฝ่าย

“อ้อ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ จะไปแล้ว”

ซูมู่ชิงลนลานเดินออกไป

สาวใช้เดินตามมาติดๆ แล้วกล่าวกับนายสาวอย่างตื่นเต้น “คุณหนูคะ คุณหนู ผู้ชายคนนี้คือพ่อของซือซือเหรอคะ? สวรรค์ หน้าตาก็หล่อแถมเล่นเปียโนเก่ง ร้องเพลงเพราะ มิน่าคุณหนูถึงไม่เหลือบแลผู้ชายคนไหน ที่แท้ก็รอเขานี่เอง”

ซูมู่ชิงแหวใส่สาวใช้ “อย่าพูดจาเหลวไหล เขามีแฟนแล้ว”

“ฮะ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้สาวใช้ก็เกิดรู้สึกเสียดาย “คุณหนูคะ แต่ถ้าเป็นแค่แฟนแต่ยังไม่ได้แต่งงานล่ะก็ คุณหนูก็น่าจะแย่งเขากลับมาสิคะ! ผู้ชายที่คุณหนูของเราชอบจะปล่อยให้โดนผู้หญิงคนอื่นแย่งไปไม่ได้นะคะ!”

ซูมู่ชิงเคาะหน้าผากสาวใช้เบาๆ “เธอนี่นะ เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว ฉันกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกัน รีบไปล้างผักเลย ฉันจะทำอาหาร”

สาวใช้กล่าวพลางหัวเราะคิกคัก “ยังจะพูดอีกว่าไม่ได้มีอะไรกัน ปกตินายท่านมา คุณหนูยังไม่ยอมเข้าครัวเลย วันนี้ถึงกับลงมือทำอาหารเอง ฮี่ๆ”

ซูมู่ชิงถลึงตาใส่อีกฝ่าย ทำให้หล่อนไม่กล้าพูดเหลวไหลอีก หล่อนเดินไปหยิบวัตถุดิบอย่างว่าง่าย จัดแจงล้างทุกอย่างในอ่าง

ตอนนี้เย่เฉินกำลังสอนลูกสาวของเขาเล่นเปียโน เขาพบว่าซือซือเรียนวิธีการบรรเลงอย่างถูกต้อง แล้วเด้กหญิงก็มีความเข้าใจในตัวโน้ตง่ายๆ ได้แล้ว แสดงให้เห็นว่าเด็กหญิงน่าจะเรียนได้พักใหญ่แล้ว

เย่เฉินรู้สึกขอบคุณซูมู่ชิงที่ให้ลูกสาวเรียนเปียโน เพราะความตั้งใจของเขาก็คือลูกสาวจะต้องเรียนเปียโน

“ซือซือ คุณครูสอนคอร์ดหนูหรือยัง?” เย่เฉินถาม

ซือซือส่ายหน้า

เย่เฉินกล่าว “งั้นพ่อจะสอนหนูคอร์ดหนึ่งดีไหม?”

ซือซือพยักหน้ารับ

เย่เฉินกุมมือบุตรสาวแล้วกล่าวต่อ “สอนคอร์ด C ง่ายๆ ให้หนูดีไหม”

ซือซือกลับปฏิเสธ “หนูไม่อยากเรียนง่ายๆ หนูอยากเรียนอะไรที่พิเศษที่สุด!”

แม่หนูได้กรรมพันธุ์มาจากเขาจริงๆ เย่เฉินเป็นพวกที่ชอบแต่ของที่พิเศษบนโลกใบนี้

เขาครุ่นคิด ว่าคอร์ดอะไรจะพิเศษกับซือซือนะ?

เลขพ้องเสียงกับชื่อของซือซือคือเลข 4 ตัวอักษรแรกของเลข 4 ในภาษอังกฤษคือ F งั้นก็คอร์ด F ก็แล้วกัน

แล้ว 4 เองยังถือว่าเป็นคอร์ดที่ 4 ของคีย์ C ก็จะเท่ากับคอร์ด F

เย่เฉินรู้แล้วว่าจะสอนคอร์ดอะไรให้บุตรสาวดี

[1] ท่านประธานโจว หรือภาษาจีนคือโจวต่ง (周董) ในที่นี้หมายถึง โจวเจี๋ยหลุน หรือ เจย์โชว (JAY CHOU)

ตอนที่ 285 กลับบ้านซูมู่ชิงอีกครั้ง!
“แก…”

หลี่เฉิงเจี๋ยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาสามสิบปี ไม่เคยโดนดูหมิ่นแบบวันนี้มาก่อน!

เขาไม่เพียงแต่โดนคนซ้อมจนหมดสภาพ แถมยังโดนคนขับรถดดูถูก!

“ดีนี่ นายมันมีของ! เรื่องวันนี้ฉันจะไม่ยอมเลิกราแน่!”

หลี่เฉิงเจี๋ยเดินไปหาพ่อแม่ของซูมู่หลิน แล้วหยิบเอาเสื้อคลุมของเขามาจากมือแม่ของเขาพลางกล่าว “สวัสดีครับ คุณอา คุณน้า”

“เฮ้อ เฉิงเจี๋ย อย่าเพิ่งไปสิ”

คุณแม่ของซูมู่หลินรีบร้อนเดินตามออกไป แล้วพูดจาปลอบโยนเขาไม่หยุดเพื่อไม่ให้หลี่เฉิงเจี๋ยใส่ใจในเรื่องที่เกิดขึ้น

ส่วนซูมู่หลินกลับตบมือชื่นชมไม่หยุด “ทำได้ดีนี่ คิดว่าคราวหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยน่าจะไม่กล้ามารังควานพี่สาวแล้ว!”

ซูมู่หลินไม่ชอบหลี่เฉิงเจี๋ย เพราะว่าหลี่เฉิงเจี๋ยเคยแต่งงานมาก่อน อีกทั้งคนผู้นี้ยังเป็นพวกคร่ำครึ มีความคิดแบบปิตาธิปไตย เป็นพวกผู้ชายที่สนใจแต่ความคิดตนเอง และถึงขนาดลงมือทำร้ายผู้หญิงได้เพียงเพราะหน้าของตนเอง

ภรรยาเก่าของเขาทนนิสัยจุดนี้ของเขาไม่ได้ ดังนั้นถึงได้หย่ากับเขา

ซูมู่หลินย่อมไม่อยากเห็นพี่สาวของเขาแต่งงานกับผู้ชายประเภทนี้

ทว่าในเวลานี้เอง มารดาของซูมู่หลินก็ส่งหลี่เฉิงเจี๋ยจากด้านนอกเสร็จแล้วหล่อนไปหยุดตรงหน้าเย่เฉิน แล้วฟาดฝ่ามือใส่หน้าเขา!

เพี้ยะ!

แม่ของซูมู่หลินตบหน้าเย่เฉิน!

โดยในขณะนั้นเองเย่เฉินกำลังมองลูกสาวสุดที่รักของตนเองอยู่ จึงไม่ทันรู้ตัวเมื่อมารดาของซูมู่หลินเดินมาเข้าใกล้เขา

ดูไปแล้วคุณนายซูน่าจะโกรธจัด หล่อนตะโกนใส่หน้าเย่เฉิน “แกเป็นแค่คนขับรถ แกน่าจะรู้ว่าแกเป็นใคร? แล้วรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”

“คุณหลี่น่ะ อนาคตจะเป็นเขยของตระกูลเรา เป็นเจ้านายแก! อยากตายหรือไง!”

เห็นเย่เฉินโดนซ้อม ซูมู่ชิงรีบร้อนเดินมาพุ่งไปบ่นมารดา “แม่คะ แม่ทำร้ายร่างกายคนอื่นได้ยังไงคะเนี่ย?”

คุณแม่ซูเห็นก็กล่าวเสียงห้วน “เขาซ้อมลูกเขยแม่ แม่ตบเขาสักฉาดมันไม่สมควรหรือยังไง?”

ซูมู่ชิงที่กำลังจะพยายามแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ใครจะรู้จู่ๆ ซือซือก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หล่อนกอดเย่เฉินเอาไว้เหมือนพยายามจะปกป้องเขา แล้วกล่าวกับผู้มีศักดิ์เป็นยาย “คุณยายอย่าตีพ่อหนู!”

แล้วในทันใดนั้นเองทุกคนที่นั่นก็นิ่งไป

ส่วนผู้ใหญ่ทั้งสองคนต่างก็เบิกตาค้าง ส่วนซูมู่เสวี่ยเองก็ถามอย่างอดไม่ได้ “ซือซือหนูพูดอะไร? ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของหนูเหรอ?”

“ตอนนั้นคนที่ทำซูมู่ชิงตั้งท้องคือเธอเองเหรอเนี่ย?”

นอกจากซูมู่หลินแล้ว คนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็หันมองเย่เฉินด้วยแววตาที่เจือไปด้วยโทสะ

เย่เฉินยังไม่ทันได้ยอมรับ ซูมู่ชิงก็รีบร้อนอธิบาย “ไม่ใช่ค่ะ ซือซือพูดจาเหลวไหล ซือซือไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ซือซือแค่คิดถึงพ่อของแกเองมากเกินไป”

พอได้ยินคำอธิบายของซูมู่ชิง ซูมู่เสวี่ยก็ถอนหายใจ “ทำฉันตกใจหมดก็คิดว่าจริง พี่ชิงคะ ถ้าตอนนั้นพี่ยอมตั้งท้องมีลูกกับคนขับรถจริงๆ ไม่คุ้มเลย เหอะๆ”

ซูมู่ชิงไม่สนใจอีกฝ่าย แต่หันมามองเย่เฉิน “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เย่เฉินส่ายหน้า ตนเองโดนแม่ของซูมู่ชิงตบหน้าฉาดใหญ่ ก็ถือเสียว่าเป็นการชดเชยให้หญิงสาวก็แล้วกัน

ซูมู่ชิงมองพ่อกับแม่ด้วยใบหน้าไม่พอใจ “หนูจะกลับแล้ว”

ซูมู่หลินรีบร้อนกล่าว “ให้คนขับรถผมไปส่งสิ”

ซูมู่ชิงปรายตามองเย่เฉิน เย่เฉินเองก็อยากจะอยู่กับแม่ลูกคู่นี้ต่อจึงรับคำ “ครับ”

ทั้งสามคนเดินไปด้านนอก ซูมู่ชิงขับรถ JEEP สีแดง

เมื่อมาถึงตรงหน้ารถ เย่เฉินเป็นฝ่ายกล่าว “ให้ผมขับรถก็แล้วกัน”

ซูมู่ชิงกลับปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก คุณนั่งเถอะ”

ถึงแม้ว่าซูมู่ชิงจะร่างกายอ่อนแอ แต่พอจะมองออกว่าเจ้าหล่อนเป็นผู้หญิงในเมืองหลวงที่ทั้งแข็งแกร่งและเป็นตัวของตัวเองมากทีเดียว

ผู้หญิงในเมืองหลวงแตกต่างจากผู้หญิงทางใต้ พวกหล่อนยืนอยู่ด้วยลำแข้งของตนเอง ไม่นุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงทางใต้

มีนิสัยบางส่วนที่ค่อนข้างเหมือนกับผู้หญิงโซนยุโรป ที่ชอบทำอะไรๆ ด้วยตัวเอง

ส่วนซือซือก็ดึงมมือเย่เฉินพลางกล่าว “คุณแม่ขับรถเก่งที่สุดเลย ให้คุณแม่ขับรถไปเถอะค่ะ หนูอยากให้คุณพ่ออยู่เป็นเพื่อน”

เย่เฉินบีบแก้มเล็กๆ ของซือซือ เขาพอจะมองออกตั้งแต่ตอนที่อยู่ในร้านกาแฟในเทียนไห่ว่าแม่หนูน้อยคนนี้ชอบเขามาก มีคำพูดมากมายอยากจะคุยกับเขา

ยังจำครั้งที่สองที่ไปได้ น้องสาวคนที่สี่ของเขายังอดใจให้อุ้มแม่หนูน้อยคนนี้ไม่ได้ เมื่อหล่อนอุ้มแล้ว เขาก็อยากอุ้มบ้าง

ตอนเย่เฉินเตรียมไปอุ้มซือซือ ทั้งที่เด็กหญิงก็เป็นฝ่ายยื่นมือมาให้เขาอุ้มหล่อน

แต่ว่ากลับโดนซูมู่ชิงก็ขวางเอาไว้

ไม่รู้ว่าทำไมซูมู่ชิงถึงไม่ยอมให้เย่เฉินอุ้มลูกสาวตนเอง

เย่เฉินเปิดประตูรถแล้วอุ้มเด็กหญิงขึ้นไป พลางกล่าว “ได้สิ เดี๋ยวคุณพ่อจะนั่งกับหนู ให้คุณแม่เขาขับรถไปแล้วกัน”

เมื่อนั่งในรถ เย่เฉินและซือซือก็นั่งด้านหลัง จู่ๆ ซือซือก็อ้อนวอน “หนูจะนั่งตักคุณพ่อ”

ซูมู่ชิงที่กำลังขับรถอยู่ก็หันมาสั่งสอนซือซือ “ซือซือ”

เย่เฉินกลับรวบเด็กหญิงขึ้นมาวางบนตัก แล้วกล่าวกับซูมู่ชิง “ให้ลูกนั่งแบบนี้เถอะ ผมกอดอยู่ ปลอดภัยมาก”

ซูมู่ชิงส่ายหน้า ปกติแล้วซือซือเป็นเด็กดีมาก วันนี้ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ซนแบบนี้

ทักษะในการขับรถของซูมู่ชิงดีมาก โดยเฉพาะทักษะในการจอดรถ ถอยจอดโดยไม่ได้ต้องมองกล้องช่วยจอดเลย

แล้วทั้งสามคนก็มาถึงเรือนสี่ประสานของพวกหล่อนอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงเรือนสี่ประสานแย่เฉินก็กล่าวถาม “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่? เป็นเพราะเรื่องของผมหรือเปล่า คุณเลยโดนที่บ้านไล่ออกมา?”

ซูมู่ชิงตอบ “ฉันย้ายออกมาเองค่ะ ตอนอยู่บ้านพ่อกับแม่ชอบให้ฉันไปดูตัวกับคนนั้นคนนี้ ฉันเบื่อน่ะ”

เย่เฉินประหลาดใจ “ทำไมหลายปีมานี้คุณถึงไม่แต่งงาน? ด้วยคุณสมบัติของคุณ ต่อให้มีลูกสาวก็น่าจะหาแฟนได้ไม่ยากนี่นา?”

ซูมู่ชิงไม่อยากจะตอบ หล่อนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปากเอ่ยช้าๆ “เพราะคนที่พ่อแม่ของฉันจัดแจงหามา ก็มีแต่พวกที่แต่งงานเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น ฉันไม่อยากตกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ของตระกูล”

“อ้อ”

เย่เฉินเลยไม่ถามต่อ เขาพอจะมองออกว่าซูมู่ชิงเป็นผู้หญิงเป็นคนที่ตั้งความหวังกับความรักเอาไว้สูงมากทีเดียว

เมื่อเดินมาที่ห้องรับแขก ซูมู่ชิงก็ดึงมือของซือซือแล้วกล่าว “ซือซือ วันนี้ลูกยังไม่ได้ซ้อมเปียโนเลย”

ซือซือเม้มริมฝีปาก “หนูไม่อยากซ้อมเปียโน หนูอยากเล่นกับคุณพ่อ”

ในขณะที่เย่เฉินมองประเมินการตกแต่งของห้องรับแขก การตกแต่งและดีไซน์ของห้องรับแขกห้องนี้เรียบง่าย แตกต่างไปจากวิลล่าหรูที่เขาเคยอยู่ ถึงขนาดที่อาจเรียกได้ว่าชวนละเหี่ยใจ

คิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงจะเลือกสถานที่แบบนี้ มันเพียงพอแล้วที่จะบอกว่าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่เห็นแก่เงินเป็นสำคัญ

เย่เฉินเห็นเปียโน Steinway & Sons ที่วางอยู่กลางห้องก็กล่าว “ซือซือเริ่มเรียนเปียโนแล้วเหรอเนี่ย ซือซือ พ่อสอนหนูเล่นเปียโนดีไหมคะ?”

“ดีค่ะๆ”

ซือซือที่ไม่ค่อยชอบเรียนเปียโน ยังดูสนอกนใจอย่างเห็นได้ชัด

ซูมู่ชิงมองเย่เฉินอย่างประหลาดใจ “คุณเล่นเปียโนเป็นด้วยเหรอเนี่ย”

บางทีหล่อนอาจจะคิดว่าผู้ชายที่ชอบการต่อสู้แบบเย่เฉิน ไม่น่าจะมีความสามารถในด้านศิลปะพวกนี้

เย่เฉินกล่าว “ฉินหลางนักเปียโนชื่อดังระดับโลกเป็นศิษย์น้องของผม สบายใจเถอะครับ การเรียนเปียโนของซือซือในอนาคตยกให้ผมแล้วกัน”

เย่เฉินอุ้มซือซือมานั่งลงตรงหน้าเปียโน แล้วอวดทักษะการเล่นเปียโนของเขาให้ลูกสาวได้เห็น จากนั้นเด็กหญิงจึงปรบมือไม่หยุด

เมื่อเห็นทักษะการเล่นเปียโนของเย่เฉิน ซูมู่ชิงก็วางใจ จากนั้นจึงถามอีกฝ่าย “เย่เฉิน คุณจะอยู่กินข้าวต่อไหม? ถ้าคุณจะอยู่กินข้าวที่นี่ ฉันจะไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้เลย”

เย่เฉินกล่าว “ผมไม่เพียงแต่กินข้าวที่นี่ แต่ผมจะค้างที่นี่ด้วย”

ตอนที่ 284 ซ้อมผู้ชายที่มาดูตัว!
สำหรับซูมู่หลินแล้ว เย่เฉินและหลี่เฉิงเจี๋ยใครจะซ้อมใครเขาก็ไม่สนใจ

เพราะเขาเกลียดทั้งสองคนนั้นแหละ คนหนึ่งก็เหมือนแมลงวันที่คอยตอมพี่สาวเขา ส่วนอีกคนก็เคยทำผิดมหันต์เกินจะอภัยกับพี่สาวของเขา!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่เฉินเคยตบเขา ต่อยเขา เตะเขาเมื่อไม่กี่วันก่อนแถมยังแทงเขาอีก หนำซ้ำเกือบจะส่งเขาไปดาวอังคารด้วย !

ถูกเย่เฉินเขย่าประสาทจนหมดสภาพขนาดนี้ ซูมู่หลินอยากจะให้หลี่เฉิงเจี๋ยช่วยสั่งสอนเย่เฉินให้เหมือนกัน

เย่เฉินเกลียดท่าทางยโสโอหังของหลี่เฉิงเจี๋ยใจจะจขาด และเกลียดที่อีกฝ่ายเอาแต่เรียกเขาว่า‘ไอ้หมารับใช้’

เดิมทีเพิ่งจะได้รู้ว่าตนเองมีลูกสาว เย่เฉินดีใจอย่างมาก แต่ว่าในเมื่อหลี่เฉิงเจี๋ยรนหาที่ตายเอง งั้นเย่เฉินเองก็จะไม่เกรงใจเขา!

แล้วอีกอย่าง ตระกูลซูดูอยากจะให้ซูมู่ชิงแต่งงานกับหลี่เฉิงเจี๋ย แต่ซูมู่ชิงดูจะไม่ยินยอม

เขาเองก็อยากจะอาศัยโอกาสนี้เหยียบหน้าหลี่เฉิงเจี๋ย เพื่อที่ในอนาคตหมอนี่จะได้ไม่มารบกวนซูมู่ชิงอีก

ถือเสียว่าช่วยหญิงสาวก็แล้วกัน

ดังนั้นเย่เฉินจึงค่อยๆ เดินสาวเท้าลงมาด้านล่าง แววตาไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลี่เฉิงเจี๋ย

หลี่เฉิงเจี๋ยมองเย่เฉินพลางกล่าว “ไอ้หมารับใช้ รีบยืนย่อขาเลย คิดไม่ถึงว่าฉันจะถีบแกไม่ได้ ดูแล้วแกนี่เคยออกกำลังกายมาล่ะสิ ดีมาก ฉันชอบสั่งสอนไอ้พวกคนที่คิดว่าตัวเองเก่งนักหนา ตามฉันมา!”

หลี่เฉิงเจี๋ยเป็นฝ่ายเดินนำไปก่อน ส่วนเย่เฉินก็เดินตามไปติดๆ

“ไปดูอะไรสนุกๆ เถอะ”

ซูมู่หลินและซูมู่เสวี่ยเดินมาถึงหน้าประตู

แต่ใบหน้าของพ่อแม่ของซูมู่หลินกลับเต็มไปด้วยความกังวล แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้สนใจความปลอดภัยของคนขับรถอย่างเย่เฉิน แต่ที่พวกเขากังวลคือวันนี้โทสะของหลี่เฉิงเจี๋ยจะบรรเทาลงไปหรือไม่

ตระกูลซูในตอนนี้ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าตระกูลหลี่อยู่เล็กน้อยก็จริง แต่ว่าเมืองหลวงนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตระกูลซูเองก็อยากจะทำทุกวิถีทางที่พอทำได้เพื่อผูกสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ให้ได้มากที่สุด

ตระกูลส่วนมากมีแต่ลูกชาย คิดว่ามีลูกชายแล้วจะสามารถสืบเชื้อสาย เพื่อตระกูลจะได้ดำเนินต่อไป

แต่ตระกูลซูนั้นมีธรรมเนียมว่าจะต้องมีลูกชายและลูกสาว ลูกชายจะสามารถจะสามารถสืบทอดธุรกิจของตระกูล ส่วนลูกสาวมีหน้าที่รับผิดชอบแต่งงานกับตระกูลต่างๆ

ตลอดหลายสิบปีมานี้ตระกูลซู รวมไปถึงน้า และย่าของซูมู่หลิน ต่างก็แต่งงานกับตระกูลใหญ่ๆ ทั้งนั้น

และเป็นเพราะเหตุนี้เอง ทำให้สถานะของตระกูลซูมั่นคงอยู่เสมอ

หลี่เฉิงเจี๋ยเดินไปด้านนอก ตอนนี้ในทางเหนือเป็นฤดูหนาวพอดี เขาถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก เหลือแค่เสื้อไหมพรมบางๆ ตัวเดียว

เย่เฉินเดินตามออกไป ถอดเสื้อคลุมออก ภายในเป็นเสื้อเชิ้ตที่เก็บความร้อนที่สั่งตัดเอาไว้

วันนี้เขาอยู่ในสไตล์นักธุรกิจ จึงสวมรองเท้าหนัง ไม่ค่อยจะคล่องตัวนัก

แต่ว่าเย่เฉินเดาว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกับตนเอง จะใส่รองเท้าอะไรก็ไม่ต่างกัน

แล้วหลี่เฉิงเจี๋ยก็ตะโกนเสียงดัง ก่อนจะตั้งท่ามาตรฐานแล้วโจมตีเย่เฉินอย่างรวดเร็ว

“ย่าห์!”

“ย่าห์!”

“ย่าห์!”

หลี่เฉิงเจี๋ยปล่อยหมัดออกมาแล้วตะเบ็งเสียง อีกทั้งท่าของเขายังได้มาตรฐานอย่างมาก ทุกครั้งที่ปล่อยหมัดออกมา ทั้งตำแหน่ง พลัง ท่าล้วนแต่แม่นยำอย่างยิ่ง

อีกทั้งพลังของเขาก็ไม่ได้แย่ ถ้าเป็นคนทั่วๆ ไป เมื่อโดนหมัดหลายๆ ครั้งเข้าคาดว่าคงจะหมอบไปแล้ว

ทว่าเย่เฉินมีความสามารถในการรับหมัดที่ไม่ธรรมดา เขาสามารถรับหมัดทั้งหมดจากนั้นเย่เฉินก็ส่งยิ้มให้หลี่เฉิงเจี๋ย “หมัดชุดนี้ ผมเองก็เคยเรียนมาก่อน!”

แล้วเห็นเย่เฉินตั้งการ์ดท่าเดียวกับหลี่เฉิงเจี๋ย เขายืนนิ่งแล้วย่อตัวน้อยๆ จากนั้นก็ปล่อยหมัดออกไป

หลี่เฉิงเจี๋ยประหลาดใจ เพิ่งจะได้ชักเท้าไปด้านหลัง เย่เฉินก็เตะเข้าที่หน้าของเขา

จากนั้นเย่เฉินจึงปล่อยหมัดออกไปตรงๆ ถึงสามครั้ง

โครม! โครม! โครม!

หลี่เฉิงเจี๋ยโดนต่อยจนถอยกรูด

ท่ามวยที่ได้มาตรฐานของเย่เฉินนี้ทำเอาทุกคนที่อยู่ที่นั่นตกใจกันไปหมด

หลี่เฉิงเจี๋ยเองก็ประหลาดใจอย่างมาก “แกเคยเป็นทหารด้วยเหรอ?”

เย่เฉินกล่าว “ประมาณนั้น”

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวอย่างเหยีดหยาม “เคยเป็นก็เคยเป็น ถ้าไม่เคยเป็นก็ไม่เคยเป็น แกมันไอ้คนสำนึกผิด ใช้ท่ามวยครึ่งๆ กลางๆ คิดจะขู่ให้ฉันกลัวเหรอ? รนหาที่ตายชัดๆ!”

หลี่เฉิงเจี๋ยปล่อยหมัดออกไป

เย่เฉินใช้วิชาการต่อสู้แบบเดียวกันรับมืออีกฝ่าย

วิชาการต่อสู้ชุดนี้นั้นเย่เฉินแค่เคยเรียนมาผ่านๆ ส่วนหลี่เฉิงเจี๋ยใช้วิชานั้นทำมาหากิน แต่ว่าเขากลับไม่สามารถใช้วิชาที่ตนเองเก่งกาจนักหนาเอาชนะเย่เฉินได้

ต่อสู้ไปครู่หนึ่ง เย่เฉินก็รู้สึกว่าน่าเบื่อ เห็นซูมูชิงและซือซือเองก็มาที่ในสวน ก็อยากจะให้ลูกสาวของตนเองได้เห็นการแสดงหมัดมวยที่น่าสนใจ

“ไอ้หนุ่ม ฉันจะสอนฟู่ฮอกเซียงหยิงควิ่นแกสักกระบวนท่าหนึ่ง”

เย่เฉินพูดจบ ก็ทำมือเป็นรูปหงส์ จากนั้นก็มีหลายกระบวนท่ากลายเป็นพยัคฆ์โหนกระโจน ท่าทางแข็งแกร่ง กรงเล็บแหลมคมเหมือนพยัคฆ์ทั้งสองข้างตวัดลงบนหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

เพี้ยะ!

เพี้ยะ!

เพี้ยะ!

ตบไปพลาง เลียนเสียงเสือไปด้วย

“โฮก! โฮก!”

ซือซือที่อยู่ด้านข้างปรบมือลงตรงๆ “อ๊าก เสียงคำรามของเสือ เหมือนจังเลย! เหมือนจังเลย!”

เย่เฉินไม่ใช่คนที่ทำเสียงเลียนแบบของสัตว์ ดังนั้นที่เขาร้องได้เหมือนมาก เป็นเพราะเขาเคยสู้กับเสือจริงๆ มาก่อน!

เย่เฉินฝึกวิชาป้องกันตัวตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ตอน 18-19 ก็มีชะตาชีวิตที่ไม่ธรรมดา คนปกติจะสู้เขาไม่ไหว เขาก็เลยไปสู้กับเสือ!

ผลลัพธ์ก็คือไม่เคยต่อสู้กันมาก่อน จนสุดท้ายแล้วใช้ปืนยาชาฉีดใส่เขา

เย่เฉินนึกถึงสถานการณ์ที่โดนเสือทำร้าย ตนเองกลายเป็นเสือ กระโดดเด้งขึ้นไปหลังจากนั้นก็พุ่งไปหลี่เฉิงเจี๋ย!

“กระโดดเก่งจริงๆ!”

หลี่เฉิงเจี๋ยตกใจ คิดไม่ถึงเย่เฉินกระโดดสูงแบบนี้

เย่เฉินลงมาจากฟ้า สอยหลี่เฉิงเจี๋ยจนร่วงลงไปในหมัดเดียว หลังจากนั้นก็ขี่บนตัวหลี่เฉิงเจี๋ย ทั้งสองกรงเล็บประหนึ่งกรงเล็บแหลมคมของเสือ ผลัวะดังขึ้น ฉีกเสื้อไหมพรมของหลี่เฉิงเจี๋ยออกเป็นชิ้นๆ!

จากนั้นเย่เฉินก็ชูหมัดขวา ประเคนฟาดหน้าใส่หน้าหลี่เฉิงเจี๋ยจนเขาขยับไม่ได้!

แต่ในเวลานี้เอง…

“หยุดนะ!”

“หยุดนะ!”

จากด้านนอกบ้าน ทันใดนั้นเองก็มีคนเตะคนกลุ่มหนึ่งออกมา เย่เฉินหันมามองในตอนนั้นคิดไม่ถึงมีปืนอย่างน้อยๆ ห้ากระบอก ชี้ใส่หัวเย่เฉิน!

“หลี่เฉิงเจี๋ยคนนี้ไม่ธรรมดา!”

เย่เฉินถึงได้เพิ่งตระหนักได้ถึงความร้ายกาจของหลี่เฉิงเจี๋ย

คนติดตามของเขาพกปืนห้ากระบอกตลอดเวลา ในเทียนไห่ตระกูลหลิ่วยังไม่กล้าทำอะไรแบบนี้เลย

ตอนนี้ซูมู่หลินเปิดปากกล่าว “หลี่เฉิงเจี๋ยตอนนี้คุณนี่ใจกล้ามากขึ้นทุกที คิดไม่ถึงว่าจะกล้าควักปืนในตระกูลซูของเรา? คุณไม่เห็นหัวตระกูลซูในสายตาแล้วใช่ไหม! สู้ไม่ได้ก็สู้ไม่ได้ กระทั่งแรงน้อยนิดเท่านี้ก็ไม่มีแล้วเหรอ?”

หลี่เฉิงเจี๋ยโดนกดลงบนพื้น ตอนนี้ทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยข่วนของเย่เฉิน จนเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งไปหมด

แล้วที่ยิ่งน่าขายหน้าไปกว่านั้นก็คือทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่คนในดวงใจของเขาอย่างซูมู่ชิงเองก็อยู่ในเหตุการณ์ ตอนนี้จึงขายขี้หน้าเกินจะรับ!

หลี่ซ่าวเจี๋ยกล่าวกับพวกลูกน้องของเขา “ใครให้พวกเขาเข้ามา ออกไปให้หมด!”

“ครับ!”

คนถือปืนทั้งห้าคนสลายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว

และในเวลานี้เองเย่เฉินก็เก็บมือจากร่างกายของเขา

หลี่เฉิงเจี๋ยตะกายขึ้นมาจากพื้น แล้วมองเย่เฉินด้วยแววตาที่โกรธเกรี้ยว “บอกชื่อมา!”

เย่เฉินมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม “คุณไม่คู่ควรจะได้รู้ชื่อผม!”

ตอนที่ 283 ไถลลงบันไดให้ลูกสาวผมดูที!
เย่เฉินปราดเข้ามาขวางซือซือ แล้วเสสายตาลงต่ำขณะมองหลี่เฉิงเจี๋ย แล้วกล่าวเสียงเย็น

“คุณไม่ได้ยินเหรอครับว่าซือซือบอกว่าไม่น่ะ?”

หลี่เฉิงเจี๋ยคนนี้รนหาที่ตายชัดๆ!

เย่เฉินเพิ่งจะได้ทำความรู้จักลูกสาวของเขา เล่นกับหล่อน สารเลวคนนี้คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ดีๆ ก็โผล่มา แถมยังทำให้ซือซือตกอกตกใจแบบนี้

อีกทั้งคิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาดึงดันจะอุ้มลูกสาวเขา!

สามปีกว่าที่ผ่านมา เย่เฉินไม่รู้ว่ามีลูกสาวคนนี้อยู่ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้

แต่ว่าวันนี้เขารู้แล้ว จะให้เขายืนมองคนอื่นรังแกลูกสาวเขาได้อย่างไร!

ส่วนหลี่เฉิงเจี๋ยหัวเสียกว่าเดิมมาก!

เขาไม่รู้เรื่องสถานะของเย่เฉิน รู้แค่ว่าเย่เฉินเป็นแค่คนขับรถเท่านั้น

หลี่เฉิงเจี๋ยลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กล่าวกับเย่เฉินอย่างไม่พอใจ “แกมันไอ้หมารับใช้ เป็นแค่ขับรถแต่กล้าสั่งสอนฉันเรอะ?! อยากตายหรือไง!”

หลี่เฉิงเจี๋ยเอาแต่เรียกเขาเป็นสุนัขรับใช้ เหมือนว่าตนเองมีเชื้อสายเป็นฮ่องเต้มาจากไหน

ถ้าเป็นเมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน พวกลูกคนรวยมีเชื้อมีสายในเมืองหลวงอย่างพวกเขาสามารถโอหังแบบนี้ได้จริงๆ

แต่ตอนนี้ยังทำตัวเหมือนเดิม เกรงว่าคงจะอยู่ในความฝัน!

ซูมู่ชิงและลูกสาวของพวกเขาอยู่ที่นี่ เย่เฉินไม่อยากให้ลูกสาวของตนเองเห็นตนเองในมุมมองที่โหดร้าย ดังนั้นถึงไม่ลงมือทำร้ายเขา

แต่ถามอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ด่าใครเป็นหมารับใช้?”

หลี่เฉิงเจี๋ยตอบกลับอย่างร้อนใจ “ไอ้หมารับใช้ด่าแกไง! แกมันไอ้คนขี้ครอก”

ทว่าทันทีที่พูดออกมาก็พบว่าตนเองโดนอีกฝ่ายปั่นหัว

พูดแบบนี้ไม่เท่ากับว่าเขาด่าตนเองว่าเป็นหมารับใช้เหรอ?

“ฮ่าๆ”

เหมือนว่าซือซือเองเข้าใจ เด็กหญิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

หลี่เฉิงเจี๋ยร่างกายสูงใหญ่แต่สมองไม่พัฒนาไปกับขนาดร่างกาย เขาย่อมเถียงเย่เฉินไม่ได้ อยากจะลงมือสั่งสอนเขาก็จริงแต่ว่าที่นี่คือห้องของซูมู่ชิง แต่เขาเองก็ไม่อยากจะลงไม้ลงมือที่นี่

ดังนั้นหลี่เฉิงเจี๋ยจึงชี้ไปที่เย่เฉินพลางกล่าว “ไอ้หมารับใช้ ที่นี่คือห้องของซูมู่ชิง ฉันไม่อยากทำให้ที่นี่แปดเปื้อน แก รีบไสหัวลงไปเดี๋ยวนี้!”

ดูไปแล้วหลี่เฉิงเจี๋ยก็อยากจะลงมือสั่งสอนเย่เฉินใจจะขาด!

เย่เฉินยังคงมีท่าทีไม่รีบไม่ร้อน เขากล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณชายหลี่จะลงบันไดต้องกลิ้งลงเหรอครับ? ผมทำไม่เป็นหรอกนะ ไม่งั้นคุณชายหลี่พอจะช่วยแสดงให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

เมื่อเหน็บแนมหลี่เฉิงเจี๋ยแล้วก็กล่าวกับซือซือ “ซือซือ อยากเห็นคุณอาคนนี้กลิ้งลงบันไดไหมคะ?”

“อยากดูค่ะ! อยากดูค่ะ!”

ซือซือปรบมือไม่หยุด

เย่เฉินดึงมือน้อยๆ ของซือซือพลางกล่าว “ไปเถอะ พวกเราไปดูคุณอากลิ้งลงบันไดกัน”

“ได้ค่ะๆ”

เย่เฉินพาซือซือออกมาจากห้อง แล้วหยุดที่บันได

ซือซือมองหลี่ซาวเจี๋ยด้วยแววตาใสซื่อ “คุณอาคะ หนูอยากเห็นคุณอากลิ้งลงบันได”

สีหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยเก้อเขิน ด่าเย่เฉินในใจไม่หยุดแล้วกล่าวกับซือซือด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ซือซือ อากลิ้งลงบันไดไม่ได้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นหนูให้คนข้างๆ หนูกลิ้งลงบันได้ดีไหม?”

หลี่เฉิงเจี๋ยมองเย่เฉิน แล้วสั่งเขา “ไอ้หนุ่ม แกกลิ้งลงบันไดในซือซือดูหน่อย แล้วฉันจะไม่ถือสาแกเรื่องวันนี้”

เย่เฉินแค่นเสียง จะให้เขากลิ้งลงบันได้เพื่อให้นายได้หน้ากับซือซือเหรอ?

เย่เฉินกล่าว “ผมทำไม่เป็นหรอก ไม่เคยลอง”

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “นายไม่จำเป็นต้องทำเป็น แค่ไปยืนที่บันไดก็เป็นอันใช้ได้”

เย่เฉินทำเป็นไม่เข้าใจเขาเดินตรงไปที่บันได้แล้วถาม “หมายถึงยืนแถวนี้น่ะเหรอ?”

ซูมู่ชิงตึงเครียด เพราะหญิงสาวรู้ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยจะทำอะไร!

หลี่เฉิงเจี๋ยต้องการจะถีบเย่เฉินลงไปข้างล่าง!

ในตอนที่ซูมู่ชิงกำลังจะเตือนเย่เฉิน ใครจะรู้ว่าเท้าของอีกฝ่ายก็ดีดออกไปแล้ว

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวพร้อมระบายยิ้ม “ใช่แล้ว ตรงนั้นแหละ! กลิ้งลงไปเลยแก!”

รองเท้าบู้ตหนังที่หลี่เฉิงเจี๋ยสวมใส่นั้นถีบลงไปที่สะโพกของเย่เฉิน!

“อย่า!”

ซูมู่ชิงตะโกนออกมาเสียงดังด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างยิ่ง

และในตอนนี้ซูมู่หลินและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่างก็เห็นภาพตรงหน้านี้อย่างชัดเจน

เมื่อซูมู่เสวี่ยเห็นภาพเหตการณ์นี้ก็นึกสนุกหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเอาไว้

ทว่าเย่เฉินที่เคยโดนลอบทำร้ายมาหลายครั้ง จะเสียท่าให้หลี่เฉิงเจี๋ยได้อย่างไร?

เขาจงใจไปยืนตรงนั้นเพราะอยากจะล่อให้อีกฝ่ายเตะเขา

ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวเอาไว้แล้ว เขาเกร็งขา จนกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายตึงแข็ง เพื่อประคองร่างกายให้มั่นคง

เขาในตอนนี้บอกว่าสวมเกราะทองก็ไม่ถือว่าเวอร์เกินไป คนปกติไม่มีทางแตะต้องเขาได้!

หลี่เฉิงเจี๋ยสะบัดเท้า แต่อีกฝ่ายกลับไม่ขยับเขยื้อน!

“อะไรน่ะ?!”

หลี่เฉิงเจี๋ยเห็นภาพที่เกิดขึ้นก็ชะงักค้างไป

เตะไม่ได้งั้นเหรอ?

ซูมู่เสวี่ยและพ่อแม่ของหล่อนก็ชะงักไปเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าคนขับรถคนนี้จะทนเท้าขนาดนี้

“ฮ่าๆ…” ซูมู่หลินเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “หลี่เฉิงเจี๋ย นายอ่อนแอเกินไปแล้วล่ะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเตะคนธรรมดายังไม่ได้เลย ถ้าพี่น้องในกองทัพรู้เข้า คงหัวเราะเยาะตายเลย”

หลี่เฉิงเจี๋ยอับอายขายขี้หน้าอย่างมาก ดังนั้นเขาถึงอาศัยจังหวะที่เย่เฉินไม่ได้หันมามอง แล้วถอยเท้าไปก้าวหนึ่งจากนั้นใช้แรงทั้งหมดที่มีเตะเย่เฉิน!

“แกไสหัวลงไป!”

แต่ใครจะรู้ว่าในตอนที่เท้าของเขากำลังจะไปแตะต้องร่างกายของเย่เฉินนั้นเอง เย่เฉินก็เหมือนมีตาหลัง เอี้ยวตัวไปอีกด้านทันที

หลี่เฉิงเจี๋ยเตะใส่อากาศ!

“แม่ง!”

หลี่เฉิงเจี๋ยเตะใส่อากาศ เพราะออกจนสุดแรง หลี่เฉิงเจี๋ยเลยโอนเอนไปชั่วขณะ บวกกับร่างกายของเขาสูงใหญ่ ขาซ้ายของเขาไถลลงไปที่บันไดขั้นที่สาม!

ทว่าหลี่เฉิงเจี๋ยกลับไม่ได้ไถลลงไปทันที มือซ้ายของเขาคว้าราวบันไดอย่างรวดเร็ว

และในเวลานี้เองเย่เฉินถอดแหวน Chrome heart ที่เขาใส่ไว้ที่นิ้วชี้ข้างขวา แล้วตบไปมือซ้ายของหลี่เฉิงเจี๋ย

“อ๊าก!”

หลี่เฉิงเจี๋ยร้องโหยหวน เมื่อมือซ้ายไม่มีที่ยึดจับ ทำให้เขาโอนเอนจนเสียการทรงตัว

แล้วเสียงโครมครามก็ดังขึ้นเป็นเสียงหลี่เฉิงเจี๋ยไถลลงมาจากบันไดชั้นสอง

พอถึงตรงนี้เย่เฉินก็หัวไปกล่าวกับซือซือ “ซือซือ เห็นไหม? นี่เรียกว่าไถลลงบันได สนุกไหม?”

“สนุกค่ะ” ซือซือกล่าวพลางฉีกยิ้มกว้าง

เย่เฉินยังไม่ลืมสอนลูกสาว “สนุกน่ะสนุก แต่ว่าซือซือจะไถลลงไปไม่ได้นะ ไถลลงบันไดอันตราย หนูเห็นคุณอาที่ไถลลงไปเมื่อกี้ไหมคะ เลือดออกหน้าเลย”

ซือซือมองหลี่เฉิงเจี๋ยที่อยู่ด้านล่างแล้วกล่าวกับเย่เฉิน “ค่ะ ซือซือเป็นเด็กดีซือซือไม่ไถลลงไปค่ะ ซือซือจะเดินลงไปค่ะ ”

“ฉลาดจริงๆ เลย!” เย่เฉินลูบเรือนผมยาวของบุตรสาวพลางกล่าวชมเชย

ส่วนหลี่เฉิงเจี๋ยในตอนนี้หัวเสียจนจะระเบิดอารมณ์ออกมาอยู่แล้ว!

หลี่เฉิงเจี๋ยชี้หน้าเย่เฉินอย่างไม่พอใจ “ไอ้หมารับใช้ แกกล้าปั่นหัวฉัน! ฉันจะทำให้แกพิการแน่!”

และในเวลานี้เองแม่ของซูมู่หลินที่เห็นหลี่เฉิงเจี๋ยได้รับบาดเจ็บก็รีบร้อนเดินมาแล้วโน้มน้าว “เฉิงเจี๋ยไม่เป็นอะไรใช่ไหมจ้ะ? ใจเย็นๆ อย่าถือสาหาความกับพวกคนใช้เลย รีบนั่งลงเถอะ เดี๋ยวฉันให้คนเช็ดหน้าให้นะ”

หลี่เฉิงเจี๋ยไม่อยากเสียมารยาท จึงเดินตามมารดาของซูมู่หลินไปที่ห้องรับแขก พลางกล่าวกับซูมู่หลิน “มู่หลิน เรื่องนี้นายน่าจะต้องรับผิดชอบอะไรหน่อยหรือเปล่า!”

ซูมู่หลินกลับจิบชาด้วยท่าทีสบายๆ “ตลกจริงๆ เลย ผมนั่งอยู่ที่นี่ตลอดเลย เกี่ยวอะไรกับผม?”

หลี่เฉิงเจี๋ยตะคอก “ก็หมอนั่นเป็นคนของนาย ถ้านายไม่สั่ง เขาจะกล้าทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง?”

หลี่เฉิงเจี๋ยรู้ว่าซูมู่หลินไม่ชอบให้เขามารบกวนพี่สาวตนเอง ดังนั้นเขาจึงคิดว่าที่เย่เฉินกล้าทำแบบนี้กับเขา เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายสั่งให้เย่เฉินทำ

ซูมู่หลินกล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณเข้าใจผมผิดแล้ว ผมไม่ได้สั่งเขา หมอนี่ไม่เคยเห็นหัวใคร”

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าว “ที่บอกว่าจะตีหมาต้องดูเจ้าของ ตอนนี้ฉันจะสั่งสอนเขานายคงไม่ติดอะไรใช่ไหม?”

ซูมู่หลินกล่าว “ไม่เลยครับ ถ้าไม่ชอบขี้หน้าก็เอาเลย ถ้าชนะเขาได้ก็ช่วยซ้อมเขาแทนผมด้วยแล้วกัน”

หลี่เฉิงเจี๋ยยิ้ม “ได้!”

หลี่เฉิงเจี๋ยมองเย่เฉินที่อยู่ด้านบนแล้วกล่าว “ไอ้หมารับใช้ เจ้านายของแกไม่สนใจแกแล้ว รีบลงมารับโทษข้างล่างนี่เสียดีๆ!”

ตอนที่ 282 กล้าแตะต้องลูกสาวฉันเรอะ!
เย่เฉินอุ้มเด็กสาวไว้ในอ้อมแขน เขาในตอนนี้ทั้งปลาบปลื้มใจ รู้สึกผิดและตื่นเต้นไปหมด

เดิมคิดว่าตนเองเพิ่งได้เป็นพ่อคนในปีนี้ คิดไม่ถึงว่าเมื่อสามปีก่อนหน้านี้เขาก็เป็นพ่อคนแล้ว!

เด็กหญิงอยู่ในอ้อมแขนเย่เฉิน คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีท่าทีหวาดกลัวเพียงแต่ทำอะไรไม่ถูก

เย่เฉินอุ้มหล่อนต่ออีกประเดี๋ยว หลังจากนั้นก็มองดวงตาโตกลมของหล่อนพลางถาม “แม่หนูน้อย หนูชื่ออะไรคะ?”

เด็กหญิงตอบ “ชื่อเล่นชื่อซือซือค่ะ ชื่อจริงคือซูเย่เยว่”

เย่เฉินถามอีก “เย่จากคำว่าเย่เหว่าน (กลางคืน) เหรอคะ? ”

แม่หนูน้อยส่ายหน้า “เย่จื่อ (ใบไม้) ค่ะ”

ซึ่งเย่ที่ว่าก็คือเย่จากชื่อเขาเย่เฉิน!

ซูเย่เยว่!

คิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงจะใส่แซ่ของเขาเข้าไปในชื่อของลูกสาว!

เย่เฉินมองซูมู่ชิงอย่างซาบซึ้งใจ ซูมู่ชิงเม้มปากไม่พูดอะไร

เพียงแค่ไมกี่นาที ซูมู่ชิงก็ทำให้เย่เฉินตื้นตันใจไปแล้วถึงสองครั้ง!

ผู้หญิงคนนี้จะเกลียดเขาก็ได้ เกลียดที่เขาไม่ทำหน้าที่ของพ่อ

แต่หญิงสาวกลับไม่ทำเช่นนั้น หล่อนยินยอมจะเพิ่มแซ่ของเขาเข้าไปในชื่อทายาทของพวกเขา

เย่เฉินหันมองลูกสาวแล้วกล่าวเสียงอ่อนโยน “ซือซือ ฉันคือพ่อของหนู เรียกฉันว่าพ่อได้ไหม?”

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ในเมื่อเด็กหญิงคนนี้คือลูกสาวของเขา เขาก็จะทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุด

เขาต้องการจะรับบุตรสาวคนนี้!

ซือซือเบิกตากว้างทำอะไรไม่ถูก หล่อนหันมองหน้ามารดาตนเองแล้วถาม “คุณแม่คะ เขาคือคุณพ่อของหนูเหรอคะ?”

ซู่มู่ชิงเคยโกหกลูกสาวของตนเองเรื่องพ่อของตนเองมาหลายครั้ง

คราวนี้หล่อนไม่อยากจะโกหกอีกต่อไป

น้ำตาของซูมู่ชิงเอ่อล้นในเบ้าตา ท่าทางที่งดงามอย่างยิ่งนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนมากกว่า จากนั้นหล่อนก็พยักหน้าขณะมองบุตรสาว

ซือซือโผเข้าหาอ้อมอกของเย่เฉินอย่างดีอกดีใจ “คุณพ่อ! คุณพ่อ! หนูมีคุณพ่อแล้ว!”

ซือซือยิ้มอย่างดีอกดีใจ ส่วนเย่เฉินเมื่อได้ยินคำว่าพ่อจากปากเด็กหญิงก็ดีใจอย่างยิ่ง เป็นความรู้สึกดีใจอย่างที่ไม่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน!

ซือซือมองเย่เฉิน แล้วกล่าวถามเสียงอ้อแอ้“คุณพ่อคะ ทำไมคุณพ่อถึงเพิ่งมาซือซือล่ะคะ เพื่อนคนอื่นมีพ่อกันหมด มีแค่ซือซือที่ไม่มีพ่อ ซือซือเองก็อยากมีพ่ออยู่ด้วยกันนะคะ”

เมื่อเห็นใบหน้าที่น่าสงสารของอีกฝ่าย เขาจึงเอื้อมมือไปลูบใบหน้าที่น่าเอ็นดูของเด็กหญิง “ขอโทษด้วย ซือซือ พ่อมาหาหนูสายไปหน่อย อะไรเมื่อก่อนที่พ่อไม่เคยทำให้หนู ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปพ่อจะค่อยๆ ชดเชยให้หนูดีไหมคะ?”

“ค่ะ!”

ซือซือหัวเราะคิกคักแล้วโพล่งออกมา “พ่อขา อุ้มหนูขึ้นฟ้าหน่อยค่ะ! แม่ไม่มีแรง! ใกล้จะอุ้มหนูไม่ได้แล้ว!”

ถึงเด็กหญิงจะใบหน้าอวบกลม แต่ไม่ใช่เด็กตัวอ้วน แขนของเด็กหญิงยังเรียวเล็ก

ส่วนซู่มู่ชิงนั้นมีเรือนร่างที่จะต้องเป็นที่ริษยาของผู้หญิง เรือนร่างนั้นแบบบางจนมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเคยมีลูกมาก่อน

ถึงแม้ว่าซูมู่หลินจะเป็นคนออกกำลังกาย ร่างกายกำยำ แต่ซูมู่ชิงดูไปแล้วอ่อนแอ ไม่มีแรงอย่างเห็นได้ชัด

ในจุดนี้เย่เฉินเองก็เคยได้รับรู้มาบ้างแล้วตอนอยู่ในห้องดำเมื่อีปีก่อน

นี่เป็นข้อเรียกร้องแรกที่ลูกสาวเรียกร้องจากเขา เขาจะไม่ทำให้เด็กหญิงได้อย่างไร?

เย่เฉินรีบเข้าไปอุ้มเด็กหญิงขึ้นแล้วชูขึ้นสุดแขนทันที

“มา ชูซือซือของพ่อให้ลอยสูงๆ ไปเลย”

“คิกคิก…”

ซือซือหัวเราะอ้อแอ้ ทุกครั้งที่ชูเด็กหญิงขึ้นบนฟ้า หล่อนก็จะหัวเราะคิกคักเสียงดัง

ซูมู่ชิงมองทั้งสองคนข้างๆ ขณะซับน้ำตาแห่งความสุขไปพร้อมๆ กับยิ้มไปด้วย

……

ชั้นหนึ่งในเวลาเดียวกัน

หลี่ซาวเจี๋ยที่เป็นแขกคนสำคัญของตระกูลซู ชาที่ชงให้เขานั้นคือชาหงเผาจากเขาอู๋อี้ ชาชนิดนี้ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทองคำเหลว’ มูลค่าแพงเกินจะเปรียบ

แต่ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยกลับไม่ได้มีอารมณ์จะดื่มชา ถึงขนาดที่ว่าไม่มีแก่ใจจะคุยกับพ่อแม่ของซูมู่หลิน ใบหน้ายังบูดเบี้ยวอย่างมาก

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวอย่าเป็นกังวล “ทำไมหมอนั้นถึงขึ้นไปด้านบนนานแบบนี้แล้วยังไม่ลงมาอีก?”

ซูมู่หลินนั่งตรงข้ามหลี่เฉิงเจี๋ย ไขว่ห้างพลางจิบชา

เขารู้ดีแก่ใจว่าพอเย่เฉินเจอพี่สาวเขาจะต้องมีเรื่องให้คุยกันมากมาย

และถึงพวกเขาจะคุยกันทั้งวันทั้งคืนก็ไม่แปลก แล้วจะให้ลงมาเร็วๆ ได้ยังไง?

ซูมู่หลินกล่าวเสียงเรียบ “อาจจะเพราะพี่สาวของผมคุยกับคนขับรถของผมคนนี้ถูกคอล่ะมั้ง อย่างไรเสียคนขับรถของผมคนนี้ถึงแม้ว่าจะต่ำต้อย แต่หน้าตาหล่อนะครับ”

หลี่เฉิงเจี๋ยชักสีหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะรูปน่างสูงใหญ่ แต่หน้าตาน่ากลัว พวกผู้หญิงมักจะตกใจเสมอเมื่อเห็นหน้าเขา จึงไม่กล้าเข้าใกล้

แม่ของซูมู่หลินเห็นหลี่เฉิงเจี๋ยไม่พอใจรีบร้อนกล่าว“มู่หลิน ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ? ไม่ใช่ว่าแกไม่รู้ว่าพี่สาวเป็นคนยังไง หลายปีมานี้พวกเราแนะนำผู้ชายให้พี่เขาไปตั้งกี่คน? ที่หล่อๆ ก็ไม่น้อยมีคนไหนเข้าตาพี่แกบ้าง?”

จากนั้นหลี่เฉิงเจี๋ยก็กล่าวต่อ “ซ่าวเจี๋ยเอ้ย สบายใจเถอะนะ มู่ชิงไม่ใช่ผู้หญิงที่มองคนจากภายนอกหรอกนะ”

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวเสียงเรียบ “ปีนี้มู่ชิงก็อายุ 26 แล้ว น่าจะเลยวัยที่มองคนจากหน้าตาไปนานแล้ว อีกอย่างผมกับมู่ชิงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก รู้ครับว่าหล่อนไม่ใช่ผ้หญิงประเภทนั้น แต่ว่าหมอนั่นที่เพิ่งขึ้นไป ผมว่าเขาไม่เหมือนคนดีอะไร ก็เลยเป็นห่วงมู่ชิง คุณอาทั้งสองครับ ผมขอขึ้นไปดูสถานการณ์ด้านบนหน่อยนะครับ”

ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึงว่าหลี่เฉิงเจี๋ยจะนั่งไม่ติด แล้วเป็นฝ่ายเดินขึ้นไปด้านบน

ซูมู่หลินยังคงนั่งต่อที่เดิม หัวเราะหึหึ ในใจหมายมั่นอยากเห็นอะไรสนุกๆ

หลี่เฉิงเจี๋ยสาวเท้าขึ้นชั้นสองอย่างรวดเร็ว เพิ่งไปถึงก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของเด็กหญิงตัวน้อย

หลี่เฉิงเจี๋ยประหลาดใจ แล้วรีบร้อนเดินไปที่ห้องของซูมู่ชิง

ประตูห้องกำลังเปิดอยู่ ทันทีที่ขึ้นไปด้านบนเขาก็มองเห็นเย่เฉินกำลังอุ้มลูกสาวของซูมู่ชิง ชูขึ้นบนฟ้าแล้ววางลง

ทุกครั้งที่ชูเด็กสาวขึ้นบนฟ้า ซือซือจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

ส่วนซูมู่ชิงเองก็มองพวกเขาสองคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น!

ถึงแม้ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยจะรู้จักกับซูมู่ชิงมานาน แต่ว่าเขาไม่ได้เห็นอีกฝ่ายยิ้มแบบนี้มาหลายปีแล้ว!

“ซูมู่ชิงยิ้มแล้วสวยจริงๆ…”

ในทันใดนั้นเองหลี่เฉิงเจี๋ยก็มองภาพตรงหน้าจนไม่อาจละสายตาไปได้!

รูปโฉมของซูมู่ชิง ถือได้ว่าเป็นหญิงงามลำดับหนึ่งของเมืองหลวง!

คนรวยในเมืองหลวงแห่งนี้มีใครบ้างที่ไม่อยากแต่งงานกับซูมู่ชิง!

แต่ว่าตอนนี้ในเมื่อซูมู่ชิงมีลูกของผู้ชายคนอื่น หลี่เฉิงเจี๋ยก็ยังคงจีบหล่อนไม่ติด

เขาโมโห!

ตอนนี้พอมาเห็นคนขับรถของซูมู่หลินทำให้แม่ลูกสองคนมีความสุขได้ขนาดนี้ หลี่เฉิงเจี๋ยก็หัวเสียยิ่งกว่าเดิม!

“หมอนี่ฉลาดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะรู้จักจับจุดเล่นกับลูกสาวของซูมู่ชิง ฉันนี่มันโง่งมจริงๆ ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกฉันน่าจะเล่นกับลูกสาวของหล่อนดีกว่า”

หลี่เฉิงเจี๋ยพอจะมองออกว่าเย่เฉินมีใจให้ซูมู่ชิง จึงรีบเดินเข้าไปด้านใน

“นายทำอะไร!”

หลี่เฉิงเจี๋ยตะโกนกร้าวแล้วชี้หน้าเย่เฉิน “รีบปล่อยมือสกปรกๆ ของแกเดี๋ยวนี้! ขี้ข้าอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องตัวซือซือ?”

ขี้ข้า?

เย่เฉินกับซูมู่ชิงตกใจ

ซูมู่ชิงไม่รู้ว่าสถานะของเย่เฉินในตอนนี้คือคนขับรถของซูมู่หลิน จะสงสัยก็ไม่แปลก

แต่เย่เฉินกลับคิดไม่ถึงว่าคนรวยในเมืองหลวงนี้จะถึงขนาดเห็นคนขับรถเป็นขี้ข้า

พอตะโกนห้ามเย่เฉินแล้ว ใบหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยก็อ่อนโยนลงอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปหาซือซือแล้วยื่นมือสองข้างออกมา

“ซือซือ หนูอยากจะบินใช่ไหม? ให้อาอุ้มหนูดีไหม? อาอุ้มหนูได้สูงกว่านี้อีกนะ”

“ไม่เอาค่ะ!”

ดูไปแล้วเหมือนซือซือจะหวาดกลัวหลี่เฉิงเจี๋ยอย่างมาก แม่หนูรีบร้อนเดินไปข้างตัวซูมู่ชิง แล้วกอดขามารดาเอาไว้แน่น

หลี่เฉิงเจี๋ยรู้จักความชอบของซือซือเป็นอย่างดี จึงดึงดันไม่อยากจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป จึงสาวเท้าเดินไปด้านหน้านั่งยองๆ ลงพลางกล่าว “ซือซือไม่ต้องอายนะ มา เดี๋ยวอาอุ้มหนูเอง”

หลี่เฉิงเจี๋ยเพิ่งจะยื่นมืออกไปเพื่อจะดึงดันอุ้มแม่หนูน้อย แต่จู่ๆ ก็มีมือใหญ่ผลักเขาไปอีกทาง

นั่นคือเย่เฉิน!

ตอนที่ 281 ผมมีลูกสาวแล้ว!
เย่เฉินชะงักค้างไป เพราะว่าซูมู่ชิงก็คือเจ้าของร้านกาแฟคนสวยในเทียนไห่ที่ช่วงก่อนเขาไปถึงสามรอบคนนั้น

หล่อนก็คือเจ้าของร้านกาแฟซือเฉิน!

ตอนนี้เองเย่เฉินถึงได้รู้ความนัยที่ซ่อนอยู่ในชื่อร้านกาแฟซือเฉิน!

ซือเฉินที่ว่าคือคิดถึงคนที่ชื่อเย่เฉิน!

เย่เซวียนพี่ชายคนที่สองของเขาจงใจทิ้งกุญแจวิลล่าของอวี๋ซานไว้ที่นั่น ที่แท้เป้าหมายของเขาคือสิ่งนี้!

ทันใดนั้นเองความคิดที่สับสนวุ่นวายก็ประเดประดังเข้ามาในหัวของเย่เฉิน

ในเมื่อเย่เซวียนจงใจให้เย่เฉินไปเจอซูมู่ชิงที่เทียนไห่ แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องดำตอนที่เย่เฉินไปรบที่ซีเรีย!

เรื่องนั้นเป็นเรื่องยากที่จะเล่าให้คนอื่นฟังที่สุดในชีวิตของเขา เขาจึงไม่เคยบอกใครมาก่อน!

“ทำไมพี่รองถึงรู้เรื่องนี้! หรือว่า…วันนั้นคนที่ส่งซูมู่ชิงเข้ามาในห้องดำนี่ก็คือพี่รองเหรอ?!”

ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว!

พี่รองของเย่เฉินเป็นคนที่ชอบก่อเรื่องวุ่นวาย ทำอะไรไม่สนใจผลที่จะตามมา และไม่สนใจศีลธรรมอะไรมากที่สุดในเหล่าพี่น้อง

บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่าเย่เฉินลำบากในสนามรบ แล้วบังเอิญไปเจอผู้หญิงสวยอย่างซูมู่ชิงตามข้างทางพอดี เลยจับหล่อนมาให้เขา เพื่อให้เขาได้หาความสุข

หมอนี่ชอบทำเรื่องทำนองนี้เป็นที่สุด!

พอมาย้อนคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนนั้นที่จู่ๆ ก็มีคนบุกเข้ามาในค่าย ออกจะบังเอิญมากเกินไปจริงๆ!

เย่เฉินสาวเท้าเข้าไปหาซูมู่ชิงและลูกสาวของหล่อนช้าๆ

ก่อนนี้เขาเองก็ตกตะลึงไปกับความงดงามของหญิงสาว เขาถึงกับชวนน้องสาวไปที่นั่นด้วยกันเพียงเพื่อจะได้เห็นหญิงสาวอีกสักครั้ง

แต่ว่าสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหญิงงามล่มเมืองผู้นี้จะเป็นผู้หญิงของเขามาตั้งนานแล้ว!

พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องดำวันนั้นอีกครั้ง เย่เฉินก็รู้สึกอิ่มเอมใจขึ้นมาอย่างประหลาด!

เย่เฉินมองซูมู่ชิงพลางกล่าวถาม “คุณรู้เรื่องระหว่างเรานานแล้วใช่ไหม?”

ไม่ต้องคิดก็พอจะเข้าใจว่าที่ซู่มู่หลินเกลียดชังเย่เฉิน เป็นเพราะเรื่องที่เขาเคยทำกับพี่สาวตนเอง

ในเมื่อซูมู่หลินยังรู้ว่าเป็นฝีมือเย่เฉิน เช่นนั้นแล้วตัวซูมู่ชิงเองย่อมต้องรู้แน่นอน อีกทั้งหญิงสาวก็น่าจะเป็นคนบอกน้องชายเอง

ซูมู่ชิงพยักหน้ารับ

เย่เฉินเองก็รู้สึกเก้อเขิน คิดไม่ถึงว่าตลอดการพบกันสามครั้งที่เทียนไห่ ซูมู่ชิงรู้นานแล้วว่าเย่เฉินเป็นชายหนุ่มที่เคยย่ำยีหล่อนในสงครามคนนั้น!

แต่ว่าการพบหน้ากันสามครั้งซูมู่ชิงกลับไม่เคยแสดงท่าทีโกรธเขา ทุกครั้งยังรับรองเขาเป็นอย่างดี แถมยังชงกาแฟให้เย่เฉินด้วย

เย่เฉินหันไปมองซูมู่ชิงพลางกล่าว “ทำไมคุณถึงไม่บอกผมว่าคุณคือผู้หญิงคนนั้นที่เคยนอนกับผมตอนนั้นในสงครามน่ะ?”

ซูมู่ชิงค่อยๆ ก้มหน้าลง พลางยิ้ม ในรอยยิ้มนั้นดูอ่อนหวานและเย็นชาบอกไม่ถูก

“คุณมีแฟนหน้าตาสะสวยแถมยังรักกันมากด้วย ฉันไม่อยากจะรบกวนพวกคุณสองคน”

คำพูดนี้ของซูมู่ชิงทำให้เย่เฉินรู้สึกผิดอย่างมาก!

เย่เฉินทำผิดต่อหญิงสาวมากเหลือเกิน ทั้งปล่อยให้หล่อนเลี้ยงลูกคนเดียว ปาไปสี่ปีแล้วยังไม่สามารถแต่งงานกับชายอื่นได้ด้วยซ้ำ

แต่ที่ซูมู่ชิงเลือกที่จะไม่บอกความจริงกับเขาเพียงเพราะไม่อยากจะรบกวนวิถีชีวิตของเขา เพื่อให้เขาได้มีความสุขกับฉินหงเหยียน!

ก็จริง ถ้าหากว่าอยู่ๆ ซูมู่ชิก็ปรากฏตัวขึ้นมาบอกเย่เฉินว่าฉันเป็นผู้หญิงที่เคยนอนกับคุณ แถมยังคลอดลูกของเราแล้วด้วย

ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ววิถีชีวิตของเย่เฉินคงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก และเรื่องนี้คงจะส่งผลต่อชีวิตรักของเขาและฉินหงเหยียนเป็นอย่างมาก

ซูมู่ชิงคนนี้จิตใจดีเหลือเกิน!

เย่เฉินกล่าวกับหญิงสาวต่อ “ตอนผมไปที่นั่นครั้งแรก คุณเจอหน้าผมอีกครั้งไม่เกลียดผมเหรอ?”

ซูมู่ชิงส่ายหน้า “เป็นอดีตหมดแล้ว อีกทั้งเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนจะโทษคุณก็ไม่ได้”

เย่เฉินรู้สึกว่าซูมู่ชิงเข้าใจเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนระหว่างเขาและตนเองมากกว่าเขาเสียอีก

เย่เฉินถาม “เป็นฝีมือพี่รองของผมหรือเปล่าที่พาคุณไปที่นั่น?”

ซูมู่ชิงพยักหน้ารับ

เย่เฉินตบโต๊ะตรงหน้าอย่างโมโห “เย่เซวียนคนสารเลว! ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย!”

เย่เซวียนชอบทำเรื่องบ้าบอไร้สติแบบนี้เสมอ แต่การกระทำของเขากลับทำร้ายผู้หญิงที่น่าสงสารอย่างหญิงสาวตรงหน้า!

เย่เฉินก็เอ่ยถามอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง “คุณหนูซู ผมมีเรื่องจะถาม…วันนั้นในห้องดำ คุณรู้เรื่องสถานะและตัวตนของผมหรือเปล่า?”

วันนั้นเย่เฉินไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับหญิงสาวในห้องดำคนนั้นแม้แต่น้อย รู้แค่ว่าอีกฝ่ายอายุยังน้อยเท่านั้นเอง

กลางประตูของห้องดำมีรอยแยกเป็นแสงสว่างเล็กๆ แสงลอดลงบนขาของหญิงสาว ทำให้เขารู้ว่าเจ้าหล่อนมีเรียวขาที่สวยงามและขาวนวลเนียนเป็นอย่างมาก

แต่ในเมื่อซูมู่ชิงเป็นคนที่พี่รองส่งมา หรือบางทีก่อนที่พี่รองจะส่งหล่อนมาอาจจะบอกแล้วด้วยซ้ำว่าหล่อนจะต้องไปพบใคร

ใบหน้าอีกฝ่ายซับสีเลือดอย่างรวดเร็ว หล่อนกัดริมฝีปากแล้วพยักหน้ารับ

“ใช่” ซูมู่ชิงตอบเสียงเบา

เย่เฉินตกตะลึง ที่แท้แล้ววันนั้นเมื่อสี่ปีก่อน ซู่มู่ชิงรู้อยู่แล้วว่าคนในห้องดำคือเขา!

อีกทั้งยังรู้หน้าค่าตาของเขาตั้งแต่แรกแล้วด้วย

ใบหน้าเย่เฉินถือได้ว่าค่อนข้างหล่อเหลา ถ้าหากว่าซูมู่ชิงเองรู้หน้าตาของเขาก่อนก็อาจจะพอลดทอนความเจ็บปวดที่เขาก่อไว้กับหญิงสาวลงได้เล็กน้อย ถ้าหากว่าหล่อนเป็นพวกบ้าคนหล่อล่ะก็

พูดถึงเรื่องนี้ คิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงจะเขินอายขึ้นมา “เรื่องนั้น…ไม่ใช่เพราะคุณหล่อเหลาอะไรหรอกฉันถึงได้…”

“ดังนั้นเพราะอะไรล่ะ?” เย่เฉินไม่เข้าใจว่าซูมู่ชิงจะสื่ออะไร

ซูมู่ชิงเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ รีบร้อนกล่าว “ไม่…ไม่มีอะไร”

เด็กหญิงที่นั่งเรียบร้อยบนเตียง จู่ๆ ก็ส่งยิ้มให้ซูมู่ชิงแล้วกล่าวด้วยเสียงอ้อแอ้ “คุณแม่หน้าแดงแล้ว คุณแม่ชอบคุณอาคนนี้”

พรึ่บ!

ใบหน้าที่เดิมก็แดงก่ำของซูมู่ชิง คิดไม่ถึงว่าใบหน้าของหญิงสาวจะแดงกว่าเดิมขึ้นอีกระดับ!

ซูมู่ชิงนั้นผิวพรรณดี หญิงสาวค่อนข้างขาวนวลเนียน ดังนั้นพอหน้าแดงขึ้นมาจึงเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น

ซูมู่ชิงรีบร้อนกล่าวกับบุตรสาว “อย่าพูดเหลวไหล คุณแม่เป็นแบบนั้นที่ไหน…”

เด็กหญิงเป็นเพียงเด็กน้อยยังไม่รู้ประสา แต่ไม่ใช่วัยที่จะโกหกได้ ดังนั้นจึงหัวเราะคิกคัก “คุณแม่เคยบอกว่าจะหน้าแดงก็ต่อเมื่อเห็นหน้าคนที่ชอบนี่คะ”

คำพูดของเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่สองคนได้ยินเก้อเขิน!

และในเวลานี้เองเย่เฉินก็เสสายยตามองเด็กหญิงตัวน้อย เขาเห็นวงหน้าที่น่ารักงดงาม กระทั่งน้ำเสียงยังน่ารักก็ถาม “นี่คือ…ลูกผมเหรอ?”

ในตอนแรกที่เจอเด็กหญิงคนนี้ในร้านกาแฟ เขาก็เกิดรู้สึกถูกชะตากับแม่หนูน้อยคนนี้อย่างประหลาด

อีกทั้งแม่หนูน้อยคนนี้ เอาแต่จ้องเขา ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัว เหมือนว่าหล่อนสัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเย่เฉิน

ซูมู่ชิงลูบเรือนผมของเด็กหญิงแล้วพยักหน้ารับ

“ลูกของผม! แม่หนูเป็นลูกสาวผม! ผมมีลูกสาวแล้ว!”

เย่เฉินตื่นเต้นอย่างมาก คู่แฝดของหวังเจียเหยาที่เพิ่งเกิดเมื่อเดือนก่อน เขาก็คิดว่าตนเองมีลูกสาวอยู่เลย

แต่หลังจากตรวจ DNA แล้วรู้ว่าลูกของเขาคือเด็กผู้ชาย ส่วนเด็กหญิงไม่ใช่สายเลือดของเขา

ทำให้เขาเสียใจอย่างยิ่ง

คิดไม่ถึงว่าอีกหนึ่งเดือนต่อมา เขาจะมีลูกสาววัยสามขวบกว่าๆ!

“ลูกพ่อ!”

เย่เฉินปลาบปลื้ม เขาเดินตรงดิ่งไปข้างเตียงแล้วอุ้มเด็กสาวไว้ในอ้อมแขน!

ตอนที่ 280 ทำไมเป็นคุณได้!
เย่เฉินรู้สึกโล่งใจ โชคดีที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ซูมู่ชิง

เขาไม่อยากจะข้องแวะกับผู้หญิงที่แขวะคนเก่งแบบนี้

เย่เฉินขอโทษซูมู่เสวี่ย “ขอโทษด้วยครับ ผมคิดว่าคุณคือพี่สาวเขา”

พอได้ยินคนขับรถของซูมู่หลินพูดแบบนี้ ซูมู่เสวี่ยก็เกิดริษยาขึ้นมา

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ในแวดวงคนร่ำรวยของเมืองหลวงทุกคนต่างก็พูดถึงซูมู่ชิง ไม่เคยมีใครพูดถึงหล่อนซูมู่เสวี่ยด้วยซ้ำ

จนตอนนี้คิดไม่ถึงว่าคนขับรถตัวเล็กๆ จะมองหล่อนเพียงเพราะเข้าใจผิดว่าหล่อนเป็นซูมู่ชิง

นี่จะทำให้หล่อนทนได้ยังไง!

ซูมู่เสวี่ยหัวฟัดฟัวเหวี่ยง แต่ก็จะระบายอารมณ์มากก็ไม่ได้ กล่าวแล้วเอ่ยพลางยิ้ม

“เหอะๆ ฉันไม่ได้สวยเหมือนซูมู่ชิง แต่ซูมู่ชิงสวยขนาดไหนจะมีประโยชน์อะไร? หล่อนเคยทำอะไรให้ตระกูลอะไรเราบ้าง? สี่ปีก่อน ตระกูลจัดแจงหาคู่แต่งงานให้หล่อน แต่หล่อนไม่ยอมรับ หนีไป แล้วผลเป็นยังไง? พอกลับมาก็ท้องโย้แล้ว ลูกใครก็ไม่รู้ จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องอะไร ตอนอายุน้อยใครจะไม่เคยทำผิดบ้างล่ะ? ทำแท้งให้จบๆ ไปก็ดีแล้ว แต่ว่าหล่อนกลับขัดขืนความต้องการของพ่อ ดึงดันจะคลอดลูกออกมาให้ได้!

คลอดลูกออกมาแล้วก็น่าจะพอได้แล้ว แต่ยังมีหน้ายืนกรานว่าจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต แต่จะอยู่เลี้ยงลูกแบบนี้ตลอดไปอีก ไม่ว่าจะใครมาขอดูตัวก็ไม่ยอมเจอ ตอนนี้หล่อนมีลูกาวอายุ 3 ขวบ คนที่มีฐานะเหมือนๆ กันใครจะอยากได้หล่อน? ก็มีแค่มีพี่เฉิงเจี๋ยที่รักหล่อนหัวปักหัวปรำเท่านั้นแหละ

แต่ว่าวันนี้พอพี่เฉิงเจี๋ยมา หล่อนไม่ยอมแม้แต่จะมาเจอหน้ากัน ไม่ไว้หน้าพี่เฉิงเจี๋ยเลย เสียมารยาทเกินไปแล้ว!”

ซูมู่เสวี่ยร่ายความผิดของซูมู่ชิงออกมาเป็นข้อๆ

แต่พอได้ยินคำพูดพวกนี้ของซูมู่เสวี่ยแล้ว เย่เฉินก็ตื่นตระหนกซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

“ซูมู่ชิงตั้งท้องแล้วเหรอ? หรือว่าจะเป็นลูกเรา?”

เย่เฉินไม่รู้ว่า ‘เด็กเหลือขอ’ ที่ซูมู่ชิงพูดถึงจะใช่ผลลัพธ์ครั้งนั้นระหว่างเย่เฉินและซูมู่ชิงหรือไม่นะ

“สามขวบ… ฉันมีลูกสาวอายุสามขวบเหรอ?”

เย่เฉินใจเต้นระรัวเร็ว เดิมทีครั้งนี้เขาตั้งใจว่าจะพบหน้าซูมู่ชิง เพื่อขอโทษหล่อนสักหน่อย

คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะมีโอกาสได้มีลูกสาวอายุสามขวบเสียอย่างนั้น!

และในเวลานี้เอง สีหน้าของพ่อแม่ของซูมู่หลินก็ดูไม่ใคร่สู้ดีนัก

แม่ของซูมู่หลินกล่าว “เฉิงเจี๋ยเอ้ย สบายใจเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปขึ้นไปบนตึกเอง ต่อให้ต้องลาก ฉันก็จะลกหล่อนลงมาให้ได้!”

แต่ทันใดนั้นเองซูมู่หลินก็ขวาทางมารดาตนเอง “เฮ้อ แม่ครับ อย่าขึ้นไปทะเลาะกับพี่เขาเลยครับ ให้คนขับรถของผมขึ้นไปดีกว่า”

“คนขับรถของลูก?”

แววตาของทุกคนจับจ้องไปที่เย่เฉินทันที

เย่เฉินเองก็ประหลาดใจใอย่างมาก

ตอนหลี่เฉิงเจี๋ยมองเย่เฉินด้วยแววตาไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด

เพราะเมื่อครู่เย่เฉินกล่าวกับซูมู่เสวี่ยว่า ‘คิดว่าหล่อนเป็นซูมู่ชิงถึงได้คอยแอบมองหญิงสาว’

ในฐานะที่เป็น ‘ว่าที่คู่หมั้น’ ของซูมู่ชิง เขาไม่มีทางยอมให้ผู้ชายคนอื่นมองหญิงสาวที่เขาชอบด้วยแววตาชื่นชมอย่างนี้

ซูมู่เสวี่ยกล่าวพลางยิ้ม “จะใช้เขา? เรียกให้ซู่มู่ชิงลงมาเหรอ? เลิกล้อเล่นที ต่อให้นายมู่หลินเรียกพี่สาวนายลงมาเอง พี่สาวนายก็อาจจะไม่ลงมาก็ได้นะ”

ซูมู่หลินยิ้มแล้วกล่าว “ดังนั้นน่ะ ถ้าหากว่าพี่สาวผมไม่ยอมลงมา ก็ให้คนขับรถผมอุ้มหล่อนลงมาแล้วกัน แม่เองก็ทำอะไรพี่สาวผมไม่ได้”

คนตระกูลซูเข้าใจนิสัยของซูมู่ชิง รู้ดีแก่ใจไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรก็ไม่สามารถกล่าวกับซูมู่ชิง สุดท้ายแล้วอาจจะต้องใช้ไม้แข็งถึงจะลากตัวหล่อนลงมาได้

ดังนั้นแม่ซูมู่หลินก็ไม่คัดค้านอะไรอีก “อืมได้ งั้นให้เด็กนี่ขึ้นไปแล้วกัน”

“ซูมู่ชิง… สุดท้ายก็จะได้เจอคุณแล้ว”

เย่เฉินดีใจมาก เขาเองก็อยากจะเห็นหน้าของซูมู่ชิงตั้งนานแล้ว

ระหว่างทางที่บินมาจาก Texas กลับมาถึงเมืองหลวง เย่เฉินก็อยากจะได้เห็นรูปถ่ายของซูมู่ชิง แต่น่าเสียดายที่ไอ้บ้านั่นไม่ยอมให้เขาดูสักนิด

ตอนนี้เขาอยากจะเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้สักหน่อย รวมไปถึงว่าเด็กน้อยวัยสามขวบที่อาจจะเป็นลูกสาวของตนเอง

แต่ว่าเย่เฉินเพิ่งจะก้าวเท้าเดินออกไป ทันใดนั้นเองหลี่เฉิงเจี๋ยผู้มีมาดความเป็นทหารอย่างเต็มเปี่ยมก็ผุดลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ก้าวเท้าเข้าขวางด้านหน้าเขา!

หลี่เฉิงเจี๋ยรูปร่างสูงใหญ่ ตัวเกือบจะใกล้ 190 ซม. อีกทั้งบนใบหน้ายังมีรอยแผล พอจะมองออกว่าเขาไม่ใช่จิตใจดีมีเมตตาอะไร!

“มีเรื่องอะไร?” เย่เฉินกล่าวถาม

ถึงแม้ว่าตนจะไม่ได้สูงเท่าอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นแค่คนขับรถ แต่ว่าเย่เฉินกลับไม่ได้ถูกอีกฝ่ายข่มลงไปสักนิด

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวเสียงเย็น “ถ้าหากคุณหนูซูมู่ชิงไม่อยากลงมา นายก็ไม่มีสิทธิ์บีบบังคับให้หล่อนลงมา แล้วก็ห้ามอุ้มหล่อนด้วย แล้วถ้านายกล้าเอามือไปแตะต้องหล่อน งั้นต่อไปในอนาคตมือของนายก็คงจะจับพวงมาลัยรถไม่ได้อีกแล้วล่ะ”

ซูมู่เสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ กล่าวพลางระบายยิ้ม “นี่พี่เฉิงเจี๋ย นี่พี่กำลังทำให้คนขับรถของมู่หลินลำบากใจอยู่นะคะ? เขาจะต้องไม่สามารถโน้มน้าวซูมู่ชิงได้อยู่แล้ว แถมยังห้ามไม่ให้ลากหล่อนลงมา งั้นแขาจะเอาตัวพี่สาวลงมาได้ยังไง”

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว ถ้าเรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้ ก็อย่าเป็นเลยคนขับรถเนี่ย”

เย่เฉินพอจะฟังออกว่าอีกฝ่ายต้องการจะใช้เรื่องนี้มาจัดการไล่คนขับรถของซูมู่หลินคนนี้ออกเสีย

เพราะเขาน่าจะมองออกว่าเย่เฉินแอบชอบซูมู่ชิง ดังนั้นหลี่เฉิงเจี๋ยถึงไม่อาจปล่อยให้คนผู้นี้อยู่ที่บ้านตระกูลซูได้อีก

“ได้”

เย่เฉินจ้องหลี่เฉิงเจี๋ยอยู่นาน จากนั้นถึงได้เปิดปากเอ่ยออกมา

แววตาของเขาเองก็มีกระแสอำมหิตเหมือนกัน!

แต่ว่าคำพูดของอีกฝ่ายนั้นกลับไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านแม้แต่น้อย

แต่งเข้าบ้านตระกูลหวังมาแแปดปี เขาถูกดูหมิ่นเหยียดหยามแบบนี้มานาน จนสามารถสะกดอารมณ์ได้

จนตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องมาทะเลาะกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เป้าหมายของเขามีแค่ซูมู่ชิงและลูกสาวเท่านั้น

เย่เฉินสาวเท้าขึ้นบันไดช้าๆ ซูมู่หลินกล่าวเตือนเขาพลางยิ้ม “ห้องแรกฝั่งขวาสุดชั้นสอง”

ซูมู่หลินมองแผ่นหลังของเย่เฉินพลางคิดในใจ “พี่ครับ ถึงจะรู้ว่าพี่จะไม่ดีใจแแต่ว่าผมก็จะพาเขามาอยู่ดี!”

เย่เฉินค่อยๆ เดินขึ้นไปที่ชั้นสอง สไตล์ของวิลล่าหลังนี้แตกต่างกับวิลล่าที่อวิ๋นโจวและเทียนไห่อย่างมาก

สไตล์ของวิลล่าที่นี่ไม่ได้หรูหรามากมายนัก แต่ดูโอ่อ่าอย่าเห็นได้ชัด และดูมีสไตล์อย่างเห็นได้ชัด

เมื่อมาถึงชั้นสอง เย่เฉินก็เคาะประตูไม้สีแดงสไตล์จีนของห้องซ้ายสุดของชั้นสอง

“คุณซูมู่ชิงอยู่ในห้องหรือเปล่าครับ?”

แล้วเสียงอ่อนหวานก็ดังลอดออกมาจากด้านใน “บอกคุณแม่ว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา”

ทันทีที่เย่เฉินได้ยินเสียงอ่อนหวาน ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนว่าเขาเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหนมาก่อน

“หรือว่าจะเคยเจอกันมาก่อนจริงๆ นะ?”

แต่พอลองคิดๆ ดู “ไร้สาระน่า พวกเราต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่ ฉันเคยได้ยินเสียงของหล่อนมาก่อนจริงๆ อีกทั้งคืนนั้นยังฟังตั้งหลายรอบ…”

แล้วเย่เฉินก็ไม่คิดเหลวไหลอะไรอีก แต่ผลักประตูบานนั้นเข้าไปด้านใน

ทันทีที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นภาพที่แสนคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้า

แม่ลูกที่ใบหน้างดงามราวสวรรค์สร้างสองคน คนเป็นแม่เรือนผมยาวสลวยใบหน้างดงามเสียยิ่งกว่าหวังเจียเหยากำลังหยอกล้อกับบุตรสาววัยสามขวบของตนเอง

ภาพที่ทั้งสองคนกำลังหัวร่อต่อกระซิกนั้นงดงามจนเหมือนว่าไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ แต่เป็นภาพบนสรวงสวรรค์

“เป็นคุณได้ยังไง?”

“เป็นคุณได้ยังไง?”

เย่เฉินและซูมู่ชิงประสานเสียง พลางเบิกตากว้างมองอีกฝ่าย!

ตอนที่ 279 ซูมู่เสวี่ย!
ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะอายุไม่มาก แต่เขาฝึกฝนมาหลายที่และหลายปี จะให้ไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนเขาก็ไม่กลัว!

ถึงแม้ว่าตระกูลซูจะเป็นตระกูลเศรษฐี แต่เย่เฉินในตอนนี้ก็ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขา

เขาเป็นถึงประธานเฉินเย่กรุ๊ป คนขนานนามเขาเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศ!

เย่เฉินปิดประตูรถแล้วกล่าวกับซูมู่หลิน “ฉันเป็นถึงคนที่รวยที่สุดในประเทศนี้ ครอบครัวของนายเจอฉันเข้า เกรงว่าพวกเขาคงจะอยากต้อนรับเสียมากกว่า”

ซูมู่หลินเองก็ลงจากรถ ปิดประตูแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“นายนี่มันตลกจริงๆ เย่เฉิน นายก็แค่มีบริษัทขนส่งง่อยๆ มูลค่าแค่นิดเดียวเป็นคนที่รวยที่สุดบ้าอะไร กะแค่คนยกยอปอปั้นนายแค่นิดเดียว เลยเทิดทูนนายให้มันเวอร์ๆ แค่นั้นเอง นายไม่น่าติดอันดับคนรวยด้วยซ้ำไป แล้วอีกอย่างต่อให้นายติดอันดับไป คนที่บ้านฉันก็ไม่รู้จักนายเพราะเราไม่ดูของอะไรแบบนั้น ที่บ้านฉันไม่เคยซื้อนิตยสารธุรกิจด้วยซ้ำ

คุณปู่ของฉันไม่ยอมให้ฉันใช้เวยป๋อด้วยซ้ำ ต่อให้เล่นก็ให้เราดูแต่ห้ามแชร์อะไร เย่เฉินนายโตที่เมืองนอก ไม่ได้รู้เรื่องในประเทศเรา ในประเทศแห่งนี้เราพยายามจะเก็บเนื้อเก็บตัว นายคิดว่าคนที่ติดอันดับน่ะรวยที่สุดจริงหรือไง? ตระกูลซูของเราไม่เคยเหลือบแลการจัดอันดับนั่นสักนิด ถ้าเราติดอันดับคิดว่าคงครองที่หนึ่งหลายสิบปีเลย!”

เย่เฉินเองก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ในประเทศนี้บ้าง ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่ซูมู่หลินพูด

อย่าว่าแต่ตระกูลซูเลย ต่อให้เป็นตระกูลเย่ที่น่าจะรวยติดอันดับหนึ่งของโลก ยังไม่สนใจจะแย่งชิงเป็นคนรวยติดอันดับเลยด้วยซ้ำ

ช่วงก่อนที่เขากระพือเรื่อง ‘คนที่รวยที่สุดในประเทศ’ ก็เพียงแค่เพื่อเรียกร้องความสนใจจากหวังเจียเหยา

เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “พวกเขาไม่รู้จักฉันจะดีกว่า”

เดิมทีเย่เฉินไม่อยากจะทักทายกับพ่อแม่ของอีกฝ่าย เขาแค่อยากจะพบซูมู่ชิงตามลำพังเพื่อขอโทษหล่อน

ถ้าไม่รู้จักใครเลยสักคนก็จะดีกว่า เย่เฉินเดิมทีไม่ชอบเป็นที่สะดุดตาของผู้คนอยู่แล้ว

ดังนั้นเย่เฉินจึงเดินตามซูมู่หลินไปพร้อมกัน

เพิ่งจะเข้าไปด้านในก็มีคนรับใช้ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม “คุณชายกลับมาแล้ว”

“อืม”

ซูมู่หลินวางมาดสมกับเป็นคุณชายของตระกูลร่ำรวย พลางสาวเท้าเดินไปที่ห้องรับแขกในวิลล่า

เมื่อมองออกไปไกลๆ ก็พบว่าในห้องรับแขกนั้นมีคนอยู่เป็นจำนวน

หญิงวัยกลางคนที่ดูมีสง่าราศีอย่างมาก กำลังคุยกับเด็กผู้หญิงที่เป็นเหมือนเด็กรับใช้

“อะไรนะ? หล่อนไม่ยอมออกมาหรอ? เฉิงเจี๋ยมาพบหล่อนโดยเฉพาะ ทำไมไม่ยอมมาเจอหน้ากัน ไปเรียกหล่อนอีกที!”

เมื่อได้ยินเสียงหญิงวัยกลางคนที่เปี่ยมอำนาจ ซูมู่หลินก็สาวเท้าเข้าไปในห้องรับแขก

“พ่อครับ แม่ครับ!”

ซูมู่หลินเรียกคนวัยกลางคนทั้งสองคนด้านใน

หญิงวัยกลางคนที่กำลังพูดฉอดๆ อยู่นั้นเป็นแม่ของซูมู่หลิน

ส่วนคนที่นั่งตรงกลางนั้นร่างกายอ้วนพุงพลุ้ย เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้ชายวัยกลางคนที่มีสง่าราศีอย่างมากคนนี้เป็นพ่อของซูมู่หลิน

ส่วนคนที่อยู่ด้วยนั้น นอกจากพวกเขาสองคนแล้วยังมีชายหนึ่ง หญิงหนึ่งด้วย

ผู้ชายที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของแขก อายุประมาณสามสิบ ร่างกายแข็งแกร่ง หน้าตาก็งั้นๆ แต่ใบหน้าออกจะดุๆ ทำให้คนที่พบเห็นตัวสั่นเป็นลูกนก

ท่านั่งของเขาค่อนข้างเรียบร้อย เป็นท่านั่งที่ถูกต้องของนายทหาร อีกทั้งการพูดก็ยังสำรวมมากอีกด้วย

เย่เฉินไม่ได้สนใจในตัวผู้ชายคนนั้นแต่อย่างใด เขาสนใจแต่ผู้หญิงคนนั้น!

ผู้หญิงคนนั้นอายุพอๆ กับเย่เฉิน นั่งรวบขาบนเก้าอี้ สวมเสื้อผ้าราคาแพง ทุกอากัปกิริยาของหล่อนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของคุณหนูของตระกูลที่ร่ำรวยทุกกระเบียดนิ้ว

“หล่อนคือซูมู่ชิงพี่สาวของซูมู่หลินเหรอ?”

เย่เฉินตื่นเต้น เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าหญิงสาวที่อยู่ร่วมกับเขาในห้องที่ดำสนิทคนนั้นใช่หญิงสาวคนนี้หรือไม่!

แต่ถ้าเป็นหล่อนล่ะก็เย่เฉินก็ออกจะผิดหวังน้อยๆ!

พูดกันตามจริงหญิงสาวมีกลิ่นอายของกุลสตรีมากก็จริง หน้าตาก็พอใช้ได้ แต่ก็ยังต่างจากสิ่งที่เย่เฉินคาดการณ์เอาไว้

อย่งไรเสียเจ้าหนุ่มซูมู่หลินนี่ก็หน้าตาดีอย่างมาก เดิมคิดว่าพี่สาวเขาคงจะสวยกว่าเขามาก คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะบอกว่าสวยก็สวยเพียงแต่ไม่เท่ากับซูมู่หลิน

หรือจะบอกว่ารูปลักษณ์ของพ่อแม่ถ่ายทอดมาสู่ลูกผู้ชาย แต่ไม่ได้ส่งต่อให้ลูกสาวหรือ?

ซูมู่หลินเรียกพ่อแม่แล้ว เมื่อเห็นผู้ชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งในท่าทหารก็กล่าว “แกมาทำไม?”

แม่ของซูมู่หลินรีบร้อนกล่าว “ทำไมถึงได้เสียมารยาทกับลูกชายของท่านนายพลหลี่! เขาโตกว่าแกตั้งหลายปีเรียกพี่สิ!”

ซูมู่หลินกล่าวด้วยใบหน้าเหยียดหยาม

ในตอนนี้พ่อของซูมู่หลิน เห็นการปรากฏตัวของเย่เฉินแล้ว ก็จ้องเขาเขม็งพลางถาม “มู่หลิน นี่คือใคร?”

ซูมู่หลินคอบส่งๆ “อ้อ คนขับรถคนใหม่ของผม”

แม่ของซูมู่หลินกล่าว “ทำไมพาคนขับรถเข้ามาในบ้านล่ะ?​เรากำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ให้เขาออกไปเลย”

ซูมู่หลินหันมองเย่เฉินแล้วยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ เราคุยของเราไป ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมเป็นผู้มีพระคุณของหมอนี่ เขาซื่อสัตย์กับผมมา เรื่องของที่บ้านเราเขาไม่กล้าเอาไปโพนทะนาแน่”

เย่เฉินสบถในใจ นายกลายเป็นผู้มีพระคุณของฉันตอนไหนไม่ทราบ?

ฉันเป็นคนไว้ชีวิตนาย ฉันต่างหากเป็นผู้มีพระคุณของนาย!

แต่ว่าเย่เฉินไม่อยากจะให้รู้คนตระกูลซูรู้จักเขาในสถานะคุณชายสามตระกูลเย่ในตอนนี้

ในเมื่อพวกเขาไม่รู้จักตนเอง ก็เป็นคนขับรถรับหน้าพวกเขาไปก่อนก็แล้วกัน

ในตอนนี้พ่อของซูมู่หลินกล่าวถาม “มู่หลิน ฉันได้ยินนักบินของแกบอกว่าแกมีเรื่องที่อวิ๋นโจว? แผลที่ขาเกิดที่นั่นล่ะสิ?”

ซูมู่หลินโบกมือปัดๆ “ไม่เป็นอะไรครับพ่อ แผลเล็กนิดเดียว”

และในเวลานี้เองขายวัยกลางคนที่นั่งในท่าของนายทหารจู่ๆ ก็เปิดปากกล่าว “มู่หลิน อนาคตเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน ใครทำร้ายนาย นายบอกฉัน ฉันจะพาคนไปจัดการมันเอง!”

พูดจาโอหังดีจริงๆ!

คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะปากดีมากทีเดียว!

เดิมทีซูมู่หลินสามารถร่วมมือกับผู้ชายคนนั้นรับมือเย่เฉิน แต่ว่าเขากลับไม่อยากคุยกับคนผู้นี้นัก แล้วเถียงเขา

“หลี่เฉิงเจี๋ย ใครจะไปเป็นครอบครัวนายกัน พี่สาวฉันยอมแล้วหรอ? นายมาพูดจาละเมอเพ้อพกไปคนเดียวอะไรที่นี่?”

ทันทีที่พูดถึงพี่สาวของซูมู่หลิน เย่เฉินก็หันมองหญิงสาวที่นั่งข้างๆ หลี่เฉิงเจี๋ยอย่างอดไม่ได้

ส่วนผู้หญิงคนที่เหมือนจะเป็นพี่สาวของซูมู่หลินเองก็มองมาที่เย่เฉินเช่นกัน!

ทันใดนั้นเองหล่องก็เปิดปากกล่าว “มู่หลิน นายไปหาคนขับรถไร้มารยาทขนาดนี้มาจากที่ไหน ไม่เคยเห็นผู้หญิงหรือไง? ตั้งแต่เดินเข้าประตูมาก็มองหน้าฉันตั้งหลายรอบแล้ว? ไม่มีมารยาทเลย!”

ในเมืองหลวงมมีมารยาทพื้นฐานมากมาย ต่อให้มองคนก็จะมองตรงๆ ไม่ได้ พวกเขาถือเรื่องนี่นั่นเป็นจำนวนมาก

เย่เฉินโตที่เมืองนอกจึงไม่รู้มารยาทข้อห้ามพวกนี้

เขารู้แต่ว่าวินาทีนี้เขาคิดว่าหล่อนคือซู่มู่ชิง ส่วนเป้าหมายที่เขามาก็เพื่อมาหาหล่อนแล้วขอโทษหล่อน

ไม่ให้มองหล่อนแล้วจะมองใคร?

แต่ว่าผู้หญิงคนนี้พูดจาไม่น่าฟังทำให้เย่เฉินผิดหวัง!

เย่เฉินยังคงจดจำเสียงของหญิงสาวในห้องมืดเมื่อสี่ปีก่อน ทั้งๆ ที่หล่อนเป็นคนอ่อนหวานแท้ๆ…

ถึงจะนอนกับเย่เฉินหนึ่งคืน แต่ก็ไม่เห็นหญิงสาวจะดุด่าเขาสักคำ

แล้วในตอนนี้จู่ๆ ซูมู่หลินก็กล่าวพลางหัวเราะ “ซูมู่เสวี่ยมีผู้ชายมองเธอ เธอน่าจะดีใจนะ หลายปีมานานี้เธออิจฉาความสวยของพี่สาวฉันมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”

เย่เฉินชะงักไป ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ซูมู่ชิงพี่สาวของซูมู่หลิน แต่เป็นซูมู่เสวี่ย!

นี่ก็คือน้องสาวต่างมารดาของซู่มู่หลิน

ตอนที่ 278 ไปตระกูลซู!
เย่เฉินและพวกไม่อยู่ที่นั่นต่อ เมื่อเขาได้รู้ความจริงแล้ว ก็รีบเดินตรงดิ่งไปที่เครื่องบินส่วนตัวเพื่อเตรียมไปเมืองหลวง

เย่เฉินกดโทรหาฉินหงเหยียนเพื่อบอกแฟนสาว

“หงเหยียน”

“เย่เฉิน”

เสียงปลายสายของหญิงสาวแผ่วเบา เหมือนเพิ่งตื่นนอน

“ขอโทษด้วยนะครับหงเหยียน สองวันมานี้ไม่ไดโทรหาคุณเลย ไม่มีเวลาส่งข้อความหาด้วย ผมบินมาอเมริกา ตอนนี้กำลังจะบินกลับเมืองหลวง เรื่องวุ่นวายมาติดๆ กันเลย”

“งั้นรอคุณจัดการธุระเสร็จเราค่อยคุยกันก็ได้” ฉินหงเหยียนตอบเสียงเบา

“อืม ได้ผมวางล่ะ”

ตอนนี้ ที่จริงแล้วเย่เฉินควรจะอยู่ในห้วงความสุขและหวานฉ่ำหลังจากที่ขอแฟนสาวแต่งงานสำเร็จ

แต่ว่ากลับมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นไม่หยุด

ตอนแรกก็เป็นเรื่องตรวจ DNA ลูกสองคนของหวังเจียเหยา พบว่าหนึ่งในนั้นไม่ใช่ลูกเขา

ตอนนี้กว่าจะเจอพ่อแท้ๆ ของเด็กผู้หญิง เย่เฉินถึงได้พบว่าเรื่องนี้มีเรื่องไม่ชอบมาพากกล คิดไม่ถึงว่าจะเกี่ยวข้องกับความผิดพลาดที่เขาเคยทำเอาไว้เมื่อสี่ปีก่อน

ตอนนี้เย่เฉินอยากจะรู้ใจจะขาดว่าผู้หญิงที่ชื่อซูมู่ชิงหน้าตาเป็นยังไง เขาอยากจะถามเรื่องราวความเป็นมาและขอโทษหญิงสาว

หลังจากเดินทางกันหลายสิบชั่วโมง พวกเย่เฉินก็มาถึงเมืองหลวง!

หลังจากเดินทางติดต่อกัน พวกเย่เฉินก็ออกจะมีอาการ Jet lag กันหมดอีกท้ังยังเริ่มจะไม่ค่อยมีสติแล้วด้วย

ถึงแม้ว่าอยากจะหาโรงแรมนอนพักสักหน่อย แต่เย่เฉินก็ยังตัดสินใจไปพบซูมู่ชิงพี่สาวของซูมู่หลินก่อน!

“พี่สาวนายอยู่ที่ไหน?” เย่เฉินถาม

“นายมากับฉันสองคน ห้ามพาลูกน้องมา” ซูมู่หลินกล่าว

ซูมู่หลินไม่เรียกคนมารับเขา แต่เรียกรถส่งๆ แล้วเย่เฉินก็เดินตามเขาเข้าไป

ไม่นานนักทั้งสองคนก็มาแถวๆ ประตูหน้าของบางพื้นที่ ที่นี่เป็นเขตสี่เรือนประสานล้วนแต่สร้างขึ้นจากก้อนหินและท่อนไม้ที่ค่อนข้างเก่าแก่

เย่เฉินประหลาดอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงจะอาศัยอยู่ที่นี่

เมื่อผลักประตูสีแดงที่สร้างจากไม้เก่า เย่เฉินก็ถามอย่างประหลาดใจ “ตระกูลซูของพวกนายไม่ใช่ตระกูลร่ำรวยเหรอ? ทำไมพี่สาวนายมาอยู่ที่นี่?”

เย่เฉินเองย่อมรู้ว่าพื้นที่ในเมืองหลวงนั้นมีมูลค่าราวทองคำ เรือนสี่ประสานที่นี่ราคาสูงแน่นอน

ราคาประเมินน่าจะมากกว่าแสนหก เรือนสี่ประสานแห่งนี้คาดว่าน่าจะหลายร้อยล้าน

แต่ว่าพวกเขาคือคนตระกูลซู คนตระกูลซูน่าจะอาศัยอยู่ที่บ้านราคาเกินพันล้าน แต่การที่หญิงสาวอาศัยอยู่ในเรือสี่ประสานดูไม่ค่อยเหมาะสมกับหญิงสาวที่เป็นลูกคุณหนูเท่าไหร่นัก

ซูมู่หลินได้ยินแบบนี้ก็ถลึงตามองเย่เฉิน “ก็เพราะเรื่องงามหน้าที่นายทำยังไงล่ะ! ตอนนี้พี่สาวฉันทะเลาะกับคนทั้งบ้าน เลยย้ายตัวเองมาอยู่ที่เรือนสี่ประสานนี่”

เย่เฉินไม่เข้าใจตัวเขาเองกับซูมู่ชิงก็เป็นอะไรเทือกๆ แบบ ‘one night stand’ ก็เท่านั้นเอง เรื่องแบบนี้ในสายตาสาวๆ ยุคนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องราวอะไร

หรือว่าหลังจากเกิดเรื่องซูมู่ชิงเป็นโรคซึมเศร้า? ทำไมถึงได้ทะเลาะกับที่บ้านได้?

เย่เฉินพอจะรู้นิสัยของซูมู่หลิน จึงไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ เขาว่าเขาไปถามหญิงสาวเองน่าจะดีกว่า

“ไม่รู้ว่าซูมู่ชิงหน้าตาเป็นยังไง สวยไหม…”

ทันใดนั้นเองก็มาถึงเรือนสี่ประสานของซูมู่ชิงอย่ารวดเร็ว เย่เฉินก็เริ่มอยากเห็นหน้าตาของหญิงสาวคนนี้ขึ้นมา!

ลำดับแรกเขาพอจะเดาได้ว่าอายุของซูมู่ชิงน่าจะไม่มาก ซูมู่หลินเพิ่งจะ 20 ต้นๆ พี่สาวก็ไม่น่าจะเกิน 30

สองเขาเดาว่าหญิงสาวน่าจะหน้าตาดี!

เพราะซูมู่หลินหน้าตาสะสวย!

ตอนแรกที่เย่เฉินเห็นหมอนี่ ยังคิดเลยว่าเสียดายจริงๆ ที่ไม่เป็นผู้หญิง!

คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังมีพี่สาว กรรมพันธุ์ดีๆ ของพวกเขาไม่สิ้นเปลืองไปอย่างน่าเสียดาย!

“เอ่อ ซูมู่ชิงเป็นพี่สาวแท้ๆ ของนายเหรอ? พ่อแม่เดียวกันเลยไหม?”

เย่เฉินเอ่ยถามขณะเดินตามหลังซูมู่หลิน

เขาพอจะรู้ว่าตระกูลใหญ่ๆ อย่าตระกูลเย่ หรือตระกูลซูมีลูกหลานมากมาย แต่ลูกหลานในรุ่นนั้นๆ อาจจะไม่ได้มีพ่อแม่เดียวกัน

ซูมู่หลินกล่าว “ใช่ พ่อแม่เดียวกันสิ แต่เรามีน้องชายน้องสาวต่างแม่อีกสองคน”

“อืม”

พอรู้ว่าคนที่กำลังจะไปพบนี้พ่อแม่เดียวกันกับคนที่เดินนำหน้าเขาก็สบายใจ ในเมื่อหมอนี่หน้าตาสวยขนาดนี้ พี่สาวของเขาก็ไม่น่าจะหน้าตาแย่อะไร

เย่เฉินย่อมไม่ได้คิดอะไรกับซูมู่ชิง เพราะตอนนี้เขารักฉินหงเหยียน

เพียงแต่คนที่ชอบคนสวยอย่างเขา ทำใจไม่ได้ถ้าหากจะต้องรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเคยนอนด้วยเป็นคนหน้าตาน่าเกลียด

เมื่อมาถึงภายในตัวบ้าน ก็มีเด็กาวเหมือนคนรับใช้เดินมา “คุณชาย”

“พี่สาวฉันล่ะ?” ซูมู่หลินถาม

เด็กสาวตอบ “คุณหนูไปบ้านคุณท่านแล้วค่ะ”

เย่เฉินหัวเราะ ตระกูซูนี่น่าสนใจจริๆ ไม่เพียงแต่มีเด็กรับใช้เหมือนสมัยโบราณ แต่สรรพนามเหมือนสมัยโบราณอย่างไรอย่างนั้น นายท่าน คุณหนู คุณชาย แหมเป็นตระกูลใหญ่โตของเมืองหลวงจริงงๆ!

ซูมู่หลินชะงักไป “ไปบ้านพ่อฉัน? พี่สาวฉันไปที่นั่นทำไม?”

จากน้ำเสียงของซูมู่หลินแล้วพอจะฟังออกว่า ซูมู่ชิงคนนี้ไม่ค่อยไปที่บ้านพ่อของหล่อนนัก

เด็กสาวตอบ “ได้ยินว่านายท่านเรียกคุณหนูไปดูตัว”

ซูมู่หลินหัวเสีย “พี่สาวฉันไม่เคยชอบไปดูตัวอะไรบ้าบอนั่น! ต้องโดนหลอกไปแน่ๆ!”

พูดจบซูมู่หลินก็หุนหันจากไป

“เฮ้ นายไปไหน?” เย่เฉินถาม

ไม่ได้เจอซูมู่ชิงทันทีที่มาถึง เขาผิดหวังนิดหน่อย

ซูมู่หลินหันไปตอบเย่เฉิน “ไปที่บ้านพ่อฉันกัน ถ้านายอยากไปเจอพี่สาวฉันล่ะก็ ไปด้วยกันสิ”

เย่เฉินไม่ได้ตามกับเขาในทันที แต่ลังเลไปน้อยๆ

พ่อของซูมู่หลินซึ่งก็คือทายาทรุ่นที่สองของตระกูลซู ตอนนี้กำลังเป็นเรี่ยวแรงสำคัญของตระกูลซู

ตระกูลเศรษฐีอย่างตระกูลซูในเมืองหลวง ไม่ได้เข้าง่ายๆ แบบนั้น

อีกอย่างเย่เฉินก็เคยทำเรื่องผิดต่อตระกูลซูเสียด้วย…

“ทำไม? กลัวเหรอ? กลัวว่าตระกูลซูของเราจะซ้อมนายเหรอ?”

ซูมู่หลินเห็นเย่เฉินไม่กล้าตามมา ก็หัวเราะร่วน

สองวันที่ผ่านมาเย่เฉินเอาแต่พูดว่าจะส่งซูมู่หลินขึ้นสวรรค์ ทำให้ความเป็นลูกผู้ชายที่เขาคยมีสูญสลายอันตรธานหายไปหมด

ตอนนี้เห็นเย่เฉินหวาดกลัว ทำให้เขาสะใจ

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “ซูมู่หลิน เรื่องของฉันกับพี่สาวนายกับเรื่องของนายกับหวังเจียเหยาน่ะ มันคนละเรื่องกัน รอฉันจัดการเรื่องพี่สาวนายก่อน ถือว่าเป็นการให้เกียรติคนตระกูลซูของพวกนาย แล้วค่อยกลับมาจัดการนาย!”

เขาไม่ได้กลัวตระกูลซู!

คนตระกูลเย่เคยกลัวใครที่ไหน!

ซูมู่หลินจินตนาการถึงตอนที่เย่เฉินถึงเมืองหลวง มาถึงถิ่นของเขาแต่ยังวางท่ากร่าง พลันรู้สึกนับถือเขาในใจ หมอนี่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง

“เกรงว่าเรื่องของนายกับพี่สาวฉันไม่น่าจะจบง่ายๆ!”

ซูมู่หลินไม่กล้าพูดอะไรอีก เขากดโทรศัพท์เรียกรถ Audi มาคันหนึ่งเป็นรถ Audi รุ่น A8 ทั่วๆ ไป ทะเบียนรถก็ธรรมดาๆ ไม่สามารถจะตัดสินได้เลยว่าคนที่นั่งในรถนั้นเป็นเศรษฐีหรือไม่

เมืองหลวงก็แบบนี้ ทุกที่ล้วนแต่มีพยัคฆ์หมอบซ่อนตัวอยู่

ซูมู่หลินขับรเอง เขาขับรถพาเย่เฉินไปเขตวิลล่าที่มีชื่อว่า Maison no.1

ตำแหน่งของอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ดีเยี่ยม วิลล่าเป็นสไตล์บ้านกลางสวน รอบๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียว ทำให้ราคาของวิลล่าแห่งนี้คงจะสูงเกินจะคาดเดา!

รถจอดลงตรงปากประตูวิลล่าหรูหราโดดเด่น

“เย่เฉิน ถ้านายไม่กล้าเข้าไป ตอนนี้จะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะ” ซูมู่หลินกล่าว

เย่เฉินเปิดประตูลงไป “ในโลกใบนี้ไม่มีสถานที่ไหนที่ฉันไม่กล้าไปหรอก!”

ตอนที่ 277 ความลับที่ซุกซ่อนในก้นลึกของจิตใจ!
ซูมู่หลินถูกเย่เฉินขังไว้ในห้อง ออกมาไม่ได้ ดังนั้นจึงทุบประตูห้องเสียงดัง

ไม่นานนักหลิวเจิ้งคุนที่รับผิดชอบเฝ้าซูมู่หลินก็เดินมาแล้วกล่าว

“คนแซ่ซู! พูดเหลวไหลอะไร! ว่าง่ายๆ เตรียมตัวไปดาวอังคารได้เลย”

ซูมู่หลินตะโกน “ไปกับพ่อแกสิ! ฉันไม่ไปดาวอังคาร แกไปเรียกเย่เฉินมาเดี๋ยวนี้!”

หลิวเจิ้งคุนรู้ว่าซูมู่หลินกลัวแล้ว เขาจึงไปเรียกเย่เฉินมา

เย่เฉินมาถึงห้องของซููมู่หลิน เห็นซูมู่หลินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวพลางกล่าว “คิดดีแล้วใช่ไหม? จะไปดาวอังคารหรือจะยอมสารภาพมาเสียดีๆ?”

ตลอดชีวิตนี้ของซูมู่หลินไม่เคยต้องทนแบกรับความทรมานแบบนี้ ถึงจะโดนคนต่อยจนหน้าบวม ก็อย่าหวังให้เขายอมรับความพ่ายแพ้

แต่ครั้งนี้เขากลัวแล้ว เขากลัวแล้วจริงๆ

ซูมู่หลินกล่าว “อย่าส่งฉันไปดาวอังคาร ฉันจะบอกเลย ฉันจะบอกหมดเลย!”

สองนาทีผ่านไป เย่เฉินก็ให้นักบินอวกาศแล้วพวกหลิวเจิ้งคุนออกไป ปล่อยให้เขาอยู่กับซูมู่หลินสองคนในห้อง

“พูดมาสิ ทำไมถึงต้องไปนอนกับหวังเจียเหยา แกมันไอ้คนสารเลว!”

เย่เฉินมองซูมู่หลิวด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอยากรู้คำตอบ เขาคงจัดการซ้อมหมอนี่จนพิการไปแล้ว!

ทว่าซูมู่หลินยังคงหัวแข็ง “แกสิคนสารเลว! เย่เฉิน! ถ้าไม่ใช่เพราะแกทำเรื่องเลวๆ ใส่พี่สาวฉัน ฉันจะไปนอนกับเมียแกทำไม!”

เย่เฉินชะงักไปทันที “พี่สาวนายคือใคร? แล้วฉันเคยไปทำเรื่อง…สารเลวอะไรใส่หล่อน?”

เย่เฉินโดนปู่สั่งสอนมาให้เป็นคนจิตใจดี เขาเชื่อมั่นเหลือเกินว่าในตลอดหลายปีมานี้เขาก็ทำแต่เรื่องที่อยู่ในกรอบศีลธรรม

ไม่เคยทำร้ายใครยกเว้น…

ซูมู่หลินแค่นเสียง “เย่เฉิน แกเคยยทำอะไรไว้ แกไม่รู้เลยเหรอ? อย่าให้ฉันเป็นคนพูดเลย แกมันเป็นคนดี!แต่เรื่องต่ำๆ ที่แกเคยทำน่ะ ฉันรู้ดีเชียวล่ะ!”

ลมหายใจเย่เฉินถี่กระชั้น เขาไม่อยากจะย้อนคิดถึงเรื่องพวกนั้น!

ผ่านไปนานเย่เฉินจึงกล่าวถาม “พี่สาวนายชื่ออะไร?”

ซูมู่หลินตอบ “ซูมู่ชิง!”

เย่เฉินถามต่อ “หล่อนเคยไปสงครามที่ซีเรียใช่ไหม”

และแล้วคำตอบที่เขาได้รับก็คือ “ใช่!”

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ก้มหน้าลง แล้วเขาก็เริ่มคิดออก

เรื่องนั้นซุซ่อนอยู่ในใจเขามาเป็นระยะเวลานาน เป็นความทรงจำที่เขาไม่อยากจะนึกถึงก็ปรากฏขึ้นในหัวเขาอีกครั้ง…

……

สีปีก่อน ณ สนามรบที่ซีเรีย

“บุกๆ…”

“ปังๆ”

ในระหว่างที่เข้าร่วมสงคราม เขากับเพื่อนๆ ในทีมกำลังพักผ่อนกันอยู่นั้น เสียงปืนก็ดังขึ้นรอบทิศทาง!

จู่ๆ ศัตรูก็บุกเข้ามาในค่ายของพวกเขา แล้วถล่มยิง!

เย่เฉินกับพวกยิงสวนพลางถอยไปด้วย

จนสุดท้ายอาวุธสงครามของฝ่ายศัตรูทรงพลังเกินไป อีกทั้งพวกเขามีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ทำให้เพื่อนร่วมทีมของเย่เฉินที่หนีมาพร้อมกันตายจนหมด

ส่วนเย่เฉินโดนคนสามคนล้อมเอาไว้ ทุกคนล้วนแต่คลุมหมวกไอ้โม่ง แล้วเล็ง AK มาที่เย่เฉิน!

เย่เฉินกำลังตกอยู่ในอันตราย!

และในเวลานี้เอง เย่เฉินก็หยิบป้ายหยกที่มีตัวอักษร ‘เย่’ ชิ้นหนึ่งออกมา วางอาวุธในมือลง ชูมือสองข้างขึ้นแล้วตะโกน

لاتطلقواالنار!لاتطلقواالنار!

“อย่ายิง! อย่ายิง!”

เย่เฉินกลัวว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจ จึงใช้ภาษาอารบิก ฝรั่งเศส อังกฤษและภาษาต่างๆ เพื่อบอกให้พวกเขาหยุดยิง

จากนั้นก็ใช้ภาษาอารบิกกล่าวต่อ “ผมเป็นคนตระกูลเย่!”

เย่ฉงไห่ส่งเด็กในบ้านมาร่วมฝึกฝนในสงครามที่อันตรายแบบนี้ ย่อมไม่อาจปล่อยให้พวกเขารบจนตาย

เขาจึงได้กำชับกับพวกหัวหน้าของทุกฝ่ายเอาไว้ อีกทั้งยังให้ผลประโยชน์พวกเขาไปไม่น้อย

แล้วบอกเย่เฉินเอาไว้ว่าหากเกิดอันตรายขึ้น ให้แสดงป้ายหยกประจำตระกูลเพื่อแสดงตัวตนของเขา

เย่เฉินจึงยื่นป้ายหยกให้คนที่ใส่หมวกปิดหน้าปิดตาดู “เอาของชิ้นนี้ไปให้เจ้านายพวกนายดู นายต้องได้รางวัลอย่างงามแน่!”

แล้วป้ายหยกก็ถูกส่งต่อไปให้เจ้านายของพวกทหารอย่างรวดเร็ว

แต่ว่าหลังจากที่ได้รับป้ายหยกมาแล้ว ก็ไม่ได้ปล่อยตัวเย่เฉินในทันทีแต่อย่างใด แต่เอาเขาไปขังในห้องมืดๆ แทน

แน่อนว่าเย่เฉินย่อมไม่เข้าใจว่าเกิดดเรื่องอะไรขึ้นจึงโวยวายเสียงดัง “พวกนายจับฉันไว้ทำไมเนี่ย?”

คนด้านนอกจึงตะโกนบอกเขา “มีคนอยากให้ของขวัญนาย นายได้ของขวัญชิ้นนี้แล้วค่อยไปเถอะ”

ไม่นานนักในห้องมืดๆ ก็มีผู้หญิงอีกคนโดนจับโยนเข้ามา!

เย่เฉินไม่รู้เห็นหน้าตาของผู้หญิงคนนี้ เพราะว่าในห้องไม่มีแสงไฟ แต่เขาพอจะคาดเดาอายุของหญิงสาวผ่านกระแสเสียงสะอื้นของเจ้าหล่อนได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะยังอายุไม่มาก

เย่เฉินไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาต้องทำแบบนี้จึงตะโกนอีก “ปล่อยฉันออกไป ทำไมต้องปั่นหัวฉัน!”

เย่เฉินโดนขังในห้องนั้นเป็นเวลาหกชั่วโมงเต็มๆ ไม่ว่าจะร้องตะโกนยังไง คนด้านนอกก็ไม่ยอมเปิดประตูปล่อยเขาออกไป

เขาลองคุยภาษาอารบิกกับเพื่อนร่วมห้องต่างเพศคนนี้โดยใช้ภาษาอารบิก และฝรั่งเศส แต่อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรนอกจากร้องไห้เท่านั้น

จนสุดท้ายเย่เฉินจำได้แค่ว่าเขาเองคแห้งจนแสบผาก ส่วนหู้หญิงก็เหมือนจะร้องไห้จนหมดแรง

ตอนนั้นเย่เฉินคิดว่าอย่างไรเสียผู้หญิงที่โดนคจับ ก็คงจะเป็นเหมือนผู้หญิงในกองทัพที่เป็นเหมือนของเล่นระบายอารมณ์ของผู้ชาย

ดังนั้นเย่เฉินจึงทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขา

แต่หลังจากทุกอย่างจบลง เย่เฉินก็พบว่านั่นเป็นครั้งแรกของหญิงสาว!

อีกทั้งหลังจากที่หญิงสาวโดนพาตัวไปแล้ว เย่เฉินถึงได้เห็นแผ่นหลังของอีกฝ่ายเต็มตา เรืนร่างแบบบางนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นคนเอเชีย!

หลังจากที่รู้เรื่องแล้ว เย่เฉินก็รู้สึกผิดกับหญิงสาวคนนั้นอย่างมาก

แต่จนวันนี้เขาก็ไม่รู้ความจริงของเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงได้เจอสาวบริสุทธิ์และสวยขนาดนั้นที่นั่น

……

“คิดออกหรือยัง? ไอ้ชั่ว!” ซูมู่หลินจ้องเย่เฉินตาถลึง

ในเวลานี้เย่เฉินถึงเพิ่งเข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเกลียดชังเขาขนาดนี้

ที่แท้ ผู้หญิงในห้องมืดที่สงครามคนนั้นเป็นพี่สาวเขา เป็นลูกสาวของตระกูลซู ซูมู่ชิง!

“หล่อนไปทำไมที่สนามรบ?” เย่เฉินถาม

ซูมู่หลินตอบอย่างไม่พอใจ “เรื่องนี้แกไปถามพี่สาวฉันเองเถอะ!”

เย่เฉินครุ่นคิดแล้วพยักหน้ารับ “ก็ได้ ฉันเองก็ควรต้องไปขอโทษหล่อนเหมือนกัน ตอนนี้พี่สาวนายอยู่ไหนล่ะ? ฉันจะได้ไปหาหล่อน”

ถึงแม้ว่าเขาจะทำผิดไปแล้ว แต่ลูกผู้ชายก็ควรจะกล้ายอมรับในความผิดที่ตนเองทำ

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้เย่เฉินเองก็ทำอะไรไม่ได้ ที่เขาทำไปก็เพื่อช่วยชีวิตพวกเขาสองคน ไม่อย่างนั้นแล้วทั้งสองคนก็อาจจะโดนขังไว้ในห้องดำนั้นจนหิวตาย

เย่เฉินรู้ว่าที่เมืองหลวงเป็นถิ่นของตระกูลซู “ได้ ฉันจะไปเมืองหลวงกับนาย!”

แล้วพวกเขาก็รีบเก็บข้าวของเพื่อเตรียมจะจากไป

Musk เห็นพวกเย่เฉินจะไปก็รีบรั้งพวกเขาเอาไว้สุดชีวิต “คุณซูไม่ไปดาวอังคารเหรอ? ถ้าไม่ชอบดาวอังคาร เรามีจุดหมายปลายทางอื่นให้เลือกนะ”

ซูมู่หลินตกใจจนรีบร้อนปฏิเสธ “คุณ Musk ไม่ว่าสถานที่ใดในอวกาศผมก็ไม่ไปทั้งนั้น! ผมอยากจะอยู่บบนโลก!”

Musk คว้ามือของซูมู่หลิน “ทิ้งวิธีติดต่อไว้เถอะ หากว่าวันไหน”

ซูมู่หลินสะบัดมือ Musk ทิ้ง “ไม่มีวันนั้นหรอก!

ตอนที่ 276 ซูมู่หลินประสาทเสียแล้ว!
ในระยะเวลา 10 ชั่วโมงที่เดินทางมาที่นี่ ซูมู่หลินฝืนเก็บอาการ จงใจทำเหมือนว่าตนเองไม่ได้หวาดกลัวการทัวร์อวกาศเท่าไหร่นัก

แต่พอมาถึงสถานที่จริง ได้ยินว่าจะต้องไปกาวอังคารจริงๆ เหงื่อก็ผุดขึ้นบนหน้าผากของซูมู่หลินไม่หยุด

“ทำไมถึงจะไปดาวอังคารอีกแล้วล่ะ? ไปที่นั่นใช้เวลาเท่าไหร่?” ซูมู่หลินถาม

Musk อธิบาย “พวกเราไปดาวอังคารต้องใช้เวลา 6 เดือน หลังจากถึงที่นั่นแล้วจะอยู่ต่ออีก 26 เดือน”

ซูมู่หลินภาษาอังกฤษดีใช้ได้ เขาโวยวายด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงเป๊ะ

“อยู่ที่นั่นทำไม 26 เดือน! ที่ดาวอังารผู้หญิงก็ไม่มี แถมไปก็ไม่ได้จะไปรบกับใคร! อย่าบอกนะว่าพวกนายจะสร้างฐานที่นั่น ฉันจะอยู่แค่หนึ่งสัปดาห์ก็จะกลับ!”

Musk กล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณซู คือแบบนี้นะครับพวกเราจะไปดาวอังคารตอนที่ดาวอังคารอยู่ใกล้เราที่สุด แต่ตอนถึงดาวอังคารเราอยู่ไกลโลกมากแล้ว ดังนั้นพอคำนวณจากต้นทุน พวกเราก็ต้องรอตอนที่ดาวอังคารอยู่ไกลโลกที่สุดถึงกลับมาได้ แต่ทุก 26 เดือนดาวอังคารถึงจะเข้าใกล้โลกอีกที ดังนั้นพวกเราถึงต้องอยู่ที่นั่น 26 เดือน”

เย่เฉินตบบ่าซูมู่หลินแล้วกล่าว “คุณชายซู แค่สองปีเอง คุณอายุน้อยจะตายกลัวอะไร ถือเสียว่าเป็นการฝึกฝนประสบการณ์ชีวิตก็ได้”

ซูหลินสะบัดตัวออก “ฉันไม่ไป! ส่งฉันกลับเลยเร็วๆ!”

เย่เฉินกล่าวอย่างไม่เกรงใจเขา “ซูมู่หลิน เหมือนนายจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้นะ นายในตอนนี้น่ะยังไงก็ได้ไปอยู่แล้ว ต่อให้ไม่อยากไปก็ต้องไป! นอกเสียจากว่านายจะบอกฉันมาดีๆ ว่าสรุปแล้วนายทำแบบนี้ไปทำไม!”

ซูมู่หลินหัวเสีย ตอนนี้เขาไม่ได้มีบาดแผลบนร่างกายเท่านั้น แต่ถึงจะไม่ได้บาดเจ็บแต่เขาก็ไม่มีอาวุธติดมือสักชิ้น รอบตัวเป็นคนของเย่เฉินทั้งนั้น

ส่วนโทรศัพท์ของเขาก็โดนริบไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อคนในครอบครัวได้

ต่อให้คนที่บ้านรู้ตำแหน่งที่อยู่ของเขา แต่ที่นี่คืออเมริกา เป็นอาณาเขตของ Musk ตระกูลซูของเขาไม่สามารถทำอะไรที่อเมริกาได้เลยด้วยซ้ำไป!

ใประเทศ ตระกูลซูอาจะพอสู้กับเย่เฉินได้บ้าง แต่ที่เมืองนอกพวกเขาไม่อาจสู้อีกฝ่ายได้เลย!

ซูมู่หลินกัดฟันกรอด “ได้! ไปดาวอังคารก็ไปสิ! ลูกหลานตระกูลซูของเราไม่มีทางกลัวพวกสารเลวแซ่เย่หรอก!”

ซูมู่หลินมักจะด่าเย่เฉินเป็นคนสารเลว ทุกครั้งที่มองเขาแววตาของอีกฝ่ายมักเต็มไปด้วยไอสังหาร

เย่เฉินรู้ว่าซูมู่หลินจะต้องมีอะไรกับตนเองแน่ เขาแค้นตนเอง หนำซ้ำแค้นนี้น่าจะใหญ่โตมากทีเดียว

เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ออก ว่าตนเองไปล่วงเกินอีกฝ่ายตอนไหน

“ลากเขาไป!”

เย่เฉินสั่งแค่คำเดียว ซูมู่หลินก็โดนคนสองคนลากตัวออกไป เพราะกำลังจะไปดาวอังคาร เขาจึงถูกแยกตัวไปไว้ในห้องเดียวกับนักบินอวกาศ

นักบินอวกาศเป็นคนแคนาดารัฐ Quebec เขาจึงพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส บังเอิญที่ซูมู่หลินเองก็พูดภาษาอังกฤษกับภาษาฝรั่งเศสได้พอดี ทั้งสองคนจึงคุยกัน

ซูมู่หลินถาม “เพื่อน ที่ Musk พูดเรื่องย้ายประชากรไปดาวอังคารมันเป็นไปได้เหรอ? เราไปดาวอังคารครั้งนี้จะมีอันตรายอะไรไหม?”

นักบินอวกาศชาวต่างชาติคนนั้นกินขนมไปพลางกล่าว “สบายใจเถอะเพื่อนๆ พวกเราปลอดภัยมากๆ เลยล่ะ”

ซูมู่หลินยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มแล้วลอบกล่าวกับตัวเองในใจ “เย่เฉิน ฉันนอนกับเมียนาย นายไม่กล้าฆ่าฉันเลยสส่งฉันไปดาวอังคาร แต่ว่าต่อให้ฉันไปที่นั่นฉันก็จะกลับมาอย่างปลอดภัย! พอถึงตอนนั้นนายก็จะไม่กล้าแตะต้องฉันอีก! ฉันจะถือเสียว่าไปเที่ยวแล้วกัน!”

ซูมู่หลินดีใจอย่างมาก รู้สึกว่าเทียบกับการโดนฆ่า โดนตอน โดนหยามเกียรติแล้ว จุดลงเอยแบบนี้น่าจะดีกว่า

ต้องรู้ว่าพวกคนที่ล่วงเกินเย่เฉินก่อนหน้านี้ ทั้งฟางเชา หลิ่วอวี่เจ๋อ ไม่มีใครจบสวยสักคน

แต่ว่าในเวลานี้ ทันใดนั้นเองนักบินอวกาศกลับกล่าวต่อ “แต่ว่าพวกเราอยู่ที่อาวอังคารนานเกินไป ทำให้อันตรายที่ต้องเจอมีมากขึ้น”

“อันตรายเหรอ? มีอันตรายอะไร!” ซูมู่หลินรีบร้อนถามนักบินอวกาศอธิบาย “พวกเราเดินทางในอวกาศ เพราะไม่ได้ออกกำลังกายและไร้แรงโน้มถ่วง อาจจะส่งผลกับโครงสร้างกระดูกและความแข็งแรงของร่างกาย ตอนเรากลับมา กล้ามเนื้อจะลดลง 40%”

“อะไรนะ?”

ซูมู่หลินชะงักไป ถึงแม้ว่าเขาจะมีใบหน้าที่สะสวย แต่สิ่งที่ทำให้เขาภูมิใจนักหนาไม่ใช่หน้าตาแต่เป็นพละกำลังของเขา!

เขาเป็นคนที่มีแรงเยอะและมีความสามารถในวิชาป้องกันตัวต่างๆ ดังนั้นจึงคอยออกกำลังงหายอยู่เสมอ!

แต่ทันทีที่ไปดาวอังคาร พอกลับมาความขยันตลอดหลายปีมานี้ของเขาก็จะสูญเปล่า!

นักบินอวกาศกล่าวต่อ “แล้วก็สมองของเราก็จะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างมากด้วย ถ้าอยู๋ในอวกาศนานเกินไป สมองก็จะมีของเหลวอยู่เยอะ”

ซูมู่หลินใจหายอีกครั้ง หลังจากกลับมาแล้วจะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนหรือเปล่านะ?

เย่เฉินไอ้คนสารเลว!

นักบินอวกาศจึงกล่าวต่อ “แล้วก็ไตก็จะอ่อนแอลง ถ้าหากว่าตอนนี้นายมีแฟนล่ะก็ รีบฉวยโอกาสตอนที่ยังไม่ได้ไปดาวอังคารนอนกับแฟนเยอะๆ กลับมาแล้วนายอาจจะไม่ไหวแล้วก็ได้”

“…”

ซูมู่หลินโกรธจนจะด่าแม่เย่เฉินได้อยู่แล้ว!

ที่จริงแล้วนักบินอวกาศคนนี้ก็เป็นคนของเย่เฉิน เย่เฉินจงใจให้เขาพูดถึงความน่ากลัวของอวกาศเพื่อเขย่าประสาทซูมู่หลินเล่นๆ

“ฉันว่าแล้วเขารู้ว่าฉันรังแกเมียเขา เขาเลยไม่ยอมปล่อยให้ฉันได้มีชีวิตสบายๆ!”

ซูมู่หลินนั่นเชื่อคำพูดที่ออกจะเกินความจริงไปมากอย่างสนิทใจ

นักบินอวกาศเห็นซูมู่หลินไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับอวกาศแม้แต่น้อยก็ยิ่งพูดให้น่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม

“ที่จริงแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวที่สุด นายรู้ไหมว่าที่ย่ากลัวที่สุดคืออะไร?”

“คืออะไร!” ซูมู่หลินถลึงตามอง

นักบินอวกาศถอนหายใจ “ในอวกาศมีหลุมดำที่ลึกลับแล้วยากจะคาดเดาเต็มไปหมด! ทันทีที่เราโดนดูดเข้าไปในหลุมดำ เราจะตายแน่ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังจะติดอยู่ข้างในตลอดไป ออกมาก็ไม่ได้ แต่ต่อให้ถูกดูดเข้าไปด้านใน ทันทีที่เราเข้าใกล้หลุมดำ เวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็วราวติดปีก! นายรู้ไหมว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วราวติดปีก หมายความว่าอย่างไรสำหรับพวกเรา?”

ซูมู่หลินกลืนน้ำลาย “หมายความว่า…อะไรเหรอ?”

นักบินอวกาศกล่าวต่อไปว่า “นายเคยดูหนังเรื่อง ‘Interstellar’ ของผู้กำกับ Nolanไหม? พระเอกเดินไปทางอวกาศ แล้วตอนกลับมาลูกสาวเขาก็กลายเป็นยายแก่แล้วน่ะ! และเหมือนกันนั่นแหละตอนเรากลับมา เราอาจจะอยู่นอกโลกแค่สองสามปี แต่ที่ดาวโลกอาจจะผ่านไปหลายสิบปีแล้วก็ได้!

เท่ากับว่าในตอนนั้น ญาติของนายอาจจะแก่แล้ว หรือไม่ก็ไม่อยู่แล้วก็ได้! เฮ้อ เพื่อนเอ้ย ก่อนจะไปโทรหาญาติๆ เถอะนะ อาจจะเป็นสายสุดท้ายก็ได้”

ซูมู่หลินฟังมาขนาดนี้ก็ตกใจจนสติกระเจิดกระเจิง

“ไม่นะ คุณปู่ของฉันอายุตั้ง 70 กว่าปีแล้ว รอฉันกลับมา ฉันก็อาจจะไม่เจอปู่ของฉันก็ได้ หรืออาจจะไม่เจอพ่อด้วยซ้ำไป! แล้วไหนจะมีแฟนฉันที่รอฉันกลับมาอีก พอฉันกลับมาหล่อนคงกลายเป็นยายแก่แล้ว! แล้วยังมีพี่สาวฉันอีก… ไม่นะ ไม่ ฉันทนรับเรื่องนี้ไม่ไหวหรอกนะ ฉันไปดาวอังคารไม่ได้!”

คนอย่างซูมู่หลินที่เป็นชายชาตรีโตในกองทัพแบบนี้ บางครั้งการใช้ความตายมาข่มขู่อาจจะไม่ได้ผล

แต่ว่าในโลกนี้มีสิ่งที่น่ากลัวมากกว่าความตายมากนัก

ซูมู่หลินอาจจะไม่กลัวความตาย แต่ไม่อาจทนรับโลกที่ไม่มีพ่อและญาติทั้งหมด ไม่เหลือใครในตอนที่กลับมา!

“เย่เฉิน! เย่เฉิน! นายมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลย!”

ซูมู่หลินตะเกียกตะกายเรียกหาเย่เฉินที่ประตู

ตอนที่ 275 ทัวร์อวกาศ!
หลิวเจิ้งคุนกับซีกวาที่เดิมสับสนไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เฉินถึงได้เกรงใจซูมู่หลินนัก

เพราะในสายตาพวกเขา เย่เฉินเป็นเจ้านายที่สูงส่งเหนือใคร แถมยังมีอำนาจอย่างมาก

เป็นคุณชายที่ทรงอำนาจและโหดที่สุดในโลก

ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะเคยโดนผู้หญิงอย่างหวังเจียเหยาทำร้ายมาก่อน แต่เย่เฉินเองไม่เคยก้มหัวให้ชายคนใด และยอมรับการดูถูกมาก่อน

แต่ตอนนี้ได้ยินเย่เฉินบอกว่าจะพาซูมู่หลินไปทัวร์อวกาศพวกเขาก็สบายใจ

เย่เฉินยังคงเป็นคุณชายคนเดิมที่พวกเขาสาบานว่าจะติดตามไปจนตายคนนั้นจริงๆ

ซูมู่หลินสับสนน้อยๆ “หมายความว่ายังไง?”

เย่เฉินยังคงแสร้งทำท่าทีเป็นมิตรแล้วกล่าว “นายรู้จัก Musk ใช่ไหมล่ะ? คนที่ทำจรวดน่ะ อ้อจริงสิ เขาเป็นคนให้โดรน UFO ที่นายขับชนเมื่อกี้กับฉันเองแหละ

นายเองก็รู้ ธุรกิจทัวร์อวกาศของเขาประสบความสำเร็จแล้ว แต่ว่าตอนนี้นอกจากนักบินอวกาศแล้วยังไม่มีใครยอมไปลองเลย คุณชายซูฉันเห็นนายโหดดี มีฝีมือดีด้วย คงต้องใจกล้ามากด้วย เอาแบบนี้แล้วกันฉันสมัครให้นาย เดี๋ยวฉันออกค่าตั๋วร้อยล้านดอลลาร์ให้เอง แล้วให้ Musk พานายไปทัวร์อวกาศสักรอบดีไหม?”

ซูมู่หลินงุนงงทันที “นายจะส่งฉันขึ้นสวรรค์?”

“ฮ่าๆ”

หลิวเจิ้งคุนและซีกวาหัวเราะ “ใช่แล้วคุณชายของเราจะส่งคุณไปสวรรค์!”

เย่เฉินยื่นมืออกมาเป็นสัญญาณบอกให้ทั้งสองคนนั้นเลิกหัวเราะเยาะเย้ย แล้วกล่าวกับซูมู่หลินอย่างเป็นมิตรต่อ

“ทำไมคุณชายมู่ถึงพูดแบบนี้ล่ะ มันเรียกทัวร์อวกาศ เป็นเทรนด์ทของอนาคต มีแค่คนรวยๆ เราคุณชายซูถึงได้มีปัญญาได้ทำอะไรแบบนี้ คนปกติไปไม่ได้หรอกนะ”

สีหน้าซูมู่หลินลังเลอย่างเห็นได้ชัด แต่เขากลับยังรักษาท่าทีไม่สนใจอะไรของตัวเองเอาไว้

“ฮ่าๆ ทัวร์อวกาศเรอะ? ได้เลย!”

“รับปากแล้วใช่ไหม? งั้นเดี๋ยวฉันโทรหา Musk เลยก็ได้ให้เขาเตรียมตัว”

ทันทีที่เปิดกล้อง ซูมู่หลินก็เห็นคนบ้าแห่งวงการธุรกิจอย่าง Musk

“Hi คริส!”

ปลายสายทักทายเย่เฉินอย่างดีอกดีใจ

ซูมู่หลินตกใจ “แม่งเขารู้จัก Musk จริงๆ ด้วย”

ถึงแม้ว่าซูมู่หลินจะอาศัยบารมีที่แสนจะหยั่งรากลึกและแผ่กิ่งก้านสาขาของตระกูลซูในประเทศนี้ แต่อิทธิพลของพวกเขาในต่างประเทศก็ยังไม่มากเท่าคนตระกูลเย่

เหมือนตระกูล Gates, Musk กะอีแค่รู้จักพวกเขาก็ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำไป

เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “Musk ผมมีเพื่อนคนหนึ่งอยากจะเข้าร่วมทัวร์อวกาศของคุณ​เงินค่าตั๋วร้อยล้านดอลลาร์ ผมจะเป็นจ่ายแทนเขาเอง”

หลังจากที่ปลายสายได้ยินก็ดีใจทันที “อ้าวจริงเหรอ? ขอผมดูหน่อยว่าผู้กล้าคนไหนมีความกล้าขนาดนี้?”

เย่เฉินหันกล้องไปทางซูมู่หลิน “คุณชายมู่ ทักทาย Musk เสียสิ”

ถึงแม้ว่าซูมู่หลินจะเสียมารยาทกับเย่เฉิน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเพราะเขาเคืองแค้นตนเอง

แต่เขาก็เป็นทายาทเศรษฐีที่ร่ำรวย เมื่อเจอคนดังระดับโลกอย่าง Musk เขาจึงมีมารยาทและวางตัวดีอย่างยิ่ง

“ท่านประธาน Musk สวัสดีครับ!” ซูมู่หลินกล่าวเสียงแผ่ว

Musk ยังคงฉีกยิ้มปลอมๆ แบบ ‘โดนมนุษย์ต่างดาวสวมร่าง’ “ว้าว ที่แท้คุณก็คือผู้กล้าคนนั้น! พูดตรงๆ นะครับผมชวนเพื่อนร่วมชาติของคุณหลายคน ให้พวกเขาไปทัวร์อวกาศด้วยกัน แต่พวกเขาไม่กล้า คุณรู้ไหม? กระทั่งคริสยังไม่กล้าไปทัวร์อวกาศเลย! คุณเป็นผู้กล้าคนแรกของประเทศนี้เลยนะ! ยินดีต้อนรับ! ผมจะต้องส่งคุณขึ้นฟ้าอย่างราบรื่นแน่นอน!”

ถูกอีกฝ่ายชมขนาดนี้ ซูมู่หลินกลับรู้สึกไม่สบายใจนัก

“แม่ง คิดไม่ถึงว่ากระทั่งเย่เฉินยังไม่กล้า ฉันเองก็ไม่กล้าเหมือนกัน!”

สำหรับคนทั่วไปจำนวนมากแล้วอวกาศเป็นสถานที่ที่ทั้งแปลกตาและอันตราย

นอกเสียจากคนที่ชื่นชอบวิทยาศาสตร์และอวกาศ รวมไปถึงคนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตในโลกใบนี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้วใครจะอยากไปสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้?

เย่เฉินกล่าว “Musk คุณช่วยจัดการให้หน่อย จะให้ดีก็ช่วยส่งคูณชายมู่ขึ้นสวรรค์ภายในสองวันนี้เลยนะ”

“บังเอิญเลย เย่ วันมะรืนเรามีแพลนจะพาคนบินขึ้นไปพอดี นายรีบพาผู้กล้าท่านนี้มาที่เท็กซัสเลย” Musk กล่าว

“ไม่มีปัญหา เราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้เจอกันพรุ่งนี้!”

เย่เฉินวางสายแล้วกล่าวกับหลิวเจิ้งคุน “รีบเตรียมเครื่องบินส่วนตัวบินไป Texas สหรัฐอเมริกาเลย”

“ครับ!”

จากนั้นเย่เฉินก็ส่งยิ้มให้ซูมู่หลิน “ไปกันเถอะคุณชายซู”

แต่ใครจะรู้ซูมู่หลินกลับกล่าวด้วยโทสะว่า “ไปไหนอะไร! ใครบอกว่าฉันจะไปอเมริกากับนาย! ฉันไม่ไปทัวร์อวกาศหรอก! จะไปก็ไปเองนู่น!”

พูดจบซูมู่หลินก็เดินจากไป

แต่ว่าเพิ่งเดินไปถึงประตูก็โดนลูกน้องหลิวเจิ้งคุนขวางเอาไว้

“นี่นายหมายความว่าไง?”

ซูมู่หลินหันมองเย่เฉิน ถึงแม้ว่าเขาเป็นคนเก่งแต่ตอนนี้ถูกหลิวเจิ้งคุนฟันไปสองที ร่างกายยังบาดเจ็บอยู่

แถมอาวุที่เขาพกติดตัวอย่างพวกระเบิดควันก็ถูกพวกเย่เฉินริบไปหมดแล้ว

เพียงแค่มือเปล่าๆ เขาไม่มีทางเอาชนะพวกคนตรงหน้านี้รวมทั้งเย่เฉินด้วย

เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “ซูมู่หลิน ตอนนี้นายมีแค่สองทางเลือก หนึ่งคือบอกสาเหตุฉันมา สองไปทัวร์อวกาศสักรอบ นายเลือกสิ”

ซีกวาที่อยู่ข้างๆ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “คนแซ่ซู นึกว่าพวกเราไม่กล้าฆ่าคุณ แต่คุณชายของพวกเราจะจัดการคุณไม่ได้เหรอ? ถ้าคุณชายเย่เราอยากเอาคุณให้ตายมีวิธีเป็นร้อย! ฮ่าๆ!”

ซูมู่หลินหงุดหงิด เขากำหมัดแน่นแต่ก็ไม่กล้าลงไม้ลงมืออีก เพราะแค่เขาคนเดียวไม่มีทางเอาชนะได้แน่

ผ่านไปครู่หนึ่งซูมู่หลินก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “กะอีแค่ไปทัวร์อวกาศไม่ใช่เหรอ? ฉันไปก็ได้! แต่ฉันคิดว่าคนที่ควรจะไปสงบสติอารมณ์ในอวกาศน่าจะเป็นนาย เมียคลอดลูก แต่ลูกดันไม่ใช่ของนาย! ฮ่าๆ”

สายตาเย่เฉินทิ่มแทง เขากล่าวน้ำเสียงเย็นชา “พูดเอาไว้มากๆ หน่อยก็ได้เดี๋ยวพอถึงอวกาศ พวกมนุษย์ต่างดาวอาจจะฟังนายไม่รู้เรื่อง”

ซูมู่หลินลนลาน “นาย…”

“ไปกันเถอะ!”

เย่เฉินคว้าซูมู่หลินแล้วบีบบังคับให้เขาเดินไป

แล้วพวกเย่เฉินก็นั่งเครื่องบินส่วนตัว บินตรงไปที่ BOCA CHICA ในรัฐ Texas ประเทศสหรัฐอเมริกา

ที่นี่เป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาของบริษัทของ Musk ที่ตั้งอยู่ใน Texas สถานที่แห่งนี้เจ๋งสุดๆ เพราะสถานที่แห่งนี้สร้างเครื่องบินรูปแบบต่างๆ ของโลก

เมื่อมาถึงที่นี่ เย่เฉิน ซูมู่หลิน ต่างก็ตกตะลึงไปกับความใหญ่โตของเครื่องบินและจรวดในที่แห่งนี้

ถึงแม้ว่าซูมู่หลินจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่เขากลับไม่ค่อยได้เจอโลกมากมายนัก เขาไม่ได้รู้เลยว่าเทคโนโลยีขั้นสูงระดับโลกคืออะไร

เมื่อมาถึงที่นี่ก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน!

เย่เฉินกับซูมู่หลินไปพบ Musk ที่แล็บวิจัย

Musk ตรงเข้าสวมกอดเย่เฉินอย่างดีอกดีใจ

Musk กล่าว “หลายวันก่อนหน้านี้เราวีดีโอคอลคุยกันสนุกมากเลยที่ได้รู้ว่าตอนนี้นายสนใจในเรื่องอวกาศขึ้นมาบ้างแล้ว ภายในสิบปีฉันจะส่งคนอย่างน้อยพันคนไปดาวอังคาร แล้วอีก 20 ปีคนจะเพิ่มขึ้นเป็นล้านคน!”

จากนั้น Musk ก็จับมือกับซูมู่หลินแล้วถาม “คุณซู คุณยินดีจะกลายเป็นมนุษย์ดาวอังคารคนแรกไหม?”

ซูมู่หลินกลืนน้ำลายอย่างตื่นตระหนก “ไป…ไปดาวอังคารเหรอ?”

ตอนที่ 274 จะส่งนายขึ้นสวรรค์!
“อะไรนะครับ?”

เมื่อเย่เฉินได้ยินคำพูดของผู้เป็นปู่ก็กล่าวทันที “ทำไมล่ะครับ? คุณปู่ ก็หมอนี่รู้เรื่องผมแถมยังแตะต้องเมียผมอีก มันดูถูกตระกูลเย่เราชัดๆ! ตระกูลซูของพวกเขาจะต้องมีความแค้นอะไรกับพวกเราแน่ๆ วันนี้เขาตกอยู่ในเงื้อมมือผม ผมปล่อยเขาไปง่ายๆ ไม่ได้!”

เย่ฉงไห่กล่าว “เฉินเอ๋อร์ หลานอย่างเพิ่งใจร้อน ตระกูลซูกับพวกเราไม่ได้มีความแค้นอะไร แต่ถ้าจะมีขึ้นมาจริงๆ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะพี่ชายคนที่สองของหลานมันก่อเรื่องเอาไว้ เอาเป็นว่าหลานอย่าเพิ่งแตะต้องคนตระกูลซูแล้วกัน ถ้าหลานทนรับความอายครั้งนี้ไม่ได้ต้องซ้อมเขาให้ได้ งั้นถ้าหลานฆ่าเขาแล้วก็รีบกลับมาอังกฤษทันที แล้วทั้งชีวิตนี้ก็ห้ามกลับไปที่นั่นอีก!”

เย่เฉินได้ยินคำพูดของผู้เป็นปู่ก็ตะลึงไป “อะไรนะ? ชีวิตนี้จะกลับมาที่นี่ไม่ได้เลยเหรอครับ?”

เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าแค่แตะต้องหมอนี่ จะต้องชดใช้ขนาดนี้!

แล้วทำไมปู่ของเขาไม่เห็นเคยพูดเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยนะ

“ตระกูลซู…ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?” เย่เฉินตกตะลึง

เย่ฉงไห่กล่าว “ตระกูลซูมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในประเทศนี้ ตอนนี้ตระกูลของพวกเราได้รามือจากที่นั่นแล้ว ตอนนี้ศักยภาพของเราที่นั่นสู้พวกเขาไม่ได้แล้ว ตระกูลซูไม่เหมือนตระกูลหลิ่ว ตระกูลหลิ่วหลานใข้เงินแก้ปัญหาได้ แต่ตระกูลซูนั้นต่างออกไป

ยิ่งไปกว่านั้นหลายสิบปีก่อน ตอนที่ปู่ลงทุนอยู่ที่เทียนไห่ก็เคยรู้จักกับคนตระกูลซู เขายังเคยเสนอตัวช่วยปู่่ด้วย ปู่สามารถบอกให้หลานพวกเขาขอโทษหลาน หรือไม่ก็ให้ชดเชยด้วยวิธีอื่น แต่ถ้าหลานยังรู้สึกว่าทำแบบนี้แล้วก็ยังไม่พอ อยากจะฆ่าเขาให้ได้ ก็เชื่อปู่ ฆ่าเขาแล้วรีบออกประเทศมาเลย”

เย่เฉินตกอยู่ในความเงียบ เขาพอจะจับกระแสความกังวลในน้ำเสียงของปู่เขามีต่อตระกูลซูได้!

“ครับ ผมรู้แล้วครับ”

เย่เฉินกดวางสาย

และในเวลานี้เองชายแซ่ซูที่โดนจับมัดไว้กับเก้าอี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ว่าไงล่ะ เย่เฉิน? เย่ฉงไห่คงจะบอกนายเรื่องศักยภาพของตระกูลฉันแล้วใช่ไหมล่ะ? ไม่ต้องพูดเรื่องตอนนี้เย่ฉงไห่อยู่ในประเทศหรือเปล่า ต่อให้เป็นตอนที่เขาอยู่ที่นี่ก็เป็นได้แค่เด็กหิ้วรองเท้าให้คนในบ้านฉันเท่านั้นแหละ!”

“เพี้ยะ!”

เย่เฉินฟาดฝ่ามือใส่หน้าผู้ชายแซ่ซูคนนั้น!

“แก…แกกล้าตบฉัน?” ใบหน้าเขาฉายแววเหลือเชื่อ

“ตบแก? ฉันอยากจะฆ่าแกด้วยซ้ำไป!”

เย่เฉินรับมีดมาจากซีกวา แล้วชี้ไปที่ใบหน้าสวยๆ ของหมอนั่น

“แก…แกเป็นบ้าไปแล้ว! เย่ฉงไห่…”

เพี้ยะ!

เย่เฉินฟาดฝ่ามือลงไปอีกหนึ่งฉาด “ไอ้เดียรัจฉานซูมู่ชิว แกไม่คู่ควรจะเรียกชื่อจริงๆ ของคุณปู่ฉัน!”

ชายคนนั้นหัวเสียแต่ก็ทำอะรไม่ได้ “ฉันคือซูมู่หลินเว้ย!”

เมื่อครู่เย่เฉินสุ่มไปเรื่อย คิดไม่ถึงว่าเขาจะทายผิด

ซูมู่หลินกล่าว “เย่เฉินฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะกล้าฆ่าฉัน! ฉันไม่ใช่คนในตระกูลเล็กๆ แบบตระกูลหลิ่ว ตระกูลหวัง ถ้าแกฆ่าฉันก็อย่าหวังจะได้อยู่เป็นสุขเลย!”

เย่เฉินใช้มีดเคาะหน้าซูมู่หลินแล้วกล่าว “ทำไมจะไม่กล้า? ฉันรู้ว่าตระกูลซูของแกแข็งแกร่งที่นี่ ถ้ายากมากฉันก็แค่ไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วไง”

และในเวลานี้จู่ๆ ซีกวาก็เดินมาแย่งมีดไปจากมือเย่เฉิน “คุณชายครับ ผมเอง! ให้ผมเป็นคนฆ่าเขาก็ได้! ถ้าทำแบบนี้คุณชายก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว!”

ถุย!

ซูมู่หลินถ่มน้ำลายใส่หน้าซีกวา “เรื่องที่ฉันมาที่นี่ ลูกน้องของฉันน่าจะรายงานตระกูลฉันไปหมดแล้ว ขอแค่ฉันเกิดเรื่อง พวกเขาก็พร้อมจะถือว่าเป็นฝีมือของเย่เฉิน เย่เฉินแกหนีไม่รอดหรอก! พวกแกทุกคนก็ต้องเดินตามเขาลงโลงไปด้วย!”

เย่เฉินชะงักไป

เขาสามารถระบายโทสะจัดแจงฆ่าหมอนี่ได้ จากนั้นก็หนีไปประเทศอังกฤษแล้วไม่บินกลับมาอีก

แต่ว่าพวกซีกวา หลิวเจิ้งคุนแล้วคนอื่นๆ ล่ะ?

ถ้าคนตระกูลซูคิดจะล้างแค้นคนพวกนี้แล้ว ไม่ว่าใครก็หนีไม่รอด

พวกเขาต่างก็มีภรรยา ลูกๆ ญาติผู้ใหญ่ มีครอบครัว

เห็นเย่เฉินลังเล จู่ๆ หลิวเจิ้งคุนก็แย่งมีดมาจากซีกวาแล้วฟันฉับลงขาซูมู่หลินทันที!

“อ๊าก! หลิวเจิ้งคุนแกอยากตายใช่ไหม! แกคิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่าลูกสาวแกอยู่ไทย ลูกชายแกอยู่สิงคโปร์ ถ้าแกกกล้าแตะต้องฉัน ไม่ว่าจะลูกสาวหรือลูกชายของแกไม่มีใครรอดแน่!”

ซูมู่หลินตะโกนเสียงกร้าว

เย่เฉินใจหายวาบ หลิวเจิ้งคุนเป็นลูกน้องที่ใช้ได้ที่สุดที่เขามี คนปกติไม่มีทางรู้เรื่องเขา

แต่ซูมู่หลินคนนี้กลับรู้เรื่องหลิวเจิ้งคุนละเอียด กระทั่งที่อยู่ของลูกสองคนของเขาก็ยังรู้

แต่ว่าหลิวเจิ้งคุนกลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย “คุณชายเย่! ให้ผมเป็นคนลงมือระบายโทสะแทนคุณชายเถอะครับ ผมฆ่าเขาแล้วคุณชายก็รีบกลับอังกฤษไป ผมจะสู้ตายกับคนตระกูลซูอยู่ที่นี่เอง!”

ภาพที่เกิดขึ้นนี้กระทั่งซีกวาที่มองอยู่ก็ยังกังวลใจ “ท่านหลิวครับ ลูกสาวลูกชายของคุณ…”

หลิวเจิ้งคุนกล่าว “ผมมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพราะคนตระกูลเย่ ชีวิตและทั้งที่ลูกชายและลูกสาวผมมีก็เพราะคนตระกูลเย่ ผม ไม่ กลัว!”

เย่เฉินมองภาพตรงหน้าอย่างซาบซึ้งใจ

คิดไม่ถึงว่าหลิวเจิ้งคุนจะเป็นคนภักดีขนาดนี้

เขามองออกว่าเย่เฉินลังเล เพราะไม่อยากจะทำให้พวกเขาต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายลงมือเองเพื่อช่วยระบายอารมณ์ให้เขา

และในตอนนี้เอง ซู่มูหลินก็เริ่มดูหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว

แต่ว่าเย่เฉินกลับกล่าวว่า “วางมีดลงเถอะ”

“คุณชายเย่…” หลิวเจิ้งคุนมองเย่เฉิน

เย่เฉินตะโกนเสียงดัง “ฉันบอกให้วางมีดลง! เดี๋ยวนี้แม้แต่คำพูดฉันนายก็ไม่ฟังแล้วเหรอ?”

“ครับ!” หลิวเจิ้งคุนรีบวางมีดลงตรงหน้าซูมู่หลิน”

เย่เฉินมองซูมู่หลิน “ทำไมหมอนี่ต้องหาเรื่องฉัน ฉันเองยังไม่รู้เลย แล้วจะฆ่ามันตายง่ายๆ ได้ไง ซูมู่หลิน ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็สารภาพมา ฉันรู้ว่านายไม่มีทางทำไปเพราะหวังเจียเหยาสวยเฉยๆ หรอก”

ซูมู่หลินแสยะยิ้ม “นายอยากรู้เหรอ? ฉันบอกนายก็ได้ แต่ว่านายต้องคุกเข่าฟังนะ!”

ผลั่ก!

หลิวเจิ้งคุนจิ้มมีดลงบนขาของซูมู่หลินอีกแผล!

“อ๊าก! หลิวเจิ้งคุนแกจบเห่แน่ ฉันจะขยี้ลูกแกสองคนให้แหลก!” ซูมู่หลินกล่าวอย่างเคียดแค้น

โดนหลิวเจิ้งคุนแทงไปสองที ซูมู่หลินยังคงหัวแข็ง และเย่อหยิ่งเหมือนเดิม

“ดูแล้วไม้แข็งไม่น่าใช้ได้” เย่เฉินลอบกล่าว

ดังนั้นเย่เฉินจึงได้เปิดปาก “คลายเชือกที่มัดเขาไป”

“อะไรนะครับ? คลายเชือก? คุณชายหรือว่าคุณชายอยากจะปล่อยเขา?” หลิวเจิ้งคุนยังคงสับสน

เซียวมู่หลินหัวเราะร่วน “นายแกนี่ยังพอรู้เรื่องบ้าง ยังไม่รีบคลายเชือกให้ฉันอีก!”

หลิวเจิ้งคุนทำอะไรไม่ได้นอกจากคลายเชือกให้ชายตรงหน้าอย่างเสียไม่ได้

ซูมู่หลินได้รับอิสรภาพอีกครั้ง เขาค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้น ขาเขายังมีเลือดไหล แต่เขาก็ไม่แยแส เป็นผู้ชายหัวแข็งทีเดียว

เย่เฉินเดินไปแล้วกล่าว “คุณชายซู เมื่อครู่ปู่ฉันพูดแล้วว่าคุณปู่นายเคยช่วยเขา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทายาทรุ่นสามของทั้งสองตระกูลเจอกัน ฉันมีสินน้ำใจจะมอบให้พวกนาย ไม่รู้ว่าปกติแล้วชอบทำกิจกรมบันเทิงอะไรบ้าง?​ บันจี้จัมพ์? สกี? หรือว่าดูคอนเสิร์ตดี? เดี๋ยวฉันให้ตั๋ว”

เมื่อได้ยินคำพูดเย่เฉินแล้ว หลิวเจิ้งคุนและซีกวาก็ตัวแข็งไป

ลูกพี่ของพวกเขาทำไมถึงได้พูดกับซูมู่หลินแบบถ่อมเนื้อถ่อมตัวแบบนี้นะ!

ไม่เพียงแต่เรียกเขาคุณชายซู ยังชวนเขาไปเที่ยว แล้วจะซื้อตั๋วให้ด้วย!

ซูมู่หลินระเบิดเสียงหัวเราะ “เย่เฉิน ทายาทที่เก่งที่สุดในรุ่นสามของตระกูลเย่วันนี้ดันมาชวนให้ฉันทำกิจกรรม! ฮ่าๆ ตระกูลเย่ของพวกเนายก็มีวันนี้ด้วยแฮะ”

ซูมู่หลินตบบ่าเย่เฉินแล้วกล่าว “เย่เฉิน ฉันน่ะไม่ชอบทำกิจกรรมติ๊งต๊องปัญญาอ่อนแบบพวกนาย อีพวกปีนเขาเล่นน้ำน่ะ ไม่ได้รู้เลยว่าอะไรที่มันน่าสนุก เอางี้แล้วกันฉันแนะนำให้เอาไหมล่ะ”

ประโยคนี้ของซูมู่หลินเป็นประโยคที่เย่เฉินกำลังรอพอดี

เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นคุณชายซูคิดว่าทัวร์อวกาศเป็นยังไง?”

หน้าซูมู่หลินเปลี่ยนสีทันที “อว…อวกาศเหรอ?”

ตอนที่ 273 สืบหาตัวตนที่แท้จริง!
ในเวลาไม่ถึงสองนาที เย่เฉินก็มาถึงโดยรถ Cadillac SUV คันหนึ่งพร้อมกับหลิวเจิ้งคุน

ชายหนุ่มคนเดิมลงจากรถแล้วมองเขา ใบหน้ายังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มของคุณชายจอมเย่อหยิ่ง

“เย่เฉินดูแล้ว นายคงวางแผนล่อฉันเอาไว้นานแล้วสินะ นายแน่ใจว่าฉันจะต้องมาใชไหมล่ะ?”

เย่เฉินมองอีกฝ่าย “นายจะเดินมาของนายเอง หรือจะให้คนจับนายมา?”

ชายหนุ่มหัวเราะ “นายคงจะไม่คิดจริงๆ ใช่ไหมว่าจะจับฉันได้แบบนี้น่ะ? ฉันไม่ใช่พวกลูกเศรษฐีที่เหยาะแหยะแบบที่นายเคยเจอหรอกนะ นายนี่ก็วางแผนเอาไว้ใหญ่โตเชียวนะ แค่เพื่อจับฉัน ใช้รถตั้งเยอะแยะขนาดนี้ โชคดีที่ฉันเองก็มีแผนของฉันเหมือนกัน”

แล้วก็ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังมาจากที่ไกลๆ ไม่นานนักที่มาของเสียงก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

เย่เฉินรู้สึกไม่ชอบมาพากลทันที

ฮ.ลำดังกล่าวเริ่มบินต่ำ แล้วฮ.ลำนี้ก็ยิงธนูออกมา

ธนูดอกนั้นพุ่งปักลงบนหลังสิ่งกีดขวางตรงหน้าชายหนุ่มคนนั้นอย่างแม่นยำ

หลังจากนั้นเสียงโครมดังกึกก้อง แล้วรถพวกนั้นที่ขวางชายคนนั้นก็กลายเป็นเศษซากทันที!

“แม่งเอ้ย!”

ทุกคนตะลึงกันไปหมด

ชายคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คนแซ่เย่ฉันไปก่อนนะ นายไม่มีทางจับฉันได้หรอกบอกให้ แล้วก็ไม่มีทางรู้ด้วยว่าฉันทำแบบนี้ไปเพราะอะไร ฮ่าๆ ฉันจะให้นายจมอยู่กับความทุกข์ไปตลอดชีวิต ฮ่าๆ!”

แล้วชายคนนั้นก็กลับรถอีกครั้งแล้วขับออกไป

“ตาม!”

ซีกวาคำรามก้อง แต่ว่าในตอนที่พวกเขากำลังจะสตาร์ทรถ ก็มีธนูอีกดอกปักลงตรงหน้าพวกเขา

จากนั้นเสียงโครมก็ดังขึ้นอีกครั้ง และแล้วพลุไฟก็ระเบิดออกมา

“คุณชายเย่ อาวุธของพวกเขาแข็งแกร่งเกินไป อีกอย่างพวกเขามีเครื่องบิน พวกเราสู้เขาไม่ได้ จะให้ทำยังไง?” หลิวเจิ้งคุนถาม

เย่เฉินกำหมัดแน่น เขาไม่มีทางอนุญาตให้ใครกล้าท้าทายเขาแล้วยังรอดตัวไปได้สบายๆ!

ฟางเชานอนกับหวังเจียเหยาเขาก็โดนจับตอนไป

หลิ่วอวี่เจ๋อยั่วยวนหวังเจียเหยาดังนั้นเขาถึงไม่สามารถมีลูกได้

ส่วนหมอนี่ถึงกับมีลูกกับหวังเจียเหยา จุดจบของหมอนี่ต้องอนาถกว่าทั้งสองคนก่อนหน้า!

แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้น อีกฝ่ายมีเครื่องบินคอยช่วยเหลือ ทั้งคนทั้งรถของเขาไม่สามารถจะตามไล่อีกฝ่ายได้เลย

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็นึกถึงของบางอย่างขึ้นมาได้ นั่นก็คือ UFO!

เป็นเพราะเขาช่วยเหอเหวินเจี้ยนเมื่อคราวก่อน เลยไปขอยืม UFO จาก ELON MUSK มา

และเพราะหมอนั่นติดเงินตระกูลเย่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นหลังจากที่เย่เฉินยืมมาแล้วจึงไม่คืนอีกฝ่าย

อีกฝ่ายเอาแต่โทรหาเขาเพื่อขอคืน เพราะเจ้าจานบินนี้ไม่ได้ราคาถูกๆ มันมีสมรรถนะในการบินและการพรางตัวชั้นยอด ไม่ใช่เป็นแค่ของเลียนแบบจานบินเฉยๆ

“ฮึ นายมีฮ. แล้วเจ๋งนักหรือไง? ฉันมี UFO เว้ย!”

UFO ถูกเย่เฉินซ่อนเอาไว้ในโกดังใต้วิลล่าที่เหมยกุยหยวน เย่เฉินกลับไปที่นั่นอย่างรวดเร็วแล้วก็เปิดเครื่อง

“คุณชายครับผมเอง!”

หลิวเจิ้งคุนเป็นฝ่ายขอออกหน้าเอง

เย่เฉินกล่าว “นายควบคุมมันไม่ได้หรอก ฉันเอง นายไปบอกให้พี่น้องที่อยู่ถนนด้านหน้าคอยแจ้งตำแหน่งของหมอนั่นกับฉันตลอดเวลา”

เย่เฉินควบคุม UFO ให้บินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เขาที่เป็นลูกหลานตระกูลเย่ เขาต้องร่ำเรียนทุกอย่างไม่ว่าจะขับรถ ขับเครื่องบิน ดังนั้นควบคุมเจ้านี่ง่ายจะตายไป

ถ้าหากว่าคนเคยขับ tesla นั่งในเจ้านี่จะรู้สึกคุ้นตา

ทั้งวิธีการควบคุม จอดภาพ หน้าจอแสดงผล ล้วนแต่เหมือน Tesla อยู่หลายส่วน

เย่เฉินควบคุมเจ้า UFO แล้วให้ล็อคเป้าหมายไปที่ชายหนุ่มคนนั้นอย่างรวดเร็ว

ความเร็วของตัวรถอย่างมากก็น่าจะแค่ 100 กม.ต่อชั่วโมง ซึ่งในตัวเมืองไม่สามารถขับได้เร็วขนาดนั้น ไม่มีทางเร็วสู้ UFO ได้เลย

แล้วเสียงเพล้งก็ดังขึ้น UFO ที่เย่เฉินขับนั้นพุ่งตรงเข้าด้านหน้ารถของชายคนนั้นจังๆ

“เชี่ย!”

ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นโดรนรูปทรงเหมือน UFO ปรากฏขึ้นตรงหน้า ชายคนนั้นตื่นตระหนกแล้วเหยียบเบรคอย่างรวดเร็ว!

โครม!

รถยังคงพุ่งปะทะกับโดรนของเย่เฉินอยู่ดี ลูกโป่งนิรภัยระเบิดออกมา ชายหนุ่มเองที่อยู่ในรถก็โดนแรงปะทะเข้าจังๆ จนหมดสติไป

……

ยี่สิบนาทีต่อมา ณ โกดังใต้ดินของวิลล่าเหมยกุยหยวน

โครม!

ซีกวาสาดน้ำเย็นเข้าใส่หน้าของชายคนนั้น

ในตอนนี้ชายคนนั้นโดนมัดบนเก้าอี้จนขยับไปไหนไม่ได้

เมื่อครู่ชายผู้นั้นขับรถด้วยความเร็วอย่างน้อย 110 กม. ต่อชั่วโมงชนเข้ากับ UFO ของเย่เฉินโดนที่ไม่ได้คาดเข็มขัดด้วยซ้ำไป

หากเป็นคนธรรมดาคิดว่าตอนนี้น่าจะต้องไปโรงพยาบาลแต่ว่าร่างกายเขาอึด

น้ำถังเดียวก็มากเพียงพอจะทำให้เขาได้สติกลับมา

หลังจากที่ตื่นแล้ว ในครรลองสายตาแรกของชายคนนั้นก็ปรากฏภาพเย่เฉิน

เย่เฉินทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามเขา สูบบุหรี่แล้วมองเขา

“เย่เฉิน…” ชายหนุ่มเรียกชื่อเขาอีกครั้ง

เย่เฉินกล่าว “ว่ามาสิ นายรู้จักฉันได้ไง แล้วมีความแค้นอะไรกับฉันกันแน่?”

หมอนั่นไอแค่กๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าๆ ฉันไม่ได้แค้นอะไรนาย ฉันแค่เห็นว่าเมียนายสวยดีอยากนอนด้วยก็แค่นั้นเอง ทำไมหรอ?”

เพี้ยะ!

ซีกวาฟาดหน้าชายคนนั้น “อยากตายหรือไง!”

เย่เฉินโยนบุหรี่ลงบนพื้น แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “ตอนเขาเลย”

“ครับ”

ซีกวาหยิบมีดขึ้นมาทันที

และในทันใดนั้นเองชายคนนั้นก็หัวเราะไม่ออก เขาเริ่มลนลาน “เย่เฉิน! แกกล้าแตะต้องฉันเหรอ! ฉันเป็นคนตระกูลซูจากเมืองหลวงเลยนะ! แกไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงมาแตะต้องฉัน!”

เย่เฉินไม่ค่อยรู้จักพวกตระกูลใหญ่ๆ ในประเทศนี้เท่าไหร่ เขามองหลิวเจิ้งคุน “ตระกูลซูอะไรนี่ยิ่งใหญ่มากเลยเหรอ?”

หลิวเจิ้งคุนตอบ “ครับ ตระกูลซูแห่งเมืองหลวง ตระกูลหลิ่วแห่งเทียนไห่ ล้วนแต่เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงอย่างมาก”

“ถุย!” ชายคนนั้นหัวเราะเสียงเย็น “ตระกูลหลิ่วแห่งเทียนไห่อะไรกล้าเทียบกับตระกูลซูของฉันได้ยังไง! ถ้าฉันอยากจะบี้ไอ้ขยะหลิ่วอวี่เจ๋อกับหลิ่วเฟิ่งนั้นง่ายเหมือนบี้มดปลวกเลย!”

เย่เฉินมองเศรษฐีแซ่ซูคนนี้ “นายคิดว่านายเป็นคนตระกูลซูแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรนายเหรอ? นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”

ชายแซ่ซูคนนั้นหัวเราะ “ฉันต้องรู้อยู่แล้ว! นายคือเย่เฉิน! ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลเย่ คนในรุ่นนายมีกันเจ็ดคน นายเป็นทายาทคนที่สาม! มีพี่ชายสองคน น้องสาวสี่คน! ”

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ลนลาน คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะรู้เรื่องพี่น้องของเขาอย่างละเอียด!

ผู้ชายแซ่ซูกล่าวต่อ “ไม่เพียงเท่านี้ ฉันยังรู้ว่าคุณปู่นายชื่อเย่ฉงไห่! ตอนนี้เขาอยู่ที่เมือง Hempstead ในประเทศอังกฤษ”

เย่เฉินตกใจอีกครั้ง ตระกูลเย่ถือเป็นตระกูลที่ค่อนข้างลึกลับ และในประเทศนี้มีคนจำนวนไม่มากที่รู้ชื่อจริงของคุณปู่ด้วยซ้ำ

แต่ว่าคนผู้นี้กลับรู้เรื่องคนในบ้านเย่เฉินขนาดนี้!

เย่เฉินรีบโทรหาคุณปู่เขาทันที

“คุณปู่ครับ ผมเจอพ่อแท้ๆ ของลูกสาวหวังเจียเหยาแล้วครับ เป็นคนตระกูลซูจากเมืองหลวงน่ะครับ อายุพอๆ กับผม” เย่เฉินรายงาน

เย่ฉงไห่กล่าว “เขาน่าจะเป็นรุ่นที่สามของตระกูลซู ถ้าฉันจำไม่ผิดรุ่นสามของพวกเขามีลูกชายแค่สองคน คนหนึ่งชื่อซูมู่หลิน อีกคนชื่อซูมู่ชิว”

“คุณปู่ครับ พวกเราไม่ค่อยถูกกับพวกเขาใช่ไหมครับ? หมอนี่รู้เรื่องทั้งหมดของที่บ้านเราเลย รู้ยันที่อยู่ของคุณปู่ ผมเลยคิดว่าหมอนี่เอาไว้ไม่ได้”

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น ในดวงตาฉายแววอำมหิต!

แต่ใครจะรู้เย่ฉงไห่กล่าวอย่างรีบร้อน “เฉินเอ๋อร์ หลานจะแตะต้องคนตระกูลซูไม่ได้!”

ตอนที่ 272 เป็นผู้ชายที่ไม่ธรรมดา!
เย่เฉินแฝงตัวอยู่ในวิลล่านี้ตั้งแต่แรก เขารอคอยช่วงเวลานี้มานานแล้ว!

หลังจากถีบประตูห้องแล้วเย่เฉินก็รีบเปิดไฟใหญ่ของห้องนอน เพื่อให้เขาได้เห็นตำแหน่งที่ชัดเจนของชายหนุ่ม

แต่ไม่ได้เป็นแบบที่หวังเจียเหยาพูดเอาไว้ที่ว่าหน้าตาไม่หล่อแต่ก็ไม่อัปลักษณ์ ผู้ชายคนนี้หน้าตาสวย สวยแบบเหมือนผู้หญิง มองผ่านๆ เหมือนผู้หญิงเลยทีเดียว

หนำซ้ำเขายังไว้ผมยาวไม่ใช่ผมสั้นแบบที่หล่อนว่า

ซึ่งแน่นอนว่าปีที่แล้วเขาอาจจะผมสั้น แล้วเพิ่งจะมาไว้ผมยาวเอาในปีนี้

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็รู้สึกได้ในทันทีว่าชายคนนี้หน้าตาคุ้นๆ หน้าตาเหมือนใครบางคน แต่ว่าเขาไม่เคยเจอหมอนี่จริงๆ

คนผู้นี้อาจจะไม่ใช่ศัตรูของเขา

“เย่เฉินเหรอเนี่ย?”

เมื่ออีกฝ่ายเห็นเย่เฉินปรากฏตัวขึ้น เขามีท่าทีเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัดแล้วรีบปีนลงมาจากเตียง

เย่เฉินมองชายคนดังกล่าวด้วยแววตาเย็นชา แล้วกล่าวเสียงเย็น “ไอ้หนุ่ม วันนี้แหละวันตายแก!”

ชายคนนั้นอายุไม่ต่างกับเย่เฉินเท่าไหร่ แค่มองก็รู้ว่าเขาเป็นลูกเศรษฐี แต่ในเมื่อเขาท้าทายตนเองขนาดนี้ เย่เฉินก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะปล่อยหมอนี่!

ทว่าคนอ่อนวัยกว่าผู้นี้กลับไม่ลนลานแต่กลับหัวเราะคิกคัก “ฮ่าๆ ฉันไม่สนใจหวังเจียเหยาคนนี้แล้ว ลาก่อน!”

พูดจบชายคนดังกล่าวก็ยื่นมือมาอุ้มลูกชายของเย่เฉินกับหวังเจียเหยา

“อยากตายหรือไง!”

เย่เฉินปลดนาฬิกาข้อมือซ้ายแล้วโยนใส่ผู้ชายคนนั้นทันที!

ถ้าวินาทีแรกที่ผู้ชายคนนี้เห็นเย่เฉินแล้วกระโดดหน้าต่างหนีไป

อย่างนั้นแล้วด้วยความสามารถในการปีนตึกสามชั้น เขาย่อมมีโอกาสจะหนีไปทันทีที่รู้ตัว

แต่ชายคนนี้ใจกล้าอยากจะเอาตัวเด็กไปทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าเย่เฉิน เขานี่มันไม่รู้จักประมาณตัวเองจริงๆ!

“ตัวเองยังเอาตัวเองจะไม่รอด ยังมีหน้าจะเอาตัวเด็กไปอีก!”

ทว่าสิ่งที่ทำให้เย่เฉินประหลาดใจก็คือเมื่อนาฬิกาของเขาลอยเข้าหน้าอีกฝ่าย แต่เขากลับสามารถปัดมันลงพื้นได้อย่างรวดเร็ว!

“อะไรเนี่ย?”

เย่เฉินประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าหมอนี่จะเร็วได้ขนาดนี้!

โดยปกติแล้วคนธรรมดาๆ จะไม่อาจปัดป้องนาฬิกาที่เย่เฉินโยนออกไปได้!

แต่ว่าหลังจากที่เย่เฉินโยนนาฬิกาไปแล้วก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ แต่ตัวเขาเองก็โผตามไปด้วยแล้วลงไม้ลงมือ!

โครม! โครม! โครม!

ชายคนนั้นโดนหมัดของเย่เฉินไปสองที แล้วโดนเขาเตะไปอีกที ทำให้หมอนั่นไม่สามารถอุ้มเด็กไปได้

“น่ารำคาญ!”

ชายคนนั้นหัวเสีย

ทว่าเย่เฉินกลับตกตะลึง หมอนี่ยังอดทนอยู่ได้แม้จะโดนหมัดและฝ่าเท้าของเขาเข้าไป หมอนี่อึดมากทีเดียว!

เย่เฉินเกือบโดนรูปลักษณ์หน้าตาที่ติดจะสวยของผู้ชายคนนี้หลอกเข้า ถึงแม้หมอนี่จะหน้าหวานแต่ร่างกายแข็งแกร่ง แค่ดูก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนที่ฝึกซ้อมการป้องกันตัว

เย่เฉินไม่กล้าประมาท เขาเตะซ้ำอีกที

โครม!

ชายหนุ่มถูกเย่เฉินเตะจนเซไปที่ขอบหน้าต่าง จากนั้นเขาก็กระโดดออกนอกหน้าต่างทันที

เย่เฉินเดินตามมาที่ของหน้าต่าง เห็นผู้ชายคนนั้นกระโดลงพื้นด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เขาตีลังกาหนึ่งรอบแล้วชันตัวลุกขึ้น

แล้วเขาก็ลุกขึ้นทันทีด้วยท่าทางปราดเปรียว ดูแล้วไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองเย่เฉินที่อยู่ชั้นที่สาม เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เย่เฉินเก่งใช้ได้นี่ เสียดายวันนี้ฉันรีบ คราวหน้าฉันจะมาใหม่!”

พูดจบชายหนุ่มก็เร้นตัวหายไป

แต่เขายังไม่ทันได้ไปไหน แต่วิลล่าที่เคยมืดสนิทจู่ๆ ก็มีแสงไฟสว่างวาบขึ้นมา!

ซึ่งเป็นคนของหลิวเจิ้งคุนพอดี!

“เหอะ”

เย่เฉินแค่นเสียงดูถูก หมอนี่ยังคิดว่าตัวเองยังจะรอดอีกเหรอ

ถ้าหากว่าเย่เฉินไม่จัดแจงให้คนมาซุ่มดู ในวินาทีที่ผู้ชายคนนี้กระโดดออกจากหน้าต่าง เย่เฉินคงจะกระโดดตามลงไป จะมีอารมณ์มายืนฟังคำพูดหมอนั่นอย่างใจเย็นอยู่แบบนี้ได้ยังไง?

เย่เฉินหมุนตัวเดินลงจากด้านบนเพื่อเก็บกวาด

เขาคิดว่าตอนที่เขาลงไปด้านล่าง คนของหลิวเจิ้งคุนก็น่าจะจัดการจับหมอนั่นแล้ว

“เย่เฉิน ฉันกลัวจังเลย โชคดีที่นายอยู่ด้วย…”

หวังเจียเหยาผวาคว้ามือเขา

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “กลัวเหรอ? ผมไม่เห็นว่าคุณจะกลัวตรงไหนเลย ก่อนนี้คุณบอกว่าเขาหน้าตาเฉยๆ เหอะๆ หน้าตาหมอนี่ถ้าไปประกวดผู้ชายหล่อน่าจะติดอันดับหนึ่งในสิบได้เลยล่ะมั้ง?”

หวังเจียเหยากัดริมฝีปากแล้วกล่าว “ก็ฉันกลัวว่านายจะหึงนี่นา…อีกอย่างฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาหล่อจริงๆ สาวแตกไม่ไหว ทั้งแต่งหน้าทั้งใส่ตุ้มหู หล่อไม่ถึงหนึ่งในสิบของนายเลย! ฮึ ผมไม่เชื่อคำพูดของคุณแม้แต่คำเดียว”

เย่เฉินสะบัดมือหวังเจียเหยาทิ้งแล้วเดินไปด้านหน้า

หวังเจียเหยาเองก็เป็นกังวลใจ หล่อนจึงมองดูสถานการณ์ผ่านทางหน้าต่าง

เมื่อชายหนุ่มหน้าตาน่ามองคนนั้นพบว่าตนเองโดนคนหลายสิบคนล้อมเอาไว้ ใบหน้ายังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจในตัวเอง

“เก่งนี่เย่เฉิน ที่แท้ก็รู้นานแล้วว่าฉันจะมาที่นี่ ถึงได้วางกับดักไว้ดักฉัน” ชายคนนั้นลอบกล่าวกับตัวเอง

ซีกวาตะโกนใส่เขา “รีบคุกเข่าลงซะแล้วอย่าขยับ!”

ชายคนดังกล่าวหัวเราะ “บอกให้ฉันคุกเข่าเหรอ? ฮ่าๆ พวกลูกกระจ๊อกอย่างแกไม่ควรได้รับเกียรตินั้น!”

เมื่อเห็นชายหนุ่มล้วงเอาขวดสีเขียวทหารออกมาจากในเสื้อ แล้วดึงสายชักโยนมาทางพวกซีกวา!

“ทุกคนระวัง!”

ซีกวาร้องเสียงหลง ตอนแรกคิดว่าเป็นระเบิดมือ แต่ที่จริงแล้วเป็นแค่ระเบิดควัน

แล้วกลุ่มควันสีเหลืองก็ผุดขึ้นมาไม่หยุด ควันคละคลุ้งลอยขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็วจนทำให้คนตกใจ!

แต่ในตอนที่รอเย่เฉินลงมานั้น ลูกน้องของเขาก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย ไอกันไม่หยุด

หลิวเจิ้งคุนเดินออกมาจากกลุ่มควันอย่างยากเย็น แล้วไปชนกับเย่เฉินเข้า

“ขอโทษครับ คุณชายเย่!”

เย่เฉินถาม “หมอนั่นล่ะ?”

หลิวเจิ้งคุนกล่าว “เมื่อครู่หมอนั่นโยนระเบิดควันใส่พวกเรา ตอนนี้น่าจะหนีไปแล้ว แต่คุณชายเย่ไม่ต้องกังวล มีแต่คนของเราอยู่รอบๆ วิลล่า เขาหนีไม่รอดหรอกครับ”

“อืม”

เดิมเย่เฉินจัดวางคนไว้ทั่วเพียงแต่เขาคาดไม่ถึงว่าจะได้ใช้ครบทุกอย่างที่วางแผนไว้

เขายังคิดว่าจะจัดการอีกฝ่ายได้ตั้งแต่ในห้องนอนแล้วด้วยซ้ำไป

หลิวเจิ้งคุนเตือนเขา “เขาพกระเบิดควันติดตัว เขาน่าจะมีอาวุธอย่างอื่นอีก ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”

เย่เฉินกล่าว “เขามีฝีมือมากเลยล่ะน่าจะเคยอยู่ในกองทัพมาก่อน”

“กำชับคนที่อยู่รอบๆ ด้วยว่าให้เฝ้าทุกทางเข้าออกวิลล่า”

“ครับ!”

และในเวลานี้เองชายคนนั้นแอบออกนอกวิลล่าได้แล้ว ใบหน้าฉายแววยินดี “หึหึเย่เฉิน ไอ้ชั่ว คิดว่าจะจับฉันเรอะ? ตอนฉันเล่นซ่อนแอบกับเสือดาวในเกาะร้างตอนนั้นแกอยู่ไหนก็ไม่รู้! กล้าเรียกฉันว่าไอ้หนุ่มงั้นเหรอ ไอ้สวะ คราวหน้าฉันจะซ้อมแกเอาหนักๆ เลย!”

ขณะที่พูดชายหนุ่มคนนั้นเห็นรถคันหนึ่งขับมาเขาจึงโบกรถ

เมื่อรถจอดลงชายหนุ่มก็ลากตัวคนขับแท็กซี่ออกมาจากรถ

“นี่คุณทำอะไรน่ะ? คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่ง” คนขับกล่าว

ชายหน้าตาดีคนนั้นมีเรี่ยวแรงมหาศาลเกินคนทั่วไป เขาโยนคนขับแท็กซี่ไว้ที่ข้างทาง “คงไม่ต้องให้นายไปส่ง อีก 20 นาทีก็ค่อยลองๆ หารถเอาแล้วกัน”

ชายหนุ่มขับรถออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็ว

ทว่าเพิ่งจะออกไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ชายหนุ่มก็พบว่าด้านหน้ามีรถจอดเรียงรายขวางถนนเอาไว้

“แม่งเอ้ย! ปิดถนนหมดแล้ว เย่เฉินเก่งนี่!”

ชายหนุ่มกลับรถอย่างรวดเร็ว ตั้งใจว่าจะออกอีกทาง

แต่ว่าในเวลานี้เองรถหลายสิบคันขับตรงมาหาเขา แล้วล้อมรถเขาเอาไว้!

ตอนนี้ต่อให้มีปีกเขาก็ยากจะหนีรอดแล้ว!

ตอนที่ 271 บิดาผู้ให้กำเนิดปรากฏตัวขึ้น!
เมื่อเห็น ศจ.ก่วนโทรมา เย่เฉินก็ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็รีบรับสายอีกฝ่าย

“ศจ.ก่วน”

“คุณชายเย่”

เสียงของศจ.ก่วนฟังดูร้อนรนและลนลานอย่างเห็นได้ชัด!

“คุณชายเย่ คุณนี่มองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าเหมือนตาเห็นเลย!” ศจ.ก่วนหอบหายใจถี่กระชั้น

เย่เฉินถาม “ว่ายังไง?”

ศจ.ก่วนกล่าว “เมื่อครู่ตอนผมเลิกงานกำลังจะขับรถกลับบ้าน เพิ่งขึ้นรถก็ถูกคนคลุมหัวแล้วเอาตัวผมไป คนนั้นยังถามผมเรื่องลูกของคุณกับหวังเจียเหยาด้วย!”

“แล้วคุณตอบว่ายังไง?” เย่เฉินถามต่อ

ศจ.ก่วนตอบ “ผมก็ทำตามที่คุณเย่สั่งเอาไว้เลย ตอนแรกๆ ผมไม่ยอมตอบ บอกเขาไปว่าจะเปิดเผยความลับของลูกค้าไม่ได้ ต่อมาพวกเขาก็เอามีดมาขู่ผม ผมเลยบอกว่าเด็กผู้หญิงเป็นลูกของคุณ แต่เด็กผู้ชายไม่ใช่”

เย่เฉินหัวเราะ เป็นเหมือนที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ

ส่วนการจัดงานเลี้ยงครบรอบเดือน ‘หวังเจียอินกับเย่เจียเยว่’ ที่อวิ๋นโจวก็ทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนๆ นั้นเท่านั้น อีกเดี๋ยวเขาจะต้องสืบข่าวแน่ๆ ว่าสรุปแล้วลูกชายใช่ลูกเขาจริงๆ หรือเปล่า

“ทำดีมาก” เย่เฉินชมเชย

ศจ.ก่วนถามด้วยน้ำเสียงที่ยังลนลานอยู่ “คุณเย่ เขาจะยังมาหาเรื่องผมอีกไหม ผมชักจะกลัวขึ้นมาแล้ว”

เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณสบายใจได้เลย เขาไม่น่าจะไม่มีโอกาสไปหาเรื่องคุณแล้วล่ะครับ”

วางสายแล้วเย่เฉินก็รีบหันไปสั่งหลิวเจิ้งคุนกับซีกวาทันที “หมอนั่นติดกับแล้ว รีบบอกพี่น้องทุกคนให้ทำตามแผนได้เลย ไล่ตามจับหมอนั่นได้เลย”

“ครับ!”

หลิวเจิ้งคุนกับซีกวาตื่นเต้นอย่างมาก

พวกเขาวางคนไว้ทั่วอวิ๋นโจวเพื่อตามจับผู้ชายคนนั้น

หลังจากสี่ทุ่มคืนนี้ รถแท็กซี่ รถรับจ้างทั้งอวิ๋นโจวต่างก็เป็นคนของเย่เฉินทั้งนั้น

ขอแค่หมอนั่นเรียกรถหรือขับรถ หมอนั่นก็จะโดนคนของเย่เฉินขวางเอาไว้ในบนถนน!

อีกอย่างเย่เฉินเดาว่าเป็นไปได้อย่างมากว่าผู้ชายคนนั้นจะไปหาหวังเจียเหยา ดังนั้นเขาจะต้องแอบกลับมาที่วิลล่าของตนเองหลังจากที่หวังเจียเหยากลับบ้านไปแล้ว

แม้แต่หวังเจียเหยาเองก็ไม่รู้เรื่องนี้

และในเวลาเดียวกันพวกหลิวเจิ้งคุนเองก็จัดแจงเปลี่ยนยาม รปภ. และพนักงานทั้งหมดในวิลล่าให้กลายเป็นคนของเขา

พวกเขาเตรียมทั้งหมดนี้เอาไว้เพื่อรอให้ชายหนุ่มคนนั้นติดกับ!

เที่ยงคืน หวังเจียเหยาปิดไฟที่บริเวณชั้นสาม เพื่อเตรียมตัวเข้านอน

ทั้งวิลล่าตกอยู่ในความเงียบและความมืด

เวลาสองชั่วโมงผ่านไป ทั้งในและนอกวิลล่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

ทว่าในตอนตีสอง จู่ๆ ลูกสาวของหวังเจียเหยาก็ร้องจ้า

หลังจากที่หวังเจียเหยาเป็นแม่คนแล้ว ก็ไม่เคยได้นอนดีๆ ในตอนกลางคืนเลยสักครั้ง

หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องไห้แล้ว หวังเจียเหยาก็รีบร้อนปิดไฟหัวเตียง ทำให้บริเวณห้องนอนชั้นสามมีแสงไฟสลัวๆ ออกมา

เมื่อเห็นบุตรสาวร่ำไห้ หวังเจียเหยาก็รีบร้อนอุ้มลูกขึ้นมาแล้วปลอบโยน “แม่หนูน้อยของแม่ กลางคืนกลางค่ำร้องไห้อะไรกัน ลูกดูสิพี่ชายหนูหลับปุ๋ยเลย มีแต่หนูเนี่ยนี่ชอบร้องไห้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกรรมพันธุ์จากพ่อของลูกหรือเปล่า!”

หวังเจียเหยามองบุตรสาว แล้วอดนึกถึงพ่อผู้ให้กำเนิดของลูกสาวไม่ได้

“ไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้ชายคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง…”

ในขณะที่กำลังคิดเพลินๆ นั้นจู่ๆ หวังเจียเหยาก็สัมผัสได้ถึงลมที่พัดโชยเข้ามา

หน้าต่างที่ควรจะปิดอยู่ทำไมถึงมีลมพัดโชยเข้ามาได้นะ?

หวังเจียเหยารีบเดินไปดูที่หน้าต่างอย่างรวดเร็ว แล้วหล่อนก็ต้องตกใจ!

เมื่อเห็นเงาคนผู้หนึ่งถีบกระจกแล้วพุ่งพรวดเข้ามา!

“กรี๊ด!”

หวังเจียเหยาตกใจจนอุทานออกมาเสียงดัง

ทว่าภาพที่คุ้นตาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เงาคนปีนเข้ามาแล้ววิ่งไปหาหวังเจียเหยาอย่างรวดเร็ว เขาสวมกอดหล่อนเอามาพลางกล่าว

“ชู่ว อย่าร้องสิ ผมเอง”

หวังเจียเหยาหันมามอง แล้วอาศัยแสงไฟจากหัวเตียงมองหน้าชายคนดังกล่าว

คนผู้นี้ก็คือบิดาผู้ให้กำเนิดของเด็กหญิงในอ้อมแขนหล่อน!

ถึงแม้ว่าหวังเจียเหยาจะไม่กลัวเขาแต่ก็ยังมีท่าทีระแวดระวัง “นายนี่เอง? นายมาทำไม?”

เมื่อเห็นหญิงสาวในอ้อมแขน ชายคนนั้นก็อดก้มลงไปจุมพิตหล่อนไม่ได้ “ที่รัก ไม่เจอกันตั้งหนึ่งปี คุณนี่ยังสวยเหมือนเดิม คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า?”

หวังเจียเหยาแค่นเสียง อยากจะสลัดเขาให้พ้น แต่ชายหนุ่มนั้นมีแรงมากกว่า หล่อนจึงสลัดเขาไม่หลุด

“ฮึ นายยังมีหน้ามาถามอีกนะ นายรู้ไหมว่าเพราะนาย ทำให้ฉันโดนผัวเก่าล้างแค้นจนมีสภาพแบบไหนแล้วเนี่ย! ตระกูลหวังของพวกเราตอนนี้ใกล้จะล้มละลายแล้ว”

ชายหนุ่มไม่มีท่าทีเหมือนว่าจะเห็นใจหญิงสาวแม้แต่น้อย เขากล่าว “ผมให้เงินคุณไปพันล้านแล้วไม่ใช่หรือไง? ตระกูลหวังล้มละลายก็ล้มละลายไปสิคุณมีเงินก็น่าจะใช้ได้แล้วนี่นา”

หวังเจียเหยากล่าว “นายยังจำเรื่องที่นายเคยรับปากฉันได้ไหม? ว่าถ้าฉันมีลูกชายให้นาย นายจะให้เงินฉันอีกพันล้าน”

ชายหนุ่มหัวเราะร่วน “จำได้สิ แล้วมีลูกชายให้ผมจริงหรือเปล่า?”

หวังเจียเหยาชี้ไปที่ทารกที่กำลังหลับปุ๋ย “นี่ไงลูกชายคุณน่ะ”

ชายหนุ่มอายุน้อยจ้องทารกที่กำลังหลับสนิทไม่วางตา ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

“ฮ่าๆ ใช้ได้เลย หน้าตาเหมือนผมเลย พ่อแม่รู้เข้าน่าจะดีใจ”

ในตอนที่ชายหนุ่มยื่นมือมาจะอุ้มเขา แต่หวังเจียเหยากลับปราดเข้ามาขวาง

“อย่าแตะต้องลูกชายฉัน นายจะทำอะไร”

อีกฝ่ายกล่าว “ลูกชายผม ผมก็ต้องเอาตัวเขาไปสิ วันนี้ที่มาก็เพราะจะมารับตัวเขาไป”

ทันทีที่หวังเจียเหยาได้ยินว่าเขาจะเอาตัวลูกชายของตนเองกับเย่เฉินไป ก็ปราดเข้าไปขวางทันที “ไม่ได้ เด็กคนนี้คือลูกฉันไม่ใช่ลูกนาย ฉันไม่ให้นายเอาลูกฉันไปแน่ๆ!”

อีกฝ่ายยิ้มอย่างมั่นใจ “คุณคิดว่าคุณขวางผมได้เหรอ?”

หวังเจียเหยารู้ดีว่าผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนเย่เฉิน เขามีความสามารถพอตัว ผู้ชายทั่วไปเอาชนะเขาไม่ได้ อย่าว่าแต่ผู้หญิงอ่อนแออย่างหล่อนเลย

หวังเจียเหยาจึงกล่าว “ลูกของคุณ คุณเอาไปได้ แต่ว่าเอาเงินพันล้านมาก่อน”

ตอนนี้ตระกูลหวังกำลังจะล้มละลาย หวังเจียเหยาขาดแคลนเงินทองอย่างยิ่ง หล่อนไม่อาจพลาดโอกาสทองแบบนี้ไปได้

ชายอ่อนวัยกล่าว “ผมให้เงินคุณแน่ แต่ผมต้องได้ตัวเด็กไปตรวจ DNA ก่อน พอตรวจ DNA แล้วรู้ว่าเด็กเป็นลูกผมจริงๆ ผมให้เงินคุณแน่ คุณก็รู้นี่ว่าที่บ้านผมเป็นยังไง กะอีแค่เงินพันล้านผมไม่เบี้ยวหรอกน่า”

พูดจบชายคนนั้นก็อุ้มเด็กเตรียมจะจากไป

“เดี๋ยว!”

จู่ๆ หวังเจียเหยาก็เรียกชายคนนั้นเอาไว้

แววตาหล่อนฉายแววออดอ้อน ขณะที่ใบหน้างดงามกระเง้ากระงอด “นายนี่มันใจร้ายจริงๆ ไม่เจอกันตั้งหนึ่งปี ฉันท้องลูกของนายมาตั้งสิบเดือนแถมไม่พอยังมีลูกชายให้นายอีก นายเจอฉันอีกครั้งแต่นายยังไม่ยอมเหลือบแลมองฉัน จะอุ้มลูกหนีไปเลยหรือไง เชอะ!”

เมื่อเห็นหวังเจียเหยาออดอ้อน ชายหนุ่มก็วางเด็กทารกลงแล้วเข้าใกล้เรือนร่างแบบบางอย่างอดไม่ได้ เขาปิดตาและเริ่มดมฟุดฟิด “อื้ม หอมจังเลย ยังเป็นน้ำหอม Chanel No.5 ที่คุ้นเคยเหมือนเดิม”

แล้วเขาก็มองไปรอบๆ “การออกแบบของที่นี่เหมือนกับเมื่อก่อนเป๊ะเลย เหอะๆ เรามารำลึกถึงช่วงเวลาสนุกๆ ของเราเมื่อปีก่อนกันเถอะ!”

พูดจบเขาก็โผเขาหาหวังเจียเหยา!

และในเวลานี้เองเย่เฉินก็ถีบประตูพรวดเข้ามาพอดี!

ตอนที่ 270 เจอหลิ่วหรูซืออีกครั้ง!
เพี้ยะ!

หวังเจียเหยาที่นานวันยิ่งมีสภาพของคุณนายเศรษฐีสะบัดฝ่ามือใส่หน้าหม่าเสินอย่างสะใจ

ในสายตาเขาเมื่อปีก่อนหวังเจียเหยายังเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้ความอยู่เลย

แต่ปีนี้หลังจากที่แต่งงานมาสามครั้ง หวังเจียเหยาก็เริ่มกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลหวัง อยากตบใครหล่อนก็ตบคนนั้น

หลังจากที่หวังเจียเหยาคลอดลูกแล้วตัวสูงขึ้นมา 1.5 ซม.ซึ่งนี่เป็นช่วงเวลาอัศจรรย์ที่ผู้หญิงจะตัวสูงขึ้น

หล่อนยืนตรงหน้าหม่าเสิน กล่าวอย่างวางท่า “ตระกูลหวังของเราจะตกต่ำยังไง คนแบบนายก็ดูถูกไม่ได้อยู่ดี ไสหัวไปเลยไป!”

หม่าเสินมองหวังเจียเหยา แล้วตะโกนด่า “แกมันแพศยา คิดไม่ถึงว่าจะกล้าตบฉัน? ตระกูลหวังของพวกแกกำลังจะล้มละลายอยู่แล้ว แกมีสิทธิ์อะไรมายโสโอหังขนาดนี้! ตอนนี้พวกแกอาจจะไม่มีเงินเท่าฉันก็ได้”

หวังเจียเหยาแค่นเสียงเย็น “แค่แกเนี่ยนะ? ถ้าแกคิดว่าแกมีเงินมากกว่าฉันก็ได้งั้นเรามาดูกัน”

ตอนนี้ตระกูลหวังไม่มีเงินจริงๆ แถมยังโดนค่าปรับไม่น้อย แต่หวังเจียเหยามีเงิน!

ในบัญชีหวังเจียเหยายังมีเงินก้อนลับๆ อีกก้อน คนทั้งตระกูลต่างก็ไม่รู้ว่าพ่อผู้ให้กำเนิดของเด็กหญิงให้เงินหล่อนมาพันล้าน

“แหมใครกำลังอวดรวยอยู่เนี่ย? อ้อ ที่แท้ก็ ‘ลูกสะใภ้’ คนดีของเรานี่เอง!”

ทันใดนั้นเองในห้องโถงก็มีคนคุ้นเคยอีกสองคนเดินเข้ามา นั่นคือฟางเสียนจู่และหลิ่วหรูซือพ่อแม่ของฟางเชา!

เย่เฉินเห็นทั้งสองคนนั้นผ่านทางกล้องวงจรปิด นานแล้วที่ไม่เจอพวกเขา

หลิ่วหรูซือสวมชุดกี่เพ้า เรือนร่างยังสมบูรณ์แบบเหมือนปีที่แล้วไม่มีผิด ที่ทั้งยังสวยและมีสเน่ห์เย้ายวน

หวังเจียเหยาเห็นทั้งสองคนก็เก้อเขิน อย่างไรเสียหล่อนก็เคยแต่งงานกับฟางเชาและเคยเรียกพวกเขาสองคนว่าพ่อกับแม่มาก่อน

ฟางเสียนจู่เดินมาเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของหวังเจียเหยา สีหน้าก็ฉายแววเหยียดหยาม

“หวังเจียเหยาตระกุลของพวกเธอตอนนี้เละเทะจนมีสภาพนี้แล้ว เธอยังจะมาวางท่าอะไรอีก? ภรรยาของฉันถามคนตระกูลหลิ่วแล้ว พวกเขาบอกว่าเธอหย่ากับหลิ่วอวี่เจ๋อแล้ว แถมยังไม่ได้เงินจากเขาสักแดง เธอยังจะกล้าเปรียบเงินกับคนอื่นอีกนะ?

ตอนนี้นอกจากเธอจะมีลูกของเย่เฉินแล้วเธอยังมีอะไรอีก? อ้อ จริงด้วยเป็นลูกสาว ไม่ใช่ลูกชาย ได้ยินมาว่าในตระกูลใหญ่ๆ ลูกสาวไม่มีสิทธิ์สืบทอดสมบัติของตระกูล เหอะๆ เธอเองก็เก่งนี่ มีลูกแฝดสองคนแต่คนละพ่อ โชคดีที่ฟางเชาไม่ได้คบกับเธอ”

ดูแล้วฟางเสียนจู่และหลิ่วหรูซือก็คงจะเพื่อเยาะเย้ยคนตระกูลหวังเหมือนหม่าเสิน

ก่อนหน้านี้หวังเจียเหยาแต่งงานกับฟางเชา ในงานแต่งงาน หวังเจียเหยาประกาศกร้าวกลางงานว่าจะไม่แต่งงานกับฟางเชา

นี่ทำให้ตระกูลฟางขายหน้า!

อีกทั้งเป็นเพราะหวังเจียเหยา พวกเขาถึงได้ตกต่ำมาเป็นตระกูลท้ายๆ ของอวิ๋นโจวจากที่เป็นตระกูลใหญ่ๆ!

หวังเจียเหยาจึงไม่กล้าวางก้าม เพราะรู้สึกละอายใจพลางกล่าว “คุณอาฟาง คุณอาหลิ่ว ในเมื่อพวกเราสองครอบครัวไม่ได้เป็นอะไรกัน งานเลี้ยงครบรอบเดือนนี้ก็ไม่ได้เชิญพวกคุณมา พวกคุณจะมาทำไมคะ?”

ฟางเสียนจู่กล่าวอย่างไม่พอใจ “พวกเราไม่ได้มาดื่มฉลอง! แต่พวกเรามาหาเย่เฉิน!”

เย่เฉินที่อยู่ด้านบนได้ยินเช่นนี้ ก็นิ่งไป

“มาหาเย่เฉิน? คุณมาหาอดีตสามีฉันทำไม?” หวังเจียเหยาถาม

ฟางเสียนจู่เริ่มมีอารมณ์ “ฉันติดต่อลูกชายฉันไม่ได้มานานแล้ว ฉันอยากจะถามเย่เฉินว่าลูกชายฉันโดนเขาฆ่าตายไปแล้วหรือเปล่า! ถ้าเขาฆ่าลูกชายฉัน ฉันจะสู้ตายกับเขา!”

หวังเจียเหยาขมวดคิ้วแล้วกล่าว “คุณติดต่อลูกชายไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับอดีตสามีฉันคะ? ต่อให้ลูกชายคุณเป็นอะไรขึ้นมาคุณมีปัญญาสู้กับอดีตสามีฉันเหรอคะ? ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ!”

หลิ่วหรูซือละลั่กละล่ำ “เจียเหยา พวกเราไม่เคยคิดจะต่อต้านกับคุณเย่ แล้วก็รู้ด้วยว่าสู้ไม่ได้ พวกเราก็แค่อยากถามคุณเย่ว่าพอจะรู้ข่าวลูกชายเราหรือเปล่า พูดตรงๆ เลยนะลูกเขาเพิ่งจะเป็นพ่อคน มีลูกชายคน ลูกสาวคน เด็กเพิ่งจะสองเดือน เราอยากจะบอกข่าวดีเรื่องนี้กับเขา”

เย่เฉินได้ยินก็เริ่มประหลาดใจ ฟางเชาเป็นพ่อคนแล้วหรอ

ในห้องพักซีกวาก็งุนงง “ไม่สิครับ ฟางเชาโดนพวกเราตอนไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”

หลิวเจิ้งคุนกล่าว “ไม่ได้ยินที่แม่ของฟางเชาพูดเหรอ ลูกของเขาอายุได้สองเดือนแล้ว เกิดก่อนลูกของคุณชายเย่เสียอีก คาดว่าน่าจะท้องก่อนหน้านั้นแล้ว”

ซีกวาหัวเราะเจ้าเล่ห์ “ถ้าแบบนั้นก็แปลว่าฟางเชานี่มันดวงดีไม่เบา อย่างน้อยๆ ก็มีลูกตั้งสองคน แต่หลิ่วอวี่เจ๋อจบเห่แล้ว ฮ่าๆ ชีวิตนี้มีลูกไม่ได้แล้ว”

เย่เฉินมองหลิ่วหรูซือผ่านกล้องวงจรปิด ทำให้อดย้อนคิดคืนวันนั้นที่หล่อนร้องเพลงให้เขาฟังทั้งคืน

ตั้งแต่ตอนนั้นเย่เฉินก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เก่งกาจ เจ้าเล่ห์ ไม่ธรรมดา

เรื่องฟางเชามีลูกนี้ คาดว่าคงเป็นแผนการของหลิ่วหรูซือ

เย่เฉินกล่าวกับหลิวเจิ้งคุน “อาคุน คราวก่อนตอนที่นายเจอฟางเชา เขาอยู่ที่ประเทศไทย เขาไปทำอะไรที่นั่นกัน?”

หลิวเจิ้งคุนกล่าว “เหมือนว่าตั้งใจจะแปลงเพศแล้วใช้ชีวิตที่นั่น”

“ฮ่าๆ จริงเหรอเนี่ย?” ซีกวาหัวเราะ

เย่เฉินกล่าว “โทรหาฟางเชา บอกเขาไปว่าเขาเป็นพ่อคนแล้ว มีลูกสองคน”

“ครับ!”

ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะเคยลงโทษฟางเชา แต่พอเห็นสภาพพ่อแม่ของเขาในตอนนี้ ก็เกิดสงสารจึงอยากจะช่วยพวกเขาสักหน่อย

ณ ล็อบบี้ หวังเจียเหยากล่าวว่า “เย่เฉินไม่ได้อยู่ที่อวิ๋นโจว ถ้าหากว่าเย่เฉินอยู่ที่นี่ พวกคุณคิดว่างานเลี้ยงครบรอบจะเงียบเหงาแบบนี้ไหมล่ะ?”

ตอนนี้เย่เฉินถือเป็นคนดังในวงการธุรกิจ ถ้าหากว่าเขาประกาศว่าจะจัดงานครบรอบเดือนให้ลูกๆ ล่ะก็จะต้องมีคนเป็นล้านเบียดกันมาเข้าร่วมงานแน่ๆ

หลิ่วหรูซือหยิบเอาซองอั่งเปาออกมาสองซอง “งั้นพวกเรานั่งกินข้าวที่นี่ได้แล้วหรือยัง? นี่คือน้ำใจเล็กน้อยที่เรายกให้ลูกๆ ของพวกเธอ”

คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูซือจะเตรียมเงินรับขวัญเด็กสองคนด้วย

หวังเจียเหยารับเงินมา “งั้นเชิญพวกคุณตามสบาย”

“ขอบใจ” หลิ่วหรูซืออดหันมองเด็กสองคนไม่ได้ “นี่คือเด็กผู้ชายใช่ไหม? ฉันคิดว่าเด็กผู้ชายหน้าตาเหมือนคุณเย่นะ โดยเฉพาะดวงตา”

เมื่อได้ยินคำพูดจองหลิ่วหรูซือ เย่เฉินก็ชะงักไป

“หลิ่วหรูซือเก่งจริงๆ กลายเป็นว่าปิดบังหล่อนไม่ได้!”

ส่วนหวังเจียเหยาได้ยินคำพูดนี้ก็ตกตะลึง หล่อนคิดไม่ถึงว่าเด็กๆ อายุน้อยแบบนี้แต่หลิ่วหรูซือกลับดูออก

ลูกชายเป็นของเย่เฉินแน่ๆ แต่ว่าจุดประสงค์ในการจัดงานเลี้ยงครบรอบเดือนวันนี้ก็เพราะอยากจะประกาศให้คนอื่นรู้ว่าลูกของเย่เฉินเป็นผู้หญิง

หวังเจียเหยากล่าว “คุณน้าหลิ่วลูกชายฉันแซ่หวังไม่ใช่แซ่เย่ค่ะ ถ้าเย่เฉินมาได้ยินมาเด็กผู้ชายหน้าเหมือนเขาล่ะก็ เขาคงจะไม่พอใจแน่ๆ”

หลิ่วหรูซือรีบร้อนขอโทษ “ขอโทษด้วยๆ ฉันดูไม่ดีเอง”

หลิ่วหรูซือไม่กล้าพูดจาเหลวไหล แล้วจึงเดินไปนั่งโต๊ะเดียวกับฟางเสียนจู่

แต่หลังจากที่พวกเขามาที่งานแล้วก็มีแขกมาร่วมงาน แต่พวกเขากลับนำของขวัญมาให้ ‘เย่เจียอิน’ คนเดียวเท่านั้น ไม่มีของขวัญให้แฝดชายอย่าง ‘หวังเจียเยว่’

เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาต่างมาร่วมงานเพราะเห็นแก่หน้าเย่เฉิน

แต่ว่าพวกเขาก็แค่มอบของขวัญเท่านั้น ไม่ได้มีใครอยู่ดื่มเหล้าต่อ เกรงว่าจะไปล่วงเกินเย่เฉิน

เพราะว่าตอนนี้ไม่ว่าใครก็รู้ว่าตระกูลหวังไปล่วงเกินเย่เฉินเข้า งานเลี้ยงครบรอบเดือนคนตระกูลหวังก็เป็นคนจัด ส่วนแขกที่มาร่วมงานจะเท่ากับตั้งตัวเป็นศัตรูของเย่เฉิน

ตระกูลหวังจัดงานเลี้ยงครบรอบเดือนในตอนกลางวันรอบหนึ่ง จัดงานเย็นอีกรอบ แต่บรรยากาศงานเลี้ยงกลับเงียบเหงาเหมือนเดิม

คนที่มาร่วมงานนั้นก็มีไม่กี่คน เย่เฉินส่งคนมาแอบสืบแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย

ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว คนตระกูลหวังเองก็เริ่มเก็บของ เตรียมจะออกจากโรงแรม หลังจากงานเลี้ยงจบลง

แต่ว่าฟากเย่เฉินกลับไม่ได้อะไรเลย

“หรือว่าตระกูลหวังจัดงานเลี้ยงครบเดือนก็แล้วก็ยังไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากหมอนั่นได้นะ? หรือว่าเขาไม่สนใจเลยว่าหวังเจียเหยาจะมีลูกหรือเปล่า?”

ในขณะที่เย่เฉินกำลังครุ่นคิดไปต่างๆนานา โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

ปลายสายคือ ศจ.ก่วนจากศูนย์ตรวจ DNA ประจำเทียนไห่!

ตอนที่ 269 งานเลี้ยงครบรอบเดือน!
เย่เฉินไม่ได้คิดอะไรแบบที่หวังหยวนหยวนกล่าว แต่เขาประหลาดใจอย่างมากว่าทำไมหวังหยวนหยวนถึงได้คิดแบบนี้

เย่เฉินจึงถามอีกฝ่าย “ทำไมเธอถึงคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะมาที่นี่?”

หวังหยวนหยวนเองก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “คนเคยๆ ไงคะ ก่อนนี้เขาต้องฉวยโอกาสตอนพี่ไม่อยู่บ้านมาที่นี่บ่อยมากแน่ๆ เข้าหมู่บ้านยังไง ปีนเข้าหน้าต่างยังไง เขาต้องรู้ดีอยู่แล้วจะให้มาอีกรอบง่ายจะตาย”

เย่เฉินรู้สึกว่าข้อสันนิษฐานของหวังหยวนหยวนก็มีเหตุผล ที่นี่อาจจะป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะใช้ล่อผู้ชายคนนั้นมาติดกับก็ได้!

ว่ากันว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุดเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด เขาคงต้องคิดแบบนั้นแน่

เย่เฉินส่งคนไปตรวจกล้องวงจรปิดของที่นี่ แต่เพราะเรื่องเกิดขึ้นนานเกินไป ตอนนี้อยากจะตรวจกล้องวงจรปิดเมื่อสิบเดือนก่อนก็คงจะทำไม่ได้เพราะคลิปหายไปนานแล้ว

แต่จากที่หลิวเจิ้งคุนเล่า เมื่อต้นปีก่อนยามและรปภ.ที่เฝ้าอยู่ที่นี่ก็เปลี่ยนกันไปหมดแล้ว

จะหาตัวหมอนี่โดยวิธีทั่วๆ ไปคงจะยากแล้ว

หลังจากไล่หวังหยวนหยวนไปแล้ว เย่เฉินก็รีบโทรหาหวังเจียเหยาทันที

เย่เฉิน “ฮัลโหล หวังเจียเหยา คุณอยู่ที่ไหน?”

หวังเจียเหยาตอบว่า “ฉันมาเทียนไห่ เพิ่งทำเรื่องหย่ากับหลิ่วอวี่เจ๋อเสร็จ หมอนั่นงกสุดๆ ตอนแรกรับปากว่าจะให้เงินฉันสามสิบล้านก็กลับคำเฉยเลย ฉันแต่งงานกับเขามาสิบเดือน เขาไม่ให้เงินฉันสักบาทเดียว!”

เย่เฉินจับกระแสความไม่ค่อยพอใจในน้ำเสียงของหวังเจียเหยา

นี่คือจุดจบที่คุณควรจะได้รับ!

แต่งงานกับพวกคนรวยๆ แต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋อซึ่งเป็นทายาทตระกูลแสนล้าน นอกใจเอย ทรยศผมเอย ดูสิว่าวันนี้คุณได้อะไรตอบแทน?

สมน้ำหน้า!

หวังเจียเหยาสะอึกสะอื้น “รู้งี้ตอนนั้นฉันไม่น่าหย่ากับนายเลย เมื่อปีก่อนเพราะหลิ่วอวี่เจ๋อใช้คำพูดมาหลอกลวงฉัน ฉันถึงได้หลงเชื่อเขา”

เย่เฉินไม่อยากได้ยินหวังเจียเหยาพูดเรื่องพวกนี้ “คุณจะกลับอวิ๋นโจวเมื่อไหร่?”

หวังเจียเหยากล่าว “ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากอยู่ที่เมืองเน่าๆ อย่างเทียนไห่นี่หรอก!”

เย่เฉินกล่าว “คุณอยากอยู่วิลล่าที่เหมยกุยหยวนไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวถ้ากลับมาแล้ว พาลูกๆ มาอยู่ที่นี่สิ”

หวังเจียเหยาดีใจทันที “ว้าว! จริงเหรอ? นายยอมให้ฉันอยู่ด้วยแล้วเหรอ? ขอบคุณมากเลยนะคะ เย่เฉิน ฉันรู้ว่านายยังรักฉันอยู่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันขอสาบานเลยว่าทั้งชีวิตนี้ฉันจะรักนายแค่คนเดียว ฉันจะไม่…”

เห็นท่าทางตื่นเต้นของหวังเจียเหยาแล้วเย่เฉินจึงรีบกล่าว “คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้จะอยู่กับคุณ ผมจะไปพักที่อื่น คุณอยู่นั่นคนเดียวเถอะไป”

“อ้อ” ต่อให้เย่เฉินไม่อยู่กับหล่อน แต่หญิงสาวก็ยังคงรู้สึกดีใจ

เพราะหลังจากเกิดเรื่องพวกนี้แล้ว เย่เฉินยังยอมให้หล่อนอยู่ในบ้านของเขา แปลว่าอาจจะยังมีโอกาสจะคืนดีกัน!

ทว่าทั้งหมดนี้หวังเจียเหยาคิดมากไป

ที่ชายหนุ่มทำเช่นนี้ก็เพราะอยากจะล่อชายหนุ่มคนนั้นออกมาโดยใช้หวังเจียเหยาเป็นเหยื่อล่อ

หนำซ้ำเขายังมีลางสังหรณ์ด้วยว่าชายคนนั้นจะปรากฏตัวขึ้นมาแน่!

……

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป แล้ววันที่ 1 เดือนมีนาคมก็มาถึงอย่างรวดเร็ว。

เวลา 11 โมงเช้า ณ โรงแรม Marriott อวิ๋นโจวอันเป็นโรงแรมที่คุณย่าของหวังเจียเหยาจัดงานวันเกิดครบ 80 ปี

วันนี้ตระกูลหวังก็จัดงานฉลองที่นี่อีกครั้ง งานฉลองที่ว่าก็คืองานฉลองครบรอบเดือนของคู่ฝาแฝดชายหญิงลูกๆ ของหวังเจียเหยา

ตระกูลหวังร่ำรวยอู้ฟู่จนเหมาทั้งโรงแรมแห่งนี้ ทั้งโรงแรม ห้องโถง บนตึก ด้านล่างตึกล้วนแต่เป็นสถานที่ของตระกูลหวัง จะไม่มีคนนอกปรากฏตัวขึ้น

ทว่าภาพเหตุการณ์วันนี้นั้นแตกต่างไปจากภาพเหตุการณ์ของเมื่อปีก่อนอย่างสิ้นเชิง

เมื่อปีก่อนตอนฉลองวันเกิดครบ 80 ปีของคุณนายหวังนั้นครึกครื้นอย่างมาก เจ้าของกิจการน้อยใหญ่ในอวิ๋นโจวต่างก็มาร่วมงาน

ทำให้มีคนนั่งเต็มกันทุกโต๊ะ

บวกกับที่เย่เฉินถูกสั่งให้หย่า ทำให้งานเลี้ยงครึกครื้นกว่าเดิม

แต่วันนี้งานเลี้ยงกับเงียบเหงาซบเซา

นอกจากคนตระกูลหวังที่นั่งกันอยู่สองโต๊ะแล้ว โต๊ะอื่นๆ ว่างเปล่าไม่มีใครมา

คุณนายหวังถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “เฮ้อ ทำไมงานเลี้ยงตระกูลหวังของเราถึงได้เงียบเหงาขนาดนี้ล่ะ? ถ้าหากว่าตาแก่ได้เห็นคงตายตาไม่หลับแน่ๆ! เจียเหยา แกจะไม่รู้สึกผิดกับความหวังดีของปู่แกเลยหรือไง!”

หวังเจียเหยาอุ้มลูกของเย่เฉิน แล้วใช้มือเข็นรถเข็นเด็กอีกคน หล่อนแย้งทันทีที่ได้ยินเสียงโอดครวญของคุณนายหวัง

“คุณย่าคะ ช่วยเลิกโวยวายแล้วได้ไหมคะ? เมื่อก่อนหนูแต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋อจนทรัพย์สินของที่บ้านเรามีมากเกือบสองหมื่นล้าน คุณย่ากก็ชมว่าหนูเลือกแต่งงานกับผู้ชายถูกคนแล้วไม่ใช่เหรอคะ? ถ้าคุณย่าจะบอกว่ามีตาแต่หามีแววไม่ งั้นคนทั้งบ้านเราก็เป็นเหมือนกันทั้งหมดนั่นแหละค่ะ! ที่ไม่รู้จักเห็นคุณค่าของเย่เฉิน!”

และในเวลานี้เองหวังจื้อเฉียงผู้เป็นลุงกล่าวอย่างไม่พอใจ “สารเลว! พูดแบบนี้กับคุณย่าได้ยังไง! แกว่าใครมีตาแต่ไม่มีแวว? หยวนหยวนกับซ่าวเจี๋ยลูกฉันมองออกตั้งนานแล้วว่าเย่เฉินพิเศษกว่าใคร พวกเขาสนิทกันจะตายไป เมื่อวานพวกเขาสามคนยังเล่นเกมด้วยกันอยู่เลย!”

หวังหยวนหยวนแทรกขึ้นมา “ใช่ หนูเล่นเป็นซัพพอร์ทตัวติดหนึบกับพี่เย่เฉินในเกมเลย เราชนะติดต่อกันตั้งหลายรอบ!”

หวังเจียเหยาหัวเราะเยาะ “งั้นเหรอ?​ สนิทกันจริงๆ เลยนะ แต่ขอโทษที ฉันมีลูกกับเย่เฉิน!”

เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้หวังหยวนหยวนยิ้มไม่ออก

และในเวลานี้เองเงาคนผู้หนึ่งก็เดินทอดน่องเข้ามา

“มีแขกมา!” คุณนายหวังดีใจอย่างมาก

ตอนนี้ตระกูลหวังกำลังจะล้มละลาย โปรเจ็กต์ทั้งหมดหยุดชะงักไป กระทั่งเงินเดือนพนักงานก็ยังไม่มีจ่าย

สถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้ย่ำแย่ ดังนั้นงานเลี้ยงครบรอบเดือนที่พวกเขาจัดขึ้นจึงไม่มีใครอยากมาด้วยซ้ำ

“คนผู้นี้หน้าตาคุ้นๆ!”

คนพูดไม่ใช่คนตระกูลหวังแต่เป็นเย่เฉิน!

และในเวลานี้เองเย่เฉินเองก็อยู่ในโรงแรมเช่นกันแต่ว่าเขาอยู่ในห้องสูทด้านบน ตอนนี้เขากำลังมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้ในห้องโถงผ่านทางกล้องวงจรปิด

ซีกวาที่อยู่ข้างๆ กล่าว “นี่มันหม่าเสินอดีตผู้จัดการบริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนประจำเขตอวิ๋นโจวไม่ใช่เหรอ?”

“หม่าเสิน จริงด้วย”

เย่เฉินเองก็จำหมอนี่ได้ เขาไม่เพียงย้อนนึกถึงเมื่อปีก่อนที่หม่าเสินเองก็เรียกเย่เฉินให้มา แล้วบังคับให้เขาถอดชุดยูนิฟอร์มพนักงานเดลิเวอรี่ต่อหน้าธารกำนัล

หลังจากนั้นเพราะล่วงเกินเย่เฉินเข้า หลังจากนั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์เป็นผู้จัดการเขตอีก

เมื่อพบเจอกันอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าหม่าเสินไม่มีสง่าราศีเหมือนปีก่อน กลายเป็นเหมือนคนล่องลอยไปวันๆ

“อ้าว นี่มันเถ้าแก่หม่าไม่ใช่เหรอ?” หม่าจื้อเฉียงจำหม่าเสินได้ในทันที

หน้าหม่าเสิ่นเปลี่ยนไปเล็กน้อยกล่าวพลางระบายยิ้ม “ฮ่าๆ คุณหวังไม่เจอกันนานเลย”

สถานการณ์วันนี้เงียบเหงา หม่าเสิ่นยอมมา ตระกูลก็ดีใจมากแล้วจึงรีบร้อนเชื้อเชิญให้เขานั่งลง

“เถ้าแก่หม่า รีบนั่งเถอะ อยากดื่มอะไรไหม?” หวังจื้อหย่วนทักทายเขา

หม่าเสินกลับกล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “ฮ่าๆ ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองครบเดือนของพวกคุณ ผมมาเพื่อเยาะเย้ยพวกคุณต่างหาก! ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าตระกูลหวังที่เป็นตระกูลใหญ่ของอวิ๋นโจวจะมีวันนี้ฮ่าๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อปีก่อนผมช่วยตระกูลหวังของพวกคุณ ผมก็คงไม่ตกต่ำมาจนอยู่ในสภาพนี้! สมน้ำหน้าพวกคุณแล้ว!”

และในเวลานี้ก็เห็นหวังเจียเหยาวางลูกลง จากนั้นก็ชันตัวลุกขึ้นจากที่นั่งเดินตรงไปหาหม่าเสินที่กำลังเมามายแล้วสะบัดฝ่ามือใส่หน้าเขา!

ตอนที่ 268 หวังหยวนหยวนศัลยกรรม!
คืนนี้เย่เฉินเลือกจะนอนที่วิลล่าในเขตเหมยกุยหยวน ในทุกมุมของที่นี่เหมือนเต็มไปด้วยความทรงจำระหว่างเขาและหวังเจียเหยา

รอยความรักและรอยเบาะแว้งที่ผ่านมาฉายขึ้นในหัวเขาเหมือนภาพยนตร์อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อปีก่อน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่าจะกลับมาเกิดเรื่องแบบนี้อีกครั้งในวันนี้

เย่เฉินเดินไปหยิบเหล้าขาวขวดหนึ่งจากในตู้ แล้วบอกแม่บ้านให้ทำกับแกล้มมาให้เขา แล้วตนเองก็ดื่มเหล้าอยู่คนเดียวในห้องรับแขก

เพราะเรื่องของลูก ทำให้เย่เฉินรู้สึกไม่สบายใจ ดื่มเหล้าไปไม่กี่แก้วก็เมามาย

จนเก้าโมงของวันที่สอง เย่เฉินก็พบว่าตนเองนอนอยู่ในห้องนอนที่เดิมเคยเป็นของเขาและหวังเจียเหยา

เย่เฉินรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วปัดตัวด้วยท่าทีรังเกียจ แล้วตะโกนเรียกแม่บ้านอย่างไม่สบอารมณ์

“คุณน้าครับ!”

แม่บ้านยังคงเป็นแม่บ้านคนเดิม ในช่วงที่ผ่านมาหล่อนอาศัยอยู่ที่นี่ คอยปัดกวาดเช็ดถูอยู่ทุกวัน

เมื่อวานที่เย่เฉินกลับมาพักที่บ้าน ทำให้หล่อนดีใจ

เมื่อได้ยินเย่เฉินเรียกหล่อน หล่อนก็รีบร้อนเดินขึ้นมาด้านบนอย่างดีอกดีใจแล้วกล่าวถามเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “คุณชายมีอะไรคะ?”

เย่เฉินกล่าว “ทำไมเอาผมมานอนห้องนี้? ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่หรอกว่าผมจะไม่มีทางนอนห้องนี้อีกแล้ว?”

แม่บ้านกล่าว “คุณชายคะ ดิฉันไม่ได้พาคุณชายมาส่งที่นี่ แต่คุณชายโวยวายจะนอนห้องนี้ให้ได้”

“แค่ก…”

เย่เฉินคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ตนเองเมามายแล้ว จะเลอะเลือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเดินกลับมาห้องนี้

ห้องนี้เต็มไปด้วยความรักของเขาและอดีตภรรยา เสียดายที่ตอนนี้เขาไม่สามารถจะทนมองห้องนี้ได้อีกแล้ว

ทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง ในสมองเขาก็ปรากฏภาพของหวังเจียเหยาที่ยอมนอนกับชายแปลกหน้าเพื่อเงินพันล้าน

จู่ๆ แม่บ้านก็กล่าว “คุณชาย คุณหนูคนที่สองตระกูลหวังอยากพบคุณชาย รออยู่ด้านนอกมาสามชั่วโมงแล้ว คุณจะพบหล่อนไหมคะ?”

“คุณหนูคนที่สองตระกูลหวังเหรอ? หวังหยวนหยวนน่ะเหรอ?”

เย่เฉินเพิ่งจะกลับมาที่อวิ๋นโจว คิดไม่ถึงว่าเลยว่าหวังหยวนหยวนจะมาหาเขาเร็วขนาดนี้

พูดกันตามตรงในระยะหลังนี้เย่เฉินเองก็รู้สึกดีกับหวังหยวนหยวนไม่น้อย แม่สาวน้อยคนนี้ใสซื่อกว่าหวังเจียเหยา

อีกทั้งถ้าหากไม่ได้หล่อน เขาก็คงไม่สามารถหย่ากับหวังเจียเหยาได้อย่างราบรื่น ถือว่าเขาติดค้างหญิงสาวอยู่

“ให้หล่อนเข้ามาสิ บอกให้หล่อนรอผมที่ห้องรับแขก ล้างหน้าแล้วเดี๋ยวลงไป”

“ได้ค่ะคุณชาย!”

เย่เฉินลุกไปอาบน้ำแปรงฟัน แล้วก็พบว่าแปรงสีฟันและโฟมล้างหน้ายังเป็นยี่ห้อที่หวังเจียเหยาชอบ แต่ถ้าไม่ใช้ก็จะไม่มีอะไรจะใช้ เขาจึงจัดการล้างหน้าแปรงฟันให้เสร็จๆ ไป

จากนั้นเย่เฉินก็ค่อยๆ เดินลงมาด้านล่าง

และในตอนนั้นเองเขาก็พบเด็กสาวที่ดูทันสมัยในชุดไหมพรมคอเต่าสีอ่อน กระโปรงยาวสีเข้มและรองเท้าบู้ตสีดำ กำลังนั่งจิบชาอยู่ในห้องรับแขก

เย่เฉินมองหญิงสาวหน้าตาสะสวยและมีกลิ่นอายลูกคุณหนูคนนี้ แล้วตะลึงทันที

แต่หญิงสาวคนนั้นกลับวางแก้วชาลงอย่างตื่นเต้นเหมือนเห็นเขา แล้วรีบวิ่งมา “พี่เย่เฉิน!”

สาวสวยคนนั้นโผเข้าอ้อมกอดเย่เฉิน

เย่เฉินมองหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะถามเขาอย่างเหลือเชื่อ “หยวนหยวนเหรอ?”

“ใช่ค่ะ” หวังเจียเหยาพยักหน้ารับอย่างดีอกดีใจ

เย่เฉินตกใจ เพราะหวังหยวนหยวนเปลี่ยนไป!

หญิงสาวสวยขึ้น!

“เธอ…ศัลยกรรมเหรอ?” เย่เฉินถามอย่างระมัดระวัง

หวังหยวนหยวนยอมรับทันที “ใช่ค่ะ ฉันปรับหน้านิดหน่อยสวยไหมคะ? เทียบกับพี่เจียเหยาแล้วเป็นยังไงบ้าง?”

ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือน คิดไม่ถึงว่าเจอกันอีกครั้งหวังหยวนหยวนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง!

หวังหยวนหยวนสวยขึ้นมาก!

ก่อนหน้านี้หวังหยวนหยวนแค่เป็นคนหุ่นดีเท่านั้นแต่ใบหน้าก็งั้นๆ แต่หล่อนมีทุนเดิมที่ดีอยู่แล้ว แค่แก้ไขนิดหน่อย ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวได้รูปอย่างมาก

ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาว จู่ๆ เย่เฉินก็นึกถึงความฝันในอดีตของตนเอง

ในฝันพิกลนี้หวังหยวนหยวนก็ศัลยกรรมแถมยังไม่แตกต่างอะไรไปจากตอนนี้ สวยขึ้น ทั้งเรือนร่างและวงหน้าต่างก็งดงามไร้ที่ติ!

แล้วก็ในฝันซ่งหงเย่ก็กลับมาคืนดีกับสามีของหล่อน

แต่ที่น่ากลัวกว่าก็คือในฝันนั้นเย่เฉินกับหวังเจียเหยาอยู่ในชุดบ่าวสาวกำลังจัดงานแต่งงาน!

พวกเขาสองคนกลับมาดีกันอีกครั้ง!

เดิมทีเย่เฉินรู้สึกว่าฝันนี้เลอะเทอะเหลวไหล แต่ตอนนี้เหตุการณ์ในฝันกลับเป็นจริงขึ้นมา…

“นี่จะแปลว่าในอนาคตฉันกับหวังเจียเหยาจะต้อง…เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ หวังเจียเหยาทรยศฉันมาสามรอบแล้ว ต่อให้ต้องอยู่คนเดียวไปจนแก่ก็ไม่มีทางแต่งงานกับหล่อน!”

เย่เฉินลอบกล่าวกับตัวเองในใจ

หวังหยวนหยวนเห็นเย่เฉินเหม่อลอยจึงถามอีกครั้ง “พี่เย่เฉินช่วยออกความเห็นหน่อยสิคะ ตอนนี้ฉันสวยหรือเปล่า?”

เย่เฉินรีบชม “สวยมาก ที่จริงแล้วเธอก็สวยมากนะ ทำไมถึงไปศัลยกรรมเสียล่ะ?”

หวังหยวนหยวนไม่ได้เป็นคนหน้าตาไม่ได้แย่อะไร เพียงแต่สู้หวังเจียเหยาไม่ได้ แต่ถือว่าหน้าตาสะสวยกว่าผู้หญิงทั่วไปมากนัก

บวกกับเรือนร่างที่ไร้ที่ติของหล่อนก็ถือว่าเรือนร่างดีจนทำให้คนนับหมื่นในมหาวิทยาลัยแอบชอบหล่อน

หวังหยวนหยวนกล่าว “เพราะพี่นั่นแหละ ฉันไปศัลยกรรมเพราะพี่เลย!”

“เพราะฉัน?” เย่เฉินงุนงง

หวังหยวนหยวนออดอ้อน “พี่ลืมแหล้วเหรอคะ? หลังจากที่หนูช่วยพี่แสดงละครให้พี่เจียเหยาหย่ากับพี่แล้ว ทั้งๆ ที่คุยกันเอาไว้ดิบดีว่าถ้าพี่หย่าแล้ว เราจะคบกัน ใครจะรู้ว่าพี่กลับหนีไปคบกับฉินหงเหยียนเฉยเลย

ฉินหงเหยียนอายุมากกว่าหนูตั้งเยอะ พี่เลือกหล่อน ไม่เลือกหนู ต้องเป็นเพราะคิดว่าหนูสวยไม่เท่าหล่อน ดังนั้นหนูเลยตัดสินใจว่าจะทำศัลยกรรม หนูจะต้องสวยกว่าพี่เจียเหยากับฉินหงเหยียนให้ได้! พี่เย่เฉิน ตอนนี้หนูทำสำเร็จแล้ว หนูเป็นแฟนพี่ได้หรือยังคะ?”

เย่เฉินเก้อเขิน เพราะเขาเองก็เป็นพวกมองคนที่หน้าตาเหมือนกัน

แต่ว่าใบหน้าของหวังหยวนหยวนก่อนนี้ก็ถือว่าผ่านแล้ว ที่เย่เฉินไม่เลือกหล่อนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหน้าตาของหญิงสาว

เย่เฉินอดลูบเรือนผมของหวังหยวนหยวนเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “หยวนหยวนพี่เห็นเธอเป็นน้องสาวมาตลอด อีกทั้งตอนนี้พี่มีแฟนแล้ว พี่กำลังจะแต่งงานกับฉินหงเหยียนอยู่แล้ว ขอบคุณที่เธอชอบพี่นะ เธอดีกว่าพี่สาวเธอมาก ถ้ารู้ว่าหวังเจียเหยาจะทำให้พี่เสียใจ ไม่สู้ตอนนั้นบอกให้ที่บ้านจัดแจงให้เราแต่งงานกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ของเย่เฉินแล้วหวังหยวนหยวนก็โผเข้าอ้อมกอดของเย่เฉินแล้วร่ำไห้ “พี่เย่เฉิน…”

เย่เฉินตีหวังหยวนหยวนเบาๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหม? กินข้าวที่นีก่อนสิค่อยไป”

หวังหยวนหยวน “ค่ะ”

ไม่นานแม่บ้านก็เตรียมอาหารเข้ามาให้ทั้งสองคน

หวังหยวนหยวนกินอาหารเช้าเข้าไปอีกเล็กน้อย “พี่เย่เฉินที่จริงวันนี้ฉันมาที่นี่เพราะยังมีอีกเรื่อง คุณย่าให้หนูมาขอร้องพี่ ว่าอย่าทำร้ายพวกเราจนล้มละลายได้ไหมคะ ถ้าหากว่าเสียลูกค้าเดิมๆ ไปหมด พวกเราจะล้มละลายเลยนะคะ!”

เย่เฉินถอนหายใจ “ขอโทษด้วยนะหยวนหยวนเรื่องนี้พี่เองก็ทำอะไรไม่ได้ หวังเจียเหยาทำผิดกับพี่ พี่ต้องลงโทษหล่อนให้สามสม”

หวังหยวนหยวนไม่พอใจอย่างมาก “หวังเจียเหยานี่จริงๆ เลยตัวเองทำผิดแต่ยังเดือดร้อนเราทั้งบ้าน!”

เย่เฉินกล่าว “ถึงแม้ว่าตระกูลหวังของพวกเธอใกล้จะจบเห่ แต่เธอไม่ต้องกังวล เธอตั้งใจเรียนให้ดี ถ้าเธอเรียนจบ อยากจะทำอะไรพี่จะช่วยเอง”

“ขอบคุณค่ะพี่เย่เฉิน!” หวังเจียเหยากล่าวอย่างดีใจ

หวังหยวนหยวนกินข้าวต่อย่างดีใจแต่จู่ๆ ก็กล่าวถาม “พี่เย่เฉินทำไมพี่ถึงกลับมาอยู่ที่นี่ล่ะ? พี่กำลังรอกระต่ายหรือเปล่าคะ?”

“รอกระต่าย? แปลว่าอะไร? เธอหมายถึงใครเป็นกระต่าย?” เย่เฉินถามอย่างสงสัย

หวังหยวนหยวนกล่าว “ก็ชู้ของหวังเจียเหยา พ่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นไงคะ! พี่เองก็คิดว่าเขาน่าจะต้องกลับมาที่นี่ใช่ไหมล่ะ!”

ตอนที่ 267 ศัตรูคู่แค้นของเย่เฉิน!
เย่เฉินพอจะมองออกว่าครั้งนี้อดีตภรรยาของเขาไม่ได้โกหก

แต่ว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองไปล่วงเกินใครนักหนา จนอีกฝ่ายต้องล้างแค้นเขาด้วยวิธีนี้!

“หรือว่าเป็นศัตรูของพี่รอง?”

เย่เฉินทำอะไรรอบคอบ อีกทั้งปกติแล้วเขาจะไม่ไปล่วงเกินตระกูลใหญ่ๆ ในประเทศอยู่แล้ว

แต่ว่าพี่รองของเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น พี่ชายของเขาบ้าคลั่งกว่าเขามาก และไม่เห็นหัวพวกตระกูลใหญ่ๆ อยู่ในสายตาด้วยซ้ำไป

ไม่ชอบขี้หน้าใครก็ซ้อมเขา ชอบผู้หญิงคนไหนเข้า ต่อให้เป็นภรรยาของคนอื่นก็จะแย่งมา

เป็นไปได้อย่างมากว่าคนผู้นั้นน่าจะสืบได้ว่าพี่รองของเขาเป็นใคร แต่หมดหนทางจะเอาคืนเขา ดังนั้นหวยถึงได้มาออกที่เย่เฉิน

เย่เฉินถามหวังเจียเหยา “หมอนั่นหน้าตาเป็นยังไง?”

หวังเจียเหยากล่าว “เขาตัดผมสกินเฮด อายุยังน้อยน่าจะ 20 ต้นๆ หน้าตางั้นๆ ไม่ถือว่าหล่อหรือว่าน่าเกลียด”

“ไม่มีรูปถ่ายเหรอ?” เย่เฉินถาม

เบาะแสพวกนี้ที่หวังเจียเหยาให้มาออกจะเลือนลางเกินไป

หวังเจียเหยาส่ายหน้า “ฉันไม่กล้าหรอก เขาบอกว่าถ้าฉันไปแจ้งความ หรือแอบบอกนายตระกูลหวังของฉันจบเห่แน่”

เย่เฉินจึงถามต่อ “แล้วเขาเคยพูดไหมว่าเขาจะยอมรับเลี้ยงเด็กถ้าเด็กในท้องคุณเป็นลูกเขา?”

หวังเจียเหยาส่ายหน้า “เขาเคยบอกว่าถ้าหากว่าเด็กเป็นลูกเขา แล้วถ้าเป็นเด็กผู้ชายเขาจะให้เงินอีกพันล้าน!”

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “เด็กผู้ชายไม่ใช่ลูกของเขา คุณผิดหวังมากไหม?”

“จะผิดหวังได้ยังไง! ฉันไม่อยากจะได้เงินสกปรกของเขาหรอก เย่เฉินนายเลิกเหน็บแนมฉันทีเถอะ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาสักนิด ถึงฉันจะปิดบังนายแต่ว่าเรื่องนี้เป็นเพราะนาย ถ้านายไม่ได้ไปล่วงเกินใครเข้าก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้…”

หวังเจียเหยาเริ่มโยนความผิดให้เขา

เย่เฉินจะต้องหาตัวผู้ชายคนนั้นให้เจอ!

“คุณมีวิธีติดต่อเขาไหม?” เย่เฉินถาม

หวังเจียเหยาส่ายหน้า “ไม่มี เขาไม่บอกอะไรเลย”

เย่เฉินสูบบุหรี่แล้ววิเคราะห์อย่างละเอียด

เป้าหมายของคนผู้นี้คือต้องการแก้แค้นเขา เพื่อจะได้เยาะเย้ยเขา

คนที่ทำผิดทั่วๆไป ปกติแล้วจะกลับมาดูฝีมือตัวเองสักหน่อย คนผู้นี้จะต้องกลับมาดูผลงานของเขาหลังจากที่หวังเจียเหยาคลอดลูกแน่นอน เพื่อดูว่าเด็กใช่ลูกเขาไหม

เย่เฉินแน่ใจว่าในตอนนี้ผู้ชายคนนั้นจะต้องซ่อนตัวอยู่!

แต่อาจจะมาหาหวังเจียเหยาเพื่อจะเอาตัวลูกไปได้ทุกเมื่อ!

ตอนนี้คนยังรู้เรื่องพ่อแท้ๆ ของเด็กสองคนเป็นใครกันแน่ยังไม่มาก ยิ่งถ้าเป็นคนนอกไม่มีทางรู้แน่ๆ เชื่อว่าคนผู้นั้นก็น่าจะยังไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กคนไหนเป็นลูกเขา

“ดูแล้วหมอนั่นคงจะอยากมีลูกชายมาก”

เย่ฉินครุ่นคิดแล้วจึงโทรหาศจ.ก่วนในศูนยต์ตรวจ DNA ประจำเทียนไห่ทันที “ศจ.ก่วนครับ”

“อ้าวคุณเย่ ผมดีใจมากนะครับที่คุณโทรมา คุณมีข้อสงสัยอะไรหรือเปล่าครับ?” ศจ.ก่วนกล่าว

เย่เฉินกล่าว “ที่ผมโทรหาคุณเพราะมีเรื่องจะรบกวน ถ้าหากว่ามีคนถามคุณเรื่องผลตรวจ DNA ของลูกหวังเจียเหยาผมหวังว่าคุณจะไม่บอกเขาคนนั้น”

ศจ.ก่วนหัวเราะร่วน “คุณชายเย่คิดมากไปแล้ว เรื่องแบบนี้ผมต้องไม่บอกใครอยู่แล้ว คุณโทรมาเพื่อกำชับเรื่องนี้โดยเฉพาะ คุณชักจะไม่เชื่อใจผมเกินไปแล้วนะครับ ฮ่าๆ”

เย่เฉินกล่าวต่อ “ถ้าหากว่าหมอนั่นเค้นคุณ หรือว่าใช้อาวุธขู่คุณ รบกวนคุณบอกเขาไปว่าลูกสองคนของหวังเจียเหยา เด็กผู้ชายไม่ใช่ลูกผม ส่วนเด็กผู้หญิงเป็นลูกผมเอง”

ทันทีที่ได้ยินเย่เฉินกล่าวว่าอาจจะมีคนใช้อาวุธขู่เขา ศจ.ก่วนก็ตึงเครียดทันที “ครับ…ครับ!”

หลังจากวางสายหวังเจียเหยาก็รีบถาม “เย่เฉินทำไมนายต้องให้ศจ.ก่วนโกหกด้วย? ลูกชายเป็นลูกนายชัดๆ”

ขณะที่พูดหวังเจียเหยาก็เข้าใจทันที “อ้อ ฉันรู้แล้ว นายอยากใช้วิธีนี้ล่อเขาออกมาใช่ไหม!”

เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “ทำแบบนี้ไม่ดีหรือไง? ถ้าเขารู้ว่าคุณมีลูกชายให้เขายังจะให้เงินคุณอีกตั้งพันล้าน”

หวังเจียเหยาลอบยินดีแต่กลับแสร้งทำท่าไม่ใยดี “แหมเย่เฉิน นายพูดอะไรน่ะ ฉันไม่อยากได้เงินเขาหรอก ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา ฉันไม่อยากเลี้ยงลูกของเขาเสียหน่อย! ต่อให้เขาให้เงินฉันฉันก็ไม่อยากเลี้ยง!”

จากนั้นหวังเจียเหยาก็กล่าวต่อ “ถ้าหากว่าเขาไม่ไปตรวจผลตรวจที่ศูนย์ตรวจ DNA ล่ะจะทำยังไง? เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าพวกเราไปตรวจ DNA กันที่ไหน?”

เย่ฉินครุ่นคิดก็อาจจะเป็นไปได้ “งั้นคุณมีความคิดยังไง?”

หวังเจียเหยาคิดเล็กน้อยแล้วกล่าว “ฉันคิดว่ากระพือเรื่องนี้สักหน่อยจะได้เป็นที่สนใจ ฉันคิดว่าถ้าจัดงานเลี้ยงครบรอบเดือนให้ลูกแฝด เขาจะต้องมาแน่”

เย่เฉินมองหวังเจียเหยา หวังเจียเหยาในวันนี้ต่างไปจากที่ผ่านมา หล่อนก่อนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรยังต้องคอยขอคำแนะนำของซ่งหงเย่

ตอนนี้หล่อนคิดบ้าๆ ได้เร็วกว่าเขาเสียอีก

เย่เฉินพยักหน้ารับ “ได้ งั้นก็จัดงานให้คู่แฝด เขียชื่อไปว่าหวังเจียเยว่กับเย่เจียอินแล้วกัน เดี๋ยวเขาเห็นชื่อก็ทายได้เองว่าเด็กคนไหนเป็นลูกเขา!”

หวังเจียเหยา “ค่ะ!”

คู่แฝดคลอดได้สองสัปดาห์กว่าๆ เดี๋ยวอีกสองสัปดาห์ เย่เฉินตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงครบเดือนในวันที่ 1 เดือนมีนาคม

เวลาเหลืออีกหนึ่งสัปดาห์กว่าก็จะถึงวันงาน

“งั้นเย่เฉินงานเลี้ยงครบเดือนจัดที่อวิ๋นโจวได้ไหม?​ ฉันกับหลิ่วอวี่เจี๋ยจะหย่ากันอยู่แล้ว ฉันเลยไม่อยากจะอยู่เทียนไห่ต่อแล้ว” หวังเจียเหยากล่าว

ถึงแม้ว่าเทียนไห่จะเจริญกว่าอวิ๋นโจว แต่หวังเจียเหยาไม่สามารถจะยืนหยัดอยู่ที่นี่ได้ด้วยลำแข้งตนเอง อวิ๋นโจวเป็นอาณาเขตของหล่อน

เย่เฉินพยักหน้ารับ “ได้”

หวังเจียเหยาจึงเริ่มอ้อนวอนขอต่อ “งั้นฉันขออยู่ที่นี่ได้ไหม? ฉันชอบที่นี่มากเลย!”

เย่เฉินมองหวังเจียเหยาด้วยสายตาเย็นชา “คุณไม่คู่ควรจะได้อยู่ที่นี่”

เย่เฉินไม่มีทางปล่อยให้หวังเจียเหยาพักอยู่ในวิลล่าของเขาเอง!

หลังจากที่ไล่หวังเจียเหยาไปแล้ว เย่เฉินก็โทรหาฉินหงเหยียน

“หงเหยียน”

“ที่รักคะ เป็นยังไงบ้าง?”

“ผมโอเคครับ ในที่สุดก็รู้สักทีว่าเรื่องเป็นมายังไง พ่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นศัตรูของผม”

“ศัตรูเหรอ? ใครกัน?”

“ผมเองก็ไม่รู้ ตอนนี้ผมต้องอยู่ที่อวิ๋นโจวต่อ เพื่อหาตัวหมอนั่น หงเหยียนต้องขอโทษด้วยจริงๆ หลังจากขอคุณแต่งงานกลับไม่ค่อยได้อยู่กัยคุณเลย รอผมจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วเราแต่งานกันเถอะนะ!”

“ได้สิคะฉันไม่รีบ เพราะยังไงฉันก็เห็นคุณเป็นสามีของฉันตั้งนานแล้ว เราสองคนรักกันมากขนาดนี้ ไม่มีใบเอกสารก็ไม่เห็นเป็นอะไร จริงสิ ก่อนนี้สวี่ฉู่หมิงโทรมาบอกให้ฉันไปเมืองเสินเฉิงสักรอบ เพื่อไปคุยกับเขาต่อหน้าให้รู้เรื่อง ในเมื่อช่วงนี้คุณไม่กลับมาเดี๋ยวฉันจะไปที่เมืองเฉินสักหน่อย คุณไม่คิดอะไรใช่ไหมคะ?”

“ไม่เลยครับ ผมเชื่อใจคุณ คุณไปคุยกับตาแก่นั่นให้รู้เรื่องเถอะ เขาจะได้เลิกตอแยคุณ บอกเขาไปว่าไม่ว่าจะเงินทอง หรือความอ่อนหวาน หรือความรัก จะด้านไหนผมก็เหรือกว่าเขา บอกให้เขาเลิกเพ้อฝันได้แล้ว”

“อืม ฉันจะต้องเอาคำพุูดของคุณไปบอกเขาให้ครบทุกประโยคเลยล่ะค่ะ ฮ่าๆ รักคุณนะคะที่รัก!”

ตอนที่ 266 ล่วงรู้ความจริง!
เห็นหวังเจียเหยายอมสารภาพจะบอกความจริง หลิวเจิ้งคุนที่แบกหวังเจียเหยาก็หยุดลงแล้วมองเย่เฉิน

แต่ในครั้งนี้ท่าทีของเย่เฉินกลับแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง!

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “ตอนนี้ผมไม่อยากรู้ความจริงแล้วล่ะ!”

เขาทนฟังคำโกหกของหวังเจียเหยามามากพอแล้ว ไม่อยากให้ตนเองไปติดอยู่ในวงเวียนความผิดของหล่อนอีก

เด็กผู้หญิงคนนั้นหล่อนจะอุปโลกน์ว่าเป็นลูกใครก็ตามใจ!

อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ของเย่เฉิน เย่เฉินถือว่าหวังเจียเหยาให้กำเนิดบุตรชายแค่คนเดียว!

“อะไรนะ?” หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินไม่อยากจะฟังความจริงแล้วก็ชะงักไป

หลิวเจิ้งคุนกล่าวพลางหัวเราะ “เหอะๆ ก่อนนี้ผมให้โอกาสคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมพูด ตอนนี้จะพูดก็สายไปเสียแล้ว! เก็บความลับสกปรกพวกนี้ไปตลอดชีวิตเถอะ! คุณชายเย่ของพวกเราไม่อยากจะรับรู้เรื่องสกปรกของคุณอีก!”

หวังเจียเหยาหัวเสียอย่างยิ่ง หล่อนพุ่งไปหาเย่เฉินแล้วตะโกน “เย่เฉิน! หรือว่านายไม่อยากรู้หรอว่าใครมันจงใจหยามนาย!”

คำพูดเช่นนี้ทำให้เย่เฉินที่เดิมเย็นชาดูมีอารมณ์ทันที

“คุณพูดว่าอะไรนะ?”

หลิวเจิ้งคุนรีบร้อนแบกหวังเจียเหยา แต่ไม่ได้เดินไปหาเย่เฉิน ทำให้หญิงสาวตีหลิวเจิ้งคุนไม่หยุด “ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”

หลิวเจิ้งคุนวางหญิงสาวลงอย่างว่าง่ายแล้วหวังเจียเหยาจึงเดินไปหาเย่เฉินพลางกล่าว

“เย่เฉินพ่อของลูกสาวฉัน ไม่ใช่อดีตคนรักฉัน ตอนนั้นฉันรักนายจะตาย นอกจากนายแล้วฉันไม่สนใจผู้ชายคนอื่น! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงมักมาก! ผู้ชายคนนั้นเป็นศัตรูของนาย! เป็นเพราะนาย ฉันถึงได้มีสภาพแบบนี้!”

เย่เฉินชะงักไป “ศัตรูของผมเหรอ? ใครน่ะ?”

เย่เฉินจำไม่ได้ว่าตนเองมีศัตรูคู่แค้นอะไร ทว่าเขายังเคยไปผจญภัยในสถานที่ต่างๆ มาตั้งหลายปี แถมยังมีฐานะเป็นคุณชายสามตระกูลเย่ คนที่เขาเผลอเรอไปล่วงเกินเข้าอาจจะมีไม่น้อย

แค่สามปีที่อวิ๋นโจวเขาก็ล่วงเกินพวกเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ ไปมากเพราะเขาต้องการจะกลายเป็นราชาแห่งวงการธุรกิจในอวิ๋นโจว

หวังเจียเหยามองไปรอบๆ “นายแน่ใจนะว่าอยากจะคุยเรื่องนี้กับฉันที่นี่?”

ที่นี่มีคนมากมายไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับการพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันเท่าไหร่นัก

“อาคุนส่งกุญแจรถมาให้ฉัน”

เย่เฉินรับกุญแจรถมาจากหลิวเจิ้งคุนแล้วเตรียมจะขับรถออกไปจากที่นี่เพื่อหาที่เงียบๆ คุยกับอดีตภรรยา

“ขึ้นรถมา”

เย่เฉินสั่งหวังเจียเหยา

“นายไม่ทำที่นี่ให้เป็นสุสานได้ไหม?” หวังเจียเหยาอ้อนวอน

เย่เฉินมองแววตาอ้อนวอนของหญิงสาวแล้วหันไปบอกหลิวเจิ้งคุน “ให้พวกเขาหยุดก่อนชั่วคราว”

“ครับ!”

จากนั้นเย่เฉินก็ขับรถพาหวังเจียเหยาออกไปจากอีผิ่นเจียเหยา

เพิ่งขึ้นรถเย่เฉินก็ถาม “คุณอยากไปคุยที่ไหน?”

“วิลล่าที่เหมยกุยหยวน!” หวังเจียเหยากล่าว ที่นั่นคือบ้านของพวกเขาสองคน!

เย่เฉินไม่พูดอะไรต่อแต่ขับรถไปที่วิลล่าในเขตเหมยกุยหยวน แล้วพวกเขาก็กลับไปสถานที่อันเต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำที่แสนหวานของพวกเขาสองคน

การตกแต่ง การออกแบบและเฟอร์นิเจอร์ภายในวิลล่ายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้นกลับมาอีกครั้งหวังเจียเหยาจึงรู้สึกเหมือนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนที่หล่อนเพิ่งจะแต่งงานกับเขาใหม่อีกครั้ง

หวังเจียเหยาลูบเฟอร์นิเจอร์ กำแพง ภาพตัวอักษรทั้งหมดในวิลล่าอย่างตื่นเต้น

เย่เฉินอยากจะหยุดหล่อนแต่ว่าหวังเจียเหยากลับเดินขึ้นบันได เดินไปบนห้องนอนที่ทั้งสองคนเคยพัก

หลังจากนั้นหล่อนก็เห็นกลอน ‘รอคอย’ ของสีมู่หรง แล้วยังได้ยินเพลง MIDI เดิมๆ อีก

เมื่อได้กลับไปที่ห้องนอนห้องนั้นหวังเจียเหยาก็ร่ำไห้ หล่อนโผเข้าอ้อมกอดของอดีตสามีแล้วตัดพ้อ

“ได้มาที่นี่อีกครั้ง ฉันดีใจมากเลย ที่นี่ยังมีกลิ่นอายความหลังของเรา ทันทีที่ฉันมาที่นี่ความทรงจำในอดีตทั้งหมดของพวกเราก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย ที่รักคุณล่ะคะ?”

หวังเจียเหยาฉวยโอกาสนี้เรียกเย่เฉินว่าที่รักอีกครั้ง

หล่อนชอบวิลล่าแห่งนี้ ชอบห้องนอนที่นี่อย่างมาก

คราวก่อนตอนที่หล่อนออกจากวิลล่าหลังนี้เป็นเพราะโดนบีบบังคับให้ต้องออกจากที่นี่ ตอนนั้นเย่เฉินแสร้งทำเป็นเหมือนตัวเองโดนไล่ออกจากตระกูลทำให้อยู่ที่นี่ไม่ได้

หวังเจียเหยาจึงจำใจต้องย้ายออก และแน่นอนว่าตอนนี้หวังเจียเหยาถึงเพิ่งได้รู้ว่าทั้งหมดนี้เย่เฉินเป็นคนหลอกหล่อน

ถึงแม้เย่เฉินจะหลอกลวงหล่อนว่าเขาเองโดนไล่ออกจากตระกูล แต่หลังจากที่ย้ายออกไปแล้วเขาเองก็ไม่เคยกลับมาที่นี่

เขาไม่เคยแตะต้องของชิ้นใดที่นี่ ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนที่พวกเขาออกไป

แต่ว่าไม่เหมือนกับหวังเจียเหยา เมื่อเขากลับมายังห้องที่พวกเขาเคยอยู่กลับไม่รู้สึกได้ถึงความสุขในอดีตแม้แต่น้อย แต่เป็น…

หวังเจียเหยาอิงแอบอยู่ในอ้อมอกเย่เฉิน เขากลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขอะไรสักนิด แต่เขากลับกล่าวว่า

“หวังเจียเหยา คุณรู้ไหมว่าผมกลับมาที่เราเคยอยู่ด้วยกันอีกครั้งเนี่ย ในหัวผมคิดอะไร?”

หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินไม่ผลักหล่อนออก ไพล่คิดไปว่าอีกฝ่ายระลึกถึงความรักของพวกเขาสองคน ก็ส่ายหน้าแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “ที่ผมคิดก็คือเมื่อปีก่อนที่นี่หลังจากที่ผมตื่นไปทำงานแต่เช้า คุณไประเริงสุขกับผู้ชายคนไหนในห้องนี้กันแน่!”

หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินหัวเสียก็รีบปล่อยเขาทันที

“รีบบอกมาได้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นมันเป็นใครกันแน่! ผมให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย!” เย่เฉินมีท่าทีขึงขัง

หวังเจียเหยาเองก็รู้ว่าครั้งนี้เย่เฉินพูดจริงๆ หล่อนจึงไม่กล้าหลอกเขาอีก

หวังเจียเหยา “ฉันก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร ฉันรู้แค่ว่าเขามีอำนาจมีเงินมาก มีวันหนึ่งหลังจากที่นายไปทำงานตอนเช้า จู่ๆ ก็มีคนปีนเข้าหน้าต่าง ฉันตกใจร้องเสียงดังแต่เขาเอามืออุดปากฉันเอาไว้ หลังจากนั้นก็บอกให้ฉันเงียบๆ แล้วถึงยอมปล่อยฉัน ฉันเห็นว่าเขาไม่เหมือนหัวขโมยหรือฆาตกร ก็เลยรับปากเขาแล้วค่อยๆ คุยกับเขา

ตอนแรกเขาให้ฉันดูรูปภาพกับคลิปที่เป็นรูปเขากับพวกนักการเมืองชื่อดังทั้งหลายไปกินข้าว ตีกอล์ฟด้วยกัน พอฉันดูแล้วถึงได้รู้ว่าเขาไม่ใช่นักเลงหัวไม้ แต่เป็นคนที่มีอำนาจมากทีเดียว! จากนั้นก็เลยถามเขาว่าทำไมต้องแอบเข้าบ้านของเรา เขาบอกว่านายเป็นศัตรูของเขา เขาอยากจะล้างแค้นนายผ่านทางฉัน… ฉันย่อมไม่เห็นด้วยแต่เขาบอกว่าถ้าฉันไม่ยอเขาจะฆ่าฉัน แต่ถ้าฉันยอมเขาจะให้เงินฉันพันล้านทันที”

พันล้านเหรอ?

หวังเจียเหยามีมูลค่าสูงขนาดนี้เชียว!

เย่เฉินถาม “แล้วเขาได้ให้เงินคุณพันล้านไหม?”

หวังเจียเหยาพยักหน้ารับ “ให้ตั้งแต่วันแรกเลย”

เย่เฉินประหลาดใจแต่ก็เข้าใจทันที

ที่แปลกใจก็คือคิดไม่ถึงว่าหมอนี่จะยังรักษาคำพูดโดยให้เงินอดีตภรรยาเขาจริงๆ

เงินสดพันล้านสำหรับบางตระกูลไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

พิสูจน์ได้ว่าครอบครัวของผู้ชายคนนั้นมีอำนาจจริงๆ เขาไม่ได้คุยโวโอ้อวด

ในที่สุดเขาถึงได้เข้าใจว่าทำไมหลังจากที่หวังเจียเหยาแต่งงานแล้วกลับลอบไปพบกับหลิ่วอวี่เจ๋อ แถมยังเผลอไผลไปกับอีกฝ่าย

ที่แท้เพราะหล่อนมีเงินพันล้านเลยมีความมั่นใจ!

ตอนนั้นตระกูลหวังมีทรัพย์สินแค่ไม่กี่พันล้าน อีกทั้งคุณนายหวังยังมีลูกชายถึงสองคน สมบัติของตระกูลน่าจะถูกส่งต่อให้หลิวซ่าวเจี๋ย

ดังนั้นสำหรับหวังเจียเหยาแล้วเงินพันล้านถือเป็นเงินที่หล่อนไม่อาจปฏิเสธได้เลย

“ที่รัก”

“อย่าเรียกผมว่าที่รัก…!”

“เย่…เย่เฉินนายลองคิดดูดีๆ ว่านายไปล่วงเกินใครเอาไว้บ้าง?”

ตอนที่ 265 วินาทีที่หวังเจียเหยาเสียใจที่สุด!
หวังเจียเหยาเพิ่งคลอดลูกร่างกายยังไม่กลับคืนสู่สภาพเดิมเต็มที่

แต่ตอนนี้หล่อนกลับวิ่งสับเหมือนนักกีฬาวิ่งสี่คูณร้อย ราวเสียสติ พุ่งถลามายังสถานที่ก่อสร้างทันที

“อย่ารื้อป้ายบนประตูของฉัน!”

สถานที่อย่างอีผิ่นเจียเหยาเคยเป็นเหมือนทุกอย่างสำหรับหล่อน!

ที่นี่เป็นพระราชวังของราชินีอย่างหล่อน เป็นเหมือนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เติมเต็มความทะเยอทะเยานของหล่อน!

หล่อนไม่มีทางอนุญาตให้คนอื่นทำลายสถานที่แห่งนี้!

คนบนรถเครนได้ยินเสียงหญิงสาวก็ชะงักไปแล้วหันมองเย่เฉิน

ทว่าเย่เฉินกลับสั่งอย่างไร้เยื่อใย “ห้ามหยุด! ฉันสั่งให้รื้อ!”

เมื่อเขาได้ยินคำสั่งของเย่เฉินก็ไม่ใยดีเสียงตะโกนของหวังเจียเหยา ตัดารควบคุมรถเครนทันที แล้วรื้อตัวอักษร ‘เหยา’ อันเป็นอักษรตัวสุดท้ายในป้ายออก

โครม!

แล้วตัว ‘เหยา’ ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็หักเป็นสองท่อน

เมื่อเห็นสถานที่ซึ่งตั้งตามชื่อตนเองโดนรื้อทิ้ง หวังเจียเหยาก็สติแตก ทรุดลงไปกรีดร้องบนพื้น!

“ไม่นะ! อีผิ่นเจียเหยาของฉัน พระราชวังของฉัน! ไม่!”

น้ำตาหวังเจียเหยาไหลราวสายน้ำ หวังเจียเหยาตลอดสามปีที่เขารู้จักหญิงสาวมา ไม่เคยเห็นหล่อนร้องไห้หนักแบบนี้มาก่อน!

ต่อให้ก่อนหน้านี้หวังเจียเหยาเคยคุกเข่าอ้อนวอนเขา แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้อย่างเศร้าโศกขนาดนี้

เป็นไปตามที่คิดผู้หญิงคนนี้รักอีผิ่นเจียเหยาของตนเองมากกว่ารักเขา!

เย่เฉินยืนมองหวังเจียเหยาที่ร้องไห้แต่ไม่รู้สึกสงสารแต่อย่างใด!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ หวังเจียเหยาเป็นคนรนหาที่เอง!

เย่เฉินไม่สงสารหล่อนแม้แต่น้อย หลังจากรื้อตัวอักษร ‘อีผิ่นเจียเหยา’ แล้วก็กำชับกับคนงาน “เริ่มสร้างเป็นสุสานได้เลย!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้หวังเจียเหยาก็หันมองเย่เฉินอย่างตื่นตระหนก รีบร้อนวิ่งมาหาเขาทันที

“เย่เฉิน นายพูดว่าอะไรนะ? นายจะทำที่นี่เป็นสุสานเหรอ?”

เย่เฉินตอบ “ถูกต้อง ผมซื้อที่นี่แล้ว ที่นี่จะไม่มีบ้านหรูแบบโปรเจ็กต์อีผิ่นเจียเหยาแล้วแต่จะกลายเป็นสุสานแทน!”

“ไม่นะ! ไม่! ไม่!” หวังเจียเหยาโอดครวญ เหมือนเสียสติ “เย่เฉิน นายจะทำแบบนี้ไม่ได้! นายลืมไปแล้วเหรอ? ที่นี่เป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักของพวกเรานะ! ชื่ออีผิ่นเจียเหยานายก็เป็นคนตั้งชื่อนะ! ที่ตั้งนายก็เป็นคนเลือก! ทำไมนายถึงเปลี่ยนสถานที่แห่งความรักของเราสองคนเป็นสุสานได้ล่ะ?”

เย่เฉินได้ยินคำพูดพวกนี้ของหวังเจียเหยา ก็อดรู้สึกยอกแสลงในใจไม่ได้

ทันใดนั้นเองเขาก็นึกถึงคลิปวีดีโอในงานแต่งงานของหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อที่หวังซ่าวเจี๋ยส่งมาให้เขา

ในคลิปวีดีโอนั้นหวังเจียเหยาพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า อีผิ่นเจียเหยาเป็นรังรักของหล่อนกับหลิ่วอวี่เจ๋อ!

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “ที่นี่เป็นรังรักของคุณกับหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ใช่หรอ? พวกคุณคนหนึ่งคืออีผิ่น ส่วนอีกคนคือเจียเหยาไม่ใช่เหรอ?”

หวังเจียเหยาตะลึงไปในทันที!

อีผิ่นคือหลิ่วอวี่เจ๋อ เจียเหยาก็คือหล่อนเอง ประโยคนี้หล่อนเป็นคนพูดเองในงานแต่งงานของหล่อนกับหลิ่วอวี่เจ๋อ!

คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะรู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน!

หวังเจียเหยารีบคุกเข่าลงขอโทษเขา “เย่เฉินฉันผิดไปแล้ว อีผิ่นคือนายไม่ใช่หลิ่วอวี่เจ๋อ ที่นี่คือรังรักของพวกเรา เป็นสถานที่ของพวกเรา ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย”

เย่เฉินแค่นเสียงหวังเจียเหยานี่กลับคำเก่งจริงๆ

เย่เฉินกล่าว “หวังเจียเหยาเป็นเพราะที่นี่คือรังรักของพวกเรา เป็นหลักฐานที่ว่าผมเคยรักคุณ ดังนั้นวันนี้ผมถึงอยากจะทำลายมันแล้วเปลี่ยนมันให้เป็นสุสาน เพราะความรักที่ผมมีให้คุณมันถูกฝังไปหมดแล้ว มันตายไปหมดแล้ว”

“ไม่…” หวังเจียเหยาคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉินแล้วกอดขาเขาเอาไว้ “ไม่ นายยังรักฉัน นายจะต้องยังรักฉัน ฉันเป็นผู้หญิงที่นายรักที่สุด นายไม่มีทางทำกับฉันแบบนี้”

“เย่เฉินนายเองก็รู้นี่นาว่าอีผิ่นเจียเหยาเป็นทุกอย่างของฉัน ฉันให้ความสำคัญกับที่นี่เหมือนลูกตัวเอง ขอล่ะนายอย่าใจร้ายเลยนะ อย่าทำร้ายลูกของฉันเลยนะได้ไหม?”

หวังเจียเหยาไม่พูดถึงลูกอาจจะพอช่วยได้หน่อย ทันทีที่พูดถึงลูกก็ยิ่งทำให้เย่เฉินหัวเสีย!

เย่เฉินตะโกนใส่คนงาน “รีบไปทำงานเลย! ก่อนฟ้าจะมืดฉันอยากเห็นสุสานหลุมแรก!”

หวังเจียเหยาได้ยินเย่เฉินกล่าวแบบนี้ ก็กอดขาเขาแน่นกว่าเดิม

เย่เฉินเกลียดชังที่หวังเจียเหยาเกาะเขาแบบนี้ แต่ว่าเขาไม่อยากจะออกแรงเตะหล่อน อย่างไรเสียหล่อนก็เพิ่งคลอดลูก หนำซ้ำร่างกายยังไม่กลับมาเป็นปกติ

ถึงจะเกลียดเข้ากระดูกดำ แต่เขาก็ไม่ถึงกับรังแกผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูก

ดังนั้นเย่เฉินจึงกำชับหลิวเจิ้งคุน “รีบลากหล่อนออกไป!”

“ครับ!”

หลิวเจิ้งคุนรีบเดินอ้อมไปด้านหลังหล่อน แล้วออกแรงลากหล่อน

หลิวเจิ้งคุนแรงเยอะออกแรงลากหวังเจียเหยาทันที

ทว่าหวังเจียเหยากลับตะโกนเสียงดัง “กรี๊ด!”

หวังเจียเหยามองหลิวเจิ้งคุนอย่างโกรธเกรี้ยว “คิดไม่ถึงว่าแกจะแต๊ะอั๋งฉัน! ไอ้หมารับใช้ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าแตะอํ่งเมียเก่าเจ้านายต่อหน้าเขา! แกกล้าดียังไงทำกับฉันแบบนี้! ลูกชายฉันเป็นลูกชายแท้ๆ ของเจ้านายแก อนาคตเขาจะต้องรับช่วงดูแลตระกูลเย่ แต่แกกลับกล้าเสียมารยาทกับฉันแบบนี้!”

หลิวเจิ้งคุนได้ยินคำพูดพวกนี้ของหวังเจียเหยาก็ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด รีบร้อนอธิบายกับเย่เฉิน

“คุณชายผมเปล่านะครับ! ตอนที่ผมลากหล่อนใช้แรงนิดเดียว แต่อาจจะทำหล่อนเจ็บ แต่ผมสาบานว่าผมไม่ได้ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งหล่อน!”

เย่เฉินมองหวังเจียเหยาแล้วกล่าว “ในความรู้สึกผมคุณไม่ได้เป็นหวังเจียเหยาที่ใสซื่อบริสุทธิ์คนนั้นอีกต่อไปแล้ว

อาคุนอย่าไปสนใจหล่อน จับหล่อนโยนใส่รถเลย อย่าปล่อยให้หล่อนอยู่กวนใจฉัน”

“ครับคุณชาย!”

เมื่อได้รับอนุญาตจากเย่เฉิน หลิวเจิ้งคุนเองก็ไม่พูดจาเหลวไหลอีก แล้วลากหวังเจียเหยาเข้าใส่รถ Audi

“รีบเปิดประตูรถไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพ่อจับโยนขึ้นหลังคารถเลย!”

หลิวเจิ้งคุนตะโกน

หวังเจียเหยาโดนหลิวเจิ้งคุนแบกแต่หล่อนทุบหลังของหลิวเจิ้งคุนไม่หยุด แต่สำหรับหลิวเจิ้งคุนแล้วแรงน้อยนิดของหล่อนก็เป็นเพียงแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น

“เพราะอะไร! เพราะอะไรนายจึงได้ใจร้ายกับฉันแบบนี้!” หวังเจียเหยาน้ำตาไหลอาบน้ำ

หลิวเจิ้งคุนหามหวังเจียเหยาไปพูดไปด้วย “เพราะอะไรน่ะเหรอ? หวังเจียเหยาเพราะอะไรยังไม่รู้อีกเหรอ? คุณหลอกลวงคุณเย่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณเย่ไม่ซ้อมคุณก็ถือว่าปราณีคุณแล้ว!”

“ฉันหลอกอะไรเย่เฉิน!” หวังเจียเหยายังโกหกอยู่

หลิวเจิ้งคุนกล่าว “เลิกเสแสร้งทีเถอะ อย่าคิดว่าพวกเรามาที่อวิ๋นโจวแค่เพราะจะมารื้ออีผิ่นเจียเหยาของคุณหรือไง? พวกเราไปที่บ้านของรักครั้งแรกคุณมา รักครั้งแรกของคุณชื่อหวงหมิงเจ๋อใช่ไหมล่ะ? ผมเห็นภรรยาของเขาอยู่ดีมีสุข ทำไมคุณถึงบอกว่าหล่อนรถชนตายไปแล้วล่ะ?”

หวังเจียเหยาถึงได้รู้สาเหตุที่แท้จริงเดี๋ยวนี้เอง “เย่เฉิน…เขารู้แล้วหรอ?”

มิน่าเย่เฉินถึงได้หัวเสียขนาดนี้ จนดึงดันพยายามจะรื้ออีผิ่นเจียเหยาของหล่อน แถมยังพยายามจะเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้เป็นสุสาน

ที่แท้เย่เฉินก็รู้แล้วว่าคำอธิบายก่อนหน้านี้ของหล่อนเป็นเรื่องโกหก

หวังเจียเหยาเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเองก็ทุบหลังของสามีสุดแรง “แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! รีบปล่อยฉันลง!”

หลิวเจิ้งคุนสบถ “คุณอยู่เฉยๆ! คุณชายของผมตอนนี้ไม่มีทางจะสนใจผู้หญิงสกปรกแบบคุณหรอกนะ! ถ้ายังไม่อยู่เฉยๆ ระวังผมจะไม่เกรงใจคุณล่ะ!”

ทว่าหวังเจียเหยายังคงตบตีเขาไม่หยุด แถมยังตะโกนใส่เย่เฉินที่อยู่ไกลๆ “เย่เฉินนายอยากรู้ความจริงมากใช่ไหม? ได้ ฉันจะบอกความจริงนายเดี๋ยวนี้!”

ตอนที่ 264 รื้ออีผิ่นเจียเหยา!
ก่อนจะไปฉินหงเหยียนคว้าเย่เฉินเข้ามากอดอย่างทนไม่ไหว แล้วกล่าวอย่างรักใคร่

“ที่รักคุณดูสิ คุณใจดีขนาดนี้ ไม่เคยทำเรื่องชั่วร้ายตลอดชีวิตของคุณ ทำไมฟ้าถึงได้ไม่ยุติธรรมแบบนี้ทำไมต้องรังแกคุณขนาดนี้กันนะ?”

ฉินหงเหยียนสงสารแฟนหนุ่มอย่างมาก ในอดีตที่ผ่านมาเย่เฉินรักหวังเจียเหยาอย่างโง่งมแต่กลับโดนทำร้ายอย่างเลือดเย็น!

ทว่าเย่เฉินกลับไม่ได้โทษดินฟ้า เขาเพียงถอนหายใจเท่านั้น “บางทีนี่คงเป็นผลกรรมล่ะมั้ง”

“ผลกรรมเหรอ?” ฉินหงเหยียนคลายมือที่กอดเขาแล้วจ้องเขาด้วยสายตาสงสัย

เย่เฉินกล่าว “หงเหยียนที่จริงผมไม่ได้เป็นคนดีแบบที่คุณคิด ผมก็เคยทำเรื่องไม่ดี ผมเองก็เคยทำเรื่องชั่วๆ มาเหมือนกัน”

ฉินหงเหยียนแปลกใจ “คุณ…เคยทำเรื่องไม่ดีมาเหรอ?”

“ผมเคยทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่ง” เหมือนเย่เฉินไม่อยากจะพูดถึงเรื่องในอดีต

ฉินหงเหยียนถามต่อ “คุณไปทำร้ายหล่อนได้ยังไง? หล่อนเป็นใคร?”

เย่เฉินกลับส่ายหน้า “ขอโทษด้วยนะหงเหยียน ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ นั่นเป็นเรื่องด่างพร้อยในชีวิตของผม ผมจะไปแล้ว คุณอยู่บ้านก็ระวังตัวหน่อยนะ”

ตอนนี้เย่เฉินแค่อยากจะรู้ว่าบิดาของเจียอินคือใครกันแน่ให้เร็วที่สุด จะได้รู้ว่าหวังเจียเหยาโกหกหรือเปล่า

เขา ซ่งหงเย่และหลิวเจิ้งคุนนั่งอยู่บนรถด้วยกันตรงดิ่งไปที่อวิ๋นโจวอย่างรวดเร็ว

ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า ก็มาถึงที่เขตลวี่หยวนในอวิ๋นโจว

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูบ้านในเขตนั้นดังขึ้นไม่หยุด

“ใคร?”

เจ้าของห้องเหมือนว่าระมัดระวังตัวอย่างมาก ไม่ยอมเปิดประตูโดยง่าย

แล้วก็พบว่าคนที่เคาะประตูเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างมาก

“อันยองฮาเซโย! ดิฉันเป็นพนักงานขนส่งของไป๋ลี่!”

ทันทีที่ได้ยินสำเนียงเกาหลีที่ถูกต้องตรงเป๊ะ เจ้าของห้องก็รีบเปิดประตูมองหญิงสาวหน้าสะสวยคนนั้นทันที “ที่แท้ในอวิ๋นโจวเรามีพนักงานส่งของเป็นคนเกาหลีเหรอเนี่ย”

เพราะแผนของเย่เฉิน ตอนนี้ในเมืองใหญ่ๆ แต่ละแห่งล้วนแต่จะมีหญิงสาวชาวต่างชาติที่หน้าตาสะสวยมาเป็นพนักงานส่งของ ดังนั้นทุกคนจึงเคยชินไปกันหมดแล้ว

ทว่าในเวลานี้ ทันใดนั้นเองหลิวเจิ้งคุนก็เตะประตูเข้าไปจากที่มุมอับ แล้วเตะชายหนุ่มกระเด็นเข้าไปในห้องแล้วก็บุกเข้าไป!

“พวกนายเป็นใคร!”

ผู้ชายคนนั้นลนลานอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์อย่างพนักงานส่งของบุกเข้าห้องจะเกิดกับตัวเอง

หลิวเจิ้งคุนคว้าชายหนุ่มคนนั้นแล้วกล่าว “ไอ้คนบ้า แกนี่มันใจกล้าดีนี่ กล้าแตะต้องผู้หญิงของคุณชายเย่”

ชายคนนั้นงุนงง “คุณชายเย่เหรอ?”

ในตอนนี้เองเย่เฉินก็เดินเข้ามาแล้วปิดประตู

ชายหนุ่มจได้ในทันทีที่เห็นเขา “เย่เฉินเหรอ?”

หลิวเจิ้งคุนตบหน้าอีกฝ่าย “นายรู้จักคุณชายเย่ของเราจริงๆ ด้วย”

ชายหนุ่มกลับมองเย่เฉินด้วยใบหน้าใสซื่อ “เย่เฉิน ผมกับคุณไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมคุณต้องทำกับผมแบบนี้ด้วย?”

เย่เฉินปรายตามองชายชื่อหงหมิงเจ๋อคนนี้ ต้องยอมรับว่าเขาหน้าตาพอใช้ได้ ดีไซน์บ้านตกแต่งไม่เลว บ้านคงจะพอมีฐานะอยู่บ้าง

มิน่าถึงได้เป็นรักครั้งแรกในช่วงมัธยมปลายของหวังเจียเหยา

เย่เฉินเห็นชายคนนี้ ริ้วความหึงหวงและริษยาพลันแล่นขึ้นเป็นริ้วๆ แต่ว่าเย่เฉินไม่อยากจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์

เย่เฉินจึงกล่าว “นายคือหวงหมิงเจ๋อล่ะสิ?​ ทำไมฉันต้องทำร้ายนาย นายไม่รู้ตัวหรือไง?”

เย่เฉินไม่อยากจะพูดออกมาตรงๆ เขาอยากให้อีกฝ่ายยอมรับเอง

หวงหมิงเจ๋อโดนหลิวเจิ้งคุนกดลงบนพื้นทำให้กระดิกตัวไม่ได้ “เป็นเพราะผมเคยชอบหวังเจียเหยาเหรอ?​ ชอบคนๆ หนึ่งมันผิดหรือไง? ผู้ชายในโรงเรียนเราทุกคนต่างก็เคยชอบหล่อนทั้งนั้น!”

หลิวเจิ้งคุนกดเขาลงบนพื้นแล้วกล่าว “ไม่ได้ถามเรื่องอดีต แต่ถามเรื่องในตอนนี้ นายได้ติดต่อกับหวังเจียเหยาหรือเปล่า? เมื่อเดือนเมษายนปีก่อนนายได้ไปวิลล่าของคุณชายเย่กับหวังเจียเหยาในเขตเหมยกุยหยวนหรือเปล่า?”

หวงหมิงเจ๋อรีบร้อนกล่าว “วิลล่าที่เขตเหมยกุยหยวนเหรอ?​ ฉันไม่เคยไปที่นั่นเลย! เมื่อเมษายนปีที่แล้วฉันกับภรรยาที่ตอนนั้นยังเป็นแค่แฟนกันไปเที่ยวยุโรปเดือนหนึ่ง ไม่ได้อยู่ในประเทศด้วยซ้ำ!”

เย่เฉินพินิจดูสีหน้าของอีกฝ่ายอย่างละเอียดแล้วถาม “มีหลักฐานไหม?”

“มี ในมือถือ วีแชทและเวยป๋อของผมมีหลักฐานทั้งนั้น”

ดังนั้นเย่เฉินจึงบอกให้หลิวเจิ้งคุนปล่อยหวงหมิงเจ๋อ แล้วค้นๆ ดูโซเชียลทังหลายทั้งแหล่ของเขา รวมไปถึงโซเชียลของแฟนสาวของเขาในตอนนั้นด้วย

แล้วความจริงก็พิสูจน์แล้วว่าเขากับแฟนสาวของเขาอยู่ที่ต่างประเทศ

ซึ่งนั่นแปลว่าคนที่โกหกก็คือหวังเจียเหยา!

หล่อนไม่ได้ไหว้วานให้รักครั้งแรกช่วยแม้แต่น้อย!

“หวังเจียเหยาคนนี้ยังจะโกหกอีก!”

เย่เฉินหัวเสีย เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะยังกล้าหลอกลวงเขา!

เย่เฉินไม่อยากจะทำให้หวงหมิงเจ๋อลำบากใจ จึงออกจากบ้านเขา

หลิวเจิ้งคุนกลับโยนเงินออกมาหนึ่งหมื่นแล้วกล่าวกับหวงหมิงเจ๋อ “เรื่องวันนี้ห้ามบอกคนอื่น ไม่อย่างนั้นนายคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ทั้งสองคนเดินลงมาที่รถ หลิวเจิ้งคุนพลันกล่าว “คุณชายเย่ ผมขอพูดตรงๆ เลยนะครับ ถึงแม้ว่าหวังเจียเหยาจะเป็นอดีตภรรยาคุณชาย แต่ผมคิดว่าคุณควรลงโทษหล่อนด้วย หล่อนจะได้สำนึกบ้าง”

หวังเจียเหยาหลอกลวงเย่เฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งหลิวเจิ้งคุนยังทนไม่ไหว

ถ้าไม่ใช่เพราะหวังเจียเหยาเป็นอดีตภรรยาของเย่เฉิน หลิวเจิ้งคุนคงไม่สนใจหรอกว่าหล่อนเป็นคนตระกูลหวังอะไร และคงไม่สนใจด้วยว่าหล่อนเป็นหญิงงามมาจากไหน เขาคงลักพาตัวหญิงสาวมานานแล้วให้พี่น้องยำหล่อนให้สาแก่ใจ

เย่เฉินเองก็มีความคิดเช่นนี้!

เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “ส่วนวิธีการลงโทษหวังเจียเหยาที่ดีที่สุด ไม่ใช่การลงมือทำร้ายร่างกายหล่อน แต่ทำให้หล่อนสูญเสียทุกอย่าง โทรหาพ่อบ้านฟางฉันอยากให้ตระกูลหวังล้มละลายภายในหนึ่งสัปดาห์ ฉันต้องการให้หล่อนสูญเสียทุกอย่าง”

“ครับ!” หลิวเจิ้งคุนกล่าว

เย่เฉิน “แล้วก็ที่อีผิ่นเจียเหยาตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว?”

หลิวเจิ้งคุนกล่าว “ตอนนี้สร้างไปพอได้ประมาณหนึ่งแล้ว ประตูด้านนอกสร้างเสร็จแล้ว ติดคำว่าอีผิ่นเจียเหยาเอาไว้ตัวใหญ่ดูโอ่อ่ามากเลยครับ”

“รื้อทิ้ง!” เย่เฉินสวนเสียงเย็น

……

เทียนไห่

ซูหลานลนลานมาที่ห้องพักฟื้นแล้วกล่าวกับลูกสาว “เจียเหยาแย่แล้ว ตระกูลหวังของเราเกิดเรื่องแล้ว! คู่ค้าจำนวนมากร้องเรียนพวกเรา แถมยังเรียกร้องให้พวกเราชดใช้ ตอนนี้คุณย่าหัวเสียจะตายแล้ว แล้วก็อีผิ่นเจียเหยาของลูก…”

ตอนนี้เองหวังเจียเหยากำลังอุ้มลูกชายของเย่เฉินและเล่นกับเขา เมื่อได้ยินคำพูดของมารดาก็ถามเขาอย่างลนลานทันที “อีผิ่นเจียเหยาทำไมคะ?”

อีผิ่นเจียเหยาเป็นประหนึ่งราชวังของหล่อน! เป็นสิ่งที่หล่อนให้ความสำคัญที่สุด!

หวังเจียเหยามักจะเปรียบตนเองป็นดั่งพระราชินี่ ที่นั่นเป็นพระราชวังของหล่อน เป็นสถานที่ที่แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์และอำนาจของตนเอง!

หล่อนไม่มีทางยอมให้ที่นั่นเกิดเรื่องแน่!

ซูหลานกล่าว “ได้ยินมาว่าจะรื้อทิ้ง พวกพนักงานก่อสร้างไปที่นั่นกันหมดแล้ว”

“ไม่จริง!”

หวังเจียเหยาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ กอดลูกแล้ววิ่งออกไปด้านนอก “หนูจะไปอวิ๋นโจวเดี๋ยวนี้!”

……

หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ต่อมา

ในพื้นที่ก่อสร้างโครงการอีผิ่นเจียเหยา ในอวิ๋นโจว

ดีไซน์ประตูของอีผิ่นเจียเหยา ถูกขนานนามเป็นโปรเจ็กต์สร้างบ้านหรูที่สวยที่สุด หรูหราที่สุดและโอ่อ่าที่สุดด้วย

โปรเจ็กต์นี้เย่เฉินจ้างสถาปนิกต่างชาติมาออกแบบที่อวิ๋นโจวด้วยตนเอง

เดิมทีชื่อโปรเจ็กต์นี้ถูกทำเสร็จแล้ว และแขวนเอาไว้ที่ประตูใหญ่

แต่ในตอนนี้ตัวอักษรคำว่าอีผิ่นเจียถูกรื้อลงมากองบนพื้น โดยกำลังรื้อคำว่าเหยากันอยู่

“ห้ามรื้อนะ! หยุดเดี๋ยวนี้! ฉันบอกให้หยุดไง!”

จู่ๆ รถ Audi คันหนึ่งก็จอดลงแล้วหวังเจียเหยาก็วิ่งลงมา

ตอนที่ 263 พ่อเด็กคือคนอื่น!
เย่เฉินขมวดคิ้วมุ่น “คุณว่าอะไรนะ? คุณไม่ได้เป็นคนพาหวังเจียเหยาไปโรงพยาบาลเหรอ?”

เมื่อเห็นเย่เฉินสงสัยในคำพูดของซ่งหงเย่ หลิวเจิ้งคุนก็รีบวางก้ามเป็นนักเลงตะคอกใส่ซ่งหงเย่

“นี่แม่สาวแซ่ซ่ง กล้าโกหกคุณชายเย่ ระวังจะโดนดี!”

สีหน้าซ่งหงเย่เหนื่อยหน่าย “ฉันจะกล้าโกหกคุณเย่ได้ยังไง? ก่อนนี้เพราะล่วงเกินคุณเย่ถึงได้ตกอยู่ในสภาพนี้ มีสามีดีๆ ก็หายไปแล้ว ตอนนี้ต่อให้ฉันใจกล้าขนาดไหน ฉันก็ไม่กล้าโกหกคุณเย่หรอก”

เย่เฉินอ่านสีหน้าของอีกฝ่ายออกว่าซ่งหงเย่ไม่เหมือนคนกำลังโกหก

หรือจะบอกว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ของหญิงสาวทำให้หล่อนไม่กล้าโกหก

เย่เฉินถามต่อ “คุณไม่เคยไปโรงพยาบาล งั้นคุณเคยบอกหวังเจียเหยาว่าผมมีลูกไม่ได้ไหม?”

ซ่งหงเย่รีบร้อนอธิบาย “ฉันขอสาบานกับฟ้าเลยว่าฉันไม่มีทางพูดถึงคุณแบบนี้ หวังเจียเหยาพูดเอง”

“คุณว่ายังไงนะ?” เย่เฉินประหลาดใจอีกครั้ง

ซ่งหงเย่กล่าวต่อ “ตอนนั้นหล่อนเพิ่งแต่งงานกับคุณอีกรอบเพราะเคยทรยศคุณ กลัวว่าตระกูลคุณจะไม่ยอมรับหล่อน จึงอยากมีลูกอย่างมาก แม่จะได้ดิบได้ดีก็เพราะลูก หล่อนก็หวังว่าลูกของหล่อนจะได้สืบทอดมรดกของตระกูลเย่ แต่ตอนที่พวกคุณอยู่ด้วยกันหล่อนไม่ท้องสักที เลยร้อนใจมากพูดกับฉันหลายครั้งว่า ‘หงเย่ เธอว่าทำไมฉันไม่มีลูกเสียทีหรือเพราะเย่เฉินมีลูกไม่ได้นะ?’ฉันพูดแล้วยิ้มว่าร้อนใจอะไร มีลูกจะรวดเร็วอะไรเบอร์นั้น อีกทั้งเย่เฉินยังเอาชนะคนสิบคนได้ด้วยตัวเอง ร่างกายแข็งแรงอย่างมากจะต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่

อ้อฉันคิดออกแล้ว ตอนนั้นหล่อนเป็นคนพูดถึงเรื่องที่คุณเคยผ่าตัดมาก่อน แถมยังลากฉันไปดูด้วย แต่ตอนนั้นฉันไม่มีเวลาก็เลยไม่ได้ไปเป็นเพื่อนหล่อน”

เย่เฉินชะงักไปเขาไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใครกันแน่

ผู้หญิงสองคน เล่าเรื่องแตกต่างกัน อีกทั้งผู้หญิงทั้งสองคนนี้ล้วนแต่เป็นผู้หญิงที่ชอบโกหกทั้งคู่

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็วางแก้วเหล้าในมือลง ไม่ได้มีท่าทีหมดอาลัยอยากอยาก ไร้เรี่ยวแรงเหมือนที่ผ่านมา แต่ลองหยั่งเชิงซ่งหงเย่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม

“หงเย่ คุณนี่โกหกเก่งจริงๆ พูดโกหกออกมาหน้าตาย นับถือจริงๆ”

ใบหน้าซ่งหงเย่เหนื่อยหน่าย “คุณเย่ เราก็ไม่ได้รู้จักกันแค่วันสองวันแต่รู้จักกันมาถึงสามปี ฉันเป็นคนยังไงคุณยังไม่รู้อีกเหรอ?”

“ใช่ ฉันมันโง่ ฉันบ้าผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาแต่ฉันก็เป็นคนที่มีหลักการนะ! ฉันเคยพลาดท้องกับเด็กมาก่อน ฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปทำแท้ง! ฉันไม่อาจปล่อยให้สามีของฉันเลี้ยงลูกของชายอื่นได้! ฉันหลอกเขาเรื่องนี้ไม่ได้!”

เย่เฉินพยักหน้ารับเพราะเขาเองก็พอจะรู้เรื่องนี้มาบ้าง

ซ่งหงเย่จึงกล่าวต่อ “คุณเย่ คุณมักจะพูดว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี ฉันแค่อยากจะถามว่าสามปีที่ผ่านมาฉันปฏิบัติกับคุณยังไง? ตลอดสามปีที่ที่คุณแต่งเข้า ตอนเพื่อนของหวังเจียเหยาเยาะเย้ยคุณ ฉันเคยพูดจาดูถูกคุณหรือไง?”

เย่เฉินเงียบลงไป เมื่อย้อนคิดถึงเวลาสามปีที่ผ่านมา ซ่งหงเย่อาจจะนับได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดกับเย่เฉิน

เพื่อนคนอื่นๆ ของหวังเจียเหยาเมื่อเจอเย่เฉินที่ห้างสรรพสินค้าหรือไม่ว่าที่ไหน ก็ไม่อยากจะสนใจเขา

ต่อให้รู้จักเขาก็ไม่อยากจะทักทายเขา

แต่ซ่งหงเย่แตกต่างจากคนอื่นๆ ทุกครั้งที่เจอกันหล่อนมักจะเป็นฝ่ายทักทายเขาก่อน อีกทั้งยังเลี้ยงข้าวเขาเสมอ

เย่เฉินไพล่คิดไปว่าเป็นเพราะซ่งหงเย่คนนี้บ้าผู้ชายหล่อ แล้วบังเอิญว่าตนเองหน้าตาดีพอดี

แต่พอคิดอย่างละเอียดแล้วซ่งหงเย่น่าจะนอนกับผู้ชายมามากแล้ว

แถมตนเองยังเป็นสามีของเพื่อนสนิทหญิงสาว ต่อให้หล่อนเลี้ยงข้าวเขาร้อยมื้อ ก็ไม่น่าอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์อะไรกับเขา

นี่แปลว่าซ่งหงเย่เป็นคนดีใช้ได้คนหนึ่ง

ซ่งหงเย่แก้ตัวต่อ “คุณมักจะคิดว่าฉันพาหวังเจียเหยาไปใจแตก แต่คุณรู้ไหม? ครั้งแรกที่ฉันมีชู้ทำผิดต่อสามีก็เพราะหวังเจียเหยาบอกให้ฉันทำแบบนี้!”

“คุณพูดอะไร? เป็นไปไม่ได้ ตอนนั้นหวังเจียเหยาใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่มีทางบอกให้คุณทำเรื่องแบบนี้หรอก!”

เย่เฉินไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้แก้ตัวแทนหวังเจียเหยา

ซ่งหงเย่กล่าว “หวังเจียเหยาใสซื่อแค่หน้าตาเท่านั้นแหละ ที่จริงแล้วหล่อนใจเด็ดกว่าฉันเยอะ! แถมยังละโมบมากกว่าฉันอีก! ถ้าหากว่าหล่อนดีขนาดนั้นแล้วฉันมันสารเลว ด้วยฐานะของหล่อนมีเพื่อนได้จำนวนนับไม่ถ้วน ทำไมต้องคบหากับฉันด้วยล่ะ?”

ฝนตกขี้หมูไหล ถ้าหากว่าหสังเจียเหยาไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของซ่งหงเย่ ก็คงจะไม่สนิทสนมกับอีกฝ่ายมาหลายปีขนาดนี้

ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าเดิมทีหวังเจียเหยาและซ่งหงเย่ศีลเสมอกัน!

แตกต่างกันที่หวังเจียเหยาหน้าตาสะสวยเกินไป เป็นนางฟ้าในใจพวกผู้ชาย

หล่อนจึงจำเป็นต้องวางมาด จำเป็นต้องแสดงให้เห็นแต่ด้านที่สวยงาม แบบนี้ถึงจะทำให้ผู้ชายเฝ้าฝันหาหล่อน ชอบหล่อนต่อไปเรื่อยๆ

ส่วนซ่งหงเย่นั้นคนละเรื่องกันเลย ใบหน้าหล่อนธรรมดา ผู้ชายที่ชอบหล่อนก็มีไม่เท่าไหร่ ดังนั้นหล่อนถึงเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่

เย่เฉินนั่งบนโซฟา ครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็จุดบุหรี่มวนหนึ่งย้อนคิดเรื่องในอดีตระหว่างเขาและหวังเจียเหยา

ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าหวังเจียเหยาน่าจะสารเลวกว่าซ่งหงเย่เสียอีก!

“ใช่ ลูกเศรษฐีที่บรรลุนิติภาวะแถมยังจบจบปริญญาตรีจะมาเสียคนเพราะใครก็ไม่รู้ได้ยังไง! ฝนตกขี้หมูไหลที่จริงมันเป็นเพราะหล่อนก็เป็นคนแบบนี้! เดิมทีหล่อนก็เป็นผู้หญิงร้ายๆ อยู่แล้วต่างหาก!”

เย่เฉินรีบร้อนถามต่อ “หวังเจียเหยามีรักครั้งแรกเป็นเพื่อนสมัยมัธยม เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เมียรถชนตายไปแล้วตอนนี้เป็นคนเลี้ยงลูกเองใช่ไหม”

ซ่งหงเย่ครุ่นคิด “รักครั้งแรก ม.ปลาย…อ้อ มีคนหนึ่งแต่ว่าเขาเพิ่งแต่งงานนะ ภรรยาเขาก็แข็งแรงดี อีกทั้งยังไม่มีลูกด้วย”

พูดไม่ตรงกับหวังเจียเหยาอีกแล้ว!

ทั้งสองคนนี้ใครเป็นคนพูดความจริง ส่วนใครโกหกกันแน่!

ถ้าสิ่งที่หวังเจียเหยาพูดเป็นเรื่องจริง งั้นเย่เฉินก็คงทำได้เพียงโทษตัวเองที่ล้มเหลว โทษที่ตนเองไม่สามารถครองใจของหวังเจียเหยาในช่วงเวลาที่รักกันที่สุดก็ยังทำไม่ได้

เรื่องนี้ทำได้เพียงแค่ยอมรับแล้วปล่อยให้จบลงไป

แต่ถ้าสิ่งที่ซ่งหงเย่พูดเป็นเรื่องจริงล่ะ!

เช่นนั้นแล้วพ่อของฝาแฝดก็เป็นชายอื่น!

เย่เฉินถามซ่งหงเย่ “รักแรกของหล่อนชื่ออะไร? รู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน?”

ซ่งหงเย่กล่าว “ชื่อหวงหมิงเจ๋อ อาศัยอยู่ที่เขตลวี่หยวน”

เย่เฉินบี้บุหรี่แล้วชันตัวลุกขึ้น “ไปกัน รีบไปที่เขตลวี่หยวนในอวิ๋นโจว!”

เย่เฉินต้องการจะไปที่อวิ๋นโจวด้วยตนเองสักครั้ง ไปดูหน้ารักครั้งแรกของหวังเจียเหยา จากนั้นก็ถามเขาให้รู้แน่ชัดว่าเขาเป็นพ่อของเด็กน้อยหรือเปล่า!

“ครับ!”

หลิวเจิ้งคุนรีบคว้าแขนซ่งหงเย่แล้วลากหล่อนขึ้นรถ

ฉินหงเหยียนเองก็อยากจะไปกับเย่เฉิน แต่ถูกชายหนุ่มปฏิเสธ “หงเหยียน คุณอยู่ที่เทียนไห่เถอะ เรื่องนี้ผมจัดการเองก็ได้”

“ค่ะ” ฉินหงเหยียนรู้ว่าตนเองไปก็รังแต่จะสร้างความวุ่นวายเปล่าๆ

เรื่องของเย่เฉินและหวังเจียเหยาก็ควรจะปล่อยให้พวกเขาสองคนจัดการกันเอง

ตอนที่ 262 หวังเจียเหยายังโกหกอยู่!
เย่เฉินโดนหวังเจียเหยายั่วโมโหจนแทบอยากจะกระชากเข็มน้ำเกลือบนหลังมือหญิงสาวออกมา!

เย่เฉินโมโหอย่างยิ่ง “หวังเจียเหยา! คุณพูดให้มันรู้เรื่อง! ถ้าคุณตั้งท้องลูกของรักแรกจริงๆ ทำไมไม่ไปแต่งงานกับเขาล่ะ! คุณเห็นผมเป็นตัวอะไร! แค่อยากจะคบกับผมเล่นๆ แล้วหาคนอื่นมาช่วยทำลูกงั้นสิ?”

หวังเจียเหยาก้มหน้าลงด้วยท่าทีรู้สึกผิด แล้วอธิบาย “เย่เฉิน ฉันก็จนปัญญา นายยังจำได้ไหมว่าตอนพวกเราเริ่มอยากได้ลูกก็ไม่สำเร็จนี่จริงไหม?”

เย่เฉินย้อนคิดไปถึงเรื่องเมื่อปีก่อน ทั้งสองคนไม่ได้อยากได้ลูกในทันทีทันให้ หวังเจียเหยาตั้งท้องหลังจากที่ทั้งสองอยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน

“ทำไม?” เย่เฉินถาม

หวังเจียเหยาอธิบาย “ตอนนั้นฉันอยากมีทายาทให้กับตระกูลเย่ของพวกนาย แล้วไม่ติดซักที ฉันเลยก็ใจร้อนไปหน่อย แล้วมีครั้งหนึ่งคุยกับซ่งหงเย่เรื่องนี้ หล่อนบอกว่า…คุณมีปัญหาหรือเปล่า…ก็เลยไม่มีลูกเสียที”

เย่เฉินโกรธจนตบที่กั้นตรงข้างเตียง

“ซ่งหงเย่ผู้หญิงสารเลว! คุณสิมีปัญหา!”

เพลิงโทสะเย่เฉินปั่นป่วน

หวังเจียเหยากล่าวต่อ “แล้วจู่ๆ ซ่งหงเย่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าครั้งนั้นนายบอกว่าต้องผ่าตัด ตอนที่เราอยู่ต่างประเทศแล้วไม่ได้ให้เงินนาย นายเลยไปขอยืมเงินย่าฉันไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล แล้วซ่งหงเย่ก็พาฉันไปโรงพยาบาลที่นายเคยผ่าตัดเพื่อค้นประวัติการรักษาของนาย

หมอบอกว่าอาการป่วยของนายในตอนนั้นค่อนข้างพิเศษ ต่อมารู้ว่าเป็นโรคติดต่อมาจากคนที่ไปรบมา แล้วนายก็เคยพูดกับฉันว่านายเคยไปรบ… หมอบอกฉันว่าเป็นไปได้อย่างมากที่นายจะ…เป็นหมัน…เพราะสาเหตุนี้…”

เสียงของหวังเจียเหยายิ่งแผ่วเบาลงทุกที

เรื่องนี้ก็เป็นไปอย่างที่หวังเจียเหยากล่าว

เย่เฉินทำให้หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นหมันก็เพราะยาที่ใช้กันในสงคราม

หลังจากเย่เฉินติดโรคมาส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ก็จริง แต่ว่าต่อมาเย่เฉินก็รักษาจนหายแล้ว

เย่เฉินกล่าวพลางหัวเราะเสียงเย็น “ดังนั้นพอคุณรู้ว่าผมมีลูกไม่ได้ ก็เลยโร่หาคนอื่นให้ช่วยงั้นสิ? เหอะๆ หรือว่าคุณลืมที่ผมเคยบอกเหรอว่าตระกูลเย่เราจะมีการตรวจ DNA เด็กก่อนน่ะ?”

หยังเจียเหยากล่าว “ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้แต่หงเย่บอกว่าถ้าเราสองคนไม่มีลูก ต่อให้ฉันแต่งงานกับนายก็คงไม่ได้มรดกจากตระกูลเย่ หงเย่กล่อมฉันอยู่นานว่าหลังจากลูกเราคลอดแล้ว ค่อยไปแก้ผลตรวจ DNA ก็ได้ นายก็รู้ว่าฉันเชื่อฟังหล่อนตลอด ที่ตามง้อนายได้ก็เพราะได้หล่อนช่วยดังนั้นฉันก็เลยทำตามที่หล่อนบอก”

“เฮอะ”

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น ขณะมองหวังเจียเหยาที่เป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยมีมือมีเท้าฉลาดหลักแหลม แต่เรื่องใหญ่ในชีวิตแบบนี้กลับเชื่อฟังคนอื่นเสียได้!

หวังเจียเหยาคุณนี่มีชีวิตน่าอนาถจริงๆ!

เมื่อรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เย่เฉินก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว สุดท้ายเขาก็ถามหญิงสาวว่า “ช่างเถอะ ตอนนี้ผมแค่อยากรู้ว่ารักแรกของคุณชื่ออะไร!”

หวังเจียเหยาพอจะฟังออกว่าเย่เฉินอยากจะล้างแค้นชายคนนั้น

หล่อนตกใจจนลนลานรีบดึงเข็มออกมาจากหลังมือ แล้วถลาลงเตียงมาอ้อนวอนชายหนุ่ม “เย่เฉิน นายอย่าไปล้างแค้นเขาเลยได้ไหม? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาฉันขอร้องเขา เขาถึงได้ยอมทำ ตอนนี้เขาน่าสงสารอย่างมาก ลูกเขาเพิ่งคลอด ภรรยาของเขาก็รถชน ตอนนี้เขาเลี้ยงลูกคนเดียว ไม่มีงานทำ

ถ้าหากว่านายอยากล้างแค้นเขา เขาไม่สามารถป้องกันตัวได้แน่ แต่นายช่วยเห็นแก่ที่เขาน่าสงสารแถมยังไม่ได้ท้าทายอะไรนาย พอจะปล่อยเขาไปได้ไหม? ถ้านายไม่ชอบเจียอิน ฉันทิ้งลูกก็ได้ หรือให้ส่งไปที่อื่น ส่งไปเมืองนอกให้คนรับเลี้ยง ฉันขอรับรองว่านายจะไม่เห็นหน้าเด็กคนนี้อีกไปตลอดชีวิตได้ไหม?”

พอได้ยินคำพูดของหวังเจียเหยาแล้ว เขาก็หมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรอีก!

น้ำตาออกจากดวงตาเขา นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาร้องไห้เพราะหญิงสาวตรงหน้า!

ครั้งแรกเพราะรักหล่อนลึกซึ้ง เป็นเพราะยังรักหล่อนอยู่!

ครั้งนี้เพราะรู้สึกว่าตนเองล้มเหลวเกินไปแล้ว!

ในอดีตเขาเคยรักคนผู้หนึ่งอย่างลึกซึ้ง แต่เจ้าหล่อนกลับปั่นหัวเขาราวเขาเป็นคนโง่เง่า

ทั้งสองคนอยากมีลูกจนถึงกับต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แถมฝั่งที่ร้องขอนั้นยังเป็นภรรยาของเขาอีกต่างหาก

เย่เฉินมองทารกหญิงตรงหน้า ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่เขาอยากจะให้เด็กคนนี้เป็นลูกของเขาเช่นกัน!

ในคนนับพันที่มีลูกจะมีแฝดแบบนี้แค่คู่เดียว เดิมทีเย่เฉินก็จะมีฝาแฝดชายหญิงเช่นนี้อยู่แล้ว!

แต่หวังเจียเหยาทำลายทุกอย่าง!

เย่เฉินปาดน้ำตาแล้วมองอดีตภรรยา “หวังเจียเหยา อีกครึ่งปีผมจะมารับตัวลูกของผมไป คุณใช่้เวลากับลูกชายผมให้เต็มที่แล้วกัน!”

พูดจบเขาก็เดินออกไปอย่างเศร้าสร้อย!

“เย่เฉิน! เย่เฉิน!”

หวังเจียเหยาตะโกนไล่หลังเย่เฉินไม่หยุด บริเวณมือที่ถูกเข็มเจาะนั้นมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ซูหลานรีบร้อนขวางหล่อนเอาไว้

……

เมื่อได้รู้ความจริงแล้วเย่เฉินก็นั่งรถกลับไปที่วิลล่าเฝยชุ่ย

เขาไม่ได้เค้นถามหวังเจียเหยาว่าผู้ชายคนที่สวมเขาให้ตนเป็นใคร แล้วก็ไม่ได้สั่งให้ใครทำร้ายชายคนนั้น

หวังเจียเหยาพูดถึงขนาดนั้น เขาเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มที่น่าสงสารทั้งหมดนี้เป็นเพราะหวังเจียเหยาไหว้วานเขา เย่เฉินจะทำยังไงได้?

จะโทษก็คงต้องโทษสวรรค์แล้ว

กลับถึงบ้านฉินหงเหยียนพอจะอ่านอารมณ์แฟนหนุ่มออก จึงรินชาให้เขา แต่เขากลับดื่มไม่ลง

หล่อนจึงไปหยิบเครื่องดื่มเย็นๆ ออกจากตู้เย็น เย่เฉินดื่มทั้งหมดลงในครั้งเดียว!

น้ำเย็น! ตอนนี้ของเย็นๆ เท่านั้นถึงจะพอระงับโทสะในใจเย่เฉินได้!

ใจของเย่เฉินมันด้านชาไร้ความรู้สึก!

ไม่นานจู่ๆ ก็มีคนเคาะประตู

ฉินหงเหยียนเดินมาเปิดประตูก็พบว่าผู้มาเยือนก็คือหลิวเจิ้งคุน

“พี่ฉินสวัสดีครับ!”

หลิวเจิ้งคุนทักทายฉินหงเหยียนอย่างนบนอบ

ฉินหงเหยียนรู้ว่าหลิวเจิ้งคุนเป็นลูกน้องของเย่เฉินก็เกรงใจอย่างมาก “คุณหลิวเชิญค่ะ”

“ขอบคุณพี่ฉิน”

หลิวเจิ้งคุนไม่ได้มาคนเดียว เขายังพาคนอีกคนมาด้วยนั่นคือซ่งหงเย่

“เอ๊ะ? นี่มันซ่งหงเย่เพื่อนของหวังเจียเหยาล่ะสิ?” ฉินหงเหยียนถามอย่างประหลาดใจ

หลิวเจิ้งคุนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วครับ พี่ฉิน เมื่อครู่คุณชายเย่บอกให้ผมพาตัวหล่อนมาจากอวิ๋นโจว”

“พี่ฉินสวัสดีค่ะ” ซ่งหงเย่ทักทายหล่อนอย่างสุภาพ

“อ้อจ้ะ” ฉินหงเหยียนเปิดประตูให้พวกเขาสองคนเข้าบ้าน

หลิวเจิ้งคุนเองก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาตรงหน้าเย่เฉินที่กำลังดื่มเหล้าอยู่ “คุณชายเย่ ผมพาตัวซ่งหงเย่มาแล้วครับ!”

“คุณเย่” ซ่งหงเย่ไม่กล้าไม่เคารพเขา

ถ้าหล่อนรู้ว่าเย่เฉินจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ตอนนั้นหล่อนไม่น่าหาเรื่องเย่เฉินเลย

เย่เฉินกลับเหม่อลอย ร่างกายไร้เรี่ยวแรง “ปล่อยหล่อนไปเถอะ”

เขาหลิวเจิ้งคุนพาตัวซ่งหงเย่มาจากอวิ๋นโจว ก็เพราะอยากรู้จากปากของหล่อนว่าพ่อของทารกหญิงคือใครกันแน่ ทำไมหวังเจียเหยาถึงได้ทรยศเขา!

แตตอนนี้หวังเจียเหยายอมรับกับเขากับปากตัวเองแล้ว เขาจึงไม่มีความจำเป็นต่องถามซ่งหงเย่อีก

“แค่ก…”

หลิวเจิ้งคุนชะงักไป เขาขับรถมาถึงที่นี่ด้วยตนเองอย่างยากลำบาก ขับรถอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาให้การหาตัวฉินหงเหยียนในเวลาที่สั้นที่สุดแล้วพาตัวหล่อนมา

คิดไม่ถึงว่าผู้เป็นเจ้านายจะไม่ถามอะไร แล้วให้ปล่อยตัวหล่อนไปงั้นเหรอ?

ซ่งหงเย่เองก็อยากจะคว้าโอกาสนี้ตีสนิทกับเย่เฉิน

ดังนั้นหล่อนจึงเป็นฝ่ายเดินไปหาเขาแล้วรินเหล้าให้อีกฝ่าย

แต่เมื่อเย่เฉินเห็นซ่งหงเย่เข้าใกล้ตนเอง ก็ตบหน้าอีกฝ่ายสุดแรง!

“โอ้ย!”

ซ่งหงเย่ที่ร่างกายแบบบางเซถลาลงบนพื้นทันที

เย่เฉินสบถด่าหล่อนด้วยโทสะ “ซ่งหงเย่ผิดที่คุณ! หวังเจียเหยาเลยทรยศผมจนมีลูกที่ไม่ใช่ลูกผม! เดิมทีผมควรจะมีลูกฝาแฝด แต่คุณทำร้ายทุกอย่าง!”

ซ่งหงเย่กุมใบหน้า แล้วกล่าวอย่างหวาดกลัว “เข้าใจผิดแล้วคุณเย่ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?”

เย่เฉินกล่าว “ก็ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ พูดกับหวังเจียเหยาว่าสุขภาพผมมีปัญหา มีลูกไม่ได้ แล้วพาหล่อนไปค้นประวัติการรักษาของผมที่โรงพยาบาล หวังเจียเหยาก็คงจะไม่ไปดิ้นรนหารักแรกของหล่อนหรอก!”

ทว่าเมื่อสีหน้าของซ่งหงเย่กลับงุนงงเมื่อได้ยินเรื่องพวกนี้ “ไปโรงพยาบาลเหรอ? โรงพยาบาลอะไร? ฉันไม่ได้เป็นคนพาหวังเจียเหยาไปโรงพยาบาล!”

ตอนที่ 261 ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร!
“ครับ!”

หวังจื้อเฉียงรีบโทรหาหวังเจียเหยา แต่ว่าคนรับสายกลับเป็นซูหลาน

“อ้อ ซูหลานเองเหรอเนี่ย แม่อยากคุยกับเจียเหยาน่ะ เอาโทรศัพท์ให้เจียเหยาที”

ตอนนี้ตระกูลหวังกำลังสูญเสียคู่ค้าไปเป็นจำนวนมากเพราะหวังเจียเหยา ธุรกิจน่าจะเสียหายอย่างน้อยๆ หลายร้อยล้าน หวังเจียเหยาจึงได้เริ่มวางก้ามกับครอบครัวน้องชายขึ้นมา

ซูหลานกล่าว “พี่คะฉันกับเจียเหยาอยู่ที่โรงพยาบาล หวังเจียเหยาเป็นลมกำลังให้น้ำเกลืออยู่ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญเดี๋ยวค่อยคุยได้ไหมคะ?”

หวังจื้อเฉียงตะคอก “ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรงั้นเหรอ? ตระกูลหวังของเราจะล่มจมเพราะลูกสาวเธออยู่แล้ว! ยังมีหน้ามาบอกว่าหล่อนเป็นลมอีก คนที่เป็นลมน่าจะเป็นเย่เฉินมากกว่าล่ะมั้ง? ลูกสาวเธอทำอะไรเอาไว้น่าจะรู้ดีที่สุด เย่เฉินต่างหากที่คงจะเสียใจจากกระทำของลูกสาวเธอ! เลิกพูดเหลวไหล รีบส่งโทรศัพท์ให้หวังเจียเหยาได้แล้ว!”

ตอนนี้ซูหลานและหวังเจียเหยากำลังอยู่ในห้องพักฟื้น ไม่ได้กำลังหยอดน้ำเกลือเสียหน่อย

เมื่อครู่ที่เป็นลมหญิงสาวก็แค่แกล้งทำเท่านั้น นั่นเพราะหล่อนไม่สามารถจะอธิบายเรื่องนี้ให้เย่เฉินฟังได้เมื่อตกอยู่ในเหตุการณ์เช่นนั้น

“ฮัลโหล” แล้วเสียงของหวังเจียเหยาก็ดังขึ้นที่ปลายสาย

หวังจื้อเฉียงรีบร้อนส่งโทรศัพท์ให้คุณนายหวัง

คุณนายหวังรับโทรศัพท์แล้วดุด่า “หวังเจียเหยา! ในหัวแกมีอะไรอยู่บ้างน่ะ! ถ้าแกบอกว่าแกไปนอนกับฟางเชาตอนที่ไม่รู้ว่าเย่เฉินเป็นใครก็ไม่เป็นไรหรอกนะ! แต่ตอนที่อยากมีลูกกันน่ะ รู้ทั้งรู้ว่าเย่เฉินเป็นใคร ทำไมยังเลอะเลือนทำเรื่องโง่ๆ ได้!”

หวังเจียเหยากล่าวอย่างเสียใจ “ขอโทษด้วยนะคะคุณย่า…”

“ขอโทษเหรอ? แกรู้ไหมว่าแกทำเย่เฉินโกรธเข้า ตอนนี้เขาเลยหาเรื่องตระกูลเรา! บริษัทพาร์ทเนอร์ทุกแห่งของเรายกเลิกสัญญากันหมดแล้ว เราใกล้จะถังแตกแล้วแกรู้ไหม?!” คุณนายหวังกล่าวเสียงดัง

หวังเจียเหยาได้ยินแบบนี้ก็ตกใจ “อะไรนะคะ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้”

หวังเจียเหยาไม่ได้รู้เลยว่าเย่เฉินสามารถทำให้สถานะเศรษฐีนีสองหมื่นล้านของตนเองลอยละลิ่วหายไป จนกลับไปมีสภาพเดิิมได้อย่ารวดเร็ว!

เพราะทรัพย์สินทั้งหมดที่หล่อนมีไม่ใช่เงินสดและอสังหาริมทรัพย์

คุณนายหวังกล่าว “เรื่องนี้แกจะต้องจัดการให้เรียบร้อย ไปคุกเข่าขอโทษเย่เฉิน แล้วอธิบายให้เขาฟังแกต้องทำให้เขาให้อภัยแกให้ได้ ไม่อย่านั้นแกก็ไสหัวไปเลยไป!”

หวังเจียเหยาวางสายแล้วร้องไห้บนเตียงผู้ป่วย

ซูหลานรีบร้อนเดินมานั่งกับลูกสาว ลูบหลังหล่อนเบาๆ อย่างปลอบโยน

หวังเจียเหยากล่าวพลางร้องไห้ “คุณย่าก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย ไม่ว่าอะไรก็โทษหนู ตั้งแต่เล็กจนโตหนูรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย ถ้าคุณย่ารักหนูตั้งแต่เด็กๆ แล้วให้ความสำคัญกับครอบครัวเราบ้างหนูก็คงจะไม่มีชู้! เป็นความผิดคุณย่าแท้ๆ!”

ซูหลานคิดไม่ถึงเลยว่าหวังเจียเหยาจะโทษย่าตนเอง

ซูหลานถาม “งั้นผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่? ทำไมลูกปิดบังแม้แต่แม่ล่ะ?”

แต่จนตอนนี้หวังเจียเหยาก็ยังคงไม่คิดจะบอกความจริงกับมารดา

หล่อนเช็ดน้ำตาลวกๆ แล้วโทรหาเย่เฉิน

“เป็นลมหายแล้วเหรอ?”

ทันทีที่รับสายเขาก็เหน็บแนมหญิงสาวทันที

ทุกคนอาจจะเห็นผลตรวจแล้วเกิดเป็นลมหมดสติได้ แต่หวังเจียเหยาไม่มีทางเป็นแบบนั้น เพราะเรื่องที่หล่อนเคยทำหล่อนย่อมรู้ดีแก่ใจ!

หวังเจียเหยากล่าว “อืม ดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้กำลังให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล”

ผู้หญิงคนนี้จนป่านนี้แล้วยังแสร้งทำตัวเป็นคนบอบบางอยู่อีก!

ตอนสวมเขาให้กันทำไมใจกล้าอะไรขนาดนั้น!

เย่เฉินกล่าวว่า “ตอนนี้ผมจะไปพบคุณที่โรงพยาบาล ทางที่ดีบอกความจริงผมมา!”

เย่เฉินรู้ทั้งเลขที่ห้องพักและโรงพยาบาลที่หล่อนพักอยู่ พอวางสายแล้วเขาก็ตรงไปที่นั่นทันที

เพิ่งจะถึงหน้าห้องพักฟื้น ซูหลานก็เป็นฝ่ายเดินไปต้อนรับเย่เฉิน คาดว่ากลัวเย่เฉินจะตบหวังเจียเหยาแล้วโน้มน้าวอีกฝ่าย “เสี่ยวเฉินเอ้ย ใจเย็นเถอะนะ คิดในแง่ดีเถอะ เธอดูลูกชายเธอสิ ว่าเขาน่ารักขนาดไหน หน้าเหมือนเธอขนาดไหน!”

แล้วเย่เฉินก็พบว่าที่แท้ฝาแฝดที่มักจะนอนด้วยกัน บัดนี้โดนจับแยกเสียแล้ว

เจียเยว่เด็กชายอยู่ที่ประตู ส่วนเด็กหญิงกลับถูกวางไว้มุมด้านในสุดของห้อง

คาดว่าเพราะกลัวเย่เฉินจะโกรธถึงได้ตั้งใจทำแบบนี้

เย่เฉินมองเจียเยว่ นี่คือลูกชายแท้ๆ ของเขา ในใจพลันรู้สึกอิ่มเอมอย่างประหลาด

แต่ว่าเด็กผู้หญิงที่น่ารักเหลือเกินอย่างเจียอินก็ควรจะเป็นลูกสาวเขาเช่นกัน!

เย่เฉินอยากมีลูกสาวมาโดยตลอด!

ฝาแฝดชายหญิงแบบนี้สมบูรณ์แบบ เป็นที่น่าริษยา!

แต่ว่าพวกเขากลับเป็นเด็กต่างพ่อไปได้!

เย่เฉินไม่อาจให้อภัยหวังเจียเหยาได้!

“เย่เฉิน…”

หวังเจียเหยานอนบนเตียงผู้ป่วย กำลังหยอดน้ำเกลือแล้วเรียกเย่เฉินด้วยน้ำเสียงอ่อนแอที่หล่อนแสร้งทำ

เย่เฉินสาวเท้าเดินไปแต่ก็ไม่อาจตบหล่อนได้ ตอนที่เห็นผลตรวจนั้นบางทีเขาอาจจะพลาดพลั้งไปแต่ตอนนี้ไม่มีทางอีกแล้ว

หวังเจียเหยามองเย่เฉินแล้วกล่าวด้วยใบหน้าอ่อนหวาน “เย่เฉินนายชอบชื่อเจียเยว่ไม่ใช่เหรอ? หรือไม่ก็ให้คุณปู่ของนายช่วยตั้งชื่อให้ส้ ลูกชายเหมือนนายจริงๆ โตมาเขาต้องหล่อเหมือนนาย เอาใจเก่งเหมือนนายแน่ๆ”

หวังเจียเหยาลองใช้ลูกชายแท้ๆ ของเขามาทำให้เขาใจเย็นลง

แต่เย่เฉินกลับไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้กับหวังเจียเหยา แต่เข้าประเด็นทันที “บอกผมมา ว่าพ่อเด็กคนนั้นคือใคร? เลิกบอกว่าฟางเชาที ก่อนหน้านี้ผมส่งคนไปเค้นถามเขามาแล้ว เขาบอกว่าช่วงนั้นเขาไม่ได้มาอวิ๋นโจวเลยด้วยซ้ำไป ส่วนที่นอนกับคุณที่โรงแรมเขาก็ป้องกันอย่างดี”

หวังเจียเหยากล่าว “ไม่ใช่ฟางเชาจริงๆ ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าเป็นฟางเชาก็เพื่อยั่วโมโหนาย”

“งั้นเป็นใคร? ตอนนั้นคุณยังไม่รู้จักหลิ่วอวี่เจ๋อด้วย นอกจากผม ฟางเชา หลิ่วอวี่เจ๋อแล้วคุณยังมีผู้ชายคนที่สี่อีกเหรอ? คุณนี่ปิดปากเงียบดีจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะปิดหูปิดตาผมได้แนบเนียนเชียว!”

เย่เฉินสะอีก ถ้าไม่ใช่เพราะผลตรวจครั้งนี้เขาก็คงจะไม่รู้ว่าหวังเจียเหยามีผู้ชายคนอื่นอีก!

หากว่าโชคดี เด็กสองคนนี้เป็นลูกของเย่เฉินทั้งสองคน

งั้นแล้วเย่เฉินก็อาจจะไม่ได้รู้เลยว่าหวังเจียเหยายังมีผู้ชายคนอื่นในตอนที่เขารักเจ้าหล่อนอย่างที่สุดด้วย!

“เขาคือ…” หวังเจียเหยาอ้ำอึ้ง

“เขาคือใคร!” เย่เฉินตะโกน เด็กสองคนตกใจจนร้องไห้กระเจิง

หวังเจียทนเห็นลูกๆ ร้องไห้ไม่ได้ รีบร้อนกล่าว “เขาคือรักแรกของฉัน!”

“รักแรกเหรอ?” เย่เฉินชะงัก

เขาแต่งงานกับอีกฝ่ายมาสามปี จึงรู้เรื่องความรักในทุกครั้้งของหญิงสาวเป็นอย่างดี

ตอนที่เย่เฉินรู้จักหวังเจียเหยา หล่อนเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ผู้หญิงที่สวยขนาดหล่อน ไม่มีทางที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน

หวังเจียเหยกล่าว “ผู่ชายคนนั้นเป็นเพื่อนนักเรียกที่ฉันเคยชอบตอนม.ปลาย เรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน”

เย่เฉินแค่นเสียง “ที่แท้ตลอดสามปีที่คุณแอบคบกับรักแรกของคุณมาตลอดเวลาสามปีที่เราแต่งงานกันสินะ”

“ไม่นะ ไม่ใช่ สามปีที่แต่งงานกับนาย พวกเราไม่เคยติดต่อกัน” หวังเจียเหยารีบปฏิเสธ

ผลคือเย่เฉินโกรธกว่าเดิม “แปลว่าที่แต่งงานกับผมมาสามปีพวกคุณไม่เคยติดต่อกัน แต่ตอนจะมีลูกดันติดต่อกันเสียได้แบบนี้น่ะหรอ?!”

ที่เขาพูดก็เป็นเพียงแค่โทสะเท่านั้น

แต่คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะตอบเขาว่า “ใช่!”

ตอนที่ 260 ล้างแค้นหวังเจียเหยา!
หลังจากหวังเจียเหยาโดนอุ้มไปแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อก็ยหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ฝาแฝดกันแต่ดันมีพ่อสองคน! สุดยอดเรื่องนี้นี่มันสุดยอดจริงๆ ฮ่าๆ!”

เย่เฉินที่เดิมก็หัวเสียมากอยู่แล้วไม่รู้จะระบายโทสะยังไง พอได้ยินหลิ่วอวี่เจ๋อเยาะเย้ยเขาก็รีบเดินไปฟาดฝ่ามือใส่หน้าหลิ่วอวี่เจ๋อทันที

เพี้ยะ!

เย่เฉินโกรธจัด “สุดยอดเหรอ? อธิบายให้ฉันฟังหน่อยว่าสุดยอดอะไร!”

หลิ่วอวี่เจ๋อเอามือกุมหน้า เมื่อถูกตบหน้าต่อหน้าธารกำนัล เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก!

“นาย…นายกล้าตบฉันเลยเรอะ?” หลิ่วอวี่เจ๋อจ้องเย่เฉินเขม็ง

เย่เฉินยกมือขึ้นแล้วฟาดหน้าหลิ่วอวี่เจ๋ออีกสองที!

เพี้ยะ!

เพี้ยะ!

เขาฟาดหน้าหลิ่วอวี่เจ๋อไปสองทีจนอีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้น!

เย่เฉินกล่าวว่า “ผมตบคุณแล้วจะทำไม? คุณให้ความสำคัญเรื่องสถานะมากเลยไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ผมเป็นประธานเฉินเย่กรุ๊ปเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศนี้! ส่วนคุณก็เป็นแค่หลานชายที่มีทรัพย์สินมูลค่าพันล้านเท่านั้น! ต่อให้เป็นปู่คุณหลิ่วหย่วนทางก็ยังมีไม่ถึงหนึ่งในสิบของผม คุณยิ่งไม่คู่ควรจะเปรียบเทียบกับผม!

แล้วคุณมันตัวอะไร? ถึงได้กล้าเยาะเย้ยผม! เชื่อไหมว่าตอนนี้ผมสามารถทำให้ตระกูลหลิ่วของคุณล้มละลายกลายเป็นยาจกเดี๋ยวนี้เลย!”

หลิ่วอวี่เจ๋อคุกเข่าบนพื้นแล้วไม่กล้าพูดอะไร

เขาเชื่ออยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องเชื่ออยู่แล้ว!

ตอนนี้คนที่รวยที่สุดในเทียนไห่และในประเทศแห่งนี้ก็คือเย่เฉิน คนที่บ้าคลั่งที่สุดก็คือเย่เฉินเหมือนกัน!

ตอนนี้เย่เฉินรู้ว่าเด็กคนหนึ่งไม่ใช่ลูกเขา เขาทำได้ทุกเรื่อง!

“ขอ…ขอโทษด้วยนะคุณเย่”

หลิ่วอวี่เจ๋อจำเป็นต้องขอโทษเย่เฉินอย่างไม่พอใจนัก แต่ต้องทำไปเพื่อตระกูล

เย่เฉินแค่นเสียง ตอนนี้เขาไม่มีแก่ใจจะมาทะเลาะกับหลิ่วอวี่เจ๋อ

เขาในตอนนี้จำเป็นต้องได้รู้ความจริง ความจริงเรื่องเด็กๆ!

เย่เฉินสาวเท้ายาวๆ เมื่อมาถึงในรถก็รีบโทรหาหลิวเจิ้งคุนทันที

“อาคุนเอาตัวฟางเชามาให้หน่อย!”

ก่อนนี้หวังเจียเหยาบอกว่าฟางเชาเป็นพ่อเด็ก

ถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ค่อยได้ แต่ในเมื่อตอนนี้มีเด็กคนหนึ่งไม่ใช่ลูกของเขา เขาจำเป็นต้องถามฟางเชาให้ชัดเจน

หลิวเจิ้งคุนกล่าว ผมได้ยินมาว่าหลังจากหมอนี้โดนตอนแล้วก็ไปประเทศไทย เดี๋ยวผมให้เพื่อนผมที่นั่นช่วยหาดู“”

เย่เฉินกล่าวต่อ “แล้วไปหิ้วซ่งหงเย่เพื่อนของหวังเจียเหยาที่อวิ๋นโจวมาให้หน่อย ฉันมีเรื่องต้องถามหล่อนด้วยตัวเอง”

ซ่งหงเย่เป็นหญิงสาวบอบบาง พาตัวหล่อนมาคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

“ครับคุณชาย” หลิวเจิ้งคุนกล่าว

เย่เฉินนึกถึงคำพูดของศจ.ก่วนเมื่อครู่ ที่ฝาแฝดมีพ่อสองคนเป็นเพราะหวังเจียเหยามีสัมพันธ์กับผู้ชายสองคนในระยะเวลาไล่เรี่ยกัน

และในตอนนั้นเย่เฉินและหวังเจียเหยาต่างก็อยู่ด้วยกันทุกคืนในวิลล่าที่อวิ๋นโจว

แต่ว่าตอนเช้าหลังจากที่พวกเขาสองคนพลอดรักกันแล้ว เขาก็จะไปทำงานที่หัวเซิ่ง

ดังนั้นความเป็นไปได้เพียงข้อเดียวก็คือผู้ชายคนนั้นไปวิลล่าของเขาและหลับนอนกับหล่อนหลังจากที่เขาไปทำงานแล้ว

ทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้เย่เฉินก็กำหมัดแน่น

คิดไม่ถึงว่าจะมีคนใจกล้าบุกไปที่วิลล่าของเขาแถมยัหลับนอนกับภรรยาของเขาด้วย!

หมอนั่นมีกี่ชีวิต! ถึงได้กล้าหาเรื่องลูกหลานตระกูลเย่!

ในตอนนั้นเย่เฉินประกาศตัวแล้วว่าเขาเป็นใคร ทั้งอวิ๋นโจวไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขา!

เย่เฉินสั่งต่อ “ไปวิลล่าที่เขตเหมยกุยหยวนที่ฉันเคยอยู่ แล้วหาคลิปในกล้องวงจรปิดทั้งหมดดูว่าพอจะหาคลิปของกล้องในช่วงสิบเดือนก่อนได้ไหม แล้วก็ไล่ถามรปภ.กับยามหน่อยว่าเมื่อสิบเดือนก่อนมีคนแอบเข้าวิลล่าในตอนเช้าๆ หรือเปล่า”

“ครับ!”

หลิวเจิ้งคุนรับคำอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังถามต่อว่า “คุณชายมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าลูกของหวังเจียเหยาไม่ใช่ของคุณชายเหรอครับ?”

หลิ้วเจิ้งคุนไม่ใช่คนนอก เย่เฉินจึงไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังเขา “ใช่คนเดียว ฉันสงสัยว่ามีชู้ของหวังเจียแอบดอดมาหาหล่อนที่วิลล่าหลังจากที่ฉันไปทำงานทุกเช้า”

หลิวเจิ้งคุนตะคอกเสียงดัง “แม่งเอ้ย! หวังเจียเหยาผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องคนนี้! คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าทำกับคุณชายแบบนี้! คุณชายวางใจเถอะครับผมจะต้องช่วยคุณจับไอ้แมวขโมยตัวนั้นให้ได้! แล้วจับมันถลกหนัง!”

เมื่อวางสายแล้ว ฉินหงหเยียนก็กุมมือชายยหนุ่มแล้วกล่าวปลอบ “ที่รักอย่าเสียใจไปเลย ไม่งั้นคุณกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนไหม”

เย่เฉินส่ายหน้า “ตอนนี้ผมจะนอนหลับลงได้ยังไง? หงเหยียนเรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่งแล้วก็ได้ ผมส่งคุณกลับก่อนดีกว่า”

เย่เฉินไปส่งฉินหงเหยียนก่อน แล้วตนเองก็โทรหาพ่อบ้านฟางเพื่อบอกเขา

พ่อบ้านฟางถอนหายใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าหวังเจียเหยาที่เป็นลูกสาวเศรษฐีจะใจกล้าขนาดนี้ ตอนนั้นขนาดที่รู้ทั้งรู้ว่าคุณชายเป็นใครแต่ยังกล้าหาผู้ชายคนอื่นอีก คุณชายคุณก็อย่าโมโหให้มันมากไปนะครับ อย่างไรเสียคุณชายก็หย่ากับหล่อนแล้ว แถมคุณก็ยังไม่ได้รักหล่อนอะไรมากมาย อย่างน้อยๆ หล่อนก็คลอดลูกชายให้คุณชาย”

เย่เฉินกล่าว “หวังเจียเหยาปั่นหัวฉันแบบนี้แล้วปิดบังความจริงกับฉัน ฉันจำเป็นต้องล้างแค้นหล่อน!”

“คุณชายอยากจะล้างแค้นหล่อนยังไง?” พ่อบ้านฟางถาม

ล้างแค้นผู้หญิงที่หลงใหลในชื่อเสียงเงินทองอย่างหวังเจียเหยา วิธีที่ดีที่สุดก็คือทำให้หล่อนหมดตัว

ตอนนี้หล่อนภูมิใจนักหนาไม่ใช่หรือว่าตระกูลของตนเองกลายเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยนักหนา

เย่เฉินจะทำให้หล่อนกลับไปมีสภาพเป็นเหมือนเดิม!

เย่เฉินกล่าวว่า “โครงการต่างๆ ที่ผมเคยใช้หัวเซิ่งช่วยตระกูลหวังเมื่อก่อน คุณช่วยไปไล่ยกเลิกให้ผมหน่อยทุกอัน แล้วช่วยสั่งปิดสถานที่อย่างอีผิ่นเจียเหยาให้ด้วย!”

“ครับคุณชาย!”

หลังจากสั่งพ่อบ้านฟางเร็จเรียบร้อยแล้ว เย่เฉินก็โทรหาหลิ่วอวี่เจ๋อ

“คุณ…คุณเย่” หลิ่วอวี่เจ๋อรับสายของเย่เฉินอย่างหวาดกลัว

เย่เฉินกล่าวว่า “หลิ่วอวี่เจ๋อรีบหย่าหวังเจียเหยาเร็วๆ อีกอย่างอย่าให้เงินหล่อนสักแดงล่ะแล้วก็ช่วยยกเลิกทุกโครงการในช่วงครึ่งปีหลังที่ตระกูลหวังเซ็นสัญญาไปด้วย! ถ้าพวกคุณทำไม่ได้ผมจะช่วยเอง!”

หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนตอบ “ทำได้ครับทำได้! ผมเกลียดแม่นั่นมานานแล้ว ผมจะไม่ให้เงินหล่อนสักแดงเดียว!”

……

ในเวลาอันสั้น ณ อวิ๋นโจว

วิลล่าซีซาน

ทันใดนั้นเองหวังจื้อเฉียงก็ลนลานมาที่วิลล่า

คุณนายหวังกำลังดูละครอย่างมีความสุข เมื่อเห็็นหวังจื้อเฉียงก็สบถออกมา

“แกลนลานทำไม ช่วยสุขุมให้เหมือนน้องชายแกหน่อยได้ไหม?”

หวังจื้อเฉียงกล่าว “แม่ครับ แย่แล้ว! บริษัทที่เซ็นสัญญาร่วมมือกับเราต่างขอยกเลิก ยุติความร่วมกับเรา แล้วโครงการอีผิ่นเจียเหยาก็ถูกคนซื้อไปแล้ว”

“อะไรนะ?” คุณนายหวังตกใจทันที

หวังจื้อเฉียงตอบทันที “ผมถามมาจนแน่ใจแล้วครับ วันนี้หวังเจียเหยาไปดูผลตรวจ DNA กับเย่เฉิน มีเด็กคนหนึ่งไม่ใช่ลูกของเย่ฉิน!”

คุณนายหวังมีอายุมา 80 ปีก็ยังตกใจ “เป็นลูกของเย่เฉินคนหนึ่ง ส่วนอีกคนไม่ใช่หรอ? หวังเจียเหยาเด็กโง่ ปู่ของหล่อนลำบากแทบเลือดตากระเด็นกว่าจะหาลูกเขยแบบเย่เฉินมาให้หล่อน ทำไมหล่อนถึงไม่รู้จักเห็นคุณค่านะ!”

“จริงครับ ตอนนั้นให้หวังหยวนหยวนแต่งงานกับเย่เฉินก็เรียบร้อยแล้ว หยวนหยวนของเราไม่มีทางทำเรื่องเหลวไหลแบบนี้แน่!” หวังจื้อเฉียงกล่าว

คุณนายหวังส่ายหน้า “รีบโทรหาเจียเหยาเร็ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับมัน!”

ตอนที่ 259 ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกัน!!
สีหน้าพิกลของทั้งสามคนทำให้เย่เฉินเป็นกังวลอีกครั้ง!

มีปัญหาแน่ๆ!

ถ้าหากว่าเด็กๆ เป็นลูกของเย่เฉิน งั้นแล้วนักวิจัยที่ตรวจ DNA ก็น่าจะต้องบอกผลเย่เฉินอย่างดีใจถึงจะถูก

ไม่มีทางที่พวกเขาจะมีท่าทีหวาดกลัวแบบนี้!

เย่เฉินมองไปที่ผลการตรวจอีกครั้ง แล้วหันมองพวกเขาอย่างไม่พอใจแล้วตะโกนกร้าว

“ศจ. ก่วนพวกคุณบอกผมมาตรงๆ ผลตรวจ DNA เป็นของจริงหรือเปล่า! พวกคุณรับเงินหวังเจียเหยามาหรือเปล่าดังนั้นถึงได้ทำผลตรวจปลอม! พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าคนที่หลอกลวงผมมีจุดจบยังไง! ถ้าพวกคุณทำไปเพื่อเงินแล้ว ผมให้พวกคุณมากว่าหล่อนร้อยเท่ายังได้!”

ศจ.ก่วนกล่าว “คุณเย่อย่าเพิ่งโมโห ผมขอรับรองด้วยเกียรติเลยว่าไม่เคยรับเงินใครมาแม้แต่บาทเดียว พวกเราขอรับรองเลยว่าผลนี้ทั้งแม่นยำและโปร่งใส”

เย่เเฉินหัวเสีย “ในเมื่อผลมันเป็นจริง เด็กเป็นลูกผมแล้วคุณทำหน้าแบบนั้นทำไม! ไม่อยากให้ผมมีความสุขเหรอ? เด็กเป็นลูกผมแล้วทำไมพวกคุณไม่ดีใจล่ะ!”

ศจ.ก่วนถอนหายใจแล้วกล่าว “คุณเย่ทำไมไม่ดูผลให้หมดล่ะ”

เย่เฉินตกใจทันที

ดูผลรายงานให้จบ?

หรือว่าเย่เฉินยังไม่ได้ดูเอกสารทั้งหมด?

เย่เฉินจึงพลิกๆ ดูเอกสารหน้าที่สามแล้วดูหน้าที่สี่ต่อ

แต่ว่าหน้าที่สี่เป็นแค่รูปภาพของเย่เฉินและนักวิจัยรวมไปถึงเด็กสองคน ใช้เพื่อยืนยันตัวตน ไม่ได้มีความหมายอะไร!

แต่ว่าหลังจากที่เย่เฉินเปิดหน้าที่สี่แล้ว เขาก็พบว่าหลังจากหน้านั้นแล้วยังมีรายงานผลตรวจอีกชุด!

เป็นผลตรวจของเจียอิน!

เย่เฉินตรวจ DNA เด็กแฝด เขาเห็นแค่ผลตรวจของเด็กผู้ชายแต่ไม่ได้เห็นของเด็กผู้หญิง!

เย่เฉินชะงักทันทีแล้วมองอีกฝ่าย “คุณหมายถึง…”

ศจ.ก่วน ปรายตามอง ‘ผลตรวจ DNA ของเจียอิน’ ในเมือเย่เฉินก็ผงกศีรษะรับน้อยๆ

เย่เฉินรู้สึกว่าตนเองที่กำลังมีความสุขในทะเลสาบลาชื่อ (ทะเลสาบในลี่เจียง) ที่สวยงามถูกเตะไปที่ยอดเขาหิมะมังกรหยก

เขารู้สึกว่าตนเองกำลังจะขาดอากาศ เหมือนว่าตนเองกำลังจะหายใจไม่ออก!

เขาพลิกไปดูผลการตรวจของเจียอินที่หน้าที่สามด้วยมือที่สั่นเทิ้ม

แล้วจึงได้เห็นข้อความบนหน้าที่สาม “จากการวินิจฉัยของศูนย์เรา จากผลการวิคราะห์ DNA และข้อมูลที่มี พวกเราคิดว่าเจียอินกับเย่เฉินไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกัน!”

โครม!

เย่เฉินเห็นคำว่าไม่มีความสัมพันธ์ทางสายลือด ก็มือไม้อ่อนล้มลงไปกองกับพื้น

“คุณเย่! คุณเย่!”

ศจ.ก่วนและนักวิจัยสองคนรีบร้อนพยุงเย่เฉินให้นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วปลอบเขา “คุณเย่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณเย่สงบจิตใจหน่อย คุณประสบความสำเร็จในด้านการงาน จนส่งผลดีต่อสังคม มีเรื่องอีกมากกำลังรอให้คุณไปทำอยู่”

“จริงด้วย คุณเย่ อย่างน้อยๆ ก็มีเด็กคนหนึ่งเป็นลูกคุณ” นักวิจัยคนหนึ่งกล่าว

เย่เฉินอยากจะฆ่าคนอย่างมาก!

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คาดคิดไม่ถึงว่าเด็กฝาแฝดสองคนจะมีพ่อสองคนไปได้!

เย่เฉินคว้าเสื้อผ้าของศจ.ก่วนแล้วระเบิดอารมณ์ “คุณอธิบายให้ผมฟังหน่อย ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้! คุณหลอกผมหรือเปล่า!”

ศจ.ก่วนอธิบาย “คุณเย่ผมจะกล้าหลอกคุณได้ยังไง เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ต่ำมาก โดยปกติแล้วผู้หญิงที่โตเป็นสาวจะมีไข่แค่ฟองเดียว แต่หวังเจียเหยาน่าจะไข่ตกสองฟอง”

เย่เฉินแย่งพูด “ดังนั้นหล่อนถึงได้มีลูกแฝดไง อันนี้ผมรู้! แต่ที่ผมอยากให้คุณอธิบายก็คือทำไมฝาแฝดถึงมีพ่อสองคนได้!!”

ศจ.ก่วนกล่าว “เพราะ…คุณหวังอาจจะ…มีความสัมพันธ์กับผู้ชายสองคนในระยะเวลาสั้นๆ…”

“ฮะ!”

เย่เฉินหัวเสีย เขากวาดชุดชาบนโต๊ะลงพื้นทันที!

“หวังเจียเหยา!”

เย่เฉินจะฆ่าผู้หญิงแพศยาคนนี้ไม่ไหว!

ในช่วงที่พวกเขาอยากจะมีลูกกันนั้น เป็นช่วงที่พวกเขารักกันอย่างดูดดื่มชัดๆ!

ก่อนที่จะเปิดเผยสถานะที่แท้จริงนั้น เย่เฉินและหวังเจียเหยามีความสัมพันธ์ที่จืดจาง เขาเข้าใจได้ที่หล่อนนอกใจเขาไปหาฟางเชา!

หลังจากที่หวังเจียเหยาท้องแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนก็จืดชืดลงไปอีก หล่อนชอบความแปลกใหม่ของหลิ่วอวี่เจ๋อก็พอเข้าใจได้!

แต่ว่าตอนนั้นทั้งสองคนเป็นช่วงที่รักกันอย่างดูดดื่มที่สุด!

ทำไมหวังเจียเหยายังไปมีชายคนอื่นได้!

ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่!

ทำไมจนถึงตอนนี้เย่เฉินถึงไม่ทันได้สังเกตแม้แต่น้อย!

เย่เฉินรีบหยิบผลตรวจ DNA มาทันทีแล้วพุ่งพรวดออกไปด้านนอก

“คุณเย่ คุณเย่ ใจเย็นๆ!”

เห็นเย่เฉินมีท่าทีหุนหัน ทั้งสามคนจึงรีบเข้าไปขวาง แต่พวกเขาไม่สามารถจะขวางได้เลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้หวังเจียเหยาและฉินหงเหยียนต่างก็กำลังนั่งดื่มชาอยู่

เห็นเย่เฉินออกมา ทุกคนก็รีบแหงนหน้ามองทันทีแล้วจึงได้เห็นสีหน้าดกรธจนเหมือนจะกินคนได้อยู่รอมร่อของอีกฝ่าย!

หวังเจียเหยารู้ตัวทันทีว่าเกิดเรื่องแย่แน่แล้ว!

“เย่…เย่เฉิน…”

เย่เฉินหยุดลงตรงหน้าหวังเจียเหยา แล้วปาผลตรวจสองชุดในมือใส่หน้าหญิงสาว!

โครม!

หวังเจียเหยาชาหน้าไปหมดจากกระดาษที่โยนใส่หน้าตนเอง!

เย่เฉินกล่าวอย่างไม่พอใจ “หวังเจียเหยา! คุณอธิบายมาว่าเจียอินเป็นลูกใครกันแน่!”

ฉินหงเหยียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รีบร้อนลากเย่เฉิน ไม่ให้เขาผลีผลาม

เพราะในความเป็นจริงพนักงานในศูนย์ตรวจ DNA นั้นต่างก็คาดเดาได้ล่วงหน้าว่าน่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ดังนั้นตอนนี้ถึงได้มีรปภ. ที่มีท่าทางแข็งแรงหลายสิบคนเข้ามาขวางเย่เฉิน เพื่อไม่ให้เขาใช้กำลัง

เมื่อรู้ว่าเด็กไม่ใช่ลูกของตนเองแล้วจึงลงมือทำร้ายภรรยานั้น เป็นเรื่องที่คนในศูนย์นี้เห็นกันจนชินตา

หวังเจียเหยาตกใจจนรีบกลืนชาเขียวในปากลงคอ แล้วจึงหยิบผลตรวจมาดู

“เจียเยว่…พ่อคือเย่เฉิน!”

“อะไรนะ?”

หลิ่วอวี่เจ๋อ ฉินหงเหยียนและซูหลานได้ยินก็ตกใจ

เห็นท่าทางหงุดหงิดของเย่เฉินพวกเขาก็คิดว่าเด็กไม่ใช่ลูกของเย่เฉินเสียอีก

แต่ถ้าเด็กเป็นลูกของเย่เฉิน ทำไมเขาต้องโกรธขนาดนี้!

ซูหลานจึงรียปราดเข้าไปขวางหน้าเย่เฉินแล้วตะคอก “เย่เฉิน! ตาบอดหรือเปล่า! ผลตรวจก็เขียนไว้ชัดเจนว่าเจียเยว่เป็นลูกเธอ! แล้วมาตีลูกสาวฉันทำไม!”

เย่เฉินตะคอกใส่ซูหลาน “คุณให้ลูกสาวคุณดูผลตรวจอีกชุด!”

ผลตรวจอีกชุด?

ทั้งสองคนก็คิดเหมือนเย่เฉิน ที่คิดว่าเด็กที่ตรวจ DNA นั้นคือเด็กแฝด ตรวจแค่คนเดียวก็น่าจะพอรู้แล้วว่าใครเป็นพ่อเด็ก ทำไมต้องตรวจสองคน?

แต่ว่าในตอนที่พวกหล่อนมองผลตรวจของเจียอินก็ตกใจกันหมด

“เจียอินไม่ใช่ลูกของเย่เฉิน!”

เย่เฉินตะคอกหวังเจียเหยา “หวังเจียเหยาผู้หญิงแพศยา! วันนี้อธิบายมาเลยว่าเจียอินเป็นลูกใคร ลูกใครกันแน่!”

ทว่าหวังเจียเหยาในตอนนี้กลับเป็นลมทันที

“เจียเหยา เจียเหยา! ใครก็ได้รีบไปส่งหล่อนไปโรงพยาบาลเร็ว ลูกสาวฉันเป็นลม!”

ซูหลานตระโกนออกมาอย่างร้อนรน

เพื่อจะหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกัน เจ้าหน้าที่ที่นี่จึงรีบแบกหวังเจียเหยาไปส่งที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

ตอนที่ 258 ผลตรวจ DNA!!
เหตุการณ์กลับตาลปัตรกันไปหมด!

เมื่อสิบเดือนก่อน หวังเจียเหยายังเคยดูหมิ่นเหยียดหยามเย่เฉินที่ไม่มีเงิน เพื่อหลิ่วอวี่เจ๋อที่มีเงินมากกว่า

ตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อจึงได้ลิ้มลองรสชาติในการโดนหวังเจียเหยาดูถูก!

สิบเดือนสามสิบล้าน เท่ากับว่าเดือนละสามล้านทำให้หวังเจียเหยารู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ตนเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะค่าตัวของตนเองนั้นถูกเกินไป

หล่อนแต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋อเพราะเห็นแก่เงินของตระกูลหลิ่ว

หลิ่วอวี่เจ๋อโกรธจัด “คุณยังกล้าพูดนะว่านอนกับผมสิบเดือน! ตั้งแต่เราแต่งงานกันคุณก็ตั้งท้องอยู่แล้ว ไม่ยอมให้ผมแตะต้องบอกว่ากลัวจะไปกระทบกระเทือนเด็กในท้อง สิบเดือนมานี้คุณเคยทำให้ผมมีความสุขที่ไหน!

แล้วอีกอย่างนะให้เงินคุณไปสามสิบล้านอาจจะน้อยไปก็จริง แต่ตั้งแต่คุณแต่งเข้าบ้านผมมาเนี่ย ตระกูลหลิ่วของเราช่วยบ้านคุณไปเท่าไหร่่? ถ้าไม่ได้พวกเราช่วยตระกูลหวังของคุณจะกลายเป็นตระกูลแสนล้านได้ยังไง!”

พอฟังมาถึงตรงนี้หวังเจียเหยาก็แหวใส่ทันที “นายยังมีหน้ามาพูดอีก! ตั้งแต่ปู่นายรู้ว่าเด็กไม่ใช่สายเลือดเขา พวกบริษัทที่ร่วมมือกับตระกูลหวังก็ขอยกเลิกสัญญากันเป็นแถวเลย! นายทำให้บ้านฉันขาดทุนไปตั้งหลายพันล้าน! ย่าฉันด่าฉันจนฉันร้องไห้เลย!”

เมื่อเห็นทั้งสองคนเถียงกันอย่างไม่ลดละ เย่เฉินก็พึมพำ “หวังเจียเหยาเอ้ยหวังเจียเหยา คุณเสียแค่พันล้านเสียที่ไหน เดี๋ยวถ้าเด็กๆ ไม่ใช่ลูกผม พวกคุณได้เสียโครงการทั้งหมดที่ผมเคยช่วยตระกูลหวังเอาไว้แน่! พอตอนนั้น ตระกูลหวังได้กลับไปมีสภาพเหมือนเมื่อก่อน ได้กลับไปเป็นตระกูลเล็กๆ ในอวิ๋นโจวเหมือนเดิมแน่!”

ที่จริงแล้วความรุ่งเรืองที่ตระกูลหวังมีในตอนนี้เพราะได้ความช่วยเหลือจากเย่เฉินและตระกูลหลิ่ว

ทันทีที่ไม่มีพวกเขาแล้ว ตระกูลหวังที่มีแค่หวังจื้อหย่วนและหวังจื้อเฉียงแทบจะไม่น่าจะประสบความสำเร็จอะไร

เย่เฉินก็ไม่อยากเถียงกับพวกเขาสองคน เขารอผลตรวจมาสัปดาห์แล้ว ทนไม่ไหวแล้ว!

เย่เฉินกล่าว “พอได้แล้ว! ผมไม่ได้มาฟังพวกคุณทะเลาะกันนะ! หวังเจียเหยาถ้าเตรียมตัวเสร็จแล้วเราไปกันตอนนี้เลย”

หวังเจียเหยาเองก็ไม่สนใจหลิ่วอวี่เจ๋ออีก หล่อนมองเย่เฉินด้วยท่าทีว่าง่าย “อืม ได้สิ เย่เฉิน ฉันนั่งรถนายไปเถอะ”

เย่เฉินกล่าวต่อ “พวกคุณขับรถไปกันเองเถอะ ผมจะพาฉินหงเหยียนไปด้วย”

หวังเจียเหยาพีมพำเสียงเบา “ลูกเราสองคน หล่อนไปทำไม”

แต่ว่าหวังเจียเหยาก็ยังจะเลือกนั่งรถ Audi ของตนเองไปกับซูหลาน ไม่ยอมให้หลิ่วอวี่เจ๋อไปด้วย แต่สุดท้ายแล้วซูหลานก็ตัดสินใจให้หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคนขับรถพาพวกหล่อนไป

เย่เฉินและฉินหงเหยียนขับรถ Maybach ไปถึงที่ศูนย์ตรวจก่อน

“ศจ. ก่วนสวัสดีครับ”

ตอนเย่เฉินมาถึง ศจ.ก่วนก็ออกมาต้อนรับเขาด้วยตนเอง

“ศจ. ก่วนไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

หวังเจียเหยาทักทายคนรับผิดชอบที่นี่อย่างมีมารยาท

“คุณเย่ คุณหวัง สวัสดีครับ”

ศจ. ก่วนทักทายทั้งสองคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ศจ.ก่วนในตอนนี้รู้ผลการตรวจแล้ว ดังนั้นเย่เฉินจึงพอจะอ่านข่าวบางอย่างออกผ่านทางอารมณ์ของอีกฝ่าย

แต่ว่าหมอนี่ปกปิดอารมณ์ตัวเองได้ดีมากทีเดียว

เย่เฉินไม่สามารถอ่านอะไรผ่านสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายได้เลย!

ศจ.ก่วนยิ้มแย้มอย่างเป็นมารยาทแล้วกล่าว “คุณเย่ ผลออกมาแล้ว คุณไปดูด้วยกันสิ”

“ได้”

เย่เฉินรอไม่ไหวอีกแล้ว

หลังจากที่เย่เฉินเดินไปแล้ว ฉินหงเหยีน หวังเจียเหยารวมไปถึงหลิ่วอวี่เจ๋อและซูหลานก็สาวเท้าเดินตามหลังเพราะตั้งใจจะไปกับเย่เฉินด้วย

แต่จู่ๆ อีกฝ่ายก็กล่าวทันที “ขอโทษด้วยนะครับ ทุกท่านผลของการตรวจให้คุณเย่ดูได้คนเดียวก่อน พวกคุณรอด้านนอกก่อนแล้วกัน พวกเราเตรียมชาไว้รับรองแล้ว”

ทั้งหมดชะงักฝีเท้า หวังเจียเหยาจึงกล่าวถาม “ฉันเป็นแม่เด็ก ฉันไปด้วยไม่ได้เหรอคะ?”

ศจ. ก่วนกล่าวพลางระบายยิ้ม “เพราะคุณเป็นแม่เด็ก ดังนั้นผลตรวจของเด็กๆ คุณไม่ดูก็รู้จริงไหม?”

สีหน้าหวังเจียเหยาเก้ๆ กังๆ “อ้อ มีแค่ชาเหลืองกับชาแดงเหรอ? ไม่มีชาเขียวเหรอเนี่ย? ฉันอยากดื่มปี้หลัวชุน”

ศจ. ก่วนเห็นใบหน้างดงามของอีกฝ่ายจึงกล่าว “มี…มีชาเขียว!”

ศจ.ก่วนบอกให้ลูกน้องรับรองพวกเขา แล้วก็นำเย่เฉินไปที่ห้องที่ละม้ายว่าจะเป็นห้องวิจัย

ประตูห้องหนักอย่างยิ่ง ขนาดเป็นเย่เฉินเองก็ยังต้องเปลืองไปมากกว่าจะผลักประตูเปิดได้ เย่เฉินเคยอ่าน ‘การออกแบบตัวตึกกับเสียง’ ทำให้รู้ได้เลยว่าห้องนี้เก็บเสียงได้เป็นอย่างดี

ถ้าคุยกัน ร้องเพลง ตะโกนอยู่ในห้องนี้ คนด้านนอกไม่มีทางได้ยิน

ผลการตรวจถือเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างมาก จำเป็นต้องมีสภาพแวดล้อมที่เป็นส่วนตัวแบบนี้

บนใบหน้า ศจ.ก่วนนั้นแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่ยากจะอ่านความมหมาย เขาเป็นฝ่ายแนะนำเจ้าหน้าที่สองคนในห้องให้เย่เฉินได้รู้จัก

“คุณเย่ ทั้งสองท่านนี้คือพนักงานที่เก่งที่สุดและมืออาชีพที่สุดในศูนย์ของเรา และเป็นพนักงานที่รับผิดชอบการตรวจ DNA ให้ลูกสองคนของคุณ”

หลังจากทั้งสองคนเห็นเย่เฉินแล้ว ก็รีบทำความเคารพอย่างเคร่งครัดทันที แล้วประสานเสียง “คุณเย่ พวกเราขอรับรองว่าผลการตรวจ DNA ว่าแม่นยำและโปร่งใสแน่นอน!”

ที่จริงแล้วเย่เฉินเคยสืบเรื่องพวกเขาสองคนมาก่อน จึงรู้ว่าพวกเขาสองคนไม่มีประวัติด่างพร้อยและไม่ได้รับเงินใคร

“รบกวนทุกท่านแล้ว”

เย่เฉินจับมือคนทั้งสอง

หลังจากนั้น ศจ. ก่วนก็หยิบเอาผลตรวจออกมาส่งให้เย่เฉิน!

วินาทีนี้เย่เฉินตื่นเต้นอย่างมาก!

เขาที่เคยออกกำลังกายมาหลายปี ขณะเอื้อมมือไปรับกระดาษ A4 แค่ไม่กี่แผ่นมากลับรู้สึกว่ามันหนักจนน่าประหลาดใจรู้สึกเหมือนว่าตนเองจะไม่มีแรงรับมัน!

“คุณเย่เชิญดู” สีหน้าของอีกฝ่ายกลับดูลึกลับจนยากจะอ่านออกมากกว่าเดิม!

รายงานทุกชุดจะมีความหนาสี่แผ่น แผ่นแรกจะเขียนว่าใครเป็นคนจ้าง วันเวลาและข้อมูลเบื้องต้น แต่จะไม่เห็นผลอะไร เพราะกลัวว่าจะไม่เป็นส่วนตัว

จากนั้นเย่เฉินก็พลิกไปหน้าที่สอง

แต่ว่าเย่เฉินยังอ่านทุกตัว ทันใดนั้นเองอีกฝ่ายก็กล่าวออกมา เหมือนจะเตือนเขา “แผ่นที่สามคือผลตรวจ”

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็รู้สึกว่าลมหายใจของเขาถี่กระชั้น เขาที่รอมาทั้งสัปดาห์เต็มๆ วินาทีนี้กลับไม่กล้าเปิดดูแผ่นที่สาม!

ส่วนศจ.ก่วนและนักวิจัยสองคนกลับมีท่าทีตึงเครียด!

เย่เฉินเกลียดที่ตนเองเคยอ่าน ‘Zhouyi’ (คัมภีร์อี้จิง) และ ‘Mayishenxiang’ เขาก็สัมผัสได้ว่าเรื่องนี้จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ !

เขาสัมผัสได้ว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น!

“แม่งเอ้ย!”

เป็นครั้งแรกที่ความสามารถในการรู้ล่วงหน้านี้ทำให้เย่เฉินประสาทเสีย!

แต่ว่าเย่เฉินก็ยังตัดใจเปิดแผ่นที่สามดูทันที!

แล้วเมื่อเห็นข้อความแถวที่หกที่เขียนเอาไว้ว่า “จากข้อมูลและการวิเคราะห์ DNA สนับสนุนว่าเย่เฉินเป็นบิดาทางสายเลือดของเจียอิน!”

“อ้อ!”

เย่เฉินตื่นเต้นจนอุทานออกมาอย่างดีใจ!

เป็นพ่อลูกกัน!

เด็กเป็นลูกของเย่เฉิน!

เพราะยังไม่ได้เอาชื่อเด็กๆ ใส่ในทะเบียนบ้าน ดังนั้นจึงยังไม่ได้กำหนดแซ่ของเด็กๆ ดังนั้นเด็กๆ จึงชื่อเจียอินกับเจียเยว่เป็นการชั่วคราว

“ยินดีด้วยคุณเย่”

ศจ.ก่วนแสดงความยินดีกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วนักวิจัยอีกสองคนก็ทำตาม

แต่เย่เฉินทนไม่ไหว เขาจึงต่อยอีกฝ่ายเบาๆ “คุณนี่! ในเมื่อเด็กๆ เป็นลูกผม แล้วสีหน้าพิกลเมื่อครู่ของคุณมันทำให้ผมไพล่คิดไปว่าเด็กๆ ไม่ใช่ลูกผม ผมตกใจหมดเลย!”

พอศจ.ก่วนได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มน้อยๆ ที่มีก็เจื่อนลงไปทันที!

ศจ.ก่วนมีท่าทีตึงเครียดอีกครั้ง!

เย่เฉินหันมองนักวิจัยทั้งสองคนอีกครั้ง ใบหน้าเปื้อนยิ้มของพวกเขาค่อยๆ กลายเป็นความวิตกกังวลทันที!

ตอนที่ 257 หวังเจียเหยาหย่าอีกครั้ง!
ฉินหงเหยียนได้ยินสวี่ฉู่หมิงพูดแบบนี้ก็ตกใจอย่างมาก

“สวี่ฉู่หมิง คุณหมายความว่ายังไง? ทำไมผู้หญิงคนอื่นแต่งงานกับเย่เฉินได้ แล้วฉันแต่งไม่ได้? หรือเพราะคุณเคยรับเลี้ยงฉันมาสามปีเหรอ? หรือว่า… คุณอยากจะใช้รูปในอดีตพวกนั้นมาขู่ฉัน?”

ตอนที่ฉินหงเหยียนคบหากับสวี่ฉู่หมิงนั้น ยังเป็นแค่ผู้หญิงใสซื่อ ไม่ได้มีพิษภัยอะไร

ดังนั้นเขาจึงมีสิ่งของจำนวนมากที่น่าจะสามารถใช้ข่มขู่หล่อนได้ในตอนนี้

ทว่าหลังจากที่อีกฝ่ายได้ยินข้อสันนิษฐานของเจ้าหล่อนก็ยิ่งโมโหกว่าเดิม

“หงเหยียน! ฉันเป็นเพื่อนสนิทพ่อเธอ! ฉันเป็นญาติเธอนะ! เธออย่าคิดกับฉันให้มันน่าเกลียดขนาดนั้นได้ไหม”

ที่จริงแล้วในใจฉินหงเหยียนเองก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นคนสารเลวขนาดนั้น

อย่างไรเสียสวี่ฉู่หมิงเองก็อายุปาเข้าไปห้าสิบแล้ว แถมยังเป็นประธานบริษัทมูลค่าหลายแสนล้าน

ถ้าหากไม่ได้ครอบครองใครสักคนก็ควรจะปล่อยมือไปเสียดีกว่า ไม่ต้องใช้วิธีต่ำต้อยแบบนี้มารั้งกันเอาไว้

“งั้นเป็นเพราะสาเหตุอะไร?” ฉินหงเหยียนเองก็เริ่มประหลาดใจ

แต่ว่าวี่ฉู่หมิงเองก็ไม่ได้บอกเหตุผลหล่อนตรงๆ “สาเหตุเพราะอะไรนั้น เธอมาหาฉันแล้วฉันจะบอกเธอต่อหน้า”

ฉินหงเหยียนขมวดคิ้ว สงสัยว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ถึงพูดในโทรศัพท์ไม่ได้ ต้องให้ฉินหงเหยียนไปพบเขาแล้วเขาถึงจะยอมพูด

จากที่รู้จักอีกฝ่ายมานาน หญิงสาวรู้ดีอย่างยิ่งว่าสวี่ฉู่หมิงคนนี้ไม่ได้กำลังพูดเรื่อยเปื่อย แต่จะต้องมีเรื่องสำคัญอะไรแน่เขาถึงได้พูดแบบนี้

ฉินหงเหยียนครุ่ยคิดแล้วกล่าว “ช่วงนี้ฉันไปไม่ได้ อีกสัปดาห์ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันขอดูก่อนแล้วจะบินไปหา”

สัปดาห์นี้เป็นช่วงที่เย่เฉินรอผลตรวจ DNA ฉิงหงเหยียนรู้ว่าในช่วงสัปดาห์นี้เย่เฉินคงจะทรมานมาก หล่อนอยาจะอยู่ที่เทียนไห่เป็นเพื่อนเขา

สวี่ฉู่หมิงกล่าว “ดี งั้นสัปดาห์หน้า แต่ว่าฉันเตือนเธอไว้ก่อนนะก่อนจะมาพบกัน ห้ามจดทะเบียนกับเย่เฉินเด็ดขาด แล้วอย่าเพิ่งคิดเรื่องจัดงานหมั้นอะไรทั้งนั้นเข้าใจไหม?”

ฉินหงเหยียนรู้ดีว่าก่อนที่ผล DNA จะออกเย่เฉินคงไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำเรื่องจดทะเบียนอะไรกับตนเอง

ดังนั้นหล่อนจึงตอบรับ “ได้!”

……

หวังเจียเหยาที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน ก็ไม่ได้มีอารมณ์จะกล่อมลูก แต่ดื่มน้ำไม่หยุด

ดื่มน้ำแก้วโตจนหมดแก้วเสียด้วย

ซูหลานเองเห็นท่าทางของหวังเจียเหยาผิดปกติจึงถามอย่างห่วงใย “ลูกรัก ลูกบอกแม่มาจริงๆ เด็กสองคนไมใช่ลูกเย่เฉินใช่ไหม?”

หวังเจียเหยาปฏิเสธทันควัน “แม่คะ แม่พูดอะไร เด็กๆ เป็นลูกเย่เฉิน! เป็นสายเลือดตระกูลเย่แน่ๆ”

ซูหลานถึงได้ผ่อนลมหายอย่างโล่งอก “งั้นก็ดี ฮ่าๆ ตระกูลหวังเราชักจะรุ่งเรืองใหญ่แล้ว มีเด็กแฝดตระกูลเย่คู่นี้ เจียเหยาชีวิตนี้ลูกไม่ต้องห่วงเรื่องเงินอีกแล้ว”

……

อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฉินหงเหยียนยังคงไปทำงานตามปกติ แล้วยังสานต่อแผนการ ‘พนักงานส่งของหญิงจากต่างประเทศ’ ของเย่เฉินต่อ

ส่วนเย่เฉินเองก็สร้างตึกของเฉินเย่กรุ๊ปในเทียนไห่ โดยดีไซน์ของตัวตึกนั้นล้วนแต่ได้ทีมออกแบบระดับโลกมาออกแบบให้ หลังจากที่สร้างเสร็จแล้วจะต้องกลายเป็นตึกที่สวยที่สุดในเทียนไห่อย่างแน่นอน

แต่ถึงแม้เย่เฉินจะเป็นประธานบริษัท มีธุระปะปังมากมายให้ต้องสะสาง แต่เขากลับไม่มีอารมณ์จดจ่อกับการทำงาน

เขาทำงานไปแค่วันเดียวก็ยอมแพ้ไป เพราะว่าทั้งหัวเขาคิดแต่เรื่องตรวจ DNA

เขาจึงตัดใจอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านแทน

เขาเอาหนังสือของนักเขียนที่เขาชื่นชอบอย่าง Gabriel García Márquez เรื่อง ‘Love in the Time of Cholera’ และ ‘One Hundred Years of Solitude’ อีกรอบ

แล้วเขาก็เริ่มดูภาพยนตร์ ดูภาพยนตร์อาร์ตพวกที่เข้าใจยากๆ อะไรพวกนั้น

เช่นเรื่อง ‘Inception’ ‘Catch Me If You Can’ ‘Coherence’ เป็นต้น

แล้วเขาก็เริ่มดูการแข่งบาสเก็ตบอล NBA เมื่อยี่สิบปีก่อน

การแข่งชิงแชมป์ระหว่าง Michael Jordan กับ Lakers ที่โชว์เปลี่ยนลูกบอลกลางอากาศ

Charles Barkley และ Shaquille O’Neal ฟัดกันจนพัลวัน

Kobe ในวัยรุ่นก้าวเข้าวงการเซเลบครั้งแรก กล่าวกับ Karl Malone ว่าให้ไสหัวไป ฉันต้องการจะแบทเทิลตัวต่อตัวกับ Jordan!

แล้วเขาก็ดูละครที่หวังเจียเหยาชอบอีกรอบ

‘Laughing in the Wind’ ในเวอร์ชันของ Jackie Lui (หลี่ซ่งเสียน) หรือว่า ‘Heavenly Sword Dragon Slaying Saber’ ในเวอร์ชันของ Lawrence Ng (อู๋ฉีหัว) ‘แปดอสูรมังกรฟ้า’ เวอร์ชันของ Felix Wong หรือ ‘The Legend of the Condor Heroes’ ที่แสดงโดย Julian Cheung (จางจื้อหลิน) และ ‘The Deer and the Cauldron ’ ในเวอร์ชั่น Jordan Chan (เฉินเสี่ยวชุน)

เขายังศึกษาเรื่องพื้นที่อวกาศที่ Musk ชื่นชอบ แถมยังวีดีโอคอลคุยกับเขา เพื่อจะถกกันเรื่องความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะย้ายไปดาวอังคาร

ในที่สุดก็ถึงวันที่เจ็ด!

เขาเตรียมตัวตั้งแต่เช้า ไปเคาะประตูบ้านหลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยา

“ทำไมเช้าจัง?” หลิ่วอวี่เจ๋อเปิดประตูให้เย่เฉินด้วยตนเอง

เย่เฉินกล่าว “ผลออกแล้ว ผมอยากพาหวังเจียเหยาไปดูด้วยกัน”

หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะเจ้าเล่ห์ “เหรอ? ฉันว่างพอดี ฉันเองก็อยากจะไปดูด้วย”

ใครจะรู้เสียงของหวังเจียเหยาก็ลอดออกมา “หลิ่วอวี่เจ๋อนายไปทำไม! ปู่นายสั่งให้เราหย่ากันแล้ว ฉันไม่ใช่สะใภ้ตระกูลนายแล้ว!”

ตั้งแต่ที่เย่เฉินไปป่วนงานเลี้ยงของเด็กแฝด แล้วหลิ่วหย่วนหางรู้เรื่องว่าเด็กไม่ใช่ลูกหลานชายตนเอง หลิ่วหย่วนหางก็สั่งให้พวกเขาหย่ากันทันที

ตอนนี้ทั้งสองคนยังไม่ได้ทำเรื่องหย่า แต่พวกเขาจะต้องหย่ากันแน่ๆ

หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้รักหวังเจียเหยามากมาย ส่วนหวังเจียเหยาก็อยากกลับมาคบหากับเย่เฉิน

เย่เฉินประหลาดใจ “พวกคุณไม่รับหวังเจียเหยาเป็นสะใภ้แล้ว?”

หวังเจียเหยาเดินมาแล้วกล่าว “ใช่ เย่เฉิน ตระกูลหลิ่วสั่งให้ฉันหย่า ฉันไม่ใช่สะใภ้บ้านนี้แล้ว ไม่ใช่ภรรยาของหลิ่วอวี่เจ๋อแล้ว! รอทำเรื่องหย่าเสร็จฉันก็จะเป็นอิสระแล้ว!”

เย่เฉินถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ หวังเจียเหยาคนนี้เก่งจริงๆ แค่ระยะเวลาสองปีเท่านั้น หล่อนแต่งแล้วก็หย่า หย่าแล้วก็แต่งใหม่ พอแต่งใหม่ก็หย่าอีกที

แถมทุกชีวิตการสมรสก็สั้นจิ๋ว

แต่ว่าชีวิตสมรสระหว่างหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อ จะโทษหล่อนก็ไม่ได้

ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเย่เฉินแฉหลิ่วอวี่เจ๋อ คาดว่าทั้งสองคนก็น่าจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

หวังเจียเหยาเป็นฝ่ายเอื้อมมือมาจูงมือเย่เฉินแล้วกล่าวด้วยเสียงอ่อนหวาน “เย่เฉิน หลังจากที่ผล DNA ออกมาแล้วว่าเด็กๆ เป็นลูกนาย เรากลับมาคบกันนะ”

หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นทั้งสองคนสนิทสนมกันแบบนี้ต่อหน้าตัวเอง ก็หัวเสีย “หวังเจียเหยา! คุณยังไม่ได้ทำเรื่องหย่ากับผมนะ! ตอนนี้ผมยังเป็นสามีคุณอยู่! คุณจูงมือผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผมเห็นผมตายไปแล้วหรือไง!”

ก่อนนี้หวังเจียเหยาเคยสวมเขาให้เขา ตอนนี้ทั้งสองคนหย่ากันไปแล้ว หวังเจียเหยาไม่สนใจความรู้สึกเขาหรอก

หวังเจียเหยากล่าว “เราหย่ากันแล้ว เงิน 30 ล้านที่บ้านนายแบ่งมายังไม่พอค่าเสื้อผ้ากระเป๋าของฉันเลย! ฉันนอนกับนายมาสิบเดือน ให้เงินฉันมาเท่านี้ยังมีหน้าจะให้ฉันเคารพนายเหรอ?”

ตอนที่ 256 ตรวจ DNA เด็กๆ!
ตอนขับรถอยู่คนเดียวไปเจอสุนัขเห่าใส่

ตอนกรมอุตุประกาศว่าฝนตก แต่บนฟ้ามีกบินว่อน

ตอนที่ Micheal Jordan อายุ 23 ปี กำลังจะโยนลูกโทษ

บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องดูภาพเหตุการณ์ในวินาทีต่อมาก็รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ผลลัพธ์นั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว

สุนัขก็คงจะหลบ ฝนก็จะตกหนัก ส่วนเทพแห่งวงการบาสเก็ตบอลก็ย่อมชู้ตลงอยู่แล้ว

เย่เฉินเองก็เชื่อมั่นเรื่องลูกแบบนี้เหมือนกัน

แต่ว่าตัวเขาเองก็ยังคงต้องการผลตรวจที่จะทำให้ทุกคนไม่ติดใจอะไรอีก

การตรวจ DNA นั้นจะทำให้ทุกอย่างสิ้นสุดลงเมื่อผลตรวจที่ว่านั่นออกมา

เย่เฉินและหวังเจียเหยาอุ้มลูกกันคนละคนแล้วนั่งในรถ Maybach ของเขา

จุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้ก็คือศูนย์ตรวจ DNA ประจำเทียนไห่

ตลอดการเดินทางหวังเจียเหยาปิดปากเงียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพียงแต่กอดลูกเอาไว้แน่น ดูแล้วเหมือนหญิงสาวก็เป็นกังวลมากทีเดียว!

เมื่อถึงศูนย์ตรวจ DNA เย่เฉินก็ไปพบกับคนรับผิดชอบตรวจ DNA ซึ่งเป็นคุณหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประเทศ

“ศจ.ก่วนครับ ผมอยากจะตรวจ DNA เด็กทั้งสองคน พอจะถามได้ไหมครับว่าผลจะออกเมื่อไหร่?” เย่เฉินกล่าวถาม

ศจ. ก่วนเองพอจะรู้ว่าเย่เฉินไม่ใช่คนธรรมดาดังนั้นถึงได้ยอมพบเขา

อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “คุณเย่ ลูกของคุณเพิ่งคลอดได้ไม่ถึงครึ่งปี ปกติแล้วเราไม่แนะนำให้ตรวจ DNA เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนนะครับ”

เย่เฉินเจอกับหัวกะทิในวงการแพทย์เช่นนี้ก็ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียเย็นชา “ตอบคำถามผมมา”

ส่วนเรื่องหมอจะแนะนำหรือไม่ เย่เฉินเองก็พอจะรู้

ถ้าเขากับหวังเจียเหยารักกันเหมือนก่อน อย่าว่าแต่ให้รอครึ่งปีเลย ไม่ให้เขาตรวจ DNA เด็กๆ ไปตลอดชีวิตก็ได้!

แต่ว่าตอนนี้เย่เฉินไม่อยากจะรอต่อไปอีกแค่เสี้ยววินาที!

ศจ.ก่วนเองพอจะรู้ว่าชายตรงหน้าตอนนี้เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศนี้ก็ไม่กล้าพูดมาก จึงตอบตามตรง

“ถ้าลูกของคุณตรวจเลือด ผมหรือกระพุ้งแก้มล่ะก็น่าจะเจ็ดวันทำการผลก็ออก”

เย่เฉินไม่ค่อยเข้าใจเรื่อพวกนี้นัก จึงถาม “เจ็ดวันนานไปหน่อยครับ พอจะเร็วกว่านี้ได้ไหม?”

ศจ.ก่วนอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ที่จริงแล้วจากมุมมองของห้องทดลอง ผลตรวจ DNA ออกได้ภายใน 8 ชั่วโมงแต่ถ้าตามขั้นตอนของเราแล้ว การตรวจ DNA ต้องให้นักวิจัยสองคนตรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสรุปว่าเป็นสายเลือดเดียวกันหรือไม่ จำเป็นต้องใช้นักวิจัยสองคนตรวจถึงได้จะผลสรุป

ผลตรวจรอบแรกต้องใช้เวลาสองวัน ส่วนอีกรอบต้องเก็บสารพันธุกรรมจากใน DNA ต้องใช้เวลาสองวันแค่ขั้นตอนพวกนี้ก็ใช้เวลาปาเข้าไปสี่วันแล้ว หลังจากตรวจสองรอบแล้ว ยังต้องใช้เวลาอีกสามวันเพื่อคำนวณสถิติของผลตรวจด้วยดังนั้นถึงต้องใช้เวลาถึงเจ็ดวัน

อย่างไรเสียการตรวจ DNA ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ พวกเรารอบคอบเอาไว้ก็น่าจะดีกว่า หากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นจะไม่เท่ากับว่าเป็นการทำลายความสัมพันธ์ของพวกคุณหรอกหรือ? คุณว่าจริงไหม?”

เย่เฉินพยักหน้ารับแล้วกล่าว “เวลานานหรือสั้นไม่ใช่ปัญหา สิ่งที่ผมต้องการก็คือความแม่นยำของผลการตรวจ!”

อีกฝ่ายตอบ “คุณเย่สบายใจได้ ผมอยู่ในสายงานนี้มาหลายสิบปี ผมขอเอาชื่อเสียงผมเป็นประกันเลยว่าอีกเจ็ดวันผลการตรวจที่ออกมาจะไม่มีปัญหาอะไร ผมจะเป็นคนคอยยดูแลการตรวจของคุณเย่เอง”

เย่เฉินเองก็พอจะรู้ถึงศักยภาพของอีกฝ่ายจึงกล่าวว่า “ไม่เพียงแต่ต้องรับรองความแม่นยำ แต่ต้องรับรองความถูกต้องด้วย คุณน่าจะรู้ว่าผมเป็นใคร ตระกูลเย่ของเราไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา ยากจะแน่ใจว่าจะไม่มีคนติดสินบนนักวิจัยเพื่อจะได้ฮุบสมบัติของตระกูลเรา ศจ.ก่วนครับ ผมขอพูดตรงๆ เลยแล้วกันถ้าผมรู้ว่ามีใครกล้าบิดเบือนผลการตรวจแล้วหลอกลวงผม ผมจะไม่ปล่อยเขาไปแน่!”

ศจ. ก่วนเองก็พอจะสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเย่เฉิน เขามีท่าทีหวาดกลัวเล็กน้อย “ครับคุณเย่”

หลังจากนั้นทางศูนย์ตรวจ DNA ก็เริ่มเก็บตัวอย่าง เซ็นสัญญาแล้วรอผล

เมื่อออกมาจากศูนย์ เย่เฉินก็พาหวังเจียเหยาและเด็กๆ มาส่งที่วิลล่า

“เสี่ยวเฉิน เข้าบ้านก่อนสิ กว่าผลจะออกตั้งสัปดาห์หนึ่ง เธอไม่ต้องร้อนใจ” ซูหลานกล่าว

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “ไม่ดีกว่าครับ ผมจะกลับไปหาคู่หมั้นผม เดี๋ยวอีกสัปดาห์ผมจะมารับไปดูผลตรวจที่ศูนย์”

พูดจบเย่เฉินก็กลับไปวิลล่าของเขาและฉินหงเหยียน

ฉินหงเหยียนเองรออยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นเย่เฉินกลับมาก็ถามอย่างร้อนใจ “เป็นยังไงบ้าง? ตรวจหรือยัง?”

เย่เฉินพยักหน้ารับ “ต้องรอเจ็ดวันผลถึงจะออก”

ฉินหงเหยียนกล่าว “อืมรอนานก็ไม่เป็นไรหรอก แต่จะให้ดีควรจะได้ผลที่แม่นยำเลยในครั้งเดียว จะได้ไม่ต้องไปตรวจใหม่”

เย่เฉินเองก็ไม่สบายใจจึงโทรหาหลิวเจิ้งคุน

“คุณชาย!”

“อาคุนช่วยไปจับตาดูทุกคนในศูนย์ตรวจ DNA เทียนไห่หน่อย ดูว่าอีกเจ็ดวันนี้ พวกเขาได้ไปเจอบุคคลน่าสงสัยอะไรไหม ทั้งหวังเจียเหยากับหลิ่วอวี่เจ๋อด้วย จับตาดู 24 ชั่วโมงไปเลยนะ”

“ครับ!”

พอวางสาย ฉินหงเหยียนก็กล่าวถาม “คุณกลัวว่าหวังเจียเหยาจะติดสินบนคนในศูนย์ตรวจ DNA เหรอคะ?”

เย่เฉินพยักหน้า “เผื่อๆ เอาไว้น่ะ”

ถ้าหากว่าหวังเจียเหยาทำผิดขึ้นมาจริงๆ หล่อนอาจจะทำแบบนี้ก็ได้

แต่ในตอนนี้เองโทรศัพท์ของฉินหงเหยียนก็ดังขึ้น ปลายสายเป็นสวี่ฉู่หมิง

เย่เฉินย่อมไม่คิดอะไร ทุกคนต่างก็มีอดีตกันทั้งนั้น เหมือนที่ฉินหงเหยียนก็ไม่ได้โกรธอะไรเรื่องของตนเองกับหวังเจียเหยา

เย่เฉินกล่าว “สวี่ฉู่หมิงน่าจะรู้เรื่องที่ผมขอคุณแต่งงาน พวกคุณมีสัญญาครึ่งปีอะไรกันไม่ใช่เหรอ? ครบรอบเดือนกุมภาพันธ์พอดี คุณคุยกับเขาให้รู้เรื่องเถอะ”

ฉินหงเหยียนพยักหน้ารับ แล้วรับสายอีกฝ่าย

เย่เฉินไม่ได้ยืนฟัง เขาเดินไปเข้าห้องน้ำแทน

“ฮัลโหล”

“หงเหยียน เธอรับปากแต่งงานกับเย่เฉินแล้วเหรอ?”

บางทีสวี่ฉู่หมิงอาจจะเพิ่งดูข่าวมา ดังนั้นถึงได้หัวฟัดหัวเหวี่ยง

ฉินหงเหยียนตอบ “ใช่ค่ะ เขาขอฉันแต่งงาน ฉันก็เลยรับปากเขาไปแล้ว ฉู่หมิง ฉันรู้ว่าคุณเองก็อยากจะแต่งงานกับฉัน แต่เรื่องของเรามันเป็นอดีตไปแล้ว”

สวี่ฉู่หมิงกล่าวอย่างหัวเสีย “เธอไม่ควรรับปากเขา! ตอนแรกที่พวกเราพนันกันครึ่งปี ทำไมเธอไม่มาหาฉันก่อน แล้วค่อยไปตกปากรับคำจะแต่งงานกับเย่เฉิน!”

ที่จริงแล้วหญิงสาวเองก็คิดจะไปที่เมืองเสินเฉิงสักรอบ เพื่อไปคุยกับสวี่ฉู่หมิงให้รู้เรื่อง เพราะต่อให้ผ่านไปครึ่งปีหล่อนก็ยังจะเลือกเย่เฉินอยู่ดี

แต่ว่าเย่เฉินขอแต่งงานกระทันหันเกินไป หญิงสาวเองก็คาดคิดไม่ถึงเช่นกัน

ฉินหงเหยียนกล่าว “ฉันเองก็ตั้งใจจะไปหาคุณ แต่คำตอบก็ยังเป็นเหมือนเดิม คุณแพ้แล้วค่ะ ฉู่หมิง ผ่านไปครึ่งปีแล้วแต่ฉันก็ยังไม่เบื่อ ต่อไปก็คงจะไม่เบื่อด้วย ตอนนี้เย่เฉินไม่เพียงแต่หล่อเหลา เขายังมีเงิน ตอนนี้เขารวยกว่าคุณเสียอีก… ฉู่หมิง คุณอย่าโกรธที่ฉันพูดจาไม่น่าฟังนักนะ แต่ตอนนี้คุณไม่อาจเทียบกับเย่เฉินได้เลย”

นั่นสิ เมื่อครึ่งปีก่อนเขาทั้งมีเงินและมีหน้ามีตากว่าเย่เฉิน

แต่ตอนนี้เย่เฉินที่เป็นประธานเฉินเย่กรุ๊ป เป็นหลานชายตระกูลเย่ อยู่เหนือกว่าเขาสวี่ฉู่หมิงชัดๆ!

ใครจะรู้สวี่ฉู่หมิงจะยังไม่ยอมลดละ ทั้งที่ได้ยินฉินหงเหยียนพูดตรงไปตรงมาขนาดนี้ก็แล้ว

“หงเหยียน เรื่องที่เธอพูดพวกนี้ฉันเองก็รู้ เขาถือเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทั้งประเทศอยากจะแต่งงานด้วย แต่ผู้หญิงทุกคนในโลกใบนี้ใครจะแต่งงานกับเขาก็ได้ยกเว้นเธอ!”

ตอนที่ 255 หวังเจียเหยาเสียใจทีหลังอีกแล้ว!
ก่อนนี้ที่โรงพยาบาล ตอนที่หวังเจียเหยาให้กำเนิดเด็กแฝดทั้งสองคนซูหลานยังให้เย่เฉินเลือกอยู่เลย

ว่าเด็กๆ ควรจะแซ่หลิ่วหรือแซ่หวังกันแน่?

แต่ไม่ได้มีแซ่เย่เป็นหนึ่งในตัวเลือก!

แถมยังบอกว่าเย่เฉินเป็นเขยที่แต่งเข้าไม่คู่ควรให้เด็กๆ ใช้แซ่เขา!

ตอนนี้พอรู้ว่าเย่เฉินได้กลายเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศนี้แล้ว สภาพแม่ยายปากหวานก็กลับเข้ามาแทนที่อีกครั้ง!

เย่เฉินปรายตามองซูหลานอย่างดูถูก แล้วเดินเข้าวิลล่าโดยไม่สนใจไยดีอีกฝ่าย

เพิ่งจะเดินเข้ามาด้านในเขาก็เห็นแผ่นหลังของหญิงสาวในชุดยาวสีขาวบริสุทธิ์

ดูท่าแล้วหวังเจียเหยาน่าจะเดาว่าเย่เฉินคงจะมาพบหล่อนแน่ๆ ดังนั้นถึงได้แต่งตัวในชุดสีขาวบริสุทธิ์แบบที่เย่เฉินชอบ

“หวังเจียเหยา”

พอหญิงสาวได้ยินเสียงเขาก็ค่อยๆ หมุนตัวกลับมาช้าๆ หลังจากที่คลอดลูกแล้วหล่อนก็พยายามอย่างหนักเพื่อให้รูปร่างของตนเองกลับมาอยู่ในสภาพเดิม แต่เรือนร่างหล่อนตอนนี้ยังออกจะอวบๆ อยู่เล็กน้อย

แต่ไม่ได้แปลว่าหล่อนในตอนนี้จะไม่สวย

หญิงสาวในประเทศนี้ให้ความสำคัญกับความผอมกว่าสิ่งอื่นใด คนส่วนมากหนักแค่ 50 กก. ยังบอกว่าตนเองอ้วน หนำซ้ำยังพยายามลดน้ำหนักกันแทบเป็นแทบตาย

กลับกันเย่เฉินไม่ได้ชอบคนผอมแห้งติดกระดูกแบบนั้น เขากลับรู้สึกว่าผู้หญิงมีเนื้อหน่อยๆ ก็ดีเหมือนกัน

หวังเจียเหยาในตอนนี้ถือได้ว่าถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่อวบอ้วนน้อยๆ ขาใหญ่กว่าเดิมไม่น้อยแต่ทำให้รู้สึกว่าเซ็กซี่ดี

รูปลักษณ์ใบหน้าของหญิงสาวนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะยังสวยงามไร้ที่ติเหมือนที่เคย

เย่เฉินมีชีวิตมานานขนาดนี้ ในบรรดาหญิงสาวที่เขาเคยเจอ มีแค่หญิงสาวที่ร้านกาแฟเท่านั้นที่พอจะเรียกได้ว่าสวยสูสีกับหวังเจียเหยา

แต่ไม่รู้ว่าเพราะหวังเจียเหยาใส่ส้นสูงหรือเปล่า เย่เฉินถึงได้พบว่าหวังเจียเหยาตัวสูงขึ้น!

พอเป็นแบบนี้เลยทำให้หญิงสาวดูขายาวขึ้นและดูมีบุคลิกภาพดีขึ้นกว่าเดิม

เมื่อหวังเจียเหยาเห็นเย่เฉิน ทำนบน้ำตาก็พังทลาย หล่อนวิ่งมาหาเขาแล้วโผเข้าอ้อมกอดชายหนุ่ม!

ภาพในวินาทีนี้นั้นเหมือนกับตอนที่หวังเจียเหยาโผเข้าหาเขาในงานแต่งงานของตนเองกับฟางเชาโดยไม่สนใจสายตาใครอย่างไรอย่างนั้น!

หวังเจียเหยาที่โถมเข้าหาอ้อมกอดชายหนุ่ม กอดเขาแน่นแล้วพูดเสียงหวาน “ฉันรักคนไม่ผิดจริงๆ!”

โครม!

เย่เฉินกลับไม่มีท่าทีเกรงใจหล่อนแม้แต่น้อย เขาผลักหญิงสาวจนล้มลงไปกองบนพื้น!

รักคนไม่ผิดจริงๆ?

ทำไมถึงกล้าพูดจาน่าขยะแขยงแบบนี้ออกมาได้!

ตอนนี้ผมเป็นเศรษฐีแสนล้านแล้วคุณถึงบอกว่ารักคนไม่ผิด แต่ถ้าผมเป็นแค่คนธรรมดาคุณคงจะรักคนผิดล่ะสิ?

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “หวังเจียเหยา ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อรำลึกอดีตกับคุณนะ!”

หวังเจียเหยาที่ล้มลงกองบนพื้น น้ำตาไหลไหลอาบวงหน้างาม “เย่เฉิน ที่แท้เรื่องที่นายโดนไล่ออกจากตระกูล เป็นเรื่องโกหก ทำไมนายต้องโกหกฉัน? แต่งงานกับฉันมาสามปียังปกปิดสถานะตัวเองหลอกลวงฉันมาสามปี พอแต่งงานกันใหม่อีกรอบ นายก็ยังหลอกฉันอีกครั้ง นายไม่เคยซื่อสัตย์กับความสัมพันธ์ของเราเลย นายคิดว่านายทำถูกแล้วเหรอ?!”

คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะตำหนิเย่เฉินอย่างไม่พอใจ!

เย่เฉินหัวเสียทันที “ผมเนี่ยนะทำผิดต่อคุณ? หวังเจียเหยาเราสองคนใครทำผิดต่อใครกันแน่? ถ้าคุณไม่ได้นอกใจผมไปหาหลิ่วอวี่เจ๋อก่อน ผมจะกุเรื่องบ้าๆ นี่เหรอ? ผมเองจะหย่าคุณเลยก็ได้ แต่ผมเคยรับปากคุณย่าของคุณไงว่าจะไม่ขอหย่ากับคุณ คุณควรจะดีใจที่ย่าคุณดีกับผมขนาดนี้!”

หวังเจียเหยากล่าวอย่างเสียใจ “เย่เฉินนายเข้าใจผิดแล้ว ที่จริงแล้วหลิ่วอวี่เจ๋อแค่มาส่งฉันตอนเลิกงานเท่านั้นเอง ฉันไม่เคยทำอะไรผิดต่อนายเลย”

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “คุณนี่มันท้องแล้วโง่ลงจริงด้วย คุณคงลืมไปว่าคุณเคยเยาะเย้ยผมเอาไว้ว่ายังไงบ้าง? ตอนหลิ่วอวี่เจ๋อนอนโรงพยาบาล คุณอยู่ในห้องเขาตั้งหลายชั่วโมง จะบอกว่าเล่นไพ่กันเฉยๆ หรือไง!”

หวังเจียเหยากัดริมฝีปาก ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไีร

“อย่างมากเราก็แค่จูบกันเท่านั้นเอง มันไม่ใช่เรื่องที่จะถึงขั้นให้อภัยกันไม่ได้เสียหน่อย” หวังเจียเหยากล่าวต่อ

ซูหลานมารดาของหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าว “จริงด้วยๆ ตอนนั้นหวังเจียเหยากำลังตั้งท้องอยู่ อาจจะเกิดเหงาเลยทำผิดไป ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะให้อภัยกันไม่ได้”

หวังเจียเหยาจึงกล่าวต่อ “ต่อให้เป็นตอนนี้ ฉันกับหลิ่วอวี่เจ๋อก็ไม่ได้มีอะไรกัน เย่เฉิน นายเองก็รู้ตอนฉันรู้จักกับเขา ฉันก็ตั้งท้องแล้ว พอท้องก็สิบเดือนกว่าจะคลอด ตอนนี้ฉันเพิ่งจะคลอดลูก เขาไม่แม้แต่จะแตะต้องฉันด้วยซ้ำ เย่เฉิน นายยังคงเป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิตฉัน เรากลับมาแต่งงานกันอีกรอบดีไหม?”

คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะอยากแต่งงานกับเขาใหม่อีกครั้ง!

ผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้ ทรยศเขามาสองครั้ง แต่งงานกับผู้ชายมาแล้วสามคน แต่ยังกล้าพูดแบบนี้อีก!

เย่เฉินเดาว่าหลังจากที่หวังเจียเหยารู้เรื่องตนเองแล้วจะต้องติดพันเขา ดังนั้นเขาจึงไปขอฉินหงเหยียนแต่งงานเอาไว้ก่อน!

เย่เฉินกล่าวอย่างแน่วแน่ “หวังเจียเหยา คุณไม่มีโอกาสแล้ว ผมขอฉินหงเหยียนแต่งงานแล้ว!”

“อะไรนะ? นายขอฉินหงเหยียนแต่งงานแล้ว? หล่อนตกลงแล้วเหรอ?” ใจหวังเจียเหยาเย็นวาบ

เย่เฉินพยักหน้ารับ

หวังเจียเหยากล่าวทันที “ฉินหงเหยียนผู้หญิงสารเลว หล่อนจะต้องรู้นานแล้วว่าเรื่องที่นายโดนไล่ออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหก ดังนั้นถึงได้เกาะติดนาย นายอย่าเชื่อหล่อนนะ หล่อนเป็นผู้หญิงที่เคยถูกผู้ชายเลี้ยงมาก่อน เจ้าเล่ห์สุดๆ!” เย่เฉินไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขาฟาดฝ่ามือใส่หน้าหวังเจียเหยา “หวังเจียเหยา ฉินหงเหยียนเป็นคู่หมั้นผม คุณช่วยเคารพหล่อนหน่อยแล้วช่วยเคารพตัวเองด้วย!”

หวังเจียเหยากุมหน้า ร่ำไห้ หล่อนคิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะกล้าตบหล่อนเพราะหญิงสาวคนอื่น

ซูหลานเห็นเย่เฉินหัวเสียก็รีบร้อนวิ่งไปแยกพวกเขาสองคนแล้วดึงเย่เฉินนั่งลง “เสี่ยวเฉินเอ้ย มีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จา อย่าเพิ่งโมโหสิ เจียเหยาเพ่ิงคลอดลูกแฝดให้เธอนะ หล่อนลำบากมากนะ เพิ่งจะผ่านความเป็นความตายมา”

ถ้าไม่ใช่เพราะหวังเจียเหยาเคยทำร้ายเย่เฉินมามาก เขาก็คงไม่ลงมือทำร้ายหญิงสาว

เขาเองก็ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาว จึงกล่าว “วันนี้ที่ผมมาก็เพราะเรื่องตรวจ DNA เด็กๆ! ถ้าหากว่าคุณยังปฏิเสธอีก คุณก็ควรจะรู้นะว่าลูกจะเสียโอกาสอะไรไปบ้าง!”

หวังเจียเหยายังไม่ทันได้ตอบ ซูหลานก็รีบร้อนกล่าว “ตรวจสิ ตรวจแน่ๆ ในเมื่อเป็นกฎของตระกูลเย่เรา ถ้าเป็นลูกหลานตระกูลเย่ก็จะได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดแบบเสี่ยวเฉิน พอโตขึ้นแล้วจะซื้อบริษัทไหนก็ได้ ฮ่าๆ”

ซูหลานตีมือลูกสาว “ลูกรัก คราวนี้อย่าปฏิเสธเลย”

หวังเจียเหยามีท่าทีสงสัยน้อยๆ หล่อนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นจากโซฟา ทรุดตัวนั่งลงข้างตัวเย่เฉินแล้วกอดเขา

“เย่เฉิน เด็กๆ เป็นลูกนาย ฉันสาบานกับเทวดา ก่อนนี้ที่เคยบอกว่าเป็นลูกของฟางเชาเพราะแค่อยากจะยั่วโมโหนาย หรือว่านายไม่เชื่อใจฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”

ที่จริงแล้วเย่เฉินก็ไม่ได้เชื่อคำพูดเหลวไหลเรื่องเด็กๆ เป็นลูกฟางเชา อีกทั้งหวังเจียเหยาในตอนนั้นก็รักตนเองมากๆ จริงๆ!

เย่เฉินกล่าว “ผมเชื่อใจคุณแล้วก็เชื่อด้วยว่าเด็กๆ เป็นลูกผม ผมสัมผัสได้ ผมแน่ใจ แต่ว่ากฎของตระกูลเป็นแบบนี้ ไม่ตรวจ DNA จะไม่ได้รับสิทธิ์ของทายาทตระกูลเย่ ในอนาคตจะไม่มีสิทธิ์สืบทอดมรดก คุณแน่ใจจะว่าจะไม่ตรวจ DNA?”

แค่หวังเจียเหยาคิดว่าอนาคตเด็กๆ จะไม่สามารถสืบทอดมรดกจึงรีบรับคำ “ได้ ฉันยอมให้นายตรวจ DNA เด็กๆ!”

ตอนที่ 254 เด็กอาจไม่ใช่ลูกนาย!
“ใช่แล้ว! คุณจะต้องอธิบายกับพวกเรา! คิดว่ามีเงินแล้วจะดูถูกใครก็ได้หรือไง?”

“ถ่ายคลิปลงโซเชียลไปเลย ให้คนทั้งประเทศได้เห็นว่าคนร่ำรวยมีเงินเป็นแสนล้าน ทำเรื่องต่ำช้าแบบนี้ในงานเลี้ยงของคู่แข่งทางธุรกิจ!”

“ใช่ส่งไปเลย! เมื่อก่อนเรื่องหลิ่วอวี่เจ๋อก่อเรื่องเหอเหวินเจี้ยนฉินหงเหยียนทำเราเสียหายกันไปเกือบพันล้าน! คราวนี้เอาให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติเสียบ้าง!”

พวกญาติๆ ตระกูลหลิ่วต่างก็ผุดลุกยืนขึ้นแล้วตะโกนใส่เย่เฉิน

เย่เฉินเป็นคนเย็นชาที่เขามาที่นี่ก็เพราะหวังเอ้อร์เชอส่งภาพเด็กๆ ที่เขียนคำว่า ‘หลิ่วเจียอินกับหลิ่วเจียเยว่’ ให้เขา

เขามาที่นี่เพื่อแก้ชื่อแซ่ของเด็กๆ

แต่ในเมื่อคนตระกูลหลิ่วอยากได้คำอธิบายเขาก็ยินดี!

เย่เฉินก้าวขึ้นบนเวทีขณะมองไปที่คนตระกูลหลิ่วแล้วกล่าว “หวังเจียเหยาเป็นอดีตภรรยาของผม หล่อนให้กำเนิดลูกแฝดที่เป็นสายเลือดผม ผมแก้แซ่ของเด็กๆ เป็นแซ่เย่ของผมแล้วมันผิดตรงไหน?”

เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้คนทั้งงานอ้าปากค้าง!

柳远航不敢置信:“你说什么?王佳珧是你前妻?孩子是你的?她不是没结过婚吗?”

หลิ่วหย่วนหางตกใจ “คุณพูดอะไร? หวังเจียเหยาเนี่ยนะเป็นอดีตภรรยาของคุณ? เด็กๆ ก็เป็นลูกคุณ? หล่อนไม่เคยแต่งงานมาก่อนไม่ใช่หรือไง?”

หลิ่วหย่วนหางรู้ว่าเย่เฉินที่เป็นถึงประธานเฉินเย่กรุ๊ป ตอนนี้เขาถือเป็นคนที่กำลังเป็นที่โด่งดังในวงการธุรกิจไม่มีทางกล้าพูดเหลวไหลแน่

เพราะทุกคำพูดของเขาตอนนีล้วนแต่มีผลกับบริษัทสิบแห่งในเครือทั้งสิ้น!

ดังนั้นหลิ่วหย่วนหางจึงตะโกนใส่หลิ่วอวี่เจ๋อทันที “อวี่เจ๋อ แกมานี่เลย!”

หลิ่วอวี่เจ๋อเดินมาหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

ชายสูงวัยถามด้วยใบหน้าตึงเครียด “อวี่เจ๋อเขาพูดจริงหรือเปล่า! เด็กสองคนนี้เป็นสายเลือดตระกูลหลิ่วเราหรือเปล่า?”

หลิ่วอวี่เจ๋อก้มหน้าลงไม่พูดอะไร

เรื่องหน้าอายแบบนี้จะให้เขาพูดยังไง!

หวังเอ้อร์เชอกล่าวพลางหัวเราะ “อยากจะเช็คให้แน่ใจเหรอว่าเด็กสองคนเป็นสายเลือดพวกคุณหรือเปล่า เรื่องนี้ง่ายจะตายไม่ใช่หรือไง? ก็แค่ตรวจ DNA ก็จบแล้ว”

หลิ่วหย่วนหางเห็นหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ตอบก็สั่งทันที “พาเด็กสองคนไปตรวจ DNA เดี๋ยวนี้!”

หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนห้ามเขา “”คุณปู่ครับ ไม่เอา”

หลิ่วอวี่เจ๋อแน่ใจอย่างมากว่าเด็กสองคนนี้ไม่ใช่ลูกเขา ดังนั้นถ้าตรวจ DNA ไม่เท่ากับว่าเป็นการทำให้เขาขายหน้าหรือไง และไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น

หลิ่วอวี่เจ๋อตาแดงก่ำอย่างเสียใจก่อนจะยอมรับในที่สุดว่า “คุณปู่ครับ เด็กสองคนไม่ใช่สายเลือดตระกูลหลิ่วของเราจริงๆ ครับ ตอนที่ผมรู้จักกับหวังเจียเหยาหล่อนก็ท้องแล้ว”

“เพี้ยะ!”

หลิ่วหย่วนหางฟาดฝ่ามือใส่หน้าหลิ่วอวี่เจ๋อ “เดียรัจฉาน! แกมันไอ้เดียรัจฉาน! แกมันโง่หรือเปล่า! หวังเจียเหยาตั้งท้องลูกคนอื่นแต่แกยังแต่งงานกับหล่อนเนี่ยนะ? คิดจะเลี้ยงลูกคนอื่นอีกเหรอ?”

หลิ่วเฟิ่งที่อยู่ด้านข้างรับรู้ถึงความลำบากของหลิ่วอวี่เจ๋อ เมื่อเห็นน้องชายโดนผู้เป็นปู่ฟาดจึงโน้มน้าวเขา “คุณปู่ครับ อวี่เจ๋อเขาก็หมดหนทาง…”

“เพี้ยะ!”

แล้วเสียงตบหน้าก็ดังขึ้น

หลิ่วหย่วนหางก็ยกมือขึ้นอีกครั้งแล้วประเคนฟาดฝ่ามือใส่หน้าหลิ่วเฟิ่ง “ที่แท้แกก็รู้เรื่องนี้! แกเป็นพี่ทำไมไม่ห้ามแถมยังช่วยกันอีก พวกแกเป็นบ้าหรือไง?”

หลิ่วอวี่เจ๋อไม่สามารถมีลูกได้ดังนั้นถึงได้คิดจะใช้ลูกในท้องของหวังเจียเหยา

แต่ว่าเรื่องนี้จะให้มาพูดต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ได้ไง?

หากว่าคนนอกรู้ว่าเขาไม่สามารถมีลูกได้ เขาก็จะกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น แล้วจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในเทียนไห่?

ดังนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อจึงทำได้เพียงอธิบายกับผู้เป็นปู่ว่า “คุณปู่ครับผมรักหวังเจียเหยา รักใครสักคนก็ควรจะสามารถยอมรับทุกอย่างของอีกฝ่ายได้! ต่อให้หล่อนจะมีลูกแล้วก็เถอะครับ!”

เมื่อแขกในงานได้ยินแบบนี้ต่างก็รู้สึกว่า

“อวี่เจ๋อคนนี้เป็นคนรักใครรักจริงแท้ๆ ดีกับหวังเจียเหยาจริงๆ”

“จริงด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าจะยอมให้ภรรยาตัวเองอุ้มท้องลูกของอดีตสามี แถมยังช่วยจัดงานเลี้ยงให้อีก คนธรรมดาไม่มีทางใจกว้างได้แบบเขา”

หลังจากได้คำชื่นชมจากบรรดาแขกเหรื่อในงานแล้ว หลิ่ววอวี่เจ๋อก็เช็ดน้ำตาก่อนจะกล่าวกับเย่เฉินด้วยท่าทีโมโห

“เย่เฉินคุณเย่ใช่ไหม? วันนี้คุณแฉผมต่อหน้าคนอื่นเพื่อให้ผมเสียหน้า ผมหลิ่วอวี่เจ๋อยอมรับ! ถ้าไม่เห็นแก่หวังเจียเหยา ผมเองก็ไม่อยากจะช่วยคุณเลี้ยงลูกหรอกนะ! แต่ว่าคุณก็อย่าได้ใจเกินไปนักเลย! ใช่แล้วเด็กๆ อาจจะไม่ใช่ลูกของผมก็จริง แต่ว่าก็อาจจะไม่ใช่ลูกคุณ!”

ทันทีที่เอ่ยแบบนี้ออกมา หวังเอ้อร์เชอก็หัวเสียทันที เขาตะโกนใส่หลิ่วอวี่เจ๋อ “หลิ่วอวี่เจ๋อพูดเหลวไหลอะไร! คงเบื่อจะมีชีวิตแล้วล่ะสิถึงได้กล้าดูถูกคุณเย่แบบนี้!”

หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็ด่าหวังเอ้อร์เชอเช่นกัน “แกมันไอ้ขยะไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉัน! แกมันก็แค่สุนัขรับใช้ของเย่เฉิน! คนจะคุยกันหมาอย่าสะเออะ!”

หวังเอ้อร์เชอเข้าข้างเย่เฉิน เพื่อจะได้เกาะบารมีเขาวางก้ามไปวันๆ

เย่เฉินเองก็ไม่ได้ชอบหมอนี่เท่าไหร่นัก แต่ว่าในบางครั้ง บางสถานการณ์พาเขาไปด้วยก็ทำให้เขาสบายใจดี

อย่างไรเสียตอนนี้เขาเป็นประธานเฉินเย่กรุ๊ปที่มีมูลค่าแสนล้าน มีบางเรื่องและบางคำพูดที่เขาไม่สามารถทำได้เอง

จากนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อจึงมองเย่เฉินอีกครั้ง “เย่เฉิน หวังเจียเหยาเป็นผู้หญิงแบบไหน เราก็เองรู้ดีแก่ใจ คุณเองก็ไม่ได้ตรวจ DNA กับเด็กๆ คุณแน่ใจได้ยังไงว่าเด็กๆ เป็นลูกคุณ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายเย่เฉินก็ตัวชาวาบ!

หลิ่วอวี่เจ๋อและเย่เฉินน่าจะเป็นผู้ชายที่รู้จักหวังเจียเหยาดีที่สุดในโลกใบนี้แล้ว!

หล่อนเป็นคนหลงรักชื่อเสียงเงินตรา เป็นผู้หญิงที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงินทองและหน้าตาทางสังคม!

หากไม่ได้เห็นผล DNA เย่เฉินไม่มีทางเชื่อหล่อน!

เย่เฉินไม่มีทางเชื่อแม้แต่คำเดียว เขาเชื่อเพียงผลตรวจ DNA!

เย่เฉินหันมองหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วกล่าวเสียงเย็น “ผมจะไปตรวจเดี๋ยวนี้”

“ไปกันเถอะ!”

เย่เฉินสั่งห้วนๆ แล้วพวกหวังเอ้อร์เชอต่างก็เดินตามหลังเย่เฉิน

“คุณเย่ไปไหนครับ?” หวังเอ้อร์เชอถาม

เย่เฉินตอบว่า “บ้านของหลิ่วอวี่เจ๋อ”

“ได้เลยครับ!” หวังเอ้อร์เชอหันหน้าไปมองหลิ่วอวี่เจ๋อ “จัดงานเลี้ยงกันต่อไปเถอะ เราขอไปจัดการอะไรที่บ้านนายหน่อย!”

หลิ่วอวี่เจ๋ออับอายขายหน้าอย่างมาก เขากำหมัดแน่นแล้วลอบกล่าวกับตัวเองในใจ “หวังเจียเหยาหวังว่าคุณจะมีไม้ตายนะ อย่าให้เด็กสองคนเป็นลูกของเย่เฉินเชียว!”

……

ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถ Maybach ที่มีจำนวนจำกัดคันนั้นก็หยุดตรงด้านนอกประตูวิลล่าของหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อ

เย่เฉินก้าวลงมาจากรถหรู

เพิ่งจะลงจากรถซูหลานอดีตแม่ยายก็เดินออกมาจากวิลล่าแล้ว แล้ววิ่งมาหาเขา ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“แหมที่แท้ก็เสี่ยวเฉินนี่เอง ฉันก็ว่ามองผ่านกระจกเมื่อกี้ยังคิดเลยว่ารถใครคุ้นๆ ที่แท้ก็รถของเสี่ยวเฉินของพวกเรานี่เอง แหม ดูแลรถดีจริงๆ ไม่ได้เห็นมันนานแล้ว”

ซูหลานรู้แล้วว่าเรื่องที่เย่เฉินโดนไล่ออกจากบ้านเป็นเรื่องโกหก

แล้วเย่เฉินก็ทำหน้ารังเกียจอีกฝ่าย เขาไม่มีอะไรจะพูดกับหล่อนแล้วเพียงแต่ถามอย่างเน็นชา “หวังเจียเหยาล่ะ?”

ซูหลานรีบร้อยกล่าว “เจียเหยากำลังดูลูกอยู่ในบ้าน แหมเสี่ยวเฉิน เธอเองคงยังไม่รู้ว่าเด็กสองคนตอนนี้ ยิ่งโตยิ่งเหมือนเธอ ทั้งตา จมูกเหมือนเธอไปหมด ฉันตั้งชื่อให้พวกเขาไว้ตั้งเยอะแยะ ทั้งเย่ลูหยา เย่ชูจื้อ เย่จงหลิง เย่จงซิ่วแล้วยังมีเย่หงอัย เย่หงจิ้ง เธอว่าชื่อไหนเพราะล่ะ? แหมฉันว่าขอแค่แซ่เย่ จะชื่ออะไรก็ฟังดูเพราะทั้งนั้น ฮ่าๆ”

ตอนที่ 253 ก่อเรื่องในงานเลี้ยงตระกูลหลิ่ว!
ประธานเฉินเย่กรุ๊ป!

ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ทุกคนที่นั่นก็ตกใจไปกันหมด!

ก็ต้องรู้ว่าในหลายวันที่ผ่านมานี้ คนที่ติดเทรนด์โซเชียลไม่ใช่ดาราที่ไหน แต่เป็นประธานเฉินเย่กรุ๊ป!

“อะไรนะ? เขาคือประธานบริษัทเฉินเย่เหรอ? เศรษฐีที่รวยที่สุดคนใหม่ของประเทศเราเหรอ?”

“สวรรค์ทั้งหล่อทั้งอายุน้อยเกินไปแล้วล่ะมั้ง! ฉันยังคิดว่าเศรษฐีที่ลึกลับคนนี้อย่างน้อยก็น่าจะอายุ 60 ปี”

“อ๊าๆ ประธานบริษัทไป๋ลี่แต่งงานกับ CEO ของเฉินเย่กรุ๊ป นี่พวกคุณสองคนคงจะยิ่งใหญ่กว่าใครในโลกธุรกิจแล้วล่ะ!”

ดังนั้นทุกคนจึงวิ่งไล่ตามสัมภาษณ์ ‘ประธานบริษัทที่สวยที่สุด’ และ ‘เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ’

คิดไม่ถึงว่าดาราโด่งดังคนนั้นจะถูกทิ้งให้ยืนงงอยู่ด้านข้างแทน!

และแล้วเทรนด์ค้นหา ‘ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในประเทศและประธานบริษัทหญิงที่สวยที่สุดแต่งงานกัน’ และ ‘เย่เฉินฉินหงเหยียน’ ก็ติดเทรนด์!

……

ณ วิลล่าเฝยชุ่ย

ในเวลานี้หวังเจียเหยาเพิ่งจะกล่อมลูกแฝดของตนเองนอนหลับไป เจ้าหล่อนจึงคว้าโทรศัพท์มาไถ Weibo ดูในเวลาว่างที่แสนจะมีน้อยนิดนี้

เพิ่งจะกดเข้า APPLICATION เมื่อเจ้าหล่อนเห็นหัวข้อติดเทรนด์ก็ตกใจทันที

เพราะหัวข้อที่ติดอันดับหนึ่งนั้นกลับกลายเป็น ‘เย่เฉินและฉินหงเหยียน!”

“แปลกจัง ทำไมเย่เฉินกับฉินหงเหยียนถึงติดเทรนด์ได้? อีกทั้งชื่อเย่เฉินยังอยู่หน้าฉินหงเหยียนด้วย!”

จะต้องรู้ว่าการเรียงลำดับรายชื่อพวกนี้มีหลักการอยู่

ฉินหงเหยียนเป็นประธานของบริษัทไป๋ลี่ เย่เฉินเป็นแค่ผู้จัดการแผนกอบรมบุคคลเท่านั้น ในเมื่อทั้งสองคนติดเทรนด์ก็ควรจะเป็นชื่อฉินหงเหยียนก่อนของเย่เฉิน

และเมื่อกดเข้าไป หวังเจียเหยาก็ต้องตกตะลึง

“ประธานเฉินเย่กรุ๊ปคือ…เย่เฉินเหรอเนี่ย?!”

เมื่อเห็นเนื้อหาข่าว หวังเจียเหยาก็ตกใจจนแทบจะหยุดหายใจ!

เฉินเย่กรุ๊ปเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีศักยภาพมากที่สุดในประเทศ CEO ของเฉินเย่กรุ๊ปถูกเรียกเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ!

ในช่วงนี้หวังเจียเหยาเอาแต่ถวิลหาประธานเฉินเย่กรุ๊ปคนนี้ อยากจะหาโอกาสรู้จักเขาสักครั้ง

แต่วันนี้หล่อนกลับรู้มาว่าเศรษฐีที่แสนร่ำรวยที่หล่อนถวิลหาและเฝ้าเว้าวอนคนนี้จะเป็นอดีตสามีของหล่อน เขยที่ตระกูลหวังทอดทิ้ง เย่เฉิน!

“เฉินเย่…เย่เฉิน!”

“ไม่นะ!”

หวังเจียเหยาหมดสติแล้วล้มพับไปบนพื้นทันที!

……

และในตอนนี้เองเย่เฉินและฉินหงเหยียนเพิ่งจะสลัดพวกนักข่าวที่น่ารำคาญพวกนี้แล้วนั่งใน Maybach

ใช่แล้วรถ Maybach ที่มีจำนวนไม่กี่คันที่เขาเคยใช้ตอนอยู่อวิ๋นโจว!

เย่เฉินกุมมือฉินหงเหยียนขณะนั่งหลังรถพลางกล่าว

“หงเหยียนผมจะส่งคุณกลับไปพักผ่อนที่วิลล่าก่อน ผมมีที่ต้องไป”

ฉินหงเหยียนถามอย่างประหลาดใจ “ที่รักคุณจะไปไหน?”

เย่เฉินกล่าว “เมื่อครู่เสี่ยวหวังเพิ่งบอกผมว่าวันนี้ตระกูลหลิ่วจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้ลูกแฝดของผม ผมต้องไปสักหน่อย”

ฉินหงเหยียนรู้ดีว่าการกระทบกระทั่งกันระหว่างเย่เฉินและตระกูลหลิ่วคงจะเลี่ยงไม่ได้

แต่ว่าด้วยสถานะในวันนี้ของเย่เฉินนั้น ทำให้หล่อนไม่เป็นกังวลอีกต่อไป

“ค่ะ” ฉินหงเหยียนรับคำอย่างว่าง่ายแล้วไม่ได้ขัดขวางอะไรอีก

……

ณ โรงแรม Sheenjoy เทียนไห่

ตระกูลหลิ่วกำลังจัดงานฉลองลูกแฝดสองคนของหลิ่วอวี่เจ๋อ

แขกมีจำนวนมากและครื้นเครง บนเวทีแขวนภาพของเด็กทารกทั้งสองคนเอาไว้ แถมยังมีชื่อเด็กสองคนแปะไว้

หลิ่วเจียอิน หลิ่วเจียเยว่

ทันใดนั้นเองเย่เฉินในชุดสูทสีขาวปรากฏตัวขึ้นในงาน ด้วยมาดที่ไม่ธรรมดาพร้อมๆ กับหวังเอ้อร์เชอและลูกน้องกลุ่มหนึ่ง

“คุณผู้ชาย หากไม่มีบัตรเชิญเข้างานไม่ได้นะครับ!”

พนักงานคนหนึ่งเข้าขวางทางพวกเย่เฉินเอาไว้

หวังเอ้อร์เชอรีบควักเงินออกมาจากกระเป๋าแล้วปาใส่หน้าพนักงาน “นี่คือเงินค่าน้ำใจไสหัวไป! อย่าขวางทางคุณเย่!”

จากนั้นเย่เฉินก็เดินเข้าไปในบริเวณงาน

เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้น สูทแบรนด์เนมของเย่เฉินรวมไปถึงมาดของเขา ก็ตกเป็นเป้าสายตาทันที!

แต่หลิ่วอวี่เจ๋อจำเขาได้อย่างรวดเร็ว

“เย่เฉินเหรอ?”

หลิ่วอวี่เจ๋อที่กำลังวุ่นๆ กับการทักทายแขกเหรื่อยังไม่ทันได้ดูข่าว ดังนั้นจึงยังไม่รู้เรื่องที่ว่าประธานของเฉินเย่กรุ๊ปก็คือเย่เฉิน

หลิ่วอวี่เจ๋อเดินมาหาเขาด้วยใบหน้าไม่พอใจนัก “เย่เฉินมาทำอะไรที่นี่? ฉันไม่ได้เชิญนายเสียหน่อย นายไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลย!”

เด็กไม่ใช่ลูกหลิ่วอวี่เจ๋อแต่เป็นลูกของเย่เฉิน หลิ่วอวี่เจ๋อย่อมไม่อยากต้อนรับเขา!

เย่เฉินยังไม่ทันตอบ หวังเอ้อร์เชอก็โพล่งออกมา “บังอาจ! คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเรียกชื่อคุณเย่!”

หลิ่วอวี่เจ๋อปรายตามองปวังเอ้อร์เชอก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้คนสารเลวแซ่หวังนี่เอง ทำไม ไม่ขับรถให้ฉันแล้วไปเป็นหมารับใช้เย่เฉินเหรอ? เขามีเงินให้นายหรือไง? ยังจะเรียกคุณเย่อีก? เยินยอตัวเองเก่งจริงๆ เป็นประธานแผนกอบรมบุคคลเหรอ? ฮ่าๆ”

หวังเอ้อร์เชอหยิบโทรศัพท์ออกมา พลางเปิด The eye แล้วส่งให้หลิ่วอวี่เจ๋อดู

“แหกลูกตาโง่ๆ ของนายดู! คุณเย่เป็นประธานเฉินเย่กรุ๊ป! เฉินเย่กรุ๊ปที่ช่วงนี้ซื้อหุ้น ซื้อบริษัทเยอะแยะไปหมด คงไม่ต้องให้แจกแจงใช่ไหม!”

ตอนนี้ถ้าค้นหาใน the eye จะเจอว่าเย่เฉินคือประธานบริษัทเฉินเย่!

หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นข้อมูลในมือถือก็ตกตะลึง!

แค่บริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนแห่งเดียวในเครือเฉินเย่กรุ๊ป ก็สามารถล้มบริษัทชุนเฟิงได้แล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องที่เขายังซื้อบริษัทขนส่งอื่นๆ อีก!

ตอนนี้ในสายงานขนส่งและเดลิเวอรี่ บริษัทเอ็กซ์เพรสชุนเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเย่อีกต่อไป!

หลิ่อวี่เจ่อชี้ไปที่เย่เฉิน “นาย…นายยังไม่ถูกไล่ออกจากตระกูล!”

ในวินาทีนี้บรรดาแขกเหรื่อในงานคนอื่นๆ ต่างก็ลุกขึ้นแล้วเริ่มซุบซิบกัน

“สวรรค์ เด็กหนุ่มคนนี้คือประธานเฉินเย่กรุ๊ปเหรอเนี่ย? เหลือเชื่อจริงๆ!”

“เขาก็คือลูกพี่ที่รวบรวมสายงานเดลิเวอรี่ต่างๆ เหรอ เขาผูกขาดบริษัทสายขนส่งต่างๆ นี่นา!”

“ใช่แล้วต่อให้เป็นชุนเฟิงของคุณหลิ่ว ไม่ช้าก็เร็วคงตกอยู่ในเงื้อมมือเขา!”

เย่เฉินไม่แยแสคำพูดที่คนอื่นพูดถึงเขา ใบหน้าเขายังคงเย็นชา “หลิ่วอวี่เจ๋อคุณสบายใจได้เลย ผมไม่ได้จะมาล่มงานคุณ”

“งั้น…จะทำอะไร” ตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อหวาดกลัวจับใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย!

เย่เฉินชี้ไปที่ภาพขนาดใหญ่ของคู่แฝดที่ถูกแขวนไว้บนเวทีแล้วแล้วกล่าว “เขียนแซ่เด็กๆ ผิดน่ะ”

พูดจบเย่เฉินก็ยื่นมืออกมารับปากกาด้ามหนึ่งที่หวังเอ้อร์เชอควักออกมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเย่เฉินก็สาวเท้าเดินขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางสายตาของคนในงาน ที่ตกอยู่ในความเงียบและไม่มีใครกล้าขวางเขา!

จากนั้นเย่เฉินก็ขีดฆ่าคำว่า ‘หลิ่ว’ บนภาพทิ้ง!

แล้วแก้เป็นคำว่า ‘เย่’ แทน!

ในเมื่อเด็กสองคนชื่อเจียอินกับเจียเยว่ ก็ควรจะชื่อเย่เจียอินและเย่เจียเยว่!

ทันทีที่เขาทำเช่นนี้งานก็ตกอยู่ในเสียงจอแจทันที!

หลิ่วหย่วนหางรวมไปถึงพ่อแม่ของหลิ่วอวี่เจ๋อที่นั่งอยู่ที่แถวแรก หน้าแดงก่ำทันที!

“สวรรค์ ทำไมคุณเย่ถึงแก้แซ่ของเด็กจากหลิ่วเป็นเย่ล่ะ?”

“นี่มันเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามกันชัดๆ! เขามาเพื่อดูถูกตระกูลหลิ่วเหรอ?”

แขกในงานต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อน

และในตอนนี้หลิ่วหย่วนหางก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ เขาตบโต๊ะเสียงดังแล้วพุ่งพรวดเข้ามาหาเย่เฉิน

“คุณเย่! คุณเป็นถึงประธานเฉินเย่กรุ๊ปแถมยังเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศนี้! ผมขอถามคุณหน่อยเถอะว่าทำไมต้องมาแก้แซ่ของเหลนๆ ผมด้วย! วันนี้คุณต้องให้คำตอบผม!”

ตอนที่ 252 ผมเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ!
เย่เฉินชันตัวลุกขึ้นแล้วสวมกอดแฟนสาวอย่างแนบแน่น

ฉินหงเหยียนหลับตาลง น้ำตาแห่งความสุขก็ไหลลงอาบใบหน้าที่งดงามของหญิงสาว

หล่อนอายุ 31 ปีแล้ว ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้มีคนตามจีบมาเยอะ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าหล่อนก็รู้สึกว่าตนเองน่าจะต้องอยู่คนเดียวตามลำพังไปจนแก่จนมาเจอเย่เฉิน

เย่เฉินดีใจอย่างมาก ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่ดีกับเขาที่สุดตั้งแต่ที่เคยเจอมา

ในตอนที่ทุกคนต่างก็เยาะเย้ยเขาว่าเป็นเขยที่ถูกตระกูลหวังทอดทิ้ง ในตอนที่โดนตระกูลเย่ทอดทิ้งเขา มีแค่ฉินหงเหยียนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยินยอมอยู่เคียงข้างเขา

เย่เฉินหยิบเอาแหวนเพชรที่ส่องประหายวิบวับออกมาจากกล่อง เขาเอื้อมไปสัมผัสมือเรียวงามของแฟนสาวขึ้นมาจากนั้นก็สวมแหวนลงบนนิ้วนางของหญิงสาว

ฉินหงเหยียนที่ซาบซึ้งใจอยู่ ก็สังเกตเห็นความพิเศษของแหวนเพชรวงนี้ พลันตกตะลึง “แหวนเพชรวงนี้…สวยจังเลย!”

แหวนเพชรวงนี้เป็นดีไซน์ของแบรนด์ lorraine Schwartz อันเป็นจิลเวอรี่ระดับสูง แหวนเป็นแพชรแปดแฉกขนาด 18 กะรัตและฝังเพชรบนตัวเรือนแพลตตินัม

ส่วนขาที่ยึดเกาะเพชรเอาไว้นั้นแสดงให้เห็นถึงความรักที่มีให้หญิงสาวว่ามันแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลงขนาดไหน!

ฉินเสี่ยวตั่วที่อยู่ด้านข้าง หยิบกล้อง SRT ขึ้นมาเหมือนตัวเองเป็นตากล้อง แล้วถ่ายรูปไปพร้อมๆ กับอธิบายไปด้วย “พี่คะ แหวนนี่ราคาตั้งเจ็ดล้านดอลลาร์เลยนะคะ พี่เขยสั่งทำให้พี่โดยเฉพาะเลย!”

เจ็ดล้านดอลลาร์!

ต่อให้เป็นที่เทียนไห่ก็เถอะ แต่เงินจำนวนนี้ก็ซื้อบ้านหรูได้เป็นหลังแล้ว!

บวกกับที่เหมาเกาะนี้อย่างน้อยๆ ก็น่าจะต้องใช้หลายสิบล้าน

แค่สองอย่างนี้เย่เฉินก็ใช้เงินไปเป็นร้อยล้านแล้ว!

ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินอย่างตื่นตระหนก “คุณเอาเงินมาจากไหน?”

เย่เฉินสวมแหวนเข้าที่นิ้วนางของฉินหงเหยียนเรียบร้อยแล้ว และในวินาทีนี้เขาจำเป็นต้องบอกความจริงแฟนสาวแล้ว

“หงเหยียน ผมอยากจะขอโทษคุณ ที่จริงแล้วเรื่องที่ผมโดนขับออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหก ผมเป็นคนตระกูลเย่อยู่” เย่เฉินกล่าว

ฉินเสี่ยวตั่วที่รู้ความจริงนานแล้ว กล่าวพลางระบายยิ้ม “ไม่ใช่แค่นั้นนะ พี่คะตอนนี้เขาเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศแล้ว เฉินเย่กรุ๊ปที่ซื้อบริษัทต่างๆ ในตอนนี้น่ะเป็นบริษัทเขา”

ฉินหงเหยียนตกตะลึงไป

“คุณยังไม่โดนขับออกจากตระกูลเหรอ? เฉินเย่กรุ๊ปเป็นบริษัทของคุณเหรอ?”

เฉินเย่ พออ่านย้อนก็พบว่าเป็นคำพ้องเสียงของชื่อเย่เฉิน!

เย่เฉินพยักหน้า

ทว่าฉินหงเหยียนที่ได้รู้ข่าวนี้กลับมีท่าทีไม่พอจอย่างมาก “พูดแบบนี้แปลว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณหลอกฉันเหรอ? คุณไม่เชื่อใจกันขนาดนี้ก็อย่าขอฉันแต่งงานเลย!”

ฉินหงเหยียนพูดไปพลางถอดแหวนที่เย่เฉินสวมให้ออก

เย่เฉินรีบร้อนวิ่งเข้าไปกอดหญิงสาวแล้วห้ามหล่อน “หงเหยียน อย่าทำแบบนี้สิครับ คุณฟังผมอธิบายก่อน ตอนนั้นผมรู้มาว่าหวังเจียเหยาหลอกผม ทั้งที่มีอะไรกับฟางเชาแต่กลับหลอกผมว่าไม่ได้ทำอะไร ไม่เพียงเท่านั้นหลังจากที่หล่อนตั้งท้องแล้ว ก็ยังพลอดรักกับหลิ่วอวี่เจ๋อ ไปนัดเจอกันทุกวัน”

ผมอยากจะขอหย่ากับหล่อน แต่ว่าก่อนที่ย่าของหวังเจียเหยาจะตาย บังคับให้ผมรับปากว่าจะไม่หย่ากับหวังเจียเหยา ย่าเล็กของหวังเจียเหยามีบุญคุณเคยช่วยชีวิตผม ผมไม่อยากให้หล่อนไปจากโลกใบนี้อย่างมีอะไรติดค้างใจ ดังนั้นก็เลยรับปากหล่อนไป

คุณเองก็รู้ว่าผมเป็นคนให้ความสำคัญกับคำสัญญามาก ไม่อยากจะผิดสัญญาดังนั้นผมก็เลยคิดวิธีนี้ขึ้นมา ผมรู้ว่าหวังเจียเหยาชอบเงิน ทันทีที่รู้ว่าผมไม่เงินก็จะต้องขอเลิกกับผมแน่นอน”

ส่วนเรื่องชีวิตแต่งงานที่ผ่านมาของเย่เฉินกับหวังเจียเหยานั้น ฉินหงเหยียนเองก็พอจะรู้อยู่บ้าง

ฉินหงเหยียนรู้ว่าเย่เฉินเป็นคนดี จึงไม่โทษเขาแล้วย้อนถาม “งั้นพวกเราคบกันมานานขนาดนี้ ทำไมคุณไม่บอกฉัน?”

เย่เฉินกล่าว “ผมอยากจะหาโอกาสบอกคุณมาตลอดเลย แต่ผมแค่อยากจะรอให้หวังเจียเหยาคลอดลูกก่อนแล้วค่อยบอกคุณ คุณเองก็รู้ว่าถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าผมยังไม่โดนไล่ออกจากตระกูลจะต้องวอแวผมแน่นอน”

ฉินหงเหยียนพยักหน้ารับ หล่อนเองก็พอจะรู้ว่าหวังเจียเหยาชอบเย่เฉิน ที่เลิกกับเขาก็เป็นเพราะเขาไม่มีเงิน ทันทีที่รู้ว่าเขามีเงินจะต้องแย่งเขากลับไปแน่นอน

ฉินเสี่ยวตั่วเองที่อยู่ข้างๆ ฉินหงเหยียนก็พยายามจะปลอบพี่สาว “พี่คะถึงแม้ว่าเขาจะปกปิดสถานะตัวเอง แต่เขาก็คอยช่วยพี่อย่างลับๆ อยู่ตลอดเลยนะคะ อย่างตำแหน่งรองประธานไป๋ลี่เขาก็เป็นคนหามาถวายพี่ คุณอัยอะไรนั่นเป็นน้องสาวเขา”

ฉินหงเหยียนตกใจกว่าเดิม “คุณอัยเป็นน้องคุณ?”

เย่เฉินยิ้มรับ “ครับ น้องสาวคนที่สี่ของผมเอง”

ฉินหงเหยียนถึงได้เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงได้กลายเป็นรองประธานของบริษัทแห่งนั้นอย่างงายดาย แล้วทำไมถึงกลายเป็นประธานบริษัทได้!

ที่แท้ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะตนเองดวงดี และไม่ใช่เพราะตนเองกับคุณอัยสนิทสนมกัน แต่เป็นฝีมือเย่เฉิน!

“นายมันน่ารังเกียจจริงๆ ทำไมไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้!”

ฉินหงเหยียนทุบเย่เฉินเบาๆ อยู่หลายครั้ง เพียงแต่ว่าจากสีหน้าท่าทางของเจ้าหล่อนนั้นพอจะมองออกว่าเจ้าหล่อนให้อภัยชายตรงหน้าแล้ว

โลกนี้ก็เป็นแบบนี้ ถ้าหากคนรวยแสร้งทำตัวเป็นคนก็จะได้รับการให้อภัยอย่างง่ายดาย

แต่ถาหากว่าคนจนแสร้งทำตัวเป็นคนรวยล่ะก็ หลังจากที่ฝ่ายหญิงรู้เข้าก็คงจะต้องขอเลิกรา หนำซ้ำอาจจะยังโดนสาวเจ้าด่าเปิงอีกด้วย

และแน่นอนว่าฉินหงเหยียนไม่ใช่ผู้หญิงที่หลงใหลในเงินทองใดๆ

สองวันต่อมาเย่เฉิน ฉินหงเหยียนแล้วฉินเสี่ยวตั่วก็พักผ่อนกันบนเกาะที่ไม่มีคนแห่งนี้อย่างมีความสุข

และสามวันต่อมาเย่เฉินและฉินหงเหยียนก็บินกลับเทียนไห่

ก่อนจะกลับเย่เฉินชวนฉินเสี่ยวตั่วไปเทียนไห่ให้หญิงสาวไปพักกับเขาและฉินหงเหยียน เขาสามารถจัดแจงยกตำแหน่งสูงๆ ในเฉินเย่กรุ๊ปให้เจ้าหล่อนได้

แต่ว่าฉินเสี่ยวตั่วที่เป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่งนั้นก็บอกปัดไป

หญิงสาวบอกว่าหล่อนชอบเป็นแอร์โฮสเตส บินไปมาทั่วโลก

อาชีพไม่ได้มีสูงหรือต่ำ ในสายตาเย่เฉินนั้นจะเป็นแอร์โฮสเตสหรือประธานบริษัทก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกัน

ดังนั้นเขาจึงเคารพทางเลือกของฉินเสี่ยวตั่ว

เมื่อมาถึงสนามบินนานาชาติเทียนไห่ กลับกลายเป็นว่าตอนที่ออกมานั้นก็เจอกับนักข่าวและแฟนคลับเต็มสนามบินเพราะพวกเขาดันบังเอิญมาพร้อมกับดาราที่กำลังมีชื่อเสียงคนหนึ่ง

เพราะฉินหงเหยียนเองก็พอมีชื่อเสียงอยู่เช่นกัน แถมยังเคยออกทีวี ดังนั้นจึงมีนักข่าวจำหล่อนได้

พวกหล่อนเห็นประธานบริษัทที่สวยที่สุดของเทียนไห่อย่างฉินหงเหยียนเดินจูงมือมากับชายหนุ่มอายุน้อยหน้าตาหล่อเหลา แถมบนนิ้วเรียวยาวนั้นยังมีแหวนเพชรที่ส่องประกายวิบวับ ก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่ากำลังจะได้ข่าวใหญ่ดังนั้นจึงพุ่งพรวดไปหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว

พวกนักข่าวสาวถาม “คุณฉินคะๆ พอจะแนะนำผู้ชายที่คุณจูงมือคนนี้หน่อยได้ไหมคะ?”

“มีคนบอกว่าคุณเลี้ยงไอดอลเอาไว้ ใช่เขาไหมคะ? เขาใช่ดาราไหมคะ?”

ฉินหงเหยียนได้ยินคำถามเหลวไหลของพวกนักข่าวสายบันเทิงพวกนี้ ก็ไม่พอใจหล่อนหันไปคุยกับเย่เฉิน “ที่รัก มีคนบอกว่าคุณเป็นไอดอลฝึกหัด ฮ่าๆ”

เย่เฉินเองก็หัวเราะ ดูแล้วเขาคงหน้าตาดีใช้ได้ ถ้าหากไม่เปิดบริษัทบางทีอาจจะพอพิจารณาสายงานวงการบันเทิงได้

เย่เฉินในตอนนี้ค่อนข้างมีสถานะทางสังคม ฉินหงเหยียนไม่อยากให้นักข่าวพวกนี้เขียนข่าวเหลวไหล

ฉินหงเหยียนจึงชะงักฝีเท้าแล้วหันมองกล้องขณะตอบคำถามของพวกนักข่าวด้วยเสียงดังฟังชัด “ฉันขอแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับคู่หมั้นของฉันอย่าเป็นทางการ เขาชื่อเย่เฉินเป็นประธานเฉินเย่กรุ๊ป!”

ตอนที่ 251 ขอแต่งงาน!
ในเมื่อโลกนี้เชิดชูวีรบุรุษ ผมนี่แหละจะกลายเป็นวีรบุรุษเอง!

ในเมื่อโลกนี้นับถือคนมีเงิน ผมก็จะกลายเป็นคนมีเงินเอง!

อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ในแวดวงธุรกิจของประเทศก็มีข่าวร้อนให้พาดหัวทุกวัน!

“เฉินเย่กรุ๊ปซื้อบริษัทเอ๊กซ์เพรสเฟยซู่! ผู้มีอำนาจลงนามคนใหม่มารับหน้าที่แล้ว”

“เฉินเย่กรุ๊ปทุ่มเงินห้าพันล้าน (รวมค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้น) ซื้อหุ้นจำนวน 80% ของบริษัทเอ๊กซ์เพรสรื่อรื่อ!”

“เฉินเย่กรุ๊ปซื้อบริษัทเอ๊กซ์เพรสจือทงและ 365 รวมไปถึงบริษัทขนส่งต่างๆ เรียบร้อยแล้ว!”

“ข่าวใหญ่! ข่าวใหญ่! เฉินเย่กรุ๊ปทุ่มเงินหกหมื่นล้านซื้อชือเลอะเมอะเป็นที่เรียบร้อย!”

“ข่าวใหญ่! ข่าวใหญ่! ข่าวใหญ่! เฉินเย่กรุ๊ปทุ่มเงินสองแสนล้านซื้อบริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวน กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของถวนถวน!”

ใกล้ช่วงตรุษจีน พนักงานต่างก็กลับบ้านเพื่อเตรียมตัวฉลองตรุษจีน

แต่ว่าสัปดาห์นี้กลับมีข่าวสะเทือนวงการธุรกิจออกมาไม่หยุด!

“หุ้นดีด! หุ้นดีด! หลังจากที่เฉินเย่กรุ๊ปซื้อถวนถวนแล้วน ราคาหุ้นก็ดีดขึ้นจนใกล้จะเก้าแสนล้านแล้ว!”

“ถึงจะยังไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ของเฉินเย่กรุ๊ปคือใคร แต่ในแวดวงธุรกิจก็มั่นใจแล้วว่าเขาเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดคนใหม่ในประเทศเรา!”

……

วิลล่าเฝยชุ่ย ภายในบ้านของหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อ

หลิวอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาดูข่าว แววตาของคู่เต็มไปด้วยความสงสัย!

“เฉินเย่กรุ๊ป… สรุปแล้วเฉินเย่กรุ๊ปนี่มีความเป็นมายังไง? คิดไม่ถึงเลยว่าจะซื้อกิจการต่างๆ เยอะแยะขนาดนี้!”

หลิ่วอวี่เจ๋อติดใจอย่างมาก

ตอนนี้เป็นเพราะเฉินเย่กรุ๊ปซื้อบริษิทขนส่งเป็นจำนวนมาก ทำให้ตอนนี้ธุรกิจขนส่งในประเภทถูกแบ่งเป็นสามขั้วใหญ่ๆ คือ เฉินเย่ ชุนเฟิงและไป๋ลี่!

หวังเจียเหยาเองก็กล่าวต่ออย่างประหลาดใจ “ทำไมหาชื่อ CEO ของเฉินเย่กรุ๊ปไม่เจอนะ? หมอนี่ชักจะใหญ่โตเกินไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย? ซื้อบริษัทเยอะแยะขนาดนี้กระทั่งชื่อก็ไม่ต้องบอกใครด้วยเหรอเนี่ย?”

หลิ่วอวี่เจ๋ออธิบาย “เขาใช้ชื่อของตัวแทนน่ะ แต่ว่าตอนนี้ใครก็รู้ว่าคนๆ นั้นไม่ใช่คนที่กุมอำนาจของเฉินเย่อย่างแท้จริง เฉินเย่กรุ๊ปกลายเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเราแล้ว เขา…เขากลายเป็นคนที่รำ่รวยที่สุดในประเทศนี้แล้ว!”

หวังเจียเหยาใจเต้นระรัว “คนรวยที่สุด… สวรรค์ อยากจะรู้จริงๆ ว่าคนที่ร่ำรวยที่สุดหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ หวังว่าจะมีโอกาสได้รู้จักเขานะ…”

……

และในตอนนี้เองวิลล่าข้างๆ ฉินหงเหยียนเองก็เพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน

หล่อนถอดรองเท้าส้นสูง แล้วกล่าวพลางทอดถอนใจ “ประเทศของเรานี่เต็มไปด้วยคนร่ำรวยที่ซ่อนตัวอยู่ คุณเห็นข่าวของเฉินเย่กรุ๊ปแล้วหรือยัง? คนๆ นี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว กระทั่งคุณหม่ายังพูดเลยว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเย่กรุ๊ปเสียหน่อย!”

“เขายังบอกว่าประธานเฉินเย่กรุ๊ปไม่ใช่เพิ่งจะมาเป็นคนรวยวันนี้เสียหน่อย นายว่าคนนั้นอาจจะเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศนี้ เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยแสดงตัวมาก่อน!”

ฉินหงเหยียนถอดรองเท้าแตะ หล่อนดื่มน้ำอึกใหญ่ด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก

ก็ไม่แปลกหรอกฉินหงเหยียนที่เอาแต่คลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจ หลายวันมานี้เพิ่งได้เห็นการซื้อบริษัทอย่างบ้าคลั่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในระยะเวลาหลายสิบปีนี้ ก็รู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก!

จู่ๆ ฉินหงเหยียนก็กล่าวว่า “จริงสิ เย่เฉิน น้องสาวฉันเพิ่งโทรมา วันที่ 11 เป็นวันสิ้นปีไม่ใช่เหรอ? หล่อนบอกว่าจะไปเที่ยวมัลดีฟส์กับฉัน เราไปด้วยกันดีไหม?”

ในวันที่ก่อนสุดท้ายของปี ตามธรรมเนียมของคนในประเทศแล้วจะต้องไปพักผ่อนกับคนในครอบครัว

ฉินหงเหยียนมีฉินเสี่ยวตั่วเป็นน้องสาวแค่คนเดียว ปกติแล้วนานๆ จะได้เจอกัน ย่อมต้องฉลองปีใหม่ด้วยกัน

แต่คนในครอบครัวของเย่เฉินไม่ได้อยู่ในประเทศ จะได้ไปสนุกด้วยกันสามคนพอดี

ทว่าเย่เฉินกลับแสร้งอิดออด “ต้องไปเที่ยวไกลถึงมัลดีฟส์เลยเหรอ?”

ฉินหงเหยียนนั่งข้างตัวเย่เฉิน คว้ามือของชายหนุ่มแล้วเขย่าไปมา “แหม ไปเถอะนะ ที่รักน้องสาวฉันไปด้วย”

“อืม ก็ได้” แล้วถึงได้เย่เฉินแสร้งฝืนตอบ

“ขอบคุณนะที่รัก!” ฉินหงเหยียนจุมพิตลงบนหน้าผากเย่เฉิน แล้วลุกขึ้นมา “ฉันไปอาบน้ำแล้วนะคะ!”

มองฉินหงเหยียนเดินจากไป เย่เฉินพูดกับตัวเองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ยัยโง่ คุณยังไม่รู้ล่ะสิว่าเรื่องไปมัลดีฟส์เป็นไอเดียผม? คิกคิก”

ถูกต้อง การไปฉลองปีใหม่ที่มัลดีฟส์เป็นความคิดของเย่เฉิน!

เขาเหมาเกาะแห่งหนึ่งในมัลดีฟส์เอาไว้นานแล้ว!

ส่วนไปที่นั่นไม่ได้เป็นเพียงแค่การท่องเที่ยวเพื่อฉลองปีใหม่ เย่เฉินไปเพื่อจะขอแฟนสาวแต่งงาน!

ฉินเสี่ยวตั่วเคยพูดมาก่อน ฉินหงเหยียนอยากถูกขอแต่งงานในบรรยากาศเงียบสงบ ดังนั้นเย่เฉินถึงได้เหมาเกาะเพื่อขออีกฝ่ายแต่งงาน!

ขอแต่งงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เป็นเรื่องที่เย่เฉินวางแผนเอาไว้

บวกกับเย่เฉินต้องการจะแบไต๋กับหวังเจียเหยา บอกหล่อนว่าเขาเย่เฉินนี่แหละคือประธานเฉินเย่กรุ๊ป!

บอกหล่อนว่าตนเองไม่ได้โดนไล่ออกจากตระกูลเลยด้วยซ้ำ

ก่อนที่หวังเจียเหยาจะรู้ความจริง เขาจำเป็นต้องให้แฟนสาวของตัวเองรู้ก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่ยุติธรรมกับหล่อน!

……

วันก่อนสิ้นปี ณ เกาะมัลดีฟส์

เดือนนี้ถ้าเป็นทางตอนเหนือของประเทศ คงหนาวจนสวมเสื้อขนเป็ดกันไปนานแล้ว

ทว่าในสถานที่อย่างมัลดีฟส์นี้กลับค่อนข้างอบอุ่น สวมเสื้อแขนสั้นได้แล้ว เพราะอุณหภูมิที่นี่จะเฉลี่ยอยู่ที่ 26-31 องศา

“พี่คะ! พี่เขย!”

ฉินเสี่ยวตั่วที่สวมกระโปรงสั้นปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าทั้งสองคนในสนามบิน

ฉินหงเหยียนยังคิดว่าฉินเสี่ยวตั่วและเย่เฉินเพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก จึงเปิดปากแนะนำ “เสี่ยวตั่ว…พี่จะแนะนำ”

“แหม ไม่ต้องแนะนำแล้วค่ะ พวกเราสนิทกันแล้วค่ะ!” ฉินเสี่ยวตั่วตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ครั้งก่อนตอนที่เจอกันครั้งแรกฉินเสี่ยวตั่วและเย่เฉินอยู่ด้วยกันที่โรงแรมในนิวยอร์คด้วยกันทั้งคืน

“พวกเธอสนิทสนมกันได้ยังไง? พวกเธอเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกไม่ใช่เหรอ?” ฉินหงเหยียนถามอย่างประหลาดใจ

ฉินเสี่ยวตั่วกล่าวพลางระบายยิ้ม “มี wechat กันแล้วไม่ใช่หรือไง? พวกเราวีดีโอคอลคุยกันออกจะบ่อย จริงไหม พี่เขย?”

“แค่ก อืม!” เย่เฉินพยักหน้ารับ

ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินด้วยแววตาสงสัย “คุณคุยกับน้องสาวฉันบ่อยๆ นี่หมายความว่ายังไง? ชอบน้องสาวฉันหรือเปล่าเนี่ย?”

“ผมเปล่า…” เย่เฉินมีสีหน้าเหรอหรา

“ฮ่าๆ” เห็นท่าทางหึงหวงของพี่สาว ฉินเสี่ยวตั่วจึงยิ้มอย่างดีอกดีใจ “พอเถอะน่า พี่คะเลิกหึงได้แล้ว พวกเรารีบไปโรงแรมกันเถอะ”

ทั้งสามคนนั่งแท็กซี่ออกจากสนามบิน ไปยังเกาะ Vommuli

เมื่อมาถึงบนเกาะแล้ว ฉินหงเหยียนก็รู้สึกได้ถึงความแปลกพิกล เพราะว่าในทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตากลับไม่เหลือใครสักคน

ไม่มีนักท่องเที่ยว และไม่มีพนักงานสักคน

เมื่อเดินทอดน่องบนเกาะ ฉินหงเหยียนก็พบว่าเกาะถูกตกแต่งอย่างประณีต อีกทั้งยังแปะป้ายคำว่า “will you marry me” เต็มไปหมด

“แย่แล้ว มีคนเหมาเกาะไปแล้ว พวกเรารีบเปลี่ยนที่เที่ยวกันดีกว่า”

ฉินหงเหยียนสังเกตได้ว่าเกาะแห่งนี้ต้องโดนคนเหมาแล้วแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่น่าจะเงียบเหงาจนไม่มีใครสักคนแบบนี้

ทว่าในเวลานี้จู่ๆ เย่เฉินก็หยิบเอาแหวนเพชรออกมาจากกระเป๋า คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วมองฉินหงเหยียนในชุดขาวเพื่อขอหญิงสาวแต่งงาน!

““will you marry me?”

“คุณยินดีจะแต่งงานกับผมไหมครับ?”

ฉินหงเหยียนเอามือปิดปากเอาไว้!

“คุณเป็นคนจัดการทั้งหมดนี้เลยเหรอ?”

ฉินหงเหยียนมองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่านี่น่าจะเป็นลูกเศรษฐีคนไหนตั้งใจเหมาเกาะเพื่อขอแฟนสาวแต่งงาน เพราะรอบๆ เกาะแห่งนี้ล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายโรแมนติกในการขอแต่งงาน

หล่อนเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนที่เหมาเกาะจะเป็นเย่เฉิน ส่วนผู้หญิงที่ถูกขอแต่งงานคือตัวเอง!

“ตกลงเลย! ตกลงเลย!”

ฉินเสี่ยวตั่วยืนปรบมืออยู่ข้างๆ ไม่หยุด

น้ำตาแห่งความปลื้มปิติไหลลงอาบหน้าฉินหงเหยียน จากนั้นหญิงสาวจึงหันมองเย่เฉินแล้วกล่าว

“ฉันตกลงค่ะ!”

ตอนที่ 250 กลับมาเป็นคุณชายเย่เหมือนเดิม!
ในพื้นที่สูบบุหรี่ของโรงพยาบาลมักจะต้องเจอกับผู้คนหลากหลาย

ระหว่างที่รอฉินหงเหยียน ก็มีผู้ชายหลายคนเป็นฝ่ายเดินมาคุยกับเย่เฉินก่อน พวกเขาเป็นผู้ชายที่มีภรรยากำลังตั้งท้อง

แต่ความสุขของการได้เป็นพ่อคนกระจายอยู่เต็มใบหน้าพวกเขา พวกเขาไม่จำเป็นต้องตรวจ DNA กับลูกของตนเองเพราะาพวกเขาเชื่ออย่างเต็มหัวใจว่าเด็กๆ เป็นลูกเขา

นั่นสิคนทั่วไปไหนเลยจะเจอเรื่องราวโหดร้ายบ้าบอแบบนี้?

แต่งงานกับผู้หญิงที่หน้าสะสวยเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมากมายอย่างหวังเจียเหยา ก็กำหนดแล้วว่าเขาจะต้องเจอกับผ่านความทุกข์ยาก

ฉินหงเหยียนตามมาที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว หญิงสาวมาพบเขาในพื้นที่สูบบุหรี่ แล้วกำชับให้เขารอหล่อนที่นี่ หล่อนจะไปเองคนเดียว

ฉินหงเหยียนก็ซื้อผลไม้ตระกร้าใหญ่และอาหารเสริมไปฝากอีกฝ่ายเหมือนเย่เฉิน หล่อนถือมันไปที่ห้องพัก VIP ของหวังเจียเหยา

ห้องพักผู้ป่วยนั้นก็ยังมีรปภ. เฝ้าอยู่สองคนเหมือนเดิม ถึงไม่ใช่สองคนก่อนหน้าอต่ก็ยังพูดไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม

“ชื่ออะไร ทำงานบริษัทไหน” รปภ. ที่เฝ้าอยู่เห็นเรือนร่างที่โดดเด่นของฉินหงเหยียนกล่าวถามเสียงเรียบ

ฉินหงเหยียนตอบกลับอย่างวางมาด “ฉินหงเหยียน ประธานบริษัทไป๋ลี่!”

บอดี้การ์ดสองคนหน้าถอดสีทันที!

“ประ…ประธานบริษัทไป๋ลี่? คุณ…คุณฉิน?”

ประธานบริษัทไป๋ลี่ถือเป็นคนในระดับเดียวกับหลิ่วอวี่เจ๋อเจ้านายของพวกเขา อีกทั้งชื่อเสียงและราคาหุ้นในตอนนี้ของไป๋ลี่นั้นอยู่เหนือกว่าชุนเฟิงเสียอีก!

บอดี้การ์ดค้อมตัวลงอย่างนอบน้อม “คุณฉินเชิญด้านใน…”

ฉินหงเหยียนถือของเดินเข้าไปด้านใน

“อ้าว พี่หงเหยียนมา!”

เมื่อเห็นฉินหงเหยียนแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อก็รีบร้อนเดินมาต้อนรับหญิงสาว “พี่หงเหยียน พี่ทำงานยุ่งตัวเป็นเกลียว แต่ยังมีเวลามาเยี่ยมภรรยาผม แล้วยังหอบของขวัญมาให้อีก ผลไม้พวกนี้ดูแล้วน่าจะอร่อย ส่งมาให้ผมเถอะครับ”

ฉินหงเหยียนส่งตระกร้าผลไม้และอาหารสุขภาพให้หลิ่วอวี่เจ๋อแล้วจึงเดินไปหาฉินหงเหยียยน

“พี่หงเหยียน” หวังเจียเหยาทักทายฉินหงเหยียนอย่างว่าง่าย

“น้องเจียเหยา” ฉินหงเหยียนเองก็เรียกอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม

หากพูดเรื่องความสามารถในระดับในการพูดจาแบบเป็นมารยาทของพวกผู้หญิงนั้น หวังเจียเหยายังห่างจากฉินหงเหยียนอีกหลายขุม

“น้องเจียเหยา เป็นยังไงบ้าง?” ฉินหงเหยียนเลือกจะแสดงความเป็นห่วงหวังเจียเหยาก่อน

อีกฝ่ายกล่าวพลางยิ้ม “ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณนะคะพี่หงเหยียนที่เป็นห่วง”

ฉินหงเหยียนปรายตามองคู่แฝดเล็กน้อยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เด็กสองคนนี้น่ารักจริงๆ โตขึ้นมาต้องเป็นหนุ่มหล่อสาวสวยแน่นอนเลลย”

หวังเจียเหยาเชื่อมั่นในรูปลักษณ์ของลูกแฝดของตัวเองอย่างมากเช่นกัน

เมื่อคุยกันเรื่อยเปื่อยเล็กน้อย ฉินหงเหยียนกล่าว “ที่จริงที่ฉันมาครั้งนี้เพราะเพราะอยากจะมาดูคุณกับเด็กๆ สองเพราะมีเรื่องอยากจะขอให้ช่วยหน่อย”

“ช่วยอะไรคะ?” หวังเจียเหยาถาม

ฉินหงเหยียนกล่าว “พอจะให้เด็กๆ ตรวจ DNA กับเย่เฉินได้ไหม?”

หวังเจียเหยาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าฉินหงเหยียนมาเพื่อเย่เฉิน

สีหน้าหวังเจียเหยาเปลี่ยนไปทันที “ไม่ได้!”

ฉินหงเหยียนคิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะแน่วแน่ขนาดนี้จึงกล่าวว่า “น้องเจียเหยาคิดว่าเด็กๆ ยังเล็กเกินไปเลยไม่อยากทำตอนนี้ใช่ไหม? เรารอไปอีกสักพัก สักสัปดาห์หนึ่งดีไหม? หรือว่าสักครึ่งเดือนดีล่ะ? คุณเลือกมาเลยอย่างน้อยๆ เย่เฉินจะได้มีความหวังบ้าง”

แต่หวังเจียเหยากลับแน่วแน่ไม่เปลี่ยนใจ “ฉันไม่มีทางให้ลูกของฉันตรวจ DNA กับเย่เฉินหรอกค่ะ ไม่มีวัน!”

“เพราะอะไร?” ฉินหงเหยียนถาม

หวังเจียเหยาตอบอย่างตรงไปตรงมา “ก็เพราะว่ามันไม่มีความหมายอะไร! ถึงจะตรวจแล้วผลออกมาว่าเด็กเป็นลูกเขาแล้วมันจะทำไม? เด็กๆ จะได้รับมรดกของตระกูลเย่เหรอคะ? พอสุดท้ายคนเลี้ยงก็ยังต้องเป็นฉันกับอวี่เจ๋อไม่ใช่เหรอคะ?”

ฉินหงเหยียนคิดน้อยๆ แล้วกล่าว “หรือไม่อย่างนั้นถ้าผลตรวจออกมาว่าเด็กๆ เป็นลูกของเย่เฉิน ฉันยินดีจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ร้อยล้านดีไหม?”

ร้อยล้าน!

หวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อต่างก็นิ่งชะงักไป ฉินหงเหยียนที่เป็นแฟนสาวของเขาจะใจกว้างเกินไปหรือเปล่า?

เด็กพวกนี้ไม่ได้เป็นอะไรกับฉินหงเหยียน ถ้าหากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะคิดหาวิธีเพื่อไม่ให้แฟนที่คบอยู่ส่งเงินให้อดีตภรรยาและลูกๆ ด้วยซ้ำไป

แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเสนอตัวให้เงินค่าเลี้ยงดูเอง!

หวังเจียเหยารู้สึกละอายอย่างมาก ยอกแสลงใจ “เย่เฉินคนสารเลว คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้หญิงยอมเสียเงินร้อยล้านให้เขา!”

ในฐานะที่เป็นอดีตภรรยาของเย่เฉิน เมื่อเห็นฉินหงเหยียนใช้เงินฟาดหัวหล่อน หล่อนจึงรีบปฏิเสธทันที!

“ไม่ได้! เงินร้อยล้านฉันก็มี! ฉันไม่อยากได้เงินใคร!”

ตอนนี้ตระกูลหวังยิ่งใหญ่แล้ว หากเป็นตอนที่ทั้งสองคนเพิ่งรู้จักกันเงินร้อยล้านยังถือว่ามากมายทีเดียว

เมื่อก่อนเพียงแค่การร่วมทุนสิบล้าน ก็ทำให้หวังเจียเหยายอมนอนกับฟางเชา

แต่ตอนนี้ตระกูลหวังยิ่งใหญ่จนหล่อนไม่แยแสเงินร้อยล้านอีกต่อไปแล้ว

“งั้นก็ดี ถ้าคุณเปลี่ยนใจตอนไหนก็โทรหาฉันแล้วกัน สัญญาร้อยลานที่ฉันบอกยังมีผลตลอดไป ฉันไม่รบกวนคุณแล้วดีกว่า”

ฉินหงเหยียนเห็นหวังเจียเหยาแน่วแน่ก็ไม่พูดอะไรต่อ

เมื่อกลับมาที่พื้นที่สูบบุหรี่ ฉินหงเหยียนก็ส่ายหน้าเมื่อเห็นเย่เฉิน

“หล่อนไม่ยอมตรวจเลย แต่ว่าคุณสบายใจได้ ไว้ฉันจะหาเวลาไปคุยกับหล่อนให้อีกที”

ฉินหงเหยียนปลอบเย่เฉิน

เย่เฉินส่ายหน้า “ไม่ต้องแล้วล่ะ หงเหยียน คุณทำงานของคุณไปเถอะ คุณไม่ต้องสนใจเรื่องนี้แล้วล่ะ ผมจะหาวิธีเอง”

เย่เฉินเห็นใจแฟนสาวของเขาไม่น้อย เรื่องนี้เดิมไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหญิงสาวแม้แต่น้อย เขาทนไม่ได้ที่จะต้องปล่อยให้หล่อนหัวเสียและรำคาญใจเรื่องอดีตภรรยาของตนเอง

เย่เฉินส่งฉินหงเหยียนไปทำงานแล้วจึงโทรหาพ่อบ้านฟาง

“คุณชายมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”ญ่

เหมือนพ่อบ้างฟางสัมผัสได้ว่าเย่เฉินจะสั่งให้เขาทำงานให!

เย่เฉินกล่าว “ผมอยากจะซื้อบริษัทขนส่งทั้งหมดสิบแห่งในประเทศเราอย่างเช่นเอ็กซ์เพรสเฟยซู่ บริษัทเอ็กซ์เพรสจือทง บริษัทเอ็กซ์เพรส365 บริษัทเอ็กซ์เพรสรื่อรื่อ บริษัทเอ็กซ์เพรสจี๋ซ่ง ยกเว้นไป๋ลี่กับชุนเฟิง! นอกจากนั้นแล้ว ผมยังอยากจะให้ซื้อพวกเดลิเวอรี่อาหารสามแห่งพวกถวนถวน ชือเลอเมอะแล้วก็ต้าหมี่ด้วย!”

พ่อบ้านฟางที่อยู่ปลายสายตกใจจนอุทานออกมา!

จะต้องรู้ว่าซื้อบริษัทเยอะแยะขนาดนี้เกรงว่าต้องใช้เงินหลายแสนล้าน!

พ่อบ้านฟางถาม “คุณชาย นี่คุณชายจะ…ให้ฉินหงเหยียนเป็นประธานบริษัทอีกแล้วเหรอครับ?”

เย่เฉินตอบ “ไม่ ผมจะเป็นเอง! ผมตั้งใจเปิดกรุ๊ปของตัวเอง ผมต้องการครองเทียนไห่เหมือนที่เคยทำที่อวิ๋นโจว ผมต้องการจะกลายเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศนี้!”

พ่อบ้านฟางกลืนน้ำลายอย่างตื่นเต้น “ได้ครับ!”

เมื่อกดวางสาย เย่เฉินก็หลับตาลงแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้า!

เขาเคยลิ้มลอง!

ลิ้มลองรสชาติของการไม่มีเงินทอง เขาทำได้เพียงปฏิบัติต่อทุกคนอย่างจริงใจ!

แต่ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อดูถูกเขา! สวี่ฉู่หมิงก็ดูถูกเขา!

คนตระกูลหวังก็เห็นเขาเป็นแค่เขยที่ไม่มีประโยชน์ไม่มีค่าอะไร!

หวังเจียเหยาถึงขนาดรู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรจะตรวจ DNA กับลูกๆ!

นั่นเพียงเพราะเย่เฉินไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเย่!

คนที่เขาตั้งใจจะรักษาเอาไว้นั้นมีเพียงแค่ฉินหงเหยียนคนเดียว!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นก็ได้เขาก็จะไม่ปิดบังตัวตนอีกต่อไป เขาจะไม่คิดถึงความรู้สึกของใครทั้งนั้น!

ผมคือเศรษฐีแสนล้าน!

ผมคือคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศนี้!

คุณเย่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอวิ๋นโจวในตอนนั้นกลับมาแล้ว!

“หวังเจียเหยาเจอกันคราวหน้า! คุณจะต้องคุกเข่าขอร้องผม ขอร้องให้ผมยอมตรวจ DNA ของเด็กๆ!”

ตอนที่ 249 เด็กไม่ใช่ลูกนาย!
เย่เฉินกับหวังเจียเหยายังคงต่อปากต่อคำอย่างไม่ลดละ

ส่วนหลิวอวี่เจ๋อยืนอยูี่ข้างๆ ดูพวกเขาอย่างนึกสนุก

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เย่เฉิน ถามหน่อยเถอะทำไมถึงต้องดึงดันจะตรวจ DNA ด้วยล่ะ? คุณสงสัยว่าตอนที่หวังเจียเหยามีลูกกับคุณหล่อนจะยังมีผู้ชายคนอื่นอีกเหรอ?”

ไม่ว่าอย่างไรเด็กก็ไม่ใช่ลูกเขา เขาไม่จำเป็นต้องตรวจ DNA ด้วยซ้ำไป

หวังเจียเหยาถึงได้พลิกตัวหันมองเย่เฉิน “นั่นสิ เย่เฉินนายเอาแต่บีบให้ตรวจ DNA ลูกนายหมายความว่ายังไง? นี่เท่ากับว่านายกำลังสงสัยว่าตอนนั้นฉันมีผู้ชายคนอื่นใช่ไหม?”

“เย่เฉินนายมันสารเลวเกินไปแล้วนะ ตอนนั้นฉันรักนายขนาดนั้น ไม่เจอหน้านายแค่นาทีเดียวก็คิดถึงนายจะแย่ อยู่วิลล่าของนายทุกวันไม่ออกไปไหน ไม่อยากจะเชื่อว่านายจะยังมีหน้ามาสงสัยว่าฉันมีชู้อีก?”

เย่เฉินทำอะไรไม่ถูก เขาเองก็พอจะรู้ว่าหวังเจียเหยาในตอนนั้นเป็นคนดี ไม่มีท่าทีจะออกนอกลู่นอกทาง

เย่เฉินกล่าว “ไม่ใช่ ผมไม่ได้สงสัยคุณหรอก เพียงแต่ว่านี่เป็นกฎของตระกูลเย่ ผมก็ทำอะไรไม่ได้”

หวังเจียเหยาหัวเราะเสียงเย็น “ฮ่าๆ กฎตระกูลเย่เหรอ? นายโดนไล่ออกจากตระกูลเย่มาตั้งนานแล้ว นายจะพูดถึงกฎบ้านนั้นทำไม ที่ตระกูลเย่ต้องตรวจ DNA นั่นเพราะหลังจากที่ยืนยันได้แล้ว พวกเขาจะมอบมรดกมูลค่าหลายแสนล้านให้ทายาท!

ส่วนนายจะตรวจไปทำไม? ต่อให้ตรวจออกมาว่าเด็กเป็นลูกนายแล้วนายมีมรดกนอะไรยกให้พวกเขาเหรอ? เงินของนายตอนนี้ก็เป็นของฉินหงเหยียน ฉินหงเหยียนไม่มีทางยอมยกเงินที่หล่อนหามาได้ให้ลูกฉันหรอก!”

เย่เฉินไม่อยากอธิบายอะไรกับหวังเจียเหยา “คุณไม่ต้องสนใจเรื่องผมจะมีมรดกให้ลูกไหมหรอก ขอแค่พวกเขาเป็นลูกผม ผมไม่มีทางให้พวกเขาลำบากแน่!”

“เด็กไม่ใช่ลูกนาย!” หวังเจียเหยาโพล่งออกมา

วินาทีนี้กระทั่งหลิ่วอวี่เจ๋อก็ยังตกใจ

เขามองเหตุการณ์ตรงหน้าเหมือนมองละครฉากใหญ่อย่างเพลิดเพลินใจ

ส่วนเย่เฉินนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของอดีตภรรยาก็ตกใจอย่างมาก เพราะในช่วงที่หวังเจียเหยาตั้งท้อง บางครั้งเขาก็ฝันร้าย ฝันว่าหวังเจียเหยาพูดแบบนี้กับตัวเอง!

เย่เฉินหอบหายใจถี่กระชั้นขณะมองหวังเจียเหยา “คุณ…คุณพูดว่าอะไรนะ?”

หวังเจียเหยากล่าวด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง “ฉันบอกว่าเด็กไม่ใช่ลูกนาย!”

“งั้นลูกใคร!” เย่เฉินตะโกนกร้าว

หวังเจียเหยาไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวชายหนุ่มแต่อย่างใด เจ้าหล่อนตอบกลับเขาเสียงดังฟังชัด “ฟางเชา!”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้เย่เฉินและหลิ่วอวี่เจ๋อก็มีสีหน้างุนงงไปกันหมด

หลังจากหายตกใจแล้วหลิ่วอวี่เจ๋อก็แอบดีใจ “ที่แท้เด็กก็เป็นลูกของลูกพี่ลูกน้องฉันเหรอเนี่ย ฮ่าๆ แหมซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรขนาดนี้? หมอนั่นดูไม่เอาอ่าวเท่าไหร่แต่กลับเป็นคนที่ใช้ได้เหมือนกันนี่ คิดไม่ถึงว่าทำเรื่องงามหน้าขนาดนี้แต่กลับไม่บอกฉัน”

“จะว่าไปก็ไม่ได้คุยกับเขานานแล้ว ไม่รู้ว่าช่วงครึ่งปีมานี้เขาไปไหน ไว้ว่างๆ โทรหาเขาดีกว่า จะได้บอกเขาว่าฉันจะเลี้ยงลูกแทนเขาเอง ฮ่าๆ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นญาติกัน”

ส่วนเย่เฉินในตอนนี้วุ่นวายใจอย่างเหลือเกิน!

“ฟางเชาเหรอ? เด็กเป็นลูกของฟางเชาเหรอ?”

ภาพของฟางเชาและหวังเจียเหยาปรากฏขึ้นในหัวเย่เฉินไม่หยุด รวมไปถึงคลิปเสียงที่ฟางเชาอัดเอาไว้ด้วย

“หรือว่าหวังเจียเหยาท้องหลังจากครั้งนั้น? หรือว่าหวังเจียเหยาแอบไปหาฟางเชาที่อวิ๋นโจวตอนที่พยายามมีลูกหรือเปล่านะ”

พอคิดว่าฟางเชาทำให้หวังเจียเหยามีความสุข ก็น่าจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหล่อนอาจจะยอมรับฟางเชาอีกครั้ง

เย่เฉินหน้าแดงก่ำ ถ้าไม่ใช่เพราะคิดถึงเด็กสองคน ตอนนี้เขาคงเดินไปตบหวังเจียเหยาแล้ว!

เย่เฉินที่ไม่เคยตบผู้หญิงมาก่อนยังทนผู้หญิงอย่างหวังเจียเหยาไม่ไหว!

แต่เย่เฉินเองก็เป็นผู้ชายที่รู้อะไรมากกว่าที่ผ่านมา เขาเองก็รู้ว่าหวังเจียเหยาโกหกจนเป็นนิสัย จะเชื่อคำพูดที่หล่อนไปเสียหมดไม่ได้

เย่เฉินกล่าวว่า “ผมไม่เชื่อ! ตอนที่พวกเราอยากมีลูกกัน ฟางเชาไปเทียนไห่แล้ว เขาไม่กล้ากลับมาแน่! ผมต้องการตรวจ DNA! คุณบอกว่าเด็กๆ ไม่ใช่ลูกของผมก็ไม่มีประโยชน์ ผมจะตรวจ DNA!”

เย่เฉินพูดพลางเดินไปจะอุ้มเด็กสองคนขึ้นมา

แต่หวังเจียเหยากลับเดินปราดเข้ามาขวางเขา “ห้ามแตะต้องลูกๆ ของฉันนะ! นายห้ามตรวจ DNA ลูกฉัน! ถ้าตอนนี้นายยังเป็นลูกหลานของตระกูลเย่อยู่ล่ะก็ ฉันจะไม่ห้ามนายเลย แต่ตอนนี้นายแค่เกาะผู้หญิงกินไปวันๆ นายมีสิทธิ์อะไรจะมาตรวจ DNA ลูกฉัน?

ต่อให้เด็กเป็นลูกนาย ฉันก็ไม่ต้องการให้นายมาจ่ายเงินกับเด็กๆ สักแดง ลูกฉันฉันเลี้ยงเองได้! สรุปคือ เด็กๆ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาย นายไสหัวไปเลย ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก!”

หวังเจียเหยาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา ส่วนเด็กๆ ก็เริ่มกระจองอแง

หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นเช่นนั้นจึงก้าวมาตรงหน้าเย่เฉินแล้วกล่าว “เย่เฉินนายรีบออกไปเลย นายทำเด็กๆ ตกใจหมดแล้วเด็กใช่ลูกนายหรือเปล่า มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง? ตอนนี้นายก็มีฉินหงเหยียนแล้ว ไม่มีลูกน่าจะเป็นผลดีนายมากกว่า หรือนายอยากจะให้ฉินหงเหยียนช่วยนายเลี้ยงลูก?”

เย่เฉินเองก็เจ็บปวดหัวใจอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กๆ!

เขาไม่อยากอยู่ทะเลาะกับหวังเจียเหยาที่นี่ต่อ เพราะไม่อยากจะให้เด็กๆ ร้องไห้ไม่หยุด

ดังนั้นเย่เฉินเดินออกไป แต่ก่อนจะออกจากห้องเขายังบอกทั้งสองคนว่า “ผมจะต้องตรวจ DNA ให้ได้”

ทันทีที่เดินออกจากโรงพยาบาลลงไปด้านล่าง พ่อบ้านฟางก็โทรเข้ามา

“ฮัลโหล”

“คุณชายสามครับ นายท่านอยากจะรู้ผลการตรวจ DNA ของคู่แฝดสองคนว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

“ยังไม่ได้ตรวจเลย”

“ยังไม่ได้ตรวจเหรอ? คุณชายเมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ? อยากให้ผมช่วยไหมครับ?”

“ไม่ต้อง!”

เย่เฉินรีบร้อนปฏิเสธความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายทันควัน เพราะเขารู้ดีว่าทันทีที่ตระกูลของเขาจะยื่นมือเข้ามาจัดการให้ พวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

ตอนนี้เด็กๆ อยู่ติดกับหวังเจียเหยาตลอดเวลา หากดึงดันจะอุ้มเด็กๆ ไปตรวจ DNA ล่ะก็…

เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้พ่อบ้างฟางจัดการ แต่ตัวเย่เฉินเองก็ทำได้เหมือนกัน

เพียงแต่ว่าหากไม่จนตรอกจริงๆ เขาก็ไม่อยากทำขนาดนั้น

แต่ในเวลานี้เองฉินหงเหยียนก็โทรเข้ามา

เย่เฉินจึงรีบตัดบท “เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง แค่นี้นะ”

เย่เฉินวางสายพ่อบ้านฟางแล้วรับสายฉินหงเหยียน

“เย่เฉิน คุณคุยกับหวังเจียเหยาเป็นไงบ้าง?”

ฉินหงเหยียนเปิดปากถาม หญิงสาวรู้ว่าวันนี้เย่เฉินมาที่โรงพยาบาลเพื่อคุยเรื่องตรวจ DNA กับหวังเจียเหยา

ในฐานะที่หล่อนเป็นแฟนเขา หญิงสาวย่อมให้ความสนใจกับเรื่องนี้

เย่เฉินกล่าว “หล่อนบอกว่าเด็กไม่ใช่ลูกผมแต่เป็นลูกฟางเชา”

“อะไรนะ?” ฉินหงเหยียนที่อยู่ปลายสายตกใจ “ไม่ใช่มั้ง? หล่อนแค่อยากยั่วโมโหคุณหรือเปล่า?”

“ผมเองก็ไม่รู้” เย่เฉินกล่าว

ฉินหงเหยียนกล่าวต่อ “เอาแบบนี้แล้วกัน คุณอย่าเพิ่งใจร้อน เดี๋ยวฉันจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ค่ะ ปล่อยให้ฉันพูดกับหล่อนดีกว่า ผู้หญิงสองคนคุยกันน่าจะง่ายกว่า พวกคุณสองคนจะต้องททะเลาะกันแน่ๆ คุยกันไปก็ไม่ได้อะไรหรอก”

“ครับ” เย่เฉินผงกศีรษะ เขารู้ว่าฉินหงเหยียนเป็นคนมีวาทศิลป์

บางทีฉินหงเหยียนอาจจะช่วยพูดให้เขาได้

เมื่อมาถึงเขตสูบบุหรี่ของโรงพยาบาล เย่เฉินจุดไฟสูบบุหรี่อย่างอ้อยอิ่ง เขาลอบกล่าว “เดิมคิดว่าพอหวังเจียเหยาคลอดลูกแล้วจะไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้ว คิดไม่ถึงว่าการคลอดลูกจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา”

“เด็ก…เป็นลูกฉันหรือเปล่านะ?”

ตอนที่ 248 นายไม่คู่ควรจะตรวจ DNA ด้วยซ้ำไป!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเย่เฉินทำให้หลิ่วอวี่เจ๋อที่กำลังลิงโลดอยู่นั้น ใบหน้าไม่สู้ดีทันที!

ส่วนบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านข้างนั้นเอง ได้ยินก็งุนงงไปทันที

พ่อของลูก?

พ่อของลูกอะไรที่ไหน?

หลิ่วอวี่เจ๋อไม่อยากให้คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องล่วงรู้ความลับของพวกเขาจึงยื่นมือมาแล้วกล่าว “เข้าไปข้างในเถอะ ไม่ต้องเอาของขวัญมาแล้ว พวกเราไม่ขาดแคลนอะไรพวกนี้หรอก”

แล้วหลิ่วอวี่เจ๋อก็เป็นคนผลักเปิดประตูก่อน

เย่เฉินเองก็รีบเดินตามเข้าไป

ห้องพักผู้ป่วย VIP มีขนาดใหญ่เอาการ อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ต่างๆ ค่อนข้างครบครัน

ตอนที่หลิ่วอวี่เจ๋อกับเย่เฉินเดินเข้ามาภายในห้อง หวังเจียเหยาเองกำลังนั่งอยู่ที่ข้างเตียง เล่นกับคู่แฝดที่นอนอยู่บนเตียงเด็กทารก

เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาหวังเจียเหยาก็ยิ้มทันที “ลูกรัก พ่อของพวกหนูมาหาแล้ว”

พ่อ!

เมื่อเย่เฉินได้ยินคำนี้ ความรู้สึกอบอุ่นพลันวาบเข้ามาในใจ!

เป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะเป็นความจริงเท่าไหร่!

ตนเองได้เป็นพ่อคนแล้วจริงๆ เหรอ?

เขาเดินเข้าไปอย่างดีอกดีใจ แต่เมื่อพบว่าหลิ่วอวี่เจ๋อชิงเดินเข้าไปหาหวังเจียเหยาและลูกๆ ก่อน

หลังจากที่หลิ่วอวี่เจ๋อเดินเข้าไปหาพวกเขาแล้ว หวังเจียเหยาก็กล่าวกับเด็กๆ ว่า “ลูกรัก ดูพ่อของพวกลูกสิ คิดถึงพ่อหรือยังจ้ะ?”

เย่เฉินตัวชาวาบ คำว่า ‘พ่อ’ ของหวังเจียเหยาไม่ได้หมายถึงตนเอง! แต่หมายถึงหลิ่วอวี่เจ๋อ!

“บ้าชิบ!”

ทันใดนั้นเองความรู้สึกริษยาพลันแล่นขึ้นเป็นริ้วๆ เขาเดินตรงไปแล้วผลักหลิ่วอวี่เจ๋ออย่างแรง จนอีกฝ่ายล้มลงบนพื้น “ผมต่างหากที่เป็นพ่อของพวกเขา!”

หวังเจียเหยาตำหนิเย่เฉินทันที “นายทำอะไรน่ะ ถ้าลูกตกใจจะทำยังไง?”

ทว่าเด็กที่เพิ่งออกมาลืมตาดูโลกเพียงหนึ่งสัปดาห์คู่นี้ เห็นเย่เฉินผลักหลิ่วอวี่เจ๋อ เห็นเย่เฉินระเบิดอารมณ์กลับไม่ร้องไห้ และไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด

พวกเขาเอาแต่จ้องเย่เฉิน ในแววตานั้นยังเต็มไปด้วยความรักใคร่!

เสี้ยววินาทีนั้นเอง เย่เฉินพลันรู้สึกว่าแววตาคู่นี้ช่างแสนคุ้นเคย เหมือนกับแววตาที่ลูกสาวเจ้าของร้านกาแฟสือเฉินที่แสนลึกลับคนนั้นใช้มองมาที่เขาเช่นกัน

หลังจากที่เย่เฉินเห็นแววตาของเด็กๆ แล้วเขาก็ใจอ่อนยวบยาบ

ใบหน้าของเขาแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มในทันที ขณะมองไปที่เด็กน้อยสองคน “ลูกรัก…พ่อครับมาหาพวกหนูแล้ว”

คราวนี้กลายเป็นหวังเจียเหยาที่ดูไม่มีความสุขขึ้นมา!

หลิ่วอวี่เจ๋อชันตัวลุกขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ฉันว่าเราต้องคุยกันเรื่องใครจะเป็นพ่อของเด็กๆ ให้ชัดเจนแล้วล่ะ!”

เย่เฉินย่อมอยากจะคุยกับพวกเขาอยู่แล้ว เขามาก็เพื่อจะคุยเรื่องนี้!

หลิ่วอวี่เจ๋อล็อคประตูจากด้านใน เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาแล้วเดินมาหาเย่เฉิน “คุณปู่ของฉันชอบเด็กสองคนนี้มาก อีกทั้งยังตั้งชื่อให้พวกเขาแล้วด้วย”

“เด็กผู้หญิงชื่อเจียอิน เด็กผู้ชายชื่อเจียเยว่ คนหนึ่งชื่ออินอีกคนชื่อเยว่ รวมกันเป็นอินเยว่ที่แปลว่าบทดนตรี”

เย่เฉินมองเด็กทารกสองคนแล้สพึมพำ “เย่เจียอิน เย่เจียเยว่ อืม ชื่อนี้ผมชอบนะ”

หลิ่วอวี่เจ๋อตบโต๊ะทันที “เย่เจียอิน เย่เจียเยว่อะไร! หลิ่วเจียอิน กับหลิ่วเจียเยว่ต่างหาก!”

แต่หวังเจียเหยากลับโพล่งออกมา “หวังเจียอิน หวังเจียเหยว่ถึงจะน่าฟัง!”

คิดไม่ถึงว่าทั้งสามคนจะเพียรพยายามยัดเยียดแซ่ให้คู่แฝด!

หลิ่วอวี่เจ๋อเองกลับเป็นฝ่ายพูดกับหวังเจียเหยาก่อน “เจียเหยาตอนนี้คุณเป็นสะใภ้ตระกูลหลิ่ว ตระกูลเราเป็นตระกูลใหญ่ ถ้าให้ลูกแซ่เดียวกับแม่จะไม่ดีเท่าไหร่ ผมว่าให้เด็กๆ แซ่หลิ่วเถอะนะ”

แต่หวังเจียเหยารู้สึกว่าหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้รักตัวเองมากขนาดนั้น แถมไม่พอพวกเขาก็ไม่ใช่ลูกของหลิ่วอวี่เจ๋อ อนาคตก็อาจจะไม่ได้สืบทอดทรัพย์สมบัติของตระกูลหลิ่ว ดังนั้นถึงได้อยากให้เด็กๆ แซ่เดียวกับตนเอง

หวังเจียเหยาจึงประนีประนอม “ให้ลูกผู้ชายใช้แซ่หลิ่วของพวกคุณก็ได้ แต่ลูกสาวต้องแซ่หวังเหมือนฉัน อีกทั้งคุณต้องรับประกันกับฉันว่าลูกชายของฉันจะต้องได้สืบทอดมรดกของตระกูลหลิ่วด้วย”

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ได้สิ ให้เด็กผู้ชายแซ่หลิ่ว ส่วนเด็กผู้หญิงแซ่หวังก็ได้”

หวังเจียเหยาพยักหน้ารับ “ได้”

ได้กับผีสิ!

เย่เฉินที่ฟังอยู่ด้านข้างโมโหจนอยากจะถล่มโต๊ะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าลูกๆ ของเขาอยู่ด้วย เขาคงระเบิดโทสะไปนานแล้ว!

เย่เฉินกล่าวด้วยโทสะ “พวกเขาเป็นลูกผม พวกคุณมาตกลงแซ่หลิ่วแซ่หวัง แล้วผมล่ะ?”

หวังเจียเหยาดูถูกเย่เฉินอย่างยิ่ง “เย่เฉิน นายอย่าลืมสิ นายเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านเรานะ นายไปลองหาข่าวดูสิว่ามีลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงคนไหนบ้างที่มีสิทธิ์เรียกร้องให้ลูกใช้แซ่ตัวเอง? ใครๆก็ให้ใช้แซ่ตามแม่ทั้งนั้นเข้าใจไหม?”

หลิ่วอวี่เจ๋อที่อยู่ข้างๆ หัวเราะเจ้าเล่ห์ “นั่นสิ”

เย่เฉินกล่าวอย่างไม่พอใจ “ผมแต่งเข้าตระกูลหวังมาสามปี ถ้านับจากตอนที่เราแต่งงานกัน คุณมีลูกกับผม แล้วจะให้ลูกๆ ใช้แซ่ของคุณผมก็ไม่มีความเห็นอะไร! แต่ในสามปีนั้น คุณไม่ยอมให้ผมแตะเนื้อต้องตัวด้วยซ้ำไป พวกเราก็ไม่ได้มีลูกกันเสียหน่อย แต่ตอนที่เราสองคนอยากมีลูกกันจริงๆ นั้นเป็นตอนที่ผมบอกคุณเรื่องที่ผมเป็นทายาทตระกูลเย่ ตอนนั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้านทั้งบ้าน รถรวมไปถึงเรื่องต่างๆ ของที่บ้านคุณ ล้วนแต่เป็นเงินผม ผมเป็นคนเลี้ยงพวกคุณ! ตอนนั้นผมไม่ใช่เขยที่แต่งเข้าบ้านพวกคุณอีกต่อไปแล้ว! ดังนั้นผมย่อมมีสิทธิ์เรียกร้องให้ลูกๆ ใช้แซ่เดียวกับผม!”

เย่เฉินรู้ว่าถ้าหากเขาไม่ปิดบังเรื่องตัวตนของเขา วันนี้เรื่องแซ่ของลูกๆ คงจะไม่เป็นประเด็นให้หวังเจียเหยาต้องมาทะเลาะกับเขาแบบนี้

หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินไม่มีเงิน ดังนั้นถึงได้อยากให้เด็กๆ ใช้แซ่ของตนเอง

หวังเจียเหยากล่าวว่า “ใช่ นายมีสิทธิ์เรียกร้อง แต่ว่าพวกเราก็หย่ากันแล้ว แล้วพวกเราต่างก็มีคนรักใหม่ ถ้าให้เด็กๆ แซ่เดียวกับนาย ถ้าอย่างนั้นในอนาคตตอนฉันกับหลิ่วอวี่เจ๋อพาลูกๆ ไปเที่ยวหรือว่าลูกๆ ต้องเข้าโรงเรียนล่ะก็มีคนถามขึ้นมาจะทำยังไง? ลูกๆ จะเสียความรู้สึกขนาดไหน?”

“คุณไม่ต้องมาคิดเรื่องพวกนี้แทนผม!” เย่เฉินกล่าว

นั่นเพราะเด็กสองคนนี้จะไม่ได้เรียนหนังสือในประเทศนี้ด้วยซ้ำ พวกเขาจะได้รับการฝึกฝนของตระกูลเย่!

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง “เย่เฉิน นายจะให้เด็กๆ ใช้แซ่เดียวกับนายไปทำไม? ตระกูลเย่ของนายมีมรดกหลายหมื่นล้านให้พวกเขาหรือไง? แต่ถ้าให้เด็กๆ ใช้แซ่ฉัน ฉันรับรองเลยว่าพวกเขาจะได้อยู่ดีกินดี ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องอะไรไปตลอดชีวิต!”

หวังเจียเหยาได้ยินแล้วก็ตื้นตันใจอย่างยิ่งแล้วกล่าวชมเชยเขา “นายดูหลิ่วอวี่เจ๋อใจกว้างขนาดไหน ลูกของนายนาย เขาก็ยอมเลี้ยงให้แล้ว! ถึงขนาดที่จะยอมแบ่งมรดกให้ด้วยซ้ำ! นายควรจะขอบคุณเขาถึงจะถูก!”

เย่เฉินแค่นเสียง หลิ่วอวี่เจ๋อจะยอมแบ่งมรดกให้ลูกของเขาจริงๆ เหรอ?

เย่เฉินไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะเป็นคนดีขนาดนี้!

มีแต่ผู้หญิงหน้าโง่แบบหวังเจียเหยาเท่านั้นแหละที่ยังอยู่ในกะลา!

เย่เฉินรู้ดีว่าเขาหัวเดียวกระเทียมลีบน่าจะเถียงพวกเขาสองคนไม่ได้ ก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา “เรื่องนี้พูดกันไปมาก็คงไม่ได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้หรอก ที่ผมมาวันนี้เพราะมีเรื่องที่ต้องทำให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยคุยกันเรื่องแซ่ของพวกเขาก็ยังไม่สาย

หวังเจียเหยาหันไปมองเย่เฉิน “มีเรื่องอะไร?”

เย่เฉินปรายตามองเด็กสองคนแล้วกล่าว “ผมอยากตรวจ DNA พวกเขา”

“ไม่ได้!” หวังเจียเหยาปฏิเสธทันควัน!

หวังเจียเหยาจับมือเด็กๆ อย่างทะนุถนอมแล้วกล่าว “เย่เฉิน นายมันเป็นคนอำมหิต ลูกเพิ่งจะคลอด แต่นายจะจะเจาะเลือดพวกเขา ดึงผมพวกเขา ฉันไม่ยอมให้นายทำร้ายลูกๆ ของฉันหรอกนะ”

เย่เฉินเอือมระอาเขาอธิบายต่อว่า “ไม่จำเป็นต้องดึงผมหรือเจาะเลือดหรอกนะ แค่ตรวจน้ำลายก็ได้แล้ว ใช้ก้านสำลีวนที่กระพุ้งแก้มก็เป็นอันใช้ได้”

“ไม่ได้! แค่ฟังฉันก็กลัวแล้ว! ฉันไม่มีทางยอมให้นายทดสอบ DNA แน่ๆ! นายเองก็ไม่คู่ควรจะได้ทดสอบ DNA ลูกของฉันด้วยซ้ำไป!” หวังเจียเหยายืนยัน

ตอนที่ 247 พูดเรื่องฐานะทางสังคมกับผมเหรอ?
ตรวจ DNA!

สำหรับตระกูลใหญ่ๆ แล้วการตรวจ DNA เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ!

อย่างไรเสียทรัพย์สินจำนวนหลายแสนหลายล้านล้านไม่ใช่ของเล่นๆ จะให้ลูกของคนอื่นไม่ได้

ส่วนตระกูลเย่นั้นมีวิธีเลี้ยงดูลูกหลานของตัวเองในวิธีที่แตกต่างกันออกไป ถ้าหากว่าไม่ใช่สายเลือดของตระกูลเย่ก็จะไม่อาจได้รับอภิสิทธิ์เช่นนี้

เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบๆ “ผมรู้แล้ว เรื่องตรวจ DNA เดี๋ยวผมจะหาเวลาจัดการ”

แล้วเย่เฉินก็กดวางสายไป

เขาไม่ได้ตั้งใจจะตรวจ DNA เลยในตอนนี้ อย่างไรเสียหวังเจียเหยาเพิ่งจะคลอดลูก และเด็กๆ เองก็เพิ่งจะลืมตาดูโลก

อีกทั้งตอนนี้คนตระกูลหลิ่วและหวังต่างก็คอยเฝ้าอยู่ เย่เฉินไม่สามารถเข้าใกล้ลูกตนเองได้เลย

เย่เฉินตั้งใจจะปล่อยให้หวังเจียเหยาพักผ่อนไปสักพัก แล้วเขาค่อยพูดเรื่องตรวจ DNA กับหญิงสาว

เย่เฉินเดินออกจากบันไดหนีไฟกลับไปที่ห้องพักฟื้นแล้วสะกิดหลังฉินหงเหยียน “พวกเรากลับกันเถอะ”

“ค่ะ”

แล้วทั้งสองก็ขับรถออกจากโรงพยาบาลไป

ฉินหงเหยียนพบว่าท่าทางของเย่เฉิน ไม่ได้มีความสุขเหมือนคนเพิ่งได้เป็นพ่อคนก็ถามขึ้นมาว่า

“เย่เฉินทำไมคุณถึงทำหน้าตึงล่ะ? ได้ลูกแฝดชายหญิงคุณไม่ดีใจเหรอคะ?”

เย่เฉินถึงได้ฝืนยิ้มออกมา “เปล่านี่ครับ ผมดีใจมากเลย”

ฉินหงเหยียนจะมองความคิดเขาไม่ออกได้ยังไงกัน?

ในรถไม่มีคนอื่น ฉินหงเหยียนจึงพูดตรงไปตรงมา “เอ่อ… เย่เฉิน คุณกังวลใช่ไหมคะว่า…เด็กๆ จะไม่ใช่ลูกของคุณ?”

หวังเจียเหยาไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนักหนา หล่อนนอกใจเขาอยู่บ่อยๆ แถมยังโกหกจนเป็นนิสัย คำพูดของหล่อนจึงไม่มีน้ำหนัก ไม่น่าเชื่อถือ

แต่เย่เฉินกลับหัวเราะ “เป็นไปได้ยังไงกัน! เด็กๆ ต้องเป็นลูกผมอยู่แล้ว ตอนนั้นที่เราอยากมีลูกกันเป็นช่วงที่เราเพิ่งกลับมาแต่งงานกันใหม่อีกรอบ! ตอนนั้นเราสองคนสวีทหวานแวว อีกทั้งตอนนั้นผมเพิ่งบอกหล่อนไปว่าผมเป็นใคร หล่อนเองก็รู้กฎของตระกูลผมว่าถ้ามีลูกจะต้องตรวจ DNA ด้วย ดังนั้นถึงตอนนั้นหล่อนจะทิ้งผม แล้วไปมีผู้ชายคนอื่นจริงๆ แต่หล่อนไม่น่าจะกล้าทำตัวเหลวไหลเพราะเห็นแก่ทรัพย์สมบัติของตระกูลเย่เรา”

เย่เฉินเข้าใจหวังเจียเหยา หล่อนเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงินมากกว่าอะไรทั้งนั้น!

ตอนนั้นหวังเจียเหยานอกใจไปหาหลิ่วอวี่เจ๋อ นั่นเพราะตอนนั้นหล่อนท้องแล้ว ตั้งท้องลูกของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย

ถ้าหากว่าตอนที่หล่อนรู้จักหลิ่วอวี่เจ๋อยังไม่ได้ตั้งท้องลูกของเย่เฉิน ไม่แน่ว่าอาจจะไม่กล้ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหลิ่วอวี่เจ๋อก็ได้

ฉินหงเหยียนฟังการวิเคาระห์พวกนี้ของเย่เฉินแล้ว ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าเย่เฉินน่าสงสารอย่างมาก

ในฐานะที่เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งลูกของตนเองคลอดออกมาแล้ว เขายังต้องอาศัยการวิเคราะห์แยกแยะต่างๆ กว่าจะสรุปได้ว่าเด็กเป็นลูกของตนเอง คิดแล้วมันยอกแสลงใจ

ฉินหงเหยียนกุมมือเย่เฉินพลางกล่าว “ที่รักคะ ถ้าตอนฉันลอดลูกจะต้องไม่ทำให้คุณมีเรื่องต้องเป็นกังวลมากขนาดนี้ ขอแค่เป็นลูกที่ฉันคลอดเชื่อฉันเถอะนะคะว่าจะต้องเป็นลูกของคุณแน่นอน ไม่มีข้อเป็นไปได้อื่นอีก”

มือข้างหนึ่งของเย่เฉินกำพวงมาลัย แล้วอีกข้างก็จับมือของฉินหงเหยียน

สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นฉินหงเหยียนที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจและปลอดภัย!

ส่วนสิ่งที่หวังเจียเหยาให้เขานั้นมีแต่ความเสียใจ การทรยศหักหลัง ความสงสัยคลางแคลงใจและเจ็บปวด!

……

แล้วเวลาก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์

เย่เฉินรู้สึกว่าหวังเจียเหยาคลอดลูกแล้วพักผ่อนเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว คิดว่าได้เวลาไปโรงพยาบาลแล้ว เพื่อคุยกับหญิงสาวเรื่องแซ่ของลูกและเรื่องตรวจ DNA ด้วย

ดังนั้นเย่เฉินจึงออกไปซื้อผลไม้และของบำรุงให้อีกฝ่ายตั้งแต่เช้าตรู่ แล้วไปโรงพยาบาล

จนไปถึงห้องพักฟื้น VIP เย่เฉินถึงได้พบว่าด้านนอกห้องพักผู้ป่วยว่ามีบอดี้การ์ดสองคน

“นายมาทำไม?”

หนึ่งในบอดี้การ์ดถามเย่เฉิน

เย่เฉินมองประเมินทั้งสองคน คิดไม่ถึงว่าตระกูลหลิ่วจะจ้างบอดี้การ์ดมาด้วย ดูไปแล้วพวกเขาให้ความสำคัญกับหวังเจียเหยาและลูกฝาแฝดของพวกเขาสองคนไม่น้อย

เสียดายว่าเด็กๆ ไม่ได้มีสายเลือดตระกูลหลิ่วของพวกคุณแม้แต่นิดเดียว!

เย่เฉินเองก็ต้องขอบคุณพวกเขา ที่ดูแลปกป้องทายาทตระกูลเย่ของพวกเขาดีขนาดนี้

เย่เฉินกล่าวว่า “ผมมาเยี่ยมหวังเจียเหยากับลูก”

บอดี้การ์ดคนนั้นถามต่อ “แจ้งชื่อกับที่ทำงานมา พวกเราจะเข้าไปแจ้งก่อน นายถึงจะเข้าไปได้”

ดูไปแล้วคนทั่วๆ ไป น่าจะเข้าเยี่ยมหวังเจียเหยาไม่ได้

มันก็ถูกอยู่ เพราะตระกูลหลิ่วมีอิทธิพลมากมายในเทียนไห่ คนที่อยากจะตีสนิท ประจบประแจงพวกเขาย่อมต้องมีมากอยู่แล้ว

พวกนักธุรกิจเหล่านั้นล่วงรู้มาว่าตระกูลหลิ่วมีฝาแฝดชายหญิง ย่อมต้องอยากมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลเพื่อประจบคนพวกนี้

ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะเท่ากับว่าเป็นการรบกวนการพักผ่อนของหวังเจียเหยาและเด็กๆ ตระกูลหลิ่วจะต้องมารับของขวัญอย่างไร้เหตุผลต่อไปหากไม่ช่วยเหลือพวกเขาก็คงจะไม่ดีนัก

ดังนั้นบอดี้การ์ดสองคนนี้ถึงได้ถามชื่อเสียงเรียงนามและบริษัทของเขา

เย่เฉินเองก็พอเข้าใจได้ เขาจึงให้ความร่วมมืออย่างว่าง่าย “เย่เฉิน ผู้จัดการแผนกอบรมบุคลากรบริษัทไป๋ลี่”

ใครจะรู้ หลังจากที่เย่เฉินตอบคำถามอีกฝ่ายแล้ว บอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

หนึ่งในบอดี้การ์ดกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าๆ แค่ผู้จัดการแผนกอบรมตัวเล็กๆ แค่นั้นเองถึงกับวิ่งโร่มาส่งของขวัญ? คิดจะประจบประแจงชุนเฟิงเราเหรอ? ไปเรียกคุณฉินประธานบริษัทของพวกนายมานู่น!”

ส่วนบอดี้การ์ดอีกคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “บริษัทห่วยๆ อย่างไป๋ลี่ทำให้บริษัทเราขาดทุนไปตั้งหลายหมื่นล้าน ผู้จัดการตัวเล็กๆ อย่างแกรีบไสหัวไปเลย เห็นแล้วเหม็นขี้หน้า!”

โครม!

บอดี้การ์ดกล่าวต่อ เขาเตะตะกร้าผลไม้ในมือเย่เฉิน “ซื้อแค่พวกผลไม้เน่าๆ พวกนี้มายังมีหน้าจะขอเข้าเยี่ยมอีกเหรอ? ซื้อเก็บไว้กินเองเถอะไป!”

หลังจากที่บอดี้การ์ดเตะตะกร้าก็ส่งผลให้ผลไม้ในตะกร้านั้นกระจัดกระจายทันที

เย่เฉินหัวเสียทันที!

“เก็บให้ผมเดี๋ยวนี้” เย่เฉินกล่าวกับบอดี้การ์ดที่เตะตะกร้าผลไม้ของตัวเองด้วยน้ำเสียงเย็นชา

แต่ชายผู้นั้นกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน “ชิ แกขู่ใคร ประธานบริษัทตั้งหลายคนยังโดนฉันปฏิเสธใส่เลย แกคิดว่า….”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะก้มตัวลงไปเก็บผลไม้ที่ตกบนพื้น เย่เฉินก็คว้าแขนเขาแล้วออกแรงบีบ

“โอ้ย เจ็บๆ!” บอดี้การ์ดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ส่วนอีกคนที่เหลือเห็นเย่เฉินลงไม้ลงมือก็รีบเตือน “ไอ้เด็กบ้า แกเบื่อชีวิตแล้วล่ะสิ!”

ทันใดนั้นเองเพียงแค่เขาคิดจะลงมือช่วยเหลือเพื่อนตนเอง ก็โดนเย่เฉินใช้มืออีกข้างกำเป็นหมัดแล้วประเคนใส่หน้าเขา

เย่เฉินเองใช้มือขวาฟาดใส่หน้าบอดี้การ์ด ตัวเขากระแทกใส่กำแพงแล้วล้มลงไปกองกับพื้น

ส่วนบอดี้การ์ดที่โดนเย่เฉินหักข้อมือนั้น ตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม

เย่เฉินถามอีกฝ่ายอีกครั้ง “จะเก็บไหม?”

“ไอ่พวกคนชอบดูถูกคนอื่นเอ้ย!”

มีคำโบราณเคยพูดเอาไว้ว่าอย่าเล่นกับหมาเดี๋ยวหมาจะเลียหน้า ทำตัวสุภาพกับพวกเขาก่อน พวกเขาถึงไม่เกรงใจ พวกลูกหมาเฝ้าประตูของหลายๆ สถานที่มักจะวางก้าม ทำตัวหยิ่งยโส แต่มีอำนาจเพียงเล็กน้อยในมือก็เริ่มหาเรื่องคุณเข้าแล้ว

เย่เฉินรังเกียจคนชั้นต่ำแบบนี้เป็นที่สุด!

บอดี้การ์ดคนนั้นก้มลงเก็บแอปเปิ้ลอย่างว่าง่าย ทันใดนั้นเองก็เห็นคนผู้หนึ่งเข้า ใบหน้าก็ผุดยิ้มอย่างดีอกดีใจ “คุณหลิ่ว มาแล้วเหรอครับ!”

บังเอิญพอดิบพอดีที่หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็เพิ่งจะออกจากบ้านมาเยี่ยมหวังเจียเหยาเช่นกัน

บอดี้การ์ดรีบเดินไปหาหลิ่วอวี่เจ๋อทันทีแล้วกล่าว “คุณหลิ่วครับ หมอนี่คือผู้จัดการแผนกอบรมบุคลากรบริษัทไป๋ลี่ แถมยังเขา

หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นเย่เฉินก็กล่าวกับบอดี้การ์ดคนดังกล่าวว่า “ไม่ต้อง ฉันรู้จักเขา”

หลิ่วอวี่เจ๋อเดินไปหาเย่เฉินแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เย่เฉิน นายจะมาเยี่ยมหวังเจียเหยาก็ไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่พอมาก็ลงไม้ลงมือทำร้ายคนอื่นนี่มันหมายความว่าอะไร?”

เย่เฉินกล่าวว่า “คุณควรจะกำกับดูแลลูกน้องตัวเองให้ดีๆ อย่าให้มันดูถูกคนอื่นมากนักสิ!”

หลิ่วอวี่เจ๋อแค่นเสียง “นายก็น่าจะดูตัวเองก่อน ถ้าหากวันนี้นายเป็นรองประธานบริษัทไป๋ลี่ ฉันว่าพวกเขาอาจะไม่ห้ามนายก็ได้ โลกเรามันก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะที่ไหนก็สนใจฐานะทางสังคมจะตายไป”

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “ฮึ ฐานะทางสังคม? พ่อของเด็กๆ ไม่พอหรือไง!”

ตอนที่ 246 เด็กจะต้องแซ่เย่!
เย่เฉินได้รับการฝึกฝนมาหลากหลายประเภทตั้งแต่เด็กๆ เขาจึงเป็นผู้ใหญ่ก่อนคนในวัยเดียวกันจำนวนมาก

แต่ว่าเรื่องเป็นพ่อคน ก็เป็นครั้งแรกของเขาเช่นกัน!

ความรู้สึกแบบนี้แปลกประหลาดอย่างมาก สำหรับเขาแล้วเป็นความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

เพราะไม่ว่าอย่างไรฝ่ายคลอดลูกก็เป็นผู้หญิง ผู้ชายไม่อาจผ่านขั้นตอนเหล่านั้นด้วยตนเอง

เขาทำได้เพียงอยู่ด้านนอก รอประกาศว่าเด็กคลอดแล้วเท่านั้น

ไม่นานนักซูหลานก็เดินมาข้างๆ เย่เฉินอย่างตื่นเต้น “คลอดแล้ว เจียเหยาคลอดแล้ว!”

เย่เฉินประหลาดใจน้อยๆ “ไวขนาดนี้เลยเหรอ? ฝาแฝดนี่เป็นฝาแฝดชายหรือหญิง หรือว่าผู้ชายผู้หญิงน่ะครับ?”

หวังเจียเหยาเพิ่งเข้าห้องคลอดได้สิบกว่านาที เย่เฉินคิดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ ชั่วโมงสองชั่วโมง

ในความเป็นจริงแล้ว การคลอดลูกไม่ได้เกี่ยวกับเวลาในการเข้าห้องคลอดแต่อย่างใด เพราะว่าระยะในการคลอดแบ่งเป็นสามขั้นตอน หวังเจียเหยานั้นอยู่ในระยะการปวดคลอดขั้นที่สามแล้ว เวลาในการคลอดจะไม่เกิน 30 นาที

ซูหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังไม่รู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย ต้องรอสองชั่วโมงถึงจะออกมา”

“อ้อ” เย่เฉินถูมือไปมา อยากจะเห็นหน้าลูกๆ ของเขาเร็วๆ!

ซูหลานกำชับกับเย่เฉิน “เธอช่วยจำเวลาตอนนี้ให้ดีๆ แล้วเปลี่ยนเป็นเวลา 12 ชั่วยามแบบโบราณ เวลาจื่อเวลาเหม่าอะไรพวกนั้น เวลาตกฟากของเด็กๆ เราต้องจำให้ดีๆ”

“ครับ ได้ครับ คุณน้า” เย่เฉินรู้ดีว่าซูหลานให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน

ซูหลานถูมือไปมาอยางดีอกดีใจแล้วกล่าวอีกว่า “เธอว่าเด็กๆ ชื่ออะไรดี? ฉันคิดไว้แล้วหลายชื่อ เธอลองฟังดูหน่อยสิว่าเป็นยังไงบ้าง”

“ถ้าเป็นเด็กผู้ชายสองคนก็ให้ชื่อจื่อเหวินกับจื่อหาว”

“ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงสองคน ให้ชื่อเซวียนเซวียน กับเชี่ยนเชี่ยน”

“ถ้าเป็นผู้ชายคนผู้หญิงคน ก็ให้ชื่อหมิงเฉิง กับหมิงอวี้ เป็นยังไง?”

เย่เฉินเห็นอดีตแม่ยาย ลำบากลำบนตั้งชื่อให้ลูกตนเองก็ยิ้มออกมา “ได้ครับ เพราะหมดเลย”

แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดต่อมาของซูหลานจะเป็นแบบนี้ “หลิ่วจื่อเหวิน หลิ่วจื่อหาว หวังจื่อเหวิน หวังจื่อหาว หลิ่วเซวียนเซวียน หลิ่วเชี่ยนเชี่ยน หวังเซวียนเซวียน หวังเชี่ยนเชี่ยน ฮ่าๆ เพราะหมดเลย”

รอยยิ้มของเย่เฉินเจื่อนลงไปทันที!

เย่เฉินกล่าวกับซูหลานด้วยท่าทีไม่พอใจ “คุณน้าหมายความว่ายังไงครับ?”

ซูหลานกล่าว “หมายความยังไงอะไร?”

เย่เฉินกล่าว “ก็คุณเอาชื่อพวกนี้ไปเติมแซ่หลิ่ว แซ่หวัง แปลว่าอะไร? ผมเป็นพ่อ เด็กๆ ควรจะแซ่เย่!”

เย่เฉินหัวเสียอย่างมาก หลิ่วจื่อเหวิน หลิ่วจื่อหาวอะไร ควรจะเป็นเย่จื่อเหวิน เย่จื่อหาวต่างหาก!

ซูหลานได้ยินแล้วก็หัวเราะหึหึ “เย่เฉิน เธอสบายดีใช่ไหม? เธอยังอยากให้เด็กๆ แซ่เดียวกับเธออีกเหรอ? เธอเป็นแค่เขยที่แต่งเข้ามีสิทธิ์อะไรจะให้เด็กๆ แซ่เดียวกับเธอ? เธอรู้ไหมว่าตอนที่ฝ่ายชายแต่งเข้าน่ะก็ไม่มีสิทธิ์ให้ลูกแซ่เดียวกับตัวเองแล้ว แซ่ในตอนนี้ของเด็กๆ มีแค่สองตัวเลือกเท่านั้น หนึ่งคือแซ่หลิ่ว สองคือแซ่หวัง เจียเหยาอยากให้เด็กๆ แซ่หวัง แต่ฉันคิดว่าในเมื่อแต่งเข้าตระกูลหลิ่ว หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็รับปากแล้วว่าจะช่วยปกปิดเรื่องนี้ ฉันก็คิดว่าเด็กๆ แซ่หลิ่วน่าจะดีกว่า เธอว่ายังไงล่ะเย่เฉิน?”

เย่เฉินโกรธจัด “ผมรู้สึกอะไรล่ะ! ลูกของผมต้องแซ่เย่เท่านั้น”

เห็นเย่เฉินระเบิดอารมณ์ ฉินหงเหยียนที่อยู่ข้างๆ ก็รีบร้อนเข้ามาดึงมือแฟนหนุ่ม “เย่เฉินอย่าเพิ่งใช้อารมณ์ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา ตอนนี้เด็กๆ เพิ่งคลอดเอง เรื่องตั้งชื่อไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร”

ซูหลานเองก็กลอกตาใส่เย่เฉิน “ลูกเขยคนดี ช่วยกลับไปส่องกระจกหน่อยดีไหม? เกาะเรากินมาสามปี ยังอยากจะให้เด็กแซ่เดียวกับเธออีกเหรอ? เหอะๆ ใจกล้าจริงๆ”

พูดจบก็เดินกลับไปที่ห้องคลอด

โครม!

เย่เฉินโกรธจนต่อยกำแพง

ถึงแม้ว่าหลังจากเด็กจะคลอดออกมาแล้วจะโดนตระกูลของเขามารับตัวไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าก่อนจะพาเด็กๆ ไป เย่เฉินก็หวังว่าชื่อของเด็กๆ ในทะเบียนบ้านจะเป็นแซ่เดียวกับเขา!

“เย่เฉิน คุณอย่าเพิ่งโกรธเลยค่ะ รอหวังเจียเหยาออกจากห้องผ่าตัดมาก่อน เรื่องนี้ค่อยๆ ปรึกษาหารือกันก้ได้ ตอนนี้หล่อนยังอยู่ในอันตรายนะคะ”

เย่เฉินพยักหน้ารับ

แล้วเวลาสองชั่วโมงก็ผ่านไป

ตระกูลหลิ่วเป็นตระกูลใหญ่ วันนี้ทุกคนต่างก็คิดว่าเด็กที่คลอดออกมาเป็นลูกของหลิ่วอวี่เจ๋อ ดังนั้นถึงที่โรงพยาบาลจึงเต็มไปด้วยคนแซ่หลิ่ว รวมไปถึงคนที่อยากจะประจบประแจงพวกเขาด้วย

หลิ่วหย่วนหางก็มาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหย่วนหางเพิ่งออกจากลิฟต์ก็พบเย่เฉินและฉินหงเหยียนเข้า

หลิ่วหย่วนหางเห็นฉินหงเหยียนเป็นว่าที่น้องสะใภ้นานแล้ว เมื่อเขาเห็นเย่เฉินเข้าย่อมไม่อยากจะทักทายอีกฝ่าย

“หงเหยียนมาที่นี่ได้ยังไง?” หลิ่วหย่วนหางถามอย่างประหลาดใจ

ฉินหงเหยียนกล่าพลางหัวเราะ “มาดูอะไรสนุกๆ ค่ะ”

หลิ่วหย่วนหางหัวเราะ “หงเหยียน เธอนี่ไม่ไว้หน้าสวี่ฉู่หมิงเลยจริงๆ ผมเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเขานะ แหมยังเอาผมเสียอ่วมเลย”

หลิ่วหย่วนหางอยากจะพูดว่าในช่วงหลังมานี้ บริษัทไป๋ลี่ของฉินหงเหยียนเล่นเสียบริษัทของเขาหมดสภาพเลย

ฉินหงเหยียนกล่าว “คุณหลิ่วอย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ ฉันเป็นแค่ปฏิบัติหน้าที่ประธานบริษัทเท่านั้นเอง คุณอัยยังคุมอยู่ข้างหลังอยู่ค่ะ ฉันไหนเลยจะกล้าตีตัวเสมอคุณหลิ่วได้ยังไงคะ”

หลิ่วหย่วนหางกล่าวพลางหัวเราะ เขารู้ว่าฉินหงเหยียนไม่ธรรรมดา แล้วเขาก็หันมองเย่เฉินเล็กน้อยแล้วกล่าว “นี่น่าจะเป็นเย่เฉินคุณชายตระกูลเย่ใช่ไหม?”

เย่เฉินเจอหน้าหลิ่วหย่วนหางเป็นครั้งแรก จึงกล่าวทักทายเขา “คุณหลิ่ว”

หลิ่วหย่วนหางเคยได้ยินสวี่ฉู่หมิพูดถึงคนผู้นี้มาก่อน เขาบอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา เรื่องที่เขาโดนไล่ออกจากตระกูลนั้นเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นเรื่องโกหก

แต่ว่าหลิ่วหย่วนหางไม่ได้รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เฉินและหลานสะใภ้ของตนเองแต่อย่างใด

แล้วจึงกล่าวว่า “ไหนๆ ก็มาแล้วไปดูเหลนฉันด้วยกันสิ”

ดังนั้นหลิ่วหย่วนหางจึงพาทั้งสองคนไปที่ห้องคลอดด้วยกัน

และในเวลานี้เองการทำคลอดก็สิ้นสุดลง หวังเจียเหยาได้ให้กำเนิดฝาแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง!

หลิ่วหย่วนหางหัวเราะร่วน “ได้ยินมาว่าโอกาสที่จะได้ลูกแฝดในประเทศเรามีเพียงแค่ 5 ในพัน ส่วนโอกาสที่จะได้แฝดชายหญิงนั้นมีโอกาสเพียงแค่ 25% ของอัตราที่ได้แฝดอีกที วันนี้หลายชายฉันได้แฝดชายหญิง ช่างเป็นเรื่องมงคลของตระกูลเรา!”

“ยินดีด้วยนะคุณหลิ่ว! ยินดีมากๆ นะครับคุณหลิ่ว! โชคดีเหลือเกินที่ได้ลูกแฝดคู่ชายหญิงแบบนี้!”

“ในอนาคตเด็กผู้ชายจะต้องสืบทอดธุรกิจ ส่วนเด็กผู้หญิงจะต้องสวยจนโด่งดังไปทั่วเมืองแน่นอน!”

คนอื่นๆ เองก็แสดงความยินดีกับหลิ่วหย่วนหางไม่หยุด

“ฮึ ไอ้พวกคนโง่ เด็กๆ มีสายเลือดตระกูลหวังหรือเปล่ายังไม่รู้เลย หลานสุดที่รักของคุณไม่มีปัญญาจะทำพันธุ์แล้วด้วยซ้ำไป ชีวิตนี้อย่าหวังจะได้มีลูกเลย!”

เย่เฉินลอบกล่าวกับตัวเองแต่เขาไม่จำเป็นต้องทำให้หลิ่วอวี่เจ๋อเสียหน้าต่อหน้าคนจำนวนมาก

เขาเดินเข้าห้องคลอด แล้วมองไปที่เทวดาน้อยๆ ทั้งสองคน ความรู้สึกอบอุ่นก็ประเดประดังเข้ามา

เหมือนว่าเขากับเด็กๆ มีสายใยของพ่อลูกอยู่ เขารับรู้ได้เลยว่าเด็กๆ จะต้องเป็นลูกของเขา ไม่ผิดแน่!

แล้วในเวลานี้เองจู่ๆ โทรศัพท์ของเย่เฉินก็ดังขึ้น เมื่อเปิดดูก็พบว่าพ่อบ้านฟางโทรมา

เย่เฉินก็เดินออกมาแล้วไปรับโทรศัพท์ที่ประตูหนีไฟ

“พ่อบ้านฟาง”

“คุณชายสามได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันคลอดของอดีตภรรยาของคุณชาย เด็กๆ ปลอดภัยดีไหมครับ?”

“อืม ปลอดภัยทั้งแม่ลูก เป็นคู่แฝดชายหญิง”

“แฝดชายหญิงเหรือครับ? ฮ่าๆ นี่น่าจะเป็น 1 ในพันเลยนะครับ ขแสดงความยินดีกับคุณชายสามด้วย!”

“ขอบคุณครับ”

“แต่ว่าอย่าว่าผมพูดมากเลยนะครับคุณชาย ถึงคุณชายสามจะเชื่อใจหวังเจียเหยามาก แต่ก็จำเป็นต้องตรวจ DNA อยู่ดีนะครับ!”

ตอนที่ 245 หวังเจียเหยาคลอดลูกแล้ว!

ในฐานะที่หวังเจียเหยาและหวังเจียเหยาเป็นแฟนเก่าและใหม่ของเย่เฉิน บวกกันทั้งสองคนเองก็เป็นคนหน้าตะสะสวยด้วยกันทั้งคู่ ย่อมเป็นเหมือนน้ำกับไฟ

แต่หลังจากที่รู้ว่าฉินหงเหยียนอาจจะกลายเป็นภรรยาของสวี่ฉู่หมิง เป็นว่าที่อาสะใภ้ของหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อแล้ว หล่อนก็ปฏิบัติตัวต่อฉินหงเหยียนเป็นอย่างดี

หวังเจียเหยาเกรงใจฉินหงเหยียนขนาดนี้ เรียกหล่อนว่าพี่หงเหยียนทุกคำ ฉินหงเหยียนเองก็ไม่อยากจำทะตัวใจแคบ

ฉินหงเหยียนกล่าว  ได้สิ ฉันไม่หึงหรอก เขาเองก็เป็นพ่อของเด็กในท้อง เป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว 

 ขอบคุณค่ะพี่หงเหยียน 

หวังเจียเหยากดวางสาย แล้วหันมาส่งยิ้มให้เย่เฉิน  หล่อนรับปากแล้ว ไปกันเถอะ 

ในเมื่อคนข้างๆ ของทั้งสองฝ่ายไม่ได้ว่าอะไร เย่เฉินก็ไม่พูดอะไรอีก เขาขับรถพาอดีตภรรยากลับไปยังวิลล่าของหล่อนและสามีคนปัจจุบัน

เพิ่งกลับมาถึงบ้าน ซูหลานถามอย่างเป็นกังวล  ลูกแม่ไปตรวจเป็นยังไงบ้างจ้ะ? หลานเป็นอะไรหรือเปล่า? เย่เฉินดูแลลูกดีไหม ลูกได้สะดุด ชนอะไรบ้างหรือเปล่าลูกแม่? 

หวังเจียเหยาค่อยๆ เดินเข้ามาพลางกล่าว  เขาดูแลหนูดีมากค่ะแม่ จูงมือไม่ปล่อยเลยค่ะ ส่วนลูกในท้องก็ไม่เป็นไร แต่ว่าหมอบอกว่าหนูมีอาการซึมเศร้าก่อนคลอด ต้องการให้พ่อเด็กอยู่เป็นเพื่อนเยอะๆ หนูเลยให้เย่เฉินมาอยู่เป็นเพื่อนหน่อย 

ซูหลานกังวลขึ้นมา  อาการซึมเศร้าก่อนคลอดเหรอ? ลูกสาวคนดีของแม่เป็นโรคซึมเศร้าได้ยังไงกัน จะมีลูกทั้งที มีอะไรให้ลูกต้องเศร้ากัน แม่จะบอกลูกไว้นะ เจียเหยาที่จริงการมีลูกน่ะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอกนะ ลูกอย่ากังวลไปเลย 

จากนั้นก็เดินมาหาเย่เฉิน เย่เฉิน เธอจะต้องดูแลเจียเหยาให้ดี อวี่เจ่อเขาทำงานหนัก ไม่มีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนเจียเหยาเลย ถ้านายว่างก็มาที่นี่ ฉันคอยดูอยู่ อวี่เจ๋อก็รู้ เขาไม่คิดหรอกว่าพวกเธอจะทำอะไรกัน 

เย่เฉินแค่นเสียง คอยดูอยู่ เพื่อห้ามไม่ให้เราเล่นชู้กัน?

งั้นคงต้องขอบคุณคุณแล้วล่ะ! ผมเองก็ไม่อยากให้คนเข้าใจผิดเหมือนกัน!

 พอได้แล้วค่ะแม่ ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ แม่ไปทำอะไรให้กินหน่อยสิคะ หนูหิวแล้ว  หวังเจียเหยากล่าว

 อ้อ ได้สิ แม่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ 

หลังจากที่ซูหลานรีบร้อนเดินไปแล้ว หวังเจียเหยาก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก แล้วชี้ไปที่เปียโนแล้วกล่าวว่า  เย่เฉินไม่ได้ฟังนายเล่นเปียโนนานแล้ว นายเล่นเปียโนให้ฟังหน่อยสิ 

 อืม  เย่เฉินเองก็รู้สึกว่าเล่นเปียโนน่าจะน่าสนใจกว่าคุยกับหวังเจียเหยา

ในห้องรับแขกมีแกรนด์เปียโนแบรนด์ Steinway & Sons หลังใหญ่อยู่ เย่เฉินเปิดเปียโนแล้วทรุดตัวนั่งลง

 ฉันอยากฟังเพลง ‘Thousand Sad Reasons’! 

หวังเจียเหยากล่าวด้วยอารมณ์ตื่นเต้น จู่ๆ หญิงสาวก็หวนนึกถึงคืนนั้น ที่หล่อนและฟางเชาไปดูงานคอนเสิร์ตด้วยกัน แต่กลับไปเจอเย่เฉินกับฉินหงเหยียน

ส่วนหลังจากฟางเชาขอหล่อนแต่งงานสำเร็จแล้วนั้น เย่เฉินที่หึงหวงตนเอง ก็ขึ้นไปเล่นเปียโนและร้องเพลง Thousand Sad Reasons ต่อหน้าคนนับหมื่นอย่างเศร้าสร้อย!

หวังเจียเหยาชอบวินาทีนี้เป็นที่สุด!

เพราะว่าเย่เฉินในตอนนั้นรักหวังเจียเหยา! แถมยังรักแบบจะเป็นจะตายด้วย!

ทว่าเย่เฉินในตอนนี้นับวันยิ่งเย็นชากับหล่อนมากขึ้นทุกที หวังเจียเหยาสามารถไม่อยู่กับเย่เฉินได้ แต่หล่อนจะต้องทำให้เย่เฉินชอบตนเองตลอดไปให้ได้!

 ไม่เป็น  แล้วเย่เฉินก็ตอบกลับหล่อนห้วนๆ

 นาย…  หวังเจียเหยาโกรธจนกระโดดเหยงๆ ต่อหน้าคนหลายหมื่น นนายเล่นเพลงนี้เสียพริ้ว จนคนฟังเคลิ้มไปตามๆ กัน!

ตอนนี้นายกลับพูดว่าเล่นไม่เป็นเนี่ยนะ

หวังเจียเหยาพยายามประนีประนอม  งั้นนายเล่น ‘Ru Guo Mei You Gan Jue’ ก็ได้ 

นี่ก็เป็นเพลงที่ถือว่าเป็นของพวกเขาสองคน

 เล่นไม่เป็น  เย่เฉินตอบ

 แล้ว ‘Zao Ban De Huo Che’ ของ Beyond น่าจะเป็นใช่ไหมหรือไม่ก็ ‘Qing Ren’ ก็ได้ 

เย่เฉินตอบ  ไม่เป็นเหมือนกัน 

หวังเจียเหยาหัวเสีย  นายจงใจใช่ไหม! จะมีคนเล่นเพลงพวกนี้บ่อยกว่านายได้ยังไง? นายหลับตาก็เล่นได้เถอะ! 

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น  ผมลืมโน้ตเพลงพวกนี้ไปหมดแล้ว 

ตั้งแต่วินาทีที่หวังเจียเหยาหักหลังเขา เขาก็ไม่ได้ฟังเพลงพวกนี้ และไม่บรรเลงเพลงพวกนี้อีก

 งั้นนายจะเล่นอะไรก็เล่นไป! 

หวังเจียเหยาไม่พอใจ หล่อนยังอยากให้เย่เฉินบรรเลงเพลงของพวกเขาสองคนบ้าง จะได้รำลึกถึงอดีตที่สวยงาม!

แต่ว่าหวังเจียเหยาก็พบว่า เย่เฉินไม่จำเป็นต้องบรรเลงเพลงที่คุ้นหูในอดีตพวกนั้น ขอแค่เป็นเพลงที่เย่เฉินบรรเลง แค่มีเขาอยู่ข้างกาย

ไม่ว่าเขาจะเล่นเพลงอะไร ก็สามารถทำให้หล่อนดื่มด่ำ ทำให้หล่อนย้อนคิดถึงอดีตที่แสนสวยงามพวกนั้นได้

เย่เฉินเล่นเพลงที่เขาเพิ่งมาฟังบ่อยให้ช่วงนี้อย่าง ‘Revolutions’ ของ Capo Productions

สีท้องฟ้าที่ด้านนอกหน้าต่างค่อยๆ มืดลงไป ภายในห้องรับแขกนั้นมีแสงไฟบนจากต้นคริสมาสต์สว่างวิบวับ

เย่เฉินเล่นเปียโนอยู่ นี่เป็นเพลงบรรเลง เป็นทำนองที่ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความสงบและผ่อนคลาย

ไม่ถึงหนึ่งนาที หวังเจียเหยาที่นอนไม่หลับก็ฟังเพลงที่เย่เฉินบรรเลงก็เคลิ้มหลับไป

ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูหลานทำอาหารเสร็จ จึงเดินออกมาจากห้องครัวแล้วเห็นลูกสาวกำลังเอนกายนอนบนโซฟาก็ระบายยิ้มอย่างปลื้มใจ

ซูหลานหันมองเย่เฉินพลางกล่าว  เสี่ยวเฉินเจียเหยาไม่ได้หลับสนิทแบบนี้มานานแล้ว มีแต่เธอที่ทำให้เจียเหยานอนหลับสนิทได้แบบนี้ พรุ่งนี้มาด้วยนะ 

 ครับ  ยังไงก็แค่เดือนเดียวเย่เฉินจะถือเสียว่าเป็นการซ้อมเปียโนของเขาแล้วกัน

แล้วอีกอย่างเย่เฉินเล่นเปียโนให้ลูกฟัง ไม่ได้เล่นให้หวังเจียเหยาฟังเสียหน่อย

 ผมไปแล้วนะ 

เมื่อเย่เฉินเห็นอีกฝ่ายหลับไปแล้วก็กลับบ้านทันที ซูหลานเองก็ไม่ได้ชวนเขาอยู่กินข้าวด้วย

แล้วเวลาหนึ่งเดือนก็ผ่านไป

และแล้ววันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ก็มาถึงอย่างรวดเร็ว วันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญอย่างมากต่อใครหลายคน

สำหรับเย่เฉินแล้วเป็นวันที่สำคัญมาก ส่วนสำหรับหวังเจียเหยาเองก็เป็นวันสำคัญ และเป็นวันสำคัญกับหลิ่วอวี่เจ๋อเช่นกัน!

เพราะวันนี้เป็นวันคลอดของหวังเจียเหยา!

……

ณ โรงพยาบาลแม่และเด็ก ประจำเทียนไห่

หวังเจียเหยาถูกเข็นเข้าห้องคลอดไปแล้ว อีกไม่นานเด็กๆ จะออกมาลืมตาดูโลก!

หลิ่วอวี่เจ๋อ หลิ่วเฟิ่ง รวมไปถึงพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย อย่างหังจื้อหย่วน ซูหลาน ต่างก็เฝ้ากันอยู่ที่หน้าห้องคลอด!

และแน่นอนว่าเย่เฉินที่เป็นพ่อเด็กอยู่เช่นกัน โดยมีฉินหงเหยียนอยู่เคียงข้างเขา

เพียงแต่ว่าทั้งสองคนอยู่กันค่อนข้างไกล

 ขอสวรรค์คุ้มครอง เทวดารักษา ให้ปลอดภัยทั้งแม่ลูก 

ซูหลานหลับตาไปพร้อมๆ กับสวดภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

เย่เฉินที่อยู่ไกลๆ เห็นท่าทางของทั้งสองบ้านแล้ว ก็กล่าวกับฉินหงเหยียน  เราสองคนไม่ควรมาหรือเปล่านะ? เหมือนเราเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้ 

ฉินหงเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม  เด็กที่เกิดออกมาเป็นลูกของคุณ คุณจะเป็นส่วนเกินได้ยังไงคะ ฉันต่างหาก แต่ว่านะฉันอยากจะเป็นวินาทีที่คุณได้เป็นพ่อคนด้วยตาตนเอง 

 ขอบคุณนะครับ หงเหยียน คุณใจกว้างจริงๆ  เย่เฉินกุมมือแฟนสาว รู้สึกขอบคุณหญิงสาวอย่างมาก

ถ้าหากเป็นผู้หญิงใจแคบ รู้ว่าอดีตภรรยาของแฟนจะคลอดลูก แถมเด็กที่คลอดออกมาเป็นลูกของแฟนตัวเอง จะต้องโกรธมาก

และในเวลานี้ก้ได้ยินซูหลานที่อยู่ไกลออกไป จู่ๆ ก็ร้องออกมา  โอ้ย! คลอดแล้ว! เจียเหยาคลอดลูกแล้ว! 

เย่เฉินตื่นเต้นอย่างยิ่ง ในที่สุดหวังเจียเหยาก็คลอดลูกแล้ว?

ในที่สุดตนเองจะได้เป็นพ่อคนแล้วเหรอเนี่ย!

 

ตอนที่ 244 อาการซึมเศร้าก่อนคลอด!

‘โลกของคนสองคน มีความสับสนเข้าใจผิดกันมากมาย มักจะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเย็นชากับตนเอง’

‘คนที่ฉันรักที่สุด กลับทำร้ายฉันอย่างที่สุด ฉันไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปใกล้หรือเดินถอยหลัง’

‘จะให้ฉันลืมเลือนได้ยังไง ลืมคำสัญญาที่เคยให้กัน จะให้ฉันลืมเลือนได้ยังไง ลืมความน่ารักของเธอ’

‘…’

หวังเจียเหยาเอาแต่เปิดเพลงที่ชายหญิงร้องคู่กันตลอดทาง

เช่น ‘Liang Ge Ren De Shi jie’ ‘Zui Ai De Ren Shang Wo Zui Shen’ ‘Xiang Ai Duo Nian’ เป็นต้น

แทบทุกเพลงเป็นเหมือนภาพสะท้อนความรักระหว่างเย่เฉินและหวังเจียเหยา

ทว่าตอนจะถึงโรงพยาบาล หวังเจียเหยาก็เลือเพลง ‘GREEN’

รถนิ่งสนิทแล้วเย่เฉินก็เปิดปากถาม  เพลง ‘GREEN’ ที่คุณเปิดนี่มันหมายความว่ายังไง? 

หวังเจียเหยาตอบอีกฝ่าย  ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไรนี่ ก็รู้สึกว่าทำนองมันเพราะดี นายรีบประคองฉันเร็วๆ 

ตอนนี้ท้องหญิงสาวโตมากแล้ว คนในโรงพยาบาลก็เยอะแยะ ทำให้เย่เฉินจำเป็นต้องประคองหล่อน เพื่อช่วยหญิงสาว

พาหล่อนไปตรวจร่างกายเรียบร้อย ก็พบว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร

จนไปถึงห้องตรวจตอนพบแพทย์ หวังเจียเหยาถือสมุดฝากครรภ์ เจ้าหล่อนก็ยังคงกล่าวกับหมออย่างไม่ใคร่จะวางใจ

 คุณหมอคะ ช่วงท้องแก่คนอื่นไม่ง่วงนอนหลับ ไม่ก็กินทำอยู่แค่นี้ แต่ฉันน่ะกินอะไรก็ไม่ลง แล้วยิ่งใกล้จะคลอดเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเครียดอีก เกิดอะไรขึ้นค่ะหมอ? 

คุณหมอท่านนี้เป็นหมอสูตินรีแพทย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของโรงพยาบาลแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นจิตแพทย์อีกด้วย

คุณหมอกล่าวแล้วระบายยิ้ม  เพิ่งท้องแรกใช่ไหม? เครียดก็ธรรมดา 

 แต่ว่าฉันชอบฝันร้าย แล้วก็ยังล้าทุกวันเลยนะคะ บางครั้งถึงกับหวาดกลัวเลยล่ะค่ะ บางครั้งก็รู้สึกไม่ต้องการเด็กในท้องอีกแล้วล่ะค่ะ  หวังเจียเหยากล่าว

หมอตอบว่า คุณอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าก่อนคลอด คุณผู้ชายท่านนี้คือพ่อเด็กใช่ไหมครับ? 

หมอหันมาหาเย่เฉิน

เย่เฉินพยักหน้ารับ

หมอกล่าวกับเย่เฉิน  ที่ภรรยาของคุณมีอาการแบบนี้ อาจเพราะคุณอาจจะไม่สามารถทำในสิ่งที่ภรรยาคุณคาดหวังเอาไว้ได้ ช่วงนี้หน้าที่การงานของคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ? 

เย่เฉินยิ้มละไม ที่แท้ก็เพราะสาเหตุนี้นี่เอง หน้าที่การงานของตัวเขาเองน่ะไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก แต่ว่าหน้าที่การงานของหลิ่วอวี่เจ๋อกำลังร่วงลงเหวจนไม่รู้จะร่วงถึงไหนเลยล่ะ

 ก็พอได้นะครับ  เย่เฉินตอบส่งๆ

หมอก็พูดต่อ  ถ้าหน้าที่การงานของคุณมั่นคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว งั้นก็น่าจะเพราะคุณไม่ได้ดั่งใจภรรยาตัวเองแล้วล่ะครับ คุณทำงานยุ่งเหรอครับ? มีเวลาอยู่กับคุณภรรยาบ้างไหม? 

หวังเจียเหยาแค่นเสียง  เขาไม่มีเวลาอยู่กับฉันหรอกค่ะ 

หมอรีบกล่าวต่อ เห็นไหมครับ ผมพูดว่ายังไงล่ะ? จะต้องเป็นเพราะคุณไม่ค่อยมีเวลาให้ภรรยา ดังนั้นหล่อนถึงได้เป็นกังวลแบบนี้ 

เย่เฉินเห็นท่าทางเศร้าสร้อยของหวังเจียเหยาแล้วก็รู้สึกแย่ ผมน่ะมีเวลาให้คุณถมถืด แต่คุณมันรนไปหาหลิ่วอวี่เจ๋อเอง!

แต่ว่าเย่เฉินเองก็ไม่อยากจะสาธยายความสัมพันธ์ที่แสนยุ่งเหยิงของพวกเขาสามคนต่อหน้าหมอ

หมอก็กล่าวกับเย่เฉินต่อ  คุณจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มากๆ นะครับ อีกเดือนเดียวก็จะคลอดแล้ว ในเดือนนี้ทำไมถึงหาเวลามาอยู่หับภรรยาบ้างไม่ได้ล่ะครับ? ผู้หญิงตั้งท้องตั้ง 10 เดือนลำบากมากนะครับใช่ไหมล่ะ? 

เย่เฉินพยักหน้ารับ  ครับ ผมจะหาเวลามาอยู่กับหล่อนให้มากๆ 

พวกเขาคุยกับหมอต่ออีกประเดี๋ยว เย่เฉินก็ประคองหวังเจียเหยาออกไป

หลังจากที่ทั้งสองคนออกจากห้องทำงานไป ผู้ช่วยของหมอก็กล่าวว่า  ทำไมฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนคนมีอาการซึมเศร้าก่อนคลอดเลยล่ะคะ? หล่อนไม่ได้มีอารมณ์เศร้าสร้อยเลยด้วยซ้ำ กลับกันบางครั้งยังร่าเริงมากด้วย เพียงแต่ว่ากังวลเรื่องเด็กในท้องมากก็เท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องกังวลมากขนาดนี้ด้วย 

หมอที่มีประสบการณ์ชีวิตมามากกล่าวด้วยรอยยิ้ม  เธอน่ะยังอายุน้อย เดี๋ยวถ้านทำงานที่โรงพยาบาลต่ออีกหลายๆ ปีเข้า ต่อไปก็จะรู้เรื่องอย่างรวดเร็วเลยล่ะ 

 มองออกตั้งแต่แรก หมายความว่ายังไงเหรอคะ?  ผู้ช่วยหมอถาม

หมอตอบ  ก็ที่ผู้หญิงเขากังวล หวาดกลัวน่ะ อาจจะไม่ใช่เพราะกลัวเรื่องความเจ็บปวดในการคลอดลูกหรอก แต่กังวลว่าลูกคนนี้อาจจะไม่ใช่ลูกของสามีตัวเองน่ะสิ! 

 หา?  ผู้ช่วยสาวตกใจจนอ้าปากค้างตกตะลึง

เขาเป็นหมอสูติและจิตแพทย์ของหญิงตั้งครรภ์มานาน เขาเคยเห็นเรื่องทำนองนี้มาก็มากที่พอคลอดลูกออกมา กลายเป็นว่าเด็กไม่ใช่ลูกของสามีตนเอง

มีบางคนระยะเวลาไม่ถูกต้องด้วยซ้ำ พวกเขาเป็นหมอรู้ดีแก่ใจ แต่กลับไม่กล้าบอกฝ่ายชาย

หมอนึกถึงใบหน้าที่งดงามของหวังเจียเหยาก็กล่าว  ผู้หญิงคนนี้สวยขนาดนั้น คนที่ตามจีบหล่อนน่าจะมีเยอะแยะเลยล่ะ เดี๋ยวรอดู อีกเดือนหนึ่งโรงพยาบาลเราอาจจะมีอะไรสนุกๆ ให้ดูก็ได้ 

……

 ระวัง ช้าๆ หน่อย 

เย่เฉินเปิดประตูให้หวังเจียเหยา แล้วประคองหล่อนลงจากรถ ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล ออกมาจากที่นั่น ต้องถือว่าอดีตสามีอย่าง

หวังเจียเหยาย่อมดื่มด่ำไปกับความสุขนั้น! หล่อนชอบความรู้สึกแบบนี้!

เมื่อขึ้นรถแล้วหวังเจียเหยาก็กล่าวต่อว่า  เย่เฉิน เมื่อครู่นายก็ได้ยินแล้วใช่ไหมที่หมอบอกว่าฉันเป็นซึมเศร้าก่อนคลอด ต้องการให้พ่อเด็กมีเวลาให้ ไม่รู้แหละ ในหนึ่งเดือนนี้นายจะต้องมาบ้านฉันทุกวัน อยู่เป็นเพื่อนฉันวันละสองชั่วโมง 

เย่เฉินกล่าว  อยู่เป็นเพื่อนคุณวันละสองชั่วโมง? หลิ่วอวี่เจ๋อเขาจะยอมเหรอ? แล้วอีกอย่างโรคซึมเศร้าของคุณนี่ ผมว่าน่าจะเกิดเพราะทรัพย์สินตระกูลหลิ่วลดลงเหลือแค่ห้าหมื่นล้านมากว่าล่ะมั้ง คุณผู้หญิงห้าหมื่นล้านก็เยอะแยะจะตายไปแล้ว อย่าโลภมากนักเลยได้ไหม? 

หวังเจียเหยาหงุดหงิด  ไร้สาระ! ฉันไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าเพราะเรื่องพวกนั้นหรอก! ฉันไม่ได้บ้าเงินขนาดนั้นย่ะ! 

 งั้นเพราะอะไรล่ะ?  เย่เฉินย้อนถาม

หวังเจียเหยาขบริมฝีปากแล้วนิ่งชะงักไปทันที

 ไม่ว่ายังไงนายก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉัน นายเป็นพ่อของเด็กในท้องฉันนี่ นายก็ต้องทำหน้าที่ของคนเป็นพ่อให้ดีที่สุด ฉันจะโทรหาหลิ่วอวี่เจ๋อเดี๋ยวนี้ล่ะ 

หวังเจียเหยาโทรศัพท์หาหลิ่วอวี่เจ๋อทันที

 หลิ่วอวี่เจ๋อนายออยู่ไหน?  หญิงสาวเปิดลำโพงเสียด้วย

 ผมอยู่กับพวกเสี่ยวหม่ามีอะไรหรือเปล่าครับ?  ฝั่งหลิ่วอวี่เจ๋อเสียงดังโหวกเหวกมากทีเดียว เหมือนว่ากำลังดื่มเหล้ากันอยู่

อีกทั้งยังมีเสียงของผู้หญิงจำนวนไม่น้อยลอดเข้ามา

หวังเจียเหยากล่าว  ฉันเพิ่งไปโรงพยาบาลมาค่ะ หมอบอกว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้าก่อนคลอด ต้องการสามีมาอยู่เป็นเพื่อน ฉันรู้ว่าลูกไม่ใช่ของนาย นายก็คงไม่อยากคอยดูแลหรอก ฉันให้เย่เฉินมาอยู่เป็นเพื่อนฉันทุกวัน วันละสองชั่วโมงได้ไหม? 

หลิ่วอวี่เจ๋อครุ่นคิด เขารู้สึกว่าหวังเจียเหยาตั้งท้องได้แปดเดือนแล้ว ตอนนี้พวกเขาสองคนก็ทำอะไรกันไม่ได้จึงตกปากรับคำหญิงสาวไป

 ได้ คุณบอกเขาไปสิ 

เมื่อวางสายแล้วหวังเจียเหยาก็กล่าวกับเย่เฉิน  ตอนนี้นายมาที่บ้านฉันได้ตลอดเวลา 

เย้เฉินกล่าว  ผมต้องไปคุยกับคนของผมก่อน 

หวังเจียเหยากล่าว  ไม่ต้องทำอะไรให้มันวุ่นวาย ฉันคุยกับหล่อนเอง 

หวังเจียเหยาเป็นฝ่ายโทรหาฉินหงเหยียนก่อน หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงน่ารัก

 พี่หงเหยียนคะ ฉันเจียเหยานะคะ อื้ม ฉันเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลกับเย่เฉินค่ะ กำลังจะกลับบ้าน 

ฉินหงเหยียนเองก็มีมารยาทอย่างมาก  ผลการตรวจสุขภาพเป็นอย่างมาก ไม่เป็นไรใช่ไหม? 

หวังเจียเหยาตอบ  หมอบอกว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้าก่อนคลอดค่ะ ต้องให้พ่อเด็กอยู่เป็นเพื่อนเยอะๆ พี่เองก็รู้ว่าเด็กในท้องฉันไม่ใช่ลูกของอวี่เจ๋อ ตอนนี้เขาไม่สนใจฉันสักนิด ฉันขอยืมเย่เฉินจากพี่ได้ไหมคะ วันละสองชั่วโมง ให้เขาเล่นเปียโนให้ฉันฟังอะไรแบบนี้น่ะค่ะได้ไหมคะพี่หงเหยียน? 

 

ตอนที่ 243 ส่งหวังเจียเหยาไปโรงพยาบาล!

คำพูดของหวังเจียเหยานั้นออกจะเทียบเท่ากับ ‘ผู้ดูแลตระกูลหวัง’ เล็กน้อยแล้ว

อย่างไรเสียตระกูลหวังที่เคยเป็นตระกูลชั้นรองที่มีทรัพย์สินเพียงไม่กี่พันล้าน ได้กระโดดขึ้นเป็นเตระกูลที่มีทรัพย์สินเกือบสองหมื่นล้านทั้งหมดเป็นความดีความชอบของหวังเจียเหยา

ในชีวิตแต่งงานทั้งสองครั้งของหญิงสาว เจ้าหล่อนแต่งงานกับเศรษฐีอย่างเย่เฉินและหลิ่วอวี่เจ๋อ ทำให้ตระกูลหวังได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้

คุณนานยหวังถึงได้ให้ความสำคัญกับหวังเจียเหยามากกว่าหวังหยวนหยวน

หวังเจียเหยาเองยังคงโกรธเรื่องที่เย่เฉินนอกใจไปหาหวังหยวนหยวนอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นถึงได้จงใจพูดถึงหวังหยวนหยวน เพื่อดูถูกเย่เฉิน บอกให้เย่เฉินแต่งเข้าตระกูลของหล่อน

แม่ลูกคู่นี้ทำให้เย่เฉินหงุดหงิดรำคาญใจ ทว่าเย่เฉินแต่งงานกับหญิงสาวมาสามปี เขารู้ดีว่าควรจะต้องตอบอีกฝ่ายอย่างไร ถึงจะจี้ใจดำอีกฝ่ายได้

เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม  จริงเหรอ? น้องหยวนหยวนยังชอบผมอยู่เหรอ? หยวนหยวนหุ่นดีขนาดนี้ ถ้าวันไหนหงเหยียนไม่อยากได้ผมเป็นแฟนแล้ว ผมต้องยินดีจะแต่งกับหวังหยวนหยวนอยู่แล้ว! 

ทันทีที่ได้ยินว่าเย่เฉินชมหวังหยวนหยวนหุ่นดี ทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็หน้าแดงก่ำด้วยโทสะทันที!

สองศรีพี่น้องมักจะชิงดีชิงเด่นกัน จุดที่หล่อนพ่ายแพ้น้องสาวมาตลอดก็คือเรือนร่าง!

ก่อนหน้านี้หล่อนสู้หวังหยวนหยวนไม่ได้ ตอนนี้หล่อนท้องโตโย้เย้ เรื่องหุ่นดีไม่น่าจะต้องพูดถึงอีก และพ่ายแพ้หวังหยวนหยวนมากกว่าเดิม

ดังนั้นหล่อนถึงได้รู้สึกริษยาและอับอาย!

หล่อนรู้สึกว่าเย่เฉินสวมเขาให้ตนเองเพียงเพราะหวังหยวนหยวนหุ่นดี!

หวังเจียเหยากล่าวอย่างหัวเสีย  นายกล้าคบกับหวังหยวนหยวนนายก็ลองดู ฉันจะบอกให้คุณย่าไล่หล่อนออกจากตระกูลเราไปเลย! 

เมื่อวินาทีก่อนหน้านี้ หวังเจียเหยายังเป็นฝ่ายเสนอให้หวังหยวนหยวนและเย่เฉินคบหากัน แต่พอเขารับปากจริงๆ หญิงสาวกลับหงุดหงิดเสียอย่างนั้น

ส่วนซูหลานงุนงงไปหมด  คืออะไรกันเนี่ย? เย่เฉินทำไมถึงคบกับหวังหยวนหยวนได้? เย่เฉิน คิดอะไรกับหวังหยวนหยวนนนานแล้วเหรอ? แกนี่มันไอ้สารเลว เป็นพญาเทครัวหรือไง เจียเหยาของเราออกจะสมบูรณ์แบบขนาดนี้ แกยังจะแอบมีใจให้น้องสะใภ้ตัวเองอีกเหรอนเนี่ย? 

เรื่องที่สองคนนั้นนอนด้วยกันก่อนหน้านี้ หวังเจียเหยาไม่ได้ฟ้องกับที่บ้าน ดังนั้นซูหลานจึงไม่รู้เรื่องนี้

เย่เฉินแค่นเสียง  น้องสะใภ้ผมชื่อฉินเสี่ยวตั่ว สวยกว่าลูกสาวคุณกับหวังหยวนหยวนรวมกันเสียอีก! ผมกลับบ้านก่อน พวกคุณก็เตรียมตัวแล้วกัน! 

พูดจบเย่เฉินก็ผลักประตูออกจากบ้านไป

 ฉินเสี่ยวตั่วเป็นใครอีกเนี่ย! 

หวังเจียเหยาก็เริ่มริษยา หล่อนเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าฉินหงเหยียนมีน้องสาว หนำซ้ำเท่าที่ฟังจากคำพูดของเย่เฉิน ก็จะพบว่าแม่สาวน้อยคนนี้หน้าตาสะสวยอย่างยิ่งด้วย!

 มิน่าเย่เฉินถึงได้เกาะฉินหงเหยียนไม่ยอมเลิกรา เพราะนอกจากแฟนที่สวยแล้ว น้องแฟนก็สวยด้วย นายคงหลงระเริงเชียวล่ะสิ! 

พอกลับไปถึงวิลล่าของตัวเอง เย่เฉินก็บอกเรื่องนี้กับแฟนสาว

 หงเหยียน ถ้าคุณไม่อยากให้ผมไป ผมจะปฏิเสธหล่อน  เย่เฉินกล่าว

เพราะคนตรงหน้าต่างหากถึงจะเป็นแฟนสาวของเขา เขาจำเป็นต้องคิดถึงความรู้สึกของฉินหงเหยียน

ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนไม่ชอบให้เย่เฉินอยู่กับหวังเจียเหยา งั้นแล้วเขาก็จะไม่ไปส่งหวังเจียเหยาไปโรงพยาบาล

แต่ฉินหงเหยียนเป็นคนใจกว้าง  หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ใช่ผู้ชายที่ดีอะไร บวกกับที่เด็กในท้องก็ไม่ใช่ลูกเขา เขาไม่มีทางเป็นห่วงเป็นใยหวังเจียเหยาแน่นอน ผู้หญิงต้องอุ้มท้องตั้ง 10 เดือน ในฐานะที่คุณเป็นพ่อก็ควรจะต้องช่วยหล่อนอย่างสุดความสามารถ คุณไปส่งหล่อนไปโรงพยาบาลเถอะ ฉันเองก็มีงานต้องทำพอดี 

เย่เฉินพยักหน้า

จากนั้นเย่เฉินก็ขับรถออดี้ของหวังเจียเหยาส่งหญิงสาวไปโรงพยาบาล โดยมีซูหลานตามไปด้วย

หวังเจียเหยานั่งตรงที่นั่งข้างคนขับรถ ส่วนซูหลานนั่งด้านหลัง

หวังเจียเหยาเพิ่งขึ้นรถ เพลงเพิ่งจะเริ่มขึ้น หวังเจียเหยาก็ระบายยิ้ม  ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว ที่นายขับรถพาฉันกับแม่ไปนั่นไปนี่ คิกๆ 

เย่เฉินเคยขับรถออดี้คันนี้มาแล้วสามปี สามปีที่ผ่านมาเขาเป็นคนขันรถรับส่งหวังเจียเหยาและบิดามารดาของหล่อนไปไหนมาไหนอยู่เสมอ

เขาจึงคุ้นเคยกับรถคันนี้อย่างมาก

เย่เฉินเองก็กระอ่วนกระอ่วนใจไม่น้อย เพราะเขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองที่เลิกรากับหวังเจียเหยาไปแล้วจะยังมีโอกาสได้ขับรถคันนี้อีก

ซูหลานเองก็กล่าวอย่างเก้อเขิน  นั่นสิ เสี่ยวเฉินขับรถเก่งใช้ได้เลยนะ ไม่เหยียบเบรคกระทันหัน ฉันนั่งรถที่เสี่ยวเฉินขับสบายที่สุดแล้ว นั่งรถทีไรก็หลับตลอดเลย เสียดายจริงๆ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้โดนไล่ออกจากตระกูลได้นะ? ไม่งั้นตอนนี้เธอก็คงเป็นลูกเขยของฉันอยู่ 

เย่เฉินแค่นเสียง เขาโชคดีไม่ไหวที่หลุดพ้นจากตระกูลหวังมาได้!

รถเริ่มเพิ่มความเร็ว ซูหลานก็ถามอีกว่า  เสี่ยวเฉินเอ้ย ได้ยินมาว่าพ่อแม่ของฉินหงเหยียนเสียไปหมดแล้วเหรอ? มีน้องสาวแค่คนเดียวหรอ? 

 ครับ  เย่เฉินรับคำเบาๆ

ซูหลานส่ายหน้าไม่หยุด  เสี่ยวเฉินเอ้ย ยังไงเสียเธอเป็นลูกกเขยของฉันมาสามปี ที่ผ่านมาฉันเห็นเธอเหมือนลูกชายตัวเอง ดังนั้นขอเตือนอะไรหน่อยแล้วกันนะ จะแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่มีพ่อแม่แบบนี้ไม่ได้นะ ต่อให้มีเงินก็แต่งด้วยไม่ได้ ผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้ความรักจากพ่อแม่ จะมีปัญหาทางจิตใจ ไม่เห็นหรือไง? แล้วอีกอย่างในอนาคตถ้าเธอสองคนมีลูก จะให้ใครช่วยเลี้ยงล่ะ? เด็กที่ไม่มีตากับยายลำบากมากนะรู้ไหม? 

รถที่เดิมทีเร่งไปที่ความเร็ว 40 กม.ต่อชั่วโมง เย่เฉินเยียบเบรคสุดแรง ซูหลานที่นั่งด้านหลังไม่ได้คาดเข็มขัดแถมงโน้มตัวมาก็ไถลมาด้านหน้า

 ว้าย 

ซูหลานอุทานเสียงดังแล้วโทษอีกฝ่าย  เย่เฉิน เหยียบเบรคทำไม! 

เย่เฉินกล่าวกับซูหลานด้วยน้ำเสียงเย็นชา  ลงรถไป 

ซูหลานโกรธจัด  พูดว่าอะไรนะ 

เย่เฉินตอบกลับอย่างจริงจัง  ผมบอกให้คุณลงรถไป! 

ซูหลานพูดไม่ดีกับเขาเขายังพอทน แต่หล่อนพูดถึงฉินหงเหยียนแบบนี้เย่เฉินทนไม่ไหว!

ฉินหงเหยียนไม่ได้ติดค้างอะไรพวกเขา ซูหลานมีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงหญิงสาวที่น่าสงสารแบบนี้!

พ่อของฉินหงเหยียนโดนคนฆ่าในต่างประเทศ จนตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอตัวฆาตกร หรือว่าหญิงสาวจะไม่อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนคนอื่นหรือไง?

ซูหลานฉุนเฉียว  นี่คือรถของพวกเรา แกสั่งให้ใครลงรถนะยะ! สมองมีปัญหาหรือเปล่า! 

เย่เฉินกล่าว  ถ้าคุณไม่ลง ผมลงเอง พวกคุณไปโรงพยาบาลกันเองแล้วกัน! 

เขาพูดพลางปลดเข็มขัดนิรภัยในรถไปด้วย

ส่วนหวังเจียเหยาที่กว่าจะหลอกให้เย่เฉินมาส่งหล่อนได้ ไหนเลยจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนี้?

ดังนั้นหล่อนจึงรีบคว้ามืออดีตสามีไม่ยอมให้เขาลงจากรถ แล้วหันไปกล่าวกับมารดาที่นั่งอยู่ด้านหลัง  แม่คะ แม่ลงรถไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูให้เย่เฉินไปส่ง ไม่เป็นไรหรอกค่ะ 

ซูหลานเดือดปุดๆ ทันที  ก็ได้ เย่เฉิน แกห้ามอยู่ห่างจากลูกสาวฉันแม้แต่ก้าวเดียว ดูแลลูกสาวฉันให้ดีๆ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็ ฉันจะเอาเรื่องแกตายแน่! 

โครม!

ซูหลานลงจากรถ แล้วปิดประตูรถอย่างแรง

เย่เฉินนิ่งเฉย จนอดีตแม่ยายเขาลงไปจากรถแล้ว เขาถึงได้ยอมเริ่มขับรถไปต่อ

หวังเจียเหยาโอดครวญ  นายก็จริงๆ เลย ไม่ว่ายังไงแม่ฉันก็เคยเป็นแม่ยายนายมาตั้งสามปี ตอนเรามีลูกกัน แม่ก็มาทำอาหารให้นาย เก็บกวาดทำความสะอาดให้ แม่ฉันดีกับนายมากนะ แม่แค่ว่าฉินหงเหยียนไม่เท่าไหร่เอง ทำไมต้องไล่แม่ฉันด้วยล่ะ? 

เย่เฉินกล่าวด้วยเสียงเย็นชา  คงจะมีแต่ช่วงเราอยากมีลูกกันเท่านั้นแหละที่แม่คุณทำเหมือนผมเป็นลูกเขย ส่วนเวลาอื่นๆ ผมไม่เห็นรู้สึกเลยว่าแม่คุณจะเห็นผมเป็นลูกเขยตรงไหน 

หวังเจียเหยารู้ว่าสามปีที่ผ่านมา แม่ของหล่อนไม่ได้ดีกับเขานัก ดังนั้นเลยไม่พูดอะไรอีก

รถขับเคลื่อนไปบนถนนใหญ่ หวังเจียเหยาใช้มืองพยุงท้องที่โย้เย้ของตนเองแล้วกล่าว  แม่ฉันไปก็ดี เราจะได้มีโลกส่วนตัวกัน 

เย่เฉินขับรถด้วยท่าทีตั้งใจพร้อมกับใช้มือจิ้มกล้องหน้ารถด้วย

ถ้าหากว่าหลิ่วอวี่เจ๋อรู้ว่าวันนี้เย่เฉินพาหวังเจียเหยาไปโรงพยาบาล งั้นเขาต้องรื้อกล้องหน้ารถดูแน่นอน เพื่อดูว่าทั้งสองคนนี้คุยอะไรกัน

หวังเจียเหยารีบร้อนเปลี่ยนเรื่อง  อ้อ เราไม่ได้ฟังเพลง ‘Liang Ge Ren De Shi jie’ ด้วยกันนานแล้วนี่ เฉินหลินร้องใช่ไหม 

หวังเจียเหยาพูดพลางกดเปิด ‘Liang Ge Ren De Shi jie’

เย่เฉินดูอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกระทันหันของหวังเจียเหยาก็หลุดหัวเราะออกมา

เป็นผู้หญิงที่แสดงละครจริงๆ!

 

ตอนที่ 242 ให้เป็นลูกเขยตระกูลหวังอีกครั้งเนี่ยนะ?

บริษัทเอ็กซ์เพรสชุนเฟิงได้จัดงานแถลงข่าวในตอนบ่าย

หลิ่วหย่วนหางมาที่งานแถลงข่าวด้วยตัวเอง เพื่อขอโทษสาธารณะชนและฉินหงเหยียน อีกทั้งยังประกาศกับทุกคนว่าถึงแม้หลิ่วอวี่เจ๋อจะเป็นหลานชายเขาแต่ไม่ได้มีตำแหน่งในบริษัทเอ็กซ์เพรสชุนเฟิงแต่อย่างใด

เรื่องนี้เองไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแข่งขันทางธุรกิจระหว่างไป๋ลี่และชุนเฟิงแม้แต่น้อย หวังว่าทางสื่อและคนอื่นๆ จะไม่คาดเดากันไปเรื่อยเปื่อย

ทว่าการชี้แจงของหลิ่วหย่วนหางก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร

ในระยะเวลาหนึ่งเดือนต่อมา ราคาหุ้นของบริษัทเอ็กซ์เพรสชุนเฟิงร่วงระเนระนาด จนท้ายที่สุดแล้วมูลค่าตลาดเหลือแค่ห้าหมื่นล้าน

จากลูกพี่ในสายงานขนส่งในประเทศกลายเป็นแค่ธุรกิจที่มีมูลค่าเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียวของไป๋ลี่ที่เป็นบริษัทขนาดรองลงมา

วันที่ 25 เดือนธันวาคม เป็นวันคริสมาสต์อันเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงโด่งดังของทางยุโรป และเริ่มเป็นที่นิยมของในประเทศเช่นกัน

หลิ่วอวี่เจ๋อซื้อของขวัญให้หวังเจียเหยา ทว่าภรรยากลับไม่สนใจเรื่องของขวัญแต่อย่างใด

หวังเจียเหยาถาม  อวี่เจ๋อ ทำไมราคาหุ้นของบริษัทร่วงจนไม่ยอมขึ้นเลยล่ะ? ปู่ของนายเก่งมากไม่ใช่หรือไง? ทำไมถึงไม่มีวิธีแก้ไขอะไรเลยล่ะ? ตอนนี้ชุนเฟิงก็กลายเป็นบริษัทขนส่งขนาดรองแล้ว เพื่อนฉันน่ะไม่ใช้ชุนเฟิงส่งของกันแล้ว 

หวังเจียเหยาสนใจสถานการณ์ของบริษัทตระกูลหลิ่วมากกว่าของขวัญชิ้นน้อยๆ นี่อย่างเห็นได้ชัด

หลิ่วอวี่เจ๋อโทรมกว่าเมื่อหลายเดือนก่อนมาก ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยไรหนวดเครา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้จัดการมาหลายวัน

 สบายใจเถอะ เจียเหยาปีหน้าชุนเฟิงเราต้องกลับมาผงาดแน่ ตอนนี้ปู่ของผมกำลังจัดการพวกผู้บริหารใหม่อยู่ อีกทั้งยังได้ตกลงร่วมมือกับบริษัทต่างๆ เป็นจำนวนมาก ราคาหุ้นในปีหน้าจะต้องเด้งกลับมามีราคาเท่าเดิมแน่ 

หลิ่วอวี่เจ๋อรับรองกับภรรยา

 หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ 

หวังเจียเหยากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

ท่าทีของหญิงสาวที่มีต่อหลิ่วอวี่เจ๋อนั้นนับวันแย่ลงไปทุกทีตามการตกอับของตระกูลหลิ่ว

ตอนนี้ตระกูลหลิ่วมีมูลค่าทรัพย์สินเหลือเพียงห้าหมื่นล้าน ตระกูลหลิ่วมีลูกชายสองคน ถ้าหารๆ กันแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อจะได้เงินมาแค่สองหมื่นล้านเท่านั้น

แต่จากการขยายตัวของธุรกิจในครึ่งปีนี้ของตระกูลหวัง ทำให้ทรัพย์สินของตระกูลหวังของเจ้าหล่อนเกือบจะไปแตะสองหมื่นล้านแล้ว!

พอเปรียบเทียบกันแบบนี้ ตระกูลหวังของหล่อนก็สูสีกับตระกูลหลิ่วอยู่เหมือนกัน แล้วหวังเจียเหยาจะต้องอาลัยอาวรณ์หลิ่วอวี่เจ๋อไปทำไม?

 เอ่อ เจียเหยา เทศกาลคริสมาสต์ปีนี้ พวกเสี่ยวหม่าเขาจะจัดงานเลี้ยง ผมมีเรื่องจะคุยกับพวกเขาพอดี วันนี้ผมไม่กลับบ้านนะครับ 

หลิ่วอวี่เจ๋อสวมเสื้อโค้ทเตรียมตัวจะออกบ้าน

หวังเจียเหยาขมวดคิ้วแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ  วันคริสมาสต์นายยังไม่อยู่บ้านเป็นเพื่อนฉัน! ฉันตั้งท้องมาตั้งนาน นายดูแลฉันกี่ครั้งเชียว? ผัวแบบนายนี่ใช้ได้ที่ไหนกัน? 

หลิ่วอวี่เจ๋อคิดในใจว่าเด็กในท้องไม่ใช่ของฉันสักหน่อน ทำไมฉันต้องมาคอยดูแลคุณที่นี่ด้วย ไปหาเย่เฉินให้มาดูแลสิ!

ทว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเท่านั้น หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวอย่างอ่อนโยน  แม่คุณก็อยู่ด้วยไม่ใช่เหรอครับ มีแม่คอยดูแลคุณ ผมเองก็สบายใจ 

ซูหลานมารดาของหวังเจียเหยา ย้ายมาพำนักที่นี่เป็นระยะเวลานานแล้วเพื่อดูแลลูกสาวที่กำลังตั้งครรภ์

หวังเจียเหยาพึมพำ  แม่ของฉัน แม่ของฉัน ไม่เห็นว่าแม่นายจะมาดูแลฉันบ้าง 

หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะ  เอ่อ ผมไปก่อนนะครับ สุขสันต์วันคริสมาสต์ครับผม 

เพิ่งจะพ้นประตูไป หลิ่วอวี่เจ๋อก็พึมพำเช่นกัน  ให้แม่ฉันมาดูแลมารหัวขนในท้องเธอกับเย่เฉินเนี่ยนะ! หวังเจียเหยาเธอไม่คู่ควร 

หวังเจียเหยาเพิ่งเดินออกจากบ้าน ซูหลานมารดาของหญิงสาวก็เดินลงมาด้านล่าง เมื่อเห็นลูกสาวสีหน้าไม่สดใสก็เอ่ยถาม

 เป็นอะไรไปจ้ะลูกรัก ทะเลาะกับหลิ่วอวี่เจ๋ออีกแล้วเหรอ? อย่าเอาแต่ทะเลาะกับเขาสิ ยอมๆ เขาหน่อย 

ซูหลานชอบลูกเขยคนนี้มาก หล่อนถูกชะตาเขามากกว่าเย่เฉิน

หวังเจียเหยาเดือดปุดๆ หอบท้องโตของตนเองเองเดินมาที่หน้าต่าง แล้วพลันเหลือบเห็นนิติของหมู่บ้านกำลังเข็นรถคันเล็กๆ ที่บรรจุต้นคริสมาสต์ที่สวยงามเข้าไปในวิลล่าของเย่เฉินและหวังเจียเหยา

เห็นรอยยิ้มมีความสุขของทั้งสองคนนั้น ก็ทำให้หญิงสาวหัวเสียกว่าเดิม

 ทำไมล่ะ! ฉันที่ตั้งท้องสิบเดือนต้องมาลำบากอยู่คนเดียว ส่วนสิบเดือนผ่านมานี้เย่เฉินกลับไปเที่ยวกับฉินหงเหยียนตามอำเภอใจ เป็นผู้หญิงนี่มันทรมานจริงๆ 

ยิ่งหวังเจียเหยาคิดก็ยิ่งทรมานใจ จนที่สุดแล้วทนไม่ไหว กดโทรหาเย่เฉิน

 เย่เฉิน นายมาหาฉันเร็วๆ เลย! 

เย่เฉินมาที่วิลล่าของหลิ่วอวี่เจ๋ออย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นซูหลานก็เรียกอีกฝ่ายว่า  คุณน้า 

ซูหลานกลับดูแคลนเขา ไม่ได้มีท่าทีจะสนใจเย่เฉินแม้แต่น้อย

ตลอดสามปีที่ผ่านมา เย่เฉินเรียกอีกฝ่ายว่า ‘คุณแม่’ มาเสมอ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับไม่แยแสเขาแม้แต่น้อย

เย่เฉินลอบหัวเราะในใจ โดยที่ไม่ได้สนใจท่าทีของซูหลานแม้แต่น้อย เขารู้มานานแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง

 เรียกผมมามีอะไร?  เย่เฉินถาม

หวังเจียเหยากล่าว  ส่งฉันไปโรงพยาบาลหน่อย ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่สบายตัวมากเลย ไม่สบายทุกที่เลย ทั้งตัวนั่นแหละ ปวดหัวด้วย รำคาญ ไม่อยากมีลูกแล้ว! 

เย่เฉินถาม  แล้วหลิ่วอวี่เจ๋อล่ะ? 

หวังเจียเหยาตะคอก  นี่มันลูกนายหรือลูกของหลิ่วอวี่เจ๋อ? นายถามถึงเขาทำไม? นายเป็นพ่อช่วยมีความรับผิดชอบหน่อยได้ไหม ช่วยทำอะไรให้ลูกมั่งไม่ได้หรือไง? 

หวังเจียเหยาด่าเย่เฉินว่าไม่มีหัวจิตหัวใจ ในฐานะที่เป็นพ่อของเด็ก แต่กลับไม่สนใจลูกแม้แต่น้อย

เย่เฉินเองก็หัวเราะหึหึ ในตอนที่แรกที่หวังเจียเหยาตั้งใจจะเก็บเด็กเอาไว้ หวังเจียเหยาเคยกล่าวกับเย่เฉินว่าเขาไม่จำเป็นต้องมาสนใจเด็กคนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องมาคิดถึงเด็กคนนี้ หลิ่วอวี่เจ๋อจะดูแลพวกหล่อนสองคนแม่ลูกเอง

ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องเมื่อครึ่งปีก่อนเกิดขึ้น ถ้าหากว่าเย่เฉินโผล่หน้ามาดูแลลูกโดยพลการ เกรงว่าเขาคงจะโดนหวังเจียเหยาไล่ตะเพิดออกมาล่ะมั้ง?

พูดว่าเย่เฉินไม่รับผิดชอบงั้นเหรอ?

ที่นี่คือบ้านของหลิ่วอวี่เจ๋อ ถ้าเย่เฉินมาโดยไม่ถามเจ้าบ้านก่อน จะไม่เท่ากับว่าเขาสวมเขาให้หลิ่วอวี่เจ๋อเหรอ?

เย่เฉินไม่อยากเถียงกับหวังเจียเหยา  ได้ ผมขอไปบอกฉินหงเหยียนเดี๋ยวเดียว คุณรอผมสักเดี๋ยวแล้วกัน 

 

ในเวลานี้จู่ๆ ซูหลานก็เปิดปากเอ่ยขึ้นมา  ขยะจริงๆ ก่อนนี้ก็เป็นเขยที่แต่งเข้าไม่มีเกียรติอะไรตลอดสามปีของพวกเรา ตอนนี้ก็เกาะผู้หญิงที่รวยๆ ทำอะไรก็ต้องขออนุญาตแม่นั่นก่อน 

 เย่เฉิน นายจะเป็นผู้เป็นคนกับเขาหน่อยบ้างจะได้ไหม? กะจะเกาะผู้หญิงกินไปตลอดชีวิตหรือไง? 

เย่เฉินหัวเสีย  ซูหลาน! คุณฟังให้ดีๆ นะ! ผมจะกลับไปบอกฉินหงเหยียน นั่นคือการให้เกียรติต่อคนรัก ไม่ใช่ขออนุญาต ตระกูลหวังของพวกคุณเลี้ยงผมมาสามปีก็จริงแต่ผมก็ชดใช้ไปหมดแล้ว! ถ้าผมไม่ได้ช่วยพวกคุณเอาไว้ ตระกูลหวังของคุณจะเจริญรุ่งเรืองได้แบบวันนี้เหรอ? 

ซูหลานได้ยินคำว่าความรุ่งเรืองของตระกูลหวังก็รู้สึกภูมิใจอย่างมาก ก็จริงตอนนี้ตระกูลหวังรุ่งเรืองจนถึงขีดสุดแล้วจริงๆ!

ตอนแรกนั้นพวกเขาได้ความช่วยเหลือจากเย่เฉินจึงได้เซ็นสัญญาไปไม่น้อย

ต่อมาหลังจากตระกูลหวังและตระกูลหลิ่วเป็นทองแผ่นเดียวกัน ก็ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลหลิ่ว ช่วยเอื้อให้ธุรกิจของพวกเขาขยายใหญ่ขึ้น

จำเป็นต้องพูดว่าคุณนายหวังเป็นผู้หญิงที่ฉลาดหลักแหลม และเก่งกาจ!

หวังเจียเหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม  เอาเถอะ แม่คะจะพูดเรื่องที่ผ่านมาทำไม? ตอนนี้พวกเรามีเงิน มีเขยแต่งเข้าสักคนจะเป็นอะไรไปคะ? 

 เย่เฉินได้ยินมาว่าน้องสาวของฉันหวังหยวนหยวน ยังชอบนายไม่ใช่เหรอ ในอนาคตถ้ามีวันไหนฉินหงเหยียนไม่อยากอยู่กับนายแล้ว นายอยากจะแต่งเข้าตระกูลหวังเราอีกรอบไหม เป็นเขยแต่งเข้าของบ้านเราอีกครั้งดีไหม? 

 

ตอนที่ 241 ตระกูลหลิ่วจบเห่แล้ว!

ตั้งแต่เย่เฉินหลอกล่อให้เหอเหวินเจี้ยนไปลองสืบดูว่าในตู้ของหลิ่วอวี่เจ่อมีอะไร เย่เฉินก็รู้ว่าเหอเหวินเจี้ยนจะได้รับผลกรรมเช่นนี้และจะถูกบีบให้ออกจากบริษัท

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะหักมุมยิ่งกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้

หลิ่วอวี่เจ๋ออยากจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่เพียงแต่จะเล่นงานเหอเหวินเจี้ยน แต่พร้อมกันนั้นจะลากไป๋ลี่ลงน้ำไปด้วย

ตอนนี้ในโลกโซเชียลต่างก็กำลังเยาะเย้ยบริษัทไป๋ลี่อยู่

 ฮ่าๆ รองประธานบริษัทไป๋ลี่คนนี้น่าสนใจจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แอบคิดไม่ซื่อกับเจ้านายของตัวเอง! 

 ประธานบริษัทไป๋ลี่สวยแบบนี้ ถ้าฉันเป็นรองประธานก็คงคิดไม่ซื่อเหมือนกัน! 

 เขาถึงกับส่งผู้หญิงไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี ศัลยกรรมให้เหมือนเจ้านายตัวเอง แล้วไปสนุกที่โรงแรม ไม้นี้เจ๋งสุดๆ ไปเลย ฮ่าๆ 

 สงสารแฟนคุณฉิน ฮ่าๆ 

……

บริษัทเอ็กซ์เพรสชุนเฟิงในตอนนี้ หลิ่วอวี่เจ๋อเองมาถึงออฟฟิศแต่เช้า เพื่อจะไปขอความดีความชอบจากคุณปู่

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวอย่างมีความสุข  คุณปู่ครับเห็นข่าวหรือยัง? เรื่องคาวๆ ของรองประธานของไป๋ลี่เป็นฝีมือผมชักใยเองครับ! ฮ่าๆ ตอนนี้ทั้งโลกโซเชียลกำลังด่าและเยาะเย้ยไป๋ลี่เลยล่ะครับ อีกเดี๋ยวตอนลาดหุ้นเปิด ราคาหุ้นของพวกนั้นต้องร่วงแน่ๆ 

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาราคาหุ้นของไป๋ลี่ขึ้นพรวดๆ กิจการจนดีขึ้นไปเรื่อยๆ จนนำหน้าชุนเฟิงไปไกลมากแล้ว จนกลายเป็นบริษัทขนส่งเบอร์หนึ่งในประเทศ

แต่ว่ามีคนเคยพูดเอาไว้ยิ่งปีนขึ้นไปสูงเท่าไหร่ ตอนร่วงลงมายิ่งน่าสงสารเท่านั้น ประโยคนี้สามารถใช้ได้กับตลาดหุ้นเช่นกัน

เรื่องคาวๆ ที่เกิดขึ้นในบริษัทไป๋ลี่นั้น จะต้องทำให้ราคาหุ้นร่วงแน่ๆ!

แต่ข่าวนี่ถือเป็นข่าวดีของชุนเฟิง!

หลิ่วหย่วนหางกล่าวพลางระบายยิ้ม  ทำได้ดี! ช่วงนี้เราโดนไป๋ลี่กดมาตลอด ต้องเดินตามพวกเขา ฉันล่ะปวดหัวจะแย่แล้ว แต่ว่าหงเหยียนเป็นผู้หญิงของสวี่ฉู่หมิง แกลากหล่อนไปด้วย ถ้าเขารู้เข้าคงจะไม่พอใจมากแน่ 

พอจะมองออกว่าหลิ่วหย่วนหางนั้นเกรงใจพี่น้องร่วมสาบานคนนี้ไม่น้อย!

หลิ่วหย่วนหางกล่าวพลางระบายยิ้ม  นั่นไม่ใช่ฉินหงเหยียนตัวจริงเสียหน่อยครับ แค่คนที่หน้าตาเหมือนหล่อนมากๆ เท่านั้นเอง ปู่สบายใจได้เลยครับ คุณอาสวี่ไม่มีทางรู้แน่ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือผม 

ในขณะที่เขากำลังลิงโลดลำพองใจ แต่ในโลกโซเชียลกำลังแชร์คลิปบางอย่างไปอย่างรวดเร็ว

นั่นก็คือคลิปของพวกหลิ่วอวี่เจ๋อและเหอเหวินเจี้ยนในห้อง VIP ของร้านคาราโอเกะในบ่ายเมื่อวาน!

ทันทีที่คลิปถูกปล่อย ในโซเชียลก็เกิดแรงกระเพื่อมอีกครั้ง!

 เชี่ย! คิดไม่ถึงเลยว่าจะหักมุมแบบนี้! นี่ไม่ใช่ฝีมือของรองประธานของไป๋ลี่ แต่เป็นหลานชายของประธานบริษัทเอ็กซ์เพรสชุนเฟิงจงใจขุดหลุมขึ้นมา! 

 ชุนเฟิงนี่หน้าไม่อายจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถึงกับเล่นไม้นี้เพียงเพื่อเล่นงานคู่แข่ง พวกเขาถึงกับหาผู้หญิงมาศัลยกรรมให้มีหน้าตาเหมือนประธานไป๋ลี่เพื่อล่อลวงให้รองประธานทำผิด 

 แบนชุนเฟิง สนับสนุนไป๋ลี่! 

ตลาดหุ้นก็เปิดอย่างรวดเร็ว

ตอนตลาดเปิดบริษัทเอ็กซ์เพรสชุนเฟิงก็ร่วงเอา ร่วงจนต้องปิดสัญญาณการเทรด!

ส่วนไป๋ลี่ไม่เพียงแต่ไม่ร่วงกลับกัน ราคาหุ้นกลับขึ้นเอาๆ ในตอนเช้าราคาก็ขึ้นไป 5% แล้ว!

เพี้ยะ!

หลิ่วหย่วนหางฟาดฝ่ามือใส่หน้าหลานชาย  แกยังมีหน้ามาบอกว่าไม่มีใครรู้แน่ๆ! เขามียันคลิปเลย! แกนี่นะ ทำไมถึงได้ก่อเรื่องแบบนี้โดยไร้ต้นสายปลายเหตุกัน! ไม่มีปัญญาก็อย่ายื่นมือเข้ามาสอดเรื่องการแข่งขันของบริษัทสิ! 

หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นราคาหุ้นที่ร่วงลงของบริษัทก็ตกตะลึง  ทำไม…ผมโดนสะกดรอยเหรอ? ใคร! 

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า จะเป็นฝีมือของหวังเอ้อร์เชอที่เป็นคนขับรถของเรา ผู้ซึ่งที่เย่เฉินส่งมาอยู่ข้างตัวเขา

 แก…แกทำให้ฉัน… 

หลิ่วหย่วนหางอยากจะด่าหลานชายต่อ แต่จู่ๆ ก็หน้ามืดแล้วตัวก็เอนไปด้านหลัง

 คุณปู่! คุณปู่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ? ผมไม่ดีเอง ผมมันโง่โดนคนเล่นงาน คุณปู่อย่าโกรธผมเลยครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับคุณปู่ 

หลิ่วอวี่เจ่อรีบร้อนประคองผู้เป็นปู่ให้กลับไปนั่งที่เก้าอี้

หลิ่วหย่วนหางสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ดมยาดมแล้วกล่าว  มีคนมีอำนาจที่อยู่ระหว่างเราสองบริษัท 

 คนมีอำนาจ?  หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเสีย

หลิ่วหย่วนหางกล่าว  ให้เรื่องจบลงแบบนี้ก็แล้วกัน จะให้โทษแกก็ไม่มีประโยชน์แล้ว พวกเรารีบแก้ไขเรื่องนี้กันให้เร็วที่สุดเถอะ 

 ต้องรีบเรีบกประชุมผู้ถือหุ้นหรือจัดงานแถลงข่าวไหมครับ?  หลิ่วอวี่เจ๋อถาม

หลิ่วหย่วนหางส่ายหน้า  ก่อนอื่นเลย เราต้องรีบโทรไปขอโทษสวี่ฉู่หมิง ฉินหงเหยียนเป็นว่าที่ภรรยาของเขา แกไปสร้างฉินหงเหยียนเวอร์ชั่นลอกเลียนแบบมา แถมยังส่งให้ผู้ชายคนอื่นเป็นของขวัญอีก นี่ไม่เท่ากับว่าแกกำลังเหยียดหยามเขาเหรอ? 

หลิ่วหย่วนหางถอนหายใจอย่างเอือมระอา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรวีดีโอคอลหาสวี่ฉู่หมิง

อีกฝ่ายรับสายอย่างรวดเร็ว

 น้องฉู่หมิง สวัสดีตอนบ่าย 

 พี่หลิ่ว 

ท่าทางของอีกฝ่ายยังคงเกรงใจเขาเหมือนที่ผ่านมา

หลิ่วหย่วนหางกล่าวพลางหัวเราะคิกคัก  น้องฉู่หมิง เชื่อว่านายคงจะเห็นข่าวแล้วใช่ไหมเรื่องนี้ฉันต้องขอโทษนายด้วยจริงๆ เป็เนพราะฉันสั่งสอนหลานไม่ดี หลิ่วอวี่เจ๋อถึงได้ทำเรื่องเหลวไหลแบบนี้ อวี่เจ๋อ ยังไม่รีบคุกเข่าโขกหัวขอโทษอาสวี่ของแกอีก! 

เพราะเป็นการสนทนาแบบวีดีโอ ทำให้สวี่ฉู่หมิงจึงสามารถเห็นภาพหลิ่วอวี่เจ๋อคุกข่าขอโทษเขาอย่างชัดเจน

หลิ่วอวี่เจ๋อคุกเข่าลงแล้วกล่าวกับกล้อง  คุณอาสวี่ครับ ผมมันเลอะเลือนไปชั่วขณะ ถึงได้มีความคิดบ้าๆ แบบนี้ คุณอาเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างได้โปรดให้อภัยผมด้วยนะครับ! 

ตอนที่สวี่ฉู่หมิงเห็นหลิ่วอวี่เจ๋อเห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจอย่างมาก แต่อย่างไรเสียหลิ่วหย่วนหางก็เป็นพี่น้องร่วมสาบานของเขา แถมยังมีความร่วมมือกันในด้านธุรกิจอื่นๆ อีก เขาเองก็ไม่อยากจะโวยวายอะไรมากมายนัก

สวี่ฉู่หมิงกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ  ช่างเถอะครับ พี่หลิ่ว บอกให้หลานลุกขึ้นมาเถอะ เด็กนึกสนุกผมเข้าใจได้ แล้วอีกอย่างเขาก็ไม่ได้แตะต้องตัวฉินหงเหยียน เพียงแต่หาคนหน้าเหมือนฉินหงเหยียนมาก็เท่านั้นเอง อวี่เจ๋อเอ้ย คลินิคที่หามานี่เก่งมากเลยนะ ตอนอาเห็นรูปตอนแรกยังแยกไม่ได้เลยว่าใช่หงเหยียนตัวจริงหรือเปล่า เธอพาผู้หญิงคนนั้นไปศัลยกรรมที่คลินิคไหนล่ะ? อย่าลืมส่งชื่อมาล่ะ 

เมื่อเห็นสวี่ฉู่หมิงให้อภัยตนเอง หลิ่วอวี่เจ๋อก็เหมือนหมดห่วง  ครับ คุณอาสวี่ ผมจะส่งที่อยู่ไปให้นะครับ 

หลิ่วหย่วนหางหันกล้องมาที่ตัวเองแล้วถาม  ฉู่หมิงเอ้ย ขอฉันถามนายหน่อยนะ ตอนนี้นายยังอยากจะแต่งงานกับหงเหยียนอยู่ไหม? หลายเดือนผ่านมานี้ หล่อนยังอยู่กับเย่เฉินคนนั้นเหมือนเดิม เหมือนไม่มีมี่แววว่าจะเลิกกันเลย 

ใบหน้าสวี่ฉู่หมิงเผยรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม  ผมต้องแต่งงานกับหล่อนให้ได้ ผมน่ะเคยทำตามที่พูดไม่ได้ด้วยเหรอ? แต่ว่าตอนนั้นที่เจอหล่อน ผมบอกหล่อนว่าให้หล่อนใช้ชีวิตสนุกๆ แบบนี้ไปอีกครั้งปี พอครึ่งปีแล้วหล่อนต้องเป็นภรรยาของผม! 

หลิ่วหย่วนหางครุ่นคิดเล็กน้อย คราวก่อนที่กินข้าวกับอีกฝ่ายเหมือนจะเป็นช่วงเดือนสิงหาคม

 งั้นจะครบกำหนดปีหน้าตอนเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าใช่ไหม?  หลิ่วหย่วนหางถาม

สวี่ฉู่หมิงผงกศีรษะรับ

 เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า?  หลิ่วอวี่เจ๋อชะงักไป ภรรยาของเขาจะคลอดลูกเดือนกุมภาเหมือนกัน

แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ เย่เฉินกำลังตั้งใจจะขอฉินหงเหยียนแต่งงานหลังจากหวังเจียเหยาคลอดลูกเสร็จ!

ก็เป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าเหมือนกัน!

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว  คุณอาสวี่ครับ ผมรองานแต่งงานของอานะครับ พอถึงตอนนั้นผมจะต้องไปเมืองเสินเฉิงเพื่อดื่มเหล้ามงคลของอานะครับ! 

สวี่ฉู่หมิงระบายยิ้มน้อยๆ  ได้สิ ยินดีต้อนรับ ขอตัวก่อนะ พอดีมีงานวาง

หลังจากวางสายแล้ว หลิ่วอวี่เจ่อก็ลอบพูดกับตัวเองในใจ  ทำไมสวี่ฉู่หมิงถึงได้มั่นใจว่าครบกำหนดเวลาครึ่งปีแล้วฉินหงเหยียนจะแต่งงานกับเขานะ? ฉันว่าสภาพของเย่เฉินกับฉินหงเหยียนตอนนี้ต่างหากที่เหมือนคนจะแต่งงานกัน หรือว่า…เขากุมความลับอะไรเอาไว้? 

 

ตอนที่ 240 ผมให้อภัยหล่อนแล้วพอใจหรือยัง?

 ที่รักฉันต้องไปรีบไปประชุมคณะกรรมการที่ไป๋ลี่ คงไม่ได้กินข้าวเช้าเป็นเพื่อนคุณแล้วล่ะค่ะ 

ฉินหงเหยียนมีท่าทีร้อนใจ

เย่เฉินพยักหน้ารับ  อืม คุณไปเถอะ ค่อยๆ ขับรถนะครับ 

และในเวลาเดียวกันนั้นเองหวังเจียเหยาที่อยู่ในวิลล่าด้านข้างก็เพิ่งตื่น เห็นเนื้อหาในโพสต์ที่ติดเทรนด์ในเวยป๋อ

 เอ๊ะ ฉินหงเหยียนจูบกับเหอเหวินเจี้ยนที่หน้าลิฟต์เหรอ? สวรรค์ ฉินหงเหยียนทรยศเย่เฉินไปแล้วเหรอ? 

ตอนนี้หวังเจียเหยาตั้งท้องได้หกเดือนแล้ว ท้องโย้เย้ ทุกวันของหล่อนผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย ชีวิตกำลังต้องการข่าวสังคมสนุกๆ แบบนี้

เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะไปเจอข่าวที่เกี่ยวกับอดีตสามีเข้า

หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วพบว่าฉินหงเหยียนกำลังขับรถ porshe ของหล่อนออกไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนหลิ่วอวี่เจ๋อนั้นเมื่อวานไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงรีบออกจากวิลล่า แล้ววิ่งโร่ไปยังวิลล่าของเย่เฉินและหวังเจียเหยา

ก๊อก ก๊อก

 เย่เฉิน 

เย่เฉินเปิดประตูเห็นหวังเจียที่หอบท้องโตมา ถึงแม้ว่าท้องโตโย้เย้ เรือนร่างไม่อาจเทียบได้กับที่ผ่านมา แต่ใบหน้าของอดีตภรรยาก็ยังคงงดงามไร้ที่ติเหมือนผ่านมา

หล่อนเป็นสตรีตั้งครรภ์ที่สวยที่สุดเท่าที่เย่เฉินเคยเห็นมา

 คุณมาทำไม?  เย่เฉินถาม

หวังเจียเหยาถามเขาอย่างระมัดระวัง  นายทะเลาะกับหวังเจียเหยาเหรอ? 

 ไม่นี่  เย่เฉินตอบ

หวังเจียเหยาปลดล็อคโทรศัพท์แล้วถาม  พวกนายไม่ได้ดูข่าวกันเหรอ? 

เย่เฉินปรายตามองหน้าจอมือถืออีกฝ่าย  อ้อ เห็นแล้ว 

หวังเจียเหยาประหลาดใจทันที  เห็นข่าวแล้วแต่ไม่ทะเลาะกันเนี่ยนะ? เย่เฉิน ทำไมนายถึงได้ใจเย็นแบบนี้แล้วล่ะ โดนสวมเชาแล้วยังไม่โกรธเนี่ย? 

เย่เฉินตอบอีกฝ่ายอย่างเบื่อหน่าย  คนในรูปไม่ใช่ฉินหงเหยียน 

หวังเจียเหยากล่าวอย่างประหลาดใจ  คำพูดแบบนี้นายก็เชื่อด้วยเหรอ? นายโง่เกินไปแล้วมั้ง? ไม่ใช่รูปตัดต่อเสียหน่อย มีรูปเคลื่อนไหวยืนยันได้! ฉินหงเหยียนทำผิดต่อนาย นายอย่าไปเชื่อหล่อนเด็ดขาดล่ะ! 

เย่เฉินเองก็คร้านจะอธิบาย  เอาล่ะ ต่อให้หล่อนทำแบบนั้นจริงๆ ผมก็ให้อภัยหล่อนไปแล้ว พอใจหรือยัง? 

 อะไร…อะไรนะ? 

หวังเจียเหยาตะลึงค้างไป ไม่รู้จะพูดอะไร เมื่อรวบรวมสติแล้วทันใดก็โบกกำปั้นน้อยๆ ระดมทุบอดีตสามีทันที

 นายมันคนชั่ว ให้อภัยหล่อนได้แล้วทำไมตอนนั้นไม่ให้อภัยฉัน! 

หวังเจียเหยาตอนนี้กำลังท้องโต เย่เฉินเองก็ไม่กล้าจะระบายโทสะใส่เจ้าหล่อน ทำได้เพียงคว้าแขนเจ้าหล่อนเอาไว้เพื่อให้หล่อนอยู่นิ่งๆ  เจียเหยา คุณอย่าพูดถึงเรื่องในอดีตของเราได้ไหม? แล้วอีกอย่างตอนนี้คุณใกล้จะคลอดลูกแล้ว อย่าลงไม้ลงมือบ่อยนักเลยเดี๋ยวถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง? 

หวังเจียเหยาโกรธจนกระทืบเท้าเร่าๆ แค่นเสียง  นายยังรู้จักเป็นห่วงลูกในท้อง! นายมันเป็นพ่อที่ไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย! หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้กลับบ้านมานานมาแล้ว ส่วนนายเองก็ไม่รู้จักมาอยู่เป็นเพื่อนฉันกับลูกเลยในตอนกลางวัน 

เย่เฉินกล่าวอย่างอิอดหนาระอาใจ  ตอนกลางวันผมต้องไปทำงานเข้าใจไหม? 

 แฟนของนายก็เป็นถึงตั้งประธานบริษัท นายไม่ไปทำงาน หล่อนจะไล่นายออกหรือไง?  หวังเจียเหยากล่าวต่อ

เย่เฉินไม่อยากจะเถียงกับหญิงสาวต่อเขาจึงเปลี่ยนเรื่อง  เจียเหยา ท้องคุณโตกว่าคนท้องทั่วไปตั้ง 7 เดือน เด็กในท้องเป็นแฝดหรือเปล่า? 

ก่อนหน้านี้เย่เฉินรู้มาจากหลิ่วอวี่เจ๋อว่าหวังเจียเหยามีลูกแฝด แต่หวังเจียเหยาไม่เคยบอกเขาด้วยตัวเองมาก่อน

ในฐานะที่เป็นบิดาของเด็กในท้อง เขาย่อมอยากรู้ว่าเด็กในท้องอีกฝ่ายใช่ฝาแฝดหรือไม่

ใบหน้าหวังเจียเหยาฉายแววตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดแล้วถามชายหนุ่มว่า  นายอยากให้ฉันมีลูกแฝดมากสินะ? ฮึ ฉันไม่บอกนายหรอก ยังไงเสียอีกสองเดือนลูกก็จะคลอดแล้ว พอถึงตอนนั้นนายมาดูเองที่โรงพยาบาลแล้วกัน! 

บนใบหน้าเย่เฉินฉายแววรอคอยทันที เพราะเขาเองก็พอจะเข้าใจความหมายของคำพูดของอีกฝ่าย เมื่อวัดจากความเข้าใจที่เขามีต่อตัวอีกฝ่าย

เย่เฉินรู้ว่าเด็กในท้องหวังเจียเหยาเป็นฝาแฝดแน่นอน!

 ได้ ผมจะไปเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาล  เย่เฉินกล่าว

เด็กที่จะลืมตาดูโลกนั้นเป็นลูกของเย่เฉินเช่นกัน ตนเองเป็นพ่อย่อมต้องอยากเจอหน้าลูกในทันที!

และจู่ๆ โทรศัพท์ของเย่เฉินก็ดังขึ้น

 เจียเหยา คุณกลับไปพักเถอะ ผมขอทำงานก่อน  เย่เฉินไล่หล่อนออกจากบ้านอ้อมๆ

 ก็ได้  หวังเจียเหยาเม้มปากแล้วค่อยๆ เดินออกไป

 ตอนจะคลอดช่วยบอกผมล่วงหน้าหน่อยนะ  เย่เฉินกล่าว

หวังเจียเหยาจงใจใยั่วโมโหเขา  ไม่บอกนายหรอกย่ะ นายจะต้องเป็นคนสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าลูกตัวเอง! 

เย่เฉินส่ายหน้าอย่างเอือมระอา จากนั้นก็กดรับสายแล้วพบว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือหวังเอ้อร์เชอ

 มีอะไร? 

หวังเอ้อร์เชอกล่าว  พี่เย่ครับพี่เห็นข่าวหรือยัง? เห็นข่าวแล้วพี่อย่าเพิ่งโกรธนะครับ ผู้หญิงที่เข้าโรงแรมกับน้าผมในรูปไม่ใช่คุณฉิน แต่เป็นผู้หญิงที่หลิ่วอวี่เจ๋อจัดการให้ไปศัลยกรรมจนมีใบหน้าเหมือนคุณฉิน 

 ศัลยกรรม? นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? เย่เฉินถาม

หวังเออร์เชอหัวเราะอย่างมีเลศนัย  ก็หลิ่วอวี่เจ๋อคิดจะใช้ไม้นี้เล่นงานน้าผมกับไป๋ลี่ของพวกคุณ แต่ว่าผมน่ะมีคลิปที่หลิ่วอวี่เจ๋อใช้ผู้หญิงที่ศัลยกรรมให้หน้าเหมือนฉินหงเหยียนมาล่อลวงน้าผมในร้านคาราโอเกะ 

 พี่เย่ ทันที่คลิปถูกปล่อยออกไป ชุนเฟิงของตระกูลหลิ่วจะต้องจบเห่แน่! 

เย่เฉินกล่าว  ทำได้ดีนี่ นายอยากได้อะไรตอบแทนล่ะ? 

หวังเอ้อร์เชอตอบ  ผมแค่อยากจะร่วมหัวจมท้ายไปกับพี่ ต่อไปถ้าพี่จะไปสั่งสอนไอ้พวกคุณชายคนไหนในเทียนไห่ขอให้พี่เรียกผมอีก ผมเองก็อยากไปถ่มน้ำลายใส่พวกเขา ฮ่าๆ เพราะผมไม่ถูกชะตากับไอ้ลูกไก้อ่อนที่ถูกโอ๋อยู่ตลอดเวลาพวกนั้น! 

เย่เฉินยิ้มน้อยๆ แล้วตอบ  ไปหาหลิวเจิ้งคุน ไปเป็นลูกน้องเขาสิไป 

 ขอบคุณครับพี่เย่! 

……

ณ ห้องประชุม บริษัทไป๋ลี่

ฉินหงเหยียนสาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปด้านในห้องประชุมด้วยท่าทีมั่นใจ ส่วนผู้ถถือหุ้นคนอื่นๆ มาถึงกันนานแล้ว

 คุณฉิน 

 คุณฉิน 

เมื่อเห็นฉินหงเหยียนมาถึง ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ต่างก็ลุกยืนขึ้นทักทายหญิงสาว

โดยกลุ่มคนในนั้นรวมไปถึงรองประธานเหอเหวินเจี้ยนที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในวันนี้ด้วย

 คุณฉิน ขอโทษครับ… 

เหอเหวินเจี้ยนมองฉินหงเหยียนด้วยใบหน้าสำนึกผิด

ฉินหงเหยียนเดินไปตรงหน้าเขา ด้วยโทสะที่เต็มเปียม แล้วฟาดฝ่ามือลงไป!

เพี้ยะ!

พวกผู้ถือหุ้นในห้องประชุมต่างก็ตกใจกันหมด

ฉินหงเหยียนกล่าวอย่างไม่พอใจ  เหอเหวินเจี้ยน ในฐานะที่คุณเองก็เป็นรองประธานบริษัทไป๋ลี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเรื่องแบบนี้! คุณรู้หรือเปล่าการกระทำแบบนี้ของคส่งผลเสียหายขนาดไหนต่อบริษัท 

 คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณทำแบบนี้ทำให้แฟนของฉันวางตัวลำบากขนาดไหน? ณ

เหอเหวินเจี้ยนโดนตบต่อหน้าธารกำนัลแต่กลับไม่กล้าโวยวยวาย  ขอโทษด้วยนะครับคุณฉิน ผมจะอธิบายกับทุกคนให้ชัดเจนเอง ผู้หญิงคนที่อยู่กับผมเมื่อคืนเป็นผู้หญิงที่ทำศัลยกรรมจนหน้าเหมือนคุณมากเท่านั้นเอง… 

เพี้ยะ!

ฉินหงเหยียนเหวี่ยงฝ่ามือใส่ใบหน้าเขาอีกครั้ง เหล่าผู้ถือหุ้นต่างตื่นตระหนกกันถ้วหน้า

ฉินหงเหยียนกล่าวต่อ  คุณมันบ้าจริงๆ เพื่อจะสนองความต้องการของตัวเอง ถึงกับ…ถึงกับเอาผู้หญิงไปศัลยกรรมจนหน้าเหมือนฉัน! 

เหอเหวินเจี้ยนรีบร้อนปฏิเสธ  ไม่นะครับ ผมไม่ได้เป็นคนทำ เป็นฝีมือหลิ่วอวี่เจ๋อ หมอนั่นจงใจใส่ร้ายผม! 

ฉินหงเหยียนกล่าวเด็ดขาด  ฉันไม่สนใจหรอกนะคะว่าจะเป็นฝีมือใคร สรุปก็คือเหอเหวินเจี้ยนคุณโดนไล่ออกแล้ว! ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปคุณไม่ใช่พนักงานของไป๋ลี่อีก! 

 

ตอนที่ 239 ข่าวลือเกี่ยวกับฉินหงเหยียน!

เหอเหวินเจี้ยนชอบฉินหงเหยียนอยากครอบครองหญิงสาวไม่ใช่แค่วันสองวัน และอาจจะไม่ใช่ปีสองปีด้วยซ้ำไป

ตั้งแต่พบหญิงสาวที่แคนาดา ตอนที่เขาหายใจไม่ออกแล้วได้หล่อนช่วยเขาเอาไว้ เขาก็ปักใจหวังให้ฉินหงหยียนเป็นคู่ชีวิตของเขา

แต่หลายปีมานี้ไม่ว่าเหอเหวินเจี้ยนจะทำอย่างไรก็ไม่อาจได้หล่อนมาครอบครอง

ตั้งแต่ที่ฉินหงเหยียนกลายเป็นประธานบริษัทไป๋ลี่แล้วกลายเป็นหัวหน้าของเหอเหวินเจี้ยนอย่างงงๆ เหอเหวินเจี้ยนก็ไม่มีโอกาสอีก

แต่ว่าตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อกลับให้โอกาสสานฝันของเหอเหวินเจี้ยนให้เป็นจริง!

เหอเหวินเจี้ยนดื่มเหล้า เขาไม่สนใจแล้วว่าอะไรคือเรื่องจริงหรือโกหกตั้งนานแล้ว คนอายุอานามเท่าเขาทำความเข้าใจมานานแล้วว่าโลกนี้มีทั้งจริงและเท็จ พอเรื่องราวผ่านพ้นไปก็จะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น

ทว่าเหอเหวินเจี้ยนกลับพุ่งพรวดไปหา ‘ฉินหงเหยียนตัวปลอม’ ผู้หญิงคนนี้กลับสะดีดสะดิ้ง  คุณเหอ คุณทำอะไรน่ะ ฉันมีแฟนแล้ว คุณช่วยให้เกียรติฉันด้วย! 

เหอเหวินเจี้ยนหัวเสียแล้วกล่าวถาม  แฟนคุณคือใคร? ใช่ เย่เฉินผู้จัดการเล็กๆ ในแผนกอบรมบุคลากรคนนั้นหรือเปล่า 

‘ฉินหงเหยียนตัวปลอม’ กล่าว  ใช่ แฟนฉันชื่อเย่เฉิน! 

เหอเหวินเจี้ยนได้ยินชื่อเย่เฉินก็กัดฟันกรอด  ถุย! ไอ้ปลิงที่เกาะคุณกินน่ะนะ มันไม่คู่ควรกับคุณด้วยซ้ำ พวกเราสิเป็นกิ่งทองใบหยก! 

พูดจบเขาก็โผตัวหาหญิงสาวทันที

เพี้ยะ!

แต่ผู้หญิงคนนี้กลับตบหน้าเขาอย่างแรง!

 สารเลว! 

หลิ่วอวี่เจ๋อที่อยู่ข้างๆ ตบโต๊ะอย่างแรง เขาด่าหยิงสาวคนดังกล่าวเสียงดัง  ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอกล้าตบคุณเหอเหรอ? อยากตายหรือไง! ดูว่าฉันจะตบแกยังไง! 

ทว่าในตอนที่หลิ่วอวี่เจ๋อจะลงมือทำร้ายอีกฝ่าย เหอเหวินเจี้ยนกลับปกป้องผู้หญิงคนนี้ กลับยื่นมือเข้ามาขวางหลิ่วอวี่เจ๋อ

เขาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด กลับกันใบหน้ากลับฉายแววยินดี  ถูกต้อง นี่สิถึงจะเป็นฉินหงเหยียนตัวจริง! ยิ่งนานยิ่งเหมือนด้วยซ้ำ! ฮ่าๆ! 

ในใจหลิ่วอวี่เจ๋อปลื้มปิติอย่างมาก ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เขาฝึกซ้อมด้วยตนเอง ดังนั้นจึงรู้นิสัย คำพูดคำจาของฉินหงเหยียนอย่างทะลุปรุโปร่ง

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวต่อ  ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ให้คุณเหอพาคุณฉินโรงแรม แล้วพวกคุณสองคนค่อยๆ คุยกันดีไหมครับ? พวกเราจองเพรสซิเด้นท์สูทของ peninsula ให้คุณเหอแล้ว 

เหอเหวินเจี้ยนเป็นฝ่ายยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มเอง  ได้เลย ผมขอรับของขวัญชิ้นนี้ของน้องอวี่เจ๋อแล้วกัน ต่อไปทุกคนคือคนกันเอง เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว! 

เหอเหวินเจี้ยนได้ล่วงรู้ความลับของทั้งห้าคนนี้โดยบังเอิญ เขารู้ว่าถ้าตัวเองไม่ยอมลงเรือลำเดียวกับพวกเขาสักครั้ง พวกเขาก็จะไม่เชื่อใจตัวเอง

บวกกับที่เขาเองก็อยากจะได้ครอบครองฉินหงเหยียนตัวปลอมคนนี้ใจจะขาด

หลิ่วอวี่เจ๋อชนแก้วกับเหอเหวินเจี้ยน ก่อนที่ทั้งสี่คนจะออกจากห้อง VIP ด้วยกัน

หลังจากที่ทั้งสี่คนไปแล้ว หลายนาทีต่อมาจู่ๆ ก็มีเงาลับล่อๆ เดินเข้าไปในห้อง VIP จากนั้นก็เหยียบเก้าอี้ แล้วไปหยิบเอากล้องขนาดเล็กที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ในมุมที่ลึกที่สุดของห้องดังกล่าว

คนผู้นี้ก็คือหวังเอ้อร์เชอ!

พอถึงลานจอดรถ หลิ่วอวี่เจ๋อและหม่าหนานก็โบกมือลาเหอเหวินเจี้ย

 คุณเหอ ผมไม่ไปส่งแล้วนะ ขอให้พวกคุณสองคนคืนนี้สสนุกกันให้เต็มที่ มียานิดหน่อยเผื่อต้อใช้ ฮ่าๆ 

หลิ่วอวี่เจ๋อส่งถุงพลาสติกเล็กๆ ให้เหอเหวินเจี้ยน

 ได้ ไว้ค่อยคุยกัน 

เหอเหวินเจี้ยนและ‘ฉินหงเหยีนยนตัวปลอม’ ก็เป็นฝ่ายออกไปก่อน

หลังจากที่ทั้งสองคนเดินไปแล้วหม่าหนานก็แค่นเสียง  ในที่สุดก็ลากตาแก่นั่นลงเรือลำเดียวกับพวกเราได้ซักที แต่ว่านะ อวี่เจ๋อนายเลือกผู้หญิงมาแล้วส่งหล่อนไปศัลยกรรมปรับบุคลิกภาพเพียงเพื่อลากหมอนี่ให้ลงเรือลำเดียวกับเรา สิ้นเปลืองเงินทองและเวลามาเกินไปแล้ว 

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางหัวเราะ  เสี่ยวหม่า นายไม่เข้าใจ ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายลากเขาลงน้ำเพื่อให้เขากลายเป็นพวกเดียวกับเรา ฉันอยากจะฉวยโอกาสนี้ โจมตีไป๋ลี่ให้หนักๆ! 

หม่าหนานเข้าใจทันที  นายหมายความว่า…? 

หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะเจ้าเล่ห์  พรุ่งนี้เดี๋ยวนายก็จะเห็นข่าวแล้ว ประธานและรองประธานบริษัทไป่ลี่นอนด้วยกัน ฮ่าๆ! 

……

เจ็ดโมงครึ่ง

ณ วิลล่าเฝยชุ่ย

ในเวลานี้ฉินหงเหยียนตื่นมาอาบน้ำแปรงฟันแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดชาแนลแบบที่หล่อนมักจะสวมใส่บ่อยๆ

ในตอนที่ฉีดน้ำหอมขณะส่องกระจก เย่เฉินก็ตื่นขึ้นแล้วกอดหญิงสาวจากด้านหลัง ก่อนจะถาม  ที่รัก วันนี้เช้าคุณอยากกินอะไร ผมจะไปทำให้ 

ฉินหงเหยียนยิ้มอย่ามีความสุข แล้วกล่าวขณะมองเย่เฉินผ่านกระจก  จู่ๆ ก็อยากกินไก่ คุณทอดไก่ให้หน่อยสิ พวกเราดื่มนมก็พอ 

 ครับ เดี๋ยวผมจะไปทำเดี๋ยวนี้แหละ 

เย่เฉินคลายวงแขนลง ในตอนที่กำลังจะไปเตรียมอาหารเช้านั้นเอง

ติ๊ง ต่อง

ติ๊ง ต่อง

มือถือของทั้งสองคนได้รับข้อความพร้อมกัน

ตอนนี้ทั้งสองคนถือเป็นคนในบริษัทและสายงานเดียวกัน จึงกดติดตาม APP ที่เหมือนกันจำนวนมาก จะได้ข้อความพร้อมกันก็ไม่แปลกอะไร

ดังนั้นทั้งสองคนต่างก็หยิบมือถือขึ้นมาดู ปรายตามองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

นี่คือข้อความแนะนำจากวีแชท เป็นข้อความจากบัญชีทางการที่พวกเขากดติดตามเหมือนกัน

เนื้อหาทำให้พวกเขาตกใจ

 ประธานและรองประธานบริษัทไป๋ลี่จูบกันหน้าลิฟต์อย่างดุเดือด แถมยังจับมือถือแขนกันอย่างสนิทสนมขณะเข้าโรงแรม! 

เมื่อกดเข้าไปดู ก็เห็นเป็นภาพของเหอเหวินเจี้ยนและฉินหงเหยียนที่จุมพิตกันอย่างดุเดือด!

อีกทั้งยังมีภาพของทั้งสองคนจับมือกันอย่างสนิทสนมเดินเข้าไปในโรงแรม !

เย่เฉินตะลึงไปทันที เพราะจากมุมกล้องและความคมชัดนั้น พอจะเห็นได้ว่าผู้หญิงในภาพคือฉินหงเหยียน กระทั่งเสื้อผ้า ก็ยังเป็นชุดเซ็ทที่ฉินหงเหยียนใส่อยู่ในตอนนี้!

เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน!

ในฐานะที่เป็นแฟนของฉินหงเหยียนเมื่อเห็นภาพแบบนี้ เย่เฉินย่อมต้องรู้สึกไม่ดีมากแน่!

เมื่อฉินหงเหยียนเห็นภาพพวกนี้ หญิงสาวก็รีบร้อนวางมือถือลงแล้วเดินไปหาเย่เฉินพลางอธิบาย

 ที่รักฉันสาบานได้ ฉันไม่ได้ไปโรงแรมกับเหอเหวินเจี้ยนจริงๆ นะคะ คนในรูปไม่ใช่ฉัน! 

บางทีอาจเพราะตัวฉินหงเหยียนเองก็รู้สึกว่าผู้หญิงในภาพหน้าเหมือนตนเองมากเกินไป หล่อนเองก็รู้ว่าเย่เฉินอาจจะไม่เชื่อตนเอง

ดังนั้นเพื่อจะให้เย่เฉินเชื่อใจ หญิงสาวจึงคุกเข่าลง ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมา  ฉันฉินหงเหยียนขอสาบานว่า ถ้าหากฉันเคยทำเรื่องที่ผิดต่อคุณ ขอให้ฉัน… 

ฉินหงเหยียนยังพูดไม่จบ เย่เฉินเข้าไปห้ามแล้วประคองหญิงสาวขึ้นมา  หงเหยียนเรารู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว รักกันอย่างลึกซึ้ง ผมจะไม่เชื่อคุณได้ยังไง? ทั้งหมดนี้จะต้องมีคนจงใจจัดฉากขึ้น ผมไม่มีทางสนใจหรอก 

 ขอบคุณค่ะ  ฉินหงเหยียนกอดย่เฉินอย่างซาบซึ้งใจ

จากนั้นทั้งสองคนก็มองคำวิจารณ์และภาพถ่ายอย่างละเอียด

ฉินหงเหยียนกล่าว  รูปภาพใบนี้ไม่ใช่ภาพตัดต่อนะคะ ที่รักคุณดูสิ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สูงเท่าฉัน ทรงผมก็ไม่เหมือนกัน หล่อนเป็นแค่ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนฉันมากๆ ก็เท่านั้นเอง 

เย่เฉินเพ่งมองอีกครู่ใหญ่ แล้วพบว่าเป็นแบบที่ฉินหงเหยียนพูดเอาไว้จริงๆ

 แปลกพิกลจริงๆ คุณกับฉินเสี่ยวตั่วเกิดจากพ่อแม่คนเดียวกัน พวกคุณสองคนยังไม่เหมือนกันขนาดนี้เลย ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงเหมือนคุณขนาดนี้ได้นะ? 

เย่เฉินแปลกใจ

ฉินหงเหยียนกลับไม่ได้กังวลปัญหานี้ หล่อนดูพวกความคิดเห็นเล็กน้อย ทุกคนต่างก็รู้ว่าเหอเหวินเจี้ยนมีภรรยาแล้ว

ในฐานะที่เหอเหวินเจี้ยนเป็นรองประธานบริษัทไป๋ลี่กลับมีข่าวแบบนี้แพร่งพรายออกมา ถือเป็นการสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงกับบริษัทไป๋ลี่ที่มูลค่าหุ้นกำลังพุ่งอย่างมาก!

 เกรงว่าราคาหุ้นน่าจะล่วงอีกแล้ว!  ฉินหงเหยียนกล่าวอย่างปลงๆ

 

ตอนที่ 238 ผู้หญิงที่ลึกลับเหมือนฉินหงเหยียน!

หลังจากที่เดินออกมาจากร้านกาแฟซือเฉินแล้ว เย่เฉินก็ขึ้นรถของหลิวเจิ้งคุนที่อยู่ข้างถนน

เพิ่งจะขึ้นรถไป เย่เฉินก็เลยถาม  ไม่ได้ลงมือรุนแรงเกินไปใช่ไหม? 

หลิวเจิ้งคุนกล่าว  ไม่เลยครับ บอดี้การ์ดของเจ้าของร้านกาแฟคนนี้เก่งมากทีเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่ผมพามาด้วยวันนี้เป็นพวกต่อยตีเก่งมากๆ ล่ะก็เกรงว่าไม่น่าจะจัดการพวกเขาได้ในระยะเวลาสั้นๆ 

 อ้อ?  เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าความสามารถของบอดี้การ์ดของหญิงสาวจะใช้ได้

ตอนนี้คนรวยๆ ต่างก็จะมีบอดี้การ์ดส่วนตัวกันทั้งนั้น แต่ว่าความสามารถของพวกเขาก็ย่ำแย่อย่างมาก

พวกนักเลงที่มีฝืไม้ลายมืออย่างลูกน้องของหลิวเจิ้งคุนนั้นใช้เงินซื้อไม่ได้

หลิวเจิ้งคุนจึงถามต่อ  คุณชายเย่ชอบเจ้าของร้านกาแฟเหรอครับ? 

เย่เฉินส่ายหน้า  แค่ประหลาดใจเท่านั้นแหละ อยากจะลองทดสอบหล่อนดูหน่อย ฉันรู้สึกว่าหล่อนไม่ได้ใสซื่อเหมือนที่เราเห็น 

เมื่อครู่เย่เฉินแสร้งจะหอมแก้มหล่อน ถึงแม้ว่าหล่อนจะหอบหายใจถี่กระชั้น แต่แววตากลับไร้ความหวาดกลัว หญิงสาวจ้องเขาเขม็งไม่ได้มีทีท่าจะหลบตาเขาแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ

เย่เฉินเคยอ่านหนังสือ ‘อี้จิง’จนชำนาญแถมยังเคยเรียนโหงวเฮ้งด้วย เขาย่อมสังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา!

 อาคุน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปให้ส่งคนมาคอยสอดส่องดูร้านกาแฟแห่งนี้นะ ดูว่าผู้หญิงคนนี้ทำอะไร เจอใครบ้าง 

เย่เฉินสั่ง

 ครับ! 

ทว่าวันที่สองหลิวเจิ้งคุนกลับโทรหาเย่เฉิน  คุณชายเย่ วันนี้ผู้หญิงคนนั้นไม่มา ร้านกาแฟก็ปิดไปแล้ว ที่ประตูแขวนป้ายเซ้งเอาไว้ 

เย่เฉินสบถด่าในใจ หรือเพราะเรื่องที่เย่เฉินทำเมื่อวานหล่อนถึงได้ปิดร้านไป?

ทว่าผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเย่เฉิน ตอนนี้เย่เฉินก็มีฉินหงเหยียนแล้วไม่อยากจะตามจีบหญิงสาวอีก เลยไม่ได้คิดเรื่องหล่อนอีก

บางทีเย่เฉินและหล่อนก็เป็นเหมือนคนจำนวนมากมายคนอื่นๆ ที่เพียงแค่เดินผ่านกันไป ไม่ได้มีโอกาสจะจะพบหน้ากันอีก

……

หนึ่งเดือนต่อมา

ณ ร้านคาราโอเกะฮัวตู ในเมืองเทียนไห่

 คุณเหอ ฮ่าๆ รีบเข้ามานั่ง รีบมาๆ! 

ในห้อง VIP ของร้าน หลิ่วอวี่เจ๋อและหม่าหนานลุกขึ้นมาต้อนรับการมาถึงของเหอเหวินเจี้ยน

เหอเหวินเจี้ยนยังคงใส่สูทผูกเนคไทเหมือนเดิม แต่ดูกระปรี้กระเปร่ามากกว่าเดือนก่อนไม่น้อย

เหอหเวินเจี้ยนเรียกให้เหอเหวินเจี้ยนกล่าวพลางระบายยิ้ม  คุณเหอ บริษัทไป๋ลี่ของคุณได้ยาดีอะไรมาใช่ไหม? ทำไมราคาถึงพุ่งพรวดๆ? บริษัทเอ็กซ์เพรสชุนเฟิงของพวกเราใกล้จะตามไม่ทันแล้ว! 

เหอเหวินเจี้ยนนั่งลงพลางระบายยิ้ม แล้วผู้หญิงหน้าตาใช้ได้คนหนึ่งก็จุดบุหรี่ให้เหอเหวินเจี้ยนทันที

เหอเหวิ้นเจี้ยนกล่าวพลางระบายยิ้ม  คุณอัยเกาะคุณฉิน จากการบริหารจัดการของผู้หญิงทำงานทั้งสองคนนี้ ทำให้ไป๋ลี่ของพวกเราประสบความสำเร็จได้แบบในวันนี้! 

 ฮ่าๆ อวี่เจ๋อ พวกเราก็นับเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว ผมขอพูดตรงๆ แล้วกัน หลายปีมานี้ของผมเอาแต่ตั้งตารอว่าวันไหนที่ไป๋ลี่ของผมจะนำหน้าชุนเฟิงของคุณ คิดไม่ถึงว่าเวลาที่ผมเฝ้ารอจะมาถึงเร็วขนาดนี้! 

หลิ่วอวี่เจ๋อโกรธจนกัดฟันกรอด แล้วลอบด่าว่าหมอนี่ในใจว่าสารเลวจริงๆ

หม่าหนานที่อยู่ข้างๆ ตัวก็เอาแต่ดื่มเหล้า

ตั้งแต่โดนซ้อมที่ฟิตเนสเมื่อครั้งก่อน เขาและจินเซียวข่ายก็ไปฟ้องหลิ่วอวี่เจ๋อ

หม่าหนานและจินเซียวข่ายคุกข่าขอโทษเย่เฉินไปแล้วตอนที่อยู่ในฟิตเนส

แต่ว่าหลังจากที่ออกจากฟิตเนสแล้ว เขาก็เริ่มคิดว่าจะล้างอายครั้งนี้ดีหรือไม่!

ดังนั้นพวกเขาจึงไปถามหลิ่วอวี่เจ๋อถึงพื้นเพครอบครัวของเย่เฉิน

เมื่อหลิ่วอวี่เจ๋อบอกพวกเขาว่าฉินเสี่ยวตั่วเป็นว่าที่น้องสะใภ้ของสวี่ฉู่หมิง ผู้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับคุณปู่ของเขา

เรื่องนี้ถ้าสวี่ฉู่หมิงรู้เข้า พวกเขาต้องซวยแน่ๆ

หลิ่วอวี่เจ๋อเดาว่าที่เย่เฉินกล้าทำร้ายเพื่อนของเขาแบบนี้ ต้องเป็นเพราะฉินหงเหยียนสั่งแน่นอน

และเพราะเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสวี่ฉู่หมิง พวกเขาจึงไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม  ถึงแม้ว่าคุณเหอจะ Lucky in game แต่ไม่ได้ Lucky in love นี่ครับ ผมได้ยินมาว่าคุณฉินหงเหยียนน่ะ ปฏิบัติตัวกับคุณเหมือนคุณเป็นแค่ผู้ใต้บังคับบัญชาจริงๆ เลยนี่นา จิ๊ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ คุณไม่มีทางได้หล่อนมาครอบครองแน่นอน ผู้หญิงคนไหนจะมาชอบลูกน้องของตัวเองกันจริงไหม? 

หม่าหนานหัวเราะ  ถูกต้อง คุณเหอ คุณเองก็แยกกันอยู่กับพี่สะใภ้ อยู่คนเดียวคงเหงาแย่เลยล่ะ วันนี้ผมและอวี่เจ๋อเตรียมผู้หญิงคนหนึ่งไว้ให้คุณ 

สีหน้าเหอเหวินเจี้ยนไม่สู้ดี เขารีบร้อนปฏิเสธ  ผมเคยบอกแล้วไง ไม่ต้องหาผู้หญิงมาจากไหนไม่รู้มาให้ผมหรอกนะ ผมไม่เอาด้วยหรอก 

เขาพูดพลางผลักหญิงสาวที่จุดบุหรี่และรินเหล้าให้ตนเองไปอีกทาง

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางระบายยิ้ม  ผมไม่ทางหาผู้หญิงตลาดล่างพวกนั้นมาให้คุณเหอหรอกนะครับ 

 เธอไปก่อน  หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวกับผู้หญิงคนนั้น ที่อันที่จริงแล้วก็หน้าตาก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรนัก

หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อก็ส่งสัญญาณ และแล้วในห้องคาราโอเกะก็มีผู้หญิงในในชุดสูททำงานคนหนึ่งเดินเข้ามา!

ทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นสาวเท้าเข้ามา เหอเหวินเจี้ยนก็ผุดลุกยืนขึ้นอย่างตกใจ!

 คุณ…คุณฉิน? 

เหอเหวินเจี้ยนเข้าใจผิดไปว่าผู้หญิงคนนั้นก็คือฉินหงเหยียน!

แต่ว่าเมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็พบว่าหญิงสาวคนนั้นไม่ใช่ฉินหงเหยียน

 ไม่ใช่หงเหยียนเหรอเนี่ย?  เหอเหวินเจี้ยนทรุดตัวนั่งลง

หลิ่วอวี่เจ๋อและหม่าหนานระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หลิ่วอวี่เจ๋อตีขาของเหอวเหวินเจี้ยนแล้วย้อนถาม  เป็นยังไงล่ะเหมือนไหม? 

เหอเหวินเจี้ยนตื้นตันใจอย่างยิ่ง  เหมือนสิ! เหมือนเกินไปด้วยซ้ำ! หน้าตาเหมือนกันมากโดยเฉพาะดวงตา แต่งตัวก็เหมือนกัน ปกติหงเหยียนชอบใส่ชุทสูทชาแนลแบบนี้แหละ น่าอัศจรรย์จริงๆ! อวี่เจ๋อคุณทำได้ยังไง? 

ตอนนี้เทคโนโลยีในการศัลยกรรมของเกาหลีพัฒนาไปมาก จนไปถึงขั้นที่ไม่น่าเชื่อแล้ว

เหมือนในซีรี่ย์เกาหลีที่ดังสุดๆ เมื่อหลายเดือนก่อน 365: Repeat the Year

ตัวละครที่ชื่ออีชิน ก็ศัลยกรรมตามดาราชื่อดัง จนทั้งสองคนมีใบหน้าที่เหมือกันอย่างมากจนทำให้คนแยกไม่ออก!

ผู้หญิงตรงหน้านี้ก็เช่นกัน ต่อให้เย่เฉินแฟนหนุ่มของฉินหงเหยียนมาเองก็เกรงว่าทักคนผิดเช่นกัน!

เพราะเหมือนกันจริงๆ!

หลิ่วอวี่เจ๋อรู้ว่าคนที่เหอเหวินเจี้ยนอาลัยอาวรณ์ก็คือฉินหงเหยียน ประจวบกับที่เขาอยากจะลากอีกฝ่ายให้ลงเรือลำเดียวกัน ดังนั้นถึงได้หาคนที่หน้าตาคล้ายๆ กับฉินหเงหยียนไปศัลยกรรมที่เกาหลี

ผู้หญิงที่ใบหน้าละม้ายฉินหงเหยียนรีบร้อนนั่งลงข้างๆ เหอเหวินเจี้ยน หล่อนรินเหล้าให้เขาอย่างเคารพนับถือ  คุณเหอ เชิญดื่มเหล้าค่ะ 

 อ้อ ได้  เหอเหวินเจี้ยนรับแก้วเหล้ามาด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นหญิงสาวก็กล่าวอีก  คุณเหอทำงานมาทั้งวันคงจะเหนื่อยแย่ใช่ไหมคะ? ฉันช่วยทุบหลังให้นะคะ 

ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะรินเหล้าให้เขา แถมยังช่วยทุบหลังให้ แต่ว่าอารมณ์บนใบหน้าเหอเหวินเจี้ยนที่มีความสุขในตอนแรกก็ค่อยๆ เรียบเฉยลงไป

หลิ่วอวี่เจ๋อมองท่าทางของอีกฝ่ายออกแล้วถาม  เป็นอะไรไปล่ะ คุณเหอ? 

เหอเหวินเจี้ยนส่ายหน้า  เสียดายแค่หน้าตาเหมือนกันเท่านั้นเอง ที่จริงแล้ว ไม่ได้เหมือนกันไปทั้งหมดหรอก ไม่มีกลิ่นอายของคุณฉินของพวกเราสักนิด 

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าฉินหงเหยียนเป็นประธานบริษัทที่เย่อหยิ่งเย็นชา ตอนนี้ก็ยังเป็นเจ้านายของเหอเหวินเจี้ยน หญิงสาวไม่มีทางจะพูดจากับเหอเหวินเจี้ยนอย่างเคารพนับถือแบบนี้

หลิ่วอวี่เจ๋อฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าหญิงสาวที่หน้าตาคล้ายฉินหงเหยียน แต่ก็ไม่ได้ออกแรงอะไรมากมายนัก เพราะกลัวว่าจมูกที่เจ้าหล่อนทำมาจะพังหมด

หลิ่วอวี่เจ่อกล่าวด้วยโทสะ  ไสหัวออกไป เอาใหม่อีกครั้ง! 

 ค่ะ  หญิงสาวเอามือกุมใบหน้าแล้วออกจากห้องไปอย่างว่าง่าย

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

หญิงสาวผลักประตูห้อง VIP เข้ามาอีกครั้ง โดยที่ไม่มีท่าทางผู้หญิงต่ำต้อยคนก่อนนี้ แต่ดูเย็นชาเย่อหยิ่งขึ้นมากว่าเดิม

หญิงสาวไม่ได้นั่งลงข้างๆ เหอเหวินเจี้ยน แต่กลับเลือกจะหาที่นั่งสบายๆ สักที่แล้วทรุดตัวนั่งลงก่อนจะยกขาขึ้นมาพาดบนขาอีกข้าง ดูทรงอำนาจอย่างมาก

 อวี่เจ๋อ มารินเหล้าให้ฉันหน่อย  หญิงสาวคนนั้นออกคำสั่งกับหลิ่วอวี่เจ๋อ

หลิ่วอวี่เจ๋อหยิบขวดเกล้าเดินไปหาอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย  ครับ พี่หงเหยียน พี่สวยจริงๆ เสื้อที่พี่ใส่เป็นเนื้อผ้าแบบไหนกันเหรอครับขอผมดูหน่อย 

แววตาหญิงสาวฉายแววไม่พอใจ  บังอาจ! ฉันอาวุโสเท่าพ่อนาย เป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับปู่นาย เด็กรุ่นหลังอย่างนายกล้าตีตัวเสมอกับฉันได้ยังไง ไสหัวไปเลย! 

และในตอนนี้รอยยิ้มของเหอเหวินเจี้ยนก็ค่อยๆ แสยะกว้างขึ้น เขากล่าวอย่างตื่นเต้น  ใช่ ต้องเป็นแบบนี้แหละ! เป็นแบบนี้! นี่สิถึงจะเป็นฉินหงเหยียน! นี่ถึงจะเป็นคุณฉินที่ผมเฝ้าฝันหา! หงเหยียนผมมาแล้ว! 

ดวงตาสองข้างของเหอเหวินเจี้ยนราวหมาป่า เหมือนสิงโตตัวหนึ่ง ขณะพุ่งไปหาผู้หญิงที่ละม้ายคล้ายฉินหงเหยียน!

 

ตอนที่ 237 ความรู้สึกที่คุ้นเคย!

 ไม่มีสามีเหรอ? 

เย่เฉินตกตะลึงอย่างมาก ตั้งแต่เขาเจอเถ้าแก่ร้านกาแฟเขาก็สงสัยมาตลอดว่าสามีของหล่อนคือใคร

ตอนแรกๆ เย่เฉินยังสงสัยว่าสามีของหล่อนคือเย่เซวียนพี่ชายคนที่สองของเขา แต่ว่าหญิงสาวกลับเป็นคนปฏิเสธจากปากตัวเอง

ดังนั้นเย่เฉินถึงได้รู้สึกว่าหญิงสาวอาจจะเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่มีลูกมีสามีแล้ว

แต่จินเซียวข่ายกลับบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีสามี?

 ไม่มีสามีแปลว่าอะไร? หย่าแล้ว หรือม่าย?  เย่เฉิสถาม

จินเซียวข่ายส่ายหน้า  พวกเราเองก็ไม่รู้แน่ชัดหรอกครับ แต่หลังจากที่หลิ่วอวี่เจ่อกลับมาแล้วก็ดูเสียใจมากเลยเขาเอาแต่บอกว่า ถ้ารู้ว่าจะได้เจอหล่อนคงไม่แต่งงานกับหวังเจียเหยาแล้ว แแถมยังบอกว่าผู้หญิงคนนี้ถึงจะเป็นคนที่คู่ควรกับเขา 

หม่าหนานเองก็กล่าวว่า  จริงด้วย ตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อก็แต่งงานแล้ว ดังนั้นถึงไม่กล้าไปจีบหล่อน อย่างไรเสียพื้นเพครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นก็เจ๋งมาก หากว่ารู้ว่าเขาคั่วหล่อนระหว่างแต่งงานตระกูลหลิ่วน่าจะโดนเล่นงานแน่ 

เย่เฉินเองก็ประหลาดใจมากทีเดียว ถึงหลิ่วอวี่เจ๋อจะเคยคบหากับสาวๆ สวยๆ เป็นจำนวนมาก คนที่ทำให้เขาเสียดายได้ เห็นจะมีแต่ผู้หญิงคนนี้คนเดียว แปลว่าหล่อนคงจะมีเสน่ห์มากจริงๆ

เย่เฉินจึงยิ่งสงสัยในตัวผู้หญิงคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม

 เอาล่ะ พวกคุณกลับไปกันได้แล้ว ต่อไปก็อย่าไปทำเรื่องไร้สาระแบบนี้อีกล่ะ ไม่อย่างนั้นคราวหน้าจะให้คนพันคนมาถ่มน้ำลายใส่อีก! 

เย่เฉินเตือนทั้งสองคนนั้น

 ครับ ต่อไปพวกเราไม่กล้าทำแบบนั้นแล้ว 

จินเซียวข่ายและหม่าหนานรีบลุกขึ้นแล้วลนลานเดินออกจากฟิตเนสไป

คุณชายที่แสนร่ำรวยแห่งเทียนไห่ยังไม่เคยขายหน้าเท่าวันนี้ด้วยซ้ำตั้งแต่เกิดมา

หลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว หลิวเจิ้งคุนก็สาวเท้าขึ้นไปด้านหน้าแล้วถาม  สอนเจ้าเด็กสองคนนั่นแล้ว ส่วนอีกสามคน คุณชายจะไปสั่งสอนพวกเขาไหมครับ? 

เย่เฉินมองเวลาแล้วกล่าว  พวกสารเลวอย่างพวกเขายังไม่มีสิทธิ์ให้ฉันไปสั่งสอนด้วยตัวเอง นายส่งคนไปสั่งสอนพวกเขาสักหน่อยก็ได้ ตอนนี้นายพาคนไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย 

 ครับ!  หลิวเจิ้งคุนรับคำเสียงแข็งขัน

เย่เฉินคุยกับเถ้าแก่หลี่อีกเล็กน้อย เถ้าแก่หลี่ส่งบัตรสมาชิก VIP ตลอดชีพให้เขาบอกว่าให้เย่เฉินมาใช้บริการที่นี่ได้ตลอดเวลา

เมื่อเดินออกจากฟิตเนสแล้ว เย่เฉินก็นั่งรถเดินทางไปที่ร้านกาแฟซือเฉิน ที่เขตนอกเหมืองเทียนไห่

เย่เฉินอยากจะพบผู้หญิงคนนี้อย่างมาก!

ที่เจอหล่อนก่อนหน้านี้รู้สึกว่าหล่อนเป็นคนใสซื่อ ใบหน้างดงามปานเตียวเสี้ยน แต่ตอนนี้พอรู้ว่าหล่อนเป็นลูกสาวของตระกูลใหญ่โตรู้สึกว่าไม่เหมือนคนทั่วๆ ไป

ลูกสาวเศรษฐีอย่างหล่อนทำไมถึงได้ระหกระเห่เร่ร่อนมาเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ที่นอกเมืองได้นะ?

จากการคาดการณ์ของเย่เฉิน ผู้หญิงคนนี้จะเปิดร้านที่แพงที่สุดในเทียนไห่สักร้อยแห่งก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

เย่เฉินผลักประตูร้านกาแฟด้วยความสงสัยระคนประหลาดใจ

เย่เฉินเดินเข้ามาภายในร้านเพียงคนเดียว โดยที่หลิวเจิ้งคุนและลูกน้องหลายคนต่างก็ซ่อนตัวอยู่ด้านนอก

กรุ๊งกริ๊ง…

เสียงโมบายสไตล์ญี่ปุ่นที่แขวนไว้บนประตู เพื่อส่งสัญญาณบอกเจ้าของร้านว่ามีแขกมาถึง

ในร้านกาแฟยังคงไม่มีแขก มีเพียงหญิงสาวและลูกสาวของหล่อนเหมือนเดิม

 ครั้งแรกที่มาก็ไม่มีแขก ครั้งที่สองก็ยังไม่มีแขก ครั้งที่สามมาก็ยังไม่มีแขกเหมือนเดิม 

เย่เฉินเพิ่งจะตระหนักได้ว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ต่อให้ที่นี่คือชานเมือง ต่อให้กาแฟที่นี่จะแพงมาก แก้วละร้อยก็เถอะ

แต่ด้วยใบหน้าของหญิงสาวก็มีอำนาจมากพอจะล่อลวงให้มีลูกค้าเข้าร้านมา

คิดถึงเรื่องที่หม่าหนานพูดเมื่อครู่ว่าโดนคนซ้อม เย่เฉินถึงได้ตระหนักได้ว่าแถวนี้จะต้องมีคนคอยปกป้องดูแลสองคนแม่ลูกนี้อยู่แน่ๆ!

ถ้าหากว่ามีคนคิดสกปรก อยากจะตามจีบหรือรบกวนหล่อน ทันทีที่คนผู้นั้นเดินออกจากร้านกาแฟแล้วจะโดนซ้อมทันที!

นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเย่เฉินถึงได้บอกให้หลิวเจิ้งคุนซุ่มอยู่ด้านนอก เขาอยากจะให้หลิวเจิ้งคุนไปตามสืบว่าด้านนอกมันบอดี้การ์ดหรือไม่อย่างไร

 ยินดีต้อนรับค่ะ  หญิงสาวผู้นั้นระบายยิ้มน้อยๆ

มารอบนี้หล่อนสวมกระโปรงเอวสูงโชว์เรียวขาที่ขาวนวลเนียน

ตอนนี้ย่างเข้าเดือนพฤศจิกายน อากาศที่เทียนไห่ก็เริ่มหนาวแล้ว

เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม  Hi ผมมาอีกแล้ว คุณยังนุ่งน้อยห่มน้อยเหมือนเดิมเลยนะ เหมือนทุกครั้งที่ผมมาจะได้เห็นหุ่นคุณตลอดอยู่เลย 

เย่เฉินพูดไปพลางชี้เรียวขานวลเนียนของผู้หญิงคนนั้น

คำพูดของเขาออกจะจาบจ้วง แต่ครั้งนี้ที่เขามาเป็นเพราะอยากจะป่วนหญิงสาว

เขาอยากจะรู้ว่าถ้าหากเขาทำตัวรังควานหญิงสาวเหมือนพวกหม่าหนาน จะลงเอยอย่างไร

บางทีนี่ก็คือสิ่งที่พี่รองอยากจะเห็นกระมัง?

เย่เฉินเอาแต่พยายามติดต่อพี่รอง แต่ติดต่อไม่ได้ เขายังคิดว่าพี่รองกำลังวุ่นๆ อยู่กับการฝึกฝน เลยไม่มีเวลาว่างมาตอบเขา

แต่เขากลับรู้มาจากน้องสาวที่สี่ว่าพี่ชายคนที่สองของเขาได้ติดต่อกับหล่อนเป็นการส่วนตัว แต่กลับไม่ยอมติดต่อกับเขา

สาวสวยคนนั้นกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองโดนล่วงเกิน เจ้าหล่อนกลับระบายรอยยิ้มออกมา  ขอบคุณค่ะ ผู้หญิงก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา อีกอย่างเมืองเทียนไห่ก็ไม่ได้อยู่ภาคเหนือ หน้าหนาวก็ไม่หนาวขนาดนั้น จะยังรับลาเต้วนิลาอยู่ไหมคะ? 

เย่เฉินปรายตามองก็พบว่าลูกสาวของหญิงสาวนอนหลับไปแล้ว

ดังนั้นเย่เฉินถึงได้ทำใจกล้าสาวเท้าเข้าไปประชิดตัวผู้หญิงคนนั้นมากๆ ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็เดินถอยไป ถอยไปจนไม่มีทางให้เดิน

 คุณ…คิดจะทำอะไร?  หญิงสาวคนนั้นพิงข้างกำแพงแล้วหอบลมหายใจถี่กระชั้น

เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะกลัวจนมีสภาพเป็นแบบนี้ ตามหลักเหตุและผลแล้วถ้าด้านนอกมีบอดี้การ์ด หล่อนก็ไม่น่าจะต้องใจเต้นเร็วขนาดนี้

เย่เฉินใช้มืออีกข้างดันกำแพง เขาก้มหน้าลงแล้วแสร้งทำเหมือนจะหอมแก้มหญิงสาวก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว  เถ้าแก่เนี้ย คราวก่อนผมดื่มอะไร คุณยังจำได้อยู่เลย คุณชอบผมหรือเปล่าเนี่ย? ผมได้ยินมาว่าคุณหย่าแล้ว หรือไม่งั้นเราลองคบหากันดูไหม? 

สาวสวยคนดังกล่าวหอบหายใจถี่กระชั้น แล้วร่างกายก็สั่นสะท้าน จ้องเย่เฉินเขม็ง แต่แววตากลับไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

หล่อนจ้องเย่เฉินไม่กระพริบตา เหมือนกับว่าก่อนนี้ไม่มีโอกาสได้มองเขา

แล้วเย่เฉนก็ได้ยินเสียงต่อยตีกันดังมาจากด้านนอกพอดี

แต่ว่าเสียงวิวาทก็หายไปอย่างรวดเร็ว

บนใบหน้าเย่เฉินระบายยิ้ม แล้วก็ลุกขึ้น  ขอโทษด้วยนะครับเถ้าแก่เนี้ย เมื่อครู่ผมไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินคุณ เพียงแต่อยากจะทดสอบดูว่าด้านนอกมีบอดี้การ์ดอยู่หรือเปล่า คุณสวยเกินไปแล้ว มีคุณชายจำนวนมากในเทียนไห่ที่สนอกสนใจในตัวคุณ แถมคุณก็ยังเป็นผู้หญิงที่พี่รองจัดแจงให้ผม ผมจะไม่สนใจความปลอดภัยของคุณเลยก็ไม่ได้ ตอนนี้ผมรู้ว่าคุณมีบอดี้การ์ด ผมก็สบายใจ

อ้อ จริงสิ คำพูดเมื่อครู่อย่าถือเป็นจริงเป็นจังไปล่ะ ผมมีแฟนแล้ว ตอนปีใหม่จะขอหล่อนแต่งงาน คงจะกินกาแฟต่อไม่ได้ ผมขอตัวก่อน 

เย่เฉินหยิบมือถือออกมาแล้วโอนเงินสองหมื่นหยวนไปให้อีกฝ่าย

บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าประตูของหล่อนคงจะถูกหลิวเจิ้งคุนกำราบไปแล้ว เงินก้อนนี้ถือว่าเป็นค่ายาแล้วกัน

กรุ๊งกริ๊ง…

แล้วเย่เฉินก็หายไปจากครรลองสายตาหญิงสาว ตามเสียงที่ดังขึ้นของโมบายที่แขวนไว้ที่ประตู

ทว่าหลังจากที่เย่เฉินเดินไปแล้ว หล่อนก็ยังคงพิงอยู่ที่กำแพงไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย

จู่ๆ หญิงสาวก็ปิดตาลง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่เหมือนได้ของรักกลับคืนมาแล้วพึมพำกับตนเอง  เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยจริงๆ… 

 

ตอนที่ 236 ได้รับข่าวสำคัญ!

หม่าหนานมองเย่เฉินที่ดวงตาเหมือนจะอ่อนโยนแต่กลับฉายแววโหดเหี้ยมชัดออกมา ตอบกลับมาด้วยท่าทางหวาดกลัว

 ไม่…ไม่ได้จูงมือเลยครับ…พวกเราแค่ไปดูภาพยนตร์กันแค่ครั้งเดียว พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ผมไม่ได้คิดอะไรกับหล่อนเลย! 

ตอนนี้จะมาทำตัวเป็นคนดีเอาในเวลานี้ เย่เฉินจะเชื่อได้อย่างไร?เพราะหม่าหนานเตี้ยมาก เย่เฉินก็ลากคอเขาเดินไปทางอุปกรณ์เวทเทรนนิ่งแล้วพูดไปกับเขาไปด้วย  อ้อ แค่ไปดูหนังด้วยกันเฉยๆ เหรอ ดูหนังอะไรล่ะ? 

หม่าหนานไม่รู้ว่าเย่เฉินคืดจะทำอะไร เขาจึงเดินไปพลางกล่าว  Detective Chinatown 3 ครับ 

เย่เฉินถามต่อ  หนังนานเท่าไหร่? 

หม่าหนานตอบกลับอย่างหวาดกลัว  สอง…สองชั่วโมง ทั้งสองคนค่อยๆ เดินไปที่เครื่องออกกำลังกายแล้วถึงหยุดลง

จากนั้นเย่เฉินก็เดินไปที่หยิบลูกเหล็กที่มีขนาด 10 กก. ส่งให้หม่าหนานแล้วกล่าว  ชูมันขึ้น ชูไปสองชั่วโมง 

 อะไรนะครับ? สองชั่วโมงเหรอ?  หม่าหนานได้ยินแล้วชะงักไป

เย่เฉินกล่าวอย่างตึงเครียด  ถ้าหากว่าหยุดล่ะก็ ผมจะส่งคุณไปอยู่กับเพื่อนเลยล่ะ 

เย่เฉินรู้ว่าหม่าหนานจงใจโกหกหลอกลวงความรู้สึกของฉินเสี่ยวตั่ว หลอกล่อหล่อน แถมยังจับมือหล่อน

เย่เฉินล้างแค้นหม่าหนาน จึงเลือกล้างแค้นกับมือเขา ส่วนอื่นๆ เขาจะไม่แตะต้อง

 พี่ครับ 

 เรียกพี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ เร็วๆ ถ้าไม่รีบยกอีก ผมจะโยนคุณไปแล้วนะ! 

 ครับๆ ผมยกแล้ว ผมยกแล้ว! 

หม่าหนานค่อยๆ ยกขึ้นช้าๆ แล้วก็ยกลงมาช้าๆ

 เร็วๆ หน่อย เร็วๆ! 

เย่เฉินเป็นเหมือนเทรนเนอร์ส่วนตัว เริ่มสั่งสอนเขาขึ้นมา

หม่าหนานเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่นานนักมือของเขาก็เหนื่อยล้าจนยกไม่ขึ้น

แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าวางลูกเหล็กในมือ เพราะเขากลัวว่าทันทีที่วางลูกเหล็กลงเขาจะโดนเย่เฉินโยนเขาไปฟากนั้น แล้วโดนน้ำลายถ่มใส่หน้า

ทว่าเวลาผ่านไปสิบกว่านาที หม่าหนานก็ทนไม่ไหวลูกเหล็กก็ร่วงจากมือลงพื้น

เย่เฉินก็ไม่พูดไม่จา แล้วคว้าตัวเขาโยนไปฝั่งนั้นทันที

หม่าหนานร้องไห้ออกมาทันที  พี่เย่! อย่าเลยครับ พี่เย่ ผมผิดไปแล้ว! ผมไม่ควรไปแตะเนื้อต้องตัวฉินเสี่ยวตั่ว ก็เป็นฝีมือของไอ้สารเลวจินเซียวข่าย ตัวเองจีบสาวไม่ติด ยังจะให้ผมไปตามจีบหล่อน ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ! 

เย่เฉินแค่นเสียงเย็น  ตอนนี้โทษเพื่อนตัวเองแล้วเหรอ? คุณจีบไม่ติดแล้วทำไมต้องบอกให้หลิ่วอวี่เจ๋อไปจีบต่อล่ะ! พวกสารเลวเอ้ย!  

ยิ่งคิดเย่เฉินก็ยิ่งหัวเสีย จนอยากจะเตะอีกฝ่ายเต็มแรง

หม่าหนานตะโกนโดยไม่หยุดหายใจสักนิด

 ขอ…ขอโทษครับ 

เมื่อน้ำลายของคนทั้งร้อยคนก็ถ่มรดใบหน้าของจินเซียวข่ายเรียบร้อยแล้ว หลิวเจิ้งคุนก็เดินมารายงานกับเย่เฉิน

 จะให้ลากเจ้านั่นมาไหมครับ?  หลิวเจิ้งคุนถาม

เย่เฉินมองจินเซียวข่ายจากที่ไกลๆ เช่นกัน เมื่อพบว่าใบหน้าและเนื้อตัวของเขาล้วนแต่เปื้อนน้ำลาย ดูน่าขยะแขยงอย่างมาก

 พาเขาเข้าไปอาบน้ำด้านใน แล้วค่อยลากเขาออกมา  เย่เฉินกำชับ

 ครับ! 

ลูกน้องของหลิวเจิ้งคุนพาเขาไปอาบน้ำ จินเซียวข่ายถึงได้เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉินเหมือนกับหม่าหนาน

 ขอโทษด้วยนะครับ คุณชายเย่ พวกเราไม่กล้าทำอีกแล้วครับ คุณชายได้โปรดปล่อยมไปเถอะ ผมผิดไปแล้ว คุณชายเย่ เป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง อย่าถือสาหาความพวกเราเลย 

ลูกชายเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่สองคนในเทียนไห่ถูกเย่เฉินดัดสันดานแล้ว

เย่เฉินไม่ใช่คนที่จะไม่เว้นทางรอดให้ใคร เขาถามทั้งสองคน  แล้วจะยังเล่นเกมน่าเบื่อนี่ต่อไปอีกไหม? ที่จีบใครไม่ติดแล้วจะให้เพื่อนไปจีบต่อน่ะ? 

จินเซียวข่ายรีบร้อนกล่าว  ไม่กล้าแล้วครับ ไม่กล้าอีกแล้ว ชีวิตนี้ผมจะไม่ตามจีบผู้หญิงอีกแล้ว! 

หม่าหนานเองก็กล่าวว่า  ที่จริงแล้ว ตั้งแต่ตามจีบสาวแล้วโดนซ้อม ผมก็ไม่อยากจะเล่นเกมนี้ต่อไปแล้ว ต่อไปกลุ่มนี้ของพวกเราจะต้องแยกย้ายสลายตัว จะไม่มีอีกแล้ว! 

พอเย่เฉินได้ยินเขาก็เกิดสงสัย  จีบสาวติดแล้วโดนซ่อมเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นคือฉินเสี่ยวตั่วไหม? โดนใครซ้อมล่ะ? 

หม่าหนานส่ายหน้า  ไม่ใช่ครับ เป็นเจ้าของร้านกาแฟที่หน้าตาสวยๆ ถึงจะมีลูกแล้วก็เถอะ แต่ผมตกหลุมรักหล่อนตั้งแต่แรกเห็นเลย แต่ตอนที่ลองตามจีบหล่อน กลับโดนใครไม่รู้ซ้อมเฉยเลย ข่ายจื่อเองก็โดนซ้อมเหมือนกัน แต่โดนพ่อของเขาซ้อม 

จู่ๆ เย่เฉินก็มีท่าทีตั้งอกตั้งใจขึ้นมา เจ้าของร้านแฟคนนั้นก็คือคนที่เขาเข้าใจผิด่าเป็นพี่สะใภ้รองไม่ใช่หรือ?!

ทันใดนั้นเองเขาก็หวนนึกถึงรูปภาพใบนั้นที่เหอเหวินเจี้ยนเห็นในตู้ ที่จินเซียวข่ายแปะข้อความเอาไว้ ‘พื้นเพครอบครัวลึกล้ำเกินไป จะล่วงเกินไม่ได้’

เย่เฉินสงสัยในตัว ‘สะใภ้รอง’ คนนี้อย่างมาก ดังนั้นจึงกล่าวถามจินเซียวข่าย  พ่อคุณซ้อมคุณทำไม? เพราะอะไร? 

จินเซียวข่ายพยักหน้ารับ  หลังจากที่หม่าหนานล้มเหลว ผมก็ตั้งใจจะไปตามจีบเถ้าแก่ร้านกาแฟคนที่ว่า แต่ผมอยากจะลองสืบดูก่อนว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหน ผมก็เลยให้พ่อผมลองไปสืบดู แต่ใครจะไปรู้หลังจากที่พอพ่อผมไปสืบแล้วจะกลับมาตบผม แต่ยังเตือนผมด้วยว่า จะไปคั่วผู้หญิงคนไหนก็ได้ ฉันไม่สนใจ แต่ผู้หญิงคนนี้แกห้ามแตะต้องหล่อนเด็ดขาด ถ้าแกแตะต้องหล่อนแม้แต่ปลายก้อย บ้านเราจบเห่แน่! 

เย่เฉินชะงักไป จินเซียวข่ายนับว่าเป็นลูกหลานเศรษฐีคนร่ำรวยในสายงานธนาคาร

ถ้าเป็นแบบนี้ พื้นเพของสาวสวยคนนี้น่าจะอยู่เหนือจินเซียวข่าย?

เป็นผู้หญิงในตระกูลที่ร่ำรวยแน่นอนอยู่แล้ว!

เย่เฉินกล่าวถาม  ผู้หญิงคนนั้น เป็นใครกันแน่ 

จินเซียวข่ายกล่าว  ตอนนั้นผมก็ถามพ่อเรื่องนี้ แต่พ่อผมบอกว่าจะถามอะไรมากมายนักหนา บอกว่าอย่าแตะต้องก็อย่าสิ แค่ไม่ไปแตะหล่อนก็พอแล้ว ต่อมาผมก็ยังเซ้าซี้เว้าวอนเขาถึงได้ยอมบอกผม ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนมาจากเมืองหลวง ตระกูลของหล่อนยิ่งใหญ่ ไม่ได้แค่มีเงินเท่านั้น 

เย่เฉินพยักหน้ารับ ประเทศนี้มีพยัคฆ์หมอบเต็มไปหมด โดยเฉพาะที่อย่างยิ่งสถานที่อย่างเมืองหลวงและเทียไห่

ต่อให้เป็นสถานที่อย่างอวิ๋นโจว ทายาทของตระกูลลึกลับอย่างเย่เฉินยังอยู่ที่นั่นตั้งสามปี

เถ้าแก่ของร้านกาแฟเล็กๆ จะเป็นทายาทของตระกูลร่ำรวยยิ่งใหญ่ในเมืองหลวง ก็คงจะไม่แปลก

พอนึกถึงตรงนี้แล้วเย่เฉินถึงได้ยิ่งสนใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้น

ทำไมพี่รองถึงได้ฝากกุญแจไว้ที่นั่นนะ? หรือว่าเป็นเหมือนที่น้องสี่บอกเอาไว้ว่าเห็นหล่อนสวยดี ก็เลยอยากจะแนะนำให้รู้จัก ? แต่ว่าพี่รองจะต้องรู้เรื่องที่บ้านหล่อนแน่ ถ้าเกิดไปตามจีบหล่อนจริงๆ จะไม่ซวยโดนสามีของหล่อนซ้อมเหมือนไอ้พวกหน้าโง่พวกนี้เหรอ? 

เย่เฉินคิดในใจแล้วหันมองทั้งสองคน จากนั้นก็ถาม  หลิ่วอวี่เจ๋อก็จีบไม่ติดเหรอ? 

ในบรรดาพวกเขาห้าคน หลิ่วอวี่เจ๋อหล่อที่สุด รวยที่สุด ตัวสูงที่สุด เขายังเอาหวังเจียเหยามาครอบรองได้ โดยปกติแล้วน่าจะมีผู้หญิงจำนวนน้อยนิดที่เขาจีบไม่ติด

จินเซียวข่ายกล่าว  หลิ่วอวี่เจ๋อเกิดใจป๊อดขึ้นมาครับเลยไม่กล้าตามจีบ เขาไปชิมกาแฟที่ร้านกาแฟของเจ้าหล่อน แล้วแปะสติ๊กเกอร์กากบาทยอมแพ้เอง นี่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่จัดการพวกเราทุกคนได้อย่างราบคาบตั้งแต่มีกลุ่มของพวกเรามา! ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ! 

ถุย!

เย่เฉินถ่มน้ำลายใส่หน้าจินเซียวข่าย เพราะเมื่อครู่คนถ่มน้ำลายครบร้อยคนแล้ว เขายังไม่ได้ถ่มน้ำลายใส่อีกฝ่ายเลย

เย่เฉินกล่าว  อะไรคือแค่คนเดียวเท่านั้น? ฉินเสี่ยวตั่วก็เหมือนกัน! คุณคิดว่าหลิ่วอวี่เจ๋อได้นอนกับหล่อนหรือไง? ชาติหน้าก็อย่าหวังว่าจะได้แตะต้องฉินเสี่ยวตั่ว! 

 ครับๆ ผมผิดไปแล้ว  จินเซียวข่ายโดนน้ำลายถ่มใส่หน้า คิดไม่ถึงว่าจะไม่รู้สึกเสียหน้าแต่อย่างใด เขารีบเอามือปาดหน้าลวกๆ แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ดูไปแล้วสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็คือโดนถ่มน้ำลายใส่หน้ามากๆ เข้าก็ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป

และในตอนนี้เองจู่ๆ หม่าหนานก็กล่าวขึ้นมา  ถึงแม้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะเป็นฝ่ายขอยอมแพ้ ไม่กล้าตามจีบ แต่ว่าเขาคุยกับหล่อนถูกคอมากทีเดียว เขาเลยได้ข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างมากกลับมาด้วย! 

 ข้อมูลอะไร?  เย่เฉินถาม

หม่าหนานและจินเซียวข่ายประสานเสียง  ผู้หญิงคนนั้นไม่มีสามี! 

 

ตอนที่ 235 คนร้อยคนถ่มน้ำลาย!

เถ้าแก่หลี่ไม่ได้รู้เลยว่าเมื่อครู่เย่เฉินลงไม้ลงมือกับเทรนเนอร์สองคนในฟิตเนสของเขา

ท่าทางเย่เฉินหล่อเหลาเหมือนถ่ายภาพยนตร์ ใช้ไปไม่กี่กระบวนท่าก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายที่รูปร่างสูงใหญ่กว่าเขา ดึงดูดความสนใจของลูกค้าสาวๆ เหล่านี้ในฟิตเนสแห่งนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

เหล่าผู้หญิงที่ร่ำรวยพวกนี้ย่อมเป็นความปลอดภัย ทว่าหลังจากที่เถ้าแก่หลี่มาแล้ว พวกหล่อนก็ไม่กังวลปัญหาเรื่องนี้อีก

พวกเศรษฐีนีที่เลือกออกกำลังกายที่นี่ มีนิสัยความชื่นชอบอย่างไรก็น่าจะเดากันออกได้อย่างง่ายดาย

ฟิตเนสระดับสูงที่เทียนไห่มีเยอะแยะหลากหลาย ทำไมพวกหล่อนต้องเลือกที่นี่?

ไม่ใช่เพราะว่าเทรนเนอร์ที่นี่หล่อมากเลยเหรอ?

ในเมื่อเป็นผู้หญิงที่โง่งมหลงใหลในผู้ชาย เห็นเย่เฉินที่เป็นผู้ชายที่ทั้งหล่อเหลาทั้งมีแรงมากมาย อีกทั้งเหมือนกับว่าครอบครัวของชายหนุ่มก็จะไม่ธรรมดา แล้วทำไมพวกหล่อนถึงไม่อยากจะทำความรู้จักเขาผ่านทางเถ้าแก่หลี่ล่ะ?

เถ้าแก่หลี่หัวเราะคิกคักแล้วกล่าว  ในเมื่อพวกคุณไม่อยากจะไป งั้นก็อยู่ออกกำลังกายอยู่ที่นี่ต่อ ผมขอรับรองว่าพวกคุณจะไม่ได้รับการบาดเจ็บแม้แต่น้อย 

ในตอนนี้ลูกน้องกลุ่มใหญ่ของหลิวเจิ้งคุน 30 กว่าคนก็วิ่งกรูเข้ามา มาถึงด้านหน้าเย่เฉินแล้วตะโกนเสียงดังอย่างพร้อมเพรียงกัน  คุณชายเย่! 

 ว้าว สุดหล่อคนนี้ดูมีมาดมากเลย 

 ฮ่าๆ คุณชายคนนี้น่าสนใจจริงๆ ฉันเคยเห็นน้องชายลูกคนรวยคนอื่นๆ มาก็มาก แต่ลูกน้องของเขาทำไมถึงเป็นคนต่างชาติกันหมดเลยล่ะ ฮ่าๆ 

พวกผู้หญิงร่ำรวยดื่มน้ำไป ถือเสียว่าเหมือนดูอะไรสนุกๆ

 อืม 

เย่เฉินหันมาผงกศีรษะให้พวกเขา

ตอนที่หันกลับมามอง ก็เห็นกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ไกลๆ ต่างก็มองตนเอง ถึงขนาดที่มีผู้หญิงมัดผมหางม้าเนื้อทั้งตัวโชกเหงื่อ ยังโบกมือให้เย่เฉิน  ฮัลโหล 

เย่เฉินรู้ว่าที่นี่คือฟิตเนส ต่อให้เป็นสถานที่สาธารณะที่เป็นส่วนตัว เขาเป็นคนที่มีมารยาท ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรเขาก็มักจะคิดถึงคนอื่นด้วยเสมอ

ดังนั้นเย่เฉินจึงสาวเท้าเดินไปหาพวกหล่อน  สาวๆ ทุกท่าน เรื่องที่จะเกิดขึ้นในลำดับต่อไป อาจจะทำให้ทุกท่านรู้สึกไม่ดี ถ้าไม่อย่างนั้นพวกคุณกลับไปก่อน หรือไม่ก็ไปอาบน้ำกันก่อน ผมว่าทุกท่านน่าจะออกกำลังกายกันจนเหนื่อยมากแล้ว ตัวเปียกเหงื่อไปหมด 

ผู้หญิงอายุน้อยที่ผูกเปียหางม้าในหุ่นคล้ายกับหวังหยวนหยวนกล่าวแล้วด้วยรอยยิ้ม  สุดหล่อ นายน่าสนใจจังเลย เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็ไล่ให้ฉันไปอาบน้ำ ฮ่าๆ ฉันคิดว่าฉันตอนเปียกเหงื่อสวยที่สุดเลย นายว่าไงล่ะ? 

ผู้หญิงที่ผูกผมเปียเจอเย่เฉินเป็นครั้งแรก แต่กลับใช้น้ำเสียงเย้ายวนเขา

ไม่เพียงแค่หล่อน แต่ยังมีผู้หญิงอายุประมาณ 35 ปี มองเย่เฉินราวจ้องเหยื่อ  สุดหล่อ ขอพี่สาวแนะนำเธอหน่อยนะจ้ะ ไม่อย่างนั้นก็ปล่อยให้เรื่องนี้มันจบๆ ไป เธอต่อยเขาไปเธอก็จะเกิดเรื่องเอานะ 

 นั่นสิ ยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อเหลือทางเดินให้ตัวเองบ้าง ฉันอยากให้นายเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวของฉันอยู่นะ  คุณน้าที่ดูแลสุขภาพเอาไว้เป็นอย่างดีกล่าวขึ้นมา

เย่เฉินมองพวกผู้หญิงที่คุยเก่งขนาดนี้ลอบพูดในใจ  ในที่สุดก็รู้แล้วว่าจินเซียวข่ายและหม่าหนาน ทำไมมาออกกำลังกายที่นี่ 

งั้นก็ช่างเถอะ ในเมื่อพวกหล่อนไม่กลัว ก็ให้พวกหล่อนดูอยู่แล้วกัน

เย่เฉินย่างสามขุมไปหาคู่กรณี

ทั้งๆ ที่เย่เฉินยังอยู่ไกลจากตัวจินเซียวข่ายอยู่มากโข แต่อีกฝ่ายกลับถอยกรูดหนีเขาไปเรื่อยๆ  คนแซ่เย่เหรอ นายอยากจะทำอะไร! 

เย่เฉินเดินไปยังตำแหน่งเดิมแล้วก็หยุดลงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ  ตอนนี้ยังไม่ต้องตื่นเต้นกังวลใจไป คนฝั่งฉันยังมาไม่ครบ นายไม่ต้องระแวงหรอก 

ถ้าคนมาไม่ครบ การล้างแค้นของเย่เฉินจะเริ่มขึ้นไม่ได้

และแล้วเวลา 20 นาทีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 แปลกจัง คนของพวกเราทำไมยังไม่มาถึงล่ะ? 

จินเซียวข่ายพุ่งมาถามหม่าหนาน

หม่าหนานเองก็หงุดหงิด  ไม่น่านานนะ พวกเขาพูดว่า 10 นาทีก็ควรจะมาถึง เดี๋ยวฉันโทรไปถาม 

 ไม่ต้องโทรแล้ว! 

จู่ๆ หลิวเจิ้งคุนก็เปิดปากเอ่ย  คนของพวกนายไปเจอกับลูกน้องของฉันที่ด้านล่าง โดนลูกน้องของฉันจัดการไปแล้ว 

 นายพูดว่าอะไร?  จินเซียวข่ายและหม่าหนานไม่กล้าเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง

คนที่พวกเขาเรียกนั้นมาที่หน้าประตูฟิตเนส ยังไม่เดินมา?

และในเวลานี้เอง ณ บริเวณห้องฟิตเนส มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง แค่ดูก็มี 70 กว่าคน!

พวกเขารีบเดินมา คนที่เดินมานั้นต่างก็มีคราบเลือด ทำให้บรรดาน้าๆ และพี่สาวที่เป็นเศรษฐีนีที่อยู่ข้างๆ อกสั่นขวัญแขวน !

คนจำนวน 70 กว่าคนเดินมาตรงหน้าเย่เฉินก็ประสานเสียง  คุณชายเย่! 

เย่เฉินมองไปที่พวกเขา ชี้ไปที่จำนวนคน น่าจะมีประมาณ 100 กว่าคน นี่คือลูกน้องที่หลิวเจิ้งคุนมีทั้งหมดในเทียนไห่

 อืม คนมาครบแล้ว พวกเราเริ่มเถอะ 

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็เดินตรงไปหาจินเซียวข่าย!

จินเซียวข่ายถอยกรูดไป ตำแหน่งที่ตั้งโต๊ะปิงปองและโต๊ะสนุกเกอร์เดิมทีตั้งอยู่บริเวณด้านในสุดแล้ว เมื่อจินเซียวข่ายถอยหลังไปอีก ซึ่งอันที่จริงแล้วแทบไม่มีทางเหลือให้เขาถอยแล้ว

จินเซียวข่ายพิงกำแพงขณะกลืนน้ำลายอย่างเป็นกังวล แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า

 นาย…นายอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ! คนของฉันใกล้จะมาถึงแล้ว ฉันกับคุณหม่าตามคนมาอย่างน้อยๆ 200 กว่าคนเชียวนะ! คนของนายที่นี่อย่างมากรวมๆ กันแล้วก็น่าจะมีแค่ร้อยคน คนของพวกเราไม่มีทางแพ้คนของนายไปเสียทุกคนหรอกนะ! 

หนึ่งในคนที่เพิ่งเดินเข้ามาคือน้องชายของหลิวเจิ้งคุน เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า  ขยะพวกนั้นที่นายเรียกมา ฉันต่อยพวกมันทีละคนๆ พี่น้องของฉันที่นี่ต่างก็สามารถต่อสู้กับคนสิบคนได้ด้วยตัวคนเดียว จะให้คน 70 คนสู้กับคน 200 กว่าคนมีอะไรแปลกเหรอ? 

เย่เฉินพาพี่น้องร้อยกว่าคนด้านหลัง เดินรุกคืบเข้าไปหาจินเซียวข่าย

จินเซียวข่ายกล่าวอย่างเป็นกังวล  คนแซ่เย่ แกอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ ที่นี่ยังมีแขกคนอื่นอีก นายต่อยฉัน นายเองก็จะติดคุกนะเว้ย! 

เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม  จินเซียวข่าย ถ้าผมอยากต่อยคุณ เมื่อครู่ผมคงทำไปแล้ว แต่สบายใจได้ ผมไม่ซ้อมคุณหรอก 

 นายถ่มน้ำลายใส่หน้าฉันไม่ใช่เหรอ? ส่วนฉันเองเป็นคนแฟร์ๆ นายถ่มน้ำลายใส่ฉัน ฉันจะถ่มใส่นายเหมือนกัน 

พูดจบก็คุยกับพวกลูกน้อง  ลงมือ… อ้อ ไม่สิ ลงปากเลย 

หลิวเจิ้งคุนที่รู้ใจผู้เป็นนายนานแล้ว เขากำชับ  ถ่มน้ำลายใส่หน้าหมอนี่ จำเอาไว้ จะต้องถ่มใส่หน้าด้วย! 

 ครับผม! 

เย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนถ่ายทอดคำสั่ง แล้วนักสู้มือชาวตะวันออกเฉียงใต้อาชีพทั้งร้อยคน ต่างก็เดินไปหาจินเซียวข่าย!

ถุย!

ถุย!

ถุย!

ถุย!

น้ำลายจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน กระทบใส่หน้าของจินเซียวข่าย!

 อย่า! 

 โอ้ย! 

 ช่วยด้วย! 

 แม่ง เขียวอื๋อเลย! 

 … 

จินเซียวข่ายร้องโวยวายไม่หยุด ต่อมากระทั่งบ่นเขาก็ยังไม่กล้า เพราะถ้าเขาอ้าปาก น้ำลายของคนพวกนั้นอาจจะตกเข้าไปในปากเขา

 อี๋… 

เหล่าแขกสาวๆ ที่อยู่ไกลๆ นั้นตกใจจนรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะได้ออกไปจากที่นี่ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เหล่าสาวสวยพวกนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่ได้เห็น

 ถ่มน้ำลายใส่กันเหรอ? 

เย่เฉินมองจินเซียวข่ายแล้วระบายยยิ้มเย็น ช่างไม่รู้จักอะไรเลย!

เวลานี้แล้วในฐานะที่เป็นเพื่อนนิทของจินเซียวข่าย หม่าหนานเดินไปข้างตัวเย่เฉินแล้วกล่าวอย่างนุ่มนวล  เพื่อน อย่างไรเสียข่ายจื่อก็เป็นคุณชายตระกูลธนาคาร นายก่อเรื่องแบบนี้ ไม่ได้ส่งผลดีอะไรหรอก! ช่างมันไปเถอะ มีเรื่องอะไร เรานั่งลงคุยกันกินข้าวด้วยกันดีกว่า ฉันเลี้ยงเอง พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ดีหรือไง? 

เพื่อน?

เป็นคุณชายตระกูลร่ำรวยที่เย่อหยิ่งจริงๆ ด้วย ตอนนี้ไม่ว่าจะทำยังไงก็คงไม่มีใรเคารพเขา ขนาดตัวเองยังเอาตัวเองไม่รอด แต่ยังมีหน้ามาขอร้องแทนเพื่อนอีก?

นายคิดว่านายรอดตัวล่ะสิ!

เย่เฉินหันไปมองหม่าหนานแล้วถาม  ได้ยินมาว่าคุณจูงมือฉินเสี่ยวตั่วเหรอ? 

 

ตอนที่ 234 เถ้าแก่หลี่เจ้าของฟิตเนส!

เมื่อครู่เย่เฉินยังพูดในโทรศัพท์คุยโวว่าจะซื้อฟิตเนสแห่งนี้

แต่ว่าในระหว่างนั้นจินเซียวข่ายกับหม่าหนานก็เหน็บแนมเขา บอกเขาว่าเงินไม่กี่สิบล้านไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งของเถ้าแก่หลี่ร่วงด้วยซ้ำไปต่อให้เขามีเงินไปก็ซื้อไม่ได้อยู่ดี

ต่อมาเย่เฉินก็กลับคำว่าไม่ต้องซื้อในทันที

ในสายตาของหม่าหนานและจินเซียวข่ายนั้น นี่คืออาการของคนที่ไม่เอาจริง ที่คุยโม้ใหญ่โตว่าจะซื้อฟิตเนสนั้นเป็นแค่เรื่องโกหกทั้งเพ

ดังนั้นจินเซียวข่ายและหม่าหนานหัวเราะกันจนปิดปากไม่ได้

 ฮ่าๆ หมอนี่ตลกจริงๆ นายไปเป็นนักแสดงในเต๋ออวิ๋นสิไป ไม่งั้นเสียดายแย่เลย 

 ใช้ได้นี่ ยังรู้จักยอมรับความจริงอยู่บ้าง 

แต่ความจริงแล้วจะใช่เย่เฉินเกิดปอดแหกขึ้นมาจริงเหรอ?

แน่นอนว่าต้องไม่ใช่แบบนั้น ที่เย่เฉินพูดว่าไม่ต้องซื้อแล้วนั้นเพราะพ่อบ้านฟางบอกเขาว่า

 คุณชายสาม ฟิตเนส CGYM เป็นพื้นที่ของตระกูลเย่เราเอง เถ้าแก่แซ่หลี่คนนั้น เป็นหนึ่งในคนของเราที่ถูกทิ้งไว้ในเป็นหูเป็นตาในเทียนไห่ คุณท่านเคยช่วยเขาไว้ คุณชายสามารถสั่งเขาได้เหมือนกับที่สั่งผมเลยครับ 

นั่นเป็นสาเหตุว่าเมื่อครู่ทำไมเย่เฉินถึงได้พูดคำว่าไม่ต้องซื้อแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อบ้านฟาง

เมื่อวางสายแล้วก็พบว่าจินเซียวข่ายกับหม่าหนานเองกำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข

เย่เฉินจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ใคร่จะพอใจนักว่า  หัวเราะเอาไว้ก็ดี อีกเดี๋ยวน่าจะทำได้แค่ร้องไห้แล้วล่ะ 

จินเซียวข่ายหัวเราะเสียงดัง  ยังจะกล้าคุยโวขนาดนี้อยู่อีก! อีกเดี๋ยวคนของนายจะเข้ามาไม่ได้ ที่เข้ามาในนี้ได้น่ะมีแต่คนของฉัน อีกเดี๋ยวต้องสู้กับคนสิบกว่าคนไปจนถึงร้อยคน ฉันจะดูว่านายจะยังกล้าพูดจาวางท่าใหญ่โตแบบนี้อยู่ไหม 

 นายตบหน้าฉันหนึ่งคร้ั้ง ฉันจะเอาคืนนายสิบครั้ง! 

เย่เฉินพยักหน้ารับ  ก็ได้ ฉันจะรอแล้วกัน 

สิบนาทีผ่านไป

ลูกน้องของหลิวเจิ้งคุนกลุ่มแรกมาถึงแล้วน่าจะมีประมาณ 30 กว่าคน ทั้งหมดเป็นนักเลงหัวไม้ อีกทั้งครึ่งหนึ่งยังเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แต่ว่าพวกเขาเพิ่งมาถึงหน้าประตู ก็โดนพนักงานของฟิตเนสเรียกเอาไว้

 รบกวนสอบถามนิดหน่อยครับ ใช่คนที่คุณชายจินและคุณชายหม่าเรียกมาไหมครับ?  พนักงานถาม

พวกเขาก็ถือว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์มากทีเดียว  พวกเราเป็นคนของคุณชายเย่! 

 คุณชายเย่? คุณชายเย่ผีบ้าอะไร?  พนักงานไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าที่เทียนไห่จะมีคนชื่อคุณชายเย่แล้วกล่าว  ต้องขอโทษด้วย ตอนนี้คุณชายหม่าและคุณชายหม่าเป็นคนดูแลฟิตเนส ตอนนี้ระงับการทำบัตรสมาชิก และไม่เปิดทำการด้วย ถ้าคุณไม่ใช่คนของคุณชายหม่าและคุณชายหม่า พวกคุณกลับไปเถอะ 

 สารเลว! ฉันจะบุกเข้าไป ก็มาดูกันว่าพวกแกใครจะกล้าขวางฉัน? 

คนในกลุ่มนั้นหัวเสีย

คนบุกที่เข้าไปคนแรกชะงักไปเสี้ยววินาที

 อ๊าก! 

เพิ่งจะเข้าใกล้ประตู ผู้ชายคนนั้นก็เหมือนโดนไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น

หลิวเจิ้งคุนเดินไปหาเย่เฉินแล้วกดเสียงต่ำ  ที่บริเวณประตูมีประตูกันขโมย ลูกน้องเข้ามาไม่ได้ จะให้ซ้อมพนักงานแล้วบังคับให้พวกเขาเปิดประตูไหมครับ? 

เย่เฉินไม่อยากจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ วันนี้แค่อยากจะสั่งสอนพวกจินเซียวข่ายและหม่าหนานที่เป็นคนเคยทำร้ายฉินเสี่ยวตั่วโดยตรง

เย่เฉินกล่าวว่า  ไม่ต้อง เถ้าแก่ของพวกเขาใกล้จะมาถึงแล้ว 

ยังไม่ถึงห้านาที มีชายวัยกลางคนในชุดสูทเป็นทางการเดินเข้ามาในฟิตเนสประตูลับอีกทาง

เพิ่งเดินเข้ามา พวกผู้หญิงสวยๆ ในฟิตเนสต่างก็ทักทายเขา

 เถ้าแก่หลี่ ไม่เจอกันตั้งนานหล่อขึ้นนะคะเนี่ย 

 พี่หลี่ ด้านนอกมีคนเยอะแยะ คงจะไม่มีอะไรใช่ไหมคะ? 

 ที่โต๊ะสนุกเกอร์มีคนกำลังทะเลาะกัน คุณรีบไปจัดการเถอะค่ะ! 

เถ้าแก่หลี่ยิ้มน้อยๆ ขณะค้อมตัวลงทำความเคารพแขกคนอื่นๆ

 พี่ฉิน ไม่เจอกันนานเลย 

 ปิงปิง สบายใจเถอะ ไม่เป็นอะไรหรอกครับ 

 ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ พวกคุณออกกำลังกายไปต่อเถอะครับ จะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายรบกวนพวกคุณหรอกครับ 

หลังจากที่เถ้าแก่หลี่ยิ้มให้พวกแขกเหรื่อเล็กน้อยแล้ว สีหน้าก็เริ่มไม่ค่อยสู้ดีนัก

เห็นเถ้าแก่หลี่พุ่งพรวดมา จินเซียวข่ายก็ตบหม่าหนานเบาๆ  ดูสิ เถ้าแก่หลี่ดูเป็นคนดุมากเลย 

หม่าหนานกล่าวพลางระบายยิ้ม  นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว ใครไม่รู้บ้างว่าในฟิตเนสของเขามีดาราผู้หญิงเยอะที่สุดแล้วมั้ง มีคนกล้าก่อเรื่องในฟิตเนสของเขาคงจะเบื่อชีวิตล่ะมั้ง ดูแล้วฉันคงไม่ต้องออกแรงเถ้าแก่หลี่ก็คงจะสั่งสอนไอ้เด็กคนนั้นอยู่ดี 

เมื่อเถ้าแก่หลี่เดินมา จินเซียวข่ายและหม่าหนานก็ยกมือขึ้นทักทายเขาทันที

 เถ้าแก่หลี่! 

 พี่หลี่! 

คุณชายที่ร่ำรวยสองคนต่างก็ไว้หน้าเถ้าแก่หลี่อย่างมาก

 คุณชายจิน คุณชายหม่า  เถ้าแก่หลี่พยักหน้ารับ

จินเซียวข่ายรีบร้อนทักทายเถ้าแก่หลี่ เขาชี้ไปที่เย่เฉินแล้วกล่าวว่า  เถ้าแก่หลี่ครับ หมอนี้แหละครับ ไอ้ยากจกจากบ้านนอกที่บุกเข้ามาหาเรื่องพวกเรา แล้วก็โวยวายโหวหเหวกที่นี่ทำให้แขกของพี่ตกใจกันไปหมด 

หม่าหนานเองก็กล่าวต่อว่า  นั่นสิ คุณน้าเสวี่ยเมื่อกี้ยังออกกำลังกายอยู่ แต่ตกใจจนกลับไปแล้ว! 

ตอนเย่เฉินมาถึงนั้น น้าเสวี่ยเองกำลังลงลิฟต์ไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนนั้นจงใจใส่ความเย่เฉิน!

พวกเขารู้ว่าเถ้าแก่หลี่คนนี้ให้ความสำคัญกับแขกพวกนี้ของเขาเป็นที่สุด ใครกล้าล่วงเกินแขกของเขาล่ะก็ เขาไม่มีทางปล่อยให้รอดตัวไปได้ง่ายๆ แน่!

แล้วก็เห็นเถ้าแก่หลี่เดินตรงไปหาหลิวเจิ้งคุนและเย่เฉินทันที

จินเซียวข่ายและหม่าหนานกำลังรอดูอะไรสนุกๆ อยู่ด้านข้าง

แต่ว่าใครจะรู้ว่าพอเถ้าแก่หลี่เดินไปหาเย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนแล้ว กลับถามอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม  ขอโทษนะครับ ท่านไหนคือคุณเย่ครับผม? 

เมื่อครู่เถ้าแก่หลี่เองเพิ่งได้รับสายจากพ่อบ้านฟาง ดังนั้นเขาถึงได้รีบมาที่นี่ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเจอเย่เฉินมาก่อน

 ผมเอง  เย่เฉินมองอีกฝ่าย  คุณคือเถ้าแก่หลี่? 

 มิกล้าๆ เรียกผมว่าเสี่ยวหลี่ก็ได้ครับ  เถ้าแก่หลี่กล่าวด้วยท่าทีนบนอบอย่างมาก

จินเซียวข่ายและหม่าหนานต่างก็ชะงักนิ่งไป

เสี่ยวหลี่?

คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่หลี่จะเรียกตัวเองว่าเสี่ยวหลี่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฉิน?

คุณอา…อายุคุณ 40 กว่าแล้วนะ!

กระทั่งคนร่ำรวยอย่างจินเซียวข่ายและหม่าหนาน พอเห็นเขาแล้วยังต้องเรียกเขาว่าพี่ด้วยความเคารพนับถือ

แต่เขาอยู่ต่อหน้าเย่เฉินกลับกดตัวเองให้ต่ำลงอย่างนั้นหรือ?

งั้นจะเท่ากับว่าพวกเขามีศักดิ์ต่ำกว่าเย่เฉินหนึ่งขั้นไม่ใช่หรือไง?

เถ้าแก่หลี่กล่าวอย่างลนลาน  ไม่รู้ว่าคุณชายเย่ให้เกียรติมาเยี่ยม เลยเสียมารยาทไม่ได้มาต้อนรีบ ต้องขออภัยคุณชายด้วยครับ ผมอยากจะขออนุญาตถามคุณชายว่ามีอะไรให้ผมรับใช้ครับ? 

เถ้าแก่หลี่ตอนนี้สับสนอย่างมาก เขารู้ว่าเย่เฉินและคุณชายทั้งสองคนตรงหน้านี้มีเรื่องผิดใจกัน ไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ไม่อาจล่วงเกินได้ทั้งคู่

แต่ว่าวันนี้เขาจำเป็นต้องเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และฝ่ายนั้นย่อมต้องเป็นเย่เฉิน

เย่เฉินกล่าวว่า  คุณช่วยเปิดประตูให้คนของผมเข้ามาก็เป็นอันใช้ได้ คุณไม่ต้องยุ่งเรื่องอื่นหรอก 

เถ้าแก่หลี่ตอบกลับทันที  ครับ! 

จากนั้นเถ้าแก่หลี่ก็รีบเดินไปที่ประตูแล้วกล่าวกับพนักงาน  รีบปลดประตูนิรภัยออก! 

เถ้าแก่สั่งแล้ว พวกเขาย่อมไม่กล้าขัดขืนทำได้เพียงรีบปลดระบบนิรภัยทิ้งทันที แล้วคนจำนวน 30 กว่าคนก็กรูกันเข้ามา

และในเวลานี้เองเถ้าแก่หลี่ก็กล่าวกับลูกค้าผู้หญิงคนอื่นๆ ที่อยู่ในฟิตเนส  ขอโทษทุกท่านด้วย วันนี้คุณชายเย่ต้องการจะใช่ฟิตเนสของผมทำธุระส่วนตัว รบกวนเวลาในการออกกำลังกายของทุกท่าน เชิญทุกท่านกลับไปก่อน ผมจะต้องชดเชยให้ทุกท่านแน่นอน 

ทว่าลูกค้าผู้หญิงเหล่านี้กลับไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจากฟิตเนสเลยสักนิด!

 พี่หลี่ สุดหล่อคนนั้นคือเพื่อนคุณเหรอคะ? 

 คุณชายเย่? ดูไม่ออกเลยว่าเป็นลูกเศรษฐี พอจะแนะนำให้เรารู้จักหน่อยไหมคะ? 

 เถ้าแก่หลี่ พอจะคุยกับเพื่อนของคุณให้เขามาเป็นเทรนเนอร์ที่นี่ได้ไหมคะ ฉันอยากให้เขามาเป็นเทรนเนอร์ของฉัน 

เถ้าแก่หลี่ชะงักไปทันทีนี่มันเกิดอะไรขึ้น!

 

ตอนที่ 233 เรียกลูกน้องทุกคนมารวมตัว!

จินเซียวข่ายถ่มน้ำลายใส่เย่เฉินอย่างเย่อหยิ่ง  ถุย! จะให้ฉันคุกเข่าอ้อนวอนนายเหรอ? นายฝันอยู่หรือเปล่า! นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? บ้านฉันเปิดธนาคาร! รื้อกระเป๋าเงินของพวกนายสิลองดูว่าคนในบ้านนายมีใครบ้างที่ไม่ใช่บัตรเครดิตของธนาคารโหย่วลี่ของที่บ้านฉัน! ไอ้ขยะที่มาจากเมืองเล็กๆ ในเมืองระดับสาม แถมเมียยังถูกเพื่อนฉันแย่งไป ยังกล้าพูดจาโอหังกลับฉันอีกเหรอ? ที่นี่คือเมืองหลวงลำดับสอง! เทียนไห่! นายกล้าล่ะก็ลองแตะต้องฉันดู! 

ปกติแล้วในเทียนไห่นี้ จินเซียวข่ายแทบไม่หวาดกลัวใคร

คนที่อายุเท่ากันและมีพื้นเพเหมือนกัน ปกติแล้วเป็นเพื่อนของเขาทั้งสิ้น ต่อให้ไม่ใช่เพื่อนก็ต้องรู้จักกันบ้าง

ส่วนเย่เฉินเป็นคนมาจากต่างท้องที่ ไม่อยู่ในสายตาเขาด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาถึงได้กล้าด่าอีกฝ่ายโดยไม่หวาดกลัวอะไร!

ทว่าการกระทำนี้ของเขา กลับจุดเพลิงโทสะให้เย่เฉินและหลิวเจิ้งคุน!

เย่เฉินชะงักค้างไป เขาเป็นคนที่เคยต่อสู้กับคนในสงคราม ต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน

ยกตัวอย่างจินเซียวข่ายเอามีดพกออกมา หรือจะเอาอาวุธอื่นๆ มาโจมตีเย่เฉิน งั้นเย่เฉินจะสามารถปลดอาวุธอีกฝ่ายได้ในทันที

แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าจินเซียวข่ายจะถ่มน้ำลายใส่เขา

เรื่องขยะแขยงแบบนี้ เรื่องที่น่าละอายแบบนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้ประสบพบเจอ

 คิดไม่ถึง…ว่านายจะกล้าถ่มน้ำลายใส่ฉัน?  เย่เฉินยกมือขวาเช็ดหน้าลวกๆ

แต่ในเวลานั้นหลิวเจิ้งคุนโกรธจนกัดฟันกรอดมานานแล้ว ทั่วร่างสั่นเทิ้ม!

เขารีบพุ่งพรวดใส่จินเซียวข่าย แล้วตะโกนอย่างหัวเสีย  เด็กเปรตแกเบื่อชีวิตแล้วล่ะสิ! กล้าถ่มน้ำลายใส่คุณชายเย่! ฉันจะเอาแกให้ตายเลย! 

หลิวเจิ้งคุนพูดไปพลาง ต้องการจะพุ่งไปต่อยจินเซียวข่าย ทว่าเย่เฉินยื่นมือออกมาแล้วขวางอีกฝ่ายเอาไว้

 คุณชายเย่… 

หลิวเจิ้งคุนงุนงง ในฐานะที่เป็นลูกน้องของเย่เฉิน เขาทนมองเจ้านายของตัวเองต้องโดนดูถูกแบบนี้ไม่ได้!!

หลิวเจิ้งคุนทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเย่เฉินทันที  ขอให้คุณชายเย่อนุญาตให้ผมฆ่าไอ้หนุ่มที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรคนนี้ที! ต่อให้ผมจะเหยียบเท้าเข้าเทียนไห่ไม่ได้ตลอดชีวิต โดนไล่ตามฆ่าตลอดชีวิต ผมเองก็ไม่เสียดายแล้วครับ! 

คำพูดนี้ของหลิงเจิ้งคุนทำให้จินเซียวข่ายเกิดหวาดกลัวขึ้นมา

ในความเป็นจริงแล้วแค่เขาดูก็รู้ว่าหลิวเจิ้งคุนไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าเปรียบเทียบกับเย่เฉินที่อายุพอกันและหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขาหวาดกลัวหลิวเจิ้งคุนมากกว่า

เย่เฉินรู้ว่าหลิวเจิ้งคุนกำลังแสดงความภักดีต่อคนเอง ทว่าเย่เฉินมีแผนแล้ว

 ถ่มน้ำลายใส่ผมเหรอ?  เย่เฉินถามพลางมองไปที่จินเซียวข่ายอีกครั้ง

จินเซียวข่ายมองหลิวเจิ้งคุนอย่างหวาดกลัว จากนั้นถาม  ถ่มน้ำลายไปแล้วไง ทำไมล่ะ? 

 ดีมากนี่ 

คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะไม่โกรธ แต่กลับล้วงเอาทิชชู่หนึ่งแผ่นออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วเช็ดน้ำลายจนสะอาด

หลังจากนั้นก็กล่าวกับหลิวเจิ้งคุนที่คุกเข่าบนพื้น  เรียกลูกน้องทั้งเทียนไห่ของนายมา ทั้งหมดทุกคน 

 คุณชายเย่… 

หลิวเจิ้งคุนเกิดความสงสัยขึ้นในใจ ไม่รู้ว่าเย่เฉินตั้งใจจะทำอะไร

ถ้าหากว่าเย่เฉินต้องการจะรับมือกับจินเซียวข่าย เย่เฉินแค่คนเดียวหรือหลิวเจิ้งคุนแค่คนเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกคนมาสักหน่อย

ทันใดนั้นเองในหัวหลิวเจิ้งคุนก็มีภาพของละครที่ดูช่วงนี้โผล่ขึ้นมา

 เทพแห่งสงครามกลับมาแล้วเห็นลูกสาวอยู่ในรูหนู ก็สั่งให้ทหารแสนคน สร้างรูหนูแสนอัน 

ถึงแม้ว่าบทละครนี้จะออกจะเวอร์ไปหน่อย แต่ก็มากพอจะทำให้เห็นความเอาแต่ใจของคนที่เป็นคนใหญ่คนโต!

หลิวเจิ้งคุนเข้าใจแล้วว่าเย่เฉินทำอะไร!

 ครับ!  หลิวเจิ้งคุนผุดลุกขึ้นทันที แล้วกดโทรศัพท์โทรหาลูกน้อง

แต่จินเซียวข่ายเห็นเย่เฉินโดนถ่มน้ำลายใส่แต่กลับไม่ยอมลงไม้ลงมือ ในทางกลับกันเขากลับโทรเรียกลูกน้องอย่างคนขี้ขลาด จินเซียวข่ายเองรู้สึกก็สบายใจขึ้นมาก

จินเซียวข่ายกล่าวกับหม่าหนานด้วยรอยยิ้ม  ฮ่าๆ คุณหม่า เจ้าเด็กนี่โอหังจริงๆ เราก็มีคนของเราที่เทียนไห่เหมือนกัน 

หม่าหนานและจินเซียวข่ายหัวเราะ ที่นี่คือพื้นที่ของพวกเขาจะหาพวกได้มากกว่าเขาเชียวหรือ

ทั้งสองคนโทรศัพท์ทันที

 ฮัลโหล ใช่ๆ ฉันอยู่ที่ฟิตเนส CGYM รีบเรียกพี่น้องมาเร็วๆ! แล้วประกาศบอกพี่น้องทุกคนในพาพวกมาที่ฟิตเนส CGYM ด้วยว่าให้มาช่วยฉันกับคุณชายจิน! 

พอโทรเรียกพวกมาแล้ว พวกเขาสองคนก็พูดคุยกันอย่างระมัดระวัง

หม่าหนานกล่าวว่า  ถ้าสมมติว่าอีกเดี๋ยวคนของเขามาถึงก่อนจะทำยังไง? 

จินเซียวข่ายเองก็กังวลเรื่องนี้เช่นกัน  ไม่เป็นไรน่า ฉันโทรหาเจ้าของฟิตเนสแล้ว บอกให้เขาปิดที่นี่เป็นการชั่วคราว ต่อให้คนของเหมอนั่นมาถึงก่อน ก็เข้ามาไม่ได้หรอก 

จินเซียวข่ายรู้จักกับเจ้าของฟิตเนสแห่งนี้ ดังนั้นการจะบอกให้เจ้าของฟิตเนสปิดสักวันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

 ฮัลโหล เถ้าแก่หลี่ ผมคืออาข่าย วันนี้ผมอยากให้คุณหยุดงานสักหนึ่งวัน ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ห้ามคนที่ไม่ทำบัตรสมาชิกเข้ามา ให้ผมดูแลในตอนบ่ายวันนี้ได้ไหมครับ? ความเสียหายที่เกิดขึ้นในวันนี้ผมจะชดใช้ให้สองเท่า! 

พอกดวางสาย จินเซียวข่ายก็พูดกับหม่าหนานว่า  เรียบร้อยแล้ว 

จากนั้นจินเซียวข่ายเองก็หัวเราะกับเย่เฉินอย่างลำพองใจ  ไอ้หนุ่ม ไม่ต้องเรียกคนของนายมาแล้ว ต่อให้พวกเขามาแล้วก็เข้ามาไม่ได้ ถ้านายกะจะให้พวกเขาฝืนดึงดันเข้ามา ฮ่าๆ เกรงว่านายคงจะไม่รู้ว่าที่ประตูใหญ่น่ะติดตั้งประตูนิรภัยเอาไว้ ถ้าพวกเขาดึงดันเข้ามาจะโดนไฟช็อต 

ไม่ค่อยมีฟิตเนสที่จะติดตั้งประตูนิรภัยแบบนี้ และเป็นเพราะว่าฟิตเนสแห่งนี้มีผู้หญิงสวยๆ จำนวนมาก แถมยังเป็นผู้หญิงที่มีเงินอีกด้วย

ดังนั้นเถ้าแก่ถึงได้ติดตั้งประตูนิรภัยขึ้นมา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นประตูกันพวกตะเข้ตะโขงด้วย

ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถสมัครสมาชิกในฟิตเนสแห่งนี้ได้ บางคนที่ถ้าหากดูแล้วน่ากลัว หรือแต่งตัวไม่ดี ทางฟิตเนสก็จะห้ามเข้า

ถ้าหากยังดึงดันจะบุกเข้ามาล่ะก็ประตูของเราจะสอนมารยาทคุณเอง

และเป็นเพราะว่าฟิตเนสนั้นตั้งคุณสมบัติของสมาชิกที่จะรับไว้สูงมากและมีความปลอดภัยสูง ดังนั้นสมาชิกหญิงที่นี่ถึงได้มีมากขึ้นเรื่อยๆ

 ชิ 

เย่เฉินมองอย่างดูแคลน ในเมื่อเข้าตัดสินใจจะเรียกลูกน้องมาจัดการจินเซียวข่ายแล้ว เช่นนั้นแล้วเขาจะต้องทำให้ลูกน้องของเขาจะเข้ามาในฟิตเนสแห่งนี้ให้ได้

ไม่มีใครจะขวางเขาได้!

เย่เฉินรีบกดโทรหาพ่อบ้านฟางทันที

 ฮัลโหล ผมอยู่ที่ฟิตเนส CGYM ซื้อฟิตเนสแห่งนี้ให้ผมที 

เย่เฉินแค่นเสียง

เพราะว่าเย่เฉินโทรศัพท์ต่อหน้าจินเซียวข่ายและหม่าหนาน ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงได้ยินบทสนทนาระหว่างเยาเฉินและคนปลายสาย

หลังจากได้ยินแล้วทั้งสองคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 ฮ่าๆ จะซื้อฟิตเนส CGYM เหรอ? ไอ้หนุ่มนายโม้อะไรของนายเนี่ย? นายรู้ไหมว่าจะซื้อฟิตเนสแห่งนี้ได้ต้องใช้เงินเท่าไหร่? ที่นี่คือฟิตเนสที่ดีที่สุดของเทียนไห่เชียวนา! 

จินเซียวข่ายดูถูกเย่เฉิน

หม่าหนานเองก็หัวเราะคิกคัก  น่าขำจริงๆ ไอ้คนจนๆ ในเมืองชั้นสาม คิดไม่ถึงว่าจะกล้าอวดรวยต่อหน้าพวกเราสองคน กล้าจริงๆ! อย่าว่าแต่นายไม่มีเงินเลย ต่อให้นายมีเงินมากขนาดนี้เถ้าแก่หลี่ก็ไม่ขายฟิตเนสให้นายหรอก! 

จินเซียวข่ายพูดต่อ  ถูกต้อง เถ้าแก่หลี่เขาเป็นใคร? เดิมทีที่เขาเปิดฟิตเนสก็เพราะเป็นงานอดิเรก เงินกะอีแค่ไม่กี่ล้าน เขาไม่อยากได้หรอก ทำไมต้องขายให้นายด้วย! วันนี้ถ้านายซื้อฟิตเนสแห่งนี้ได้ ฉันจะหกสูงปลดทุกข์เลย! 

จากนั้นก็ได้เย่เฉินกล่าวกับปลายสายว่า  อะไรนะ? ไม่ต้องซื้อเหรอ? ก็ได้ 

 ฮ่าๆ… 

เมื่อได้ยินคำพูดนี้เย่เฉินแล้ว จินเซียวหม่าก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที

 

ตอนที่ 232 ทำร้ายเทรนเนอร์ในฟิตเนส!

ปกติคุณชายผู้ร่ำรวยอย่างจินเซียวข่ายไม่เห็นหัวใครมานานแล้ว เขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าแววตาของเย่เฉินเลยแม้แต่น้อย แถมยังหัวเราะแล้ววางท่าอยู่เลย

 เพื่อน นายได้เห็นหุ่นฉินเสี่ยวตั่วแบบนั้น ต้องขอบคุณฉันให้มากๆ ล่ะ เพราะฉันเป็นคนเริ่มแผนการนี้เลยนะ ตอนแรกนะเพราะฉันถูกใจฉินเสียวตั่วบนเครื่องบิน เลยได้เพิ่มรายชื่อหล่อนเป็นเป้าหมายของพวกเราห้าคน 

ในตอนที่จินเซียวข่ายกำลังลิงโลด เย่เฉินก็ฟาดฝ่ามือลงมา!

เพี้ยะ!

เย่เฉินจ้องจินเซียวข่ายอย่างโมโห  แกมันคนขี้แพ้ จีบผู้หญิงไม่ติดเองอย่างแกน่ะมันเรีบกว่าพวกคนไร้ความสามารถ! ให้คนอื่นจีบแทนแล้วส่งรูปมาให้ดู เพื่อจะได้สลัดคราบคนขี้แพ้ทิ้งไป! 

ทันใดนั้นเองจินเซียวข่ายและหม่าหนานก็โดนฝ่ามือฟาดใส่หน้าก็งงุนงงไป

เมื่อครู่พวกเขายังคิดว่าเย่เฉินเป็นเพื่อนของหลิ่วอวี่เจ๋อ เป็นคนกันเอง!

จินเซียวข่ายกุมใบหน้าทันใดนั้นเองก็รู้สึกเหมือนโดนทุบจนได้สติอย่างไรอย่างนั้น ชี้ไปที่เย่เฉินแล้วกล่าว

 อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว! นายไม่ใช่เพื่อนของอวี่เจ๋อนี่! แต่นายเป็นคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายในงานแต่งของเขานี่นา! 

เมื่อได้จินเซียวข่ายเตือนสติ หม่าหนานเองก็จำเรื่องนี้ได้

ตอนนั้นเย่เฉินสวมรองเท้าแตะบุกเข้ามาในวิลล่า แล้วด่าหลิ่วอวี่เจ๋อ หลิ่วเฟิงเองก็ต่อยกับเย่เฉิน

ถ้าไม่ใช่เพราะจู่ๆ หวังเจียเหยาก็ลากเย่เฉินออกไป ก็ไม่รู้ว่าหลิ่วเฟิงกับเย่เฉินจะทะเลาะกันจนมีสภาพเป็นแบบไหน

หม่าหนานกวาดตามองเย่เฉินด้วยสายตาดูถูก  นายคือแฟนเก่าของเมียของหลิ่วอวี่เจ๋อใช่ไหม? ฮ่าๆ แฟนของตัวเองโดนเพื่อนฉันแย่งไป นายสิไอ้ขยะ! 

 ถูกต้อง นายต่างหากที่เป็นไอ้พวกขี้แพ้ ยาจก! นายเป็นใคร ไม่อยากจะเชื่อจะว่าจะกล้าตีฉัน? ใครก็ได้! เทรนเนอร์เถียน! เทนรเนอร์ฟาน! 

จินเซียวข่ายจำได้ว่าเย่เฉินคนนี้ไม่ได้มีพื้นเพครอบครัวอะไร มิฉะนั้นก็คงจะไม่โดนหลิ่วอวี่เจ๋อแย่งแฟนตนเองไป ดังนั้นถึงได้โหวกเหวกโวยวายมา

แล้วเทรนเนอร์สูงเกือบ 190 ซม.ที่ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสองคนเดินมาอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองคนก็คือเทรนเนอร์ส่วนตัวของจินเซียวข่ายและหม่าหนาน พวกเขาคือเทรนเนอร์เถียน เทรนเนอร์ฟาน

ปกติแล้วเทรนเนอร์ในห้องฟิตเนสล้วนแต่กล้ามใหญ่ทั้งนั้น เพราะถ้าเทรนเนอร์ของคุณกล้ามไม่ใหญ่ล่ะก็ ไม่สามารถดึงดูดสมาชิกมาเรียนได้

และเทรนเนอร์ในฟิตเนส ไม่เพียงแต่ร่างกายสูงใหญ่ กล้ามใหญ่ อีกทั้งยังมีใบหน้าที่หล่อเหลา

ผู้ชายรูปร่างกำยำสูงใหญ่แถมยังหล่อเหลาสองคนเดินมา แล้วมองจินเซียวข่ายและหม่าหนานอย่างเคารพ

 คุณชายจิน คุณชายหม่า 

จินเซียวช่ายสั่งทั้งสองคนอย่างวางท่า  เทรนเนอร์เถียน เทรนเนอร์ฟาน ผู้ชายคนนี้กล้าลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายผม คุณโยนเขาออกไปที! 

ปกติแล้วทั้งสองคนได้รับผลประโยชน์จากจินเซียวข่ายและหม่าหนานมาไม่น้อย พวกเขาพร้อมทำตามคำสั่งของทั้งสองคน

หนึ่งในนั้นเดินมาที่ด้านหน้าเย่เฉินก่อน  คุณผู้ชาย คุณทำผิดกฎของที่นี่ คุณต้องออกไปเดี๋ยวนี้! 

เย่เฉินยังไม่ได้ตอบ หลิวเจิ้งคุนที่อยู่ด้านหลังเขาก็ชิงพูดขึ้ดมาก่อน  พวกเราเองก็จ่ายเงินเข้ามา พวกเราก็เป็นสมาชิก มีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกเรา 

จินเซียวข่ายแค่นเสียง  เงินแค่นั้นของแกเรียกว่าเงินที่ไหนกัน? ฉันให้แกไสหัวไปแกก็ต้องทำตามนั้น! 

พูดพลางส่งสัญญาณบอกเทรนเนอร์ทั้งสองคน

ดังนั้นหนึ่งในเทรนเนอร์ ก็ลงมือลากเย่เฉินออกไป

เทรนเนอร์คนนี้ตัวสูงกว่าเย่เฉินมาก กล้ามเนื้อบนมือของเขาดูไปแล้วโหดกว่าเย่เฉินมาก พอจะมองออกได้อย่างง่ายดายว่าเขาน่าจะเอาชนะเย่เฉินได้อย่างรวดเร็ว

ทว่าเหตุุการณ์จริงกลับไม่เป็นแบบนี้

กลายเป็นว่าเทรนเนอร์คนนี้เพิ่งจะคว้าตัวเย่เฉินได้ ก็โดนเย่เฉินบิดข้อมือแล้วทุ่มอีกฝ่ายลงพื้นอย่างแรง!

 ตอนผมไม่ได้บอกว่าจะไป ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่ามาแตะต้องผม  เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น

และในเวลานี้เอง บรรดาผู้หญิงที่กำลังวิ่งบนลู่หรือว่าอุปกรณ์ออกกลังกายชิ้นอื่นในฟิตเนสนั้นได้ยินเสียงเข้า ก็หยุดทุกอย่างแล้วยืนมองมาทางพวกเขา

นี่เป็นหนึ่งในฟิตเนสที่แพงที่สุดในเทียนไห่ ผู้หญิงที่มาที่นี่ได้นั้นล้วนแต่เป็นเศรษฐีนีอละลูกคุณหนูที่ทั้งร่ำรวยและมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูงของเมืองเทียนไป

เทรนเนอร์ที่โดนทุ่มลงพื้นไป รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก!

เพราะว่าเทรนเนอร์อย่างพวกเขา ปกติแล้วได้สอนพวกสาวสวยๆ ที่ร่ำรวยพวกนี้ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก

หลังจากสัมผัสได้ถึงความชื่นชมจากสาวๆ เหล่านี้แล้ว เทรนเนอร์พวกนี้ก็จะมีโอกาสได้นอนกับหล่อน!

ใครจะไม่อยากลองทำความรู้จักกับสตรีในแวดวงสังคมชั้นสูงพวกนี้ล่ะ!

แต่ว่าเย่เฉินกลับทำให้เทรนเนอร์อย่างพวกเขาเสียหน้าขนาดนี้!

 ไอ้เด็กเปรต ฉันไว้หน้านาย แต่นายกลับทำให้ฉันเสียหน้า นายนี่มันไม่รู้อะไรเลยนะ? ก็ได้ ฉันจะไม่ออมมือแล้วนะ! 

เทรนเนอร์ที่โดนทุ่มลงพื้น ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เขาที่ร่างกายสูงใหญ่กว่าเย่เฉิน ก็พุ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว!

ทว่าเย่เฉินแค่ดึงๆ ผลักๆ โดยไม่ได้ออกแรงอะไรนักหนา ก็สามารถทุ่มเทรนเนอร์ในฟิตเนสคนนี้ลงพื้นได้อย่างง่ายดาย!

 สุดยอด พี่ชายคนนี้เก่งจัง กล้ามเนื้อดูไปแล้วก็ไม่ได้เยอะอะไรนี่นา 

ผู้หญิงที่อยู่ไกลออกไปตกใจอย่างมาก

เย่เฉินส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ ถูกต้อง เทรนเนอร์คนนี้ตัวสูงกว่าเขา กล้ามเนื้อก็ใหญ่กว่าเขา แต่ถ้าให้ต่อยกันเย่เฉินสามารถรับมือกับพวกเขาห้าคนได้สบายๆ

กล้ามของเทรนเนอร์พวกนี้ล้วนแต่เกิดขึ้นจากการกิน และการออกกำลังกายในฟิตเนส

แต่เย่เฉินนั้นเกิดจากช่วงเวลาในสงคราม!

จะเหมือนกันได้ยังไง

สามารถพูดได้ว่าเทรนเนอร์คนนี้ไม่น่าจะเคยมีเรื่องวิวาทกับใครมาก่อน แต่เย่เฉินไม่เพียงแต่เคยวิวาทกับคนมาบ่อย เขายังผจญผ่านความเป็นตายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว

เย่เฉินกล่าวว่า  ผู้ชายที่ออกกำลังกายแบบนาย น่าจะไม่เคยต่อยกับเด็กด้วยซ้ำไป อาจจะพอเอาไว้หลอกผู้หญิงได้ แต่กับฉันมันแค่ขยะ 

 แก…  ผู้ชายที่โดนทุ่มลงพื้นต่างก็รู้แล้วว่าเย่เฉินเก่งขนาดไหน

ส่วนจินเซียวข่ายกลับเอาแต่เร่งเร้า  ยืนเฉยทำไมล่ะ รุมมันสิ! ต่อยมันให้สุดแรงไปเลย เดี๋ยวฉันรับผิดชอบทั้งหมดเอง! ใครชนะมันได้ฉันให้เงิน 500 หยวนเลย ! 

เมื่อมีเงินรางวัล เทรนเนอร์ทั้งสองคนเหมือนได้ยาวิเศษ ปล่อยหมัดใส่เย่เฉินสุดแรง!

ตอนเย่เฉินอยู่อวิ๋นโจว เขาคนเดียวสามารถสู้กับคนได้สิบคนอย่างสบายๆ ให้สู้สองต่อหนึ่งแบบนี้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

เย่เฉินปล่อยหมัดออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้า พอต่อยเทรนเนอร์เถียนเสร็จ ทันใดนั้นเองก็ต่อยใส่หน้าเทรนเนอร์ฟาน

จากนั้นเขาก็คว้าหนึ่งคนในนั้น ทุ่มอีกฝ่ายผ่านหลังจนกระแทกใส่ตัวเทรนเนอร์อีกคน!

โครม!

ทั้งสองคนเหมือนโดมิโน่ที่ล้มทับกัน นอนครวญครางกันบนพื้น

 อ๊าก… 

เทรนเนอร์รูปร่างสูงใหญ่สองคนล้มกองกับพื้นแล้วโอดครวญ

ส่วนผู้หญิงพวกนั้นที่อยู่ด้านข้างต่างก็ส่งเสียงร้องออกมา ไม่ใช่เพราะเจ้าหล่อนหวาดกลัว แต่เพราะความหล่อเหลาของเย่เฉิน!

 หนุ่มน้อยคุณหล่อจังเลย เป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้ฉันไหม คาบละหมื่นก็ได้ ฉันยอมจ่าย! 

 สุดหล่อ น้าเองก็อยากเทรนกับเธอนะจ้ะ! เธอมาสอนฉันที่บ้านได้ไหม? 

เย่เฉินหันกลับไปมองผู้หญิงกลุ่มนั้น แล้วคิดในใจพูดเหลวไหลอะไรกันเนี่ย

หลิวเจิ้งคุนรู้ว่าเย่เฉินมีความสามารถอย่างมาก แค่คนสองคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฉินด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงไม่ออกหน้า

เมื่อเห็นการแสดงของเย่เฉินจบลงถึงพูดกับเทรนเนอร์สองคนที่นอนราบกับพื้นไป  ยังไม่รีบไสหัวไปอีก? 

ทั้งสองคนคลานขึ้นมาจากพื้นแล้วรีบออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว

 เทรนเนอร์เถียน! เทรนเนอร์ฟาน! อย่าเพิ่งไปสิ! 

จินเซียวข่ายและหม่าหนานลนลาน!

เย่เฉินเดินรุกคืบเข้าไปหาจินเซียวข่าย  กลัวแล้วล่ะสิ? 

จินเซียวข่ายไม่กล้าพูดอะไร

เย่เฉินกล่าว  เสียดาย นายมาล่วงเกินญาติของฉัน ต่อให้นายคุกเข่าอ้อนวอนฉัน วันนี้ฉันจะไม่มีทางปล่อยนายไป 

ใครจะรู้ว่าจินเซียวข่ายไม่เพียงแต่ไม่คุกเข่าอ้อนวอนเขา แต่กลับถ่มน้ำลายใส่เขาอีกต่างหาก!

ถุย!

จินเซียวข่ายถ่มน้ำลายใส่หน้าเย่เฉิน!

 

ตอนที่ 231 ล้างแค้นแทนฉินเสี่ยวตั่ว!

หลายปีที่ผ่านมานี้ฉินหงเหยียนเป็นคนที่คอยปกป้องฉินเสี่ยวตั่ว

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาจะเป็นคนปกป้องฉินเสี่ยวตั่วเอง!

เย่เฉินออกจากสนามบิน หลิวเจิ้งคุนก็ขับรถมารับเขาด้วยตัวเอง

ขึ้นรถแล้วเย่เฉินก็ถามอีกฝ่าย  เรื่องที่บอกให้นายไปจัดการเป็นยังไงบ้าง? 

ตอนกำลังจะซื้อตั๋วเครื่องบินกลับไปนั้นเอง เย่เฉินก็มอบภารกิจให้หลิวเจิ้งคุน

โดยสั่งให้เขาไปตามสืบข้อมูลของอีกสี่คนที่เหลือให้ละเอียด!

เย่เฉนเคยซ้อมหลิ่วอวี่เจ๋อแล้ว อีกทั้งหมอนี่รวมไปถึงบริษัทเอ็กซ์เพรสชุนเฟิงของตระกูลหลิ่ว อนาคตจะเจ๊งยับสุดๆ เย่เฉินจึงตั้งใจจะไม่แตะต้องเขาเป็นการชั่วคราว

แต่เพื่อนสารเลวสี่คนของหลิ่วอวี่เจ๋อนั้น เย่เฉินจะต้องสั่งสอนพวกเขาสักครั้ง!

เมื่อโดนสั่งสอนพวกเขาจะได้ไม่กล้าไปทำเรื่องแบบนี้ใส่ผู้หญิงคนไหนอีก!

จีบไม่ติดก็คือจีบไม่ติด รวยไปก็ไม่มีประโยชน์ อย่าทำนิสัยหน้าไม่อายแบบที่ตัวเองจีบไม่ติดแล้วใช้วิธีอื่นๆ มาวางแผนทำร้ายผู้หญิงคนนั้น!

หลิวเจิ้งคุนส่งเอกสารให้เย่เฉิน  คุณชาย ผมตามสืบรายละเอียดของทั้งสี่คนนี้แล้ว อีกทั้งส่งคนไปตามพวกเขาทุกคนแล้ว 

ตั้งแต่เย่เฉินมาที่เทียนไห่หลิวเจิ้งคุนก็ค่อยๆ ส่งลูกน้องมาที่เทียนไห่ ลูกน้องของเขาที่อยู่เทียไห่ในตอนนี้มีจำนวนเกิน 100 คนแล้ว

เตะต่อย สะกดรอยตาม หรือจะทำอะไรก็ไม่ใช่ปัญหาอีก

เย่เฉินรับเอกสารมาเปิดดูผ่านๆ

 จินเซียวข่าย หม่าหนาน เจิ้งไห่ เริ่นจื่อเจี้ยน 

พวกเขาทั้งสี่คน ถ้าไม่ใช่ลูกคนในสายธนาคาร หรือลูกหลานของคนในสายอสังหาริมทรัพย์ แต่ละคนเป็นลูกหลานคนร่ำรวย เป็นคนที่ไม่ควรจะไปล่วงเกินทั้งสิ้น

หลิ่วเจิ้งคุนกล่าว  ทั้งห้าคนมีฉายาว่าคุณชายทั้งห้าแห่งเทียนไห่ พวกเขาโอหังทำตัววางก้ามที่เทียนไห่ ในร้านเหล้าทั่วเทียนไห่ไม่มีคนไม่รู้จักพวกเขา เมื่อสองวันก่อน ลูกน้องคนหนึ่งของผมไปชอบผู้หญิงคนหนึ่งที่บาร์ LINX กลายเป็นว่าเพราะไม่ระวังไปชนจินเซี่ยวข่ายเข้าที่ห้องน้ำ จินเซียวข่ายออกห้องน้ำมาแล้วจ่ายเงินให้ผู้หญิงของลูกน้องผมแล้วแย่งหล่อนไป 

เย่อหยิ่งและวางก้าม?

ฮ่าๆ เย่เฉินไม่รู้สึกว่าจะมีใครจะสามารถเย่อหยิ่งวางก้ามใส่เขาได้

 บอกตำแหน่งพวกเขามาให้ฉัน 

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็นหลังจากที่เขาลงเครื่องบินไปแล้ว ก็โทรหาฉินหงเหยียน พบว่าหล่อนยังไม่กลับมาจากเมืองหลวง

ส่วนเหอเหวินเจี้ยนที่เอาแต่รายงานเบื้องบนเรื่องเขา แจ้งว่าเย่เฉินไม่ยอมทำงาน เย่เฉินไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย

หลิ่วเจิ้งคุนตอบกลับอย่างรวดเร็ว  จินเซียวข่ายและหม่าหนานไปที่ฟิตเนส ส่วนเจิ้งไห่ออกจากเทียนไห่ไปอวิ๋นโจวไปแล้ว ส่วนเริ่นจื่อเจี้ยนอยู่บ้านมั่วกับนางแบบอยู่ 

เย่เฉินกล่าว  งั้นไปที่ฟิตเนสกัน 

เย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนมาถึงฟิตเนส CGYM ที่โด่งดังอย่างมากในเทียนไห่อย่างรวดเร็ว

ว่ากันว่าเทรนเนอร์ในฟิตเนสที่นี่หล่อเหลามาก รูปลักษณ์ดีเยี่ยม ดังนั้นสมาชิกประมาณ 99% ของที่นี่เป็นผู้หญิง

ดาราหญิงจำนวนมาก โดยเฉพาะดาราผู้หญิงที่อายุเกิน 40 พวกนั้นที่อยากจะรักษาเรือนร่างชอบมาที่นี่

เย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนเพิ่งลงมาจากลิฟต์ ก็เจอเสวี่ยอี๋เดินผ่านมา

เมื่อมาถึงฟิตเนส ก็พบว่าการตกแต่งของที่นี่ต่างไปจากที่อื่น เหมือนว่ามาถึงร้านกาแฟ เป็นรสนิยมที่ผู้หญิงชอบ

 พวกคุณชายอย่างจินเซียวข่ายและหม่าหนานเลือกมาออกกำลังกายที่นี่ น่าจะเพราะว่าที่นี่มีคนสวยๆ มาที่นี่เยอะล่ะสิ? 

เย่เฉินรู้สึกว่าผู้ชายที่ชอบออกกำลังกายจริงๆ ไม่น่าจะชอบบรรยากาศของที่นี่เพราะติดสาวเกินไป

 คุณผู้ชายสองท่านเป็นสมาชิกของเราไหมครับ?  พนักงานที่เป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาเช่นกันถามขึ้นอย่างมีมารยาท

หลิวเจิ้งคุนกล่าว  ไม่ใช่ พวกเราจะเข้าไปพบคน 

พนักงานเห็นคนที่ดูน่ากลัวสองคนก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม  ขอโทษด้วยนะครับ ที่นี่พวกเราห้ามคนที่ไม่ใช่สมาชิกเข้ามาในฟิตเนส ถ้าหากว่าคุณอยากมาชมสถานที่เพื่อประกอบการตัดสินใจจะสมัครสมาชิกล่ะก็ต้องทำนัดก่อนนะครับ 

หลิวเจิ้งคุนเห็นเย่เฉินรออยู่จึงไม่อยากจะทำให้เขาเสียเวลาเลยโพล่งออกมา  ค่าสมาชิกปีละกี่บาท? 

พนักงานกล่าว  ที่นี่เราไม่มีสมาชิกรายปีครับ เราขายแค่คอร์สส่วนตัวเท่านั้น 

 พูดจาไร้สาระจริงๆ ฉันจะถามว่าต้องจ่ายเงินกี่บาทจะเข้าไปได้ สองหมื่นพอไหม? 

หลิวเจิ้งคุนหยิบโทรศัพท์ออกมาสแกน QR CODE แล้วจ่ายเงินไปสองหมื่นหยวน

จากนั้นก็ไม่สนใจพนักงานอีกแต่เดินเข้าไปทันที

เมื่อเข้าไปด้านในฟิตเนสก็พบว่าผู้หญิงจำนวนมาก แต่ละคนหุ่นดีอย่างมาก ทำให้เย่เฉินย้อนนึกถึงหวังหยวนหยวนอดีตน้องสะใภ้ของเขา

ทว่าผู้หญิงพวกนั้นออกกำลังกายไป ถ่ายรูปไป มือถืออยู่ติดมือตลอด แค่ดูก็รู้ว่าไม่ได้มาเพื่อออกกำลังกายโดยเฉพาะ

ด้านในนั้นมีผู้ชายแค่สองคน ซึ่งก็คือจินเซียวข่ายและหม่าหนาน

แต่พวกเขาสองคนกลับไม่ได้อยู่ที่เครื่องออกกำลังกาย แต่กำลังแทงสนุกอยู่ที่โต๊ะสนุกเกอร์ด้านใน

เย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนสาวเท้าเข้าไปด้านใน

ในเวลานี้ทั้งสองคนยังไม่สังเกตเห็นว่าเย่เฉินมาที่นี่ พวกเขายังคุยเล่นกันอยู่

จินเซียวข่ายยกแก้วขึ้นมาแล้วกล่าว  เสี่ยวหม่า นายว่าหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นอะไร ทำไมตั้งแต่ได้วีแชทของฉินเสี่ยวตั่วก็เงียบหายไปเลย? 

หม่าหนานค้อมตัวลงไปเล็งลูกสนุกเกอร์แล้วกล่าวไปด้วย  ฉันเดาว่าหมอนี่อยากจะเก็บหล่อนเอาไว้กินคนเดียวน่ะสิ นานขนาดนี้แล้วเขานอนกับนังแพศยาฉินเสี่ยวตั่วน่าจะ 7-8 ครั้งได้แล้วมั้ง จากข้อตกลงของพวกเราห้า หลังจากที่เขานอนกับหล่อนแล้วก็ควรจะส่งรูปหรือคลิปเข้ามาในกลุ่มวีแชทของพวกเราสิ คิดไม่ถึงว่าหมอนี่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตัวเองกินเสร็จแล้วก็ไม่ยอมแบ่งให้เพื่อนๆ อีก 

จินเซียวข่ายกล่าวอย่างคลางแคลงใจ  หรือว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจจะยังไม่ได้นอนกับหล่อน? 

หม่าหนานกล่าว  เป็นไปได้ยังไง ไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือไง? เปิดห้องแล้ว จูบกันแล้วบวกกับที่ฉินเสี่ยวตั่วคนนั้นชอบผู้ชายตัวสูงขายาว ถ้าหลิ่วอวี่เจ๋อต้องได้นอนกับหล่อนแล้วแน่ๆ 

จินเซียวข่ายหัวเราะคิกคัก  พี่เสี่ยวหม่า พี่น่าจะโกรธรมากล่ะสิ? ที่ผู้หญิงรังเกียจพี่เพราะส่วนสูง ฮ่าๆ 

หม่าหนานสูบบุหรี่  แม่ง ฉินเสี่ยวตั่วผู้หญิงบ้า คิดไม่ถึงว่าจะไม่ยอมนอนกับฉัน ดีนี่หล่อนชอบผู้ชายตัวสูงๆ ฉันจะจัดการส่งผู้ชายขายาวตัวสูงให้ หึเนี่ยนะสมควรโดนผู้ชายขายาวที่ชอบนักหนาฟันแล้วทิ้ง! ตอนนี้คาดว่าน่าจะร้องไห้ไปแล้ว ฮ่าๆ 

ทั้งสองคนกำลังคุยกันก็พบว่าเย่เฉินมองมาที่พวกเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตร!

 พวกนายสองคนคือจินเซียวข่ายกับหม่าหนานใช่ไหม?  เย่เฉินกำมือแน่นไว้รอนานแล้ว!

ได้ยินทั้งสองคนดูถูกน้องสะใภ้ของเขา เขาไม่มีทางปล่อยคนพวกนี้ไปง่ายๆ แน่!

จินเซียวข่ายวางท่าแล้วถาม  นายคือใคร? 

เย่เฉินมองทั้งสองคนถึงแม้ว่าพวกเขาจะมาที่ฟิตเนสแต่หุ่นก็ธรรมดาๆ ไม่มีกล้ามสักกะนิดเดียว

เย่เฉินย่อมสามารถจัดการพวกเขาทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย

 พวกนายสองคนใครได้จูงมือฉินเสี่ยวตั่ว? 

เย่เฉินรู้ว่าทั้งสี่คนนี้มีคนจีบหญิงสาวไม่ติด และมีบางคนที่พูดคุยกับหล่อนได้ถูกคอ และมีคนได้จับมือหญิงสาว

เขาอยากจะลงโทษพวกเขาสี่คนตามระดับในการเข้าหาหญิงสาว

หม่าหนานสูบบุหรี่แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม  อ้อ รู้ยันเรื่องของฉินเสี่ยวตั่ว ฉันว่านายนี่ดูหน้าคุ้นๆ ดีนะ นายคือเพื่อนของหลิ่วอวี่เจ๋อเหรอ? 

จินเซียวข่ายก็รู้สึกว่าเย่เฉินหน้าคุ้นๆ คิดว่าเขาเป็นเพื่อนของอวี่เจ๋อ เดินมาหาและใช้ฝ่ามือตบลงบนอกของเย่เฉินแล้วถาม

 นี่ อวี่เจ๋อกลับมาแล้วหรือยัง? นายไปอเมริกากับอวี่เจ๋อหรือเปล่า? แล้วเขาได้ให้นายดูรูปโป๊ของฉินเสี่ยวตั่วแล้วหรือยัง? 

ทันใดนั้นเองสติของเย่เฉินก็ขาดผึง!

 

ใช่แล้ว เย่เฉินตั้งใจจะขอฉินหงเหยียนแต่งงาน!

ถึงแม้ว่าช่วงเวลาในการคบหากันของพวกเขาสองคนจะไม่ได้กินระยะเวลานาน แต่กลับรักกันอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังผ่านอะไรๆ ด้วยกันมามาก เย่เฉินแน่ใจแล้วฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่จะเดินเคียงข้างเขา

บวกกับที่ฉินหงเหยียนก็อายุไม่น้อยแล้ว ตอนเจ้าหล่อนอายุ 31 ปีแล้ว ซึ่งช่วงอายุที่เหมาะกับการตั้งครรภ์ของผู้หญิงจะอยู่ที่ 25-30 ปี

ตอนนนี้หล่อนล่วงเลยวัยในการมีลูก ผ่านไปอีกสองปีหล่อนจะกลายเป็นผู้ตั้งครรภ์ที่สูงอายุไปเสียแล้ว

ตั้งครรภ์ตอนอายุเยอะจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เช่นเด็กพิการ หรือเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นโรคทางพันธุกรรมต่างๆ

ตระกูลเย่ที่ถือเป็นตระกูลร่ำรวยอันดับต้นๆ ให้ความสำคัญกับสุขภาพของเด็กเป็นอย่างมาก ปู่ของเย่เฉินเองก็เคยถามเย่เฉินด้วยคำถามเดียวกัน

เขาเคยพูดว่าฉินหงเหยียนอายุก็ไม่น้อยแล้วถ้าเขาชอบหล่อนจริงๆ ให้รีบมีลูกกันได้แล้ว

ที่ต่างประเทศสามารถมีลูกก่อนแล้วค่อยแต่งงานได้ บางคนลูกโตมากแล้วผู้ชายถึงจะขอแต่งงาน ทำเอาผู้หญิงดีใจสุดยอด สุดท้ายก็พาลูกไปร่วมงานแต่งงานด้วย

แต่ที่นี่ต่างออกไป คนจำนวนมากยังคงมีความคิดคร่ำครึ พวกเขาต้องแต่งงานก่อนถึงจะมีลูกได้

ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนมีลูกโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน เกรงว่าคนจำนวนมากคงจะมองหล่อนด้วยดวงตารังเกียจ

ดังนั้นเย่เฉินจึงตั้งใจจะรีบขอแต่งงาน เมื่อเรียบร้อยแล้วจะมีลูกภายในปีนั้นทันที

และแน่นอนว่าถึงแม้เย่เฉินตั้งใจจะขอแต่งงาน แต่ไม่ได้จะขอทันทีที่กลับไป

เย่เฉินตั้งใจจะขอแฟนสาวแต่งงานหลังจากที่หวังเจียเหยาคลอดลูกแล้ว

กำหนดการในการคลอดลูกของหวังเจียเหยาคือเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เหลือเวลาอีกไม่ถึงสี่เดือนแล้ว

และพอดีกับที่ตอนนี้ฉินหงเหยียนเพิ่งจะรับตำแหน่งประธานบริษัทไป๋ลี่ หัวหมุนทั้งวัน ไม่ใช่โอกาสเหมาะที่จะขอแต่งงาน

รอให้ผ่านปีหน้าไปก่อน เย่เฉินตั้งใจว่าจะขอหล่อนแต่งงานช่วงที่หล่อนลาหยุด!

ทว่าพอได้ยินความคิดของเย่เฉิน ฉินเสี่ยวตั่วที่กำลังกินขนมอยู่ก็กล่าวอย่างตกใจ

 โอ้โห เย่เฉิน นายนี่กล้าจริงๆ เลยนะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าขอพี่สาวฉันแต่งงาน? ฉันไม่ได้จะทำลายความมั่นใจของนายนะ แต่การที่พี่สาวฉันคบกับนายไม่ได้แปลว่าหล่อนจะยอมแต่งงานกับนานยนะ อาจเพราะรู้สึกว่านายยังเด็กแรงดีอะไรแบบนี้… พี่สาวของฉันอาจแค่อยากสนุกเฉยๆ พอเบื่ออาจะสลัดนายทิ้งก็ได้! 

ฉินเสี่ยวตั่วเคยถามฉินหงเหยียนว่าเย่เฉินมีฐานะเป็นอย่างไร ฉินหงเหยียนเคยบอกว่าธรรมดา

ถึงแม้ฉินเสี่ยวตั่วจะประทับใจในตัวเย่เฉินมาก แต่ว่าหล่อนรู้สึกว่าด้วยฐานะต่างๆ ของเย่เฉินแล้ว เขาไม่คู่ควรกับพี่สาวหล่อน

เย่เฉินตะขิดตะขวงใจ  คุณรู้สึกว่าผมไม่คู่ควรกับพี่สาวผมเหรอ? 

ฉินเสี่ยวตั่วพยักหน้ารับอย่างไม่เกรงใจ  พี่สาวของฉันเป็นถึงประธานบริษัทมูลค่าแสนล้าน นายไม่คู่ควรกับหล่อนจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นนายลองจีบฉันสิ ฉันเป็นแอร์โฮสเตส สถานะของเราสองคนไม่ได้ต่างกันมากแบบนายกับพี่สาวฉัน อายุก็ไม่ต่างกันด้วยนะ ฮ่าๆ 

เย่เฉิน  … 

เย่เฉินตะขิดตะขวงใจ แม่หนูน้อยคนนี้เอาแต่อ่อยตัวเองอยู่ตลอดเวลา หรือว่าอยากจะทดสอบเขาแทนพี่สาวนะ?

ถ้าหากว่าเป็นผู้ชายที่มีจิตอกุศล เห็นน้องสะใภ้ตัวเองสวยแบบนี้แล้วยังเข้าหาตนเองแบบนี้ หรือบางทีอาจจะลงมือทำอะไรขึ้นมาจริงๆ

เย่เฉินกล่าว  สรุปเลยก็คือคุณอย่าสนใจเลยว่าพี่สาวคุณจะตกลงหรือปฏิเสธ เอาเป็นว่าบอกผมมาก่อนว่าหล่อนอยากโดนขอแต่งงานแบบไหน? 

เพราะว่าการขอแต่งงานเป็น ‘เรื่องเซอร์ไพรส์’ เย่เฉินไม่สามารถพามฉินหงเหยียนได้ตรงๆ ถ้าถามอีกฝ่ายก็จะไหวตัวทัน

อาจจะคิดได้ว่า  เอ๊ะ? ทำไมเขาถามฉันแบบนี้นะ? หรือว่าตั้งใจจะขอฉันแต่งงาน? 

ฉินเสี่ยวตั่วกินขนมไปแล้วครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยถาม  หล่อนเองก็เคยพูดกับฉันว่าถ้าคนที่ชอบขอแต่งงาน หล่อนไม่อยากให้ขอในที่สาธารณะ ไม่อยากให้ไปขอแต่งงานในสถานที่ที่โหวกเหวกเสียงดัง เหมาเกาะก็น่าจะไม่เลว มีกันแค่สองคน ถ้านายโดนปฏิเสธก็จะได้ไม่อายไง ฮ่าๆ 

เย่เฉิน  … 

แม่หนูน้อยคนนี้เอาอีกแล้ว

แต่เย่เฉินมีความมั่นใจอย่างมากว่าฉินหงเหยียนชอบตนเอง ถ้าเขาขอแต่งงานหล่อนจะต้องตกลงแน่นอน!

เย่เฉินได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ ก็ไม่เกรงใจอีกฝ่ายอีก เขาแย่งขนมในมือหญิงสาวมาแล้วกล่าว

 เลิกกินได้แล้ว แอร์โฮสเตสต้องรักษาหุ่นรู้ไหม? ผมกินแทนคุณเอง 

 อ๊าก เกลียดนายจัง! เอาคืนมาได้แล้ว ฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย! 

ฉินเสี่ยวตั่ววิ่งไล่เย่เฉิน แล้วเสียงหัวเราะของพวกเขาสองคนก็ดังอย่างต่อเนื่องไม่หยุด

……

เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งสองคนอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็ออกจากห้องพักของโรงแรม

เพิ่งจะเปิดประตูห้องก็พบว่าด้านนอกมีรปภ. รูปร่างกำยำเหมือน Nick Young ดาว NBA

ถามกันเล็กน้อยก็ได้ความมาว่าเมื่อวานเย่เฉินจัดการผู้กระทำผิดคนนั้นได้ ทางโรงแรมกลัวว่าจะมีคนมาล้างแค้น ดังนั้นเลยส่งรปภ. มาเฝ้าที่ประตูเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้พวกเขา

รปภ. คนนี้ยืนอยู่หน้าห้องพวกเขาทั้งคืน

 รบกวนคุณแล้วครับ  เย่เฉินและฉินเสี่ยวตั่วขอบคุณอีกฝ่าย

ทว่ารปภ. คนนั้นกลับกล่าวว่า  ไม่ลำบากเลย เมื่อคืนพวกคุณไม่หลับไม่นอน ผมไม่รู้สึกเบื่อเลย 

จากนั้นก็มองเย่เฉินแล้วยกนิ้วโป้งให้เขา  เพื่อนนายแน่จริงๆ 

เย่เฉิน  … 

หมอนี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า คืนวานเขาสองคนทะเลสาะกันตั้งนาน ตีสี่นู่นถึงจะหลับกัน

 เอ่อ นายเข้าใจผิดแล้ว… หล่อนเป็นน้องสะใภ้ฉัน ไม่ใช่แฟน 

เย่เฉินรีบอธิบายกับอีกฝ่าย

แต่อีกฝ่ายกลับรีบร้อนกล่าว  อ้อ ฉันไม่บอกใครหรอก รับรองได้เลย! 

เย่เฉินพูดไม่ออก ฉินเสี่ยวตั่วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง ไม่เพียงแต่ไม่กลัวคนเข้าใจผิด เจ้าหล่อนยังจับมือเย่เฉินเดินออกจากโรงแรม

เมื่อเดินพ้นจจากประตูโรงแรมทั้งสองคนก็แยกย้ายกัน เย่เฉินกลับประเทศ ส่วนฉินเสี่ยวตั่วก็เตรียมตัวบินไฟลท์ต่อไป

 ขอให้นายขอแต่งงานให้สำเร็จล่ะ! บายๆ!  ฉินเเสี่ยวตั่วส่งยิ้มสดใส แล้วโบกมือลาเย่เฉิน

เย่เฉินมองฉินเสี่ยวตั่วที่ทั้งใสซื่อซุกซนสดใส ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าการเสียสละทั้งหมดที่ผ่านมาของฉินหงเหยียนนั้นคุ้มค่าแล้ว

ฉินเสี่ยวตั่วในตอนนี้มีความสุขแบบนี้ ใช้ชีวิตอย่างสบายอกสบายใจ ไมต้องทำงานให้เหนื่อยล้า ในชีวิตไม่ขาดแคลนอะไร นี่ก็คือภาพของน้องสาวที่ฉินหงเหยียนอยากเห็นไม่ใช่หรือไง?

เย่เฉินที่ตัวยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของฉินเสี่ยวตั่วก็ซื้อตั๋วกลับตั๋วเครื่องบิน

……

หลังจากกลับไปถึงเทียนไห่ เรื่องแรกที่เย่เฉินทำก็คือจะล้างแค้นให้ฉินเสี่ยวตั่ว!

 ไอ้พวกหลิ่วอวี่เจ๋อ ไอ้พวกสารเลว คิดไม่ถึงว่าจะเห็นฉินเสี่ยวตั่วและพี่สะใภ้รองเป็นเหยื่อ! ฉินเสียวตั่วเกือบจะตกอยู่ในเงื้อมมือของหลิ่วอวี่เจ๋อแล้ว! ไอ้พวกสารเลวห้าคน ทันทีที่ได้ผู้หญิง จะต้องถ่ายคลิปวีดีโอหรืออัดเสียงมาแบ่งเพื่อนฟัง นี่คือสิ่งที่พวกเขาตั้งกลุ่มกันขึ้นมา! 

เย่เฉินเองก็เป็นทายาทของคนที่ร่ำรวยเช่นกัน เขาย่อมพอจะรู้จุดประสงค์ที่คนพวกนั้นรวมตัวกัน

ถ้าคนหนึ่งจีบไม่ติด ก็ให้อีกคนจีบต่อ หลังจากที่จีบติดแล้วก็จะแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ได้สัมผัสมัน

เย่เฉินไม่ต้องทายก็รู้ว่าพวกเขาทำแบบนี้แน่ๆ

 ถ้าหากว่าฉันไปถึงอเมริกาช้าไปสักครึ่งชั่วโมง รูปภาพ คลิปของฉินเสี่ยวตั่ว อาจถูกไอ้พวกสารเลวพวกนั้นแชร์ไปแล้ว! 

เย่เฉินกำหมัดแน่น เพลิงโทสะลุกโชน ฉินเสี่ยวตั่วเป็นน้องสะใภ้ของเขา!

เป็นญาติที่ฉินหงเหยียนแลกร่างกายปกป้องหล่อน!

เย่เฉินไม่มีทางยอมให้คนหน้าไหนมาทำร้ายหล่อน!

 

ในวินาทีที่ได้ยินเสียงปืน หญิงสาวก็ตกใจจนแข้งขาอ่อน

ที่บริเวณด้านนอกประตูเย่เฉินเองก็ตกใจเช่นกัน เพราะเขาเองก็พอจะรู้อยู่ว่าประชากรในประเทศอเมริกาสามารถครอบครองปืนได้

แต่ว่าปกติสถานที่ที่ตกอยู่ในความวุ่นวายคือพื้นที่ของคนยากจน สถานที่อย่างเช่น manhattan คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก

แต่ในตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในโรงแรมหรูหราอย่าง Ritz Carton

 ไม่ได้มาตั้งหลายปี คิดไม่ถึงว่ากระทั่งโรงแรมห้าดาวก็จะไม่ปลอดภัยเหมือนกัน 

โชคดีที่เย่เฉินตามมา ไม่อย่างนั้นหากว่าฉินเสี่ยวตั่วเป็นอะไรขึ้นมา ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหล่อน แถมยังเป็นชาวเอเชียอีกจะทำยังไง?

คนที่ยิงปืนเป็นชายผิวขาว เขายิงปืนฆ่าคนตาย แล้วมองเห็นเย่เฉินกำลังยืนอยู่ที่ด้านนอกประตูของฉินเสี่ยวตั่ว ก็เลยเดินมาทางนี้ แล้วยกปืนขึ้นมา!

 Hey Bro, Calm down, Calm down! (เฮ้ไอ้หนุ่ม ใจเย็นๆ!) 

เย่เฉินใช้เสียงปลอบสติอีกฝ่ายให้สงบลง แล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบโทรศัพท์ออกมา

ส่วนฉินเสี่ยวตั่วที่อยู่ในห้องโรงแรม หลังจากที่ได้ยินแล้วก็เอ่ยถามขึ้นมาในทันที  เย่เฉิน ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น? มีคนยิงปืนหรือเปล่า? รีบเข้ามาก่อน เดี๋ยวฉันจะเปิดประตูให้นาย! 

ฉินเสี่ยวตั่วเปิดประตูออกมาในทันทีแต่เย่เฉินกลับเรียกเอาไว้  อย่าเปิดประตู! ล็อคประตูให้ดีๆ อย่าออกมา! 

ฉินเสี่ยวตั่ว  เย่เฉิน… 

วินาทีนี้ฉินเสี่ยวตั่วอยากจะร้องไห้ ทว่าแม้แต่น้ำตายังไม่กล้าจะปล่อยให้ไหลออกมา

วินาทีนี้หล่อนถึงได้รู้ว่า ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่พวกนั้นที่หล่อนชื่นชอบ ผู้ชายที่ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัย ก็ยังไม่มีประโยชน์

ถ้าหากคนที่อยู่ด้านนอกคือหลิ่วอวี่เจ๋อ เกรงว่าคงจะกลัวฉินเสี่ยวตั่วเป็นตัวถ่วงเขา คงจะทุบประตูอย่างสุดแรงเกิด เพื่อให้ฉินเสี่ยวตั่วเปิดประตูให้เขาเข้าไปด้านใน

แต่ว่าเย่เฉินกลับเป็นห่วงความปลอดภัยของหล่อน เห็นแก่ความปลอดภัยของหญิงสาวมากกว่าตัวเอง!

แต่เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่าถ้าไม่ไหวก็อย่าดันทุรังเลย

เย่เฉินทำแบบนี้ก็เป็นเพราะเขาฝึกฝนวิชาป้องกันตัวตั้งแต่เด็ก แล้วยังเคยไปที่สงครามจริงๆ มาก่อน เคยต่อสู้กับคนมีอาวุธด้วยมือเปล่า เขาเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อน

เมื่อมองเห็นชายตรงหน้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้มีท่าทีจะฟังคำเตือนของเย่เฉินแม้แต่น้อย

เย่เฉินหยิบเอาโทรศัพท์ออกมา ควานๆ เล็กน้อย แล้วโยนออกมาทันที!

เย่เฉินคล่องแคล่วปราดเปรียว เล็งมุมได้อย่างแม่นยำ ถ้าหากว่ามีคนดูอยู่ข้างๆ จะต้องตกตะลึงแน่นอน

มือถือบินตรงไปยังส่วนใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม

แต่ในเวลาเดียวกันที่โยนมือถือออกไปนั้น เย่เฉินก็ถอดนาฬิกาข้อมือตรงมือซ้ายของเขาอย่างรวดเร็ว

เย่เฉินออกไปไหนมาไหนหากว่าเขาไม่ได้พกอาวุธ ก็จะต้องสวมใส่นาฬิกา เหตุผลที่เขาสวมใส่นาฬิกาแตกต่างไปจากพวกผู้ชายที่สวมนาฬิกาเพื่อบ่งบอกฐานะ ส่วนตัวเขาใส่เพื่อป้องกันตัวเอง

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ใส่นาฬิกาสายหนัง เขาเป็นคนใส่นาฬิกาโลหะ

เพราะเมื่อโยนนาฬิกาสายโลหะออกไปถึงจะสามารถกระแทกข้อมือให้เกิดการเจ็บปวด ในวินาทีที่ทำสำเร็จนั้นก็จะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะซื้อเวลาให้ตนเอง

นาฬิกาข้อมือของเขานี้พิเศษอย่างยิ่ง ขอแค่ตบลงก็จะสามารถหลุดออกมาเองได้

แล้วเขาก็โยนนาฬิกาข้อมือที่หนักอึ้งออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วครั้งนี้ก็ปานาฬิกาใส่มือที่กำลังกำปืนของอีกฝ่ายอยู่

ฝ่ายตรงข้ามโดนปามือถือใส่ตา ในเวลาเดียวกันกับที่ดวงตาถูกกระทบกระเทือน เขาก็ยิงปืนโดยไม่รู้ทิศทาง ผลคือนาฬิกากระแทกใส่มือเขาอย่างรวดเร็ว จนปืนร่วงลงบนพื้น

อริยาบทพวกนี้เหมือนจะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที

เย่เฉินตีลังกาไปหาเขาแล้วเตะปืนไปอีกฝั่ง จากนั้นก็ต่อยเขาจนล้มไป

คนปกติแล้วเมื่อไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่ได้ตั้งตัว เลยโดนหมัดทั้งสองข้างของเย่เฉินประเคนใส่หน้าเข้าจังๆ ต่อให้เป็น Tyson ตอนอยู่ในช่วงพีคๆ ก็อาจจะไม่ได้สติ

จากนั้นเย่เฉินเรียกให้พนักงานบริการที่หลบไปตั้งแต่แรกให้มาเก็บกวาดสถานที่ รอจนตำรวจมาแล้วส่งพวกตำรวจมาเฝ้าโรงแรม เย่เฉินถึงได้เคาะประตูของเสี่ยวตั่วอีกครั้ง

ก๊อกๆ

ฉินเสี่ยวตั่วเปิดประตู เห็นเย่เฉินเดินเข้ามาอย่างปลอดภัย ก็โผเข้าไปกอดชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา

 ขอบคุณสวรค์ ที่นายไม่เป็นอะไร ฮือๆ…. ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะบอกพี่สาวฉันยังไง พี่สาวฉันจะต้องเสียใจตายแน่นอน 

เย่เฉินไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน

เย่เฉินลูบผมฉินเสี่ยวตั่วเบาๆ แต่ก็เกรงใจเกินกว่าจะกอดหล่อนแน่นๆ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม  เสี่ยวตั่ว นี่ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมล่ะ? ต่อให้เป็นอะไร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอกันและก็ไม่ได้คุ้นเคยกัน คุณไม่ต้องร้องไห้ให้ผมจนมีสภาพแบบนี้ก็ได้ 

เย่เฉินเห็นเฉินเสี่ยวตั่วร้องไห้หนักแบบนี้จึงตื้นตันอย่างมาก นี่แปลว่าน้องสะใภ้ค่อนข้างจะชอบตัวเอง

ฉินเสี่ยวตั่วสะอึกสะอื้นแล้วกล่าว  นายไม่เข้าใจ ฉันกับพี่สาวไม่สามารถเผชิญกับการสูญเสียคนในครอบครัวได้อีกแล้ว 

 พ่อของฉันโดนคนฆ่าตายตอนอยู่เมืองนอก 

 หรอ?  เย่เฉินตกใจ

เขาเองพอรู้มาว่าพ่อของสองคนพี่น้องเสียชีวิตตอนอยู่ต่างประเทศ

แต่ไม่ได้รู้เลยว่าบิดาของหญิงสาวตายเพราะโดนคนฆ่า

 แล้วเจอตัวฆาตกรหรือเปล่า?  เย่เฉินถามอย่างห่วงใย

ฉินเสี่ยวตั่วส่ายหน้า  ฉันไม่ค่อยแน่ใจ แต่หลายปีมานี้เราสองคนพี่น้องไม่เคยล้มเลิกความพยายามจะตามหาตัวฆาตกรเลย 

เย่เฉินพยักหน้า  คุณสบายใจเถอะ ผมเองก็มีเพื่อนอยู่ไม่น้อยที่ต่างประเทศ ผมจะช่วยพวกคุณหาตัวฆาตกรเอง 

 ค่ะ  ฉินเสี่ยวตั่วพยักหน้ารับ

จากนั้นฉินเสี่ยวตั่วก็ลากเย่เฉินไปในห้อง แล้วให้เขานั่งลงจากนั้นก็กล่าวกับเขาอย่างมีอารมณ์  เย่เฉิน ฉันไม่ได้เป็นคนง่ายแบบนั้นที่เพิ่งรู้จักใครวันแรกแล้วก็ไปเปิดห้อง ไม่รู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อคนนั้นไปสืบเรื่องพื้นเพครอบครัวของฉันได้ยังไง เขาบอกว่าพ่อแม่เขาเองก็ตายทั้งคู่ จากนั้นก็ตั้งใจมาเป็นบังเอิญมาพบฉัน แถมยังสร้างเรื่องว่าตัวเองชื่อเหมือนนายอีก สรุปคือบังเอิญหลายอย่าง แล้วก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าเขากับฉันมีดวงสมพงศ์กัน ดังนั้นฉันถึงได้… 

เย่เฉินลูบผมหญิงสาวเบาๆ แล้วกล่าว  เสี่ยวตั่ว ผมรู้ว่าคุณเป็นเด็กผู้หญิงที่ดี หลิ่วอวี่เจ๋อวางแผนล้านแปดเพื่อมาล่อลวงคุณ ก่อนหน้านี้มีเพื่อนของเขาหลายคนพยายามจีบคุณ ดังนั้นจึงรู้เรื่อพื้นเพครอบครัวและความอดิเรกของคุณอย่างแน่ชัด 

ฉินเสี่ยวตั่วเข้าใจทันที  มิน่าล่ะเขาถึงรู้ว่าฉันชอบกินอะไรด้วยซ้ำไป! คนพวกนี้มันเจ้าชู้และมีจิตใจที่สกปรก 

เย่เฉินกล่าว  สบายใจเถอะ เดี๋ยวพอผมกลับไปจะกลับไปจัดการไอ้สี่คนที่เหลือให้เอง 

 ขอบคุณนะคะพี่เขย! เอ่อ ฉันกลัวว่าคืนนี้จะเกิดเรื่องอีก พี่เขยพอจะอยู่เป็นเพื่อนฉันสักคืนได้ไหมคะ อย่าไปไหนเลยนะคะ  ท่าทางฉินเสี่ยวตั่วหวาดกลัวอย่างมาก

เย่เฉินไม่ได้นอนที่พื้นเป็นครั้งแรกเสียหน่อย เมื่อก่อนเวลาออกไปต่างจังหวัดกับหวังเจียเหยาก็นนอนพื้นตลอด

 ได้ งั้นผมนอนพื้นแล้วกัน  เย่เฉินกล่าว

แต่ใครจะรู้ ฉินเสี่ยวตั่วกลับไปคว้ามือเย่เฉินแล้วลากเขาไปที่เตียง  นอนที่พื้นทำไมล่ะ เราคุยกันทั้งคืนก็ได้นี่นา หรือไม่ก็เล่นเกม นายเล่นเกม ROV หรือ PUBG ไหม? หรือว่าเล่น Minecraft ไหม? 

 แค่ก… 

เย่เฉินคิดในใจว่าเกม minecraft มันเกมเด็กเล่นไม่ใช่หรือไง

เย่เฉินกล่าวพลางหัวเราะ  อย่าเล่นเกมเลย ผมมีเรื่องอยากขอคำปรึกษากับคุณพอดี 

 คุณว่ามา 

 ผมกะจะขอพี่สาวคุณแต่งงาน พี่สาวคุณเคยบอกไหมว่าหล่อนอยากโดนขอแต่งงานแบบไหน? หรือว่าอยากโดนขอแต่งงานบนเกาะกลางทะเลที่ไหน หรือว่าที่บ้าน? แล้วต้องเตรียมอะไรบ้าง? นอกจากดอกไม้สดกับแหวนอะไรพวกนั้น 

 

หลิ่วอวี่เจ๋อที่โดนหมัดของเย่เฉินประเคนฟาดเข้ามาจนเขาล้มลงไปกองกับพื้นทันที!

เย่เฉินหัวเสียอย่างมาก  ไอ้คนเจ้าชู้หลิ่วอวี่เจ๋อ เมียตั้งท้องแต่ยังออกมาแล่นหาสาวสวยๆ แล้วยังแอบอ้างชื่อฉันอีก! แกคู่กับชื่อของฉันหรือไง! 

ฉินเสี่ยวตั่วได้ยินคำพูดของเย่เฉิน ก็เริ่มรู้สึกกับอีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมทันที

เดิมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้หล่อรวยดีแถมพื้นเพครอบครัวยังน่าสงสารเหมือนกัน เลยทำให้ประทับใจในตัวเขามาก

แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าหมอนี่เจ้าชู้สุดๆ

ฉินเสี่ยวตั่วเองก็ผสมโรง  ฉันล่ะเกลียดคนที่นอกใจเมียตอนท้องที่สุด เย่เฉิน ทำดี! คนแบบนี้สมควรโดนแล้ว! ท้องได้กี่เดือนแล้วทำไมทนไม่ไหวแล้วหรอ? 

หลิ่วอวี่เจ๋อที่ล้มลงบนพื้นกุมใบหน้าที่โดนต่อยด้วยท่าทีหวาดกลัว!

หลิ่วอวี่เจ๋อร้อง  เย่เฉิน รังแกกันเกินไปแล้ว ฉันอยากจะนอนกับใครก็ได้เกี่ยวอะไรกับอกด้วย? มีสิทธิ์อะไรมาโวยวายแทนหวังเจียเหยา! เป็นอะไรกับหล่อนเหรอ! แล้วอีกอย่างเมียฉันท้อง แต่ตั้งท้องลูกใครล่ะ? เด็กมันลูกแก! ทำไมฉันต้องคอยดูแลลูกของพวกแกที่บ้านตลอดเข้ายันเย็นล่ะ! แถมแกไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แค่ให้เงินเดือนละหมื่น แค่ค่าจ้างที่จ่ายแม่บ้านที่ฉันจ้างให้หล่อนยังไม่พอเลย 

พอได้ยินแบบนี้ ใบหน้าฉินเสี่ยวตั่วก็ฉายแววงุนงงแล้วชี้ไปที่ทั้งสองคน  เมียเขาตั้งท้องลูกของนาย? 

ฉินเสี่ยวตั่วนึกถึงเนื้อเพลงใน TIKTOK  เพื่อน มีคำถามเยอะแยะเลยล่ะสิ 

ตอนนี้หล่อนเองก็มีคำถามมากมายกองเป็นพะเรอเกวียน

เย่เฉินไม่ได้ปฏิเสธ แต่พยักหน้ารับ  ใช่ 

ฉินเสี่ยวตั่วอ้าปากด้วยความตกใจ  นายทำเมียคนอื่นท้อง แถมยังต่อยเขาแบบนี้เนี่ยนะ? นายนี่มันสุดยอดจริงๆ! พี่สาวฉันรู้เรื่องนี้หรือเปล่า? 

เย่เฉินรีบร้อนอธิบาย  ไม่ใช่ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิด… 

 ฉันถามว่าพี่สาวฉันรู้เรื่องนี้หรือเปล่า! 

ฉินเสี่ยวตั่วเห็นใจพี่สาวตนเอง คิดไปว่าพี่สาวของหล่อนโดนแฟนเด็กคนนี้หลอก

ฉินเสี่ยวตั่วกับเย่เฉินเพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก ไม่รู้นิสัยของเย่เฉิน รู้สึกว่าเขาอาจจะเป็นเพียงแค่หนุ่มน้อยสุดหล่อที่ปากหวานพูดเก่งเท่านั้นเอง

เย่เฉินพยักหน้า  รู้สิ 

ฉินเสี่ยวตั่วตกใจหนักกว่าเดิม  รู้เหรอ? พี่สาวของฉันรู้แต่ยังคบหากับนายอยู่เนี่ยนะ? สวรรค์ ฉันไม่เข้าใจโลกของผู้ใหญ่แบบพวกนายเลย 

ทว่าในเวลานี้หลิ่วอวี่เจ๋อเหมือนฟังอะไรบางอย่างออก เขายืนขึ้นมองฉินเสี่ยวตั่วแล้วย้อนถาม

 พี่สาวคุณเป็นแฟนเขา? อย่าบอกนะว่าฉินหงเหยียนเป็นพี่สาวคุณ? 

เย่เฉินแค่นเสียง  รู้หรือยังว่าว่าผมต่อยคุณทำไม? คุณจะคั่วน้องสาวแฟนผม ต้องเกี่ยวกับผมอยู่แล้ว! 

ฉินเสี่ยวตั่วงุนงงไปหมด  คุณก็รู้จักพี่สาวฉันเหรอ? 

หลิ่วอวี่เจ๋อลนลาน ต้องโทษที่เพื่อนเขาไม่ยอมตรวจพื้นเพทางบ้านของฉินเสี่ยวตั่วให้ดี คิดว่าหล่อนไม่มีพ่อไม่มีแม่ น่าจะไม่มีพื้นเพครอบครัวอะไร

แต่ใครจะรู้ว่าฉินเสี่ยวตั่วจะยังมีพี่สาว แถมพี่สาวของหล่อนยังมีความสัมพันธ์กับเขาเยอะแยะไปหมด

แต่ในสายตาหลิ่วอวี่เจ๋อ ฉินหงเหยียนเป็นถึงว่าที่ภรรยาของสวี่ฉู่หมิงจะเป็นผู้หญิงที่จะได้ครอบครองทรัพย์สินมูลค่าแสนล้าน จะล่วงเกินไม่ได้

ดังนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อก็รีบหันไปขอโทษฉินเสี่ยวตั่วทันที  น้องเสี่ยวตั่วครับ พี่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ พี่ไม่รู้ว่าน้องเป็นน้องสาวของพี่หงเหยียน พี่สนิทกับพี่สาวของน้องมาก แถมยังสนิทกับคุณอาสวี่ฉู่หมิงด้วย เรื่องวันนี้ถือเสียว่าไม่ได้เกิดขึ้นได้ไหมครับ? 

ฉินเสี่ยวตั่วนึกถึงตอนที่จูบกับหลิ่วอวี่เจ๋อเมื่อครู่ ก็รู้สึกขยะแขยงทันที

เพี้ยะ!

ฉินเสี่ยวตั่วฟาดฝ่ามือประทับลงบนหน้าของอีกฝ่าย  ไสหัวไป! 

ไม่ต้องให้ถามเรื่องพ่อแม่ตายของเขา ก็คงเป็นเรื่องหลอกลวงหล่อนเหมือนกัน

ทริปนี้ของหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาแม้แต่น้อย แถมได้ของฝากเป็นฝ่ามืองามๆ ของฉินเสี่ยวตั่วและเย่เฉินอีก

หลิ่วอวี่เจ๋อรีบหยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำทันที แล้วเดินออกไป

ทว่าก่อนไปเขายังกันมาถามเย่เฉิน  หวังว่านายจะไม่เอาเรื่องวันนี้ไปบอกหวังเจียเหยานะ หล่อนกำลังท้องกำลังไส้ แถมเด็กในท้องก็ลูกนาย นายเองก็คงไม่อยากให้หล่อนรู้เรื่องนี้จนทำให้อารมณ์อ่อนไหวจนส่งผลกระทบกับร่างกายหรอกจริงไหม? 

เย่เฉินหัวเราะเสียงแผ่วแล้วกล่าว  หวังเจียเหยาผิดหวังในตัวคุณนานแล้ว ต่อให้รู้ ผมว่าคงไม่ได้มีผลอะไรหรอก 

 แก… 

หลิ่วอวี่เจ๋อหมดอาลัยตายอยากอย่างมาก เขาไม่อยากให้หวังเจียเหยารู้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นพอกลับไปหล่อนต้องโวยวายอีกแน่

ตั้งแต่ที่หวังเจียเหยาแต่งงานกับเขามา หล่อนไว้หน้าเขาอย่างมาก พวกเขาสองสามีภรรยาปฏิบัติต่อกันเป็นอย่างดี

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว  ถ้านายไม่ไปฟ้องหวังเจียเหยา ฉันจะบอกความลับอะไรให้ 

 ความลับอะไร?  เย่เฉินถาม

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว  ก็เรื่องลูกนายไง หวังเจียเหยาไม่ได้บอกนายว่าหล่อนตั้งท้องลูกแฝด 

 ลูกแฝด?  เย่เฉินดีใจอย่างมาก!

โอกาสที่จะตั้งท้องลูกแฝดได้นั้นต่ำมากเหลือเกิน ดังนั้นเย่เฉินถึงได้รู้สึกว่าลูกแฝดเป็นของขวัญจากฟ้า อยากจะมีลูกแฝดอย่างมาก

หลิ่วอวี่เจ๋อพยักหน้า  นายโชคดีแล้ว มีลูกสองคนในคราวเดียวกัน ฉันจะจ้างแม่บ้านมาคอยดูแลหล่อน ถือว่าเป็นการชดเชยเรื่องวันนี้แล้วกัน! 

พูดจบหลิ่วอวี่เจ๋อก็เดินออกไป

เย่เฉินอารมณ์พุ่งพล่าน คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะไม่บอกตนเองเรื่องตั้งท้องลูกแฝด บางทีอาจเป็นเพราะตนเองมักจะปฏิเสธไม่ยอมไปพบหญิงสาวอยู่บ่อยๆ

อีกสามสี่เดือน หวังเจียเหยาก็จะคลอดแล้ว พอถึงตอนนั้นเย่เฉินกะเป็นพ่อคนแล้ว!

ด้วยโทสะเขาจึงเดินมาหาฉินเสี่ยวตั่วแล้วกล่าวสั่งสอนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงของผู้ที่อายุมากกว่า

 เสี่ยวตั่ว คุณเพิ่งจะรู้จักกับเขาเอง ทำไมถึงได้เข้าโรงแรมกับเขาแล้วล่ะ? แบบนี้ไม่ดีนะรู้ไหม? 

พอฉินเสี่ยวตั่วได้ยินก็หัวเสียอย่างมาก

 

 นี่นายหมายความว่ายังไง? นายกำลังจะพูดว่าฉันแรดหรือไง? หรือรู้สึกว่าฉันมันง่าย สามารถนอนกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่

ฉินเสี่ยวตั่วหัวเสียถึงขั้นร้องไห้ไปขณะผลักเย่เฉินออกจากห้องสุดแรงเกิด

เพราะเย่เฉินเห็นหยดน้ำตาที่เอ่อเต็มดวงตาอีกฝ่าย เขาถึงได้ยอมเป็นฝ่ายถอยออกไปตามแรงของหญิงสาว ไม่อย่างนั้นด้วยร่างแบบบางของอีกฝ่ายผลักเขายังไม่เขยื้อนด้วยซ้ำ

ปังๆ

เย่เฉินถูกผลักออกนอกประตู แล้วทุบบานประตูไม่หยุด  เสี่ยวตั่ว ผมไม่ได้หมายความว่ายังไง ผมแค่เป็นห่วงคุณ กลัวคุณโดนหลอก 

 ผมบินจากเทียนไห่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาคุณ เพราะกลัวว่าคุณจะเป็นอันตราย คุณอย่าปล่อยผมไว้นอกห้องแบบนี้จะได้ไหม 

 นะ เสี่ยวตั่ว เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อย 

เย่เฉินเองก็รู้สึกได้ว่าคำพูดของเขาเมื่อครู่ออกจะแรงเกินไป

ที่จริงแล้วเย่เฉินรู้ดีว่าฉินหงเหยียนไม่ได้เป็นผู้หญิงง่ายๆ

เพราะเพื่อนเศรษฐีสี่คนของหลิ่วอวี่เจ๋อที่ตามจีบเจ้าหล่อนยังล้มเหลวไปกันถ้วนหน้า

ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงง่ายๆ อย่าว่าแค่คนง่ายเลย ต่อให้เป็นคนเรียบร้อยเจอคนรวยคนนี้เข้าไป เป็นไปได้อย่างมากว่าจะติดหลุมนี้เช่นกัน

 นายไปเลยนะ! ฉันไม่ได้อยากให้นายมาเป็นห่วงเป็นใย! ฉันอยากทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ต่อให้เป็นพี่สาวฉันก็ไม่มีสิทธิ์! 

ฉินเสี่ยวตั่วตะโกนลอดออกมาจากห้องพัก

ทว่าในเวลานี้เองทันใดนั้นเองหญิงสาวก็ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากนอกประตู!

ปัง!

 

เย่เฉินที่อยู่บนเครื่องบินนั้น เอาแต่มองนาฬิกาของตนเองไม่หยุด แล้วลอบภาวนาในใจ

 หวังว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะยังไม่ได้ลงมือทำอะไรกับฉินเสี่ยวตั่ว เสี่ยวตั่วจะต้องไม่ตกปากรับคำกับเขาอยู่แล้ว 

กว่าจะถึงนิวยอร์คก็น่าจะหกโมงเย็น เย่เฉินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาฉินเสี่ยวตั่วทันที

ในโรงแรม Ritz-Carlton

 ติ๊ง… 

ในห้องพักของโรงแรมห้าดาวหรูหราแห่งนี้ ฉินเสี่ยวตั่วและหลิ่วอวี่เจ๋อกำลังจุมพิตกันอย่างเร่าร้อน ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของหล่อนก็ดังขึ้น

ใช่แล้วฉินเสี่ยวตั่วที่อายุน้อยและไม่ประสาถูกหลิ่วอวี่เจ๋อหลอกเข้าโรงแรมไปแล้ว

บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ที่ต่างประเทศ แถมยังบังเอิญเจอกันที่ห้างสรรพสินค้า หนำซ้ำยังบังเอิญชอบชุดชาชุดเดียวกัน

แถมยังโชคร้าย พ่อแม่ของพวกเขาสองคนตายไปทั้งคู่

บวกกับตัวของหลิ่วอวี่เจ๋อตัวสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาแถมยังร่ำรวยอีก ฉินเสี่ยวตั่วไม่มีเหตุผลที่จะไม่ชอบผู้ชายที่ประหนึ่งฟ้าส่งมาให้หล่อน

แถมยุคนี้แล้ว รู้จักกันวันแรกก็คบหากัน ไม่ได้เป็นเรื่องประหลาดอะไรเสียหน่อย

อีกอย่างฉินเสี่ยวตั่วก็อยู่ที่นี่แค่วันเดียว

หญิงสาวหยุดจุมพิตอีกฝ่าย แล้วหยิบโทรศัพท์มาดู ปรายตามองก็พบว่าเป็นเบอร์แปลกหน้า

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว  เบอร์แปลก อย่าสนใจเลยครับ 

หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเสียกับสายที่โทรเข้ามานี้อย่างมาก ที่รบกวนช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มของเขา แล้วหันไปจุมพิตฉินเสี่ยวตั่วต่อ

ฉินเสี่ยวตั่วไม่รับสายที่โทรเข้ามานี้

แต่โทรศัพท์สายนี้ก็โทรมาหาเจ้าหล่อนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

ฉินเสี่ยวตั่วผลักหลิ่วอวี่เจ๋อออกอีกครั้ง  อาจจะเป็นเพื่อนเปลี่ยนเบอร์ ฉันรับดีกว่าค่ะ เอ่อ…ไม่อย่างนั้นคุณไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ? 

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางหัวเราะ  ครับ ที่รัก รอผมนะครับ 

หลิ่วอวี่เจ๋อไปห้องน้ำ แล้วแอบส่งข้อความไปในกลุ่มวีแชทกลุ่มอย่างรวดเร็ว

 เพื่อนๆ เดี๋ยวฉันจะเผด็จศึกแม่แอร์โฮสเตสคนนี้ได้แล้ว! ตอนนี้หิ้วมาโรงแรมแล้ว เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จก็จะออกไปขึ้นสวรรค์แล้ว! 

ข่ายจื่อ  พี่เจ๋อสุดยอด! อย่าลืมถ่ายคลิปเอามาแบ่งกันดูนะครับ 

หลิ่วอวี่เจ๋อ  สบายมาก! 

เสี่ยวหม่า  ฮ่าๆ ในที่สุดก็จะได้เห็นหน้าแม่นั้นตอนขึ้นสวรรค์สักที ฮึ นังแพศยานี่ก็ยังชอบผู้ชายตัวสูงหล่ออยู่ดี สมน้ำหน้าแล้วที่จะโดนผู้ชายฟันแล้วทิ้ง! อวี่เจ๋อนายต้องชวนแก้แค้นแทนฉันนะ! 

หลิ่วอวี่เจ๋อ  เดี๋ยวฉันจัดการเอง! 

ในพวกเขาห้าคน มีถึงสี่คนที่จีบฉินเสี่ยวตั่วไม่ติด ดังนั้นพวกเขาถึงได้หัวเสียมาก พวกเขาเองก็ไม่กล้าก่อเรื่องอีก แต่ใช้วิธีอื่นๆ มาทำร้ายหล่อนแทน

ดังนั้นเลยคิดวิธีแบบนี้ ให้เพื่อนมาตามจีบแทน ฟันหล่อนทิ้ง เพื่อให้ตนเองได้ใช้จินตนาการก็สาแก่ใจ

หลิ่วอวี่เจ๋อเปิดฝักบัว ฟังเพลง อาบน้ำอย่างอารมณ์ดี

และในเวลานี้ฉินเสี่ยวตั่วก็กดรับเบอร์แปลกหน้า

 ฮัลโหล ใครคะ? 

เสียงนุ่มนวลของฉินเสี่ยวตั่วทำให้เย่เฉินรู้สึกไม่คุ้นเคย

 ฉินเสี่ยวตั่วใช่ไหม? ผมคือพี่เขยของคุณ  เย่เฉินรีบกล่าวอย่างร้อนใจ

ฉินเสี่ยวตั่วกลับหัวเราะ  อ้อ เจ้าหมาน้อยนี่เอง 

เย่เฉินพูดไม่ออก ตอนนี้ก็ไม่ได้มีอารมณ์จะเถียงกับหญิงสาว  ตอนนี้อยู่ไหน? 

ฉินเสี่ยวตั่วตอบ  ฉันอยู่อเมริกา 

 ผมรู้ว่าคุณอยู่อเมริกา ที่ไหนของอเมริกาล่ะ 

 นิวยอร์ค 

 ส่วนไหนของนิวยอร์ค 

 นายถามละเอียดขนาดนี้ทำไม? 

 ตอนนี้ผมก็อยู่นิวยอร์ค คุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปหา 

เมื่อได้ยินว่าเย่เฉินอยู่นิวยอร์ค ฉินเสี่ยวตั่วก็ประหลาดใจน้อยๆ

 นายอยู่นิวยอร์คเหรอ? พี่สาวฉันก็ด้วยเหรอ? มาทำไมไม่บอก! 

เย่เฉินตอบ  ไม่ พี่สาวคุณไม่ได้มาด้วย ผมมาคนเดียว รีบบอกตำแหน่งผมมาได้แล้ว แล้วอีกอย่างคุณอยู่กับใคร 

ฉินเสี่ยวตั่วมองไปทางห้องน้ำแล้วกล่าว  อยู่กับแฟนฉันไง ขอโทษด้วยนะ เย่เฉิน ฉันอยากเจอนายมากเลย แต่เกรงว่าตอนนี้คงไม่มีเวลาไปเจอนายแล้วล่ะ 

เย่เฉินรู้ว่าฉินเสี่ยวตั่วไม่ได้มีแฟน ดังนั้นแฟนที่เจ้าหล่อนหมายถึงก็เป้นไปได้มากทีเดียวว่าจะเป็นหลิ่วอวี่เจ๋อที่เจ้าหล่อนเพิ่งจะรู้จัก

 แฟนคุณใช่หลิ่วอวี่เจ๋อ ที่สูง 185 ซม. หน้าตาหล่อๆ หรือเปล่า? 

ฉินเสี่ยวตั่วกล่าว  เขาสูงมากแล้วก็หล่อมาก แต่เขาไม่ได้ชื่อหลิ่วอวี่เจ๋อ เขาชื่อเย่เฉินเหมือนนายเลย! 

 แม่ง! ไอ้เดียรัจฉานหลิ่วอวี่เจ๋อ กล้าแอบใช้ชื่อฉันเหรอวะ! 

เย่เฉินสบถคำด่าออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาพอจะเดาได้ว่าหมอนี่คงไม่ใช้ชื่อตัวเองแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้ชื่อตนเอง!

ที่จริงแล้วหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้รู้เลยว่า เพราะเขาใช้ชื่อเย่เฉินทำให้ฉินเสี่ยวตั่วชอบเขาอย่างรวดเร็ว

เพราะเดิมตัวฉินเสี่ยวตั่วเองค่อนข้างชอบเย่เฉินว่าที่พี่เขยคนนี้มาก พอได้ยินว่าหลิ่วอวี่เจ๋อก็ชื่อเย่เฉิน ในใจก็เกิดชื่นชอบเขาอย่างมากที่มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้กับพวกเขา

หล่อนถึงขนาดจินตนาการว่าถ้าหากคบหากับเขาจริงๆ สองคนพี่น้องมีสามีชื่อเย่เฉินเหมือนกัน น่าจะเป็นภาพที่ตลกเอาการ หลอกฉัน? 

ทันใดนั้นเองฉินเสี่ยวตั่วก็หวนคิดถึงตอนเช็คอินเข้าโรงแรม หลิ่วอวี่เจ๋อจงใจหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ให้หล่อนเห็นเอกสารของเขา

 รีบบอกตำแหน่งผมมา คุณโดนหลอกแล้ว 

 ฉันอยู่ที่ Ritz-Carlton 

 !!! 

พอเขาได้ยินว่าหญิงสาวอยู่ที่โรงแรม โทสะของเขาก็ขาดผึงทันที!

และแล้วก็ช้าไปก้าวหนึ่งจริงๆ น้องสะใภ้ที่น่ารักและหน้าตาสวยของเขาคนนี้จะถูกหลิ่วอวี่เจ๋อย่ำยีwxc[h;จริงเหรอ?

 คุณ…พวกคุณได้ทำ… 

 ไม่ ไม่ เราเพิ่งเข้ามา ไม่ได้ทำอะไร 

เย่เฉินผ่อนลมหายใจ  รอผมก่อน ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ! 

เย่เฉินเดินข้างถนน แล้วขวางรถ Cadillac XT6 สีดำคันหนึ่งเอาไว้ นี่เป็นรถที่พวกตัวร้ายในหนังอเมริกาชอบใช้กัน คนในรถจะล่วงเกินไม่ได้ ถ้าไม่มีอะไรอย่าเจ๋อเข้าไปขวางเชียว

และเป็นอย่างที่คิดเมื่อผู้ชายรูปร่างกำยำในรอยสักที่ประจำตำแหน่งคนขับรถ ลดกระจกลงแล้วตะโกนใส่เย่เฉิน  ไอ้ลูกหมาตัวเหลือง แกอยากตายหรือไง?! 

เย่เฉินเปิดประตูรถแล้วใช้มือเพียงข้างเดียวลากเขาออกจากรถ หลังจากนั้นก็ขับรถของเขาพุ่งทะยานไปที่โรงแรมทันที

ก๊อกๆ

เย่เฉินเคาะประตู

ฉินเสี่ยวตั่วเปิดประตูออก  สวรรค์ นายอยู่นิวยอร์คจริงๆ แฮะ… 

นี่ถือเป็นการพบหน้าครั้งแรกของทั้งสองคน ทว่าก่อนนี้ทั้งสองคนเคยวีดีโอคอลกันมาก่อน จึงเคยเห็นหน้าตาของฝ่ายตรงข้ามมาก่อน

เย่เฉินพบกว่าฉินเสี่ยวตั่วที่อยู่ในห้องยังสวมชุดแอร์โฮสเตสอยู่ หญิงสาวดูสวยจริงๆ และคล้ายคลึงกับฉินหงเหยียนอยู่หลายส่วนก็จริง แต่หญิงสาวตรงหน้านี้ดูจะสวยหวานกว่าผู้เป็นพี่สาว

ยังไงเสียก็อายุน้อยกว่ากันหลายปี

 สวัสดีค่ะ เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก ฉันฉินเสี่ยวตั่ว! 

ฉินเสี่ยวตั่วยิ้มน้อยๆ ขณะจับมือเย่เฉิน

เย่เฉินเห็นท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์ของฉินเสี่ยวตั่ว ตนเองถูกหลอกยังมีแก่ใจจมาทักทายเขาอีก

เย่เฉินจับมืออีกฝ่ายแล้วย้อนถาม  หลิ่วอวี่เจ๋อล่ะ? อย่าบอกนะว่าหนีไปแล้ว? 

และในตอนนี้เองหลิ่วอวี่เจ๋อก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี

 ใครมาน่ะ?  หลิ่วอวี่เจ๋อสวมชุดคลุมอาบน้ำ

ในวินาทีที่เห็นเย่เฉิน เขาก็ตกตะลึง  เย่…เย่เฉิน? นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? 

เย่เฉินหัวเสียอย่างมาก ไอ้เดียรัจฉานตัวนี้มีเมียแล้วแต่ยังกล้ามาหาเศษหาเลยอีก!

หาเศษหาเลยมั่วๆ ก็ช่าง แต่นี่ดันมาปะเข้าใส่น้องสะใภ้เขา!

เย่เฉินกำหมัดแน่นแล้วเหวี่ยงออกไปใส่หน้าหลิ่วอวี่เจ๋อดังโครม!

 

ผู้หญิงในประเทศนี้ชอบผู้ชายตัวสูง อย่างหลิ่วอวี่เจ๋อที่สูงถึง 185 ซม. ต่อให้หน้าตาน่าเกลียดแต่ถ้าเขาแต่งตัวเป็น เดินไปบนถนนก็จะต้องมีผู้หญิงชมว่าเขาหล่ออยู่ดี

นับประสาอะไรกับหลิ่วอวี่เจ๋อที่หน้าตาอยู่ในระดับดารา ผู้หญิงทั่วๆ ไปเห็นเข้าย่อมต้านทานเสน่ห์เขาไม่ไหว

ดังนั้นก่อนหน้าหวังเจียเหยาแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ต้องลดตัวลงไปไล่ตามจีบใครอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับสาวๆ อาชีพแอร์โฮสเตสอย่างฉินเสี่ยวตั่ว เขายิ่งไม่จำเป็นต้องไปทุ่มเทพยายามตามจีบด้วยซ้ำไป

เพราะแค่พวกแอร์โฮสเตสเห็นเขาก็ขอวีแชทเขา สรรหาของขวัญสารพัดมาให้เขาเพื่อนัดเจอเขา อาจจะหนักถึงขนาดที่ว่าเงินเปิดโรงแรมก็เป็นเงินผู้หญิงด้วยซ้ำไป

ผู้ชายในประเทศไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าผู้หญิงในประเทศนี้จะนอบน้อมและพยายามเข้าหาผู้ชายที่ร่ำรวยมากขนาดไหน

พวกเขายอมจะเลียแข้งเลียขาคนร่ำรวย แต่ไม่ยอมที่จะไปมีความรักกับผู้ชายธรรมดา

ต่อให้มีแฟนก็เถอะ แต่ยามอยู่กับแฟนแล้วก็คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะปฏิบัติต่อตนเองเหมือนเป็นเจ้าหญิง หากว่าอีกฝ่ายทำอะไรให้หล่อนไม่พอใจแม้แต่เพียงนิดเดียว หล่อนพร้อมจะตีตราฝ่ายชายว่าเป็นคนเจ้าชู้

นี่คือเหตุว่าทำไมเย่เฉินถึงต้องทุ่มทุนจำนวนมหาศาล เพื่อดึงผู้หญิงต่างชาติให้เข้ามาทำงานในประเทศ ซึ่งตอนนี้ดูไปแล้วน่าจะเห็นผล

หลังจากหลิ่วอวี่เจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ ฉินเสี่ยวตั่วรีบเดินมาถามเขาอย่างรวดเร็ว  คุณจะดื่มอะไรดีคะ? 

หลิ่วอวี่เจ๋อมองดูฉินเสี่ยวตั่วลอบกล่าวในใจ  หน้าตาดีมากจริงๆ ด้วย บุคลิกดีจริงๆ ไม่เหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป มิน่าล่ะพวกข่ายจื่อถึงได้ล้มเหลวกันหมด 

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางหัวเราะ  กาแฟครับ 

 ค้ะ คุณผู้ชาย กาแฟค่ะ 

ฉินเสี่ยวตั่วส่งกาแฟให้หลิ่วอวี่เจ๋อ แล้วหลิ่วอวี่เจ๋อก็กล่าวขอบคุณหญิงสาว

นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนเจอหน้ากัน เดิมหลิ่วอวี่เจ๋อสามารถจงใจทำกาแฟหกใส่หล่อนได้ เพื่อจะอาศัยโอกาสนี้ทำความรู้จักกับหล่อน

ทว่าหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้อยากแสดงละครกากๆ แบบนี้ เขาคิดเอาไว้นานแล้วว่าจะเรียกร้องความสนใจของฉินเสี่ยวตั่วยังไง

บินไปนิวยอร์คต้องใช้เวลาถึง 15 ชั่วโมง เป็นระยะเวลาที่นานมาก ดังนั้นพอถึงตอนกลางคืน หลิ่วอวี่เจ๋อจึงแสร้งทำเป็นนอนหลับ

นอนไปได้ประมาณ 2 ชั่วโมง จู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็ร้องออกมาเสียงดัง!

 พ่อครับ! แม่ครับ! 

พวกแอร์โฮสเตสได้ยินเข้าก็รีบร้อนเดินเข้ามา ทันทีที่เห็นว่าคนที่ละเมอขึ้นมาเป็นหนุ่มหล่อที่สุดในเครื่องบินเฟิร์สคลาส ก็ยิ่งสนใจกว่าเดิม

 คุณผู้ชายๆ เป็นอะไรไปคะ? 

หลิ่วอวี่เจ๋อยังคงปิดตาอยู่เหมือนว่ากำลังฝันร้าย

หลิ่วอวี่เจ๋อแสร้งทำเป็นสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเรียกของพวกแอร์โฮสเตส ด้วยท่าทีตื่นกลัว

 คุณผู้ชายฝันร้ายเหรอคะ?  ฉินเสี่ยวตั่วถาม

หลิ่วอวี่เจ๋อหอบหายใจกล่าว  ผมฝันเห็นพ่อกับแม่ 

ฉินเสี่ยวตั่วยิ้มอย่างมีมารยาท ทรุดตัวนั่งยองๆ ลงตรงหน้าหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วกล่าว

 เดี๋ยวอีกไม่กี่ชั่วโมงพวกเราก็จะถึงนิวยอร์คแล้ว พ่อแม่ของคุณอยู่ที่นิวยอร์คหรือในประเทศล่ะคะ? ถ้าอยู่ที่นิวยอร์คล่ะก็อีกเดี๋ยวคุณก็จะได้ไปเจอพวกท่านแล้วค่ะ แต่ถ้าอยู่ในประเทศล่ะก็คุณลงเครื่องแล้วก็โทรหาพวกท่านก็ได้นะคะ ได้ยินมาว่าตอนนี้นิวยอร์คปลอดภัยมากแล้วล่ะค่ะ พวกท่านจะได้สบายใจ 

หลิ่วอวี่เจ๋อมองฉินเสี่ยวตั่วที่กึ่งนั่งๆ ยองๆ อยู่ตรงหน้าตนเอง เขาชอบมุมนี้เพราะเดี๋ยวอีกไม่กี่ชั่วโมง เขาก็จะสามารถหลอกฉินเสี่ยวตั่วไปที่โรงแรมและจะได้มองหญิงสาวจากมุมนี้ได้!

ในใจเขามีความคิดสกปรกเกิดขึ้นมา ทว่าเขายังคทำท่าทางทุกข์ทนเสียใจ

 พวกเขา…ไม่ได้อยู่นิวยอร์ค และไม่ได้อยู่ในประเทศ พวกเขาไม่ได้อยู่…ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ทั้งนั้นครับ 

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวอย่างเศร้าสร้อย เพราะเขาบีบน้ำตาจริงๆ ให้ไหลออกมาไม่ได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงใช้ฝ่ามือกุมใบหน้าตัวเอง เพื่อให้ดูทุกข์ทรมาน

นี่คือแผนของหลิ่วอวี่เจ๋อ เพราะเขารู้ว่าฉินหงเหยียนเสียพ่อแม่ไปนานแล้ว ดังนั้นเขาถึงได้จงใจทำท่าทีเหมือนว่าตนเองเป็นเหมือนหญิงสาวเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นอกเห็นใจ และจะได้เข้าหาหญิงสาวได้ง่ายขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าแล้ว เหล่าแอร์โฮสเตสก็เม้มริมฝีปาก พวกหล่อนพอจะฟังออกว่าบิดามารดาของชายหนุ่มคนนี้คงจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว

ส่วนฉินเสี่ยวตั่วนั้นอินกับเรื่องนี้อย่างมาก!

เพราะว่าแอร์โฮสเตสคนอื่นๆ นั้นยังมีพ่อแม่อยู่กันครบ มีแค่หล่อนที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่แล้ว

ฉินเสี่ยวตั่วมองหลิ่วอวี่เจ๋อที่มีท่าทีเศร้าสร้อย ก็อยากจะปลอบโยนเขา แต่ตนเองเป็นเพียงพนักงานให้บริการ หล่อนก็ไม่อาจจะพูดเรื่องของตนเองกับลูกค้าได้

 ขอโทษด้วยนะคะ 

ฉินหงเหยียนทำให้เขาพูดถึงเรื่องที่ไม่สบายใจ

 คุณดื่มน้ำก่อนเถอะค่ะ 

 ขอบคุณครับ 

หลิ่วอวี่เจ๋อสัมผัสมือที่ส่งมาของหญิงสาว แล้วแสร้งทำทางว้าวุ่นใจ ขณะที่มือไปแตะเข้ากับอีกฝ่าย

 อ้อ ขอโทษครับ 

หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนขอโทษหญิงสาว

ฉินเสี่ยวตั่วหัวเราะน้อยๆ รู้ว่าเขาเพิ่งจะฝันร้ายมาอารมณ์อาจจะไม่คงที่นัก โดยเจ้าหล่อนเองก็ไม่รู้สึกว่าเขาจงใจแต่อย่างใด

 ไม่เป็นไรค่ะ คุณผู้ชาย 

แต่ในใจหลิ่วอวี่เจ๋อกลับลิงโลด ที่เมื่อครู่ตนเองแตะเนื้อต้องตัวหญิงสาวเจ้าหล่อนยังไม่มีท่าทีไม่พอใจ ผลงานแบบนี้มากพอจะให้แปะเครื่องหมายยวงกลมสีแดงเข้มลงบนภาพในตู้ที่สนามกอล์ฟแล้ว

หลังจากนี้ระหว่างทางก่อนเครื่องบินจะร่อนลง ฉินเสี่ยวตั่วสนใจหลิ่วอวี่เจ๋ออย่างเห็นได้ชัด

ทว่าเมื่อเขาลงจากเครื่องบินก็ไม่ได้ขอวีแชทหญิงสาว แต่กลับโดนเพื่อนร่วมงานหญิงสาวขอวีแชทแทน

หลิ่วอวี่เจ๋อมีแผนการอื่นในใจ

เขารู้ว่าแอร์โฮสเตสพวกนี้จะอยู่ต่อที่นิวยอร์คอีกคืน หนำซ้ำพวกหล่อนก็จะไปช็อปปิ้งที่ Fifth Avenue แถวโรงแรม

เวลาผ่านไปสองชั่วโมง ตอนนี้ในประเทศน่าจะยังเป็นตอนเช้าตรู่ แต่ที่อเมริกายังเป็นตอนกลางวันอยู่

ฉินเสี่ยวตั่วและเพื่อนร่วมงานเดินออกมาจากโรงแรมมุ่งหน้าตรงไปที่ Fifth Avenue

สองข้างทางที่เดินผ่านมีนาฬิกาและกระเป๋าแบรนด์เนมวางขายเรียงราย

 ดูสิๆ กระเป๋า LV ราคา 100 ดอลลาร์ ไหนจะนาฬิกา Richard Mille ราคา 1000 หยวน 

ฉินเสี่ยวตั่วตกตะลึง  กระเป๋ากับนาฬิกาข้อมือของคุณเป็นของปลอมหรือเปล่า? ทำไมถูกแบบนี้? 

คนผิวสีที่ขายนาฬิกาข้อมือกล่าว  ของดีราคาถูกครับ กระเป๋าใบนี้ผมหิ้วออกมากจากช็อปเองกับมือ ไม่มีใบเสร็จนะ ถ้าอยากได้ก็ซื้อเอา 

ฉินเสี่ยวตั่วส่ายหน้ารู้สึกว่าของที่ไม่ได้มาจากในช็อปเองไม่เอาน่าจะดีกว่า

แต่เพื่อนของหญิงสาวกลับซื้อกระเป๋าแถมยังแชร์ลงในโซเชียลว่า  ฮ่าๆ ได้กระเป๋า LV มาในราคา 700! 

จากนั้นฉินเสี่ยวตั่วและเพื่อนก็เดินไปถึง Bergdorf Goodman ใน Fifth Avenue ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้รวบรวมแบรนด์เสือผ้าของผู้ชายเอาไว้กว่า 100 ร้านและกว่า 200 แบรนด์ของผู้หญิง

เป็นสถานที่ที่บรรดาผู้หญิงในประเทศที่ชอบความหรูหราต้องมาเยือนเมื่อมาถึงนิวยอร์ค

ดังนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อซุ่มรออยู่ที่นี่นานแล้ว

และเป็นเหมือนที่เขาทายเอาไว้ไม่มีผิด ฉินเสี่ยวตั่วปรากฏตัวขึ้นในครรลองสายตาเขาอย่างรวดเร็ว!

ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มี 8 ชั้นโดยแต่ละขั้นจะขายของที่แตกต่างกัน

ตอนที่ฉินเสี่ยวตั่วยื่นมือออกไปแตะชุดชาสไตล์อังกฤษ ทันใดนั้นเองจู่ๆ ก็มีมือขนาดใหญ่ที่ดูอบอุ่นแตะเข้ากับมือของหญิงสาว

เมื่อฉินเสี่ยวตั่วแหงนหน้าขึ้นมองก็เห็นหลิ่วอวี่เจ๋อ!

 อ้าว คุณคือผู้โดยสารบนเครื่องคนนั้นใช่ไหมคะ?  ฉินเสี่ยวตั่วประหลาดใจ

หลิ่วอวี่เจ๋อแสร้งทำเป็นไม่รู้จักหล่อน  คุณ…คุณคือแอร์โฮสเตสในเครื่องบินวันนั้นใช่ไหมครับ? บังเอิญจริงๆ! 

 นั่นสิคะ บังเอิญจังเลย  ฉินเสี่ยวตั่วหัวเราะคิกคักรู้สึกว่าพวกเขาสองคนมีดวงต่อกันมากทีเดียว

หลิ่วอวี่เจ๋อมองใบหน้ามีความสุขของฉินเสี่ยวตั่ว ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาจับผู้หญิงคนนี้อยู่หมัดแล้ว การจะได้นอนกับหญิงสาวในคืนนี้น่าจะเป็นเรื่องที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง!

ทว่าในตอนนี้เย่เฉินยังไม่ถึงนิวยอร์คเพราะเที่ยวบินของเขาเกิดดีเลย์!

 

 เธอมานี่ 

หลิ่วอวี่เจ๋อลากผู้หญิงคนที่คล้ายคลึงกับฉินหงเหยียนให้มาหา

หญิงสาวเดินมาหาอย่างว่าง่ายเพื่อให้หลิ่วอวี่เจ๋อได้พิจารณาใบหน้าของเจ้าหล่อน

 ดวงตาเหมือนมาก เสียดายดั้งแบนไปหน่อย ปากก็ไม่ค่อยเหมือน คางน่าเกลียดเชียว 

ผู้หญิงคนนี้หน้าเหลี่ยม แต่ใบหน้าของฉินหงเหยียนนั้นเล็กนิดเดียว เหมือนดาราขึ้นกล้องมากทีเดียว

 ฉันให้เงินเธอหนึ่งล้านไปศัลยกรรมดีไหม?  หลิ่วอวี่เจ๋อถามหญิงสาว

หญิงสาวคนนั้นลังเลเล็กน้อยก่อนจะถาม  ให้ศัลยกรรมเป็นอะไร? 

หลิ่วอวี่เจ๋อเปิดรูปภาพฉินหงเหยียนจากในโทรศัพท์มือถือ  แบบผู้หญิงคนนี้ 

หญิงสาวคนนั้นเห็นใบหน้าสะสวยของฉินหงเหยียนก็รีบพยักหน้า  ฉันยินดีค่ะ! 

หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะ  อืม แล้วก็เปลี่ยนชื่อเสียหน่อย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอชื่อฉินหงเหยียน! 

ฉินหงเหยียนตัวจริง หลิ่วอวี่เจ๋อจัดการไม่ได้ อย่างไรเสียก็เป็นผู้หญิงที่สวี่ฉู่หมิงอาของเขาชอบ

แต่ว่าเขาสามารถทำฉบับเลียนแบบเพื่อให้เหอเหวินเจี้ยนพอใจ ยังไงเสียเหอเหวินเจี้ยนชีวิตนี้ไม่มีทางได้ครอบครองฉินหงเหยียนอยู่แล้ว เขาก็อาจจะไม่รังเกียจคนหน้าเหมือนก็ได้

何文建从KTV里出来,就给王二车打了电话,刚接通就是一顿训斥!

เหอเหิวเจี้ยนเดินออกมาจากคาราโอเกะ แล้วโทรหาหลานชาย ทันทีที่อีกฝ่ายรับสายก็สบถด่าทันที!

 หวังเอ้อร์เชอแกโง่หรือเปล่า! หูประสาอะไรเนี่ย! ในตู้นั้นมีความลับทางธุรกิจบ้าบอคอแตกอะไรกัน! ทำเอาฉันตอนนี้ต้องมาซวยเพราะไปรู้ความลับบ้าบอของเด็กพวกนั้น พวกเขาก็ยังกลัวฉันเอาความลับไปบอกคนอื่นเรื่องความลับปัญญาอ่อนพวกนั้นของพวกเขาฉันก็ขี้เกียจจะสนใจจะตาย! 

เหอเหวินเจี้ยนหัวเสีย

ส่วนหวังเอ้อร์เชอตอนนี้ยังคงอยู่บนรถกับเย่เฉิน เขาเอ่ยปากถามในทันที  ลุงครับ รูปที่ลุงถ่ายให้ผมดู ไม่ใช่ความลับทางธุรกิจเหรอครับ? 

เหอเหวินเจี้ยนระเบิดอารมณ์  ความลับทางธุรกิจบบ้าบออะไรล่ะ! เป็นกำแพงเกียรติยศของพวกเขา เป็นรูปผู้หญิงที่เด็กห้าคนนั่นตามจีบ ดูว่าใครจะจีบติดต่างหาก 

หวังเอ้อร์เชอรีบร้อนถามอีกฝ่ายตามที่เย่เฉินบอก  ผมเห็นผู้หญิงที่อยู่ฝั่งซ้ายสุดหน้าตาสวยดี แถมยังมีเครื่องหมายกากบาทสองอัน วงกลมสีแเดงอ่อนอันหนึ่ง สีแดงเข้มอันหนึ่ง แปลว่าอะไรเหรอครับ? แปลว่าโดนพวกหลิ่วอวี่เจ๋อสอยไปแล้วหรือเปล่า

ตอนนี้เหอเหวินเจี้ยนกำลังเดือดปุดๆ เขาคร้านจะอธิบาย  แกถามเรื่องนี้ทำไม เกี่ยวอะไรกับแกด้วย  

หวังเอ้อร์เชอยังเซ้าซี้  ลุงบอกผมเถอะครับ ผมน่ะชอบผู้หญิงคนซ้ายสุดตั้งแต่แรกเห็น ตกหลุมรักหล่อนแล้ว! ผมอยากจะตามจีบหล่อน ลุงบอกผมเถอะครับว่าหล่อนโดนหลิ่วอวี่เจ๋อจัดการไปแล้วหรือยัง! 

เหอเหวินเจี้ยนแค่นเสียง  แกเนี่ยนะ? ขนาดลูกคนรวยพวกนั้นยังล้มเหลวไปตั้งสี่คนแกยังอยากจะตามจีบหล่อนอีก? อย่าฝันหวานเลยน่า 

 ล้มเหลวสี่คนเลยเหรอ? วงกลมสีแดงสองอันไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วเหรอ?  หวังเอ้อร์เชอถาม

เหอเหวินเจี้ยนเห็นหวังเอ้อร์เชออยากจะรู้ให้ได้ว่าเครื่องหมายนั้นแปลว่าอะไร รู้ว่าเด็กนี่คงไม่เลิกราแน่ถ้าไม่รู้ความจริง และคงจะเซ้าซี้ถามเขาไม่จบไม่สิ้น

ดังนั้นเหอเหวินเจี้ยนถึงได้อธิบาย  ไม่ใช่ ต้องเครื่องหมายถูกต่างหาก วงกลมสีแดงอ่อนแปลว่าคุยกันถูกคอดี ส่วนวงกลมสีแดงเข้มคือได้จับไม้จับมือแล้ว แต่ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่โดนพวกนั้นฟัน แต่ว่าสองวันหลังจากนี้ก็ไม่แน่แล้ว 

พอได้ยินแบบนี้เย่เฉินที่อยู่บนรถพอดี ก็เกิดลนลานขึ้นมา รีบร้อนส่งสัญญาณให้หวังเอ้อร์เชอ

หวังเอ้อร์เชอเป็นคนฉลาดรู้ว่าเย่เฉินอยากจะพูดอะไร เลยรีบถามปลายสายทันที  อีกสองวันก็ไม่แน่แล้ว แปลว่าอะไรหรอครับ 

เหอเหวินเจี้ยนกล่าว  เมียหลิ่วอวี่เจ๋อตั้งท้องได้สี่ห้าเดือนแล้ว พวกเขาสองคนแยกห้องกันนอนนานแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อคงจะอึดอัดแย่ พรุ่งนี้คงจะบินไปที่นิวยอร์คเพื่อกินแม่นั่น พวกเขารู้เรื่องความชอบกับพื้นเพของผู้หญิงคนนั้นแล้ว เดิมตัวหลิ่วอวี่เจ๋อเองก็มีพื้นเพทางบ้านที่ดี ลุงว่าแอร์โฮสเตสคนนี้น่าจะเสร็จหลิ่วอวี่เจ๋อแน่ หวังเอ้อร์เชอ แกอย่าหวังเลย นอกเสียจากว่าแกจะไม่รังเกียจของมือสองที่คุณชายหลิ่วเคยได้มาก่อน 

ที่จริงแล้วพื้นเพครอบครัวหวังเอ้อร์เชอก้ไม่ได้เลวร้ายอะไร จะจีบแอร์โฮสเตสอย่างฉินเสี่ยวตั่วด้วยพื้นฐานครอบครัวเขาก็ถือว่าดีถมถืด

ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก แล้วกดวางสายไป

 นิวยอร์ค… หลิ่วอวี่เจ๋อจะไปนิวยอร์คพรุ่งนี้…ไม่ได้การล่ะ ต้องรีบไปบอกฉินหงเหยียนเพื่อให้ขวางหลิ่วอวี่เจ๋อเอาไว้! 

เย่เฉินลนลาน เพราะถ้าเขาไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นล่ะก็ สุดท้ายแล้วเป็นไปได้อย่างมากที่ฉินเสี่ยวตั่วที่ใสซื่อจะเสร็จหลิ่วอวี่เจ๋อ!

ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะรังเกียจคนสารเลวอย่างหลิ่วอวี่เจ๋อ แต่ก็จำเป็นต้องยอมรับว่าเขาเป็นประเภทที่ผู้หญิงชอบจริงๆ

เขาหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูง มีเงิน ทุกความต้องการของผู้หญิงที่มีต่อชายในฝันเขามีทั้งนั้น

ย้อนคิดถึงตอนแรก ผู้หญิงที่หัวสูงอย่างหวังเจียเหยาที่แถมตอนนั้นยังมีเย่เฉินอยู่ ยังตกหลุมรักหลิ่วอวี่เจ๋อได้!

แค่ลองคิดๆ ดูก็รู้แล้วว่าหลิ่วอวี่เจ่อมีเสน่ห์กับผู้หญิงมากขนาดไหน ผู้หญิงทั่วๆ ไปไม่มีทางต้านทานเสน่ห์เขาไหว

แต่เขาก็ลังเลเมื่อจะกดโทรศัพท์โทรหาฉินหงเหยียน

 ถ้าฉินหงเหยียนถามว่ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง จะตอบยังไงดี? 

เพราะเขาไปล่วงรู้เรื่องความลับในตู้ของพวกหลิ่วอวี่เจ๋อตอนที่อยู่ในห้องหวังเจียเหยาตอนอยู่ญี่ปุ่น!

ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนซักไซร้ล่ะก็อาจจะต้องพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

แน่นอนว่าเย่เฉินเองจะโกหกก็ได้ แต่ถ้าเริ่มโกหกครั้งหนึ่งแล้วก็อาจจะต้องมีคำโกหกอีกจำนวนนับไม่ถ้วนตามมา

อีกอย่างเย่เฉินและฉินหงเหยียนไม่เคยโกหกกันมาก่อน

เย่เฉินเลือกจะปิดบังเรื่องหวังเจียเหยา ก็ถือว่าผิดต่อหญิงสาวมากแล้ว ถ้าจะให้ต้องหลอกลวงหญิงสาวอีก เย่เฉินทำไม่ได้จริงๆ!

เขาไม่อยากมีสภาพแบบหวังเจียเหยา ที่โกหกได้หน้าตาย หลอกลวงคู่ชีวิตของตัวเอง!

พอดีกับที่หลังจากฉินหงเหยียนรับตำแหน่งประธานบริษัทก็งานยุ่งรัดตัว มักจะไปประชุมต่างจังหวัดบ่อยๆ

ส่วนพรุ่งนี้กับมะรืนหล่อนจะไปที่เมืองหลวง

 งั้นไปนิวยอร์คเพื่อขัดขวางสองคนนี้ด้วยตัวเองดีกว่า แล้วจะได้แวะเจอว่าที่น้องสะใภ้ด้วย 

ที่เย่เฉินอยากจะเจอฉินเสี่ยวตั่วนั้นเพราะเขามีจุดประสงค์หลักอีกอย่างก็คือเขาอยากจะขอฉินหงเหยียนแต่งงาน!

ก่อนนี้เขาอยากจะเจอญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของคนรัก เพื่อขอให้อีกฝ่ายยอมรับเขา!

พอพูดจบเขาก็จัดแจงซื้อตั๋วเครื่องบินจากเทียนไห่ตรงไปนิวยอร์คทันที

ส่วนหลิ่วอวี่เจ๋อเองจองตั๋วเฟิร์สคลาสของฮัวเฉิงไปนิวยอร์ค เพราะฉินเสี่ยวตั่วเป็นแอร์โฮสเตสของบริษัทสายการบินนี้

9 โมงเช้า หลิ่วอวี่เจ่อเองมาก็ถึงฮัวเฉิง เขาแต่งตัวทันสมัย สะดุดตาผู้พบเห็นอย่างมาก แต่ก็ห่อร่างกายเอาไว้ค่อนข้างมิดชิด

เมื่อขึ้นเครื่องบินเดินเข้าไปยังที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสแล้ว ก็ทรุดตัวลงเงียบๆ

ไม่นานนัก แอร์โฮสเตสประจำชั้นเฟิร์สคลาสก็เริ่มคุยกันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 เสี่ยวตั่ว เห็นผู้ชายชุดขาวคนนั้นไหม? หล่อจังเลย! 

แอร์โฮสเตสคนหนึ่งกล่าวด้วยท่าทีโง่งม

เสี่ยวตั่วที่เจ้าหล่อนว่าก็คือฉินเสี่ยวตั่ว น้องสาวของฉินหงเหยียน!

ฉินเสี่ยวตั่วสวมชุดเครื่องแบบของแอร์โฮสเตส กระโปรงสั้นลายขวางคลุมสะโพก ทำให้รู้สึกสง่างามและลึกลับคาดเดาไม่ได้

ฉินเสี่ยวตั่วยิ้มพลางพยักหน้า  อืม เห็นแล้ว หล่อมากเลย! 

 

‘เบญจภาคีล่าสาวแห่งเทียนไห่’ ตั้งแต่ก่อตั้งมายังไม่เคยล้มเหลวเลยสักครั้ง

ลูกเศรษฐีทั้งห้าคนอย่างพวกเขาไม่เพียงแต่มีเงินมาก อีกทั้งยังเป็นผู้ชายที่มีสไตล์ที่แตกต่างกัน

มีทั้งพวกผู้ชายที่มีกล้าม มีพวกนุ่มนวลอ่อนโยน แล้วก็มีพวกคนหุ่นดีเหมือนดารา หรือว่าจะเป็นพวกมากความสามารถ กับพวกสายตลกโปกฮา

ต่อให้มีคนจีบเจ้าหล่อนไม่ติด แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็จะประสบความสำเร็จ

แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือเจ้าของร้านกาแฟซือเฉินจะไม่มีใครจีบติด ทั้งหมดเป็นกากบาท กระทั่งคนที่พัฒนาแปะวงกลมสีแดงอ่อนก็ยังไม่มี

แต่แอร์โฮสเตสอย่างฉินเสี่ยวตั่วที่ดูเหมือนเป็นคนธรรมดา ยังล้มเหลวทั้งสี่คน นี่ออกจะทำลายความมั่นใจของเหล่าลูกคนรวยอย่างพวกเขา

ส่วนหลิ่วอวี่เจ๋อในฐานะที่เป็นคนวางแผน เขาต้องรับผิดชอบล้างอายให้กับสมาชิกในกลุ่มทุกคน!

แอร์โฮสเตสอะไรพวกนี้เป็นคนโปรดของหลิ่วอวี่เจ๋อมาโดยตลอด!

คุณชายเศรษฐีอีกคนที่อยู่ข้างตัวเสี่ยวหม่า  อวี่เจ๋อ หวังเจียเหยาภรรยาของนายน่าจะตั้งท้องสักสี่เดือนแล้วใช่ไหม? ไม่อยากจะลองระบายอารมณ์กับฉินเสี่ยวตั่วบ้างเหรอ? 

ตอนนี้อันที่จริงหวังเจียเหยาตั้งท้องได้หกเดือนแล้ว ท้องโย้มากแล้ว หนำซ้ำอ้วนกว่าเมื่อก่อนก็มากโข ร่างกายของหล่อนในตอนนี้นั้นไม่ได้เหมือนนางฟ้าคนเดิมอีกแล้ว

บวกกับเด็กในท้องหวังเจียเหยาก็ไม่ใช่ลูกของหลิ่วอวี่เจ๋อ ตอนนี้เขาย่อมหมดความสนใจในตัวหญิงสาว

และเช่นเดียวกับหวังเจียเหยาที่ตั้งท้องได้หกเดือนแต่พ่อของลูกก็ไม่ได้อยู่เคียงข้าง หล่อนเองก็เหนื่อยหน่ายอย่างยิ่ง ท่าทีของหลิ่วอวี่เจ๋อก็ไม่ได้ดีกับหล่อนนัก

ทั้งสองคนแยกห้องกันนอนมานานแล้ว

หลิ่วอวี่เจ๋อพยักหน้ารับ  ฉินเสี่ยวตั่วคนนี้งานดีใช้ได้เลย ในเมื่อพวกนายล้มเหลวกันหมด พอดีกับที่ฉันกำลังเบื่อๆ ลองคั่วแม่คนนี้ก็ดีเหมือนกัน 

 เสี่ยวหม่าสืบได้ไหมว่าช่วงนี้หล่อนจะบินไปไหน? ถ้าบินไปอเมริกาล่ะก็ ฉันจะไปบอกเมียล่วงหน้า 

เสี่ยวหม่ากล่าวพลางหัวเราะ  สืบมาแล้ว พรุ่งนี้มีบินไปนิวยอร์ค แล้วจะค้างคืนที่นั่นคืนหนึ่ง 

 เยี่ยม งั้นเดี๋ยวฉันจองตั๋วไปนิวยอร์ค 

หลิ่วอวี่เจ๋อพูดพลางส่ง wechat บอกเลขาให้ช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้เขา

แต่เหอเหวินเจี้ยนที่อยู่ด้วยกลับไม่เข้าใจ  คุณหลิ่ว ทำไมต้องเสียเงินบินไปนิวยอร์คด้วย? รอให้หล่อนกลับมาไม่ดีกว่าหรือไง เพราะที่ในประเทศน่าจะมีเวลามากกว่า 

พวกหลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วน

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม  เหล่าเหอ แค่ดูก็รู้แล้วว่านายยังไม่เข้าใจ พวกสาวๆ แอร์โฮสเตสอายุยังน้อยและยังชอบความโรแมนติก นายตามจีบหล่อนในประเทศนี้ ถ้าสามารถจีบติดได้ในสามวัน แปลว่าถ้าไปอยู่เมืองนอกแล้วคงยอมไปนอนด้วยทั้งที่รู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งวันดี สาวๆ พวกนี้วางตัวดีเวลาอยู่ในประเทศ แต่พอออกไปด้านนอกแล้วก็เปิดกว้าง อีกทั้งเวลาอยู่นอกประเทศพวกหล่อนมีเวลาจำกัด ต่อไปทุกคนก็จะต้องแยกกันคนละที่คนละทาง เจอหน้ากันแล้วเกรงว่าอาจจะไม่มีคราวหน้า ชอบพอกันก็นอนด้วยกันไปเลย ไม่มีมาเล่นตัวหรอก 

สาวๆ คนไหนๆ ก็ชอบความโรแมนติกกันทั้งนั้น หากว่าจะให้หล่อนไปนอนกับผู้ชายคนหนึ่งในเมืองที่ตนเองใช้ชีวิตมาตลอด 20 กว่าปีล่ะก็ไม่รู้สึกถึงความโรแมนติกเลยสักนิดเดียว

ทางที่จะไปโรงแรมนั้น พวกหล่อนหลับตาก็นึกออก ส่วนพวกพนักงานในโรงแรม พวกหล่อนอาจจะถึงขั้นใช้ภาษาถิ่นทักทายใส่ได้ด้วยซ้ำไป จะเอาความโรแมนติกกับความแปลกใหม่จากไหนมา?

แต่ถ้าหากว่าเรื่องนี้ไปเกิดที่ปารีส นิวยอร์คหรือลอนดอน คงจะต่างไปอย่างมาก

พวกหล่อนจะต้องรู้สึกได้ถึงความแปลกใหม่ ตื่นเต้นและลืมเลือนไม่ลง เหมือนถูกขายแต่ก็ยังช่วยนับเงินให้ลูกค้าด้วยซ้ำ พวกหล่อนโดนฟันแต่น่าจะยังขอบคุณที่มานอนกับเจ้าหล่อนด้วย

เกรงว่าต่อให้หลายปีหลังจากนี้ เจ้าหล่อนก็จะไปแต่งงานมีลูกที่เมืองตัวเอง ไปมีชีวิตที่มั่นคงแล้วไม่มีโอกาสบินกลับมาที่ประเทศพวกนั้นอีก

พวกหล่อนคงจะมีนึกถึงขึ้นมาได้บ้างในเวลากลางวัน ในตึกเอ็มไพร์สเตทหรืออาจในห้างสรรพสินค้าบางแห่ง พวกหล่อนอาจจะพบใครบางคน ไปเดินจับมือ ช็อปปิ้ง ดื่มเหล้าแล้วไปร่วมหลับนอนกับใครบางคน

ทั้งหมดนี้ล้วนแต่โรแมนติกแถมยังสมบูรณ์แบบสุดๆ…

พวกผู้ชายที่เลี้ยงอาหาร ชวนดูหนังจำนวนนับไม่ถ้วนพวกนั้น ไม่มีทางรู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นง่ายขนาดไหนเวลาอยู่ต่างประเทศ

หลิ่วอวี่เจ๋อย่อมเป็นคนที่เป็นเลิศในด้านนี้ เขาเข้าใจความเย่อหยิ่งของผู้หญิงเป็นอย่างดี

หลิ่วอวี่เจ๋อถาม  ฉินเสี่ยวตั่วเป็นกำพร้าใช่ไหม? 

เสี่ยวหม่าพยักหน้า  ใช่ ที่บ้านค่อนข้างน่าสงสารเลยล่ะ ประวัติครอบครัวไม่ดีเท่าไหร่ แต่อย่าคิดจะใช้เงินชนะใจหล่อนล่ะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ตกหลุมพรางเรื่องเงิน 

หลิ่วอวี่เจ๋อแค่นเสียง  เป็นแบบนี้แล้วคงจะต้องอยากได้การเอาอกเอาใจ นายนี่นะ อะไรๆ ก็อยากจะใช้เงินซื้อมา มิน่าถึงได้จีบหล่อนไม่ติด ดูฉันแล้วกัน ฉันเนี่ยนะชำนาญเรื่องการจัดการพวกคนน่าสงสารไม่มีพ่อไม่มีแม่ที่สุดแล้ว 

หลิ่อวี่เจ๋อมองภาพของฉินเสี่ยวตั่วพลางจินตนาการภาพที่ได้โอบกอดหล่อนเข้าอ้อมอก

แต่ว่าเรื่องของฉินเสี่ยวตั่วยังไม่ต้องพูดถึงเป็นการชั่วคราว เหอเหวินเจี้ยนรู้ความลับของพวกเขาแบบนี้ ทั้งยังดูมีพิรุธเหมือนอยากจะอยากได้ความลับทางธุรกิจอะไรไป

หลิ่วอวี่เจ๋อไม่มีทางปล่อยให้เหอเหวินเจี้ยนสะบัดตูดไปแบบนี้

ทันใดนั้นเองหลิ่วอวี่เจ๋อก็เข้ามาโอบไหล่อีกฝ่ายแล้วกล่าว  เหล่าเหองั้นพวกเราไปร้องเพลงกันเถอะ เดี๋ยวผมหาสาวสวยๆ ให้คุณสักคน  

เหอเหวินเจี้ยนรีบร้อนขอตัวทันที  ไม่ล่ะๆ ผมแก่แล้ว เที่ยวไม่ค่อยไหวหรอก 

เสี่ยวหม่ากล่าวว่า  เหล่าเหอ คุณดูไปแล้วออกจะแข็งแรงนะ ไปกันเเถอะๆ ไปเที่ยวกัน 

เหอเหวินเจี้ยนบอกปัดไม่ได้ ทำได้เพียงติดตามพวกเขาไปที่ร้านคาราโอเกะส่วนตัว

พอเข้าไปในห้องคาราโอเกะ หลิ่วอวี่เจ๋อปรบมือ แล้วก็มีแม่เล้าพาผู้หญิงแถวหนึ่งมายืนต่อหน้าคนทั้งสี่

 เหล่าเหอ คุณเลือกสักคนสิ 

เหอเหวินเจี้ยนเดินวนรอบๆ อีกครั้งแล้วส่ายหน้า  คุณหลิ่ว พวกคุณสนุกกันเเถอะ ผมไม่ไหวแล้ว ที่บริษัทยังมีธุระปะปังให้จัดการ ผมขอตัวก่อนล่ะ 

ปัง!

เสี่ยวหม่าตบโต๊ะอย่างแรง  คุณเหอ คุณรู้ความลับของพวกเราแล้ว ถ้าหากว่าคุณไม่อยากมาเที่ยวกับพวกเรา แล้วพวกเราจะสบายใจได้ยังไง? 

เหอเหวินเจี้ยนหัวเสีย ลอบกล่าวกับตัวเองในใจ  ถ้ารู้ว่าความลับทางธุรกิจของเด็กพวกนี้คือการเผด็จศึกผู้หญิง ฉันคงขี้เกียจจะมายุ่งเรื่องพวกนี้! ต้องโทษเด็กบ้าหวังเอ้อร์เชอ ได้ข่าวอะไรมาเนี่ย! 

เหอเหวินเจี้ยนกล่าวต่อ  คุณหลิ่ว ผมไม่ได้จะวางท่าเป็นผู้ชายแสนดีอะไรหรอก ผมตั้งมาตรฐานเรื่องผู้หญิงเอาไว้สูงมากนะ ผมน่ะชอบคนแบบฉินหงเหยียนนอกจากนั้นคงไม่ไหว 

หลิ่วอวี่เจ๋อผุดลุกขึ้นแล้วพูดต่อ  ที่แท้แล้วคุณเหอชอบคนแบบนี้สินะ เข้าใจแล้ว งั้นคุณเหอก็กลับไปก่อนเถอะครับ ไว้คราวหน้าผมจะชวนผู้หญิงแบบที่คุณชอบมาด้วยแล้วกัน ผมขอรับรองว่าคุณเหอจะต้องพอใจแน่นอน! 

เหอเหวินเจี้ยผงกศีรษะรับ  คุณหลิ่ว คุณวางใจเถอะ เรื่องของคุณผมไม่บอกใครหรอก วัยรุ่นอย่างพวกคุณมีงานอดิเรกอย่างไรผมก็ไม่ก้าวก่ายหรอก 

พูดจบเหอเหลิวเจี้ยก็เดินออกไป

หลังจากที่เหอเหวินเจี้ยนเดินไปแล้ว เสี่ยวหม่าก็กระวนกระวายใจอย่างมาก เพราะว่าผู้หญิงคนที่อยู่ตรงกลางในรูปผู้หญิงสามคนที่เหอเหวินเจี้ยนเห็นนั้นมีพื้นเพครอบครัวที่ไม่ธรรมดา

หากว่าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป พวกเขาคงต้องโดนเอาคืนแน่

 อวี่เจ๋อตาแก่นั่นดูไม่น่าเชื่อถือเลย อีกทั้งฉันสงสัยว่าเขาจงใจตีสนิทกับนาย เพราะอยากได้ความลับอะไรจากนายเท่านั้นแหละ ไม่ได้อยากจะย้ายมาทำงานที่ชุนเฟิงอะไรหรอก  เสี่ยวหม่ากล่าวต่อ

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวขณะสูบบุหรี่ ฉันรู้อยู่แล้วน่า นายสบายใจเถอะ ฉันจะต้องลากเหอเหวินเจี้ยนให้มาเที่ยวเล่นแบบนี้เหมือนพวกเราให้ได้เลย 

ในขณะที่หลิ่วอวี่เจ๋อสูบบุหรี่ จู่ๆ ก็พบว่าผู้หญิงด้านหน้านั้นมีคนหนึ่งหุ่นดี แถมดวงตายังเหมือนฉินหงเหยียนมากทีเดียว!

ในตอนนี้จู่ๆ เขาก็มีความคิดชั่วร้ายโผล่ขึ้นมาในหัว!

 

ถูกต้องคนที่ปล่อยจรวดไปอวกาศก็คือหมอนี่
เขาเป็นคนรวยที่บ้าที่สุดในโลก มีคนขนานนามว่าเป็น ‘ironman’ ในโลกแห่งความจริง
ในทัศนคติและความคิดของเขาอยู่เหนือกว่าคนทั่วไปหลายระดับ
ทั้งย้ายประชากรไปดาวอังคาร ประกอบจรวดเพื่อออกไปข้างนอก สร้าง Loop ในสายตาคนนอกแล้วอาจจะเป็นพฤติกรรมที่บ้าบอ แต่เขากลับทำให้มันเป็นจริง
ในตอนที่เขาจัดตั้ง SpaceX เขาก็เจอปู่ของเย่เฉิน ปู่ของชายหนุ่มเองก็ชื่นชมเขามาก ลงทุนให้เขาไปไม่น้อย
แต่ต่อมาปู่ของเย่เฉินเองก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ให้เงินทุนอีกฝ่ายอีก เพราะว่าหมอนี่ผลาญเงินเก่งเกินไป
ตระกูลเย่ให้เงิน Musk ไปอย่างน้อยๆ หมื่นล้านเห็นจะได้
ดังนั้นคราวนี้เพื่อช่วยดึงดูดความสนใจของพวกหลิ่วอวี่เจ๋ออำนวยความสะดวกให้กับเหอเหวิ้นเจี้ยนได้เข้าไปดูของด้านในตู้ เย่เฉินถึงได้ขอยืม UFO จาก Musk มา
เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ Musk ย่อมต้องรับปากทันที แถมยังทวงบุญคุณกับเย่เฉิน
Musk ถามเย่เฉิน “นายยังอยู่ในประเทศใช่ไหม? จะให้พี่พานายไปเที่ยวไหม?”
เย่เฉินถามว่า “ไปเที่ยวที่ไหน?”
Musk “อวกาศไง!”
เย่เฉิน “ไสหัวไป!”
Musk เหมือนกับพนักงานขายชั้นยอด เขาพูดกับเย่เฉินว่ามาเถอะ ยุคแห่งการท่องอวกาศได้เริ่มขึ้นแล้ว นายแค่ต้องจ่ายเงินร้อยล้านดอลลาร์ ก็จะสามารถดื่มด่ำไปกับการเดินทางท่องอวกาศได้!
คุณปู่เคยกำชับกับเย่เฉินและพี่น้องของเขาเอาไว้ ถ้าหากว่าไปเจอ Musk ที่ไหนให้รีบเดินหนีไปให้เร็วที่สุด ถ้าปกติแล้วจะถ้าไม่มีความจำเป็นต้องไปพบเขาก็อย่าไปหาเขาเลย
เพราะทันทีที่ไปหาเขา เขาก็จะขอยืมเงิน โครงการอวกาศที่เขาสนใจนั้นผลาญเงินจนเกินไป
เย่เฉินด่า Musk ในสายโทรศัพท์อย่างดุเดือด นายมันคนสารเลว ยังมีหน้าจะมาขอเงินกันอีก นายติดเงินตระกูลเย่ของเราไปสองหมื่นกว่าล้านยังไม่คืนเลย!
Musk กล่าวอย่างไม่ยี่หระ รอให้คนอพยพย้ายไปดาวอังคารสำเร็จแล้ว เดี๋ยวค่อยไปคืนเงินกันที่ดาวอังคาร!
เย่เฉินพ่นคำหยาบคายมาเป็นชุดแล้วกดวางสาย
……
ในตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อกำลังวีดีโอคอลกับหวังเจียเหยา เพื่อมองดู UFO ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน
ทว่าหวังเจียเหยาที่เป็นเด็กผู้หญิง สนใจแต่พวกบ้านและเสื้อผ้า จะมาสนใจอะไร UFO
หญิงสาวเพียงแต่ถามเบาๆ “นายไปตีกอล์ฟกับเหล่าเหออีกแล้วเหรอ?”
“ครับ” หลิ่วอวี่เจ๋อพยักหน้ารับ อยากจะให้เหอเหวินเจี้ยนทักทายกับภรรยาของตนเอง
แต่พอเขาหันมามอง รอบๆ ตัวกลับไม่มีวี่แววของเหอเหวินเจี้ยน!
หลิ่วอวี่เจ๋อรีบกดวางสายทันทีแล้วหน้าถอดสี “เหล่าเหออยู่ไหน!”
วินาทีต่อมาหลิ่วอวี่เจ๋อและเพื่อนของเขาสองคนก็รีบวิ่งเข้าไปด้านใน แล้วเห็นเหอเหวินเจี้ยนกำลังอยู่ด้านข้างตู้ส่วนตัวของพวกเขาห้าคน!
เหอเหวินเจี้ยนเห็นหลิ่วอวี่เจ๋อรีบเดินมาก็มีท่าทีลนลานอย่างมาก
แต่เขาเป็นคนเจนสังคม จึงรีบฉีกยิ้มด้วยท่าทีนิ่งเฉย “ทำไมล่ะ UFO บินไปแล้วเหรอ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อมองเหอเหวินเจี้ยนตั้งแต่หัวจจรดเท้าอย่างประเมิน ทันใดนั้นเองก็ฉุกใจได้ว่าช่วงนี้เหอเหวินเจี้ยนจงใจเข้าหาตนเอง เกรงว่าจะไม่ได้เพื่อย้ายมาบริษัทเอ็กซ์เพรสชุนเฟิง บางทีก็อาจจะมีเป้าหมายอื่นแฝงอยู่
หลิ่วอวี่เจ๋อยิ้มเจ้าเล่ห์พลางกล่าว “เหล่าเหอ คุณมาที่นี่ แถมยังเปิดตู้ส่วนตัวของพวกเรา มีเจตนาอะไร? อยากจะสืบเรื่องผมเหรอ”
หลิ่วอวี่เจ๋อยังถือว่าเกรงอกเกรงใจ เพื่อนที่อยู่ด้านหลังเขาก็ก่นด่า “ตาแก่ ทำไมต้องมาสอดแนมดูเรื่องส่วนตัวของพวกเราด้วย!”
เหอเหวินเจี้ยนหัวเราะคิกคัก “คุณชายหลิ่ว พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว เมื่อครู่ UFO บินต่ำมาก ลมแรงจนมีอะไรไม่รู้เข้าตาผมก็เดินเข้ามาในนี้โดยไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัว”
“ส่วนตู้น่ะ ผมไม่ได้เป็นคนเปิด มันเปิดอ้าอยู่ตลอดเลย เมื่อกี้ที่พวกคุณเห็น UFO ลืมปิดหรือเปล่า?”
คุณชายอีกคนกล่าววว่า “เป็นไปไม่ได้! ตอนผมไปจำได้แม่นเลยว่าปิดสนิทแล้วชัดๆ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อเดินไปขวางด้านหน้าเหอเหวินเจี้ยน “คุณได้ถ่ายรูปเอาไว้หรือเปล่า?”
ถึงแม้ว่าในตู้จะไม่ได้ซุกซ่อนความลับทางธุรกิจ เป็นแค่ผู้หญิงหน้าตาสะสวย แต่ว่าจะปล่อยให้รูปของผู้หญิงพวกนี้หลุดออกไปไม่ได้
คนที่เข้าตาพวกคุณชายที่แสนร่ำรวยพวกนี้ได้ ล้วนแต่เป็นสาวสวยชั้นยอด แถมสาวสวยพวกนี้ปกติแล้วจะมีเจ้าของอยู่แล้ว อีกทั้งแฟนหรือสามีของเจ้าหล่อนล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตที่มีอำนาจ
ทันทีที่เรื่องที่ของภรรยาพวกเขาลอดเข้าหูสามีเจ้าหล่อน อย่างนั้นพวกเขาก็จะจบเห่กัน
เหอเหวินเจี้ยนหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งให้หลิ่วอวี่เจ๋อ “ผมไม่ได้มีเจตนาบุกเข้ามา และยิ่งไม่มีทางถ่ายรูป ถ้าพวกคุณไม่เชื่อล่ะก็ ผมเอาให้พวกคุณดูก็ได้”
หลิ่วอวี่เจ๋อรับโทรศัพท์มา แล้วในคลังภาพ และบันทึกสนทนา wechat รวมไปถึง APPLICATION อื่นๆ ว่าไม่มีรูปภาพแล้วจริงๆ และก็ไม่มีการส่งข่าวไปให้ใคร
แต่หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ใช่คนโง่ เหอเหวินเจี้ยนยังรู้ว่าใน APP พวกนี้มีข้อความลับ เขาจะไม่รู้ได้ยังไง?
หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นความจริงถูกเปิดเผย ก็จะตบลงบนบ่าเหอเหวินเจี้ยน “นี่ ที่จริงแล้วไม่ได้มีเรื่องใหญ่โตอะไร ในเมื่อคุณเห็นแล้ว ยังไงเสียพวกเราก็เป็นคนกันเองบอกคุณไปก็ไม่เป็นอะไร”
“อวี่เจ๋อ…” คุณชายที่ร่ำรวยที่อยู่ด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้หลิ่วอวี่เจ๋อบอกเรื่องนี้กับเหอเหวินเจี้ยน
หลิ่วอวี่เจ๋อยื่นมือมาเพื่อบอกว่าเขารู้ว่าตนเองพอจะคาดคะเนได้
จากนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อก็เลยแนะนำกับเหอเหวินเจี้ยน “คุณเห็นรูปพวกสาวสวยๆ ในตู้นี้แล้วหรือยัง? คนพวกนี้คือคนที่พวกเราเจอโดยบังเอิญตามสถานที่ต่างๆ ในโลก อยากจะจีบแต่จีบไม่ติด คุณเองก็รู้ว่าลูกหลานเศรษฐีอย่างพวกเราต่างก็มีศักดิ์ศรี ถ้าจีบไม่ติดก็จะค้างคาใจเลยแปะรูปเอาไว้ ให้เพื่อนคนอื่นตามจีบต่อ เพื่อนๆ คนอื่นคนไหนจีบติดแล้ว ก็จะได้อัดคลิปสั้นๆ เอาไว้เพื่อให้เพื่อนคนที่พลาดได้ดูด้วย”
เหอเหวินเจี้ยนเห็นรูปภาพสามใบเล็กน้อย มิน่าคนแรกถึงเป็นรูปกากบาทกันหมดด
เหอเหวินเจี้ยนถาม “แล้วเครื่องหมายที่แปะบนนั้นหมายความว่ายังไง?”
หลิ่วอวี่เจ๋ออธิบาย “เครื่องหมายกากบาทหมายถึงพลาดแล้ว คือตามจีบก็ไม่ได้แบบนั้น ส่วนเครื่องหมายถูกก็แปลว่าได้มาแล้ว ส่วนเครื่องหมายวงกลมสีอ่อนๆ แปลว่าคุยกันถูกคอ สามารถนัดออกไปดื่มชาดูภาพยนตร์ วงกลมสีแดงอ่อน แปลว่าได้แตะเนื้อต้องตัวกันแล้ว เช่นจูงมือ โอบเอวอะไรแบบนั้น”
หลิ่วอวี่เจ๋อชี้วงกลมสองอันที่ถูกแปะบนตัวฉินเสี่ยวตั่วพลางอธิบาย
หลิ่วอวี่เจ๋อมองฉินเสี่ยวตั่วเล็กน้อย “ผู้หญิงคนซ้ายสุดเป็นแอร์โฮสเตส ข่ายจื่อเพื่อนของผมไปเจอโดยบังเอิญ แต่เสียดายที่ตามจีบยังไงเจ้าหล่อนก็ไม่สนใจ เขาโมโหก็เลยแปะรูปของเจ้าหล่อนมาที่นี่เพื่อส่งต่อให้พวกเรา เสียดาย เสี่ยวหม่านั้นทำได้มากที่สุดคือพัฒนาไปจนจับมือหล่อน ก็ถูกเจ้าหล่อนบล็อคไป เป็นผู้หญิงที่เข้าใจยากมากจริงๆ”
เสี่ยวหม่าชี้ไปที่เพื่อนผู้ชายหน้าตาหล่อเหลสาแต่ส่วนสูงไม่ถึง 170 ซม. ที่อยู่ด้านหลังเขา
เสี่ยวหม่ากล่าวอย่างไม่พอใจ “คนสารเลวอย่างฉินเสี่ยวตั่วจงใจวางตัวสูงส่ง ฉันเคยคั่วสาวสวยขายาวมาก็มาก หล่อนเป็นใครมาจากไหน คิดไม่ถึงว่าจะกล้าปฏิเสธกัน! อวี่เจ๋อ นายสูง 185 ซม. จะต้องสามารถเด็ดแม่ฉินเสี่ยวตั่วคนนี้มาได้แน่ พวกเราล้มเหลวกันหมด ตอนนี้ต้องดูแล้วว่านายจะสามารถล้างอายให้พวกเราได้หรือไม่!”
หลิ่วอวี่เจ๋อมองดูรูปภาพของฉินเสี่ยวตั่วที่สวมชุดเครื่องแบบแอร์โฮสเตส ด้วยใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์!

สิ่งที่เหอเหวินเจี้ยนไม่ได้สังเกตก็คือเหนือศีรษะเขามีรูกล้องอยู่

ถ้าหากว่าในตู้ใบนี้นั้นมีความลับทางธุรกิจซุกซ่อนอยู่จริงๆ ล่ะก็เขาจะต้องโดนฟ้องในข้อหาขโมยความลับทางธุรกิจ

แต่ว่าเหอเหวินเจี้ยนมองเข้าไปด้านในของตู้อย่างตื่นเต้น แล้วพบว่าในตู้ไม่มีรูปสัญญาใดๆ มีเพียงแต่รูปภาพเท่านั้น

อีกทั้งเป็นรูปถ่ายของผู้หญิงหน้าตาสวยๆ ทั้งหมด

ตำแหน่งตรงกลางภาพนั้นมีภาพผู้หญิงสามคนแขวนไว้อยู่แถมยังติดเครื่องหมายถูกและผิดที่เหอเหวินเจี้ยนดูแล้วก็ไม่ใคร่เข้าใจนัก

เหอเหวินเจี้ยนไม่ได้รู้เลยว่าภาพพวกนี้หมายถึงแะไร แต่ในเมื่อเขาลงแรงไปมากกว่าจะเปิดตู้นี้ได้เห็นทีจะต้องพยายามตรวจสอบเอาให้ชัดเจน

ดังนั้นเหอเหวินเจี้ยนจึงเอามือถือออกมาในทันที แล้วถ่ายภาพสามภาพและถ่ายภาพในตู้โดยรวม หลังจากนั้นก็ส่งผ่านแอพพลิเคชันไป

ในตอนนั้นเอง บนรถ SUV ที่จอดออยู่ด้านนอกสนามกอล์ฟ หวังเอ้อร์เชอก็ได้รับข่าวที่เหอเหวินเจี้ยนส่งมาให้

โดยที่มีเย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนอยู่ข้างๆ!

ทั้งสองคนเหมือนจับหวังเอ้อร์เชอเรียกค่าไถ่อย่างไรอย่างนั้น พวกเขานั่งข้างๆ เขาด้วยท่าทีดุดันอย่างมาก

เพราะว่าข้อความนี้มีใช้การส่งแบบข้อความลับ ดังนั้นภาพนี้จึงจะอยู่ได้แค่สามวินาทีเท่านั้น ดังนั้นหวังเอ้อร์เชอก็รีบใช้นิ้วขวาจิ้มหน้าจอค้างไว้เพื่อบันทึกรูปภาพ

เย่เฉินรับโทรศัพท์มา เมื่อเห็นรูปภาพแล้วก็เกิดประหลาดใจขึ้นมาทันที  นี่คืออะไร? 

เดิมทีเย่เฉินก็เหมือนกับเหอเหวินเจี้ยนที่คิดไปว่าในตู้นั้นน่าจะมีความลับทางธุรกิจบางอย่างอยู่หรือเปล่า หรือไม่ก็อาจะเป็นหลักฐานในการทำผิดบางอย่าง หรืออาจะถึงขั้นเป็นยาเสพติดเลยด้วยซ้ำไป

แต่เขาเองก็เคยตรวจสอบทั้งสี่คนที่เคยมาตีกอล์ฟกับหลิวอวี่เจ๋อมาก่อน พวกเขาต่างเป็นลูกเศรษฐีที่เอ้อระเหยลอยชายไม่ทำงานทำการอะไร

และถึงแม้ว่าจะเป็นพวกไม่ทำอะไร แต่กลับไม่แตะต้องของอย่างพวกยาเสพติดกันแม้แต้น้อย เพียงแต่ชอบเที่ยวเล่นและจีบสาวกันเท่านั้น

ในเมื่อเป็นพวกลูกเศรษฐีเจ้าสำราญ อย่างนั้นแล้วภาพในตู้ที่ว่าก็น่าจะพอเข้าใจได้แล้ว

ในภาพที่ส่งมานั้นเป็นรูปของสาวสวย สาวสวยพวกนี้อาจเป็นเป้าหมายของพวกเขา

เย่เฉินขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น แล้วมองหญิงสาวทั้งสามคนในภาพอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วก็ตกใจทันที!

 ซวยแล้ว! 

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเย่เฉินจะรู้จักสาวงามสองคนในภาพนั้น!

ที่อยู่ซ้ายสุดนั้นคือน้องสาวของฉินหงเหยียน ฉินเสี่ยวตั่ว!

ส่วนคนตรงกลางนั้นก็คือเจ้าของร้านกาแฟซือเฉินที่สวยในระดับเดียวกับหวังเจียเหยาคนนั้น!

ส่วนคนขวาสุดนั้นเย่เฉินไม่รู้จัก

หลิวเจิ้งคุนเองก็เหลือบมองเช่นกันแล้วกล่าว ดูไปแล้วในตู้น่าจะไม่มีของมีค่าอะไร พวกหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นแค่ลูกคนรวยที่เล่นสนุกไปวันๆ ผู้หญิงสามคนนี้น่าจะเป็นเป้าหมายของพวกเขา 

หวังเอ้อร์เชอที่ปากเสียก็กล่าวพร้อมกับหัวเราะคิกคัก  ใช่ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้น ผู้หญิงในภาพสามคนนี้ต่างก็ถูกแปะด้วยเครื่องหมายที่แตกต่างกัน มันหมายความว่าอะไร? 

เย่เฉินเองก็สังเกตเห็นเครื่องหมายพวกนี้ เขาเองก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เช่นกัน!

หวังเอ้อร์เชอชะโงกหน้ามามองหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วก็เข้าใจ  ผมรู้แล้ว พวกเขาอาจจะชอบผู้หญิงที่โปรไฟล์ดี แล้วไอ้พวกนี้มันก็แข่งกันว่าจะใครจะจีบหล่อนติด! ฮ่าๆ จะต้องเป็นแบบนี้แน่นอน ไอ้พวกลูกคนรวยน่ารังเกียจ เที่ยวเล่นกันวันๆ ก็เอาแต่แข่งกันแต่เรื่องผู้หญิง แต่ว่าพวกเขาต่างก็เป็นลูกเศรษฐีหมื่นล้านแสนล้าน มีผู้หญิงที่พวกเขาจีบไม่ติดด้วยเหรอเนี่ย? ห่วยแตกชะมัด! 

หลิวเจิ้งคุนแค่นเสียง  ไอ้หนู ลูกเศรษฐีแสนล้านอยากจีบใครก็จีบติดเหรอ? นายใสซื่อเกินไปแล้ว ประเทศของเรามีคนร่ำรวยที่ไม่เปิดเผยตัวตั้งมากมาย พวกเขาห้าคนเป็นอะไร! 

หลิวเจิ้งคุนพูดถูก พวกหลิ่วอวี่เจ๋อถึงแม้อาจจะนับเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยระดับสูงในประเทศ ผู้หญิงทั่วไปต่างก็อยากจะสบาย

แต่ว่าพอเปรียบเทียบกับครอบครัวที่ใหญ่มากแล้วยังแตกต่างกันอยู่มาก

ดังเช่นตระกูลเย่ของเย่เฉิน หากว่าห้าคนนี้ชอบเย่อัยฉี อยากจะใช้สถานะครอบครัวและการเงินมาตามจีบหล่อนล่ะก็ เย่อัยฉีก็อาจจะมองพวกเขาเป็นคนโง่

หลิวเจิ้งคุนมองภาพถ่าย  นายลองดูผู้หญิงที่อุ้มเด็กคนกลาง ถูกแปะเครื่องหมายกากบาทเอาไว้แล้ว! 

ผู้หญิงคนที่หลิวเจิ้งคุนชี้นั้นก็คือเจ้าของร้านกาแฟซือเฉิน คนที่เย่เฉินเข้าใจผิดว่าเป็นพี่สะใภ้คนที่สองของตนเอง

ไม่เพียงแต่มีเครื่องหมายกากบาท ด้านล่างยังมีคนเขียนเอาไว้ว่า  พื้นเพครอบครัวยิ่งใหญ่เกินไป อย่าหาเรื่อง!…อาข่าย 

ในหัวของเย่เฉินก็ปรากฏภาพท่าทางของหญิงสาวคนนั้นขึ้นมาอีกครั้ง

 พื้นเพครอบครัวยิ่งใหญ่เกินไปเหรอ? ที่แท้แล้วครอบครัวผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ธรรมดา 

ที่จริงแล้วในครั้งแรกที่เย่เฉินเห็นผู้หญิงคนนั้นก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นมีบุคลิกภาพที่ดี คงจะเป็นลูกคุณหนูที่ไหนแน่

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะรวยจน คนพวกไม่กล้านี้ปแหยมด้วย

 พี่รองทำไมรู้จักหล่อนได้! 

เย่เฉินสงสัย

และในเวลานี้เองหวังเอ้อร์เชอก็กล่าวขึ้นมา  ดูไม่ออกเลย ผู้หญิงคนที่อยู่ตรงกลางมีลูกแล้ว ยังจีบยากอีก แต่หน้าตาสวยดีจังเลย! ผู้หญิงสองคนซ้ายขวาคงจะไม่ตามจีบยากเท่าไหร่ล่ะมั้ง? ดูจากสัญลักษณ์ที่แปะไว้บนภาพ! 

พอเย่เฉินได้ยินเช่นนี้ในใจก็ไม่ใครจะพอใจนัก หรือว่าฉินเสี่ยวตั่ว น้องสาวของฉินหงเหยียนนั้นถูกพวกเดียรัจฉานทั้งห้าคนจัดการไปแล้วเหรอ?

แต่เมื่อเห็นภาพของฉินเสี่ยวตั่วแปะสัญลักษณ์สี่อัน โดยมีเครื่องหมายกากบาทสองอัน ส่วนเครื่องหมายสองอันที่เหลือนั้นคือวงกลมสีแดงเข้มและอ่อน

 เครื่องหมายสองอันนี้หมายความว่าอะไรกันแน่! 

เย่เฉินอยากจะรู้คำตอบจนทนไม่ไหว!

เขาอยากจะรู้ว่าน้องสาวแสนสวยและน่ารักที่ทั้งใสซื่อบริสุทธิ์คนนั้นของแฟนสาวตนเองถูกทั้งห้าคนนี้เหยียบย่ำไปแล้วหรือเปล่านะ!

หลิวเจิ้งคุนกล่าวว่า  คนแรกน่าจะยังไม่ได้ เครื่องหมายถูกน่าจะแปลว่าได้มาแล้ว คุณชายลองดูผู้หญิงที่อยู่ซ้ายสุด มีเครื่องหมายผิดสองอัน เครื่องหมายถูกสามอันนั่นปะไร! 

การวิเคราะห์ของหลิวเจิ้งคุน เป็นสิ่งที่เย่เฉินเองก็คาดหวังเช่นกัน!

ถ้าหากว่าพวกเขายังไม่ได้แตะต้องหญิงสาวล่ะก็ งั้นเย่เฉินก็จะมีโอกาสในการขัดขวางพวกเขาปกป้องไม่ให้ฉินเสี่ยวตั่วได้รับอันตราย!

 ส่งข้อความไปบอกเหอเหวินเจี้ยนให้เขาไปหาข่าวมาว่าเรื่องสัญลักษณ์พวกนี้นั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ 

เย่เฉินสั่งหวังเอ้อร์เชอ

หวังเอ้อร์เชอเองก็เกิดนึกสนุก  เอ๋? ไม่ใช่ความลับทางธุรกิจเสียหน่อยทำไปต้องถามด้วยล่ะครับ! 

เพี้ยะ!

หลิวเจิ้งคุนฟาดฝ่ามือลงบนศีรษะของหวังเอ้อร์เชอ  บอกให้นายถามก็ถามไปเถอะพูดมากทำไม! 

 ครับๆ… 

แล้วเหอเหวินเจี้ยนที่อยู่ในสนามกอล์ฟก็ได้ข้อความที่เห็นได้เพียงสามวินาที

ส่วนในตอนนี้พวกหลิ่วอวี่เจ๋อกำลังตื่นเต้นมองดู UFO อยู่ด้านนอก

ถ้าหากว่าเป็นจานบินทั่วๆ ไปย่อมไม่สามารถดึงดูดสายตาพวกลูกคนรวยทั้งสามคนนี้ได้

UFO ที่กำลังโบยบินอยู่นั้นเป็นสิ่งของเย่เฉินขอยืมมาจากเพื่อนโดยเฉพาะ ต่อให้เป็นนักวิจัยที่ศึกษาเรื่อง UFO โดยเฉพาะรวมไปถึงนักวิทยาศาสตร์ในประเทศก็ไม่มีทางจะจับได้ในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งที่จริงแล้วเป็นโดรนที่ทำมาเลียนแบบยาน UFO

เพื่อนคนนั้นของเย่เฉินชื่อว่า Musk ซึ่งก็คือประธานบริษัท SpaceX และรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla!

 

เหอเหวินเจี้ยนเป็นรองประธานบริษัทไป๋ลี่แต่เย่เฉินเป็นเพียงแค่หัวหน้าแผนกอบรมบุคลากรที่เพิ่งจัดตั้งใหม่ของบริษัทเท่านั้น เป็นแค่พนักงานในระดับผู้จัดการเท่านั้น
ในด้านการทำงานนั้น เขาไม่อาจเปรียบเทียบกับเหอเหวินเจี้ยได้เลย เขาถือเป็นลูกน้องของเหอเหวินเจี้ยน
ดังนั้นเหอเหวินเจี้ยนถึงได้อาศัยว่าตนเองเป็นเจ้านายอีกฝ่ายวางท่าต่างๆ นานา
ถ้าไม่ใช่เพราะฉินหงเหยียนอยู่ด้วย เขาคงจะใช้เย่เฉินช่วยแบกกระเป๋าไปแล้ว!
เย่เฉินรับกระเป๋าเดินทางจากฉินหงเหยียนมา แล้วจุมพิตหญิงสาว จากนั้นถึงได้หันไปตอบเหอเหวินเจี้ยน
“การอบรมเป็นไปได้ดีมาก พวกสาวๆ ก็ตั้งใจเรียนภาษาจีนมากๆ เรียนกันได้เร็วดี ถ้าหากว่าคุณเหอไม่เชื่อ ก็สามารถตรวจสอบผลงานได้ทุกเมื่อเลยครับ”
เหอเหวินเจี้ยนกล่าว “ฉันต้องไปตรวจสอบแน่ๆ ทว่าตอนนี้ฉันจะไปสนามกอล์ฟ พรุ่งนี้ตอนนี้นายรอฉันที่ฝ่ายอบรมบุคลากรแล้วกัน ฉันจะไปเช็คด้วยตัวเอง”
ถึงเย่เฉินจะไม่ค่อยพอใจมากนัก แต่ก็ยังพูดอยู่ “ครับ คุณเหอ”
ฉินหงเหยียนถามอย่างประหลาดใจ “คุณตีกอล์ฟตั้งแต่เมื่อไหร่? ตีกอล์ฟกับใคร?”
ทั้งสองคนรู้จักกันมานาน ฉินหงเหยียนรู้ว่าเหอเหวินเจี้ยนไม่ตีกอล์ฟ
เหอเหวินเจี้ยนหัวเราะร่วน “ไม่ได้ไปกับใครหรอก ไปคนเดียวนี่ล่ะครับ ฮ่าๆ”
เขาจะให้ฉินหงเหยียนล่วงรู้ความลับในสนามกอล์ฟของหลิวอวี่เจ๋อไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้วฉินหงเหยียนอาจจะแย่งความดีความชอบของเขาไปก็ได้
ฉินหงเหยียนในตอนนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นประธานบริษัท แต่ว่าหุ้นที่ถืออยู่นั้นก็ยังน้อยกว่าเหอเหวินเจี้ยน หล่อนเป็นแค่ตัวแทนท่านประธานเท่านั้น
ส่วนคนที่มีสิทธิ์ขาดจริงๆ ก็ยังเป็นคุณอัย เหอเหวินเจี้ยนเชื่อว่าขอแค่เขาทำงานได้ดี ก็จะสามารถทำให้ไปขอร้องกับคุณอัยและเหล่าคณะกรรมการเพื่อรับตำแหน่งประธานบริษัทไป๋ลี่!
พอถึงตอนนั้้นก็ค่อยข่มฉินหงเหยียนที่ตำแหน่งต่ำกว่า ถึงจะเป็นไปได้ที่จะเอาชนะผู้หญิงคนนี้ !
เพราะว่าผู้หญิงมักจะนับถือหัวหน้าของตนเอง!
เดินออกจากสนามบินแล้ว คนขับรถรับเหอเหวินเจี้ยนแล้ว เย่เฉินขับรถไปถามฉินหงเหยียน “กลับบริษัทแล้วเหรอ?”
ฉินหงเหยียนมองมือเย่เฉินแล้วพูดต่อ “ไม่เจอกันมาหนึ่งสัปดาห์ ไม่กลับบริษัทแล้ว พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!”
เย่เฉินถอนหายใจแล้วแสร้งส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “เฮ้อ เป็นลูกน้องก็ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร เจ้านายบอกให้ไปไหนก็คงต้องทำตาม”
ฉินหงเหยียนตีเขาเบาๆ “บอกให้กลับบ้านไม่พอใจใช่ไหม? งั้นไปบริษัทก็ได้”
เย่เฉินรีบร้อนกล่าว “อย่าเลยครับ ผมดีใจมากเลย! ฮ่าๆ”
……
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ณ สนามกอล์ฟอวี๋ซาน
“อ้อ คุณเหอเจอกันอีกแล้วนะครับ ช่วงนี้คุณหลงรักกีฬากอล์ฟแล้วล่ะสิ สัปดาห์นี้น่าจะเจอคุณมาสามรอบได้แล้วล่ะมั้ง?”
หลิ่วอวี่เจ๋อสวมชุดลำลอง สวมหมวกกันแดดและแว่นตากันแดด มือถือไม้กอล์ฟเอาไว้แล้วเดินมาหาเหอเหวินเจี้ยน
เหอเหวินเจี้ยนเห็นหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วก็ทักทายพลางระบายยิ้มน้อยๆ “คุณหลิ่ว ฮ่าๆ รู้ว่าคุณมาบ่อยๆ ดังนั้นผมก็เลยอยากทำความรู้จักกับคุณหน่อย ผมเองเป็นมือใหม่ต้องเรียนรู้จากคนเก่งๆ อย่างคุณ”
หลิ่วอวี่เจ๋อรู้สึกแปลกใจในทันที ทั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยถูกกัน น่าจะถือได้ว่าเป็นศัตรูกันเลยด้วยซ้ำไป แต่น้ำเสียงในตอนนี้ของเหอเหวินเจี้ยนเหมือนว่ากำลังอยากจะสนิทสนมกับเขา
หลิ่วอวี่เจ๋อกับเหอเหวินเจี้ยนเดินไปยังสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนแล้วถาม “คุณเหอช่วงนี้อยู่ที่ไป๋ลี่เป็นยังไงบ้างครับ?”
เหอเวินเจี้ยนถอนหายใจ “อย่าพูดเลยครับ คุณอัยจู่ๆ ก็ซื้อบริษัทแล้วดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัท อยู่ที่บริษัทแค่สองเดือนแล้วก็หายไปเลย แต่กลับปล่อยให้ฉินหงเหยียนที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานที่บริษัทได้แค่สองเดือนรับตำแหน่งประธานบริษัท ส่วนผมที่ตั้งใจทำงานมาเป็นระยะเวลาหลายปี หุ้นก็มีมากกว่าหล่อน แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่คุณอัยจะไม่เลือกผมเป็นประธานบริษัท”
หลิ่วอวี่เจ๋อตบบ่าเหอเหวินเจี้ยนแล้วกล่าว “ฮ่าๆ เหล่าเหอผมว่านะ คุณอัยของพวกคุณน่ะเป็นคนบ้า สติไม่สมประกอบแน่ๆ ตอนแรกก็เอาผู้หญิงต่างชาติมาทำงานเป็นพนักงานส่งของ ทำให้คนร่วมสายงานอย่างพวกเราต้องตามน้ำไปด้วย ทำเอาเสียเงินไปตั้งมากตั้งมาย ต่อมาก็ให้ผู้หญิงที่ไม่เคยทำงานในสายโลจิสติกส์มาเป็นประธานกรรมการ คุณลองคิดดูนะครับอย่างฉินหงเหยียนจะไปรู้อะไร? หล่อนเก่งกว่าคุณตรงไหน? ดังนั้นนะครับคุณลาออกจากไป๋ลี่แล้วมาทำงานที่ชุนเฟิงของเราเลย ขอบอกตรงๆ เลยนนะว่าคุณปู่ของผมอยากจะให้ผมซื้อคนจากบริษัทนั้นมา”
เหอเหวินเจี้ยนเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขารู้ว่าหากอยากล้วงความลับของหลิ่วอวี่เจ๋อจำเป็นต้องทำให้อีกฝ่ายเชื่อใจเขาก่อน ดังนั้นถึงได้แกล้งทำเหมือนมีความต้องการดังกล่าวพอดี
“คุณหลิ่วพูดแบบนี้จริงเหรอ?”
“งั้นแน่นอนแล้ว ปู่ของผมบอกว่ามีแค่คุณเหอเท่านั้นที่จะเก่งพอที่จะเขย่าไป๋ลี่ให้สะเทือนได้ แค่ซื้อตัวคุณมาได้ไป๋ลี่ก็จะไม่อยู่ในสายตาของเขาอีก!”
“คุณหลิ่วชมผมเกินไปแล้วนะครับ ผมจะเก่งขนาดนั้นที่ไหนกัน แต่ว่านกฉลาดย่อมต้องเลือกต้นไม้ที่ดีให้พักพิงอยูแล้ว ถ้าหากว่าคุณอัยเอาแต่ละเลยผมอยู่แบบนนี้ล่ะก็ ผมก็ไม่กล้ารับรองเหมือนกันว่าผมจะอยู่ที่ไป๋ลี่ไปตลอด!”
ใบหน้าหลิ่วอวี่เจ๋อระบายยิ้มออกมา
ในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ทั้งสองคนก็มักจะตีกอล์ฟด้วยกัน เหอเหวินเจี้ยนก็ทำให้อีกฝ่ายไว้ใจเขาจนได้
ในกลางวันที่แดดร้อนแรง เหอเหวินเจี้ยนและหลิ่วอวี่เจ๋อก็มาพบกันที่สนามกอล์ฟอีกครั้ง
คราวนี้เหอเหวินเจี้ยนกำลังหัวร่อต่อกระซิกกับเพื่อนของหลิ่วอวี่เจ๋อ
“เหล่าเหอ คุณนั่งรอพวกเราที่นี่ก่อนนะ พวกเราไปข้างในสักครู่” หลิ่ววอวี่เจ๋อคุยกับเหอเหวินเจี้ยน
เหอเหวินเจี้ยนก็มีท่าทีจะลุกขึ้น “ไปทำอะไรข้างในเหรอ? ผมเข้าไปด้วยไม่ได้เหรอ? ดูแล้วคุณชายหลิ่วจะยังไม่เชื่อใจผมสินะ”
เหอเหวินเจี้ยนเองก็รู้ว่าตู้ที่ว่านั้นอยู่ด้านใน
หลิ่วอวี่เจ๋อและเพื่อนๆ ของเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางระบายยิ้ม “เหล่าเหอ นี่คือความลับระหว่างคนวัยรุ่นอย่างพวกเราคุณอย่าเข้ามายุ่งดีกว่า คุณสบายใจได้ผมเห็นคุณเป็นคนกันเองอยู่แล่ว เพียงแต่ทุกคนต่างก็มีความลับกันทั้งนั้น”
หลิ่วอวี่เจ๋อตบบ่าของเหอเหวินเจี้ยนเบาๆ แล้วก็เดินเข้าไปด้านในกับเพื่อนๆ ของเขา
หลังจากที่ทั้งสามคนเดินไปแล้วนั้น เหอเหวินเจี้ยนก็เริ่มเปิด APP ติงติงในมือถือ แล้วส่งข้อความให้กับคนที่ไม่ได้บันทึกเบอร์เอาไว้ “พวกเขาเข้าไปแล้ว”
นี่คือฟังก์ชั่นการใช้งานที่อ่านข้อความแล้วข้อความจะทำลายตัวเอง หลังจากที่อีกฝ่ายอ่านข้อความสามวินาทีแล้ว ข้อความจะหายไปเอง
ข้อความนี้ถูกลบไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นผ่านไปเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น ท้องฟ้าเหนือสนามกอล์ฟ ทันใดนั้นเองก็มียานทรงเหมือนจานบินประหลาดลอยผ่านมา
“UFO! มี UFO!”
เหอเหวินเจี้ยนตะโกนเสียงดัง
พวกหลิ่วอวี่เจ๋อต่างก็เป็นคนอายุน้อยที่สนอกสนใจกับสิ่งแปลกๆ อย่างมาก เมื่อได้ยินเสียงร้องของเหอเหวินเจี้ยน ก็รีบพุ่งพรวดมาทันที
และเมื่อแหงนหน้ามองก็พลันเหลือบเห็นจานบินที่ไม่เคยเห็นมาก่อนกลางอากาศ แล้วทั้งสามคนก็ตื่นเต้นอย่างมาก
“แม่งเอ้ย! UFO จริงๆ ด้วย! นี่มันมาจากไหนกันแน่”
“รีบถ่ายรูปเร็ว! สุดๆ ไปเลยที่ชีวิตนี้ได้เห็น UFO กับเขาด้วย”
หลิ่วอวี่เจ๋อก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาวีดีโอคอลหาหวังเจียเหยาทันที “ที่รัก คุณดูเร็วๆ ของที่อยู่กลางอากาศน่ะะ เหมือน UFO ไหม!”
ทว่าตอนที่ทั้งสามคนกำลังโดนภาพตรงหน้าดึงความสนใจอยู่นั้นเอง เหอเหวินเจี้ยนก็แอบเข้าไป แต่ว่าตู้ถูกล็อคไปแล้ว
ดูไปแล้วลูกเศรษฐีทั้งสามคนนี้ยังค่อนข้างระมัดระวังตัวมากทีเดียว ต่อให้ตื่นเต้นอยากดู UFO แค่ไหนแต่ก็ไม่ลืมจะล็อคตู้
ทว่าเหอเหวินเจี้ยนได้เตรียมกุญแจผีมาด้วย!
เหอเหวินเจี้ยนล้วงกุญแจออกมา เพียงแค่ไม่เท่าไหร่มีเสียดัง แค่ก แล้วตู้ก็เปิดออก!
เย่เฉินไม่สนใจหรอกว่าเหอเหวินเจี้ยนทำงานที่บริษัทไป๋ลี่กี่ปี ทุ่มเทเสียสละให้กับบริษัทมาเท่าไหร่
ตอนนี้เย่เฉินต่างหากที่เป็นเจ้าของตัวจริงที่ชักใยอยู่เบื้องหลังไป๋ลี่ เขาไม่ชอบใครก็ไล่ออกได้ทั้งนั้น!
ทว่าจะให้เลิกจ้างเหอเหวินเจี้ยนไปแบบนี้ เขาชักจะสบายไปหน่อย
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็นึกถึงตู้ลึกลับในสนามกอล์ฟอวี๋ซานของหลิ่วอวี่เจ๋อ
นี่เป็นข้อมูลที่เย่เฉินแอบได้ยินตอนซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมของหวังเจียเหยาตอนอยู่ญี่ปุ่น
หลังจากกลับประเทสแล้วเขาก็ให้หลิวเจิ้งคุนลองไปสืบดู แต่ว่าที่สนามกอล์ฟแห่งนั้นต้องสมัครสมาชิกก่อน สถานที่บางแห่งถือว่าเป็นสถานที่ของกลุ่มคนในบางระดับ หลิวเจิ้งคุนไม่สามารถเหยียบย่างเข้าไปใกล้ได้แม้แต่น้อย
ทันทีที่ฝืนบุกเข้าไป หรือไม่ก็ใช่วิธีอื่นในการไปฉกเอามา เย่เฉินก็กลัวว่าจะรังแต่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเปล่าๆ
เขาเองก็สามารถใช้หวังเจียเหยาไปเข้าใกล้ตู้นั้นได้ แต่เขาไม่อยากจะนัดเจออีกฝ่าย เพราะว่าทุกครั้งที่ทั้งสองคนเจอกันตามลำพังเหมือนจะมีเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเกิดขึ้นบ่อยๆ…
ตอนนี้เขาสามารถใช้เหอเหวินเจี้ยนเข้าใกล้ตู้นั้นได้
ดังนั้นเย่เฉินถึงได้เดินไปหาหวังเอ้อร์เชอแล้วกล่าว “ไอ้หนุ่ม คำพูดที่ฉันกำลังจะพูดกับนายในตอนนี้จำไว้ให้ดีๆ ล่ะ เดี๋ยวนายโทรหาเหอเหวินเจี้ยนอานาย เขาอาจถามนายเรื่องนายเป็น LGBTQ+ หรือเปล่า ให้นายตอบว่าไม่ใช่ แล้วบอกว่าเจ้านายของนายหลิ่วอวี่เจ๋อ ต้องการจะแกล้งนายให้ได้ บังคับให้นายแชร์โพสต์นี้ลงในโซเชียล”
หวังเอ้อร์เชอชะงักไป “เจ้านายของผมคือหลิ่วอวี่เจ๋อเหรอ?”
เย่เฉินพยักหน้า “นายบอกว่าหลังจากที่ไป๋ลี่เลิกจ้างนายแล้ว นายก็ไปเป็นคนขับรถของชุนเฟิงถูกส่งให้ไปขับรถให้หลิ่วเฟิ่งและหลิ่วอวี่เจ๋อ หลิ่วอวี่เจ๋อรู้ว่านายเคยทำงานที่ไป๋ลี่ก็เลยเอาแต่รังแกนาย แถมยังเอานายไปดื่มเหล้าที่บาร์ด้วย แต่ถึงแม้ว่านายจะโดนรังแก แต่ก็แอบได้ยินความลับของหลิ่วอวี่เจ๋อเข้า เขามีตู้อยู่ที่สนามกอล์ฟอวี๋ซาน ในตู้ซ่อนเอกสารลับต่างๆ มากมายของบริษัทชุนเฟิง นายไปบอกเหอเหวินเจี้ยนว่าทันทีที่เขาได้เอกสารพวกนี้มา ก็จะสามารถโจมตีชุนเฟิงได้!”
หวังเอ้อร์เชอถือเป็นคนฉลาด แค่พูดครั้งเดียวเขาก็พยักหน้ารับ “ผมเข้าใจแล้วครับ พี่เย่!”
“โทรศัพท์สิไป” เย่เฉินสั่ง
หวังเอ้อร์เชอรีบร้อนโทรหาเหอเหวินเจี้ยนทันที
และเป็นไปตามที่คาด ประโยคแรกที่อีกฝ่ายกล่าวก็คือ “หลานชายนายเป็นอะไรไป? ทำไมจู่ๆ ก็เกิดชอบผู้ชายขึ้นมาเสียอย่างนั้น? นายรู้หรือไม่ว่าทำแบบนี้พ่อแม่ของนายจะประสาทเสียเอา! เร็วๆ เลยรีบจัดการแก้ไขให้กลับมาเป็นแบบเดิมเลย”
หวังเอ้อร์เชอกล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณอาครับ ผมไม่ชอบผู้ชาย ผมชอบผู้หญิง! ที่ต้องแชร์ลงโซเชียลแบบนั้นเพราะเจ้านายของผมเข้าแกล้งผม บังคับให้ผมแชร์อะไรแบบนั้นออกไป”
“เจ้านายของนาย? นายไปทำงานแล้วเหรอ? นายกะจะออกจากเทียนไห่ไปเที่ยวที่เมืองนอกไม่ใช่หรือไง?” เหอเหวินเจี้ยนถาม
ผู้เป็นหลานชายตอบ “ครับ ผมไปทำงานเป็นคนขับรถที่บริษัทศัตรูคู่อาฆาตของอาอย่างชุนเฟิงไงครับ”
“บริษัทเอ๊กซ์เพรสชุนเฟิง!” เหอเหวินเจี้ยนตกใจ “งั้นเจ้านายที่นายบอกว่ารังแกนายคือใครล่ะ?”
“หลิ่วอวี่เจ๋อ!” หวังเอ้อร์เชอกล่าวพลางระบายยิ้ม
เหอเหวินเจี้ยนกล่าว “ที่แท้ก็ไอ้เด็กเลวคนนั้นนี่เอง คราวก่อนเขาก็บังคับห้ามฉันรับฉินหงเหยียนเข้าทำงาน ฉันไม่ไว้หน้าเขา ที่เขาจงใจล่วงเกินทำให้นายขายหน้าอย่าบอกนะว่าเพราะเรื่องนี้?”
หวังเอ้อร์เชอปรายตามองเย่เฉิน แล้วเขาก็รีบกล่าวกับโทรศัพท์ที่เปิดลำโพงอยู่ หลังจากสบตาของเย่เฉิน
“ใช่ๆ ผมพูดถึงอา บอกว่าอาเป็นอาผม เขาถึงได้เริ่มรังแกผมแล้วก็มอมเหล้าผม แล้วให้ผมแต่งหญิง แล้วให้ผมแชร์ลงในโซเชียลว่าผมเป็น LGBTQ+! คุณอา อารู้ไหมครับเมื่อกี้แม่ผมก็โทรมา อารู้ไหมครับว่าแม่พูดว่าอะไร? แม่…”
หวังเอ้อร์เชอพูดไปพูดมา น้ำเสียงก็เริ่มสั่นเครือ
ในตอนนี้เย่เฉินขมวดคิ้ว หวังเอ้อร์เชอไม่กล้าพูดเหลวไหลอะไรอีก
“ไอ้เด็กปากสว่าง” เย่เฉินส่ายหน้า
ทว่าถึงเจ้าเด็กนี้จะปากสว่างแต่ตอนเวลาโกหกนี่ พูดได้เป็นอย่างๆ ธรรมชาติสุดๆ
เหอเหวินเจี้ยนกล่าวอย่างไม่พอใจ “แม่นายพูดอะไรก็สมควรทั้งนั้น! แม่นายก็เป็นห่วงนายนั่นแหละ! เอ้อร์เชอ ตอนนี้ที่หลิ่วอวี่เจ๋อรังแกนาย จะต้องไปไหนก็เอานายไปด้วย นายสามารถฉวยโอกาสนี้คอยจับตาดูว่าเขาคบหากับใครบ้าง ถ้านายเจอความผิดของเขาได้จะดีที่สุด!”
เหอเหวินเจี้ยนอยากจะหาคนไปทำงานที่ชุนเฟิงตั้งนานแล้ว หวังเอ้อร์เชอเองก็ถือเป็นหมากที่ดี
หวังเอ้อร์เชอกล่าวอย่างตื่นเต้น “คุณอาครับ ผมโทรมาหาก็เพราะเรื่องนี้แหละครับ! เมื่อครู่ผมเพิ่งได้ยินข่าวมาว่าเขามีตู้ลับอยู่ที่สนามกอล์ฟอวี๋ซาน ในตู้มีความลับทางธุรกิจของพวกเขาอยู่!”
“คุณอา ถ้าอาได้ของที่อยู่ในตู้มาจะต้องช่วยให้ไป๋ลี่ชนะชุนเฟิงได้แน่ๆ พอถึงตอนนั้นแล้วไม่แน่ว่าคุณอัยอาจจะแต่งตั้งให้อาเป็นประธานผู้บริหารก็ได้ ฮ่าๆ…”
เสียงหัวเราะของหวังเอ้อร์เชอนั้น ตอนเพิ่งเริ่มเสียงดังแต่ว่าเมื่อเห็นเย่เฉินกับหลิวเจิ้งคุนต่างก็มองเขาด้วยแววตาเคร่งเครียด เสียงหัวเราะของเขาก็เริ่มแผ่วลงไปเรื่อยๆ
เย่เฉินพูดไม่ออก ไอ้เด็กบ้านี่อินดีจริงๆ!
คิดวางแผนแทนอาตัวเองเสร็จสรรพ ว่าหากเขาจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยก็จะสามารถเป็นประธานบริษัทแทนฉินหงเหยียน!
ความสามารถเก่งกาจแบบนี้ เสียดายจริงๆ ที่ไม่ไปเป็นนักแสดง
“ตู้เหรอ? ตู้อะไร? นายช่วยพูดให้มันชัดเจนหน่อย พวกเขาพูดว่ายังไงกันบ้าง!” เหอเหวินเจี้ยนถามอย่างตั้งใจ
หวังเอ้อร์เชอกล่าวเสียงเบา “อาครับ ผมพูดกับอาไม่ได้แล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อมาแล้ว อีกเดี๋ยวผมโทรหาอานะครับ”
“เอ้อ คุณชายหลิ่ว มาแล้วๆ!”
พูดไปๆ หวังเอ้อร์เชอก็วางสาย
หลังจากวางสายแล้ว หวังเอ้อร์เชอก็รีบกล่าวกับเย่เฉิน “พี่เย่ครับ คุณอาถามเรื่องที่พี่ไม่ได้บอกผม ผมกลัวว่าเดี๋ยวผมพูดผิดไป ดังนั้นก็เลยรีบตัดสาย พี่อย่าโกรธนะครับ”
เย่เฉินระบายยิ้มเจ้าเด็กนี่ฉลาดดีจริงๆ
ทว่าคนกลับกลอกลื่นเป็นปลาไหลแบบนี้ ไม่ค่อยจะซื่อสัตย์นักหรอก
เย่เฉินกล่าว “อีกเดี๋ยวฉันจะให้นายไปทำงานที่เอ็กซ์เพรสชุนเฟิงขับรถให้หลิ่วอวี่เจ๋อ นายก็ตั้งใจเชื่อฟังคำสั่งของฉันให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นคราวหน้าที่รอนายอยู่จะไม่ใช่ผู้ชายแล้ว แต่จะเป็นเดียรัจฉานสักตัวแทน”
สีหน้าหวังเอ้อร์เชอฉายแววหวาดกลัว “พี่เย่ ผมเชื่อฟังพี่ทุกอย่างแน่นอนครับ พี่เชื่อใจผมได้เลย”
เย่เฉินไม่ได้สนใจหมอนี่อยู่แล้ว เรื่องเชื่อหรือไม่อย่างไร ทางที่ดีเขาคงต้องว่านอนสอนง่าย ไม่ว่านอนสอนง่ายก็แค่สั่งสอนเขาให้หนักๆ ก็พอแล้ว
เย่เฉินสำทับ “ไม่ต้องรู้สึกผิดนะที่หลอกเหอเหวินเจี้ยนไป ฟังจากคำพูดแม่นาย นายน่าจะเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง เหอเหวินเจี้ยนก็คงจะไม่ใช่อานายจริงๆ”
“ฮือๆ”
หลังจากที่หวังเอ้อร์เชอได้ยินแล้วก็ฟุบหน้าลงไปร้องไห้
……
สามวันต่อมา
เย่เฉินมารับฉินหงเหยียนที่สนามบินนานาชาติเทียนไห่
ฉินหงเหยียนและเหอเหวินเจี้ยนกลับมาพร้อมกัน เห็นเหอเหวินเจี้ยนแล้วเย่เฉินอยากจะซ้อมเขาสักยก
ทว่าอย่างไรเสียหมอนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกลู่นอกทางกับฉินหงเหยียนจริงๆ อีกทั้งตอนนี้หมอนี่ยังมีประโยชน์ให้เขาได้ใช้
เหอเหวินเจี้ยนเองก็ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้เขาตกหลุมพรางที่เย่เฉินขุดเอาไว้ กลายเป็นหนึ่งในหมากของเขาแล้ว
เห็นเย่เฉินแล้ว เขาก็ถามด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง “อ้อ หัวหน้าแผนกเย่มาด้วยเหรอ ตอนนี้ที่แผนกอบรมบุคคลากรเป็นยังไงบ้าง?”
ณ โรงงานร้าง ในเขตชานเมืองเทียนไห่
เสี่ยวหวังพล่ามต่อ “ผมเองก็ไม่รู้ว่ากลยุทธ์สร้างความเข้าใจผิดของเหอเหวินเจี้ยนกับเอาคะแนนจากการแปะลูกบาสนั้นหมายความว่ายังไง ผมก็แค่อยากจะทำให้คุณเข้าใจผิดเท่านั้นเอง”
เพี้ยะ!
เย่เฉินฟาดฝ่ามือประทับลงไป อ้คนสกปรกนี่ทำให้เย่เฉินขยะแขยง ทำให้ในสิบกว่านาทีนั้นของเย่เฉินเป็นช่วงเวลาที่แสนยากลำบากเหลือเกิน
“คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้ จะเป็นละครตบตาฝีมือของนายกับเหอเหวินเจี้ยน หึ พวกนายนี่แน่จริงๆ ถึงกับกล้าแสดงละครตบตาฉันแบบนี้!”
เย่เฉินหัวเสียอย่างยิ่ง เขาไม่มีทางปล่อยให้จบไปง่ายๆ แบบนี้!
“เอามือถือของนายออกมา” เย่เฉินพุ่งพรวดไปคุยกับเสี่ยวหวัง
“พี่ชาย พี่จะเอามือถือผมไปทำอะไรครับ?” เสี่ยวหวังไม่ได้ส่งโทรศัพท์ของตนเองให้อีกฝ่ายในทันทีทันใด
หลิวเจิ้งคุนเตะเขา “บอกให้เอามาก็เอามาเถอะน่า อย่าพูดไร้สาระ!”
ชายหนุ่มอายุน้อยเช่นเสี่ยวหวังคนนี้นั้น ไม่ได้เป็นคนสารเลวชั่วช้าไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี เพียงแต่ปากเสียไปหน่อย พูดจาไม่มีสัมมาคารวะ คนประเภทนี้นอกจากจะพูดมากไปหน่อยก็ไม่ได้มีอะไร
แต่ว่าพอมาเจอนักเลงหัวไม้แบบหลิวเจิ้งคุน พูดมากอีกสักคำ ก็รังแต่โดนซ้อมไปมากขึ้นอีกครั้ง
เสี่ยวหวังคนนี้ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลอีก เขารีบร้อนหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วส่งให้เย่เฉินอย่างเคารพ
“รหัส” เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น
รอบนี้เสี่ยวหวังว่าง่ายขึ้น “รหัสคือ 455667 คุณจะทำอะไรเหรอครับ?”
เย่เฉินระบายยยิ้ม “นายชอบแสดงละครไม่ใช่หรือไง? ฉันก็จะให้นายได้ลองลิ้มรสบ้างน่ะสิ”
เย่เฉินกล่าวกับหลิวเจิ้งคุน “หาลูกน้องสักคนมา ถ่ายรูปกับหนูน้อยเสี่ยวหวังของเราหน่อย แล้วแชร์รูปลงในโซเชียลด้วยนะ”
เสี่ยวหวังกลืนน้ำลายอย่างตึงเครียด “พี่ครับ ลูกผู้ชายเราฆ่าได้หยามไม่ได้ พวกพี่อย่าทำอะไรเหลวไหลนะครับ!”
ถึงปากจะบอกฆ่าได้หยามไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ดึงดันจะเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง
ทั้งสองคนถ่ายรูปคู่ที่แสนสนิทชิดเชื้ออย่างราบรื่น จากนั้นก็แชร์รูปนั้นลงในโซเชียลของเด็กเสี่ยวหวังคนนี้แล้วเขียนแคปชันว่า
“ขอสารภาพเลยแล้วกัน ผมเป็น LGBTQ+ ผมชอบผู้ชายครับ!”
โพสต์นี้ของเสี่ยวหวังที่แชร์ลงในโซเชียลไม่ได้ปิดกั้นการมองเห็นจากใครทั้งนั้น เพื่อนในโซเชียลของเขานั้นก็ไม่น้อย แค่แชร์ลงไป โซเชียลก็เป็นประเด็นร้อนอย่างมากทันที
สีหน้าเสี่ยวหวังไม่ใคร่สู้ดี เขารู้ว่าทันทีที่เรื่องนี้ถูกแชร์ในโซเชียลของเขาแล้ว เขาก็จะไม่สามารถมีหน้าอยู่ในแวดวงเพื่อนพวกนี้ได้อีกแล้ว พวกเพื่อนๆ ต่างต้องมองเขาอย่างมีทิฐิแน่!
ในอนาคตจะดื่มเหล้า เล่นสนุกไม่มีทางตามเขาไปเที่ยวด้วยแล้ว
ทว่านั่นยังไม่ใช่ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด
เหล่าหวังพ่อของเขาโทรมาอย่างรวดเร็ว
“รับสิ” เย่เฉินกดเปิดลำโพง แล้วให้เสี่ยวหวังคุยสาย
“ครับพ่อ”
เหล่าหวังที่อยู่ปลายสายระเบิดโทสะ “แกมันเดียรัจฉาน! แชร์อะไรบ้าๆ ลงในโซเชียลน่ะ! เล่นเกมผีบ้าอะไรใช่ไหม รีบลบเลยเดี๋ยวถ้าให้ญาติๆ เราเห็นเข้าอายตายชัก! เพื่อร่วมงานของฉันตั้งหลายคนมีวีแชทแก แกรีบลบเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เสี่ยวหวังอยากจะอธิบายกับบิดาตนเองใจจะขาด แต่เมื่อแหงนหน้ามองท่าทางตึงเครียดของเย่เฉินก็ไม่กล้าอธิบายอะไรทำได้เพียงกล่าว
“พ่อครับ! ผมไม่ได้เล่นเกมหรอกครับ นี่เรื่องจริง! ขอโทษด้วยะนครับพ่อ ตระกูลหวังของเราคงไม่มีทายาทแล้ว ผมต้องขอโทษพ่อกับแม่ด้วย ฮือๆ”
เสี่ยวหวังพูดไปร้องไห้ไป
เหล่าหวังที่อยู่ปลายสายจู่ๆ ก็หายใจไม่ออก “แก…แก…แกมันลูกอกตัญญู! ฉันไม่มีลูกแบบแกอีกต่อไป!”
เมื่อบิดาของเขาวางสายไปแล้ว มารดาของเขาก็โทรมาต่อ
“แม่ครับ”
“ลูกจ๋า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อก่อนลูกก็มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดนี่นาไม่ใช่เหรอ? แม่ครับ แฟนผู้หญิงเมื่อก่อนที่ผมบอกน่ะ ผมแค่โกหกครับ ขอโทษด้วยนะครับ แม่ทำให้แม่กับพ่อต้องขายหน้าแล้ว”
ยิ่งพูดก็ยิ่งคล่องปาก ไม่ได้มีอะไรเสียหายไปเสียหน่อย พอถึงตอนนั้นกลับบ้านไปค่อยอธิบายให้พวกเขาฟังก็ได้แล้วนี่นา!
เขารู้สึกว่าวิธีแบบนี้ของเย่เฉิน ไม่เห็นจะโหดตรงไหน ทำร้ายเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ!
มารดาของเสี่ยวหวังกล่าว “นี่ เรื่องนี้รอลูกกลับมาก่อนแล้วค่อยคุยกันเถอะนะ ลูกกอยู่กับแฟนไปก่อนนะ ระวังตัวด้วย”
พูดจบก็วางสายไป
“ฮ่าๆ”
หลิวเจิ้งคุนและลูกน้องของเขา ต่างก็อดหัวเราะไม่ได้
หลิวเจิ้งคุนกล่าวกับเสี่ยวหวัง “ไอ้หนุ่ม นายต้องขอบคุณคุณชายเย่ของพวกเรานะ ถ้าไม่ได้คุณชายของพวกเรา นายคงไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง”
ลูกน้องของหลิวเจิ้งคุนเหน็บแนม “ไม่แน่ว่านายอาจจะอยู่ๆ ก็ค้นพบตัวเองก็ได้นะ นายเก่งนี่น้องชาย”
เสี่ยวหวังร้องไห้ออกมาทันที
ทว่านี่ยังไม่จบ เมื่อมีอีกสายโทรเข้ามา ครั้งนี้หลิวเจิ้งคุนเป็นฝ่ายช่วยกดรับสายให้เขา
“ฮัลโหล”
“หวังเอ้อร์เชอ นายมันคนสารเลว นายป่วยเป็นโรคหรือเปล่า?”
ปลายสายเป็นผู้หญิง ดูแล้วน่าจะเคยมีอดีตกับคนตรงหน้า
เสี่ยวหวังย่อมต้องอยากบอกว่าตนเองไม่ได้ป่วย แต่เมื่อเห็นแววตาน่ากลัวของเย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนก็จำเป็นต้องกล่าว
“ถูกต้อง ฉันป่วย ทำไมล่ะ!”
ผู้หญิงที่อยู่ในปลายสายกรีดร้อง “หวังเอ้อร์เชอ แกมันเดียรัจฉาน! เป็นบ้าหรือไงถึงต้องเอาโรคมาปล่อยฉัน! ถ้าฉันกับแฟนเกิดติดโรคขึ้นมา รอตายได้เลย”
พูดจบก็กดวางสายไป
เย่เฉินมองหวังเอ้อร์เชอ ที่แท้แล้วเด็กนี่ก็อ่อยพวกผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ผลลัพธ์แบบนี้ถือว่าสมน้ำหน้าแล้ว
“แย่แล้วๆ ผัวของผู้หญิงคนนั้นทำงานรับเหมาก่อสร้าง ถ้าเขารู้แล้วต้องเอาคนมาตอนฉันแน่!”
หวังเอ้อร์เชอมีท่าทางผิดหวัง
ในตอนนี้เย่เฉินเดินไปหาแล้วถาม “เป็นยังไงล่ะ โดนคนจัดฉากชอบไหม?”
หวังเอ้อร์เชอกล่าวพลางร้องไห้ “ไม่สนุกเลยครับ ผมไม่กล้าแล้ว ผมสำนึกผิดแล้ว…”
“ชิ”
โชคดีที่เย่เฉินเป็นคุณชายตระกูลึกลับที่มีอิทธิพล ถ้าเป็นคนธรรมดาล่ะก็ เกรงว่าไม่มีทางจะรู้เรื่องของแฟนสาวที่อยู่ไกลออกไปเป็นพันกว่ากิโลเมตรได้ภายในห้านาที
แต่ว่าเรื่องนี้จะลงโทษหวังเอ้อร์เชอคนเดียวไม่ได้ อย่างมากเขาก็แค่หาเรื่องตนเองแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
แต่ว่าเหอเหวินเจี้ยนเองกลับอยากจะฉวยโอกาสในครั้งนี้ทำให้เย่เฉินกับฉินหงเหยียนเลิกกัน!
“จะต้องทำให้เหอเหวินเจี้ยนอยู่ห่างๆ ฉินหงเหยียน แล้วไสหัวออกไปจากบริษัทไป๋ลี่ด้วย!”
เสี่ยวหวังที่เป็นคนขับรถผู้นี้เคยเจอเย่เฉินแค่ครั้งเดียว อีกทั้งยังเห็นกันแบบไกลๆ เสียด้วย ฉินหงเหยียนไม่เคยแนะนำให้พวกเขาสองคนรู้จักกัน
บวกกับที่เสี่ยวหวังถูกความน่ากลัวของเย่เฉินเขย่าประสาทเข้า จึงมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นแฟนหนุ่มของฉินหงเหยียน
เย่เฉินแค่นเสียงพลางก้าวขึ้นไปคว้าคอเสื้อเสี่ยวหวังแล้วจึงเอ่ยถาม “นายมีวิธีหาเบอร์โทรศัพท์ฉันจนเจอ แต่กลับไม่รู้ว่าฉันหน้าตาเป็นยังไงงั้นเหรอ?”
“เบอร์โทรศัพท์งั้นเหรอ?”
เสี่ยวหวังคิดในใจว่าตนเองเคยไปสืบเบอร์โทรศัพท์คนอื่นเมื่อไหร่?
แล้วทันใดนั้นเองเสี่ยวหวังก็มองเย่เฉินด้วยความหวาดกลัว “นายคือไอ้ไก่อ่อนของฉินหงเหยียนคนนั้นเหรอ?”
เพี้ยะ!
คราวนี้เย่เฉินยังไม่ได้ลงมือ หลิวเจิ้งคุนที่ได้ยินเสี่ยวหวังดูถูกเย่เฉินก็สาวเท้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วแล้วประเคนฝ่ามือให้เสี่ยวหวัง
“ไอ้เด็กเปรต นายเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม! ถึงได้เรียกคุณชายเย่แบบนี้!”
หลิวเจิ้งคุนก่นด่าเสี่ยวหวัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอำมหิต
เสี่ยวหวังตกใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วถึงได้ตระหนักว่าเย่เฉินไม่ใช่ไก่อ่อน แต่เป็นคนระดับลูกพี่ทีเดียว!
“ขอโทษด้วยนะครับพี่เย่! ผมนี่มันมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จริงๆ ว่าพี่เป็นคนใหญ่คนโต ถ้ารู้แต่แรกว่าพี่ใหญ่ขนาดนี้ต่อให้ผมใจกล้ามากกว่านี้ ผมก็ไม่กล้าหาเรื่องพี่หรอกครับ!”
เสี่ยวหวัง เป็นคนขี้ขลาด เขาคุกเข่าขอโทษเย่เฉินอย่างรวดเร็ว
เย่เฉินมองเขา “ ฟังจากคำพูดของนายแล้ว ถ้าฉันไม่ใช่คนใหญ่คนโต ถ้าฉันไม่มีลูกน้องพวกนี้นายก็กล้าหาเรื่องฉันล่ะสิ?”
ตุบ!
เย่เฉินเตะอีกฝ่าย “ ไอ้พวกรังแกคนไม่มีทางสู้!”
สังคมในปัจจุบันนี้ มีคนสารเลวแบบหมอนี่เป็นจำนวนมาก รังแกคนไม่มีทางสู้ ถ้าเห็นคุณไม่มีเส้นสายอะไร ก็จะจงใจหาเรื่องคุณ ล่วงเกินคุณ รังแกคุณ
แต่ทันทีที่รู้ว่าคุณมีคนหนุนหลังอยู่ก็แทบจะกราบกรานเข้าหา!
เย่เฉินเหยียดหยามคนประเภทนี้ที่สุดถ้าหากว่าเกลียดเขาแล้วก็น่าจะลงมือทำร้ายกันซึ่งหน้าเช่นนั้นแล้วถึงจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เขาชื่นชม!
แต่เสี่ยวหวังคนนี้ใจป๊อดมากจริงๆ!
“ว่ามา ทำไมต้องส่งข้อความอันนั้นให้ฉันด้วย” เย่เฉินถามอีกฝ่าย
หลิวเจิ้งคุนย้ายเก้าอี้ให้เย่เฉินนั่งลงอย่างรวดเร็วแล้วตะคอกเสี่ยวหวัง “ไอ้เด็กเลว บอกมาตามตรงเลยนะ ถ้าพูดโกหกแค่นิดเดียวล่ะก็ ฉันจะทำให้แกไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์วันพรุ่งนี้เลย!”
เสี่ยวหวังคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉิน “ครับๆ ผมพูดแล้วครับก็เมื่อสองวันก่อน…”
……
สองวันก่อนหน้านี้ ที่บริษัทไป๋ลี่ ณ ห้องทำงานของฉินหงเหยียน
เสี่ยวหวังที่เป็นคนขับรถ จู่ๆ ก็ผลีผลามผลักประตูเข้ามาแล้วตะคอกใส่หญิงสาว “ฉินหงเหยียน คุณไล่ผมออกทำไม! คุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่ผม!”
ชายหนุ่มพูดอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะเพิ่งถูกเลิกจ้างมาจึงทำให้โมโหอย่างมาก
แต่อีกฝ่ายกลับวางท่า นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบนิ่งไม่มีท่าทีตกใจเพราะ เจ้าหล่อนเชื่อมั่นว่าต่อให้อีกฝ่ายลงไม้ลงมือก็ตามแต่ ตนเองก็ยังสามารถกำราบเขาได้ภายในสามกระบวนท่า
“เพราะนายปากมากเกินไป” ฉินหงเหยียนจ้องเขาเขม็ง ไม่มีท่าทางเกรงใจแม้แต่น้อย
ที่จริงแล้ว นี่ถือว่าหล่อนไว้หน้าอีกฝ่ายมากแล้ว นี่ยังเห็นแก่ว่าเขาเป็นญาติกับเหอเหวินเจี้ยนดังนั้นหญิงสาวถึงยอมพูดเรื่องพวกนี้กับเขา
ให้เขารู้สาเหตุเอาไว้ ต่อไปในอนาคตเวลาทำงาน อย่างน้อยๆ จะได้ฉลาดเสียหน่อย อย่าไปทำให้หัวหน้ารำคาญ
ถ้าหากว่าเป็นคนทั่วๆ ไป หล่อนอยากจะไล่ออกก็สามารถทำได้เลย ไม่จำเป็นต้องมาอธิบายเหตุผลด้วยซ้ำไป!
แต่เสี่ยวหวังกลับไม่ยอมลดละ “ผมพูดมากแล้วมันทำไม? มีปากให้เอาไว้พูดไม่ใช่หรือไง? ผมทำงานไม่ขาดตกบกพร่องก็น่าจะพอแล้ว มีครั้งไหนบ้างที่คุณจะไปนั่นไปนี่แล้วผมไม่ได้ไปส่งคุณจนถึงจุดหมายปลายทางเหรอ? ฉินหงเหยียนคุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร? ผมแม่งยอมเป็นคนขับรถ เปิดปิดประตูปรนนิบัติคุณ ผมก็กล้ำกลืนฝืนทนมากแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณจะมีหน้ามาไล่ผมออก?”
ในวินาทีนั้นที่เขาระเบิดอารมณ์ออกมา หญิงสาวก็ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์
ตอนนี้คนที่สามารถพูดจาหยาบคายได้ต่อหน้าหญิงสาวมีแค่เย่เฉินเพียงคนเดียว
แล้วเหอเหวินเจี้ยนก็พุ่งพรวดเข้ามาพอดี คว้าแขนของเสี่ยวหวังแล้วลากอีกฝ่ายออกไปด้านนอก พลางกล่าวกับหญิงสาว
“ขอโทษด้วยนะครับคุณฉิน เสี่ยวหวังเขาใจร้อนไปหน่อย คุณอย่าถือสาหาความเลยนะครับ ผมจะลากเขาออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
เหอเหวินเจี้ยนลากหลานชายไปที่ลานจอดรถใต้อาคารของบริษัท
ฟากหลานชายยังไม่ลดละ เขากล่าวกับผู้เป็นอาเขยว่า “อาครับ ลากผมลงมาทำไม? ขอผมด่าแม่นั้นอีกหน่อยให้สะใจสักหน่อยก็ยังดี!”
เพี้ยะ!
เหอเหวินเจี้ยนฟาดฝ่ามือใส่หลานชายแล้วตะคอก “ห้ามแกด่าฉินหงเหยียน!”
เสี่ยวหวังกุมหน้าด้วยท่าทีตื่นตระหนก เขาแทบไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าอาเขยจะตบเขาลง
เขามีท่าทีเศร้าสร้อยก่อนจะโพล่งถาม “อาครับ อาชอบฉินหงเหยียนเหรอครับ?”
เหอเหวินเจี้ยนรีบร้อนปฏิเสธ “แกพูดเหลวไหลอะไร!”
เสี่ยวหวังยิ้ม “สบายใจเถอะครับ ผมไม่ไปบอกคุณอาผู้หญิงหรอกครับ ผู้ชายน่ะครับ เข้าใจได้ สวยๆ อย่างฉินหงเหยียน จะผู้ชายอายุ 18 หรือ 68 ขอแค่เป็นผู้ชายก็น่าจะชอบหล่อนทั้งนั้น คนไม่ชอบหล่อนต่างหากครับถึงจะประหลาด”
“จริงสิ อาเคยนอนกับหล่อนรึยังครับ?”
คราวนี้ผู้สูงวัยไม่ปฏิเสธแต่ตอบ “หล่อนมีแฟนแล้ว!”
เสี่ยวหวังกล่าว “มีแฟนแล้วยังไง? ยุคสมัยนี้ก็แล้วมีแฟนก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรแล้วอีกอย่างแฟนของหล่อนคนนั้นก็เป็นแค่ไก่อ่อน อย่าไรเสียอาก็เป็นตั้งรองประธานผู้บริหารบริษัทเลยนะครับ น่าจะมีจุดเด่นกว่าหมอนั่นเป็นหมื่นเท่าไม่ใช่หรือไง?”
เหอเหวินเจี้ยนส่ายหน้า “มีเงินแล้วจะมีประโยชน์อะไร ฉินหงเหยียนเองก็มีเงิน หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆ ที่จะยอมนอนกับใครหรือมีลูกกับใครเพียงเพราะเงินไม่กี่ล้านหรอก หล่อนน่ะรักเด็กนั่นจริงๆ”
เสี่ยวหวังหัวเราะร่วน “ในยุคสมัยนี้ สิ่งที่ผมไม่เชื่อที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องรักแท้นี่แหละครับ! คุณอาผมช่วยออกไอเดียให้ อาน่ะใช้เงินสักสองหมื่นจ้างผู้หญิงสวยๆ ไปอ่อยเด็กของฉินหงเหยียนสิครับแล้วก็ไปฟ้องหล่อน! พอถึงตอนนั้นฉินหงเหยียนคงทิ้งหมอนั่นแน่ แล้วอากับหล่อนก็จะมีโอกาสได้สานสัมพันธ์กันไม่ใช่หรือไงครับ?”
เหอเหวินเจี้ยนจุดบุหรี่แล้วกล่าว “แกคิดว่าฉันไม่เคยลองหรือไง? ฉันใช้เงินไปเกือบแสน จ้างพวกสาวแบ๊ว สาวโหด สาวอะไรสารพัดไปตีสนิทหมอนั่น แต่เด็กนั่นกระทั่งมองยังไม่มองเลย! พอขอวีแชทเขาก็ปฏิเสธ!”
เย่เฉินเป็นคนระดับไหนรสนิยมอยู่ในขั้นไหนกัน?
พวกลูกไก่ลูกกาที่เหอเหวินเจี้ยนหามา ไหนเลยจะเข้าตาเขา!
เสี่ยวหวังเองก็จุดบุหรี่แล้วพึมพำ “ในเมื่ออ่อยเย่เฉินไม่ได้ งั้นเราก็เล่นงานฝั่งฉินหงเหยียนสิครับ หล่อนชอบออกกำลังมากไม่ใช่เหรอครับ? หนำซ้ำยังชอบวิ่งบนลู่เป็นพิเศษด้วย?”
เหอเหวินเจี้ยนพยักหน้ารับ “ออกไปทำงานต่างจังหวัดกันหลายๆ ครั้ง เวลาว่างๆ หล่อนก็มักจะไปวิ่งบนลู่ บางครั้งก็โยคะอยู่ในห้อง สวยมีเสน่ห์จริงๆ”
เสี่ยวหวังหัวเราะ แล้วจึงบอกความคิดสกปรกของเขาให้ผู้เป็นอาฟัง
“อาว่าถ้าตอนเย่เฉินโทรหาฉินหงเหยียนแล้วหล่อนกำลังวิ่งอยู่บนลู่ จู่ๆ อาก็ทำให้หล่อนร้องขึ้นมาสักรอบ เขาคงจะ…”
เหอเหวินเจี้ยนยิ้มพลางขยี้หัวหลานชาย “เด็กบ้า นายเองก็ยังอุตส่าห์จะสรรหาความคิดบ้าๆ แบบนี้ออกมาได้นะ! ใช้ได้ความคิดแบบนี้ดีใช้ได้เลยนี่ ทำให้เย่เฉินเข้าใจฉินหงเหยียนผิด เย่เฉินอาจจะเลิกกับหล่อนก็ได้หลังจากที่รู้ว่าโดนสวมเขา แต่ในฐานะลูกผู้ชาย เขาจะต้องรู้สึกเสียหน้าอยากเอาคืนหล่อนแน่ๆ พอตอนนั้นฉันก็จะหาผู้หญิงสักคนให้ไปตีสนิทกับเขา น่าจะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นแน่
ทันทีที่ฉินหงเหยียนจับได้ว่าเย่เฉินทำเรื่องผิดต่อหล่อน ทั้งสองคนจะต้องเลิกกันแน่ ก็เหมือนกับการได้คะแนนเพราะชู้ตบาสนั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องโยนให้ลงห่วง แค่ไปแปะแป้นมันก็นับคะแนนแล้ว! คราวนี้เราก็ใช้แผนโยนลูกบาสให้ไปแปะแป้นก็พอ ก็แค่ทำให้สองคนนั้นเลิกกันให้ได้!”
เดิมทีเย่เฉินไม่คิดว่าพวกเขาสองคนนั้นทำเรื่องที่ผิดต่อเขา
แต่พอคิดถึงว่าตนเองเคยทำเรื่องผิดต่อหญิงสาว เย่เฉินก็เกิดหวาดกลัวจับใจ!
ทุกคนต่างก็มีความคิดอยากจะล้างแค้นกัน ตอนนั้นที่เย่เฉินจุมพิตกับหวังเจียเหยา ก็เป็นเพราะหวังเจียเหยาต้องการจะเอาคืนหลิ่วอวี่เจ๋อ!
ถ้าหากว่าหวังเจียเหยาเอาเรื่องนี้ไปบอกฉินหงเหยียน บางทีเจ้าหล่อนอาจจะไม่เลิกกับเขาแต่ไม่มีทางที่ไม่โกรธเขาเลย
ด้วยอารมณ์โมโหบวกกับที่เหอเหวินเจี้ยนนั่นชอบแทะโลมแฟนสาวของเขาบ่อยๆ ไม่แน่ว่าฉินหงเหยียนอาจจะเอาคืนเขาโดยอารมณ์หุนหันพลันแล่นเช่นกัน!
เย่เฉินหดหู่อย่างยิ่ง ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้เขาก็คงจะสารภาพกับฉินหงเหยียน ยอมรับผิดกับหญิงสาวตั้งนานแล้ว!
ถ้าหากฉินหงเหยียนเองก็เอาคืนเย่เฉินโดยการไปนอนกับเหอเหวินเจี้ยน งั้นเย่เฉินเองก็ไม่รู้แล้วว่าควรจะคบหากับหญิงสาวต่อไปอย่างไร!
เย่เฉินร้อนรนแล้วรีบร้อนโทรหาแฟนสาว
“ขออภัยด้วยค่ะ ไม่สามารถติดต่อหมายเลขที่ท่านเรียกได้ในขณะนี้”
โทรไม่ติดแล้ว!
ตัวฉินหงเหยียนอยู่ที่เมืองเซิ่งหยางที่อยู่ไหลออกไปเป็นพันกว่ากิโลเมตร เย่เฉินไม่สามารถไปปรากฏตัวต่อหน้าหญิงสาวได้ในตอนนี้
ต่อให้นั่งเครื่องบินไป ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนคิดจะทำอะไรกับเหอเหวินเจี้ยน ต่อให้ไปถึงอะไรๆ ก็คงเสร็จสิ้นไปแล้ว
เย่เฉินต่อยกำแพงอย่างหัวเสีย เขาเกลียดชังความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้!
ในหัวสมองของเขาย้อนนึกถึงน้ำเสียงที่หญิงสาวพูดกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งย้อนคิดก็ยิ่งเหมือนเสียงหวังเจียเหยาและฟางเชา ที่เขาเคยได้ยินจากในอีเมลล์ !
หรือว่าเขาจะต้องโดนแฟนทรยศอีกครั้ง?
“ไม่ ฉันต้องหาความจริงให้ได้!”
ถ้าหากว่าตอนนี้เขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าความจริงคืออะไรกัน แล้วรอจนฉินหงเหยียนกลับมาอธิบาย ถ้าหญิงสาวบอกว่าไม่มีอะไร เขาก็อาจจะไม่เชื่อหล่อน
ทันทีที่ระหว่างพวกเขาเกิดคลางแคลงใจใจกันและกัน งั้นก็ยากจะก้าวเดินต่อไปนานๆ
ดังนั้นเย่เฉินจึงโทรหาพ่อบ้านฟาง “พ่อบ้านฟางครับ ตระกูลเรามีคนรู้จักที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในเซิ่งหยางบ้างไหม?”
พ่อบ้านฟางกล่าวพลางยิ้ม “เซิ่งหยางเป็นเมืองใหม่ลำดับต้นของฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ คุณชายอยากจะทำอะไรบอกผมได้ไหมครับ เดี๋ยวผมไปจัดการให้”
สิ่งที่เย่เฉินต้องการจะทำก็คือ เขาอยากรู้ว่าตอนนี้แฟนสาวของตนเองทำอะไรกันแน่!
เรื่องที่หญิงสาวนอกใจเขาไปคบหาเหอเหวินเจี้ยน ตอนนี้ยังเป็นแค่ข้อสันนิษฐาน ก่อนอื่นเย่เฉินก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อใจแฟนสาวของตนเอง!
หากว่าเชื่อใจหล่อน เชื่อใจว่าหล่อนวิ่งอยู่บนลู่จริงๆ
อย่างนั้นแล้วในวินาทีนี้พิกัดที่ฉินหงเหยียนอยู่ก็น่าจะอยู่ที่ฟิตเนสชั้น 5 ของโรงแรม Grand Hyatt
เย่เฉินกล่าวว่า “ผมอยากรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงแรมตอนนี้เลย! จะให้ดีช่วยถ่ายคลิปมาให้หน่อย!”
“รับทราบ!”
ห้านาทีต่อมา
ณ โรงแรม Grand Hyatt จู่ๆ กระจกของฟิตเนสก็แตกออกมา!
เคร้ง!
“อ๊าก!”
คนที่กำลังออกกำลังกายอยู่ ต่างก็ลนลานทำอะไรไม่ถูก แล้วกรีดร้องเสียงดัง
จากนั้นโดรน Faccon no.8 ราคาแสนห้าตัวหนึ่งก็บินทะลุเข้ามา
โครนตัวนี้บรรจุกล้อง Lumix ที่ใช้ถ่ายรูปโดยเฉพาะ รวมไปถึง FLIR TAU2640 ที่เป็นกล้องจับอุณหภูมิด้วย
โดรนบินวนช้าๆ ในชั้นนี้ แล้วถ่ายหน้าทุกคนในชั้น
แต่ในเวลานี้ภาพที่กล้องจับได้นั้นก็ปรากฏขึ้นที่จอภาพตรงหน้าเย่เฉินที่อยู่ไกลถึงเทียนไห่!
เย่เฉินเห็นฉินหงเหยียนอยู่ข้างๆ ลู่วิ่งผ่านจอมือถือ สวมชุดออกกำลังกายรัดรูป ทำให้เห็นเรือนร่างชัดเจน แต่เสื้อผ้าเรียบร้อย ไม่มีเสื้อผ้ายับเยิน
เหอเหวินเจี้ยนอยู่ข้างกายหล่อนจริงๆ เหอเหวินเจี้ยนเองก็กำลังสวมชุดออกกำลังกายยี่ห้อ Nike ทั้งตัว
เพราะการมาถึงของโดรนและการระเบิดของกระจกทำให้ตกใจจนไปซ่อนที่มุม
“โอเค กลับมาได้แล้ว”
เย่เฉินพูดคุยกับใครบางคนที่เขาไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนที่เซิ่งหยาง
“ครับคุณชาย!” หลังจากที่คนฝั่งนั้นรับคำ โดรนก็บินจากไปอย่างรวดเร็ว
ณ โรงแรม Grand Hyatt เซิ่งหยาง เมื่อเห็นโดรนบินไป เหอเหวินเจี้ยนเองก็ค่อยๆ เดินออกจากมุมแล้วตะโกนเสียงดัง “โรงแรมห่วยๆ แห่งนี้ทำไมถึงได้ดูแลแย่แบบนี้! ผมจะไปร้องเรียน! หงเหยียนคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เหอเหวินเจี้ยนพูดไปพลาง แสร้งทำเป็นห่วงใยแล้วฉวยโอกาสแตะมือหล่อน
ฉินหงเหยียนสะบัดเหอเหวินเจี้ยนทิ้ง “ขอบคุณคุณเหอที่เป็นห่วงนะคะ ขอแค่คุณไม่จงใจชนฉัน ฉันว่าฉันก็คงไม่เป็นอะไร”
เมื่อครู่ฉินหงเหยียนกำลังวิ่งบนลู่จริงๆ จากนั้นก็วิ่งไปพลางคุยโทรศัพท์กับเย่เฉิน
แต่ว่าพูดไปอยู่นั้น เหอเวินเจี้ยนที่เดิมอยู่บริเวณฝั่งขวาของลู่วิ่ง จู่ๆ ก็พุ่งพรวดมาทางหล่อน ถึงได้ทำให้หล่อนตกใจกรีดร้องออกมา
จากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาสัญญาณก็โทรศัพท์หายไป
ฉินหงเหยียนมองโทรศัพท์ เหมือนว่าสัญญาณจะกลับมาแล้ว ก็รีบโทรกลับหาเย่เฉิน
เย่เฉินรับสายอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหลที่รัก” เย่เฉินยิ้มกว้าง เขาเพิ่งจะมั่นใจว่าหญิงสาวไม่ได้ทรยศเขา จึงดีใจอย่างมาก!
ทั้้งหมดนี้เป็นเพียงความระแวงไปเอง สิบกว่านาทีเมื่อครู่ สำหรับเย่เฉินแล้วเหมือนเนิ่นนานแรมปี!
เพราะเย่เฉินรักฉินหงเหยียนมากเกินไป ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนเลือกจะล้างแค้นเขาสักครั้ง เย่เฉินก็คงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ทั้งสองคนไม่ได้ตั้งใจจะมีความสัมพันธ์ที่คิดว่าจะเลิกก็เลิก
ฉินหงเหยียน “เย่เฉิน ฝั่งฉันสัญญาณไม่ค่อยดีเมื่อกี้เลยตัดไป คุณไม่คิดมากใช่ไหมคะ?”
เย่เฉินกล่าว “ไม่คิดมากอยู่แล้ว ผมจะคิดมากอะไรไป หรือว่าจะให้เข้าใจผิดระหว่างคุณกับเหอเหวินเจี้ยนเหรอ? แต่ผมรู้สึกว่าเหอเหวินเจี้ยนคนนี้คิดไม่ซื่อกับคุณ เวลาคุณอยู่กับเขาทางที่ดีระวังมากๆ หน่อย เขาสั่งอะไรให้คุณดื่มล่ะก็อย่าดื่มเชียว”
“ค่ะ ฉันรู้แล้ว”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกสักครู่ก็กดวางสายไป
วางโทรศัพท์เสร็จแล้ว โทสะของเย่เฉินก็ปะทุออกมา!
“แม่งเอ้ย กล้าป่วนประสาทฉันเรอะ!”
เย่เฉินรีบส่งต่อเบอร์ที่ส่งข้อความมาให้เขาไปให้กับหลิ่วเจิ้งคุน “ช่วยฉันหาเจ้าของเบอร์หน่อย พอหาเจอแล้วก็จับหมอนั่นมา!”
หลิวเจิ้งคุนตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ครับ!”
เบอร์โทรศัพท์นี้เป็นเบอร์ของเทียนไห่ สมัยนี้ต่างจากที่ผ่านๆ มา เบอร์มือที่ใช้ลงทะเบียนนั้นต้องใช้ชื่อ-นามสกุลจริง และยังมีหน้าถ่ายภาพหน้าด้วย
ดังนั้นหลิวเจิ้งคุนจึงควานหาตัวหมอนั่นได้อย่างรวดเร็ว
สองทุ่มครึ่ง
ณ โรงงานร้างที่นอกเมืองเทียนไห่
เย่เฉินขับรถ Porsche ของฉินหงเหยียนมาที่นี่
“คุณชายเย่!”
“คุณชายเย่!”
หบิวเจิ้งคุนและลูกน้องของเขาต่างก็ทักทายเย่เฉิน
“หมอนั่นล่ะ?” เย่เฉินถามเสียงเย็นชา
“ข้างในครับ” หลิวเจิ้งคุนตอบ
เย่เฉินเดินเข้าไปด้านในก็พบว่าเป็นคนคุ้นเคย
นั่นก็คือเสี่ยวหวังคนขับรถคนเก่าของฉินหงเหยียน
เย่เฉินนึกถึงสิบนาทีก่อนนี้ที่เขาเข้าใจแฟนสาวตัวเองผิด รวมไปถึงมโนภาพที่ตัวเองคิดเลอะเทอะ ก็ทำให้เพลิงโทสะเดือดปุดๆ!
เพล้ง!
ตุบ!
เย่เฉินเดินไปแล้วประเคนฝ่ามือใส่หน้าเสี่ยวหวัง จากนั้นก็เตะเขาโครมใหญ่!
เสี่ยวหวังถูกตบจนกระอักเลือด เขาคุกเข่าลงบนพื้นแล้วอ้อนวอน “พี่ครับ พี่ครับ อย่าซ้อมผมเลย! ผมกับพี่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ พี่ครับ พี่ดูให้ดีๆ ก่อนนะครับอย่าซ้อมคนผิดล่ะครับ!”
ฉินหงเหยียนเคยสัญญากับเขาว่าจะปิดบังอะไรกับเขา
แต่ไม่ได้แปลว่าหล่อนจะบอกเขาทุกเรื่อง
เรื่องที่เหอเหวินเจี้ยนชอบหล่อน ฉินหงเหยียนไม่ได้พูด หญิงสาวไม่ได้จงใจจะปิดบังแต่ไม่อยากพูดให้เย่เฉินต้องระคายหู
ผู้ชายที่ชอบเจ้าหล่อนมีมากมาย มนุษย์เพศชายที่อยู่กับหญิงสาวไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่คาดว่าน่าจะชอบหล่อนแทบทุกคน
ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนรู้ว่ามีผู้ชายสักคนชอบตนเองแล้วก็บอกแฟนหนุ่ม คิดว่าเย่เฉินคงมีเรื่องให้หัวเสียทุกวัน
ดังนั้นเจ้าหล่อนจึงไม่ได้พูดเรื่องที่เหอเหวินเจี้ยนชอบหล่อน แต่ในเมื่อตอนนี้เย่เฉินสังเกตเห็นแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม ฉินหงเหยียนย่อมไม่ปฏิเสธ
ถ้าหากเป็นผู้หญิงสารเลวอย่างหวังเจียเหยาคาดว่าคงจะตอบว่า “แหมที่รัก จะเป็นไปได้ยังไง นายคิดมากไปแล้ว พวกเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานธรรมดาๆ”
ส่วนฉินหงเหยียนกลับถามเย่เฉินอย่างตั้งอกตั้งใจ “เขาเคยสารภาพรักกับฉันจริงๆ ค่ะ แต่ว่าฉันปฏิเสธเขาไปอย่างชัดเจนแล้วแล้วก็บอกเขาแล้วว่าระหว่างฉันกับเขามันเป็นไปไม่ได้ ฉันเองก็ไม่อยากจะไปทำงานร่วมกับเขา แต่ว่าเขาทำงานที่ไป๋ลี่มานาน ถือว่าเป็นพนักงานเก่าแก่ ตอนนี้ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นประธานบริษัท แต่เกรงว่าก็ยังไม่สามารถไล่เขาออกได้ถามอำเภอใจ
ที่รัก คุณไม่สบายใจเหรอคะที่ฉันไปทำงานต่างจังหวัดกับเหอเหวินเจี้ยน?”
เย่เฉินยิ้มขณะลูบเรือนผมของแฟนสาว “จะเป็นไปได้ยังไงล่ะครับ ผมเชื่อใจคุณอยู่แล้วครับ ผมเคยเจอตาแก่เหอเหวินเจี้ยน หน้าตาเขาก็อัปลักษณ์ แก่ด้วย เงินก็ไม่ได้มีเท่าไหร่ ถ้าหากว่าคุณอยากจะได้แฟนแก่ คงจะเลือกสวี่ฉู่หมิงไปแล้ว ไม่มีทางเลือกเขาแน่ๆ”
คนที่สามารถทำให้เย่เฉินหวั่นใจได้มีแค่ตาแก่สวี่ฉู่หมิงเท่านั้น คนอย่างเหอเหวินเจี้ยนไม่คู่ควร
สวี่ฉู่หมิงเองก็กำลังตามจีบหญิงสาวใหม่อีกครั้ง ส่วนเหอเหวินเจี้ยนเองด้อยกว่าอีกฝ่ายในทุกด้าน
ดังนั้นถ้าหากว่าฉินหงเหยียนอยากจะหาผู้ชายที่ร่ำรวยและมีสถานะในสังคม หล่อนคงจะเลือกสวี่ฉู่หมิงไม่เลือกเหอเหวินเจี้ยน
ฉินหงเหยียนระบายยิ้ม “ขอบคุณนะคะที่รักที่คุณเชื่อฉัน!”
ในระหว่างคนรักและสามีภรรยา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องเชื่อใจกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่รักที่มักจะต้องแยกกันหรือไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ
แน่นอนว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคู่รักจำนวนมากที่มักจะมีปัญหากันเมื่อแยกกันอยู่ การระแวดระวังที่ควรต้องมีนั้นถือเป็นสิ่งจำเป็น
……
แล้วเวลาสองวันก็ผ่านไป
ตอนบ่ายวันนี้ เย่เฉินที่อยู่ในตึกขนาดใหญ่กำลังอบรมผู้หญิงกลุ่มหนึ่งจากแอลเบเนีย
แอลเบเนียเป็นประเทศเล็กๆ ในยุโรป ประเทศนี้จนมากเสียด้วย ถูกขนานนามว่าเป็นขอทานแห่งยุโรป
แต่ว่าผู้หญิงหน้าตาสะสวยในประเทศนี้มีจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นพวกหุ่นดีขายาวเสียด้วย
ในบรรดาผู้หญิงพวกนี้ ตอนนี้ยังมีคนใช้ Iphone4 อยู่เลย บางคนถึงขนาดที่ว่าหลังจากมาที่นี่ พวกหล่อนถึงได้รู้จักอะไรสักอินและ Tiktok ต่างก็ตกหลุมรักเจ้าแอพพลิเคชันตัวนี้อย่างรวดเร็ว
พวกหล่อนมีใบหน้าสะสวย แต่กลับไม่มีมาตรฐานชีวิตที่ดี
ผู้ชายในประเทศนี้มีเงินเดือนประมาณ 5000 หยวน ต่อให้ไม่มีบ้านพวกหล่อนก็ยอมแต่งงานกับเขา
ถ้าหากว่ามีบ้านและรถแล้วเลือกจะแต่งงานกับพวกหล่อน พวกหล่อนคงรู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ และคงรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากไม่เหมือนผู้หญิงที่นี่ที่จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สมควรจะเกิดขึ้น
ในตอนที่เย่เฉินกำลังคอยดูการอบรมนั้นเอง จู่ๆ มือถือของเขาก็ได้รับข้อความบางอย่าง
เป็นข้อความจากเบอร์ที่เขาไม่รู้จัก เนื้อความว่า
“นายคือแฟนของฉินหงเหยียนประธานไป๋ลี่ใช่ไหม? เหอะๆ ฉันเพิ่งเห็นแฟนนายไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น ถ้าไม่เชื่อก็ลองโทรหาฉินหงเหยียนดูได้”
เย่เฉินดูข้อความเสร็จแล้ว ในวินาทีนั้นในใจก็ไม่พอใจอย่างมาก
“เชี่ย ไอ้คนสารเลวคนไหนเป็นคนส่งมา! หรือว่าเป็นฝีมือหลิ่วอวี่เจ๋อ?”
เย่เฉินไม่เชื่อเนื้อหาในข้อความ แต่ก็เหมือนว่าเขาไม่เคยล่วงเกินใครในเทียนไห่มาก่อน
ตอนนี้ผู้ชายที่เกลียดชังเขาก็มีแค่สองคน คนหนึ่งคือหลิ่วอวี่เจ๋อ อีกคนก็คือสวี่ฉู่หมิงสวี่ฉู่หมิงเป็นถึงประธานบริษัทมูลค่าแสนล้าน อายุก็ปาเข้าไปห้าสิบกว่าปี เขาไม่มีทางทำเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้แน่
แต่เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นหลิ่วอวี่เจ๋อ แต่เขาก็เคยรับปากแล้วว่าจะสงบศึกกับเย่เฉินเป็นการชั่วคราว แล้วไม่หาเรื่องเขากับฉินหงเหยียนอีก
“หรือจะบอกว่าเพราะช่วงนี้ชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสเป็นรองไป๋ลี่อย่างหนัก ดังนั้นเขาถึงทนไม่ไหวแล้วเหรอ?”
มีความเป็นไปได้ แต่จากด้วยความเข้าใจที่เย่เฉินมีกับหลิ่วอวี่เจ๋อ เขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่น่าทำแบบนี้
ถ้าหากว่าไม่ใช่พวกเขาสองคนแล้ว ข่าวสารนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้!
ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน เขาถึงได้ส่งข้อความหาฉินหงเหยียน “ทำอะไรอยู่ครับ?”
ฉินหงเหยียนตอนนี้ยังอยู่ที่เซิ่งหยาง ตอนที่ทั้งสองคนโทรวีดีโอคอลกันเมื่อวาน หล่อนบอกว่าจะต้องรออีกสองวัน
แต่ห้านาทีผ่านไปก็ยังไม่มีการตอบกลับจากหญิงสาว
เย่เฉินเริ่มร้อนใจขึ้นมาแล้ว
ไม่ว่าผู้ชายคนไหนได้รับข้อความแบบนี้ก็ต้องกระวนกระวายใจกันทั้งนั้น
สิบนาทีผ่านไป หญิงสาวก็ยังไม่ตอบเขา
เย่เฉินเริ่มลนลาน!
เขาเริ่มทนไม่ไหว จึงอยากจะโทรศัพท์เพื่อยืนยันสักหน่อย
เพราะตอนนี้เป็นเวลาทำงาน เขาจึงไม่กดวีดีโอคอลไปหาอีกฝ่ายทันที หากว่าหล่อนกำลังประชุมหรือว่ากำลังคุยงานกับคู่ค้าที่สำคัญอยู่ก็จะเสียมารยาทอย่างมากทีเดียว
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกนาน ฉินหงเหยียนก็รับสายเสียที
เย่เฉินดีใจ ขอแค่ฉินหงเหยียนรับสาย ก็จะแปลว่าเนื้อหาในข้อความนั้นเป็นเรื่องโกหก
“แฮ่ก…แฮ่ก… ฮัลโหล ที่รัก มีอะไรคะ?”
หลังจากฉินหงเหยียนรับสาย ตอนพูดจากับหอบหายใจอย่างหนัก
เย่เฉินมีความคิดที่ไม่ดีทันที หรือว่า…
“อ้อ หงเหยียน คุณ…กำลังทำอะไร? ทำไมถึงได้หายใจหอบแรงแบบนั้นล่ะ?” เย่เฉินถาม
ฉินหงเหยียนตอบ “อ้อ…ฉันกำลัง… วิ่งบนลู่อยู่ค่ะ เร็วมากเลย”
เย่เฉินเอาโทรศัพท์แนบหู แล้วพยายามจะฟังเสียงพื้นหลังในปลายสาย ก็ได้ยินเสียงที่เป็นระบบบางอย่าง แต่ก็ยากจะตัดสินได้ว่าใช่เสียงลู่วิ่งหรือไม่
เย่เฉินเองก็รู้ว่าแฟนสาวของตนเองชอบออกกำลังกาย หล่อนเป็นหญิงสาวอายุ 30 ปี ยังสามารถรักษาหุ่นได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ออกกำลังกายเป็ปนระจำไม่มีทางทำได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่มีแฟนเด็กอย่างเขา ฉินหงเหยียนก็ยิ่งออกกำลังกายบ่อยขึ้น
“อ่อ ผมไม่มีอะไร ก็แค่คิดถึงคุณเลยโทรหา คุณวิ่งต่อเถอะ ดึกๆ เราค่อยคุยกัน”
จนในที่สุดเขาก็วางใจ
แต่ว่าในตอนกำลังจะวางสาย ทันใดนั้นเองได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาว!
จากนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนของหล่อน “เหอเหวินเจี้ยนคุณจะทำอะไรน่ะ?”
“ฮัลโหล? หงเหยียนเป็นอะไรไป?”
เย่เฉินถามอย่างรวดเร็ว
แต่ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ก็ตัดสายไป!
“วางสายไปแล้วเหรอ? ทำไมถึงวางสายไปแล้วล่ะ?”
ใบหน้าเย่เฉินดำคล้ำ เขาเริ่มมีความคิดไม่ดีขึ้นมา!
หรือว่าฉินหงเหยียนกับเหอเหวินเจี้ยนจะ…
แต่นี่มันไม่สมเหตุสมผล ทำไมฉินหงเหยียนต้องทำแบบนี้ด้วย?
เหอเหวินเจี้ยนนั้นด้อยกว่าสวี่ฉู่หมิงในทุกด้าน ต่อให้หญิงสาวจะทิ้งเย่เฉินไปเลือกผู้ชายที่โตกว่า ก็ควรจะเลือกสวี่ฉู่หมิงสิ!
และในเวลานี้เอง จู่ๆ หวังเจียเหยาก็ส่งข้อความมา “เย่เฉิน คุณทำอะไรเหรอ? ได้ยินมาว่าฉินหงเหยียนไปทำงานต่างจังหวัดนี่? ออกมาจิบชาด้วยกันไหม?”
เย่เฉินเห็นชื่อหวังเจียเหยาเขาก็เกิดหวาดกลัวขึ้นมาจับใจใ!
“หรือว่า… หวังเจียเหยาบอกฉินหงเหยียนเรื่องคืนนั้น? ดังนั้นหงเหยียนถึงได้ล้างแค้นเขา!”
เย่อัยฉีชี้ไปที่เย่เฉินพลางกล่าว “เขาบอกว่าตอนแรกที่เห็นหน้าคุณก็มั่นใจเลยว่าคุณเป็นแฟนของพี่รอง แถมยังบอกว่าแม่หนูน้อยคนนี้ต้องเป็นลูกหลานตระกูลเย่ของเรา!”
เย่เฉินกระดากอายเกินจะเปรียบ อยากจะมุดลงหลุมให้รู้แล้วรู้รอด
“น้องสี่เธอมันนิสัยไม่ดีจริงๆ ไม่ไว้หน้าพี่เลย!”
เย่เฉินอัดอั้นตันใจ รู้แบบนี้ไม่น่าจะพาหล่อนมาที่นี่เลย
ถ้าหากว่าต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงทั่วๆ ไป เย่เฉินก็คงจะไม่เสียหน้าขนาดนี้ แต่เย่เฉินที่บ้าคนสวย เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่สวยแบบนี้ก็ไม่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามจะเข้าใจผิดตนเอง
เย่เฉินมองหน้าหญิงสาวด้วยใบหน้ากระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
หญิงสาวมองเย่เฉินขมวดคิ้วมุ่นแล้วถาม “ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันเป็นแฟนพี่รองคุณล่ะ?”
เย่เฉินเก้อเขิน เขาจะพูดอย่างไรได้?
“สาเหตุหลักๆ เพราะคุณสวยเกินไป เป็นสเป็คของพี่ชายผมพอดี…ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เข้าใจคุณผิด” เย่เฉินกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ
สาวคนเดิมยักไหล่บอกว่าไม่ได้สนใจ
เมื่อดื่มกาแฟเสร็จเย่ฉินและเย่อัยฉีก็เดินออกจากร้านกาแฟ
เย่เฉินกล่าวพลางสงสัยขณะรับลมเย็นๆ “แปลกใจจริงๆ ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แฟนของพี่รอง แล้วทำไมพี่รองถึงต้องทิ้งกุญแจให้ฉันมาเอาที่นี่ล่ะ?”
เย่อัยฉีกล่าวพลางระบายยิ้ม “หนูคิดว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นของขวัญที่พี่รองทิ้งเอาไว้ให้พี่ เหมือนหวังเจียเหยที่อวิ๋นโจว พี่รองน่าจะตั้งใจหาผู้หญิงที่สวยสุดยอดให้พี่อีกคนที่นี่ก็ได้”
เย่เฉินพูดไม่ออก “ไม่ล่ะมั้ง? ต่อให้ทิ้งเอาไว้ให้ฉันจริงๆ ก็ไม่น่าจะต้องหาคนที่มีครบทั้งลูกทั้งสามีให้ล่ะมั้ง?”
เย่อัยฉีกล่าว “มีลูกมีสามีแล้วมันจะทำไมล่ะคะ ผู้ชายแบบพวกพี่ชอบหาคนที่มีสามีแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
หน้าเย่เฉินเหรอหรา “เธอจะตัดสินคนด้วยมาตรฐานเดียวกันไม่ได้นะ พี่ไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้… อีกอย่างพี่มีฉินหงเหยียนแล้ว ต่อให้ผู้หญิงคนอื่นสวยปานนางฟ้าก็ไม่เข้าตาหรอก”
เย่อัยฉีกล่าวพลางส่งยิ้ม “พี่นี่รักเดียวใจเดียวจริงๆ ไม่เหมือนพ่อเลยสักนิด หวังว่าฉินหงเหยียนก็จะซื่อสัตย์กับพี่แบบนี้เหมือนกัน ไม่ทรยศพี่”
……
เย่อัยฉีส่งมอบตำแหน่งประธานบริษัทไป๋ลี่ให้ฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนกลายเป็นประธานบริษัทระดับแสนล้าน ทันใดนั้นเองสมญานามประธานบริษัทหญิงที่สวยที่สุดในเทียนไห่ก็แพร่กระจายไปทั่ววงการธุรกิจ!
คืนวันนั้นเย่เฉินเปิดแชมเปญเพื่อฉลองกับแฟนสาว
“ดีใจด้วยนะครับ หงเหยียน ที่คุณได้กลายเป็นประธานบริษัทที่เข้าตาดหลักทรัพย์มูลค่าแสนล้าน!”
เย่เฉินถือแก้วแชมเปญเพื่อฉลองให้ฉินหงเหยียน
ตั้งแต่วินาทีที่ฉินหงเหยียนยอมทิ้งตำแหน่งประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเพื่อเขา เย่เฉินก็สาบานกับตัวเองแล้วจะต้องให้ฉินหงเหยียนได้มากกว่าที่เคยได้!
หล่อนยอมละทิ้งตำแหน่งประธานบริษัทมูลค่าหมื่นล้านอย่างหัวเซิ่งกรุ๊ป เย่เฉินเลยชดเชยหญิงสาวด้วยตำแหน่งประธานของบริษัทที่มีมูลค่าแสนล้านอย่างไป๋ลี่!
ใที่สุดวันนี้เขาก็ได้ทำให้คำสัญญาของตัวเองเป็นจริง!
ทว่าฉินหงเหยียนไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเย่เฉิน
ที่จริงแล้วเย่เฉินเคยคิดว่าจะสารภาพกับแฟนสาว บอกความจริงทั้งหมดกับหล่อน
แต่ว่าตอนนี้หวังเจียเหยายังตั้งท้องอยู่ อีกไม่กี่เดือนก็จะคลอดแล้ว ถ้าหากว่าเกิดรู้ว่าเย่เฉินไม่ได้ถูกไล่ออกจากตระกูลจริงๆ แล้วเกิดตกใจโวยวาย ยากจะรับรองได้ว่าเด็กในท้องจะปลอดภัย
อีกด้านเขาเองก็อยากจะเห็นว่าพอฉินหงเหยียนกลายเป็นปนะธานบริษัทมูลค่าแสนล้านแล้วจะรังเกียจเขาหรือไม่
ตอนที่หล่อนต้องเจอกับสิ่งที่เย้ายวนมากๆ จะยังทำจิตใจให้มั่นคงและรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาไว้ได้หรือไม่
อย่างไรเสียพอกลายเป็นประธานบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ในประเทศนี้ไม่ว่าหล่อนอยากได้อะไรก็จะได้ตามที่ต้องการ
ไม่ว่าจะจะเป็นเศรษฐีแสนล้านอย่างสวี่ฉู่หมิง หรือว่าดาราเด็กไอดอลที่กำลังโด่งดัง ต่างก็จะเลือกเข้าหาหญิงสาว
หล่อนอยากได้ผู้ชายแบบไหนก็จะได้ตามนั้น!
เหมือนพวกผู้ชายที่พอมีเงินแล้วมักจะนอกใจคนรัก นั่นเพราะปัจจัยภายนอกที่มันยั่วมันเย้านั้นมีมากเกินไป
แต่คนแบบนี้ ที่ไม่สามารถจะควบคุมจิตใจของตนเองได้ ไม่เหมาะจะกลายเป็นคู่ชีวิตของเขา
รักใครสักคนก็ควรจะปฏิเสธทุกความเย้ายวนทั้งหมดที่มี!
“ขอบคุณค่ะ”
ฉินหงเหยียนชนแก้วกับแฟนหนุ่มแล้วกล่าวอย่างงุนงง “ฉันรู้สึกว่าตอนนี้เหมือนความฝันเลย เมื่อสองเดือนก่อนฉันยังอับจนหนทางอยู่เลย กระทั่งงานก็ยังไม่มี แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะกลายเป็นประธานบริษัทไป๋ลี่”
ถึงแม้ว่าตอนนี้หญิงสาวจะเป็นประธานบริษัทแต่ว่าไม่ได้มีหุ้นเยอะแยะ ในความเป็นจริงแล้วทุกอย่างในบริษัทก็ยังต้องขึ้นอยู่กับเย่อัยฉีอยู่ดี
แต่เย่อัยฉีก็มอบสิทธิ์ให้หญิงสาวมากทีเดียว
จู่ๆ ฉินหงเหยียนก็พูด “เย่เฉิน คุณอยากจะมาช่วยฉันทำงานที่บริษัทไหมคะ?”
“ได้สิครับทำอะไรเหรอครับ?” เย่เฉินถาม เดิมทีเขาก็เป็นพนักงานคนหนึ่งในบริษัทไป๋ลี่ อีกทั้งยังเป็นคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังด้วย
ทิศทางในการเติบโตของไป๋ลี่ในตอนนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับเย่เฉิน
ฉินหงเหยียนกล่าว “ฉันอยากให้คุณเป็นผู้จัดการฝ่ายอบรมบุคลากรของพวกเรา คุณไปมาตั้งหลายประเทศ พูดได้หลายภาษา คุณน่าจะสามารถอบรมพวกผู้หญิงต่างชาติที่เราจ้างมาได้”
“ได้ครับ ขอบคุณนะครับหัวหน้า ผมจะตั้งใจทำงาน!” เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม
ฉินหงเหยียนจิ้มปลายจมูกชายหนุ่มแล้วกระเซ้า “อืม ตั้งใจทำงานล่ะ ทำไม่ดีระวังโดนไล่ออกนะ”
พอพูดคำว่าไล่ออก เย่เฉินก็โพล่งออกมา “เอ่อ คนขับรถที่ชื่อเสี่ยวหวัง ยังขับรถให้คุณอยู่ไหม?”
ฉินหงเหยียนส่ายหน้า “ไม่แล้วล่ะ ฉันไล่เขาออกวันนี้ เขาพูดมากเกินไป ถ้าหากไม่เห็นแก่หน้าเหอเหวินเจี้ยน ฉันไล่เขาออกไปนานแล้วืหมอนี่หลังจากโดนไล่ออก ยังไม่ยอมรับสภาพอีก มีหน้าวิ่งโร่ที่ออฟฟิศฉันแล้วโวยวายอีก”
เย่ฉินกังวลใจ “มีอะไรหรือเปล่า?”
เด็กสมัยนี้ใจร้อน เย่เฉินกลัวว่าเด็กนี่หลังจากโดนไล่ออกแล้วจะไปก่อเรื่องอะไรเข้า
ฉินหงเหยียนกล่าว “ไม่มีอะไรค่ะ ก็พูดได้ไม่กี่คำก็โดนเหอเหวินเจี้ยนลากออกไป”
“ฉันได้คนขับรถผู้หญิงมาค่ะ คุณทายสิว่าใคร?”
เย่เฉินงงุนงง “ผมรู้จักเหรอ?”
ฉินหงเหยียนหยักหน้า
จู่ๆ เย่เฉินก็ระบายยิ้ม “หรือว่าโจวหรงหรง?”
ฉินหงเหยียนกล่าวพลางหัวเราะร่วน “ใช่แล้ว หล่อนนั่นแหละ ฉันเรียกหล่อนมาจากอวิ๋นโจว หล่อนทำงานกับฉันมาตั้งหลายปี ฉันทำงานกับหล่อนชินแล้ว”
เย่เฉินพยักหน้ารับ ต่อไปโจวหรงหรงทำงานกับหญิงสาวเขาเองก็สบายใจ
“จริงสิ ที่รัก พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานที่เมืองเซิ่งหยาง ต้องอยู่ที่นั่นประมาณเจ็ดวัน สัปดาห์หน้าคุณน่าจะต้องอยู่เหงาหงอยเปล่าเปลี่ยนคนเดียวแล้ว”
ฉินหงเหยียนกล่าวพลางระบายยิ้ม
เย่เฉิรรู้ว่าไป๋ลี่คอนเฟิร์มแล้วว่าสาวๆ จากยูเครนจะถูกส่งไปทำงานที่เมืองเซิ่งหยาง
เซิ่งหยางเป็นเมืองทางฝั่งเหนือ ผู้ชายฝั่งนั้นรูปร่างกำยำสูงใหญ่ นิสัยตรงไปตรงมา น่าจะค่อนข้างเหมาะสมกับสาวๆ จากยูเครน
เย่เฉินถาม “โจวหรงหรงไปเป็นเพื่อนคุณใช่ไหม?”
หวังเจียเหยาส่ายหน้า “โจวหรงหรงเพิ่งมาถึงบริษัท ยังไม่ได้ทำเรื่องบรรจุเข้าทำงานเลยค่ะ พรุ่งนี้ฉันไปคุณเหอเหอเหวินเจี้ยน”
เย่เฉินหงุดหงิด “ทำไมคุณไปทำงานต่างจังหวัดทีไรเหมือนวว่าจะไปกับเหอเหวินทุกครั้งเลยล่ะ? คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วล่ะมั้ง? เขาชอบคุณหรือเปล่าดังนั้นถึงได้จงใจไปทำงานต่างจังหวัพร้อมคุณทุกครั้งเลยล่ะ?”
ฉินหงเหยียนชะงักไปเล็กน้อยแล้วตอบ “ใช่ค่ะ!”
“ร้านกาแฟซือเฉิน? ทำไมถึงชื่อนี้ล่ะ?” เย่อัยฉีประหลาดใจ
พี่รองของพวกเขาชื่อเย่เซวียน ในชื่อของเขาไม่ได้มีคำว่า ‘เฉิน’ เสียหน่อย
ถ้าหากว่าผู้หญิงคนนั้นต้องการจะตั้งชื่อร้านกาแฟล่ะก็ ควรจะตั้งชื่อว่า ‘ร้านกาแฟซือเซวียน’ น่าจะดีกว่า
หรือว่าที่ร้านกาแฟนี้ชื่อซือเฉิน บางทีอาจเป็นเพราะว่าตัวหล่อนหรือแม่ลูกสาวตัวน้อยของหล่อนชื่อซือเฉินเหรอ?
เย่เฉินส่ายหน้า “พี่เองก็ไม่รู้ พอถึงที่นั่นเธอไปถามหล่อนสิ”
ทั้งสองคนเดินออกจาก Shanghai Swatch Art Center ตอนที่เพิ่งจะถึงปากประตู พวกเขาก็ไปเจอฉินหงเหยียนที่กำลังจะขึ้นรถก็ชะงักไป สองคนพี่น้องกะว่าจะออกเดินทางหลังจากที่รถของฉินหงเหยียนขับออกไป
เย่เฉินเห็นวัยรุ่นชายอายุ 20 กว่าปีเดินลงมาจากที่นั่งคนขับรถ หลังจากที่วิ่งไปด้านหลังของรถแล้วก็เปิดประตูให้ฉินหงเหยียน
บนใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มด้วยท่าทางนอบน้อม
ฉินหงเหยียนเป็นรองประธานบริษัท ย่อมต้องได้รับสวัสดิการอย่างการเปิดประตูรถ แล้วก้าวเข้าไปนั่งด้านหลังอย่างคุ้นเคย
ชายอายุน้อยคนนั้นยิ้มพลางใช้มือบังส่วนหลังคาให้หญิงสาว เพื่อระวังไม่ให้ศีรษะหญิงสวกระแทกใส่ด้านบน อากัปกริยาทั้งหมดนี้ดูแล้วเป็นปกติอย่างมาก
แต่เย่เฉินสังเกตเห็นว่าในตอนที่ขาข้างหนึ่งของหญิงสาวอยู่ในรถ แล้วกำลังจะก้าวขาอีกข้างตามไป เห็นได้ชัดเจนว่าครรลองสายตาของคนขับรถอายุน้อยคนนั้นจ้องขาของฉินหงเหยียนอยู่หลายครั้ง
เย่เฉินรู้สึกไม่ค่อยพอใจกล่าวออกมา “อัยฉี คนขับรถของหงเหยียนคนนี้หาจ้างมาจากไหน? ดูแล้วหมอนี่มันดูนิสัยแย่พิกล”
ประธานบริษัทสาวสวยแบบฉินหงเหยียนทั้งประเทศมีน้อยนิด ถ้าหากว่าผู้ชายไม่อยากมองหล่อนให้มากสักหน่อย เขาคงจะต้องมีปัญหาเรื่องเพศสภาพแน่ๆ
มีแฟนสวย เย่เฉินก็เตรียมใจจะรับเรื่องพวกนี้ได้นานแล้ว
แต่ว่าแววตาของคนขับอายุน้อยคนนี้ ดูกลับกลอกอย่างมาก เย่เฉินไม่ชอบอย่างมาก
เย่อัยฉีกล่าว “เหมือนจะเป็นญาติของรองประธานสักคน หรือเด็กเส้นสักคน พี่ก็รู้ว่าในบริษัทในประเทศทั้งหมดต่างก็เป็นเด็กเส้นทั้งนั้น ถ้าพี่ไม่ชอบเขา ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ พี่ไม่ได้ยินที่พี่สะใภ้บอกเมื่อกี้เหรอคะว่าอีกเดี๋ยวจะไล่เขาออกเหรอคะ?”
“อืม” เย่เฉินพยักหน้ารับ ดูแล้วฉินหงเหยียนเองก็สังเกตเห็นท่าทางลามกของชายวัยรุ่นคนนี้แล้ว เขาเองก็คงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้อีก
ฉินหงเหยียนขึ้นรถ แล้วคนขับอายุน้อยที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวหวังก็เดินย้อกลับไปประจำตรงที่นั่งคนขับรถ เพิ่งจะออกรถก็ถามฉินหงเหยียนอย่างห่วงใย
“คุณฉินครับ ทำไมออกมาเร็วจังเลยล่ะครับ ทานข้าวกับคุณอัยเป็นยังไงบ้างครับ? ได้ยินมาว่าแฟนคุณก็มาทานข้าวด้วย เขาใส่เสื้อแขนยาวสีขาวใช่ไหมครับ? เขาทำงานอะไรเหรอครับ?”
เสี่ยวหวังเปิดปากถามเป็นฉากๆ
ฉินหงเหยียนไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายแอบดูตนเอง เพราะหล่อนรำคาญที่เขาพูดมากถึงได้ตั้งใจจะไล่เขาออก
“ขับรถของนายไปเถอะ อย่าถามเยอะแยะ” ฉินหงเหยียนกล่าวเสียงเรียบ
หล่อนรู้ว่าเสี่ยวหวังคนนี้เป็นญาติของเหอเหวินเจี้ยน เดิมทีทั้งสองคนรู้จักกันมานานาน ฉินหงเหยียนถึงไม่อยากจะแตะต้องคนของอีกฝ่าย
แต่เสี่ยวหวังคนนี้พูดมากจริงๆ บ่นไม่หยุดทุกวัน หล่อนตั้งใจจะหาเวลาเหมาะๆ ไล่เขาออก
หลังจากที่รถของหญิงสาวขับออกไปแล้ว สองคนพี่น้องนั้นถึงได้เดินออกมา เย่อัยฉีขับรถมาเอง
ถึงแม้หล่อนจะเป็นผู้บริหารแต่ก็อยู่ต่างประเทศตลอด ไม่ค่อยมีโอกาสขับรถในประเทศ ดังนั้นจึงไม่อยากได้คนขับรถ
เย่อัยฉีพาเย่เฉินขับรถไปที่ถนนหลงอวิ๋นในบริเวณนอกเมืองเทียนไห่ เทียนไห่ในช่วงที่ไกลเดือนพฤศจิกายนนี้ก็เริ่มหนาวขึ้นมาบ้างแล้ว คนจำนวนมากจึงเริ่มสวมเสื้อคลุมกันบ้างแล้ว
เย่เฉินนึกถึงตอนที่เจอกันเมื่อคราวก่อน ผู้หญิงในร้านกาแฟคนนั้นยังสวมแค่ชุดกระโปรงเพียงตัวเดียว
ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าหล่อนจะสวมใส่อะไรอยู่
เมื่อผลักประตูร้านกาแฟแล้วก็เห็นผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยพอๆ กับหวังเจียเหยาอยู่
แล้วจึงเห็นหล่อนสวมฮู้ดดี้ตัวยาว มือสองข้างของเจ้าหล่อนซุกเอาไว้ในกระเป๋า แล้วกำลังส่งยิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนอยู่บนโซฟา
แต่หล่อนไม่ได้สวมกางเกงหรือกระโปรง แต่ย่อมต้องสวมกางเกงขาสั้น แต่แจ็คเก็ตตัวนั้นยาวเกินไปจนบังกางเกงขาสั้นไว้จนมิด
ดังนั้นพอมองจากไกลๆ จึงเหมือนกับว่าหล่อนสวมแค่แจ็กเก็ตเพียงตัวเดียว
เมืองใหญ่ๆ แบบเทียนไห่ ถึงจะเป็นฤดูกาลที่เย็นสบายแบบนี้หรือกระทั่งฤดูกาลที่หนาวเย็น ก็มักจะได้เห็นเรียวขาของผู้หญิงสาวๆ เสมอ
“Hi”
เย่เฉินเป็นฝ่ายทักสาวสวยคนนั้นก่อน
“Hi” ผู้หญิงคนนั้นจำเย่เฉินได้ แล้วหันมองเย่อัยฉีที่อยู่ข้างตัวเย่เฉิน
เย่อัยฉีเห็นผู้หญิงคนนั้นก็ลอบกล่าวในใจ “หน้าตาสวยจริงๆ ด้วย”
“มาเอาของเหรอคะ?” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวถาม
เย่เฉินส่ายหน้า “พวกเรามาดื่มกาแฟครับ”
“อ้อ” สาวสวยคนนั้นยักหน้ารับแล้วพูดกับบุตรสาว “ลูกรัก หนูนั่งอยู่ที่นี่ให้เรียบร้อยนะคะ แม่จะไปชงกาแฟให้พวกพี่ๆ เขานะจ้ะได้ไหมคะ?”
เด็กน้อยพยักหน้าอย่างว่าง่าย จากนั้นก็จ้องพวกเขาสองคน
หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นไปชงกาแฟแล้ว เย่อัยฉีเป็นฝ่ายเดินไปหาแม่หนูน้อยแล้วเล่นกับหล่อน แล้วถาม “ฉันขออุ้มแม่หนูน้อยคนนี้ได้ไหมคะ?”
นี่คือลูกสาวของพี่รอง ในฐานะที่เป็นอา เย่อัยฉีย่อมอยากจะอุ้มหลานสาวตนเองอยู่แล้ว
หล่อนยังไม่ทันรอให้หญิงสาวคนนั้นเห็นด้วย เย่อัยฉีก็อุ้มเด็กหญิงทันที
หญิงสาวหน้าตาสะสวยเห็นบุตรสาวตนเองไม่ได้ร้องไห้ก็อนุญาต
หลังจากเย่เฉินเห็นแม่หนูน้อย ก็เอ็นดูเด็กน้อยอย่างมาก “พี่ก็อยากอุ้มบ้าง”
“ไม่ได้ค่ะ!” ผู้เป็นมารดาปฏิเสธทันที “ขอโทษด้วยนะคะคุณผู้ชาย ลูกสาวฉันกลัวคนแปลกหน้าค่ะ”
“อ้อ”
เย่เฉินจึงไม่ยื่นมือออกไป แต่แวววตาที่เด็กหญิงมองเขาก็เห็นได้ชัดเจนว่าแม่หนูไม่ได้กลัวเขา เหมือนว่าจะชอบเขาเสียด้วยซ้ำไป
เย่เฉินมองร้านกาแฟ “คนมาที่น้อยแบบนี้ตลอดเลยเหรอ? ถึงแม้ว่าจะไกลไปหน่อยแต่ที่นี่วิวดีมากเลย คนที่มาไม่น่าจะน้อยแบบนี้นะครับ”
สาวสวยตอบ “บางทีฉันคงขายแพงมั้งคะ พวกคุณสองคนจะดื่มอะไรคะ?”
“เอามัชฉะลาเต้”
“เอาลาเต้วนิลา”
เย่เฉินและเย่อัยฉีตอบ
เย่เฉินถาม “สองแก้วเท่าไหร่?”
หญิงสาวตอบ “สองร้อย”
แก้วละร้อยหยวนก็ถือว่าแพงจริงๆ…
เย่เฉินรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เปิดร้านกาแฟเล่นๆ ไม่ได้คิดจะหาเงินกับมันด้วยซ้ำ
และแล้วกาแฟสองแก้วก็เสร็จอย่างรวดเร็ว สาวสวยก็เดินมาเสิร์ฟแล้วกล่าว “ขอบคุณที่ช่วยดูลูกให้ฉันนะคะ ดูแล้วยัยหนูชอบพวกคุณมากทีเดียว”
เย่เอัยฉีกล่าวพลางยิ้ม “แน่อยู่แล้ว อย่างไรเสียก็คนในครอบครัวเดียวกัน”
“อะแฮ่ม…” เย่เฉินกระแอมอย่างเก้อเขิน
หญิงสาวคนนั้นสับสน “หมายความว่ายังไงคะ?”
เย่อัยฉีกำลังจะออกจากประเทศไปแล้วดังนั้นจึงพูดตรงๆ “งั้นเราก็ไม่ปิดบังพวกคุณแล้วนะ เราเป็นคนในครอบครัวของเย่เซวียน เขาเป็นพี่ชายคนที่สองของเรา คุณคงจะแฟนของพี่รองสินะ? ส่วนแม่หนูน้อยคนนี้น่าจะเป็นลูกสาวของเขาใช่ไหม? พี่รองนี่ก็จริงๆ เลย ทำไมถึงทิ้งพวกคุณไว้ที่เทียนไห่ หรือว่าคุณไม่อยากไปอังกฤษเหรอ?”
ใครจะรู้ว่าหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนนั้นกลับตอบ “พวกคุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันรู้จักเย่เซวียนจริงๆ แต่เขาไม่ใช่แฟนฉัน เด็กก็ไม่ใช่ลูกเขา ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกัน”
“เพื่อนกันเหรอ?”
เย่เฉินและเย่อัยฉีตัวแข็งไป จบเห่กัน คราวนี้มันกระอักกระอ่วนสุดๆ แหมอุตส่าห์คิดว่าหล่อนเป็นพี่สะใภ้เสียอีก
“ใครบอกว่าฉันเป็นแฟนเย่เซวียนกัน?” หญิงสาวคนนั้นมองเย่อัยฉีอย่างไม่พอใจนัก แล้วย้อนถาม
เย่เฉินกลืนน้ำลายอย่างกังวล นิ้วโป้งถูกับนิ้วชี้ไม่หยุดแล้วคิดในใจว่า “น้องสี่เอ้ย ต้องเห็นแก่ความเป็นพี่น้องของเรานะ ไม่ว่ายังไงก็ห้ามขายพี่ชายตัวเอง!”
แต่ใครจะรู้ว่าเย่อัยฉีกลับชี้เย่เฉินแล้วตอบ “เขา!”
ณ ร้านอาหาร Shook ที่ตั้งอยู่ในชั้น 5 ของตึก Shanghai Swatch Art Center บนถนนว่ายทานหมายเลข 19 ในเมืองเทียนไห่
นี่คือร้านอาหารสไตล์เรเนสซองค์แห่งหนึ่งที่มีประวัติความเป็นมาร้อยกว่าปีแล้ว
ในห้อง VIP ที่เป็นแบบกึ่งเปิดกึ่งปิด เย่เฉิน ฉินหงเหยียนรวมไปถึงเย่อัยฉี ต่างก็กำลังกินกินอาหารต่างๆ อย่างพวกเอ้กเบเนดิกส์ หอยนางรมและมัฟฟิน
กินอาหารอร่อยๆ ไปพร้อมกับพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน
มื้ออาหารในวันนี้ฉินหงเหยียนเป็นคนจัดแจงนัด เพราะอยากให้แฟนหนุ่มและหัวหน้าเจอกันและทำความรู้จักกัน เพื่อกระชับมิตร
อย่างไรเสียตอนนี้ฉินหงเหยียนกลายเป็นผู้ช่วยที่มีประโยชน์อย่างมาก จนได้รับความเชื่อถือจากเย่อัยฉีอย่างมาก สถานะของฉินหงเหยียนในบริษัทนั้นอยู่เหนือรองประธานบริษัทคนอื่นๆ เสียอีก
และแน่นอนว่าเย่อัยฉีก็จงใจตีสนิทกับฉินหงเหยียนเพราะเห็นแก่ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเป็นว่าที่พี่สะใภ้ของตนเอง
ตอนฉินหงเหยียนกำลังกินข้าว ก็มีสายโทรเข้ามา หญิงสาวจึงเดินออกจากห้อง VIP ไปรับสาย
และในเวลานี้เองที่สองคนพี่น้องสามารถพูดคุยกันได้
“พี่คะ ช่วงนี้ฉันเป็นยังไงบ้าง? ดูแลรับใช้ว่าที่พี่สะใภ้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ไหมคะ?” เย่เอัยฉีเองทำท่าทีเหมือนต้องการจะทวงรางวัล
เย่เฉินหยิบมีดและส้อมมากินข้าวแล้วตอบคำถาม “ก็ถือว่าพอใช้ได้”
เย่อัยฉียื่นปากขณะมองพี่ชาย “พี่ว่าคุณปู่จะชอบเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงไหมคะ พี่ทั้งไปสงครามม แถมยังไปเป็นเขยที่แต่งเข้าด้วย ตื่นเต้นขนาดไหน น่าสนใจขนาดไหน พี่ว่าหนูกับพวกน้องๆ ผู้หญิงไม่ต้องหยุดเรียน แถมเรียนจบก็ให้ไปฝึกฝนในด้านธุรกิจ ตอนนี้ก็โดนเร่งรัดให้แต่งงาน น่าเบื่อจริงๆ”
เย่เฉินหัวเราะ เขารู้ว่าน้องสาวคนนี้เป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบผจญภัย
“เธอไม่รู้หรอกว่าไปที่สนามรบกับแต่งเข้าบ้านคนอื่นมันทรมานขนาดไหน? ทำพี่ทรมานแทบตาย” เย่เฉินถอนหายใจ
เย่อัยฉีกล่าวอย่างระมัดระวัง “ได้ข่าวว่าพี่โดนสวมเขาแล้วเหรอคะ?”
เคร้ง!
เย่เฉินวางส้อมและมีดลงบนโต๊ะอาหาร “ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เลยนะ! ทำไมถึงพูดกับพี่ชายแบบนี้!”
เย่อัยฉีหัวเราะคิกคักพลางเอามือปิดปาก แล้วรีบร้อนขอโทษ หล่อนไม่รู้สึกเลยว่าพี่ชายคนนี้น่าสงสาร เพราะหล่อนรู้ว่าผู้หญิงที่พี่ชายตนเองเลือกได้นั้นมีมากมายเหลือเกิน
หล่อนรู้สึกว่าผู้หญิงที่ทรยศพี่ชายหล่อนนั้นต่างหากที่น่าสงสาร ไม่มีโอกาสได้เป็นสะใภ้ของตระกูลเย่ที่มีทรัพยากรในทุกอย่างเป็นลำดับต้นๆ ของโลก
“ใครบอกเธอเรื่องนี้? พ่อบ้านฟางเหรอ? หรือว่าคุณปู่?” เย่เฉินถาม
เย่อัยฉีดื่มไวน์ “พี่รองค่ะ”
“พี่รองเหรอ? ฉันโทรหาเขาตั้งหลายสายไม่เห็นจะติดเลย” จู่ๆ เย่เฉินก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “เฮ้อ น้องสี่ เธอรู้ไหมว่าพี่รองเขามีผู้หญิงกับลูกสาวที่เทียนไห่!”
“สวรรค์ พี่พูดจริงเหรอคะเนี่ย?” เย่อัยฉีตกตะลึง
เย่เฉินพยักหน้ารับ เรื่องนี้บอกคนนอกไม่ได้ แต่เย่อัยฉีเป็นน้องสาวของเขาดังนั้นเขาย่อมสามารถบอกห่อนได้ทุกเรื่อง
เย่เฉินกล่าว “ก่อนนี้พี่เคยไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งไปเอากุญแจวิลล่าที่เขาทิ้งเอาไว้ให้ ไปเจอผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง แค่มองก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่พี่รองเลือกจากคนจำนวนนับหมื่น เหมือนหวังเจียเหยาเมียเก่าพี่ แล้วก็เด็กผู้หญิงคนนั้นหน้าตาน่ารักมากเลย แม่หนูคนนั้นต้องได้รับพันธุกรรมดีๆ จากตระกูลเย่ของเราแน่นอน”
เย่อัยฉีระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ วันมะรืนหนูจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณปู่ว่าพี่รองแอบซุกลูกกับเมียไว้ที่เทียนไห่ อีกอย่างก็ยังไม่ยอมรายงานตระกูล ฮ่าๆ คุณปู่จะต้องให้รางวัลหนูอย่างงามแน่นอน!”
จู่ๆ เย่เฉินก็ย้อนถามอย่างประหลาดใจ “เธอจะกลับไปวันมะรืนเหรอ?”
แล้วเย่อัยฉีจึงได้ทำท่าทีตั้งอกตั้งใจ “ใช่ค่ะ หนูกำลังจะบอกพี่เลย หนูตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้จะยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ฉินหงเหยียน”
เย่อัยฉีมารับตำแหน่งประธานบริษัทที่เทียนไห่ เดิมทีเป็นแค่ฉากบังหน้าอยู่แล้วที่หล่อนมาก็เพื่อให้ฉินหงเหยียนได้รับตำแหน่งประธานบริษัทต่างหาก
ตอนนี้หล่อนมาได้สองเดือนแล้ว เผาเงินไปหมื่นกว่าล้าน แต่กลับเพิ่มราคาหุ้นให้ไปแตะระดับหมื่นล้าน!
ในปัจจุบันนี้บริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสกลายเป็นบริษัทในระดับเดียวกับบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสแล้ว!
ดังนั้นภารกิจของหล่อนก็สมบูรณ์แบบ สามารถยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ฉินหงเหยียนได้แล้ว
เย่เฉินรู้ว่าน้องสาวเองก็มีบริษัทที่อังกฤษและอเมริกา ที่นั่นต่างหากถึงจะเป็นธุรกิจหลักของหล่อนจึงไม่รั้งน้องสาวเอาไว้ “โอเค ก่อนเธอจะไป พี่ไม่นัดเธอก่อนแล้วละกัน ฉันขอบอกลาเธอที่นี่เลยแล้วกันนะแม่น้องสาว”
“ขอบคุณนะคะพี่สาม พี่สามเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของเราที่สุดแล้ว ฮึ”
เย่อัยฉีชนแก้วกับเย่เฉินแล้วพูดยอกย้อน ทำให้เย่เฉินเก้อเขิน
ตอนนี้เขายังปิดบังเรื่องยี้กับฉินหงเหยียนอยู่ ดังนั้นยามอยู่ต่อหน้าหญิงสาวเขาจึงสงวนท่าที พยายามไม่ใลก้ชิดน้องสาวนัก
ไม่ถึงสองนาที ฉินหงเหยียนก็โทรศัพท์เสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่ห้อง VIP แล้วกล่าวกับเย่อัยฉี
“คุณอัยคะ เกรงว่าพวกเราต้องขอตัวกลับก่อน บก.ของ ‘TOYO KEIZAI INC.’ นิตยสารชื่อดังประจำญี่ปุ่นมาที่บริษัทเราแล้ว อยากจะขอสัมภาษณ์พวกเรา”
เย่อัยฉีมองโต๊ะอาหารที่ยังไม่ค่อยได้กินอาหารบนโต๊ะเท่าไหร่ก็กล่าว “หงเหยียน คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันกินกับแฟนคุณต่อก็ได้ สั่งมาเยอะแยะขนาดนี้ไม่กินเสียดายแย่”
เรื่องการออกสื่อให้สัมภาษณ์นั้นจะอยู่ในความรับผิดชอบของรองประธานอย่างฉินหงเหยียน ส่วนเย่อัยฉีนั้นไม่เคยปรากฏตัวตามสื่อมาก่อน
แต่ว่าฉินหงเหยียนก็ยังคงลังเลอยู่
ฉินหงเหยียนมองทั้งสองคนอย่างเป็นกังวล เพราะกลัวว่าทั้งสองคนไม่ค่อยสนิทกันก่อนนี้ยังเคยทะเลาะกันครั้งหนึ่งด้วย แล้วถ้าพวกเขาสองคนทะเลาะกันอีกจะทำยังไง?
“เย่เฉิน ไม่งั้นคุณช่วยขับรถไปส่งฉันที่บริษัทได้ไหม ให้คุณอัยกินข้าวคนเดียว” ฉินหงเหยียนกล่าว
เย่อัยฉีรีบร้อนกล่าว “เฮ้อ อย่าเพิ่งไปสิ เยอะแยะขาดนี้ฉันจะกินหมดคนเดียวได้ยังไง แล้วก็แฟนคุณดื่มเหล้า ไปแล้วด้วย บริษัทมีคนขับรถให้คุณไม่ใช่เหรอชื่อเสี่ยวหวังใช่ไหมล่ะ? เขารออยู่ด้านนอกไม่ใช่เหรอ?”
ฉินหงเหยียนส่ายหน้า “เสี่ยวหวังคนนั้นเขาพูดมาก แล้วก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว ฉันกะจะไล่เขาออก”
เย่เฉินเห็นความกังวลใจของแฟนสาวจึงกล่าว “คุณสบายใจเถอะครับ ผมไม่ทะเลาะกับเจ้านายคุณหรอก ผมดื่มเหล้าเป็นเพื่อนหล่อนก็จะไปแล้ว”
“อืมก็ได้ค่ะ” เห็นเย่เฉินรับรอง ฉินหงเหยียนก็สบายใจ
หลัจากที่ฉินหงเหยียนไปแล้ว เย่อัยฉีก็ออดอ้อพี่ชายอย่างดีอกดีใจ “ฮ่าๆ พี่ชาย แฟนพี่ไม่อยู่พอดี พี่กินเสร็จแล้วพาหนูไปเที่ยวหน่อย!”
ในวินาทีนี้เย่เฉินก็คิดถึงตอนที่พวกเขาสองคนเที่ยวเล่นสนุกด้วยกันที่อังกฤษ
ตอนนั้นเย่อัยฉีไปเที่ยวกับพวกเขาสามพี่น้อง
เย่เฉินคิดแล้วกล่าว “จะไปดูผู้หญิงคนนั้นของพี่รองไหมล่ะ?”
“คนที่ร้านกาแฟน่ะหรอ? ดีค่ะ ดี!” เย่อัยฉีเองก็ดีใจมาก “แต่ว่าพี่สาม หนูเห็นสายตาพี่ตื่นเต้นเชียว พี่อยากไปดูหล่อนล่ะสิใช่ไหมคะ?”
“พูดเหลวไหลอะไรกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงของพี่รอง อย่าพูดเหลวไหล” เย่เฉินรีบร้อนปฏิเสธ
แต่ว่าจำเป็นต้องบอกว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตาสะสวย! จนทำให้คนคิดถึงไม่วางวาย!
“ฮ่าๆ ไม่ต้องกินแล้ว เราไปกันตอนนี้เลยเถอะ”
เย่อัยฉีรีบร้อนดึงมือของเย่เฉินแล้วกะจะออกจากร้าน
เย่เฉินตบมือน้อยๆ ของน้องสาว “อย่าโวยวาย คนอื่นเห็นเข้าจะไม่ดี”
“ว่าที่พี่สะใภ้ก็จะไปแล้ว พี่กังวลอะไรล่ะคะ?”
เย่อัยฉีไม่พอใจอย่างมาก กว่าจะได้เจอพี่ชายสักคนแสนจะยากเย็น แต่กลับต้องมาแสดงละครต่างๆ นานา กระทั่งจะจับมือก็ยังไม่ได้
เย่เฉินตอบ “คนรู้จักพี่กับฉินหงเหยียนในเทียนไห่มีไม่น้อยเลย หวังเจียเหยาเมียเก่าพี่ก็อยู่ที่นี่ ถ้าหล่อนเห็นว่าพี่สนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ งั้นหล่อนจะต้องไล่ตามตอแยพี่แน่ๆ”
“หวังเจียเหยา… อยากจะเห็นจริงๆ ว่าหล่อนสวยขนาดไหนกันแน่” เย่อัยฉีประหลาดใจ
เย่เฉินนึกถึงสภาพหวังเจียเหยาในตอนนี้แล้วกล่าว “ตอนนี้หล่อนกำลังตั้งท้องอยู่ ท้องน่าจะโย้มากแล้ว ไม่มีอะไรน่าดูหรอก อยากจะไปดูคนสวยเราไปที่ร้านกาแฟซือเฉินเถอะ ผู้หญิงคนนั้นสวยกว่าหวังเจียเหยาอีก!”
ฉินหงเหยียนสวมชุดทำงานสีดำดูมีมาดผู้บริหารอย่างมาก
ฉินหงเหยียนกล่าวเนิบๆ “ที่จริงแล้วพวกเราไป๋ลี่ไม่ได้จะจ้างแค่สาวชาวญี่ปุ่นหรอกนะคะ จะยังจ้างรัสเซีย และยูเครนอีกด้วย ตอนนี้พวกเราได้รับสมัครผู้หญิงต่างชาติที่ยังโสดหนึ่งพันคน ตอนนี้พวกหล่อนกำลังอบรมอยู่ค่ะ แล้วจะเริ่มทำงานเร็วๆ นี้แหละค่ะ”
นักข่าวกล่าวอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอคะ? งั้นพวกคุณตั้งใจให้พนักงานต่างชาติพวกนี้ทำงานที่เมืองไหนคะ? จะใช่เทียนไห่หรือเปล่าคะ? จากที่ฉันรู้มาเหมือนคนในเมืองอื่นๆ ก็เรียกร้องให้แบ่งพนักงานจากที่นี่ไปเมืองอื่นด้วยนี่คะ”
ฉินหงเหยียนหัวเราะแล้วกล่าว “พวกเราจะเปิดโหวตในโซเชียลค่ะ ดูว่าเมืองไหนมีข้อเรียกร้องมากกว่า หรือไม่ก็อาจจะส่งพนักงานต่างชาติหญิงพวกนี้ไปตามสัดส่วนตลาดที่บริษัทเราถือครองค่ะ ถ้าเมืองไหนใช้บริษัทขนส่งพวกเรามากล่ะก็ เราก็จะเลือกเมืองนั้นก่อน”
นักข่าวถามต่อ “ทำไมต้องจ้างผู้หญิงจากต่างประเทศมาด้วยเหรอคะ? แบบนี้ต้นทุนคงสูงแย่เลยใช่ไหมล่ะ? ถ้าหากว่าแค่อยากได้ผู้หญิงเป็นคนส่งของล่ะก็ ผู้หญิงในประเทศเราไม่มีคุณสมบัติเหรอคะ?”
ฉินหงเหยียนตอบ “พวกเราเคยพยายามจะจ้างผู้หญิงในประเทศมาส่งของค่ะ แต่ว่าส่วนมากแล้วพวกหล่อนไม่ค่อยอยากจะทำงานที่ต้องตากแดดตากลม”
นักข่าวถามต่อ “ช่วงนี้หหุ้นของพวกคุณราคาขึ้นไม่หยุดเลย มีคนบอกว่าพวกคุณอยากจะเป็นที่หนึ่งในวงการ ใช่หรือเปล่าคะ?”
ฉินหงเหยียนยิ้ม แล้วรับคำ “ใช่ค่ะ!”
……
ในวันนั้นบริษัทไป๋ลี่เปิดโหวตในเวยป๋อ ว่าพนักงานหญิงผมทองขาเรียวยาวจำนวนพันคนจากยูเครนจะถูกส่งไปที่เมืองไหนกันแน่?
พวกชาวโซเชียลในแต่ละเมืองต่างก็โหวตให้เมืองตัวเองเหมือนคนเสียสติ
พวกผู้ชายพอโหวตเสร็จแล้ว ก็จะไปเรียกเพื่อนทั้งหลายในกลุ่มวีแชท กลุ่มที่ทำงาน หรืออาจจะโทรศัพท์ตามพวกเขาให้ไปลงคะแนน
ภายในหนึ่งวันแทบจะทุกเมือง ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้เข้าโดยที่ไป๋ลี่ไม่ได้จ่ายเงินเพื่อทำการตลาดแม้แต่น้อย
จากนั้นไป๋ลี่ก็แชร์ข่าวสารอีก ว่าหากเมืองไหนมีอัตราการใช้บริการของไป๋ลี่มากกว่าก็จะเลือกส่งพนักงานไปเมืองนั้น!
ทันทีที่ข่าวสารแพร่ออกมาพวกผู้ชายก็เหมือนเสียสติไปเลย!
พวกเขาพยายามทุกวิถีทางบอกทุกคนรอบตัว ว่าใช้ไป๋ลี่เท่านั้น ห้ามใช้บริษัทขนส่งเจ้าอื่น!
หนักไปกว่านั้นก็คือทันทีที่พวกเขาเจอพนักงานส่งของของชุนเฟิงหรือบริษัทอื่นๆ ก็จะเหน็บแนม!
แล้วยังไปแปะป้ายตามสถานที่ต่างๆ “เลิกใช้ชุนเฟิง เลือกใช้ไป๋ลี่ ทั้งหมดนี้เพื่อสาวสวยชาวยูเครน!”
ป้ายพวกนี้ถูกแปะตามรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า ทุกคนต่างก็พยายามเพื่อจะให้ไป๋ลี่ได้ส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น!
……
ในห้องทำงานของประธานบริษัทชุนเฟิงอ็กซ์เพรส เมืองเทียนไห่
รองประธานของชุนเฟิงเดินเข้ามาแล้วกล่าว “คุณหลิ่วเกิดเรื่องอีกแล้ว โกดังของชุนเฟิงในอวิ๋นโจวถูกไฟไหม้ พนักงานขนส่งจำนวนมากของพวกเราต่างก็ลาออกไปทำงานที่ไป๋ลี่”
หลิ่วหย่วนหางมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะพัฒนาไปจนถึงขั้นนี้!
แล้วเขากล่าวต่อว่า “ช่วงสัปดาห์นี้ส่วนแบ่งการตลาดของพวกเราใน 100 เมืองลดฮวบอย่างรวดเร็ว แล้วในเมืองจำนวนร้อยกว่าๆ นี้ยอดต่ำกว่าไป๋ลี่หมดเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองใหญ่ลำดับที่ 1 กับ 2 เราแพ้ให้พวกเขาอย่างราบคาบ!”
เพราะว่าเมืองใหญ่ลำดับ 1 และ 2 นั้นได้ข่าวกันรวดเร็วมาก แล้วก็มีโอกาสจะได้พนักงานหญิงต่างชาติไปทำงานที่นั้นมากกว่า ดังนั้นประชากรในเมืองที่พัฒนาแล้วก็จึงยิ่งสู้สุดชีวิต
หลิ่วหย่วนหางตบหน้าผาก “แย่แล้วๆ! ตอนนี้ไม่ใช่แค่ส่วนแบ่งการตลาดที่มีปัญหา แต่กระทั่งรายการข่าวของช่องต่างๆ ต่างก็กำลังรายงานชื่นชมวิธีการแบบนี้ของไป๋ลี่อย่างมาก เรื่องนี้ต่างหากที่ทำให้ฉันกังวลใจที่สุด!”
รองประธานประหลาดใจ “ทำไมทางการถึงได้สนับสนุนพวกเขาแบบนี้ล่ะ?”
หลิ่วหย่วนหางตอบ “ไม่เห็นข่าวเหรอ? ตอนนี้ทางกฎหมายให้ผ่านแล้วว่าหลังจากหย่าต้องรอหนึ่งเดือน ตอนนี้คนอายุน้อยในประเทศเราไม่ชอบแต่งงาน แต่พอแต่งแล้วก็จะหย่า จนส่งผลกระทบหนักกับความสุขส่วนตัวและความสงบในสังคม แล้วทำให้แรงงานลดน้อยลงไปทุกปี
พนักงานขนส่งหญิงของไป๋ลี่มักจะมีกระแสข่าวว่าแต่งงานกับผู้ชายในประเทศเราเยอะ นี่ถือว่ามีผลช่วยแก้ไขปัญหาการแต่งงานของผู้ชายในประเทศเราได้เยอะเลย คุณอัยคนนั้นอายุยังน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความสามารถในการอ่านสถานการณ์ขาดขนาดนี้ นี่ฉันเพิ่งได้รู้เองว่าทำไมหล่อนถึงได้เลือกเดินหมากแบบนี้”
รองประธานถอนหายใจแล้วย้อนถาม “งั้นต่อไปพวกเราจะทำยังไง?”
หลิ่วหย่วนหางกล่าว “พวกเขาจ้างสาวต่างชาติที่ยังโสดมาทำงานกับพวกเขาได้ แล้วพวกเราจะทำบ้างไม่ได้หรือไง ปล่อยข่าวของผมออกไป แล้วรีบไปขุดคนจากทั่วโลกมา! พวกเราจะต้องหาผู้หญิงที่หน้าตาดีแล้วยอมแต่งงานกับผู้ชายในประเทศเรา อีกทั้งยังต้องหาให้ได้มากกว่าไป๋ลี่ด้วย!”
……
หลายวันต่อมา ณ เมืองเสินเฉิง
สวี่ฉู่หมิงนั่งอยู่ในออฟฟิศแล้วเห็นประกาศรับสมัครคนส่งของหญิงจากต่างประเทศของชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสผ่านทางข่าวใน macpro
ไม่ใช่แค่ชุนเฟิง แต่ยังมีบริษัทขนส่งอื่นๆ ที่ต่างก็เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาเองก็ต้องการรับสมัครพนักงานส่งของหญิงเช่นกัน!
สวี่ฉู่หมิงผ่อนลมหายใจยาวแล้วกล่าว
“ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเย่เฉิน!”
เมื่อสองเดือนก่อน เย่เฉินประกาศกร้าวกับเขาบนเรือหรูลำนั้นว่าเขาจะจัดการแก้ไขปัญหาการแต่งงานของชายร่วมชาติ เขาต้องการจะแก้ไขปัญหาของผู้หญิงที่คิดเองเออเองไม่สนใจความเป็นจริง!
พอมาวันนี้เขาทำได้แล้วจริงๆ สาวต่างชาติที่ยังโสดจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็สรรหาวิธีการต่างๆ นานามาเพื่อจะมาที่นี่ แล้วยังมีอีกจำนวนมากด้วยซ้ำที่จะแต่งงานกับผู้ชายธรรมดาๆ ทั่วไปในประเทศนี้!
“หมอนี่น่ากลัวจริงๆ!”
ตอนนี้สวี่ฉู่หมิงรู้แล้วว่าอัยฉีประธานบริษัทไป๋ลี่เป็นคนตระกูลเย่!
ในระหว่างนี้สวี่ฉู่หมิงได้ไหว้วานเพื่อนที่อยู่ในอังกฤษให้สืบหาประวัติครอบครัวของตระกูลเย่ เสียดายก็แต่ตระกูลนี้ลึกลับเกินไป ตอนนี้จึงยังไม่มีข้อมูลข่าวสารที่ชัดเจนเป็นชิ้นเป็นอัน
ยกตัวอย่างเช่นเย่อัยฉีคนนี้อายุเท่าไหร่กันแน่? แล้วใช่พี่น้องที่มีแม่คนเดียวกับเย่เฉินหรือไม่? แล้วสถานะในตระกูลเป็นอย่างไรบ้าง
สวี่ฉู่หมิงหยิบมือถือขึ้นมาในทันทีจากนั้นก็กดโทรหาหลิ่วหยวนหาง
“พี่หยวนหาง ผมเห็นข่าวรายงานว่าพวกคุณประกาศรับสมัครพนักงานสาวโสดจากต่างประเทศมาพันคน พี่ครับทั้งหมดนี้เป็นแค่แผนการของใครบางคน เขายืมมือพี่ฆ่าคน ยิ่งพี่ทำแบบนี้จะเท่ากับว่าช่วยเหลือเขานะครับ!”
สวี่ฉู่หมิงกล่าวอย่างตื่นตระหนก
เป้าหมายสูงสุดของเย่เฉินก็คือเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีผู้หญิงชาวต่างชาติมาที่นี่ ถ้าหากว่าพึ่งพาแต่ตัวเองล่ะก็จะเกรงว่าเงินที่ใช้นั้นคงจะมากเกินไป
ถ้าหากว่าชุนเฟิงกับบริษัทอื่นร่วมวงด้วยก็คงจะสบายขึ้นมาก
หลิ่วหย่วนหางย้อนถาม “นายบอกว่าเป็นแผนการของใครนะ?”
สวี่ฉู่หมิงหล่าวว่า“แฟนของฉินหงเหยียนน่ะสิ เย่เฉินน่ะเขาเป็นคนตระกูลเย่ ประธานของบริษัทไป๋ลี่ที่ชื่ออัยฉีก็เป็นคนตระกูลเย่เหมือนกัน ผมเดาว่าทั้งหมดที่ไป๋ลี่วางแผนเอาไว้น่าจะเป็นเย่เฉินที่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง!”
หลิ่วหย่วนหางกล่าวพลางถอนหายใจ “น้องชายไม่ว่าจะใช่แฟนของเขาหรือเปล่า ตอนนี้ชุนเฟิงของเราจำเป็นต้องทำตาม นายรู้ไหมว่าเดือนที่ผ่านมานี้หุ้นของชุนเฟิงเราตกไปเท่าไหร่? ฉันยังมีธุระต้องทำไว้เราค่อยคุยกันนะ!”
สวี่ฉู่หมิงยืนตัวแข็งไปสิบกว่านาทีหลังจากโดนตัดสาย
“เย่เฉินคนนี้ปกปิดเอาไว้เสียมิดเลย! ฉันอย่าไปหาเรื่องเขาดีกว่า ดูแล้วคงทำได้แค่ตัดใจจากฉินหงเหยียนเสียแล้ว!”
สวี่ฉู่หมิงเป็นนักธุรกิจที่มีความระมัดระวังอย่างมาก เขาที่เป็นแค่เขยที่แต่งเข้ากลายมาเป็นประธานบริษัทมูลค่าแสนล้านในวันนี้ กว่าจะร่ำรวยได้แบบนี้ลำบากลำบนยากเย็น
ในสถานการณ์ที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเย่ฉินเป็นคนยังไง เขาไม่กล้าไปหาเรื่องเย่เฉินและแย่งผู้หญิงจากมือเขา
ดังนั้นเขาทำได้เพียงแค่จำใจตัดใจจากฉินหงเหยียน
และโทรศัพท์ในมือเขาก็ดังขึ้นพอดิบพอดี
คนที่โทรเข้ามานั้นคืออาตง เพื่อนของเขาจากอังกฤษ
สวี่ฉู่หมิงกดรับสายอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
แล้วก็ได้ยินเสียงจากปลายสาย “พี่หมิงครับผมสืบได้แล้วว่าปู่ของเย่เฉินคือใคร!”
สาวน้อยชาวต่างชาติเป็นพนักงานขนส่ง ถ้าหากว่าทำหน้าที่แค่รับส่งของเท่านั้นล่ะก็ งั้นก็ออกจะใช้คนไม่คุ้มค่าแล้ว
ด้วยเสน่ห์ของพวกหล่อน จะขายของให้ลูกค้าง่ายดายสุดๆ
จากข้อมูลบริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสทำให้รู้ว่าสถานการณ์ของลูกค้าที่ส่งของทุกคน จึงทำให้สามารถขายของให้ตรงตามที่พวกเขาต้องการ
โดยปกติแล้วจะแนะนำขายพวกคอร์สฟิตเนสให้พวกลูกค้าผู้ชาย ส่วนลูกค้าผู้หญิงก็จะแนะนำพวกเครื่องสำอางจากญี่ปุ่นแทน
พวกเครื่องสำอางและฟิตเนสพวกนี้ร่วมมือกับไป๋ลี่ ให้เงินพวกเขาไม่น้อย
อาจจะมีคนรู้สึกว่าหญิงสาวชาวจีนและต่างชาติสื่อสารกันอาจจะมีปัญหา ขายของให้กันอาจจะลำบาก
อย่างไรเสียผู้หญิงชาวญี่ปุ่นพวกนี้เพิ่งมาที่ประเทศจีนได้แค่เดือนเดียว ต่อให้เรียนภาษาจีน 24 ชั่วโมงทุกวัน ก็ไม่มีทางจะพูดเป็น
แต่ในยุคนี้แล้วเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว
ขอแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นแปลภาษาออนไลน์ในสมาร์ทโฟน เธอพูดภาษาญี่ปุ่นไปตัวโปรแกรมจะแปลภาษาจีนโดยอัตโนมัติเอง
เหมือนกันอีกฝ่ายพูดภาษาจีน ตัวโปรแกรมก็แปลเป็นภาษาจีนแล้วอ่านออกเสียงให้อีกฝ่ายฟัง
ไม่ใช่แค่ภาษาจีน แต่แปลเป็นภาษาอะไรก็ได้
ชายคนนั้นทำบัตรสมาชิกราคาสี่พันหยวนอย่างไม่ลังเล ค่าบริการส่งของที่หญิงสาวชาวญี่ปุ่นได้นั้นก็ไม่กี่หยวน แต่จะได้เงินถึง 500 หยวนเมื่อขายสมาชิกฟิตเนสได้สำเร็จ
“ขอบคุณมากค่ะ! ขอให้คุณมีความสุขกับการออกกำลังกายนะคะ!”
หญิงสาวชาวต่างชาติค้อมตัวลง 90 องศาเพื่อขอบคุณชายคนนั้นอีกครั้งอย่างซาบซึ้งใจ
ชายผู้นั้นมีความสุขอย่างยิ่ง เขาเป็นนักแคสต์เกมหาเงินมาได้ไม่น้อย แต่เพราะอยู่แต่บ้าน ปกติไม่ค่อยแต่งตัวและพูดไม่ค่อยเก่งนัก
มีบางครั้งไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้า พนักงานที่ขายเสื้อผ้าก็ไม่ค่อยจะสนใจเขา
มีบางครั้งใช้เงินไปยังโดนรังเกียจอีก!
ไหนเลยจะเหมือนตอนนี้? อีกฝ่ายค้อมตัวลง 90 องศาเพื่อขอบคุณเขาเมื่อเขาจ่ายเงิน! เห็นเขาเป็นราวผู้มีพระคุณ!
“การบริการของสาวชาวญี่ปุ่นนี่ดีกว่าพนักงานในประเทศของเราหมื่นเท่าเลยทีเดียว!”
ชายคนเดิมใจเต้นระส่ำแล้วพูดกับโปรแกรมแปลที่เพิ่งดาวน์โหลดเมื่อครู่ “คุณครับผมขอเลี้ยงกาแฟคุณก่อนแล้วคุณค่อยไปได้ไหมครับ?”
โปรแกรมนี้แปลภาษาเป็นภาษาจีน หลังจากหญิงสาวชาวญี่ปุ่นคนนั้นฟังจบแล้วก็รีบลุกขึ้นมาค้อมศีรษะอีกครั้ง “ขอบคุณคุณผู้ชายที่เชิญนะคะ ฉันยินดีมากค่ะ!”
ชายหนุ่มตื่นเต้นอย่างมาก สุดท้ายแล้วทั้งสองคนก็เพิ่มเพื่อนในวีแชทของกันและกัน
จากนั้นชายคนนั้นก็เริ่มไลฟ์เกมทันที แล้วพูดกับคนจำนวนหลายพันในไลฟ์ของตนเอง
“แม่งเอ้ย! ผมขอแนะนำบริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสกับทุกคนอย่างจริงจัง! คิดไม่ถึงว่าพนักงานขนส่งของไป๋ลี่จะเป็นสาวญี่ปุ่น! เมื่อกี้หล่อนมารับของที่บ้านผมด้วยตัวเองเลย หน้าตาสวยด้วย! คล้ายๆ กับฟูจิ มินะเลย! ต่อไปไม่ต้องใช้ชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสแล้วพวกเรา เปลี่ยนมาใช้ไป๋ลี่กันเถอะ!”
ทว่าตอนนี้คนในไลฟ์สดไม่มีใครเชื่อ
“นายเจ้าของไลฟ์ ไป๋ลี่ให้เงินค่าโฆษณามาเท่าไหร่เนี่ย? ชุนเฟิงจะให้สามเท่าเลย”
“ขี้โม้แล้วล่ะมั้ง? พนักงานส่งของคือผู้หญิงเหรอ? ”
“เจ้าของไลฟ์ ตื่นเลย! เลิกฝันหวานทีเถอะ!”
ทว่าวันนี้คนจำนวนนับไม่ถ้วนในเทียนไห่ที่ใช้บริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสต่างก็เจอพนักงานส่งของชาวญี่ปุ่น
จากหนึ่งบอกต่อไปอีกสิบ จากสิบคนบอกไปเป็นร้อย แล้วไม่นานนักเรื่องนี้ก็ติดเทรนด์เวยป๋อความว่า บริษัทไป๋ลี่จ้างพนักงานส่งของชาวญี่ปุ่น!
เรื่องนี้เพิ่งจะขึ้น HOT SEARCH ก็ทำให้คนในเวยป๋อตื่นเต้นโวยวาย
“แม่งเอ้ย จริงหรือเปล่าเนี่ย? คิดไม่ถึงว่าจะจ้างสาวสวยชาวต่างชาติเป็นพนักงานส่งของ ฉันจะเรียกคนมารับของเดี๋ยวนี้เลย!”
“เจ๋งสุดๆ ไอเดียดีๆ แบบนี้ ทำไมไป๋ลี่ถึงคิดออกมาได้นะ ฮ่าๆ นี่ต้องเป็นสวัสดิการอะไรให้ผู้ชายชาวจีนเราแน่ ต้องหม้การสนับสนุนอยู่แล้ว!”
“ตอนนี้มีพนักงานส่งของเป็นคนญี่ปุ่นเฉพาะที่เทียนไห่เหรอ? ฉันไม่ยอม เมื่อไหร่จะมีที่เมืองหลวงด้วยอ่ะ!”
“ส่งมาที่อวิ๋นโจวสักหลายๆ ร้อยได้ไหม ต่อไปฉันจะใช้แค่ไป๋ลี่เท่านั้นแล้ว ต่อไปจะไม่ใช่บริษัทขนส่งอื่นเลย”
“เห็นด้วย สนับสนุนให้ไป๋ลี่ส่งพนักงานหญิงมาที่เมืองเสินเฉิงบ้าง!”
“…”
ในตอนนี้ คนระดับสูงในบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสเองก็กำลังถกปัญหาเรื่องนี้อยู่
ในห้องประชุม พวกผู้ถือหุ้นของบริษัทต่างก็กำลังถกเรื่องนี้กัน
“คุณหลิ่ว ไป๋ลี่จ้างผู้หญิงวัยรุ่นพันคนมาจากญี่ปุ่น อบรมภาษาจีนให้พวกหล่อน แถมยังทำสัญญาความร่วมมือกับฟิตเนสแล้วก็คลินิคเสริมความงามด้วย ผู้บริหารเด็กผู้หญิงที่เกิดปี 95 คนนี้ที่เพิ่งมาใหม่เล่นใหญ่สุดๆ!”
ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งของบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสกล่าวอย่างร้อนรน
แต่หลิ่วหย่วนหางกลับพูดอย่างนิ่งเฉย “ผมรู้เรื่องนานแล้ว เป็นแค่การกระทำที่ฉาบฉวยเอากระแสแค่นั้น! แม่หนูที่เกิดในปี 1995 คนนี้ทำธุรกิจไม่เป็นเลย! หล่อนจ้างพนักงานส่งของแบบนี้มาต้นทุนสูงมากทีเดียว หนำซ้ำยังจ้างมาตั้งหนึ่งพันคน กำไรทั้งเทียนไห่ก็คงไม่พอต้นทุนด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงทั้งประเทศเลย! ไม่ต้องกังวลใจหรอก ฉันว่าไม่นานนักหรอก พวกเขาคงไม่มีเงินให้ผลาญแล้วแหละ ผู้หญิงญี่ปุ่นพวกนี้น่าจะต้องกลับประเทศแล้ว”
……
แล้วเวลาสองอาทิตย์ก็ผ่านไป
ยิ่งนานคนจำนวนมากก็ยิ่งรู้เรื่องที่ว่าพนักงานขนส่งไป๋ลี่ล้วนแต่เป็นสาวชาวญี่ปุ่น ลูกค้าเพศชายที่อยากส่งของนั้นแทบทุกคนก็เลือกใช้ไป๋ลี่ ไม่มีใครใช้ชุนเฟิงและบริษัทขนส่งอื่นๆ!
ทั้งหมดก็เพื่อจะได้พูดคุยกับสาวชาวญี่ปุ่น!
ทันใดนั้นเองมีวันหนึ่งก็มีข่าวติดเทรนด์ว่า ‘นักแคสต์เกมแต่งงานฟ้าแลบกับสาวส่งของจากญี่ปุ่น’!
นักแคสต์เกมชายคนนั้นเลือกแต่งงานกับพนักงานส่งของจากญี่ปุ่นที่เพิ่งจะรู้จักกันแค่สองสัปดาห์!
นักแคสต์เกมคนนี้มีชื่อเสียงทีเดียว ดังนั้นข่าวเรื่องการแต่งงานของเขาจึงแพร่กระจายไปทั่วโซเชียลอย่างรวดเร็ว!
“แม่งเอ้ย! นักแคสต์เกมคนนี้จะมีความสุขเกินไปแล้ว! ได้แต่งงานกับสาวญี่ปุ่นง่ายดายแบบนี้! อิจฉาจนอยากจะขยี้นายให้แหลก!”
“ฉันรู้จักนักแคสต์เกมคนนี้ เขาเล่นเกม ROV ไม่ได้เป็นคนดังอะไรนักหนาหรอก เดือนหนึ่งก็คงหาเงินได้อย่างมากหมื่นสองหมื่นล่ะมั้ง ไม่มีปัญญาซื้อบ้านในเทียนไห่ด้วยซ้ำไป ไม่มีบ้านแล้วผู้หญิงยอมแต่งงานด้วยเหรอ?”
“นายคิดว่าผู้หญิงที่นั่นเหมือนผู้หญิงบ้านเราเหรอที่จะไม่ยอมแต่งงานถ้าฝ่ายชายไม่มีบ้านน่ะ? หล่อนไม่ได้สนใจเรื่องมีบ้านไม่มีบ้านหรอกโอเคไหม? ได้ยินนักแคสต์เกมบอกในไลฟ์ว่าผู้หญิงคนนั้นยอมคบกับเขา เพียงเพราะเขาสมัครสมาชิกฟิตเนสรายปีไปสี่พันหยวน!”
“เชี่ย จริงหรือเปล่าเนี่ย? แค่เงินสี่พันก็จีบสาวติดแล้วเหรอเนี่ย? เงินสี่พันฉันก็มี!”
“ขอลงชื่อหน่อยเถอะ ขอเรียกร้องให้ไป๋ลี่ส่งพนักงานผู้หญิงญี่ปุ่นมาทำงานที่เมืองเสินเฉิง!”
“อวิ๋นโจวก็เอาด้วย…”
ผู้ชายทั้งหมดต่างก็เดือดกันขึ้นมาบ้างแล้ว!
พวกเขาหลายคนต่างก็เป็นตัวสำรองของสาวสวยๆ หลายคน มีบางคนกระทั่งตัวสำรองก็ยังไม่ได้เป็น กระทั่งวีแชทของสาวที่ชอบยังไม่มี กระทั่งคุยยังไม่ได้คุยด้วย!
ในทันใดนั้นเองใประเทศจู่ๆ ก็มีผู้หญิงที่ทั้งสวย อ่อนโยนและสะสวย อีกทั้งยังไม่ต้องการบ้านหรือสินสอดด้วยซ้ำ!
ทุกคนต่างก็อยากจะแย่งชิงบ้าง!
กระทั่งนักข่าวช่องหลักก็ยังมาเทียนไห่ และขอสัมภาษณ์ที่บริษัทไป๋ลี่ด้วยตนเอง!
ฉินหงเหยียนกำลังให้สัมภาษณ์อยู่ในห้องทำงานของรองประธานบริษัทไป๋ลี่
“คุณฉินพวกเราเห็นว่าช่วงนี้บริษัทของคุณจ้างพนักงานส่งของหญิง จนทำให้ชาวเน็ตเกิดความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวโซเชียลผู้ชายต่างก็กำลังถกเถียงเรื่องนี้กัน ถึงขนาดที่ว่ามีหนึ่งในพนักงานของคุณแต่งงานกับเพื่อนร่วมชาติของเราแล้ว
พอจะบอกได้หรือเปล่าว่าทำไมพวกคุณถึงเลือกจ้างสาวชาวญี่ปุ่นมาเป็นพนักงานส่งของล่ะ?”
เห็นภาพเหตุการณ์ตรงนี้ คิดไม่ถึงว่าในใจเย่เฉินจะเกิดรู้สึกทนไม่ได้!
หลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาเดิมทีเป็นสามีภรรยา ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็สมเหตุสมผล
แต่ว่าในวินาทีนี้เย่เฉินยังคงรู้สึกว่าตนเองยังเป็นสามีของหวังเจียเหยา เขาไม่อาจทนได้เห็นผู้หญิงของตนเองระเริงรักกับชายอื่นได้!
ส่วนหวังเจียเหยาก็ไม่ได้ปัดป้องอะไรอีก อาจะเพราะกลัวว่าถ้าปฏิเสธอีกฝ่ายอาจจะทำให้เขาสงสัย!
เย่เฉินกำหมัดแน่น เขาในวินาทีนี้อยากจะเปิดประตูตู้ออกแล้วเดินไปประเคนหมัดใส่หน้าหลิ่วอวี่เจ๋อ!
แต่ว่าเมื่อคิดให้ดีๆ แล้วก็พบว่าตนเองมีคุณสมบัติอะไรไปต่อยอีกฝ่าย?
“หลิ่วอวี่เจ๋อต่างหากเป็นสามีของหวังเจียเหยา ตอนนี้หล่อนไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเราแล้ว!”
เย่เฉินปลอบตนเองแบบนี้เพื่อลองสงบจิตใจที่บ้าคลั่งของตนเอง
แต่ว่าเย่เฉินกลับคิดได้ว่าในช่วงเวลาที่หญิงสาวยังเป็นภรรยาของตนเอง หล่อนเองก็เคยทำแบบนั้นกับหลิ่วอวี่เจ๋อหรือเปล่านะ?
ทันทีที่คิดถึงภาพเหตุการณ์เหล่านี้ก็อาจจะเกิดขึ้นในตอนที่พวกเขาสองคนยังแต่งงานกัน เย่เฉินเองก็กำมือแน่นอีกครั้ง เพื่อสะกดอารมณ์ของตนเองที่อยากจะออกไปต่อยหลิ่วอวี่เจ๋อ!
แต่ว่าเขาเองก็สะกดอารมณ์เอาไว้ได้อีกครั้ง
“หลังจากต่อยเขาแล้วล่ะ? ทันทีที่ฉินหงเหยียนรู้ว่าฉันหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องโรงแรมของพวกเขา จะอธิบายอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว”
และเย่เฉินก็ต้องใช้เวลา 10 นาทีที่ถือได้ว่ายากลำบากที่สุดในชีวิตของเขา!
10 นาทีต่อมา
“เอาเถอะน่า นายควรไปได้แล้วนะ พวกข่ายจื่อรอนายอยู่นะ”
หวังเจียเหยาจับเสื้อสายเดี่ยวขึ้นมา แล้วเอ่ยปากไล่สามีอีกครั้ง
หลิ่วอวี่เจ๋อเช็ดคราบลิปสติกบนริมฝีปาก “ได้ งั้นผมไปก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนดึกผมกลับมาต่อ! ฮ่าๆ เย่เฉินไอ้โง่ ผู้หญิงอายุ 30 ปีกว่าๆ อย่างฉินหงเหยียนมีอะไรดีนะ ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของคุณเลยครับ!”
หลังจากหวังเจียเหยาได้ยินจู่ๆ สามีของตนเองด่าเย่เฉินแบบนี้ ก็ลนลานไปทันที เพราะตอนนี้เย่เฉินหลบอยู่ในตู้!
“เอาน่าๆ คุณรีบไปเถอะ”
หวังเจียเหยาลุกขึ้นแล้วดันหลังอีกฝ่ายออกไป เพราะกลัวว่าเย่เฉินออกมาจากตู้แล้วซ้อมเขา
หลังจากหลิ่วอวี่เจ๋อไปแล้ว เย่เฉินก็ออกมาจากตู้
หวังเจียเหยาพบว่าสีหน้าของเย่เฉินก็เปลี่ยนไป!
ท่าทางเขาเคร่งเครียด หัวเสียไม่พูดไม่จา ดูแล้วหัวเสียอย่างมาก!
เย่เฉินไม่พูดอะไรแต่หุนหันจะออกจากห้อง
หวังเจียเหยารั้งแขนเย่เฉิน “เฮ้อ นายอย่าเพิ่งรีบไปสิ นายไปตอนนี้เดี๋ยวหลิ่วอวี่เจ๋อก็เห็นนายสิ อีกเดี๋ยวค่อยไปโอเคไหม”
เย่เฉินนั่งบนโซฟาแล้วก็ยังคงปิดปากเงียบสนิท
หวังเจียเหยาเห็นสีหน้าของเย่เฉินก็หัวเราะร่วน “เย่เฉิน นายหึงใช่ไหมล่ะที่เห็นฉันกับหลิ่วอวี่เจ๋อพลอดรักกัน?”
เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “น่าขันจริงๆ ผมจะไปหึงคุณทำไมล่ะ? พวกคุณสองคนเป็นสามีภรรยา พวกคุณอยากจะพลอดรักกันยังไงก็ทำไปเลย ผมถือว่าเป็นหนังสดดูฟรีไม่เสียเงิน!”
หวังเจียเหยาหัวเราะ “ฮึ ยังจะปากแข็งอีก ฉันแต่งงานกับนายมาสามปี นายหึงหรือเปล่า โกรธไหม คิดว่าฉันจะมองไม่ออกหรือไง? นายยังชอบฉันอยู่ใช่ไหมล่ะ?”
หวังเจียเหยาพูดพลางหอมแก้มเขา
เย่เฉินผุดลุกขึ้นจากโซฟาทันที แล้วผลักหวังเจียเหยาออกด้วยท่าทีรังเกียจ “อี๋! แหวะ! หวังเจียเหยาคุณนี่น่ารังเกียจเกินไปแล้วนะ! คุณเพิ่งจะจูบกับหลิ่วอวี่เจ๋อไปยังจะมาจูบผมอีกเหรอ?”
หวังเจียเหยาโกรธมาก ตนเองทอดสะพานให้เขาไปตั้งหลายครั้งหลายคราว แต่เย่เฉินกลับไม่ยอมตามน้ำ
ครั้งนี้ยิ่งหนักกว่าเดิม ตนเองจูบเขา แต่เขาทำท่าทางจะอาเจียนเหมือนรังเกียจตนเองเสียเต็มประดา!
หวังเจียเหยากล่าวด้วยโทสะ “เย่เฉิน! นายเป็นแค่คนส่งของที่เกาะผู้หญิงกิน มีสิทธิ์อะไรมารังเกียจฉัน! ใช่ ฉันหย่ากับนายเพราะนายจน ที่ตระกูลนายขับนายออกจากตระกูลแล้ว ที่ฉันแต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋อก็เพราะว่าเขารวยกว่านาย!
แล้วนายล่ะ นายคบหากับฉินหงเหยียนไม่ใช่เพราะหล่อนรวยเหรอ? เมื่อก่อนนายเกาะฉันกิน แต่งเข้าตระกูลเรา ตอนนี้ก็เกาะฉินหงเหยียนเพราะอยากจะเป็นเขยแต่งเข้าของตระกูลฉินใช่ไหมล่ะ?”
เย่เฉินถูกหวังเจียเหยาเยาะเย้ยก็ตอบ “ใช่แล้ว ผมเองก็คิดแบบนี้! ผมชอบเกาะผู้หญิงกิน เพราะไม่มีเงินไง ผมมันจนน่ะ! เลยชอบเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านนั้นบ้านนี้! แล้วก็เพราะไร้ประโยชน์แบบนี้ด้วย! ทางที่ดีที่สุดคุณอย่ามาชอบผู้ชายอย่างผมเลย! ในเมื่อพวกเราสองคนอยู่กับคู่รักในตอนนี้เพราะเงิน เช่นนั้นแล้วเราก็มาดูกันดีกว่าว่า ‘คนที่เราเกาะ’ อยู่เนี่ยใครจะอยู่ให้เกาะยาวนานกว่ากัน!”
พูดจบเย่เฉินก็หุนหันออกจากโรงแรมไป
เขาจะเล่นงานหลิ่วอวี่เจ๋อเพื่อล้างแค้นหญิงสาว!
เขาต้องการให้ชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสของตระกูลหลิ่วหายไปจากสายงานขนส่งของประเทศนี้!
……
หลายวันต่อมาเย่เฉินและฉินหงเหยียนเหยียน หวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อต่างก็ไปชมการแข่งขันในสนามโอลิมปิกต่างๆ
ในระหว่างนี้ก็มีบังเอิญเจอกันบ้าง แต่ฉินหงเหยียนและหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้รู้เรื่องคืนนั้นที่เกิดขึ้นระหว่างเย่เฉินและหวังเจียเหยา
สิบกว่าวันต่อมา เดือนสิงหาคมก็ผ่านไป เย่เฉินและฉินหงเหยียนก็นั่งเครื่องบินกลับเทียนไห่
พวกเขาไม่ได้กลับมาเพียงลำพัง แต่ยังพาผู้หญิงโสดชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งพันคนกลับมาด้วย!
บริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสทำพาสปอร์ตให้พวกหล่อน และทำวีซ่าประเภท Z รวมไปถึงตกปากรับคำเรื่องเงินเดือนและยังเสนอสวัสดิการที่พัก แถมยังเปิดคอร์สสอนภาษาจีนให้พวกหล่อนด้วย ถึงขนาดที่ว่ายังจะสอนพวกหล่อนขับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนเงินไปไม่น้อย
ศักยภาพในการเผาเงินของไป๋ลี่ในครั้งนี้ก็เขย่าวงการธุรกิจของประเทศอย่างรวดเร็ว!
แล้วพวกหล่อนก็ได้รับการอบรมจากบริษัทเป็นเวลาหนึ่งเดือน จนเวลาหมุนเวียนมาจนถึงช่วงเดือนตุลาคม ในตอนบ่ายที่แสงแดดทอแสงสดใส
ในเขตธรรมดาของเมืองเทียนไห่ ผู้ชายติดบ้านที่เป็นนักแคสต์เกมอาชีพคนหนึ่ง ต้องการจะส่งของไปที่เมืองหลวง ดังนั้นเขาถึงได้ใช้มือถือเรียกคนส่งของจากไป๋ลี่ที่เขามักจะใช้บ่อยๆ และค่าส่งค่อนข้างถูก
ไม่นานนักเขาก็ได้ยินเสียงกริ่ง
ชายหนุ่มเปิดประตูแล้วก็เห็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยในชุดกิมโมโนประยุกต์!
“สวัสดีค่ะ คุณผู้ชาย คอนนิจิวะ!”
พอได้ยินสำเนียงก็รู้ว่าเป็นคนญี่ปุ่น หล่อนสวมชุดทำงานที่เป็นชุดกิโมโนประยุกต์ที่สั่งตัดเป็นพิเศษ ทักทายชายหนุ่มพร้อมกับคำนับเขาอย่างมีมารยาท
ช่วยไม่ได้คนญี่ปุ่นชอบคำนับกันเพื่อทักทาย
ชายคนนั้นตกใจกับมารยาทนี้อย่างมาก เขารีบร้อนคำนับอีกฝ่ายอย่างเก้อเขิน “เอ่อ…พี่สาวครับคุณทำอะไรน่ะ? มาผิดที่หรือเปล่าครับ?”
ชายผู้นี้ไม่ได้รู้จักหญิงสาวร่วมชาติหน้าตาสะสวยด้วยซ้ำไป ยิ่งไม่มีทางรู้จักผู้หญิงต่างชาติหน้าตาสะสวยแน่นอน
ผู้หญิงจากญี่ปุ่นตอบเขาด้วยภาษาจีนที่ถือว่าคล่องแคล่วพอตัว “ฉันเป็นพนักงานขนส่งของบริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสค่ะ คุณผู้ชายอยากจะส่งอะไรเหรอคะ?”
ผู้ชายคนนั้นยืนตัวแข็ง นี่มันเรื่องอะไรกัน!
พนักงานขนส่งของบริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรส ทำไมถึงได้กลายเป็นสาวสวยชาวญี่ปุ่นแถมยังสวมชุดประจำชาติของหล่อนเสียด้วย!
“ครับ…ครับ…ไฮ้!” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างเคอะเขิน
หญิงสาวชาวญี่ปุ่นนั้นรู้ภาษาจีนไม่มาก แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงานของหล่อน
หญิงสาวล้วงโทรศัพท์ออกมา แค่ต้องสแกนที่อยู่ที่ชายหนุ่มคนนั้นให้มา ซอฟท์แวร์ก็จะจำแนกที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์โดยอัตโนมัติ
จากนั้น หญิงชาวญี่ปุ่นคนนั้นก็เอาของที่ชายหนุ่มต้องการจะส่งวางในถุงพัสดุ แล้วย้อนถามอย่างมีมารยาท“ขอบคุณคุณผู้ชายที่ใช้บริการบริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรส! อยากจะลองดูการออกกำลังกายโดยการว่ายน้ำไหมคะ?”
ชายคนนั้นชะงักไป แม่งเอ้ย พนักงานขนส่งตอนนี้ทำไมถึงได้ขายคอร์สฟิตเนสด้วยล่ะ?
“ครับ! ครับ!” ชายคนนั้นรีบร้อนตอบ
เป็นเสียงของหลิ่วอวี่เจ๋อ!
หวังเจียเหยาตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีทันที!
สีหน้านั้นเหมือนที่ตอนที่พบว่าตัวเองโดนเย่เฉินจับได้ว่าไปเปิดห้องที่โรงแรมกับฟางเชาไม่มีผิดเพี้ยน!
เย่เฉิน ‘โชคดี’ ที่ได้เห็นสีหน้าเดียวกันนี้จากหวังเจียเหยาอีกครั้ง!
เขาอดคิดถึงตอนนั้นไม่ได้ ภาพเหตุการณ์ที่พอเขาฝันถึงเมื่อไหร่ต้องสะดุ้งตื่นทุกครั้ง!
เพียงแต่ว่าครั้งก่อนเย่เฉินอยู่ที่ด้านนอกโรงแรม เขาเป็นคนที่โดนไล่
แต่คราวนี้เย่เฉินเป็นคนที่อยู่ในโรงแรม เขาในตอนนี้กลายเป็น ‘ฟางเชา’ ในตอนนั้นแทน !
เย่เฉินหันมองหวังเจียเหยา ตอนนี้หญิงสาวสวมชุดนอนสายเดี่ยวเบาบาง แต่งตัวยั่วยวนเปิดเผย
ถ้าหากว่าตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อเข้ามาเห็นพวกเขาสองคน จะต้องเข้าใจไปว่าพวกเขาลอบคบหากันแน่!
หวังเจียเหยาย่อมคิดถึงจุดนี้เช่นกัน! ดังนั้นหล่อนจึงลนลานอย่างมาก!
ตอนนั้นที่หวังเจียเหยาถูกเย่เฉินจับได้ว่าแอบมีชู้ หล่อนเพียงแค่ตกใจเล็กน้อย แล้วในวินาทีต่อมาก็ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกลับกันยังมาตำหนิเย่เฉินด้วย
แต่ว่าวันนี้กลับต่างกันออกไป หล่อนไม่มีทางตำหนิหลิ่วอวี่เจ๋อแน่นอน ในทันทีที่เขารู้ว่าหล่อนทรยศเขาล่ะก็ ตระกูลหลิ่วต้องไม่ปล่อยหล่อนไปแน่!
อีกทั้งทั้งตระกูลหวังของของหล่อนก็จะต้องพลอยซวยไปด้วย!
หวังเจียเหยารีบร้อนดึงเย่เฉินแล้วกล่าวเสียงเบา “เย่เฉิน สามีของฉันกลับมาแล้ว นายรีบไปหาที่หลบก่อนเร็ว เรื่องนี้อธิบายยาก ถ้าเขาเห็นเราสองคนในสภาพนี้จะต้องเข้าใจผิดแน่!”
เย่เฉินลังเลว่าจะช่วยหล่อนดีหรือไม่!
ที่จริงแล้วหลิ่วอวี่เจ๋อตามตอแยหญิงสาวตอนที่พวกเขาสองคนกำลังเป็นสามีภรรยากัน เดิมเย่เฉินเองควรจะตอบสนองอีกฝ่ายด้วยการกระทำแบบเดียวกัน
แต่ถ้าหากว่าปล่อยให้หลิ่วอวี่เจ๋อเข้าใจผิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน เช่นนั้นแล้วหลิ่วอวี่เจ๋อจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกฉินหงเหยียนแน่นอน
พอถึงตอนนั้นแล้วถ้าฉินหงเหยียนถามเย่เฉินขึ้นมา แล้วเขาจะตอบหญิงสาวว่ายังไง?
ก็จริงอยู่ที่วันนี้เขาไม่ได้ทอำอะไรกับหวังเจียเหยา แต่วันนั้นล่ะ?
เขาไม่อาจะโกหกหญิงสาวได้ หากหล่อนรู้ว่าเขาทำเรื่องผิดต่อหล่อน ไม่เชื่อใจหล่อน หล่อนจะต้องเสียใจมากแน่!
“ขอร้องล่ะ” หวังเจียเหยามีท่าทีน่าสงสาร
ย่เฉินกล่าวพลางส่ายหน้า “ก็ได้”
ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำไปเพื่อช่วยหวังเจียเหยา แต่เพื่อไม่ให้ฉินหงเหยียนเสียใจ!
ในที่สุดหวังเจียเหยาก็โล่งอก ลากเย่เฉินไปที่ข้างเตียงแล้วชี้ไปตรงนั้นพลางกล่าว “นายไปหลบใต้เตียงไป”
เย่เฉินรีบปฏิเสธทันควัน “ผมไม่หลบใต้เตียงพวกคุณนะ!”
ในสายตาเขานี่คือเรื่องน่าอายและดูหมิ่นศักดิ์ศรีกันอย่างมาก
“งั้นนายไปหลบในตู้เสื้อผ้าไปสิ”
หวังเจียเหยาจัดแจงยัดเขาเข้าไปในตู้เสื้อผ้า
“ที่รักครับ คุณอยู่ไหม?”
หลิ่วอวี่เจ๋อที่อยู่ด้านนอกเรียกภรรยาสาวอีกครั้ง
“เร็วๆ รีบเข้าไป”
หวังเจียเหยาเร่งรัดเขา โชคดีที่ตู้เสื้อผ้าห้องเพรสซิเดนท์สูทมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เย่เฉินจึงสามารถซ่อนตัวได้อย่างง่ายดาย
“นายซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าไปก่อน อย่าเอะอะล่ะ ทุกคนจะได้ไม่ซวย”
หวังเจียเหยากำชับเย่เฉินอีกรอบ
“รู้แล้วน่า” เย่เฉินปิดประตูตู้เสื้อผ้าแล้วซ่อนตัวอยู่ด้านในเงียบๆ
เมื่ออยู่ในพื้นที่มืดมิดเล็กๆ เย่เฉินก็โอดครวญในใจ “แม่งเอ้ย ฉันเป็นถึงคุณชายตระกูลเย่ คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะต้องมาหลบในตู้เสื้อผ้าในห้องพักของโรมแรมคนอื่น แถมคนซ่อนยังเป็นภรรยาเจ้าของห้องอีกต่างหาก หมดคำจะพูด!”
ตอนนี้หวังเจียเหยาก้าวไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
เพิ่งจะเปิดประตู หลิ่วอวี่เจ่อก็ย้อนถามอย่างหงุดหงิด “ทำไมนานจังกว่าจะเปิดประตู…”
แต่ยังไม่ทันพูดจบ เมื่อเห็นชุดของหวังเจียเหยา หลิ่วอวี่เจ๋อก็ตกตะลึงไป “ที่รัก…คุณสวยจังเลย”
หวังเจียเหยาตั้งใจแต่งตัวอย่างประณีตเพื่อจะลอบนัดพบกับเย่เฉิน ดังนั้นเกรงว่าต่อให้หลิ่วอวี่เจ๋อที่เห็นหล่อนทุกวันก็ยังต้องตกใจในความสวยของหญงสาว
“ที่รัก คุณซื้อชุดนอนตัวนี้เมื่อไหร่ครับ? ทำไมไม่เคยเห็นคุณใส่มาก่อนเลย?”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวถาม
เย่เฉินที่หลบอยู่ในตู้เสื้อผ้าได้ยินคำถามของหลิ่วอวี่เจ๋อ ลอบกล่าวกับตนเองในใจ
“ชุดตัวนี้เราเป็นคนซื้อให้หล่อนเอง หลังจากที่แต่งงานกับหมอนั้นแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังไม่ทิ้งแถมยังไม่เคยใส่ให้เขาดูมาก่อน”
เย่เฉินประหลาดใจเล็กน้อย
“แค่ก…” หวังเจียเหยาอึกอักเฉไฉถาม “ที่รัก ทำไมคุณกลับมาเช้าขนาดนี้? นี่มันเพิ่งสี่ทุ่มเอง พวกคุณจะกินเหล้ากันถึงเที่ยงคืนไม่ใช่เหรอ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อยังไม่อธิบาย แต่เมื่อเห็นหวังเจียเหยาที่สวยปานนางฟ้าก็ตรงดิ่งเข้าไปอุ้มหล่อน
“ว้าย นายจะทำอะไร ปล่อยฉันลงนะ”
หวังเจียเหยากลัวมาก เพราะหลิ่วอวี่เจ๋ออุ้มหล่อนพลางเดินเข้าไปด้านใน
ยิ่งเดินเข้าไปด้านในเท่าไหร่ก็ยิ่งใกล้เย่เฉินเข้าไปทุกที!
เย่เฉินสัมผัสได้ว่าสองคนนั้นกำลังเดินมาทางเขา! เขาเองก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมา!
ทว่าเห็นได้ชัดว่าหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้สังเกตว่าเพิ่งมีผู้ชายคนอื่นเข้ามาในห้อง
เขาอุ้มหวังเจียเหยาเพียงเพื่อจะอุ้มหล่อนไปที่เตียงนอนเท่านั้น
แค่ได้ยินเสียงเย่เฉินก็เดาออกว่าหลิ่วอวี่เจ๋อตั้งใจจะทำอะไร
ทว่าหวังเจียเหยากลับผลักสามีออกแล้วกล่าว “นายยังไม่ได้ตอบฉันเลยว่าทำไมกลับมาเร็วจัง”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ผมกลับมาเอาของ”
พูดจบก็จุมพิตแฟนสาวของตนเอง
“มาเอาของอะไร?” หวังเจียเหยายังคงผลักอีกฝ่ายออก
ชายหนุ่มตอบกำกวมอีกครั้ง “กุญแจ”
“กุญแจอะไร?” หวังเจียเหยาเซ้าซี้
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวว่า “กุญแจของสนามกอล์ฟอวี๋ซาน”
หวังเจียเหยาพอจะรู้ว่าหวังเจียเหยาและเพื่อนกลุ่มนั้นของเขามักจะไปตีกอล์ฟกันที่นั่น
“กุญแจอะไรของสนามกอล์ฟเหรอคะ?” หวังเจียเหยายังถามต่ออีก
หลิ่วอวี่เจ๋อดูอ้ำๆ อึ้งๆ อย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้จะทำยังไงเลยพูดต่อ
“ที่นั่นมีตู้ส่วนตัวของพวกเรา กุญแจอยู่ที่ผม พรุ่งนี้ข่ายจื่อจะกลับประเทศแต่เช้าไปเอาของในตู้ ดังนั้นผมเลยกลับมาเอากุญแจไปให้เขา”
หวังเจียเหยาดูมีท่าทีสงสัย “ตู้ส่วนตัวเหรอ? ใส่อะไรไว้เหรอคะ?”
ไม่ได้มีแค่หวังเจียเหยาที่สงสัย กระทั่งเย่เฉินเองก็ยังสงสัยเมื่อได้ยิน!
สนามกอล์ฟมีตู้ส่วนตัวอะไรกัน? ถึงจะมีทำไมพวกเขาหลายคนถึงใช้ร่วมกัน?
อีกทั้งกุญแจยังมีแค่ดอกเดียวแถมยังฝากไว้ที่คนๆ เดียว!
เย่เฉินเดาว่าหลิ่วอวี่เจ๋ออาจจะมีความลับที่บอกใครไม่ได้กับเพื่อนชาติชั่วพวกนั้น เขาเอาแต่ใช้วิธีสะอาดเพื่อทำให้หลิ่วอวี่เจ๋อโดนลงโทษ
ดังนั้นเย่เฉินจึงแง้มประตูตู้ออกเป็นรอยผ่านเล็กๆ เพื่อดูสีหน้าหลิ่วอวี่เจ๋อ
เย่เฉินเคยเรียนจิตวิทยาและอ่านสีหน้า เขาสามารถตัดสินได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นจริงหรือเท็จจากสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา!
หลิ่วอวี่เจ๋ออ้ำๆ อึ้งๆ “ก็พวกของแบรนด์เนมที่พวกเราเอามาจากที่ต่างๆ ทั่วโลก”
เย่เฉินตัดสินจากสีหน้าอีกฝ่ายว่าที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องโกหก!
“ดูแล้วหลังจากกลับไปคงต้องแอบไปรื้อตู้พวกเขาดู”
เย่เฉินลอบกล่าว
ในตอนนี้เขาดีใจมากที่เจอความลับของหลิ่วอวี่เจ๋อได้ขณะที่ซ่อนอยู่ในตู้!
แต่ความลับเล็กๆ นี้อาจจะสามารถล้มหลิ่วอวี่เจ๋อหรืออาจจะถึงขั้นล้มทั้งตระกูลหลิ่วได้เลย!
แต่ว่าในวินาทีนี้เขามองเห็นทั้งสองคนนั้นกำลังจุมพิตกันอย่างดูดดื่มผ่านทางรอยแยกของตู้
เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง แฟนบาสจำนวนสามหมื่นคนต่างก็ทยอยกันออกจากสนามกีฬาไซตามะเป็นลำดับ
หลิ่วอวี่เจ๋อและฉินหงเหยียนต่างก็ค่อยๆ เดินออกมาด้านนอก
หลิ่วอวี่เจ๋อมองเวลา นี่มันสามทุ่มแล้ว
“ที่รัก พวกข่ายจื่อเขานัดผมไปเที่ยวบาร์สก็อต พวกเราไปนั่งเล่นกับพวกเขาสักหน่อยดีไหม?”
มาที่ญี่ปุ่นก็เพื่อมาเที่ยว ตอนนี้เพิ่งจะสามทุ่ม หลิ่วอวี่เจ๋อยังเที่ยวไม่หนำใจ เขาไม่อยากจะกลับโรงแรมไวขนาดนั้น
ตอนนนี้หวังเจียเหยายังคงเอาแต่หมกมุ่นกับเรื่องที่ว่าหล่อนเจอเย่เฉินได้ยังไง แล้วบังเอิญที่หลิ่วอวี่เจ๋ออยากจะออกไปเที่ยวพอดี หวังเจียเหยาก็แสร้งกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันยังตั้งท้องอยู่เลยจะให้ไปร้านเหล้าได้ยังไง!”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางหัวเราะ “คุณก็ไม่ต้องดื่มเหล้าสิ เดี๋ยวผมสั่งน้ำผลไม้ให้เอง”
หวังเจียเหยากลอกตาใส่ “ไม่ดูพวกนายดื่มกันแล้วตัวฉันดื่มไม่ได้ รู้สึกแย่จะตายชัก นายไปเที่ยวเถอะ ฉันจะกลับไปนอนที่โรงแรม”
หลิ่วอวี่เจ๋อรู้สึกผิดที่จะปล่อยให้หวังเจียเหยาอยู่ที่โรงแรมคนเดียวจึงกล่าวว่า “งั้นผมไม่ไปแล้วก็ได้ กลับโรงแรมเป็นเพื่อนคุณดีกว่า”
หวังเจียเหยารีบร้อนกล่าว “ไม่ต้องหรอก นายไปเที่ยวกับพวกเขาเถอะ กว่าจะได้มาโตเกียวสักครั้งหนึ่ง อย่าทำให้นานยหมดสนุกเพราะฉันเลย”
หลิ่วอวี่เจ๋อหอมภรรยาฟอดหนึ่ง “ขอบคุณนะครับที่รัก ภรรยาของผมนี่ใจดีที่สุดเลย!”
เดินออกจากสนามกีฬาแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อก็โบกรถให้หวังเจียเหยาแล้วส่งหล่อนกลับไปที่โรงแรม Andaz อันเป็นที่พักของพวกเขา
แล้วตัวเขาเองนั้นก็ไปดื่มเหล้ากับเพื่อนที่บาร์สก็อต
……
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ในตอนนี้เย่เฉินกำลังอยู่บนเรือหรูหราของทีมนักบาสชาวอเมริกา และพูดคุยกับพวกเขาอย่างออกรสอยู่
“เฮ้ คริส นายว่าเจมส์จะเก่งกว่า Kareem Abdul-Jabbar แล้วกลายเป็นนักบาสที่ทำคะแนนได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NBA ไหม?”
Stephen Curry ถามเย่เฉิน
เย่เฉินดื่มเหล้ากับพวกเขาจนกลายกลมกลืนกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพวกเขา”
“ผมว่าเขาน่าจะทำได้นะครับ เขารักษาสภาพร่างกายได้ดีมากเลย”
เจมส์กุมมือเย่เฉินด้วยความตื้นตัน “ขอบใจนะ บัดดี้ ถ้าหากมีวันนั้นขึ้นมาจริงๆ นายจะต้องมาเป็นสักขีพยานให้การแข่งขันของฉันนะ อ้อจริงสิพาแฟนคนสวยของนายคนนั้นมาด้วยล่ะ!”
“แน่นอนสิ ฉันจะต้องพาฉินหงเหยียนไปที่สนามแข่งด้วยแน่ๆ” เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
และในตอนนี้เองจู่ๆ โทรศัพท์ของเย่เฉินก็ดังขึ้น คิดไม่ถึงว่าสายที่โทรเข้ามาคือหวังเจียเหยา
เย่เฉินเลิกคิ้วหล่อนโทรมาทำไมกันนะ?
“ฮัลโหล” เย่เฉินรับสาย
“เย่เฉิน…นายรีบมาเร็ว ฉันปวดท้อง”
เสียงของหวังเจียเหยาฟังแล้วอ่อนระโหยโรยแรงอย่างมาก!
ทันทีที่เขาได้ยินว่าหล่อนปวดท้อง ก็รีบลุกขึ้นอย่างเป็นกังวลทันที นั่นเพราะสายเลือดของเขาอยู่ในท้องหญิงสาว!
“คุณเป็นอะไร? แล้วทำไมโทรหาผม? หลิ่วอวี่เจ๋อล่ะ? ให้เขาไปส่งคุณไปโรงพยาบาลสิ!”
เย่เฉินผุดลุกขึ้น เขาก็รู้หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคนสารเลว เขาไม่ได้รักหวังเจียเหยาแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางจะรักเด็กในท้องของหวังเจียเหยา
แต่ว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ภรรยาของตนเองเจ็บปวดจนมีสภาพแบบนั้นจะไม่ยอมไปสส่งไปโรงพยาบาลก็เกินไปแล้วมั้ง?
หวังเจียเหยากล่าว “เขาออกไปดื่มเหล้ากับเพื่อนแล้ว ฉันโทรหาเขาก็ไม่ติดเลย…”
เย่เฉินวางแก้วลงทันที “คุณอยู่ไหน?!”
ใช้เวลาแค่สิบห้านาที เย่เฉินก็มาถึงห้องพักในโรงแรม Andaz ที่หวังเจียเหยาพักอยู่
ในระยะทางสุดท้ายเย่เฉินแทบจะวิ่งไปหาอดีตภรรยาอยู่แล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เย่เฉินรีบร้อนไปเคาะประตูห้องด้วยลมหายใจที่หอบกระชั้น
ประตูห้องงถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ทว่าสิ่งที่ลอดเข้ามาในครรลองสายตานั่นกลับไม่ใช่หวังเจียเหยาที่อ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรง กุมท้อง ร้องโอดโอย
แต่เป็นหวังเจียเหยาคนสวยที่แต่งหน้าอย่างสวยสดงดงาม ในชุดนอนสายเดี่ยวซาตินแทน!
ชุดนอนสีไข่มุกนี้เย่เฉินเป็นคนซื้อให้หญิงสาว
“คิดไม่ถึงว่าชุดที่ซื้อให้ หล่อนจะยังเก็บไว้…”
เย่เฉินประหลาดใจ นี่เองก็เป็นเสื้อผ้าชุดแรกที่เย่เฉินตั้งใจซื้อให้หญิงสาว
ชุดที่หวังเจียเหยาสวมนั้นทำให้ร่างแบบบางนั้นดูใสซื่อบริสุทธิ์ ทันทีที่เขาเห็นหล่อนสวมชุดนี้ รู้สึกเหมือนว่าหญิงสาวเหมือนนางฟ้าเลยทีเดียว
ในระหว่างที่พวกเขาสองคนพยายามจะมีลูกกันนั้น หญิงสาวแทบจะใส่ชุดนี้ตลอดเวลาที่อยู่บ้าน
“นายมาแล้วเหรอ” หวังเจียเหยาพูดเสียงหวาน
“อืม” เย่เฉินเพิ่งจะก้าวท้าวเข้าไปในห้อง หวังเจียเหยาก็ปิดประตูทันที
เย่เฉินกวาดสายตามองในห้องอย่างระมัดระวังแล้วก็พบว่าหลิ่วอวี่เจ๋อไม่อยู่ที่นี่จริงๆ อย่างที่คิด
ที่จริงแล้วเย่เฉินวิ่งโร่มายังโรงแรมที่หวังเจียเหยาพำนักนั้นไม่ถูกต้องง
เพราะหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อแต่งงานกันแล้ว ตอนนี้หญิงสาวเป็นภรรยาของหลิ่วอวี่เจ๋อ
ที่นี่คือห้องที่พวกเขาสองคนจองเอาไว้ เย่เฉินที่เป็นเพียงคนนอกจะฉวยโอกาสตอนที่สามีของอีกฝ่ายไม่อยู่ แอบเข้าห้องของพวกเขา คงจะเกิดคำครหาได้อย่างง่ายดาย
เย่เฉินมองหล่อนอย่างเกรงอกเกรงใจ อย่างไรเสียตอนนี้หวังเจียเหยาก็เป็นภรรยาของคนอื่น
“เอ่อ…คุณเป็นอะไรไป?” เย่เฉินถาม
หวังเจียเหยากล่าวพลางระบายยิ้ม “ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันสบายดี”
“คุณสบายดีมาก? เมื่อกี้คุณบอกว่าปวดท้องไม่ใช่เหรอ? หรือว่าคุณหลอกผมเหรอ?” เย่เฉินถามกลับ
หวังเจียเหยาหัวเราะคิกคักแล้วเดินเข้าไปในห้องแล้วตอบกลับ “จริงสิ ก็ฉันอยากจะหลอกให้นายมาอยู่เป็นเพื่อนฉันไง เพราะนายไม่ได้อยู่กับฉินหงเหยียนสักหน่อย”
หวังเจียเหยารู้ว่าเย่เฉินไม่ได้อยู่กับฉินหงเหยียน ดังนั้นถึงไม่ยอมพลาดโอกาสทองครั้งนี้ไป
หวังเจียเหยามองเย่เฉินแล้วหวนนึกถึงที่เย่เฉินดังค์โชว์ต่อหน้าพวกเขาสามคนในวันนี้ ก็เกิดเกิดลุ่มหลงในตัวอีกฝ่าย ยื่นมือออกไปโอบรอบคอชายหนุ่ม
“เย่เฉิน เมื่อกี้ที่นายโชว์ดังค์หล่อมากเลย! หล่อจนฉันจะบ้า! พวกเราแต่งงานกันมาสามปี ทำไมนายไม่เห็นเคยบอกเลยว่าดังค์เป็น นิสัยไม่ดีจริงๆ!”
ทันทีที่หวังเจียเหยาเพิ่งจะเข้าไปใกล้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมชาแนลก็โชยเข้ามา
เย่เฉินผลักหญิงสาวออก “หวังเจียเหยา คุณอย่าทำแบบนี้”
หวังเจียเหยากล่าว “ทำไมล่ะ คราวก่อนยังดีๆ กันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
เย่เฉินหวนนึกถึงเรื่องเมื่อครั้งก่อน ที่หวังเจียเหยามาหาเขาที่วิลล่าแล้วพวกเขาสองคนทำเรื่องเหลวไหลกัน ก็รีบร้อนอธิบาย
“คราวก่อนเป็นเพราะผมคิดว่าหวังเจียเหยาทรยศผม ดังนั้นผมเลยทนไม่ไหว แต่ความจริงแล้วผมมองหล่อนผิดไป หงเหยียนซื่อสัตย์กับผม ผมเองก็เช่นกัน! หวังเจียเหยาถ้าหากว่าคุณเหงามากจริงๆ งั้นคุณก็ไปบาร์โฮสสิ โตเกียวมีเยอะแยะจะตายไป”
จุดที่แตกต่างระหว่างญี่ปุ่นกับบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาก็คือ ที่นี่มีบาร์โฮสเป็นจำนวนมากมายและเปิดเผย โฮสที่ว่านั้นก็คือผู้ชายที่ให้บริการเหล่าหญิงสาว
ในประเทศญี่ปุ่นก็เสนอตัวออกมาหาลูกค้าสาวๆ เช่นกัน โฮสสามารถออกมาเรียกลูกค้าที่ตามข้างทางได้ แต่ผู้หญิงกลับทำแบบนี้ไม่ได้
อีกทั้งรายรับของโฮสหนุ่มยังสูงมากด้วย พวกดาราชายและศิลปินชายที่ร้อนเงินจำนวนไม่น้อยต่างก็ลงมาทำงานเป็นโฮสหรือเพื่อนนั่งดริ้งค์
ทว่าหวังเจียเหยาได้ยินเช่นนี้ก็หัวเสียอย่างมาก!
เพี๊ยะ!
หวังเจียเหยาสะบัดฝ่ามือฟาดใส่หน้าเย่เฉิน!
“เย่เฉิน! นายเห็นฉันเป็นคนยังไง! ฉันนน่ะเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราถึงได้นัดเจอกับนาย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่มีใครเอาเสียหน่อย!”
หวังเจียเหยาตีเย่เฉินอีกแล้ว เย่เฉินเดิมอยากจะตบหล่อนคืน แต่คิดไปคิดมาก็แล้วตัดสินใจปล่อยไป
นอกเสียจากเย่เฉินจะเปิดเผยว่าสถานะทายาทของตระกูลเย่ มิฉะนั้นหวังเจียเหยาไม่มีทางให้เกียรติเขา!
เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “สรุปเลยคือผมจะไม่ทำเรื่องที่ผิดต่อฉินหงเหยียน ผมไปล่ะ!”
เย่เฉินกล่าวเสร็จก็หมุนตัวเดินหนีไป
แต่ว่าในเวลานี้เองประตูห้องพักโรงแรมที่เพิ่งปิดได้ไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูดังลอยเข้ามา
“ที่รักเปิดประตูหน่อย”
เย่เฉินและหวังเจียเหยาต่างก็ตกใจจนอ้าปากค้างหลิ่วอวี่เจ๋อกลับมาแล้ว!!
ฟากนักกีฬาคนดังก็ยิ้มกว้างขณะกล่าวกับเย่เฉิน “ฮ่าๆ คริสพวกเราไม่ได้เจอกันมาสิบปีได้แล้วใช่ไหมล่ะ? ตอนที่ฉันเจอนายครั้งแรก นายยังเป็นเด็กอยู่เลย ฮ่าๆ”
“ตอนนั้นนายก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย” เย่เฉินตอบ
เจมส์หัวเราะร่วน “นายเปลี่ยนไปมากเลย ฉันเกือบจำไม่ได้แน่ะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เฉินมาดูการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ NBA ของเขาและ Dwyane ตอนเพิ่งเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก เขาจำเย่เฉินไม่ได้แน่
เย่เฉินค่อนขอด “นายสิไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ตอนที่เจอนายครั้งแรกก็รู้สึกว่านายอายุ 30 กว่า ตอนนี้ก็ยัง 30 กว่าเท่าเดิม”
“ฮ่าๆ” เจมส์หัวเราะเสียงดัง แล้วคว้าเย่เฉินเข้ามาแกล้งเขา
จู่ๆ เจมส์ก็หันไปเอาลูกบาสจากเพื่อนในทีมแล้วโยนให้เขา “เพื่อน เราไม่เจอกันมาสิบปี ขอฉันดูทักษะการเล่นบาสเกตบอลของนายหน่อยว่าไปถึงไหนแล้ว!”
เจมส์หันหน้าไปมอง แล้วยังบอกให้เพื่อนในทีมที่กำลังฝึกซ้อมก็หลีกตัวหลบไป เขาต้องการจะโซโล่กับเย่เฉิน!
เย่เฉินหันไปรับลูกบาสเกตบอลแล้วกล่าวอย่างเขินๆ “นี่เจมส์ นายอย่าเหลวไหล ตอนนี้ฉันไม่ได้ซ้อมบาสนานแล้ว”
ตอนเย่เฉินยังเด็กเคยโดนบังคับให้ฝึกซ้อมบาสเกตบอลอย่างเข้มงวดอย่างมาก แต่เป้าหมายของเขาไม่ใช่การเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลมืออาชีพ ดังนั้นจึงถอดใจยอมแพ้เลิกฝึกซ้อมมานานแล้ว
เจมส์ยังคงจำได้ว่าตอนนั้นเย่เฉินมีคุณสมบัติร่างกายอยู่เหนือกว่าคนในวัยเดียวกัน “เอาสิ อายุในตอนนี้ของนายถือเป็นยุคทองเลยนะ ช่วยเลิกถ่อมตัวที!”
เจมส์อยากจะรู้อย่างมากว่าเย่เฉินที่อายุ 20 กว่าๆ และร่างกายยังคงอยู่ในยุคทองจะร้ายกาจขนาดไหน
“ได้สิ” เย่เฉินอยากจะฉวยโอกาสครั้งนี้ โชว์ศักยภาพของตนเองให้แฟนสาวได้เห็น
ดังนั้นเย่เฉินจึงเริ่มเดาะบาสแล้วแข่งกีฬาตัวต่อตัวกับเจมส์
ผู้ชมทั้งสนามต่างก็จับจ้องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เย่เฉินเผชิญหน้ากับเจมส์แล้วเริ่มเดาะบาสช้าๆ อีกฝ่ายยื่นมือเข้ามาทำท่าทีราวต้องการจะแย่งลูกบาสจากเขา ที่จริงแล้วส่วนกลางของร่างกายไม่ได้ขยับ
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็เริ่มขยับตัว แล้วพุ่งผ่านเจมส์ไปอย่างรวดเร็ว!
“โอ้โห หมอนี่เร็วจริงๆ!”
หลังจากที่ Kevin Wayne Durant เห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็ตกตะลึง
หลังจากสะบัดตัวทิ้งอีกฝ่ายไปได้แล้ว เขาก็เพิ่มความเร็ว วิ่งตรงไปที่แป้นบาส!
ความจริงแล้วตอนนี้เขาสามารถชู้ตบาสได้แล้ว แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่นักกีฬามืออาชีพ ฝีกซ้อมชู้ตบาสน้อย ดังนั้นถ้าชู้ตตรงๆ จะลงได้ค่อนข้างมาก
บวกกับที่เขาอยากจะโชว์ดังค์บาสให้ทั้งฉินหงเหยียนและหวังเจียเหยาได้เห็น!
ใช่แล้ว เขาดังค์บาสได้! อีกทั้งยังทำท่าดังค์ได้หลากหลายเสียด้วย!
เย่เฉินพุ่งพรวดไปที่ห่วง ในวินาทีที่โผขึ้นไปจะชู้ตนั้น เขาย้ายลูกบาสไปที่มือซ้ายแล้วกระโดด
ในขณะที่กระโดดขึ้นไป ก็เปลี่ยนลูกบาสจากมือซ้ายไปที่มือขวาอีก
จากนั้นมือสองข้างก็จับลูกบาสด้วยมือสองข้างพลิกลูกบาสไปด้านหลังก่อนจะยัดลูกบาสลงห่วง!
“WTF!!”
“นั่นมันท่าอะไร!”
“เด็กนั่นสูงแค่ 180 เองมั้ง? คิดไม่ถึงว่าเขาจะดังค์ลูกบาสได้เหรอ?”
“180 สามารถดังค์ได้ไม่แปลกหรอก แต่ท่าที่ชู้ตเนี่ย เจ๋งสุดๆ!”
ทั้งสนามตกตะลึง กระทั่งเหล่าสมาชิกของฝั่งอเมริกาที่ถือว่าเป็นทีมที่เก่งที่สุดในโลกพวกนี้ก็ยังตกตะลึง!
เจมส์อ้าปากค้าง “นี่คือท่าดังค์แคโรลิน่า[1]ของไมเคิลจอร์แดน สวรรค์ เด็กนี่ยังมีคุณสมบัติร่างกายที่ร้ายกาจมากจริงๆ ด้วย ฉันรู้อยู่แล้ว!”
เจมส์เคยเห็นร่างกายของเย่เฉินตอนสมัยเด็กๆ ที่ถือว่าเก่งกว่าเขาในตอนที่อายุเท่ากันด้วยซ้ำไป!
ฉินหงเหยียนมองตาค้าง “นี่คือ…เย่เฉินเหรอ? แฟนฉันเหรอเนี่ย?”
หล่อนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมองการแสดงของมนุษย์ต่างดาว
หลิ่วอวี่เจ๋อตกใจจนกลืนน้ำลาย แล้วแอบกล่าวในใจ “เจ้าเด็กนี่โตมาได้เพราะกินระเบิดเหรอ?”
อันที่จริงหลิ่วอวี่เจ๋อที่ตัวสูง 185 ซม.เขาเองดังค์บาสได้ แต่ก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล
คนที่เคยดังค์บาสก่อนต่างก็รู้ว่า ถ้าหากเขาทำได้เพียงแค่ดันทุรังยัดลูกบาสลงห่วง งั้นถ้าคุณอยากจะดังค์ลูกบาสในท่า fade away ย่อมไม่มีทางเป็นไปไม่ได้
ส่วนท่าของเย่เฉินเมื่อครู่ ยากกว่าการดังค์แบบ fade away มากสุดๆ!
หวังเจียเหยากัดริมฝีปากอย่างตื่นเต้น “เย่เฉินหล่อจังเลย…”
วินาทีนี้หล่อนหวังว่าเย่เฉินจะยังเป็นสามีของหล่อนอยู่!
ถ้าเป็นแบบนี้หล่อนสามารถโผเข้าอ้อมกอดของเย่เฉิน แล้วชื่นชมเขาทันที จากนั้นก็ให้เจมส์รวมไปถึงดาวกลุ่มใหญ่ของทีมอเมริกา และแฟนบาสสามหมื่นคนต่างก็รู้ว่าคนที่ดังค์บาสเก่งคนนี้เป็นแฟนของหล่อนหวังเจียเหยา!
ในสนามเจมส์หันมายิ้มให้เย่เฉิน “ฮ่าๆ ร่างกายของนายยังทรงพลังเหมือนเดิม ท่าแบบนี้ฉันยังทำไม่ได้เลย”
“พูดจริงๆนะ ถ้านายสูงเกิน 190 ซม. จะสามารถเข้าร่วมลีค NBA เหมือนกับฉันได้!”
เย่เฉินยิ้ม “งั้นมั้ง”
ตระกูลเย่เป็นตระกูลเศรษฐีที่ลึกลับ ตระกูลไม่อนุญาตให้ลูกชายทำงานในวงการ หรือเป็นนักกีฬา เพราะนั่นมันสะดุดตาเกินไป
หากว่ากลายเป็นดาวเด่น ตระกูลของพวกเขาก็จะยิ่งเป็นที่จับตามากขึ้น
“จริงสิ ฉันมาที่เพราะแฟนฉันอยากได้ลายเซ็นนาย” เย่เฉินนึกถึงเป้าหมายหลักที่เขามาได้
เมื่อสองปีก่อนตอนที่ Golden State Warriors กำลังโด่งดัง ฉินหงเหยียนชอบ Curry อย่างมากรู้สึกว่าเขาบ๊องแบ๊วน่ารักดี ดังนั้นถึงอยากมาขอลายเซ็นและขอถ่ายรูปคู่กับ Curry
เย่เฉินไม่รู้จัก Curry ถ้าหากว่าอยากได้จริงๆ เกรงว่าเขาคงไม่ยอมให้ตนเองแน่ ดังนั้นถึงอยากจะอาศัยความเป็นเพื่อนของเจมส์ช่วยพูดแทนเขา
เจมส์หันไปมองฉินหงเหยียน “ว้าว เธอเป็นแฟนของคริสใช่ไหม? เธอนี่สวยจริงๆ เลย ดีใจที่ได้รู้จักนะ”
เจมส์เป็นฝ่ายทักทายฉินหงเหยียนก่อน แล้วก็แนบแก้มทักทายอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม
หวังเจียเหยาเห็นไอดอลของตนสนิทสนมกับฉินหงเหยียนขนาดนี้ก็ริษยาจนอยากจะกระทืบเท้าแรงๆ!
เจมส์มองเสื้อที่ฉินหงเหยียนสวมเล็กน้อย “อ้อ ดูแล้วเธอไม่ได้จะมาให้ฉันเซ็นลายเซ็นให้ใช่ไหม”
ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่เขาก็ยังถ่ายภาพร่วมกับหญิงสาวและ Curry พร้อมกันนั้นก็ยังคงเซ็นลายเซ็นลงบนเสื้อของหญิงสาวด้วยกันอีกด้วย
หลังจากนั้นพวกเขาสองคนก็กลับไปนั่งอย่างพอใจ
พอกลับไปถึงที่นั่ง ฉินหงเหยียนก็หยิบมือถืออกมาแล้วแชร์ภาพถ่ายเมื่อครู่ลงในโซเชียลของตนเอง
ในวินาทีนี้หวังเจียเหยาริษยาใจจะขาด!
“ถ้าหากว่าฉันไม่หย่ากับเย่เฉินล่ะก็ งั้นตอนนี้คนที่กำลังถ่ายรูปคู่กับเจมส์และแชร์ลงโซเชียลก็คงจะเป็นฉัน!”
“นังแพศยาฉินหงเหยียน เห็นชัดๆ ว่าจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงอยู่แล้ว แต่ยังมีหน้ามาเกาะแแกะสามีเก่าฉันอีก”
หวังเจียเหยาอยากจะล้างแค้นฉินหงเหยียนสักครั้ง!
และการแข่งขันก็จบลงอย่างรวดเร็ว ทีมของอเมริกานั้นนำทีมจากกรีซไปได้อย่างง่ายดาย
เมื่อการแข่งขันจบลง เจมส์ก็เป็นฝ่ายเชื้อเชิญให้เย่เฉินไปเที่ยวที่เรือสำราญของพวกเขา
นักกีฬาที่ได้เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิก คนส่วนมากพักกันที่หมู่บ้านนักกีฬาแต่ว่าพวกนักกีฬาบาสเกตบอลของอเมริกา พวกเขาอยู่ที่เรือสำราญหรูหรา ไม่เคยพำนักอยู่ที่บ้านพักที่ทางผู้จัดการแข่งขันเสนอให้
เย่เฉินมองฉินหงเหยียน “คุณไปที่เรือสำราญกับผมสิครับ”
ฉินหงเหยียนกลับส่ายหน้า “ไม่ล่ะ บนเรือสำราญของพวกเขาน่าจะมีแต่ผู้ชาย นักกีฬาพวกนั้นนอกจาก Curry
แล้ว ฉันก็ไม่รู้จักใครเลย เย่เฉิน คุณไปเองเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมรอ”
“ก็ได้” เย่เฉินไม่เซ้าซี้ เขาจึงไปส่งหล่อนกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม จากนั้นก็ไปที่เรือของพวกนักกกีฬาคนเดียว
ทั้งสองคนบังเอิญได้ยินบทสนทนาของหวังเจียเหยาเข้า
“คืนนี้เย่เฉินและฉินหงเหยียนไม่ได้อยู่ด้วยกัน…”
หวังเจียเหยาแววตาเป็นประกายเหมือนว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่
[1] เป็นท่าดังค์ที่ทำให้ไมเคอล จอร์แดนได้ชัยเป็นแชมป์ของการแข่ขันสแลมดังค์ในปี 1987
ณ สนามกีฬาไซตามะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เวลาท้องถิ่นหนึ่งทุ่มตรง
ในที่นั่งสามหมื่นที่นั่งนี้ไม่มีที่ว่างอยู่เลย คนที่สามารถซื้อเก้าอี้โซน VIP นั้น นอกจากจะร่ำรวยแล้วต้องร่ำรวยมาก
หลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยามาด้วยกัน พวกเขาต่างก็สวมชุดของ LeBron James ดาวบาสเกตบอลของอเมริกา
หลิ่วอวี่เจ๋อสวมเสื้อแข่งของ LeBron James ส่วนหวังเจียเหยานั้นสวมชุดแข่งของทีม
พอจะมองออกว่าทั้งสองคนเป็นแฟนของ LeBron James
LeBron James คือดาวบาสเกตบอลที่โด่งดังที่สุดในตอนนี้ เขามีแฟนคลับอยู่ทั่วโลก แฟนๆ จำนวนนับไม่ถ้วนจากทั่วโลกมาญี่ปุ่นเพื่อจะได้ชมการแข่งขันของเขา
ส่วนหลิ่วอวี่เจ๋อเห็นฉินหงเหยียนก็เรียกอีกฝ่ายทันทีว่า ‘อาสะใภ้’
เขาเรียกสวี่ฉู่หมิงเป็นอา เรียกฉินหงเหยียนเป็นอาสะใภ้ เห็นได้ชัดว่าเขาเรียกฉินหงเหยียนในฐานะเป็นภรรยาของสวี่ฉู่หมิง
“คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ?” ฉินหงเหยียนถาม
หลังจากที่สวี่ฉู่หมิงช่วยไกล่เกลี่ยให้เมื่อครั้งก่อน บวกกับที่หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นฝ่ายขอโทษหล่อน เขาก็อ่อนลงไปมาก มีท่าทีเคารพตนเอง หญิงสาวจึงไม่กล้าโวยวายใส่เขา
ตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อไม่กล้าล่วงเกินหญิงสาว ไม่แน่ว่าวันไหนหล่อนเกิดกลายเป็นภรรยาของสวี่ฉู่หมิงขึ้นมา ตอนนั้นเขาคงจะลำบาก
หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนตบปากตนเอง “ดูปากผมสิครับ เรียกพี่หงเหยียนเสียแก่เชียว ฮ่าๆ”
รอบนี้ที่หวังเจียเหยาเจอฉินหงเหยียน หญิงสาวก็ไม่กล้าล่วงเกินอีกฝ่าย แต่กลับส่งยิ้มอ่อนหวานให้แล้วกล่าวชมเมื่อเห็นเสื้อหมายเลข 30 ที่เป็นเบอร์ของ Stephen Curry ที่ฉินหงเหยียนสวมใส่
“อ้าว พี่หงเหยียนพี่ชอบ Curry เหรอคะ ฉันก็ชอบเขาเหมือนกัน พอพี่ใส่ชุดแบบนี้แล้วดูอายุน้อยมากเลยค่ะเหมือนคนอายุ 20 เอง!”
ฉินหงเหยียนประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ครั้งก่อนตอนเจอหน้ากันอีกฝ่ายมีท่าทีไม่เป็นมิตรด้วยซ้ำ
คราวนี้ทำไมถึงได้ดูเคารพนักหนา?
หวังเจียเหยาคาดการณ์ไปว่าฉินหงเหยียนจะกลายเป็นภรรยาของสวี่ฉู่หมิง ตอนนี้หล่อนเป็นสะใภ้ตระกูลหวัง พอตอนนั้นฉินหงเหยียนจะกลายเป็นผู้อาวุโสของหล่อน ตอนนี้หล่อนจะล่วงเกินอีกฝ่ายไม่ได้
ทว่าถึงแม้ว่าปากจะชมฉินหงเหยียนแต่ในใจของหล่อนกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
“ฮึ ฉินหงเหยียน เธอคงยังไม่รู้สินะว่าตอนที่เธอกินข้าวกับสวี่ฉู่หมิงคนนั้น ฉันกับเย่เฉินได้พลอดรักกันในวิลล่าด้วยล่ะ!”
ทันทีที่นึกถึงเรื่องที่ฉินหงเหยียนโดนสวมเขา หล่อนก็รู้สึกดีใจอย่างมาก หล่อนชอบความรู้สึกที่ได้แย่งชิงผู้ชายของคนอื่น!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉินหงเหยียนที่เคยตบหน้าหล่อน!
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ได้ยินมาว่าพี่หงเหยียนไปทำงานที่ไป๋ลี่เหรอครับ? ทำไมถึงได้วิ่งไปทำงานกับบริษัทคู่แข่งของพวกเราล่ะครับ? พี่อยากได้เงินเดือนเท่าไหร่บอกได้เลยค่ะ มาทำงานที่บริษัทเราเถอะนะ”
ฉินหงเหยียนกล่าวอย่างมีมารยาท “ขอบคุณคุณหลิ่วนะคะ แต่ฉันว่าฉันไปเรียนรู้งานที่ไป๋ลี่ก่อนดีกว่า”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าๆ นั่นมันก็จริง คุณไม่เคยทำพวกโลจิสติกส์ ได้ไปเรียนรู้ที่บริษัทเล็กๆ อย่างไป๋ลี่ พอมีประสบการณ์แล้วค่อยมาทำงานกับบริษัทของพวกเราก็ยังไม่สาย”
ในคำพูดของหลิ่วอวี่เจ๋อเต็มไปด้วยความดูถูกและเย้ยหยันบริษัทไป๋ลี่
เขาไม่รู้เลยว่าแผนในตอนนี้ของเย่เฉินจะทำให้ชุนเฟิงของตระกูลหลิ่วจะต้องพ่ายแพ้ให้กับไป๋ลี่จนราบคาบในเร็วๆ นี้!
เห็นรอยยิ้มเย็นชาของเย่เฉิน หลิ่วอวี่เจ๋อก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที “เย่เฉิน สา…เพื่อนของพ่อพี่หงเหยียนเป็นอาผมเอง เขาออกหน้ามาขอร้องแทนคุณ ตอนนี้คุณนอนหลับสนิทได้แล้วนะ ผมไม่ไปหาเรื่องพวกคุณอีกแล้วล่ะ”
เย่เฉินยิ้มเย็น ฟังจากน้ำเสียงนี้ของเขา เย่เฉินยังต้องมาขอบคุณ‘น้ำใจที่ไว้ชีวิต’ เขาหรือไง?
เย่เฉินกล่าว “ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง แต่ผมนอนหลับสนิทมานานแล้ว แต่ว่าคุณเองก็ระวังเอาไว้หน่อยเถอะ ผมได้ยินมาว่าวังเหม่ยฉีเคยมีผลงานที่ญี่ปุ่นนะ มีแฟนคลับที่นี่ไม่น้อยเลย คุณไปหลอกเขา ระวังแฟนคลับเขาจะมาเอาคืน”
“แก…” หลิ่วอวี่เจ๋อหวาดกลัวขึ้นมา
และจู่ๆ ในเวลานี้ก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น
แล้วจึงเห็นพวกสมาชิกในทีมอเมริกาและกรีซกำลังทยอยเดินเข้าในสนามแข่ง!
“LeBron !”
“Stephen Curry! ฉันรักคุณ!”
“KD! KD!”
“Letter Bro!”
ทุกคนต่างก็เรียกชื่อนักบาสเก็ตบอลคนดังที่ตนเองชอบ
หลังจากที่นักกีฬาเข้ามาในสนามกีฬาแล้ว คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะกระโดดขึ้นมา “กรี๊ด! เจมส์มาแล้ว! เจมส์! เจมส์!”
หวังเจียเหยาชอบเขามาก จุดนี้เย่เฉินเองก็รู้ แต่หล่อนไม่ได้เป็นแฟนคลับนักกีฬาบาสเกตบอล แค่ชอบคนที่ดังก็แค่นั้นเอง
หวังเจียเหยาดึงเสื้อสามี “นายไปขอลายเซ็นเขาให้ฉันหน่อยสิ”
“ได้ครับ”
หลิ่วอวี่เจ๋อเคยเรียนที่เมืองนอก ภาษาอังกฤษเขาดีใช้ได้ เขาเตรียมปากกา ขณะจูงมือหวังเจียเหยาเดินไปหานักกีฬาคนดัง
ในตอนนั้นอีกฝ่ายกำลังเดินมาได้ครึ่งสนาม เตรียมซ้อมชู้ตบาส
“เฮ้ เจมส์ แฟนผมเป็นแฟนคลับของคุณ พอจะเซ็นบนเสื้อบอลให้แฟนผมได้ไหม?”
หลิ่วอวี่เจ๋ออ้อนวอน
ทว่าอีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีรปภ. เดินมาพูดกับเขา “เฮ้ อย่าเดินเข้ามาในสนามสิ กลับไปนั่งที่ของคุณเลยนะครับ”
ฟากนักกีฬาคนเก่งก็มองเขาด้วยสายตาเย็นชา อีกเดี๋ยวเขาต้องลงแข่งแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจจะมาเซ็นลายเซ็นให้แฟนคลับ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นทายาทเศรษฐีที่นั่งแถวหน้าก็เถอะ
เมื่อถูกรปภ. ไล่กลับไปยังที่นั่ง หวังเจียเหยาเองก็ไม่สบอารมณ์อย่างมาก “โมโหจะตายแล้ว กระทั่งลายเซ็นก็เอาไม่ได้”
หลิ่วอวี่เจ๋อปลอบ “อย่าเพิ่งหงุดหงิดเลยครับ ที่รัก อีกเดี๋ยวตอนพักครึ่ง ผมจะลองไปขออีกรอบ จะต้องขอลายเซ็นมาให้คุณให้ได้”
เย่เฉินที่นั่งข้างๆ ยิ้มแล้วส่ายหน้า
หวังเจียเหยาทิ้งสามีขยะอย่างเย่เฉิน แต่ไปเลือกสามีที่ร่ำรวยแทน
โดยที่คาดคิดไม่ถึงเลยว่าระหว่างพวกเขาคน ถ้าหากว่ามีขยะสักชิ้นล่ะก็ คนผู้นั้นไม่มีทางใช่เย่เฉิน!
และในเวลานี้เอง เย่เฉิงเองก็ลุกขึ้นยืนแล้วดึงแฟนสาวไปที่สนาม
หวังเจียเหยาแหงนหน้ามองอย่างตื่นตระหนก “นี่พวกนายสองคนทำอะไรน่ะ รปภ.บอกว่าเข้าไปในสนามไม่ได้ พวกนายไม่ได้ยินเหรอ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะ แล้วแอบกล่าวในใจ “ให้พวกเขาโดนด่าสักหน่อย ผมจะได้สบายใจ”
“LeBron!” เย่เฉนตะโกนเรียกเจมส์
และเป็นไปอย่างที่คิดรปภ.ปราดเข้ามาทันที แล้วกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ “เฮ้ พวกคุณเป็นอะไรกัน! ห้ามเข้ามาในสนามกลับไปนั่งที่ของพวกคุณ!”
“ฮ่าๆ เย่เฉินนี่มันโง่จริงๆ เขาห้ามฉันเข้าสนามและเขาจะเข้าได้เหรอ? นายหน้าใหญ่มากหรือไง? ตลกจะน้ำตาจะไหลเลย”
หลิ่วอวี่เจ๋อที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งมีความสุขที่อีกฝ่ายเดือดร้อน
ทว่าเจมส์หันกลับมามองเย่เฉิน แล้วปล่อยลูกบาสในมือ
“Oh my god นายคือคริส เย่ใช่ไหม? ใช่นายหรือเปล่า”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยเพื่อนสนิท!”
เย่เฉินยื่นมือออกมาอย่างดีอกดีใจ ทั้งสองคนก็กระโดดกอดกันอย่างตื่นเต้น!
หลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาที่นั่งอยู่ในที่นั่งผู้ชมเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็มองตาค้าง!
“พวกเขารู้จักกันได้ยังไง!”
หลิ่วอวี่เจ๋อตะลึง
เมื่อปี 2003 ตอนที่เจมส์ยังไม่ดัง ทั้งสองคนเคยฝึกซ้อมด้วยกันในช่วงซัมเมอร์!
นอกจาก James แล้วยังมี Anthony และ Dwyane รวมไปถึง Michael!
พวกเขารู้จักกันมาสิบกว่าปีแล้ว!
เย่อัยฉีเห็นพี่ชายของตนเองอย่างเย่เฉิน ก็อารมณ์ดีสุดยอด แต่หล่อนจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขาต่อหน้าฉินหงเหยียน
แต่ว่าไม่ได้เจอหน้ากันนานขนาดนี้ จะให้มองผ่านเขาไปเลยได้ยังไง? ดังนั้นทันทีที่มีโอกาสจึงรีบพูดถึงพี่ชายตัวเอง
ฉินหงเหยียนรีบร้อนแนะนำ “อ้อ เขาเป็นแฟนของฉันค่ะ ชื่อเย่เฉิน อายุน้อยมากใช่ไหมล่ะคะ? ฮ่าๆ”
เย่อัยฉีกลับส่ายหน้า “ว่าอายุน้อยก็ใช่นะคะ แต่ว่าหน้าตางั้นๆ ดูไม่คู่ควรกับคุณฉินของเราเลย”
“ยัยเด็กจอมซนอัยฉี…”
เย่เฉินกับเย่อัยฉีเป็นลูกคนละแม่ เพราะอายุต่างกันไม่มาก ตอนเด็กๆ มักจะเล่นด้วยกัน เรียนหนังสือด้วยกัน พวกเขาจึงสนิทสนมกันอย่างมาก
เพียงแต่ในระยะสามปีมานี้ เย่เฉินไม่ค่อยติดต่อกับหล่อนนัก แต่กลับคุยกับน้องสาวคนที่เจ็ดบ้างนานๆ ครั้ง
คิดไม่ถึงว่าทันทีที่พวกเขาเพิ่งจะเจอหน้ากัน เย่อัยฉีก็เริ่มเหน็บแนมพี่ชายทันที
เย่เฉินตอบน้องสาวอย่างไม่เกรงใจ “คุณก็หน้าตางั้นๆ!”
ก็ในเมื่อมีพ่อคนเดียวกัน ถ้าฉันหน้าตาไม่ดี เธอก็อย่าหวังเลย
ฉินหงเหยียนคิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่พวกเขาเจอหน้ากันก็จะเปิดฉากด่ากัน ตกใจจนหน้าซีดเผือดหลังจากนั้นลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ใจเย็น! ใจเย็น! พวกคุณอย่าทะเลาะกันเลยค่ะ คุณอัย คุณติเตียนหน้าตาของแฟนฉันตรงไปตรงมาแบบนี้คงจะไม่ค่อยเหมาะสมมั้งคะ?”
ฉินหงเหยียนรู้สึกว่าเด็กสาวที่เกิดในปี 95 คนนี้ไม่รู้ความเลยจริงๆ ต่อให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายหน้าตาน่าเกลียดก็ช่างแต่ก็ไม่สามารถพูดใส่หน้าเขาได้สิ
ยิ่งไปกว่านั้นเย่เฉิยเองก็ไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดด้วยซ้ำไป
เย่อัยฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูคุณเครียดเข้าสิคะ ฉันล้อเล่น เพราะรู้ว่าแฟนคุณน่ะหล่อมาก ก็เลยตั้งใจแซวเฉยๆ ขอโทษนะคะพี่ชายสุดหล่อ”
เย่อัยฉีเป็นฝ่ายขอโทษเย่เฉินก่อน
ฉินหงเหยียนเองก็ดีใจมากตบไหล่เย่เฉิน “คุณอัยขอโทษคุณแล้ว”
“ชิ!”
เย่เฉินสะบัดหน้าหนีด้วยอารมณ์
ฉินหงเหยียนมองไม่ออกว่านี่เป็นเพียงการแสดงของสองพี่น้อง นั่นอาจเป็นเพราะคนรอบตัวหล่อนที่อยากจะหาเรื่องเย่เฉินนั้นมีมากเกินไปจริงๆ จนส่งผลให้ตอนนี้หล่อนหวาดระแวงไปหมด
ฉินหงเหยียนเดินอ้อมไปอีกฝั่ง “คุณอัยโทรมาหาฉันดึกขนาดนี้ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ?”
อัยฉีพยักหน้า “นี่คุณอยู่โตเกียวใช่ไหมคะ?”
ฉินหงเหยียนพยักหน้า “ค่ะ ฉันกับแฟนแวะมาดูงานโอลิมปิกกันน่ะค่ะ อีกสักพักค่อยกลับไปทำงานได้ไหมคะ?”
อัยฉีกล่าว “ได้ค่ะ ฉันมีงานจะมอบหมายที่จะให้คุณทำที่ญี่ปุ่นพอดี”
“คุณอัยพูดมาได้เลยค่ะ”
“บริษัทของเราต้องการจะรับสมัครพนักงานส่งของกลุ่มใหม่พอดี อยากได้คนจากญี่ปุ่นน่ะค่ะ”
“คะ?”
ฉินหงเหยียนงุนงง ทำไมต้องไปรับสมัครคนจากญี่ปุ่นด้วย?
ใครๆ ก็รู้ว่าแรงงานในประเทศนี้ราคาถูกที่สุด ส่วนค่าแรงในต่างประเทศนั้นสูงมากทีเดียว
อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว คนอายุ 70 ปียังคงสามารถขับรถบัสหาเงินได้เดือนละหลายหมื่นหยวนอยู่ดี
โดยปกติแล้วมีแต่คนในชาติหล่อนมาทำงานที่ญี่ปุ่น ไม่เคยมีคนชาตินี้ไปทำงานที่ประเทศของหล่อน
ยุคปี 90 เงินเดือนของคนทั่วไปในประเทศนี้เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยสองร้อยหยวน แต่ในตอนนี้เงินเดือนของคนที่นี่เฉลี่ยอยู่ที่หนึ่งหมื่นเลยทีเดียว!
เป็นเงินหยวนด้วยไม่ใช่เงินเยน!
ตอนนั้นคนที่แอบมาทำงานล้างจานที่ญี่ปุ่นก็ร่ำรวยกันหมดแล้ว ทำงานไปสองปีกลับมาบ้านก็สามารถซื้อห้องชุดสองห้องในเมืองหลวงได้แล้ว รอจนราคาขึ้นสิบยี่สิบล้านค่อยขาย
ไม่จำเป็นต้องมีการศึกษา ไม่จำเป็นต้องใช้สมอง ล้างจานสักสองปี หาเงินได้สิบกว่าล้าน ก็มีเงินกินมีเงินใช้ไปตลอดชีวิต
ถึงจะเป็นสองปีมานี้ก็ยังคงมีคนแอบมาทำงานที่ญี่ปุ่น ถ้าหากว่านั่งเรือมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น ตอนที่ลงเรือตอนแวะจุดท่องเที่ยวจะมีคนหายตัวไปอย่างน้อยๆ สองคน ส่วนที่ห้องของคนนำเที่ยวก็จะมีโน้ตเพิ่มขึ้นมาอย่างประหลาด…
ถึงแม้ว่าฉินหงเหยียนจะไม่เคยทำงานขนส่ง แต่หล่อนก็รู้ดีแก่ใจการรับสมัครพนักงานนั้นต้นทุนค่อนข้างสูง!
ถึงแม้ว่าจะมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ แต่ฉินหงเหยียนยังไม่ได้โต้กลับทันทีแล้วย้อนถาม “คุณอัยอยากได้คนแบบไหนคะ?”
ปลายสายตอบ “ผู้หญิงโสด หน้าตายังไงก็ได้ ไม่จำเป็นต้องได้ภาษาจีน แต่จะต้องชอบประเทศเรา ชอบผู้ชายจีน อีกทั้งยังยอมแต่งงานย้ายถิ่นฐานมาได้ รับสมัครมาสักพันคน ”
เงื่อนไขนี้ย่อมเป็นเย่เฉินเป็นคนกำหนด
หลังจากที่เขาปะทะสงครามน้ำลายกับสวี่ฉู่หมิงแล้วก็เอาความคิดของตนเองไปบอกน้องสาวคนที่สี่
หลังจากที่ผู้เป็นน้องสาวได้ยินความคิดบ้าๆ ของพี่ชายแล้วก็ตอบเขาว่า “พี่นี่ใจใหญ่จริงๆ”
เย่เฉินทำไปเพื่อผู้ชายทั่วๆ ไปในประเทศที่หัวใจสายเพราะไม่สามารถแต่งงานได้!
แต่ที่เขาทำแบบนี้นั้น เหตุผลสำคัญเลยก็คือทำไปเพื่อทำลายความมั่นใจผิดๆ ของพวกผู้หญิงสวยๆ แบบหวังเจียเหยา
คนเรามักตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่ ผู้หญิงต่างชาติก็มีเสน่ห์ที่ต่างกันออกไป สามารถให้ผู้ชายในประเทศได้เลือกสรร
เช่นนั้นบางทีแล้วพวกเขาก็จะได้ไม่ต้องเจียมตัวเป็นคนต่ำต้อย เป็นตัวสำรองอีกต่อไป พวกผู้หญิงสวยๆ อย่างหวังเจียเหยาจะได้ไม่เหยียบย่ำความรักอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้!
ฉินหงเหยียนได้ยินแล้วก็ปวดหัว “คุณอัย รับสมัครผู้หญิงพันคนไปทำงานขนส่งที่จีน เกรงว่าต้นทุนคงจะสูงมากอยู่นะคะ ทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้ล่ะคะ?!”
เย่อัยฉีกล่าว “หนึ่งก็เพื่อช่วงบรรเทาแรงกดดันของประเทศ สองก็เพื่อใช้วิธีการแบบนี้ต่อสู้กับชุนเฟิงเอ็กซ์เพรส เรื่องเงินคุณไม่ต้องเป็นห่วง คุณแค่พยายามกดงบให้ต่ำที่สุดก็พอ”
ฉินหงเหยียนครุ่นคิด นี่คือภารกิจแรกที่บริษัทมอบหมายให้หล่อนทำ แต่เรื่องที่เย่อัยฉีให้ทำนี้เห็นได้ชัดว่าคงจะมีสาเหตุที่ที่ซับซ้อนและยิ่งใหญ่กว่าที่เห็น หญิงสาวจึงรับคำ
หลังจากวางสายแล้ว หญิงสาวก็หันมาหาแฟนหนุ่ม “ที่รัก ต้องรบกวนคุณไปรับสมัครคนที่นี่กับฉันแล้วล่ะค่ะ ต้องรับสมัครคนตั้งพันคน แล้วยังต้องพยายามคุมงบด้วย ไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้เวลารับสมัครนานเท่าไหร่กว่าคนจะครบหนึ่งพันคน”
เย่เฉินหัวเราะร่วน “ไม่เป็นอะไร อย่างไรเสียพวกเรามีเวลาเยอะแยะถมเถไป เราก็ดูการแข่งขันโอลิมปิกไปพร้อมๆ กับรับสมัครคนไปด้วย”
หลายวันต่อมา เย่เฉิยและฉินหงเหยียนก็ไปที่เมืองอื่น หนึ่งคือเพื่อไปท่องเที่ยว สองคือจะได้รับสมัครพนักงานได้สะดวกๆ
เวลาห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และงานโอลิมปิกก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
งานเปิดโอลิมปิกของที่นี่สวยงามน่าดู แต่ว่าพอเปรียบกับงานเปิดโอลิมปิกเมื่อปี 08 ยังต่างกันมาก
วันนี้หวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อมาที่โตเกียว แต่ว่าเย่เฉินไม่ได้เจอกับพวกเขา
สองวันต่อมา ในการแข่งขันบาสเก็ตบอลชายแมทช์แรก เป็นแข่งขันระหว่างนักกีฬาจากอเมริกาและกรีซ
ทีมบาสเก็ตบอลชายขออเมริการครั้งนี้กลายเป็นทีมอเวนเจอร์ เพราะสมาชิกในทีมชาติประกอบไปด้วย LeBron James, Kevin Durant, Stephen Curry, Kawhi Leonard, Paul George, Kyrie Irving, Russell Westbrook, Lillard…
ทั้งหมดล้วนแต่เป็นดาวเด่นของโลกในตอนนี้!
การแข่งขันบาสเก็ตบอลชายของอเมริกาถือเป็นการแข่งขันสำคัญที่ต้องดูในกาแรข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้
ที่นั่งในสนามไม่มีที่ว่าง!
เย่เฉินและฉินหงเหยียนปรากฏสนามแข่งขัน พวกเขาที่นั่ง VIP แถวแรก
แต่คิดไม่ถึงว่าโลกจะกลม หลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาก็ซื้อที่นั่งแถวแรก อีกทั้งยังนั่งติดกับพวกเขาสองคนอีกด้วย!
“อ้าว อาสะใภ้ บังเอิญจังครับ!”
คิดไม่ถึงว่าหลิ่วอวี่เจ๋อเห็นฉินหงเหยียนจะเรียกหญิงสาวว่า ‘อาสะใภ้’ ในทันที!
ที่จริงแล้วสองวันมานี้หวังเจียเหยาโทรหาเย่เฉินสองรอบแล้ว
แต่ว่าเย่เฉินอยู่ในทะเล โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ
ส่วนตาบ้า Bill Gates ที่ให้เขายืมเรือฟรีแต่ดันไม่ยอมบอกรหัส Wifi บนเรือกับเขา
ดังนั้นหวังเจียเหยาถึงโทรหาเย่เฉินไม่ได้
ทันใดนั้นเอง เย่เฉินก็ได้รับข้อความ “อยู่ไหม? สะดวกรับสายหรือเปล่า?”
หลังจากเย่เฉินเห็นข้อความก็สวมรองเท้าแล้วแสร้งเดินไปห้องน้ำ
พอถึงห้องน้ำก็ตอบกลับ “มีอะไร?”
หวังเจียเหยารีบโทรกลับมาอย่างรวดเร็ว
“นายอยู่ไหน?” ปลายสายโพล่งถามทันที
“โตเกียว” เย่เฉินตอบอย่างไม่ปิดบัง
หวังเจียเหยาประหลาดใจ “นายไปญี่ปุ่นกับฉินหงเหยียนเหรอ? พวกนายไปกินข้าวกับ Bill Gates เหรอ?”
“ใช่ ทำไม?”
เย่เฉินรู้ว่าหวังเจียเหยาจะต้องอิจฉาแน่ๆ หล่อนชอบคนมีเงินระดับแบบ Bill Gates ที่สุดแล้ว
แต่ว่าต่อให้ตอนนี้ตระกูลหวังกลายเป็นตระกูลลำดับต้นๆ ในอวิ๋นโจว ต่อให้หล่อนแต่งงานกับตระกูลหลิ่ว แต่จะไปเที่ยวกับคนอย่าง Bill Gates ยังห่างไกลอีกหลายขุม!
หวังเจียเหยาถาม “ฉินหงเหยียนไม่ได้เลิกกับนายเหรอ?”
เย่เฉินตอบพลางระบายยิ้ม “อยู่กันดีๆ ทำไมหล่อนต้องเลิกกับผม?”
หวังเจียเหยาตอบ “นายอย่าเชื่อมั่นในตัวเองให้มากเกินไป สวี่ฉู่หมิงอยากจะแต่งงานกับฉินหงเหยียน หล่อนต้องเลือกเขาไม่เลือกนายแน่ๆ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ต้องเลือกแบบนั้น! พวกนายไปดูการแข่งโอลิมปิกกันที่ญี่ปุ่นใช่ไหม? ฉันเดาว่าหล่อนคงกะจะทิ้งนายหลังจากที่ดูโอลิมปิกเสร็จ การท่องเที่ยวคราวนี้คาดว่าเป็นการชดเชยที่จะทิ้งนาย !”
ถ้าหากว่าตอนนี้หวังเจียเหยาเป็นฉินหงเหยียน หล่อนจะเลือกสวี่ฉู่หมิงและขอเลิกกับเย่เฉิน
และเพื่อจะชดเชยให้เขา บางทีหล่อนอาจจะพาเขาออกไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง เพื่อชมความสวยงามของโอลิมปิก
ผู้หญิงสวยๆ ต่างก็เห็นแก่ตัวแบบนี้
เย่เฉินยิ้มเย็น “ขอบคุณที่เป็นห่วง เรื่องของผมกับหงเหยียนควรไม่ลำบากให้คุณต้องมาเป็นห่วง ถ้าไม่มีอะไรจะวางละนะ”
แล้วเขาก็กดตัดสายทันที
“เย่เฉินไอ้คนหน้าโง่!”
หวังเจียเหยาเดือดปุดๆ หล่อนปักใจไปแล้วว่าเย่เฉินโดนฉินหงเหยียนปั่นหัว เหมือนกับที่หล่อนปั่นหัวเขา
หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอะไร ดังนั้นจึงคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเอง
ดังนั้นหวังเจียเหยาก็โทรหาสามี “ที่รัก ฉันอยากไปดูโอลิมปิกที่ญี่ปุ่น!”
……
ณ โรงแรม Aman Tokyo เวลาเที่ยงคืน
ที่นี่เป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดในโตเกียว ถูกขนานนามว่าเป็นสถานที่พักผ่อนกลางฟ้า ที่นี่ไม่ว่าจะห้องโถง ระเบียงทางเดินไปจนถึงห้องพักไม่เหมือนโรงแรมด้วยซ้ำไป
ห้องชุดที่เย่เฉินและฉินหงเหยียนเข้าพักนั้นเป็นห้องพักที่หรูหรา อีกทั้งที่นี่เป็นสไตล์เรียบๆ ที่เย่เฉินและฉินหงเหยียนต่างก็ชอบอย่างมาก
ห้องน้ำมี furo ซึ่งก็คือการแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำที่มีน้ำรเอนของญี่ปุ่น เพื่อผ่อนคลาย แล้วชมวิวผ่านทางหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น เหมือนเช่น้ำอยู่กลางอากาศ!
แน่นอนที่พวกนี้ล้วนแต่เป็นการรับรองจาก Bill Gates
หลายวันหลังจากนี้ เย่เฉินและฉินหงเหยียนตั้งใจจะไปเที่ยวในโตเกียวกับครอบครัวนี้ รองานโอลิมปิกเริ่มขึ้น
ทว่าให้เที่ยวอย่างเดียวก็ออกจะเปลืองเวลาเกินไป เย่เฉินอยากจะเที่ยวไปพร้อมกับทำธุระไปด้วย
นั่นก็คือรับสมัครผู้หญิงจากญี่ปุ่นไปทำงานเป็นคนส่งของ เพื่องัดข้อกับชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสของตระกูลหลิ่ว
ฉินหงเหยียนเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ เย่เฉินกล่าว “หงเหยียนเมื่อกี้มีสายเข้า”
“ค่ะ”
ฉินหงเหยียนหยิบโทรศัพท์มาดู แล้วก็พบว่าคนที่โทรมาคือเหอเหวินเจี้ยน
“ใครครับ? ไม่โทรกลับไปเหรอ?” เย่เฉินเห็นฉินหงเหยียนไม่มีทีท่าจะโทรกลับไปหาอีกฝ่าย
ฉินหงเหยียนตอบ “อ๋อ คนจากบริษัทไป๋ลี่ค่ะ ก่อนนี้ฉันเคยไปสัมภาษณ์ที่นั่นไงคะ”
เย่เฉินเดาว่านี่อาจจะเป็นคนที่น้องสาวคนที่สี่ของเขาส่งมาให้ติดต่อหญิงสาวไปทำงาน จึงรีบร้อนกล่าว “งั้นคุณก็โทรกลับไปสิไป”
ฉินหงเหยียนส่ายหน้า “ก่อนนี้ฉันไปสมัครงานกับฝ่ายบุคคลมา พวกเขาไม่ยอมรับฉัน ตอนนี้ฉันไม่อยากไปแล้วค่ะ”
ที่จริงแล้วที่หล่อนไม่อยากไปทำงานที่บริษัทไป๋ลี่นั้น เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือเหอเหวินเจี้ยน ผู้ชายคนนี้คิดเหลวไหลกับตนเอง
แต่เย่เฉินไม่ได้รับรู้เรื่องพวกนี้จึงโน้มน้าวหล่อน “ไป๋ลี่เป็นบริษัทที่ดีมากเลยนะครับ ตอนนี้เปลี่ยนผู้บริหารแล้ว ผมว่าอนาคตพวกเขาอาจจะทำงานใหญ่ก็ได้ คุณน่าจะลองพิจารณาบริษัทนี้ดู”
ฉินหงเหยียนครุ่นคิดแล้วถาม “คุณอยากให้ฉันไปทำงานที่ไป๋ลี่จริงๆ เหรอคะ?”
เย่ฉินพยักหน้า เขาย่อมต้องอยากให้หญิงสาวไปทำงานที่นั่น เพราะเขาซื้อบริษัทให้หล่อน ตอนนี้แค่รอให้เจ้าหล่อนไปทำงาน!
“งั้นฉันถามเขาดูก็ได้”
ฉินหงเหยียนหยิบมือถือขึ้นมาโทรกลับไปหาเหอเหวินเจี้ยน
“คุณเหอ ขอโทษด้วยนะคะ เมื่อกี้ฉันอาบน้ำเลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ค่ะ โทรมาดึกๆ มีอะไรไหมคะ?” หญิงสาวถามอย่างมีมารยาท
เหอเหวินเจี้ยนเบิกบานใจอย่างมาก “ข่าวดีครับ ข่าวดี! หงเหยียน ต่อไปคุณมาทำงานตำแหน่งรองประธานพร้อมกับเป็นเลขาของบริษัท!”
“อะไรนะคะ? ฉันสามารถทำงานตำแหน่งรองประธานควบเลขาที่บริษัทคุณได้เลยเหรอ?”
หญิงสาวตกใจ หล่อนเดาได้ว่าเหอเหวินเจี้ยนคงจะอยากชวนหล่อนไปทำงานที่ไป๋ลี่แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะให้ตนเองรับตำแหน่งรองประธาน
หญิงสาวย้อนถามอย่างตกใจ “เป็นไปไม่ได้มั้งคะ? ถ้าฉันจะรับตำแหน่งรองประธาน ต้องได้รับความยินยอมจากประธานคนใหม่ก่อนถึงจะได้มั้ง? คุณแนะนำฉันกับประธานคนใหม่เหรอคะ?”
อันที่จริงในที่ประชุมคณะกรรมการของไป๋ลี่ที่เพิ่งจัดขึ้นนั้น น้องสาวคนที่สี่ของเย่เฉินเป็นคนตัดสินใจให้ฉินหงเหยียนมารับตำแหน่งรองประธานบริษัทเอง
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหอเหวินเจี้ยนแม้แต่น้อย
แต่เหอเหวินเจี้ยนกลับตอบว่า “ใช่ครับ ผมเป็นคนแนะนำคุณให้กับคุณอัยฉีประธานคนใหม่เอง! พอดีกับที่คุณอัยเองก็อยากได้ผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ทำงานเก่งเหมือนกับตัวเองมาช่วยหล่อนด้วย ผมก็เลยแนะนำคุณ! หงเหยียน ผมน่ะเปลืองน้ำลายไปตั้งเยอะเลยนะกว่าจะทำให้คุณได้ตำแหน่งรองประธานน่ะ ผมอ้อนวอนคุณอัยตั้งนาน แถมยังเสนอผลประโยชน์ไปให้คณะกรรมการคนอื่นๆ ไปตั้งเยอะกว่าพวกเขาจะยอมน่ะ”
ฉินหงเหยียนได้ยินก็ตื้นตันใจ หล่อนรู้ว่าอีกฝ่ายชื่นชอบตนเอง ดังนั้นเขาทำแบบนนี้ก็ไม่ถือว่าแปลกประหลาดอะไร
แต่ว่าฉินหงเหยียนกลับลำบากใจอย่างมาก “คุณเหอ ฉันเองก็สนใจตำแหน่งรองประธานของไป๋ลี่มากจริงๆ นะคะ แต่ว่า…”
ฉินหงเหยียนอยากจะบอกว่าแต่ตนเองมีแฟนแล้ว หล่อนไม่มีทางยอมรับปากทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนเรื่องที่จะแอบไปคบหากับเขาเวลาไปทำงานต่างจังหวัดแน่นอน!
เหอเหวินเจี้ยนจับน้ำเสียงหญิงสาวออก จึงรีบกล่าว “หงเหยียน คุณสบายใจได้ ผมไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น คุณไม่ต้องรับปากอะไรผมทั้งนั้น”
“จริงเหรอคะ? งั้นก็ดี ฉันตกลลงไปทำงานที่ไป๋ลี่ค่ะ!” ฉินหงเหยียนรับปากทันที
เหอเหวินเจี้ยนกล่าว “ได้ งั้นเดี๋ยวผมจะส่งเบอร์โทรศัพท์กับวีแชทของคุณอัยไปให้นะ แล้วคุณก็เป็นฝ่ายติดต่อหล่อนไปเองแล้วกัน”
จากนั้นฉินหงเหยียนก็เพิ่มวีแชทน้องสาวคนที่สี่ของเย่เฉิน เพิ่งจะพิมทักทายไปแต่ฝั่งปลายสายก็โทรวีดีโอคอลกลับมาทันที
“คุณอัยสวัสดีค่ะ” ฉินหงเหยียนเองก็ประหลาดใจน้อยๆ รีบร้อนทักทายหัวหน้าที่อายุน้อยคนนี้
เย่อัยฉีไม่ได้สวยสะกดตาแบบหวังเจียเหยาและฉินหงเหยียน แต่ก็มีกลิ่นอายของลูกคุณหนูคนร่ำรวยอยู่เต็มเปี่ยม
“สวัสดีคุณฉิน” เย่อัยฉีเองก็โบกมือทักทายฉินหงเหยียนอย่างสนิทสนม ทันใดนั้นเองก็ถามอย่างสงสัย “เอ้อ ผู้ชายด้านข้างคุณคือใคร?”
ฉินหงเหยียนได้รับความรักจากชายหนุ่มจนตกใจ หญิงสาวเคยจินตนาการว่าเขาก็คงจะแค่จับมือทักทายหล่อนเป็นมารยาทเพียงเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเขาจะทักทายตนเองด้วยวิธีการสนิทชิดเชื้อแบบนี้
นี่ก็แปลว่าเย่เฉินกับเขาสนิทกันมาก แม้แต่ฉินหงเหยียนที่เป็นแฟนของเขา อีกฝ่ายยังไม่เห็นเป็นคนนอกด้วยซ้ำ
ฉินหงเหยียนเคอะเขินเล็กน้อย เพราะว่าความเคยชินในการหอมแก้มในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน อย่างหล่อนเคยอยู่ในทางเหนือของฝรั่งเศสสองสัปดาห์ก็ไปหอมแก้มคนที่เพิ่งเจออยู่ห้าครั้ง
หญิงสาวไม่ได้มีความเข้าใจในเรื่องพวกนี้มากนัก ดังนั้นจึงทำได้แค่ตั้งตัวเป็นครั้งคราวไป จึงแนบแก้มเข้ากับBill Gates เป็นมารยาทด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“คุณ Gates ดีใจที่ได้พบคุณนะคะ คุณทำเพื่อโลกเราอย่างมากเลยค่ะ ฉันน่ะอยากเจอคุณมาตลอดเลย”
ฉินหงเหยียนตื่นเต้น มีเด็กบ้านไหนบ้างที่ไม่เคยใช้ WINDOW ของ Gates บ้าง?
Gates มองออกว่าฉินหงเหยียนตื่นเต้น เลยตบบ่าหญิงสาวแล้วกล่าว “ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกครับ เด็กน้อย พวกเราเป็นคนกันเองทั้งนั้น”
จากนั้นก็เดินไปแนะนำกับฉินนหงเหยียน “นี่คือลูกสาวของผมเจนนิเฟอร์ ส่วนข้างๆ หล่อนก็คือคู่หมั้นของหล่อนาเยล”
ฉินหงเหยียนเองก็ทักทายกับเจนนิเฟอร์โดยแนบแก้มกัน อายุของนาเยลยังไม่มาก เขาอายุแค่ 23 ปีเท่านั้นไม่ต่างกับเย่เฉินเท่าไหร่นัก
แต่ที่ฉินหงเหยียนไม่รู้ก็คือ Gates เองก็เคยตั้งใจอยากให้เจนนิเฟอร์แต่งงานกับเย่เฉิน เพราะทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่เด็ก อีกทั้งเจนนิเฟอร์เองก็ชอบเย่เฉินที่ท่องเที่ยวไปทั่วโลกอย่างมาก เพราะรู้สึกว่าชีวิตของเขาเท่มาก
แต่ว่าเมื่อสามปีก่อน ตระกูลเย่ให้เย่เฉินแต่งเข้าตระกูลหวัง โครงการนี้ก็เป็นอันพับไป หลังจากนั้นเจนนิเฟอร์ถึงได้เริ่มมีแฟน
“ไปกันเถอะ ผมจะพาพวกคุณไปกินข้าว”
มาถึงประเทศญี่ปุ่นย่อมต้องกินอาหารญี่ปุ่น
เกตพาพวกเขาสองคนไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ Matsukawa ที่นี่เป็นร้านอาหารลำดับหนึ่งของโตเกียว
ได้ร่วมโต๊ะกับคนที่รวยที่สุดในโลก ทำให้ฉินหงเหยียนรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากจริงๆ
ดังนั้นจึงถามเขา “คุณ Gates คะ ฉันจะขอถ่ายรูปกับคุณแล้วแชร์ลงในโซเชียลได้ไหมคะ?”
ฉินหงเหยียนอยากจะถ่ายรูปหล่อนกับ Bill Gates ที่กินข้าวด้วยกัน แล้วแชร์ลงในโซเชียล
คนมากมายต่างก็รู้สึกว่าคนมีเงินจริงๆ จะติดดินอย่างมาก ไม่อวดรวย มีแค่พวกลูกเศรษฐีเท่านั้นที่จะชอบถ่ายรูปรถหรู อวดกระเป๋า ส่วนพวกคนรวยจริงๆ ไม่มีทางอวดอะไรพวกนี้
นี่เป็นความเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง!
คนมีเงินต่างก็เป็นพวกที่วัตถุนิยม ชอบอวดอย่างมาก
ที่พวกเขาไม่อวดรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม นั่นเพราะว่าของพวกนี้ในสายตาพวกเขานั้นเป็นแค่ของใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรน่าอวด
ฉินหงเหยียนเองก็ไม่เคยถ่ายรูปกระเป๋าเอย รถเอยแชร์ลงในโซเชียลของตัวเอง เพราะคนในวงสังคมของตนเองก็ซื้อได้ทั้งนั้น ต่อให้แชร์ก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นอิจฉา
แต่ว่าการมีรูปคู่กับ Bill Gates นั้นเป็นคนละเรื่องกัน!
คนทีเงินในประเทศนี้มีมาก แต่ว่าใครจะมีโอกาสได้ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับคนดังอย่าง Bill Gates ล่ะ?
Gates กล่าวพลางระบายยิ้ม “แน่นอนครับ ผมได้ไปโผล่ในโซเชียลของคุณ ถือเป็นเกียรติของผมเลยล่ะครับ ”
เย่เฉินเองก็กำลังมีความสุขกับการทำให้แฟนสาวมีความสุข จึงหยิบมือถืออกมาถ่ายภาพวกเขา
จากนั้นก็แชร์ลงในโซเชียลแทนฉินหงเหยียน
แล้วโพสต์นั้นก็มีคนกดไลก์อย่างมากมาย อีกทั้งยังมีข้อความวีแชทเข้ามาจำนวนนับไม่ถ้วนด้วย
“หงเหยียนมีข้อความเข้า” เย่เฉินที่ยังถือมือถือของฉินหงเหยียน ก็เรียกหล่อน
ฉินหงเหยียนที่กำลังมีความสุขกับการได้พูดคุยกับ Bill Gates “คุณช่วยดูให้ฉันหน่อยสิ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญเดี๋ยวฉันค่อยตอบ ”
ฉินหงเหยียนเปิดเผยบริสุทธิ์ใจ ไม่มีข้อความที่เย่เฉินดูไม่ได้
เย่เฉินเองก็อ่านข้อความในวีแชทของแฟนสาวอย่างเปิดเผย
ข้อความแรกมาากเหวินเชี่ยนเชี่ยน “เพื่อนสาว เธอไปโผล่ที่ญี่ปุ่นได้ยังไง? แถมยังกินข้าวกับคุณ Gates ด้วย สวรรค์ สังคมเพื่อนของเธอนี่ไฮโซเกินไปแล้ว จะกลับเมื่อไหร่ กลับมาแล้วเข้าหุ้นในบริษัทฉันอีกสิ เรื่องก่อนหน้าต้องขอโทษเธอด้วยนะ รอบนี้ฉันจะเผชิญความลำบากไปกับเธอเอง!”
เย่เฉินแค่นเสียง สวี่ฉู่หมิงจัดการคลี่คายปัญหาของฉินหงเหยียนและตระกูลหลิ่วแล้ว แถมหล่อนยังรู้จักกับ Bill Gates ที่นี่อีก เหวินเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้ว่าจะร่วมลำบากไปด้วยกัน น่าจะช้าไปเสียหน่อย!
ไม่นานก็มีผู้ชายชื่อเหอเหวินเจี้ยนส่งข้อความหาฉินหงเหยียน “คุณไปญี่ปุ่นเหรอ? ไปกับแฟนใช่ไหม? ไปดูโอลิมปิกเหรอ? อีกสองสามวันผมก็จะไปดูแข่งโอลิมปิกกับลูกและภรรยา ตอนนั้นเรามาเจอกันหน่อยไหม?”
เย่เฉินไม่ได้รู้ว่าเหอเหวินเจี้ยนเป็นใคร หญิงสาวมีเพื่อนเยอะ เขาไม่รู้หรอกว่าหมอนี่ทำงานอะไร
และในเวลานี้เองฉินเสี่ยวตั่วน้องสาวของเจ้าหล่อน ก็ส่งข้อความมา
“พี่สาว! ตอนนี้พี่เป็นเซเลบเหรอชักจะมีเพื่อนไฮโซไปแล้วนะ! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่จะไปเที่ยวกับ Bill Gates ด้วย! เมื่อไหร่จะพาฉันไปบ้าง ฮือๆ ฉันเคยเจอพวกคนรวยติดอันดับในชั้นเฟิร์สคลาส แต่ก็ไม่กล้าทักพวกเขา แล้วอีกอย่างพ่อแม่เราก็ไม่อยู่แล้ว ฉันขอฝากชีวิตไว้ในมือพี่ด้วยนะคะ พี่รีบหาแฟนให้ฉันสักคนสิ! เจ้าลูกหมาแบบแฟนพี่ก็ดีนะ เป็นสไตล์ที่ฉันชอบเลย ฮ่าๆ!”
“เจ้าลูกหมาเหรอ?”
เห็นสรรพนามที่ฉินเสี่ยวตั่วเรียกเขา ใบหน้าชายหนุ่มก็ฉายแววเหนื่อยหน่าย นี่ตัวเขาออกจะแมนๆ กลายไปเป็นเจ้าลูกหมาตั้งแต่เมื่อไหร่?
ถึงแม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่าฉินหงเหยียน ดูไปแล้วเย่เฉินอาจจะเป็นเจ้าหมาน้อยที่ว่านอนสอนง่ายเอาใจแฟนเก่ง
แต่ความจริงแล้วคนที่มักจะออดอ้อนเป็นฉินหงเหยียนเสียมากกว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาหญิงสาวก็เป็นเพียงแค่เด็กหญิงตัวน้อยเท่านั้นเอง
เย่เฉินจึงตอบข้อความแทนแฟนสาว “เย่เฉินไม่ใช่เจ้าลูกหมา! เธอช่วยเคารพพี่เขยเธอหน่อยเถอะ!”
แต่ใครจะรู้ฉินเสี่ยวตั่วตอบกลับมาทันควัน “พี่สาวฉันไม่เคยพิมพ์เครื่องหมายตกใจกับฉัน นายเป็นใคร!!”
เย่เฉินงุนงงทันที สองคนพี่น้องนี่สนิทกันเกินไปแล้ว เขาก้แค่ใส่เครื่องหมายตกใจก็แค่นั้นเองก็รู้แล้วว่าคนที่ตอบข้อความไม่ใช่พี่สาวตนเอง
“นายคือ (ลูก) (หมา) เหรอ? (ยิ้มเจ้าเล่ห์)”
ฉินเสี่ยวตั่วส่งข้อความกลับมาอีกครั้ง ในประโยคนั้นมีอีโมจิสามภาพ
ภาพแรกเป็นภาพวัว เห็นได้ชัดว่าเป็นความหมายของเด็ก เมื่อรวมกันแล้วก็จะแปลความหมายได้ว่า “นายคือเจ้าลูกหมาเหรอ?”
ฉินเสี่ยวตั่วเดาออกว่าคนที่ตอบข้อความนั้นคือเย่เฉิน
“เอาไอดีวีแชทนายมาสิ เดี๋ยวแอดไป” ฉินเสี่ยวตั่วถามสวนกลับโดยไม่รอให้เย่เฉินยอมรับด้วยซ้ำ
เย่เฉินล็อคโทรศัพท์แล้วไม่สนใจอีก ถ้าแฟนสาวไม่อนุญาตเขาไม่กล้าพูดคุยกับน้องสาวของหล่อนเป็นการส่วนตัว
อย่างไรเสียน้องสาวของหล่อนก็เป็นถึงแอร์โฮสเตส หุ่นและบุคลิกก็ดี อายุก็พอๆ กับเขา อย่าให้เรื่องที่มักจะเข้าใจผิดได้เกิดขึ้นน่าจะดีกว่า
แต่ที่เย่เฉินไม่รู้ก็คือ อดีตภรรยาของเขาอย่างหวังเจียเหยาเองก็เห็นโพสต์นี้เช่นกัน!
ก่อนนี้ที่ตระกูลหวังร่วมมือกับบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปสร้างอีผิ่นเจียเหยา หวังเจียเหยาก็มีวีแชทฉินหงเหยียน และภายหลังพวกเขาก็ไม่ได้ลบเพื่อนทิ้งไป
ณ วิลล่าเฝยชุ่ย เทียนไห่
พอหวังเจียเหยาเห็นโพสต์ของฉินหงเหยียนก็เดือดปุดๆ “ทำไมหล่อนถึงไปกินข้าวกับคนรวยในระดับอย่าง Bill Gates ได้นะ? อิจฉาจริงๆ! จะต้องตาแก่ที่เคยเลี้ยงหล่อนแนะนำให้รู้จักกันแน่! ไม่รู้ว่าเย่เฉินได้ไปญี่ปุ่นด้วยหรือเปล่า ไม่ได้การล่ะ ฉันต้องลองโทรถามเขาดู!”
เย่เฉินและฉินหงเหยียนจับจูงมือกันไปเอนตัวลงบนโซฟาที่แสนบายตรง ‘บริเวณจุดชมวิวทรงสามเหลี่ยม’
ที่นี่คือจุดชมวิว ไม่ใช่ที่พักผ่อนดังนั้นจึงไม่มีเตียง แต่ฉินหงเหยียนชอบวิวตรงนี้ บวกกับทั้งสองคนดื่มสุราไปไม่น้อย ก็ไม่สนใจว่าตัวเองจะนอนที่ไหน
ตอนนี้ต่อให้นอนบนพื้นก็ยังสามารถนอนหลับลึกกันได้อยู่ดี
ฉินหงเหยียนเอนตัวลงอย่างสบาย มองแม่น้ำหวงผู่ผ่านนอกหน้าต่างอย่างเพลินเพลิน
“ถ้าหากว่าตอนนี้เป็นทะเลก็คงดี ถ้าได้นอนดูวิวที่นี่จะต้องรู้สึกสบายมากแน่ๆ!”
แม่น้ำหวงผู่เล็กๆ ไม่อาจเปรียบเทียบกับมหาสมุทรได้อยู่แล้ว มหาสมุทรสีเขียวมรกตที่เวิ้งว้างไร้ขอบเขต ถึงจะคู่ควรกับเรือสำราญหรูหราที่สุดในโลกใบนี้!
เย่เฉินยิ้มบางๆ ไม่พูดไม่จา จูบหน้าผากฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “นอนเถอะครับ ที่รัก”
“อืม” ฉินหงเหยียนจับมือเย่เฉินแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
……
7 โมงเช้าวันต่อมา
ฉินหงเหยียนถูกแสงแดดจากนอกหน้าต่างปลุกจากห้วงนิทรา ที่นี่คือจุดชมวิว ทั้งสามด้านจึงเป็นหน้าต่างกระจก ไม่มีอะไรบดบังวิสัยทัศน์ได้เลย แสงสว่างจึงสามารถลอดเข้ามาได้เต็มที่
ฉินหงเหยียนค่อยๆ เปิดเปลือกตา ในวินาทีที่หล่อนแหงนหน้าขึ้นมามองไปที่นอกหน้าต่างนั้นเอง ทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็ตกใจจนกระโดดขึ้นมา!
“กรี๊ด!! ทะเล! นี่มันทะเลนี่นา!”
ฉินหงเหยียนเดินเท้าเปล่า และตบกระจกเหมือนเด็กเล็กไม่หยุด แล้วชี้มหาสมุทรที่เวิ้งว้างไร้ขอบเขตด้านนอกให้เย่เฉินดู
ภาพที่เห็นตรงหน้านี้งดงามมากจริงๆ!
มหาสมุทรเวิ้งว้างไร้ขอบเขต ทะเลท้องฟ้าเป็นสีเดียวกัน ส่วนฉินหงเหยียนและเย่เฉินกำลังนั่งชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามตรงหน้าในเรือสำราญที่หรูหราอย่างเหลือเกิน
เมื่อวานฉินหงเหยียนยังเสียดายที่วิวสองฝั่งของแม่น้ำหวงผู่สวยไม่พอ อยากจะนั่งเรือชมมหาสมุทรต่อเสียหน่อย
ในฐานะที่เป็นแฟนของฉินหงเหยียน เย่เฉินจะไม่ตามใจหญิงสาวได้อย่างไร!
เมื่อคืนหลังจากที่ฉินหงเหยียนหลับไปแล้ว เย่เฉินก็ไปพบกัปตันเรือ บอกเขาขับเรือออกจากแม่น้ำหวงผู่ไปมหาสมุทร!
ฉินหงเหยียนถามอย่างตื่นเต้น “พวกเราน่าจะอยู่ที่แม่น้ำหวงผู่ไม่ใช่หรอ? นี่เราอยู่ที่ไหนกัน?”
เย่เฉินระบายยิ้มน้อยๆ “ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในประเทศแล้วครับ”
“อะไรนะคะ? เราออกนอกประเทศกันมาแล้วเหรอ? แล้วเราจะไปไหนกันคะ?”
ฉินหงเหยียนตกตะลึง แค่นอนไปงีบเดียวเอง พอลืมตาตื่นตัวเองก็โผล่ออกนอกประเทศแล้ว แถมยังได้เห็นทะเลที่ตนเองชอบหนักหนา!
แฟนอย่างเย่เฉินออกจะโรแมนติกเกินไปแล้วล่ะมั้ง?
เย่เฉินตอบ “คุณอยากเห็นทะเลมากเลยไม่ใช่เหรอครับ? ผมก็เลยให้กัปตันขับกลับมาที่ประเทศญี่ปุ่น เดี๋ยวพวกเรากลับไปส่งเรือคืนให้ Bill Gates ด้วยกัน คุณจะได้ดูวิวทะเลให้เต็มที่ แล้วจะได้ทำความรู้จักกับคนบ้านนั้นด้วย”
ฉินหงเหยียนดีใจจนจะร้องไห้ออกมา!
หล่อนโถมตัวเข้าอ้อมกอดชายหนุ่มแล้วหอบเขาฟอดใหญ่ “ขอบคุณนะคะ ที่รัก!”
ในวินาทีนี้ หล่อนรู้สึกว่าเป็นแฟนเย่เฉินนี่มีความสุขจริงๆ!
ก่อนนี้เย่เฉินถังแตก แถมยังโดนขับออกจากตระกูล ไม่ได้มีเงินทองอะไร หญิงสาวเองก็ไม่เคยเรียกร้องให้เย่เฉินทำเรื่องเซอร์ไพร์สอะไรตนเอง
ฉินหงเหยียนก็ไม่ได้โอดครวญอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าเอาแต่สรรหาทุกวิถีทางเอาอกเอาใจให้เย่เฉินสบายใจ
แต่ผู้หญิงคนไหนจะไม่ชอบถูกดูแลบ้างล่ะ?
เย่เฉินสางผมยาวสลวยของฉินหงเหยียน อันที่จริงแล้วเขามาที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้ทำไปเพื่อให้ฉินหงเหยียนได้เห็นทะเลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
หลังจากที่คุยกับสวี่ฉู่หมิงเมื่อคืนนี้แล้ว เขาก็ตระหนักถึงปัญหาในเรื่องการแต่งงานของคนรุ่นใหม่ในประเทศ เป็นปัญหาของตรรกะในการมองโลกของผู้หญิงที่บิดเบี้ยวไปอย่างมาก อีกทั้งยังอาจจะมีแนวโน้มจะแย่ลงไปทุกที!
เขาอยากจะทำประโยชน์สักเล็กน้อยต่อประเทศนี้ เพื่อช่วยเหลือให้คนทั่วๆ ไปจะได้มีภรรยากับเขาสักที
มีแค่การสร้างครอบครัวให้มั่นคง สังคมนี้ถึงจะสงบสุข
มิฉะนั้นถ้าหากว่ามีคนกลุ่มใหญ่ในสังคมหาภรรยาไม่ได้ หรือไม่ก็ผู้ชายที่ถูกภรรยาสวมเขาล่ะก็ คงจะเกิดเรื่องทำร้ายร่างกาย ทะเลาะวิวาทไม่หยุดหย่อน และอาจจะถึงขั้นส่งผลเสียต่อภาพรวมของประเทศด้วยซ้ำ!
คืนวานเขาโทรหาน้องสาวคนที่สี่ บริษัทของน้องสาวเขาได้เริ่มคุยเรื่องซื้อบริษัทไป๋ลี่แล้ว คาดว่าน่าจะสักอีกสองวันน้องสาวของเขาก็จะกลายเป็นประธานคนใหม่ของบริษัทไป๋ลี่
พอถึงตอนนั้น เย่เฉินก็จะให้น้องสาวของเขาจ้างฉินหงเหยียนเป็นรองประธาน แล้วค่อยให้น้องสาวสั่งให้ฉินหงเหยียนหาพนักงานหญิงจากประเทศญี่ปุ่น และต้องเป็นพนักงานหญิงที่ยังไม่แต่งงาน ไปเป็นพนักงานในบริษัทขนส่งสินค้าในประเทศ
ฉินหงเหยียนไม่ได้เอนตัวอยู่ที่จุดชมวิวเท่านั้น หลังจากกินข้าวเช้าแล้วก็ไปรับลมที่ดาดฟ้าเรือ
ลมที่ดาดฟ้าพัดแรงมาก จนกระโปรงยาวของฉินหงเหยียนโดนลมพัดสะบัด ผมยาวสลวยนั้นก็เช่นกัน ทำให้หญิงสาวดูยิ่งงดงามมากกว่าเดิม
เย่เฉินกอดหญิงสาวจากด้านหลัง มือของเขากำราวตรงเรือเอาไว้ ชมทิวทัศน์ที่งดงามตรงหน้าหล่อนด้วยกัน
“ที่รัก เราจะถึงประเทศญี่ปุ่นเมื่อไหร่เหรอคะ?” ฉินหงเหยียนมองภาพตรงหน้าอย่างเผลอไผล
เรือลำนี้ทำความเร็วได้ 17 นอตซึ่งเท่ากับ 31 กม. โดยมีเป้าหมายอยู่ที่โตเกียว ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ สองวัน
“สองวันครับ ยังไงเสียตอนนี้คุณก็ไม่ต้องไปทำงานถือเสียว่าพักผ่อนแล้วกัน” เย่เฉินกล่าว
“อืมๆ”
ฉินหงเหยียนอยากจะไปเที่ยวกับแฟนหนุ่มนานแล้ว
……
สองวันต่อมา
เรือสำราญมาถึงโตเกียว ก็เป็นวันที่ 1 เดือนสิงหาคมแล้ว อีกห้าวันก็จะเป็นการแข่งขันโอลิมปิกที่จัดขึ้นในทุก 4 ปี
“หงเหยียน พวกเราอยู่นี่หลายๆ วันดูแข่งโอลิมปิกกันก่อนแล้วกลับดีไหมครับ?”
เย่เฉินเตรียมจะขนสัมภาระลงจากเรือ
ตอนที่ฉินหงเหยียนหลับในเรือคืนแรก เขาแอบกลับไปที่วิลล่า แล้วเอาพาสปอร์ต เสื้อผ้ารวมไปถึงของใช้ในชีวิตประจำวันขนมาบนเรือ
ฉินหงเหยีนดูโทรศัพท์มือถือ “อื้ม ได้สิคะ ฉันยังไม่เคยดูการแข่งโอลิมปิกจริงๆ เลยล่ะค่ะ”
และในเวลานี้เอง มือถือของฉินหงเหยียนก็มีข้อความส่งเข้ามา
“หญิงสาวผู้เกิดหลังปี 95 เป็นประธานคนใหม่ของบริษัทไป๋ลี่!”
ฉินหงเหยียนตกตะลึง เด็กผู้หญิงสมัยนี้เก่งขนาดนี้เลยหรอ?
หล่อนยังคิดว่าตนเองเป็นประธานบริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่อายุน้อยที่สุดเสียอีก!
ฉินหงเหยียนก็กดเข้าไปในหัวข้อข่าวนั้นด้วยความประหลาดใจ แล้วอ่านให้เย่เฉินฟัง “เย่เฉิน มีเด็กผู้หญิงที่เกิดหลังปี 95 เหมือนจะอายุน้อยกว่าคุณปีเดียวชื่ออัยฉี เป็นประธานบริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรส!”
“เหรอครับ?”
เย่เฉินเองรู้เรื่องนี้นานแล้ว อัยฉีที่ว่าคนนี้ก็คือน้องสาวคนที่สี่ของเขา หล่อนชื่อเย่อัยฉี เพียงแต่ว่าพวกเขาจงใจไม่เปิดเผยนามสกุลเท่านั้นเอง
เย่เฉินถาม “ก่อนนี้คุณเคยสมัครงานที่ไป๋ลี่ไม่ใช่หรอ? ไม่งั้นลองไปสัมภาษณ์อีกรอบสิ”
ฉินหงเหยียนคิดถึงเหอเวินเจี้ยนที่ตามตอแยตนเองก็ส่ายหน้า “ช่างเถอะค่ะ ฉันไปสมัครที่อื่นดีกว่า”
“ทำไมล่ะครับ?” เย่เฉินประหลาดใจ แผนการของเขาคือมอบบริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสลี่ให้ฉินหงเหยียน หล่อนจะไม่ไปที่นั่นได้ยังไง?
และในเวลานี้เอง ลูกเรือก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามาา “คุณเย่ คุณฉินครับ ลงเรือได้แล้วครับ คุณ Gates รอรับพวกคุณอยู่ด้านนอก”
“สวรรค์ คุณ Gates มาแล้วเหรอ?”
ฉินหงเหยียนตื่นเต้นอย่างยิ่ง ตอนนี้หล่อนมาถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว
ฉินหงเหยียนและเย่เฉินก็ไม่รีรอ รีบร้อนลงจากเรือ และเป็นไปอย่างที่คิดทันทีที่เดินลงมาจากเรือ ก็เห็นบุคคใหญ่โตที่มักจะปรากฏตัวในข่าวบ่อยๆ
เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ผู้สร้างไมโครซอฟท์ Bill Gates
“คริสไม่เจอกันตั้งนาน!”
Bill Gates เดินเข้ามากอดเย่เฉินอย่างสนิทสนม
“ไม่เจอกันตั้งนาน คุณ Bill Gates ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักฉินหงเหยียน แฟนของผมนะครับ” เย่เฉินกล่าวแนะนำหญิงสาวกับ Bill Gates
“คุณฉิน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
Bill Gates เดินไปหาฉินหงเหยียน แถมยังทักทายหญิงสาวตามสไตล์อเมริกันที่ใช้ใบหน้าแนบกัน!
“อุ๊ปส์”
เย่เฉินพูดตรงไปตรงมาขนาดนี้ ฉินหงเหยียนจึงไม่อาจเก็บเสียงหัวเราะเอาไว้ได้
น้องสาวของฉินหงเหยียนเป็นแอร์โฮสเตส ดังนั้นหล่อนจึงรับรู้ความมาตรฐานของแอร์โฮสเตสที่มีต่อเพศตรงข้ามเป็นอย่างดี
เงินเดือนของคนในสายอาชีพนี้สูงมาก โดยเฉพาะแอร์โฮสเตสในสายการบินต่างประเทศอย่างฉินเสี่ยวตั่ว เงินเดือนพื้นฐานบวกกับเงินสวัสดิการที่ได้ระหว่างบิน จะได้อย่างน้อยๆ เดือนละสองสามหมื่นหยวนด้วยซ้ำไป
ส่วนแอร์โฮสเตสนั้นไม่ได้หาเงินมาง่ายๆ พวกหญิงสาวต้องบินไปมาหลายประเทศ ทั้งวิสัยทัศน์ รสนิยมและความรู้ก็สูงมาก
เห็นคนมีเงินมาก็มาก คนที่ไล่ตามจีบพวกหล่อนนั้นมีแต่คนรวยและมีฐานะทางสังคม ไม่ได้มีคนธรรมดาอย่างเฉิงว่านหลี่
อีกทั้งแอร์โฮสเตสนั้นมีเรือนร่างที่งดงาม และใบหน้าที่โดดเด่นกว่าคนอื่น
โดยปกติแล้วไม่มีทางเหลือบแลคนธรรมดาที่กะอีแค่เงินสินสอดสองแสนยังหาไม่ได้แบบเฉิงว่านหลี่
“แค่ก…”
เฉิงว่านหลี่ประดักประเดิดน้อยๆ รู้สึกว่าตนเองคงจะคิดมากเกินไปจริงๆ หล่อนเองก็รู้สึกว่าพวกแอร์โฮสเตสนั้นมีแต่คนสวยๆ ถึงได้กล้าพูดแบบนี้
และเป็นดั่งที่สวี่ฉู่หมิงเดาไว้เมื่อครู่ เฉิงว่านหลี่เป็นพวกบ้าคนสวย ตัวเองก็หน้าตางั้นๆ แต่ดันชอบคนสวย
ในตอนนี้เอง บนเรือสำราญก็มีพนักงานฝรั่งผู้หญิงเดินมา มือสองข้างของหล่อนประคองผ้าคลุมไหล่ยี่ห้อ Burberry สีขาวที่เหมือนขนเป็ดเดินมาตรงหน้าฉินหงเหยียนแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า
“คุณฉินคะ ด้านนอกลมแรง คุณคลุมไหล่หน่อยนะคะ”
ฉินหงเหยียนเองก็คาดคิดไม่ถึงเช่นกันว่าการบริการบนเรือลำนี้จะดีเยี่ยมขนาดนี้ นี่มันเป็นการบริการของโรงแรม 5 ดาวเลยจริงๆ จึงตอบอย่างมีความสุขว่า “oh! thank you (ขอบคุณนะคะ)”
ผ้าคลุมไหล่ผืนนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ด หญิงสาวไม่เคยเห็นมาก่อน
จากนั้นพนักงานหญิงคนเดิมก็ส่งน้ำแร่ยี่ห้อ VOSS ขวดหนึ่งให้ฉินหงเหยียน
น้ำแร่ยี่ห้อนี้เป็นน้ำแร่ที่มีมูลค่าแพงที่สุดในน้ำดื่มประเภทนน้ำแร่ ฉินหงเหียนคิดว่าตนเองเคยดื่มมาแล้ว แต่ความเป็นจริงแล้วหล่อไม่เคยดื่มน้ำในมือตนเองตอนนี้
VOSS ที่ทุกคนเคยดื่มในประเทศนี้นั้นล้วนแต่เป็นน้ำแร่ที่มาจากภูเขาหิมะตันเสียจากเมืองจู่สี ไม่ใช่น้ำที่คุณภาพดีที่สุด
VOSS ในมือหญิงสาวเป็นน้ำที่ผลิตมาจากแหล่งน้ำดั้งเดิม จากเมืองเล็กๆ ชื่อ IVENLAND ในนอร์เวย์เป็นแหล่งน้ำที่สะอาดที่สุดในโลก
ถึงจะเป็นต่างประเทศก็หาซื้อได้จากห้างสรรพสินค้าหรูหราเท่านั้น!
ฉินหงเหยียนดื่มน้ำเข้าไปอีกหนึ่ง พลันเกิดรู้สึกประหลาดใจ “รสชาติไม่เหมือนกันเลย อร่อยกว่าที่ฉันเคยกินอีก!”
ตั้งแต่เป็นแฟนของเย่เฉินมา วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันที่หล่อนเซอร์ไพรส์ครั้งแล้วครั้งเล่า!
และในเวลานี้เอง จู่ๆ เฉิงว่านหลี่ก็กล่าวกับเย่เฉิน “พี่ชาย อีกเดี๋ยวพี่จะไปไหมครับ?”
“ไปไหนเหรอ?” เย่เฉินถามด้วยใบหน้าสงสัย
เฉิงว่านหลี่กล่าวด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ไปนอนกับแฟนผม”
“พรูด!”
ฉินหงเหยียนเพิ่งจะดื่มน้ำเข้าไปอีกหนึ่งอึก เมื่อได้ยินคำพูดของเฉิงว่านหลี่ก็พ่นน้ำออกมา
ฉินหงเหยียนถลึงตามองเย่เฉิน “ก็ดีนี่ เย่เฉินคุณสติขาดแล้วเหรอ? คุณคิดจะนอนกับแฟนคนอื่นด้วย?”
“ไม่ครับ ไม่ หงเหยียนครับ คุณฟังผมอธิบายก่อน มันไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิดนะครับ”
เย่เฉินโกรธจนสติจะขาดผึง เฉิงว่านหลี่นายมันไอ้โง่ เมื่อครู่ฉันน่าจะเตะนายลงแม่น้ำหวงผู่ไปให้รู้แล้วรู้รอด ให้นายรับกรรมไปเลย ทำไมให้ไวน์นายฟรีแล้วต้องโดนนายทำร้ายด้วยนะ!
“ฮึ!”
ฉินหงเหยียนใบหน้าฉุนเฉียว แล้วเดินตรงเข้าไปในเรือสำราญ
“หงเหยียน…”
เย่เฉินอยากจะเดินตามไป แต่ก็โดนเฉิงว่านหลี่ที่เมามายไม่ได้สติรั้งเอาไว้ “พี่ครับ พี่ไม่ต้องสนใจความรู้สึกของผมเลยครับ ผมเลิกกับหล่อนแล้ว พี่ล่อแม่นั่นเอาให้สะใจไปเลย!”
เย่เฉินผลักอีกฝ่ายออก “เล่นแฟนนายก็แย่แล้ว! ฉันมีแฟนแล้ว ต่อให้ไม่มีฉันก็ไม่ถูกใจหรอก ถ้านายอยากจะล้างแค้นหล่อน นายก็ไปหาคนอื่นแทนสิ!”
เย่เฉินพูดไปพลางรีบเดินกลับเรือสำราญ แล้วไล่ตามฉินหงเหยียน
……
ในเวลานี้เองสวี่ฉู่หมิงกำลังอยู่บนรถ BENZ วันนี้เขาดื่มไปแล้วไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ดื่มเยอะแยะนักหนา
คนเจนโลกที่ผ่านงานสังคมมาหลายปี ไม่มีทางเมามายเพราะโดนคนอายุน้อยมอมหรอก เขายังพอมีสติและลิมิตของตนเอง
หลังจากขึ้นรถไปแล้ว สวี่ฉู่หมิงที่นั่งอยู่ด้านหลังของตัวรถก็ถามคนขับรถที่อยู่ด้านหน้า “ข้อมูลของเย่เฉินที่ตอนนั้นฉันให้นายไปตามสืบอยู่ไหน? รีบเอามาให้ดูหน่อย”
ที่จริงแล้วตั้งแต่สวี่ฉู่หมิงรู้ว่าฉินหงเหยียนมีแฟนแล้ว ก็ให้คนไปตามสืบหาข้อมูลของเย่เฉิน
แต่ว่าในตอนที่ได้ข้อมูลมานั้น เขายังยุ่งๆ กับงานธุรกกิจเลยไม่ได้ดู ให้คนขับรถดูก่อนแล้วเล่าให้เขาฟังสั้นๆ
เขาคิดว่าเย่เฉินคนนี้เป็นแค่คนธรรมดาๆ
แต่ว่าหลังจากที่เจอกันในวันนี้แล้ว ทำให้เขาตระหนักได้แล้วว่า เย่เฉินคนนี้ถ้าไม่ใช่สุดยอดคนขี้โม้และเสแสร้งเก่งที่สุดในโลกนี้แล้ว บางทีเขาก็คงจะเป็นคนที่เก่งมากจริงๆ!
“เย่เฉินคนนี้สามารถหยิบยืมเรือสำราญจาก Bill Gates ได้ แล้วในเวลาไม่กี่นาทีก็สามารถสืบหาข้อมูลการทำงานของผู้หญิงแปลกหน้ามาได้ แถมยังกล้าพูดจาสามหาวบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของผู้ชายและหญิงในประเทศ หมอนี่ไม่ธรรมดาแน่ๆ!”
คนขับรถผ่อนความเร็วลง แล้วเอื้อมไปล้วงเอาเอกสารปึกใหญ่ในกล่องถุงมือที่เบาะข้างคนขับแล้วส่งให้สวี่ฉู่หมิง
หลังจากสวี่ฉู่หมิงรับมาแล้วก็เปิดไฟหลังรถ จากนั้นก็อ่านเอกสารหนึ่งรอบ
“เย่เฉิน แต่งเข้าตระกูลหวังสามปี ระหว่างนั้นเคยส่งอาหารเดลิเวอรี่ หลังจากนั้นก็กลายเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป หลิ่วอวี่เจ๋อเล่นงานบริษัทเขาหมดเงินไปหมื่นล้าน!”
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ สวี่ฉู่หมิงก็อดตกใจไม่ได้
“เจ้าเด็กเย่เฉินคนนี้ก่อนหน้านี้เคยใช้เงินหมื่นล้านมาก่อนเลยแฮะ!”
นี่ทำให้ยิ่งแน่ใจได้ว่าที่เย่เฉินบอกว่าจะใช้เงินหลายหมื่นล้าน เพื่อทำให้หญิงต่างชาติมาแต่งงานกับชายหนุ่มในประเทศ ไม่ได้เป็นคำพูดเหลวไหล!
“หลังจากนั้นก็ถูกตระกูลเย่ขับออกจากตระกูล แล้วก็ใช้เงินทั้งหมดของฉินหงเหยียน”
“ตระกูลเย่… ตระกูลเย่ไหน? หรือว่าเป็นตระกูลเย่นั้นนะ?”
ทั้งประเทศนี้ คนแซ่เย่มีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ตระกูลที่มีเงินจำนวนหมื่นล้านมาให้ลูกหลานตนเองเอามาเผาเล่น คาดว่าคงจะมีแค่หนึ่งสองครอบครัวเท่านั้น
แล้วบังเอิญสวี่ฉู่หมิงก็รู้จักอยู่ตระกูลหนึ่งพอดี!
ที่จริงแล้วตระกูลเย่ถือเป็นตระกูลที่ลึกลับมากทีเดียว เมื่อสิบปีก่อนเคยขยายขอบเขตธุรกิจจำนวนมากขึ้นในเมืองเทียนไห่และเมืองหลวง อย่างมากก็มีแค่นักธุรกิจในสองพื้นที่นี้เท่านั้นพอจะรู้จักคนตระกูลนี้บ้าง
ส่วนสวี่ฉู่หมิงที่เป็นคนเมืองเสินเฉิงก็ไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้น
เพียงแต่เพราะสถานการณ์พิเศษบางอย่าง เขาบังเอิญเคยสืบเรื่องคนตระกูลนี้!
สวี่ฉู่หมิงหรี่ตาสองข้างลง สีหน้าอารมณ์บนใบหน้า ซับซ้อนอย่างมาก ไม่ว่าใครก็ยากจะอ่านเขาออก
จากนั้นสวี่ฉู่หมิงก็กดโทรศัพท์ “อาตง นายยังอยู่ที่อังกฤษหรือเปล่า? ช่วยฉันสืบตระกูลเย่ที่ลึกลับหน่อย ฉันอยากจะได้ข้อมูลของคนในครอบครัวทั้งหมดของตระกูลเย่! ทั้ง 240,000 ตารางกิโลเมตรในประเทศอังกฤษ นายช่วยตามสืบให้ฉันหน่อยทุกตารางกิโลเมตร ฉันไม่เชื่อว่าจะสืบไม่ได้ว่าตระกูเย่อยู่ที่ไหน! ใช้เงินเท่าไหร่ไม่ใช่ปัญหา! ฉันจำเป็นต้องรู้ว่าพ่อของเย่เฉินเป็นใครกันแน่!”
……
อีกด้านหนึ่งเย่เฉินก็เดินสาวเท้าเร็วๆ แล้วกอดเอวแบบบางของแฟนสาวจากด้านหลัง “ที่รัก คุณโกรธเหรอ?”
ฉินหงเหยียนแค่นเสียงเย็น “คุณยังต้องไปนอนกับแฟนคนอื่นนี่นา กลับมาทำไม?”
เย่เฉินเล่าเรื่องทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฉินหงเหยียนฟัง หลังจากได้ฟังแล้วก็กล่าวอย่างสะท้อนในอก
“เฉิงว่านหลี่คนนั้นน่าสงสารมากจริงๆ โชคดีที่คุณเคยเห็นแฟนเขามาก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าเขาหาเงินสินสอดถึงสองแสนแล้วมาจับได้ทีหลัง จะเสียใจภายหลังก็สายไปเสียแล้ว”
เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาแล้ว ผมจะพาคุณไปที่ดีๆ ที่หนึ่ง”
เย่เฉินดึงมือฉินหงเหยียนแล้วพาหล่อนไปยังจุดสูงสุดหน้าเรือ ที่นี่เป็นจุดชมวิวทรงสามเหลี่ยม เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดในเรือสำราญลำนี้
“สวรรค์ ที่นี่เยี่ยมเกินไปแล้วมั้ง? คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่!” ฉินหงเหยียนกล่าวอย่างดีอกดีใจ
เย่เฉินกอดฉินหงเหยียน “ที่รัก เรือลำนี้ตอนนี้เป็นของคุณแล้ว คุณอยากจะนอนที่ไหนก็ได้”
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเย่เฉินเอาแต่เกาะหล่อนกิน
ตอนนี้เขาจำเป็นต้องชดเชยหญิงสาวด้วยความโรแมนติดอย่างที่สุดให้หญิงสาว!

ตั้งแต่หลับมาที่นี่แล้วแต่งงานเข้าไปในตระกูลหวังได้สามปี เย่เฉินก็ได้ลองสัมผัสความเศร้าโศกของผู้ชายในประเทศนี้อย่างแท้จริง!

ตัวเย่เฉินเองนั้นเก่งอาจในหลายด้าน แต่ผู้ชายแบบนี้ยังโดนผู้หญิงหักหลัง และทอดทิ้ง

แต่แค่คิดก็รู้แล้วว่าผู้ชายทั่วไปในประเทศ ก็จะมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานเท่าไหร่!

ถึงแม้ว่าเฉิงว่านหลี่จะอนาถาอย่างมาก แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังมีผู้หญิงหน้าตาสะสวยก็ยังยอมแต่งงานกับเขา คนจำนวนเท่าไหร่ที่กระทั่งแต่งงานก็ยังทำไม่ได้ ทันทีที่เจอกันในวันดูตัวก็ถูกปฎิเสธแล้ว

แน่นอนว่าที่เย่เฉินยอมจะช่วยเหลือผู้ชายในประเทศนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เพราะจิตใจที่ประเสริฐของเขา

ในความเป็นจริงแล้วเขารู้สึกผิดกับผู้ชายในประเทศนี้!

เพราะปัจจุบันนี้ค่าห้องแพง สาเหตุส่วนใหญ่นั้นเป็นฝีมือของผู้ปู่เย่เฉิน!

ทั้งพวกพื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่การศึกษาอะไรพวกนี้ ก็ล้วนแต่เป็นความคิดของปู่เย่เฉิน

20 ปีก่อนหน้านี้ ตระกูลเย่เคยมีที่ดินขนาดใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง เทียนไห่และสถานที่อื่นๆ อีกมากมาย

และเป็นเพราะปู่ของเย่เฉินทำให้มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ในหลายปีนี้สูงขึ้น!

สายงานอสังหาริมทรัพย์มีการปั่นราคากันมากมาย เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำชั้นต่ำ

ปู่ของเย่เฉินเองก็เคยปั่นราคาจนได้ที่ดินมา เมื่อเริ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้นก็ใช้เวลาสิบกว่าปี หลังจากที่มูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งแล้ว ก็เปลี่ยนมือผู้ถือครองอย่างรวดเร็ว โดยไม่ยอมถือครองอสังหาริมทรัพย์จริงๆ เอาไว้

เพียงแค่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ตระกูลเย่ก็ได้เงินไปไม่รู้กี่แสนล้านแล้ว ดังนั้นเย่เฉินจึงยอมจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือคนในประเทศนี้!

สวี่ฉู่หมิงเองก็ถือแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วอย่างนับถือชายหนุ่มตรงหน้า  พูดเกรงใจเกินไปแล้ว คุยยเรื่องพวกนี้กับนายทำไห้ฉันเองเกิดซาบซึ้งใจเหมือนกัน! 

ทั้งสองคนชนแก้วแล้วยกไวน์ดื่มจนหมดในครั้งเดียว

ฉินหงเหยียนยืนอยู่ข้างๆ มองชายสองคนอย่างแปลกใจ  เมื่อครู่พวกเขาคุยอะไรกันนะ? 

ผู้หญิงล้วนแต่เป็นพวกหลงตัวเอง ฉินหงเหยียนจึงไพล่คิดไปว่าเมื่อครู่พวกเขาน่าจะพูดถึงหล่อนอยู่หรือเปล่านะ?

เมื่อเย่เฉินเชื้อเชิญให้สวี่ฉู่หมิงนั่งใหม่อีกครั้งนั้น ก็สั่งอาหารต่อแล้วพวกเขาสามคนก็ดื่มต่อ

และเหตุการณ์ก็ดำเนินไปเช่นนี้อีกหนึ่งชั่วโมง

ในระยะเวลาสามชั่วโมงนี้ การสนทนาของพวกเขาสามคนก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น สวี่ฉู่หมิงก็ดูเกรงใจเย่เฉินขึ้นมาอย่างมาก

เพราะว่าประกาศิตเมื่อครู่ของเย่เฉินที่บอกว่าจะใช้เงินหลายหมื่นล้านมาช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการแต่งงานและมีลูกให้กับคนรุ่นใหม่ในประเทศนี้ ความคิดที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ทำให้นักธุรกิจตัวเล็กๆ อย่างสวี่ฉู่หมิงตกใจ

ในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน สวี่ฉู่หมิงนับถือเย่เฉินอย่างมาก เขาจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าสถานการณ์ของผู้หญิงในประเทศนี้ในปัจจุบันมีปัญหาหรือไม่อย่างไร?

ในยามข้าวยากหมากแพงหรือยามศิวิไลซ์นั้นต่างกันอย่างมากมาย

เพื่อนสนิทของเขาเคยกล่าวเอาไว้ว่า  นิสัยแย่ของผู้หญิงในประเทศย่อมส่งผลให้ทั้งประเทศแย่ลงไป 

นี่คือสวี่ฉู่หมิงเองก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ แต่ว่าถูกผู้หญิงทั้งประเทศบอกว่าเป็นเรื่องเหลวไหล

ตั้งแต่ขึ้นเรือสำราญลำนี้ สวี่ฉู่หมิงก็ถูกเย่เฉินข่มทุกทาง นั่งฮอลิคอปเตอร์ ทำให้เห็นว่าฐานะของเขานั้นด้อยกว่าเย่เฉิน

ความหรูหราของเรือสำราญนี้ตบเข้าหน้าสวี่ฉู่หมิง

จู่ๆ ก็มีคนมาขอบหยิบยืมเงิน เดิมสวี่ฉู่หมิงเองก็คิดจะวางท่าเสียหน่อย สวมบทบาทเป็นผู้กอบกู้โลก

ผลกลับกลายเป็นว่าโดนเย่เฉินทำลายความตั้งใจของเขาไปเสียหมดสิ้น

ส่วนเย่เฉินกลับเปิดเผยความทะเยอทะยานและวิสัยทัศน์ที่อยู่เหนือกว่าเขาระหว่างที่สนทนากัน!

สวี่ฉู่หมิงในวันนี้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ!

 เด็กน่ารังเกียจ! 

ยิ่งสวี่ฉู่หมิงดื่มเหล้าก็ยิ่งไม่พอใจ คิดไม่ถึงว่าเขาที่เป็นผู้บริหารที่มีทรัพย์สินมูลค่าแสนล้าน กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้เด็กเวรนี่

ทันใดนั้นเองความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้นในหัวสวี่ฉู่หมิง

สวี่ฉู่หมิงถือแก้วไวน์แล้วชนแก้วกับทั้งสองคน แล้วทำทีเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ

 จริงสิ หงเหยียน ตอนนี้เธอยังเขียนบล็อคอยู่ไหมน่ะ? 

 บล็อคเหรอ?  ฉินหงเหยียนและเย่เฉินชะงักไป

เย่เฉินถามอย่างสงสัย  คุณเคยเขียนบล็อคด้วยเหรอ? 

สวี่ฉู่หมิงกล่าวพร้อมระบายยิ้ม  น้องเย่เฉิน นายรู้หรือเปล่า? สไตล์ของหงเหยียนนะสนุกสุดๆ นี่ถือเป็นมรดกจากพันธุกรรม ถ้าพ่อของหล่อนไม่ได้ทำธุรกิจล่ะก็คงต้องกลายเป็นนักเขียนแน่นอน! ฉันจำได้ว่าตอนที่บล็อคยังฮิตๆ หงเหยียนก็ชอบเขียนบล็อคมาก เหมือว่าเขียนใน BLOGCN ใช่ไหมล่ะ? ผมยังจำ URL บล็อคได้อยู่เลย ใช่ qinxiaoxue.blogcn.com ใช่ไหม? 

หลังจากเย่เฉินได้ฟังแล้ว ก็หันมองฉินหงเหยียนอย่างประหลาดใจ  ฉินเสี่ยวเสวี่ยเหรอ? เป็นชื่อที่ตลาดล่างจริงๆ ฮ่าๆ 

ในยุคนั้นคาดว่าน่าจะยังเป็นยุคที่คนนิยมเป็นสก๊อยกันอยู่ ดังนั้นผู้หญิงจำนวนมากจึงชอบเติมกำลังเสี่ยวไปในชื่อ เช่นฉินเสี่ยวเสวี่ย เหยียนเสี่ยวตั่ว อะไรพวกนี้

 คุณนี่มันปากเสียจริงๆ!  ฉินหงเหยียนทุบเย่เฉินด้วยใบหน้าแดงก่ำ

ฉินหงเหยียนกล่าว  ยุคนั้นมันก็ฮิตอะไรประมาณนี้นั่นแหละ พอมีเวยป๋อฉันก็เลิกเขียนบล็อคแล้วค่ะ อีกอย่างเว็บเขียนบล็อคนั้นก็ไม่อยู่แล้ว 

สวี่ฉู่หมิงพยักหน้า มีรอยยิ้มประหลาดแต่งแต้มบนใบหน้า  เสียดายจริงๆ ถ้าบล็อคนั้นยังอยู่ล่ะก็เย่เฉินจะได้ดูรูปถ่ายแล้วก็ทักษะการเขียนของเธอสักหน่อย 

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ตระหนักได้ว่า เหมือนฝั่งตรงข้ามกำลังพยายามจะส่งสัญญาณบอกอะไรเขาบางอย่าง

หรือว่าในบล็อคเก่าของฉินหงเหยียน มีรูปของหญิงสาวและฝ่ายตรงข้ามหรือเปล่านะ?

 BLOGCN  เย่เฉินแอบจำชื่อนี้ไว้ในใจ

5 นาทีผ่านไป สวี่ฉู่หมิงก็ผุดลุกขึ้น  วันนี้เราดื่มกันพอประมาณแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ 

เย่เฉินเองก็ลุกขึ้นแล้วกล่าวกับฉินหงเหยียน  พวกเราไปส่งคุณสวี่กันที่ฝั่งแล้ววันนี้พวกเราสอคนนอนที่นี่กันเถอะ 

 ได้สิคะๆ  ฉินหงเหยียนยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

ได้นอนบนเรือหรูในแม่น้ำหวงผู่ถือเป็นเรื่องที่มีความสุขเสียเหลือเกิน

สีหน้าสวี่ฉู่หมิงไม่ค่อยสู้ดี

ครังนี้เย่เฉินไม่ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์มาย่ำยีศักดิ์ศรีของสวี่ฉู่หมิงอีก แต่ให้ขับเรือไปส่งเขาที่ฝั่งแทน

เมื่อเรือเทียบฝั่ง ก็มีชายในชุดสูทรอสวี่ฉู่หมิงอยู่

ก่อนจะแยกย้าย คนสูงวัยกว่าก็หันมาจับมือกับเย่เฉิน  เย่เฉิน นายทำให้ฉันจำนายได้แม่นทีเดียว ขอบใจนะที่ชวนมากินข้าว คราวหน้าถ้าไปเมืองเสินเฉิง ฉันเลี้ยงนายเอง 

 ได้ครับ  เย่เฉินก็ส่งยิ้มด้วยความเกรงใจให้เขา

ฉินหงเหยียนควงแขนเย่เฉิน  ดูไปแล้วพวกคุณสองคนคงคุยกันถูกคอนะคะ ดีจริงๆ ตอนแรกยังนึกว่าพวกคุณจะทะเลาะกันเสียอีก 

เย่เฉินยิ้มบางๆ เขารู้ว่าสวี่ฉู่หมิงคนนี้ไม่มีทางตัดใจจากฉินหงเหยียนง่ายๆ แน่

วันใดวันหนึ่งในอนาคต พวกเขาสองคนก็จะต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่งแน่นอน!

ในตอนนี้เฉิงว่านหลี่เองก็กำลังเดินโซซัดโซเซลงมาจากเรือสำราญ ในมือถือขวดไวน์ที่ดื่มไปหมดแล้วสามขวด

เย่เฉินแอบไม่พอใจนัก คิดว่าอีกฝ่ายทำไม่ถูกต้อง เพราะตนเองยกไวน์ให้เขาแค่ขวดเดียว แต่หมอนี่ดันแอบขโมยไปอีกสองขววด ไวน์สามขวดรวมกันนั้นก็มีมูลค่าปาเข้าไปหกแสนแล้ว มูลค่ามากพอเป็นสินสอดของเขาแล้ว

วันนี้เย่เฉินเลี้ยงข้าวสวี่ฉู่หมิงไปหลายล้าน เขาจึงไม่สนใจเงินเล็กน้อยพวกนี้

ฉินหงเหยียนเห็นเฉิงว่านหลี่ก็ประหลาดใจ  เย่เฉิน เขาคือใครคะ? ขึ้นเรือมาเมื่อไหร่? 

ดูไปแล้วเฉิงว่านหลี่ไม่เหมือนพนักงานในเรือเท่าไหร่นัก

เย่เฉินเองไม่ทันได้อธิบายกับหญิงสาว เฉิงว่านหลี่ก็พุ่งตัวลงมาคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉิน  ลูกพี่ ขอบคุณครับ! 

เขาจึงประคองอีกฝ่ายขึ้นแล้วกล่าว  ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ เราสองคนมีชะตาต้องกัน ต่อไปให้ตั้งใจทำงานให้ดีๆ พอต้องดูตัวอีก ให้พยายามหลบพวกผู้หญิงที่ทำงานในธนาคารกับอสังหาริมทรัพย์ นั่นถือเป็นหลุดระเบิดที่นายต้องระวังให้ดี 

เฉิงว่านหลี่เองก็พยักหน้ารับคำอย่างซาบซึ้งแล้วกล่าว  งั้นแอร์โฮสเตสล่ะ? แต่งงานกับพวกหล่อนได้ไหม? 

 แอร์โฮสเตสไม่มีทางชอบนายหรอก นายเลิกคิดที  เย่เฉินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

 

โลกใบนี้ไม่ควรเป็นแบบนี้!

ผู้หญิงในประเทศนี้ไม่ควรจะเป็นแบบนี้!

เรื่องราวความรักในหนัง ‘ไททานิค’ แจ็คเด็กยากจนกับโรสเศรษฐีนีสาวสร้างความซาบซึ้งใจให้กับคนทั่วโลก!

ฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อ 8 ปีก่อน ยอดขายภาพยนตร์ทะลุไปถึงพันล้าน!

นี่พิสูจน์ว่าในใจทุกคนนั้นต่างก็เห็นด้วยว่าความรักไม่ได้เกี่ยวกับเงินทองและชนชั้น

แต่ทำไมพอมาถึงโลกแห่งความเป็นจริง ทุกคนถึงไม่คิดแบบนี้?

สวี่ฉู่หมิงสูบบุหรี่มองเย่เฉินที่มีท่าทีหมดอาลัยอย่างลำพองใจ บนใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มประหลาดที่ยากจะเข้าใจ

เมื่อ 13 ปีก่อนเขาเองก็มีคำถามเดียวกันแบบนี้มาก่อน แต่ในตอนนี้เขาไม่ตั้งข้อสงสัยกับสังคมนี้อีกแล้ว เขาถือว่าเป็นพวก ‘เลี้ยงภรรยาให้ลำบากจนกลายเป็นป้า’ ด้วยซ้ำไป

สวี่ฉู่หมิงอมควันเข้าปอดก่อนจะพ่นออกมา  ไอ่หนู ให้ฉันสอนนายอีกสักเรื่องเถอะ ไม่ต้องไปสนใจว่าสังคมนี้ โลกใบนี้เป็นยังไง ที่นายทำได้คือพยายามทำความคุ้นเคยกับมัน! ถ้าหากว่าผู้หญิงที่นี่รักเงิน งั้นสิ่งที่นายต้องทำก็กลายเป็นคนมีเงินเสียสิ! 

ทำตัวให้คุ้นเคยกับสังคมนี้น่ะเหรอ? ต้องยอมรับความจริงข้อนี้นะ?

ไม่ นั่นเป็นสิ่งที่ผู้ชายธรรมดาอย่างสวี่ฉู่หมิงจะทำ!

ผมเป็นคนระดับไหน! ทำไมผมต้องคุ้นเคยกับกติกาบ้าๆ นี่ด้วย!

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ตบโต๊ะ แล้วผุดลุกขึ้น  ผมไม่มีทางยอมรับตรรกะบ้าๆ ของผู้หญิงในประเทศนี้! ผมต้องการจะเปลี่ยนสถานการณ์ของประเทศนี้! 

สวี่ฉู่หมิงตัวแข็งทื่อ วินาทีนี้เย่เฉินจู่ๆ ก็เหมือนราชสีห์ที่ตื่นขึ้น ทั้งตัวเขาเหมือนมีแสงเรืองรองเจิดจ้าออกมา!

 นาย… นายพูดอะไรน่ะ? นายจะเปลี่ยนแปลงผู้หญิงในประเทศนี้เหรอ? นายรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา! 

สวี่ฉู่หมิงรู้สึกว่าคนอ่อนวัยผู้นี้คุยโวเกินไปแล้ว ถึงได้กล้าพูดจาวางท่าขนาดนี้!

อย่าว่าแต่เย่เฉินเลย ต่อให้เป็นสวี่ฉู่หมิงสักสิบคนก็ทำไม่ได้!

เย่เฉินกล่าว  ผมไม่ได้พูดเล่น ผู้หญิงในชาติเรากล้าเรียกร้องของบ้าน ขอรถ ขอสินสอดโดยไม่เกรงใจใคร หลังจากแต่งงานก็ไม่ได้ทุ่มเทให้บ้าน คิดจะมีชู้ก็มีชู้ นั่นเป็นเพราะผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชาย! โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวยๆ ต่อให้หย่า มีลูกติดก็ยังมีผู้ชายมาให้หล่อนเลือกเป็นเบือ! 

หวังเจียเหยาก็เป็นแบบนั้น!

เคยแต่งงานกับเย่เฉิน เคยแต่งงานกับฟางเชา แถมยังเคยแต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋ออีกต่างหาก เกรงว่าถึงจะหย่ากับหลิ่วอวี่เจ๋อไปแล้ว ด้วยรูปลักษณ์ของหญิงสาวจะหาลูกเศรษฐีสักคนก็คงจะง่ายดายมากทีเดียว!

ดังนั้นหล่อนถึงได้กล้าทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ทั้งมีชู้ตอนที่แต่งงานกับเย่เฉิน หรือว่าโผเข้าอ้อมกอดอีตสามีอย่างเย่เฉินในวันแต่งงานของตนเองกับฟางเชา

ตอนนี้ก็กำลังจะมีชู้ในระหว่างที่แต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋อ ถึงแม้ว่าจะเพื่อล้างแค้นก็เถอะ

สวี่ฉู่หมิงเองก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ของเย่เฉิน ที่จริงแล้วเขาเองก็เกลียดชังอภิสิทธิ์ที่สังคมสมัยนี้มอบให้ผู้หญิงหน้าตาสะสวยพวกนี้

เหมือนกับเขาตอนนี้ที่เคยมีลูกและภรรยาแล้ว และในอนาคตก็ไม่คิดจะมีลูกอีก ดังนั้นเขาถึงไม่ได้มีความคิดอยากจะแต่งงานกับหวังเจียเหยาเลยด้วยซ้ำไป

แต่เพราะเสน่ห์ และศักยภาพในตอนนี้ของฉินหงเหยียน หากเขาไม่แต่งงานกับหล่อน มีประธานบริษัทผู้มีทรัพย์สินเกินร้อยล้านจำนวนมากอยากจะแต่งงานกับหญิงสาว เขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะต้องแต่งงานกับหญิงสาว

 งั้นนายจะเปลี่ยนแปงสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ยังไง?  สวี่ฉู่หมิงย้อนถามด้วยความสงสัย

เย่เฉินมองไปทางตะวันออก  หาผู้หญิงมาจากต่างประเทศ! 

 ผู้หญิงจากญี่ปุ่นเป็นคนอ่อนหวานนุ่มนวล อยู่บ้านทำงานบ้าน เช้าตรู่ของทุกวันก็จะทำข้าวกล่องให้สามี ตอให้ตอนจะนอนก็ยังคงแต่งหน้าและแต่งตัวอย่างสวยงาม รอสามีหลับแล้วถึงจะแอบไปลบเครื่องสำอางทิ้ง เป็นหลังบ้านที่ดีให้กับสามีของตนเองไม่จบสิ้น! 

เย่เฉินชี้ไปทางเหนือ  ส่วนผู้หญิงที่รัสเซียและยูเครนนั้น หุ่นก็ดี หน้าตาก็สะสวย เลือกใครมาสักคน บุคลิกภาพของหล่อนก็ดีกว่าผู้หญิงในประเทศเราคนละชั้นด้วยซ้ำไป! ยังมีอเมริกา ยุโรปตะวันตก หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างก็มีเอกลักษณ์ของตัวเองทั้งสิ้น แถมตอนแต่งงาน ผู้หญิงพวกนี้ยังไม่อยากได้บ้าน ได้สินสอดด้วยซ้ำไป! หากพวกหล่อนมาแล้ว ผู้หญิงในประเทศเราถึงจะรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจะได้เลิกมองตัวเองเป็นนางฟ้านางสวรรค์ แล้วรู้จักตัวเองให้ดี 

เย่เฉินรินไวน์แดงให้ตนเองแก้วหนึ่ง จากนั้นก็ยกดื่มจนหมดแล้วกล่าวต่อ

 ตอนนี้คนรุ่นใหม่ต่างก็ไม่แต่งงานกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศเรา เมื่อ 30 ปีก่อนประชากรเกิดใหม่ของประเทศนี้ลดลงถึงร้อยล้านคน ในทุกปีมีแรงงานน้อยลงสิบล้านคน! ในประเทศเราตอนนี้กำลังปวดหัวเรื่องนี้อยู่ ดังนั้นถึงได้ยอมให้มีลูกคนที่สอง แต่ก็ยังไร้ประโยชน์และไม่มีคนยอมมีลูกกัน!

สาเหตุหลักมาจากไหน? นั่นก็เพราะผู้หญิงในประเทศเรา! ผู้ชายไม่อยากแต่งงานหรอ? ผู้ชายทั่วๆ ไปแต่งงานไม่ได้ด้วยซ้ำ! แต่พวกผู้หญิงในประเทศนี้ต่างก็อยากแต่งกับผู้ชายที่ทั้งหล่อ ร่ำรวยและดีกับหล่อน ผู้ชายประเภทนี้จะมีสักกี่คนเชียว? 

เย่เฉินไม่ได้คิดแค่เรื่องของตัวเองเท่านั้น ถูกต้อง เขาเคยถูกหวังเจียเหยาทรยศมาก่อน

แต่ด้วยความสามารถของเขา ถ้าหากว่าเขาเกลียดชังหวังเจียเหยาจริงๆ เขาสามารถฆ่าหล่อนตายได้แล้ว จากนั้นตัวเขาก็สามารถมีชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข

อีกทั้งขอแค่เย่เฉินบอกสถานะตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ไม่ว่าจะฉินหงเหยียนหรือว่าแฟนสาวในอนาคตนั้น ก็ไม่มีกล้าทรยศเขาอีก

แต่ว่าเขาไม่ได้อยากทำแบบนี้

เขาอยากจะทำเพื่อผู้ชายธรรมดาๆ นับล้านในประเทศนี้!

เย่เฉินเป็นคนมีเงิน ชีวิตนี้ของเขาไม่ว่าจะอย่างไรก็สามารถอยู่ได้อย่างสบายๆ แต่ว่าผู้ชายร่วมชาติคนอื่นจะทำอย่างไร?

บางทีคนจำนวนมากอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เฉินถึงไม่ยอมจะบอกเสียทีว่าเขาเป็นใคร แถมยังจะใช้ชีวิตในสภาพคนส่งของที่มีเงินเดือนห้าพันหยวนแล้วคบหากับฉินหงเหยียนที่มีทรัพย์สินเกินร้อยล้านด้วยล่ะ?

ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ!

เดิมทีความรักไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสถานะ ชนชั้นสังคม และเงินทอง!

สิ่งที่เย่เฉินอยากจะต่อสู้นั้นก็คือความคิดโง่เง่าที่หยั่งรากลึกลงในใจของคนในประเทศนี้!

เขาอยากจะให้ผู้ชายในประเทศนี้มีสติและอ่านเรื่องนี้ให้ขาด!

สวี่ฉู่หมิงหัวเราะเสียงเย็น  นายพูดถูก แต่ว่านายรู้หรือเปล่าว่าจะจ้างผู้หญิงต่างชาติมาที่นี่จะต้องใช้เงินเท่าไหร่? อาจจะต้องใช้เงินหมื่นล้านสร้างแผนกขึ้นมา! 

 ผมจะใช้เงินหลายหมื่นล้านพวกนั้นเอง!  เย่เฉินตอบเสียงดัง ดังมากๆ ด้วย

สวี่ฉู่หมิงตื่นตระหนก ตกใจจนทำบุหรี่ในมือร่วงลงบนพื้น

หลายหมื่นล้านเหรอ?

เย่เฉินจะใช้เงินหลายหมื่นล้านเพื่อหาภรรยาในผู้ชายธรรมดาพวกนั้นในประเทศนี้เหรอ? เพื่อจะเปลี่ยนแปลงสถานะที่แสนจะสูงส่งของผู้หญิงในชาตินี้เหรอ?

 เจ้าเด็กนี่…มีเงินหลายหมื่นล้านเหรอไง? 

สวี่ฉู่หมิงงุนงงไปชั่วคณะ เย่เฉินกำลังคุยโวอยู่หรือเปล่านะ?

แต่เมื่อเห็นความเชื่อมั่นในตอนนี้ของเย่เฉิน ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของอีกฝ่ายถึงได้น่าเชื่อถือขนาดนี้?

สองนาทีต่อมาเย่เฉินกกับสวี่ฉู่หมิงก็ไม่พูดอะไรกันอีก แต่มองหน้าฝ่ายตรงข้ามอยู่แบบนี้

ไม่นานนักฉินหงเหยียนก็เดินมาจากชั้นล่าง เดิมทีหล่อนยังกังวลว่าผู้ชายสองคนนี้จะมีเรื่องทะเลาะกัน แต่ทันทีที่เดินขึ้นมาด้านบน กลับพบว่าเงียบขนาดนี้ก็แปลกใจ

ฉินหงเหยียเดินไปหาเย่เฉินแล้วถามเสียงแผ่ว  เย่เฉิน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ? 

เย่เฉินได้สติกลับมายิ้มน้อยๆ  ไม่เป็นไรครับ 

หลังจากนั้นเขาก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วกล่าวกับชายสูงวัย  คุณสวี่ วันนี้ต้องขอบคุณคุณมากที่เตือนสติผม ทำให้จู่ๆ ผมก็มีเป้าหมายใหม่แล้ว รู้ว่าต่อไปควรจะทำอะไร 

หลังจากที่เย่เฉินถูกหวังเจียเหยาทรยศ และถอดใจกับการทำภารกิจ เดิมทีหมดกำลังใจจนไม่รู้จะทำออะไร

ตอนนี้เขามีเป้าหมายใหม่แล้ว!

เขาจะทำให้ผู้ชายทุกคนในประเทศนี้ได้มีความรัก!

 

เฉิงว่านหลี่ที่ตัวเปียกซ่กมาตั้งนานแล้ว รับโทรศัพท์หัวเหว่ยของเย่เฉินมาอย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นรูปภาพที่หลิวเจิ้งคุนส่งมาจากบันทึกการสนทนาในวีแชทแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนกันว่าตาสองข้างของเขาเบิกกว้างทันที!

เขายื่นนิ้วออกมาแล้วซูมรูปภาพไม่หยุด อยากจะแน่ใจว่าผู้หญิงในภาพใช่แฟนสาวของตนเองหรือไม่!

เขาพยายามหาส่วนที่แตกต่างระหว่างแฟนสาวและผู้หญิงในภาพ เสียดายก็แต่ล้วนแต่เป็นการหลอกตัวเอง

ผู้หญิงในภาพก็คือแฟนสาวของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

 หล่อนไม่ได้ขายเสื้อผ้า แต่เป็นเด็กนั่งดริ้งค์เหรอครับ? 

ในวินาทีนี้เฉิงว่านหลี่รู้สึกขายขี้หน้าอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าแฟนสาวจะหลอกลวงตนเอง

แต่ตอนที่เขาเห็นบรรทัดสุดท้ายแล้วเห็นข้อความที่หลิวเจิ้งคุนส่งมา สติก็ขาดสะบั้น!

 หล่อนไปโรงแรมเหรอครับ? 

เฉิงว่านหลี่ทำงานในเทียนไห่ เช่าบ้านเอาไว้ หลิวอวี่ถิงแฟนสาวของเขาอยู่กับเขาตลอดในระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้

แล้วบังเอิญแฟนสาวของเขาโทรมาหาเขาพอดิบพอดี

เฉิงว่านหลี่รับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

 ฮัลโหล ที่รัก อยู่ไหนคะ? 

เสียงนั้นยังไพเราะอ่อนหวานเหมือนที่เขาคุ้นเคย

เฉิงว่านหลี่รู้อดีตของหล่อนแล้ว ทว่ากลับไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา

เพราะในตอนนี้ เขาอยากรู้ว่าเจ้าหล่อนอยู่ไหนมากเสียยิ่งกว่าอยากจะถามเรื่องราวในอดีตของหล่อน!

ไปเปิดห้องที่โรงแรมแล้วรอเย่เฉินลูกเศรษฐีไปนอนกับหล่อนจริงหรือไม่!

เฉิงว่านหลี่ตอบอย่างนิ่งสงบ  ผมอยู่บนเรือสำราญหรูหราที่ว่ายทาน คุณอยากมาดูไหมล่ะ? 

หลิวอวี่ถิงตอบ  อ้อ ฉันเห็นเวยป๋อแล้ว ตอนแรกก็กะจะไปดูอยู่หรอกนะ แต่ว่าจู่ๆ เพื่อนของฉันก็มาหาฉันที่เทียนไห่น่ะสิ วันนี้ฉันจะไปนอนโรงแรมกับหล่อน วันนี้ไม่กลับบ้านนะคะคุณนอนคนเดียวแล้วกัน 

ไปโรงแรมจริงๆ ด้วย!

อีกทั้งยังคงโกหกบอกว่าไปกับเพื่อนสนิทเสียด้วย

 จริงสิ คุณหาสินสอดได้ครบหรือยังคะ? ได้เงินสองแสนแล้วไหมคะ? แม่ฉันบอกแล้วนะว่าถ้าไม่มีเงินสองแสน คุณจะแต่งงานกับฉันไม่ได้  หลิวอวี่ถิงกล่าวต่อ

เฉิงว่านหลี่ระเบิดโทสะ ตะโกนเสียงกร้าว  ฉันแต่งกับแกก็บ้าสินังบ้า! 

พูดจบก็โยนมือถือออกจากเรือผ่านทางหน้าต่างลงแม่น้ำหวงผู่

โยนเสร็จเฉิงว่านหลี่คุกเข่าบนพื้น น้ำตาไหลพราก

เย่เฉินหยิบมือถือตนเอง กลัวว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายจะโยนมือถือของตนเองลงน้ำตามมือถือของเขาเพราะโทสะ

จากนั้นก็ตบบ่าของเฉิงว่านหลี่แล้วปลอบ  ยอดบุรุษสนใจแต่เรื่องการงานไม่สนใจเรื่องแต่งงานไม่ใช่หรือไง? นายเป็นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยโด่งดัง หน้าตาก็ใช้ได้ ต่อไปจะต้องหาผู้หญิงที่มีการศึกษาเท่าๆ กันได้ ดีกว่าได้แม่นี่เป็นไหนๆ จริงไหม? 

เย่เฉินส่งแก้วไวน์ให้เฉิงว่านหลี่  ลงไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านล่าง คลายเครียดสักหน่อยสิไป 

เฉิงว่านหลี่เองกำลังอยากดื่มเหล้าแก้เครียด เขาเอื้อมมือมารับไวน์มาแล้วกล่าว  ขอบคุณครับพี่ชาย! 

จากนั้นเฉิงว่านหลี่ก็ลงไปด้านล่าง

หลังจากที่เฉิงว่านหลี่เดินไปแล้ว สวี่ฉู่หมิงก็เดินมาถาม  แฟนเขาเป็นเด็กนั่งดริ้งเหรอ? 

เย่เฉินเปิดรูปภาพในมือถือให้สวี่ฉู่หมิงดูแล้วกล่าว

 คุณสวี่ คุณเกือบจะทำเรื่องร้ายเพราะเจตนาดีแล้วนะ ถ้าหากว่าคุณให้เงินเขาไปหนึ่งแสนจริงๆ ปล่อยให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น เช่นนั้นแล้วเขาจะต้องเสียใจทั้งชีวิตจริงไหม? 

สวี่ฉู่หมิงแค่นเสียงเย็น  นายคิดว่านายทำถูกแล้วหรือไง? 

 หรือผมทำผิดเหรอ?  เย่เฉินย้อนถาม

เขาให้เฉิงว่านหลี่รู้ความจริง ช่วยให้เขาประหยัดเงินที่ไม่ควรต้องเสีย ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร

สวี่ฉู่หมิงจุดบุหรี่อีกครั้ง  เย่เฉิน นายอายุน้อยเกินไป! ฉันจะบอกนายให้นะว่าโลกนี้เป็นอย่างไร! ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นเด็กนั่งดริ้งค์ พวกเขาสองคนจะแต่งงานกันไปก็ไม่มีปัญหาอะไร! นายน่าจะพอมองออกว่า เสี่ยวเฉิงคนเมื่อครู่เป็นพวกบ้าคนสวย ที่บ้านคงจะต้องแนะนำผู้หญิงที่มีประวัติการศึกษาเทียบเท่ากับเขามาก่อน แต่ทำไมเขาไม่ยอมคบหาพวกหล่อน? ต้องเอาแม่นี่ให้ได้?

เพราะว่าผู้หญิงคนนี้สวย! ถ้าหากว่ามีผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับเขาและจบม.ดังเหมือนเขา และเงินเดือนหมื่นหยวนเท่ากัน ฐานะทางบ้านก็พอๆ กันอีกทั้งยังหน้าตายังต้องสะสวยอย่างมาก ฉันถามหน่อย ผู้หญิงแบบนี้จะชอบเขาได้ยังไง! นายก็รู้ว่าผู้หญิงแบบนี้มีตัวเลือกเยอะแยะจะตายไป!

ถ้าเฉิงว่านหลี่อยากมีแฟนสวยก็คู่ควรกับผู้หญิงแบบนี้เท่านั้น! ผู้หญิงที่มีชาติตระกูลที่ดี เป็นของคนที่มีเงินอย่างพวกฉันนี่! ถึงเราคนเดียวจะมีผู้หญิงแบบนี้ไว้ข้างตัวสักสิบคน พวกเขาก็หาไม่ได้สักคนหรอก!

นี่คือความจริง! 

เหมือนว่าสวี่ฉู่หมิงจะเริ่มเมาแล้ว ตั้งแต่เริ่มขึ้นเรือเขารู้สึกว่าเย่เฉินเอาแต่ข่มเขา เขาไม่อยากจะโดนคนอายุน้อยกว่าแบบนี้ข่มในเรื่องการดื่มเหล้า ดังนั้นถึงได้เอาแต่ดื่มเอาๆ

คำพูดนี้ของสวี่ฉู่หมิง ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะฟังไม่ค่อยเข้าหู แต่เขาก็รู้ว่าสวี่ฉู่หมิงพูดถูก

สถานการณ์ในประเทศเราตอนนี้เป็นแบบนั้น

สวี่ฉู่หมิงเองก็รินเองดื่มเอง กล่าวต่อไป

 你觉得他女朋友配不上一套房子和20万彩礼?我敢拿一亿跟你赌,凭这个女生的美貌和哄男人的技巧,离开程万里,她照样找到一堆愿意买房子花几十万彩礼的男人娶她! 

 นายคิดว่าแฟนเขาไม่คู่ควรกับบ้านและสินสอนสองแสนหรือไง? ฉันกล้าใช้เงินพันล้านวางเดิมพันเลย ด้วยเทคนิคในการออดอ้อนผู้ชายและใหน้าสะสวยของหล่อน หล่อนย่อมสามารถหาผู้ชายที่ยินดีจะซื้อบ้านและให้สินสอดเจ้าหล่อนหลายแสนอยู่ดี!

สังคมในตอนนี้ของประเทศ มีผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิง ผู้หญิงสวยๆ ก็มีน้อยนิด นายจะไม่แต่งงานกลับหล่อน แต่คนที่จะแต่งกับหล่อนมีเยอะแยะถมเถ! ในประเทศนี้ ไม่เคยมีผู้หญิงที่ขายไม่ออกมีแต่ไม่อยากแต่งก็เท่านั้นเอง! อยากแต่งงานแต่แต่งไม่ได้คือผู้ชายในประเทศนี้ต่างหาก 

เย่เฉินปิดปากเงียบ สองมือกดโต๊ะไว้แน่น เขาไม่ได้ทะเลาะกับสวี่ฉู่หมิง แต่กลับหม่อมองออกไปแล้วพึมพำ

 โลกนี้ไม่ควรเป็นแบบนี้ ประเทศเราไม่ควรเป็นแบบนี้! 

เห็นเย่เฉินทอดถอนใจเช่นนี้ก็แแปลว่าอีกฝ่ายเห็นด้วยกับคำพูดของเขา มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

สวี่ฉู่หมิงเห็นดังนี้จึงกดเสียงลง แล้วพูดความในใจ  ไอ้หนู เมื่อกี้นายถามว่าตอนฉันอายุ 20 มีศักยภาพอะไรใช่ไหม? ฉันก็เหมือนนาย ไม่เป็นโล้เป็นพาย ตอนนั้นฉันเองก็มีผู้หญิงที่รัก แต่หล่อนกลับไม่ยอมแต่งงานกับฉัน หล่อนไปแต่งงานกับผู้ชายคนที่แก่กว่าหล่อนมากนัก

ตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็รู้ว่า ผู้ชายเราขอแค่มีอำนาจ มีเงิน มีความสามารถ ถึงจะได้ครอบครองผู้หญิงที่เรารัก! ดังนั้นฉันเลยไปหาแต่งงานกับลูกสาวคนรวยๆ หลังจากต่อสู้ฝ่าฝันเรื่องราวต่างๆ มาหลายปี ฉันถึงได้สลัดคำว่าเขยที่แต่งเข้าทิ้งได้ แล้วออกมาสร้างอาณาจักรของตัวเอง

เย่เฉิน ฉันรู้ว่าหงเหยียนชอบนายมาก ถ้าตอนนี้นายยังเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอยู่ ฉันไม่มีทางก้าวก่ายเรื่องของพวกนายหรอก ตอนแต่งงานกันฉันจะส่งของขวัญวันแต่งงานให้ก้อนโตด้วยซ้ำไป! แต่ถ้าตอนนี้นายเป็นแค่คนส่งของ งั้นก็ต้องขอโทษด้วย ฉันจะต้องแย่งหงเหยียนมาจากนายให้ได้! ไม่ว่านายจะยอมหรือไม่ก็ตาม! 

สวี่ฉู่หมิงพูดความในใจของตนเองออกมาจนหมด!

ทว่าเย่เฉินยังคงประสานมือบนโต๊ะ ด้วยท่าทีเหม่อลอยแล้วพึมพำกับตนเอง

 โลกไม่ควรเป็นแบบนี้… 

 

ในวินาทีนี้เย่เฉินก็คิดถึงหวังเจียเหยา

หวังเจียเหยาเองก็เป็นผู้หญิงที่รักแต่เงินทอง หลังจากแต่งงานแล้ว ทันทีที่ไม่มีเงินก็จะโดนหล่อนทิ้งไปเหมือนกัน!

แฟนคนนี้ของเฉิงว่านหลี่ก็เหมือนกัน ถ้าหากว่าหล่อนรักผู้ชายคนนี้จริงๆ ก็จะไม่สนใจเงินแสนที่ขาดไปหรอก

เฉินว่านหลี่นิ่งไปเมื่อโดนเย่เฉินสั่งสอน

ไหนเลยเขาจะไม่เคยพูดกับแฟนสาวตนเองแบบนี้!

เขาเคยถาม!

เขาถามหญิงสาววว่าเพียงแค่แสนเดียวได้หรือไม่ ถามหล่อนว่าทำไมต้องมีสินสอดสองแสนถึงจะได้ยอมแต่งงานกับเขา ถามว่าหญิงสาวรักเขาหรือไม่

แต่ว่าก็ไม่มีประโยชน์ หล่อนพูดกับเขาอย่างไร้ซึ่งความรู้สึกผิดใดๆ ถ้าไม่มีเงินสินสอดสองแสนจะไม่ยอมแต่งงาน ถ้าไม่มีบ้านที่ไม่ไร้หนี้ก็จะไม่แต่งงาน อีกทั้งบ้านยังต้องมีชื่อของหล่อนด้วย!

สวี่ฉู่หมิงดื่มไวน์อึกหนึ่ง แล้ววางแก้วไวน์ลง  เย่เฉินนายทำอะไรน่ะ? นายไม่ช่วยเขาก็ควรจะเงียบไป คิดไม่ถึงว่าจะยั่วยุไม่ให้เสี่ยวเฉิงจ่ายเงินสินสอด? นี่เท่ากับว่านายกำลังบีบให้เขาสองคนเลิกกันไม่ใช่หรือไง? คนเราต้องโน้มน้าวให้คนรักพูดคุยกันไม่ใช่เลิกกัน หรือว่านายไม่เข้าใจเหตุผลนี้? 

เย่เฉินย้อนถามสวี่ฉู่หมิง  หรือคุณคิดว่าบ้านหนึ่งหลัง รถหนึ่งคันกับสินสอดสองแสนมันสมเหตุสมผลมากหรือไง? 

สวี่ฉู่หมิงตอบ  ก็ต้องสมเหตุผมสิ! เงินสินสอดสองแสนยังน้อยไปเลย ถ้าเป็นฉันต้องเริ่มที่ล้านหยวน! กระทั่งบ้านนายยังไม่มี ลูกสาวคนอื่นแต่งงานกับนายจะให้หล่อนกัดก้อนเหลือกินเหรอ?

สินสอดไม่กี่แสนยังไม่มี ไร้ประโยชน์! ขยะ! มีแค่ผู้ชายไร้ความสามารถถึงได้กลัวสินสอดราคาแพง! 

เย่เฉินยิ้มเย็น สวี่ฉู่หมิงมีเงิน เขาย่อมชอบพูดจาแบบนี้

ถ้าหากว่าเย่เฉินเป็นคนจนจริงๆ บางทีอาจจะรู้สึกว่าสวี่ฉู่หมิงพูดมีเหตุผลจริงๆ แต่ว่าเขาเคยเจอคนมามากมายเกินไป เคยเห็นเรื่องราวต่างๆ มาก็มากเช่นกัน คำพูดที่ตรรกะบิดเบี้ยวนี้ของสวี่ฉู่หมิงไม่อาจทำให้เขาสะทกสะท้านได้แม้แต่น้อย!

เย่เฉินชี้สวี่ฉู่หมิงแล้วกล่าว  มิน่าเด็กผู้หญิงตอนนี้ต่างก็เป็นพวกวัตถุนิยม ถึงได้ไม่เหลือบแลผู้ชายที่อายุเท่ากัน เพราะโดนผู้ชายแก่อย่างคุณล้างสมองไปแล้ว!

พวกผู้ชายสูงอายุที่อยู่สูงส่งร่ำรวย มีเงิน มีอำนาจอย่างคุณ เอาแต่ล้างสมองเป่าหูผู้หญิงที่อายุน้อยอยู่ได้ เอาแต่บอกให้หล่อนให้ไขว่คว้าหาชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่า ต่อให้ของพวกนั้นเดิมทีไม่ใช่สิ่งที่พวกหล่อนจะสามารถครอบครอง

จากนั้นพวกคุณก็จะสามารถเอาชนะข้อด้อยในเรื่องของอายุ แล้วแย่งผู้หญิงไปจากพวกผู้ชายอายุน้อยๆ สวี่ฉู่หมิง ผมล่ะก็คิดว่าคุณเป็นนักธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคม ตอนนี้ถึงได้พบว่าคุณเป็นคนหน้าด้านแบบนี้! 

สวี่ฉู่หมิงหัวเสีย  นาย…เลอะเทอะ! นายมันคนจน ตัวเองไม่มีปัญญาแล้วยังโทษคนอื่นอีกเหรอ? ถ้าพวกนายมีความสามารถ ใครจะแย่งเมียนายไปได้ล่ะ? 

สวี่ฉู่หมิงเองก็ละอายใจมากแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดคำจาของเย่เฉินก็รู้สึกเหมือนแทงใจดำเขา

หลายปีมานี้ สวี่ฉู่หมิงเขาได้ครอบครองผู้หญิงอายุน้อยหน้าตาสะสวยจากเงินทองของเขา ในบรรดาหญิงสาวเหล่านี้มีบางส่วนที่มีสามีหรือแฟนหนุ่ม อีกทั้งยังรักและหลงหล่อนมาก

สวี่ฉู่หมิงเองก็เป็นเหมือนที่เย่เฉินพูด นอกเหนือจากข้อเสนอเรื่องการทำงานแล้ว ก็จะพูดถึงวิลล่า รถหรู ท่องเที่ยวหรือพวกของแบรนด์เนมเป็นต้น

บอกพวกหล่อนว่าผู้หญิงควรจะมีของพวกนี้ ชีวิตถึงจะคุ้มค่า

ถ้าหากว่าแฟนไม่สามารถหามาให้หล่อนได้ พวกหล่อนจะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นไม่ได้

เมื่อโดนล้างสมองไปเรื่อยๆ สวี่ฉู่หมิงแทบจะไม่ต้องไล่ตามจีบหล่อน แต่ทันทีที่เจ้าหล่อนเริ่มคล้อยตามความคิดนี้แล้วเช่นนั้นการได้นอนกับสาวๆ เหล่านั้นก็เป็นเรื่องแน่เหมือนแช่แป้ง

ความจริงแล้ว ตอนนั้นสวี่ฉู่หมิงก็หลอกล่อให้ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงของเขาด้วยวิธีการเดียวกัน!

ไม่เพียงเท่านั้น ในระยะเวลาสามปีนั้นที่เลี้ยงดูหล่อน สวี่ฉู่หมิงเองก็เอาแต่ล้างสมองหล่อนบอกหล่อนว่าไม่ต้องหาผู้ชายที่ชอบแต่จงหาผู้ชายที่มีความสามารถ

ดังนั้นสวี่ฉู่หมิงถึงได้มั่นใจว่าฉินหงเหยียนและเย่เฉินไม่มีทางคบหากันได้เกินครึ่งปี

 ความสามารถ? 

เย่เฉินย่อมมีความสามารถ ไม่ว่าจะต่อยตี วิวาท เปียโนหรือในขอบเขตความสามารถอื่นๆ เย่เฉินต่างก็ถือว่าเป็นระดับสุดยอด

แต่นี่คือเกิดขึ้นมาเพราะเขาได้รับความทุกข์ทรมานตั้งแต่เด็ก และได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นมืออาชีพแต่เด็ก

ผู้ชายทั่วๆ ไปอายุ 20 กว่าปี เหมือนคนอย่างเฉิงว่านหลี่จะมีความสามารถอะไรได้?

เย่เฉินถามสวี่ฉู่หมิง  ตอนคุณอายุ 20 กว่าๆ มีความสามารถอะไรบ้าง? 

คราวนี้ชายสูงวัยพูดไม่ออก ตอนตัวเขาเองอายุ 20 นั้นไม่เป็นโล้เป็นพายอยู่เลย

เขาเริ่มตั้งตัวได้ตอนอายุ 40 กว่านู่น

เย่เฉินหันไปมองเฉิงว่านหลี่แล้วถาม  นายคบกับแฟนายมากี่ปี? เป็นเพื่อนในมหาวิทยาลัยหรือเปล่า? ถ้าหากว่าใช่ล่ะก็ ฉันขอแนะนำให้นายลองคุยกับหล่อนดู ถ้าหล่อนจะยอมละทิ้งกับความสัมพันธ์ครังนี้เพียงเพื่อเงินหลักแสน ภรรยาแบบนี้ไม่มีก็ได้! 

เฉิงว่านหลี่ส่ายหน้า  ไม่ใช่ครับ ผมเจอแฟนของผมจากการดูตัว เราคุยกันไม่ถึงครึ่งปี บ้านของหล่อนอยู่ที่ชนบท ประวัติการศึกษาไม่ได้สูง ก่อนนี้ขายเสื้อผ้าแต่ตอนนี้ไม่ได้ทำงานแล้ว 

เย่เฉินชะงักไป ด้วยคุณสมบัติของฝ่ายหญิงเห็นว่าด้อยกว่าหมอนี่ชัดๆ

เย่เฉินถาม  หล่อนสวยเหรอ? 

เฉิงว่านหลี่พยักหน้ารับอย่างเก้อเขิน

เย่เฉินแค่นเสียง นี่มันผู้ชายหลงคนสวยอีกแล้ว เย่เฉินเอก็งไม่มีสิทธิ์ไปว่าอีกฝ่าย เพราะตัวเขาเองก็เป็นคนหลงคนสวยเช่นกัน!

 ขอฉันดูรูปหล่อนหน่อยได้ไหม? 

เย่เฉินเองก็ประหลาดใจทีเดียว ผู้หญิงแบบไหนทำให้คนเรียนจบปริญญาสู้สุดใจแบบนี้ กระทั่งต้องก้มหัวให้คนอื่นเพื่อให้ได้สินสอดมาก็ยอม

เฉิงว่านหลี่หยิบมือถือออกมาแล้วเปิดคลังภาพ เย่เฉินปรายตามอง ก็หน้าตาดีใช้ได้ แต่สำหรับเย่เฉินแล้วนี่ไม่นับว่าเป็นคนสวยอะไร

บางทีขนาดแฟนสาวสองคนที่เย่เฉินมี ล้วนแต่เป็นผู้หญิงอย่างฉินหงเหยียนและหวังเจียเหยา จึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงหน้าตาดีทั่วๆ ไป

แต่ผู้หญิงหน้าตาประมาณนี้ถือว่าสวยมากแล้วสำหรับผู้ชายธรรมดาๆ

เย่เฉินเปิดดูอีกสองรูป จู่ๆ ก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คุ้นตาพิกลเหมือนเคยเจอที่ไหน

เมื่อครู่เฉิงว่านหลี่เองบอกว่าเขาและแฟนสาวเป็นคนอวิ๋นโจว เย่เฉินนั้นเคยอยู่ที่นั่นมาถึงสามปี ไม่แน่ว่าอาจจะเคยเจอหน้าค่าตากันจริงๆ

 แฟนของนายชื่ออะไร?  เย่เฉินถาม

เฉิงว่านหลี่ตอบ  หลิวอวี่ถิง 

เย่เฉินรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความหาหลิวเจิ้งคุน  นายลองถามซีกกวาทีว่ารู้จักผู้หญิงอายุ 25 ปีชื่อหลิวอวี่ถิงไหม 

ไม่ถึง 5 นาทีวีแชทของเย่เฉินก็มีเสียงดังขึ้น

เป็นหลิวเจิ้งคุนส่งรูปถ่ายหลายใบมาให้เขา

ทันทีที่เขาเปิดดูก็พบว่าทั้งหมดเป็นภาพของหลิวอวี่ถิงแฟนสาวของเฉิงว่านหลี่ หนำซ้ำในรูปถ่ายนั้น เจ้าหล่อนยังใส่ชุดกี่เพ้าสีขาวเบาบาง แต่งหน้าหนาเตอะ แล้วกำลังดื่มเหล้ากลางวงผู้ชายเป็นขโยง!

 ก่อนนี้หล่อนทำงานเป็นเด็กนั่งดริ้งค์อยู่ในจินคว่าง เป็นตัวเด็ดเลยครับ คุณชายชอบหล่อนเหรอครับ? 

 หล่อนอยู่ทีเทียนไห่ ซีกวาให้เงินหล่อนไปสองหมื่นเพื่อให้หล่อนไปอยู่เป็นเพื่อนคุณชาย ตอนนี้ไปเปิดห้องรอที่โรงแรมแล้วครับ เดี๋ยวผมจะส่งเลขห้องไปให้นะครับ 

หลิวเจิ้งคุนสำทับ

มิน่าเย่เฉินถึงได้คุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้นัก!

ก่อนนี้เพราะเย่เฉินอยากจะทำตัวเป็นราชาแห่งโลกธุรกิจของอวิ๋นโจว เขาอยากจะผูกขาดทั้งวงการอาหาร คาราโอเกะทั้งหมด

เขาซื้อคาราโอเกะทุกแห่งในอวิ๋นโจว

ถ้าจะพูดกกันตรงๆ หลิวอวี่ถิงก็คืออดีตพนักงานของเย่เฉิน!

เย่เฉินไม่พูดอะไร เขาส่งมือถือให้เฉิงว่านหลี่ดู  นายดูเองเถอะ ดูแล้วนายน่าจะใช้เงินที่พ่อแม่นายลำบากลำบนหามาทั้งชีวิตไปแล้ว นายเรียนหนังสือมาตั้งหลายสิบปีแต่ดันเลือกแต่งงานกับผู้หญิงประเภทไหนกันเนี่ย! 

เฉิงว่านหลี่ซื้อบ้านและรถ เตรียมสินสอด ใช้เงินไปตั้งหลายล้านไปแต่งกับผู้หญิงคนหนึ่ง

ส่วนเย่เฉินใช้เงินแค่สองหมื่นก็ได้นอนกับหล่อนแล้ว!

แฟนของนายนี่มันราคาถูกชะมัด!

 

สวี่ฉู่หมิงเดิมคิดว่าตนเองสามารถสวมบทบาท ‘นักฆ่า’หรือ ‘โจร’ ดังนั้นสามารถเขย่าขวัญคนอื่นให้ล่าถอยไปได้

ทันทีที่เห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นอ่อนแอบอบบาง อีกทั้งที่เดินมาก็คุกเข่าขอยืมเงิน ดูท่าทางแล้วคงจะเจอเรื่องลำบากมา

เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอันตรายแน่ๆ แล้ว สวี่ฉู่หมิงถึงได้เดินมา

สวี่ฉู่หมิงมองชายอ่อนวัยอย่างประเมินในทีแล้วถาม  น้องชาย ทำไมนายถึงมาขอยืมเงินพวกเราได้ล่ะ? 

เย่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจ อยู่กันดีๆ ทำไมจู่ๆ ถึงได้มีคนขอยืมเงินได้นะ

ชายอ่อนวัยตอบอย่างตรงไปตรงมา  เมื่อครู่ผมตอนที่ผมอยู่ว่ายทานใช้กล้องส่องทางไกลเห็นพวกคุณกำลังกินข้าวบนเรือ ผมก็รู้เลยว่าพวกคุณเป็นคนมีเงิน เงินแค่แสนเดียวมันก็แค่เงินค่าอาหารมื้อเดียวของพวกคุณเท่านั้น ดังนั้น ผมเลยกระโดดลงแม่น้ำหวงผู่ จากนั้นก็ปีนขึ้นเรือมาขอให้พวกคุณช่วย

ผมเป็นนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยกฎหมาย นี่คือใบปริญญาของผม ผมไม่ใช่คนตกงานไร้การศึกษา ผมมีเงินเดือน ผมได้เงินเดือนละหมื่น พวกคุณให้ผมยืมหนึ่งแสน ผมจะต้องหาเงินคืนพวกคุณได้แน่! 

สวี่ฉู่หมิงรับสมุดใส่ใบปริญญาที่เปียกซ่กมาแล้วเล่มนั้น พลิกๆ ดูจากนั้นก็กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

 มีความกล้า และมีเป้าหมาย ใช้ได้นี่ 

เย่เฉินพอจะมองออกว่าคนผู้นี้ฉลาดมากทีเดียว คนที่สามารถกินข้าวบนเรือสำราญลำนี้ได้ เงินแค่แสนเดียวไม่น่าจะมีความสำคัญอะไร

แต่เขาสามารถปีนขึ้นเรือลำนี้ใสได้ ก็พอจะพิสูจน์ความรู้ความสามารถของเขาได้แล้ว

เย่เฉินถาม  ทำไมนายถึงต้องยืมเงินแสนก้อนนี้ให้ได้ล่ะ? คนที่บ้านป่วยเหรอ? 

นักเรียนที่จบมหาวิทยาลัยกฎหมาย เงินเดือนก็สูง ถ้าหากว่าไม่ได้ตกที่นั่งลำบากจริงๆ ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายมีค่าดั่งทอง เขาไม่มีทางคุกเข่าเพื่ออ้อนวอนขอเงินใครแน่

ชายอ่อนวัยคนนั้นกล่าว  ไม่ครับ เป็นเงินค่าสินสอด ผมอยากแต่งงานกับแฟนแล้ว แต่ที่บ้านหล่อนอยากได้สินสอดเป็นห้องชุดหนึ่งแห่ง รถหนึ่งคันแล้วก็เงินสองแสน ผมซื้อรถซื้อบ้านแล้ว อีกทั้งซื้อสดด้วย ผมใช้เงินเก็บทั้งชีวิตของพ่อแม่ และเงินที่ได้จากการทำงาน ประหยัดอดออมมาตลอดสองปีนี้ของตัวเองรวมกันซื้อของสองอย่างนี้ อีกทั้งผมยังไปขอยืมคนนั้นคนนี้มาไม่น้อยแล้วเหมือนกัน

ผมมันไร้ค่า ทำทุกวิถีทางแล้ว ขอยืมเงินญาติสนิทมิตรสหายทั้งหมด รวมๆ กันแล้วหามาได้แค่แสนเดียวเท่านั้น ตอนนี้ขาดไปแค่แสนเดียว ขาดแค่แสนเดียวเท่านั้น ผมก็จะรวบรวมเงินสินสอดได้มากพอแต่งงานได้แล้ว ผมขอร้องพวกคุณล่ะครับ ให้เงินผมยืมหนึ่งแสน ผมขอสาบานว่าจะต้องคืนพวกคุณแน่นอน! 

ชายอ่อนวัยผู้นั้นขอร้องอ้อนวอน จากความรู้ในด้านโหงวเฮ้งรวมไปถึงจิตวิทยาแล้ว เขาพอจะตัดสินได้ว่าคนผู้นี้ไม่ได้โกหก

สวี่ฉู่หมิงพยักหน้ารับ เหมือนว่าเขาเองก็ชื่นชมชายผู้นี้เช่นกัน

 พ่อหนุ่มน้อย นายมีความกล้าแบบนี้ แถมยังเป็นนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยกฎหมายที่ดีที่สุดของประเทศเรา สามารถวางศักดิ์ศรีตัวเองลงเพื่อเงินทอง คุกเข่าขอร้องคนได้ ฉันชื่นชมนายนะ! นายอาจจะไม่เท่าไหร่ แค่เงินสินสอดยังหาไม่ได้ แต่ว่านายอาจจะแค่ขาดโอกาสเฉยๆ 

วันนี้ นายโชคดีจะได้เจอฉัน ฉันจะให้โอกาสนาย! เงินแสนนี้ ฉันให้นายยืม ไม่เพียงเท่านั้นฉันจะรับนายมาทำงานที่บริษัท แล้วจะให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว! 

หนุ่มน้อยดีใจอย่างยิ่งด้วยเขาคาดคิดไม่ถึง  จริงเหรอครับ? ขอบคุณครับเถ้าแก่! ขอบคุณครับเถ้าแก่! ดีเหลือเกินในที่สุดผมก็จะได้แต่งงานกับถิงถิงแล้ว 

หนุ่มน้อยเองก็ละทิ้งศักดิ์ศรี แล้วโขกศีรษะลงเพื่อขอบคุณชายสูงวัย

ส่วนสวี่ฉู่หมิงนั้นกลับยืนนิ่งสูบบุรี่ด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ถือแก้วไวน์แล้วกล่าว  ขอแค่ติดตามฉันสวี่ฉู่หมิง ต่อให้เป็นนางฟ้า ฉันก็จะช่วยให้นายได้หล่อนเป็นเมีย! กลับกันถ้าล่วงเกินฉัน ต่อให้เป็นเมียที่นายรักนักหนา ฉันก็มีปัญญาทำให้หล่อนทิ้งนาย! 

สวี่ฉู่หมิงพูดจาวางท่า ในวินาทีนี้เขาเหมือนเฉินว่านเสียนในหนังฮ่องกงเรื่อง ‘เจ้าพ่อตลาดหุ้น’ ที่เย่เฉินเคยดูเป็นเพื่อนคุณย่าของหวังเจียเหยา

หรือไม่ก็ฮั่วจิ่งเหลียงในเรื่อง ‘หักเหลี่ยมโหด โค่นบัลลังก์ธุรกิจ’ ที่เย่เฉินเคยดูเป็นเพื่อนหวังเจียเหยา

ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นตัวร้ายที่เป็นเศรษฐีที่ไม่เห็นหัวใคร!

สวี่ฉู่หมิงมองเฉิงว่านหลี่จากเหนือศีรษะเขาแล้วกล่าว  นายคือเสี่ยวเฉิงใช่ไหม? ฉันจะให้เบอร์โทรศัพท์กับนาย เดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วโมงให้นายโทรหาเขา แล้วเขาจะแอดวีแชทนาย จากนั้นก็จะโอนเงินแสนให้นายและจะช่วยจัดการรับนายไปทำงานในบริษัท 

 ครับ ขอบคุณครับคุณสวี่! ขอบคุณครับคุณสวี่! 

สวี่ฉู่หมิงแจกเบอร์โทรศัพท์ให้เฉิงว่านหลี่ หลังจากเขาจดเบอร์แล้วก็โขกศีรษะรุนแรง แล้วลุกยืนขึ้น

 ขอบคุณคุณสวี่ งั้นผมขอไม่รบกวนเวลารับประทานอาหารของท่านทั้งสองคนแล้วครับ ผมขอตัวก่อน 

เฉิงว่านหลี่จากไปด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นเย่เฉินกลับเรียกเขาไว้  ผมได้บอกให้คุณไปแล้วเหรอ? 

ที่นี่คือเรือสำราญที่เย่เฉินยืมมา ด้วยความสัมพันธ์ของตระกูลเย่และ Gates จะพูดว่าเรือลำนี้เป็นของเย่เฉิน เชื่อว่าตัว Bill Gates เองก็คงจะไม่ติดใจอะไร

เย่เฉินก็คือเจ้าของของเรือลำนี้!

แต่ว่าคนแปลกหน้ามาที่เรือของเขา ตัวเขาเองยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่กลับปล่อยให้สวี่ฉู่หมิงวางก้าม ทำท่าเป็นคนดี แสดงท่าทีว่าตนเองสามารถควบคุมความสุขความทุกข์ของคนอื่น

แล้วก็ไปแบบนี้น่ะเหรอ?

เขาเห็นเย่เฉินเป็นตัวอะไร!

เฉิงว่านหลี่หันหน้ากลับมามองเย่เฉินที่น่าจะอายุพอๆ กับตนเองอย่างงุนงง

เย่เฉินวางท่าทีขึงขัง  นี่คือเรือสำราญของฉัน ฉันได้บอกให้นายไปแล้วหรือไง? 

สวี่ฉู่หมิงขมวดคิ้ว  เด็กนี่มายืมเงิน ยืมเงินแล้วทำไมไม่ปล่อยให้เขาไป หรือว่าจะให้เขากินข้าวด้วย? 

เย่เฉินกล่าว  คุณให้เขายืมเงิน ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย 

สวี่ฉู่หมิงหัวเราะร่วน  ดูแล้วนายอยากจะแย่งฉันเป็นคนดี เงินแสนนี้ นายอยากให้เขายืมเหรอ? 

เย่เฉินกลอกตาใส่สวี่ฉู่หมิง  ใครบอกว่าผมจะให้เขายืมเงิน? 

เย่เฉินเดินไปหาเฉิงว่านหลี่แล้วกล่าว  นายเป็นถึงบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยกฎหมาย เงินเดือนหมื่นหยวนก็ถือว่าเยอะมากแล้วนะ ด้วยความรู้และความกล้าของนาย คงจะมีอนาคตที่สดใส วันนี้นายกลับทำผิดกฎหมายทั้งที่รู้แก่ใจ บุกรุกเรือส่วนตัวของคนอื่นแล้วมาคุกเข่าอ้อนวอน? เพื่อเงินสินสอดแม่งแสนเดียว! นายไม่รู้สึกว่าหนังสือที่ร่ำเรียนมาสิบกว่าปีเสียเปล่าเหรอ! 

เฉิงว่านหลี่ก้มหน้า  ผมมันไร้ประโยชน์จริงๆ กระทั่งเงินสินสอดสอแสนยังไม่มีปัญหาหามา แต่ผมใช้เงินซื้อบ้านไปราคาตั้งหลายล้าน แฟนผมกับผมเราสองคนเป็นคนอวิ๋นโจว คุณก็รู้ว่าบ้านที่อวิ๋นโจวแพงขนาดไหน ผมจนปัญญาแล้วจริงๆ ที่บ้านแฟนผมพูดว่าเงินสินสอดต้องครบสองแสนจะขาดไปสักแดงเดียวก็ไม่ได้ 

เย่เฉินตะโกนกร้าว  นายก็ไม่ต้องให้สินสอดสักแดงเดียว! 

เฉิงว่านหลี่และสวี่ฉู่หมิงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้าง

เย่เฉินกล่าวต่อ  เรื่องเงินสินสอดเป็นสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจที่สุดเลย ขนาด Bill Gates แต่งงานยังไม่เห็นต้องมีสินสอนเลย ภรรยาของเขาก็ไม่ได้ให้สินสอดเขาเหมือนกัน ไม่ว่าประเทศไหนๆ ที่ฉันไปก็ไม่เห็นจะมีของเหลวไหลเลอะเทอะอย่างเงินสินสอดนี่เลย!

นายทำงานยังไม่ถึงสองปีเลย เงินเดือนหมื่นเดียว ไม่กินไม่ดื่มก็ยังแค่สองแสนสี่ นายจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านราคาเป็นล้าน รถราคาเป็นแสน! ถ้านายต้องมีของพวกนี้หล่อนถึงจะยอมแต่งงานกับนาย งั้นนายเคยคิดไม่ว่าหล่อนแต่งงานกับนายหรือแต่งกับเงินและบ้านของนาย! 

 

ฉินหงเหยียนเองก็เคยบอกกับเย่เฉินว่าน้องสาวของหล่อนนั้นเป็นคนร่าเริงกว่าตนเอง

ที่จริงแล้วฉินหงเหยียนเองก็เป็นคนร่าเริงแจ่มใส แต่เพราะที่บ้านเกิดเรื่องกระทันหัน แถมหล่อนยังต้องเลิกเรียนเร็วเพื่อไปทำงาน ได้เพื่อนพ่อเลี้ยงดูอีกทำให้นิสัยค่อยๆ เปลี่ยนไป

แต่ฉินเสี่ยวตัวนั้นต่างออกไป หล่อนยังอายุน้อย และตั้งแต่วินาทีที่ฉินหงเหยียนเลือกจะคบหากับสวี่ฉู่หมิงนั้น ชะตาชีวิตของหล่อนก็กำหนดไว้แล้วว่าเจ้าหล่อนจะได้มีชีวิตที่สะดวกสบาย

ฉินหงเหยียนใช้ร่างกายของตนเองแลกกับกวิถีชีวิตที่หรูหราและไร้ซึ่งความกังวลใดๆ ของน้องสาว

เมื่อไม่มีพ่อแม่ ฉินเสี่ยวตั่วเองก็ค่อนข้างพึ่งพาฉินหงเหยียน สองคนพี่น้องจึงสนิทสนมกันอย่างยิ่ง

ฉินหงเหยียนกล่าวว่า  เสี่ยวตั่ว มีใครพูดกับว่าที่พี่เขยแบบเธอบ้าง? เย่เฉิน คุณอย่าไปสนหล่อนเลย หล่อนก็พูดจาแบบนี้ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ 

เย่เฉินเองย่อมไม่สนใจ ฉินเสี่ยวตั่วยอมล้อเล่นกับตนเองนั่นแปลว่าหล่อนชอบ ‘ว่าที่พี่เขย’ อย่างเขา

ฉินหงเหยียนหันกล้องมาทางตนเองแล้วกล่าว  พวกเรากำลังกินข้าวอยู่ วางสายก่อนแล้วกัน อีกเดี๋ยวไว้พี่โทรหา 

ฉินเสี่ยวตั่วรีบกล่าว  ไม่ล่ะค่ะ ฉันเห็นสถานที่ที่พวกพี่กินข้าวสวยขนาดนี้ใช่บนเรือสำราญหรือเปล่าคะ? พี่อย่าเพิ่งกินข้าวสิ ช่วยพาเดินวนๆ รอบเรือหน่อยให้ฉันดูวิวเรือสำราญหน่อยสิ 

 เอ่อ… 

ฉินหงเหยียนมีท่าทีลำบากใจ หล่อนรู้ว่าน้องสาวชอบของหรูหราพวกนี้ ตัวหล่อนเองย่อมอยากให้น้องสาวได้เห็นว่าเรือสำราญที่หรูหราที่สุดในโลกนี้หน้าตาเป็นอย่างไร

แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าหล่อนไปแล้วปล่อยให้เย่เฉินอยู่คุยกับสวี่ฉู่หมิงตามลำพังล่ะก็

แฟนเก่าแฟนใหม่คู่นี้คงจะไม่ทะเลาะกันใช่ไหม?

เย่เฉินมองความลำบากใจของแฟนสาวออกจึงกล่าว  คุณพาน้องสาวคุณไปเที่ยวเรือเถอะ เดี๋ยวผมคุยกับคุณสวี่รอไม่เป็นไรหรอก 

ใบหน้าสวี่ฉู่หมิงเองก็แต่งแต้มรอยยิ้มเช่นกัน เมื่อรู้สึกได้ว่าโอกาสมาถึงแล้วก็กล่าว  นั่นสิ เรือสำราญของ Bill Gates สวยขนาดนี้ หล่อนต้องชอบแน่ 

เพราะว่าฉินหงเหยียนเองก็เพิ่งจะขึ้นเรือ ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรือนัก เย่เฉินจึงเรียกพนักงานให้ไปตามไกด์มานำฉินหเหยียนลงไปชมโรงหนัง 4D ที่ชั้นหนึ่ง

หลังจากฉินหงเหยียนเดินไปแล้ว ที่นี่จึงเหลือแค่เย่เฉินและสวี่ฉู่หมิง ระหว่างชายหนุ่มสองคนก็ไม่จำเป็นต้องสงวนท่าทีอะไรอีก สามารถพูดตรงๆ ได้ตามใจคิด

สวี่ฉู่หมิงไม่รีบร้อน เขาดื่มไวน์เข้าไปก่อน แล้วรับลมเย็นๆ ขณะมองวิวตลอดสองข้างทางของแม่น้ำหวงผู้ ก็กล่าว

 มีเงินนี่ดีนะ สามารถทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำได้ตลอดเวลา ได้ไปในสถานที่ที่ตัวเองต้องการจะไป น้องเย่เฉิน ที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้มีอคติอะไรกับนายหรอกนะ นายอย่าเข้าใจผิดล่ะ เดิมทีฉันมีโอกาสจะมีลูกชายสักคน ถ้าหากว่าเขาคลอดมาก็คาดว่าคงจะโตพอๆ กับนาย 

ฉันรู้ว่านายมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี และเป็นลูกเศรษฐีด้วยซ้ำไป ทว่าคนเราต้องมองไปข้างหน้า ไม่สามารถยึดติดอยู่กับอดีต ตอนนี้นายมาส่งพัสดุ ก็เหมือนทำลายตัวเองไปเสียเปล่าๆ! เอาแบบนี้แล้วกัน ในเมื่อนายไม่อยากเรียนต่อก็มาทำงานที่บริษัทฉันสิ ฉันจะจัดแจงงานจัดการในระดับกลางๆ ให้นายเอง เงินเดือนสักห้าแสน! ก็ถือว่าเป็นสวัสดิการที่ดีไม่เลวเลย นายคิดว่ายังไง?

สวี่ฉู่หมิงเองก็ไม่รู้ว่าเย่เฉินไปเอาเรือลำนี้มาได้ยังไง แต่เดาจากท่าทางของฉินหงเหยียนก็พอจะมองออกว่าเย่เฉินตอนนี้คงจะไม่ค่อยมีเงินนัก

ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนรู้ว่าเย่ฉินมีเงินล่ะก็ จะต้องบอกเขาแล้วเพื่อให้เขาหยุดความคิดเหลวไหลที่อยากแต่งงานกับหล่อน

เย่เฉินยิ้มเรียบๆ  เงินเดือนห้าแสนหรอ? ฮ่าๆ ขอบใจนะ ผมมันคนรักสบายน่ะ เหมาะกับเกาะผู้หญิงกินมากกว่า 

โครม!

สวี่ฉู่หมิงหัวเสีย ตบโต๊ะอย่างหัวเสีย

ถ้าหากว่าเย่เฉินเป็นผู้ชายที่เจียมตัว แล้วเห็นเงินและศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่สำคัญมากล่ะก็ คงจะโดนสวี่ฉู่หมิงฉีกหน้าจนร้องไห้ไปแล้ว

แต่เย่เฉินต่างออกไป ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร เย่เฉินก็ไม่สนใจแถมยังพูดว่าการรักสบายเกาะผู้หญิงกินเป็นเรื่องที่มีเกียรติเสียอย่างนั้น

สวี่ฉู่หมิงหัวเสีย  เย่เฉิน! ในฐานะที่นายเป็นผู้ชาย เกาะผู้หญิงกิน นายไม่คิดว่ามันหน้าอายหรือไง ฉันไม่มีทางปล่อยให้ฉินหงเหยียนแต่งงานกับผู้ชายที่ไร้ความสามารถแบบนาย! 

เย่เฉินหัวเสีย เขาไม่ถูกชะตาสวี่ฉู่หมิงตั้งนานแล้ว!

เย่เฉินตบโต๊ะ  ฉินหงเหยียนอยากจะแต่งงานกับใครก็ได้ คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งด้วย! 

สวี่ฉู่หมิงกล่าว  หล่อนมีวันนี้ได้ เพราะได้ฉันคอยเลี้ยง! ฉันเป็นเพื่อนรักกับพ่อหล่อน ก่อนพ่อหล่อนจะตาย ฝากให้ฉันดูแลหล่อน ฉันย่อมมีสิทธิ์ยุ่งเรื่องของหล่อนอยู่แล้ว! 

เย่เฉินหัวเสีย เขาพ่นคำหยาบออกมาทันที  แม่งเอ๊ย คุณมันเดียรัจฉาน ยังมีหน้ามาพูดถึงพ่อหล่อนอีก! ก่อนที่พ่อของหล่อนจะจากไปฝากให้คุณดูแลหล่อน แต่คุณดันลากลูกสาวของเขาขึ้นเตียงเนี่ยนะ! คุณไม่รู้สึกผิดกับคำว่าเพื่อนหรือไง? คุณเห็นแก่มิตรภาพบ้างหรือเปล่า! 

เย่เฉินเส้นสติขาดผึง เดิมทีเขาไม่คิดจะมีเรื่องกับสวี่ฉู่หมิงให้มันใหญ่โตอะไร อย่างไรเสียก็เชิญเขามาร่วมรับประทานอาหาร ใช้คำพูดเห็บแหนมโต้ตอบกันไปมาก็น่าจะเพียงพอแล้ว

แต่สวี่ฉู่หมิงดันพูดถึงพ่อของฉินหงเหยียน แถมยังอ้างความเป็นผู้ใหญ่มาเป็นห่วงเป็นใยหล่อน นี่ทำให้เย่เฉินขยะแขยงจนจะอ้วก!

สวี่ฉู่หมิงมีเงินแบบนี้เขาจะเลี้ยงใครไม่ว่า แต่ดันมาเลี้ยงลูกสาวเพื่อนสนิท?

ฉินหงเหยียนสวยมากก็จริง แต่ไม่ถึงกับงามล่มเมือง หรือสวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง

ถูกเย่เฉินด่าทำให้สวี่ฉู่หมิงเสียหน้าอย่างมาก

ในความเป็นจริงเขาเองก็รู้สึกผิดกับบิดของหญิงสาวไม่น้อย นั่นเพราะตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่เคยช่วยตนเองเอาไว้มาก ต่อให้ฉินหงเหยียนไม่เป็นผู้หญิงของเขา เขาเองก็ควรต้องช่วยครอบครัวนี้

ผู้ชายสองคนต่างก็ยืนมองฝ่ายตรงข้าม

แก้วไวน์และอาหารบนโต๊ะ หกลงบนพื้นไปไม่น้อย เพราะคนทั้งสองตบโต๊ะใส่กัน

สวี่ฉู่หมิงมองเย่เฉินที่อ่อนวัยกว่า เขาริษยา ริษยาในความอ่อนเยาว์ของอีกฝ่าย ริษยาท่าทางองอาจที่เย่เฉินทำเมื่อบอกว่าตัวเองรักสบายและชอบเกาะผู้หญิงกิน

เขาทำไม่ได้ เขาทำได้เพียงใช้เงินเอาชนะใจสาวๆ

แถมตอนที่ทั้งสองคนจ้องตากันนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าที่เดินมาอย่างร้อนรน

เย่เฉินรู้สึกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ ถ้าเป็นลูกเรือไม่มีทางรีบเดินแบบนี้ อีกทั้งเสียงฝีเท้านี้ ฟังออกว่าเป็นเสียงของเท้าเปลือยเปล่า ไม่ได้ใส่รองเท้า

 มีคนมา 

จู่ๆ เย่เฉินก็โพล่งออกมา

 อะไรนะ?  ทันใดนั้นเองเสวี่ฉู่หมิงก็ผุดลุกขึ้นและก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัว

ชีวิตของเขามีมูลค่ามากนัก คนเรายิ่งมีเงินเท่าไหร่ก็กลัวตายมากเท่านั้น

และเป็นอย่างที่คิด ไม่ถึงสิบวินาทีก็มีชายชาวจีนแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นที่ชั้นหนึ่ง ร่างกายเขาเปียกซ่กแล้วเดินมาหาพวกเขาด้วยเท้าเปลือยเปล่า

แต่เย่เฉินนั้นเตรียมตัวพร้อมแล้ว!

แต่ใครจะรู้ว่าชายอ่อนวัยคนนั้น เมื่อเห็นเย่เฉินแล้วก็คุกเข่าลงพื้นทันที

เย่เฉินประหลาดใจ

ชายอายุน้อยไม่เพียงแต่คุกเข่าลงต่อหน้าเขา แต่ก็โขกศีรษะให้สวี่ฉู่หมิง

 ลูกพี่ครับ คุณลุงครับ ผมขอร้องล่ะครับ ช่วยให้เงินผมหน่อย ผมอยากได้เงินแค่แสนเดียว ผมรับรองว่าจะคืนให้พวกคุณแน่ๆ! 

ในตอนที่ชายสองคนไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลูกเรือเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติครั้งนี้ ชายผู้นั้นจึงรีบเดินมา

 ขอโทษด้วยนะครับ คุณเย่ คนผู้นี้กระโดดลงแม่น้ำหวงผู่แล้วปีนขึ้นบนเรือเรา รบกวนพวกคุณเข้าแล้ว เดี๋ยวเราจะโยนเขาลงน้ำคืนที่เดิม 

ลูกเรือร่างกายกำยำชาวตะวันตกก็ยกชายยคนนั้นทันที

 เดี๋ยวก่อน  สวี่ฉู่หมิงกลับเรียกลูกเรือคนนั้นเอาไว้

……………..

นิยายเรื่องนี้เข้าร่วมโปรโมชั่น

อัปเพิ่มต่อ +1

เพิ่มตอนจากปกติ เวลา 16.00 น. ตลอดช่วงแคมเปญ

18-31 ก.ค. 65 เท่านั้น!

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

Ink Stone

 

สีหน้าหลิ่วอวี่เจ๋อฉายแววเหยียดหยาม  หล่อกะผีสิ แก่หงำเหงือกขนาดนี้แล้ว ต่อให้ตอนหนุ่มๆ ก็คงเรียกหล่อไม่ได้หรอก! 

เดิมทีหน้าตาสวี่ฉู่หมิงก็ธรรมดาๆ ไม่เรียกอัปลักษณ์ก็นับว่าไว้หน้าเขาแล้ว

ตัวสวี่ฉู่หมิงเองก็คงจะอธิบายไม่ได้ว่าทำไมหวังเจียเหยาถึงได้ชมว่าเขาหล่อเหลา

หวังเจียเหยาเหน็บหลิ่วอวี่เจ๋อ  นายจะไปเข้าใจอะไร ผู้ชายจะหล่อหรือเปล่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน้าตาเท่านั้นเข้าใจไหมเนี่ย? นายลองดูบุคลิกของคุณอาสวี่สิ ท่าทางเด็ดขาดบนโต๊ะอาหารมีเสน่ห์จะตายไป! 

ตอนที่หวังเจียเหยาปรายตามองไปครั้งแรก ก็ไม่ได้รู้สึกว่าสวี่ฉู่หมิงจะมีเสน่ห์ของสุภาพบุรุษอะไร

แต่เมื่อรู้จากปากว่าหลิ่วอวี่เจ๋อว่าชายชราคนนี้คือสวี่ฉู่หมิงแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาในทันทีว่าอีกฝ่ายมีข้อดีมากมาย

นี่ก็คือนิสัยเสียของผู้หญิงในประเทศแห่งนี้ พวกหล่อนมักรู้สึกว่าผู้ชายที่มีเงินพวกนั้นมีเสน่ห์ ต่อให้หน้าตาเฉยๆ หรืออาจจะค่อนไปทางขี้เหร่ด้วยซ้ำไป

เรือสำราญเป็นเรือที่ค่อยๆ ขับเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า แต่ตำแหน่งที่หวังเจียเหยาอยู่นั้นไม่สามารถมองเห็นพวกเย่เฉินได้อีกต่อไป

หวังเจียเหยาวางกล้องส่องทางไกลลงแล้วพึมพำ  เย่เฉินที่น่าสงสาร วันนี้คงถูกสวี่ฉู่หมิงเหยียดหยามจนแทรกแผ่นดินหนีไปแล้ว เขาจะเลิกกับฉินหงเหยียนไหมนะ? ถ้าหากว่าเขาเลิกกับฉินหงเหยียนล่ะก็ ฉันจะไม่ให้เขาออกจากเทียนไห่ หลิ่วอวี่เจ๋อออกข้างนอกทุกเช้า กว่าจะกลับก็ดึกดื่น ถ้าเบื่อๆ จะได้ไปหาเย่เฉินก็ดีเหมือนกัน 

หวังเจียเหยาเริ่มมีความคิดที่จะเอาเย่เฉินเป็นตัวสำรอง

บนเรือสำราญ

พวกเขาสามคนพูดคุยและหัวเราะกันเพื่อจะทำลายความเก้อเขินที่เกิดขึ้นขณะพบหน้ากันครั้งแรก

สวี่ฉู่หมิงหั่นเสต็กเนื้อไป พลางแสร้งถามอย่างไม่ใส่ใจ  เย่เฉิน นายอายุน้อยแบบนี้ ถ้าไม่รู้ยังคิดว่าเป็นแค่นักศึกษาอยู่เลย จริงสิ นายเรียนในประเทศหรือนอกประเทศล่ะ? 

เย่เฉินตอบกลับ  เมืองนอก 

 มหาวิทยาลัยไหนเหรอ? 

 สแตมฟอร์ด 

ที่จริงแล้วมหาวิทยาลัยที่เขาเคยเรียนนั้นมีมากมาย เรียนธุรกิจที่สแตมฟอร์ด เรียนดนตรีที่บรูคลิน เรียนออกแบบที่ ESMOD

ทั้งหมดล้วนแต่เป็นมหาวิทยาลัยแนวหน้าที่สุดของโลก และมีศาสตราจารย์ที่เก่งที่สุดในโลกด้วย

ทว่าคู่สนทนาระหว่างรับประทานอาหารวันนี้นั้นทำธุรกิจ เขาจึงเลือกตอบว่ามหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด

สวี่ฉู่หมิงตกใจ  อ้าว เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยกับลูกสาวฉันเหรอเนี่ย แต่ในเมื่อนานยจบม.ดัง ทำไมถึงเลือกมาส่งพัสดุที่เทียนไห่ได้ล่ะ? ถึงแม้จะในเทียนไห่จะมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังต่างๆ หางานก็ไม่ง่าย แต่สแตมฟอร์ดเนี่ยถือว่ามีจุดแข็งมากอยู่นะ 

เย่เฉินเลือกที่จะตอบตามความจริง  ผมแค่เคยเรียน แต่ไม่ได้มีใบปริญญา 

วิธีการเรียนของเย่เฉินนั้นต่างไปจากนักศึกษาคนอื่น เขาไม่มีเวลาให้ใช้ไปอย่างสิ้นเปลือง

เขาถึงขั้นไม่ต้องทำการลงทะเบียน แต่เข้าเรียนเลย พอเรียนเสร็จแล้วก็เปลี่ยนมหาวิทยาลัยไป

สำหรับคนตระกูลเย่แล้ว ใบปริญญาจากแสตมฟอร์ดเป็นแค่เศษกระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีเกียรติยศอะไรในสายตาพวกเขา

 ไม่มีปริญญาเหรอ? 

ใบหน้าสวี่ฉู่หมิงผุดยิ้มน้อยๆ  งั้นนายควรจะไปเรียนต่อนะ! ยุคแบบนี้ไม่มีใบปริญญายากจะมีอนาคตที่ดี นายก็ยังอายุน้อยอยู่ ไปเรียนปริญญาโทแล้วต่อปริญญาเอก อนาคตจะได้มีชีวิตที่มั่นคง ถ้าเป็นแบบนี้ ฉินหงเหยียนคบหากับนาย หล่อนจะได้สบายใจ 

ฉินหงเหยียนอายุ 30 แล้ว จะให้เย่เฉินไปเรียนต่อที่อเมริกาตอนนี้เนี่ยนะ?

เรียนกว่าจะจบกลับมา ฉินหงเหยียนอายุก็คงจะเกือบ 40 แล้ว!

หญิงสาวจะรอไหวเหรอ?

ผู้หญิงปกติย่อมอาศัยช่วงเวลาที่ยังอายุน้อยไปแต่งงานกับคนอื่นนานแล้ว!

สวี่ฉู่หมิงคนนี้ ดูจากภายนอกเหมือนว่าเขาคิดแทนคนอื่น แต่ที่จริงแล้วกำลังแอบวางกับดักคนอื่น

เย่เฉินกล่าวพลางยิ้ม  ตอนนี้ชีวิตพวกเรามั่นคงดี 

สวี่ฉู่หมิงเองก็ยิ้ม  ตอนนี้มั่นคงดีงั้นเหรอ? นายหาเงินได้แค่เดือนละไม่กี่พันหยวน กระทั่งจะซื้อลิปสติกให้ฉินหงเหยียนยังไม่ได้เลยมั้ง? 

ฉินหงเหยียนเป็นฝ่ายกล่าว  ฉันไม่ต้องการให้เขามาซื้อให้ฉัน 

เย่เฉินมองไปที่สวี่ฉู่หมิง  หงเหยียนซื้อของเองได้ไม่ต้องให้ผมมาเป็นกังวลเรื่องนี้หรอกนะ ชายหญิงเท่าเทียมกัน ใครบอกเหรอว่าต้องเป็นผู้ชายหาเลี้ยงผู้หญิงเท่านั้นน่ะ? 

สวี่ฉู่หมิงยิ้มแล้วส่ายหน้า  คนรุ่นใหม่เนี่ยนะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความคิดของนายจะน่ากลัวได้ขนาดนี้ ไร้ความรับผิดชอบ ตั้งแต่โบราณนานมาฝ่ายชายต้องเป็นคนหาเลี้ยงผู้หญิงสิ นี่เป็นปณิธานของฟ้า

เลี้ยงผู้หญิงไม่ได้ นับเป็นลูกผู้ชายภาษาอะไร! โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสวยๆ อย่างฉินหงเหยียน นายทนให้หล่อนทำงานหนักทุกวัน แล้วหาเงินเลี้ยงนายได้ลงคอเหรอ? 

เย่เฉินจิบไวน์แล้วตอบเขา  จากคำพูดของคุณสวี่ แปลว่าผู้หญิงสวยควรจะถูกเก็บไว้ที่บ้าน ให้แม่บ้านสิบกว่าคนคอยดูแล งอมืองอเท้าไม่ต้องทำอะไรใช่ไหม? คุณรู้สึกว่าหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่จะยอมอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนงั้นเหรอ? 

สวี่ฉู่หมิงตอบเสียงแข็ง  นั่นเพราะฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถน่ะสิ ดังนั้นนายถึงได้ต้องพยายามให้มากกว่านี้ เพื่อให้คู่ควรกับหล่อน แล้วจะได้ทำให้หล่อนมีความสุข! 

ทั้งสองคนยิ่งเถียงกันรุนแรงมากขึ้นไปทุกที ฉินหงเหยียนที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนรน

ตอนที่กำลังจะเปิดปากห้ามพวกเขาสองคนนั้นเอง จู่ๆ มือถือของฉินหงเหยียนก็ดังขึ้น แล้วก็มีสายวีดีโอคอลของวีแชทโทรเข้ามา

ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่วางท่าเย่อหยิ่ง เย็นชา ถึงแม้ว่าเพื่อนในวีแชทจะมีไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยมีใครกล้าวีดีโอคอลหาหล่อนสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้

คนที่สามารถโทรหาหญิงสาวได้แบบนี้นั้นล้วนแต่ต้องเป็นคนที่สนิทชิดเชื้อกับเจ้าหล่อนเป็นอย่างดี

ฉินหงเหยียนปรายตามองโทรศัพท์  เสี่ยวตั่วน่ะ 

คนที่โทรมาคือน้องสาวของฉินหงเหยียน ฉินเสี่ยวตั่ว

ฉินหงเหยียนกดรับสาย เพราะเย่เฉินนั่งอยู่ฝั่งเดียวกับฉินหงเหยียน ดังนั้นเขาถึงได้มองเห็นหน้าจอมือถือของหญิงสาว

แล้วจึงเห็นว่าหน้าจอมือถือของอีกฝ่ายปรากฏเป็นภาพเด็กสาวที่ใบหน้าสะสวยอย่างมากในชุดเครื่องแบบของพนักงานต้อนรับบนสายการบิน

เด็กสาวที่โทรมานั้นดูอายุไม่ต่างจากเย่เฉินมากนัก จากท่าทางน่าจะมีอายุประมาณ 25 ปี หล่อนมวยผมเอาไว้ แล้วบนชุดของเจ้าหล่อนยังมีป้ายชื่อติดอยู่ด้วย

 พี่สาว! 

น้ำเสียงของเด็กสาวฟังดูค่อนข้างน่ารักอย่างยิ่ง

 เสี่ยวตั่ว คิดยังไงโทรหาพี่ล่ะ? เธอกำลังบินอยู่ไม่ใช่เหรอไง? 

 เพิ่งบินกลับมาค่ะ ฉันเห็นโมเม้นท์วีแชทของพี่ สวยจังเลยค่ะ พี่อยู่ไหน? 

 เสี่ยวตั่วเหรอ? 

จู่ๆ สวี่ฉู่หมิงก็เอ่ยปากออกมาอย่างกระทันหัน

ฉินหงเหยียนพยักหน้ารับ แล้วหันวีดีโอไปทางสวี่ฉู่หมิง

 ว้าว คุณอาสวี่ก็อยู่ด้วยเหรอคะเนี่ย! ทำไมถึงอยู่ด้วยกันได้ล่ะคะ! 

พอจะมองออกว่าฉินเสี่ยวตั่วรู้จักกับสวี่ฉู่หมิง อีกทั้งยังเรียกเขาว่าคุณอาอย่างดีอกดีใจ ไม่มีความรู้สึกประดักประเดิดเลยแม้แต่น้อย

นี่เป็นเพราะหญิงสาวไม่ได้รู้เรื่องที่ชายสูงวัยคนนี้เคยเลี้ยงดูพี่สาวหล่อนแม้แต่น้อย

ฉินเสี่ยวตั่วคิดมาตลอดว่าชายสูงวัยผู้นี้ดูแลพี่สาวตนเองเหมือนลูกหลานก็เท่านั้นเอง

สวี่ฉู่หมิงก็ทักทายหญิงสาวสองสามคำ พอมองออกว่าหญิงสาวให้ความเคารพกับชายที่เป็นเพื่อนสนิทบิดาผู้ล่วงลับคนนี้อย่างมาก

ฉินหงเหยียนอธิบาย  แฟนพี่ขอเลี้ยงข้าวคุณอาสวี่น่ะ ดังนั้นพวกเราเลยอยู่ด้วยกัน 

พอปลายสายได้ยินก็โพล่งออกมาอย่างตื่นเต้น  แฟนเหรอ? พี่มีแฟนแล้วเหรอ?! ไหนขอฉันดูแฟนพี่หน่อยสิ เร็วๆ! 

ฉินเสี่ยวตั่วที่อยู่ปลายสายกล่าวด้วยท่าทางดีอกดีใจ

ฉินหงเหยียนจึงต้องจำใจหันมือถือไปทางเย่เฉินอย่างเสียไม่ได้

เย่เฉินเองก็ยื่นมือโบกทักทายฝั่งปลายสาย  ไฮ สวัสดีครับ เสี่ยวตั่ว 

ฉินเสี่ยวตั่วนิ่งไป  ว้าว พี่คะ พี่มีแฟนเป็นเด็กผู้ชายนี่นา! พี่ไม่ได้จ่ายเงินเลี้ยงเขาแน่ๆ ใช่ไหมคะ? ใช้เงินเท่าไหร่? ถ้าพี่ไม่คบเขาแล้วฉันขอต่อได้ไหมคะ? ฉันอยากมีแฟนเป็นเด็กผู้ชายแบบนี้จังเลย! 

เย่เฉิน  … 

 

สวี่ฉู่หมิงไม่ไว้หน้าเย่เฉินแบบนี้ ทำให้ฉินหงเหยียนไม่พอใจมาก

ในความทรงจำของหญิงสาว สวี่ฉู่หมิงไม่ใช่คนที่จะไร้มารยาทขนาดนี้ หรือว่าเย่เฉินทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยขึ้นมาแล้ว?

ฉินหงเหยียนกล่าวว่า  คุณสวี่ แฟนของฉันรู้ว่าคุณช่วยฉัน แล้วก็รู้ด้วยว่าคุณเป็นคนร่ำรวย กลัวว่าจะทำให้คุณเสียหน้า จึงทุ่มเทเช่าเรือสำราญที่แพงที่สุดในโลกแล้วเลี้ยงอาหารคุณเพื่อจะแสดงความขอบคุณ 

 คุณไม่ไว้หน้ากันแบบนี้ เกรงว่าจะทำลายมาดท่านประธานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์กระมังครับ? 

สวี่ฉู่หมิงเองก็มีสีหน้าคล้ำเครียด เขามองเย่เฉิยแล้วกล่าว  เย่เฉินในเมื่อนายเก่งขนาดนี้ ขนาดเรือของ Bill Gates ยังเช่าได้ แล้วทำไมตอนที่ตระกูลหลิ่วหาเรื่องฉินหงเหยียน นายถึงไม่ยอมทำอะไร? นายทนดูฉินหงเหยียนเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าจากการที่ไปสอบสัมภาษณ์ตามบริษัทต่างๆ แล้วล้มเหลวได้ยังไง? นายมันเป็นแฟนประสาอะไร?  

เมื่อได้ยินสวี่ฉู่หมิงกล่าว หญิงสาวก็กล่าวอย่างลำบากใจ  ไม่ใช่แบบที่คุณคิด เย่เฉินเขาไม่ได้ละเลยฉัน… 

ฉินหงเหยียนอยากจะพูดแทนเย่เฉินแต่หญิงสาวรู้ดีว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในคmนนี้นั้นเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น

เขาใช้ประโยชน์จากสถานะของคุณชายของตระกูลเย่

แต่สำหรับตระกูลหลิ่วแล้ว จำเป็นต้องใช้เงินตราจริงๆ เย่เฉินถูกขับออกจากตระกูลแล้วย่อมไม่อาจทำเช่นนั้นได้

ทว่าที่ฉินหงเหยียนไม่รู้ก็คือ เย่เฉินเป็นแบบที่สวี่ฉู่หมิงพูดจริงๆ ทั้งๆ ที่เขาสามารถขัดขวางตระกูลหลิ่วได้ ทั้งๆ ที่เขาสามารถเปิดเผยตัวตนของคุณชายตระกูลเย่ของเขาได้ แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น

เย่เฉินวางแก้วไวน์ลงแล้วกล่าวด้วยเสียงเย็นชา  ดูไปแล้วคุณสวี่เองก็ไม่น่าจะชอบทานข้าวบนเรือเท่าไหร่นะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่บังคับคุณแล้วกัน ผมจะให้พนักงานไปส่งคุณที่ท่าเรือแล้วกัน 

เย่เฉินไม่จำเป็นต้องมาอธิบายเรื่องพวกนี้กับอีกฝ่าย ถ้าคุณเก่งมากก็ลองไปสืบเองสิ

ถ้าไม่มีปัญญาล่ะก็ คุณมันก็แค่เศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองเล็กๆ อย่างเมืองเสินเฉิง มีสิทธิ์อะไรมาแอบถามความลับของผม?

บางทีเศรษฐีแสนล้านในสายตาคนธรรมดาเป็นคนที่พวกเขาต้องนอบน้อม ต่อให้เป็นข้าราชการก็ต้องเคารพพวกเขาอย่างมากทีเดียว

แต่ว่าในสายตาเย่เฉินแล้ว สวี่ฉู่หมิงเป็นแค่แมลงวันที่จะตบให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้

ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะออกปากไล่สวี่ฉู่หมิงอย่างรวดเร็วแบบนี้

สวี่ฉู่หมิงเองกว่าจะเจอแฟนเด็กของฉินหงเหยียนได้ก็ยากเย็น วันนี้ยิ่งปักธงมาในใจว่าจะต้องทำลายศักดิ์ศรีของหมอนี่ให้ได้

ยังไม่ทันได้บรรลุเป้าหมาย จะให้เขาไปแบบนี้ได้ยังไงกัน?

แล้วอีกอย่างทำไมเย่เฉินถึงเช่าเรือลำนี้มาได้ เขาเป็นอะไรกับ Bill Gates กันแน่ สวี่ฉู่หมิงยังอยากจะลองถามเขาอยู่เลย

 ฮ่าๆ 

สวี่ฉู่หมิงจู่ๆ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทั้งที่ก่อนนี้ใบหน้าของเขานิ่งเฉยมาตลอด แล้วหันมากล่าวกับฉินหงเหยียน

 หงเหยียนเอ้ย สมแล้วที่เป็นฉันสอนเธอมากับมือ คิดไม่ถึงเลยว่าเลือกแฟนสักคนก็ยังโดนเด่นกว่าใครๆ มีเอกลักษณ์ดี ฉันชอบ! 

 มาสิ เย่เฉิน ฉันจะดื่มกับนายสักแแก้ว! 

สวี่ฉู่หมิงเป็นฝ่ายชูแก้วกับเย่เฉิน

เย่เฉินไม่พูดอะไรอีก เขายกแก้วไวน์ขึ้น แล้วทั้งสามคนก็ดื่มจนหมดแล้วค่อยๆ เริ่มสนทนากัน

……

ว่ายทาน

เพราะการปรากฏตัวของ Aqua เรือที่หรูหราที่สุดในโลกทำให้คนแห่กันมากันเต็มว่ายทาน!

ชาวเมืองเทียนไห่นั้น ต่างก็มาดูเรือที่เขาว่าหรูหราที่สุดในโลกลำนี้นั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร

ซึ่งหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อก็อยู่ที่นี่ด้วย

หวังเจียเหยาเองก็มาที่ว่ายทานเบียดเสียดผ่านกลุ่มคน เดินไปยังตรงด้านในรั้วกั้น แล้วมองเรือสำราญที่กำลังแล่นอยู่ในแม่น้ำหวงผู่ ด้วยใจที่เต้นระรัว

 สวรรค์ เรือลำนี้จะสวยเกินไปแล้ว แถมยังเป็นสีเขียวที่ฉันชอบด้วย! ถ้าเป็นตอนกลางวันที่มีแสงแดดตกกระทบแล้วแล่นอยู่ในมหาสมุทรล่ะก็ สีเขียวโทนนี้คงสวยแน่ๆ เลยใช่ไหม? 

หวังเจียเหยาค่อนข้างชอบสีเขียว เดิมเย่เฉินเองก็ชอบสีนี้มากเช่นกัน แต่ต่อมาเพราะหวังเจียเหยาทำให้เขาพาลไม่ชอบสีนี้ไปด้วย

และก็ไม่รู้ว่าทำไม Bill Gates ถึงได้เลือกสีนี้

 อวี่เจ๋อ อวี่เจ๋อ รีบเอากล้องส่องทางไกลมาฉันเร็วๆ ฉันอยากจะเห็นว่าใครอยู่ในเรือกันแน่ 

หวังเจียเหยาเองก็รบเร้าสามีไม่หยุด

หลิ่วอวี่เจ๋อเองดึกดื่นค่ำคืนยังสวมแมสและแว่นตา เพราะกลัวแฟนคลับของวังเหม่ยฉีจะจำเขาได้แล้วจะซ้อมเขาอีก

เขาเดินไปด้านข้าง แล้วตบลงบนบ่าของชายที่ถือกล้องส่องทางไกล  น้องชายขอยืมกล้องส่องทางไกลหน่อยสิ? 

ชายผู้นั้นโบกมืออย่างไม่สนใจ  ไม่ล่ะๆ ฉันกำลังดูอยู่ ในเรือนี่หรูหราจริงๆ 

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว  งั้นขอซื้อกล้องส่องทางไกลนายในราคาหนึ่งหมื่น จะขายไหม? 

ชายผู้นั้นรีบวางกล้องส่องทางไกลลงแล้วมองเขา  แน่ใจนะ? หนึ่งหมื่นเหรอ? 

หลิ่วอวี่เจ๋อไม่อยากจะพูดพล่ามมากมาย  เอามือถือออกมาสิ ฉันจะโอนให้นายเลย 

ซื้อกล้องส่องทางไกลนี้ในราคาหนึ่งหมื่น หลิ่วอวี่เจ๋อขาดทุนไปสิบเท่าได้ ดังนั้นอีกฝ่ายย่อมต้องยอมขายให้เขาอยู่แล้ว

เมื่อหลิ่วอวี่เจ๋อได้กล้องมาแล้ว ก็ส่งมันให้ภรรยาสาว

หญิงสาวรับกล้องส่องทางไกลมาอย่างรวดเร็วแล้วส่องไปที่เรือ

 ไม่รู้ว่าคนในเรือจะหน้าตาเป็นยังไง 

หวังเจียเหยาเองก็สนใจของหรูหรามากๆ พวกนี้อยู่แล้ว

แล้วเจ้ากรรม หญิงสาวดันส่องไปที่ตำแหน่งบริเวณที่เย่เฉิน ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงกำลังกินข้าวอยู่พอดี

หญิงสาวก็ตกใจจนพูดไม่ออกทันที!

 นั่น…นั่นมันเย่เฉินกับฉินหงเหยียน! 

หวังเจียเหยาตัวชา ทำไมเย่เฉินกับฉินหงเหยียนถึงไปอยู่บนเรือได้นะ?

ทำไมพวกเขาถึงขึ้นเรือหรูขนาดนี้ได้?

แต่หล่อนกลับทำได้เพียงยืนมองเรือลำนี้ที่ริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่จากไกลๆ

หวังเจียเหยาไม่พอใจมาก หญิงสาวรู้สึกว่าคบกับเย่เฉินไป อนาคตตต้องยิ่งย่ำแย่ไปทุกที ถึงได้เลิกกับเขา

ผลกลายเป็นว่าพอเลิกกันแล้ว เย่เฉินกลับไปขึ้นเรือหรู ส่วนหล่อนเป็นฝ่ายยืนมองจากที่ไกลๆ แทนไปเสียได้

 อะไรนะ? จริงเหรอ? 

เมื่อหลิ่วอวี่เจ๋อได้ยินในสิ่งที่หญิงสาวกล่าว ก็รีบคว้ากล้องส่องทางไกลส่องไปที่เรือทันที

และแล้วเขาก็เห็นเย่เฉินและฉินหงเหยียนจริงๆ แต่ว่าเขาเองก็เห็นสวี่ฉู่หมิงด้วย!

เขาเข้าใจทันที  อ้อ ผมเข้าใจแล้ว เรือลำนี้สวี่ฉู่หมิงน่าจะเป็นคนจัดการ! 

 สวี่ฉู่หมิงเหรอ? คนวัยกลางคนที่กินข้าวอยู่กับสองคนนั้นก็คือสวี่ฉู่หมิง พี่น้องร่วมสาบานของปู่นาย แล้วก็เป็นคนที่เลี้ยงฉินหงเหยียนน่ะเหรอ? 

หวังเจียเหยาเมื่อครู่ก็เห็นสวี่ฉู่หมิง แต่หล่อนไม่รู้จักว่าอีกฝ่ายคือใคร

หลิ่วอวี่เจ๋อพยักหน้า  ใช่ เขานั่นแหละ 

 เรือสำราญลำนี้ของเขาใช่ไหม?  หวังเจียเหยาถามต่อ

หลิ่วอวี่เจ๋อพยักหน้า  ต้องใช่แน่ๆ คุณลืมแล้วเหรอผมเคยบอกคุณไงว่าสวี่ฉู่หมิงอยากจะแต่งงานกับฉินหงเหยียน เขาต้องทำให้ทั้งสองคนนั้นเลิกกันก่อนสิ ดังนั้นถึงได้เป็นฝ่ายเชิญเย่เฉินไปกินข้าว แถมยังจงใจเล่นใหญ่ขนาดนี่ด้วยการเอาเรือที่หรูที่สุดในโลกมาที่เทียนไห่ นั่นเพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพื่อให้เย่เฉินได้เห็นศักยภาพของเขาอย่างไรล่ะ!

ฮ่าๆ ตาแก่นี่ใช้ได้เลยนะ อายุก็ตั้ง 50 แล้วแต่เพื่อเลี้ยงสาวยังเล่นใหญ่ขนาดนี้ ผมว่าเย่เฉินน่าจะอายจนไม่กล้าพูดอะไรแล้วล่ะมั้ง ฮ่าๆ 

หวังเจียเหยารู้ว่าสวี่ฉู่หมิงร่ำรวยและมีอิทธิพล ต่อให้เรือแพงขนาดไหนเขาก็ย่อมมีปัญญาซื้อแน่

ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงคิดว่าข้อสันนิษฐานของสามีถูกต้องแล้ว

หล่อนจึงตบลงบนบ่าสามีเบาๆ  ทำไมเรียกตาแก่อยู่ได้ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เลยนะ ถ้าคุณปู่ได้ยินเข้าจะด่านาย เรียกคุณอาสวี่สิ! 

จากนั้นหวังเจียเหยาก็คว้ากล้องส่องทางไกลขึ้นมา แล้วมองไปที่เรือลำนั้นอีกครั้ง

ครั้งนี้หล่อนไม่สนใจเย่เฉินและฉินหงเหยียนด้วยซ้ำ แต่เอาแต่มองสวีฉู่หมิง

 คุณอาสวี่หล่อจังเลย!  หวังเจียเหยาพึมพำชมเขาอย่างโง่งม

 

สวี่ฉู่หมิงเป็นคนเจนสนาม เขาเคยล้มลุกคลุกคลานมาหลายปีดีดัก การรับมือกับเด็กน้อยอย่างเย่เฉินนั้นง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ!
ที่จริงฉินหงเหยียนไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า ในตอนนั้นหลังจากที่ตนเองไปจากเขาแล้วนั้น ชายสูงวัยก็ไม่ได้เปล่าเปลี่ยวแต่อย่างใด เขากลับเลี้ยงเด็กนักศึกษาสาวหน้าตาสะสวยเอาไว้คนหนึ่ง
ส่วนเด็กนักศึกษาคนนั้นก็มีแฟนแล้ว ดังนั้นสวี่ฉู่หมิงที่เป็นผู้มีประสบการณ์มากกว่า จึงนัดแฟนหนุ่มของเด็กที่เขาเลี้ยงออกมาพบ
พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค ก็ทำให้เด็กหนุ่มที่ฐานะทางบ้านค่อนข้างธรรมดาคนนั้นเป็นฝ่ายขอเลิกรากับหญิงสาวคนนั้นเอง
ดังนั้นในสายตาของสวี่ฉู่หมิงแล้ว เย่เฉินก็เป็นเหมือนผู้ชายคนนั้น ที่จะโดนเขากดดันจนเริ่มดูถูกตัวเอง
แต่ตอนนี้เหมือนสถานการณ์นั้นจะกลับกัน!
ฉินหงเหยียนนั้นมีความสุขอย่างยิ่ง เขากึ่งเดินกึ่งกระโดดไปที่สระว่ายน้ำแล้วมองไปด้านหน้าอย่างอารมณ์ดี
“ว้าว ดีไซน์ที่นี่สวยมากจริงๆ ถ้าหากว่าอยู่กลางทะเล สีของสระว่ายน้ำกับมหาสมุทรเลย จะต้องสวยสุดๆ แน่เลย!”
“เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว ถ้าหากว่าคุณอยากจะนั่งเรือชมทะเล พวกเราก็นั่งเรือลำนี้ไปที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วพอคืนเรือให้ Gates แล้วเราค่อยนั่งเครื่องบินกลับก็ได้” เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม
ฉินหงเหยียนระบายยิ้มอย่างอารมณ์ดี หญิงสาวถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วเดินขึ้นบันได “เย่เฉินคุณช่วยถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ? ถ่ายแต่ด้านหลังนะคะ”
“ได้สิครับ”
เย่เฉินหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วถ่ายรูปแผ่นหลังของฉินหงเหยียน
เรือนผมยาวสลวยของหญิงสาวสะบัดพลิ้วไปอีกฝั่ง มือสองข้างถือกระโปรงยาว เรือนร่างเย้ายวนอรชร แผ่นหลังที่สะกดตานี้ทำให้ผู้ชายสองคนถึงกับมองอย่างโง่งม!
“หงเหยียน…”
สวี่ฉู่หมิงมองฉินหงเหยียนโพสท่าทางต่างๆ อย่างตกตะลึง แล้วกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้
แล้วเขาก็หวนคิดถึงช่วงเวลาสามปีที่ฉินหงเหยียนยังเป็นผู้หญิงของเขา ในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมานี้หญิงสาวเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่ได้มีกลิ่นอายของความเป็นผู้หญิงขนาดนี้
“ฉันจะต้องแย่งหล่อนกลับมาให้ได้! ฉินหงเหยียนเป็นของฉัน!”
สวี่ฉู่หมิงลอบสาบานในใจ
แต่ในเวลานี้เองไม่ได้มีแค่เย่เฉินและสวี่ฉู่หมิงที่กำลังมองหญิงสาว บรรดานักท่องเที่ยวที่ยืนอยู่ริมสองฝั่งของว่ายทานก็กำลังมองหล่อนอยู่!
มีบางคนถึงขนาดใช้กล้องส่องทางไกล!
“สวรรค์! บนดาดฟ้ามีผู้หญิงคนสวยสุดยอดอยู่ แถมยังมีผู้ชายคนหนึ่งถ่ายรูปให้หล่อนอีก! ด้านหลังยังมีตาแก่คนหนึ่ง เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นพ่อของพี่ผู้หญิง คนบ้านนี้รวยจริงๆ”
“เอากล้องส่องทางไกลมา ขอฉันดูหน่อย!”
ไม่นานนักที่ว่ายทานก็เกิดกระแสฮือฮา
“รีบดูเร็วๆ สามีแห่งชาติมาแล้ว!”
“นั่นมันคุณชายฉินทายาทเศรษฐีของเทียนไห่ไม่ใช่เหรอ? เขาเองก็มาด้วยแฮะ ทำไมคุณชายที่รวยที่สุดในประเทศก็มาด้วยล่ะ!”
“ฮ่าๆ ดูแล้วคุณชายที่รวยที่สุดในประเทศเราไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นพี่ผู้ชายบนเรือต่างหาก! คุณดูสายตาของพวกเขาสิ กระทั่งพวกเขาก็ยังต้องถ่ายรูปอย่างอิจฉาริษยา!”
จู่ๆ ก็มีเรือสำราญมูลค่า 4,500 ล้านมาโผล่ขึ้นมาที่เทียนไห่ ล่อลวงทายาทเศรษฐีทั้งชายหญิงจำนวนไม่น้อยให้มาที่นี่
ในตอนนี้หวังเจียเหยาที่กำลังอยู่ที่วิลล่าเฝยชุ่ย ก็เห็นเรือสำราญลำนี้ในโมเม้นท์วีแชท
“ว้าว อวี่เจ๋อ รีบมาดูเร็วๆ ที่แม่น้ำหวงผู่มีเรือสำราญที่แพงที่สุดในโลกที่มีมูลค่า 4,500 ล้าน! สวยจริงๆ เลย นายรีบพาฉันไปดูเลยเร็วๆ”
หวังเจียเหยาเป็นผู้หญิงที่บ้าสิ่งของนอกกาย เรือสำราญที่หรูหราเป็นเบอร์หนึ่งของโลก หล่อนอยู่บ้านก็ว่างๆ ไม่ได้ทำอะไรย่อมอยากไปเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เองกับตา
“จริงหรอ?” หลิ่วอวี่เจ๋อเหลือบตามองแล้วเกิดสนใจขึ้นมาเช่นกัน “นี่มันเรือสำราญของเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกใช่ไหม? หรือว่า Bill Gates เขามาที่เทียนไห่?”
หวังเจียเหยาถาม “อวี่เจ๋อ ตระกูลหลิ่วของนายรู้จักกับ Bill Gates เหรอ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะเขินๆ “พวกเราจะไปมีโอกาสรู้จักกับเขาได้ยังไง…”
หวังเจียเหยาผิดหวังน้อยๆ แต่อย่างว่าอีกฝ่ายเป็นถึงคนที่รวยที่สุดในโลก ตระกูลหลิ่วเองไม่ใช่คนร่ำรวยสิบลำดับแรกของประเทศนี้เสียด้วยซ้ำไป ไม่รู้จักก็ไม่แปลก
“รีบพาฉันไปดูหน่อยสิ ฉันอยากจะเปิดหูเปิดตาบ้างจัง”
หลิ่วอวี่เจ๋อพยักหน้ารับ “ครับ เดี๋ยวผมโทรหาบอดี้การ์ดให้เขามารับพวกเรา”
หวังเจียเหยาหัวเสีย “จะเรียกบอดี้การ์ดทำไมกัน ไปแค่ว่ายทานเท่านั้นเอง แม่ดาราที่นายเลี้ยงไม่ได้มีติ่งเยอะแยะนักหรอก นายสบายใจได้”
ก่อนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อโดนติ่งของวังเหม่ยฉีแทงใส่ในงานแต่งของตนเอง ตอนนี้เวลาจะออกบ้านเขาต้องมีบอดี้การ์ดติดตามไปด้วยเท่านั้นเขาถึงจะกล้าออกบ้าน เขากลัวถึงขนาดเก็บเอาไปฝันด้วยซ้ำไปว่าโดนลอบฆ่า
การล้างแค้นของเย่เฉินนั้นทำให้ช่วงนี้เขาลำบากทีเดียว
“ก็ได้” หลิ่วอวี่เจ๋อทำอะไรไม่ได้ เขาทำได้เพียงขับรถพาภรรยาไปด้วยมือที่ยังบาดเจ็บอยู่ของตนเอง
……
ณ แม่น้ำหวงผู่ บนเรือ Aqua
สวี่ฉู่หมิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลาหลายที ก่อนจะโพล่งออกมา “พวกเราจะกินข้าวกันหรือเปล่า? ถ้าพวกเธอสองคนชอบถ่ายรูปกันขนาดนี้ ไม่งั้นไว้ค่อยนัดกันกินข้าววันอื่นก็ได้นะ!”
ฉินหงเหยียนรีบร้อนสวมรองเท้าแล้วกล่าว “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันเห็นว่าที่นี่สวยมากจริงๆ ก็เลยเผลอถ่ายรูปเยอะไปหน่อย พวกเราไปกินข้าวกันดีไหม?”
ฉินหงเหยียนหันมองแฟนหนุ่ม
เขาพยักหน้าแล้วเดินนำคนที่เหลือลงไปยังร้านอาหารในชั้นใต้ดิน
ร้านอาหารที่นี่เองก็ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการ พวกเขายังคงมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามริมสองฝั่งข้างทางของแม่น้ำหวงผู่ผ่านกระจกได้เช่นเดิม
เพิ่งจะทรุดตัวนั่งลงก็มีพนักงานชาวตะวันตกถือเมนูเดินมาแล้วใช้ภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันถามพวกเขาว่า “คุณผู้ชาย คุณสุภาพสตรี จะรับอะไรดีครับ?”
เดิมทีภาษาอังกฤษของสวี่ฉู่หมิงก็ไม่ได้ดีนัก ด้วยคนในยุคเขาไม่ได้มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ ดังนั้นภาษาอังกฤษจึงเข้าขั้นย่ำแย่
ทว่าหลังจากมีเงินแล้วนั้น เขาก็เชิญอาจารย์มาสอน แล้วหลายปีมานี้ก็มักไปต่างประเทศ และไปออกงานที่ต่างประเทศอยู่บ่อยๆ
ดังนั้นภาษาอังกฤษของเขา จึงถือว่าพอฟังออก อย่างน้อยๆ จะสั่งอาหารก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
สวี่ฉู่หมิงไม่ได้สั่งอาหารอะไรแต่กลับใช้ภาษาอังกฤษถามพนักงานว่า “ พวกคุณคือพนักงานที่ Bill Gates จ้างใช่ไหม?”
พนักงานชาวต่างชาติพยักหน้าน้อยๆแล้วกล่าว “ ใช่ครับพวกเรามาจากอเมริกาพร้อมคุณ Bill Gates พนักงานในเรือลำนี้ล้วนแต่เป็นคนอเมริกัน”
สวี่ฉู่หมิงถามต่อ “ แล้ว Bill Gates ไม่ได้มาด้วยกันหรอ? ทำไมเขาถึงเอาเรือมาไว้ที่เทียนไห่ล่ะ”
พอจะฟังออกว่าชายสูงวัยอยากจะรู้ว่าเย่เฉิน ได้เรือลำนี้มาได้อย่างไรโดยหลอกถามผ่านทางพนักงานชาวตะวันตกผู้นี้
บางทีอันที่จริงแล้ว Bill Gates มีแผนจะขับเรือมาไว้ที่นี่อยู่แล้วแต่ว่าเย่เฉินก็แค่ติดสินบนพนักงานบนเรือก็เท่านั้น
ไม่อย่างนั้นแค่พนักงานส่งพัสดุทำงานไปตลอดชีวิตก็ไม่มีทางจะเช่าเรือ Aqua ได้แม้แต่คืนเดียวได้ด้วยซ้ำ
พนักงานชาวตะวันตกตอบว่า “ คุณ Bill Gates และลูกสาวอยู่ที่โตเกียวเขาเกรงว่าจะรบกวนการสังสรรค์ของคุณเย่เฉินและเพื่อนดังนั้นจึงไม่ได้อยู่บนเรือด้วยครับ“
พูดจบพนักงานชาวตะวันตกก็หันหน้าไปมองเย่เฉิน “ แต่ว่าคุณ Bill Gates ให้ผมแจ้งกับคุณว่าเขาอยากจะพบคุณมากเลยนะครับลูกสาวของเขาก็เช่นกัน“
เมื่อชายสูงวัยได้ยินก็ตกใจไม่น้อย
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่ มีหน้ามีตาไม่น้อยเลยแฮะ?”
ใจเขาลนลาน เหมือนขึ้นเรือนโจรสลัดรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งตอนสั่งอาหารก็สั่งส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง
ผ่านไปครู่ใหญ่จนพนักงานรินไวน์ให้แล้วเขาหมุนไวน์เพื่อให้ได้อากาศแล้ว เย่เฉินก็ยกแก้วไวน์ขึ้น แล้วมองอีกฝ่าย
“คุณสวี่ ขอบคุณนะครับที่คุณช่วยคุยกับตระกูลหลิ่วให้ผมกับฉินหงเหยียน ผมขอดื่มให้คุณครับ”
ทว่าสวี่ฉู่หมิงกลับมีสีหน้าไม่ดีนัก เขาไม่ยกแก้วไวน์ขึ้นมาด้วยซ้ำ!
แล้วทันใดนั้นเองจู่ๆ ก็มีเรือสำราญสีเขียวสุดหรูหราปรากฏขึ้นในแม่น้ำหวงผู่!
เรือนั่นสูงประมาณ 110 เมตร ดีไซน์ของตัวเรือนั้นค่อนข้างดูทันสมัยอย่างมาก ได้เปลี่ยนแปลงความรู้ความเข้าใจทั้งหมดที่คนมีกับเรือสำราญและเรือท่องเที่ยวได้อย่างสิ้นเชิง!
ก็เหมือนกับที่สังคมในอดีตเคยเห็นแต่รถไถ แต่จู่ๆ ดันมีรถ Ferrari ปรากฏขึ้นอย่างไรอย่างนั้น!
เหล่านักท่องเที่ยวที่อยู่สองฝั่งริมแม่น้ำหวงผู่และว่ายทาน ต่างก็ตกตะลึง!
“สวรรค์! นั่นมันอะไรกัน! เป็นเรือจากต่างดาวเหรอเนี่ย? UFO เหรอ? นี่มันเหมือนในหนังไซไฟเลย เหลือเชื่อจริงๆ!”
“เป็นภาพจินตนาการหรือเปล่า! โกหกกันหรือเปล่าเนี่ย! เรือสำราญไม่มีทางมีสภาพเป็นแบบนี้!”
“อ้อสวรรค์! ถ้าฉันทายไม่ผิดล่ะก็ นี่น่าจะเป็นเรือชื่อ Aqua ที่เป็นเรือที่ใช้ไฮโดรเจนในการขับเคลื่อนใช่ไหมน่ะ!”
“Aqua หรอ? อ้อฉันรู้แล้ว นี่เป็นเรือสำราญของ Bill Gates เศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก! ได้ยินมาว่าเขาซื้อในมูลค่า 4,500 ล้าน! ชักจะรวยเกินไปแล้วมั้ง!”
“แม่งเอ้ย ไหนบอกว่าเรือสำราญลำนี้เพิ่งจะใช้ได้เมื่อ 2 ปีก่อนไม่ใช่เหรอ? นี่ออกมาแล่นแล้วหรอ? คนที่เหมาทั้งแม่น้ำหวงผู่คงจะไม่ใช่ Bill Gates นะ? เจ๋งสุดๆ หลงแล้วเนี่ย!”
นักท่องเที่ยวจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถ่ายภาพเรือที่แสนหรูหราลำนี้ และแชร์ในโลกโซเชียลทั้ง โมเม้นท์วีแชท และคลิปในแพลตฟอร์มต่างๆ
แต่ในเวลานี้ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำนั้น ต่างก็ยืนมองเรือที่หรูหราที่กำลังลอยอยู่เหนือน้ำไกลๆ แล้วอ้าปากค้าง
“เย่เฉินเรือลำนั้นคือ…”
ฉินหงเหยียนชี้ไปที่เรือที่แล่นอยู่ไกลๆ แล้วหันมองเย่เฉิน ในวินาทีนี้เองลมหายใจของเจ้าหล่อนก็เหมือนจะหอบถี่กระชั้น
เย่เฉินยิ้มเรียบๆ แล้วกล่าว “อืม นั่นคือเรือสำราญที่ผมเตรียมเอาไว้เองล่ะ”
“เป็นไปไม่ได้!” สวี่ฉู่หมิโพล่งออกมาอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจใดๆ
เขาโทรหาลูกพี่ใหญ่ในเทียนไห่ คนผู้นั้นบอกเขาเองว่าคืนนี้แม่น้ำหวงผู่มีผู้มีอิทธิพลเหมาทั้งแม่น้ำไปแล้ว
คนผู้นี้ไม่มีทางใช่เย่เฉินที่เป็นคนส่งพัสดุแน่!
ฉินหงเหยียนแย้ง “แฟนของฉันไม่เคยคุยโม้ค่ะ! เย่เฉินฉันเชื่อคุณ!”
ในวินาทีนี้ฉินหงเหยียนเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมเย่เฉินถึงเอาแต่บอกให้หล่อนรออยู่ที่นี่
อีกทั้งฉินหงเหยียนเองก็รู้ว่าเย่เฉินใช้สถานะคนตระกูลเย่ ทำทั้งหมดนี้!
สีหน้าสวี่ฉู่หมิงไม่สู้ดีนัก หรือว่าเย่เฉินคนนี้ไม่ได้โกหกจริงๆนะ?
หรือว่าเจ้าเด็กนี่มันเป็นคนใหญ่คนโตแต่แกล้งคลุมหนังลูกแกะเอาไว้เหรอ?
เดิมทีเขายังอยากจะขับเรือสำราญมูลค่าห้าแสนของตนเองมา เพื่อเหยียบหน้าหมอนี่ ให้เขาได้รู้ตัวแล้วรีบๆ ไปจากฉินหงเหยียน
คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะเตรียมเรือมูลค่า 5,000 กว่าล้านเอาไว้!
นี่มันเรื่องแม่งใหญ่เกินไปแล้ว!
ทั้งสามคนจดจ่ออยู่กับเรือสำราญคันใหญ่นั้น แล้วทันใดนั้นเองสวี่ฉู่หมิงก็พบว่าเรือหยุดลง
สวี่ฉู่หมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องเย่เฉิน นายบอกว่าเรือสำราญลำนั้นนายเป็นคนเตรียมเอาไว้ไม่ใช่เหรอ? งั้นพวกเขาก็น่าจะต้องรู้สิว่านายรอที่ไหน ทำไมถึงหยุดตรงนั้นล่ะ ไม่ขับมาหาพวกเราเหรอ?”
ฉินหงเหยียนเองก็แปลกใจเช่นกัน จุดที่พวกเขายืนรออยู่นั้นอยู่ห่างจากตำแหน่งจอดเรือเอาการ ถ้าหากว่าพวกเขาเดินไปล่ะไม่รู้ว่าต้องเดินไปอีกไกลขนาดไหน
ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินแล้วกล่าว “จะโทรหาพนักงานในเรือให้พวกเขาขับมารับพวกเราดีไหมคะ?”
เย่เฉินส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก”
จากนั้นเย่เฉินก็มองสวี่ฉู่หมิงแล้วกล่าว “คุณสวี่ พวกเราคุยกันว่าตอนสองทุ่ม คุณสบายใจเถอะ ตอนสองทุ่ม พวกเราจะไปถึงเรือลำนั้นแน่ ผมรับรองเลยว่าจะไม่ทำให้เวลาอันมีค่าของคุณต้องเสียเปล่าแน่”
“ชิ” สวี่ฉู่หมิงแค่นเสียง เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเย่เฉินจะไปให้ตรงเวลาได้อย่างไร!
แล้วเขาก็ก้มหน้ามองนาฬิกา ขณะนี้เวลา 19:52 น. แล้ว
และใน 5 นาทีต่อมา เย่เฉินก็ยังคงไม่ทำอะไร
แต่คนที่มารวมตัวกันริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่นั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ถ่ายรูปกับเรือหรูหราที่จอดนิ่งอยู่ลำนี้ ถึงขนาดที่มีคนตะโกนชื่อของ Bill Gates ด้วยซ้ำไป
ตอน 19:58 น. ฉินหงเหยียนก็เริ่มร้อนใจ หญิงสาวเขย่ามือแฟนหนุ่ม “เย่เฉิน”
เหลือเวลาอีกแค่ 2 นาทีเท่านั้น ด้วยระยะทางระหว่างพวกเขากับเรือลำนั้นไม่มีทางไปถึงเรือในระยะเวลาเพียง 2 นาทีแน่ๆ
สวี่ฉู่หมิงชี้นาฬิกาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จะสองทุ่มแล้ว ถ้าหากว่ามีคนทำตามสัญญาไม่ได้ล่ะก็ ฉันว่าอาหารเย็นวันนี้คงไม่มีความจำเป็นแล้วล่ะ!”
และในเวลานี้เอง บนเรือที่ลอยนิ่งกลางน้ำก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น!
“เชี่ยเอ้ย! นั่นมันอะไรอ่ะ! เฮลิคอปเตอร์! บนเรือมีฮ. ขับขึ้นมา!”
“นั่นน่าจะเป็นเครื่องบินไฟฟ้าลำแรกของโลก! หรูหราเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าบนเรือจะมีลานจอดฮ.ด้วย!”
“เครื่องบิน! เป็นเครื่องบินที่เท่มากเลย! ด้านบนมีพัดลมหกอัน!”
“ลูกเอ้ยนั่นชื่อเรียกใบพัด! รีบยิ้มเร็วเดี๋ยวแม่จะถ่ายรูปคู่กับเครื่องบินให้!”
ทุกคนต่างก็กำลังตื่นเต้นอยู่กับการเทคออฟของเฮลิคอปเตอร์ แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเครื่องบินลำนี้จะบินไปที่ไหน!
ถูกต้องเฮลิคอปเตอร์ลำนี้กำลังขับมารับพวกเย่เฉิน!
ฟิ้ว…ฟิ้ว…
ลมรุนแรงกรรโชกลอยมา พัดจนกระโปรงสีแดงของฉินหงเหยียนปลิวสะบัดอย่างรุนแรงจนเกือบจะโป๊
ส่วนสวี่ฉู่หมิงเองลืมตาไม่ได้ เขาหลบไปด้านหลัง เขาแก่แล้วจริงๆ
“เฮลิคอปเตอร์มารับพวกเราแล้ว พวกเราขึ้นไปเถอะ”
เย่เฉนพูดจบก็จูงมือแฟนสาว ขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์
“นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปขึ้นเรือเหรอ?”
สวี่ฉู่หมิงชะงักไป เขากำลังตกตะลึงกับการรับรองแขกของเย่เฉินอยู่ พร้อมกันนั้นเขาเองก็มีความกังวลใจอยู่
เพราะว่าฮ.ไม่ได้แตะพื้น ดังนั้นจึงต้องออกแรงเล็กน้อยถึงจะขึ้นฮ.ได้
เย่เฉินและฉินหงเหยียนต่างก็ยังเป็นคนอายุน้อย และยังออกกำลังกาย พวกเขาจึงขึ้นฮ.ได้อย่างง่ายดาย
ส่วนสวี่ฉู่หมิงเป็นชายสูงวัยอายุ 50 ปีแล้ว
“คุณสวี่ จะให้ดึงคุณขึ้นมาไหมครับ?”
ตอนที่สวี่ฉู่หมิงโหนขึ้นเฮลิคอปเตอร์นั้นเห็นได้ชัดว่ามรสภาพน่าอเนจอนาถอย่างยิ่ง
นี่ก็เป็นสิ่งที่เย่เฉินวางแผนเอาไว้ เขาเองก็อยากจะใช้สิ่งนี้มาแสดงให้เห็นว่าข้อดีของเขาที่อีกฝ่ายไม่มี
อายุน้อยอย่างไรล่ะ!
คุณมีเงินแล้วยังไง?
มีหลายเรื่องที่คุณทำไม่ไหว!
หลังจากที่สวี่ฉู่หมิงปีนขึ้นมาอย่างทุลักทุเลแล้ว ก็ปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา
เวลาสองทุ่ม เฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอดบนลานจอดฮ.ตรงเวลาพอดี
ทั้งสามคนเดินออกมาจากเฮลิคอปเตอร์แล้วมองเรือสำราญที่หรูหราตรงหน้า
เย่เฉินมองสวี่ฉู่หมิงแล้วกล่าว “คุณสวี่เป็นยังไงบ้าง ผมเป็นคนรักษาเวลาใช่ไหมล่ะ? ได้ยินหงเหยียนบอกว่าคุณรังเกียจว่าเรือที่ผมจองจะไม่ดี คุณลองไปชมเรือลำนี้หน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าคุณรู้สึกไม่ไหว ไม่คู่ควรกับคนระดับคุณ เราค่อยไปที่อื่นก็ได้!”
ทุกอาณาเขตของเรือลำนี้ที่ลอดเข้ามาในครรลองสายตาแล้วแต่เป็นความหรูหราทั้งสิ้น!
เป็นความหรูหราที่สวี่ฉู่หมิงไม่เคยเห็นมาก่อน!
เขาย่อมไม่รังเกียจแน่!
สวี่ฉู่หมิงมองเย่เฉิน “นายเช่ามาได้ยังไง? เรือลำนี้เหมือนจะเป็นเรือของBill Gates ทั้งโลกมีแค่ลำเดียว!”
หลังจากที่ฉินหงเหยียนได้ยินแล้วก็อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น ที่แท้เรือลำนี้เย่เฉินขอยืมมาจาก Bill Gates นี่เอง
เย่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ “ครับของเขานั่นล่ะ พอดีเขาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นพอดี พวกข้าราชการที่นั่นกำลังรับรองเขาอยู่ที่โตเกียว พวกเขาไม่ได้ใช้เรือในสองสามวันนี้เลยเอาให้ผมยืม”
“นายรู้จัก Bill Gates เหรอ? รู้จักเขาได้ยังไง!” สวี่ฉู่หมิงถามไม่หยุด
ส่วนเย่เฉินเองนั้นไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้ของเขาด้วยซ้ำไป!
ทันใดนั้นเองจู่ๆ ฉินหงเหยียนก็มองไปที่ดาดฟ้าเรือด้านล่างนั้นมีสระน้ำที่ไม่มีขอบสระว่ายน้ำ ส่วนด้านหน้าของสระน้ำนั้นมีบันได คิดไม่ถึงว่าบันไดจะมีน้ำไหล เหมือนน้ำตกน้อยๆ อย่างไรอย่างนั้น
ฉินหงเหยียนจับมือเย่เฉินอย่างตื่นเต้น “เย่เฉินฉันอยากถ่ายรูปที่สระน้ำค่ะ!”
“ได้สิ ผมถ่ายให้คุณเอง”
เย่เฉินกับฉินหงเหยียนจูงมือกันเดินลงไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้สวี่ฉู่หมิงยืนที่ลานจอดฮ.คนเดียว
“นี่ไม่ใช่ภาพที่ฉันคิดไว้!” สวี่ฉู่หมิงหัวเสีย
“ฮัลโหล…”
สวี่ฉู่หมิงกดตัดสายไปแล้ว แต่จากสีหน้าของฉินหงเหยียนนั้นพอจะมองออกได้ว่าผลจากการพูดคุยครั้งนี้ไม่ได้เป็นที่น่าพอใจนัก
สวี่ฉู่หมิงเองก็เป็นถึงเศรษฐีแสนล้าน ฉินหงเหยียนไม่อยากจะให้เขาแสดงอำนาจเงินที่มีต่อหน้าเย่เฉิน
มิฉะนั้นไม่ว่าชายคนใดก็ต้องรู้สึกต่ำต้อยกันทั้งนั้น!
ฉินหงเหยียนเดินไปที่ห้องครัว ขณะที่เย่เฉินกำลังจัดการเอาจานชามที่ใช้แล้วใส่เข้าไปในเครื่องล้างจานพอดี
เย่เฉินหันมองแฟนสาวแล้วถาม “คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอ?”
ฉินหงเหยียนพยักหน้า แต่สีหน้ากลับไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก “เย่เฉิน สวี่ฉู๋หหมิงคนนี้มี้นิสัยไม่ดี เขารังเกียจคิดว่าเรื่อคุณเตรียมมานั้นจะไม่หรูหราพอ ดังนั้นเลยจะขับเรือของตัวเองมา ตอนเย็นเราไปกินข้าวบนเรือเขาได้ไหม? แล้วพวกเราเอาเหล้าแพงๆ ไปแทน”
รังเกียจรังงอนว่าเรือที่เย่เฉินเตรียมมาจะดีไม่พองั้นเหรอ?
กลัวว่าเรือสำราญที่เย่เฉินเตรียมนั้นจะไม่สมฐานะกับเศรษฐีเบอร์หนึ่งของเมืองเสินเฉิงอย่างเขาเหรอ?
“ฮ่าๆ”
เย่เฉินหัวเราะอย่างเหยียดหยาม
สวี่ฉู่หมิงช่างไม่รู้อะไรเสียเลย เขาไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าเย่เฉินเตรียมเรือสำราญระดับไหนเอาไว้ใช้ในคืนนี่ !
เขาอยากจะขับเรือสำราญของตัวเองมาที่แม่น้ำหวงผู่น่ะเหรอ?
ฮ่าๆ เขาจะขับเข้ามาได้หรือไง?
ในคืนนี้เย่เฉินเหมาแม่น้ำหวงผู่เอาไว้หมดแล้ว!
“คุณโกรธหรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นคืนนี้พวกเราไม่ไปกันแล้วก็ได้”
ฉินหงเหยียนเห็นเย่เฉินยิ้มเย็น จึงรู้ว่าเขาย่อมไม่พอใจนักที่สวี่ฉู่หมิงทำแบบนี้
เย่เฉินกล่าว “อ้อผมไม่เป็นไร คืนนี้พอไปถึงที่นั่นเราค่อยว่ากันเถอะนะ เรือสำราญที่ผมเตรียมไว้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรไม่แน่ว่าเขาอาจจะชอบก็ได้”
ที่จริงเย่เฉินตระเตรียมทั้งหมดไว้เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เช้าแล้ว
ทว่าคืนนี้เขาอยากจะเซอร์ไพรส์ฉินหงเหยียน ดังนั้นจึงไม่อยากบอกหญิงสาวก่อน
……
เวลา 5 โมงเย็น ณ ท่าเรือเลขที่ 16 ตรงว่ายทานของเมืองเทียนไห่
ที่เทียนไห่เป็นเมืองลำดับหนึ่งของประเทศเพราะว่า ในทั่วโลกต่างก็ยอมรับว่าที่นี่เทียบเท่าได้กับนิวยอร์ค จำเป็นต้องพูดว่าหนึ่งในจุดแข็งนั้นก็คือวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างมากในตลอดสองข้างฝั่งของแม่น้ำหวงผู่
ดังนั้นได้ล่องเรือชมวิวของแม่น้ำหวงผู่ ชมวิวทิวทัศน์ที่แสนสวยงามและหรูหราตลอดสองข้างฝั่งในยามค่ำคืน ถือเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองเทียนไห่นั้นต้องทำ
ทุกวันตั้งแต่ 5 โมงจึงมีคนมาต่อแถวยาวเป็นหนอนอยู่ที่ท่าเรือเลขที่ 16
แต่วันนี้ถึงแม้ว่าจะมีคนเป็นจำนวนมากแต่กลับไม่มีแถวยาว พวกเขาเบียดเสียดยัดเยียด พูดคุยกันจอแจ
“นี่มันเรื่องอะไร! ทำไมวันนี้ไม่ขายตั๋ว!”
“ฉันจะซื้อตั๋วขึ้นเรือ!”
“กระทั่งเรือยังไม่มี ซื้อตั๋วเรืออะไร!”
คนไม่น้อยเบียดเสียดยัดเยียดด้วยต่างต้องการจะซื้อตั๋วขึ้นเรือ จากนั้นก็ขึ้นเรือชมวิวของแม่น้ำหวงผู่กับเพื่อน คนรัก สมาชิกในครอบครัว
แต่ว่าวันนี้ที่นี่กลับไม่มีตั๋วขึ้นเรือขาย
“ทำไมวันนี้ไม่มีตั๋วขึ้นเรือขายล่ะ? ควรจะต้องมีคำอธิบายอะไรบ้างนะ!”
“ได้ยินมาว่าวันนี้ไม่ว่าเรือลำไหนก็เข้าแม่น้ำไม่ได้ เหมือนว่าจะมีลูกเศรษฐีคนไหนสักคนเหมาไปหมดแล้ว!”
“เชี่ย ใครจะมีเงินเยอะขนาดนี้! เหมาได้ยันแม่น้ำหวงผู่เลย?”
ในทุกค่ำคืนที่นี่จะมีเรือหลายลำแล่นไปมา หนำซ้ำบนเรือยังมีป้ายโฆษณาของสปอนเซอร์ต่างๆ เช่นตงอะไรซักอย่าง อินอะไรต่อมิอะไร ธนาคารนี่นั่นหรือบริษัทประกันเป็นต้น
叶辰为了包下整个黄浦江,不让这些游客打扰叶辰和秦红颜,光是赔偿这些赞助商的广告损失,就赔了好几百万!
เย่เฉินเหมาทั้งแม่น้ำหวงผู่ ไม่ให้พวกนักท่องเที่ยวรบกวนช่วงเวลาของคนทั้งสอง แค่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับค่าโฆษณาให้พวกบริษัทต่างๆ ก็หลายล้านแล้ว!
และแน่นอนว่าสำหรับเขาแล้ว เงินพวกนี้เป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น
และในตอนนี้สวี่ฉู่หมิงที่กำลังคุยกับหุ้นส่วนทางธุรกิจอยู่ก็มีสายโทรเข้ามา
“คุณสวี่ครับ เรือของคุณเข้าแม่น้ำหวงผู่ไม่ได้”
สวี่ฉู่หมิงไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจ “อ้อ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันแจ้งเบื้องบนขึ้นไป พวกนายรออยู่ที่นั่นสักประเดี๋ยวก็ได้”
แต่หลังจากโทรศัพท์เสร็จแล้ว สวี่ฉู่หมิงกลับโทรหาฉินหงเหยียนเป็นลำดับแรก
“หงเหยียน”
“อ้อว่ายังไงคะ? พวกเรานัดกันตอนสองทุ่ม จะขอเลื่อนหรือเปล่าคะ?”
“อ้อ เปล่า ผมไปถึงที่นั่นตอนสองทุ่ม แต่เพิ่งได้รู้ว่าแม่น้ำหวงผู่ถูกปิดน่านน้ำไปแล้ว เรือสำราญทั้งหมดรวมไปถึงเรือส่วนตัวเข้าไปไม่ได้”
“อ้าวหรอ?”
ฉินหงเหยียนที่ไม่ได้รู้ความจริงก็ตกตะลึง
สวี่ฉู่หมิงกล่าว “พวกเธอเลือกที่อื่นเถอะ เลือกได้แล้วก็ส่งชื่อมา”
เมื่อวางสายเสร็จ สวี่ฉู่หมิงก็ส่ายหน้าแล้วพูด “แปลกพิกล”
ทุ่มครึ่ง เย่เฉินและฉนหงเหยียนจูงมือกันเดินไปที่ท่าเรือของแม่น้ำหวงผู่
เริ่มดึก ท้องฟ้าสีดำสนิท บนฟ้าไม่มีแม้แต่ดาวสักดวง แต่ว่าในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองแบบนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาดวงดาวด้วยซ้ำไป
เพราะว่าดวงดาวไม่ได้สวยงามเท่ากับแสงไฟในตัวอาคารที่สูงเสียดฟ้าทั้งหลาย แสงสว่างที่เปล่งประกายจากเงินทองและความหรูหรา สำหรับคนในประเทศนี้แล้วเป็นดวงดาวที่สวยงามที่สุด
“เย่เฉิน ทำไมคุณพาฉันมาที่นี่ล่ะ สวี่ฉู่หมิงบอกว่าที่นี่โดนปิดไป เรือของเขาเข้ามาไม่ได้ พวกเรารีบเลือกที่กินข้าวให้เรียบร้อยกันเถอะ เดี๋ยวสวี่ฉู่หมิงก็จะมาถึงแล้ว”
ฉินหงเหยียนสวมกระโปรงสีแดง ดูสูงส่งและเย้ายวนใจ รองเท้าที่เจ้าหล่อนสวมวันนี้ค่อนข้างสูงบวกกับปัญหาของมุมบางอย่าง ทำให้ดูเหมือนสูงๆ เท่ากับเย่เฉิน หรืออาจจะสูงกว่าเย่เฉินเล็กน้อยด้วยซ้ำไป
ฉินหงหงเหยียนรู้ว่าสวี่ฉู่หมิงเป็นคนที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเวลาอย่างมาก ถ้าหากว่านัดกันตอนสองทุ่มแล้วพบว่าเย่เฉินยังไม่ได้เลือกสถานที่ให้เรียบร้อย
แต่กลับรอให้เขามาก่อนแล้วเสียเวลาไปกับการหาร้านอาหารล่ะก็ สวี่ฉู่หมิงจะต้องไม่พอใจมากแน่
สำหรับเขาแล้ว เวลาเป็นเงินเป็นทอง เขาจะต้องไม่พอใจในพฤติกรรมแบบนี้ของเย่เฉิน จะต้องดูถูกเขา
แต่อาจจะพูดจาแย่ๆ เพียงเพราะเรื่องนี้ เช่นเวลาของคนมีเงินกับคนจนไม่เหมือนกันอะไรแบบนี้
เย่เฉินคลายมือที่จับจูงแฟนสาว แต่ใบหน้ายังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม เขาดื่มด่ำไปกับลมที่พัดเบาๆ รู้สึกสบายอย่างยิ่ง
“หงเหยียนก่อนนี้ผมเคยมาที่นี่กับหวังเจียเหยาหลายครั้ง ทุกครั้งที่มาคนก็จะเบียดเสียดจอแจ ผมเกลียดสภาพแวดล้อมที่มีคนเยอะแยะ แต่วันนี้ห้ามเรือสำราญเข้ามา คนก็เลยน้อยลงไปเยอะ รู้สึกดีจัง!”
ฉินหงเหยียนเห็นเย่เฉินยังคงมีท่าทีสบายๆ ตัวหล่อนเองร้อนใจจนลุกลี้ลุกลน แล้วกล่าวย้ำๆ ทีละคำ
“รีบ เลือก สถาน ที่ กิน ข้าว เร็ว ๆ!”
เย่เฉินยิ้มแล้วไม่พูดจา
เขาให้ความสำคัญกับมื้ออาหารในวันนี้อย่างมาก ไม่ใส่เสื้อ H&M อีกแต่ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมแทน
และเวลาก็ผ่านไปแบบนี้ 30 นาที คิดไม่ถึงว่าสวี่ฉู่หมิงจะมาถึงตอนทุ่มห้าสิบ
สวี่ฉู่หมิงแต่งตัวดูดี ท่าทางภูมิฐาน ทันทีที่เห็นมาดเขาก็รู้ว่าเป็นคนมีเงิน
“ฉู่หมิง ฉันขอแนะนำเขาให้คุณรู้จัก นี่คือเย่เฉินแฟนฉันค่ะ เย่เฉินคะ คนผู้นี้ก็คือสวี่ฉู่หมิง ประธานบริษัทเชียนซวิ่นจำกัด”
ฉินหงเหยียนสาวเท้าขึ้นไปแล้วแนะนำตัวแทนพวกเขาสองคน
ทั้งสองคนจับมือทักทายกัน แต่ในแววตาของพวกเขาสองคนกลับแฝงไปด้วยแววตาอาฆาตอีกฝ่าย!
สวี่ฉู่หมิงคลายมือลงอย่างรวดเร็วกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก “ฉันบอกแล้วไงว่าที่นี่เขาปิดน่านน้ำ ไม่ว่าเรือลำไหนก็เข้าไปไม่ได้ พวกเธอทำให้ฉันมาเสียเที่ยวเปล่า เฮ้อ เย่เฉิน เวลาของนายไม่เป็นเงินเป็นทอง แต่นายรู้ไหมว่านายทำให้ฉันเสียเวลาไปอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงเนี่ย ฉันเสียหายไปเท่าไหร่?”
และในเวลานี้เรือสำราญสุดหรูหราอย่างที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน ก็ปรากฏขึ้นในแม่น้ำหวงผู่!
จนทำให้คนที่เดินไปมาตามแม่น้ำหวงผู่อุทานออกมา!

ณ วิลล่าเฝยชุ่ย บ้านข้างฉินหงเหยียนและเย่เฉิน

หลิวอวี่เจ๋อเองก็กลับบ้านมาในสภาพที่เมามายโดยได้บอดี้การ์ดประคองเขามาที่บ้าน ใบหน้าของเขาฉีกยิ้มกว้าง

ทันทีที่ผลักประตูเข้ามาก็กล่าวกับภรรยา

 ฮ่าๆ โดนสวมเขาแล้ว โดนสวมเขาแล้ว! 

หวังเจียเหยาเองรู้สึกหวาดระแวงเหมือนโดนจับได้ว่าตนเองทำผิด เพราะเมื่อครู่เจ้าหล่อนเพิ่งอาศัยจังหวะช่วงที่หลิวอวี่เจ๋อไม่อยู่บ้านใช้เย่เฉินล้างแค้นสามีตนเองมา

 นาย…นายพูดอะไรน่ะ 

หวังเจียเหยากำลังดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก เห็นอีกฝ่ายกลับบ้านมาจึงปิดทีวี

หลิ่วอวี่เจ๋อระเบิดเสียงหัวเราะออกมา  ผมบอกว่าเจ้าเด็กเย่เฉินโดนสวมเขาอีกแล้ว ฮ่าๆ เด็กน้อยที่น่าสงสาร ตัวเองมีสภาพยังไงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอเนี่ย? ไปมีแฟนเป็นคนทั่วไปก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่ดันคบหากับผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมอย่างคุณและฉินหงเหยียน ฮ่าๆ เขาจะไม่ถูกสวมเขาได้ยังไง? 

 บนอินเตอร์เน็ตมีคำพูดไม่ใช่เหรอไง? บอกว่าคนจนอย่างหวังจะงาบคนสวย ไม่เชื่อให้ลองไปถามบัณฑิตอู มีเงินทองแต่งงานแล้วก็ต้องระวัง… เอ๊ะ ประโยคต่อไปคืออะไรนะ? 

หลิ่วอวี่เจ๋อที่ยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขานั่งลงข้างๆ หวังเจียเหยาแล้วอยากจะกอดหญิงสาวเอาไว้

หวังเจียเหยายังตั้งท้อง และรังเกียจกลิ่นแอลกอฮอล์ของหลิ่วอวี่เจ๋อ จึงผลักเขาออก

 ฉันจะรู้ได้ยังไง? มือของนายยังเจ็บอยู่เลย ทำไมดื่มเยอะแบบนี้ล่ะ จริงสิ นายบอกว่าฉินหงเหยียนไปเปิดห้องกับสวี่ฉู่หมิงหรอ? 

หลิ่วอวี่เจ๋อส่ายหน้า  เปล่านะ สวี่ฉู่หมิง เขาอายุจะห้าสิบกว่าแล้ว แก่จนทำอะไรไม่ได้แล้ว ดื่มเหล้าไปนิดหน่อย ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ต่อให้ไปโรงแรมก็คงนอนทันทีที่หัวถึงหมอน ฉินหงเหยียนกลับมาแล้ว แม่นี่คอแข็งดีจริงๆ ผมกับพี่ชายมอมหล่อนไปตั้งเยอะ แต่เจ้าหล่อนไม่เมาเลยแถมยังทำเราสองคนพี่น้องไปอ้วกที่ห้องน้ำมาตั้งหลายหน 

 อุ๊บ… 

ในขณะที่หลิ่วอวี่เจ๋อพูดก็อยากจะอ้วกขึ้นมา

หวังเจียเหยารีบร้อนลากเขาไปห้องน้ำ

ใบหน้าหวังเจียเหยาฉายแววรังเกียจ ขณะมองหลิ่วอวี่เจ๋อคุกเข่ากอดชัดโครกอ้วกแตก

หญิงสาวลอบกล่าวกับตนเอง  ไร้ประโยชน์จริงๆ! ตอนนั้นฉันตาบอดไปชอบเขาได้ยังไงเนี่ย? เคยแต่งงานมาสามรอบถึงได้รู้ว่าเย่เฉินดีที่สุดเลย… 

หวังเจียเหยาอดนึกถึงเรื่องของตนเองและเย่เฉินที่เกิดเมื่อครู่ไม่ได้ แล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้า

……

8 โมงเช้าวันต่อมา เย่เฉินและฉินหงเหยียนกำลังกินข้าวเช้าด้วยกัน วันนี้เย่เฉินไม่ได้ไปทำงาน เพราะว่ามีเรื่องต้องจัดการมากมาย

ฉินหงเหยียนกินข้าวเช้าไปพร้อมกับเล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วย

เย่เฉินเหลือบมองหน้าจอมือถือของหญิงสาว เห็นที่หล่อนกำลังไถหาร้านอาหารแล้ววถาม  คุณดูอะไรอยู่? 

ฉินหงเหยียนกล่าวว่า  วันนี้คุณจะเลี้ยงข้าวสวี่ฉู่หมิงไม่ใช่เหรอ? ฉันจะช่วยคุณเลือกร้านไงคะ เขาคนนั้นน่ะเรื่องมาก ถ้าคุณเลือกร้านอาหารที่ธรรมดาเกินไปเขาจะดูถูกคุณ 

เรื่องเงินไม่จำเป็นต้องให้เย่เฉินต้องเป็นกังวล เพราะยังไงเสียหล่อนก็มีเงิน เขาจะเลือกร้านอาหารแพงๆ ร้านไหนในเทียนไห่ก็ได้ พอถึงตอนนั้นฉินหงเหียนก็แค่โอนเงินให้ชายหนุ่ม ให้เขาเอาไปจ่ายก็เป็นอันใช้ได้

เย่เฉินกล่าวพลางหัวเราะ  ไม่ต้องหรอกครับ ผมเลือกสถานที่ที่จะไปกินข้าวได้แล้วล่ะ 

 ฮะ? คุณไปเลือกตอนไหนกันคะ? จองที่ไหนไว้?  ฉินหงเหยียนวางมือถือแล้วถาม

ชายหนุ่มตอบ  แม่น้ำหวงผู่ 

ฉินหงเหยียนไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด  ที่ว่ายทานน่ะเหรอคะ? ฉันเองก็อยากจะจองที่นั่นพอดี คุณจองร้านไหนไป? 

เย่เฉินวางตะเกียบแล้วอธิบาย  ไม่ใช่ร้านที่ว่ายทาน แต่เป็นแม่น้ำหวงผู่ ในแม่น้ำหวงผู่น่ะ 

 ในแม่น้ำหวงผู่เหรอ? บนแม่น้ำมีร้านอาหารอะไรเหรอ?  ฉินหงเหยียงุนงง

 กินบนเรือสำราญน่ะสิ  เย่เฉินบอก

ฉินหงเหยียนถึงได้เข้าใจ  อ้อ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ล่องเรือในแม่น้ำหวงผู่เพื่อชมวิวกินข้าวใช่ไหมคะ? ฉันคิดก่อนนะคะ ที่นั่นเหมือนจะมีเรือสำราญที่เช่าได้ ราคาอาจจะแพงนิดหน่อยแต่ว่าคุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลยนะคะ ในเมื่อคุณชอบที่นั่น เราก็ไปกินข้าวที่นั่นกันเถอะ! 

ฉินหงเหยียนรู้สึกว่าสถานที่ที่แฟนของตนเองเลือกนั้นค่อนข้างสร้างสรรค์มากทีเดียว

ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยที่สุดในโลกไปพร้อมๆ กับดื่มด่ำกับอาหารเลิศรส จะต้องเป็นชีวิตที่หรูหราอย่างที่สุด สวี่ฉู่หมิงเองก็อาจจะไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน

ดังนั้นฉินหงเหยียนจึงไปโทรหาสวี่ฉู่หมิง

 ฮัลโหล เมื่อวานไม่ได้ดื่มเยอะใช่ไหม?  ฉินหงเหยียนถามไถ่

สวี่ฉู่หมิงเป็นคนที่เคยชินกับการตื่นเช้า ตอนนี้น่าจะเริ่มทำงานในห้องเพรสซิเด้นท์สูทในโรงแรม peninsula แล้ว

 อ้อ ไม่เลย ไม่ได้เจอเธอมานาน เลยดื่มเยอะไปหน่อย 

สวี่ฉู่หมิงถอดแว่นตาลงแล้วมองไปนอกหน้าต่าง

 เอ่อแฟนฉันอยากจะขอบคุณที่คุณช่วยเคลียร์ปัญหากับตระกูลหลิ่วให้เขาเลยอยากจะเลี้ยงข้าวคุณ คุณว่างไหมคะ?  ฉินหงเหยียนถาม

หลังจากที่กล่าวประโยคนี้ออกมาแล้ว ในใจของหล่อนก็ภาวนาว่า  อย่ารับปากเชียว อย่ารับปากเชียว 

เพราะตนเองรู้จักชายผู้นี้ เขามีประสบการณ์ในชีวิตอย่างมาก เขามีวิธีการเป็นร้อยที่จะรับมือกับคนอายุน้อยอย่างเย่เฉิน

และเป็นไปได้อย่างมากว่าหลังจากที่เย่เฉินกินข้าวกับอีกฝ่ายแล้ว เขาก็อาจจะกลับมาเป็นฝ่ายขอเลิกกับหล่อนแทน

เหมือนบทละครในซีรี่ย์เรื่อง ‘The bachelor’

สวี่ฉู่หมิงที่อยู่ในโรงแรมประหลาดใจในทันที  แฟนเด็กของฉินหงเหยียนกล้าชวนฉันกินข้าวด้วยเหรอเนี่ย?  

ที่จริงแล้วต่อให้เย่เฉินไม่นัดเขา เขาก็จะเป็นฝ่ายนัดเอง

เหมือนฉากในซีรี่ย์ไม่มีผิดเพี้ยน ที่ชายที่อายุมากกว่าจะคุยกับผู้อ่อนวัยกว่าอย่างใจเย็น แต่ใช้เหตุผลแปลกประหลาดทั้งหลายทั้งแหล่ เพื่อให้ชายอ่อนวัยกว่าสำนึกได้ว่าเขาไม่คู่ควรฉินหงเหยียน ให้เขารู้ตัวแล้วเป็นฝ่ายล่าถอยไปเอง

ขอแค่เป็นผู้ชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรีต่างก็ทนรับการโดนดูถูกแบบนี้ไม่ได้

ถ้าหากว่าเป็นผู้ชายที่ไม่รักในศักดิ์ศรีแล้วล่ะก็ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็คงจะไม่มีทางไปจะไปจากฉินหงเหยียน แต่มันก็จะทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นก็แค่ใช้เงินฟาดหัวเขา หรือไม่ก็ข่มขู่เขาก็เป็นอันใช้ได้แล้ว

สวี่ฉู่หมิงกล่าวพลางหัวเราะ  ผมว่าง ที่ไหนล่ะ? 

 ที่แม่น้ำหวงผู่ค่ะ  ฉินหงเหยียนตอบ

 เอ๋? ในแม่น้ำหวงผู่อ่ะเหรอ? เรือส่วนตัวเหรอ? หรือว่าเรือที่คนเยอะแยะไปหมดแบบนั้นล่ะ? ถ้าหากว่าต้องกินข้าวในเรือสำราญแบบนั้นผมไม่ไปกินหรอกนะ ไม่ว่าอย่างไรผมก็เป็นประธานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีทางให้หมอนั่นมาดูถูกได้นะ 

สวี่ฉู่หมิงมีอคติกับเย่เฉิน เขาตัดสินแล้วว่าอีกฝ่ายมีดีแค่อายุยังน้อยและหล่อเหลาเท่านั้น ไม่ได้มีข้อดีข้ออื่น ดังนั้นจึงด่วนตัดสินไปก่อนแล้วว่าสถานที่ที่อีกฝ่ายเลือกจะต้องเป็นสถานที่ระดับล่าง

ฉินหงเหยียนจึงตอบ  ไม่หรอก เป็นเรือส่วนตัว 

สวี่ฉู่หมิงยังคงขมวดิ้ว  เรือที่เช่าโดยราคาไม่กี่หมื่นล่ะสิ? เรือแบบนั้นฉันเคยเห็นมาก่อนพุผังยับเยิน อะไหล่ในนั้นคงไม่ได้เปลี่ยนมานานแล้ว แถมยังไม่สะอาดด้วย เอาแบบนี้แล้วกันในเมื่อเขาอยากจะกินอาหารชมวิวว่ายทาน ฉันก็จะเอาเรือมาเองแล้วกัน ฉันมีเรือสำราญราคาห้าสิบล้านจอดอยู่ที่เทียนไห่พอดี คืนนี้ไปกินที่เรือฉันแล้วกัน! 

สีหน้าฉินหงเหยียนไม่สู้ดี  ฉู่หมิงอาหารเย็นมื้อนี้แฟนฉันเป็นคนนัด ก็ควรจะเป็นแฟนฉันที่เป็นคนเลี้ยงและเตรียมสถานที่ คุณขับเรือตัวเองมาแบบนี้มันแปลว่ายังไง? 

สวี่ฉู่หมิงตอบ  หงเหยียน เธอก็รู้จักฉัน สถานที่ในระดับล่างๆ แบบนั้น ฉันไม่ไปหรอกนะ หลายปีที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ตลอด เธอก็ช่วยคิดเผื่อฉันหน่อย เธอคิดว่าเรือเก่าๆ พังๆ ราคาไม่กี่แสนแบบนั้น มันสมฐานะคนอย่างฉันหรือไง? ไม่ต้องพูดแล้ว คืนนี้ฉันจะเป็นคนเลี้ยง แฟนเธอกับเธอมากินที่ข้าวที่แม่น้ำผู่เจียง ถ้าเขาคิดว่าขายหน้ามากล่ะก็ให้เอาเหล้ามาสักขวดแล้วกัน! เอาแบบนี้แล้วกันฉันวางล่ะ 

พูดจบสวี่ฉู่หมิงก็กดตัดสาย

 

ส่วนสวี่ฉู่หมิงคนนี้ เย่เฉินยังไม่ทันได้สืบเรื่องเขา
ทว่าคนผู้นี้มีอิทธิพลอย่างมากในตอนสิบปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง เขาแน่ใจว่าคนผู้นี้จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถอย่างมาก
ส่วนผู้หญิงในประเทศนี้นั้นหลงใหลในผู้ชายที่ร่ำรวยและมีศักยภาพพร้อมแบบนี้อย่างมาก
เย่เฉินกล่าว “สิบปีก่อน ตอนที่บ้านคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากที่สุด เขาก็เป็นฝ่ายยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคุณ ตอนนี้เขาก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในขณะที่คุณอับจนหนทาง คุณจะต้องรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตคุณแน่ๆ ใช่ไหม?”
คำพูดนี้ของเย่เฉินเจือกระแสหึงหวงอยู่ไม่น้อย แต่ว่าเขาก็ไม่มีสิทธิ์โกรธฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนพอจะฟังออกว่าเย่เฉินหึงหวงตนเองขึ้นมาจึงกล่าวด้วยเสียงอ่อนหวาน
“ฉันขอบคุณเขามากจริงๆ ในระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมานี้ เขาช่วยฉันเอาไว้ได้มาก ถ้าหากไม่ได้เขา ตอนนี้ฉันอาจจะแต่งงานกับใครก็ไม่รู้และคงจะมีเงินเดือนไม่กี่พันหยวนต่อ นั่งรถไฟฟ้าเบียดเสียดกับคนอื่นบนรถเมล์ กลับบ้านมาซักผ้าเลี้ยงลูก โดยที่ไม่มีโอกาสได้รู้จักคุณเลย ถึงแม้ว่าฉันจะเคยอยู่กับเขามาสามปี แต่ว่าตอนนี้ฉันเห็นเขาก็เหมือนเห็นคนแปลกหน้า ไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้ว”
เย่เฉินยิ้มพลางกล่าวถาม “จริงเหรอ?”
ฉินหงเหยียนกล่าวพลางยิ้ม “แน่นอนสิ เขาแก่แบบนี้ ผมก็ขาวโพลนไปหมดแล้ว อีกสองปีก็คงหัวล้านแล้ว ไม่ได้ถึงหนึ่งในร้อยของที่รักของฉันด้วยซ้ำ ฉันมีแฟนที่หล่อขนาดนี้ ทำไมจะต้องไปชอบคนอื่นด้วย! เด็กโง่ คุณอย่าหึงเลยได้ไหมคะ?”
ฉินหงเหยียนปลอบเย่เฉินเหมือนเด็กผู้หญิง เพื่อไม่ให้เขาต้องเสียอารมณ์
ที่จริงเขาหายโกรธหญิงสาวนานแล้ว สิ่งที่เขาจินตนาการไปเองนั้นหนักหนากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมากทีเดียว
ตัวเย่เฉินเองก็มั่นใจอย่างมากว่า รูปร่างหน้าตา อายุหรือความสามารถของชายคนนั้น น่าจะไม่สามารถเทียบเคียงเขาได้เลย!
เกรงว่าต่อให้มีเงินมากกว่าเขา แต่เย่เฉินก็ชนะเขาได้!
จะเศรษฐีลำดับหนึ่งของเมืองเสินเฉิง แต่เมื่อเทียบกับตระกูลเย่แล้วก็ไม่คู่ควรให้ต้องเหลือบแล!
แน่นอนว่าสวี่ฉู่หมิงเองก็โลดแล่นในวงการมากนาน ทั้งความรู้ และแผนการต่างๆ รวมไปถึงความสามารถในการเข้าสังคมต่างๆ ของเขาล้วนแต่เหนือชั้นกว่าเย่เฉินมากนัก
ครั้งนี้สวี่ฉู่หมิงไม่เพียงแต่ช่วยฉินหงเหยียนแต่ยังช่วยเย่เฉินไปด้วยในเวลาเดียวกัน เขาช่วยคลี่คลายปัญหาระหว่างหลิ่วอวี่เจ๋อและเย่เฉิน
อีกทั้งเขายังไม่เรียกร้องให้ฉินหงเหยียนนอนกับตนเองเพื่อแลกกับการให้ความช่วยเหลือจากเขา ถือเป็นการให้ความช่วยเหลือโดยไม่หวังสิงใดตอบแทน
เย่เฉินรู้สึกว่าสวี่ฉู่หมิงคนนี้ ถ้าไม่ใช่คนดีเลิศประเสริฐ ก็คงจะเป็นคนเจ้าแผนการ และวางแผนได้อย่างรัดกุมมากทีเดียว
เขาอยากจะเจอคนผู้นี้!
เย่เฉินกล่าว “หงเหยียน แฟนเก่าคุณคนนั้นช่วยผมเอาไว้มากเลย ผมอยากเลี้ยงข้าวเขา เพื่อขอบคุณเขา คุณคิดว่ายังไง?”
ฉินหงเหยียนประหลาดใจ “คุณอยากเจอเขา?”
เย่เฉินหัวเราะน้อยๆ แล้วพยักหน้า
ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ปกติจะไม่ยอมให้แฟนเก่ากับแฟนใหม่เจอหน้ากัน เหตุเพราะกลัวจะทำให้แฟนคนปัจจุบันหึงหวง
หน้าที่การงานของสวี่ฉู่หมิงเองในตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก เย่เฉินเป็นแค่คนส่งของเท่านั้น ฉินหงเหยียนเกรงว่าในตอนที่กินข้าวด้วยกันจริงๆ สวี่ฉู่หมิงจะรังแกเย่เฉิน
แต่เย่เฉินเป็นฝ่ายเอ่ยปากแบบนี้ หล่อนเองก็ไม่อยากจะปฏิเสธ
ถ้าหากหล่อนปฏิเสธ เย่เฉินคงจะรู้สึกว่าตนเองกับสวี่ฉู่หมิงมีอะไรในกอไผ่ ไม่ได้บริสุทธิ์ใจเหมือนที่ตนเองเคยบอกเขา
ไม่อย่างนั้นทำไมถึงไม่ยอมให้พวกเขาได้พบหน้ากัน?
“ได้ค่ะ” ฉินหงเหยียนรับคำ
“ดูทีวีกันสักเดี๋ยวเถอะ กินซุปแก้เมาที่คุณทำแล้ว ฉันตาสว่างเลย” ฉินหงเหยียนกล่าว
“ก็ได้”
ฉินหงเหยียนยิ้มพลางชันตัวลุกขึ้นแล้วเปิดทีวีดู จากนั้นก็กลับไปนั่งที่โซฟาแล้วเย่เฉินก็นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ ฉินหงเหยียน
แล้วบังเอิญว่าในช่องเทียนไห่เว่ยซื่อกำลังฉายซีรี่ส์เรื่อง ‘THE BACHELOR’ ตอนที่ 17 พอดี ฉินหงเหยียนชอบสวีเจิ้งนักแสดงนำชายของเรื่อง ดังนั้นถึงได้นั่งดู
ทั้งสองคนไม่เคยดูซีรี่ส์เรื่องนี้มาก่อน ดูไปได้สักพัก พวกเขาก็ดูอย่างเพลิดเพลิน
เพราะฉากระหว่างนักแสดงนำชายและหญิงในซีรี่ส์นั้นคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของฉินหงเหยียนและเย่เฉินในตอนนี้
ตัวละครที่สวีเจิ้งแสดงนั้นไม่มีเงิน ส่วนตัวนางเอกที่เชอเซียวแสดงนั้นก็เป็นผู้บริหารบริษัทเหมือนฉินหงเหยียน เป็นผู้บริหารที่มีใบหน้าสะสวยและมีฐานะร่ำรวย
หนำซ้ำเจ้าหล่อนก็มีประวัติเหมือนฉินหงเหยียน ที่ก่อนนี้เคยเป็นคนรักของเศรษฐีสูงวัยคนหนึ่ง
บังเอิญตอนนี้เรื่องกำลังดำเนินมาถึงตอนที่ชายสูงวัยที่ร่ำรวยคนนั้น กลับมาตามตอแยนางเอก แถมยังเป็นฝ่ายขอนัดพระเอกกินข้าวด้วย
ในฉากตอนที่ทั้งสองคนกินข้าวกันนั้น ฉินหงเหยียนตึงเครียดจนนั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าจะขยับตัวในอ้อมกอดเย่เฉิน เหมือนทั้งสองคนในทีวีก็คือเย่เฉินและสวี่ฉู่หมิง!
ในทีวีชายสูงวัยที่ร่ำรวยคุยกับพระเอกว่า “นายไม่คู่ควรกับสวี่รั่วอวิ๋น (ชื่อนางเอก) หล่อนอยู่กับนายไปก็เพียงเพราะความเหงาเท่านั้นเอง ฉันเป็นคนสัญชาติอเมริกา มีบริษัทเป็นของตัวเอง นายจะเอาอะไรมาแข่งกับฉัน?”
ร้านอาหารที่พวกเขาเลือกรับประทานก็คืออาหารตะวันตกที่หรูหรา แต่พระเอกสั่งอาหารไม่เป็น และก็ไม่ได้ดื่มไวน์ แต่ดื่มเหล้าขาวหงซิงเอ้อร์กัวโถว
เขาเจียมเนื้อเจียมตัว ถึงแม้ว่าปากเขาจะโวยวายบอกจะต่อสู้กับคนมีเงิน แต่กลับมอมเหล้าตนเองไม่หยุด
สุดท้ายเขาดื่มเหล้าขาวหงซิงเอ้อร์กัวโถวคนเดียวจนหมดขวด โยนเงินที่คิดว่าน่าภาคภูมิใจนักหนาลงบนโต๊ะแล้วบอก‘ไม่ต้องทอน’ จากนั้นก็เดินออกไป
เพราะดื่มมากเกินไป เขาจึงอาเจียนออกมาอย่างอดไม่ได้
แล้วเศรษฐีสูงวัยก็ขับเบนซ์ S65 จากไปอย่างลำพองใจ
ตอนที่เห็นฉากนี้ ฉินหงเหยียนเองก็ปวดใจขึ้นมา!
เนื้อหาของซีรี่ส์เรื่องนี้ เหมือนกับเรื่องของหล่อน เย่เฉินและสวี่ฉู่หมิงเกินไปแล้ว!
ฉินหงเหียนเองก็เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเหมือนกัน สวี่ฉู่หมิงเองก็เป็นเหมือนชายสูงวัยในทีวี เป็นคนมีเงินที่มีหน้าที่การงานที่ดีและเคยเลี้ยงดูนางเอกมาก่อน กระทั่งรุ่นรถของพวกเขายังเหมือนกันเลย!
หล่อนกลัวว่าพรุ่งนี้ตอนทั้งสองคนกินข้าวกัน เย่เฉินจะเป็นเหมือนพระเอกที่รับบทโดยสวีเจิ้ง กลัวว่าเขาจะทนรับการเหน็บแนมจากสวี่ฉู่หมิงไม่ไหว แล้วจะมอมเหล้าตัวเองไม่หยุด แล้วตัวเขาเองจะรู้สึกไม่ดี!
“เย่เฉินไม่งั้นพวกคุณอย่ากินข้าวด้วยกันเลย”
ทันใดนั้นเองจู่ๆ ฉินหงเหยียนก็ปิดทีวี แล้วหันมองเย่เฉิน
เย่เฉินหัวเราะน้อยๆ “ทำไมล่ะ คุณกลัวว่าผมจะเป็นเหมือนพระเอกในซีรี่ส์หรือยังไง ที่แค่พอเจอแฟนเก่าคุณแล้วจะรู้สึกต่ำต้อย แล้วจะอวดเก่ง ทนรับแรงกดดันไม่ได้เหรอ?”
ฉินหงเหยียนไม่ตอบ แต่คำตอบนั้นย่อมใช่อยู่แล้ว
เย่เฉินในตอนนี้ไร้ซึ่งทรัพย์สมบัติใดๆ แต่สวี่ฉู่หมิงเองเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวย แถมคนรักของหล่อนคนนี้เป็นคนที่รักศักดิ์ศรีอย่างมาก พอเขาพบกับสวี่ฉู่หมิงจะต้องรู้สึกต่ำต้อยอย่างมาก!
เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณอย่าลืมสิ เรื่องที่ผมโดนขับออกจากตระกูลไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้เสียหน่อย ผมยังสามารถวางตัวเป็นคุณชายยตระกูลเย่ตอนอยู่ต่อหน้าแฟนเก่าคุณได้อยู่นะ ถ้าเขาอยากจะโอ้อวดเรื่องเงินทองตอนอยู่ต่อหน้าผม งั้นเขาก็จะโดนผมด่ากลับเจ็บแสบกว่าเดิม”
ฉินหงเหยียนระบายยิ้ม ทันใดนั้นเองก็หวนคิดถึงภาพในอดีตที่เขาวีดีโอคอลคุยกับเจ้าของ LV จนทำให้พวกเหวินเชี่ยนเชี่ยนตกใจมาแล้ว
ฉินหงเหยียนพยักหน้ารับ “อืม พอถึงตอนนั้นคุณก็แค่โทรหาเจ้าของ LV สักรอบ เพื่อให้เขารู้ว่าแฟนของฉันเก่งมาก ในวงสังคมของคุณล้วนแต่เป็นคนที่กระทั่งเขายังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำไป!”
ตอนนี้ฉินหงเหยียนสามารถปล่อยให้พวกเขาทั้งสองคนพบกันได้อย่างสบายใจแล้ว
สวี่ฉู่หมิงดูถูกเย่เฉินมาโดยตลอด เพราะคิดว่าเขาเป็นคนส่งพัสดุเท่านั้น
ฉินหงเหยียนเองก็อยากจะให้สวี่ฉู่หมิงได้รู้ ว่าแฟนของตนเองไม่ได้เนื้อตัวเปลือยเปล่า เขาเป็นคนที่เก่งมาก!
คุณตัดใจล้มเลิกความคิดที่อยากจะขอแต่งงานกับฉันในอีกครึ่งปีหน้าได้แล้ว!
ภายในห้องรับแขกที่หรูหราของวิลล่านั้น นอกจากหุ่นยนต์ทำความสะอาดอัตโนมัติแล้ว ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรอีก จนทำให้ภายในวิลล่าตกอยู่ในเงียบราวอยู่ในหุบเขาลึก
คำพูดนี้ของฉินหงเหยียนพิสูจน์ได้แล้วว่าข่าวที่หวังเจียเหยาคาบมาบอกเขานั้นเป็นเรื่องจริง เมื่อครู่นี้ฉินหงเหยียนอยู่กับคนรักเก่าของเจ้าหล่อนจริงๆ
แต่จากคำพูดของอดีตภรรยานั้นคือฉินหงเหยียนจะเลือกแต่งงานกับคนรักเก่า แล้วสลัดเขาทิ้ง
ฉินหงเหยียนทำตามที่เจ้าหล่อนรับปากเขาเอาไว้ หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหลอกลวงคู่ชีวิต จะไม่หลอกลวงเย่เฉินเหมือนที่หวังเจียเหยาทำ
ถ้าหากหญิงสาวทำผิดต่อเขาจริงๆ หล่อนจะเป็นฝ่ายยอมรับตรงๆ แล้วก็จะเป็นคนขอเลิกกับเขาเอง
เย่เฉินรู้จักนิสัยของแฟนสาวดี เขาเดาว่าวินาทีต่อมาฉินหงเหยียนจะต้องขอโทษเขา บอกว่าตนเองทำผิดต่อเขา จากนั้นก็จะขอเลิกกับเขา!
เดิมทีเย่เฉินก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะตอบอีกฝ่ายอย่างไร
เขาจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างสงบนิ่งและใจกว้าง จากนั้นก็จะยอมเลิกรากับหญิงสาว
จากนั้นในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าหลังจากเลิกรากันก็จะทำให้เจ้าหล่อนได้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของเขา เขาจะชี้ไปที่ตึกไป๋ลี่แล้วบอกหญิงสาวไปว่าเดิมเขาตั้งใจจะยกที่นี่ให้หล่อน!
เพื่อให้หล่อนเสียใจภายหลังที่เลิกรากับเขา เหมือนที่หวังเจียเหยาเคยเผชิญมา
ทว่าในวินาทีนี้เขาไม่สามารถวางเฉยได้จริงๆ
ถึงแม้ว่าเมื่อครู่หวังเจียเหยาอดีตภรรยาที่สวยปานนางฟ้าจะพยายามกอดรัดฟัดเหวี่ยงเขาร่วมครึ่งชั่วโมง แต่ในวินาทีนี้เขากลับไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์หญิงสาวแม้แต่น้อย
หวังเจียเหยาไม่มีพื้นที่ในหัวใจของเย่เฉินอีกแล้ว ทั้งหมดในหัวใจของเขานั้นถูกแทนที่ด้วยฉินหงเหยียนไปแล้ว!
เย่เฉินได้ตกหลุมรักหญิงสาวที่มีอายุมากกว่าตนเองคนนี้ไปแล้ว
ในวินาทีนี้ ภาพของพวกเขาสองคนที่อยู่ด้วยกันจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในหัวเขาไม่หยุด
ภาพเหตุการณ์ตอนที่ฉินหงเหยียนเห็นเขาแล้วตกใจกลัวจนต้องคุกเข่าขอโทษเขา
ตอนที่เขาโดนปลดออกจากตำแหน่งประธานบริษัท แล้วหญิงสาวก็ร่ำไห้เพราะเขา
ตอนที่ตนเองโดนข้อหาทำร้ายร่างกาย ฉินหงเหยียนวิ่งโร่หาเส้นสาย ไหว้วานคนอื่นเสมือนหนึ่งเป็นภรรยาของตนเอง
หรือหลังจากมาที่เทียนไห่แล้ว หญิงสาวออกเงินซื้อวิลล่า แถมเลียนแบบบทพูดจากในภาพยนตร์เรื่อง ‘คนเล็กไม่เกรงใจนรก’ โดยกล่าวกับเขาว่า “ฉันจะเลี้ยงงนายเอง”
เขาไม่อยากจะสูญเสียคนรักที่ดีแบบนี้ไป!
“ฉันกับเขา…” ฉินหงเหยียนเปิดปากเอ่ยช้าๆ
ทว่าเย่เฉินกลับไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวพูดจบ แต่ดึงหล่อนเข้าสู่อ้อมกอดทันที!
ฉินหงเหยียนที่สวมชุดนอนที่เปิดเผยเรือนร่าง ก็ตกใจจนตัวสั่นเทิ้มไปเล็กน้อย
เย่เฉินกอดหญิงสาวเอาไว้แน่น แล้วกล่าวด้วยอารมณ์
“ไม่ต้องพูดแล้ว ผมไม่อยากได้ยินว่าระหว่างพวกคุณสองคนมันเกิดอะไรขึ้น หงเหยียน อย่าไปจากผมเลย สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นให้คุณได้ ผมก็ให้คุณได้เหมือนกัน กว่าผมจะชอบใครสักคนมันไม่ง่ายเลย ผมไม่อยากสูญเสียคุณไปแบบนี้…”
เป็นครั้งแรกที่เย่เฉินกล่าวอ้อนวอนอย่างจริงใจแบบนี้ต่อหน้าฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าทำไมเย่เฉินถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกมา
จากคำพูดเมื่อครู่ของเย่ฉินนั่นแปลว่า ต่อให้เมื่อหล่อนทำอะไรๆ ต่อมิอะไรกับสวี่ฉู่หมิงทำ เขาก็ไม่อยากรู้และไม่สนใจ!
เขาแค่อยากอยู่กับฉินหงเหยียนเท่านั้น!
“สวรรค์”
พอฉินหงเหยียนนึกถึงคำพูดของเย่เฉินก็ตื้นตันจนอยากจะร้องไห้ออกมา หล่อนเองก็คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะรักหล่อนขนาดนี้!
ฉินหงเหยียนยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำตา “เด็กโง่ คุณพูดเหลวไหลอะไร ทำไมฉันต้องเลิกกับคุณด้วยล่ะ?”
เย่เฉินคลายอ้อมกอด ถอยตัวออกมาเล็กน้อยพลางมองหญิงสาวแล้วเอ่ยถาม “คุณจะบอกเลิกผมไม่ใช่เหรอ?”
ฉินหงเหยียนทำหน้าไม่ถูก “ทำไมฉันต้องเลิกกับคุณด้วยล่ะคะ? ฉันรักคุณขนาดนี้แถมกว่าจะจีบคุณติดก็ยากเย็น ทำไมฉันต้องขอเลิกกับคุณด้วยล่ะ?”
“แต่คุณกับผู้ชายคนนั้น…” เย่เฉินสับสน
หรือที่หวังเจียเหยาบอกว่าฉินหงเหยียนจะทิ้งเขาไปนั้นเป็นเรื่องโกหก?
เรื่องฉินหงเหยียนจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงเป็นเรื่องโกหกเหมือนกันงั้นเหรอ?
ฉินหงเหยียนอธิบาย “เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ วันนี้ตอนที่ฉันดูหนังสือในร้านฮั่นหยวนเสร็จก็บังเอิญเจอเขาพอดี เขาได้ยินเรื่องที่ฉันโดนตระกูลหลิ่วหาเรื่อง แล้วบังเอิญที่เขานับถือป็นพี่น้องกับหลิ่วหย่วนหาง สนิทสนมกันมาก ดังนั้นเขาถึงได้มาที่เทียนไห่เพื่อช่วยฉัน”
“เมื่อครู่ฉัน เขาแล้วก็พวกคนตระกูลหลิ่วกินข้าวด้วยกัน หลิ่วอวี่เจ๋อรับปากแล้วว่าจะไม่หาเรื่องพวกเราอีก”
“เย่เฉิน ฉันรู้ว่าฉันควรจะปรึกษาเรื่องนี้กับคุณก่อน เพราะไม่ว่ายังไงผู้ชายคนนั้นก็เป็นแฟนเก่าฉัน ให้เขาช่วย คุณคงจะต้องรู้สึกไม่สบายใจแน่ๆ”
“แต่ว่าตอนนี้ก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่พอจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรากับตระกูลหลิ่วได้จริงๆ พวกเขามีอิทธิพลมากขนาดนั้น ฉันกลัวว่าคุณจะเกิดอุบัติเหตุในเทียนไห่…”
สิ่งที่ฉินหงเหยียนเป็นกังวลนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไร้เหตุผลไปเสียทีเดียว ถ้าหากว่าหลิ่วอวี่เจ๋อบอกพ่อและปู่ของเขาเรื่องที่ตนเองมีลูกไม่ได้
ตอนนี้คาดว่าเย่เฉินที่ทำงานอยู่ทุกวันก็คงจะต้องโดนคนลอบทำร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน!
เย่เฉินถาม “เขาเป็นฝ่ายมาหาคุณก่อน คุณไม่ได้เป็นฝ่ายไปหาเขาใช่ไหม?”
ในจุดนี้นั้นต่างจากสิ่งที่หวังเจียเหยาบอกเขา
ฉินหงเหยียนกล่าว “ฉันจะไปขอร้องเขาได้ยังไง? นั่นไม่เท่ากับว่าฉันรนหาเรื่องทะเลาะกับคุณเหรอ? ฉันเคยบอกแล้วไงว่าต่อให้คุณเป็นขอทานในเทียนไห่ฉันก็ไม่สนใจหรอก!”
เย่เฉินคลายความเศร้าใจลงไปไม่น้อยแล้ว ที่แท้ทั้งหมดนี้ก็เป็นฝีมือตาแก่นั่นที่เสนอตัวเข้าหาฉินหงเหยียนก่อน!
ฉินหงเหยียนไม่ได้เป็นฝ่ายทำอะไรก่อนทั้งนั้น!
“งั้นเมื่อกี้ที่ผมโทรหาคุณ ทำไมคุณไม่รับสายผมล่ะ? แล้วพอผมโทรหาอีกรอบ คุณก็ปิดมือถือไปเลย ตอนนั้น…คุณทำอะไรอยู่เหรอ?”
เย่เฉินไม่อมพะนำอีกต่อไปแต่กล่าวถามอีกฝ่ายตรงๆ
ฉินหงเหยียนกล่าว “คุณโทรหาฉันเหรอคะ? ฉันไม่รู้เลย ฉันวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามือถือปิดเครื่องไปตอนไหน ฉันก็คิดว่าแบตหมดไปแล้ว อ้อ ฉันรู้แล้วอาจจะเป็นฝีมือหลิ่วอวี่เจ๋อ! เขาชอบเดินมารินเหล้าให้ฉัน ที่รักคะ คุณเชื่อฉันเถอะค่ะ เมื่อครู่ฉันอยู่ในร้านอาหารตลอด แล้วที่นั่นก็ไม่ได้มีแค่ฉันกับเขา แต่ยังมีหลิ่วหย่วนหาง หลิ่วเฟิงแล้วก็หลิ่วอวี่เจ๋อด้วย นอกจากกินข้าวกับเขาแล้ว ฉันขอสาบานกับคุณว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลย!”
ฉินหงเหยียนชูนิ้วมือข้างขวาขึ้น
เย่เฉินคว้านิ้วเรียวงามนั้นแล้วกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ผมเชื่อคุณ”
เย่เฉินรู้ว่าฉินหงเหยียนไม่ใช่ผู้หญิงแบบหวังเจียเหยา หล่อนไม่มีทางทรยศเขา!
หลังจากที่ความจริงเปิดเผยแล้ว เย่เฉินก็มีความสุขอย่างมาก!
แต่หลังจากที่ดีใจแล้ว เย่เฉินกลับรู้สึกผิดอย่างมาก!
เพราะว่าหวังเจียเหยาอาศัยโอกาสตอนที่เขาประคองหล่อน หอมเขาไปหลายฟอด
ดีที่หวังเจียเหยาตั้งครรภ์ได้สองเดือน ถือว่าเป็นช่วงเพิ่งตั้งท้อง หากว่าพวกเขาเกิดทำอะไรบ้าๆ กันขึ้นมาอาจจะเสี่ยงเกิดการแท้งได้
ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงได้สะกดอารมณ์ตนเอง
นี่น่าจะเป็นเรื่องเดียวที่เย่เฉินรู้สึกว่าเป็นเรื่องโชคดี ถ้าหากว่าหวังเจียเหยาไม่ได้ตั้งท้องแล้วล่ะก็ เมื่อครู่จะเกิดอะไรขึ้นก็พูดได้ยากแล้ว
ส่วนเรื่องของหวังเจียเหยา เย่เฉินเองคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้บอกฉินหงเหยียน
ความรู้สึกที่เขามีต่อฉินหงเหยียนนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป บอกหล่อนไปก็รังแต่จะทำให้อีกฝ่ายเสียใจเปล่าๆ!
เย่เฉินลอบสาบานกับตัวเองว่าต่อไปจะต้องชดเชยให้ฉินหงเหยียน เขาจะทำดีกับหล่อนให้มากขึ้นเป็นเท่าตัว
เย่เฉินได้สติกลับมาแล้วถามซ้ำ “คุณไม่ได้เจอเขามาเจ็ดปีแล้วใช่ไหมล่ะ? เจอกันอีกรอบรู้สึกยังบ้าง?”

เย่เฉินมองหวังเจียเหยาอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง เขาย่อมเข้าใจความหมายในคำพูดของหวังเจียเหยา

หวังเจียเหยาที่แต่ไหนแต่ไรล้วนแต่โดนประคบประหงมราวเจ้าหญิง ต่อให้แต่งงานกับตระกูลหลิ่วที่มีศักยภาพที่แข็งแกร่ง ก็ยังคงไม่สามารถทำให้อีโก้ล้นฟ้าของเจ้าหล่อนหายไป

หล่อนไม่มีทางทำใจรับให้หลิ่วอวี่เจ๋อแต่งงานกับหล่อนไปพร้อมๆ กับเล่นชู้กับแม่ดาราสาว

ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงอยากจะล้างแค้น!

และในตอนนี้เย่เฉินเองก็น่าจะต้องเริ่มอยากล้างแค้นฉินหงเหยีนยบ้างแล้ว!

ทั้งสองคนเดิมเป็นสามีภรรยากัน แล้วเรื่องที่จะเกิดขึ้นในลำดับต่อไปก็คงไม่มีอะไรแปลกประหลาดนัก!

แต่เย่เฉินกลับปล่อยมือหวังเจียเหยาแล้วกล่าว  ไม่ได้ ผมจะทำแบบนี้กับคุณไม่ได้ บางทีหงเหยียนอาจจะแค่แบตโทรศัพท์หมด หรือไม่ก็อาจจะกำลังยุ่งๆ หล่อนไม่มีทางทรยศผม! 

หวังเจียเหยาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ยกมือขาวนวลเนียนตบลงบนบ่าของเย่เฉินเบาๆ

 ทำไมนายถึงได้โง่แบบนี้นะ! หล่อนไปขอร้องอดีตคนรัก อดีตคนรักของหล่อนจะช่วยหล่อนฟรีๆ ได้ยังไงล่ะ? อวี่เจ๋อกับผู้ชายคนนั้นมอมเหล้าฉินหงเหยียนไปตั้งเยอะ ตอนนี้ฉินหงเหยียนอาจจะเมาไปแล้วก็ได้แล้วถูกอุ้มไปโรงแรมแล้วก็ได้! 

ฟังคำพูดคำจาของหวังเจียเหยาแล้วเขาก็กำหมัดแน่น ใบหน้าแดงก่ำ ทันทีที่คิดภาพตามที่อดีตภรรยากล่าว ใบหน้าเขาก็ไม่สู้ดีนัก!

เขาอยากจะถามฉินหงเหยียนว่าทำไมต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนรักเก่าของหล่อนด้วย? ทำไมไม่รอต่ออีกสักวันสองวัน!

น้องสาวคนที่สี่ของเย่เฉินกำลังจะมารับตำแหน่ง CEO ของไป๋ลี่เร็วๆ นี้แล้ว พอถึงตอนนั้นฉินหงเหยียนก็จะได้ไปทำงานที่นั่นแล้วกลายเป็น CEO อย่างรวดเร็ว!

หวังเจียเหยาอยากจะล้างแค้นหลิ่วอวี่เจ๋อ แต่นอกจากเย่เฉินแล้ว หญิงสาวไม่ได้มีตัวเลือกอื่นที่เหมาะสม

ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงเลือกที่จะยุแยงเย่เฉินต่อ

 เย่เฉินนายมันใจดีเกินไป ถึงได้โดนผู้หญิงหลอกรู้ไหม? ฉินหงเหยียนกำลังปั่นหัวนายเล่น นายรู้ไหมว่าทำไมหล่อนถึงยอมคบหากับนาย? เพราะนายมันใจดีเกินไปยังไงล่ะ! ฉันเคยทรยศนาย นายยังให้อภัยฉันได้ ผู้หญิงอย่างเราชอบผู้ชายแบบนี้ที่สุดแล้ว! หล่อนน่าจะชอบความใจดีความเมตตานี้ของนายถึงได้ตามตื๊อนาย! 

เย่เฉินหัวเสีย  หุบปากไปเลย! ตอนนั้นผมให้อภัยคุณ เพราะคุณหลอกผม ผมคิดว่าระหว่างคุณกับฟางเขาไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น! 

หวังเจียเหยาไม่รู้สึกผิดสักนิด  ก็นายเชื่อผู้หญิงง่ายแบบนั้นไม่หลอกแล้วจะให้ไปหลอกใคร! 

 ผู้หญิงวัย 30 อย่างฉินหงเหยียน นายก็ยังจะกล้าเอาได้ลง นายสิบคนก็ยังไม่พอให้หล่อนเคี้ยวเล่นเลย! 

ทั้งสองคนต่างก็เดือดปุดๆ

หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง หวังเจียเหยาก็เปิดปากเอ่ยต่อ  อ้อฉันรู้แล้ว นายไม่ได้ไม่อยากล้างแค้น แต่นายกลัวสามีฉันล่ะสิใช่ไหม? 

 เหอะๆ ผมเนี่ยนะจะกลัวหมอนั่น?  เย่เฉินหัวเราะน้อยๆ

หวังเจียเหยาไม่ได้รู้เลยว่าเย่เฉินทำอะไรกับสามีของหล่อน!

ตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อมีลูกไม่ได้เป็นเพราะฝีมือของเย่เฉิน และแน่นอนว่าเรื่องนี้หล่อนไม่จำเป็นต้องรู้ในตอนนี้

หวังเจียเหยากล่าวว่า  ไม่กลัวแล้วจะเรียกว่าอะไร? นายยังจเมื่อเดือนก่อนตอนเรายังไม่ได้หย่ากันได้ไหม ที่นายซ้อมหลิ่วอวี่เจ๋อจนเข้าโรงพยาบาลแล้วฉันต้องแต่งตัวสวยไปขอร้องเขาที่โรงพยาบาลทุกวันได้ไหม ฉันบอกนายตรงๆ เลยแล้วกันนะ ทุกครั้งที่ไปเขาจะนัวเนียกับฉันในห้องพักของเขา เขาไม่ได้สนใจเลยว่าฉันเป็นภรรยาของนายหรือเปล่า! ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของหลิ่วอวี่เจ๋อนะ หรือว่านายไม่อยากเอาคืนเขาบ้าง? 

เย่เฉินโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง ในวินาทีนั้นเองเขาก็ย้อนนึกถึงภาพในเช้าวันนั้น ที่่หวังเจียเหยาสวมชุดกระโปรงเกาะอกแสนสวย ใช้เวลากว่าชั่วโมงแต่งหน้า แล้วไปพบหหลิ่วอวี่เจ๋อที่โรงพยาบาล

หวังเจียเหยาผู้หญิงแพศยา!!

แต่ในวันนี้หล่อนสวมชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ ดูไปแล้วเหมือนนางฟ้าที่ใสซื่อและสูงส่ง

ใบหน้าเย่เฉินฉายแววเกรี้ยวกราด เขาอยากจะกระชากเปลือกใสซื่อที่เจ้าหล่อนใช้ห่อหุ้มตัวออกมา!

 คุณไม่คู่ควรจะใส่กระโปรงที่บริสุทธิ์แบบนี้! 

เย่เฉินทำท่าทีเหมือนจะลงมือฉีกเสื้อผ้าของหวังเจียเหยาทิ้ง เขาถึงขนาดที่ว่าอยากจะสาดน้ำสกปรกใส่อีกฝ่ายด้วยซ้ำไป!

หวังเจียเหยารักเสื้อผ้าอาภรณ์ของหล่อนเหมือนคนอื่นรักสัตว์เลี้ยงทีเดียว หญิงสาวเดินถอยร่นผลคือไม่ทันระวังสะดุดล้มลง

เมื่อเห็นหญิงสาวสะดุดล้ม เย่เฉินก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเด็ก จึงรีบร้อนปราดเข้าไปรับร่างของหญิงสาวหล่อนด้วยมือซ้าย แล้วใช้มือขวายันพื้น โชคดีที่หล่อนไม่ล้มลง

เย่เฉินหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจ ถ้าล้มจริงๆ เด็กในท้องคงจะอันตราย

แต่ในเวลานี้หวังเจียเหยาที่อยากจะเอาคืนหลิ่วอวี่เจ๋อให้ได้ ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะจุมพิตลงที่หน้าอีกฟากหนึ่งของชายหนุ่ม

เขานึกถึงเรื่องของฉินหงเหยียนในตอนนี้ก็ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้หญิงสาวได้ทำตามอำเภอใจต่อ

แล้วเขาจึงใช้มือขวาก็ยันตัวขึ้นจากพื้นแล้วประคองหวังเจียเหยาอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่หวังเจียเหยาลุกขึ้นแล้วก็พอใจมาก จึงไม่ไปตื๊อเย่เฉินอีก แล้วเดินเตร่ไปในที่พักของเย่เฉินและหวังเจียเหยา

 ที่นี่ตกแต่งดีใช้ได้เลยนี่ ซื้อมาราคาเท่าไหร่? 

หวังเจียเหยาประคองแก้วน้ำพลางเดินจิบน้ำไปด้วย มองรอบๆ ห้องรับแขกด้วยมาดราวเป็นเจ้าของบ้าน

เย่เฉินไม่ได้ตอบหล่อนแต่กล่าวว่า  ดึกแล้วคุณกลับไปได้แล้ว 

ใบหน้าหวังเจียเหยาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ฉายบอกถึงความพึงพอใจ หล่อนวางแก้วน้ำลงแล้วกล่าว  ไม่ต้องลำบากให้นายไล่หรอก ฉันรู้น่า 

จู่ๆ เย่เฉินก็เรียกหล่อน  นี่… ผมหวังว่าคุณจะไม่เอาเรื่องเมื่อกี้ไปโพนทะนานะ 

หวังเจียเหยาระบายยิ้ม  นายสบายใจเถอะ ฉันแค่อยากเอาคืนหลิ่วอวี่เจ๋อ ตอนนี้เขาดีกับฉันมาก แล้วเขาก็ยังสำนึกผิดมากด้วย ต่อให้นายอยากจะจีบฉัน ฉันก็ไม่มีทางหย่ากับหลิ่วอวี่เจ๋อ 

 งั้นก็ดี 

เย่เฉินเองก็หวังเอาไว้แบบนี้ เขาไม่อยากจะไปเกี่ยวอะไรกับหวังเจียเหยาอีกแล้ว

 ฉันไปล่ะ ไว้ว่างๆ ฉันจะมาหานาย 

หวังเจียเหยาเดินออกจากบ้านไปอย่างพอใจ

ตอนนี้จากนักศึกษาสาวที่แสนใสซื่อกลายเป็นผู้หญิงแบบตอนนี้ที่ต่อให้มีชู้ก็ยังไม่สนใจหรืออาจจะรู้สึกมีความสุขด้วยซ้ำไป

แต่เย่เฉินตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ด่าหวังเจียเหยา

 ผมเองก็ค่อยๆ กลายเป็นคนที่ตัวเองเกลียดชังที่สุดแล้วสินะ! 

เย่เฉินเองก็รู้สึกว่าท่าทีของตัวเองก็เปลี่ยนไป ถ้าหากหวังเจียเหยาไม่ได้ท้องอยู่ เขาอาจจะทนไม่ไหวก็ได้!

โลกนี้ก็กลายเป็นแบบนี้!

ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ! ต่างก็ใจร้ายขึ้น และกล้าได้กล้าเสียมากขึ้นตามอายุและเวลาที่เปลี่ยนไป

4 ทุ่มครึ่งแล้ว ฉินหงเหยียนกลับที่วิลล่าด้วยตัวที่เหม็นหึ่งไปด้วยกลิ่นเหล้า

 ที่รัก 

เห็นได้ชัดว่าร่างแบบบางนี้ดื่มสุราไปไม่น้อย แต่ท่าทางของหล่อนค่อนข้างมีสติมากทีเดียว หนำซ้ำก็ยังไม่เดินโซเซไปมา อถมยังยืนได้นิ่งอย่างมาก

 กลับมาแล้ว 

เย่เฉินเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากมายนัก บางทีอาจเป็นเพราะเขาทำเรื่องผิดต่อฉินหงเหยียนมา

เขาแอบรู้สึกเลยว่าคืนนี้อาจะเป็นคืนแห่งการเลิกราของทั้งสองคน!

 อืม ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ คุณช่วยทำซุปแก้เมาค้างให้หน่อยได้ไหมคะ? ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย 

ฉิหงเหยียนกล่าวเสียงอ่อนหวาน

เย่เฉินมองประเมินฉินหงเหยียนตั้งแต่หัวจรดเท้า ในหัวสมองมีความคิดเหลวไหลต่างๆ มากมายฉายเข้ามาในหัว

เช่นเสื้อผ้าของหล่อน เมื่อในหลายชั่วโมงที่ผ่านมาจะอยู่บนร่างกายหญิงสาวอยู่ตลอดหรือไม่

 ครับ 

เย่เฉินไปห้องครัว ใช้แป้ง มะเขือเทศ น้ำผึ้ง น้ำตาล ทำซุปแก้เมาค้างให้ฉินหงเหยียน

หลังจากฉินหงเหยียนอาบน้ำเสร็จแล้วเดินกลับมา ก็ดูมีสติมากขึ้นไม่น้อย หลังจากดื่มซุปแก้เมาค้างแล้ว ก็สร่างเมาขึ้นไม่น้อย

แต่เย่เฉินนั่งอยู่บนโซฟารอฉินหงเหยียนรายงานกับเขา

ก่อนนี้หวังเจียเหยากล่าวกับเย่เฉิน ให้เย่เฉินเตรียมตัวโดนฉินหงเหยียนโดนทิ้ง เพราะว่าฉินหงเหยียนอยากจะอยู่กับชายที่สูงวัยคนนั้น

เย่เฉินสับสนกระวนกระวาย เขาไม่รู้ว่าฉินหงเหยียนจะขอเลิกกับเขาหรือไม่

ทั้งสองคนต่างก็ทำเรื่องที่ผิดต่อฝ่ายตรงข้าม แต่ว่าในวินาทีนี้เย่เฉินกลับระลึกถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่กับฉินหงเหยียน

เขาไม่อยากเลิกกับหญิงสาว!

ในวินาทีนี้เขาเพิ่งจะรู้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เขาลืมหวังเจียเหยาไปแล้วจนหมดใจ และชอบฉินหงเหยียน!

 ที่รักคะ ฉันมีอะไรจะบอกอะไรบางอย่างกับคุณ คุณอย่าโกรธได้ไหมคะ? 

ฉินหงเหยียนสวมชุดนอนแล้วทรุดตัวนั่งลงข้างตัวเย่เฉิน กลิ่นแชมพู ALTERNA ลอยเข้ามาในจมูก

เย่เฉินผงกศีรษะ

ฉินหงเหยียนกล่าว  คุณยังจำที่ฉันเคยบอกคุณได้ไหมคะ เรื่องที่ฉันเคยมีผู้ชายเลี้ยงสมัยอยู่ที่เมืองเฉินได้ไหมคะ? วันนี้ฉันไปพบเขามา 

 

หวังเจียเหยาสวมชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้านเย่เฉิน แต่กลับพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้

เย่เฉินไม่เหน็บแนมเรียกหล่อนว่า ‘คุณนายหลิ่ว’ อีก แต่เรียกชื่อของหล่อนจริงๆ

 หวังเจียเหยา! ช่วยระวังคำพูดด้วย! คุณด่าผม ผมไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคุณก็ได้ แต่อย่าว่าแฟนของผมแบบนี้! 

หวังเจียเหยาแค่นเสียง  ฉันไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อย! นายรู้ไหมว่าแฟนของนายเป็นคนยังไง? นายคงต้องคิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงแกร่งที่ทำงานที่สุด เป็นคนที่พึ่งพาตัวเองได้ที่สุดและสูงส่งที่สุดในโลกนี้ล่ะสิ 

 ฉันจะบอกนายให้นะ ฉินหงเหยียนเป็นชู้ชาวบ้าน! หล่อนโดนผู้ชายอายุ 50 เลี้ยงมาถึงสามปี หล่อนมันหน้าไม่อาย…อุ๊ปส์ 

ในตอนที่หวังเจียเหยากำลังพูดนั้น จู่ๆ ก็โดนเย่เฉินเอามืออุดปาก จากนั้นเขาก็คว้ามือของหล่อนลากเข้าไปในวิลล่าแล้วปิดประตู

หวังเจียเหยาโดนเย่เฉินลากไปจนถึงโซฟาในห้องรับแขก ก่อนจะยอมปล่อยหล่อน  นายทำอะไรน่ะ ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันพูดล่ะ? 

ถึงแม้ว่าเจ้าหล่อนจะขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางดูไม่พอใจอย่างมาก แต่เมื่อครู่ที่หวังเจียเหยาโดนลาก หญิงสาวกลับดีใจอย่างมาก

ตั้งแต่หย่ากันแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันอีก ส่วนหวังเจียเหยายังคงจดจำช่วงเวลาที่สนิทสนมกับเย่เฉินได้ว่ามันมีความสุขขนาดไหน

คำพูดของหวังเจียเหยานั้นเท่ากับว่าแฉเรื่องส่วนตัวของฉินหงเหยียนอยู่ เย่เฉินย่อมไม่อยากให้หล่อนโพนทะนาเรื่องนี้ที่หน้าประตูบ้านเขา

เย่เฉินถามด้วยสีหน้าตกใจ  คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? 

เรื่องประเภทนี้ฉินหงเหยียนบอกแค่ตัวเองเท่านั้น หล่อนไม่มีทางบอกคนอื่นแน่ และยิ่งไม่มีทางบอกหวังเจียเหยา

หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินได้ยินเรื่องนี้ ไม่เพียงไม่อาละวาดไม่แปลกใจ แต่กลับกันเขากลับถามหล่อนว่ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ทันใดนั้นเองก็พบว่าเย่เฉินรู้เรื่องนี้นานแล้ว!

หวังเจียเหยาประหลาดใจอย่างมาก  นาย…รู้เรื่องที่ฉินหงเหยียนมีคนเลี้ยงด้วยเหรอ? 

ในเมื่อหวังเจียเหยาเองก็รู้เรื่องนี้เย่เฉินก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป

เย่เฉินผงกศีรษะ  อืม ตอนที่หล่อนสารภาพรักกับผมก็เคยสารภาพเรื่องนี้แล้ว 

หวังเจียเหยากระโดดออกมา แล้วกล่าวกับเย่เฉินด้วยโทสะ  นาย…นาย…นายรู้ว่าแม่นั่นเคยมีผู้ชายเลี้ยง นายยังคบหากับหล่อนอีกเหรอ! นายไม่รังเกียจเหรอ! เย่เฉินทำไมนายได้ใฝ่ต่ำแบบนี้นะ! ฉินหงเหยียนที่เคยโดนเลี้ยงนายยังรับได้ แล้วทำไมตอนนั้นไม่ยอมรับฉันล่ะ! ดึงดันจะหย่ากับฉันให้ได้! 

หวังเจียเหยารู้สึกว่าเรื่องที่ตนเองทำไป เล็กจ้อยกว่าฉินหงเหยียนมากนัก หล่อนนอนกับฟางเชาแค่ครั้งเดียว แต่ฉินหงเหยียนนั้นนอนกับผู้ชายคนอื่นมาตั้งสามปี

 เรื่องของคุณกับหงเหยียนไม่เหมือนกันเลยเข้าใจไหม! คุณน่ะมันมีชู้หลังจากที่เราเป็นแฟนกัน! ผมย่อมไม่มีทางอภัยให้คุณ! 

หวังเจียเหยาโกรธมาก โกรธจนไม่รู้จะโกรธอย่างไร หล่อนรู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้ให้ฉินหงเหยียนอีกครั้งแล้ว อีกทั้งแพ้แบบไม่ยุติธรรมอย่างมากเสียด้วย!

หวังเจียเหยากล่าว  ได้ตอนนี้นายสองคนเป็นแฟนกันล่ะสิ? นายคิดว่าหล่อนจะมีชู้ไม่ได้หรือไง? ตอนนี้หล่อนกำลังอยู่กับคนรักเก่าของหล่อนอยู่! นายมันคนโง่ โดนสวมเขาแล้วยังไม่รู้เรื่องอีก! 

เย่เฉินมึนงงไปเลย  คุณพูดอะไร? ตอนนี้หงเหยียนกำลัง… 

ก่อนหน้านี้ฉินหงเหยียนบอกแค่ว่านัดกินข้าว แต่ไม่ได้บอกว่ากินกับใคร

วงสังคมของฉินหงเหยียนกว้างเกินไป เพื่อนที่รู้จักนั้นก็มีมากเกินไป เย่เฉินจึงไม่ได้ถามอีกฝ่ายละเอียดไปทุกครั้ง

พอจะมองออกว่าหวังเจียเหยาน่าจะไปรู้อะไรมา ทันทีที่หล่อนเข้าบ้านก็รู้ว่าฉินหงเหยียนไม่อยู่บ้าน

มิฉะนั้นหล่อนไม่มีทางกล้าพูดไม่ดีมากมายขนาดนี้เกี่ยวกับฉินหงเหยียนในวิลล่าของอีกฝ่ายหรอก

หวังเจียเหยากล่าว  ถูกต้อง ผู้ชายคนนั้นที่เลี้ยงดูฉินหงเหยียนชื่อสวี่ฉู่หมิง เขาเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง แถมยังสนิทกับปู่ของหลิ่วอวี่เจ๋อมากด้วยเป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมาหลายปี คิดว่าหล่อนถูกสามีฉันกดดันจนอับจนหนทาง ดังนั้นถึงได้กลับหาคนรักเก่าเพื่อขอให้ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้

เมื่อครู่อวี่เจ๋อโทรหาฉัน บอกว่าต่อไปห้ามยุ่งกับหวังเจียเหยาอีก ฉินหงเหยียนจะต้องทำเรื่องผิดต่อนายแน่ ตอนนั้นที่ฉันไปเปิดห้องกับฟางเชา นายยังจะยืนกระต่ายขาเดียวจะหย่ากับฉัน ขนาดโอกาสยังไม่ให้ฉันเลย! ครั้งนี้ทางที่ดีก็ทำแบบนั้นใส่ฉินหงเหยียนด้วยสิ! ถ้านายกล้าให้อภัยหล่อน ให้โอกาสหล่อน ฉันไม่มีทางปล่อยนายเอาไว้แน่! 

หวังเจียเหยาอยากจะเห็นเย่เฉินกับฉินหงเหยียนเลิกกันจะแย่ คนหนึ่งเป็นผู้ชายที่หล่อนชอบที่สุด ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงที่หล่อนเกลียดชังที่สุด พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันทำให้หวังเจียเหยารู้สึกไม่ดีสุดๆ!

 สวี่ฉู่หมิง… 

เย่เฉินครุ่นคิดเขาไม่ได้มีความทรงจำอะไรกับชื่อนี้เลย

เศรษฐีในประเทศนี้ เขารู้จักแค่ที่ดังๆ ไม่กี่คน

 ผมไม่เชื่อ! 

เย่เฉินไม่เชื่อว่าฉินหงเหยีนจะทรยศตนเองเพียงเพราะคำพูดจากหวังเจียเหยาเพียงฝ่ายเดียว!

เขาและฉินหงเหยียนไม่ได้รู้จักกันมาเพียงไม่กี่วัน ฉินหงเหยียนทำอะไรเปิดเผย ไม่เคยมีอะไรปิดบังกัน และไม่ใช่ผู้หญิงแบบเดียวกับหวังเจียเหยา!

เย่เฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาฉินหงเหยียน

หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินโทรหาฉินหงเหยียน แล้วนั่งหัวเราะบนโซฟา ขาขวาพาดบนขาซ้ายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม รอดูอะไรสนุกๆ

ทว่าในสายกลับบอกว่า  อีกฝ่ายไม่สะดวกรับสาย 

หวังเจียเหยาจงใจยั่วยุเย่เฉิน  ฉินหงเหยียนไม่รับสายล่ะสิ? ก็ไม่แปลกหรอกไม้แน่ว่าหล่อนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับลุงคนนั้นก็ได้ จะไปมีเวลามารับสายนายได้ยังไง ถ้าเกิดนายดันฟังอะไรออกจากในสายจะทำยังไง? 

 คุณหุบปากไปเลย! 

เย่เฉินตะคอกใส่หวังเจียเหยา

 นาย…  หวังเจียเหยาหัวเสียแล้วทำปากยื่น

3 ปีที่ผ่านมาเย่เฉินเชื่อฟังหวังเจียเหยาอย่างมาก ในอดีตล้วนแต่เป็นหวังเจียเหยาที่เป็นฝ่ายตะคอกใส่เย่เฉิน เย่เฉินไม่เคยกล้าใช้ท่าทีแบบนี้พูดกับตนเอมาก่อน

ตอนนี้เย่เฉินกำลังหงุดหงิด ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อใจฉินหงเหยียน แต่ก็ยังอยากจะโทรศัพท์เพื่อยืนยันกับฉินหงเหยียนให้แน่ใจ

ดังนั้นเขาจึงกดโทรออกอีกครั้ง

 ขอโทษค่ะ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก! 

ปิดเครื่องไปแล้ว!

เมื่อครู่ยังตัดสาย ตอนนี้กลายเป็นปิดเครื่องไปเสียได้!

หรือว่าฉินหงเหยียนจงใจปิดเครื่องเพื่อไม่รับสายเย่เฉินงั้นเหรอ?

หรือว่าหล่อนอยู่กับคนรักเก่าจริงๆ หรือทำเรื่องอะไรที่ให้เย่เฉินรู้ไม่ได้?

ในวินาทีนี้เย่เฉินก็เริ่มคิดเลอะเทอะขึ้นมา!

ทันใดนั้นเองใจของเย่เฉินก็เหมอืนถูกมีดเสียบ เขาในตอนนี้ย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอวิ๋นโจว

ตอนนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อเองก็หาคนซื้อนิ้วของเย่เฉิน เย่เฉินออกบ้านไม่ได้ แต่ภรรยาสาวแสนสวยของเขากลับแต่งตัวสวยทุกวันไปแอบนัดพบกับหลิ่วอวี่เจ๋อที่โรงพยาบาล!

ความรู้สึกปวดใจแบบนั้นกลับมาอีกแล้ว!

คราวนี้เย่เฉินเองร่วงผลอยลงบนโซฟา แววตาก็ไม่แน่วแน่เหมือนเมื่อก่อน

คราวนี้หวังเจียเหยาก็ไม่เหน็บแนมหญิงสาวและไม่มีความสุขที่เห็นอีกฝ่ายเป็นทุกข์อีก แล้วเขยิบตัวเข้าไปใกล้ที่เย่เฉินนั่ง จากนั้นก็เริ่มพูดจาปลอบโยนเขา

 เย่เฉินอย่าเสียใจเพื่อผู้หญิงสารเลวแบบฉินหงเหยียนเลย ไม่คุ้มค่ากันหรอก! ฉินหงเหยียนและหลิ่วอวี่เจ๋อล้วนแต่เป็นหมาป่าในขนแกะ พวกเขาต่างก็เสแสร้งทำเป็นรักพวกเราแต่กลับทำเรื่องที่ผิดต่อพวกเรา! 

ทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็ยื่นมือมาจับมือของเขา แล้วสอดประสานนิ้วเข้ากับเขาแน่น แววตาเต็มไปความเกลียดชังและคับแค้นใจ

 เย่เฉินพวกเขาทำยังไง พวกเราก็ทำแบบนั้นกันเถอะ! 

 

ฉินหงเหยียนจัดการตัวเองในห้องน้ำอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินกลับที่ห้อง VIP อย่างรวดเร็ว

เมื่อหลิ่วอวี่เจ๋อรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสวี่ฉู่หมิงกับฉินหงเหยีนชัดเจนแล้ว ก็ไม่ถามอะไรอีกแล้วหาข้ออ้างไปห้องน้ำ

เมื่อมาถึงห้องน้ำแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อก็กดโทรหาหวังเจียเหยา

 ฮัลโหล คุณภรรยาที่เคารพครับทำอะไรอยู่เหรอครับ? กินข้าวหรือยังครับ? วันนี้คุณน่าจะมาทานข้าวกับผม 

หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นห่วงเป็นใยหวังเจียเหยา

ส่วนตอนนี้หวังเจียเหยายังโกรธอยู่ ยังไม่ให้อภัยเขาแต่กล่าวด้วยเสียงเย็นชา

 ฉันไม่ไปกับนายหรอก เดี๋ยวจะไปขัดเวลาสวีทจู๋จี๋กับแม่ดาราสาวของนายน่ะสิ 

หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนกล่าว  ที่รักครับ ผมไม่ได้ติดต่อกับดาราอะไรนั่นอีกแล้วนะ ผมรับรองเลยครับว่าผมจะไม่ทำผิดอีก 

หวังเจียเหยาแค่นเสียง  ช่างหัวนายเถอะ ยังไงเสียฉันก็ทำอะไรกับนายไม่ได้ ฉันวางล่ะ 

 อย่าเพิ่งสิครับ อย่าเพิ่งวางสายที่รัก  หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนเรียกอีกฝั่งปลายสาย  ผมมีอะไรจะบอกครับเกี่ยวกับแฟนของอดีตสามีคุณ ฉินหงเหยียนน่ะ 

 ฉินหงเหยียนเหรอ? หล่อนทำไม? 

ทันทีที่พูดถึงชื่อฉินหงเหยียน น้ำเสียงเย็นชาของหวังเจียเหยาก็ร้อนรนขึ้นมา

หล่อนเป็นคนอวิ๋นโจวที่มาที่เทียนไห่ ย่อมไม่สนใจพวกคนในเทียนไห่

แต่ฉินหงเหยียนมีอะไรเกี่ยวข้องกับหล่อน ฉินหงเหยียตบหน้าหวังเจียเหยาแถมยังคบกับอดีตสามีหล่อน

ทั้งสองคนจะต้องเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันแน่ๆ

หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะหึหึ  ผู้หญิงแพศยาฉินหงเหยียน ดูภายนอกก็เหมือนสูงส่งเสียเต็มประดา แต่ที่จริงแล้วก็เป็นเมียน้อยคนอื่นตั้ง 3 ปี หล่อนเคยมีผู้ชายเลี้ยงมาก่อนด้วยซ้ำไป! 

หวังเจียเหยาเองก็ตื่นเต้นหลังจากที่ได้ยิน  หล่อนเคยมีคนเลี้ยงเหรอ? ไม่จริงล่ะมั่ง? หล่อนดูแล้วไม่เหมือนผู้หญิงที่เคยมีคนนเลี้ยงเลย แต่เหมือนผู้หญิงเก่งที่เลี้ยงผู้ชายต่างหาก 

หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วน  จะเป็นเรื่องโกหกได้ยังไง? คนที่เลี้ยงหล่อนเป็นน้องชายร่วมสาบานกับคุณปู่ของผม สวี่ฉู่หมิงเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง! ผมกินข้าวกับพวกเขาสองคนแล้วเมื่อกี้สวี่ฉู่หมิงเพิ่งบอกผมเองกับปากเขาเลย! 

หวังเจียเหยาเองก็รู้จักสวี่ฉู่หมิงคนนี้ตั้งแต่ตอนที่ตนเองยังเด็ก

เมื่อครู่หลิ่วอวี่เจ๋อชวนหวังเจียเหยามากินข้าวด้วยกัน บอกว่าจะมากินข้าวกับสวี่ฉู่หมิงคนที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง

ทว่าหวังเจียเหยาไม่ยอมออกบ้านกับหลิ่วอวี่เจ๋อ

เพราะว่าเรื่องที่หลิ่วอวี่เจ๋อไปมีชู้นั้นคนก็รู้กันทั่ว ถ้าออกไปกับเขา ไม่ได้แปลว่าให้อภัยเขาแล้ว ถ้าทำแบบนั้นจะเห็นว่าตัวเองดูใจง่ายไปหน่อย!

หวังเจียเหยาเองก็ตกตะลึง  พี่น้องร่วมสาบานกับคุณปู่ของนายเหรอ? สวี่ฉู่หมิงอายุไม่ปาไป 70 เลยเหรอ? สวรรค์ ผู้หญิงอย่างฉินหงเหยียนนี่ไม่ติดใจอะไรเลยหรือไง คิดไม่ถึงว่าจะไปเป็นกิ๊กกับผู้ชายที่เกือบจะลงโลง? ผู้ชายอายุเกือบ 70 จะยังทำอะไรได้? หล่อนไม่รู้จักเลือกหรือไง? 

หลิ่วอวี่เจ๋ออธิบาย  ไม่เลยๆ สวี่ฉู่หมิงไม่ได้แก่ขนาดนั้น อายุเพิ่งจะ 50 ต้นๆ เอง ปกติผมเรียกเขาว่าคุณอาด้วยซ้ำไป 

 อ้อ ฉันก็ตกใจหมด ถ้าฉินหงเหยียนนอนกับผู้ชายอายุ 70 สามปี ฉันคงจะขยะแขยงแทนเธอ แต่ 50 ก็เรียกว่าแก่แล้ว! 

ตัวหวังเจียเหยาเองกับผู้ชายอายุ 40 ก็ถือว่ายังพอได้ อต่ถ้ามากไปกว่านั้นก็ทนไม่ไหวแล้ว

อันที่จริงแล้วฉินหงเหยียนก็เป็นเหมือนกัน สวี่ฉู่หมิงเลี้ยงฉินหงเหยียนก็น่าจะตอนที่อายุ 40 ปี ตอนนั้นยังอยู่ในช่วงอายุที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของบุรุษเพศ

 จริงสิ แล้วทำไมพวกนายถึงได้ไปกินข้าวด้วยกันได้ล่ะ?  หวังเจียเหยาถามอย่างประหลาดใจ

หลิ่วอวี่เจ๋อตอบ  ก็ช่วงก่อนฉันเอาแต่ไล่ขัดแข้งขัดขาหวังเจียเหยาใช่ไหมล่ะ? ทำให้หล่อนหางานไม่ได้ หล่อนไม่ยอมก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากคนรักเก่า มื้ออาหารในวันนี้เกิดขึ้นเพราะอยากจะคลี่คลายเรื่องที่ผิดใจกัน ต่อไปผมจะไม่หาเรื่องเย่เฉินกับฉินหงเหยียนอีก ที่รัก ฉินหงเหยียนคนนี้พวกเราคงทำอะไรหล่อนอีกไม่ได้แล้ว หล่อนไม่ธรรมดาเลย เมื่อกี้สวี่ฉู่หมิงเพิ่งบอกว่าจะแต่งงานกับหล่อน! สวี่ฉู่หมิงเป็นคนที่คุณปู่ผมนับถือ เขามีทรัพย์สินมาก คนอายุพอๆ กับเขาแล้วเป็นได้อย่างเขาทั้งประเทศเรามีไม่กี่คนหรอก 

หวังเจียเหยาตกใจ  นายบอกว่าสวี่ฉู่หมิงจะแต่งงานกับหล่อนเนี่ยนะ? แล้วเย่เฉินล่ะ? 

หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วน  เย่เฉินจะต้องถูกฉินหงเหยียนทิ้งแน่นอนล่ะสิ! ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์แบบนี้จะทนคบกับคนที่ไม่มีอะไรสักอย่างได้ยังไง! คนโง่ยังรู้เลยว่าระหว่างคนส่งพัสดุกับผู้บริหารบริษัทแสนล้านควรเลือกใคร วันนี้ฉินหงเหยีนดื่มไปไม่น้อยเลย เหล้าขาวที่ดื่มไปหล่อนดื่มหมดแก้วตลอดเลย คิดว่าคืนนี้คงไม่กลับไปที่วิลล่าเฝยชุ่ยแล้วล่ะ ฮ่าๆ เย่เฉินที่น่าสงสารโดนสวมเขาแล้ว ฮ่าๆ… 

เย่เฉินเคยหักนิ้วเขาทิ้ง เขาย่อมต้องมีความสุขอย่างมากเหมือนเห็นแฟนสาวของศัตรูเจอเรื่องแบบนี้

ทว่าหวังเจียเหยาก็ยังคงหัวเสียเหมือนได้ยินคำนี้  หัวเราะอะไร ฉันก็โดนนายสวมเขาไม่ใช่หรือไง! 

 แค่ก…ที่รักครับ ทำไมคุณถึงโยงเมาที่เรื่องของผมได้ล่ะ 

หลิ่วอวี่เจ๋อระอาใจ

หวังเจียเหยากล่าว  เอาเถอะ ไม่พูดกับนายแล้ว นายก็มอมฉินหงเหยียนเยอะๆ หน่อยแล้วกันแล้วตอนกินข้าวเสร็จก็ตามไปหน่อยว่าหล่อนไปไหนกันแน่ กลับบ้านหรือเปล่าก็บอกฉันล่วงหน้าหน่อย 

 ก็ได้ ที่รัก ผมจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จเลยครับ! 

หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะคิกคัก

วางสายเสร็จ หวังเจียเหยาก็กระแทกเท้าตึงตังไปมาที่วิลล่า

หล่อนไม่ได้มีความสุขบมความทุกข์ของพวกเขาหรือว่าเยาะเย้ยพวกเขา แต่หล่อนโมโหต่างหาก!

 ดีนี่ ฉินหงเหยียน เธอมันแผนสูงกว่าฉันจริงๆ ด้วย มิน่าล่ะคุณย่าถึงได้บอกให้ฉันเรียนรู้จากเธอ ฉันคงต้องกราบเธอเป็นครูบาอาจารย์จริงๆ แล้วล่ะ! เธอโอ๋สามีเก่าฉันที่นี่ แสร้งทำเป็นว่าชอบเขานักหนา แล้วก็โร่ไปหมั้นหมายกับผู้บริหารแสนล้าน! เย่เฉินเธอก็ได้เขามาครอบครอง สามีแสนล้านเธอเองก็มีเหมือนกัน มีสิทธิ์อะไร!! ของพวกนี้ทั้งหมดมันควรเป็นของฉันสิ! 

หวังเจียเหยาหงุดหงิด

แผนการของหวังเจียเหยาต่างหากคือการดื่มด่ำไปกับความหล่อเหลา ความเยาว์วัย ความรักเดียวใจเดียวและเป็น safe zone ให้หล่อนอย่างเย่เฉิน เอาเขาเป็นตัวสำรองแล้วก็หาสามีรวยๆ สักคน

แต่ฉินหงเหยียนกลับแย่งเย่เฉินไป ถ้าหากว่ารักเขาจริงๆ ก็ช่างเถอะ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฉินหงเหยีนก็จะเล่นกับความรู้สึกของเย่เฉินเหมือนกัน!

 สามีของฉันก็ตกหลุมพรางผู้หญิงแพศยาอย่างหล่อน! 

ถึงแม้ว่าหวังเจียเหยาจะทำผิดต่อเย่เฉิน แต่ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาตลอดระยะเวลา 3 ปีทำให้วันนี้หล่อนยังชอบเขาอยู่

ดังนั้นหล่อนจึงไม่สามารถเห็นเย่เฉินโดนหลอกต่อไปได้

ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงรีบเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าใสซื่อแบบที่เย่เฉินชอบที่สุด จากนั้นก็วิ่งไปวิลล่าหลังข้างๆ แล้วออกแรงเคาะประตู

 เย่เฉิน! เย่เฉิน! ฉันหวังเจียเหยา รีบเปิดประตูเร็ว! 

เย่เฉินขมวดคิ้วมุ่นแล้วเดินมาที่ประตู มองลอดกล้องวงจรปิดก็เห็นหวังเจียเหยา

และเป็นชุดที่ทำให้เย่เฉินชอบจริงๆ เมื่อเห็นหญิงสาวในจอภาพก็ทำให้เขาย้อนนึกถึงวันเก่าๆ

ทว่าเย่เฉินกลับไม่ได้เปิดประตูให้หล่อน

 หล่อนมาหาฉันทำไม? อย่าบอกนะว่าเสียใจทีหลังแล้วเกิดคิดถึงฉันขึ้นมาน่ะ เหอะรู้งี้ไม่น่าทำแบบนั้นเลยสินะ! 

ใครจะรู้ว่าพอหวังเจียเหยาเคาะประตูแล้วไม่มีใครเปิดประตู หล่อนก็วีดีโอคอลหาเขาทันที

และเพียงแค่ประตูกั้นทำให้หญิงสาวได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ด้านใน

 เย่เฉิน ฉันรู้นะว่านายอยู่ด้านใน รีบเปิดประตู! 

หวังเจียเหยาสั่ง

เย่เฉินทำอะไรไม่ได้ เขาจึงจำต้องเปิดประตูแล้วท่าทีของเขายังคงเย็นชา  คุณนายหลิ่วดึกขนาดนี้แล้ว คุณมาพบผมคงไม่ค่อยเหมาะล่ะมั้ง? ผมกับหงเหยียนเตรียมจะเข้านอนแล้ว

หวังเจียเหยายังคงสวยล่มเมืองแล้วกล่าวเสียงเย็นชา  ชิ หลอกใครกันน่ะ ต่อให้ฉินหงเหยียนจะนอนจริงๆ ก็ไม่นอนกับนายหรอกย่ะ! 

 

หลิ่วอวี่เจ๋อพอจะมองออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียนไม่ธรรมดา!
หลิ่วหย่วนหางพูดแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อย่อมไม่กล้าขัดขืน
เขาถือแก้วเหล้าแล้วเดินไปดื่มเหล้าให้ฉินหงเหยียน “พี่หงเหยียนเรื่องก่อนหน้านี้ผมตต้องขอโทษจริงๆ ทำไมพี่ไม่บอกล่ะครับว่าพี่รู้จักกับคุณอาสวี่ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ว่าพี่สนิทกับคุณอาสวี่ขนาดนี้ ให้ผมใจกล้ามากขนาดไหนก็ไม่กล้าไปล่วงเกินพี่หรอกครับ ผมดื่มหมดแก้วเลยแล้วกัน หวังว่าพี่หงเหยียนจะให้อภัยผม”
ฉินหงเหยียนคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อที่เป็นคนวางอำนาจบาตรใหญ่มาตลอด จะยอมขอโทษตนเอง แล้วขอร้องให้หล่อนให้อภัย
ฉินหงเหยียนเห็นมือเขายังใส่เฝือกอยู่ก็กล่าว “ไม่เป็นไรๆ คุณไม่ต้องดื่มเหล้าขอโทษฉันหรอกค่ะ”
แต่ว่าถึงแม้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะบาดเจ็บ แต่ก็ยังดื่มเหล้าจนหมด
นี่ถือว่าเป็นการให้เกียรติสวี่ฉู่หมิงมากแล้ว
เมื่อดื่มเสร็จ หลิ่วอวี่เจ๋ออดถามไม่ได้ “พี่หงเหยียน พี่เป็นอะไรกับคุณอาสวี่กันแน่? รู้จักกันได้ยังไง?”
ไหนเลยฉินหงเหยียนจะกล้าบอกเชพวกเขาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน แต่ก่อนก็ไม่รู้ว่าควรจะโกหกหรือไม่
สวี่ฉู่หมิงเป็นฝ่ายคลี่คลายสถานการณ์ “ฉันเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของหงเหยียน หงเหยียนค่อนข้างโชคร้ายน่ะ พ่อแม่จากไปค่อนข้างไว ในฐานะที่เป็นญาติผู้ใหญ่ ฉันจะปล่อยเธอตามมีตามเกิดก็ไม่ได้จริงไหม?”
สวี่ฉู่หมิงยามอยู่ต่อนหน้าพวกคนรุ่นหลังยังอยากจะวางท่าเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ
เมื่อเพื่อนสนิทตายไปแล้ว เขายังช่วยดูแลลูกสาวของเพื่อนให้ด้วย
แต่ความจริงล่ะ?
สวี่ฉู่หมิงกลับนอนกับลูกสาวเพื่อนสนิทเสียงอย่างนั้น!
นี่ถือว่าเป็นการดูแลหรือเปล่านะ!
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงต่อมา หลิ่วอวี่เจ่อก็ส่งสายตาบอกหลิ่วเฟิง
จู่ๆ หลิ่วเฟิงก็ผุดลุกขึ้น “ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ”
“ผมก็ด้วย”
หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็เดินตามหลิ่วเฟิงออกไปจากห้อง VIP
เมื่อมาถึงห้องน้ำ หลิ่วอวี่เจ๋อก็กล่าวกับหลิ่วเฟิง “พี่ครับพี่คิดว่ายังไง? ผมว่าฉินหงเหยียนกับหลิ่วอวี่เจ๋อจะต้องไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบฐาติผู้ใหญ่กับลูกหลานธรรมดาแน่ๆ พวกเขาต้องมีอะไรในกอไผ่แน่!”
หลิ่วเฟิงเองก็เห็นด้วยกับความคิดน้องชาย “หงเหยียนไม่มีทางฟันฝ่าจนมาเป็นรองประธานบริษัทหัวเซิ่งได้ด้วยกำลังตัวเองเพียงคนเดียวแน่ ฉันพอจะเดาออกตั้งนานแล้วเบื้องหลังหล่อนต้องมีนายทุนอะไรแน่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสวี่ฉู่หมิง ในเมื่อสวี่ฉู่หมิงเป็นเพื่อนสนิทของพ่อฉินหงเหยียน งั้นพวกเขาก็รู้จักกันมาน่าจะเป็นเวลาสิบกว่ายี่สิบกว่าปี ไม่แน่ว่าเมื่อสิบปีก่อนฉินหงเหยียนอาจจะกลายเป็นผู้หญิงของสวี่ฉู่หมิง!”
“ฮ่าๆ!” หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะออกมา “ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ! ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ หงเหยียนคงจะไปขอความช่วยเหลือจากคนรักเก่าเพียงเพราะอยากจะให้พวกเราปล่อยหล่อนไป ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้นจะแปลว่าเย่เฉินกำลังจะตกกระป๋องแล้วสินะ?”
หลิ่วเฟิงก็หัวเราะเสียงเย็น “คุณอาสวี่ของพวกเราคนนี้ไม่เคยทำการแลกเปลี่ยนที่ตัวเองเสียเปรียบ ในเมื่อวันนี้เขาช่วยฉินหงเหยียนแปลว่าจะต้องให้ฉินหเงหยียนตอบแทนบุญคุณเขาแน่ คิดว่าก่อนกินข้าวหล่อนคงจะปรนนิบัติคุณอาสวี่จนหนำใจไปแล้ว”
“ฮ่าๆ ฉินหงเหยีนนี่ใช้ได้จริงๆ! ถ้าแบบนี้ก็แปลว่าเย่เฉินโดนสวมเขาแล้วล่ะสิ? ฮ่าๆ”
ทันทีที่หลิ่วอวี่เจ๋อคิดได้ว่าฉินหงเหยียนอาจจะทำเรื่องที่ผิดเย่เฉิน ก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
สำหรับหลิ่วอวี่เจ๋อ ที่จริงการได้เตะต่อยเย่เฉินสักยกไม่สู้การที่ฉินหงเหยียนทรยศเขา ทิ้งเขาไป
“ไปกัน พวกเราเข้าไปแล้วลองหยั่งเชิงถามดู”
หลิ่วอวี่เจ๋อและหลิ่วเฟิงเดินกลับไปที่ห้อง VIP หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นฝ่ายถือเหล้าเหมาไถไปรินเหล้าให้ฉินหงเหยีนก่อน จนทำให้ฉินหงเหยียนตกใจจากการได้รับความรักมากมายขนาดนี้
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “พี่หงเหยียนไม่ดื่มก็คงจะไม่รู้จักกันนะครับ คุณอาวสวี่น่ะเป็นเหมือนกึ่งๆ พ่อของผมเลย ครอบครัวของเราสองคนน่ะสนิทสนมกันมากๆ ต่อไปพวกเราทุกคนก็เป็นคนกันเองแล้ว”
“อึ้ก ขอบคุณนะ” ฉินหงเหยียนถือแก้วเหล้าขาวเป็นมารยาท
ทว่านิ้วสองนิ้วที่มือขวาของหลิ่วอวี่เจ๋อพิการไปแล้ว บวกกับที่เขาจงใจพลาด ทำเหล้าหกใส่กระโปรงของฉินหงเหยียน
“แย่แล้ว ขอโทษด้วยนะครับ พี่หงเหยียน ผมไม่ระวังเองๆ”
หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนขอโทษ
ฉินหงเหยียนรู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อบาดเจ็บ จึงไม่โทษเขาแล้วกล่าว “ไม่เป็นไร เดี่ยวเช็ดๆ ก็ดีแล้ว”
ฉินหงเหยียนหยิบกระดาษออกมาเช็ดเล็กน้อยแล้วผุดลุกขึ้น “พวกคุณกินกันก่อนเลย ฉันไปห้องน้ำเดี๋ยวเดียว”
หลังจากที่ฉินหงเหยียนเดินไปแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อฉวยโอกาสนี้ไปถามสวี่ฉู่หมิง “คุณอาสวี่ คุณเป็นอะไรกับฉินหงเหยียนกันแน่น่ะครับ? ทำไมผมดูๆ ไปแล้วไม่เหมือนกับแค่ญาติผู้ใหญ่กับลูกหลานเลยล่ะครับ”
หลิ่วเฟิงเองก็กล่าว “จริงๆ เลยผมเข้ามาเห็นคุณอากับพี่หงเหยียน ก็คิดว่าหล่อนเป็นแฟนคุณอาเสียอีก อากับหล่อนอยู่ด้วยกัน มันเหมาะสมจริงๆ เลยเหมือนเป็นแฟนกันเลยล่ะครับ”
“จริงด้วยครับ ทั้งท่าทาง ทั้งออร่า เหมาะสมกันสุดๆ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็เสริมพี่ชาย
หลิ่วหย่วนหางตำหนิ “พวกแกไอ้เด็กเปรตสองคน เรื่องของผู้ใหญ่พวกแกจะถามเซ้าซี้ทำไม!”
สวี่ฉู่หมิงหัวเราะพลางโบกมือแล้วถามทั้งสองคน “ฉันกับหงเหยียนดูเหมือนคนเป็นแฟนกันเหรอ? ฉันอายุปูนนี้เป็นพ่อของหล่อนได้แล้ว”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “เหมือนคนเป็นแฟนกันจริงๆ ครับถึงอายุจะดูห่างกัน แต่ดูไปแล้วเหมือนคู่รักกันกันเลยล่ะครับ”
ความจริงแล้วสิ่งที่หลิ่วอวี่เจ๋อพูดนั้นก็เป็นความจริง
สวี่ฉู่หมิงเองเป็นคนที่มีมาดของผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ เป็นผู้บริหารบริษัทแสนล้าน ย่อมมีเสน่ห์ของผู้ชายที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ
ส่วนฉินหงเหยียนเองก็เป็นผู้หญิงประเภทคนที่ประสบความสำเร็จในวงการธุุรกิจ พอยืนเคียงข้างสวี่ฉู่หมิงแล้วเหมาะสมกว่ายืนเคียงข้างเย่เฉิน
อย่างน้อยๆ ในสายตาของคนทั้งประเทศ ทุกคนค่างก็คุ้นเคยกับการที่ผู้หญิงสวยๆ อยู่กินกับชายแก่ที่มีเงินหรือชายหัวล้าน
แต่กลับไม่ค่อยจะเห็นผู้หญิงสวยๆ อยู่กับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าตัวเอง
นี่เป็นสถานการณ์ที่เห็นได้บ่อยๆ ที่นี่
สวี่ฉู่หมิงกล่าวอย่างดีอกดีใจ “บอกพวกเธอไปก่อนก็ไม่เป็นไร ฉินหงเหยียนจะเป็นภรรยาฉันเร็วๆ นี้แหละ”
หลิ่วเฟิงกับหลิ่วอวี่เจ๋ออ้าปากค้างและพูดไม่ออก กระทั่งหลิ่วหย่วนหางเองก็ยังตกใจไปด้วยเช่นกัน
ด้วยสถานะในวันนี้ของสวี่ฉู่หมิงในตอนนี้ ภรรยาของเขาจะต้องมีอิทธิพลอย่างมากต่อทั้งวงการธุรกิจ!
หลิ่วอวี่เจ๋อตื่นตระหนก เขาเคยจินตนาการว่าสวี่ฉุ่หมิงกับฉินหงเหยียนน่าจะมีอะไรในกอไผ่กัน แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสวี่ฉู่หมิงจะแต่งงานกับหญิงสาว!
เขาคิดว่าเพื่อนรุ่นน้องของตนเองคงจะเล่นๆ เท่านั้น!
สวี่ฉู่หมิงมีอิทธิพลอย่างมาก ถือได้ว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับปู่ของตนเอง ส่วนหลิ่วอวี่เจ๋อนั้นใจยังคงเกลียดชังฉินหงเหยียนอยู่ เขาย่อมไม่อยากเห็นฉินหงเหยียนได้ดี!
หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนกล่าว “คุณอาสวี่ อาก็ออกจะ..เกินไปไหมล่ะ? ในเมื่ออาชอบพี่หงเหยียนก็ไม่เห็นจำเป็นต้องแต่งงานกับหล่อนเลยนะครับ!”
หลิ่วเฟิงเองก็กล่าว “จริงด้วยครับคุณอาสวี่ ผู้หญิงในตอนนี้เจ้าเล่ห์มากนะ พวกหล่อนต่างก็อยากแต่งานกับคนรวยๆ อาต้องระวังนะครับ”
สวี่ฉู่หมิงหัวเราะร่วน “ทุกคนสบายใจเถอะ ถนนที่ฉันเดินน่ะอาจจะมากกว่าเกลือที่พวกเธอเคยกิน”
“แล้วอีกอย่างแม่หนูหงเหยียนคนนี้ ฉันรู้จักหล่อนดี สบายใจเถอะอีกทั้งหล่อนก็เป็นคนที่ฉันสั่งสอนเลี้ยงดูมากับมือ ตอนที่หล่อนอายุ 20 ปีก็มาอยู่กับฉันแล้ว”
หลิ่วอวี่เจ๋อได้ยินข่าวใหม่ที่สะเทือนวงการก็ตื่นตระหนก “ตอนหล่อนอายุ 20 คุณอาเคยเลี้ยงหล่อนเหรอครับ?”
เมื่อมาถึงขั้นนี้สวี่ฉู่หมิงก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป เขาพยักหน้าแล้วกล่าว “อืม ฉันเคยเลี้ยงหล่อนมาสามปี เสียดายก็แต่ไม่สามารถแต่งกับหล่อนได้ แต่ตอนนี้ฉันทำได้แล้ว”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะเจ้าเล่ห์แล้วแอบสะใจ “เย่เฉินเอ่ยเย่เฉิน ฉันล่ะก็คิดว่าแฟนแกสูงส่ง บริสุทธิ์นักหนา ที่แท้ก็เป็นแค่ผู้หญิงมือสองที่เคยผ่านผู้ชายมาแล้วนี่หว่า”
ตอน 6 โมงเย็น เย่เฉินกำลังขับรถจักรยานให้เช่ากลับวิลล่าเฝยชุ่ย
สวี่ฉู่หมิงเหยียดหยามเย่เฉินว่าเป็นแค่คนส่งพัสดุ แต่กลับไม่รู้อะไรเลยว่าสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากการส่งพัสดุในทุกวัน ความคิดของเขาในทุกๆ วันล้วนแต่อาจจะสามารถเขย่าวงการขนส่งได้เลย!
หลังจากการส่งพัสดุไปสองวัน และได้สนทนาร่วมกับกลุ่มคนหลากหลายประเภท เขาก็พบว่าที่ชุนเฟิงกลายเป็นพี่ใหญ่ในวงการเป็นเพียงเพราะแค่พวกเขาปลอดภัยว่า เร็วกว่าและการบริการดีกว่าก็เท่านั้นเอง
แต่ทั้งหมดนี้ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายและค่าบริการที่แพงกว่าเจ้าอื่นๆ
สำหรับเย่เฉินแล้วหลังจากที่รับช่วงต่อไป๋ลี่ ก็สามารถทำเหมือนกับอีกฝ่ายได้ และยังสามารถทำราคาที่ต่ำกว่าอีกเจ้า เพราะสิ่งที่ตระกูลเย่มีมากที่สุดนั้นก็คือเงินทอง
อีกอย่างเขาพบว่าเนื้องานของวงการขนส่งมีเพียงงานเดียว เย่เฉินอยากจะรวมกิจการจนส่งกับเดลิเวอรี่อาหารเอาไว้ด้วยกัน ตอนที่เย่เฉินส่งอาหารหรือไม่ก็พัสดุยังสามารถแปะป้ายโฆษณาได้ด้วย
พนักงานขนส่งถึงขั้นที่สามารถใช้เวลาในการขนส่งอาหารหรือพัสดุในการทิ้งขยะ ขนย้ายสิ่งของ ช่วยขนย้ายระหว่างทางเป็นต้น นี่จะสามารถช่วยเพิ่มรายรับจำนวนมหาศาลให้กับพนักงานขนส่ง
อีกอย่างเย่เฉินยังคิดจะจ้างสาวสวยและหนุ่มหล่อมาเป็นพนักงานขนส่ง ขอแค่หน้าตาของพนักงานไป๋ลี่ดูดีกว่าบริษัทอื่นๆ อย่างั้นแขกก็จะเลือกรับเอกสาร ส่งเอกสาร ตัวเลือกแรกก็จะเป็นไป๋ลี่
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ต้องทำเป็นลำดับต่อไป เย่เฉินก็ผลักประตูวิลล่าออกแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะอาหาร
ฉินหงเหยียนทำกุ้งผัดน้ำมัน เนื้อวัวผัดแห้ง แล้วก็แกงจืดรากบัว
เย่เฉินหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารที่ฉินหงเหยียนทำใส่ปาก ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าอาหารเลิศรสเกินจะบรรยาย
ไม่เพียงแต่อาหารอร่อย แต่หลักๆ ก็คือน้ำใจจากแฟนสาวที่ทำอาหารให้เขาด้วยตนเอง ทำให้เย่เฉินยิ่งตื้นตันไปมากกว่าเดิม
“ตอนนี้ผู้หญิงในประเทศของพวกเราที่ยอมทำอาหารด้วยตัวเองก็น้อยลงไปทุกที เหมือนหวังเจียเหยาที่อยู่บ้านไม่ทำอะไร ไม่ยอมทุ่มเททำอะไรทั้งนั้น ไม่ยอมทำงานบ้าน ไม่ยอมซักผ้าทำอาหารด้วยซ้ำ พวกหล่อนรู้สึกว่าหลังจากแต่งงานไปแล้วต้องทำเรื่อพวกนี้ไม่สู้เป็นโสดไปตลอดชีวิตยังจะดีกว่า แต่ว่าฉินหงเหยียนกลับยอมทำเรื่องพวกนี้เพื่อผม ต่อให้ผมไม่ยอมปล่อยให้เธอทำก็เถอะ”
เย่เฉินถึงได้เข้าใจว่าการรักใครสักคนอย่าแท้จริง คือการยินยอมทุ่มเทเรื่องนี้ ยินยอมลำบากเพื่ออีกฝ่าย
หวังเจียเหยาแตกต่างกับฉินหงเหยียนราวฟ้ากับเหว!
เย่เฉินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วส่งข้อความหาฉินหงเหยียน “ที่รักครับ อาหารที่คุณทำอร่อยสุดยอดไปเลย! รอคุณกลับบ้านเรานะครับ ถ้าจะให้ผมไปรับก็โทรบอกผมนะครับ!”
……
1 ทุ่ม ณ ร้านอาหารส่วนตัว ในวิลล่าจิ่วเจียนถังหมายเลข 51
ที่นี่ไม่รับการจองล่วงหน้า มีแค่คนสนิทเท่านั้นถึงจะมากินข้าวที่นี่ได้ เพราะว่าเป็นส่วนตัวอย่างมาก ดังนั้นแขกจึงเป็นพวกผู้บริหารของธุรกิจใหญ่ๆ มาคุยธุรกิจที่นี่
ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงเคยมากินอาหารที่นี่เมื่อ 7 ปีก่อนกับพวกผู้บริหารที่ทำธุรกิจค้าขาย
ตอนนี้คนพวกนั้นถ้าไม่ใช่คนที่สนิทกันมากๆ ก็เป็นพวกคนที่ร่ำรวยกันสุดยอด อีกทั้งยังเก็บตัวอย่างมาก ฉินหงเหยียนอยากจะติดต่อพวกเขาอยู่หลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้
ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงมาถึงก่อนแล้วนั่งดื่มชารอคนอื่น
หลิ่วหย่วนหางมาที่ห้อง VIP ตรงเวลาพอดี
“พี่ใหญ่!”
สวี่ฉู่หมิงลุกขึ้นแล้วทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆ น้องฉู่หมิง!”
หลิ่วหย่วนหางยิ้มจนตาหยี แล้วสวมกอดกับสวี่ฉู่หมิง ดูแล้วทั้งสองคนสนิทสนมกันจริงๆ
“คุณหลิ่ว”
ฉินหงเหยียนที่แต่งตัวสวยเป็นพิเศษ แล้วทักทายหลิ่วหย่วนหางอย่างนับถือ
“ฉินหงเหยียนเป็นคนเมืองเสินเฉิง เรียกหล่อนว่าเสี่ยวฉินก็ได้” สวี่ฉู่หมิงแนะนำ
“อ้อ เสี่ยวฉิน สวัสดีๆ หน้าตาสวยจริงๆ”
หลิ่วหย่วนหางที่แต่ไหนแต่ไรไว้ตัว และไม่เคยส่งยิ้มให้คนแปลกหน้า คิดไม่ถึงว่าจะส่งยิ้มพลางจับมือกับฉินหงเหยียนแล้วชมว่าหล่อนสวยด้วย
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้พลางคุยกับสวี่ฉู่หมิง “น้องชาย เหมือนฉันเคยได้ยินนายพูดถึงชื่อเสี่ยวฉินอยู่หลายครั้ง อย่าบอกนะว่าหล่อนคือผู้หญิงที่นายพร่ำเพ้อหาอยู่ได้น่ะ”
สวี่ฉู่หมิงเห็นหลิ่วหย่วนหางนั่งลงอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ตนเองก็ทรุดตัวนั่งลงกล่าวพลางระบายยิ้ม “ผมเคยพูดถึงหล่อนให้พี่ฟังตอนไหนครับ? พี่อย่าใส่ความผมสิ”
“เคยสิๆ” หลิ่วหย่วนหางพูดตรงไปตรงมา “นายเมาเหล้าแล้วเอาแต่พูดชื่อเสี่ยวฉินอยู่หลายครั้งเลย”
สวี่ฉู่หมิงหัวเราะร่วน “งั้นเหรอ? ผมจำไม่ได้เลยล่ะ”
ทุกคนต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
และในเวลานี้เองหลิ่วเฟิงและหลิ่วอวี่เจ๋อก็เดินเข้ามาในร้านอาหาร
“คุณอาสวี่”
คุณชายที่ร่ำรวยสองคนก้มคำนับอย่างนับถือทันทีเมื่อเห็นสวี่ฉู่หมิง
สวี่ฉู่หมิงดื่มชาต่อแล้วระบายยิ้ม “อ้อ เสี่ยวเฟิงกับอวี่เจ๋อมาแล้วเเหรอ นั่งสิ”
ส่วนฉินหงเหยียนกลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วนเมื่อเห็นสองคนพี่น้อง
เพราะคนสารเลวหลิ่วอวี่เจ๋อทำให้หล่อนอับจนหนทาง หางานไม่ได้สักที่ในเทียนไห่!
หนำซ้ำตอนที่ทั้งสองคนเจอกันเมื่อคราวก่อน หลิ่วอวี่เจ๋อยังแอบจุมพิตหล่อนอีก!
โชคดีที่ตอนนั้นฉินหงเหยียนมีเย่เฉินเป็นแฟนแล้วจึงไม่อยากทำเรื่องที่ผิดต่อเขา
หากว่าหล่อนยังเป็นโสด ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนรักเย่เฉินไม่มากพอ บางก็อาจจะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาก็เป็นได้!
ในขณะที่บรรยากาศชวนให้กระอักกระอ่วนอย่างยิ่งนี้ คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ หลิ่วหย่วนหางจะโพล่งออกมาว่า “เสี่ยวเฟิง อวี๋เจ๋อทักทายเสียสิ นี่คือเสียวฉินเธอกับอาสวี่เป็น…”
ฉินหงเหยียนกลัวว่าหลิ่วหย่วนหางจะพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกมา จึงรีบผุดลุกขึ้นแล้วกล่าวกับชายหนุ่มสองคน
“พวกคุณเรียกฉันว่าหงเหยียนก็ได้”
หลิ่วเฟิงและหลิ่วอวี่เจ๋อมองเหตุการณ์ตรงหน้าออกทันที พวกเขาประสานเสียงกัน “สวัสดีครับพี่หงเหยียน”
“แค่ก สวัสดีจ้ะ” นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้รับการให้เกียรติจากคนตระกูลหลิ่ว
หญิงสาวคาดไม่ถึงเลยว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะยอมเรียกตนเองว่าพี่หงเหยียน ดูแล้วความสัมพันธ์ระหว่างสวี่ฉู่หมิงและตระกูลหลิ่วน่าจะไม่เลวจริงๆ อีกทั้งเขาน่าจะมีอิทธิพลกับอีกฝ่ายในระดับหนึ่งเลย
หลังจากนั่งลงแล้ว พวกเชฟก็เริ่มทำกับข้าว ส่วนหลิ่วเฟิงเองก็รินสุราให้สวี่ฉู๋หมิงและฉินหงเหยียนด้วยตนเองด้วยท่าทางสุภาพ โดยเขาเคารพนบนอบหญิงสาวอย่างมาก
ฉินหงเหยียนเองก็คุยสัพเพเหระกับพวกเขา
เมื่อเห็นเวลาผ่านไปพอประมาณแล้ว ฉินหงเหยียนเองก็รินเหล้าขาวจนเต็มแก้วสองแก้ว ลุกขึ้นแล้วกล่าวกับหลิ่วหย่วนหาง
“คุณหลิ่วก่อนนี้ฉันกับเย่เฉินแฟนของฉันไปล่วงเกินคุณชายหลิ่วเข้า หวังว่าคนยิ่งใหญ่อย่างพวกคุณจะใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อย ปล่อยให้ฉันได้เดินสะดวกในเมืองเทียนไห่นะคะ ฉันขอดื่มให้คุณค่ะ”
แล้วฉินหงเหยียนก็ยกเหล้าขาวดื่มจนหมดในครั้งเดียว
พอหลิ่วหย่วนหางได้ยินคำว่า ‘แฟนหนุ่ม’ ก็มองมาที่สวี่ฉู่หมิงอย่างสงสัย
สวี่ฉู่หมิงพยักหน้ารับเหมือนเป็นคำตอบ
หลิ่วหย่วนหางเองก็ถือแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วกล่าว “เสี่ยวฉินสบายใจเถอะ น้องสวี่ฉู่หมิงพูดเองแบบนี้ ฉันก็รับปากทุกเรื่องนั่นล่ะ”
“หลิ่วเฟิง อวี่เจ๋อ ต่อไปภายหน้าห้ามไปหาเรื่องเสี่ยวฉินแล้วเข้าใจไหม?”
ถึงแม้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะไม่สบายใจ ถ้าให้ปล่อยเย่เฉินกับฉินหงเหยียนไปแบบนี้ พวกเขาก็จะสบายเกินไปแล้ว
ต้องรู้เอาไว้ว่าตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อมีลูกไม่ได้แล้ว!
เพียงแต่เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับปู่ของเขา ถ้าหากว่าปู่ของเขารู้ว่าเย่เฉินทำร้ายเขาจนมีสภาพแบบนี้ เชื่อว่าต่อให้สวี่ฉู่หมิงเป็นฝ่ายออกหน้าขอร้องแทนพวกเขาก็คงจะไร้ประโยชน์
หลิ่วอวี่เจ๋อมองสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียนแล้วลอบกล่าวกับตนเองในใจ “ฉินหงเหยียนกับสวี่ฉู่หมิงต้องมีสายสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากันแน่ หล่อนอาจจะเป็นกิ๊กกับสวี่ฉู่หมิงด้วยซ้ำไป!”
สวี่ฉู่หมิงเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ฉลาดหลักแหลม แถมยังมีประสบการณ์มากมาย เขาย่อมรู้ว่าฉันหงเหยียนในตอนนี้ ไม่ใช่เด็กสาวตัวเล็กๆ ที่ว่านอนสอนง่ายที่เขาเคยเลี้ยงดูเมื่อ 7 ปีก่อนอีกแล้ว
ใน 7 ปีมานี้ฉินหงเหยียนจากเด็กหญิงตัวเล็กๆ กลายเป็นผู้บริหารหญิงที่สวยที่สุดในอวิ๋นโจว ผู้บริหารจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ตกอยู่ในกำมือของหล่อน
สวี่ฉู่หมิงอยากจะบังคับให้หล่อนแต่งงานกับเขา?
ด้วยนิสัยในตอนนี้ของฉินหงเหยียนหล่อนไม่มีทางยอมทำแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้นสวี่ฉู่หมิงที่อายุกำลังจะย่างเข้าเลขห้าในวัยแซยิดก็รู้ดีแก่ใจว่าในบางอย่างนั้นตนเองไม่อาจเติมเต็มฉินหงเหยียนได้ ในเรื่องนั้นเขาด้อยกว่าชายหนุ่มในวัย 20 กว่าปีอย่างมาก
ถ้าหากต้องให้หล่อนไปทำผิดหลังจากที่แต่งงาน โดยสวมเขาให้ตนเอง ไม่สู้ให้หญิงสาวได้เล่นให้สาแก่ใจ ได้คบหากับคนในวัยเดียวกันก็มันแค่นั้นเอง ต่อไปจะได้ไม่ต้องจินตนาการเลอะเทอะอีก
ฉินหงเหยียนพบว่าสวี่ฉู่หมิงเปลี่ยนไปแล้ว เขาคารพนับถือตนเองมากขึ้นกว่าเดิม
ถ้าเป็นเมื่อ 7 ปีก่อนหากเขารู้ว่าตนเองมีผู้ชายคนอื่น จะต้องใช้วิธีการต่างๆ นานามาทำลายผู้ชายคนนั้น เพื่อให้อีกฝ่ายทิ้งตนเองไป
ฉินหงเหยียนกล่าว “ครึ่งปีหลังจากนี้ฉันก็จะยังพูดเหมือนเดิม ฉันไม่คิดว่าความรักของเย่เฉินและฉันจะจบลงในเวลาไม่ถึงครึ่งปี”
สวี่ฉู่หมิงหัวเราะเย้ยหยัน “เธอประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว หงเหยียนนบางทีตอนนี้เธออาจรู้สึกว่าเลี้ยงผู้ชายได้ช่างน่าภูมิใจ แต่ไม่นานเท่าไหร่เธอก็จะดูถูกเขา เหยียดหยามเขา ความชอบที่มีให้เขาก็จะค่อยๆ หายไปเอง ไม่เชื่อล่ะก็ พวกเรามาลองพนันกันก็ได้ ฉันพนันไว้เลยว่าไม่ถึงครึ่งปีพวกเธอสองคนจะต้องเลิกกัน อีกทั้งเธอจะเป็นฝ่ายขอเลิกด้วย”
ฉินหงเหยียนหัวดื้อมาก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของตนเองที่ตั้งใจจะมีความรักดีๆ กับเขาสักครั้ง
“ได้ค่ะ ฉันเดิมพันกับคุณ เดิมพันว่าครึ่งปีนี้ฉันไม่มีทางเลิกกับเย่เฉินแน่ๆ!”
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมที่แต่งแต้มบนใบหน้าของสวี่ฉู่หมิงเหมือนว่าเขาเองเป็นฝ่ายชนะเดิมพันอย่างไรอย่างนั้น
“ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องอื่นล่ะก็ฉันอยากกลับบ้านแล้ว แฟนของฉันกำลังจะเลิกงาน ฉันต้องกลับบ้านไปทำอาหารให้เขา”
ฉินหงเหยียนยกแขนข้างขวาขึ้นมาดูเวลา
ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันมา 7 ปี แต่อย่างไรเสียฉินหงเหยียนก็เป็นคนที่มีแฟนแล้ว ไม่อยากจะอยู่กับผู้ชายที่เคยเลี้ยงดูตนเองนานจนเกินไป
สวี่ฉู่หมิงได้ยินว่าฉินหงเหยียนจะทำอาหารให้เย่เฉิน ความรู้สึกหึงหวงก็พุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ
เพราะในระยะเวลา 3 ปีที่เขาเลี้ยงดูหญิงสาว เจ้าหล่อนไม่เคยทำอาหารให้เขามาก่อน
ตอนนั้นฉินหงเหยียนยังไม่เคยเรียทำอาหาร นี่เป็นความสามารถใหม่ที่หล่อนเพิ่งทำเป็นหลังจากมาที่อวิ๋นโจว
“เขาทำงานอะไร?” สวี่ฉู่หมิงถาม
เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่งว่าสวี่ฉู่หมิงยังสืบข่าวเกี่ยวกับแฟนหนุ่มน้อยคนนี้ของฉินหงเหยียนมาได้ไม่มากเท่าไหร่
ด้วยระดับของสวี่ฉู่หมิงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรกับศัตรูความรัก ไม่เหลือบแลเย่เฉินอยู่ในสายตา
“เขา…ส่งพัสดุ” ฉินหงเหยียนอายเกินกว่าจะพูด
สวี่ฉู่หมิงยิ้มเจ้าเล่ห์ “ดูแล้วไม่น่าจะถึงครึ่งปี สามเดือนก็พอ”
“หงเหยียน ฉันล่ะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะเอาคนส่งพัสดุมาเป็นแฟน”
ฉินหงเหยียนไม่อยากให้สวี่ฉู่หมิงดูถูกเย่เฉินแบบนี้ หญิงสาวจึงออกตัวแทนเขา
“แฟนของฉันเขาไม่ได้ไร้ประโยชน์แบบนั้น เขาเป็นลูกหลานคนร่ำรวย เมื่อก่อนเขาเป็นหัวหน้าของฉัน เป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป!”
ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ตำแหน่งนี้บางทีอาจจะเขย่าประสาทคนอย่างเหวินเชี่ยนเชี่ยน
แต่ว่าในสายตา CEO ของบริษัทแสนล้านอย่างสวี่ฉู่หมิง เป็นก็แค่ลูกไก่ลูกกาเท่านั้นเอง
ส่วนเป็นลูกเศรษฐีอะไรนั่น เขาเห็นมาเยอะจนเบื่อแล้ว
สวี่ฉู่หมิงก็ยังเหยียดหยามเขาอีก “จะดูผู้ชายในอดีตที่เคยรุ่งเรืองไปทำไม? ถ้าหากว่าเก่งจริงๆ ตอนนี้ต่อให้ไม่มีเงิน ก็ควรจะเอาเงินเธอไปทำธุรกิจแล้วสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาใหม่! แต่ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่? ส่งพัสดุเนี่ยนะ! เป็นสายงานที่ไม่ได้มีความรู้เฉพาะทางแล้วก็ไม่ได้เรียรู้อะไรเลยด้วยซ้ำไป หรือเธอคิดว่าเขาส่งพัสดุ จะได้กลายเป็นผู้บริหารของบริษัทขนส่งงั้นเหรอ?”
ฉินหงเหยียนกัดริมฝีปากกำมือแน่น ไม่รู้ว่าควรจะโต้ตอบอย่างไร
พูดความจริงแล้วหล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเย่เฉินถึงเลือกมาส่งพัสดุ หล่อนย่อมไม่อยากให้แฟนตัวเองไปทำงานในสายอาชีพนี้จริงๆ
แต่เย่เฉินตั้งใจจะทำงานสายนี้ หล่อนจึงไม่อยากไปก้าวก่าย
สวี่ฉู่หมิงเองก็ไม่อยากพูดเหยียดหยามเย่เฉินมากนัก ถ้าเขาทำแบบนั้นจะดูใจแคบมากไปหน่อย
“พูดถึงสายอาชีพการขนส่ง คืนนี้ฉันนัดกินข้าวกับหลิ่วหย่วนหางเถ้าแก่ของบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสกินข้าว เธอไปกับฉันสิ”
สวี่ฉู่หมิงกล่าว
ฉินหงเหยียนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อหลิ่วหย่วนหาง “คุณรู้จักหลิ่วหย่วนหางเหรอ?”
ฉินหงเหียนอยู่กับสวี่ฉู่หมิงมาสามปี ทุกครั้งที่เขาไปคุยธุรกิจ ฉินหงเหยียนก็จะติดตามไปด้วยเสมอ
แต่ในระยะเวลาสามปีนั้น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเจอสวี่ฉู่หมิงติดต่อกับคนตระกูลหลิ่วมาก่อน
สวี่ฉู่หมิงกล่าว “รู้จักกันเมื่อ 5 ปีก่อน แต่แค่เจอก็เหมือนรู้จักกันมานาน เคยทำงานด้วยกันครั้งหนึ่ง ได้เงินมาไม่น้อย ดื่มเหล้าด้วยกันแล้วสาบานเป็นพี่น้องกัน”
“อืม”
ฉินหงเหยียนคาดคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสวี่ฉู่หมิงจะสนิทสนมกับหลิ่วหย่วนหางแบบนี้
สวี่ฉู่หมิงกล่าว “ครั้งนี้ที่ฉันนัดเขากินข้าว ก็เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเธอกับแฟนของเธอ เดี๋ยวตอนเย็นไปกับฉันสิ ตอนกินข้าวจะได้แนะนำให้พวกเธอรู้จักกัน เธอดื่มเหล้าให้เขา เรื่องนี้ก็จะได้ผ่านไปเสียที ส่วนเด็กแซ่หลิ่วนั่นก็จะไม่กล้าหาเรื่องเธออีก”
ฉินหงเหยียนไม่สงสัยในอิทธิพลของสวี่ฉู่หมิงแม้แต่น้อย หล่อนอยู่กับเขา 3 ปี จึงรู้ดีแก่ใจอย่างยิ่งว่าเขาไม่ใช่คนที่ชอบคุยโวโอ้อวด
มีผู้บริหารจำนวนมากชอบคุยโว ยกตัวเอง โม้เรื่องเส้นสายของตนอง โอ้อวดเรื่องความสามารถของตนเอง
พูดว่าไม่ว่าอะไรแค่เพียงคำพูดเดียวของเขาก็จัดการได้ แต่พอเอาเข้าจริงก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
ต่างจากสวี่ฉู่หมิงเขาบอกว่าเรื่องนี้แค่ดื่มเหล้าขอโทษก็จะถือว่าเป็นโมฆะไป เรื่องนี้แค่ดื่มเหล้าขอโทษก็เรียบร้อยแล้ว
แต่ว่าฉินหงเหยียนลังเลว่าควรจะไปกินข้าวกับเขาหรือไม่
สวี่ฉู่หมิงกล่าว “เธอไม่คิดเผื่อตัวเองเลย ก็น่าจะคิดเผื่อแฟนของเธอสิ? ตระกูลหลิ่วทรงอิทธิพลให้เมืองเทียนไห่ขนาดนี้ เธอไม่กลัวแฟนเธอวันไหนไปประสบอุบัติเหตุตอนไปส่งของขึ้นมาหรือไง?”
คำพูดนี้ของสวี่ฉู่หมิงทำให้ฉินหงเยียนเป็นกังวลใจ
ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะมีความสามารถในวิชาป้องกันตัว คนสองสามคนทำอะไรเขาไม่ได้
แต่ถ้าจะให้ป้องกันตัวจากคนที่ลอบทำร้ายล่ะก็ ถ้าหากว่าตระกูลหลิ่วเกิดอยากเล่นลูกไม้สกปรกขึ้นมา เย่เฉินคงต้องลำบากมากแน่
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะไป กี่โมง ที่ไหน?” ฉินหงเหยียนถาม
“หนึ่งทุ่ม ที่วิลล่าจิ่วเจียนถังหมายเลข 51 ที่ก่อนนี้ฉันเคยพาเธอไป ตอนที่ทำ สัญญาซื้อขายสินค้าอ้างอิง” สวี่ฉู่หมิงเตือน
ฉินหงเหยียนย้อนคิด “อ้อ ร้านอาหารส่วนที่ลึกลับมากๆ ร้านนั้นเอง ฉันรู้แล้วค่ะ เดี๋ยวขอกลับบ้านก่อน เดี๋ยวฉันจะไปถึงให้ตรงเวลา”
“ก็ได้” สวี่ฉู่หมิงไม่ได้บังคับหล่อน
ฉินหงเหยียนลงจากรถของเขา แล้วขับรถพอร์ชของตนเองกลับวิลล่าเฝยชุ่ย
หล่อนเข้าไปในครัวทันทีแล้วทำกับข้าวผัด 2 จาน น้ำซุป 1 อย่าง หลังจากทำอาหารเสร็จเหลือบดูนาฬิกาแล้วถอดชุดคลุมกันเปื้อนทิ้ง แล้วส่งข้อความเสียงในวีแชทให้เย่เฉิน
“ที่รักคะ ฉันมีนัดทานข้าวกระทันหัน ไม่ได้อยู่กินข้าวที่บ้านนะ แต่ฉันทำอาหารให้คุณแล้ว เลิกงานก็กลับบ้านมากินข้าวด้วยนะ รักคุณค่ะ!”
ฝ่ายชายดูไปแล้วอายุน่าจะ 40-50 ปีเป็นอย่างน้อย เขาสวมแว่นตา แล้วรูปร่างค่อนข้างท้วม
เขาชื่อสวี่ฉู่หมิง เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองเสินเฉิง เป็นผู้บริหารบริษัทมูลค่าแสนล้าน
ในวินาทีที่ฉินหงเหยียนเห็นสวี่ฉู่หมิง ก็ทำอะไรไม่ถูก
ในวินาทีนั้นเอง หญิงสาวหวนคืดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ตนเองเคยเป็นเด็กของเขาเมื่อเจ็ดปีก่อน
“ขึ้นรถสิ” สวี่ฉู่หมิงกดเสียงต่ำ น้ำเสียงเบาทว่าเป็นคำสั่งที่คนไม่อาจขัดขืนได้เลย
ฉินหงเหยียนเปิดประตู แล้วนั่งเข้าไปในรถโดยสัญชาตญาณ
หลังจากที่ฉินหงเหยียนขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว กลิ่นกลายหอมอบอวนของสตรีเพศก็ลอยอบอวลเต็มหลังรถ
สวี่ฉู่หมิงปิดกระจกรถใหม่อีกครั้ง แต่คนขับรถคนนั้นเมื่อครู่ก็ยังยืนอยู่ที่ด้านนอกรถ ไม่ได้เข้ามาข้างใน
ทั้งสองคนนั้นอยู่ริมถนนซ่าวซิงที่เงียบสงัด ฟิล์มที่ฉาบกระจกนั้นดำสนิทจนทำให้ไม่มีใครมองลอดเข้ามาเห็นเหตุการณ์ภายในรถ
สวี่ฉู่หมิงมองฉินหงเหยียน ชายสูงวัยที่เดิมดูโรยราไปตามวัย ทันใดนั้นเองก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
และเป็นไปอย่างที่คาดสิ่งที่สามารถทำให้ผู้ชายตื่นเต้นได้นั้นก็คือผู้หญิงเสมอ
“คุณก็ยังสวยเหมือนเคยแถมยังดูมีความเป็นผู้หญิงกว่าเดิมด้วย”
สวี่ฉู่หมิงกำมือขาวนวลเนีนของฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนกล่าวอย่างไม่เกรงใจ “คุณแก่ลงนะคะ”
ฉินหงเหยียนเหมือนเข้าใจว่าจะยั่วโมโหคนอย่างสวี่ฉู่หมิงได้อย่างไร หญิงสาวไม่ต้องสะบัดมือเขาทิ้งด้วยซ้ำไป เพียงแค่คำพูดเพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้สวี่ฉู่หมิงที่เป็นฝ่ายจับมือหญิงสาวก่อนต้องสลัดมือหญิงสาวทิ้งเอง
สวี่ฉู่หมิงหัวเราะขมขื่น “ใช่แล้ว ผมแก่ลงกว่าเมื่อเจ็ดปีก่อน มีผมหงอกมากขึ้นเยอะ ร่างกายก็ทรุดโทรมลงไปทุกปี”
ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงไม่เจอกันมาเจ็ดปีแล้ว เมื่อมองผู้ชายคนในอดีต คราวนี้ก็ดูโรยราลงไปมาก จิตใจฉินหงเหยียนสับสน
“คนทุกคนก็ต้องแก่” ฉินหงเหยียนปลอบ
ในอดีตที่ผ่านมาผู้ชายคนนี้สอนฉินหงเหยียนต่างๆ มากมาย เขาเองเป็นผู้ชายเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉินหงเหยียนรัก
เมื่อ 7 ปีก่อน สวี่ฉู่หมิงยังมีท่าทางองอาจอย่างมาก ตัวฉินหงเหยียนในตอนนั้นชอบผู้ชายมีอายุ
ดังนั้นเมื่อถูกเขาเลี้ยงเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี จะเกิดชอบเขาขึ้นมาก็คงไม่แปลกประหลาด
“วันนี้คุณมาทำอะไรที่เทียนไห่? ประชุมเหรอ?” ฉินหงเหยียนถาม
สวี่ฉู่หมิงหันไปมองฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “ฉันมาเพราะเธอ”
“เพื่อฉันเหรอ?” ฉินหงเหยียนเองก็ประหลาดใจอย่างมาก
สวี่ฉู่หมิงกล่าว “ได้ยินมาว่าหลังจากที่เธอมาเทียนไห่ก็เจอปัญหาใหญ่นี่ อยู่มานานขนาดนี้ยังไม่มีบริษัทไหนจ้างเธอเลย ทำไมเธอถึงได้ต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลหลิ่วด้วย? เมื่อก่อนฉันสอนเธอว่ายังไง? เธอเป็นผู้หญิง จะต้องหัดใช้ประโยชน์ในตัวที่เธอมีเอาอกเอาใจผู้บริหารสักคนในเทียนไห่ เมื่อเจ็ดปีก่อนเธอก็ได้ดิบได้ดีที่อวิ๋นโจวนี่ แต่ทำไมพอมาที่เทียนไห่เธอถึงได้ลืมทุกอย่างที่ฉันสอนไปล่ะ!”
เสียงของสวี่ฉู่หมิงดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนผู้สูงวัยกำลังสั่งสอนคนที่อ่อนวัยกว่า
ฉินหงเหยียนเป็นคนที่สวี่ฉู่หมิงสั่งสอน เขาย่อมมีสิทธิ์สั่งสอนฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนหันไปมองอีกทางแล้วส่ายหน้า ด้วยท่าทางดื้อดึง “นี่เป็นเรื่องของฉันคุณไม่ต้องมาสนใจหรอกค่ะ”
สวี่ฉู่หมิงยื่นมือสองข้างออกมาจับหลังคอของฉินหงเหยียนแล้วบิดหน้าให้หญิงสาวหันหลับมา แล้วกล่าวกับหล่อนว่า
“ฉันจะไม่สนใจเธอได้ยังไง? ตอนนั้นถ้าฉันไม่สนใจเธอ แล้วปล่อยให้เธอโดนพวกสารเลวที่ไร้การศึกษาพวกนั้นตามจีบ ปล่อยให้น้องสาวเธอโดนรังแก เธอจะมีวันนี้เหรอ?”
ฉินหงเหยียนก้มหน้าลงมือทั้งสองข้างวางบนกระโปรงอย่างว่าง่าย
“ฉันมีแฟนแล้ว” ฉินหงเหยียนโพล่งออกมา
สวี่ฉู่หมิงคลายมือลงอีกครั้งแล้วแค่นเสียง “ฉันรู้แล้วชื่อเย่เฉินใช่ไหมล่ะ? เหมือนว่าจะอายุน้อยกว่าเธอมากทีเดียว เธอไปล่วงเกินคนตระกูลหลิ่วเข้าเพราะเขาล่ะสิ?”
ฉินหงเหยียนรู้ว่าด้วยศักยภาพของสวี่ฉู่หมิงหมิงแล้ว จะตามสืบเรื่องของเย่เฉินไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย
“ค่ะ ฉันชอบเขามาก เรื่องของเขาก็คือเรื่องของฉัน” ฉินหงเหยียนกล่าว
สีหน้าสวีฉู่หมิงโกรธจัด ผู้ชายขี้หึงเหมือนๆ กันสินะ
“เลิกกับเขาเถอะ เขาไม่เหมาะกับเธอ!” สวี่ฉู่หมิงสั่ง
“ไม่!” ฉินหงเหยียนปฏิเสธทันควัน “คุณไม่มีสิทธิ์สั่งให้ฉันเลิกกับเขา! คุณสวี่ฉู่หมิงพวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ฉันจะเป็นแฟนกับใคร ทำงานอะไรก็เป็นเรื่องของฉัน”
สวี่ฉู่หมิงกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เรื่องเธอคนเดียว? เธอคนเดียวจะทำอะไรได้? ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาถ้าไม่ได้ฉันคอยช่วยเธออยู่ลับๆ เธอคิดว่าเพียงตัวเธอลำพังคนเดียวที่หน้าตาสะสวยเรือนร่างงดงาม จะเป็นรองประธานบริษัทหัวเซิ่งได้โดยที่ไม่ได้นอนกับผู้บริหารคนไหนเลยอย่างนั้นเหรอ!”
ฉินหงเหยียนกัดริมฝีปาก ด้วยท่าทางไม่พอใจ
หล่อนเดาได้ตั้งนานแล้วว่าสวี่ฉู่หมิงลอบช่วยตนเองลับๆ
เพียงแต่หล่อนไม่อยากจะยอมรับ ไม่อยากจะติดต่อกับสวี่ฉู่หมิงอีก หล่อนอยากจะเรื่องราวในอดีตทั้งหมด
ฉินหงเหยียนกล่าวว่า “สวี่ฉู่หมิงฉันอยู่กับคุณสามปี นอนกับคุณ เที่ยวกับคุณ ทำเรื่องนั่นนี่กับคุณก็ตั้งมากมาย ต่อให้ตอนนี้ความสำเร็จที่ฉันมีเป็นเพราะคุณช่วย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันควรได้รับ! ฉันไม่สามารถติดตามคุณไปได้ตลอดชีวิตหรอก! ฉันอยากจะมีความรักแบบเปิดเผยที่บอกใครต่อใครได้สักครั้งหนึ่ง!”
เห็นฉินหงเหยียนระเบิดอารมณ์ สวี่ฉู่หมิงย้อนคิดถึงช่วงเวลาที่ฉินหงเหยียนเปลี่ยนแปลงไปจากนักเรียนที่ใสซื่อกลายเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอิสตรีเพศ ก็เป็นเพราะเขาทั้งนั้น รู้สึกติดค้างหญิงสาวตรงหน้าไม่น้อย
สวี่ฉู่หมิงกำมือฉินหงเหยียนอีกครั้งแล้วกล่าว “หงเหยียนฉันรู้ว่าฉันบังคับให้เธอเป็นชู้ ทำเธอลำบากแล้ว 7 ปีก่อนเธอบังคับให้ฉันต้องแต่งงานกับเธอ ถ้าไม่ยอมเธอจะเลิกกับฉัน ตอนนั้นฉันไม่สามารถหย่ากับหล่อน เลยไม่สามารถแต่งงานกับเธอ ทว่าตอนนี้ฉันบอกเธอได้เลยว่าเธอแต่งงานกับเธอได้แล้ว หงเหยียนฉันสามารถทำให้เธอกลายเป็นภรรยาของฉันสวี่ฉู่หมิง”
สวี่ฉู่หมิงเป็นถึงเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง มีทรัพย์สินมากกว่าแสนล้าน เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงกี่คนอยากจะครอบครอง
ฉินหงเหยียนตกใจ “คุณไม่กลัวภรรยาคุณแล้วหรือไง?”
สวี่ฉู่หมิงตอบ “หล่อนตายไปเมื่อปีก่อน”
ฉินหงเหยียนแค่นเสียง มิน่าล่ะสวี่ฉู่หมิงถึงได้กล้าแต่งงานกับตนเอง
เมื่อ 7 ปีก่อน ฉินหงเหยียนเคยยื่นคำขาดให้สวี่ฉู่หมิงแต่งงานกับหล่อนจริงๆ หล่อนต้องการสถานะ หล่อนไม่อยากจะเป็นกิ๊กที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไปแล้ว
แต่ว่าตอนนี้หล่อนไม่อยากจะเป็นภรรยาของสวี่ฉู่หมิงอีกแล้ว!
ฉินหงเหยียนกล่าวต่อ “ขอโทษด้วย ฉันมีผู้ชายที่ชอบแล้ว ฉันคงจะแต่งงานกับคุณไม่ได้”
สวี่ฉู่หมิงหัวเราะ “เขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงตั้งสามปีเนี่ยนะ? ได้ยินมาว่าตอนนี้คุณยังเป็นคนเลี้ยงเขาด้วยนี่? เหอะๆ หงเหยียนเธออยู่กับฉันมาตั้งสามปี ฉันจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเธอเป็นคนยังไง? เธอไม่มีทางชอบผู้ชายที่ไร้ประโยชน์แบบนี้แน่ๆ เธอชอบผู้ชายที่มีความสามารถกว่าเก่งกว่าและสูงส่งกว่าเธอ จุดนี้ฉันมั่นใจ 100% เลย!
ทว่าเธอพูดถูก ตอนเธออายุ 20 ปีก็อยู่กับฉันแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีแฟนอายุเท่ากันเลย เย่เฉินยังอายุน้อยมาก เย่เฉินเองก็หล่อมาก นี่คือจุดที่ต่อให้ฉันมีเงินก็คงสู้ไม่ได้ แบบนี้แล้วกัน ฉันให้เวลาเธอครึ่งปี ครึ่งปีนี้เธอสามารถคบหากับเขาต่อไปได้ ไปท่องเที่ยวที่ไหนก็ได้ในโลก
หลังจากครึ่งปี พอเธอเบื่อแล้ว ค่อยมาหาฉันที่เมืองเสินเฉิง แล้วมาเป็นภรรยาของฉัน!”
อีกอย่างเขาไม่ได้อยากจะเป็นประธานบริษัทแม้แต่น้อย เหมือนที่คุณหม่าไม่ได้สนใจในตัวเงินอย่างไรอย่างนั้น
คุณปู่ของเย่เฉินรู้เรื่องฉินหงเหยียนจากพ่อบ้านฟาง
ก่อนนี้หญิงสาวยอมลงจากตำแหน่งประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเพื่อเย่เฉิน
ปู่ของเย่เฉินชื่นชมหญิงสาวผู้นี้มาก และดีใจมากที่ในที่สุดหลานชายตนเองก็ได้เจอผู้หญิงที่ไม่หลงใหลในทรัพย์สินเงินทอง
ปู่ของเย่เฉินกล่าวต่อ “ได้ แต่ว่าบริษัทไป๋ลี่มีมูลค่าตลาดเกินกว่าหมื่นล้าน จะให้ฉินหงเหยีนเป็นประธานบริษัทเลยคงไม่เหมาะเท่าไหร่ ถ้าทำแบบนี้ต่อให้หลานอยากจะปกปิดสถานะ ทำตัวเป็นคนธรรมดา คิดว่าก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ปู่จะให้น้องสี่ของหลานมารับตำแหน่งประธานบริษัทก่อน ให้หล่อนบริหารงานไปพักหนึ่งแล้วจากนั้นค่อยๆ ให้ส่งมอบบริษัทให้ฉินหงเหยียนแล้วกัน”
เย่เฉินรู้สึกว่าปู่ของตนเองวางแผนถี่ถ้วน บวกกับที่เขาก็ไม่ได้เจอน้องสาวคนที่สี่ของตนเองนานแล้ว หวังอย่างมากว่าหญิงสาวจะมาที่เทียนไห่
“ครับ ขอบคุณนะครับคุณปู่”
วางสายเสร็จเย่เฉินก็เดินกลับไปที่ห้องนอนอีกครั้ง เขามองฉินหงเหยียนที่กำลังหลับสนิท เอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยของหญิงสาวขณะมองเสี้ยวหน้าที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของสตรีเพศแล้วกล่าวกับตัวเอง
“หงเหยียนคุณจะได้เป็นประธานบริษัทไป๋ลี่ในเร็วๆ นี้แล้วนะ คุณจะได้กลายเป็นท่านประธานหญิงที่สวยที่สุดในเทียนไห่แล้ว ช่วยอดทนต่ออีกหน่อยนะครับคนดี คุณคือผู้หญิงของผม ผมจะทำให้คุณได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ!”
……
ริมทะเล แสงอาทิตย์ หาดทราย ต้นมะร้าว ชุดแต่งงาน และช่อบูเกต์
เย่เฉินในชุดสูทกำลังจูงมือหวังเจียเหยา หวังเจียเหยาใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องเป็นครั้งที่สามแล้ว
“ที่รักในที่สุดพวกเราก็ได้แต่งงานกันอีกครั้งแล้ว ฉันรู้ว่าคุณรักฉันที่สุด ชนาดฉันแต่งงานกับฟางเชากับหลิ่วอวี่เจ๋อแล้ว คุณยังยินยอมจะแต่งงานกับฉันเลย”
ซูหลานที่แต่งตัวเต็มยศวิ่งโร่มาหาเขาแล้วส่งยากรดโฟลิคให้เขา กล่าวพลางระบายยิ้ม
“ลูกเขยคนดี นี่คือกรดโฟลิคช่วยป้องกันระบบบประสาทและสมองให้กับเด็กทารก ลูกคนแรกของพวกเธอเป็นลูกสาวไม่ใช่เหรอ? สู้ๆ เข้านะจะได้มีลูกชายอีกสักคน จะได้มีคนสืบทอดทรัพย์สินมูลค่าแสน้านของตระกูลเย่ของเธอไง ฮ่าๆ”
หวังยหวนหยวนเองก็สวมชุดเกาะอกสีชมพู เหยียบทรายด้วยเท้าเปล่าช้าๆ ด้วยใบหน้าหงอยๆ
“ฮึ พี่เขย พี่น่ะรักแค่พี่เจียเหยา ฉันไปศัลยกรรมให้สวยเท่าพี่เจียเหยาที่เกาหลีมาก็แล้ว แต่พี่ก็ยังไม่ยอมเลือกฉัน แต่งงานกับพี่สาวฉันอีกแล้ว”
เย่เฉินมองหวังหยวนหยวนใบหน้าของหล่อนสวยงามกว่าที่ผ่านมาจริงๆ แต่รูปร่างทรวดทรงนั้นก็ยังสวยเหมือนที่ผ่านมา
เขามองไปรอบๆ พลันรู้สึกว่าโลกตรงหน้าเลือนลาง แสงอาทิตย์จู่ๆ ก็ทิ่มแทงดวงตาแต่กลับสามารถลืมตามองได้อย่างง่ายดาย
เขาพบว่าหวังเจียเหยา ซูหลาน หวังจื้อหย่วนและคุณนายหวัง ใบหน้าพวกเขาต่างก็แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
ซ่งหงเย่เองก็กำลังยิ้มแย้ม!
รอยยิ้มของหญิงสาวทำให้สัมผัสได้ถึงความเจ้าเล่ห์ อีกทั้งคนที่มาส่งหล่อนเข้าร่วมงานแต่งงานคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจิ้งปินอดีตสามีของหล่อน!
พวกเขาสองคนจูงมือกันเหมือนว่าจะคืนดีกันแล้ว!
เย่เฉินลนลาน จู่ๆ เขาก็สะบัดมือหวังเจียเหยาทิ้งแล้วตะคอก “ทำไมผมต้องแต่งงานกับคุณอีกรอบด้วย? ฉินหงเหยียนล่ะ? แฟนของผมคือฉินหงเหยียน!”
“หล่อนตายแล้ว!” หวังเจียเหยาตะคอกเย่เฉิน “หล่อนโดนคนตระกูลหลิ่วทำร้ายจนตายแล้ว พวกนายไม่มีทางได้อยู่ด้วยอีกตลอดไป!”
“ไม่! ไม่! ไม่!”
เขาตะโกนจนสุดเสียง
เย่เฉินลุกขึ้นจากเตียง เหงื่อแตกพลั่ก
ในครรลองสายตาของเขามืดสนิท เย่เฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู นี่เป็นเวลาตีสอง ส่องโทรศัพท์ที่สว่างน้อยๆ ไปที่ฉินหงเหยีนที่กำลังตกอยู่ในห้วงนิทรา
“ฟู่ว…ที่แท้ก็แค่ฝันไป”
เย่เฉินหอบหายใจถี่กระชั้น ยังคิดว่าภาพที่ตนเองเห็นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง
เขาเดินลงจากเตียงแล้วมาที่ห้องรับแขก รินน้ำเปล่าใส่แก้วยกดื่มจนหมด จากนั้นก็รินแก้วที่สองต่อ
“ทำไมถึงได้ฝันประหลาดแบบนี้นะ! ฉันไม่แต่งงานกับหวังเจียเหยาอีกรอบหรอก กระทั่งมองหน้ายังไม่อยากจะเห็นเลย”
เย่เฉินถือแก้วน้ำ หยิบโทรศัพท์แล้วเปิดวีแชท ทันใดนั้นเองก็เห็นโมเมนท์วีแชทของฉินหงเหยียน!
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? บล็อคผมไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ก่อนนี้ในวันแต่งงานของหลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยา หญิงสาวก็บล็อคเขาเอาไว้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเย่เฉินก็ไม่เคยเห็นโมเม้นท์วีแชทของหญิงสาว และไม่สามารถส่งข้อความหาหญิงสาวได้
แต่ว่าวันนี้จู่ๆ เย่เฉินก็เห็นโมเม้นท์วีแชทของหวังเจียเหยาขึ้นมา
นี่แปลว่าหวังเจียเหยาเลิกบล็อคเขาไปแล้ว
“หวังเจียเหยาเพิ่มเพื่อนกลับมาแล้วเหรอเนี่ย?”
เย่เฉินรีบร้อนดูโมเม้นท์ของหวังเจียเหยาอย่างรวดเร็ว
โมเม้นท์วีแชทนี้เพิ่งแชร์เมื่อ 10 นาทีก่อน ดูไปแล้วว่าหวังเจียเหยายังไม่นอนหลับ
หญิงสาวแชร์คลิปวีดีโอ เขากดเปิดดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นภาพห้องนอนในวิลล่าของเย่เฉินที่อวิ๋นโจว นั่นคือห้องที่พวกเขาสองคนเคยใช้
ภาพที่อยู่ตรงด้านหน้าก็คือกลอนการรอคอยบทนั้นของสีมู่หรง
“ที่จริงแล้ว สิ่งที่ฉันรอคอยก็เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ฉันไม่เคยอ้อนวอนขอให้เธอยกทั้งชีวิตให้ฉัน”
เสียงในคลิปวีดีโอยังเป็นทำนองของเครื่อง NEXUS เพลง ANXIANG ที่เย่เฉินทำเอาไว้
ส่วนคลิปของหวังเจียเหยานั้นมีแคปชันบรรยายเอาไว้ว่า “วันเวลาที่ได้อยู่ในห้องนี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตฉัน”
คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะแชร์คลิปอะไรแบบนี้ในคืนวันแต่งงาน!
ดูแล้วหลังจากที่หญิงสาวรู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ใช่แฟนดีเด่นอะไรก็เริ่มหวนคิดถึงอดีต
ส่วนแย่เฉินหลังจากที่เขาเห็นแล้วกลับอยากจะบอกหญิงสาวว่า “สมน้ำหน้า!”
ถ้ารู้แบบนี้ก็คงไม่ทำตั้งแต่แรก!
เย่เฉินไม่มีทางคิดถึงหวังเจียเหยาอีก เพราะหวังเจียเหยาเคยใช้ชีวิตร่วมกับเย่เฉินมาก่อนสามปี ส่วนที่หวังเจียเหยาย้อนคิดถึงช่วงเวลาในอดีตที่เคยอาศัยอยู่ในวิลล่า หรือว่าเวลาอื่นเจ้าหล่อนไม่มีความสุขแล้วหรือ!
พูดไปที่สุดแล้วที่หวังเจียเหยาคิดถึงนั้นก็ยังเป็นเย่เฉินที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เย่เฉินที่ล้มเหลว!
เย่เฉินไม่ได้กดไลก์และไม่ใส่ความคิดเห็นอะไรกับโมเม้นท์วีแชทนี้
เขาไม่ได้ลบเพื่อนหวังเจียเหยาทิ้ง และไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น
ถ้าหากว่าเขาไม่อยากจะเห็นโมเม้นท์วีแชทของหวังเจียเหยาก็แค่กดปิดการมองเห็นไปก็จบแล้ว
ตอนนี้เขาแค่อยากจะทำดีกับฉินหงเหยียนให้มากๆ คนเดียว สำหรับหวังเจียเหยานั้นหญิงสาวไม่มีที่ยืนในหัวใจเขาตั้งนานแล้ว!
พอย้อนนึกถึงฝันเมื่อครู่เย่เฉินหัวเราะน้อยๆ เรื่องในฝันไม่มีทางเกิดขึ้น เขารู้ใจตัวเองดีที่สุด!
ต่อให้เย่เฉินไปแต่งงานกับหวังหยวนหยวน ก็ไม่มีทางแต่งหญิงสามชายอย่างหวังเจียเหยา!
ในเวลาสองวันต่อมา เย่เฉินก็ไม่ได้ไปทำงาน เขาอยู่เป็นเพื่อนฉินหงเหยียนทุกวัน ไปเดินห้างสรรพสินค้า ซื้อข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ซื้อเสื้อผ้า ดูภาพยนตร์ทุกวัน
น้องสาวคนที่สี่ของเย่เฉินเป็นคนยุ่งมาก ตอนนี้มีบริษัทอยู่ที่ต่างประเทศ มารับตำแหน่งประธานบริษัทไป๋ลี่ รวมไปถึงเรื่องที่ตระกูลเย่ซื้อหุ้นบริษัทไป๋ลี่ของคุณเซี้ยะก็จำเป็นต้องใช้เวลา
ผ่านไปหลายวันเย่เฉินก็เริ่มทำงานแล้ว เขาส่งของอยู่ที่ไป๋ลี่ ได้เงินเดือนเดือนละ 5000 หยวน
เขาอยากจะลองสัมผัสสายงานขนส่งในประเทศ โดยเริ่มต้นจากการทำงานเป็นพนักงานส่งของที่ถือเป็นขั้นต่ำที่สุดในบริษัท
……
เทียนไห่ในเดือนกรกฎาคม ถือได้ว่าเข้าสู่ช่วงที่ร้อนที่สุดของปี
หลังจากที่ฉินหงเหยียนกินข้าวแล้วในตอนเที่ยงก็ขับรถไปที่ร้านหนังสือชื่อฮั่นหยวนเพื่อหาซื้อหนังสือตลอดทั้งบ่าย
เหมือนกับที่จางกั๋วหรงดาราที่หญิงสาวชื่นชอบเคยทำ
วันนี้เป็นเวลา 5 โมงเย็น ฉินหงเหยียนก็เดินออกมาจากห้องหนังสือ หล่อนเตรียมกลับไปทำอาหารที่วิลล่า รอเย่เฉินกลับมาเพื่อที่ทั้งสองคนจะได้กินข้าวเย็นด้วยกัน
ฉินหงเหยียนเพิ่งจะหยิบกุญแจรถของตนเองออกมาแล้วชี้ไปที่รถพอร์ชพาราเมร่าของตนเอง ทันใดนั้นเองก็มีชายในเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแลคเดินตรงมา
“คุณฉินหงเหยียนครับ คุณสวี่เชิญให้ไปพบครับ”
ฉินหงเหยียนมองชายแปลกหน้าอย่างประหลาดใจ
จากนั้นก็มองไปที่รถ Mercedes-AMG S65 สีดำที่จอดอยู่ด้านหลังตนเองคันนั้น
“ป้ายทะเบียนเมืองเสินเฉิง!”
ฉินหงเหยียนตกตะลึงแล้วสาวเท้าขึ้นไป
กระจกในเก้าอี้ด้านหลังค่อยๆ ลดลงมาแล้วมีเสียงผู้ชายดังลอดออกมา “หงเหยียน”
ในวินาทีที่หญิงสาวเห็นชายผู้นั้นก็ตัวแข็งไปทันที
ผู้ชายคนนี้ก็คือผู้ชายที่เลี้ยงดูหล่อนมาเป็นระยะเวลา 3 ปี!
เรื่องราวแบบนี้เป็นที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในวงการธุรกิจหรือวงการบันเทิง
พวกคนมีเงินที่มีมูลค่าทรัพย์สินเกินร้อยล้านพวกนี้ต่างก็ทำงานทั้งวันทั้งคืน สามีภรรยาแยกกันอยู่มากกว่าอยู่ด้วยกันเสียอีก
ดังนั้นในขณะที่ทำงานคนจำนวนมากต่างก็จะหาตัวสำรองมาอยู่ด้วยแทนคู่รักตนเอง
ในสายงานธุรกิจ พวกผู้บริหารเหล่านี้ก็จะหาลูกน้องมาเป็นคู่ขา
ส่วนในวงการบันเทิง ในระหว่างที่ถ่ายทำละคร มีคนมากมายที่คบหากันเป็นสามีภรรยากันในกองถ่าย ไม่เพียงแต่พลอดรักใน
ฉินหงเหยียนรู้ว่าด้วยสถานะในบริษัทของเหอเหวินเจี้ยนถ้าหากว่าทั้งสองไม่อยากให้คนจับได้ก็คงง่ายดายอย่างมาก
อีกทั้งเย่เฉินเชื่อใจหล่อนมากแล้วเขาไม่มีทางตามสืบเรื่องตนเองแน่
และต่อให้เย่เฉินอยากจะตามสืบมาก แต่ด้วยความสามารถของฉินหงเหยียน รวมไปถึงความเจ้าเล่ห์ รอบคอบของเหอเหวินเจี้ยน ทั้งสองคนไม่มีทางทิ้งร่องรอยหลักฐานเอาไว้ดังนั้นเย่เฉินก็สืบหาอะไรไม่เจอ
แต่ว่าฉินหงเหยียนไม่มีทางทำแบบนี้!
ถ้าหากเป็นหวังเจียเหยาอาจจะเห็นด้วยไปแล้ว แต่ฉินหงเหยียนไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น!
“คุณเหอ ฉันหวังว่าคุณจะช่วยให้เกียรติภรรยาตัวเอง แล้วให้เกียรติฉันสักหน่อยนะคะ! ฉันไม่มีทางแอบคบหากับคุณหรอก เพราะฉันไม่ชอบคุณเลยด้วยซ้ำไป! ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่มีทางทำผิดต่อแฟนฉันเพียงเพื่องาน! ลาก่อน!”
ฉินหงเหยียนผลักเหอเหวินเจี้ยนแล้วก็เตรียมตัวจะออกจากบริษัท
แต่เหอเหวินเจี้ยนกลับไม่ลดละ แล้วเดินขึ้นไปขวางหน้าหญิงสาวแล้วกล่าว “ฉินหงเหยียน! คุณคิดให้ดี! ผมกล้าพูด ทั้งเทียนไห่มีแค่ผมเหอเหวินเจี้ยนที่กล้าไปล่วงเกินตระกูลหลิ่ว แล้วรับคุณเข้าทำงาน! ถ้าหากว่าคุณพลาดโอกาสครั้งนี้ ทั้งเทียนไห่ไม่มีบริษัทไหนกล้ารับคุณเข้าทำงานอีก!”
ฉินหงเหยียนรู้ว่าเหอเหวินเจี้ยนพูดจริง ถ้าหากไม่ใช่ตัวเหอเหวินเจี้ยยนมีคนหนุนหลัง บวกกับที่เขาลุ่มหลงในตัวฉินหงเหยียน หล่อนเชื่อว่าเหอเหวินเจี้ยนไม่มีทางล่วงเกินตระกูลหลิ่วโดยการจ้างหล่อน
ฉินหงเหยียนกล่าว “งั้นฉันก็จะออกจากเทียนไห่! ไปที่เมืองไหนก็ได้ แล้วใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับแฟนของฉัน”
“ฮ่าๆ…” เหอเหวินเจี้ยนระเบิดเสียงหัวเราะ “นี่ยังใช่ฉินหงเหยียนที่ผมเคยรู้จักหรือเปล่าเนี่ย? คิดไม่ถึงว่ามาที่เทียนไห่ไม่ถึงสามวันจะต้องล่าถอยยอมถูกบีบให้ออกจากเมืองเทียนไห่? เดิมผมคิดว่าคุณจะเหมือนตอนอยู่ที่อวิ๋นโจวกลายเป็นผู้บริหารลำดับหนึ่งของเมืองเทียนไห่ ให้ผู้บริหารที่มีเงินทั้งเทียนไห่ต้องกราบกรานอยู่ที่ชายกระโปรงคุณ ให้พวกเขายอมศิโรราบ ผมคิดว่าคุณจะกลายเป็นราชินีแห่งวงการธุรกิจประจำเทียนไห่! แต่คิดไม่ถึงว่าคุณจะยอมแพ้แบบนี้?”
ฉินหงเหยียนกำหมัดแน่น หล่อนไหนเลยจะยอมจากไปแบบนี้! ไหนเลยตนเองจะไม่อยากเป็นราชินีแห่งวงการธุรกิจประจำเทียนไห่!
หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่ชอบมีชีวิตราบรื่น ถ้าหากเป็นอย่างนั้น ตอนนั้นหล่อนคงจะไม่เลือกให้ชายคนนั้นเลี้ยงหล่อน!
เมื่อเห็นฉินหงเหยียนเริ่มหวั่นไหว เหอเหวินเจี้ยนก็เริ่มชักจูงหล่อนอีกครั้ง
“ผมรู้มาว่าแฟนคุณคนนี้ไม่มีเงินมีทอง แล้วผมก็รู้ว่าคุณชอบเขามาก ผมไม่มีทางแย่งคุณกับเขาหรอก ที่ในบ้านคุณก็ยังคงเป็นของเขา เพียงแต่ว่านอกเหนือจากเวลาช่วงนั้น ทั้งในช่วงเวลางานและตอนไปทำงานต่างจังหวัด ผมขอมีความสุขกับคุณบ้าง ได้ไหมครับ?”
เหอเหวินเจี้ยนเดินรุกคืบเข้าใกล้ฉินหงเหยียน พลางมองวงหน้าซับสีเลือดของฉินหงเหยียน เหอเหวินเจี้ยนเองก็ทนไม่ไหวแล้วก้มหน้าจุมพิตหญิงสาว
เหอเหวินเจี้ยนเป็นคนช่ำชอง และเคยผ่านผู้หญิงสาวๆ มาไม่น้อย รู้ว่ามีผู้หญิงจำนวนมากนั้นแค่เป็นคนปากแข็งเอาแต่พูดเรืองศีลธรรม และเรื่องที่ผิดหลักศีลธรรมบางอย่างนั้นพวกหล่อนไม่มีทางจะยอมเปิดปากยอมรับโดยง่าย
ทว่าผู้หญิงประเภทนี้ยังพอจะมีวิธีการเอาชนะได้ นั่นคือการใช้การกระทำ
ทู่ซี้ประทับจูบลงไป ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนยินดียินดีหรือว่าแบ่งรับแบ่งสู้ ต่อให้ปากเจ้าหล่อนบอกว่าไม่เห็นด้วย อย่างนั้นก็ถือว่าสำเร็จแล้ว
ทว่าฉินหงเหยียนไม่ให้โอกาสเหอเหวินเจี้ยน แต่ฟาดฝ่ามือลงบนหน้าเหอเหวินเจี้ยน!
เพี้ยะ!
แว่นตาของเหอเหวินเจี้ยนโดนตบจนร่วงลง เขายืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิม
“ขอโทษ”
ฉินหงเหยียนพูดกับเหอเหวินเจี้ยน แล้วรีบออกจากห้องทำงานของเหอเหวินเจี้ยนอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ฉินหงเหยียนเดินไปแล้ว เหอเหวินเจี้ยนก็ค่อยๆ หยิบแว่นตาขึ้นมาเงียบๆ แล้วคิดในใจ “เป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่ฉินหงเหยียนถึงได้รักเขาขนาดนั้น? คิดไม่ถึงว่าจะยอมทิ้งงานเพื่อเขา? ผู้ชายขยะแบบนี้ หงเหยียนอยู่กับเขาก็ถือว่าซวยจริงๆ!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมาฉินหงเหยียนกลับไปถึงบ้าน แต่เพราะเย่เฉินต้องจัดการเรื่องโอนบ้าน เขาถึงเพิ่งกลับมาตอนนี้
วันนี้เล่นงานตระกูลหลิ่วและหลิ่วอวี่เจ๋อจนเละเทะ ถือเสียว่าเป็นการล้างแค้นที่เขากลั่นแกล้งฉินหงเหยียนก่อนหน้านี้ ทำให้เย่เฉินดีใจอย่างมาก
เห็นฉินหงเหยียนเขาจึงถาม “ที่รักวันนี้คุณไปสอบสัมภาษณ์เป็นยังไงบ้าง? บริษัทไป๋ลี่จ้างคุณไหมครับ?”
หลังจากฉินหงเหยียนเห็นเย่เฉิน หญิงสาวก็โผตัวเข้าสู่อ้อมกอดชายหนุ่ม แล้วระเบิดโฮออกมาเหมือนเด็กเล็กๆ
ในระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ฉินหงเหยียนไม่เคยปฏิบัติตัวกับใครแบบนี้มาก่อน ที่ถึงจะทุกข์ทรมานแต่ก็แบกรับทั้งหมดเงียบๆ เพียงลำพัง
แต่หลังจากมีเย่เฉินแล้ว หล่อนเองก็ยอมจะซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา เพื่อให้อีกฝ่ายปลอบโยนตนเอง
ในฐานะที่เย่เฉินเป็นแฟนของฉินหงเหยียน เห็นแฟนสาวของตนเองร้องไห้อย่างเศร้าโศกแบบนี้ ก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก!
“หงเหยียนเป็นอะไรไปครับ ไป๋ลี่ไม่จ้างคุณเหรอ?”
ฉินหงเหยียนสะอึกสะอื้น “ค่ะ ในเทียนไห่ไม่มีบริษัทที่ไหนจะยอมจ้างฉันแล้ว”
เย่เฉินลูบหลังแฟนสาวเบาๆ แล้วกระชับอ้อมแขน เขาไม่เคยเห็นฉินหงเหยียนมีท่าทีเศร้าสร้อยแบบนี้มาก่อน
“หงเหยียนอย่าเสียใจไปเลย เชื่อผมนะครับ อีกเดี๋ยวทุกจะต้องดีขึ้น พวกบริษัทไป๋ลี่จะต้องจ้างคุณแน่ อีกทั้งจะต้องให้คุณทำงานในตำแหน่งรองผู้บริหาร หรืออาจจะถึงขั้นเป็นประธานบริษัทด้วย คุณจะได้เฉิดฉายยู่ในวงการธุรกิจเหมือนตอนที่อวิ๋นโจว เชื่อผมนะครับ”
เย่เฉินปลอบฉินหงเหยียน แล้วหญิงสาวก็หลับในอ้อมกอดเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่หญิงสาวหลับไปแล้ว เย่เฉินก็ค่อยๆ อุ้มเจ้าหล่อนไปนอนบนเตียง หลังจากวางหล่อนลง จากนั้นเขาก็ปิดประตูห้องนอนแล้วเดินออกไป
“ผมจะปล่อยให้ฉินหงเหยียนออกไปตกระกำลำบากที่ข้างนอกคนเดียวไม่ได้ หล่อนเป็นแฟนของผม ถึงเวลาที่ผมต้องทำอะไรบางอย่างให้หล่อนแล้ว!”
ดังนั้นเย่เฉินจึงโทรหาปู่ของเขา!
“คุณปู่ครับ ผมอยากซื้อบริษัทไป๋ลี่!”
ที่เย่เฉินมีความคิดเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะวันนี้ฉินหงเหยียนโดนบริษัทไป๋ลี่ปฏิเสธแล้วร่ำไห้อย่างเศร้าสร้อย
ที่จริงเขามีความตั้งใจแบบนี้นานแล้ว นั่นเพราะอยากซื้อบริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรส เพื่อไปงัดข้อกับบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสและตระกูลหลิ่ว!
เขาอยากจะใช้ไป๋ลี่เอาชนะชุนเฟิง แล้วทำให้บริษัทไป๋ลี่กลายเป็นบริษัทขนส่งลำดับหนึ่งของประเทศ!
หวังเจียเหยาบอกเอาไว้ไม่ใช่เหรอไงว่าให้เย่เฉินเอาหน้าที่การงานมาล้างแค้น ถึงจะถือเป็นลูกผู้ชายตัวจริง?
งั้นก็ได้ เย่เฉินจะเอาชนะเขาทางธุรกิจ!
ปู่ของเย่เฉินจึงแปลกใจไม่น้อย “หลานอยากจะฝึกฝนในด้านธุรกิจอีกเหรอ? ดีมาก บริษัทไป๋ลี่เป็นบริษัทที่บริหารจัดการยากกว่าหัวเซิ่ง ถ้าหลานเป็นประธานบริษัทแล้วสามารถพัฒนาให้บริษัทแห่งนี้ยิ่งใหญ่กว่าบริษัทชุนเฟิงแล้วจะถือว่าหลานฝึกฝนสำเร็จ”
เย่เฉินกล่าว “คุณปู่ครับ ขอโทษมากๆ เลยนะครับ ครั้งนี้ผมไม่อยากเป็นประธานบริษัทเอง ที่ผมทำแบบนี้เพราะอยากให้ฉินหงเหยียนแฟนของผมรับตำแหน่งประธานบริษัทของไป๋ลี่ต่างหาก”
ตอนนี้เย่เฉินยังอยากจะปิดบังสถานะของตัวเองต่อไป ไม่อยากจะเป็นประธานบริษัทขนส่งที่ใหญ่เป็นลำดับสองของประเทศ
ถ้าหากว่าเย่เฉินจะกลายเป็นคุณเย่อีกครั้งจริงๆ คาดว่าสองพี่น้องหวังเจียเหยาและหวังหยวนหยวน จะต้องมาหาเขาทันทีในวันถัดมาแน่
ที่ต้องล้างแค้นก็ควรต้องล้างแค้น ส่วนที่ต้องของแต่งงานก็ควรต้องขอแต่งงาน

วันนี้เป็นวันมงคลของหลิ่วอวี่เจ๋อ เดิมทีควรเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุดในชีวิตถึงจะถูก

แต่ว่ากลับโดนลอบทำร้ายในงานแต่งงานตัวเอง มือโดนมีดกรีดจนเลือดไหล โชคดีที่ไม่ใช่นิ้วที่โดนหักก่อนหน้านี้

ความเจ็บปวดทางร่างกายก็วาแย่แล้ว แต่กลับถูกคุณปู่ที่เขาเคารพนับถือที่สุด ดูหมิ่นแบบนี้

หลิ่วอวี่เจ๋อเจ็บปวดใจ น้ำตาไหลออกมา

เพื่อนสนิทของเขา กลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว เห็นเลือดของเขาไม่หยุดไหลก็รีบร้อนส่งเขาไปที่โรงพยาบาล

ซูหลานรีบเดินมาแล้วกล่าวกับบุตรสาว  เจียเหยา ลูกรีบไปส่งอวี่เจ๋อที่โรงพยาบาลสิ? ทำไมไม่ตามไปล่ะ? 

หวังเจียเหยาเพิ่งได้ดูมือถือของซ่งหงเย่ พอดูคลิปที่วังเหม่ยฉีแชร์ ก็โมโหทันที หล่อนกล่าวอย่างโมโห

 หนูไม่ไปหรอกค่ะ! 

ในคำพูดของหญิงสาวเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่มีในตัวหลิ่วอวี่เจ๋อ!

หวังเจียเหยาหัวเสีย หล่อนเองก็คิดว่าตนเองเป็นเพียงคนเดียวในชีวิตของหลิ่วอวี่เจ่อ

แต่คิดไม่ถึงว่านอกจากตนเองแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อยังเลี้ยงดาราเด็กอยู่ อีกทั้งในคืนก่อนแต่งงานยังจะไประเริงสุขอยู่กับแม่ดารานั่นอีก!

ซูหลานรีบร้อนลากหวังเจียเหยาไปอีกฝั่ง หล่อนกล่าวปลอบเสียงเบา  ลูกแม่ ลูกอย่าทำผิดพลาดสิ อย่าพลาดหย่าเหมือนตอนที่แต่งงานกับฟางเชาเมื่อคราวก่อนล่ะ! ลูกจ๋าในโลกใบนี้มีผู้ชายที่ไหนไม่เจ้าชู้บ้างล่ะ? สมัยก่อนผู้ชายมีเมียสามคนนางเล็กๆ อีกสี่คนนู่น หลิ่วอวี่เจ๋อเขามีคุณสมบัติครบถ้วนแบบนี้จะมีกิ๊กสักคนสองคนคงไม่เป็นไร ขอแค่เขาเคารพลูกยกให้ลูกเป็นเมียออกหน้าออกตาก็พอแล้ว 

หวังเจียเหยาพูดไม่ออก  แม่คะ นี่แม่กำลังพูดอะไรออกมา? ตระกูหวังเราถึงจะด้อยกว่าตระกูลหลิ่วของเขา แต่ก็คงไม่ถึงขั้นที่ต้องลดตัวยอมเขาขนาดนี้มั้งคะ? 

ซูหลานกล่าว  แม่รู้ว่าลูกไม่พอใจ แต่ตระกูลหวังของเราหวังพึ่งพาลูก ลูกทนเอาหน่อยเถอะนะ ให้อภัยเขาเถอะ แม่เชื่อว่าเขาจะปรับปรุงตัว 

หวังเจียเหยาเองก็แค่โกรธเท่านั้นหล่อนย่อมไม่กล้าขอหย่ากับชายหนุ่ม

ทว่าหวังเจียเหยาก็ยังไม่ยอมตามไปที่โรงพยาบาล แต่ขึ้นรถกลับไปที่วิลลล่าเฝยชุ่ยคนเดียว

หลิ่วอวี่เจ๋อไปโรงพยาบาลปฐมพยาบาลบาดแผลขั้นต้น แล้วรีบร้อนนั่งรถกลับบ้าน

ระหว่างทางกลับบ้านเขาเอาแต่โทรหาวังเหม่ยฉี แต่ก็ติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ แถมยังส่งวีแชทไปขู่หล่อนตั้งมากมาย แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมตอบ

หลิ่งอวี่เจ๋อประกาศกร้าวไปว่าจะทำให้วังเหม่ยฉีหมดอนาคตในวงการบันเทิง

แต่เขาไม่รู้ว่ายิ่งเขาอยากจะใช้อิทธิพลของตระกูลไปตัดอนาคตในวงการบันเททิงของวังเหม่ยฉีเท่าไหร่ ประชาชนก็ยิ่งจะปกป้องหญิงสาวเท่านั้น

นี่กลายเป็นปัญหาระหว่างชนชั้นไปแล้ว ต่อให้ประชาชนไม่ใช่แฟนคลับของวังเหม่ยฉี แต่ก็รู้ว่าหญิงสาวไม่ได้ทำอะไรผิด รู้ว่าหล่อนจะโดนพวกลูกคนรวยตัดทางทำมาหากิน แต่พวกเขาก็จะร่วมแรงร่วมใจงัดข้อกับพวกอภิสิทธิ์ชนอย่างเขา

ความแตกต่างระหว่างชนขั้นในประเทศนี้มีมาก คนอย่างหลิ่วอวี่เจ๋อที่แค่เงินแต่งงานก็มากกว่าเงินที่คนธรรมดาทั่วไปหาได้ทั้งชีวิตเสียอีก

ใช้ชีวิตภายใต้ผืนฟ้าเดียวกัน ประชาชนย่อมต่างรู้สึกเคียดแค้นคนจำพวกเดียวกับหลิ่วอวี่เจ๋อมานานแล้ว

ดังนั้นหากหลิ่วอวี่เจ๋ออยากจะแบนวังเหม่ยฉีก็อาจจะไม่สำเร็จได้โดยง่าย อีกทั้งวังเหม่ยฉีก็ได้วิลล่าจากเย่เฉินเป็นรางวัลแล้ว หญิงสาวไม่สนใจว่าจะรับงานได้หรือไม่อีกแล้ว

พอกลับถึงบ้านหลิ่วอวี่เจ๋อที่ถูกพันแผลที่มือก็ยังถือดอกกุหลาบช่อโตเอาไว้

เมื่อเข้าไปในห้องก็พบว่าหวังเจียเหยากำลังนั่งอยู่บนเตียง ด้วยท่าทีเศร้าสร้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยหยดน้ำตา เหมือนว่าหล่อนเพิ่งจะร้องไห้ไป

หลิ่วอวี่เจ๋อส่งดอกกุหลาบให้หวังเจียเหยา แต่ถูกสาวเจ้าโยนลงพื้นไป

หลิ่วอวี่เจ๋อทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้าหวังเจียเหยา  ที่รักผมผิดไปแล้ว คุณให้อภัยผมเถอะนะครับ! 

หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ใช่คนที่จะยอมอ่อนให้ใคร ในความรักที่ผ่านมามีแต่ผู้หญิงที่ต้องคุกเข่าอ้อนวอนเขา เขาไม่เคยคุกเข่าให้ผู้หญิงคนไหนมาก่อน

ด้วยสถานะคุณชายตระกูลหลิ่วของเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น

แต่ว่าชีวิตการสมรสครั้งนี้ของเขาและหวังเจียเหยานั้นไม่ใช่เช่นนั้น เขายังจำเป็นต้องพึ่งพาหวังเจียเหยาและเด็กในท้องหญิงสาวช่วยปกปิดความจริงเรื่องที่เขามีลูกไม่ได้ หนำซ้ำเขายังมีแผนการวิปริตในอีก 15 ปีข้างหน้าด้วย!

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเอาอกเอาใจหวังเจียเหยาเอาไว้จะเป็นการดีที่สุด

หวังเจียเหยามองหลิ่วอวี่เจ๋ออย่างไม่พอใจนัก  หลิ่วอวี่เจ๋อ ที่แท้ที่ทำดีกับฉันมันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ คิดไม่ถึงว่านายจะยังแอบซุกแม่ดาราเอาไว้ ฉันอุตส่าห์เชื่อนายขนาดนี้! 

หวังเจียเหยาทุบหมอนใส่ศีรษะหลิ่วอวี่เจ๋อ!

หลิ่วอวี่เจ๋อไม่หลบแต่อย่างใด เขากล่าวว่า  ผมมันคนเจ้าชู้ เป็นเดียรัจฉาน คุณจะตีจะด่าผมยังไงก็ได้ ขอแค่คุณยอมให้อภัยผมก็พอ ที่รัก เมื่อวานผมไปพบหล่อนเพื่อไปตัดสัมพันธ์กับหล่อน บอกว่าชีวิตนี้ผมจะไม่ไปพบหล่อนอีก แต่หล่อนแค้นผมก็เลยโจมตีผมแบบนี้ เจียเหยา ผมขอรับรองกับคุณเลยนะครับว่า ต่อไปภายหน้าผมจะไม่แตะต้องผู้หญิงคนไหนอีก! 

หลิ่วอวี่เจ๋ออ้อนวอนหวังเจียเหยาอยู่นาน เดิมหญิงสาวเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะหย่ากับเขาอยู่แล้วบวกกับแรงกดดันจากตระกูลหวัง ทำให้หญิงสาวจำใจต้องยอมให้อภัยเขา

ทว่าถึงจะให้อภัยสามี แต่ความรักที่หล่อนมีให้เขานั้นก็ลดลงไปมาก

อีกทั้งหลังจากผิดหวังจากสามีคนใหม่นี้ ก็ทำให้หญิงสาวหวนระลึกถึงอดีตสามีอย่างเย่เฉิน

……

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในตอนที่งานแต่งงานของหลิ่วอวี่เจ๋อตกอยู่ในความวุ่นวาย ความรักของพวกเขาสองคนแตกเป็นเสี่ยงๆ ฉินหงเหยียนก็แอบไปมาที่ติกของบริษัทขนส่งเบอร์สองของประเทศ บริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรส

หญิงสาวมาสมัครงานที่นี่

คนในระดับฉินหงเหยียนย่อมไม่ต้องพบ HR แต่สามารถตรงไปพบรองผู้บริหารได้เลย

ผู้บริหารของบริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสไม่อยู่ที่เทียนไห่ หญิงสาวจึงไปพบกับเหอเหวินเจี้ยนที่เป็นรองผู้บริหารแทน

แต่ก่อนที่หญิงสาวจะพบเหอเหวินเจี้ยน รองผู้บริหารของบริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสอีกคน เฉินอันเลขาของคณะกรรมการกลับลอบมาที่ห้องทำงานแล้วแอบโทรหาหลิ่วอวี่เจ๋อ

 อวี่เจ๋อ 

 คุณอาเฉิน 

ทั้งสองคนสนิทสนมกัน เพราะเฉินอันเคยทำงานที่บริษัทชุนเฟิงมาก่อน เป็นคนที่ปู่ของชายหนุ่มสั่งสอนดูแลมา

เมื่อวานหลิ่วอวี่เจ๋อพอจะเดาได้ว่าฉินหงเหยียนจะต้องไปสมัครงานที่บิรษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ของบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสของเขา

ดังนั้นเขาจึงแจ้งกับเฉินอันที่เป็นรองผู้บริหารไว้ก่อนหน้าแล้วว่า หากหญิงสาวไปสมัครงานที่นั่นไม่ต้องรับหล่อน

เฉินอันกล่าว  อวี่เจ๋อ ฉินหงเหยียนมาจริงๆ ด้วย ฉันกะจะไม่พบหล่อน แต่คุณเหอจะพบหล่อนให้ได้ 

 เหอเหวินเจี้ยนเหรอครับ? คุณไม่บอกเขาเหรอครับว่าฉินหงเหยียนคือคนที่มีปัญหากับผมน่ะ? เขาที่ไม่จบปริญญานี่คิดจะเอายังไง 

หลิ่วอวี่เจ๋อไม่พอใจ

ถึงแม้ว่าชุนเฟิงและไป๋ลี่จะเป็นคู่แข่งกัน แต่หากไปเกี่ยวข้องกับบุญคุณความแค้นแบบนี้แล้ว ทั้งสองฝ่ายก็มักจะไว้หน้ากันอยู่เสมอ

เรื่องธุรกิจย่อมต้องพยายามแข่งขันให้สุดความสามารถ แต่ฉินหงเหยียนก็ไม่ใช่คนเก่งในวงการขนส่งอะไรนักหนา ไป๋ลี่ไม่จำเป็นต้องจ้างหญิงสาวให้ได้

เฉินอันอธิบาย  ผมก็บอกไปแล้ว แล้วก็เอารถ BENTLY ที่คุณให้มายกให้เขาก็แล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมฟัง เหมือนเหอเหวินเจี้ยนจะชอบฉินหงเหยียน ผมเดาว่าเขาอยากจะให้หล่อนทำงานด้วย! 

หลิ่วอวี่เจ๋อแค่นเสียง  ผมไม่เชื่อหรอกว่าเหอเหวินเจี้ยนจะกล้าล่วงเกินคุณปู่ผม โดยดึงดันจะจ้างฉินหงเหยียนให้ได้! ต่อให้เป็นคุณเซี้ยะของพวกคุณก็ไม่กล้าจะฉีกหน้าคุณปู่ผม! ผมบอกคุณไว้เลยถ้าเขากล้าจ้างฉินหงเหยียน ตระกูลหลิ่วเราไม่เอาเขาไว้แน่! 

……

สิบนาทีต่อมาฉินหงเหยียนในชุดสูทก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องทำงานของเหอเหวินเจี้ยน

ในวินาทีที่หญิงสาวปรากฏตัวขึ้นนั้น เหอเหวินเจี้ยนก็กลืนน้ำลายอย่างตื่นเต้น

ไม่ว่าใครก็พอจะมองออกว่าเหอเหวินเจี้ยนคิดอะไรกับฉินหงเหยียน!

 

ใบหน้าเย่เฉินผุดรอยยิ้มออกมา
จะรับมือกับคนที่มีนิสัยไม่ดีพวกนี้คุณหาเพื่อนร่วมทางได้ง่ายดายมากจริงๆ
เพราะหากว่าชายหนุ่มคนหนึ่งเจ้าชู้ ไม่มีทางจะเจ้าชู้กับผู้หญิงแค่คนเดียวแน่นอน เขาจะต้องทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน
ดังนั้นเย่เฉินจึงเปิดโน้ตในโทรศัพท์มือถือ แล้ววางแผนกล่าวโทษหลิ่วอวี่เจ๋อให้เหม่ยฉีด้วยตนเอง
แน่นอนว่าเพื่อทำให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสของตระกูลหลิ่ว เขาจะต้องฉวยโอกาสนี้ลากปู่ของหลิ่วอวี่เจ๋อให้ซวยไปด้วย
เหม่ยฉีเป็นดาราดัง เขาต้องใช้ยอดทราฟฟิคมหาศาลของเหม่ยฉีมาโจมตี สร้างความเสียหายหลายๆ ด้านให้กับบริษัทมูลค่าแสนล้านของตระกูลหลิ่ว
หลังจากเขียนเสร็จแล้ว เย่เฉินก็ส่งให้เหม่ยฉีดูบอกให้หล่อนท่องจำ
เหม่ยฉีดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไรแต่ก็ยังถามต่อ “ทำไมต้องถ่ายคลิปด้วย? พิมพ์เวยป๋อเอาไม่ได้เหรอ?”
เย่เฉินกล่าววว่า “ตัวหนังสือไม่สามารถเห็นความรู้สึกใดๆ ได้ เวยป๋อของคุณถูกบริษัทดูแล ทันทีที่หลิ่วอวี่เจ๋อหาวิธีจัดการบริษัทคุณได้ เวยป๋อที่คุณแชร์ก็จะถูกลบทิ้ง จากนั้นบริษัทก็จะบอกว่าบัญชีคุณโดนแฮค คุณไม่ได้เป็นคนแชร์ แต่ถ้าเป็นคลิปวีดีโอมันจะต่างออกไป คนในคลิปคือตัวคุณเอง ต่อให้เวยป๋อถูกลบแต่ก็จะมีคนแชร์ออกไปอยู่ดี”
เหม่ยฉีพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
เย่เฉินก็กล่าวต่ออีกว่า “อีกเดี๋ยวตอนอัดคลิป คุณก็ทำท่าทางเสียใจสักหน่อย ให้มันดูเสียใจจากการโดนผู้ชายเจ้าชู้เล่นกับความรู้สึก ร้องไห้ไปพูดไปทำได้ไหม?”
เหม่ยฉีส่ายหน้า “ทำไม่ได้ไม่งั้นคุณช่วยตบฉันหน่อยสิ”
“???”
ใบหน้าเย่เฉินเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามอีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้ชอบโดนตบหรือไง?
เหม่ยฉีหัวเราะเจ้าเล่ห์
เงื่อนไขแบบนี้เย่เฉินเองก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
เย่เฉินไหนเลยจะกล้าตบหล่อน ถ้าเกิดตบแล้วเป็นลมขึ้นมา อยากนั้นก็ได้ไม่คุ้มเสียน่ะสิ
แต่ในเมื่อดาราดังยังกล้ายื่นเงื่อนไขแบบนั้น เย่เฉินจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป เขายื่นมือออกมาแล้วหยิกเข้าที่ขาเหม่ยฉี
“โอ้ย เจ็บจัง!”
เหม่ยฉีผลักเย่เฉินออกไป น้ำตาพรั่งพรูออกมาทันที
“อยู่ในสภาพนี้ต่อไปนะ พวกเราจะเริ่มอัดคลิปกันแล้ว!”
เย่เฉินรีบหยิบมือถือออกมาถ่ายวีดีโอทันที
เหม่ยฉีกล่าวโทษเย่เฉินในใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มร่ำไห้คร่ำครวญกับกล้องทันที
“สวัสดีค่ะทุกคนฉันคือเหม่ยฉีนะคะ ฉันรู้ว่าแฟนๆ ของฉันมากมายต่างก็กำลังเป็นห่วงเป็นใยฉัน ทุกคนก็คงอยากจะรู้ว่าความจริงคืออะไร ตอนนี้ฉันจะบอกกับทุกคนค่ะ ความจริงก็เป็นเหมือนกับข่าวที่ถูกปล่อยออกมา เมื่อคืนวานฉันอยู่กับคุณชายทายาทรุ่นที่สามของตระกูลหลิ่วจริงๆ ค่ะแล้วบนรถ…
ฉันรู้ว่าแฟนๆ มากมายต่างก็ผิดหวังในตัวฉันมากค่ะ แต่ฉันก็อยากจะบอกพวกคุณว่าฉันถูกหลอก ฉันไม่ได้เป็นมือที่สามนะคะ! เมื่อครึ่งปีก่อนหลิ่วอวี่เจ๋อตามจีบฉัน เขาตามจีบฉันอยู่นานกว่าฉันจะตกปากรับคำจะเป็นแฟนเขา ฉันคิดว่าเขาชอบฉันจากใจจริงก็เลยตกลงคบหาดูใจกับเขา แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นลับหลังฉัน เมื่อคืนวานฉันก็ยังคิดว่าฉันเป็นแฟนเพียงคนเดียวของเขา!
ฉันรู้ว่าตระกูลหลิ่วทรงอิทธิพล ปู่ของเขาเป็นผู้บริหารของบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสถือเป็นคนทรงอิทธิพลระดับประเทศเลยทีเดียว ฉันเองก็รู้ค่ะว่าคลิปสีดีโอนี้อาจจะถูกลบทิ้งไปอย่างรวดเร็ว แล้วฉันอาจจะโดนแบนตลอดไป
แต่ว่าฉันจำเป็นต้องบอกความจริงให้ทุกคนได้รับรู้ ให้แฟนคลับที่ชอบฉันได้รับรู้ ฉันวังเหม่ยฉีไม่เคยทำเรื่องละเมิดศีลธรรมค่ะ!”
คลิปวีดีโอใช้มือถือของวังเหม่ยฉีถ่าย เมื่อถ่ายเสร็จเย่เฉินก็ดูอีกรอบ พอรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไรก็แชร์ลงในเวยป๋อทันที
จากนั้นทั้งสองคนก็คอยดูปฏิกิริยาของชาวเน็ต
สมแล้วที่วังเหม่ยฉีเป็นศิลปินที่โด่งดังในวงการบันเทิง ในวินาทีแรกที่ปล่อยคลิปวีดีโอออกมาก็ถูกส่งต่อไปทะลุสองพันครั้ง!
สองนาทีต่อมา ทั้งการแชร์และความคิดเห็นก็ทะลุห้าหมื่นไปแล้ว!
พอกดดูความคิดเห็นทั้งหมดเป็นความเห็นของพวกแฟนคลับและชาวเน็ต
“เหม่ยฉี พวกเราจะสนับสนุนคุณตลอดไป! คนที่ควรถูกแบนควรจะเป็นหลิ่วอวี่เจ๋อคนเจ้าชู้นั่น! คุณไม่ได้ทำอะไรผิด!”
“แม่งเอ้ย หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นใครกันแน่มีเงินแล้วใหญ่มากนักเหรอ? มีเงินก็จะสามารถล้อเล่นกับความรู้สึกใครก็ได้เหรอ?”
“อ๊าๆ คิดไม่ถึงว่าเหม่ยฉีของเราจะถูกหลอก ร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ฉันอยากจะฆ่าไอ้เดียรัจฉานคนนั้นจริงๆ!”
……
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในงานแต่งงานของหลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยา บรรดาแขกเหรื่อต่างก็กินอาหารกันเป็นเวลานานอย่างมาก ความขลุกขลักที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ถูกพวกเขาค่อยๆ ลืมไปจนหมดสิ้นแล้ว
ส่วนหลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาต่างก็ถือแก้วเหล้าไปไล่คำนับแขกทุกโต๊ะ
แและในเวลานี้เองพนักงานของโรงแรมคนหนึ่งอายุไม่มาก น่าจะประมาณ 20 ต้นๆ จู่ๆ ก็ถือมีดมาพุ่งพรวดเข้ามาหาหลิ่วอวี่เจ๋อ!
“แม่งเอ้ย ไอ้หลิ่วอวี่เจ๋อคนเจ้าชู้! ฉันจะแก้แค้นให้เหม่ยฉี!”
พนักงานบริกรชายคนนี้เป็นแฟนคลับของวังเหม่ยฉี ชอบอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง เขากดติดตามวังเหม่ยฉีเป็นพิเศษ ดังนั้นทันทีที่เหม่ยฉีแชร์เวยป๋อเขาจึงเห็นทันที
เมื่อดูเสร็จ เพลิงโทสะก็ลุกโชนขึ้นในใจ หยิบมีดพุ่งไปหาหลิ่วอวี่เจ๋อ
ในตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“อ๊า!”
หลิ่วอวี่เจ๋อลนลานเขาทุบขวดเหล้าขาวในมือใส่หน้าพนักงานริการคนนั้น แต่ว่ามือของเขาก็ยังโดนคมมีดบาดเลือดสดๆ ไหลออกมาเป็นทาง
“ที่รัก!” หวังเจียเหยาอุทานอย่างตกใจ
เหล่าแขกเหรื่อคนอื่นๆ ต่างก็ผุดลุกยืนขึ้นด้วยอารามตกใจ คนพวกนี้ต่างก็เป็นเศรษฐีที่มีมูลค่าบริษัทราคาเกินร้อยล้าน ทุกชีวิตต่างก็มีมูลค่าที่สูงลิ่ว
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยไปในสถานที่อโคจร แทบไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้าก่อน
หลิ่วเฟิงเคยอยู่ในกองทัพมาก่อน แถมยังเป็นคนทีเคยฝึกวิชาป้องกันตัว เขารีบปราดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในตอนที่บริกรผู้นั้นเตรียมจะแทงอีกฝ่ายเป็นครั้งที่สองนั้นเองก็รีบเข้ามาขวาง
“พูดมา ใครส่งแกมา! ใช่เย่เฉินหรือเปล่า!”
หลิ่วเฟิงคว้าแขนสองข้างของบริกรแล้วเค้นถาม
บริกรผู้นั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเย่เฉินคือใคร เขาเพียงแค่ตะโกน “หลิ่วอวี่เจ๋อล้อเล่นกับความรู้สึกของนางฟ้าของผม แกต้องไม่ตายดีแน่!”
ตอนนี้เองในกลุ่มแขกก็มีคนตะโกน “แย่แล้วๆ หลิ่วอวี่เจ๋อติดเทรนด์เวยป๋ออีกแล้ว ไม่ใช่แค่หลิ่วอวี่เจ๋อ คุณหลิ่ว หลิ่วหย่วนหางเองก็ติดเทรนด์ด้วยนะครับ แถมไม่พอยังมีบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสของคุณก็ตามไปติดเทรนด์ด้วย!”
“อะไรนะ?” หลิ่วหย่วนหาง หลิ่วเฟิงและหลิ่วอวี่เจ๋อต่างก็ตกตะลึง
เขารีบเปิดมือถืออย่างรวดเร็วจากนั้นก็เห็นคลิปร้องไห้ของเหม่ยฉี
“สนับสนุนเหม่ยฉี! ล้มตระกูลหลิ่ว!”
“ต่อไปภายหน้าทุกคนอย่าใช้ชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสแล้ว ปู่เขาคงไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก ถึงได้สั่งสอนหลานที่เจ้าชู้แบบหลิ่วอวี่เจ๋อได้น่ะ!”
“แบนบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรส! อย่าคิดว่าพวกคุณเป็นตระกูลเศรษฐีแสนล้านแล้วจะสามารถแบนเหม่ยฉีของพวกเราได้นะ!”
ความคิดเห็นต่างๆ เต็มอินเตอร์เน็ตไปหมด หลังจากที่เหม่ยฉีแฉหลิ่วอวี่เจ๋อแล้ว ทุกคนต่างก็พุ่งเป้าไปที่หลิ่วหย่วนหางและบริษัทของเขา
“คุณปู่ หุ้นของพวกเราดิ่งหนักมากเลยครับ!”
หลิ่วเฟิงเปิดโทรศัพท์ดูราคาหุ้นบริษัทครั้งแรกก็พบว่าตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในทันที
หลิ่วหย่วนหางกัดฟันกรอด ในตอนที่มองหลิ่วอวี่เจ๋อนั้นก็คาดโทษ “กระทั่งดาราคนเดียวยังควบคุมไม่ได้ ต่อไปอย่าได้คิดจะดูแลบริษัทของตระกูลเลย!”
ฉันขออาบน้ำก่อนได้ไหม”
เหม่ยฉีโยนกระเป๋าลงบนโซฟา ตรงบริเวณฝั่งขวามือของเย่เฉิน
เย่เฉินมึนงงไปแล้วย้อนถาม “คุณเหม่ยฉีคุณเข้าใจผิดแล้วหรือเปล่า?”
เหม่ยฉีแค่นเสียง “เข้าใจผิดเหรอ? คุณทำไปตั้งมากมายขนาดนี้แล้วยังแอบเอารูปแอบถ่ายมาขู่ฉัน แล้วก็ยังอยากเอาเงินให้ฉัน ไม่ได้ทำไปเพราะอยากนอนกับฉันเหรอ?”
สองปีที่โด่งดังมา หล่อนเจอลูกคนรวยหรือไม่ก็เถ้าแก่จำนวนนับไม่น้อยที่อยากจะนอนกับตนเอง
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในวงการบันเทิง
เย่เฉินพูดไม่ออก “ผมไม่ได้มีหมายความว่าอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นไอดอลของคนมากมายแต่ผมไม่ได้สนใจคุณแม้แต่นิดเดียว ที่ผมเชิญคุณมา แล้วบอกว่าจะให้เงินคุณก็เพราะอยากให้คุณช่วยอะไรผมหน่อย”
“ฮะ?”
เหม่ยฉีประหลาดใจ คุณชายคนนี้ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นเหรอเนี่ย?
หล่อนเห็นเย่เฉินไม่เหมือนเป็นคนเลววร้ายจึงคลายความระแวงลงแล้วทรุดตัวนั่งลงแล้วถาม “เรื่องอะไร?”
เย่เฉินกล่าว “ผมไม่ได้มีความแค้นอะไรกับคุณ เป้าหมายในวันนี้ของผมไม่ใช่คุณแต่เป็นหลิ่วอวี่เจ๋อ”
พอฟังมาจนถึงตอนนี้ เหม่ยฉีก็รู้สึกได้ทันทีว่าตนเองน่าสงสารอย่างมาก หล่อนคิดว่าเรื่องนี้นั้นทำให้หล่อนซวยไปด้วย
วุ่นวายตั้งหลายวัน ที่แท้ตนเองซวยเพราะหลิ่วอวี่เจ๋อ!
เย่เฉินกล่าวว่า “ตอนนี้ฮอตเสิร์ชถูกหลิ่อววี่เจ๋อจัดการแล้ว ฝั่งเขาปฏิเสธว่าไม่รู้จักคุณ ผมหวังว่าคุณจะแชร์เวยป๋อบอกทุกคนว่ารถเขย่าคืนนั้นคือคุณกับหลิ่วอวี่เจ๋อจริงๆ!”
“คิดว่าฉันบ้าหรือไง!” เหม่ยฉีตะเบ็งเสียง “ฉันอยากจะปฏิเสธแทบแย่ จะให้ฉันมายอมรับเนี่ยนะ? ฉันยังอยากเป็นดาราต่ออยู่นะ!”
เย่เฉินกล่าว “รุปที่ถูกแฉก่อนหน้านี้ ความจริงก็เห็นกันชัดๆ แล้วขอแค่ไม่ใช่คนโง่ ต่างก็มองออกว่าคือคุณ แล้วก็เดาออกกันด้วยว่าพวกคุณทำอะไรกันในรถ คุณปฏิเสธไปคนก็จะคิดว่าคุณเป็นคนโกหกเปล่าๆ”
ถ้าหากว่าคุณยอมรับอย่างเปิดเผย บอกว่าคุณคบหากับหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นแฟน บอกว่าคุณรักเขามาก มีความสัมพันธ์ฉันคนรักกับเขาแค่ไม่อยากบอกสาธารณะชนเท่านั้น ถ้าเป็นแแบบนี้ทุกคนก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ผู้หญิงอายุ 20 กว่าปีอย่างคุณจะมีแฟนก็เป็นเรื่องปกติ เรื่องที่ดาราแอบมีแฟนหรือถึงขั้นแอบแต่งงานก็ไม่ได้เป็นเรื่องประหลาดอะไร”
เหม่ยฉีคิดตามมันก็จริง
ดาราในตอนนี้ทันทีที่เกิดเรื่อง แล้วไม่ยอมรับเห็นชาวเน็ตเป็นคนโง่ แฟนคลับหรือคนชื่นชมก็จะค่อยๆ น้อยลงไป แล้วจะค่อยๆ ดับไป
ไม่สู้ยอมรับเรื่องนี้อย่างกล้าหาญไปเลย
เหม่ยฉีกล่าว “แต่ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อตอนนี้เขามีภรรยาแล้ว ฉันยอมรับไปก็กลายเป็นชู้ไม่ใช่หรือไง?”
เย่เฉินกล่าว “นี่แหละที่สำคัญเลยคุณก็บอกว่าหลิ่วอวี่เจ๋อหลอกคุณสิ บอกว่าเขาไม่เคยพูดเรื่องหวังเจียเหยามาก่อน จนวันนี้คุณก็เพิ่งรู้ว่าเขาไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น”
เหม่ยฉีจมดิ่งในห้วงความคิดตนเองอีกครั้ง
ในเวยป๋อส่วนมากเป็นผู้หญิง ผู้หญิงย่อมเห็นใจเพศเดียวกัน
ทันทีที่เรื่องนี้ออกมาว่าฝ่ายชายเป็นคนเจ้าชู้ หลอกลวงเหม่ยฉี เหม่ยฉีจะต้องได้รับการสนับสนุนและกำลังใจจากชาวเน็ตจำนวนนับไม่ถ้วน
“ถือว่าเป็นวิธีที่ดีจริงๆ” เหม่ยฉีกล่าว “แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ ฉันคงล่วงเกินหลิ่วอวี่เจ๋อเข้าแน่ๆ อิทธิพลตระกูลหลิ่วยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ฉันล่วงเกินพวกเขาไม่ได้”
เย่เฉินจุดบุหรี่ เขากระดิกเท้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณรู้สึกว่าคุณล่วงเกินผมได้แทนล่ะสิ? คุณต้องเลือกใครสักคนระหว่างเราสองคน ไม่ล่วงเกินเขาก็ล่วงเกินผม”
เหม่ยฉีไม่รู้ว่าเย่เฉินเป็นเทวดามาจากไหน แต่หล่อนก็พอจะมองออกว่าหลิวเจิ้งคุนที่ไปรับตัวหล่อนมานั้นไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ!
ลูกน้องสองคนของหลิวเจิ้งคุน ก็ทำให้หล่อนรู้สึกว่าเขาเป็นลูกพี่แล้ว!
แต่เมื่อหลิวเจิ้งคุนอยู่ต่อหน้าเย่เฉินก็มีท่าทีนอบน้อมราวเป็นคนรับใช้
“กล้าหาเรื่องตระกูลหลิ่ว เขาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่”
เหม่ยฉีคิดในใจ
หลังจากที่เรื่องนี้ถูกแฉแล้ว เหม่ยฉีก็เอาแต่โทษหลิ่วอวี่เจ๋อในใจ
เขาดึงดันจะเรียกหล่อนให้ออกไปหาเมื่อคืน แถมยังจะดันทุรังอยากจะนัวเนียกับหล่อนขนาดนั้น
แต่ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อกับหล่อนไม่ได้เป็นเพียงแค่คนรักกัน แต่เป็นความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปพร้อมกับเงินทอง
ที่เหม่ยฉีว่านอนสอนง่าย ยอมไปพบชายหนุ่มทุกครั้งที่เขาเรียกหานั่นเพราะว่าหลิ่วอวี่เจ๋อให้เงินหล่อน
เหม่ยฉีกล่าวอย่างลำบากใจ “ฉันไม่กล้าล่วงเกินคุณหรอกค่ะแต่ก็ไม่กล้าล่วงเกินเขาเหมือนกัน แล้วอีกอย่างเมื่อปีก่อนเขายังให้เงินฉันไม่น้อยเลย ถ้าคราวนี้ฉันทำร้ายเขาก็คงจะไร้หัวใจเกินไปแล้ว”
เย่เฉินหัวเราะ เมื่อเขารับรู้ว่าดาราคนนี้กำลังเริ่มจะต่อรองกับเขา
“เขาให้เงินคุณเท่าไหร่?” เย่เฉินถาม
เหม่ยฉีกล่าว “น่าจะราวๆ สิบยี่สิบล้านล่ะมั้ง อีกอย่างเมื่อครู่เขาเพิ่งจะสัญญากับฉันว่าถ้าฉันไม่มีงานเขาจะเลี้ยงฉัน”
เงินสิบยี่สิบล้านไม่ได้ถือว่าเยอะอะไรสำหรับดารา ดาราที่ค่อนข้างดังอย่างเหม่ยฉี แค่ไปรับเป็นพรีเซนเตอร์ก็ได้เงินประมาณนี้แหละ
แต่ว่าคนจำนวนมากอาจจะยังไม่รู้ว่าเงินที่ได้มาพวกนี้ ส่วนใหญ่จะเข้าบริษัท ส่วนที่ดาราจะได้มานั้นน้อยนิดอย่างมาก
ดาราพวกนี้ก่อนจะดังจะเซ็นสัญญาระยะยาวมากๆ กับบริษัท อีกทั้งยังได้ส่วนแบ่งน้อยนิด มีบางคนได้ไม่ถึงสามส่วนด้วยซ้ำไป
หลายปีที่ผ่านมาที่เหม่ยฉียังไม่ดัง เหม่ยฉีแทบจะไม่มีรายรับอะไรเลย ถึงขนาดที่ยังติดเงินบริษัทด้วยซ้ำไป
ฐานะทางบ้านเหม่ยฉีธรรมดาที่ขยันทำงานก็เพื่อหาเงิน
เย่เฉินกล่าว “ก่อนนี้ผมก็บอกแล้วว่าผมสามารถให้เงินคุณ คุณคิดว่าวิลล่าแห่งนี้เป็นยังไง?”
ตอนนี้เหม่ยฉีถึงได้เริ่มมองรอบๆ วิลล่าแห่งนี้ ภายในวิลล่าตกแต่งได้ค่อนข้างสวยงามและหรูหรา บวกกับตำแหน่งที่ตั้งของวิลล่าก็อยู่ในเขตเศรษฐี หล่อนพอจะรู้ได้ว่าวิลล่าที่นี่คงจะแพงมาก
เย่เฉินกล่าวว่า “ขอแค่คุณยอมทำตามที่ผมบอก ให้ข่าวไปว่าหลิ่วอวี่เจ๋อหลอกลวงคุณ เล่นกับความรู้สึกคุณ วิลล่าหลังนี้จะเป็นของคุณ”
“จริงเหรอคะเนี่ย?” เหม่ยฉีมองเย่เฉินอย่างตกตะลึง
หล่อนอยากจะซื้อบ้านที่เทียนไห่มานาน แต่ว่าด้วยรายรับของหญิงสาวต้องทำงานไปอีกสักสองปี ถึงจะหาเงินได้มากพอ
แต่ในวงการบันเทิงตอนนี้ มีคนหน้าใหม่เข้ามาตลอดๆ คนที่หายไปก็หายไปเร็วมากเช่นกัน
หล่อนไม่รู้ว่าสองปีต่อจากนี้ตนเองจะยังดังอยู่หรือไม่
เย่เฉินพยักหน้ารับ “วิลล่าแห่งนี้รวมไปถึงของในวิลล่า เมื่อครู่ผมลองคำนวณคร่าวๆ รวมๆ กันแล้วน่าจะมีมูลค่าร้อยล้าน ผมเห็นสัญญาของคุณกับบริษัทแล้ว ปีหน้าคุณถึงจะได้ส่วนแบ่งถึงห้าส่วน อีกทั้งยังต้องคืนเงินบริษัทที่ช่วยสำรองจ่ายเพื่อเลี้ยงดูคุณด้วย เงินร้อยล้านนี้ หากคุณหาเอง โชคดีหน่อยก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปี ถ้าหากว่าต่อไปผมได้ย่างเท้าเข้าไปในวงการบันเทิง ไม่แน่ว่าอาจจะพอช่วยอะไรคุณได้ ให้คุณได้แสดงละครของผู้กำกับดังๆ คุณลองพิจารณาเอาเองแล้วกัน”
เย่เฉินพูดในสิ่งที่เขาควรจะพูดออกมาหมดแล้ว ก็คงต้องดูว่าเหม่ยฉีจะเลือกยังไงแล้ว
หล่อนดิ้นรนอยู่นาน ทั้งหลิ่วอวี่เจ๋อและชายตรงหน้าหล่อนนี้ต่างก็ไม่ควรจะล่วงเกินทั้งสิ้น
แต่ว่าในในของตนเองกลับเกลียดชังหลิ่วอวี่เจ๋อ
ฐานะทางบ้านเหม่ยฉีไม่ได้ร่ำรวย แต่เป็นคนมีนิสัยเย่อหยิ่ง ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมให้คนมาเลี้ยงได้ง่ายๆ
ตอนแรกที่หล่อนคบหากับหลิ่วอวี่เจ๋อ เพราะเชื่อในคำพูดอ่อนหวานของหลิ่วอวี่เจ๋อไพล่คิดไปว่าชายหนุ่มชอบตนเองจากใจจริง อยากจะแต่งานกับหล่อนเข้าตระกูลหลิ่ว
ใครจะไม่อยากเป็นสะใภ้ตระกูลหลิ่วบ้าง?
ผลกลายเป็นว่าหลิ่วอวี่เจ๋อแค่นอนกับหล่อนเล่นๆ เท่านั้นเอง
พอคิดถึงตรงนี้ในแววตาเหม่ยฉีก็ฉายแววโกรธชัง แล้วให้คำตอบขณะมองเย่เฉิน
“ได้ค่ะ ฉันเชื่อคุณ!”
เย่เฉินค่อยๆ ผลักประตูกระจกของร้านกาแฟเข้าไป โมบายสไตล์ญี่ปุ่นที่แขวนไว้ที่ประตูดังกรุ๊งกริ๊งทำให้หญิงสาวเจ้าของร้านกาแฟเงยหน้าขึ้นมองเขา
แสงอาทิตย์ที่นอกร้านสาดแสงส่องมาที่ร่างกายช่วงล่างของเย่เฉิน เขาเหมือนเดินออกมาจากแสงสว่างอย่างไรอย่างนั้น ดูทรงพลังอย่างยิ่ง
ส่วนหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีชมพูสไตล์ฝรั่งเศสในร้านกาแฟคนนั้นกำลังอุ้มเด็กหญิงวัยสามขวบไว้ในอ้อมแขน
ใบหน้าของสองคนแม่ลูกต่างก็เรียกได้ว่าสวยงามชวนตะลึง
ตอนที่เย่เฉินมองสองคนแม่ลูกนั้นครั้งแรก เขาก็ตะลึงไป ทำให้เขาผลักประตูร้านกาแฟแห่งนั้นค้างนิ่งราวห้าวินาทีเป็นอย่างน้อย
ห้าวินาทีนี้เขาตั้งใจพินิจมองใบหน้าของสองคนแม่ลูก เด็กสาวดูแล้วอายุไม่มาก ถึงแม้ว่าจะมีลูกแล้วแต่อายุอานามของเจ้าหล่อนไม่มีทางเกิน 25
เครื่องหน้าบนใบหน้าของเจ้าหล่อนงดงามสมบูรณ์แบบเหมือนหวังเจียเหยา เขาจ้องหญิงสาวราวตกในภวังค์
เมื่อเปรียบกับหวังเจียเหยาผู้เย่อหยิ่งงามล่มเมืองคนนั้นแล้ว ผู้หญิงคนนี้น่าจะดูอ่อนโยนและเก็บเนื้อเก็บตัวกว่า
ใบหน้าของหญิงสาวแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ทำให้ไม่ว่าคนไม่รู้สึกถึงความห่างเหิน เหมือนกับว่าเป็นเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนนักเรียนร่วมห้องกัน
“นี่จะต้องเป็นผู้หญิงของพี่รองแน่ๆ”
เย่เฉินแอบคิดในใจ เขารู้ดีว่าพี่รองของเขาเป็นคนที่บ้าคนสวยกว่าเขาเสียอีก จะหาผู้หญิงสักคน เขาไม่มีทางหาผู้หญิงทั่วไป
คนที่เขาหาก็คือผู้หญิงที่สวยจนล่มเมืองได้!
เหมือนอดีตภรรยาของเขาก็เป็นฝีมือพี่ชายคนที่สองที่หาหญิงสาวมาจากตระกูลหลายร้อยตระกูล หาคนที่อายุอานามเหมาะสมที่สุุด ใบหน้าสวยงามที่สุดจากคนจำนวนมากให้เขา
พี่รองของเย่เฉินทิ้งกุญแจไว้ที่นี่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของร้านสาวต้องเป็นอะไรบางอย่างกับพี่ชายเขา
เย่เฉินปิดประตู เดินเข้ามาในร้านก็พบว่าภายในนั้นไม่มีคน มีแค่สองแม่ลูกคู่นี้เท่านั้น
เย่เฉินไม่กล้าจ้องใบหน้าที่งดงามของหญิงสาวตรงๆ จึงเสสายตาไปจดจ้องอยู่กับเด็กเล็กในอ้อมแขนอีกฝ่าย
เขาพบว่าเด็กน้อยคนนั้นก็จ้องตนเองไม่กระพริบตาด้วยซ้ำไป
เด็กสาวหน้าตาน่ารัก ตัวอวบอ้วน ตอนนี้อาจจะมองใบหน้าของหญิงสาวไม่ออก คาดว่าต้องรออีกสักพักก็จะเห็นว่าเป็นว่าที่สาวงาม
“อย่าบอกนะว่านี่เป็นลูกของพี่รองน่ะ?”
เย่เฉินประหลาดใจ
ถ้าหากว่าเป็นทายาทตระกูลเย่ ถ้าเป็นเด็กผู้ชายอายุเท่านี้ก็น่าจะโดนคนในตระกูลมารับตัวไปแล้ว
ส่วนถ้าเป็นเด็กผู้หญิงคาดว่าคงจะรออีกหลายปีเพื่อให้ได้อยู่กับมารดา
หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ขณะมองเขา “สวัสดีค่ะ”
น้ำเสียงหญิงสาวนุ่มนวลอ่อนหวาน ฟังแล้วสบายรื่นหู เขาถึงขึ้นที่รู้สึกว่าออกจะรู้สึกคุ้นหูอย่างประหลาด
“สวัสดีครับ” เย่เฉินยิ้มให้หญิงสาวแล้วผงกศีรษะ
หญิงสาวถามต่อ “คุณผู้ชายจะดื่มอะไรหน่อยไหมคะ?”
เย่เฉินกล่าว “ผมมาเอาของครับ กุญแจวิลล่าที่อวี๋ซาน”
“อ้อ” รอยยิ้มยังคงแต่งแต้มบนใบหน้าหญิงสาว เจ้าหล่อนไม่ได้มีท่าทีตกใจนัก แล้วชี้ห้องภายในร้านกาแฟ “อยู่ในตู้เซฟในห้องนั้นค่ะ”
เย่เฉินพยักหน้ารับ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเขาเดินตรงดิ่งเข้าไปด้านใน
ด้านในร้านมีห้องเล็กๆ เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นตู้เซฟขนาดเล็กตั้งอยู่ภายใน
เย่เฉินหันหน้ามามอง ก็พบว่าหญิงสาวและลูกสาวของหล่อนยังคงมองเขาแล้วถาม “คุณรู้ไหมว่ารหัสอะไร?”
หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันรู้แค่ว่าเป็นเลขสี่หลัก”
เย่เฉินครุ่นคิด “หรือว่าจะเป็นวันเกิดพี่รอง”
เย่เฉินกดเลข 0604 แล้วก็บอกว่ารหัสผิด
“กุญแจทิ้งเอาไว้ให้ผม หรือจะเป็นวันเกิดผม?”
เย่เฉินลองกดวันเกิดตนเอง แล้วก็เปิดได้อย่างรวดเร็ว
ในนั้นไม่เพียงแต่มีกุญแจบ้าน แต่ยังมีกุญแจรถสองคัน และเอกสารสัญญาชุดหนึ่ง
เย่เฉินหยิบทั้งหมดออกมา แล้วเดินไปที่ด้านหน้าร้านกาแฟแล้วกล่าวกับหญิงสาวว่า “ผม…เอาของพวกนี้ไปแล้วนะ”
“ค่ะ” หญิงสาวยังคงยิ้ม และยังคงไม่พูดอะไรมากมายไปกว่านั้น
หล่อนไม่ถามแม้แต่ชื่อของเย่เฉิน และไม่ได้พูดเรื่องพี่ชายคนที่สองของเขา ราวกับว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับชายหนุ่มด้วยซ้ำไป
เย่เฉินที่เดิมกำลังจะเดินออกจากร้าน แต่ตอนที่เดินไปที่หน้าร้านเขาก็อดหันหลับมามองไม่ได้ “เอ่อคือ..”
“คะ?” หญิงสาวย้อนถามเขาเหมือนกำลังเป็นพนักงานคนหนึ่งในร้าน
เย่เฉินพูดไม่ออก “แค่ก ไม่มีอะไรครับ เพียงแต่สภาพแวดล้อมที่นี่ดีมากทีเดียว ไว้คราวหน้าผมจะมาดื่มกาแฟที่นี่ วันนี้ผมรีบ”
หญิงสาวยังคงยิ้มแย้ม“ได้เลยค่ะ ยินดีต้อนรับนะคะ”
เย่เฉินผลักประตูเปิดออก จนกระทั่งวินาทีที่เย่เฉินหันหับมามองอีกฝ่ายอย่างอดไม่ได้ เด็กหญิงในอ้อมอกเจ้าหล่อนก็จ้องเขาเช่นกัน
ดวงตาโตกลมใสซื่อ ท่าทางน่าสงสารนั้นชวนให้เขาใจสลาย
เย่เฉินหยิบสัญญาและกุญแจ แล้วเดินไปใต้ร่มเงาต้นไม้พร้อมๆ กับสบถ “พี่รองนี่สารเลวชะมัด ผู้หญิงคนเมื่อกี้ต้องเป็นผู้หญิงของเขาแน่ เด็กน้อยคนนั้นต้องเป็นลูกเขา แล้วเขาทอดทิ้งพวกเขาไป!”
เย่เฉินไม่ได้ข่าวเรื่องการแต่งงานของพี่ชายคนที่สอง ดังนั้นผู้หญิงคนนี้คงจะไม่ถูกยอมรับเข้าตระกูลเย่
เขาลองโทรหาพี่ชายของตนเอง ทว่าโทรไม่ติด ดังนั้นจึงส่งข้อความบอกเขาว่า ‘ผมไปที่ร้านกาแฟซือเฉินมาแล้ว’
จากนั้นเย่เฉินก็ไม่ได้สนใจเรื่องของหญิงสาวคนนั้นอีก แล้วตรงไปที่วิลล่าอวี๋ซาน ไปที่บ้านที่พี่ชายมอบให้เขา
และในเวลาเดียวกันเย่เฉินก็โทรหาหลิวเจิ้งคุน เพื่อให้เขาเรียกเหม่ยฉีมาพบตนเอง
ดาราดังย่อมไม่ได้เชื้อเชิญมาง่ายๆ แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนี้เหม่ยฉีเป็นดาราดัง เมื่อกำลังตกเป็นกระแสจึงไม่กล้าออกบ้านง่ายๆ
ทว่าหลิวเจิ้งคุนมีภาพของการลักลอบนัดพบกันระหว่างเหม่ยฉีกับหลิ่วอวี่เจ๋อ ที่ปล่อยไปในอินเตอร์เน็ตเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
แค่ส่งรูปภาพสุ่มๆ สักสองใบไปให้หญิงสาว เจ้าหล่อนก็ว่านอนสอนง่ายทันที
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
เหม่ยฉีก็มาถึงวิลล่าอวี๋ซานของเย่เฉิน เจ้าตัวใส่หมวกเบสบอล แมสและแว่นตาดำ ห่อหุ้มร่างกายทั้งหมดไว้อย่างมิดชิด
“คุณชายเย่ครับ หล่อนมาแล้ว!”
หลิวเจิ้งคุนปรากฏตัวขึ้นที่ตรงหน้าเย่เฉิน
เย่เฉินพยักหน้า “นายไปเฝ้าที่หน้าประตู ดูว่ามีปาปารัซซี่หรือว่าโดรนมาตามถ่ายไหม”
“ครับ” หลิวเจิ้งคุนออกไปทันที
ทำให้ในวิลล่าเหลือแค่เย่เฉินและเหม่ยฉีสองต่อสอง
เหม่ยฉีถึงได้ยอมถอดอุปกรณ์พรางตัวทั้งหมดของตนเองลง แล้วถอดเสื้อคุมตัวบางออก จนเผยออร่าดาราออกมาช้าๆ
หญิงสาวไม่ได้มีแก่ใจจะมาชื่นชมวิลล่าที่หรูหราแห่งนี้ กล่าวด้วยใบหน้าร้อนรน “พี่คะ พี่ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ อย่าปล่อยรูปภาพพวกนั้นออกมาอีกเลยนะคะ พี่อยากได้กี่บาทเราคุยกันได้นะคะ!”
เย่เฉินปรายตามองเหม่ยฉี ที่จริงทั้งสองคนเคยเจอกันที่บริษัทเหวินเชี่ยนเชี่ยน
ทว่าตอนนั้นเหวินเชี่ยนเชี่ยนกำลังไลฟ์สด เหม่ยฉีมาสายดังนั้นพอมาถึงบริษัทหญิงสาวก็ตรงดิ่งไปไลฟ์สดทันที
ทั้งสองแค่เคยเจอกันผ่านๆ คาดว่าเหม่ยฉีไม่ได้สังเกตเย่เฉินด้วยซ้ำ ดังนั้นถึงจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร
เย่เฉินทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาแล้วกล่าว “ผมไม่ร้อนเงิน ที่เชิญคุณมาครั้งนี้ก็ไม่ได้อยากได้เงินคุณ กลับกันผมจะให้เงินคุณแทน”
“ให้เงินฉัน?”
เหม่ยฉีนิ่งไปแล้วหล่อนก็นึกถึงความเป็นไปได้ที่เลวร้ายข้อหนึ่ง
เหม่ยฉีมองเย่เฉินด้วยสายตาประเมินแล้วถอนหายใจ “เฮ้อ พวกคนรวยๆ อย่างพวกคุณทำไมถึงได้ชอบนอนกับดาราตัวเล็กๆ อย่างพวกเรานักนะคะ? ช่างเถอะเห็นแก่ที่คุณหล่อใช้ได้เลย ฉันรับปากคุณก็แล้วกัน”
เย่เฉิน “???”
เย่เฉินรู้สึกผูกพันกับสถานที่อย่างอีผิ่นเจียเหยาอย่างมาก!
เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่เขาคิดเพื่อหวังเจียเหยาในตอนที่แต่งเข้าตระกูลหวัง และเป็นสิ่งที่เขาอยากทำเพื่อหวังเจียเหยา
สถานที่แห่งนั้นบรรจุความเพ้อฝันเกี่ยวกับความรักที่สวยงามของเขาเอาไว้!
ดังนั้นต่อให้เป็นการหย่าปลอมๆ ครั้งแรกของพวกเขาสองคน แต่เย่เฉินก็ยังยินดีจะลงทุนให้ตระกูลหวัง เพื่อให้สร้างอีผิ่นเจียเหยา
แต่ตอนนี้เย่เฉินได้ยินหวังเจียเหยาเหยียดหยามสถานที่สำคัญในใจเขา เหยียดหยามความสัมพันธ์ของพวกเขา เย่เฉินก็อดรนทนไม่ไหว
เขาอยากจะถล่มอีผิ่นเจียเหยาให้ราบคาบ เขาอยากจะฝังกลบความรักทั้งหมดที่เขามีต่อหวังเจียเหยา!
ในเวลานี้เองเย่เฉินก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะซื้อที่ดินผืนนั้นแล้วทำให้กลายเป็นสุสานไป!
เย่เฉินก้มหน้าลงมองมือถือ เขาไม่อยากจะเห็นคลิปพวกนี้เป็นครั้งที่สอง
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาไม่อยากจะเห็นคลิปวีดีโอหรือรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหวังเจียเหยาอีก!
ดังนั้นเย่เฉินจึงบล็อคหวังซ่าวเจี๋ยทันที!
เพื่อห้ามไม่ให้เขาส่งขยะเลอะเทอะพวกนี้มาให้เขา!
ไม่รูปภาพน้องสาวนายก็คลิปของหวังเจียเหยา
เขาไม่อยากจะไปข้องแวะอะไรกับน้องสาวสองคนของหมอนั่นอีก!
หลังจากใช้เวลาครู่ใหญ่หมดไปกับการจัดการอารมณ์ของตนเองเรียบร้อยแล้ว เย่เฉินก็แกล้งกดชัดโครก แล้วเดินออกไปพร้อมรอยยิ้ม
ฉินหงเหยียนรินแชมเปญแล้วเห็นเย่เฉินเดินมา ก็ส่งให้เขา
“proost (ชนแก้ว)”
ฉินหงเหยีนก็ชกแก้วแชมเปญขึ้น
“prost (ชนแก้ว)”
เย่เฉินเองก็ตอบกลับไป
ฉินหงเหยียนดื่มแชมเปญเข้าไปอีกหนึ่งแล้วกล่าวอย่างตกตะลึง “เย่เฉินคุณนี่เก่งจริงๆ พูดภาษาฮอลแลนด์ได้ด้วย! เมื่อกี้ฉันอาศัยจังหวะช่วงที่คุณไปห้องน้ำ หาข้อมูลดูว่าคำว่าชชนแก้วในภาษาฮอลแลนด์พูดว่ายังไง อยากจะลองทดสอบคุณดู”
เย่เฉินยกแก้วขึ้นดื่มอึกหนึ่งแล้วตอบ “ผมคิดว่าคุณพูดภาษาเยอรมัน”
“หืม? ภาษาเยอรมัน?” ฉินหงเหยียนสับสน
เย่เฉินอธิบาย “คำว่าชนแก้วของภาษาเยอรมันและฮอลแลนด์ออกเสียงเหมือนกัน แต่ว่าตอนเขียนนั้นมันในภาษาฮอลแลนด์จะมีตัวโอมากกว่าตัวหนึ่ง”
“อ้อ” ฉินหงเหยีนเข้าใจในทันที หญิงสาวมองเย่เฉินด้วยใบหน้าเลื่อมใส “มีแฟนเรียนเก่งแบบนี้ฉันล่ะภูมิใจจริงๆ เย่เฉิน ฉันเคยไปต่างประเทศไม่เยอะ ภาษาที่เข้าใจก็มีไม่มาก มหาวิทยาลัยก็เรียไม่จบ เรียนไปก็ดรอปเรียนไป คุณคงจะไม่รังเกียจที่ฉันโง่เง่าใช่ไหม?”
ฉินหงเหยียนที่แต่ไหนแต่ไรมาเย่อหยิ่ง แต่กลับเปิดเผยด้านที่อ่อนแอต่อหน้าเย่เฉิน
เย่เฉินบีบแก้มของฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “ตอนนี้ผมกำลังเกาะคุณกินอยู่ อยู่ในบ้านที่คุณซื้อให้ ขับรถที่คุณซื้อ ผมจะกล้ารังเกียจคุณได้ยังไง?”
“ฮ่าๆ” ฉินหงเหยียนระบายยิ้ม “งั้นฉันต้องหาเงินให้มากๆ จะได้เลี้ยงดูคุณได้ เดี๋ยวฉันเตรียมตัวไปสอบสัมภาษณ์ วันนี้หลิ่วอวี่เจ๋อแต่งงานแถมยังเจอเรื่องใหญ่ขนาดนี้อีก เขาน่าจะไม่มีเวลามาสนใจฉันเท่าไหร่แล้ว”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วถาม “คุณคิดจะไปทำงานที่ไหน?”
ฉินหงเหยียนกล่าว “บริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสน่ะ ไป๋ลี่เป็นคู่แข่งของชุนเฟิงเอ็กซ์เพรส และเป็นบริษัทคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุด อีกทั้งบริษัทต่างก็อยู่ที่เทียนไห่ ฉันอยากไปทำงานที่นั่นแล้วสู้กับตระกูลหลิ่ว!”
จะบังเอิญอะไรขนาดนี้ บริษัทที่เย่เฉินไปสัมภาษณ์ก่อนนี้ก็คือบริษัทขนส่งแห่งนี้
ทว่าตำแหน่งที่เย่เฉินไปสอบสัมภาษณ์เป็นแค่พนักงานขนส่งตัวเล็กๆ ไม่ได้เข้าไปตัวตึกของบริษัทไป๋ลี่ด้วยซ้ำ
ทว่าคนระดับฉินหงเหยียนจะต้องไปสมัครตำแหน่งที่สำคัญอยู่แล้ว
“ขอให้คุณประสบสำเร็จนะ” เย่เฉินยกแก้วเหล้าขึ้นมาอีก
“ขอบคุณค่ะที่รัก”
ฉินหงเหยียนดื่มแชมเปญอย่างมีความสุข
เวลานี้ฉินหงเหยียนเปิดโทรศัพท์มือถือ ก็พบว่าฮอตเสิร์ชเกี่ยวกับเหม่ยฉีและหลิ่วอวี่เจ๋อในเวยป๋อไม่มีอีกแล้ว!
“ฮอตเสิร์ชหายไปแล้ว!”
ทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็อุทานออกมาอย่างตื่นตกใจ
เย่เฉินเปิดมือถือของตนเองออกมาดู ก็พบว่าหัวข้อที่เดิมติดเทรนด์ฮอตเสิร์ชอันดับหนึ่ง ตอนนี้ได้หายไปแล้ว!
ส่วนที่มาแทนก็คือ ‘บริษัทเอเจนซี่เหม่ยฉีออกแถลงการณ์’
หลังจากกดเข้าไปดูแล้ว พบว่าบริษัทเอเจนซี่ของเหม่ยฉีก็แถลงการณ์บอกว่าบนเวยป๋อว่าเป็นเรื่องเหลวไหล
อีกทั้งยังบอกว่าเหม่ยฉียังเป็นโสด ยังไม่มีแฟน และก็ไม่รู้จักกับทายาทของตระกูลหลิ่ว
เวลาดารามีข่าว โดยปกติแล้วจะมีบริษัทเอเจนซี่แถลงการณ์ ตัวดาราเองจะไม่สนใจเนื้อหาใดๆ วางตัวลอยอยู่เหนือเรื่องราวใดๆ
ในจุดนี้ต่างไปจากต่างประเทศ เพราะที่เมืองนอกนั้นดาราจะเป็นฝ่ายออกหน้าเอง
“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลหลิ่วจะมีอิทธิพลขนาดนี้ ขนาดฮอตเสิร์ชเวยป๋อยังติดไม่ถึงสิบนาทีก็หายไปแล้ว”
ฉินหงเหยียนผิดหวังเล็กน้อย หญิงสาวอยากเห็นหลิ่วอวี่เจ๋อโดนกรรมตามสนอง
แต่ว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้นขอแค่มีเงินก็ไม่ต้องรีบโทษทัณฑ์ใดๆ
เย่เฉินกดเข้าไปในเวยป๋อที่แถลงการณ์ของบริษัทเอเจนซี่ ก็พบว่าคอมเม้นต์ด้านล่างล้วนแต่เป็นเชิงบวก
“เหม่ยฉีพวกเราเชื่อคุณ เลิกแพร่ข่าวเท็จ!”
“ขอให้โฟกัสแค่ผลงานเท่านั้น ขอบคุณ!”
ความคิดเห็นเหล่านี้ล้วนแต่เป็นบอท คาดว่าคงโดนจ้างเอาไว้นานแล้ว
ทว่าพอกดเข้าไปดูใน SUPER TOPIC ก็จะพบเวยป๋อที่ชาวเน็ตคนอื่นแชร์กัน ก็พบว่าชาวเน็ตไม่เชื่อเนื้อหาในแถลงการณ์
“คิดว่าพวกเราเป็นคนโง่หรือไง? นั่นมันเหม่ยฉีชัดๆ!”
“กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ เหอะๆ ตระกูลหลิ่วร่ำรวยขนาดนั้น ลบเทรนด์ฮอตเสิร์ชไม่ได้ต่างอะไรกับขายของเล่นเลย”
“เลิกเถอะ เลิกเลย พวกชาวบ้านอย่างเราๆ อย่าไปคิดจะจับผิดดารากับเศรษฐีเลย”
เมื่อเห็นความเห็นของชาวเน็ต เย่เฉินก็กล่าวว่า “หงเหยียนวันนี้คุณไปสมัครงานเถอะ ถึงแม้ว่าฮอตเสิร์ชจะหายไปแล้ว แต่ว่ารูปก็ถูกปล่อยไปทั่วแล้ว มีชาวเน็ตเซฟเอาไว้เยอะแล้วล่ะ อีกทั้งพวกเขาไม่เชื่อเนื้อหาในแถลงการณ์ด้วย ผมเดาว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะจัดการได้ง่ายๆ แน่”
ฉินหงเหยียนพยักหน้า “งั้นฉันจะไปสัมภาษณ์วันนี้แหละ ยิ่งนานวันเข้าตระกูลหลิ่วก็จะยิ่งหาวิธีได้มากขึ้น”
“อืม” เย่เฉินมองหญิงสาวเดินออกจากบ้านไป
หลังจากที่แฟนสาวออกไปจากบ้าน แววตาเย่เฉินก็ราวกองเพลิงที่สุมไปด้วยไฟกองใหญ่!
คำพูดพวกนั้นที่หวังเจียเหยาพูดกับเขาที่ในสวนจุดประกายเพลิงนี้เข้า!
ในตอนนั้นเขาตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการทางธุรกิจล้างแค้นหลิ่วอวี่เจ๋อ!
“อย่าหวังว่าจะได้ผ่านเรื่องนี้ไปกันได้ง่ายเลยๆ! ยิ่งพวกคุณอยากปฏิเสธเท่าไหร่ ผมนี่แหละจะยิ่งทำให้พวกคุณดิ้นไม่หลุด!”
เย่เฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาพ่อบ้านฟาง
“คุณชายมีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ?”
“พ่อบ้านฟาง คุณปู่ผมพอจะมีร้านค้าหรือว่าอสังหาริมทรัพย์อะไรที่เทียนไห่ไหมครับ?”
“วิลล่าที่อวี๋ซานล่ะมีไหม?”
“มีครับ เมื่อปีก่อนตอนที่คุณชายรองออกจากเทียนไห่ ได้กำชับกับผมเอาไว้ว่าให้ยกวิลล่าของเขาที่อวี๋ซานให้คุณชายสามเอาไว้ใช้”
“ฮะ? พี่รองทิ้งวิลล่าไว้ให้ผมเหรอ? กุญแจอยู่ที่ไหน?”
“ร้านกาแฟซือเฉิน ที่ถนนอวิ๋นหลง เลขที่ 2533”
“โอเคผมรู้แล้ว”
พอกดวางสาย เย่เฉินก็นั่งรถแท็กซี่ไปร้านกาแฟที่ชื่อว่าซือเฉิน
ตำแหน่งที่ตั้งร้านกาแฟแห่งนี้ถือว่าตั้งอยู่ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองเทียไห่ มีคนค่อนข้างน้อย ทว่าถนนแห่งนี้กลับมีทัศนัยภาพที่งดงาม
ริมถนนสองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นหมวกจีน บดบังแสงอาทิตย์จำนวนมากเอาไว้ ทำให้ถนนสองงข้างร่มรื่น เย็นสบาย
หลังจากลงจากรถเย่เฉินก็ผลักประตูเข้าไปด้านใน
สิ่งแรกที่ลอดเข้าครรลองสายตาก็คือผู้หญิงที่ใบหน้าสวยงามไม่น้อยไปกว่าหวังเจียเหยา…
“ฮัลโหล พี่อวี่เจ๋อทำยังไงดี? เรื่องเมื่อคืนของเราโดนแฉแล้ว ท่านประธานด่าฉันเกือบตาย!”
ฟากเหม่ยฉีร้อนรนตั้งแต่เช้าแล้ว
หญิงสาวเป็นดาราดัง ชีวิตส่วนตัวของหล่อนมีผลกระทบต่อตัวเองอย่างมาก สามารถพูดได้ว่าไม่แน่ว่าหล่อนอาจจะอยู่ในวงการบันเทิงต่อไม่ได้แล้ว!
ดาราอย่างหล่อน แค่โดนแฉว่าสูบบุหรี่ก็จะจบเห่ทันที นับประสาอะไรกับเรื่องผู้ชาย!
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “เหม่ยฉีอย่ากังวล รูปมันก็ไม่ได้ชัดนักหนาหรอก ขอแค่เธอยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ใช่ก็พอแล้ว เอาแบบนี้แล้วกันเธอรีบไปบอกให้บริษัทแถลงปฏิเสธไป ฟากฉันผมอธิบายเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะแชร์ช่วยส่งมาให้ดู พวกเราเช็คกันสักหน่อย”
เหม่ยฉีกล่าวอย่างร้อนใจ “ได้เหรอ? ถึงแม้ว่าในรูปไม่ชัดเจนแต่ฉันเป็นคนของประชาชน แฟนคลับของฉันดูแค่ปราดเดียวก็มองออกแล้วว่าใช่ฉันไหม พวกเขาแน่ใจแล้วว่าเป็นฉัน ฮือๆ… อนาคตในวงการบันเทิงของฉันจะจบเห่แล้วใช่ไหมคะ?”
เหม่ยฉียังเป็นเพียงสาววัยรุ่น คาดว่าเมื่อครู่คงโดนบริษัทดุด่าจนขวัญกระเจิง
หลิ่วอวี่เจ๋อปลอบ “อย่าไปฟังเถ้าแก่เธอพูดเหลวไหล สบายใจเถอะน่าไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวข่าวติดเทรนด์พวกนี้ก็หายไปแล้ว! ฉันจะแสดงให้เธอเห็นถึงศักยภาพของตระกูลหลิ่วเราเร็วๆ นี้แหละ!”
เมื่อกดตัดสายหลิ่วอวี่เจ๋อก็แค่นเสียง
เขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้ปาปารัซซี่เป็นคนปูดออกมาหรือว่ามีคนจงใจจะแกล้งเขา
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หลิ่วอวี่เจ๋อก็สามารถคลี่คลายภัยพิบัติครั้งนี้ได้อย่างง่ายดาย!
มีเงินสามารถดลบันดาลทุกอย่าง มีเงินสามารถทำให้ฮอตเสิร์ชหายไปอย่างรวดเร็วได้เหมือนกัน!
หลิ่วอวี่เจ๋อกดโทรศัพท์อีกครั้ง “รีบจัดการฮอตเสิร์ชให้เร็วๆ เลย เงินไม่ใช่ปัญหาเลย!”
……
ณ วิลล่าเฝยชุ่ย
ฉินหงเหยียนไถเวยป๋อแล้วไปเจอข่าวนี้เข้า
“เย่เฉิน คุณรีบดูสิ ดาราดังเหม่ยฉีคนนั้นลอบนัดพบกับหลิ่วอวี่เจ๋อเมื่อคืน โดนปาปารัซซี่แฉแล้ว!”
ฉินหงเหยียนตกตะลึงอย่างมาก
ฮอตเสิร์ชนี้เป็นฝีมือเย่เฉิน
ทว่าเย่เฉินก็ยังแสร้งทำท่าทีตกใจแล้วเดินไปหาแฟนสาว “จริงเหรอ? ผมขอดูหน่อย”
เมื่อดูภาพถ่ายที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้นานแล้ว เย่เฉินก็หัวเราะหึหึ “หึ หวังเจียเหยายังมีหน้าจะคิดว่าตัวเองได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีเลิศเลอ คราวนี้รู้แล้วสิว่าหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคนยังไง!”
เห็นหลิ่วอวี่เจ๋อโดนชาวเน็ตด่าอย่างมืดฟ้ามัวดิน ฉินหงเหยียนเองก็ดีใจอย่างมาก โทสะเมื่อวานของตนเองก็สลายหายไปไม่น้อย
ฉินหงเหยียนกล่าว “เป็นไปอย่างที่คาดจริงๆ คนเลวต้องโดนเทวดาลงโทษ พวกเราไม่ต้องล้างแค้นเขาเลยด้วยซ้ำไป ตัวเขาเองก็รนหาที่ตายเอง!”
เย่เฉินกล่าวพลางยิ้มน้อยๆ แล้วพยักศีรษะ
แต่ว่าในใจตนเองกลับไม่คิดเช่นนี้
คนเลวโดนสวรรค์ลงโทษเหรอ? สวรรค์ยุติธรรมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ไม่ถ้าหากไม่ได้หลิวเจิ้งคุน ถ้าหากไม่มีการชักใยของเย่เฉิน หลิ่วอวี่เจ๋อก็คงไม่โดนลงโทษแบบนี้
ถ้าหากว่าเรื่องเมื่อคืนโดนปาปารัซซี่คนอื่นถ่ายเอาไว้ หากที่ปาปารัซซี่ทำไปไม่ได้คิดจะแฉแต่เอารูปภาพพวกนี้ไปแบล็คเมลล์หลิ่วอวี่เจ๋อแทน
เมื่อให้เงินแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อก็จะไม่โดนด่าแบบวันนี้
ทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็นึกถึงหวังเจียเหยาจึงถามเย่เฉิน “ตอนนี้หวังเจียเหยาคงจะเสียใจกกระมัง? คุณว่าหวังเจียเหยาจะเหมือนที่แต่งงานกับฟางเชาคราวก่อนหรือเปล่าที่จู่ๆ ก็ยกเลิกงานแต่งแล้วจะโร่กลับมาขอคืนดีกับคุณน่ะ? คุณน่ะ ใจอ่อนขนาดนั้นแถมยังรักหล่อนมาก ตอนคอนเสิร์ตก็ร้องไห้ให้หล่อน ถ้าหล่อนมาอ้อนวอนขอคืนดีด้วยคุณต้องทิ้งฉันแล้วไปดีกับหล่อนแน่เลย”
คำพูดของฉินหงเหยียนทำให้เย่เฉินรู้สึกผิด
เย่เฉินรีบยกมือขึ้นมาสาบาน “หงเหยียนผมขอรับรองว่าจะไม่ทำแบบนั้น ตอนนี้คุณต่างหากถึงจะเป็นผู้หญิงที่ผมรักที่สุด หวังเจียเหยากลายเป็นแค่อดีตไปแล้ว คุณอย่าล้อผมเล่นสิครับ พูดอีกอย่างผมไม่คิดว่าหวังเจียเหยาจะเลิกกับหลิ่วอวี่เจ๋อเพราะเรื่องนี้ แล้วยิ่งไปกว่านั้นหล่อนไม่มีทางซมซานกลับมาขอผมคืนดีแน่นอน”
คำพูดเมื่อครู่ของฉินหงเหยียน ย่อมเป็นเพียงการกระเซ้าเย้าแหย่แน่นอน หล่อนรู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มรักตนเอง
เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าเย่เฉินยังรักอีกฝ่ายอยู่หรือไม่ ความรักที่เขามีต่อหวังเจียเหยา และความรักที่มีต่อตนเองนั้น ความรักที่เขามีให้ใครลึกซึ้งกว่ากัน
นี่คือความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของผู้หญิงทุกคน
ฉินหงเหยียนกล่าวถาม “ทำไมล่ะ?”
เย่เฉินรู้จักหวังเจียเหยาเป็นอย่างดี ผู้หญิงอย่างหล่อนให้ความสำคัญกับเงินทองของคู่ชีวิตมากกว่าอะไรทั้งนั้น
“เพราะว่าผมไม่มีเงินแบบหลิ่วอวี่เจ๋อ นอกเสียจากว่าหมอนั่นจะล้มละลาย ไม่อย่างนั้นหล่อนก็จะไม่ยอมหย่ากับเขา”
“อื้ม”
ฉินหงเหยียนเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของเย่เฉิน
“ผมขอไปรินแชมเปญก่อนนะ” ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ชันตัวลุกขึ้น เดินไปที่ตู้เก็บเหล้า
“ทำไมถึงต้องดื่มแชมเปญล่ะคะ?” ฉินหงเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม หล่อนรู้สึกว่าแบบนี้ออกจะมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นมากไปหน่อย
เย่เฉินยักไหล่ไม่ตอบ แล้วจะมีความสุขบนความทุกข์พวกเขาแล้วจะทำไม?
เขารู้สุึกได้ว่ามือถือสั่นน้อยๆ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเห็นว่าหวังซ่าวเจี๋ยส่งคลิปมาให้เขา
เป็นคลิปในงานแต่งงานของหวังเจียเหยา
“ผมไปห้องน้ำก่อนนะ รอผมกลับมาค่อยฉลองด้วยกัน”
เย่เฉินหันไปพูดกับฉินหงเหยียน เขาไม่อยากให้ฉินหงเหยียนเห็นว่าตนเองดูคลิปของหวังเจียเหยา
ตนเองยังคงไม่อาจลืมอดีตภรรยาไปได้หมดจากใจ ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนจับพิรุธบางอย่างได้จากใบหน้าเขา หล่อนอาจจะเกิดหึงเข้า
“อืม คุณไปเถอะ ฉันรินแชมเปญเอง”
ฉินหงเหยียนยิ้มน้อยๆ พลางลุกขึ้นยืน
เมื่อเข้าไปในห้องน้ำชั้นหนึ่งแล้ว เย่เฉินก็เปิดคลิปแล้วนั่งดู
“ฉันเห็นอวี่เจ๋อครั้งแรกก็ชอบเขา แน่ใจว่าเขาจะต้องเป็นผู้ชายของฉัน!”
ในคลิปวีดีโอหวังเจียเหยาสวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ สารภาพรักกับเจ้าบ่าวในงานแต่งงาน
แต่เมื่อเย่เฉินได้ยินแล้วก็หัวเสียอย่างมาก!
“คนสารเลว! ชอบเขาตั้งแต่แรกเห็นเหรอ? คุณยังมีหน้ามาพูดอีก! ทำไมคุณไม่บอกแขกพวกนี้ล่ะ ว่าตอนนั้นคุณยังเป็นภรรยาผมอยู่!”
หวังเจียเหยายังคงเป็นผู้หญิงที่ทำให้เย่เฉินเสียการควบคุมได้จริงๆ เพียงแต่เห็นหญิงสาวพูดคำแรก เย่เฉินก็ตื่นเต้นทันที
เขาอยากพูดอย่างยิ่งว่าเป็นเพราะตนเองเกลียดชังหล่อน!
แต่ว่าเขาเคยพูดมาก่อนว่าความรักและความเกลียดชังเป็นสิ่งเดียวกันแต่คนละด้าน ความรักคือความเกลียดชัง ความเกลียดชังคือความรัก ไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลย
เย่เฉินไม่อยากยอมรับว่าตอนนี้ตนเองเกลียดหญิงสาว นั่นเพราะเขาไม่อยากจะยอมรับว่าตนเองยังรักหล่อน!
ในคลิปหวังเจียเหยาค่อยๆ เปิดปากเอ่ย “อวี่เจ๋อดีกับฉันมาก ทะนุถนอมฉันอย่างยิ่ง ฉันไม่เคยเจอผู้ชายอ่อนโยนแบบนี้มาก่อนเลย…”
คำพูดเหล่านี้หวังเจียเหยาเป็นคนพูดกับเย่เฉินด้วยตนเองเมื่อสองชั่วโมงก่อน
เย่เฉินได้ยินก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
ทว่าต่อมาหวังเจียเหยากลับพูดว่า “ตอนนั้นฉันเองก็จินตนาการว่าจะได้อยู่ที่อีผิ่นเจียเหยากับอวี่เจ๋อ อยู่ในบ้านที่เขาเป็นคนออกแบบด้วยตนเอง อีผิ่นเจียเหยาเป็นรังรักของพวกเรา ชื่อนี้ตั้งขึ้นตามชื่อของฉัน เจียเหยาเป็นชื่อฉัน อีผิ่นคือเขา… แม่งเอ้ย!!!”
เย่เฉินโกรธจนเกือบทุบโทรศัพท์จนแตกละเอียด!
ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวฉินหงเหยียนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน โทรศัพท์ในมือเขาตอนนี้คงจะแหลกละเอียดไปแล้ว!
เย่เฉินกำมือแน่น อยากจะฟาดฝ่ามือบนหน้าใสซื่อที่จอมปลอมของหวังเจียเหยาสุดแรง!
“อีผิ่นเจียเหยาเป็นชื่อที่คิดเพื่อคุณ นั่นคือหลักฐานความรักที่ผมมีให้คุณ! แต่วันนี้คุณกลับบอกว่านั่นคือรังรักของคุณกับเขา! ผมเย่เฉิน ถ้าไม่ได้ถล่มอีผินเจียเหยาจนเละเทะผมคงไม่ใช่คนแล้ว!”
เหม่ยฉีเป็นดาราที่กำลังโด่งดังและเป็นศิลปินที่มีคนรู้จักมาก มีแฟนคลับจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเด็กหญิงชายที่กำลังเรียนหนังสืออยู่
บรรดาผู้ชายต่างก็เห็นหญิงสาวเป็นคนรักในฝัน มโนจินตนาภาพว่าได้เป็นแฟนกับหญิงสาว
แต่ว่าวันนี้กลับได้รู้ว่าไอดอลของตนเองมีแฟนนานแล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้ชายที่ภรรยาแล้วด้วย!
พวกเขาจะทนได้อย่างไร!
เสียงต่อว่าด่าทอหลิ่วอวี่เจ๋อในอินเตอร์เน็ตมีหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
หลังจากโดนชาวเน็ตขุดออกมาว่าหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นหลานชายของหลิ่วหย่วนหางเศรษฐีที่ร่ำรวยระดับประเทศ บวกกับความต่างของฐานะต่างๆ เสียงด่าทอของชาวเน็ตก็รุนแรงกว่าเดิม!
มีเงินแล้วจะทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้อย่างนั้นเหรอ?
ไอดอลของพวกเราถูกพวกทายาทเศรษฐีขยะอย่างพวกนายทำให้แปดเปื้อนมีมลทิน!
ถึงขนาดที่ว่ามีชาวเน็ตบอกด้วยซ้ำว่าอยากจะล้างแค้นหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นการส่วนตัว!
ในเวลานี้เองในงานแต่งงานก็ตกอยู่ในความวุ่นวายทันที
หลังจากหวังซ่าวเจี๋ยเห็นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วเขาก็รีบยื่นให้คุณนายหวังดูอย่างรวดเร็ว
“คุณย่า แย่แล้ว ในเน็ตมีคนแฉว่าสามีของหวังเจียเหยาเหมือนจะยังมีผู้หญิงคนอื่นด้วยครับ!”
“อะไรนะ?” คุณนายหวังมีสีหน้าตกตะลึง
หลังจากที่หวังจื้อหย่วนและซูหลานได้ยินแล้ว ก็รีบร้อนหยิบโทรศัพท์ออกมาดู พลันเห็นข่าวเรื่องนี้
หวังซ่าวเจี๋ยหัวเราะคิกคัก “คุณอาทั้งสองครับอย่าเสียใจเกินไปเลยครับ ที่จริงแล้วลูกชายเศรษฐีก็เป็นแบบนี้กันหมด ใครไม่มีผู้หญิงสามสี่ห้าคนบ้างล่ะ? พวกอาก็ปลอบเจียเหยาหน่อยเถอะครับ ทนๆ ไปเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว”
หวังซ่าวเจี๋ยรู้สึกสนุกเมื่อเห็นพวกเขาเป็นทุกข์
ครอบครัวหวังจื้อหย่วนมักจะโอ้อวดว่าลูกเขยคนใหม่ของพวกเขาดีเลิศเลอขนาดไหน ตอนนี้ความจริงถูกเปิดเผยออกมาแล้วว่าเขาเป็นแค่คนเจ้าชู้เท่านั้นเอง
เพลิงโทสะลุกโชติช่วงบนใบหน้าหวังจื้อหย่วน
ถ้าหากเป็นพ่อที่มีนิสัยมุทะลุ แล้วในวันแต่งงานมีคนออกมาแฉว่าก่อนงานวันแต่งลูกเขยแอบไปพบกับคนรัก
แล้วพ่อผู้นั้นก็จะต้องลากมือลูกสาวออกจากงานแต่งงาน ยกเลิกการแต่งกลางคันทันที!
แต่ว่าหวังจื้อหย่วนไม่มีความกล้านี้
หลังจากคนอื่นเห็นข่าวแล้วต่างก็เริ่มวิจารณ์กันอย่างอื้ออึง
“เมื่อครู่ตอนที่ได้ยินเรื่องราวความรักของพวกเขา ฉันยังเกือบจะร้องไห้น้ำตาลไหล หลิ่วอวี่เจ๋อนี่แสดงละครเก่งจริงๆ”
“ผู้หญิงคนนี้ก็อาจจะไม่ได้ใสซื่ออย่างนั้น ได้ยินคำสาบานเมื่อครู่ของพวกเขา ก็รู้สึกว่าตลกสิ้นดี!”
ส่วนบนเวทีหลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาต่างก็ไม่มีโทรศัพท์ ยังอยู่ในสภาวะมึนงง ไม่รู้ว่าในงานตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลิ่วอวี่เจ๋อเดินลงจากเวทีตรงมาที่กลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว
เพื่อนสนิทเขาคนหนึ่งดูภาพในเวยป๋อแล้วตอบ “ซวยแล้วมีปาปารัซซี่ถ่ายรูปเมื่อคืนได้!”
หลิ่วอวี่เจ๋อลนลานทันที เหม่ยฉีเป็นดาราดัง เรื่องนี้จะต้องตกเป็นหัวข้อพูดคุยของคนสังคมแน่นอน!
อีกทั้งหวังเจียเหยาเองก็ได้รู้เรื่องนี้จากซ่งหงเย่แล้ว
ตอนที่หล่อนเห็นรูปภาพ หลิ่วอวี่เจ๋อจูงมือหญิงสาวอีกคนด้วยท่าทางสนิทสนม หวังเจียเหยาก็รู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยามอย่างมาก!
สามีตนเองแอบนัดพบกับผู้หญิงคนอื่นก่อนแต่งงานหนึ่งวัน นี่ถือเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามตนเองอย่างรุนแรง!
หวังเจียเหยาหัวเสีย หล่อนอยากจะฟาดหน้าหลิ่วอวี่เจ๋อสักที อยากจะทึ้งชุดแต่งงานที่มูลค่าไม่น้อยนั้นอย่างมาก
อยากจะพูดใส่หน้าหลิ่วอวี่เจ๋อว่าหล่อนไม่แต่งงานกับเขาแล้ว!
แต่ว่าหญิงสาวไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น หล่อนทำได้เพียงสะกดอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้บนเวที!
หล่อนจำเป็นต้องพึ่งพาใบบุญของตระกูลหลิ่ว เพื่อช่วยให้ตระกูลหวังมีสถานะทางสังคมที่สูงขึ้น เพื่อช่วยเติมเต็มความปรารถนาทางวัตถุของตนเอง
ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนไม่อาจล่วงเกินตระกูลหลิ่วได้
วินาทีนี้หญิงสาวก็คิดถึงเย่เฉินอีกครั้ง
“เมื่อครู่ฉันเพิ่งบอกเย่เฉินไปว่าสามีที่ฉันแต่งด้วยคนนี้ดีกว่าเขาหมื่นเท่า แถมยังฉันยังคุยโวโอ้อวดไปมากมายว่าเขาดีกับฉันขนาดไหน ฉันมีความสุขมากเท่าไหร่ แต่ตอนนี้…เย่เฉินจะต้องหัวเราะเยาะฉันอยู่แน่ๆ”
ในดวงตาโตกลมของหวังเจียเหยาก็มีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาน้อยๆ
แต่ในเวลานี้เองพวกหลิ่วหย่วนหาง หลิ่วเจี๋ยและหลิ่วเฟิงต่างก็อยู่ในสภาวะระแวงไปหมด!
เพราะมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเรื่องของหลิ่วอวี่เจ๋อจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นของบริษัท
หลิ่วหย่วนหางลากหลิ่วอวี่เจ๋อมาแล้วกำชับ “รีบไปปลอบภรรยาหลานกับคนตระกูลหวังเสีย แล้วไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามยอมรับเข้าใจไหม?”
หลิ่วเฟิงเองก็คอยกำชับน้องชายอยู่ข้างๆ “อวี่เจ๋อรูปภาพมันถ่ายตอนกลางคืน ไม่ได้ชัดมาก ไม่ได้มีหลักฐานแน่ชัดที่จะบ่งบอกว่านายกับเหม่ยฉีทำอะไรกัน”
หลิ่วอวี่เจ๋อพยักศีรษะ จากนั้นก็รีบวิ่งไปหาหวังเจียเหยาแล้วคว้ามือเจ้าสาวของตนเอง
แต่ว่าหวังเจียเหยาก็สะบัดมือชายหนุ่มทิ้งไป
หล่อนอยากจะโวยวาย ตนเองเป็นถึงลูกสาวของเศรษฐี ถูกประคบประหงมดูแลเป็นอย่างดีปานเจ้าหญิงจะให้ทนรับการดูถูกแบบนี้ได้ยังไง?
ถ้าหากว่าวันนี้เย่เฉินยังอยู่ในงานไม่แน่ว่าหล่อนอาจโผเข้าหาอดีตสามีด้วยอารมณ์โมโหก็ได้
“หลิ่วอวี่เจ๋อ นายนี่ซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ได้มิดชิดจริงๆ” หวังเจียเหยากล่าวด้วยโทสะ
หลิ่วอวี่เจ๋อคว้ามือหวังเจียเหยาแล้วกล่าว “เมียจ๋าผมเปล่านะ คุณอย่าไปเชื่อข่าวเหลวไหลในอินเตอร์เน็ตสิครับ เมื่อวานเพื่อนผมเป็นคนนัดเหม่ยฉีพวกเราคุยกันนิดเดียวเอง ผมน่าจะโดนกลั่นแกล้งครับ ที่รักคุณต้องเชื่อผมนะครับ ในงานมีสื่อตั้งเยอะ มีคนสำคัญก็มาก คุณเห็นแก่หน้าของตระกูลหลิ่วแล้วยืนอยู่ข้างๆ ผมเถอะนะครับได้ไหม?”
การสนับสนุนจากหวังเจียเหยาถือว่าสำคัญมากทีเดียวสำหรับตระกูลหลิ่ว
ผู้ชายมากมายต่างก็มีชู้ พอสุดท้ายตอนจัดงานแถลงข่าวต่างก็กุมมือภรรยาแล้วพร่ำขอโทษ เพื่อให้ภรรยายกโทษให้
จากนั้นหลิ่วอวี่เจ่อก็เดินไปที่โต๊ะของตระกูลหวัง แล้วค้อมศีรษะให้กับคุณนายหวัง หวังจื้อหย่วนและซูหลาน
“คุณย่าครับ คุณพ่อ คุณแม่ อย่าเชื่อข่าวเหลวไหลในอินเตอร์เน็ตเด็ดขาดนะครับ ผมไม่ได้ทำเรื่องผิดต่อหวังเจียเหยาเลยล่ะครับ ผมไม่กล้าด้วย”
“เรื่องนี้จะต้องเป็นฝีมือศัตรูของตระกูลหลิ่วแน่นอน ทุกท่านเองก็รู้บริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสของเราเป็นบริษัทขนส่งลำดับหนึ่งของประเทศ มีบริษัทมากมายที่ด้อยกว่าเราได้ส่วนแบ่งตลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขารู้ว่าวันนี้ผมแต่งงานดังนั้นถึงได้จงใจใส่ความผมในอินเตอร์เน็ต นี่คือการแข่งขันกันในโลกธุรกิจ ทุกท่านก็ทำธุรกิจกันน่าจะเข้าใจนะครับ”
ซูหลานเห็นหลิ่วอวี่เจ๋อมีท่าทีจริงใจ รีบร้อนกล่าว “อวี่เจ๋อ พวกเราไม่เชื่อข่าวในโซเชียลพวกนั้นหรอก เธอรักเจียเหยาของพวกเราขนาดนั้น พวกเราเห็นกันทั้งหมดไม่น่าดูผิดหรอก”
“ขอบคุณครับแม่!” หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวอย่างดีอกดีใจ
คุณนายหวังไม่พูดอะไรอีก ตระกูลหลิ่วทำให้คนตระกูลหวังถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม หล่อนไม่พอใจอย่างมาก
“เฮ้อ ทำไมกันนะ ทันทีที่เจ้าบ่าวไม่ใช่เย่เฉินตระกูลหวังของฉันก็เกิดเรื่องทุกที? หรือว่าเย่เฉินถึงจะเป็นเขยดีเด่นของตระกูลหวังเรา? เจียเหยาจ้องอยู่กินกับเย่เฉินเท่านั้นหรือถึงจะมีความสุข?”
คุณนายหวังกำลังครุ่นคิด หากว่าหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋ออยู่ด้วยกันไม่รอด ก็จะเรียกเย่เฉินกลับมา
อย่างไรเสียตอนนี้ตระกูลหวังตอนนี้ก็ถือเป็นตระกูลใหญ่แล้ว อีกทั้งหวังเจียเหยาเองก็ตั้งท้องลูกของเย่เฉินอยู่
และที่สำคัญกว่าก็คือเย่เฉินอยู่ในตระกูลหวังมาสามปี คุณนายหวังเองก็เห็นเขาจนคุ้นเคยแล้ว เห็นเขาเป็นคนในครอบครัว
หลังจากจัดการคนตระกูลหวังเรียบร้อยแล้ว หลิ่วหย่วนหางเองก็ก้าวขึ้นเวที หยิบไมโครโฟนขึ้นมาแล้วกล่าวกับทุกคน
“แขกเหรื่อที่รักทุกท่าน ผมรู้ว่าทุกท่านน่าจะเห็นข่าวเกี่ยวกับอวี่เจ๋อหลานชายของผมแล้ว ผมอยากจะเรียนทุกท่านว่าข่าวนี้เป็นข่าวปลอม คนในวงการบันเทิงชอบสร้างกระแส ผมหวังว่าทุกท่านจะไม่ต่อต้านและมีภาพทรงจำที่ไม่ดีกับหลานชายผมรวมไปถึงตระกูลหลิ่วของผมเพียงเพราะข่าวในวงการอื่น”
ในเวลาเดียวกันนั้นเองหลิ่วอวี่เจ๋อก็เดินออกจากห้องโถง ไปที่สนามหญ้าด้านนอกแล้วโทรหาเหม่ยฉี
“ในแวบแรกที่ฉันเห็นหลิ่วอวี่เจ๋อก็ชอบเขา แล้วแน่ใจได้ในทันทีว่าเขาจะเป็นคู่ชีวิตของฉัน!”
หวังเจียเหยากล่าวด้วยใบหน้าลึกซึ้งเปี่ยมอารมณ์
หวังซ่าวเจี๋ยใช้มือถืออัดคลิปต่อ แล้วใบหน้าผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
หวังเจียเหยาเอ้ยหวังเจียเหยา ถ้าไม่ใช่เป็นคนสายเลือดเดียวกัน อนาคตยังต้องพึ่งพากันเพื่อนำพาให้ตระกูลเรารุ่งเรืองล่ะก็ ไม่งั้นแล้วพี่ชายคงจะทนไม่ไหวแฉเธอไปแล้วกลางงานแต่งงาน!
คนที่นี่ต่างก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นหวังเจียเหยามีสามีแล้ว ดังนั้นพอได้ยินถึงได้รู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นโรแมนติกมาก
ฉันชอบคุณตั้งแต่แรกเห็น ส่วนคุณก็ชอบฉันตั้งแต่แรกเห็น นี่ไม่ใช่ความรักที่ดีที่สุดหรอกเหรอ?
อีกทั้งหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อถือเป็นพวกหน้าตาดีอย่างมาก ทั้งสองคนจะตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็นก็ไม่มีใครสงสัย
หวังเจียเหยากล่าวต่อ “อวี่เจ๋อดีกับฉันมาก เขาทะนุถนอมฉัน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เคยเจอผู้ชายที่อ่อนโยนกับฉันแบบนี้มาก่อนเลย ฉันจำได้ว่าตอนนั้นพวกเราทำงานด้วยกัน เขามักจะเล่าไอเดียและแรงบันดาลใจในการออกแบบให้ฉันฟังอย่างใจเย็น แล้วก็เคารพในความเห็นของฉันมากๆ เลยล่ะค่ะ ทันทีที่ฉันมีไอเดียใหม่ๆ ต่อให้เขาต้องอดหลับอดนอนก็จะร่างแบบให้ฉันดู ฉันเลยถูกดึงดูดเข้าหาเขาจากความอบอุ่นและความสามารถของเขา ดังนั้นพวกเราก็เลยคบกัน”
พอหวังเจียเหยาพูดถึงตรงนี้ เรื่องราวความรักของทั้งสองคนก็สรุปกันได้พอประมาณ
แต่เหอเฉินพิธีกรยังดึงดันจะถามต่อ “เมื่อครู่ตอนที่คุณหลิ่วอวี่เจ๋อบอกว่าตอนออกแบบห้องนั้น คุณเห็นพวกมันเป็นเหมือนรังรักของคุณเลยใช่ไหมครับ งั้นตอนที่คุณตกหลุมรักคุณหลิ่วอวี่เจ๋อตั้งแต่แรกเห็น แล้วตอนนั้นคุณเคยจินตนาการไหมครับว่าที่นั่นจะเป็นรังรักของพวกคุณในอนาคต?”
หวังเจียเหยากัดริมฝีปาก ในเสี้ยววินาทีนั้นหญิงสาวก็นึกถึงเย่เฉิน
หล่อนไม่กล้าตอบ เพราะว่าอีผิ่นเจียเหยาเป็นสถานที่ที่เย่เฉินริเริ่ม ที่นั่นควรจะเป็นรังรักของหล่อนกับเย่เฉิน!
แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าแขกเหรื่อจำนวนมากขนาดนี้ หวังเจียเหยาทำได้เพียงตอบว่า
“ค่ะ ตอนนั้นฉันเองก็เคยคิดว่าอนาคตจะได้อยู่ที่นี่กับอวี่เจ๋อ แล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุข…”
เหอเฉินเห็นหวังเจียเหยาตอบเสียงแผ่วลงเรื่อยๆ จึงกระเซ้า “ดูแล้วเจ้าสาวของเราเริ่มอายขึ้นมานิดหน่อยแล้วครับ เด็กผู้หญิงน่ะ เพิ่งจะรู้จักกับฝ่ายชายแล้วเริ่มจินตนาการถึงเรื่องพวกนี้ก็คงจะเขินนิดหน่อย จริงสิ ผมยังมีอีกคำถามอีผิ่นเจียเหยาแห่งนี้ชื่อไพเราะมากทีเดียว ใครเป็นคนคิดชื่อนี้เหรอครับ?”
หวังเจียเหยาตัวแข็งค้างไปอีกครั้ง ชื่อนี้เย่เฉินเป็นคนคิดแต่จะให้หล่อนพูดออกมาได้อย่างไร!
หวังเจียเหยาจึงโกหกอีกครั้ง “ฉันคิดเองค่ะ เพราะฉันชื่อเจียเหยา ฉันหวังว่าคู่ชีวิตในอนาคตจะเป็นคนเก่งเหมือนหลิ่วอวี่เจ๋อดังนั้นจึงตั้งชื่อนี้”
หวังเจียเหยายื่นมืออกมาแล้วชี้ไปหลิ่วอวี่เจ๋อพลางกล่าว ‘อีผิ่น’ แล้วชี้ไปที่ตัวเองแล้วกล่าว ‘เจียเหยา’
“อีผิ่น เจียเหยา แหมเหมาะจริงๆ เลย! เดี๋ยวถ้าสร้างเสร็จแล้วทุกคนอยากไปดูไหมครับ รังรักของบ่าวสาวของเรา?”
“อยาก!”
แขกเหรื่อไม่น้อยประสานเสียงขึ้นมา
หวังซ่าวเจี๋ยส่ายหน้า “โชคดีที่เย่เฉินไม่อยู่ในงานไม่อย่างนั้นเขาคงโกรธจนทุบโต๊ะทิ้ง”
พูดจบหวังซ่าวเจี๋ยก็หยุดอัดวีดีโอ แล้วส่งคลิปที่อัดไว้เมื่อครู่ให้เย่เฉิน
ส่วนซูหลานที่นั่งด้านข้างเห็นหลานชายก็ถาม “ซ่าวเจี๋ยส่งคลิปให้ใครน่ะ?”
หวังซ่าวเจี๋ยตอบพลางหัวเราะร่วน “อ้อ น้องสาวผมไงครับ”
ซูหลานตะคอก “ให้ยัยเด็กหยวนหยวนได้เห็นงานแต่งงานหรูหราบ้างก็ดี ต่อไปเผื่อแต่งกับใครจะได้ไม่ขายหน้า”
ซูหลานและหวังจื้อหย่วนตอนนี้อาศัยหวังเจียเหยาตีสนิทกับตระกูลหลิ่ว คุณนายหวังจึงกลับมาเข้าข้างพวกเขาอีกครั้ง ทำให้ครอบครัวของเขาเริ่มมีสถานะในบ้านสูงกว่าครอบครัวของหวังจื้อเฉียง
ดังนั้นหวังซ่าวเจี๋ยจึงเคารพพวกเขาสองคน ตลอดทางที่ผ่านมาโดนพวกเขาใช้เหมือนคนรับใช้
เขาหวังว่าเรื่องที่เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหก จากนั้นเย่เฉินก็แต่งงานกับน้องสาวเขาอีกครั้ง
พอถึงตอนนั้นหวังซ่าวเจี๋ยจะได้ไม่ต้องโดนคนในครอบครัวหวังเจียเหยากลั่นแกล้งอีก
ต่อมางานแต่งงานก็ดำเนินไปจนถึง ขั้นตอนการสาบานรักที่มีชื่อเสียง
นี่คือขั้นตอนที่ทำให้เย่เฉินขยะแขยงที่สุด หลังจากที่บ่าวสาวพูดว่า ‘ยอมรับ’ แล้วทันทีทันใดที่ฝ่ายตรงข้ามหน้าตาอัปลักษณ์ไม่มีเงินแล้ว ก็ไม่มีใครยอมทนทุกข์ทรมานไปด้วยกัน ต่างก็เลือกหย่าในทันที
เมื่อปีที่แล้วอัตราในการหย่าอยู่ที่ 63% ถือเป็นลำดับหนึ่งของโลก!
ดังนั้นพวกคำสาบานต่างๆ เป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น!
เย่เฉินตัดสินใจว่าหากถึงตอนที่เขาแต่งงานใหม่อีกครั้ง จะไม่ให้พิธีกรถามอะไรแบบนี้!
พิธีกรมองหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วถาม“คุณหลิ่วอวี่เจ๋อคุณยินดีจะรับคุณหวังเจียเหยาเป็นภรรยา ดูแลทะนุถนอมหล่อน ถึงหล่อนจะแก่ชรา ถึงความอ่อนเยาว์จะร่วงโรย คุณก็จะยินดีดูแลหล่อนใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอดหรือไม่?
หลิ่วอวี่เจ๋อที่มีแผนบ้าๆ ในใจตั้งนานแล้วแต่เขากลับกล่าวว่า “ผมยินดี!”
พิธีกรถามหวังเจียเหยา “คุณหวังเจียเหยา คุณยินดีจะแต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋อ อยู่เคียงข้างเขาไปตลอดชีวิตไม่ว่าร่ำรวยหรือยากจน คุณยินดีจะจูงมือเขาไม่ปล่อยมือหรือไม่?”
หวังเจียเหยาค่อยๆ เปิดริมฝีปากช้าๆ หล่อนเหมือนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตนเอง
ไม่รู้ทำไมตอนนี้ตนเองถึงได้คิดถึงเย่เฉินขึ้นมา!
ภาพเหตุการณ์ที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นมาในหัว เพราะตอนที่แต่งงานกับฟางเชาเมื่อครั้งก่อนหล่อนก็ถูกถามด้วยคำถามเช่นนี้!
ทว่าในวินาทีนั้น หล่อนกลับตอบคำถามออกมาต่อหน้าแขกเหรื่อทุกคน “ฉันไม่ยินยอม!”
ไม่เพียงเท่านั้นหล่อนยังโผเข้าอ้อมกอดเย่เฉินด้วยซ้ำ!
แล้วงานแต่งงานก็ตกอยู่ในความวุ่นวายทันที!
ในใจหวังเจียเหยารู้สึกขมขื่นขึ้นมา
“เย่เฉิน ฉันรักนายขนาดนั้น เสียดายที่สุดท้ายแล้วผู้ชายที่อยู่กับฉันตลอดชีวิตไม่ใช่นาย ถ้าหากว่านายไม่ถูกขับออกจากตระกูลก็คงจะดี พวกเราจะได้มีความสุขด้วยกันไปตลอดชีวิต เฮ้อ”
หวังเจียเหยาทอดถอนใจ
จากนั้นหล่อนก็มองหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วค่อยๆ ตอบ “ฉัน…ยินดีค่ะ!”
แล้วเสียงปรบมือในงานก็ดังกึกก้อง!
หลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาก็จุมพิตกันดูดดื่มบนเวที!
ทว่าในวินาททีต่อมา มือถือของคนไม่น้อยก็มีข่าวสารแนะนำจากเวยป๋อ!
ข่าวสารเพียงข่าวเดียวก็ทำให้งานแต่งงานเกิดความวุ่นวาย!
หวังซ่าวเจี๋ยเปิดโทรศัพท์แล้วตกตะลึง เมื่อเห็นเนื้อหาข่าว “เหม่ยฉีและคุณชายเศรษฐีขย่มรถกันกลางดึก!”
เมื่อกดเข้าไปดู ก็เห็นภาพถ่ายภาพแรกเป็นภาพเหม่ยฉีจูงมือกับผู้ชายคนหนึ่งเดินไปบนถนน
แต่ผู้ชายคนนั้นก็คือเจ้าบ่าวของงานวันนี้ หลิ่วอวี่เจ๋อ!
ภาพต่อไปเป็นภาพทั้งสองคนขึ้นไปบริเวณที่นั่งด้านหลังรถ
ไม่เพียงแต่มีรูปภาพ แต่ยังมีคลิปวีดีโอด้วย ถึงแม้ว่าหลังจากขึ้นรถไปแล้วจะถ่ายภาพได้ไม่ชัด
แต่ชายหญิงสองคนแอบขึ้นรถขึ้นไปด้วยกันสองต่อสอง ครึ่งชั่วโมงถึงจะลงจากรถ ไปทำอะไรกันคงไม่ต้องเดา!
หลังจากฮอตเสิร์ชนี้แล้วยังมีฮอตเสิร์ชอื่นอีก : ทายาทเศรษฐีหลิ่วอวี่เจ๋อ!
หลิ่วอวี่เจ๋อก็ติดเทรนด์เวยป๋อด้วย อีกทั้งเป็นหัวข้อที่ว่าเขาแต่งงานวันนี้!
หลังจากชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยเห็นแล้วต่างก็ด่าเขา
“หลิ่วอวี่เจ๋อคนนี้เฮงซวยจริงๆ แต่งงานวันนี้แต่เมื่อคืนก่อนยังไปขย่มรถกับผู้หญิงคนอื่น สงสารภรรยาเขาจริงๆ!”
“อ๊าก! หลิ่วอวี่เจ๋อมันนอนกับนางฟ้าของฉัน ฉันจะฆ่าเขา!”
ดูท่าแล้วเย่เฉินกับหวังเจียเหยาน่าจะถูกลิขิตเอาไว้ให้ตามฟาดฟันกันทั้งชีวิต!
หวังเจียเหยาทรยศเย่เฉินไปสองครั้ง ส่วนเย่เฉินเองก็ไปก่อความวุ่นวายในงานแต่งงานของหวังเจียเหยามาถึงสองครั้งเช่นกัน
เดิมทีเย่เฉินไม่คิดจะทำแบบนี้ เพราะเขารู้สึกว่าการเข้ามาก่อความวุ่นวายในงานแต่งงานของอดีตภรรยา เป็นเรื่องที่เป็นการกระทำของเด็กๆ
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือการที่จงใจจะเข้ามาก่อความวุ่นวายในงานแต่งงานของอดีตภรรยา อีกฝ่ายจะคิดว่าเขายังรักหล่อนอยู่ !!
ถึงแม้ว่าความรู้สึกสามปีนี้ยากที่จะปล่อยวาง แต่ตอนนี้เย่เฉินมีฉินหงเหยียนที่ดีกว่าหญิงสาวแล้ว จึงไม่สนใจเรื่องของหญิงสาวอีกแล้ว
แต่หลิ่วอวี่เจ๋อต้องการตัดรอนทางทำมาหากินของฉินหงเหยียน พยายามให้หล่อนหางานไม่ได้
แต่เมื่อครู่ตอนที่หวังเจียเหยายอมรับเรื่องเขากับฟางเชา คิดไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่จะไม่ขอโทษเย่เฉิน อีกทั้งยังพูดได้หน้าตาเฉยเสียด้วย!
จะโทษเย่เฉินที่อยากล้างแค้นไม่ได้!
เขาไม่ได้เหมือนหลิ่วอวี่เจ๋อที่จงใจปล่อยข่าวลือเพื่อใส่ร้ายคนอื่น หลิ่วอวี่เจ๋อคงต้องโทษตัวเองที่เล่นสกปรก !
เย่เฉินสาวเท้าออกจากวิลล่าแล้วก็พบว่าเหวินเชี่ยนเชี่ยนเองก็ยังอยู่ในงาน ส่วนฉินหงเหยียนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วและล้างหน้าเรียบร้อย
ฉินหงเหยียนเห็นเย่เฉินกลับมา ก็เป็นกังวลรีบเดินไปหาชายหนุ่ม “เย่เฉิน พวกคุณไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหมคะ?”
เย่เฉินส่ายหน้า
“ไม่ทะเลาะกันก็ดีแล้ว ฉันล่ะตกใจหมดเลย”
ฉินหงเหยียนกังวลว่าเย่เฉินจะไปพลั้งทำคนตาย ไม่งั้นพวกเขาสองคนคงจะไม่สามารถจดทะเบียนสมรสมีลูกได้ไปตลอดชีวิต
เหวินเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้สนใจเย่เฉินแต่อย่างใด “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนนะ ไว้วันหลังจะมาเยี่ยมเธอ”
เย่เฉินและฉินหงเหยียนมองเหวินเชี่ยนเชี่ยนปปลีกตัวออกไป แต่ก็ไม่มีใครออกไปส่งหญิงสาว
เพราะพวกเขารู้ว่าเหวินเชี่ยนเชี่ยนออกไปจากที่นี่ เพื่อจะไปบ้านหลังข้างๆ
ออกไปส่งก็รังแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายอึดอัดกันเสียเปล่าๆ
เย่เฉินพูดตรงไปตรงมา “ผมไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เลย บริษัทของหล่อนเองไม่จ้างคุณผมก็เข้าใจ ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากจะมาตกที่นั่งลำบากเพราะเรื่องคนอื่นหรอก แต่วันนี้หล่อนมาเข้าร่วมงานแต่งงานของหลิ่วอวี่เจ๋อ แถมเข้าร่วมงานรับตัวเจ้าสาวเองอีก เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังประจบประแจงหลิ่วอวี่เจ๋อ”
ฉินหงเหยียนก้มศีรษะลงเล็กน้อย “ช่างเถอะ มิตรภาพมากมายไม่ควรจะลากเรื่องเงินทองและผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยว ถ้ารู้แบบนี้ฉันไม่น่าไปร่วมทุนกับบริษัทหล่อนเลย”
เย่เฉินได้ยินแบบนี้จู่ๆ ก็นึกเรื่องอะไรบางอย่างออก
เขาเพิ่งรู้มาว่าเหม่ยฉีและหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคู่รักกัน แล้วเหม่ยฉีก็เป็นพรีเซนเตอร์ของบริษัทเหวินเชี่ยนเชี่ยน!
“ถ้าหากว่าเหวินเชี่ยนเชี่ยนรู้เรื่องนี้เข้า แล้วการประจบประแจงหลิ่วอวี่เจ๋อก็เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย!”
เย่เฉินเริ่มเข้าใจขึ้นมาลางๆ ว่าทำไมเหวินเชี่ยนเชี่ยนถึงได้ทำแบบนี้!
ทว่าเขาไม่คิดจะบอกฉินหงเหยียนก่อนเป็นการชั่วคราว เพื่อให้หญิงสาวได้นั่งชมอะไรสนุกๆ ในบ้านด้วยกัน!
……
ช่วงเที่ยงตรง ณ ห้องโถงจัดงานแต่งงาน GALLERIA ในเมืองเทียนไห่
“ว้าว ที่นี่สวยจริงๆ ที่นี่…เป็นสไตล์บาโรคล่ะสิ? แหม พวกเธอดูโคมไฟคริสตัลนี้สิน่าจะราคาเป็นหมื่นอยู่ล่ะมั้ง? เสียดายจังที่หยวนหยวนไม่ได้มาเห็น”
ซูหลานมารดาหวังเจียเหยาชื่นชมสถานที่จัดงานไม่ขาดปาก
ส่วนหวังจื้อหย่วนบิดาเจ้าสาว ก็นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างหน้าชื่นตาบาน
หวังจื้อเฉียงผู้เป็นพี่ชายก็กุลีกุจอรินชาให้น้องชายด้วยตนเอง “จื้อหย่วน เจียเหยานี่เก่งจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาแต่งงานกับคนที่เมืองเทียนไห่ ต่อไปต้องฝากหลานช่วยเกื้อกูลตระกูลเราด้วยนะ”
อีกฝั่งคุณนายหวังเองก็สวมเสื้อสีสะดุดตาแล่าวด้วยรอยยิ้ม “จื้อเฉียงพูดถูก ถ้าหากเราได้ความช่วยเหลือจากตระกูลหลิ่วล่ะก็ ตระกูลเราต้องกลายเป็นตระกูลใหญ่ลำดับหนึ่งหรือสองของอวิ๋นโจวแน่นอน!”
หวังซ่าวเจี๋ยไม่ใส่ใจจะฟังนัก และไม่พูดไม่จา
คราวนี้เพราะหวังหยวนหยวนไปทำให้หวังเจียเหยาไม่พอใจ โดยการไปยั่วยวนเย่เฉิน ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงไม่ให้หวังหยวนหยวนมาร่วมงานแต่งงาน
แขกที่มาร่วมในงานแต่งงานล้วนแต่เป็นบุคคลระดับประเทศ และมีดารามาร่วมงานไม่น้อย
เกรงว่าพิธีกรที่พวกเขาเชิญมานั้นคือเหอเฉิน ซึ่งถือว่าเป็นพิธีกรระดับประเทศ
งานแต่งงานเริ่มขึ้น แล้วเหอเฉินก็ขึ้นไปบนเวทีแล้วกล่าว
“วันนี้เป็นวันสำคัญในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกขั้นของคุณหวังเจียเหยาและคุณหลิ่วอวี่เจ๋อ เชื่อว่าทุกคนก็คงเหมือนผมที่อยากจะรู้ว่าบ่าวสาวรู้จักกันได้ยังไง?”
หลิ่วอวี่เจ๋อหยิบไมค์ขึ้นมาแล้วกล่าว “ผมเจอกับภรรยาของผมในสถานที่ที่ตั้งชื่อโดยชื่อของหล่อน สถานที่แห่งนั้นเรียกว่าอีผิ่นเจียเหยา ผมตกหลุมรักหล่อนทันทีตั้งแต่แรกเห็น ภรรยาของผมเหมือนนางฟ้าทำให้ผมหลงไปเลยล่ะครับ เพราะผมไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยแบบนี้มาก่อน ดังนั้นผมก็เลยไปสมัครเป็นสถาปนิกที่นั่น ทำงานและเลิกทำงานพร้อมกับหล่อนทุกวัน ผมออกแบบห้องและบ้านเพื่อหล่อน ตอนที่ออกแบบนั้นผมก็ตั้งใจเหมือนกับว่ากำลังออกแบบรังรักของเราสองคนเลยล่ะครับ!”
พอได้ยินแบบนั้นหวังซ่าวเจี๋ยก็ชะงักไป แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเริ่มอัดวีดีโอแล้วคิดในใจ
“แหม ถ้าเย่เฉินได้ยินคำพูดนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะทุบ ‘รังรัก’ ของพวกนายทิ้งหรือเปล่า”
หลิ่วอวี่เจ๋อที่อยู่บนเวทีกล่าวต่อ
“ผมออกแบบไปด้วยแล้วก็จินตนาการไปว่าในวันที่ได้เข้ามาที่นี่กับหวังเจียเหยาจะเป็นยังไง ต่อมาผมอดไม่ได้เลยไปสารภาพกับหล่อน แล้วพวกเราก็เลยคบหากัน”
ด้านล่างเวทีเหล่าแขกเหรื่อที่ได้ยินเรื่องรักของทั้งสองคนก็ปรบมือ
ชายวัยกลางคนที่มักจะออกข่าวช่วงเศรษฐกิจบ่อยๆ นั่งอยู่ด้านหน้าก็คุยกับหลิ่วหย่วนหาง
“เรื่องราวความรักของหลานชายของคุณนี่โรแมนติกจริงๆ เลย คุณชายตระกูลหลิ่วแท้ๆ กลับไปเป็นพนักงานนลูกจ้างของเจ้าสาว สุดท้ายก็จีบสาวเจ้ามาแต่งงานได้ด้วย ฮ่าๆ”
หลิ่วหย่วนหางหัวเราะคิกคัก “หลานชายคนนี้เหลวไหล แต่ผมว่าจุดนี้เหมือนผมมากเลยล่ะ”
ส่วนแขกในโต๊ะของฝ่ายหญิง อย่างเพื่อนของซูหลานก็กำมืออีกฝ่ายแล้วรีบชมเชย
“แหม ซูหลาน เธอดูลูกเขยคนนี้ของเธอเข้าสิ ทั้งสูงทั้งหล่อนทั้งรวย แถมยังโรแมนติกอีก รักลูกสาวพวกเธอขนาดนี้ ลูกเขยเธอคนนี้ดีกว่า…”
พูดถึงตรงนี้ เพื่อนของซูหลานกดเสียงงต่ำราวเสียงกระซิบ “ดีกว่าเย่เฉินคนนั้นร้อยเท่าเลย!”
แค่ซูหลานนึกถึงเย่เฉินก็ปวดหัวแล้ว คิดไม่ถึงว่าตนเองจะไปทำอาหารเช้าให้เขาตั้งหลายวัน!
ซูหลานตอบเพื่อนเสียงเบา “หลิ่วอวี่เจ๋อต้องดีกว่าเย่เฉินร้อยเท่าอยู่แล้ว คนไร้ประโยชน์นั่น พึ่งพาอะไรไม่ได้! ไม่มีเงินก็ช่างเถอะ คิดไม่ถึงว่าจะนอกใจเจียเหยาของเรา! ควรจะให้เขามาดูหลิ่วอวี่เจ๋อบ้าง ซื่อสัตย์กับเจียเหยาของเรา แถมยังทะนุถนอมลูกสาวองฉันอย่างมากอีกด้วย!”
เพื่อนของซูหลานกล่าว “ประโยคในอินเตอร์เน็ตบอกเอาไว้ ผู้ชายยิ่งมีเงินเท่าไหร่ก็ยิ่งรักเดียวใจเดียว แต่ผู้ชายจนๆ กลับยิ่งจินตนาการอยากจะมีกิ๊ก หาลูกเขยสักคนหาที่มีเงินจะดีกว่า!”
“อืมๆ คำพูดนี้ถูกต้อง เจอที่ไหนในเน็ตน่ะ? ฉันจะแขร์ในโมเม้นต์วีแชท!” ซูหลานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
และในเวลานี้เอง พิธีกรหันมามองหวังเจียเหยาแล้วถาม “คุณหนูหวังเจียเหยา คุณหลิ่วอวี่เจ๋อบอกว่าเขารักคุณตั้งแต่แรกเห็น คุณเองก็ชอบเขาตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรกเลยหรือเปล่าครับ?”
หวังเจียเหยาเงียบไปครู่หนึ่งเพราะตอนที่ทั้งสองคนรู้จักกันนั้น ตนเองยังเป็นภรรยาของเย่เฉินอยู่
แต่หวังเจียเหยากลับตอบ “รับค่ะ!”
หวังเจียเหยาเผลอหลุดปากพูดออกมา!
แต่เย่เฉินรู้ความจริงนานแล้ว!
วินาทีก่อนเย่เฉินเพิ่งจะตั้งใจว่าจะไม่ทะเลาะกับอีกฝ่ายเพื่อลูกน้อยในท้องหล่อน
แต่ในวินาทีนี้ คำพูดที่หญิงสาวกล่าวชวนให้โมโหสุดๆ!
เย่เฉินชี้หวังเจียเหยาอย่างมีอารมณ์โมโห “หวังเจียเหยา ในที่สุดคุณก็ยอมรับว่าเคยนอนกับฟางเชาแล้วล่ะสิ!”
หวังเจียเหยารู้ว่าเวลาตอนนี้ไม่ว่าหล่อนจะพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์
ทว่าตอนนี้หวังเจียเหยาไม่ใช่ภรรยาของอีกฝ่ายอีกต่อไป เจ้าหล่อนจึงไม่สนใจเขา
หวังเจียเหยากล่าว “ยอม..ยอมรับแล้วจะทำไม! ใช่ วันนั้นที่โรงแรมเจียหัวฉันนอนกับฟางเชา!”
“แล้วทำไมต้องหลอกผม!?” หน้าเย่เฉินแดงก่ำ
หวังเจียเหยาตะคอก “ไม่หลอกนายแล้วนายจะยกโทษให้ฉันหรือไง? นายใจแคบแบบนี้ ถ้าบอกความจริงนาย นายก็ต้องรังเกียจฉันแน่”
“ผมใจแคบเหรอ? คุณคิดว่าคุณควรได้การอภัยจากผมเหรอ?!” เย่เฉินย้อนถาม
หวังเจียเหยากล่าว “ใช่ นายมันคนใจแคบ! เปรียบเทียบกับสามีของฉันแล้ว นายเป็นผู้ชายใจแคบคิดเล็กคิดน้อย ไม่ใจกว้างแม้แต่น้อย! ตอนนี้ฉันตั้งท้องลูกของนาย อวี่เจ๋อก็ดีกับฉันมาก อีกทั้งยังทะนุถนอมฉัน ดูแลฉันเหมือนเป็นเด็กน้อยๆ เลย เปลี่ยนเป็นนาย ฮึ นายรับได้เหรอถ้าฉันท้องลูกของคนอื่นแล้วคบหากับนาย?”
เย่เฉินพูดไม่ออก เมื่อไหร่กันที่โลกใบนี้เริ่มมาเปรียบเทียบใครสูงใครต่ำต้อย ใครประจบประแจงเก่งกว่ากัน!
ต่อให้หลิ่วอวี่เจ๋อทำแบบนี้จริงๆ แปลว่าเขาทำแบบนี้ถูกแล้วเหรอ?
ดีกับผู้หญิงถือว่าถูกต้องแล้วเหรอ?
งั้นก็ต้องดูว่าหล่อนเป็นผู้หญิงแบบไหน!
ยิ่งไปกว่านั้นหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ใช่คนโง่ เขาเป็นคุณชายเจ้าชู้ หวังเจียเหยาเป็นผู้หญิงใสซื่อ รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ!
เย่เฉินกล่าว “ก็ได้ ผมยอมรับ ผมทำไม่ได้ แต่ผมขอเตือนคุณไว้ก่อนนะ หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ใช่ผู้ชายที่ดีอะไรนักหรอก ทางดีคุณอย่าตกหลุมรักในมันลึกเกินไป!”
หวังเจียเหยากล่าวอย่างดูหมิ่น “นายเลิกอิจฉาสามีฉันเถอะย่ะ! สามีฉันเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก! ดีกว่านายร้อยเท่า พันเท่า หมื่นเท่า! ดีกับฉันมากกว่านาย ใจกว้างกว่านาย นายไม่ได้หนึ่งในพันในหมื่นของเขาด้วยซ้ำ!”
เมื่อครู่เย่เฉินกล่าวว่าหวังเจียเหยาด้อยกว่าฉินหงเหยียนในทุกด้าน ถ้าคราวนี้หวังเจียเหยาอยากจะล้างแค้นโดยบอกว่าเขาด้อยกว่าหลิ่วอวี่เจ๋อทุกด้าน
ผู้หญิงต่างก็เจ้าคิดเจ้าแค้นทั้งนั้น!
พูดจบหวังเจียเหยาก็ยกกระโปรงขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปในวิลล่า
หลังจากทะเลาะกับหวังเจียเหยาแล้ว เย่เฉินก็หัวเสียอย่างมาก!
เขาไม่สามารถทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของหวังเจียเหยาได้ หญิงสาวสามารถทำให้อารมณ์เขาเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายดาย!
“หวังเจียเหยา หลิ่วอวี่เจ๋อ คู่สามีภรรยาอย่างพวกคุณไม่คู่ควรจะมีจุดจบที่ดี!”
เย่เฉินกำหมัดแน่นแล้วเดินออกจากวิลล่าไป
เพิ่งจะเดินจากไปแต่แหงนหน้ามองโดยไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้นเองก็พบว่าเหนือศีรษะของตนเองมีโดรนลอยอยู่
เย่เฉินรู้ได้เลยว่าโดรนตัวนี้อาจจะเป็นของหลิ่วอวี่เจ๋อ เขาอาจจะจงใจส่งโดรนออกมาเพื่อจะสอดแนมดูเขาและหวังเจียเหยาที่อยู่ด้านนอก
“แม่งเอ้ย!”
เย่เฉินโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วโยนใส่โดรน!
โครม!
หินก้อนนั้นลอยไปอย่างรวดเร็ว โดรนตัวนั้นก็ร่วงลงบนพื้นทันที!
จากนั้นเย่เฉินก็เดินกลับไปที่วิลล่าของตนเอง
แต่เพิ่งจะเดินกลับไปก็ได้รับข้อความมา
เป็นหลิวเจิ้งคุนส่งมา
“ขอโทษด้วยนะครับนายท่าน โดรนอยู่ใกล้คุณไปใช่ไหมครับ ทำให้คุณโมโห นายท่านอย่าโกรธเลยนะครับ!”
เมื่อเห็นเนื้อหาในข้อความ เย่เฉินก็อุทานด้วยความแปลกใจ “โดรนเป็นของหลิวเจิ้งคุนเหรอเนี่ย?”
เย่เฉินหันไปมองรอบๆ แล้วพบว่ารอบๆ บริเวณนี้ไม่มีแม้แต่เงาของหลิวเจิ้งคุน
“หลิวเจิ้งคุนอยู่อวิ๋นโจวไม่ใช่เหรอ? หรือว่าเขาก็ตามมาเทียนไห่ด้วยเหรอ?”
เย่เฉินกดโทรศัพท์
“นายท่านขอโทษครับ!”
ทันทีที่รับสาย หลิวเจิ้งคุนก็กล่าวขอโทษเย่เฉินทันที เพราะเห็นภาพจากโดรนทำให้เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุณชายของเขาในตอนนี้หัวเสียขนาดไหน
เย่เฉินเองก็แค่โกรธภรรยาเก่า เมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยาเก่าเขามักจะฟิวส์ขาดบ่อยๆ
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเย่เฉินมักจะสะกดอารมณ์ตัวเองได้อยู่เสมอ
เย่เฉินกล่าวเสียงเย็นชา “นายอยู่เทียนไห่เหรอ? มาทำอะไรที่เทียนไห่? ใช้โดรนมาสอดแนมฉันเหรอ?”
หลิวเจิ้งคุนรีบร้อนตอบ “มิกล้าๆ นายท่านครับ ผมส่งโดรนมาสอดแนมหลิ่วอวี่เจ๋อครับ”
“อ้อ?”
เย่เฉินสงสัย เพราะว่าเขาไม่ได้สั่งให้อีกฝ่ายทำเช่นนี้
หลิวเจิ้งคุนกล่าว “ตั้งแต่รู้ว่านายท่านกับคุณฉินมาใช้ชีวิตอยู่ที่เทียนไห่ ผมก็เดาได้ว่าเจ้าเด็กหลิ่วอวี่เจ๋อจะหาเรื่องคุณ”
“ดังนั้นผมก็เลยล่วงหน้ามาดูเขา ดูว่าจะเจอข้อมูลฉาวๆ อะไรบ้างไหม”
เย่เฉินรู้สึกได้เลยว่า หลิวเจิ้งคุนจงใจประจบประแจงตนเอง จึงอยากจะช่วยทำนั่นทำนี่ให้ตนเอง
เย่เฉินถาม “งั้นนายสอดแนมมาหลายวันนี้ได้อะไรมาบ้าง?”
หลิวเจิ้งคุนกล่าว “หมอนี่ไม่ได้มีนิสัยอะไรไม่ดีนะครับ ส่วนเรื่องผิดกฎหมายตอนนี้ยังไม่เจอ ทว่าเขายังผู้หญิงอีกคนหนึ่งแถมยังเป็นดาราลับหลังหวังเจียเหยาชื่อเหม่ยฉี!”
“เหม่ยฉี?”
เย่เฉินชะงักไป เย่เฉินเคยเจอดาราคนนี้ที่บริษัทของเหวินเชี่ยนเชี่ยน เจ้าหล่อนเป็นพรีเซ็นเตอร์ของผลิตภัณฑ์เสริมความงามของเหวินเชี่ยน
วันนั้นเย่เฉินกับเหม่ยฉีแค่เจอกันผ่านๆ เท่านั้น
หล่อนหน้าตาใช้ได้ มากความสามารถและอายุน้อย
เพราะเย่เฉินไม่เคยฟังหล่อนร้องเพลง และเล่นละคร
ส่วนเรื่องหน้าตานั้น เมื่อเทียบกับหวังเจียเหยาและฉินหงเหยียนแล้วก็ถือว่าทั่วๆ ไป
ดังนั้นเย่เฉินจึงจำเหม่ยฉีได้ไม่ลึกซึ้งนัก
“ใช่ครับ เหม่ยฉี คืนวานหลิ่วอวี่เจ๋อและเหม่ยฉีก็เจอหน้ากัน รถเขย่าเชียวครับ!” หลิวเจิ้งคุนกล่าว
เย่เฉินแค่นเสียงแล้วแอบพูดในใจ “หวังเจียเหยาเอ้ยหวังเจียเหยา นี่คือผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกของคุณเหรอ! เขาประคบประหงมคุณเหมือนเป็นลูกสาวตัวเอง เขาใจกว้าง เขามีเงิน! แต่ว่าคุณจะรู้ไหมในคืนก่อนที่จะแต่งงานกัน เขายังไปมั่วผู้หญิงคนอื่นอยู่เลย!”
เดิมทีหวังเจียเหยาและสามีของหล่อนจะเป็นคนแบบไหน เป็นเรื่องของหล่อน เย่เฉินไม่สนใจ
แต่หลิ่วอวี่เจ๋อกลับไม่รู้อิโหน่อิเหน่ดันมาล่วงเกินฉินหงเหยียน แต่หวังเจียเหยาก็ยังเชื่อมั่นในตัวเองอย่างโง่งม รู้สึกว่าตนเองแต่งงานกับสามีที่ดี
อย่างนั้นแล้วเย่เฉินจึงตั้งใจจะเอาให้สองคนนั้นให้เละเทะ!
เย่เฉินถาม“ถ่ายรูปได้ไหม?”
หลิวเจิ้งคุนหัวเราะอย่างมีเลศนัย “แน่นอนสิครับ นายท่าน ผมเตรียมไว้ให้คุณนานแล้ว!”
หลิวเจิ้งคุนส่งของขวัญที่ชวนให้เย่เฉินประหลาดใจ เขารู้สึกว่าหลิวเจิ้งคุนซื่อสัตย์กับตนเองอย่างมากจึงกล่าว
“ต่อไปนายอย่าเรียกฉันว่านายท่าน ฟังแล้วประหลาดชะมัด เรียกคุณชายเย่ หรือไม่ก็เรียกว่าคุณชายสามเหมือนพ่อบ้านฟางก็ได้ ถ้าหากว่ามีคนนอกอยู่ด้วยเรียกชื่อได้เลย”
“ครับ คุณชายเย่!”
หลิวเจิ้งคุนตื่นเต้นอย่างมาก เขารู้ว่าเปลี่ยนสรรพนามการเรียกนั่นแปลว่าเขาเชื่อใจตนเองเหมือนเชื่อใจพ่อบ้านฟาง!
หลิวเจิ้งคุนถาม “คุณชาย จะปล่อยภาพพวกนั้นตอนนี้เหรอครับ? เหม่ยฉีเป็นดาราดังเลยนะครับ มีเวยป๋อที่คนติดตามสิบล้าน ถ้าข่าวหลุดออกไปจะต้องติดฮอตเสิร์ชแน่เลย!”
เย่เฉินถาม “งานแต่งงานของหวังเจียเหยากับหลิ่วอวี่เจ๋อยังไม่เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการใช่ไหม”
“ครับ เริ่มตอนเที่ยงครับ แขกยังอยู่โรงแรมอยู่เลยครับ” หลิวเจิ้งคุนตอบ
เย่เฉินกล่าว “ตอนเที่ยง ตอนที่พวกเขากำลังจัดงานแต่งงานกันให้นายปล่อยภาพออกมาตอนนั้นเลย!”
เย่เฉินพูดไม่ออก!
ผมเนี่ยนะไม่ลืมคุณ? ผมจะคุกเข่าขอร้องคุณ?
คุณเป็นฝ่ายผิดชัดๆ!
หวังเจียเหยาคนนี้ เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ ยังเย่อหยิ่ง แถมยังคิดเองเออเองอยู่ได้!
เพราะซ่งหงเย่มีชู้ หญิงสาวก็ได้รับบทเรียนที่สาสมไปแล้ว คราวก่อนที่เจอกันในร้านเฟอร์นิเจอร์ก็พอจะมองออกว่า หล่อนไม่ได้มีสง่าราศีแบบที่ผ่านมา
เจ้าตัวยังคงมีชีวิตสบายเหมือนเดิม!
ไม่มีเย่เฉิน หล่อนยังมีหลิ่วอวี่เจ๋อ แถมหลิ่วอวี่เจ๋อก็เป็นคนร่ำรวยเหมือนกัน หนำซ้ำยังทะนุถนอมเจจ้าหล่อนมากกว่าเขา
เป็นผู้หญิงที่เคยทำเรื่องชั่วช้าไม่ควรจะมีจุดจบที่ดีแบบนี้!
เย่เฉินกล่าวกับหวังเจียเหยาด้วยน้ำเสียงโมโห “หวังเจียเหยา คุณช่วยเลิกหลงตัวเองที! ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะต้องบูชาคุณไปทั้งชีวิตเพียงแต่ว่าคุณสวยหรอกนะ! แฟนผมคนปัจจุบันอย่างฉินหงเหยียนด้อยกว่าคุณตรงไหน? สวยกว่าคุณ บุคลิกดีกว่าคุณ แถมยังฉลาดกว่าคุณ รู้จักดูแลคนอื่นมากกว่า แถมยัง…”
เพี้ยะ!
เย่เฉินพูดไวมากแต่ยังไม่ทันพูดจบ มือนวลเนียนของหวังเจียเหยาก็สะบัดขึ้นมา
“นายหุบปากไป! นายมันคนสารเลว!”
หวังเจียเหยาเป็นคนขี้อิจฉา แต่ไหนแต่ไรมาเชื่อมั่นเสมอว่าตนเองเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุด หญิงสาวไม่อาจจะยอมรับการที่อดีตสามีของตนเองดูถูกตนเองแล้วชื่นชมผู้หญิงคนอื่น
ความเย่อหยิ่งโอหังของหวังเจียเหยาทำให้เย่เฉินไม่พอใจอย่างยิ่ง!
หวังเจียเหยามีสิทธิ์อะไรมาตบหน้าเขา!
เย่เฉินง้างมือขึ้น แล้วตบลงบนใบหน้าหวังเจียเหยาเบาๆ!
เพี้ยะ!
ฝ่ามือเพียงเบาๆ ประทับลงใบหน้างดงามของหวังเจียเหยาในชุดเจ้าสาวสีขาว
“โอ้ย”
หวังเจียเหยาอุทานเสียงเบา น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาในเบ้าตา หญิงสาวกุมหน้ารู้สึกอับอายอย่างมาก หญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยแววตาเจ็บปวด
เย่เฉินเห็นน้ำตาที่ไหลซึมจากหัวตาของหวังเจียเหยา ก็รู้สึกไม่สบายใจ
เขาไม่มองหญิงสาวอีก เสสายตาหลบแล้วกล่าว
“คุณ…ไม่มีสิทธิ์ตบผม คราวหน้าอย่าลงมือทำร้ายผมแบบนี้อีก ผมไม่ใช่สามีของคุณอีกแล้ว”
หวังเจียเหยากุมหน้าแล้วกล่าว “เย่เฉิน นายมันคนไร้หัวใจ!”
เย่เฉินไม่ตอบ
หวังเจียเหยาปาดน้ำตาแล้วกล่าวต่อ “เย่เฉิน ฉินหงเหยียนหางานไม่ได้เป็นเพราะฉันบอกให้หลิ่วอวี่เจ๋อทำแบบนี้เอง นายไม่ต้องหาเรื่องสามีฉัน ถ้าอยากล้างแค้นล่ะก็ลงที่ฉันแล้วกัน!”
“คุณเนี่ยนะ?” เย่เฉินมองหวังเจียเหยาใหม่อีกครั้ง
หวังเจียเหยาพูดด้วยโทสะ “ใช่ ฉันนี่แหละ นายไม่กล้ายอมรับว่านายยังรักอยู่ แต่ฉันกล้า! ฉันยอมรับว่าฉันยังชอบนายอยู่ ฉันเห็นนายอยู่กับฉินหงเหยียนฉันไม่พอใจ! อีกทั้งพวกนายยังอยู่ข้างบ้านฉันอีก! แค่คิดแบบนี้ฉันก็นอนไม่หลับแล้ว! ฉันอยากให้ฉินหงเหยียนหางานไม่ได้ ให้หล่อนอับจนหนทาง ให้หล่อนต้องซมซานออกจากเทียนไห่! ออกไปจากสายตาฉัน!”
เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาที่กลายเป็นภรรยาของหลิ่วอวี่เจ๋อแล้ว จะยังกล้าพูดว่าชอบตนเองอยู่
ความหึงหวง ความเป็นศัตรู ที่หวังเจียเหยามีต่อฉินหงเหยียนนั้นหยั่งรากลึก
หวังเจียเหยากล่าว “เย่เฉิน หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้ทำเรื่องผิดกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีต่ำช้าเพื่อหาเรื่องฉินหงเหยียน นายต้องรู้นะ ด้วยอิทธิพลของตระกูลหลิ่วในเทียนไห่ สามารถทำให้พวกนายมีชีวิตอยู่ในเทียนไห่อย่างยากลำบาก กระทั่งกินข้าวยังลำบากเลย! พวกเราเลือกใช้การทำงานมาสู้กับพวกนาย ถ้าหากว่านายอยากจะทวงความยุติธรรมให้แฟนตัวเอง ก็ไปอาศัยหน้าที่การงานของตัวเองมาล้างแค้นพวกเรา เหมือนเมื่อก่อนตอนที่นายกับหลิ่วอวี่เจ๋อปั่นหุ้นกันน่ะ! นั่นถึงจะเป็นวิธีการของลูกผู้ชาย ไม่ได้เหมือนพวกอันธพาลที่มาโหวกเหวกที่บ้านคนอื่น! สิ่งที่นายทำอยู่มันเป็นนิสัยคนขี้แพ้!”
เย่เฉินมองหวังเจียเหยา “คุณบอกว่าผมเป็นคนขี้แพ้หรอ?”
หวังเจียเหยาแค่นเสียง “หรือว่าไม่ใช่หรือไง? เก่งมากนายก็ไปหาผู้บริหารพวกนั้นของบริษัท ให้พวกเขาจ้างฉินหงเหยียนของนายสิ! มีความสามารถมากพวกนายก็เปิดบริษัทเองแล้วเลี้ยงดูฉินหงเหยียนสิ! แพ้กันในหน้าที่การงาน แล้วทำได้แค่มาระบายอารมณ์แบบนี้ ไม่ใช่พวกขี้แพ้เหรอ? เย่เฉินนายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงยืนยันแน่วแน่ว่าจะหย่ากับนาย? ไม่เพียงแต่เพราะว่าเรื่องของหยวนหยวน สาวน้อยอย่างหล่อนเอาแต่อยากเอาชนะฉัน หล่อนจงใจนอนกับนายเพื่อทำให้ฉันโกรธก็เป็นไปได้ ดังนั้นที่ฉันหย่ากับนายก็ไม่ใช่เพราะนายไม่มีเงิน แต่เพราะฉันไม่เห็นความหวังอะไรจากนาย! นายไม่รู้จักแสวงหาความก้าวหน้า!”
“คุณมันโกหก!”
เย่เฉินด่าหวังเจียเหยา!
“ผมไม่รู้จักแสวงหาความก้าวหน้าเหรอ? ตอนนั้นผมโดนไล่ออกจากตระกูลไม่กี่วัน คุณก็ตัดสินใจจะทิ้งผมไปแล้ว! คุณมันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยินดีต่อสู้ฝ่าฝันไปกับสามี! แถมยังประโยคใช้ในเวยป๋อมาดูหมิ่นผม! หวังเจียเหยาคุณไม่ได้มีความสามารถในการตัดสินใจถูกผิดเลยเถอะ! เห็นกงจักรเป็นดอกบัว! คำพูดไร้ศีลธรรมพวกนั้นของซ่งหงเย่คุณเชื่อฟังเหมือนเป็นพระคัมภีร์เชียว! ชีวิตแต่งงานของพวกเราล่มเพราะความโง่ของคุณ!”
หวังเจียเหยาโกรธจนน้ำหูน้ำตาไหล ไม่กล้าลงมือทำร้ายเขาอีก แต่ผลักอดีตสามีเบาๆ “นายสิโง่!”
เย่เฉินหัวเสีย “เหอะ ให้ผมใช้หน้าที่การงานมาล้างแค้นพวกคุณเหรอ ได้! คุณสบายใจได้เลยผมจะไม่เป็นฝ่ายไปหาหลิ่วอวี่เจ๋อก่อนแล้ว”
หวังเจียเหยาไม่ได้รู้เลยว่าที่เย่เฉินมาหาเขาที่บ้าน เพื่อสอบถามเรื่องราวถือว่าเป็นการเมตตาเขาแล้ว!
เพราะถ้าเขาโดนเย่เฉินสั่งสอนสักยก ชายหนุ่มก็คงจะคลายโทสะแล้วไม่หาเรื่องเขาอีก
การล้างแค้นที่จะโหดร้ายอย่างแท้จริงก็คือการล้างแค้นในธุรกิจหรือส่วนตัวของเย่เฉิน!
เพราะเย่เฉินจะทำให้อีกฝ่ายสิ้นเนื้อประดาตัว!
ให้ภรรยาเศรษฐีอย่างหวังเจียเหยาไม่เหลืออะไรเลย!
หวังเจียเหยาหันหลังไปมอง เห็นประตูยังปิดสนิทอยู่ไม่มีแขกคนไหนออกมาดู
แต่หล่อนไม่อยากจะทะเลาะกับเย่เฉินต่อ ในเมื่อเย่เฉินรับปากแล้วว่าจะไม่ใช้วิธีแบบนี้มารบกวนสามีของตนเองก็เพียงพอแล้ว
หวังเจียเหายและเย่เฉินเงียบไปสิบกว่าวินาทีแล้วถึงจะปรับสภาพอารมณ์กันได้
จากนั้นหวังเจียเหยาก็กล่าว “นายคิดให้ดีๆ แล้วกัน ฉันไม่อยากทะเลาะกันายอีกต่อไป ฉันกลัวว่าลูกเราจะได้ยินเสียงทะเลาะกันของพ่อกับแม่แล้วจะไม่อยากมาที่โลกใบนี้”
หวังเจียเหยาก้มหน้าลงแล้วลูบท้องตนเองเบาๆ
คำพูดนี้ของหวังเจียเหยาทำให้เย่เฉินใจอ่อนลง เขาถึงขนาดรู้สึกผิด คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแย่ๆ ต่อหน้าลูกของตนเอง
จริงด้วยถ้าหากให้ลูกได้ยินเข้า ลูกน้อยคงคิดว่าโลกใบนี้มันสกปรกโสโครกล่ะมั้ง?
ถ้าหากลูกเลือกได้ ก็คงจะไม่เลือกมาที่โลกใบนี้
หวังเจียเหยาหมุนตัวกลับไปที่วิลล่า
“รอก่อน”
จู่ๆ เย่เฉินก็เรียกหวังเจียเหยาแล้วกล่าว “มีอยู่เรื่องหนึ่ง ผมอยากอธิบายกับคุณก่อน วันนั้นผมกับหยวนหยวนไม่มีอะไรกัน”
เขาไม่รู้ว่าคำพูดนี้จงใจจะอธิบายกับหวังเจียเหยาฟัง หรือว่าจะบอกลูกในท้องหญิงสาว
เขาหวังว่าไม่ว่าจะใครก็ตาม ก็น่าจะช่วยกันรักษาความน่าอยู่ของโลกใบนี้
อย่าได้รู้สึกว่าโลกใบนี้มีเพียงแค่ความชั่วร้ายเลวทราม
ดังนั้นเขายินดีจะพูดความจริงออกมา เพื่อให้หวังเจียเหยาและเด็กในท้องได้รับรู้!
ใครจะรู้ว่าหวังเจียเหยากลับหัวเราะเสียงเจ้าเล่ห์ “นอนด้วยกันแล้วไม่ได้ทำอะไรกัน? เหอะ นายคิดว่าฉันจะโง่เหมือนนายแล้วเชื่อคำพูดเหลวไหลแบบนี้ได้หรือยังไง?”
เพิ่งพูดจบหวังเจียเหยาก็เสียใจภายหลัง หวาดกลัว ตกตะลึงแล้วใช้มืออุดปากทันที
และในวินาทีนี้เองฉินหงเหยียนก็ไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป
“ขอโทษด้วยนะคะเย่เฉิน ฉันไม่ควรปิดบังคุณ เพียงแต่ว่าฉันไม่อยากให้คุณต้องมาเป็นกังวลแทนฉัน ดังนั้นก็เลยไม่ได้บอกคุณ เมื่อวานฉันไปที่บริษัทของเหวินเหชี่ยนเชี่ยน แล้วหล่อนก็คืนเงินห้าล้านหยวนที่ฉันเข้าหุ้นไป บอกว่าให้ฉันทำงานด้วยไม่ได้จริงๆ”
เย่เฉินไม่โทษฉินหงเหยียน ฉินหงเหยียนเล่าอดีตที่ผ่านมาของตนเอง เล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นของตนเอง
“ฝีมือหลิ่วอวี่เจ๋อหรือเปล่า?” เย่เฉินถาม
ฉินหงเหยียนพยักหน้า “หลิ่วอวี่เจ๋ออยากจะเหยียบฉันให้ตาย เขาไม่อยากให้ฉันอยู่ในเทียนไห่อีก เมื่อวานฉันไปสัมภาษณ์มาหลายสิบบริษัท เดินเยอะจนเท้าเลือดออก ใช้เส้นสายทั้งหมดที่มีแล้ว แต่ก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีบริษัทไหนกล้าตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลหลิ่วเลยไม่มีบริษัทไหนกล้ารับฉัน ฉันมันไร้ประโยชน์จริงๆ…”
ฉินหงเหยียนพูดไปเรื่อยๆ แล้วน้ำตาก็ไหลลงมา
ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งและเย่อหยิ่งเหลือเกิน แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าหล่อนให้ความสำคัญกับความสามารถมากกว่าใบหน้าที่งดงามเสียอีก!
แต่ในวินาทีนี้หล่อนกลับยอมรับว่าตนเองเป็นคนไร้ประโยชน์!
“หงเหยียน!”
เย่เฉินรวบหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอด
ในวินาทีนี้เย่เฉินเสียใจยิ่งกว่าฉินเหยียนเสียอีก!
เขาไม่ได้รู้เลยว่าเมื่อวานหญิงสาวต้องเจอเรื่องที่ย่ำแย่มาทั้งวัน!
ในฐานะที่เป็นแฟนหนุ่มกับปล่อยให้แฟนของตนเองต้องมาตกระกำลำบากเพราะเรื่องของตนเอง!
เย่เฉินเกรี้ยวกราดอย่างยิ่ง พอนึกถึงเรื่องสารพัดที่หลิ่วอวี่เจ๋อทำกับฉินหงเหยียน ก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีก!
“เย่เฉิน คุณจะไปไหน”
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็สะบัดฉินหงเหยียนทิ้งไป แล้วเดินออกไปด้านนอก
“ผมจะไปคิดบัญชีกับหลิ่วอวี่เจ๋อ!”
ตอนเย่เฉินอยู่อวิ๋นโจวถือว่าเขามีเมตตามากแล้ว ที่ไม่ได้เอาคืนหลิ่วอวี่เจ๋อให้สาสมซึ่งถือว่ายังเบากว่าที่ฟางเชาโดน
แต่หมอนี่คิดไม่ถึงว่าจะไม่รู้อะไร แต่ยังกล้าล่วงเกินผู้หญิงของเขา!
เย่เฉินเดินไปห้องหอของหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อที่อยู่ข้างบ้านด้วยไฟโทสะที่เดือดปุดๆ
เพราะตอนนี้มีแขกมาก ดังนั้นประตูจึงเปิดกว้างจึงสามารถเดินเข้าไปด้านในได้ตลอด
เย่เฉินเดินเข้าห้องรับแขก หลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยายืนบนบันได กำลังเดินขึ้นไปด้านบน
“หลิ่วอวี่เจ๋อ! โผล่หัวมา!”
เย่เฉินคำรามเสียงกร้าว ทำให้วิลล่าชั้นหนึ่งที่กำลังเสียงดังครึกครื้น เงียบลงอย่างรวดเร็ว!
ทุกคนมองมาที่เย่เฉินด้วยแววตาประหลาดใจ และเกลียดแค้น
เหวินเชี่ยนเชี่ยนที่ยืนอยู่บริเวณประตูเห็นทุกอย่าง แล้วแอบเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
เดินออกมาด้านนอก แล้วหันไปเห็นฉินหงเหยียนที่กระทั่งหน้าก็ไม่ได้ล้าง และยังสวมรองเท้าแตะกำลังรีบร้อนเดินตรงมา
แน่นอนว่าหล่อนกังวลว่าเย่เฉินจะเกิดเรื่อง
เหวินเชี่ยนเชี่ยนดึงฉินหงเหยียน “สวรรค์ หงเหยียน ทำไมเธอใส่ชุดนอนเดินมาล่ะ ทางนั้นมีคุณชายร่ำรวยอยู่เยอะแยะเลย เธอใส่ชุดแบบนี้มาบ้านคนอื่น มันได้เหรอ? ไปเลยไป รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย”
“แต่เย่เฉินเขา…” ฉินหงเหยียนเป็นห่วงเย่เฉิน
เหวินเชี่ยนเชี่ยนลากฉินหงเหยียน “เรื่องของเย่เฉินให้ตัวเขาจัดการเอง เธออย่าเข้ามายุ่งเลย”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนฝืนลากฉินหงเหยียนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ภายในวิลลล่าของหลิ่วอวี่เจ๋อ
หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นเย่เฉิน ทันใดนั้นเองในแววตาสองข้างฉายแววโหดเหี้ยม หวังเจียเหยาเองก็ตื่นตกใจ
นี่เย่เฉินกำลังสร้างจะความวุ่นวายในงานแต่งงานของหวังเจียเหยาอีกครั้งเหรอเนี่ย?
คราวก่อนหวังเจียเหยาและฟางเชาแต่งงานกัน เย่เฉินที่อยู่ในงานแต่งงาน ก็แย่งซีนทุกคน แล้วทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อน
หรือว่าครั้งนี้ถึงคราวซวยของหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วเหรอ?
แต่ใครจะรู้ ในตอนนี้จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มที่ร่างกายกำยำหล่อเหลาก้าวเข้ามายืนแทนหลิ่วอวี่เจ๋อ
คนผู้นี้ก็คือพี่ชายของหลิ่วอวี่เจ๋อ หลิ่วเฟิง
หลิ่วเฟิงพุ่งไปหาเย่เฉิน ดีดตัวขึ้นแล้วประเคนเท้าให้เขา!
“แม่งเอ้ย! พี่เฟิงเท่จริงๆ เลย!”
“พี่เฟิงเป็นถึงทหารรบพิเศษ!”
หลิ่วเฟิงไม่เหมือนหลิ่วอวี่เจ๋อ ฝั่งน้องชายเป็นแค่คุณชายเจ้าสำราญ หน้าตาหล่อเหลา ร่างกายบอบบาง
ส่วนหลิ่วเฟิงไม่ได้หล่อเหลาขนาดนั้น แต่แรงเยอะอีกทั้งยังเป็นผู้ใหญ่กว่าอีกฝ่าย
โครม โครม โครม!
หลิ่วเฟิงเตะหวดใส่เย่เฉิน เย่เฉินเองก็ประหลาดใจน้อยๆ เพราะว่าเขาใส่รองเท้าแตะ จึงเตะอีกฝ่ายไม่ค่อยถนัด ทำได้เพียงใช้มือปัดเท่านั้น
หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป ไม่อาจจะรับลูกเตะคนอื่นได้สบายๆ แบบนี้ ทว่าเย่เฉินกลับปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
เย่เฉินหันมองหลิ่วเฟิงแล้วกล่าว “นายคงจะฝึกซ้อมมาหลายปีเลยใช่ไหมล่ะ แต่ว่านายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ไม่อยากตายก็อย่ายื่นมือเข้ามายุ่ง!”
หลิ่วเฟิงแค่นเสียงเย็น “นายคงจะเป็นเย่เฉินล่ะสิ? หลิ่วอวี่เจ๋อคือน้องชายของฉัน ฉันจะปล่อยให้นายวางท่าใหญ่โตที่นี่ได้ยังไง!”
ก่อนหน้านี้หลิ่วอวี่เจ๋อโดนเย่เฉินหักนิ้ว แถมยังโดนคนวางยาทำให้เขาไม่สามารถมีลูกได้
หลิ่วเฟิงที่เป็นพี่ชายจึงโกรธมาก เขาอยากจะกำจัดเย่เฉินตั้งนานแล้ว!
และในเวลานี้เพื่อนๆ พวกนี้ต่างก็กำลังสงสัยว่าเย่เฉินคนนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่!
“จะมาแย่งตัวเจ้าสาวหรือเปล่านะ?”
“น่าจะเป็นแฟนเก่าของเจ้าสาวก็ได้นะ!”
“แฟนเก่าอะไรกัน ฉันได้ยินเพื่อนบอกมาว่าหวังเจียเหยาคนนี้เคยแต่งงานแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นสามีเก่าด้วยซ้ำ!”
“จริงหรือเปล่า? อวี่เจ๋อแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้วเหรอ?”
พวกแขกเหรื่อต่างก็ยืนซุบซิบนินทาด้วยกัน
หลิ่วอวี่เจ๋อพุ่งตัวลงไปด้านล่าวด้วยโทสะ ชี้ไปที่เย่เฉินแล้วกล่าว “เย่เฉิน! แกบุกรุกบ้านฉัน แกหมายความยังไงกันแน่! จะหาเรื่องกันใช่ไหม!”
เย่เฉินพุ่งพรวดไปหาหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วตะคอกอีกฝ่าย “คุณหาเรื่องแฟนผม ก็น่าจะรู้นี่ว่าผมจะมาคิดบัญชีกับคุณ!”
หวังเจียเหยาเห็นเหตุการณ์เข้าก็รีบหอบชุดเจ้าสาววิ่งลงมาจากตึก มาหยุดตรงหน้าเย่เฉิน “นายตามฉันมา”
หวังเจียเหยาลากเย่เฉินออกไปจากวิลล่าของตนเอง หล่อนไม่อยากให้ทั้งสองคนทะเลาะกันต่อหน้าธารกำนัล
ยังไงเสียเรื่องที่หวังเจียเหยาและเย่เฉินเป็นสามีภรรยากันนั้น หล่อนและสามีใหม่อย่างหลิ่วอวี่เจ๋อก็ไม่ได้อยากให้เพื่อนสนิทมิตรสหายได้รู้
หวังเจียเหยาลากเย่เฉิน ส่วนตัวเย่เฉินเองก็เดิมตามหญิงสาวไปอย่างเสียไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าจะปฏิเสธผู้หญิงคนนี้อย่างไรจริงๆ
เย่เฉินเคยเห็นหวังเจียเหยาสวมชุดเจ้าสาวมาสองครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ใส่เพื่อเขา!
เมื่อเดินออกมาที่สวนแล้วเขาก็ยืนอยู่บสนามหญ้า หวังเจียเหยาก็ถามเย่เฉิน “เย่เฉินนายหมายความว่ายังไง!ตอนฉันแต่งงานกับฟางเชานายก็มาก่อความวุ่นวาย หาเรื่องในงานแต่งงานของฉันทตอนนี้ฉันแต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋อนายก็ยังทำแบบนี้อีก! นายยังติดใจอยู่เหรอ? ทำไมทนเห็นฉันมีความสุขไม่ได้เลยเหรอ? จะต้องทำให้ฉันเสียหน้าให้ได้เลยหรือไง ต้องให้ฉันไม่มีความสุขใช่ไหมนายถึงจะมีความสุขน่ะ?”
เย่เฉินไม่รู้จะพูดยังไงดี “หวังเจียเหยาผมไม่ได้มีเจตนามาก่อความวุ่นวายในงานแต่งงานของคุณ แล้วก็ไม่เคยอยากจะทำลายความสุขของคุณด้วย วันนี้ที่ผมมาเป็นเพราะหลิ่วอวี่เจ๋อจริงๆ เมื่อวานฉินหงเหียนสัมภาษณ์งานไปสิบกว่าบริษัท แต่หลิ่วอวี่เจ๋อก็ขัดวางไปทุกบริษัทเลย เขาไม่ต้องการฉินหงเหยียนมีที่ยืนให้เทียนไห่! ผมต้องไปถามเขาให้ชัดเจน!”
หวังเจียเหยาแค่นเสียงแต่วงหน้าของหญิงสาวนั้นงดงามอย่างที่เคย
“แล้วยังมีหน้ามาพูดว่าไม่ได้ตั้งใจมาสร้างความวุ่นวาย? เรื่องเกิดเมื่อวานแล้วจะมาโวยวายทำไมวันนี้?”
“ผมเพิ่งรู้…” เย่เฉินอธิบาย
หวังเจียเหยายื่นเรียวขาวนวลเนียน “เอาเถอะ ไม่ต้องอธิบายแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว เพราะนายยังรักฉันอยู่ เห็นฉันไปแต่งงานกับคนอื่น นายเลยทนไม่ไหวใช่ไหมล่ะ? ฮึ อ้ำๆ อึ้งๆ หาข้ออ้างเยอะแยะมากมายมาขนาดนี้ ฉันยอมให้นายร้องไห้คร่ำครวญคุยกับฉันว่านายยังรักฉัน นายลืมฉันไม่ได้ คุกเข่าอ้อนวอนขอโอกาสอีกสักครั้ง!”
หลิ่วอวี่เจ๋อถือเป็นทายาทเศรษฐีที่ร่ำรวยในระดับต้นๆ ของประเทศนี้
ดังนั้นเหล่าดาราสาวในการบันเทิง นอกจากดาราที่มีคนเลี้ยงดูแลล้วหรือไม่ก็ผู้หญิงที่มีศีลธรรม ดาราคนอื่นๆ เขาต่างก็เคยเชยชมมาก่อนแล้ว
ดาราบางคนมีค่าตัวแน่ชัด บางคนก็ไม่ต้องใช้เงิน เพราะเหล่าดาราเองก็ชอบแต่งงานกับคนรวย
ส่วนเหม่ยฉีนั้นฐานะทางบ้านไม่ได้ดีนัก แต่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาในทันทีทันใดเพราะรายการวาไรตี้ จนกลายเป็นสเป็คในฝันของวัยรุ่นหญิงชาย
หลังจากมีชื่อเสียงแล้วก็ไปเตะตาเศรษฐีอย่างหลิ่วอวี่เจ๋อเข้า เมื่อได้ผู้จัดการแนะนำแล้วก็ลมเพลมพัดจนมาลงเอยด้วยกัน
อันที่จริงดาราเองก็ชอบเป็นแฟนกับพวกทายาทเศรษฐี หรือไม่ก็มีความสัมพันธ์ข้ามคืนกัน ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องเงินเท่านั้น เพราะหากแค่เรื่องเงินแล้ว พวกหล่อนเองก็หาได้ไม่น้อย
แต่เหตุผลหลักๆ เลยก็คือพวกดาราโดยเฉพาะไอดอลหญิงจะไม่มีความรักง่ายๆ ถึงขนาดที่ว่ามีบางบริษัทเอเจนซี่มีข้อบังคับเขียนไว้ชัดเจนว่าห้ามมีแฟนเด็ดขาด
แต่ว่าทุกคนต่างก็อยากมีความรักกันทั้งสิ้น ช่วงอายุ 20 กว่าปีเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุด ใครจะอยากใช้เวลาช่วงนี้มาทำงานกัน?
แต่หากมีความรักล่ะก็จำเป็นต้องปกปิดเอาไว้ เป็นแฟนกับคนทั่วไปยิ่งอันตรายกว่าเดิม
หากผู้ชายธรรมดาคนนั้นอยากจะใช้เรื่องไปคุยโวโอ้อวด หรือไม่ก็หาประโยชน์โดยการเปิดเผยเรื่องนี้ล่ะ?
ดังนั้นการเลือกคบหากับพวกทายาทเศรษฐีถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เขาเป็นถึงทายาทเศรษฐี พวกเขาเองก็อยากได้หน้า เป็นแฟนกับดาราก็ไม่จำเป็นต้องเอาไปคุยโวกับใคร
……
เจ็ดโมงเช้า
วิลล่าเฝยชุ่ย
เย่เฉินอาบน้ำเสร็จก็ทำอาหารเช้า แล้วแตะฉินหงเหยียนที่ยังคงนอนหลับสนิทเบาๆ
“ที่รักครับ เจ็ดโมงเช้าแล้วนะ คุณควรไปทำงานได้แล้ว”
เย่เฉินยังไม่รู้เรื่องที่ฉินหงเหยียนไม่มีงานให้ไปทำ
ฉินหงเหยียนลืมตา “ฉันไม่สบาย วันนี้ไม่ไป”
เย่เฉินลูบหน้าผากหญิงสาว แต่ก็ไม่สัมผัสได้ถึงความร้อนจากตัวอีกฝ่าย แต่เขามองออกว่าฉินหงเหยียนดูอ่อนล้าจริงๆ
“หงเหยียนคุณไม่สบายตัวตรงไหน? จะให้ผมพาคุณไปโรงพยาบาลไหม?”
ฉินหงเหยียนส่ายหน้า “ฉันนอนเดี๋ยวเดียวก็ดีขึ้นค่ะ คุณไม่ต้องสนใจฉันหรอก ไปทำงานเถอะ”
ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมานี่เป็นครั้งแรกที่เย่เฉินเห็นฉินหงเหยียนป่วย
เห็นท่าทางหญิงสาวไม่ค่อยสบายนัก ไหนเลยเย่เฉินจะวางใจปล่อยให้หญิงสาวอยู่บ้านคนเดียว?
งานส่งพัสดุของเขาเดือนหนึ่งได้เงินก็แค่ 5000 หยวนเท่านั้น แถมยังอยู่เมืองใหญ่เป็นลำดับหนึ่งอย่างเทียนไห่ เดิมถือว่าเป็นงานที่เงินเดือนน้อยนิด ซื้ออะไรไม่ได้ด้วยซ้ำไป
ตัวเย่เฉินเองก็ไม่ใช่คนสิ้นเนื้อประดาตัวจริงๆ ดังนั้นไปทำงานหรือไม่ก็ไม่ต่างอะไรกัน
ดังนั้นเขาจึงไม่ไปทำงานแล้วอยู่บ้านเป็นเพื่อนหญิงสาว
รอจนตอน 11 โมงเช้า เขาก็นั่งดื่มชาอยู่ที่ห้องรับแขก แล้วกำลังอ่านนิตยสารธุรกิจ FORBS เล่มใหม่ล่าสุดอยู่
ทันใดนั้นเองที่ด้านนอกวิลล่าก็มีเสียงครึกครื้นดังลอยเข้ามา แล้วรถหรูหราจำนวนมากก็ทยอยขับกันเข้ามาเรื่องๆ หนำซ้ำรถคันหนึ่งยังมีดอกไม้ประดับตกแต่งอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถเบนซ์ G-class คันหน้าสุดคันนั้น บริเวณหน้ารถมีดอกไม้ประดับตกแต่งเป็นรูปหัวใจ ดูสวยอย่างมาก
เย่เฉินรู้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของหลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยา หลิ่วอวี่เจ๋อน่าจะไปรับหวังเจียเหยาที่อวิ๋นโจวมา
“เฮ้อ”
เย่เฉินถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอดีตภรรยาแต่งงานอีกครั้งแล้วเขาจะอยู่ใกล้ๆ กับสถานที่จัดงานแต่งงานแบบนี้!
เดิมเขาคิดว่าเขาจะไม่ต้องมาเห็นอะไรทั้งหมดนี้!
ถึงแม้ว่าอยากจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ว่าเขาก็ยังอดไม่ได้ มองลอดออกนอกหน้าต่างไปดู
จากตำแหน่งที่เขาอยู่นี่เป็นสถานที่ที่เห็นบริเวณปากประตูบ้านพวกเขาสองคน
เมื่อรถเบนซ์จอดลง หลิ่วอวี่เจ๋อก็เดินลงมาจากด้านหลัง จากนั้นเขาก็อุ้มหวังเจียเหยาลงมา
“เฮ้”
ในงานเกิดเสียงเฮดังครืนขึ้นมา แล้วก็ยิงสายรุ้งออกมา
หวังเจียเหยาในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ถูกเจ้าบ่าวของตนเองอุ้มไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
“หวังเจียเหยา…”
เห็นภาพทั้งหมดนี้ใจเย่เฉินก็เจ็บปวดไม่น้อย!
เขาย่อมเกลียดชังหวังเจียเหยา เจ็บปวดที่หญิงสาวทรยศเขา ไม่มีทางจะรักหล่อนอีก!
แต่ว่าอย่างไรเสียทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันมาสามปี อีกทั้งยังแยกกันไม่นานเท่าไหร่
เย่เฉินจึงไม่อาจลืมหญิงสาวได้หมดใจในระยะเวลาอันสั้น เห็นหญิงสาวแต่งงานกับชายอื่นในใจก็ยอกแสลงขึ้นมา!
“ทั้งที่เมื่อเดือนก่อนยังอยู่ในอ้อมกอดผมอยู่เลย ออดอ้อนเรียกที่รัก ทุกวันยังต้อง Morning kiss แถมยังต้องดื่มน้ำผสมมะนาวอยู่เลย… มาคิดเรื่องพวกนี้เอาในตอนนี้ เหมือนเป็นเรื่องเมื่อศตวรรษก่อนเลย…”
ความทรงจำอันงดงามเหล่านี้ในอดีตที่ผ่านมาชวนให้เสียใจมากจริงๆ!
ถ้าหากว่าเย่เฉินไม่แสร้งทำว่าโดนขับออกจากตระกกูลล่ะก็ หวังเจียเหยาในตอนนี้ไม่มีทางจะสวมชุดเจ้าสาวอยู่ในอ้อมกอดชายอื่น หญิงสาวก็คงจะยังอยู่ในอ้อมกอดเขา
น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีคำว่าสมตติ
เย่เฉินเองก็จำใจต้องทำเช่นนี้!
ในตอนที่เย่เฉินกำลังคิดถึงเรื่องในอดีตอยู่นั้น เขามองลอดหน้าต่างไป จู่ๆ ก็เห็นคนคุ้นเคย
เหวินเชี่ยนเชี่ยน!
“เหวินเชี่ยนเชี่ยนมาแล้ว! หล่อนน่าจะมาเยี่ยมหงเหยียนแน่เลย”
หลังจากที่เย่เฉินเห็นเหวินเชี่ยนเชี่ยน ก็รีบวางแก้วชาลงในทันที เดินออกไปที่ประตูวิลล่าแล้วออกไปต้อนรับอีกฝ่าย
“คุณเหวิน”
เย่เฉินเดินพุ่งตรงไปหาเหวินเชี่ยนเชี่ยนแล้วเรียกอีกฝ่าย
ซึ่งในขณะนี้หลิวอวี่เจ๋อกำลังอุ้มหวังเจียเหยาเดินเข้าไปในวิลล่า กลุ่มเพื่อนของพวกเขาเองก็เดินตามเข้าไปด้านใน
เหวินเชี่ยนเชี่ยนมีท่าทีตกใจเมื่อเห็นเย่เฉิน “อ้อเย่เฉินนี่เอง”
เย่เฉินกล่าว “คุณเหวิน คุณรู้ว่าฉินหงเหยียนไม่สบายเลยมาเยี่ยมใช่ไหม? พวกคุณเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ”
แต่ใครจะรู้เหวินเชี่ยนเชี่ยนกลับมีสีหน้าเก้อเขิน “หงเหยียนไม่สบายเหรอ? หล่อนเป็นอะไรไป?”
เย่เฉินมีสีหน้าประหลาดใจ “คุณไม่รู้เหรอ? หล่อนไม่ได้ขอลากับคุณเหรอ?”
“ขอลา?” เหวินเชี่ยนเชี่ยนเดาว่าเย่เฉินน่าจะยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงกล่าว “เย่เฉิน หงเหยียนยังไม่ได้พูดกับคุณใช่ไหม? หล่อนไม่ได้ทำงานที่บริษัทฉันแล้ว”
“อะไรนะ? ทำไมล่ะ?”
เย่เฉินงุนงง
เหวินเชี่ยนเชี่ยนไหนเลยจะกล้าบอกเหตุผล จึงรีบจ้ำอ้าวแล้วพูดส่งๆ “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะนะ ฉันยังมีธุระต้องทำ”
แล้วจึงเห็นเหวินเชี่ยนเชี่ยนเดินเข้าไปในวิลล่าของหลิ่วอวี่เจ๋อ!
“เหวินเชี่ยนเชี่ยนไปรู้จักหลิ่วอวี่เจ๋อตอนไหน!”
เย่เฉินประหลาดใจอย่างมาก ถ้าหากว่าเหวินเชี่ยนเชี่ยนรู้จักกับหลิ่วอวี่เจ๋อล่ะก็ อย่างนั้นแล้วเมื่อคืนก่อนก็น่าจะพูดเรื่องนี้
หรือว่าเพิ่งจะรู้จักกัน?
เย่เฉินไม่มีเวลาจะมีคิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้ ตอนนี้เขาอยากรู้เรื่องของฉินหงเหยียนมากกว่า!
“หงเหยียน หงเหยียน”
เย่เฉินวิ่งเข้ามาในบ้านแล้วปลุกแฟนสาว
“หงเหยียนคุณไม่ได้ทำงานที่บริษัทเหวินเชี่ยนแล้วเหรอ?”
ฉินหงเหยียนตื่นนานแล้ว หลังจากลุกขึ้นแล้วก็ถาม “คุณรู้ได้ยังไง?”
เย่เฉินกล่าว “ผมเพิ่งเจอเหวินเชี่ยนเชี่ยนที่ด้านนอกเมื่อครู่”
“หล่อนมาหาฉันเหรอคะ?”
เย่เฉินส่ายหน้า “หล่อนมางานแต่งงานหวังเจียเหยากับหลิ่วอวี่เจ๋อ”
“เหอะ”
ฉินหงเหยียนหัวเราะเยาะๆ
เป็นไปอย่างที่คิดจริงๆ เพื่อนสนิทที่เจอกันโดยบังเอิญแบบนี้ต่างก็มีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เหวินเชี่ยนเชี่ยนรู้ดีแก่ใจว่าหลิ่วอวี่เจ๋อต้องการจะตัดทางทำมาหากินของฉินหงเหยียน แต่ยังจะเข้าหาเขาอีก
ทว่าฉินหงเหียนไม่โทษอีกฝ่าย ทำธุรกิจก็ต้องทำแบบนี้
มือสองข้างของเย่เฉินวางลงบนไหล่แบบบางของฉินหงเหยียนแล้วถาม “หงเหยียนบอกผมมาหน่อย เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
ทันใดนั้นเองจู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็เกิดคิดชู้สาวกับฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนอายุมากกว่าเขา แถมยังเป็นคนที่ดูมีสง่าราศีอย่างมาก ปกติแล้วหลิ่วอวี่เจ่อมองหญิงสาวก็ไม่กล้าจะคิดอะไรเกินเลยกับอีกฝ่าย
ทว่าฉินหงเหียนในตอนนี้อ่อนล้าเพียงเพราะสัมภาษณ์มีแต่ปัญหาทั้งวัน
อากาศที่เทียนไห่ร้อนอบอ้าว รถก็จอดยาก ฉินหงเหยียนเองจึงร้อนจนเหงื่อไหลเป็นสายน้ำ
เมื่อขึ้นรถไปแล้ว หญิงสาวก็สลัดรองเท้าที่ทรมานตนเองทั้งวันทิ้งไป
หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นฉินหงเหยียนมีท่าทางอ่อนล้าอย่างยิ่ง เสื้อผ้ายุ่งเหยิงดังนั้นถึงได้ฉวยโอกาสนี้รังแกหล่อน
นี่ถือว่าเป็นการแก้แค้นเย่เฉินอย่างหนึ่ง!
ตลอดเจ็ดปีมานี้ผู้ชายที่คิดจะฉวยโอกาสกับหล่อนมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
หญิงสาวแค่มองแววตาของผู้ชายก็รู้แล้วพวกเขาคิดอะไรอยู่!
ดังนั้นตอนที่หลิ่วอวี่เจ๋อคิดจะจุมพิตหญิงสาว ฉินหงเหยียนก็เปิดประตูรถออกไปด้านนอกอย่างแรง!
“โอ้ยๆ หัวๆ! หัวติดแล้ว! อย่าผลักสิ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อลนลาน ร้องโวยวายทันที แล้วครึ่งบนของเขาก็ติดแหงกอยู่ในรถ ส่วนท่อนล่างอยู่นอกตัวรถ สภาพน่าอนาถเหลือเกินอย่างยิ่ง
ฉินหงเหยียนผลักหลิ่วอวี่เจ๋อออกแล้วใส่รองเท้าส้นสูงเดินลงจากรถ แล้วกลับมีมาดอย่างเดิม
หลิ่วอวี่เจ๋อมุดตัวออกจากรถชี้ไปที่ฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “ผู้หญิงแบบคุณนี่มันใจกล้าใช้ได้เลยนี่ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเสียมารยาทกับผมแบบนี้!”
ฉินหงเหยียนเองถือว่าไว้หน้าเขาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีคุณปู่ที่ดี เมื่อครู่ฉินหงเหยียนคงจะไม่แค่เปิดประตูรถแล้ว แต่น่าจะเป็นการประเคนฝ่ามือฟาดลงบนหน้าเขา!
ฉินหงเหยียนกล่าว “หลิ่วอวี่เจ๋อพรุ่งนี้คุณก็จะแต่งงานแล้ว ไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาคนสวยของคุณล่ะ แต่ดันมาตามฉันทั้งวัน คุณนี่ว่างจนไม่มีอะไรจะทำเลยสินะ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วน “อย่าคิดว่าผมยุ่งกับเรื่องงานแต่งแล้วจะปล่อยพวกคุณไปนะ พวกคุณมาถึงถิ่นผม ผมจะปล่อยให้พวกคุณมีชีวิตสบายๆ กันได้ยังไง! ฉินหงเหยียนเราสองคนไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน พูดตรงๆ นะผมน่ะชื่นชมคุณมากเลย ผู้บริหารหญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งแบบคุณน่ะในเทียนไห่ไม่ได้มีเยอะนักหรอก
ขอแค่คุณเลิกกับเย่เฉิน ไม่คบหากับเขาอีก ผมจะรับคุณไปทำงานที่บริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสของที่บ้านผม และแน่นอนว่าตอนนี้คุณอาจจะเป็นรองผู้บริหารไม่ได้ แต่เป็นผู้บริหารระดับสูงย่อมไม่มีปัญหาอะไรแน่ คุณเก่งกาจแบบนี้ คิดว่าไม่ถึงสองปี คุณก็น่าจะเลื่อนขั้นเป็นผู้บริหารได้ด้วยตนเองจริงไหมล่ะ?”
บริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสเป็นบริษัทที่มีทรัพย์สินแสนล้าน หลิ่วอวี่เจ๋อกำลังยื่นไมตรีให้อีกฝ่าย ย่อมต้องยื่นข้อเสนอที่น่าเย้ายวนใจไม่น้อย!
แต่ฉินหงเหยียนยังคงปฏิเสธอย่างแน่วแน่ “ฉันไม่ทำข้อแลกเปลี่ยนกับคุณ! ฉันอยากเป็นแฟนของเย่เฉินมากกว่า! และฉันไม่จำเป็นต้องทำงานให้คนอื่น ฉันเองก็มีเงิน ถ้ายากมากก็เปิดบริษัทตัวเอง!”
ฉินหงเหยียนเองก็เป็นเศรษฐีนีสาวที่มีเงินมหาศาล เงินแค่ร้อยล้านหญิงสาวสามารถเอาออกมาใช้ได้ตอดเวลา
ทว่าหลิ่วอวี่เจ๋อกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ เปิดบริษัทเองเหรอ? ดีจริงๆ เลย ผมรอพวกคุณใช้เงินจนหมด แล้วคุณก็จะกลายเป็นยาจกกับเย่เฉิน! คุณจะลองดูก็ได้ เชิญคุณเปิดบริษัทอะไรก็ได้ ทำธุรกิจอะไรก็ได้ ผมจะเล่นงานพวกคุณไปจนกว่าพวกคุณจะหมดสิ้นหนทาง!
คุณใช้เงินร้อยล้าน ผมก็จะใช้เงินสองร้อยล้านมาถล่มคุณ ถ้าคุณใช้พันล้านผมก็จะใช้เงินห้าพันล้านมาเล่นงานคุณ! ถ้าจะแข่งเรื่องเงินกับผม ผมเล่นเอาคุณให้ตายได้เลย!”
วิธีทำธุรกิจในตอนนี้ คือยุคของการแข่งขันว่าใครจะเผาเงินได้มากกว่ากัน
ก่อนนี้เย่เฉินก็ใช้วิธีการเดียวกันนี้เล่นงานบริษัทที่ฟางเชาไปลงทุน
ขอแค่ฉันมีเงินให้ผลาญมากกว่านาย ยังไงเสียก็ถล่มนายเละเทะได้อยู่ดี
ฉินหงเหยียนหัวเสียถึงขีดสุด “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าตระกูลหลิ่วจะทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้ที่เทียนไห่ ฉันไม่เชื่อว่าตระกูลหลิวของพวกคุณจะไม่มีคู่แข่งแล้วจะไม่กลัวใครเลย! ฉันจะบอกคุณให้นะ ต่อให้ฉันกับเย่เฉินต้องเป็นขอทานในเมืองเทียนไห่ ฉันก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้คุณหรอก!”
หลิ่วอวี่เจ๋อยกนิ้วให้ฉินหงเหยียน “ใช้ได้เลยนี่ งั้นผมจะรอดูวันที่พวกคุณเป็นขอทานแล้วกันนะ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อพูดจบก็หัวเราะแล้วขับรถจากไป
ฉินหงเหยียนจัดการอารมณ์ตนเอง จัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเติมเครื่องสำอางจากนั้นก็กลับบ้าน
เย่เฉินเองก็กลับถึงบ้านแล้ว อีกทั้งยังทำอาหารเย็นไว้รอแฟนสาวเรียบร้อย
วันนี้เขาไปสมัครงานเป็นพนักงานส่งของที่บริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรส ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นอย่างมาก
บริษัทไป๋ลี่เอ็กซ์เพรสเป็นบริษัทขนส่งลำดับสองที่เป็นรองแค่บริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรส
“ที่รักคะ ฉันกลับมาแล้ว”
บนใบหน้าฉินหงเหยียนแต่งแต่มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่แสดงให้ชายหนุ่มเห็นถึงความอ่อนล้าและเหนื่อยใจของตนเอง
ระหว่างคนรักกันก็เป็นแบบนี้ หากรักใครคนหนึ่งจริงๆ ก็ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองลำบาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมาบอกความลำบากนี้ในตอนที่อีกฝ่ายก็ทำอะไรไม่ได้
หากเป็นเช่นนี้ก็คงจะรังแต่เป็นการสร้างความกดดันให้เย่เฉิน!
เย่เฉินจุมพิตหญิงสาวแล้วกล่าวถาม “วันนี้ทำงานเป็นยังไงบ้างครับ?”
ฉินหงเหยียนไม่อยากหลอกลวงเขาแต่ก็ไม่อยากให้เขาต้องเป็นกังวลจึงเฉไฉ “คุณเล่ามาก่อนสิคะ วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? เจอเรื่องลำบากอะไรรึเปล่า?”
เย่เฉินหัวเราะ “กลางวันแสกๆ คุณยังกลัวว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะส่งคนมาซ้อมผมเหรอครับ? ต่อให้มีเรื่องกันก็น่าจะเป็นผมซ้อมพวกเขามากกว่า! เดียรัจฉานคนนี้เมื่อก่อนก็เคยว่าร้ายคุณในโลกโซเชียลหาว่าคุณเป็นผู้หญิงอย่างว่าผมยังไม่ได้คิดบัญชีกับเขาเลย !”
ฉินหงเหยียนจับมือเย่เฉินแล้วกล่าว “ช่างเถอะ เราไม่พูดเรื่องนี้กันแล้ว ฉันขอชิมอาหารฝีมือแฟนฉันก่อน!”
สามปีมานี้เย่เฉินตั้งใจศึกษาเรื่องอาหารต่างๆ ภายใต้การกำกับดูแลขอหวังเจียเหยา ทำให้อาหารที่เขาทำออกมานั้นรสชาติดีจนฉินหงเหยียนชมไม่ขาดปาก
ทว่าเมื่อกินข้าวเสร็จ ฉินหงเหยียนก็บอกว่าตนเองเหนื่อย แล้วเข้านอนไปก่อน
……
ในคืนวันนั้นเอง ณ ผับ TAXX ในเมืองเทียนไห่
ในร้านไนต์คลับ เสียงดนตรีอิเล็คโทรนิคส์เสียงดังโครมครามบาดแก้วหู เสียงเบสกลองดังโครมๆ บรรดาหญิงสาวขาเรียวยาวละลานตาเต็มไปร้านไปหมด จนชวนให้คนในร้านใจสั่น
นักเที่ยวยามราตรีต่างก็รู้ว่าโต๊ะที่นี่ราคาแพงมาก เพียงแค่รถหรูนอกร้านก็พอจะเดาได้ว่าทุกคนที่มาเที่ยวที่นี่น่าจะเป็นพวกคนมีเงินทั้งสิ้น
ในโซนที่นั่งที่ดีที่สุด หลิ่วอวี่เจ๋อและเพื่อนๆ กำลังนั่งดื่มเหล้าด้วยกันในโซนที่นั่งที่ดีที่สุด
“พี่เจ๋อคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพี่จะแต่งงานเร็วแบบนี้ ผมยังคิดว่าพี่จะเที่ยวต่ออีกสักสองสามปี”
“ฮ่าๆ พี่สะใภ้สวยนี่ พวกนายเห็นภาพพรีเวดดิ้งแล้วหรือยัง? สวยชวนตะลึง!”
“เสียดายจริงๆ อวี่เจ๋อพ่ายแพ้ให้กับนางฟ้าคนสวยไปแล้ว ฉันจะถือว่าวันนี้เป็นปาร์ตี้สละโสดแล้วกัน”
หลิ่วอวี่เจ๋อดื่มเหล้าไม่พูดไม่จา
เพื่อนพวกนี้ของเขาต่างก็อิจฉาเขากันทั้งสิ้น รู้สึกว่าเขาได้เที่ยวจนเต็มที่ แถมตอนนี้ยังมีภรรยาสวยเป็นนางฟ้า
แต่ใครจะรู้ว่าในใจเขาเจ็บปวดเหลือเกิน!
“จริงสิ พี่เจ๋อ ในเมื่อพี่แต่งงานแล้วงั้นยกเหม่ยฉีให้พวกเราได้ไหม?”
“จริงด้วย จริงด้วย ผมก็ชอบดาราคนนี้นะครับ!”
เพื่อนๆ ในวงสังคมของเขาต่างก็รู้ว่าเขาเคยนอนกับเหม่ยฉี
จู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็เปิดปากเอ่ย “ใครบอกว่าฉันแต่งงานแล้วจะเที่ยวไม่ได้กัน? ใครบอกว่าฉันจะเชื่อฟังหวังเจียเหยา? เหม่ยฉีเป็นของฉัน พวกนายอย่ามาแย่ง”
เหล่าเพื่อนของเขาต่างก็มีท่าทีหวาดกลัว
“โอ้โห ฉันไม่เชื่อหรอก ฉันว่าพี่น่าจะทำท่ากลัวเวลาอยู่ต่อหน้าพี่สะใภ้มากกว่า เก่งมากนักพี่ก็เรียกเหม่ยฉีออกมาตอนนนี้เลยสิครับ”
หลิ่วอวี่เจ๋อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้หวังเจียเหยาอยู่ที่อวิ๋นโจว พรุ่งนี้เช้าเขาจะยกขโยงรถหรูไปสู่ขอหญิงสาว
“ก็ได้ ฉันเองก็ไม่ได้ยินเหม่ยฉีร้องเพลงมานานแล้ว!”
อารมณ์ตื่นเต้นของฉินหงเหยียนลดฮวบฮาบลงในทันที!
เดิมทีหญิงสาวคิดว่าวันนี้จะวันแห่งการเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบ คิดไม่ถึงว่าเพิ่งมาถึงบริษัทเป็นวันแรกก็จะโดนไล่ออกเสียแล้ว
ท่าทางของเหวินเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกผิด หญิงสาวหันไปมองฉินหงเหยียน “หงเหยียน เธอไปล่วงเกินตระกูลหลิ่วมาเหรอ?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนวันๆ สาละวนแต่เรื่องของบริษัทตัวเอง ดังนั้นถึงไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉินหงเหยียนตอนอยู่ที่บริษัทหัวเซิ่งชัดเจนนัก
ฉินหงเหยียนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในทันที ที่แท้ก็เป็นฝีมือหลิ่วอวี่เจ๋อ
“ขอโทษด้วยนะหงเหยียน ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้ บริษัทเรามันเล็กจ้อย ไม่มีปัญญาไปงัดกับตระกูลหลิ่วหรอก”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนขอโทษฉินหงเหยียนด้วยท่าทีสำนึกผิดอย่างยิ่ง
ฉินหงเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร เชี่ยนเชี่ยน ฉันไม่โทษเธอ ถ้าเป็นฉันก็คงจะทำแบบนี้เหมือนกัน”
“งั้นฉันไปก่อนนะไว้เราค่อยมาดื่มชาด้วยกัน”
ฉินหงเหยียนยังคงรักษามารยาทเอาไว้ ขณะชันตัวลุกขึ้นเดินหนีไป
ฉินหงเหยียนเดินออกจากตัวอาคารแล้วกลับมาที่รถ หล่อนไม่มีเวลามาคร่ำครวญอาลัย หญิงสาวรีบหยิบโทรศัพท์กดโทรหาคนอื่นทันที
หญิงสาวโลดแล่นในวงการธุรกิจเพียงคนเดียวมาร่วมเจ็ดปี แถมยังได้ดิบได้ดีจนเป็นผู้บริหารบริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยซ้ำ เส้นสายของหญิงสาวก็มีมากอยู่
ที่จริงแล้วบริษัทของเหวินเชี่ยนเชี่ยนไม่ใช่บริษัทที่ดีที่สุดที่หญิงสาวจะไปทำงาน
เพียงแต่เพราะว่าหล่อนเองรู้สึกว่าเข้ากันได้ดีกับเหวินเชี่ยนเชี่ยนเท่านั้นเอง ดังนั้นถึงได้เลือกที่นี่เป็นที่แรก
บริษัทการศึกษาออนไลน์เอย บริษัทแพลตฟอร์มดนตรี บริษัทบันเทิง หรือพวกบริษัททำคลิปในเทียนไห่ล้วนแต่เคยเชื้อเชิญหล่อนมาทำงานด้วยกัน
“คุณหวังก่อนนี้ที่คุณชวนฉันมาทำงานที่เทียนไห่ บอกว่าจะให้ฉันเป็นรองผู้บริหาร ตอนนี้ยังเชื่อได้อยู่ไหมคะ?”
“อื้มๆ ใช่ค่ะ ฉันมาที่เทียนไห่แล้ว คุณว่างตอนไหนคะ ฉันแวะไปคุยกับคุณหน่อยได้ไหม?”
ฉินหงเหยียนกดโทรหาบริษัทแพลตฟอร์มคลิปสั้นที่ชื่อชิงฉีก่อนเป็นที่แรก บริษัทนี้ก็เป็นบริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์
เพียงแต่สองปีมานี้ บริษัทประสบปัญหาขาดทุน เมื่อปีก่อนขาดทุนไปถึงหมื่นล้าน
แต่ฉินหงเหยียนรู้ว่าจากการที่บริษัททำนองนี้เหลือเพียงแค่สามแห่งเท่านั้น แล้วบริษัทที่ทำพวกคลิปสั้นในอินเตอร์เน็ตก็จะเพิ่มค่าสมาชิก รวมไปถึงเพิ่มการเก็บค่าบริการแล้วจะส่งผลให้บริษัทจะมีกำไรมหาศาลในอนาคตไม่ช้าก็เร็ว
บริษัทแห่งนี้จะยังมีอนาคตอีกไกล
เมื่อมาถึงตัวอาคารอันเป็นที่ตั้งศูนย์กลางอันเป็นที่ตั้งบริษัท หวังหลิน CEO ของบริษัทลงมาต้อนรับหญิงสาวด้วยตนเอง
“แย่แล้ว คุณฉิน จากกันเมื่อคราวก่อนผมเอาแต่เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้พบคุณอีกครั้ง? พูดจริงๆ นะครับเมื่อวานผมยังฝันถึงคุณอยู่เลย! ใครจะรู้เช้านี้คุณก็โทรหาผมพอดิบพอดี บอกว่าจะมาทำงานที่บริษัทผม ฮ่าๆ คุณว่านี่ถือว่าเป็นโชคชะตาหรือเปล่า?”
ฉินหงเหยียนและหวังหลินก่อนนี้เคยกินข้าวด้วยกันที่อวิ๋นโจว พวกเขารู้จักกันบนโต๊ะอาหาร
เพราะฉินหงเหยียนโดดเด่น แถมยังรู้จักวิธีเข้าหาเอาอกเอาใจพวกนักธุรกิจเหล่านี้ ดังนั้นหวังหลินจึงตกหลุมรักหญิงสาวทันทีหลังจากที่เจอกันครั้งแรก
ฉินหงเหยียนกล่าว “ใครว่าไม่ใช่ล่ะคะ คราวก่อนที่ทานข้าวด้วยกันฉันก็มีลางสังหรณ์แล้ว ว่าต้องมีวันใดวันหนึ่งที่ฉันจะได้เป็นลูกน้องให้คุณหวัง”
“ฮ่าๆ! ดี! ดี!”
หวังหลินหัวเราะอย่างเบิกบานใจ ต่อไปภายหน้าถ้ามีรองผู้บริหารหญิงแบบฉินหงเหยียน ต่อไปวันทำงานก็คงเบิกบานราวอยู่ในสวรรค์ก็ไม่ปาน?
“หงเหยียน ก่อนนี้คุณอยู่ที่หัวเซิ่ง ยังไงเสียก็ไม่ใช่บริษัทแพลลตฟอร์มออนไลน์ ผมคงต้องลองทดสอบดูก่อนว่าคุณมีความเข้าใจในแพลตฟอร์มคลิปสั้นขนาดไหนบ้าง!”
หวังหลินย่อมไม่เลือกคนมาทำงานแล้วให้มารับตำแหน่งที่สำคัญในบริษัท หากแบบนี้ลูกน้องอาจจะไม่นับถือได้
ฉินหงเหยียนย่อมไม่ใช่เป็นเพียงแจกันประดับ หล่อนคยดูงานมาหลายแขนง เข้าใจในพวกแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างดี
เจ็ดปีมานี้หญิงสาวก็เคยกินข้าวเสวนากับพวกหัวหน้าในสายงานพวกนี้มาก็มาก เรียนรู้อะไรมาไม่น้อย
หลังจากเสวนากันแล้ว หวังหลินก็ถอนหายใจ “คนที่ทั้งสวยทั้งเก่งแบบฉินหงเหยียน ทั้งเทียนไห่ก็ไม่ได้มีคนเดียว ยินดีต้อนรับๆ!”
“ผมจะรีบเรียกประชุมพวกผู้บริหารแล้วประกาศเรื่องนี้!”
“ขอบคุณค่ะคุณหวัง!”
แต่ใครจะรู้ ในเวลานี้เองจะมีชายวัยกลางคนมาเคาะประตูห้องทำงาน เมื่อเข้ามาแล้วก็กระซิบอะไรบางอย่างกับหวังหลิน
หลังจากที่เขาได้ยินแล้ว สีหน้ายินดีก็ค่อยๆ เลือนหายไป
หวังหลินบอกให้ชายวัยกลางคนออกไป จากนั้นก็จุดบุหรี่มวนหนึ่งแล้วถาม “หงเหยียนเอ้ย คุณไปล่วงเกินคนตระกูลหลิ่วเมื่อไหร่?”
ฉินหงเหยียนเดาได้ว่า เมื่อครู่ข่าวที่ชายวัยกลางคนนั้นคาบมาบอกเขาก็คือข่าวคราวจากตระกูลหลิ่ว
ฉินหงเหยียนประหลาดใจอย่างยิ่งตนเองเพิ่งมาถึงบริษัทชิงฉีน่าจะเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง
ทำไมหลิ่วอวี่เจ๋อถึงได้เข้ามาขวางตนเองอย่างรวดเร็วเช่นนี้?
“หลิ่วอวี่เจ๋อกำลังสะกดรอยตามฉัน!”
ฉินหงเหยียนนึกถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ขึ้นมา
นี่ถือเป็นการปิดทางฉินหงเหยียนไม่ให้ลืมตาอ้าปากในเทียนไห่ ไม่ว่าหล่อนจะไปบริษัทไหน หลิ่วอวี่เจ๋อจะหาวิธีการขัดขวางหญิงสาว
บริษัทแพลตฟอร์มคลิปสั้นชิงฉีเป็นถึงบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ ต้องเห็นแก่หน้าคนตระกูลหลิ่ว”
ฉินหงเหยียนหันมองหวังหลินแล้วกล่าว “คุณหวังอย่าบอกนะคะว่าคุณกลัวคนตระกูลหลิ่ว? ฉันไม่เคยล่วงเกินพวกเขา แต่เป็นพวกเขาเองที่จะหาเรื่องฉันให้ได้”
หวังหลินสูบบุหรี่พลางถอนหายใจ “เฮ้อ ขอโทษด้วยนะ คุณฉิน ผมจะไม่ไว้หน้าหลิ่วหย่วนหางไม่ได้ ไม่งั้นเอาแบบนี้ไหม คุณบอกผมหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจะช่วยดูให้ว่าจะช่วยเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ให้พวกคุณได้ไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
ฉินหงเหยียนรู้ดีว่าพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้โกรธแค้นตนเอง เขาทำแบบนี้เพียงเพราะตนเองเป็นแฟนของเย่เฉิน
พูดให้แน่ชัดก็คือวิธีแก้ไขเพียงทางเดียวก็คือเลิกกับเย่เฉิน
แต่ฉินหงเหยียนไม่มีทางทำเช่นนี้!
“รบกวนแล้วค่ะ คุณหวัง”
ฉินหงเหยียนออกจากบริษัทด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวอีกครั้ง
หลังจากนั้นฉินหงเหยียนก็กดโทรศัพท์อีกครั้ง แล้วไปสัมภาษณ์ที่บริษัทต่างๆ อีกหลายครั้ง
แต่ว่าไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม หลังจากที่ไปแล้วไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะมีคนโทรหาพวกเขา
พวกผู้บริหารที่เดิมหัวเราะอย่างเบิกบานใจนั้นก็มีสีหน้าเย็นชาทันที
จำเป็นต้องยอมรับว่าอิทธิพลของตระกูลหลิ่วที่เมียไห่ชักจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
สิบกว่าบริษัทที่ฉินหงเหยียนไปนั้น ทุกแห่งต่างก็หวาดกลัวตระกูลหลิ่ว!
ตอนห้าโมงเย็น ฉินหงเหยียนจอดรถไว้ที่ข้างถนน ทั้งตัวหญิงสาวอาบไปด้วยเหงื่อ เครื่องสำอางบนใบหน้าเลอะเทอะไปหมด เพราะเดินบนรองเท้าส้นสูงทั้งวัน เดินจนปวดเท้า บริเวณหลังเท้าเสียดสีจนเลือดออกไปหมด
แต่ที่น่าอนาถที่สุดเห็นจะเป็นจิตใจของหล่อน
ที่โดนปฏิเสธอยู่ตลอด จนรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถอยู่ที่เทียนไห่ได้แล้ว!
ฉินหงเหยียนนั่งอยู่หลังพวงมาลัย มือหนึ่งจุดบุหรี่ แล้วพิงศีรษะเข้ากับพวงมาลัยรถ
ก๊อกๆ
ทันใดนั้นเองรถเบนซ์คันหนึ่งจอดเข้าที่ด้านหน้ารถของหญิงสาว จากนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเคาะกระจกรถของหญิงสาว
เจ้าหล่อนลดกระจกลง แล้วก็เห็นเข้ากับหลิ่วอวี่เจ๋อ!
หลิ่วอวี่เจ่อยิ้มชั่วเมื่อเห็นฉินหงเหยียนมีท่าทีหมดอาลัยตายอยาก
“เป็นยังไงล่ะคุณฉินร้องไห้แล้วใช่ไหม? จุ๊ๆ คนสวยที่เย่อหยิ่งคิดว่าตัวเองเก่งหนักหนา วันนี้มีสภาพหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ ผมเห็นผมล่ะเจ็บหัวใจจังเลย”
ฉินหงเหยียนมองหลิ่วอวี่เจ๋อด้วยท่าทีไม่พอใจนัก อยากจะงาบเขาให้รู้แล้วรู้รอด!
หลิ่วอวี่เจ๋อโน้มตัวลงที่หน้าต่างรถ แล้วยื่นหน้าเข้าไปในรถอีกฝ่าย
“เป็นไงล่ะ คุณฉินคนสวย รับรู้ถึงอิทธิพลของผมแล้วสิ? ไร้ประโยชน์ ต่อให้คุณไปอีกกี่บริษัทก็ไร้ประโยชน์ ผมแค่กดโทรออกไปกริ๊งเดียว ต่อให้พวกเขาจ้างคุณแล้วก็สามารถไล่คุณออกได้ทันที!”
หลิ่วอวี่เจ๋อพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วฉวยโอกาสนี้จุมพิตหญิงสาว!
ในสายตาเขาวันนี้ฉินหงเหยียนโดนเขาทรมานจนหมดอาลัยอยากแล้ว ย่อมต้องรับรู้ถึงศักยภาพของตระกูล
ฉินหงเหยียนไม่กล้าปฏิเสธ!
ณ วิลลล่าเฝยชุ่ย
หวังเจียเหยานอนพลิกไปมากระสับกระส่ายบนเตียงใหม่ที่เพิ่งซื้อ ไม่ว่าอย่างไรก็นอนไม่หลับ
จึงตัดสินใจผุดลุกขึ้นมาในทันที ด้วยใบหน้าหมดอาลัยตายอยาก
หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนลุกขึ้นนั่งเช่นกันแล้วปลอบภรรยาสาว “ภรรยาที่รักของผมคุณเป็นอะไรไปครับ? นอนไม่หลับเหรอ?”
หวังเจียเหยาทำปากยื่น ถึงแม้ว่ากำลังจะแต่งงานเป็นครั้งที่สาม อีกทั้งยังกำลังจะเป็นแม่คนแล้ว แต่ท่าทางของหญิงสาวก็ยังดูใสซื่อบริสุทธิ์อยู่
หวังเจียเหยากล่าว “ก็ข้างบ้านเราน่ะสิเสียงดังหนวกหู! ที่บ้านของฉินหงเหยียนมีคนมาเยอะเลย แค่คิดว่าพวกเขากำลังดื่มเหล้ากันอย่างมีความสุขฉันก็หงุดหงิดแล้ว เขามีสิทธิ์อะไร? เย่เฉินนอนกับน้องสาวฉัน แถมตอนนี้ยังจะไปเกาะแกะอยู่กับฉินหงเหยียน เขาเปลี่ยนผู้หญิงมาสามคนในเวลาไม่ถึงเดือน!”
ช่วงนี้หวังเจียเหยามีแค่เย่เฉินกับหลิ่วอวี่เจ๋อ แต่เย่เฉินได้นอนกับผู้หญิงมากกว่าหล่อน ทำให้หล่อนรู้สึกเสียเปรียบชายหนุ่ม
หลิ่วอวี่เจ๋อชะงักไป ที่นี่เป็นวิลล่าส่วนตัว ไม่เหมือนห้องเป็นตัวตึก ที่มักจะมีปัญหาเสียงดังเล็ดลอดออกมาจากด้านบนหรือด้านล่าง
อย่างน้อยๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร
“ผมไปคุยกับพวกเขาให้!”
ในตอนที่หลิ่วอวี่เจ๋อกำลังชันตัวลุกขึ้นนั้นเอง หวังเจียเหยาก็รั้งแขนเขาเอาไว้ “เอ้อ ที่รักคะ คุณไม่ต้องไปหรอก”
หวังเจียเหยากลัวว่าเดี๋ยวถ้าเขาไปมีเรื่องวิวาทกับเย่เฉินแล้วจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
หวังเจียเหยากล่าว “ฉินหงเหยียนมีเพื่อนที่เทียนไห่เยอะเลยใช่ไหมคะ? วันนี้หล่อนเพิ่งซื้อบ้านก็มีคนมากินเลี้ยงที่บ้านเยอะเลย แล้วฉันเห็นรถของพวกเขาหรูหรากันทุกคันเลย”
หลิวอวี่เจ๋อหัวเราะเสียงแผ่ว “คงงั้นล่ะมั้ง แต่ว่าเส้นสายน้อยนิดของหล่อนจะเทียบอะไรได้กับเส้นสายของคนตระกูลหลิ่วของผมในเทียนไห่ อีกอย่างผมก็ส่งคนไปสืบทะเบียนของรถพวกนั้นที่เพิ่งขับมาแล้ว เดี๋ยวเราก็รู้แล้วว่าพวกเขาเป็นใคร
ที่รักคุณหลับเถอะ คุณสบายใจได้ ฉินหงเหยียนกับเย่เฉินกล้าทำแบบนี้กับพวกเรา ผมไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาได้เสวยสุขในเทียนไห่แน่!”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงหลิ่วอวี่เจ๋อก็ได้รับสาย
“เพิ่งสืบเจอครับ พี่อวี่เจ๋อ รถพอร์ชสีชมพูคนนั้นเป็นรถของเหวินเชี่ยนเชี่ยนเจ้าของบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงามเหวินเชี่ยน ส่วนรถคันอื่นๆ ก็เป็นรถของพนักงานในบริษัท”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะ “ที่แท้ก็บริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่เหม่ยฉีเป็นพรีเซนเตอร์นี่เอง”
บริษัทนี้เพิ่งมามีเชื่อเสียงเล็กๆ น้อยๆ จากเหตุผลบางอย่าง หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็พอรู้มา
ทว่าจากท่าทีของเขาก็พอจะเดาออกว่าเขาไม่เห็นบริษัทของเหวินเชี่ยนเชี่ยนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
ห้าทุ่มครึ่ง
พวกเหวินเชี่ยนเชี่ยนเดินออกมาจากวิลล่าของฉินหงเหยียนและเย่เฉิน โดยที่เจ้าบ้านสองคนก็ออกมาส่งหล่อนที่ประตู
“บ๊ายบาย หงเหยียน เจอกันที่บริษัทพรุ่งนี้นะ”
“บ๊ายบายครับ คุณฉิน”
พวกเหวินเชี่ยนเชี่ยนโบกมือลาฉินหงเหยียน จากนั้นก็ขับรถออกไปจากวิลล่าเฝยชุ่ย
ทว่าหล่อนเพิ่งขับออกจากวิลล่ามาได้ไม่ไกลเท่าไรห่นัก ก็มีรถเบนซ์ G-class ปาดให้รถพอร์ชนของหญิงสาวต้องหยุดลง
“ใครเนี่ย ขับรถเป็นหรือเปล่า!”
เพราะดื่มเหล้า ทำให้เหวินเชี่ยนเชี่ยนที่นั่งบริเวณข้างคนขับ สบถด่าคนขับรถเบนซ์ไป
กระจกฝั่งคนขับของรถเบนซ์ค่อยๆ ลดลงแล้วใบหน้าเหล่าอ่อนวัยก็ปรากฏขึ้น “เหวินเชี่ยนเชี่ยนใช่ไหม? ช่วยจอดแอบข้างทางแล้วคุยกันหน่อยสิ”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนเองก็รู้สึกว่าชายคนนี้หน้าคุ้นๆ บวกกับฝั่งหญิงสาวเองก็มีคนมากกว่า มากันตั้งหลายคันรถจึงไม่กลัวฝ่ายตรงข้าม
ดังนั้นรถของเหวินเชี่ยนเชี่ยนและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็จอดแอบที่บริเวณข้างทางแล้วเปิดไฟขอทางเอาไว้
เหวินเชี่ยนเชี่ยนจิกรองเท้าส้นสูงแล้วเดินมาอย่างวางมาดก่อจะถาม “คุณคือใคร? รู้จักฉันได้ยังไง?”
หลิ่วอวี่เจ๋อก็จอดรถเช่นกัน เขาจุดบุหรี่แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ว่าง่ายดีนี่ ผมหลิ่วอวี่เจ๋อ บริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสคือธุรกิจของที่บ้านผมเอง”
“ชุนเฟิงเอ็กซ์เพรส! ตระกูลหลิ่ว!”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนมีท่าทีตื่นตระหนกทันที!
เทียนไห่เป็นสถานที่ที่มีพยัคฆ์ซ่อนมังกรหมอบ บวกกับหลิ่วอวี่เจ๋อขับรถหรูหรา ดังนั้นถึงหลิ่วอวี่เจ๋อจะขับรถปาดหน้าหญิงสาว หล่อนก็ไม่สบถ ด้วยเกรงว่าถ้าไม่ระวังจะไปเผลอเรอไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตเข้า
ได้ยินหลิ่วอวี่เจ๋อประกาศกร้าวถึงพื้นฐานครอบครัว เหวินเชี่ยนเชี่ยนก็ตกใจ
ทำธุรกิจอยู่ที่เทียนไห่ ใครจะไม่รู้จักตระกูลหลิ่วที่มีทรัพย์สินรวมแสนล้านกันล่ะ?
ต่อให้เป็นคนธรรมดา ก็ต้องรู้จักบริษัทขนส่งลำดับหนึ่งในประเทศตอนนี้บริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรส!
เหวินเชี่ยนเชี่ยนฉีกยิ้มทันที “มิน่าฉันก็ว่าทำไมคุณหน้าคุ้นจังเลย ที่แท้ก็คุณชายหลิ่วนี่เอง คุณมาพบฉันเพราะอยากรู้จักฉันหรือไง? มาสิ มาพวกเรามาเพิ่มเพื่อนในวีแชทกัน”
หลิ่วอวี่เจ๋อยื่นมือออกมาปฏิเสธ “คุณเหวินผมอยากจะถามคุณว่า คุณเป็นอะไรกับฉินหงเหยียน?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนตอบตามความจริง “พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน หล่อนเพิ่งมาเทียนไห่นี่เอง ตอนนี้เป็นรองผู้บริหารของบริษัทฉันเอง”
“อย่าบอกนะว่าคุณหลิ่วเองก็ชอบฉินหงเหยียนเข้าน่ะ? เสียดายจริงๆ หล่อนมีแฟนแล้ว”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าหลิ่วอวี่เจ๋อแอบชอบฉินหงเหยียนดังนั้นจึงมาหาหล่อนเพื่อขอให้ตนเองเป็นแม่สื่อให้เขา
อย่างไรเสียฉินหงเหยียนเองก็สะสวยโดดเด่น เป็นสเป็คของนักธุรกิจพวกนี้อยู่เหมือนกัน
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ผมไม่ชอบฉินหงเหยียนที่สุดแล้ว ดังนั้นถึงได้หวังว่าบริษัทคุณจะไม่จ้างหล่อน”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนกล่าวอย่างลำบากใจ “จะทำอย่างนี้ได้ยังไง? หล่อนร่วมลงทุนกับฉันไปแล้ว อีกทั้งฉันเป็นคนเชื้อเชิญหล่อนมาที่เทียนไห่เอง…”
หลิ่วอวี่เจ๋อแค่นเสียง “ถ้าหากว่าคุณไม่ไล่หล่อนออก ผมจะใช้อำนาจของตระกูลผมเล่นงานคุณ คุณคิดว่าถ้าโดนที่บ้านผมหาเรื่องล่ะก็ บริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงามอย่างคุณจะอยู่ในเทียนไห่รอดอีกหรอ?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนกัดริมฝีปาก หล่อนย่อมต้องรู้ถึงศักยภาพของตระกูลหลิ่วดีอยู่แล้ว!
ถ้าหากว่าตระกูลหลิ่วจะหาเรื่องหล่อนจริงๆ บริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงามเหวินเชี่ยนสิบแห่งก็ไม่พอให้พวกเขาล้มหรอก!
เหวินเชี่ยนเชี่ยนหันไปมองหลิ่วอวี่เจ๋อ “คุณเป็นคนตระกูลหลิ่วจริงเหรอ?”
มีคนโผล่มาขวางที่กลางถนน บอกให้หญิงสาวทอดทิ้งเพื่อนสนิทตนเอง ไม่ว่ายังไงหญิงสาวก็ทำไม่ลง
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะน้อยๆ “เหม่ยฉีเป็นพรีเซนเตอร์ลิปสติกของคุณใช่ไหม? ผมมีอะไรจะให้คุณดู”
หลิ่วอวี่เจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วหารูปถ่ายในภาพส่วนตัว จากนั้นก็ส่งให้เหวินเชี่ยนเชี่ยนดู
เมื่อเหวินเชี่ยนเชี่ยนเห็นแล้วก็ตกใจทันที!
ในภาพนั้นเป็นรูปภาพของหลิ่วอวี่เจ๋อและเหม่ยฉีจุมพิตกันในโรงแรม!
เหม่ยฉีเป็นไอดอลที่กำลังโด่งดัง ถ้าหากว่าภาพนั้นหลุดออกมาล่ะก็ คงจะทำให้เวยป๋อลุกเป็นไฟแน่!
“เชื่อหรือยังล่ะ?” หลิ่วอวี่เจ๋อยิ้มเจ้าเล่ห์
“เชื่อแล้ว เชื่อแล้ว!”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนไม่กล้าสงสัยในสถานะของชายคนตรงหน้าอีก
หลับนอนกับดารา แถมยังถ่ายภาพหนำซ้ำไม่ปล่อยภาพหลุดแบบนี้ จะต้องเป็นคุณชายที่ร่ำรวยสักคนแน่ๆ
หลิ่วอวี่เจ๋อเคยนอนกับดารามามากมาย เหม่ยฉีเป็นแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้นเอง
……
วันถัดมาฉินหงเหยียนก็ขับรถมาทำงานที่บริษัทเหวินเชี่ยนเขี่ยนอย่างอารมณ์ดี
วันนี้เป็นวันแรกที่หล่อนเริ่มทำงานที่เทียนไห่ แล้วเจ้าหล่อนยังซื้ออาหารเช้าและของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้เพื่อนร่วมงานด้วย
หลังจากแจกของขวัญพวกนี้แล้ว ฉินหงเหยียนก็ไปที่ห้องทำงานของเหวินเชี่ยนเชี่ยน
“คุณเหวินห้องทำงานฉันอยู่ที่ไหน?” ฉินหงเหยียนถามด้วยรอยยิ้ม
ใครจะรู้เหวินเชี่ยนเชี่ยนนั่งบนเก้าอี้ ใบหน้าหญิงสาวฉายแววลำบากใจ พูดอะไรไม่ออก
ทันใดนั้นเองเหวินเชี่ยนเชี่ยนก็ยื่นบัตรธนาคารที่ฉินหงเหยียนให้หล่อนเมื่อวาน “หงเหยียน ฉันยังไม่ได้แตะต้องเงินพวกนี้เลย เธอเก็บกลับไปเถอะ”
ฉินหงเหยียนงุนงง “ทำไมล่ะ? เงินน้อยไปเหรอ? งั้นฉันลงทุนอีกร้อยล้าน ยังไงเสียฉันก็มั่นใจในบริษัทของเรา”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนทอดถอนใจ แล้วกล่าวด้วยใบห้าลำบากใจ “ขอโทษด้วยนะหงเหยียน ฉันคงจะทำงานกับเธอไม่ได้แล้ว เธอทำงานที่บริษัทเราไม่ได้แล้วล่ะ!”

ถึงแม้ว่าซ่งหงเย่จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ใครก็ฟังออกว่าหญิงสาวกำลังด่าเย่เฉิน

เย่เฉินที่เดิมจะเดินออกจากร้าน ชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อได้เช่นนี้

เขารู้ว่าซ่งหงเย่กำลังหาเรื่องเขา หวังเจียเหยาเพิ่งตั้งท้องได้สองเดือน อย่างน้อยๆ กว่าเด็กจะคลอดก็ปาเข้าไปตั้งปีหน้า

ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อเตียงเด็กอ่อนในตอนนี้!

แต่หวังเจียเหยากลับไม่คิดแบบนั้น หล่อนกล่าวเสียงเย็น  ฉันไม่หวังอะไรกับผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินหรอก ฮึ หลิ่วอวี่เจ๋อของฉันจะซื้อให้ลูกของเราใช่ไหมคะที่รัก? 

หลิ่วอวี่เจ๋อ  ของมันแน่อยู่แล้ว 

หวังเจียเหยากล่าว  เตียงเด็กอ่อนอยู่ชั้นบนไม่ใช่เหรอคะ? พวกเราไปดูเตียงเด็กอ่อนกันก่อนดีกว่าแล้วค่อยมาดูเตียงเราสองคน 

หลิ่วอวี่เจ๋อพยักหน้ารับ จากนั้นก็เดินไปพูดกับเซลล์  เธอไม่ต้องตามมาแล้ว 

บทสนทนาของคนพวกนี้มีรายละเอียดลึกๆ มากเกินไป หลิ่วอวี่เจ๋อกลัวว่าเซลล์ที่นี่จะรู้มากไปแล้วจะส่งผลเสียกับเขา

ทั้งสามคนค่อยๆ เดินขึ้นไปด้านบนเพื่อเลือกซื้อเตียงเด็กอ่อนให้ลูกของเย่เฉิน

เย่เฉินยืนที่เดิม ถ้าหากเขาไปตอนนี้แล้วก็จะดูเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรเสียเขาต่างหากที่เป็นพ่อของเด็ก เรื่องซื้อเตียงให้ลูกนั้นควรเป็นหน้าที่เขา

ฉินหงเหยียนพอจะเข้าใจอารมณ์ของชายหนุ่มจึงกล่าว  เย่เฉิน คุณขึ้นไปด้านบนเถอะค่ะ เงินที่จะซื้อเตียงเด็กอ่อนฉันออกให้ เดี๋ยวจะโอนให้คุณเลยแสนหยวน 

เย่เฉินกุมมือของหญิงสาวแล้วตอบ  ขอบคุณนะครับหงเหยียน แต่ยังพอมีเงินนิดหน่อย เตียงเด็กอ่อนคงไม่แพงมาก คุณไม่ต้องโอนเงินให้ผมหรอกนะถ้าผมต้องใช้เงินเดี๋ยวผมจะมาหาคุณอีกที 

 อื้ม งั้นฉันรอคุณที่นี่นะคะ 

ดังนั้นเย่เฉินถึงได้ค่อยๆ เดินขึ้นไปด้านบน

ทั้งสามคนเห็นเย่เฉินเดินขึ้นมาด้านบนก็กวาดตามองเขาโดยไม่ได้นัดหมาย

เย่เฉินเดินไปหาหวังเจียเหยา  คุณเลือกเตียงเด็กอ่อนสิ ผมจ่ายเอง 

หลังจากที่ทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้นก็ยังไม่สนใจเย่เฉิน

ซ่งหงเย่เห็นเตียงสีขาวขนาดเล็ก ก็เดินไปดูอย่างอารมณ์ดี  เจียเหยาเธอดูเตียงเด็กอ่อนหลังนี้สิ น่ารักจังเลย เด็กน้อยนอนอยู่ในนี้คงต้องสบายมากแน่ 

หวังเจียเหยาเองก็ชอบมากเช่นกัน เตียงเด็กอ่อนเป็นของชิ้นเล็กๆ หญิงสาวจึงชอบทุกหลัง

หวังเจียเหยาลูบท้องแล้วถาม  ลูกจ๋า ลูกชอบไหมจัะ? 

ใครจะรู้ว่าในวินาทีต่อมา หวังเจียเหยาก็อุทานอย่างประหลาดใจ  สวรรค์! ลูกตอบฉันแล้ว! ลูกดิ้นแล้ว! 

 จริงเหรอ? จริงเหรอ? ไหนขอฉันฟังหน่อย 

ซ่งหงเย่รีบร้อนค้อมตัวลงไปแนบหูเข้าที่ท้องเพื่อนสนิท  จริงด้วย! ดิ้นแล้วเหมือนกำลังบอกว่าหนูชอบเลย! 

หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็ตื่นเต้น  ไหนผมขอฟังหน่อย 

เขาแนบหูเข้ากับท้องของหวังเจียเหยาพลางพูด  ลูกจ๋า! เรียกพ่อเร็ว! 

หลังจากเย่เฉินได้ยินเขาก็ไม่พอใจอย่างมาก นั่นมันลูกของฉันนายมีสิทธิ์อะไรให้ลูกของฉันเรียกนายว่าพ่อ!

เย่เฉินก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังแสดงละครอยู่ เด็กเพิ่งอายุครรภ์สองเดือน จะดิ้นได้ยังไง!

เย่เฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวกับพวกเขาสามคน  พวกคุณเลิกแสดงละครได้แล้ว เด็กอายุครรภ์สองเดือนยังดิ้นไม่ได้ อย่างน้อยๆ ต้องสามสี่เดือนนู่น ผมไม่มีใบปริญญา ไม่ได้แปลว่าผมไม่เคยเรียนหนังสือ! 

เย่เฉินคิดว่าที่พวกเขาสามคนทำแบบนี้ก็เพราะจงใจจะยั่วยุเขา ล่อลวงให้เขาอยากไปฟังด้วยเหมือนกัน

แต่ใครจะรู้ซ่งหงเย่กลับหัวเราะเจ้าเล่ห์  นายรู้ได้ยังไงว่าเด็กไม่ได้อายุครรภ์สามสี่เดือนแล้ว? 

หวังเจียเหยาตื่นตระหนก คิดไม่ถึงว่าบนใบหน้าเจ้าหล่อนก็ผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา!

เย่เฉินหัวเสีย เขาและหวังเจียเหยาตั้งใจจะมีลูกกันมันเพิ่งเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาชัดๆ ทำไมถึงท้องสามสี่เดือนได้!

เย่เฉินเดินย่างสามขุมไปหาหลิ่วอวิ่นเจ๋ออย่างหาเรื่อง

หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะเจ้าเล่ห์แล้วยกมือสองข้างขึ้นมาด้วยท่าทีใสซื่อ  อย่ามามองฉัน เมื่อสี่เดือนก่อนฉันยังไม่รู้จักกับเจียเหยาเลย ยังไงเด็กก็ไม่ใช่ลูกฉัน ส่วนลูกใครฉันไม่สนใจ ฮ่าๆ เพราะคนที่ฉันรักคือเจียเหยา 

เขาแม่งมีลูกไม่ได้ย่อมไม่สนใจว่าเด็กในท้องหญิงสาวจะลูกใคร!

แต่ฉันสนใจ!

เย่เฉินระเบิดโทสะออกมา เขาเดินไปหาซ่งหงเย่แล้วคว้าข้อมืออีกฝ่าย ก่อนจะออกแรงบีบแล้วถาม

 ซ่งหงเย่ คุณพูดมาให้ชัดเจนเลยนะ! เรื่องลูกของหวังเจียเหยามันเป็นมายังไงกันแน่! ใช่ลูกฟางเชาหรือเปล่า? เป็นความคิดชั่วๆ ของคุณอีกแล้วใช่ไหม! 

ซ่งหงเย่ก่อกรรมทำชั่วกับเขามามากทั้งเรื่องฟางเชาและหลิ่วอวี่เจ๋อก็ฝีมือหล่อนทั้งนั้น หวังเจียเหยาถึงได้ไปอยู่กับพวกเขา

 โอ้ย ฉันเจ็บนะ นายปล่อยมือเลย! เรื่องของนายกับหวังเจียเหยานายก็ไปถามเองสิ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง! 

ซ่งหงเย่เป็นแค่ผู้หญิงบอบบางย่อมต้องทนแรงของเย่เฉินไม่ไหว

หวังเจียเหยารีบร้อนก้าวขึ้นมา มือนวลเนียนของหญิงสาวสัมผัสมือเขาแล้วกล่าว

 เย่เฉิน ปล่อยหล่อนเถอะ หล่อนแค่ล้อเล่นเฉยๆ ต้องเป็นลูกนายอยู่แล้ว นายลืมไปแล้วหรอ? ตอนที่พวกเราอยากมีลูกกันเราตรวจครรภ์ทุกเช้าเลย ตั้งหลายวันกว่าจะติด! 

เย่เฉินค่อยๆ คลายมือที่จับข้อมือซ่งหงเย่ แล้วหันมองหวังเจียเหยา  คุณไม่ได้หลอกผมใช่ไหม? 

ใบหน้าหวังเจียเหยาอ่อนหวานเหมือนตอนที่พวกเขาสองคนเพิ่งแต่งงานกันไม่มีผิดเพี้ยน มือขาวนวลของหญิงสาวดึงมือของเย่เฉินมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกซึ้ง  แน่นอนสิ ฉันจะหลอกนายทำไม หงเย่โกรธนายเพราะเรื่องที่เธอต้องหย่ากับสามี เลยพูดจาเหลวไหล ถ้านายไม่เชื่อฉัน ก็ลองเอาหูแนบท้องฉันดูสิ ว่าเด็กดิ้นไหม เมื่อครู่พวกเราหลอกนายเฉยๆ 

เย่เฉินหลุบสายตามองท้องที่ยังไม่นูนป่องของหวังเจียเหยา ใจจริงเขาอยากทำแบบนั้นเพราะในท้องของหล่อนมันลูกของเขา!

แต่พอคิดได้ว่าตนเองมีแฟนแล้ว หนำซ้ำสามีของหวังเจียเหยาก็อยู่ด้วย เขาจึงไม่ทำแบบนั้น

เย่เฉินปล่อยมือซ่งหงเย่  คุณเลิกพูดเลอะเทอะได้แล้ว ซ่งหงเย่ คุณน่าจะดีใจนะที่เจิ้งปินยกรถกับบ้านให้คุณ หวังว่าชีวิตแต่งงานคราวหน้าของคุณ คุณจะไม่สร้างเรื่องให้คนดีๆ ล่ะ! 

พูดจบเย่เฉินก็ชี้ไปที่เตียงเด็กอ่อนตรงหน้า  ชอบเตียงหลังนี้ใช่ไหม? เดี๋ยวผมจะลงไปจ่ายเงิน 

เย่เฉินหัวเสีย เขาคว้าเตียงเด็กอ่อนแล้วเดินลงไปจ่ายเงิน

 นิสัยแบบนี้น่ารำคาญจริงๆ!  หวังเจียเหยาโกรธจนกระทืบพื้นเร่าๆ  ได้ยินมาว่าตอนที่เจิ้งปินจับได้ว่าซ่งหงเย่มีอะไรกับฝรั่งนั่น เขาไม่มีท่าทีโกรธเลยสักนิดแต่กลับนั่งสูบบุหรี่รออยู่ด้านนอก เย่เฉินคนนี้เอาแต่ใช้กำลัง ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นเลย! 

หลิ่วอวี่เจ๋อที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ไม่พูดไม่จา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอยากจะใช้วิธีการต่ำช้าเอาคืนเย่เฉิน เขาก็ไม่มีทางแต่งงานกับผู้หญิงที่ตรรกะบิดเบี้ยวอย่างหวังเจียเหยาหรอก!

หลังจากเดินลงไปจ่ายเงินด้านล่างแล้ว เย่เฉินก็ทิ้งเตียงเด็กอ่อนเอาไว้ แล้วออกจากร้านไปกับฉินหงเหยียน

เมื่อกลับขึ้นไปบนรถ เย่เฉินก็รีบปรับอารมณ์ตนเองแล้วกลับไปที่วิลล่าเฝยชุ่ยกับแฟนสาวของตนเองอย่างมีความสุข

วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเขามาถึงเทียนไห่ พวกเขาจะตั้งรกรากกันที่นี่ จะลงหลักปักฐานกันที่นี่

และอาจจะแต่งงานมีลูกกันที่นี่

แค่ผู้หญิงสารเลวเล่นชู้คนหนึ่งไม่คู่ควรให้เขาต้องมาเสียอารมณ์ด้วย!

ตอนกลางคืนเหวินเชี่ยนเชี่ยนและผู้จัดการแผนกสำคัญๆ ในบริษัทต่างก็มาที่วิลล่าเฝยชุ่ย เพื่อฉลองขึ้นบ้านใหม่ให้ฉินหงเหยียน

ที่นี่มีงานเลี้ยงครึกครื้น แต่หวังเจียเหยาที่อยู่ในบ้านอีกหลังกลับกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ

 

เย่เฉินและฉินหงเหยียนไม่เพียงแต่อยู่ในวิลล่าเฝยชุ่ยเหมือนสองคนนั้น แต่วิลล่าของพวกเขาสองคนยังอยู่ข้างกันอีก
ทั้งสี่คนกลายเป็นเพื่อนบ้านกัน!
หลิ่วอวี่เจ๋อถามเย่เฉิน “เย่เฉิน! นายจงใจซื้อบ้านข้างๆ ฉันล่ะสิ! นายตั้งใจจะทำอะไร! นายยังชอบเจียเหยาอยู่ใช่ไหม คิดจะฉวยโอกาสตอนที่ฉันไม่อยู่ไปยั่วยวนเมียฉันล่ะสิ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อลนลาน ก่อนหน้านี้เย่เฉินและเขามีเรื่องกันใหญ่โต จึงไม่สามารถตัดความน่าจะเป็นที่อีกฝ่ายจะตามสืบเรื่องเขา
แต่เย่เฉินไม่เคยเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตามาก่อนดังนั้นเขาถึงไม่เคยตามสืบว่าอีกฝ่ายบ้านอยู่ไหน
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นศัตรูกันแล้วยังต้องมาเจอหน้ากัน ไม่เพียงเท่านั้นยังอาศัยอยู่ในเขตวิลล่าเดียวกันหนำซ้ำยังเป็นเพื่อนบ้านกันอีก
พอได้ยินหลิ่วอวี่เจ๋อพูดแบบนี้ หวังเจียเหยาก็ตัวแข็งไป
“หรือว่าเย่เฉินจงใจเลือกซื้อบ้านหลังข้างๆ ฉัน? คิกคิก ต่อให้ฉันทำผิดต่อเขาแต่หมอนี่ก็น่าจะยัง”
หวังเจียเหยารู้ว่าเย่เฉินเป็นคนรักใครรักจริง ในใจลึกๆ ก็หวังว่าเย่เฉินจะชอบตนเองอยู่
เดิมทีเจ้าหล่อนก็ชอบเป็นเจ้าหญิงให้พวกผู้ชายทะนุถนอม ผู้ชายคนเดียวไม่เพียงพอต่อความทะเยอะทะยานของตนเอง ไม่เพียงพอจริงๆ
และในเวลานี้เองฉินหงเหยียนจึงเปิดปากเอ่ย “ฉันเป็นคนเลือกวิลล่าเฝยชุ่ยเองไม่เกี่ยอวะไรกับเย่เฉิน พวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกคุณสองคนอาศัยอยู่กันที่ไหน ถ้ารู้ล่ะก็ต่อให้พวกคุณขอร้องอ้อนวอนพวกเราก็ไม่ไปซื้อบ้านที่นั้นหรอก”
คำพูดนี้ของฉินหงเหยียนทำให้ความลิงโลดในใจของหวังเจียเหยาหายวับไปในพริบตา
แต่ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อก็ยังไม่วางใจ ภรรยาของตนเองอยู่ใกล้กับสามีเก่าขนาดนั้น เกิดวันไหนถ่านไฟเก่าเกิดคุขึ้นมาจะทำอย่างไร?
หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคนที่รักหน้าตัวเองอย่างมาก เขาเคยสวมเขาให้คนอื่นแต่ไม่ยอมให้คนอื่นสวมเขาให้ตนเอง!
จู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็เกิดกังวลใจขึ้นมาแล้วถามเย่เฉินอีกครั้ง “เย่เฉิน วันมะรืนฉันกับหวังเจียเหยาจะแต่งงานกัน แล้วนายก็มาเทียนไห่พอดีแถมยังอยู่วิลล่าใกล้ๆ พวกเราขนาดนั้น เขาคงจะไม่ได้มาพังงานแต่งของพวกเราใช่ไหม? ฉันขอบอกนายไว้เลยนะว่าฉันไม่เชิญนายไปร่วมงานแต่งแน่!”
พวกเพื่อนๆ ของหลิ่วอวี่เจ๋อรู้จักหวังเจียเหยากันหมดแล้ว พวกเขายังชมว่าหญิงสาวเป็นคนสวยอีกด้วย
แต่หลิ่วอวี่เจ๋อปกปิดเรื่องที่หวังเจียเหยาเคยแต่งงานมาก่อน เขากลัวว่าเย่เฉินจะไปแฉเรื่องนี้ที่งาน
หวังเจียเหยาเองก็เหมือนจะรู้ใจว่าที่สามีว่าตนเองกังวลอะไร จึงกล่าวกับเย่เฉิน “นายมานี่หน่อย”
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนหวังเจียเหยาเรียกให้เขาเดินไปหา เขาก็คงไปแล้ว
แต่ตอนนี้เย่เฉินเป็นแฟนของฉินหงเหยียน เขาไม่มีทางว่าง่ายเชื่อฟังคำพูดของหวังเจียเหยาแบบนี้
เย่เฉินมองฉินหงเหยียน ถ้าแฟนสาวของเขาอนุญาตเขาอาจจะพอรับมาพิจารณาได้
หวังเจียเหยากล่าวด้วยโทสะ “ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย! บอกให้แฟนนายสบายใจเถอะน่า ฉันไม่พลอดรักอะไรกับนายหรอก!”
ฉินหงเหยียนพอจะมองออกว่าอีกฝ่ายมีความลับบางอย่างจะพูด โดยไม่อยากให้หล่อนได้ยิน จึงหันไปกล่าวกับแฟนหนุ่ม “คุณไปเถอะค่ะ”
“อื้ม”
เย่เฉินเดินไปแล้วพวกเขาสองคนก็หลบไปอีกทาง
หวังเจียเหยากล่าวถาม “นายมาที่เทียนไห่ทำไม? จะเหมือนคราวก่อนที่ฉันแต่งงานกับฟางเชาใช่ไหม? ที่นายมาหาเรื่องถล่มงานแต่งของฉันทำให้ตระกูลหวังขายหน้า เพื่อล้างแค้นฉันให้ตัวเองสะใจใช่ไหม?”
เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “ผมไม่ได้ไร้สาระแบบนั้นหรอก ไม่เคยคิดจะล้างแค้นคุณ แล้วยิ่งไม่กว่านั้นผมไม่เคยคิดจะไปร่วมงานแต่งงานของพวกคุณด้วยซ้ำไป ถ้าหากไม่ได้ยินจากปากพวกคุณ ผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกคุณจะแต่งงานกันวันมะรืน แต่ก็นะ ผมล่ะนับถือคุณจริงๆ เลย เพิ่งหย่ากับผมก็ไปแต่งเข้าตระกูลเศรษฐีที่ร่ำรวยได้รวดเร็วแบบนี้ แถมยังหอบลูกในท้องของผมไปด้วย”
หวังเจียเหยากดเสียงเบาราวกระซิบ “เพื่อนของหลิ่วอวี่เจ๋อและครอบครัวของเขา ไม่มีใครรู้ว่าฉันเคยแต่งงานมาก่อน และไม่รู้เรื่องที่ฉันท้องด้วย ถ้าหากว่าตั้งใจจะทำให้สามีฉันขายหน้ากลางงานแต่งงานล่ะก็ ฉันขอแนะนำว่าอย่าดีกว่า! อย่างไรเสียเราก็เคยเป็นสามีภรรยามาสามปี นายอย่าตัดรอนกันนักเลย!”
เย่เฉินพูดไม่ออก “ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย ผมไม่มีทางไปที่งานแต่งงานของพวกคุณ ผมเห็นคุณใส่ชุดเจ้าสาว แล้วพูดคำสาบานรักพวกนั้นแล้วมันขยะแขยง!”
“นาย…”
หวังเจียเหยาง้างมือขึ้นอยากตบหน้าอีกฝ่าย
แต่หล่อนก็คิดได้ว่าตนเองไม่ใช่ภรรยาของเขาอีกต่อไป ไม่มีคุณสมบัติจะไปตบตีเขาอีก
อีกทั้งฉินหงเหยียนก็อยู่ที่นี่ หล่อนเกรงว่าเกิดตนเองพลั้งมือไปตบเย่เฉิน ฉินหงเหยียนจะเดินมาสวนตนเองแทนชายหนุ่ม
หล่อนออกจะกลัวหญิงสาวคนนี้อยู่เล็กน้อย!
“ก็ได้ ขอแค่นายไม่ทำงานแต่งฉันพังก็เป็นอันใช้ได้!”
หวังเจียเหยากล่าว
และในเวลานี้เอง จู่ๆ เสียงคุ้นหูของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น
“เจียเหยาเธออยู่ที่นี่ไหม?”
เย่เฉินและพวกหวังเจียเหยาหันไปมองพร้อมกัน นั่นมันซ่งหงเย่นี่นา!
ซ่งหงเย่เป็นเพื่อนสนิทของหวังเจียเหยา ในวันที่หญิงสาวแต่งงาน ซ่งหงเย่ย่อมต้องมาก่อนวันงาน
ซ่งหงเย่เองก็เพิ่งจะขับรถมาถึงเทียนไห่ หวังเจียเหยาส่งที่อยู่ให้หญิงสาวบอกว่ามาซื้อเตียงที่นี่ ซ่งหงเย่จึงขับรถตรงมาหาหญิงสาวที่นี่ทันที
แต่หลังจากที่ซ่งหงเย่เดินไปแล้ว เห็นเย่เฉินกับหวังเจียเหยาอยู่ด้วยกัน ส่วนหลิ่วอวี่เจ๋อและฉินหงเหยียนยืนอยู่ด้วยกัน ก็ยืนนิ่งงันอย่างงุนงง
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น? เธอกับเย่เฉิน…อยู่ด้วยกันได้ยังไง?”
หวังเจียเหยารีบร้อนเดินไปหาเพื่อนสนิทแล้วกล่าวกับอีกฝ่าย “อ้อฉันกับสามีมาซื้อของแล้วบังเอิญเจอพวกเขาเข้า”
“อ๋อ ฉันตกใจหมดเลย”
ซ่งหงเย่ยังคิดว่าหวังเจียเหยา จะโง่กลับไปคืนดีกับเย่เฉินอีกรอบแล้วแอบนัดเขามาเดท จากนั้นก็โดนหลิ่วอวี่เจ๋อจับได้
เย่เฉินเห็นซ่งหงเย่ก็ไม่ได้ทักทายอีกฝ่าย เขาสังเกตเห็นว่าซ่งหงเย่ดูอิดโรยอ่อนล้ากว่าเดิมไม่น้อย
อีกทั้งจากที่เขาได้ยินมาก็คือ ซ่งหงเย่หย่ากับเจิ้งปินแล้ว
เดิมเย่เฉินอยากจะไปจากที่ร้าน แต่ซ่งหงเย่กลับเรียกเขาเอาไว้
“เย่เฉิน!” ซ่งหงเย่เดินมาแล้วถามเขา “ฉันถามนายหน่อยเถอะ ที่เจิ้งปินขอหย่ากับฉันเป็นเพราะนายใช่ไหม? นายใส่ร้ายฉันให้เขาฟังใช่ไหม?”
เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของเย่เฉินแน่นอน!
ถึงขนาดที่ว่าเรื่องไมค์ฝรั่งสุดหล่อที่นอนกับหล่อนอาจจะเป็นฝีมือของเย่เฉินด้วยซ้ำไป!
เย่เฉินไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่รับคำ “ถ้าตัวคุณสะอาดบริสุทธิ์จะไปกลัวคำคนทำไม”
“นายแม่ง…”
ซ่งหงเย่หัวเสีย สูญเสียเจิ้งปินไป หล่อนก็เสียค่าเลี้ยงดูระยะยาว จะให้ไปหาสามีดีๆ แบบนี้อีกก็คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว!
ดังนั้นหล่อนถึงได้สบถคำหยาบคายออกมา!
เพี้ยะ!
คำพูดสุดท้ายยังไม่หลุดออกจากปากซ่งหงเย่ ฉินหงเหยียนก็ประเคนฝ่ามือฟาดใส่หน้าอีกฝ่ายทันที!
ฉินหงเหยียนโกรธจัดแล้วกล่าวอย่างวางอำนาจ“เย่เฉินเป็นแฟนฉัน เธอจะพูดอะไรให้มันระวังปากหน่อย!”
ซ่งหงเย่อพอจะรู้กิตติศัพท์ของฉินหงเหยียน หล่อนเอามือกุมหน้าแล้วกล่าวเสียงอู้อี้ “เธอ..เธออยู่เทียนไห่ยังกล้าโอหังวางท่าขนาดนี้เลยเหรอ!”
จากนั้นก็มองไปที่หวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อด้วยท่าทีเสียใจ”
เย่เฉินไม่อยากให้การวิวาทนี้ดำเนินต่อไป เขาลากมือฉินหงเหยียน “พวกเราไปกันเถอะครับ”
ซื้อเตียงเสร็จแล้วไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อเสียหน่อย
ในสายตาเย่เฉิน หวังเจียเหยา ซ่งหงเย่และหลิ่วอวี่เจ๋อ เป็นเพียงคนน่าสงสาร
หวังเจียเหยาสูญเสียการเป็นสะใภ้ของตระกูลที่ลึกลับที่สุดในโลก ส่วนซ่งหงเย่ก็หย่ากับสามีต้องกลับไปมีชีวิตแบบเดิมต่อไปทำได้แค่เลี้ยงเด็กหนุ่มเท่านั้นเอง
ส่วนหลิ่วอวี่เจ๋อชาตินี้ทั้งชาติก็จะมีลูกไม่ได้อีก
เย่เฉินล้างแค้นพวกเขาสามคนเรียบร้อยแล้ว
แต่ใครจะรู้ว่าในทันใดนั้นเองจู่ๆ ซ่งหงเย่ก็ตะโกนออกมา “ไม่มีความรับผิดชอบเลยนะ สนใจแต่จะเสวยสุขกับแฟนตัวเอง ไม่รู้จักซื้อเตียงเด็กอ่อนให้ลูก สารเลวจริงๆ!”
ทั้งสองคนพูดไปพลางหัวเราะแล้วเดินออกจากวิลล่าที่เพิ่งซื้อใหม่ ขับรถไปที่บูทีคของ POLTRONA FRAU ของเทียนไห่
POLTRONA FRAU เป็นรอยัลแบรนด์ของอิตาลี เมื่อ 100 ปีก่อนพวกเขาก็ทำเฟอร์นิเจอร์ให้ราชวงศ์ของอิตาลี่
ร้อยปีมานี้สามารถพูดได้ว่าราชวงศ์ทั้งยุโรปใช้เฟอร์นิเจอร์แบรนด์นี้
วิลล่าที่ฉินหงเหยียนซื้อมาใหม่นี้ตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรปพอดี
บวกกับที่หญิงสาวเองก็เป็นคนทะเยอทะยาน อยากจะประสบความสำเร็จสักครั้งในเทียนไห่และกลายเป็นราชินีของวงการธุรกิจ แบรนด์นี้เหมาะสมกับหญิงสาวอย่างที่สุดแถมเย่เฉินยังเป็นคนเลือกให้หญิงสาวเองด้วย
เตียงของแบรนด์นี้มีมูลค่าหลายหมื่นไปถึงหลายแสน สัมผัสสบายอย่างยิ่ง
ก่อนจะมาเย่เฉินก็โทรศัพท์มานัดล่วงหน้าเอาไว้แล้ว จึงมีเซลล์ผู้หญิงออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
“คุณและคุณนายเย่ คุณลองดูเตียงนี้นะคะ เตียงนี้ออกแบบโดย ROBERTO LAZZERONI โดยใช้หนังแกะคัดพิเศษของ FRAU มาบุเตียงค่ะโดยที่ทางคุณลูกค้าสามารถเลือกสีเองได้ ส่วนบริเวณหัวเตียงสามารถสามารถสั่งทำเล็กใหญ่และเลือกรูปแบบมุมหัวเตียงได้ ตอนนี้กำลังจัดโปรโมชั่นมีมูลค่าเพียง 99999 หยวน”
เย่เฉินปรายตามองเล็กน้อยก็รู้สึกว่าดีไซน์เตียงดีมากทีเดียว
ใช้เงินแสนหยวนเพื่อซื้อเตียงหนึ่งหลัง ถึงแม้ว่าจะฟุ่มเฟือยมากไปเสียหน่อย แต่เงินนี้เป็นเงินของจินฉ่าวจึงไม่ต้องเสียดาย
เย่เฉินทรุดตัวนั่งลงลองสัมผัสดู “สบายมากทีเดียว คุณจะลองเอนตัวดูไหม?”
ฉินหงเหยียนกอดอก ขณะยืนอยู่ข้างเตียงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข “ไม่ต้องหรอกแค่คุณชอบก็พอแล้ว”
ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงอายุ 30 ปีไม่เหมือนกับเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าขวบ
ถ้าหากเป็นเด็กสาวอายุเพียงสิบกว่าขวบจะซื้อเตียงล่ะก็ คาดว่าคงจะกระโดดขึ้นเตียงไปแล้ว แต่คนที่วางมาดเป็นนางพญาอย่างหล่อนก็ไม่ย่อมไม่อยากจะทำเรื่องเหมือนเด็กๆ
ในเมื่อฉินหงเหยียนไม่อยากจะลอง หน้าที่ที่เหมือนจะดูเป็นเด็กๆ ก็ยกให้เย่เฉินเป็นคนจัดการก็แล้วกัน
เย่เฉินนั่งลงบนเตียงแล้วลองทดสอบความนุ่มของฟูก “ฟูกนี่สบายใช้ได้เลย”
ทว่าในเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง
“หน้าไม่อาย! หญิงโฉดชายชั่ว!”
สีหน้าฉินหงเหยียนฉายแววโทสะ เย่เฉินเองก็หันไปมอง
พวกเขาสองคนตกตะลึงไป
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อ!
คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินและหวังเจียเหยาจะมาพบกันอีกครั้งในเทียนไห่!
หวังเจียเหยาสวมชุดกระโปรงสีขาว บนตัวกระโปรงปักไข่มุกสีเงินกระจายเต็มกระโปรง ดูเป็นนางฟ้าเหมือนอย่างเคย
กำไลข้อมือ ตุ้มหู ทำให้เจ้าตัวดูเป็นลูกคุณหนูที่บอบบางร่ำรวย
เย่เฉินสังเกตที่นิ้วนางของหวังเจียเหยา หญิงสาวสวมแหวนอยู่และแน่นอนว่าแหวนที่หญิงสาวสวมใส่อยู่นั้น ไม่ใช่แหวนที่เจ้าหล่อนได้มาจากเย่เฉิน
นี่แสดงให้เห็นว่าหวังเจียเหยาตกปากรับคำจะแต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋อ!
“เธอก็ยังสวยแบบนั้นเหมือนเดิม”
เย่เฉินทอดถอนใจ ส่วนท้องของหญิงสาวยังไม่นูนจนเห็นเด่นชัดนัก ยังเหมือนเด็กสาวทั่วๆ ไป
ถ้าหากไม่รู้เรื่องที่หวังเจียเหยาเคยทำมาก่อน แค่เจอหน้าครั้งแรกเขาก็น่าจะชอบหญิงสาวกระมัง?
เย่เฉินลุกออกจากเตียงแล้วถาม “คุณมาอยู่ที่เทียนไห่ได้ยังไง?”
เย่เฉินยังคิดว่ากิ่นที่เด็กจะคลอด หวังเจียเหยาจะอยู่ที่อวิ๋นโจวเพื่อเตรียมผดุงครรภ์ อย่างไรเสียมารดาของหญิงสาวก็อยู่ที่นั่นคงจะดูแลหญิงสาวได้ดี
หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็ประหลาดใจมาก คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเย่เฉินและฉินหงเหยียนที่นี่
ตอนนี้เขาไม่สามารถมีลูกได้ เย่เฉินเป็นคนน่าสงสัยที่สุด แต่หลิ่วอวี่เจ๋อก็เคยคิดมาก่อน ว่าเรื่องนี้จะใช่ฝีมือของเย่เฉินหรือเปล่า?
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแผนการของเขาก็จะไม่เปลี่ยนไป
“ฮ่าๆ เย่เฉินคิดไม่ถึงเลยว่าแกจะมากล้าโผล่หัวมาที่นี่”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางหัวเราะเหยียดหยาม
ที่นี่คืออาณาเขตของเขา เขาย่อมไม่กลัวเย่เฉิน!
เย่เฉินหัวเราะด้วยท่าทีดูหมิ่น “ทำไมฉันจะไม่กล้ามา?”
หลิ่วอวี่เจ๋อแค่นเสียงเย็นชา เขาไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาโอหังรุนแรงต่อหน้าคนอื่น
เขาเดินไปบริเวณเตียงที่เย่เฉินสนใจแล้วถามเซลล์หญิง “เตียงนี่ราคาเท่าไหร่?”
เซลล์คนนั้นกล่าวตอบ “หนึ่งแสน”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะ “ใช้ได้นี่หว่า เย่เฉินถังแตกแล้ว ยังใช้เงินมือเติบอีก ใช้เงินแสนซื้อเตียงหลังเดียว”
ฉินหงเหยียนกล่าว “เย่เฉินไม่มีเงินแต่ฉันมี พวกเราอยากซื้อของแพงเท่าไหร่ก็ได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
หลิ่วอวี่เจ๋อมองฉินหงเหยียนด้วยแววตาเหยียดหยาม “ก็แค่เบี้ยรองกระดาน คุณเองก็โดนปลดออกจากตำแหน่งผู้บริหารไม่ใช่เหรอไง? ตอนนี้พวกคุณสองคนก็เป็นพวกคนตกงานสองคน!”
จากนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อก็หันไปถามเซลล์สาว“มีเตียงกี่หลัง?”
เซลล์ตอบ “เตียงหลังนี้มีแค่หลังเดียวค่ะ ถ้าคุณผู้ชายอยากได้ล่ะก็ต้องจองก่อนนะคะ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็มาถึงค่ะ”
หลิ่วอวี่เจ๋อก่นด่า “ใครจะไปรอแม่งได้ตั้งสัปดาห์! ฉันจะซื้อเตียงใช้สำหรับงานแต่งงาน! งั้นฉันจะซื้อในราคาห้าแสนก็แล้วกัน!”
“เอ่อ…” เซลล์มีท่าทีลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้ามีคนใช้เงินซื้อของในราคา 5 เท่าของราคาขาย คุณขายให้เขาเถอะครับ ยังไงเสียพวกเราก็ไม่ใช่ว่าจะต้องซื้อเตียงนั้นให้ได้เสียหน่อย”
เย่เฉินและฉินหงเหยียนเพิ่งเริ่มดูเตียง จึงต้องใช้เวลาเลือกต่อสักหน่อย
ในเวลานี้หวังเจียเหยาก็เดินมาแล้วลากหลิ่วอวี่เจ๋อไปอีกทาง “ที่รัก พวกเราไม่ต้องซื้อเตียงหลังนั้นหรอกค่ะ เย่เฉินนั่งลงบนเตียงนั้นไปแล้ว สกปรก!”
หลิ่วอวี่เจ๋อระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“จริงด้วยสกปรกแล้ว!”
เพิ่งจะด่าเขาและฉินหงเหยียนเป็นหญิงโฉดชายชั่ว ตอนนี้บอกว่าเขาทำเตียงสกปรก เขาทนไม่ไหวแล้ว !
เย่เฉินย้อนถามหวังเจียเหยา “คุณหมายความว่ายังไง? ผมสกปรกยังไง?”
หวังเจียเหยาก็เริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา “นายยังมีหน้ามาถามอีก! นายแอบเล่นชู้กับน้องสาวฉัน ยังไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก็ทิ้งหล่อนมาเกาะฉินหงเหยียนแล้ว! ฮึ ฉันว่า เมื่อสองเดือนก่อนนายกับฉินหงเหยียนคงจะคบหากันตั้งนานแล้วล่ะมั้ง? ฉันก็ว่าเลิกงานอะไรดึกๆ ดื่นๆ ได้ทุกวี่วัน! พลอดรักกันในห้องทำงานล่ะสิ!”
“คุณ…”
ฉินหงเหยียนโดนอีกฝ่ายยั่วโมโห ผู้หญิงสารเลวคนนี้ทั้งๆ ที่คนทำผิดก่อนเป็นหล่อนแท้ๆ คนที่ไปมีชู้ก่อนก็คือหล่อน
แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าหล่อนจะด่าว่าเย่เฉินสกปรก แถมยังใส่ร้ายความสัมพันธ์ของเย่เฉินและฉินหงเหยียน!
เย่เฉินกล่าว “ผมกับฉินหงเหยียนไม่มีอะไรกัน พวกเราคบหากันหลังจากที่ผมหย่ากับคุณแล้วต่างหาก! แต่คุณกับหลิ่วอวี่เจ๋อต่างหากที่แอบพบปะกันตอนที่ยังแต่งงานกับผม คนหน้าไม่อายคือพวกคุณต่างหาก!”
หลิ่วอวี่เจ๋อชี้นิ้วใส่เย่เฉิน “แกจะพูดอะไรให้มันระวังปากหน่อย ที่นี่คือเทียนไห่นะ!”
ฉินหงเหยียนกล่าว “เทียนไห่แล้วมันจะทำไม? เทียนไห่ไม่ใช่ที่ที่ตระกูลหลิ่วของพวกคุณจะใช้มือข้างเดียวปิดฟ้าได้เสียหน่อย!”
เซลล์ที่ในตอนยืนตัวแข็งก็รีบร้อนเดินมาไกล่เกลี่ยกับพวกเขาสองคน “คุณผู้ชายและคุณผู้หญิงคะ พวกคุณอย่าใจร้อนเลยนะคะมีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จาเถอะค่ะ”
ทั้งสี่คนต่างก็เป็นกลุ่มคนที่ถือว่าเป็นชนชั้นสูงในสังคม แต่มาทะเลาะกันในร้านเฟอร์นิเจอร์จะไปต่างอะไรกับเหล่าแม่ค้าในตลาด?
ดังนั้นพวกเขาถึงได้เงียบปากลง
ฉินหงเหยียนกล่าว“พวกเราซื้อเตียงหลังนี้เองค่ะ เดี๋ยวฉันจะจ่ายเงินตอนนี้เลย”
ในเมื่อหวังเจียเหยาไม่อยากได้เตียงหลังนี้ ฉินหงเหยียนก็คิดจะรีบๆ ซื้อให้เสร็จๆ จะได้รีบออกจากร้าน
ไม่อยากจะทะเลาะกับพวกเขาที่นี่
เซลล์กล่าว “ได้ค่ะ คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าคุณอยู่ที่ไหนคะ? พวกเราจะได้ให้คนส่งของไปให้คุณค่ะ”
ฉินหงเหยียนกล่าว“พวกเราอยู่ที่วิลล่าเฝยชุ่ย…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลิ่วอวี่เจ๋อและฉินหงเหยียนที่กำลังจะเดินออกไปก็เดินกลับมา
หลิ่วอวี่เจ๋อถามด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “พวกคุณพักอยู่ที่วิลล่าเฝยชุ่ยเหรอ? พวกคุณไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง!”
วิลล่าเฝยชุ่ยเป็นบ้านของหลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาเช่นกัน!
ในประเทศจีนนี้ ถ้าคนสองคนจะแต่งงานกัน หน้าที่ซื้อบ้านจะเป็นของฝ่ายชาย
ส่วนผู้หญิงในประเทศนี้นั้น เงื่อนไขที่เรียกร้องจากคู่ชีวิตจะต้องมีบ้านรวมอยู่ในนั้นเสมอ
ไม่เหมือนหญิงสาวต่างชาติที่จะไม่บังคับให้ฝ่ายชายซื้อบ้านด้วยซ้ำ แล้วไม่ต้องการสินสอดอะไร
ขอแค่ชอบพอกัน พวกหล่อนสามารถเช่าบ้านอยู่กับฝ่ายชายก็ได้
หลักการในการดำรงชีวิตของเย่เฉินค่อนข้างจะเป็นตะวันตก แต่เขาย้ายมาอยู่ที่อวิ๋นโจวสามปี เขาจึงค่อนข้างเข้าใจสถานการณ์ในประเทศนี้เป็นอย่างดี
ตอนนี้ฉินหงเหยียนคือแฟนของเย่เฉิน หากเขาต้องการจะแต่งงาน ตามหลักแล้วเขาควรจะเป็นฝ่ายซื้อบ้าน
แต่ว่าราคาบ้านที่เมืองเทียนไห่นี้แพงเกินไปจริงๆ แพงเป็นลำดับหนึ่งของทั้งประเทศด้วยซ้ำ แค่ห้องเดียวก็ราคาหลายล้านไปจนถึงพันล้านหยวนทีเดียว
ถ้าหากเย่เฉินไม่พึ่งพาเงินที่ได้จากที่บ้านแล้วหาเงินโดยการส่งอาหารเดลิเวอรี่ หาเงินทั้งชีวิตก็ไม่สามารถซื้อบ้านในเทียนไห่ได้
ดังนั้นเย่เฉินจึงเกรงใจไม่อยากจะออกความเห็นอะไรมากมายในเรื่องการซื้อบ้านครั้งนี้ เขากล่าว
“เลือกเอาที่คุณชอบเถอะครับ”
ทั้งสองคนจูงมือกันเดินกลับไปที่รถ ขณะที่เพิ่งจะคาดเข็มขัดฉินหงเหยียนก็ถามว่า
“เอ๊ะ จริงด้วย เมื่อกี้ตอนคุยกับมิสเตอร์ Arnauld ทำไมเขาถึงเรียกแบรนด์กระเป๋า LV ของตัวเองเป็นแอปเปิ้ลด้วยล่ะ? มีเรื่องราวอะไรหรือเปล่า?”
ถึงแม้ว่า Arnauld จะแก่แล้วแต่ก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักแม้แต่แบรนด์กระเป๋าของตนเอง เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจเรียกแบรนด์กระเป๋าตัวเองว่าแอปเปิ้ล
เย่เฉินสตาร์ทรถแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อื้ม ตอนผมเป็นเด็ก เขามักจะมาขอยืมเงินคุณปู่ ตอนนั้นเหมือนเขาเพิ่งจะซื้อ LV แล้วเอาเสื้อผ้าชุดหนึ่งของแบรนด์ LV มาให้ผมแล้วบอกว่าเจ้านี่เรียกว่า LV แถมยังให้ผมเอาแต่เรียกชื่อเต็มของแบรนด์ว่าหลุยส์วิตตอง ตอนนั้นผมซนมาก ทุกครั้งที่เขาถามผมเรื่องตราสัญลักษณ์นี่ ผมก็จะเรียกว่าแอปเปิ้ลไม่ยอมเรียก LV”
ฉินหงเหยียนก็หัวเราะออกมาน้อยๆ “คิดไม่ถึงว่าตอนคุณเป็นเด็กจะซนใช้ได้เลยนะ เขาคงจะโกรธคุณมากล่ะสิ?”
“ไม่หรอกครับ” เย่เฉินกล่าวพลางขับรถ “ตอนนั้นบริษัทแอปเปิ้ลยังไม่ดังเลยครับ ปู่ของผมน่ะก็ชื่นชม Jobs มาก มักจะชวนเขามาคุยเล่นที่บ้านบ่อยๆ ทุกครั้งตอนที่เขามาก็มักจะเอาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาฝากเราสามคนพี่น้องบ่อยๆ ผมชอบเขามากดังนั้นเลยเรียกว่านั่นคือแอปเปิ้ล”
ฉินหงเหยียนอ้าปากค้าง เย่เฉินเคยเจอ Jobs เจ้าของแอปเปิ้ลด้วยเหรอ?
เย่เฉินกล่าวพลางหัวเราะ “ปีที่ IPHONE4 ออกวางขายนั้น Arnauld ลงทุนให้แอปเปิ้ลไปไม่น้อย หลังจากนั้นเขาได้เงินกำไรกลับมามหาศาลเลย เขาโทรหาผมบอกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะตอนผมเป็นเด็กเอาแต่เรียก LV เป็นแอปเปิ้ลส่งผลให้เขาจดจ่ออยู่กับพัฒนาการของแอปเปิ้ล ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ทำกำไรจากแอปเปิ้ลได้มากขนาดนั้น”
“ฮ่าๆ”
ฉินหงเหยียนหัวเราะ คิดไม่ถึงว่าระหว่างเย่เฉินและเจ้าของบริษัทใหญ่ๆ ทั้งสองคนจะมีเรื่องน่าสนุกๆ แบบนี้เกิดขึ้นด้วย!
แล้วในทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็อารมณ์ดีขึ้นมา แต่ทันทีที่นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูล หญิงสาวก็พลันเศร้าสร้อย
“ถ้าเย่เฉินไม่โดนขับออกจากตระกูลจะดีแค่ไหนนะ…”
ฉินหงเหยียนย่อมไม่พูดสิ่งที่ตนเองคิดออกมาเพราะกลัวว่าจะทำร้ายจิตใจเย่เฉิน!
แต่ไม่ว่าผู้หญิงคนไหน ใครบ้างจะไม่อยากอยู่ในวงสังคมที่แวดล้อมไปด้วยคนใหญ่คนโตอย่างเจ้าของ LV ผู้บริหารแอปเปิ้ล!
ตลอดทั้งบ่ายทั้งสองคนก็เที่ยวตระเวนดูบ้าน พวกเขาดูตามเขตชุมชนต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นพื้นที่ของคนในสังคมชั้นสูงในเมืองเทียนไห่ ทุกที่ที่พวกเขาไปดูนั้นราคาประเมินไม่ต่ำกว่าแสนห้าต่อตารางเมตร
แต่เหมือนว่าฉินหงเหยียนจะยังไม่พอใจ
“เย่เฉิน เมื่อก่อนคุณอยู่กับหวังเจียเหยาที่อวิ๋นโจวก็อยู่วิลล่าใช่ไหมคะ พวกเราเลือกวิลล่าแล้วกัน”
พักในวิลล่าก็ถือได้ว่าค่อนข้างสะดวกสบาย ทว่าต้องจ้างคนใช้
“ได้สิ คุณอยากอยู่ที่ไหนก็อยู่ที่นั่นแหละ” เย่เฉินกล่าว
ฉินหงเหยียนใช้มือถือค้นหาเขตวิลล่าในเทียนไห่ มองแค่ครู่เดียวก็ถูกใจชื่อวิลล่าแห่งหนึ่งเข้า
“เย่เฉิน พวกเราไปดูวิลล่าเฝยชุ่ยกันดีไหม? ฉันชอบชื่อนี้พอดี ฉันจำได้ว่าตอนที่พวกเราเพิ่งเจอกันครั้งแรก คุณยังเคยให้กำไลหยกเป็นของขวัญคุณนายหวังด้วยนี่นา”
ฉินหงเหยียนพูดพลางยิ้ม ไม่มีท่าทีหึงหวงแม้แต่น้อย
เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะยังจำเรื่องนี้ได้ กำไลหยกราคาสิบล้าน หลังจากที่หย่ากับตนเองแล้วคนตระกูลหวังก็ไม่ได้มีท่าทีบ่งบอกว่าจะคืนของสิ่งนี้ให้เย่เฉินแต่อย่างใด
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะคืนให้ แต่เย่เฉินก็ไม่มีทางรับ
ทั้งสองคนขับรถไปที่วิลล่าเฝยชุ่ย แล้วผู้จัดการวิลล่าก็มาต้อนรับพวกเขา
วัยรุ่นชายในชุดสูทพาพวกเขาสองคนไปที่วิลล่าที่กำลังขายอยู่ แล้วแนะนำ
“สวัสดีครับทั้งสองท่าน ผมชื่อเสี่ยวเฉิน วิลล่าของพวกเราสร้างขึ้นในปี 2000 พื้นที่ 300 กว่าตารางเมตรมี 5 ห้องนอน 3 ห้องนั่งเล่น 4 ห้องน้ำ เจ้าของห้องเดิมจองห้องของบริษัททอมป์สันไป ดังนั้นเลยรีบขายที่นี่ คุณดูสิครับที่นี่ตกแต่งอย่างประณีต เพระเจ้าของห้องเดิมเป็นดีไซน์เนอร์ เลยมีรสนิยมที่ดีมาก”
เย่เฉินกับฉินหงเหยียนมองไปรอบๆ ถึงแม้ว่าจะสู้วิลล่าของเย่เฉินตอนอยู่อวิ๋นโจวไม่ได้ แต่ก็มีเอกลักษณ์อย่างมาก
“เย่เฉินชอบไหม?” ฉินหงเหยียนถาม
เย่เฉินเห็นเหมือนว่าฉินหงเหยียนจะชอบที่นี่มากจึงผงกศีรษะ “อืมที่นี่ใช้ได้เลย”
ฉินหงเหยียนกล่าวพลางระบายยิ้ม “งั้นก็ซื้อที่นี่เลย! เอาบัตรประชาชนของคุณมาหน่อยสิ”
“ฮะ? เอาบัตรประชาชนผมไปทำไม?” เย่เฉินงุนงง
ฉินหงเหยียนกล่าว “ที่นี่คือบ้านใหม่ของเราสองคน ฉันอยากให้เป็นชื่อของเราสองคน”
เย่เฉินซาบซึ้งใจจนพูดไม่ออก ฉินหงเหยียนออกเงินซื้อบ้านแต่คิดไม่ถึงว่าจะใส่ชื่อเย่เฉินเข้าไปด้วย
นี่หากพวกผู้หญิงที่อยากได้บ้านอยากได้สินสอดเห็นเข้า คงต้องด่าหญิงสาวว่าโง่งมแน่!
ทำไมผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายซื้อบ้านด้วย?
ต่อให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายซื้อเอง แล้วทำไมต้องใส่ชื่อฝ่ายชายลงไปด้วย?
เขาไม่ได้ออกเงินเสียหน่อย!
“ไม่ล่ะ คุณเป็นคนออกเงินซื้อนะ จะเอาชื่อผมใส่ไปด้วยไม่ได้หรอก” เย่เฉินปฏิเสธ
ฉินหงเหยียนเป็นฝ่ายยื่นตัวไปล้วงของในกระเป๋าเสื้อเย่เฉินออกมา “แหม คุณเป็นแฟนของฉัน เติมชื่อคุณเข้าไปในทะเบียนห้องก็สมควรแล้ว”
ฉินหงเหยียนหยิบบัตรประชาชนของเย่เฉินออกมา แล้วกล่าวกับเสี่ยวเฉิน “พวกเราซื้อวิลล่าห้องนี้แหละ จ่ายสด!”
เศรษฐีนีชัดๆ!
ตั้งแต่เดินเข้าประตูไปดูห้องจนตัดสินใจซื้อห้องใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีด้วยซ้ำ
เสี่ยวเฉินผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ยังไม่เคยเจอคนที่ตัดสินใจได้รวดเร็วแบบนี้มาก่อน
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ เย่เฉินก็กล่าวกับฉินหงเหยียน “พวกเรามาถึงเทียนไห่วันแรกก็ซื้อวิลล่าด้วยเงินเยอะขนาดนี้ จะเร็วเกินไปหรือเปล่า?”
เย่เฉินรู้สึกว่าเพิ่งมาถึงเทียนไห่ น่าจะอยู่ในโรงแรมสักสองสามวันก่อนหรือไม่ก็เช่าบ้านอยู่ก่อนก็ได้
เขารู้ว่าฉินหงเหยียนหาเงินมาอย่างยากลำบาก พึ่งพาตนเองเท่านั้นไม่เหมือนเขาที่ได้เงินมาจากที่บ้าน
ฉินหงเหยียนกล่าวว่า “ที่รักคะ พวกเรามาที่เทียนไห่ ไม่ได้จะมาตกระกำลำบากกันนะ พวกเรามาที่นี่ด้วยสถานะของผู้บริหารบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เชียวนะคะ หรือว่าจะให้ไปพักอยู่ในห้องใต้ดินกันเหรอคะ? สบายใจเถอะค่ะ เย่เฉิน คุณไม่มีเงินแต่ฉันมี พวกเราอยู่ที่เทียนไห่จะต้องสบายแน่ๆ!”
เย่เฉินซาบซึ้งใจอย่างมาก เขาสาบานว่าจะซื้อวิลล่าที่ใหญ่กว่านี้เพื่อตอบแทนหญิงสาว
“เย่เฉินพวกเราออกไปซื้อเตียงกันดีไหมคะ? ฉันไม่ชอบนอนเตียงที่คนอื่นเคยนอนมาก่อน”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “ได้ครับ เงินห้าแสนที่จินฉ่าวให้คุณมา เหวินเชี่ยนเชี่ยนโอนให้คุณแล้วไม่ใช่เหรอ? ใช้เงินนั้นเอามาซื้อเตียงเถอะ”
ฉินหงเหยียนหัวเราะเจ้าเล่ห์ “ฮ่าๆ คุณนี่มันตัวร้ายจริงๆ เขากะจะใช้เงินจีบฉัน แต่คุณกลับเอาเงินก้อนนั้นเอามาตกแต่งบ้านใหม่ของเรา เขารู้เข้าคงเสียใจตายแน่ ฮ่าๆ”
เย่เฉินยิ้มน้อยๆ ขณะกดรับสาย
บนหน้าจอมือถือของเขาก็ปรากฏภาพชายชราในวัยช่วงผ่านการฉลองแซยิดคนหนึ่งขึ้น
“ฮัลโหล MR. A!”
เย่เฉินทักทายชายชราในสายวีดีโอคอลตรงหน้า
คนต่างชาติเรียกคนแก่ไม่เหมือนคนจีน
ในประเทศเราจะใช้คำว่าคุณปู่ นอกประเทศจะใช้คำว่ามิสเตอร์ แล้วเรียกชื่อไปเลยตรงๆ ไม่ได้มีลำดับศักดิ์อาวุโสอะไรให้วุ่นวาย
ส่วน A เป็นอักษรตัวแรกของชื่อ เพราะเขาชื่อ Arnauld เย่เฉินจึงเรียกเขาแบบนี้
“คริส ไม่เจอกันนานเลยนะ ขอโทษด้วยเมื่อกี้เข้านอนไปแล้ว เลยไม่ทันได้รับวีดีโอคอลของนาย”
Arnauld พูดด้วยใบหน้าสำนึกผิด
เย่เฉินกล่าวอย่างเกรงใจ “ไม่เป็นไร ผมโทรหาคุณดึกเกินไป รบกวนคุณต่างหาก”
“อย่าพูดแบบนี้เลย นายไม่รู้หรอกว่าฉันคิดถึงเด็กจอมซนแบบนายขนาดไหน! ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ ผมเองก็คิดถึงคุณมากเลยครับ อ้อ จริงด้วย ผมจะแนะนำแฟนผมให้คุณรู้จัก ฉินหงเหยียน”
เย่เฉินสังเกตเห็นฉินหงเหยียนเองก็เข้ามาในกล้อง เขาจึงพอจะรู้ว่าหญิงสาวจะต้องอยากรู้จักลูกพี่ของบริษัทแบรนด์เนมคนนี้แน่ๆ
ดังนั้นถึงได้อาศัยจังหวะนี้แนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน
“อ้อ สวัสดีนะคุณฉิน คุณเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ เลย หมอนี่มันชอบผู้หญิงสวยๆ เหมือนผมเลย ฮ่าๆ!”
Arnauld พูดกระเซ้า เขามีท่าทีดีใจเมื่อเห็นแฟนของเย่เฉิน
ฉินหงเหยียนตื่นเต้นอย่างยิ่ง คนในสายเป็นถึงบิดาของโลกของแบรนด์เนมเลยเชียวนะ!
เมื่อสองเดือนก่อนเขายังเป็น 1 ใน 100 คนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก!
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักมากๆ เลยนะคะ สวรรค์ ฉันตื่นเต้นมากเลย คุณเป็นไอดอลของฉันเลยค่ะ!”
ฉินหงเหยียนกระอึกกระอัก บวกกับภาษาอังกฤษของหญิงสาวก็ไม่ถือว่าเก่งอะไรมากนักดังนั้นจึงตื่นเต้นเล็กน้อย
เหวินเชี่ยนเชี่ยนและจินฉ่าวนั่งอยู่ตรงข้ามกับพวกเขาจึงไม่เห็นหน้าจอโทรศัพท์ของเย่เฉิน
และในเวลานี้เองทั้งสองคนก็สบตากันอย่างประหลาดใจ หรือว่าคนในโทรศัพท์ก็คือเจ้าของ LV จริงๆ?
“ฉันไม่เชื่อหรอก! ถ้าเป็น Arnauld จริงๆ ฉันจะกินจานตอนนี้เลย!”
จินฉ่าวชันตัวลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปหาเย่เฉิน พอเห็นชายชราในโทรศัพท์ ก็แข้งขาอ่อนลงทันที
“คุณพระคุณเจ้า…เจ้าของแบรนด์ LV จริงด้วย…”
“OMG! ไอดอล! ไอดอล! ไอดอลผมรักคุณ!”
ในฐานะที่เหวินเชี่ยนเชี่ยนเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมความงาม แค่มองเพียงปราดเดียวก็จำเจ้าของแบรนด์หรูหรานั้นได้
หญิงสาวตื่นเต้นและเลื่อมใสเขาจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ อุทาชื่ออีกฝ่ายออกมาเสียงดัง
เหวินเชี่ยนเชี่ยนฉวยโอกาสนี้แนะนำลิปสติกของตนเอง ถ้าหากได้ร่วมมือกับแบรนด์เนมหรูหราแบบพวกเขาได้ก็จะได้หน้าอย่างมาก!
แต่ว่าในตอนที่เหวินเชี่ยนเชี่ยนกำลังจะเอื้อมมือไปคว้ามือถือของเย่เฉินมานั้นเอง เย่เฉินก็เปลี่ยนมือข้างที่ถือโทรศัพท์ทันที ไม่ยอมเปิดโอกาสให้อีกฝ่าย
“นาย…” เหวินเชี่ยนเชี่ยนหัวเสีย
เย่เฉินไม่สนใจหญิงสาวแต่คุยกับคนปลายสายต่อ “MR. A ผมมีเรื่องจะถาม กระะเป๋าใบนี้ยี่ห้ออะไร?”
เย่เฉินหันกล้องไปทางกระเป๋า LV ของจินฉ่าว
จินฉ่าวตื่นเต้นอย่างมาก“สวรรค์ เจ้าของ LV กำลังดูกระเป๋าของฉัน! ฉันนี่โชคดีจริงๆ!”
ทว่าเขากลับรู้สึกว่าคำถามของเย่เฉินช่างโง่งมเหลือเกิน เขาเป็นถึงเจ้าของแบรนด์ LV จะไม่รู้จักกระเป๋าแบรนด์ตัวเองได้ยังไง?
ก็ดี ในเมื่อเขาไม่เชื่อข้อมูลในป๋ายตู้ ก็ให้เจ้าของแบรนด์แหกหน้านายแล้วกัน!
ทว่าใครจะรู้อีกฝ่ายกลับพูดว่า “แอปเปิ้ล”
ทั้งสามคนบนโต๊ะรวมไปถึงฉินหงเหยียนชะงักไป
แอปเปิ้ล?
ทำไมเขาถึงบอกว่านี่คือกระเป๋าแอปเปิ้ล? นี่มันกระเป๋า LV ชัดๆ!
“ฮ่าๆ คุณยังจำได้เหรอครับเนี่ย”
เย่เฉินพูดพลางหัวเราะ
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว ความหัวรั้นของนายฉันลืมไม่ลงหรอก”
คำพูดนี้ของทั้งสองคนทำให้คนที่เหลือสับสนงุนงงไปหมด
จากนั้นทั้งสองคนก็คุยสัพเพเหระกันต่ออีกเล็กน้อย เย่เฉินก็วางสายไป
หลังจากนั้นเย่เฉินก็ถามจินฉ่าว “ว่ายังไงล่ะ ผมบอกแล้วไงว่ากระเป๋าคุณคือแบรนด์แอปเปิ้ล คุณบอกว่าผมไม่เข้าใจวงการแฟชั่น หรือคุณคิดว่าเจ้าของ LV ก็เป็นเหมือนกันหรือไง?”
จินฉ่าวหัวเสียจนใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้เป็นฝ่ายผิด นี่มันเป็นกระเป๋า LV จริงๆ
แต่ใครจะคาดคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่ตนเองพูดถูกแล้วแต่จะโดนฉีกหน้าอย่างแรง อัดอั้นตันใจแต่ไม่สามารถระบายออกมาได้แบบนี้ !
จะกล้าเถียงได้ยังไง?
เจ้าของแบรนด์ LV พูดเองกับปากว่าแอปเปิ้ล!
“นายมันแน่!”
จินฉ่าวกินออเดิร์ฟอย่างหัวเสีย
ส่วนท่าทีที่เหวินเชี่ยนเชี่ยนปฏิบัติต่อเย่เฉินในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
หญิงสาวไม่กลับไปนั่งยังที่ของตนเอง แต่ย่อตัวอยู่ข้างๆ เย่เฉิน แล้วถามด้วยท่าทีเคารพนบนอบ
“เย่เฉิน คุณชายเย่ คุณดูคุณสิคะ ซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้เสียมิดเลยนะคะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะสนิทสนมกับเจ้าพ่อวงการแบรนด์เนมขนาดนี้ เขาหลับแล้วยังตื่นมาคุยกับคุณด้วยตัวเอง คุณนี่ใหญ่โตใช้ได้เลย”
เย่เฉินเหลือบแลหญิงสาว เขาใช้ส้อมของตนเองจิ้มลงที่อาหารว่าง
เหวินเชี่ยนเชี่ยนกล่าวตอบด้วยท่าทีนอบน้อม “ได้ยินหงเหยียนบอกว่าคุณอยากทำงานที่เทียนไห่ คุณยินดีทำงานที่บริษัทของฉันไหมล่ะ? ฉันรับคุณทำงานในตำแหน่งรองผู้บริหาร! คุณกับหงเหยียนเป็นรองผู้บริหารของบริษัททั้งคู่เลย ทำงานด้วยกันคงดีมากและแน่นอนว่าฉันน่ะอยากจะอาศัยสายสัมพันธ์ระหว่างคุณกับ MR.A เพื่อช่วยให้แบรนด์ของเราได้มีโอกาสได้ COLLAP กับแบรนด์ของเขา”
เย่เฉินย่อมเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ จึงปฏิเสธทันควัน “ต้องขอโทษด้วยนะครับ เมื่อก่อนผมทำงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ที่อวิ๋นโจว คราวนี้ที่มาเทียนไห่ก็อยากจะส่งอาหารเดลิเวอรี่เหมือนเดิม บริษัทของคุณไม่เหมาะกับผมหรอก”
“เอ่อ…”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนยืนนิ่งด้วยใบหน้าเก้อเขิน
ฉินหงเหยียนลุกขึ้นแล้วจับมือเหวินเชี่ยนเชี่ยนพลางกล่าว “เชี่ยนเชี่ยน เธอกลับไปนั่งกินข้าวดีๆ เถอะ เรื่องนี้เดี๋ยวเราค่อยๆ คุยกันทีหลังดีไหม?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนกล่าวพลางระบายยิ้ม “ก็ได้ๆ เพราะไม่ว่ายังไงหงเหยียนเธอก็เป็นรองประธาน เย่เฉินเป็นแฟนเธอไม่มีทางไม่สนใจเธอแน่ ต่อไปโปรเจ็กต์ที่จะ COLLAP กับ LV คงต้องฝากเธอแล้วล่ะ ฮ่าๆ!”
ฉินหงเหยียนส่ายหน้าอย่างเอือมระอา หญิงสาวรู้ว่าตอนนี้เย่เฉินไม่ใช่คนของตระกูลเย่ อาจจะเป็นเพราะว่า Arnauld ไม่ล่วงรู้เรื่องนี้ ดังนั้นถึงได้เกรงอกเกรงใจเขาแบบนี้
ทว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไร อนาคตของฉินหงเหยียนจะต้องทุ่มเทให้บริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงามเหวินเชี่ยน
ฉินหงเหยียนส่งบัตรธนาคารใบหนึ่งให้เหวินเชี่ยนเชี่ยน “เชี่ยนเชี่ยน ในบัตรมีเงินห้าสิบล้านหยวนถือว่าเป็นเงินลงทุนส่วนหนึ่งของฉัน”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนไม่อิดออด อย่างไรเสียนี่ถือเป็นการร่วมลงทุน ไม่ใช่ของขวัญ
เหวินเชี่ยนเชี่ยนรับเงินมาอย่างเบิกบานใจกล่าวพลางส่งยิ้ม “ยินดีต้อนรับเธอเข้าสู่การเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทเหวินเชี่ยนเรา พวกเราสองคนร่วมมือกันจะต้องไร้เทียมทานแน่ ฮ่าๆ!”
“มา ชนแก้ว!”
“ชนแก้ว!”
เย่เฉินถือแก้วแล้วกล่าว “เดี๋ยวผมต้องขับรถไปดูบ้านกับหงเหยียนอีก ผมขอใช้น้ำเปล่าแทนเหล้าร่วมฉลองกับพวกคุณ”
“ขอบคุณค่ะคุณชายเย่!”
หลังจากเหวินเชี่ยนเชี่ยนพอจะเห็นเส้นสายของเย่เฉินแล้ว ก็ไม่สนใจอีกแล้วว่าเย่เฉินจะดื่มเหล้าหรือน้ำเปล่า
ส่วนจินฉ่าวก็ไม่กล้าล่วงเกินเขาอีก
หลังจากกินข้าวแล้ว เหวินเชี่ยนเชี่ยนกับจินฉ่าวก็ปลีกตัวไปก่อน เหวินเชี่ยนเชี่ยนเดิมทียังจะทู่ซี้ไปดูบ้านเป็นเพื่อนพวกเขาด้วยซ้ำไป
ทว่าฉินหงเหยียนรู้ว่าหล่อนยุ่งมาก อีกทั้งพวกเขายังต้องไปดูบ้านอีกมากต้องใช้เวลาในการเลือกนาน เลยไม่รบกวนเวลาอีกฝ่าย
หลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว ฉินหงเหยียนก็ควงแขนแฟนหนุ่มแล้วกล่าว “ที่รักคะ คุณอยากอยู่บ้านแบบไหน? จะเป็นคอนโดหรือวิลล่าดี? คุณเลือกได้ตามสบายเลย ชอบหลังไหนฉันซื้อเอง!”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนกลัววว่าฉินหงเหยียนจะโกรธ จะรู้สึกว่าหล่อนกำลังหาเรื่องแฟนของตนเอง ตบมือของฉินหงเหยียนเบาๆ “ง่ายมากจริงๆ”
จากนั้นเหวินเชี่ยนเชี่ยนก็ชี้ไปที่กระเป๋าบนโต๊ะอาหารของจินฉ่าวที่วางไว้แล้วกล่าว
“ถ้านายบอกได้ว่ากระเป๋าของจินฉ่าวแบรนด์อะไร? ฉันจะให้นายทำงานที่บริษัทเรา”
จินฉ่าวทำหน้าเหนื่อยหน่าย “สวรรค์ พี่เหวิน พคำถามของพี่ง่ายดายเกินไปแล้วล่ะมั้ง! นี่มันคำถามฟรีชัดๆ ไม่ว่าใครก็ตอบได้ทั้งนั้น! ไม่ใช่แค่กระเป๋าของฉัน เสื้อ กางเกง รองเท้าของฉัน ตอบมาให้หมด!”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนกล่าว “ฉันจะกลั่นแกล้งแฟนของเพื่อนสนิทตัวเองแบบนี้ได้ยังไง ไม่อย่างนั้นหงเหยียนก็โกรธฉันสิ”
ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน แนะนำคนมาสมัครงานที่บริษัท เดิมใช้แค่คพูดเท่านั้นก็ควรจะเรียบร้อยแล้ว
ทดสอบนี่นั่นให้มากมายก็รังแต่จะทำลายมิตรภาพที่มีระหว่างกันเสียเปล่าๆ
แต่ว่าบริษัทของเหวินเชี่ยนเชี่ยน ปกติไม่รับผู้ชายเข้าทำงาน และตั้งเงื่อนไขกับเพศชายเช่นกัน
ถ้าหากว่ากระทั่งกระเป๋าแบรนด์ LV ยังดูไม่ออก เช่นนั้นแล้วเข้ามาทำงานในบริษัทก็ไม่มีความหมายอะไร
เย่เฉินปรายตามอง ก็รู้ว่านายสาวแตกคนนี้ใช้กระเป๋าแบรนด์ LV ของผู้ชาย
กระเป๋าแบรนด์ LV ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ดูออกง่ายที่สุดแล้วต่อให้ไม่รู้จักแบรนด์อะไร
แต่สำหรับคนที่ไม่มีความรู้ในด้านนี้ ก็อาจจะดูไม่ออกจริงๆ
ถึงคนจำนวนมากจะเคยได้ยินชื่อแบรนด์ LV แต่สัญลักษณ์ของแบรนด์ LV นี้ไม่ได้อ่านง่ายเหมือนกับแบรนด์ ADIDAS ที่เป็นชื่อแบรนด์เรียงติดต่อกันอ่านออกได้ง่าย
ทว่าโลโก้ของแบรนด์นั้นเป็นอักษรภาษาอังกฤษสองตัวเกี่ยวกระหวัดอยู่ด้วยกัน อีกทั้ง V ยังอยู่หน้า L ด้วย ดูไปแล้วก็เหมือนอักษณ XL อยู่เหมือนกัน
เย่เฉินไม่อยากตอบคำถามนี้ คำถามเช่นนี้สำหรับคนที่ร่ำรวยจนเห็นสินค้าฟุ่มเฟือยเหมือนผ้าขี้ริ้วแล้วออกจะเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามกันเกินไป
ก็เหมือนโรงเรียนประถมจะครูสอนบาสเก็ตบอลสักคน แต่ดันจ้าง LeBron Raymone James [1]มาแล้วถามเขาว่า“คุณ Three-step layup ได้ไหม? ช่วยโชว์ให้ดูหน่อยสิถ้าทำได้เราจะจ้างคุณ”
LeBron Raymone James ไม่มีทางทำแน่
เดิมทีเย่เฉินตั้งใจจะไม่สนใจพวกเขา จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องตลกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “APPLE”
“APPLE? ฮ่าๆ”
พอได้ยินเย่เฉินตอบว่ากระเป๋าของจินฉ่าวเป็นแบรนด์ APPLE จินฉ่าวและเหวินเชี่ยนเชี่ยนก็หลุดหัวเราะออกมา
“ตลกชะมัด นายนี่มันไร้รสนิยมจริงๆ APPLE เป็นแบรนด์มือถือ คิดไม่ถึงว่าจะโยงเป็นแบรนด์กระเป๋าด้วย ฮ่าๆ!”
จินฉ่าวเยาะเย้ยเย่เฉินอย่างไร้ปราณี
ฉินหงเหยียนย่อมต้องรู้ว่าเย่เฉินจงใจตอบผิด
ทว่าเย่เฉินกลับย้อนถามด้วยท่าทางจริงจัง “อ้าวนั่นมันแบรนด์ APPLE ไม่ใช่เหรอ?”
จินฉ่าวกล่าวพลางยิ้ม “แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ APPLE อยู่แล้ว! ไอ้บ้านนอกฟังให้ดีๆ นะนี่คือแบรนด์ LV! เห็นหรือเปล่า V อยู่ด้านหน้า L อยู่ด้านหลัง เกี่ยวกระหวัดเข้าด้วยกันเนี่ย!”
แต่เย่เฉินก็ยังไม่เชื่อ “ไม่นี่คือแบรนด์ APPLE”
จินฉ่าวเริ่มหมดคำพูด “นี่ยังไม่เชื่ออีกเหรอ? ก็ได้ ฉันจะหาข้อมูลให้ดู จะได้ตอกหน้านาย!”
จินฉ่าวหยิบมือถือออกมา เปิดหน้าเว็บไซต์ค้นหาแล้วกดหาข้อมูลของ LV
“เห็นหรือยัง ไอ้บ้านนอก ในป๋ายตู้กำกับไว้ชัดเจนเลย นี่เป็นสัญลักษณ์ของ LV! LOUIS VUITTON!”
เย่เฉินปรายตามองแล้วก็ยังตั้งคำถาม “ข้อมูลที่ปรากฏในป๋ายตู้อาจจะไม่จริงก็ได้ ใครก็แก้ได้”
แต่คำพูดนี้ของเย่เฉินก็ถูกต้องอยู่ ซึ่งจินฉ่าวและเหวินเชี่ยนเชี่ยนก็เห็นด้วยมาก
เพราะข้อมูลในป๋ายตู้จำนวนมากเป็นของปลอม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลดารา บางคนถือสัญชาติต่างชาติ แต่ในป๋ายตู้ดันบอกถือสัญชาติจีน
จินฉ่าวกล่าว “นายไม่เชื่อข้อมูลในเน็คแล้วเชื่ออะไร?”
เย่เฉินตอบกลับ “เชื่อเจ้าของสิ เจ้าของ LV คือใคร? คุณเรียกเขามา ถ้าเขาบอกว่าคือ LV ผมจะเชื่อ”
จินฉ่าวรู้สึกว่าเย่เฉินกำลังจะแถจึงอดไม่ได้ที่จะสบถคำด่าออกมา “นี่นายแม่งคิดจะเล่นลิ้นเหรอเนี่ย? ไม่รู้จักก็บอกว่าไม่รู้จักสิ ลูกผู้ชายไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองไม่มีความรู้เหรอ? แถมยังจะให้เรียกเจ้าของ LV มาอีก นายรู้ไหมว่าเจ้าของ LV คือใคร? เขาเป็นเศรษฐีระดับโลก! นายคิดว่าเป็นลูกหมาลูกแมวแถวบ้านหรือไงที่คิดจะเรียกเขามาก็ได้!”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ หล่อนกล่าวกับฉินหงเหยียน “หงเหยียนไม่ใช่ว่าฉันไม่เห็นแก่หน้าเธอนะ แต่แฟนเธอคนนี้ห่วยจริงๆ ไม่มีความรู้ก็ช่างเถอะ ยังจะมาเล่นลิ้นอีก ไม่ใฝ่หาความเจริญ ฉันว่าทางที่ดีที่สุดเธอรีบเลิกกับเขาเถอะ!”
ตอนนี้ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงของเย่เฉิน หลายวัมานี้ก็ติดกันเป็นตังเม เย่เฉินจึงยิ่งชอบผู้หญิงคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม
แต่หวังเชี่ยนเชี่ยนยุแยงให้พวกเขาเลิกกัน!
เย่เฉินมองเหวินเชี่ยนเชี่ยนด้วยแววตาไม่เป็นมิตร จากนั้นเขาก็หยิบมือถือออกมา
“พวกคุณไม่มีคอนแทคเจ้าของ LV ล่ะสิ? ช่างเถอะ ผมมี ผมจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้ ให้เขาพุดเองกับปากว่ากระเป๋าของคุณใบนี้คือแบรนด์อะไร!”
จินฉ่าวทำท่าทีรังเกียจ “คนบ้านนอกอย่างนายก็แกล้งทำตัวเท่เก่งจริงๆ ยังจะโทรหาเจ้าของ LV นายมีปัญญาเขียนชื่อเขาออกมาได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว!”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนทำสีหน้าเยาะเย้ย “แหม นายเก่งมากเลยล่ะสิ แค่ใส่เสื้อ H&M ราคาแค่ 39 หยวน แถมยังมีหน้าพูดว่าโทรหาเจ้าของ LV ได้โดยไม่ละอายใจ นายหลอกหงเหยียนแบบนี้เองเหรอเนี่ย? ก็ได้โทรสิ ให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตากันหน่อย ให้เราได้เจอราชาแห่งของแบรนด์เนมหน่อยสิ”
จินฉ่าวพูดแทรก “จริงด้วยๆ วีดีโอคอลด้วยนะ อย่าหาฝรั่งสักคนมาหลอกพวกเราล่ะ พวกเราไม่มีโอกาสรู้จักเจ้าของ LV เลยไม่รู้เสียงเขา”
“ก็ได้”
เย่เฉินหยิบมือถือออกมา ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน FACETIME นี่เป็นแอพพลิเคชันที่ต่างประเทศมักจะใช้เวลาวีดีโอคอลกัน
ตอนที่เย่เฉินกำลังง่วนกับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน นิ้วขาวนวลเนียนของฉินหงเหยียนก็แตะลงบนมือของเย่เฉิน
ที่จริงหลังมือของชายหนุ่มไม่ถือว่าดำนัก เพราะสามปีมานี้ไม่ค่อยได้ไปตากแดดเท่าไหร่นัก
แต่ว่าในตอนที่นิ้วเรียวยาวขาวนวลเนียนของฉินหงเหยียนแตะลงบนหลังมือเขาแล้ว สีผิวของทั้งสองคนเปรียบเทียบกันไปแล้ว มือของฉินหงเหยียนขาวกว่าเขาอย่างน้อยสามระดับ!
ขาวเกินไปแล้วจริงๆ!
แววตาฉินหงเหยียนฉายแววตื่นเต้นแล้วถาม “เย่เฉิน นี่คุณ…”
ฉินหงเหยียนอยากถามเย่เฉินว่าเขาโดนขับออกจากตระกูลแล้วไม่ใช่เหรอ?
แล้วจะโทรหาเจ้าของ LV ได้ยังไง? หรือว่า…
เย่เฉินพูดกับฉินหงเหยียนเสียงเบา “เจ้าของ LV อาจจะยังไม่รู้เรื่องที่ผมโดนขับออกจากตระกูลเย่”
“อ้อ” ฉินหงเหยียนถึงได้เข้าใจว่าเย่เฉินก็อยากจะลองเสี่ยงดวงดู
หลังจากวีดีโอคอลไปแล้วก็ไม่มีคนรับ
เย่เฉินกล่าวว่า “เขาอาจจะหลับไปแล้ว ค่อยโทรหาเขาอีกทีวันอื่นแล้วกัน”
ฉินหงเหยียนออกตัวแทนเขา “ใช่แล้ว ตอนนี้ที่เมืองนอกเป็นกลางคืนพอดี เขาอาจจะพักผ่อนไปแล้ว”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนทนไม่ไหว “หงเหยียน โทรศัพท์บ้าบอแบบนี้เธอก็เชื่อเหรอ? เธออย่าโดนเขาหลอกอีก! เขาเป็นแค่ 18 มงกุฎ! ที่โดนเขาหลอกไปแล้วก็ช่างเถอะ แต่อย่าติดกับจนโดนเล่นกับความรู้สึกล่ะ!”
จินฉ่าวเองก็โกรธจนด่าเย่เฉิน “เย่เฉินนายเลิกปลอมทีเถอะ! นายอาจจะไม่รู้จักเจ้าของ LV ด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่นายเลย กระทั่งคนร่ำรวยทั้งเทียนไห่ที่รู้จักเขาก็นับนิ้วได้เลย! พี่เหยียน เขาเข้าใกล้พี่ ก็น่าจะเพราะอยากจะหลอกเอาเงินและหลอกพี่ พี่อย่าไปติดกับเขาเชียวนะครับ!”
ทันทีที่จินฉ่าวนึกขึ้นมาได้ว่าผู้หญิงที่สวยสุดยอดแบบฉินหงเหยียนไปนอนกับ 18 มงกุฎแบบเย่เฉิน แค่คิดก็โมโหจะตายแล้ว
และในเวลานี้เอง มือถือเย่เฉินก็ดังขึ้น เป็นเจ้าของ LV โทรกลับมา
[1] นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง
“เชื่อหรือยังล่ะ? น้องชาย?”
เย่เฉินจงใจเหล่มองจินฉ่าว
จินฉ่าวหัวเสียจนควันจะออกหู “อ๊า อิจฉาตาร้อน”
ในเวลานี้เหวินเชี่ยนเชี่ยนก็เปิดปากกล่าว “ดีแล้วใกล้จะถึงเวลาเที่ยงแล้ว หงเหยียน วันนี้พวกเธอเพิ่งมาถึงเทียนไห่ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องเลี้ยงข้าวพวกนายสักหน่อย ไปสิ!”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนและจินฉ่าวนั่งรถไปด้วยกัน เย่เฉินและฉินหงเหยียนขับรถของพวกเขาเอง พวกเขาสี่คนก็มาถึงร้านอาหารที่เรียกว่าปาโย่วเอ้อเฟินจืออีอย่างรวดเร็ว
ร้านอาหารแห่งนี้พูดได้ว่าร้านอาหารตะวันตกชั้นยอดในว่ายทานสามารถนั่งชมวิวแม่น้ำหวงผู่ไปพร้อมๆ กับกินอาหารได้
ดังนั้นถึงได้มีร้านอาหารชื่อนี้ เป็นเพราะว่าภาพยนตร์อิตาลีเรื่องหนึ่งมีชื่อนี้ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารอิตาลีแห่งหนึ่ง
หลังจากทั้งสี่คนทรุดตัวลงตรงที่นั่งริมหน้าต่างแล้ว จินฉ่าวก็เอาแต่หาโอกาสหาเรื่องเย่เฉินอยู่ตลอด
“เย่เฉิน เสื้อของนายแบรนด์อะไร? ทำไมถึงไม่เห็น Logo เลย? แบรนด์ Uniqlo หรือ H&M นะ? ”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะคิกคักอยู่ด้านข้าง
เหวินเชี่ยนเชี่ย ฉินหงเหยียนและจินฉ่าวประโคมแบรนด์เนมกันทั้งตัว ไม่ใช่ Chanel ก็ Gucci
ย้อนมองเย่เฉินรวมๆ กันทั้งตัวอาจจะไม่ได้เสื้อผ้าของพวกเขาตัวเดียวด้วยซ้ำไป
มีผู้ชายต่างชาติวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ดูจากชุดที่เขาสวมใส่แล้ว เหมือนจะไม่ใช่พนักงานบริการ แต่น่าจะเป็นหัวหน้าเชฟของที่นี่
เขาถือเมนูเดินตรงดิ่งมาหาพวกเขาทั้งสี่คน “ไม่ทราบว่าทั้งสี่ท่านต้องการอะไร?”
“ฮ่าๆ หัวหน้าเชฟมาด้วยตัว ต้องสั่งอาหารต้องใช้ภาษาอังกฤษ คิดว่าคงจะมีบางคนตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนเสียแล้วมั้ง!”
จินฉ่าวหัวเราะร่วนเพราะเขาคิดว่าภาษาอังกฤษของเย่เฉินน่าจะไม่ดีเท่าไหร่
เหวินเชี่ยนเชี่ยนแสร้งทำเป็นปลอบ แต่ที่จริงแล้วกำลังเยาะเย้ยเย่เฉิน “ไม่เป็นไร นายไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษก็ได้ ใช้นิ้วชี้เอาก็ได้แล้วพูดว่า this (อันนี้) ก็ได้แล้ว”
“ฮ่าๆ…”
จินฉ่าวหัวเราะจนตัวโยน เขาเคยเห็นคนไปร้านอาหารพูดแต่คำว่า this เพราะไม่รู้ชื่ออาหารภาษาอังกฤษ
คนที่ทำแบบนั้นจะต้องดูน่าขันอย่างมาก ถือเป็นการกระทำแบบหนึ่งของพวกตลาดล่าง
ฉินหงเหยียนเห็นทั้งสองคนดูถูกเย่เฉินแบบนี้ก็รู้สึกไม่ยุติธรรมกับแฟนตนเอง
หล่อนรู้ว่าเย่เฉินอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก กับเย่เฉินแล้วภาษาอังกฤษก็เหมือนภาษาแม่ของเขา เผลอๆ ถนัดกว่าภาษาจีนด้วยซ้ำไป เขาจะใช้ภาษาอังกฤษในการสั่งอาหารไม่ได้ได้ยังไง?
ฉินหงเหยียนเปิดปากเอ่ย “เย่เฉินเขา…”
ใครจะรู้ ในตอนที่ฉินหงเหยียนกำลังจะออกตัวแทนเย่เฉินนั้นเอง เย่เฉินก็พูดกับเหวินเชี่ยนเชี่ยนว่า “ได้ ขอบคุณคุณเหวินที่สอนวิธีนี้กับผม ง่ายดีทีเดียว ผมชอบ”
ฉินหงเหยียนยิ้มบางๆ ดูแล้วเย่เฉินคงไม่คิดจะหักหน้าเหวินเชี่ยนเชี่ยนแล้ว
ฉินหงเหยียนโลดแล่นในสังคมมาหลายปีขนาดนี้ เห็นผู้ชายที่หักหน้าคนอื่นอย่างรุนแรงเพียงเพราะโดนดูถูก
คนอย่างเย่เฉินที่สุขุมนุ่มลึก เป็นคนในสังคมชั้นสูงที่ทำอะไรตามใจตัวเองก็ได้ แล้วยังอายุน้อยขนาดนี้ มีไม่เยอะ
เป็นตระกูลที่ลึกลับไม่เหมือนใคร เด็กที่ได้รับการฟูมฟักดูแลจากตระกูลนี้แตกต่างจากคนในตระกูลอื่นๆ เป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว
อาหารจีนกับอาหารตะวันตกนั้นต่างกัน เพราะอาหารจีนสามารถสั่งอาหารให้คนทั้งโต๊ะโดยคนเพียงคนเดียวได้
แต่อาหารตะวันตกต้องต่างคนต่างสั่ง
เมื่อทั้งสามคนสั่งอาหารเสร็จ หัวหน้าเชฟก็หันมาถามเย่เฉินว่าเขาต้องการสั่งอาหารอะไร
เย่เฉินดูชื่ออาหารละรูป แล้วก็ทำตามที่เหวินเชี่ยนเชี่ยนสอน เขาชี้อาหารเรียกน้ำย่อยในนั้นแล้วพูดว่า “this!”
“ฮ่าๆ”
จินฉ่าวและเหวินเชี่ยนเชี่ยนต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เย่เฉินไม่แยแสด้วยซ้ำ ตอนสั่งอาหารจานหลักและขนมหวานนั้นเองก็ยังไม่ยอมพูดชื่ออาหาร แต่ก็ยังชี้นิ้วแล้วพูดว่า “this”
จินฉ่าวหัวเราะเยาะ “น่าตลกจริงๆ เป็นถึงแฟนของคุณฉินแต่ดันใช้ภาษาอังกฤษสั่งอาหารก็ยังไม่ได้ น่าขายหน้าจริงๆ”
“เย่เฉิน อย่าบอกนะว่าแค่ส้อมกับมีดนายก็ใช้ไม่เป็นน่ะ? รู้ไหมว่าเสต็กเนื้อต้องกินสุกที่กี่ระดับ?”
ในเวลานี้เองเย่เฉินก็สั่งอาหารเสร็จ หัวหน้าเชฟก็จะเดินออกไป
แต่ว่าจู่ๆ ก็มีชายต่างชาติอีกคนพุ่งพรวดเข้ามาแล้วกล่าว “Flavio!”
บางทีหัวหน้าเชฟคนที่ทั้งสี่คนสั่งอาหารด้วยน่าจะชื่อ Flavio
“Vengo io! (มาแล้ว!)”
หัวหน้าเชฟตอบกลับเป็นภาษาอิตาลี
ใครจะรู้ว่าเพราะรีบร้อนหรือยังไง จู่ๆ เขาก็เผลอเรอทำเมนูในมือชนเข้าที่ไหล่ของเย่เฉิน
ที่นี่เป็นถึงภัตตาคารอาหารตะวันตกที่หรูสุดๆ ในเทียนไห่ ไม่ใช่ร้านอาหารเล็กๆ ริมทางในเมืองขนาดเล็กที่ชนใส่ลูกค้าแล้วจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้นเขาก็รีบร้อนค้อมตัวลง และด้วยอารามร้อนรนจึงรีบใช้ภาษาอิตาลีกล่าว “Mi dispiace!(ขอโทษครับ!)”
เย่เฉินจึงเผลอตอบเป็นภาษาอิตาลี “Non fa niente (ไม่เป็นไร)”
ในวินาทีนี้เอง หัวหน้าเชฟ เหวินเชี่ยนเชี่ยน จินฉ่าวต่างก็ตกตะลึงไป!
คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะพูดภาษาอิตาลีได้ด้วย?
หัวหน้าเชฟดีใจอย่างยิ่ง เขากล่าวถามอีกฝ่ายด้วยภาษาภาษาอิตาลี “คุณพูดอิตาลีได้ด้วยเหรอ?”
เย่เฉินใช้ภาษาอิตาลีตอบ “ผมเคยอยู่ที่ Milan และ Venice พักหนึ่งก็เลยพูดได้นิดหน่อย”
เชฟกล่าวชมเชย “คุณพูดเก่งมาก ผมต้องขอโทษคุณอีกครั้ง ขอให้คุณกินอาหารให้มีความสุขนะครับ”
หลังจากที่เชฟไปแล้ว เหวินเชี่ยนเชี่ยนและจินฉ่าวก็มองเย่เฉินตะลึง
ยุคนี้แล้วพูดอังกฤษได้ก็ถือว่าเฉยๆ เด็กประถมที่พูดได้ก็มีถมเถไป หรือจะท่องชื่ออาหารภาษาอังกฤษเด็กมัธยมต้นก็ทำได้
ในสังคมระดับสูงคนที่พูดภาษาอื่นได้ถึงจะเป็นคนระดับสูงอย่างแท้จริง
ฉินหงเหยียนอมยิ้ม หล่อนชอบดูแฟนตัวเองแสดงความสามารถของเขา
เหวินเชี่ยนเชี่ยนถามอย่างประหลาดใจ “เย่เฉินนายเรียนจบอะไรไหม? เป็นนักศีกษาป.โทหรือป.เอก? ตั้งใจจะทำงานอะไรที่เทียนไห่?”
เย่เฉินตอบ “ผมไม่มีใบจบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ผมกะว่าจะส่งพัสดุที่เทียนไห่”
“ส่งพัสดุ?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะขำ เพื่อนสนิทตนเองหาแฟนดันไปเอาคนส่งของมาเป็นแฟนเหรอเนี่ย?
จินฉ่าวหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ กระทั่งใบปริญญาก็ไม่มี งั้นก็แค่ครูพักลักจำล่ะมั้งเนี่ย? พูดอิตาลีได้ไม่กี่ประโยคจะมีประโยชน์อะไร? ถึงว่านายเหมาะกับการส่งพัสดุ ฮ่าๆ!”
ฉินหงเหยียนเองก็รู้ว่าถึงครอบครัวเย่เฉินจะร่ำรวย แต่วิธีการสั่งสอนลูกหลานของพวกเขาไม่เหมือนคนทั่วไป
โดยปกติแล้วถึงแม้ว่าเป็นลูกหลานคนมีเงินแต่พวกเขาก็จะส่งเสียให้เรียนจนจบได้ใบปริญญา ต่อให้ใบปริญญานั้นไม่มีประโยชน์อะไร
แต่ตระกูลเย่ถึงแม้ว่าจะให้เย่เฉินเรียนมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแต่ก็ไม่ให้ใบปริญญาเขา
ยุคสมัยนี้ไม่มีใบปริญญา อยู่เทียนไห่ก็ทำอะไรลำบาก แค่พูดได้ไม่มีประโยชน์อะไร
ดังนั้นฉินหงเหยียนถึงได้ถามเหวินเชี่ยนเชี่ยน “เชี่ยนเชี่ยน พอจะหาตำแหน่งอะไรในบริษัทให้แฟนฉันได้ไหม?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนมีท่าทีลำบากใจ “เธอก็รู้นี่ว่าบริษัทพวกเราเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงาม พนักงานต้องเข้าใจวงการแฟชั่นให้มากๆ”
จินฉ่าวรีบร้อนพูดต่อ “จริงด้วย ดูสิว่าเย่เฉินใส่อะไร ผมว่ากระทั่ง Chanel Gucci LV เขาคงแยกไม่ออกด้วยซ้ำ!”
ฉินหงเหยียนไม่สนใจจินฉ่าว แต่กลับหันไปพูดกับเหวินเชี่ยนเชี่ยน “เชี่ยนเชี่ยน เรื่องเล็กแค่นี้เธอคงจะเห็นแก่ฉันใช่ไหม?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนครุ่นคิดแล้วกล่าว “เย่เฉินคือแบบนี้ ฉันมีคำถามง่ายๆ จะถามนาย ถ้านายตอบถูก ฉันจะยอมรับนายเข้าทำงานที่บริษัทเรา”
ผู้ชายที่สำอางอย่างจินฉ่าว ยังคิดเลอะเทอะอยากจะเพิ่มเพื่อนกับฉินหงเหยียนอยากจะลองเป็นแฟนของหญิงสาว?
หมาเห่าเครื่องบิน!
พอเย่เฉินหยิบโทรศัพท์มาแล้วก็กดรหัสเพื่อเปิดมือถือของฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนเชื่อใจเย่เฉินอย่างมาก ดังนั้นหญิงสาวจึงบอกรหัสทั้งหมดกับเขา
หล่อนเปิดเผยบริสุทธิ์ใจ ถึงแม้ว่าวีแชทของหล่อนน่าจะมีพวกเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเกินห้าพันล้านหลายสิบคนเป็นอย่างน้อย แล้วที่เกินห้าหมื่นล้านด้วย
แต่หล่อนไม่กลัวว่าเย่เฉินจะตรวจดู
ไม่เหมือนอดีตภรรยาอย่างหวังเจียเหยา พวกเขาแต่งงานกันมา 3 ปี เย่เฉินยังแตะมือถือของอีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำไป หนำซ้ำยังไม่รู้ด้วยว่ารหัสมือถือของหล่อนคืออะไร
ก่อนหน้านี้หวังเจียเหยาเคยบอกกับเย่เฉิน ว่าระหว่างสามีภรรยาก็ควรจะมีพื้นที่ส่วนตัวด้วย
เย่เฉินเองก็มีความคิดแบบตะวันตก ในเมื่อให้พื้นที่ส่วนตัวกับคุณมากพอแต่คุณกลับใช้ช่องว่างที่ให้นี้สวมเขาให้ตนเอง!
และในเวลานี้เองจินฉ่าวก็ไม่ได้มีท่าทางอะไร เพราะว่าเขาคิดว่ามือถือชิ้นนี้เป็นของเย่เฉิน อีกฝ่ายปลดล็อคมือถือได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เพียงแต่ในใจยังดูแคลนเย่เฉินว่ายังใช้รหัสเปิดมือถืออยู่ ยังไม่ใช้ลายนิ้วมือหรือแสกนใบหน้า
หลังจากปลดล็อคแล้ว เย่เฉินก็กดเข้าที่การตั้งค่าของวีแชท
ทันทีที่เย่เฉินกดเข้าวีแชท จินฉ่าวก็ลนลานขึ้นมาทันที แล้วรีบโผเข้าไปแย่งมือถือของฉินหงเหยียนมา!
“นายจำไอดีวีแชทของฉินหงเหยียนได้แล้วใช่ไหม! ห้ามนายเพิ่มเพื่อนนะ!”
เมื่อครู่จินฉ่าวเพิ่งได้ไอดีวีแชทของฉินหงเหยียนมาก็จับมือถือไม่วางมือ แล้วอวดเย่เฉิน
จินฉ่าวยังคิดว่าเย่เฉินน่าจะฉวยโอกาสนี้จำไอดีวีแชทฉินหงเหยียน
“ไสหัวไป!”
เย่เฉินผลักผู้ชายที่อ่อนแอคนนี้ออกไป จากนั้นก็กดดูตรงเพื่อนใหม่ แล้วก็พบกับคำขอเป็นเพื่อนที่จินฉ่าวส่งมา
เย่เฉินมองจอมือถือแล้วถามจินฉ่าว “วีแชทของคุณชื่อ ‘ฉ่าวฉ่าวฉ่าว’ ใช่ไหม? ทำไมถึงได้หน้าไม่อายแบบนี้ล่ะ? แล้วตั้งชื่อแบบนี้?”
จินฉ่าวแค่นเสียง “ฉ่าวเป็นชื่อฉัน แล้วฉันใช้ชื่อตัวเองตั้งชื่อมันไปเดือดร้อนใคร? เอ๊ะไม่สิ ทำไมนายถึงได้รู้ชื่อวีแชทของฉันล่ะ?”
จินฉ่าวพูดไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นเองก็สังเกตเจออะไรบางอย่าง แล้วรีบร้อนเดินไปก็เห็นคำขอเป็นเพื่อนที่ตนเองเพิ่งส่งไปเมื่อครู่ปรากฏขึ้นบนมือถือเย่เฉิน!
“นี่…นี่คือมือถือของฉินหงเหยียน! มือถือของพี่หงเหยียนทำไมถึงอยู่ที่นาย! นายมีรหัสได้ไง!”
จินฉ่าวตกตะลึง แล้วเขาถึงได้สังเกตว่าเย่เฉินน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับฉินหงเหยียนจริงๆ
แต่ดูจากท่าทางเย่เฉินแล้วน่าจะเป็นคนขับรถไม่ก็บอดี้การ์ของหญิงสาว
ลูกน้องแบบนี้ไม่มีทางจะได้รหัสของฉินหงเหยียนมาแน่
เย่เฉินกล่าวพลางยิ้มน้อยๆ ระหว่าง ‘ยอมรับ’ กับ ‘ปฏิเสธ’ ในคำขอเพื่อน เขากดปฏิเสธ!
“ไม่!”
จินฉ่าวตะโกนออกมาอย่างตกใจ
เมื่อกดปฏิเสธคำขอเพื่อนของจินฉ่าวแล้ว เย่เฉินก็กล่าวว่า “คุณไม่ต้องส่งคำขอมาแล้วนะ ส่งคำขอมาอีกผมก็จะปฏิเสธอีก อ้อจริงสิเมื่อครู่เพิ่งได้ยินหัวหน้าพวกคุณบอกว่าเงินที่คุณจ่ายไป หล่อนจะจ่ายให้หงเหยียน เมื่อกี้คุณจ่ายมาล้านหยวน แบ่งให้แพลตฟอร์มครึ่งหนึ่ง หงเหยียนได้ห้าแสน วันนี้เราเพิ่งมาถึงเทียนไห่พอดี เฟอร์นิเจอร์อะไรก็ยังไม่ได้ซื้อเลย ผมจะใช้เงินห้าแสนของคุณไปซื้อเตียงที่ทั้งใหญ่ทั้งสบาย คุณคงเข้าใจนะ ผมกับหงเหยียนจะได้นอนกันสบายๆ หน่อย”
จินฉ่าวใกล้จะกระอักเลือดออกมาอยู่รอมร่อ “ไม่!”
ตนเองจ่ายเงินไปล้านหยวนเพื่อจะแลกวีแชทสาวสวย ผลคือไม่ได้วีแชทหญิงสาวมา แถมม่พอเงินของเขายังโดนแฟนของอีกฝ่ายเอาไปซื้อเตียง เพื่อนอนกับหล่อน
นี่มันโหดเกินไปแล้ว!
ก่อนจะไปเย่เฉินก็พูดกับจินฉ่าวอีกครั้ง “อย่าพิมพ์อะไรน่าขยะแขยงแบบนั้นลงไปในไลฟ์สด ไม่อย่างั้นจมูกคุณน่าจะต้องไปทำอีกรอบแน่!”
เย่เฉินมองออกมาว่าอีกฝ่ายไปทำจมูกและตามา
ตอนนี้ผู้ชายทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองนานาชาติอย่างเทียนไห่ จินฉ่าวอยู่ในวงการแฟชั่น การศัลยกรรมก็ยิ่งธรรมดาดาษดื่น
จินฉ่าวตกใจจนเอามือปิดจมูก ใบหน้าลนลาน
จากนั้นเย่เฉินก็กลับไปที่ห้องไลฟ์สดของฉินหงเหยียนเงียบๆ มองพวกเขาไลฟ์สด มองหล่อนเปลี่ยนสีลิปสติกไปเรื่อยๆ
ในระหว่างนี้จินฉ่าวเรียบร้อยไม่น้อยจริงๆ เขาไม่พูดจาน่าเกลียดในไลฟ์สดอีก
และแล้วดาราดังที่ชื่อเหม่ยฉีคนนั้นก็มาพอดี
ตอนนี้หล่อนเป็นดาราโด่งดัง และเป็นไอดอล ได้เดบิวท์ด้วยใบหน้าที่งดงาม
แต่ว่าดาราคนนี้ยืนอยู่ข้างๆ ฉินหงเหยียน ไม่ว่าจะบุคลิกภาพหรือใบหน้าก็ยังสู้ฉินหงเหยียนไม่ได้ด้วยซ้ำ!
“แฟนผมนี่สวยจริงๆ! จะเป็นดาราก็ไม่มีปัญหาอะไร!”
แฟนสองคนของเย่เฉินทั้งหวังเจียเหยาและฉินหงเหยียนก็สวยไม่น้อยไปกว่าดาราเลย
พอเดินออกมาจากห้อง เหวินเชี่ยนเชี่ยนก็ลากมือฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “หงเหยียนเธอนี่เก่งจริงๆ เมื่อกี้ช่วยฉันขายของได้เยอะมากเลย เก่งพอๆ กับพวกเน็ตไอดอลเลย! ต่อไปเธอมาช่วยขายทุกวันเลยนะ!”
ฉินหงเหยียนกล่าว “ฉันไม่ได้มาช่วยเธอขายของนะ ต่อไปเรื่องที่ต้องเปิดเผยตัวแบบนี้ให้คนอื่นทำเถอะนะ”
ถึงแม้ว่าฉินหงเหยียนจะเป็นคนหน้าตาสวย แต่ไม่ชอบเปิดเผยตัวเองในโลกโซเชียล โดยเฉพาะการมาไลฟ์สดขายของแบบนี้ หล่อนรู้สึกว่ามันไร้รสนิยมมากๆ ถือได้ว่าหล่อนต้องลดตัวลงไป
ก่อนนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เคยเป็นประธานบริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์มาก่อน!
เหวินเชี่ยนเชี่ยนกล่าวพลางระบายยิ้ม “ล้อเล่นน่า! เธอเป็นถือประธานของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ฉันจะกล้าให้เธอทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง”
และในเวลานี้เองจินฉ่าวก็เดินออกจามากห้องด้านข้าง
“พี่เหวิน”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนเห็นจินฉ่าวก็กล่าวว่า “หงเหยียน ฉันขอแนะนำให้เธอรู้จักสุดหล่อคนนี้เป็นผอ.แผนกการขายของบริษัทเรา เขาชื่อจินฉ่าว”
“เสี่ยวฉ่าวเรียกพี่เหยียนสิ ต่อไปในอนาคตหล่อนจะมาเป็นรองประธานบริษัทเรา”
จินฉ่าวกล่าวพลางส่งยิ้มให้ฉินหงเหยียน “พี่เหยียน สวัสดีครับ บุคลิกและหน้าตาของพี่โดดเด่นสุดยอดจริงๆ พอพี่มา ฉายาผู้บริหารสาวสวยลำดับหนึ่งก็เป็นของพี่เลยครับ!”
“ไม่ๆ อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ”
ฉินหงเหยียนเก้อเขิน เพราะหล่อนเคยได้ยินมาก่อนแล้ว ตอนนี้อยู่ที่เทียนไห่ก็มีคนเรียกหล่อนว่าผู้บริหารสาวสวยลำดับหนึ่งของเมืองเทียนไห่อีกแล้ว
ถ้าหากว่าคำพูดนี้ไปเข้าหูของคนนั้น เกรงว่าคงจะสร้างเรื่องยุ่งยากที่ไม่จำเป็นต่อบริษัทและฉินหงเหยียน
จินฉ่าวกล่าวพลางยิ้ม “เดิมทีก็ไม่มีข้อโต้แย้งอะไร คุณฉินอย่าถ่อมตัวเลย”
“จริงด้วย พี่เหยียน น้องชายคนนี้ใช่ผู้ช่วยของพี่หรือเปล่า?”
“คือแบบนี้นะเมื่อกี้ตอนผมกำลังซื้อของขวัญให้พี่หมดเงินไปล้านหยวนเพราะอยากได้วีแชทของพี่ ผลกลายเป็นว่าน้องชายคนนี้ก็เอามือถือพี่มากดปฏิเสธคำขอเป็นเพื่อนของผม”
เมื่อจินฉ่าวเห็นฉินหงเหยียนก็รีบฟ้องอีกฝ่ายทันที
เย่เฉินไม่พอใจอย่างมาก “เรียกใครว่าน้องชาย?”
จินฉ่าวมองด้วยสายตาเหยียดหยาม “ถ้าไม่ยอมก็เอาบัตรประชาชนมาเทียบกันดูไหมล่ะ? ถึงแม้ว่าพี่จะดูเด็กกว่านายแต่อายุมากกว่านายแน่ๆ”
ฉินหงเหยียนเองก็ไม่อยากจะให้เพื่อนร่วมงงานและแฟนของตัวเองมีปัญหากันจึงรีบร้อนกล่าว “เย่เฉินคือแฟนของฉัน”
จินฉ่าวตกจะลึง “แฟน…แฟนเหรอ? เป็นแฟนกันจริงเหรอ?”
พอเห็นจินฉ่าวไม่เชื่อ เย่เฉินจึงเอื้อมมือไปโอบเอวฉินหงเหยียนแล้วจุมพิตหญิงสาว
เย่เฉินเกลียดชังคนที่ดูสาวแตกคนนี้ แต่ว่านี่เป็นบริษัทเพื่อนสนิทของแฟนเขา
ต่อไปในอนาคตฉินหงเหยียนยังจะต้องรับตำแหน่งรองผู้บริหารของที่นี่ต่ออีก เย่เฉินเองก็ไม่อยากจะก่อเรื่องที่นี่”
เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “ถ้าคุณไม่เชื่อก็รอให้ไลฟ์สดเสร็จแล้วก็ไปถามคุณเหวินของพวกคุณเอาเอง”
จินฉ่าวแค่นเสียง “ไม่จำเป็นต้องรอให้จบหรอกฉันจะไปถามตอนนี้แหละ!”
แล้วจึงได้เห็นจินฉ่าวหยิบมือถือมาอีกครั้ง แล้วใช้บัญชีที่แตกต่างกันส่งคอมเม้นท์ไปในไลฟ์สด
“พี่หงเหยียนมีแฟนหรือเปล่า?”
คนจำนวนหมื่นกว่าในห้องไลฟ์สด ที่จริงแล้วไม่ใช่หน้าม้าไปเสียหมด หลังจากที่จินฉ่าวถามแล้วก็มีคนเออออไปด้วย
มีคอนเม้นท์ราวๆ 20 กว่าอันถามเรื่องนี้
ฉินหงเหยียนที่อยู่ห้องข้างๆ เห็นคำถามนี้ก็อยากจะตอบด้วยตัวเอง “ฉันมี…”
“ไม่มีค่ะ ไม่มี! หงเหยียนของพวกเราโสดค่ะ! พวกเราเป็นสาวโสดที่มีเงิน คนที่อยากจะตามจีบหงเหยียนเชิญไปสั่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทเราก่อนนะ หรือจะมาสมัครที่บริษัทเราก็ได้”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนส่งสายตาบอกหล่อนไม่ให้เปิดปากพูด
ฉินหงเหยียนคิดว่าเย่เฉิยเองก็เป็นคนไม่ชอบให้อะไรประเจิดประเจ้อ ไม่ชอบเปิดเผยตนเองถึงไม่คัดค้าน
ณ อีกห้อง
“ฮ่าๆ” จินฉ่าวหัวเราะร่วน “ฉันก็ว่านายจะเป็นแฟนของฉินหงเหยียนได้ยังไง! ฉันได้ยินพี่เหวินพูดมานานแล้ว ฉินหงเหยียนมีผู้บริหารจำนวนมากตามจีบแต่หล่อนก็ไม่เคยตกปากรับคำกับใคร ช่วยกลับบ้านไปส่องกระจกทีเถอะ”
พูดจบแล้ว จินฉ่าวก็มองฉินหงเหยียนในจอมือถือกำลังจุมพิตลงไปในตำแหน่งของลิปสติก
“แหม! ลิปสติกของบริษัทเราคุณภาพดีสุดยอด! ริมฝีปากของพี่หงเหยียนสวยจริงๆ!”
จินฉ่าวมองจอมือถือแล้วจุมพิตลงไปไม่หยุด
เย่เฉินทนดูต่อไม่ไหว คิดไม่ถึงว่าจะกล้าจูบภรรยาของเขาต่อหน้าเขา?
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ตัวจริง แต่เป็นเพียงภาพในมือถือเท่านั้น แต่เย่เฉินก็ทนไม่ไหว!
โครม!
เย่เฉินยันจินฉ่าวตกจากเก้าอี้ในโครมเดียว!
“โอ้ย”
จินฉ่าวอุทานด้วยความเจ็บปวด เครื่องสำอางบนใบหน้าผู้ชายคนนี้หนากว่าผู้หญิงเสียอีก
“นาย… คิดไม่ถึงเลยว่าคนจนอย่างนายจะกล้าซ้อมฉัน? ฉันจะเรียกรปภ.มาลากนายออกไป ไม่ ฉันจะเรียกคนมาซ้อมนาย!”
จินฉ่าวนั่งบนพื้น ชี้นิ้วกรีดกรายใส่เย่เฉิน
เย่เฉินสีหน้าเหนื่อยหน่าย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดรุนแรงจากคนอื่น แต่กลับไม่รู้สึกได้ถึงการคุกคามใดๆ แม้แต่น้อย
หมอนี่สาวแตกสุดๆ เย่เฉินสงสัยว่าเขาจะเป็นพวกคนรักเพศเดียวกันหรือไม่ แต่ถ้าเป็นล่ะก็ทำไมต้องจุ๊บฉินหงเหยียนล่ะ?
เย่เฉินพูดกับจินฉ่าว “คุณเรียกใครก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น! ผมต่อยคุณเพราะคุณมันน่าขยะแขยงเกินไป ผมจะขอเตือนคุณอีกครั้งนะฉินหงเหยียนเป็นแฟนผม!”
จินฉ่าวลุกขึ้นจากพื้น เขาท้าวสะเอว “จะต้องเอาเรื่องฉันให้ได้เลยใช่ไหม? ก็ได้ ฉันจะถือว่านายเป็นศัตรูความรักแล้วจะให้นายได้เรียนรู้อะไรบ้าง! ”
แล้วเขาก็เห็นจินฉ่าวหยิบมือถือออกมาพิมพ์ลงไปในไลฟ์สด “คุณเหวิน คุณเหวิน ทำยังไงถึงจะได้แอดวีแชทพี่หงเหยียน?”
หลังจากที่เหวินเชี่ยนเชี่ยนเห็นแล้วก็รีบตอบทันที “เพื่อนๆ ในไลฟ์สดทุกคนที่อยากจะเพิ่มเพื่อนในวีแชทหงเหยียนของเราให้ส่งของขวัญมาค่ะ ส่งของขวัญจนดันห้องไลฟ์สดของเราให้เป็นที่หนึ่งในชั่วโมงนี้! คนที่แจกของขวัญให้เยอะที่สุดฉันจะส่งข้อความส่วนตัวไปแจ้งไอดีของฉินหงเหยียนให้ด้วยตัวเองค่ะ”
หล่อนเพิ่งจะพูดจบคนในห้องไลฟ์สดก็เริ่มแจกของขวัญ แต่ไม่ค่อยมีราคานัก
จินฉ่าวยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปมองเย่เฉิน “ไหน ขอฉันดูศักยภาพของนายหน่อยเถอะ!”
“อะไร?” เย่เฉินถาม
จินฉ่าวกล่าวพลางยิ้ม “นายอยากจะแย่งพี่หงเหยียนกับฉันไม่ใช่เหรอ? พวกเรามาแข่งขันกันอย่างยุติธรรมสักรอบ ใครส่งของขวัญเยอะที่สุด คนนั้นก็จะได้วีแชทของพี่หงเหยียนไป ฉันให้นายก่อน”
เย่เฉินหลุดหัวเราะน่าขำจริงๆ ฉินหงเหยียนนอนกับผมมาตั้งสัปดาห์หนึ่งแล้ว ผมยังจะต้องส่งของขวัญเพื่อเอาวีแชทหล่อนมาทำไม?
เห็นจินฉ่าวคนนี้ชอบดูถูกคนอื่นจริงๆ ไม่ยอมเชื่อว่าเย่เฉินเป็นแฟนของฉินหงเหยียน
เมืองที่นิยมวัตถุแบบเทียนไห่ทำให้คนกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างง่ายดาย
เย่เฉินกล่าว “ผมแจกของขวัญเงินก็เข้าบัญชีบริษัทพวกคุณ ทำไมผมต้องให้พวกคุณด้วยยล่ะ?”
จินฉ่าวกล่าวอย่างดูถูก “ไม่มีเงินก็คือไม่มีเงิน พูดเลอะเทอะอะไรเยอะแยะ!”
จากนั้นเขาก็หยิบไอโฟนออกมาจากกระเป๋าแล้วโชว์ให้เย่เฉินดู “นี่คือโทรศัพท์ส่วนตัว ในนี้ก็เป็นเงินส่วนตัวของฉันเอง เงินที่จ่ายไปแพลตฟอร์มจะหักครึ่งหนึ่งแล้วอีกครึ่งหนึ่งเข้าบริษัท ฉันจะไม่ไปขอคืนจากบริษัทด้วย! หนุ่มน้อย แหกตาของนายดูให้ดีๆ! วันนี้จะให้ยาจกอย่างนายได้เปิดหูเปิดตา!”
แล้วจินฉ่าวถึงได้ใช้มือถือของตัวเองกดเข้าห้องไลฟ์สด จากนั้นก็ส่งของขวัญไม่หยุด อีกทั้งยังเป็นของขวัญที่แพงที่สุดด้วย
ไม่ถึง 10 นาที จินฉ่าวก็ใช้เงินซื้อของขวัญไปเป็นล้านหยวนแล้ว!
“ว้าว ขอบคุณพี่ ‘ตี้ฉิวเสี้ยวฉ่าว’ เดี๋ยวฉันจะส่งวีแชทของหงเหยียนให้คุณนะคะ! แล้วขอพูดอีกหน่อย ของขวัญที่ทุกคนให้มาฉันจะโอนเข้าบัญชีหงเหยียนทั้งหมด ทุกคนสบายใจได้”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะคิกคักในห้องไลฟ์สด
จินฉ่าวกดส่งข้อความส่วนตัวแล้วหัวเราะอย่างลำพองใจ “ฮ่าๆ เห็นหรือยัง? ฉันได้วีแชทของพี่หงเหยียนมาแล้ว! น้องชาย ตอนนี้คงจะเสียใจผิดหวังมากล่ะสิ? ฉันใช้เงินล้านหยวนก็ได้วีแขทสาวมา นายล่ะ? นอกจากมาเฝ้าที่หน้าห้องไลฟ์สดแล้ว ทำอะไรก็ไม่ได้!”
พอจะมองออกว่าจินฉ่าวคนนี้น่าจะมีเงินมากเลยทีเดียว คิดไม่ถึงว่าจะใช้เงินล้านหยวนโดยไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ
แต่เมื่อเปรียบกับเย่เฉินแล้วจินฉ่าวร้อยคนรวมกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
เย่เฉินไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินสองล้านหรือสิบล้านเพื่อเอาชนะจินฉ่าว เขาไม่คู่ควรให้เย่เฉินต้องเปิดเผยตัวเอง
จินฉ่าวดีใจอย่างยิ่ง เขารีบกดคัดลอกไอดีวีแชท แล้วกดค้นหาเพื่อเพิ่มเพื่อน
เมื่อหาวีแชทฉินหงเหยียนเจอแล้วก็โบกมือถือขึ้นตรงหน้าอีกฝ่าย “เห็นหรือเปล่า นี่คือวีแชทของพี่หงเหยียน เดี๋ยวอีกไม่นานพวกเราก็จะได้วีดีโอคอลคุยกันแก้เหงาแล้ว!”
เย่เฉินยิ้มน้อยๆ ไม่พูดอะไร
เขาพลันเห็นจินฉ่าวกดเพิ่มเพื่อน และเพราะต้องเขียนคำเชิญ เขาจึงเขียนเข้าไปในข้อความ
“พี่หงเหยียน ผมคือคนที่ซื้อของขวัญล้านหยวนให้พี่ให้ห้องไลฟ์สด ตอนนี้อยู่ห้องข้างๆ พี่!”
เขียเสร็จก็กดส่งออกไป
จินฉ่าวกล่าวอย่างดีใจ “เดี๋ยวถ้าพี่หงเหยียนกดรับเพื่อน พอสนิทกับหล่อนแล้ว ฉันจะวีดีโอคอลหาหล่อนทุกวัน! คิกๆ มีปัญญานายก็มาตามฉันทุกวันแล้วกันนะ!”
เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “คุณไม่มีโอกาสนั้นหรอก”
เมื่อเห็นเย่เฉินหยิบไอโฟนออกมาจากกระเป๋า เคสโทรศัพท์เป็นสีแดง
จินฉ่าวเห็นเคสสีแดงของเย่เฉินก็แค่นเสียง “สาวแตกจริง! คิดไม่ถึงเลยว่านายเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกแต่กลับใช้เคสโทรศัพท์สีแดง! แต่ว่านะก็สวยดี…”
มือถือเครื่องนี้ย่อมไม่ใช่ของเย่เฉิน แต่เป็นของฉินหงเหยียน
ตอนลงจากรถฉินหงเหยียนลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้ ดังนั้นเย่เฉินถึงได้ช่วยหล่อน
และด้วยเหตุนี้มือถือของฉินหงเหยียนจึงอยู่ที่เขา!
เย่เฉินแอบเหล่มองจอโทรศัพท์ก็พบว่าคนเข้าชมไลฟ์สดมีถึงหมื่นกว่าคน
อีกทั้งบนจอภาพทุกคนยังกำลังคอมเม้นท์
“ทำไมเหมยฉียังไม่มาอีกล่ะ!”
“ปักหมุดรอพี่เหม่ยฉีคนสวย!”
“อยากเจอเหม่ยฉี! อยากเจอเหม่ยฉี!”
ที่จริงเหม่ยฉีคนนี้เป็นดาราที่กำลังโด่งดัง และเป็นแขกที่เหวินเชี่ยนเชี่ยนชวนมาไลฟ์สดในวันนี้
เดิมนัดกันว่าจะไลฟ์ตอนเวลานี้ แต่มีเรื่องเล็กน้อยทำให้ขัดข้องเพราะตอนนี้รถติดอยู่
ดังนั้นเหวินเชี่ยนเชี่ยนจึงลากฉินหงเหยียนมาช่วยกู้สถานการณ์
เย่เฉินพอจะเดาเป้าหมายของเหวินเชี่ยนเชี่ยนได้แต่ว่าเขายังกังวลใจเล็กน้อย
นั่นเพราะก่อนนี้ฉินหงเหยียนติด Hot search ของเวยป๋ออีกทั้งยังมีข่าวไม่ดีจำนวนมาก
เย่เฉินกังวลใจว่าอาจจะมีชาวโซเชียลด่าหล่อนในห้องไลฟ์สด ยังไงเสียเกรียนคีย์บอร์ดในตอนนี้ไร้มารยาทกันสุดๆ
ทว่าดูแล้วเหมือนเย่เฉินจะคิดมากไป
ฉินหงเหยียนเป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจ แต่คนที่เข้ามาดูไลฟ์สดนั้นเป็นพวกแฟนคลับดารา คนในวงการแฟชั่น ไม่มีใครรู้จักด้วยซ้ำว่าฉินหงเย่เป็นใคร
เหวินเชี่ยนเชี่ยนดึงฉินหงเหยียนเข้าไปในกล้องแล้วกล่าว
“เพื่อนๆ ทุกท่านคะ ฉันแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับรองประธานคนสวยของบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงามเหวินเชี่ยนหัว ฉินหงเหยียนค่ะ! ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของฉันด้วยค่ะ!”
ทันทีที่ฉินหงเหยียนปรากฏตัวขึ้นในกล้อง ผู้ชมไลฟ์สดก็ตื่นเต้นกันทันที
“แม่งเอ้ย! พี่สาวคนนี้สวยจังเลย! คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้บริหารด้วย? ชอบพี่เขาสุดๆ!”
“หล่อนเป็นดาราใช่ไหม? บุคลิกภาพดีสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ขอไอดีพี่สาวหน่อยคร้าบ!”
“บริษัทหวินเชี่ยนที่เจ๋งสุดๆ ผู้บริหารหญิงคนสวยสองคนคือคุณเหวินกับคุณฉิน ในเทียนไห่คงไม่มีคนอื่นแล้วมั้ง ฮ่าๆ !”
ในห้องไลฟ์สดมีแต่คอมเม้นท์ชื่นชม
ฉินหงเหยียนมองตนเองในหน้าจอมือถือ แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เพราะเปิดฟิลเตอร์มากเกินไป จนทำให้หน้าดูปลอมจนเห็นได้ชัดจึงกล่าวถาม
“ปิดฟิลเตอร์ได้ไหม?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนชะงักไป แล้วปิดพวกฟิลเตอร์ในแอพพลิเคชันทั้งหมดทิ้ง
หลังจากปิดฟิลเตอร์ไปแล้ว ความสวยของเหวินเชี่ยนเชี่ยนลดลงอย่างรวดเร็ว 20 ส่วน แต่ฉินหงเหยียนกลับสวยขึ้น 20 ส่วน!
“แม่งเอ้ย! คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้หญิงที่ไม่ใช้ฟิลเตอร์ด้วย! นี่สิถึงจะเป็นคนสวยตัวจริง!”
“ปิดฟิลเตอร์ทิ้งแล้วยังสวยขนาดนี้เลยเหรอ? หลงรักเลย!”
“พี่หงเหยียน ฉันรักพี่นะคะ!”
เย่เฉินมองไปพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ฉินหงเหยียนเป็นคนสวยมากจริงๆ ต่อให้มาถึงเทียนไห่อันเป็นสถานที่ที่มีผู้หญิงสวยๆ เยอะแยะแบบเทียนไห่ ก็ยังสามารถโดดเด่นกว่าหญิงสาวคนอื่นอยู่ดี
ในฐานะที่เป็นแฟนของหล่อน เย่เฉินเองก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก
เหวินเชี่ยนเชี่ยนกล่าวกับหน้าจอมือถือ “แฟนคลับของเหม่ยฉีคะ อย่าเพิ่งร้อนใจไป หล่อนกำลังอยู่ระหว่างทางค่ะ ก่อนที่เหม่ยฉีจะมา ให้พี่หงเหยียนของพวกคุณ รองผู้บริหารหญิงคนใหม่ของบริษัทเรามาลองลิปสติกหลายๆ สีก่อนดีไหม? ”
การปรากฏตัวของฉินหงเหยียนเหมือนว่าจะชนะใจคนทั้งห้องไลฟ์สดได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างก็ชื่นชมหญิงสาว
จากนั้นเหวินเชี่ยนเชี่ยนก็หยิบเอาลิปสติกที่บริษัทหล่อนเป็นคนผลิตออกมา ช่วยฉินหงเหยียนเช็ดลิปสติกที่ทาเอาไว้ทิ้ง จากนั้นก็ช่วยทาลิปสติกให้ฉินหงเหยียนด้วยตนเอง
ทาลิปสติกไปพลางอธิบายสรรพคุณของลิปสติก สีลิปรวมไปถึงราคา
หลังจากฉินหงเหยียนทาลิปสติกแล้วในห้องไลฟ์สดก็เต็มไปด้วยเสียงชื่นชม
“สวรรค์ ลิปสติกแท่งสีเงินรุ่นนี้ พี่หงเหยียนทาแล้วสวยจริงๆ!”
“ทำให้ดูขาวสุดยอด คุณภาพดีจริงๆ เหมาะสมกับคนเอเชียจริงๆ ต้องซื้อแล้ว!”
“ริมฝีปากของพี่หงเหยียนมีอยู่จริงเหรอ? อยากมีบ้างจัง! อยากจุ๊บหล่อน!”
“อยากจุ๊บพี่หงเหยียนด้วย+1!”
ในคอมเม้นท์ไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยความเยินยอ แต่ผู้ชนในห้องไลฟ์สดก็ยังส่งของขวัญมาให้ฉินหงเหยียนไม่หยุด
เย่เฉินลูบคาง ขมวดคิ้วแล้วคิดในใจ
“คอมเม้นท์พวกนี้ทำไมถึงได้เหมือนกันไปหมดแบบนี้นะ? ซื้อบอทหรือเปล่าเนี่ย?”
เย่เฉินเองก็เข้าใจในสายงานไลฟ์สดนี้อย่างมาก
ห้องไลฟ์สดจะต้องมีกระแสตอบรับที่ดี ถึงจะสามารถดึงดูดลูกค้าจำนวนมากให้มาซื้อของ ดังนั้นบริษัทถึงต้องจ้างบอทมาช่วยปั่นก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
กระทั้งเน็ตไอดอลทั่วไปจะไลฟ์สดยังต้องจ้างบอทมา ส่งของขวัญให้ตนเอง
บริษัทใหญ่แบบของเหวินเชี่ยนเชี่ยนย่อมต้องทำแบบนี้
ดังนั้นเย่เฉินจึงชันตัวลุกขึ้นเดินออกจากห้อง เพราะอยากดูว่าตัวหน้าม้าที่จ้างมาอยู่ในบริษัทหรือเปล่า
เพิ่งจะเดินออกมาก็พบว่ามีอีกห้องอยู่ติดกัน ประตูของอีกห้องนั้นไม่ได้ปิดสนิท เย่เฉินจึงเดินเข้าไป
เย่เฉินเห็นประตูก็ผลักออกน้อยๆ ก็พบว่าในนั้นมีผู้ชายที่แต่งตัวจะชายก็ไม่ใช่จะหญิงก็ไม่เชิง
แต่คิดไม่ถึงว่าด้านหน้าเขาจะมีมือถือหลายสิบเครื่อง!
และภาพที่ปรากฏบนจอมือถือเป็นภาพห้องไลฟ์สดของเหวินเชี่ยนเชี่ยนและฉินหงเหยียน!
“เป็นอย่างที่คิดจริงด้วย” เย่เฉินยิ้มเรียบๆ คาดว่านี่ก็น่าจะเป็นบอทในไลฟ์สด
เย่เฉินเดินเข้าไปเงียบๆ ผู้ชายคนนั้นกำลังจดจ่อกับการส่งของขวัญ จึงไม่ทันสังเกตเห็นเย่เฉินที่เดินเข้าไป
เย่เฉินยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดไม่จา เพื่อจะดูว่าชายคนนั้นทำอะไรกันแน่
และในเวลานี้เองฉินหงเหยียนก็ลองลิปสติกแท่งแรกแล้ว กำลังจะลองลิปสติกแท่งที่สอง
จากนั้นผู้ชายที่ชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิงก็เริ่มร้อนรน
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขากดมือถือ “ลิปสติกสีชมพูรุ่นนี้สวยเกินไปแล้วเนี่ย! เห็นแล้วอยากจุ๊บจริงๆ!”
จากนั้นเขาก็หยิบมือถืออีกเครื่องขึ้นมาพิมพ์ต่อ “ใช่ๆ สวยเกินไปแล้วเนี่ย โดยเฉพาะตอนอยู่บนปากพี่หงเหยียน อยากจุ๊บจริงๆ!”
พอพิมพ์เสร็จเขาก็เปลี่ยนมือถือ
“พี่หงเหยียน ผมจะจุ๊บพี่ให้ตายเลย จุ๊บๆ”
ในตอนที่กำลังจะหยิบมือถือเครื่องที่ 4 นั้นเองเย่เฉินก็เดินเข้าไปขวางเขา
เย่เฉินทนมองต่อไม่ไหวแล้ว!
คนที่ถูกจ้างมาเป็นบอทเขาเคยเห็น แต่ไม่เคยเห็นที่น่าขยะแขยงขนาดที่พิมพ์เลอะเทอะอะไรขนาดนี้!
ผู้ชายคนนั้นหันมามองเย่เฉินจากบนลงล่างอย่างประเมินในที “นายเป็นใคร? นายไม่ใช่คนในริษัทเราใช่ไหม? ออกไปเลยๆ ใครให้นายเข้ามา?”
เป็นเพราะผู้ชายในบริษัทแต่งหน้ากันทุกคน ดังนั้นชายคนนั้นแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเย่เฉินที่หน้าสดคนนี้ไม่ใช่คนในบริษัทตนเอง
เย่เฉินถาม “นายก็คือบอทที่ถูกจ้างมาสินะ?”
ผู้ชายหัวเราะคิกคัก “บอทเหรอ? ตลกชะมัด ดูให้ดีๆ ฉันน่ะเป็นผอ. ฝ่ายขายระดับสูงของบริษัทเหวินเชี่ยนเชี่ยน ผอ. เข้าใจไหม?”
ชายคนนั้นหยิบนามบัตรสั่งทำที่สวยงามโชว์ให้เย่เฉินดู
บนนามบัตรนั้นมีภาพของเขา และชื่อที่โดดเด่นอย่างมาก เขาชื่อจินฉ่าว
เย่เฉินเองก็ไม่ได้สนใจว่าเขาเป็นบอทธรรรมดาหรือว่าจะผอ. แผนกไหน เขากล่าวว่า “คุณจะถือว่าเป็นการส่งเสริมการขายของผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่อย่าพูดจาน่าขยะแขยงแบบนั้นใส่หงเหยียน”
จินฉ่าวกลั้นหัวเราะจนตัวโยนแล้วกล่าว “แหมนายเป็นใครเนี่ย? ฉันจะพูดอะไรกับฉินหงเหยียนแล้วเกี่ยวอะไรกับนาย?”
เย่เฉินตอบกลับ “ผมเป็นแฟนหล่อน”
เหมือนจินฉ่าวได้ยินเรื่องตลก เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ นายเป็นแฟนหล่อน? นายเป็นแฟนฉินหงเหยียนเหรอ?
“น้องชายกำลังละเมอล่ะสิ? ดูสภาพตัวเองเถอะ แต่งตัวอะไรเนี่ยไม่มีแบรนด์เนมสักตัว นายเนี่ยนะ จะเป็นแฟนของคุณฉินรองผู้บริหารของเราเหรอ? คนอย่างนายไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะเป็นพนักงานทำความบริษัทของเราด้วยซ้ำไป!”
ขับรถจากอวิ๋นโจวไปถึงเทียนไห่ใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงครึ่ง
ครั้งนี้เย่เฉินขับรถช้าๆ แล้วสามชั่วโมงต่อมาทั้งสองคนก็ถึงที่เทียนไห่
เทียนไห่เป็นเมืองนานาชาติระดับโลก ชาวต่างชาติทั้งหลายข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล ก็ต้องมาชมภาพทิวทัศน์ที่แตกต่าง
อวิ๋นโจวอยู่ใกล้เทียนไห่ ตลอดสามปีที่ผ่านมา เย่เฉินมาที่นี่หลายครั้ง
ทว่าทุกครั้งเขาจะมาเป็นเพื่อนหวังเจียเหยา หนำซ้ำนอกจากอยู่โรงแรมแล้วก็ต้องไปซื้อของเป็นเพื่อนหวังเจียเหยา
จนมาวันนี้ก็ยังไม่ทันได้ดื่มด่ำกับสเน่ห์ของเมืองนี้ให้ดีๆ
ตอนนี้เขามีเวลามากมายที่จะได้ไปสัมผัสมันกับหวังเจียเหยา
เมื่อขับรถเข้าพื้นที่เขตเทียนไห่ เย่เฉินก็พบว่าถนนหนทางในเมืองนี้เป็นระเบียบเรียบร้อย คนขับรถต่างก็มีมารยาท อาจเกี่ยวข้องกับการลงโทษที่เข้มงวดของเมืองเทียนไห่
เราจะสามารถเห็นคนขาว คนดำหรือคนบางคนที่ดูเหมือนเป็นคนจีนซึ่งที่จริงแล้วอาจเป็นคนเกาหลีหรือญี่ปุ่นอยู่เต็มถนนไปหมด
ฉินหงเหยียนเปิดกระจกที่นั่งข้างคนขับ หล่อนชี้ไปที่ตึกสูงเสียดยอดฟ้าแล้วกล่าว “เย่เฉินเคยไปที่นั่นหรือยัง?”
เย่เฉินปรายตามองแล้วกล่าว“ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกเหรอ? ไม่เคยไปเลย”
ฉินหงเหยียนกล่าวพร้อมยิ้ม “คืนนี้ลองไปดูกันไหมล่ะ? ห้องชมวิวอยู่ที่ชั้น 97 สูง 439 เมตร! ได้ยินอยู่ข้างในนั้นมองโลกด้านล่างน่าจะรู้สึกดีมากทีเดียว!”
“ได้เลย” เย่เฉินเองก็อยากจะสัมผัสเหลือเกิน
ไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยเห็นถึงได้อยากไป
แต่เป็นเพราะเมื่อหลายปีก่อนพื้นที่ตั้งของศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกเป็นของตระกูลเย่
ไม่เพียงแค่ที่นี่เท่านั้น มีอีกหลายแห่งรวมไปถึงธนาคาร ห้างสรรพสินค้าบางส่วนในตอนนี้ ตระกูลเย่เคยซื้อเอาไว้ก่อนนี้
ตอนนั้นคุณปู่ของเย่เฉินลงทุนในโปรเจ็กต์จำนวนมากที่เทียนไห่ สามารถพูดได้ว่าเป็นเรียกลมเรียกฝนได้เลย
ธุรกิจของหลิ่วหย่วนหางในตอนนั้นยังเป็นธุรกิจขนาดเล็กอยู่เลย
คุณปู่ของเย่เฉินช่วยคนในเทียนไห่เอาไว้ไม่น้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นตอนนี้ยังอยู่เทียนไห่หรือเปล่า แล้วเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
และในเวลานี้เองมือถือของฉินหงเหยียนก็ดังขึ้น
“เชี่ยนเชี่ยนโทรมาน่ะ”
ฉินหงเหยียนมองมือถือแล้วรายงานเย่เฉิน
ฉินหงเหยียนในตอนนี้นั้นเป็นแฟนสาวในอุดมคติสุดๆ แค่โทรศัพท์เข้าก็รายงานเย่เฉินทันที
ที่จริงแล้วเย่เฉินเชื่อใจฉินหงเหยียนอย่างมาก หล่อนไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้
เชี่ยนเชี่ยนคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของฉินหงเหยียน หล่อนทำบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เป็นผู้หญิงเก่ง เถ้าแก่เนี้ยที่ประความสำเร็จอย่างมาก
และหล่อนเป็นคนที่ชวนฉินหงเหยียนมาเทียนไห่
“ฮัลโหลเชี่ยนเชี่ยน เพื่อนรัก วันนี้เธอมาถึงเทียนไห่แล้วใช่ไหม?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนมักจะเรียกฉินหงเหยียนว่าเพื่อนรักอยู่ตลอด
“ฉันมาถึงแล้วเพิ่งจะเข้าเมือง”
“อะไรนะ? คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาถึงแล้ว! เธอบอกว่าจะมาตอนกลางคืนไม่ใช่เหรอ? รีบส่งโลเคชั่นมาเลยนะ เดี๋ยวฉันไปรับ!”
“ไม่ต้องหรอกฉันขับรถมา”
“งั้นเธอมาหาฉันที่บริษัทแล้ว มาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ เดี๋ยวคืนนี้เลี้ยงข้าว”
วางสายแล้วฉินหงเหยียนก็หันมองเย่เฉินอย่างเหนื่อยหน่าย “เกรงว่าคืนนี้เราคงจะไม่ได้ไปชมวิวกันที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกแล้วล่ะ”
เย่เฉินถามด้วยรอยยิ้ม “เพื่อนสนิทคุณคนนั้นนัดคุณใช่ไหม?”
ฉินหงเหยียนพยักหน้า “อืมเดิมทีกะว่าเราสองคนจะไปเดินเล่นกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยบอกหล่อนใครจะไปรู้ว่าหล่อนจะโทรมาเร่งฉันยิกๆ”
เย่เฉินพอจะมองออกว่าทั้งสองคนน่าจะสนิทกันมาก
ดังนั้นเย่เฉินก็ขับรถพาฉินหงเหยียนไปที่บริษัทของเหวินเชี่ยนเชี่ยน
พอมาถึงตึกซินเม่าเพิ่งจะเข้าไปในตัวตึก ก็มีผู้หญิงที่แต่งตัวทันสมัย สวมชุดกระโปรงสีชมพู ทาลิปสติกสีสดเดินมาหาฉินหงเหยียน
“หงเหยียน!”
“เชี่ยนเชี่ยน”
เมื่อทั้งสองคนเจอกันก็โผเข้าดอกกันถึงขนาดที่จุมพิตกันเลยทีเดียว
ฉินหงเหยียนโดนเหวินเชี่ยนเชี่ยนจับจูบ อีกทั้งยังจูบปากด้วย
นี่ทำให้เย่เฉินเก้อเขินอย่างมาก ฉินหงเหยียนเป็นแฟนเขาแต่กลับโดนคนจับมาจูบ…
ถึงแม้ว่าเหวินเชี่ยนเชี่ยนจะเป็นผู้หญิง แต่ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันตงิดๆ
“โอ้ยปวดหัว ใต้ตึกบริษัทเธอ เธอยังทำแบบนี้อีก”
ฉินหงเหยียนเองก็ทำอะไรไม่ได้
เหวินเชี่ยนเชี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เจอเธอนานเลยนะ ในที่สุดเธอก็มาหาฉันที่เทียนไห่สักที ต่อไปพวกเราก็จะได้นั่งดื่มเหล้านนั่งเม้าท์กันสักที!”
เย่เฉินเคยได้ยินฉินหงเหยียนเล่าว่าหล่อนกับเหวินเชี่ยนเชี่ยนรู้จักกันบนเรือตอนอยู่ต่างประเทศ ตอนนั้นทั้งสองคนสภาพจิตใจย่ำแย่สุดๆ พวกหล่อนต่างก็กำลังดื่มเหล้าที่บาร์แล้วก็เริ่มคุยกัน
ใครจะรู้ว่าพอคุยกันขึ้นมาจะคุยกันทั้งคืน
ทั้งสองคนอายุไม่ต่างกันมาก ต่างก็อายุไม่ถึง 30 ปี ส่วนเหวินเชี่ยนเชี่ยนนั้นโตกว่าสองสามปี
ส่วนนิสัยของพวกหล่อนก็เป็นผู้หญิงเก่งเหมือนกัน พวกหล่อนสองคนไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอ แถมยังเป็นคนทำงานเก่งกันอีกด้วย
ตอนนี้เหวินเชี่ยนเชี่ยนมีบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ตั้งชื่อโดยชื่อตนเองแห่งหนึ่ง แถมยังจ้างดาราผู้หญิงที่กำลังมาเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย ยอดขายถล่มทลายใช้ได้เลย
ฉินหงเหยียนแนะนำเหวินเชี่ยนเชี่ยน “เชี่ยนเชี่ยนฉันมีคนจะแนะนำให้รู้จัก เขาชื่อเย่เฉิน แฟนฉันเอง!”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนมองเย่เฉินด้วยสายตาประเมิน วันนี้เย่เฉินแต่งตัวธรรมดา เขาใส่เสื้อยืดธรรมดา แล้วใส่กางเกงขายาวลินินและรองเท้าแตะ
หนำซ้ำเขายังไม่ใส่เครื่องประดับราคาแพงอะไร เช่นพวกนาฬิกา กำไลหรือของพวกแหวน
ในฐานะที่เป็นคนในวงการแฟชั่น เหวินเชี่ยนเชี่ยนเองก็ไม่ค่อยจะประทับใจในตัวผู้ชายที่แต่งตัวแบบนี้เท่าไหร่นัก
เพราะถ้าไม่ใช่เพราะคุณจนก็เพราะไม่มีเงิน ไม่อย่างนั้นจะไม่มีของแบรนด์เนมติดตัวเลยสักชิ้นได้ยังไง?
“สวัสดี”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนโบกมือทักทายเย่เฉินตามมารยาท
เหวินเชี่ยนเชี่ยนและฉินหงเหยียนสนิทสนมกันขนาดนี้ ฉินหงเหยียนชมเหวินเชี่ยนเชี่ยนมาตลอด เย่เฉินยังคิดว่าอีกฝ่ายจะจับมือตนเองเสียอีก
เขาเตรียมจะจะยื่นมือออกไปหาถึงได้พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากจะสนิทสนมกับตนเองมากมายนัก
“สวัสดีครับ” เย่เฉินเองก็โบกมือเท่านั้น
“หงเหยียนรีบตามฉันมาเลย ตอนนี้ที่บริษัทของเรากำลังมีไลฟ์สดอยู่ เธอมาเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนดึงมือฉินหงเหยียนให้เดินเข้าไปในลิฟต์
เย่เฉินเองก็เดินตามเข้าไป
พอมาถึงชั้น 13 อันเป็นที่ตั้งบริษัทของเหวินเชี่ยนเชี่ยนก็พบว่าคนส่วนมากในบริษัทเป็นผู้หญิง
ผู้ชายเองก็มีเหมือนกัน แต่ทั้งการแต่งกายและกลิ่นหอมจากร่างกายพวกเขานั้นไม่ได้ต่างจากเหล่าผู้หญิงสักเท่าไหร่
ทุกคนเหมือนกำลังยุ่งๆ เดินไปเดินมาขวักไขว่ เย่เฉินเองก็เดินไม่กี่ก้าวก็เดินชนผู้หญิง 3 คน ผู้ชาย 1 คน
“นี่บริษัทอะไร?”
สถานการณ์แบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นในหัวเซิ่งกรุ๊ปของเขาแน่นอน
ขอแค่เป็นสถานที่ที่เขาปรากฏตัว เหล่าพนักงานต่างก็ต้องหลบให้
แต่พนักงานของบริษัทนี้กลับกล้าชนกระทั่งเหวินเชี่ยนเชี่ยน…
เหวินเชี่ยนเชี่ยนซ้ำร้ายกว่า หล่อนลากฉินหงเหยียนไปที่ห้องอีกแห่งหนึ่ง ในห้องมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังไลฟ์สดอยู่ตรงหน้าจอมือถือ
“ที่แท้ก็กำลังไลฟ์สดขายของ”
เย่เฉินมักจะไถดูแอพพลิเคชันพวกนั้นบ่อยๆ ถึงรู้ว่าการไลฟ์สดขายของในตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าของบริษัทผิตภัณฑ์เสริมความงามจะทำเรื่องแบบนี้ด้วยตนเอง
หลังจากเข้าไปในห้อง เหวินเชี่ยนเชี่ยนก็เดินไปหาเย่เฉินแล้วพูดกับเขา “นายชื่อ…ชื่ออะไรนะ?”
“ผมชื่อ…”
ตอนที่เย่เฉินกำลังจะเปิดปากพูดนั้นเอง
“เฮ้อ ช่างเถอะ นายนั่งตรงนี้อย่าเดินเพ่นพ่าน พวกเรากำลังจะไลฟ์สด อย่าเดินเข้ามาในจอไลฟ์นะเข้าใจไหม?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนมองเย่เฉิน
เย่เฉินพยักหน้ารับ “ได้”
จากนั้นหวินเชี่ยนเชี่ยนก็คว้าแขนฉินหงเหยียนแล้วทั้งสองคนก็ปรากฏตัวในจอภาพไลฟ์สดทันที!
เพราะว่าหลิ่วอวี่เจ๋อต้องการจะไปตรวจร่างกายซ้ำที่เทียนไห่อีกรอบ เพื่อจะได้ตรวจให้แน่ใจว่าตนเองเป็นหมันจริงหรือไม่
ดังนั้นตั้งแต่หลิ่วอวี่เจ๋อออกจากโรงพยาบาลมาก็รีบโร่ไปเทียนไห่ทันที
ส่วนหวังเจียเหยานั้นก็ติดตามหลิ่วอวี่เจ๋อมาที่เทียนไห่ด้วยเช่นกัน
หลังจากที่หลิ่วอวี่เจ๋อแอบหวังเจียเหยาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้วก็พบว่าผลก็ยังเหมือนที่อวิ๋นโจวนั่นคือเขาไม่สามารถมีลูกได้แล้วจริงๆ
ด้วยโทสะเขาใช้เส้นสายทั้งหมดที่มีจัดแจงให้หมอ พยาบาที่อยู่เวรในวันนั้นโดนไล่ออก แถมยังใช้เงินก้อนใหญ่ควานหาตัวพยาบาลที่เป็นคนฉีดยาให้ตนเองในวันนั้นด้วย
แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังทำตัวเหมือนว่าตนเองไม่มีอะไรผิดปกติเวลาอยู่ต่อหน้าหวังเจียเหยา
อีกอย่างพอมาถึงเทียนไห่แล้วหลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาก็นอนด้วยกัน
เพราะตอนนี้หวังเจียเหยากำลังตั้งครรภ์อยู่ ทั้งสองคนจึงยังไม่ได้เผด็จศึกกัน
หลิ่วอวี่เจ๋อส่งโทรศัพท์ให้หวังเจียเหยาดูพลางกล่าว “คุณดูนี่ ฉินหงเหยียนลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทแล้ว”
“อะไรนะ? ทำไมล่ะ? ผู้หญิงคนนี้อยากเป็นประธานบริษัทจะตายไม่ใช่เหรอ? คุณโจมตีบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอีกแล้วใช่ไหม?”
หวังเจียเหยารู้ดีว่าฉินหงเหยียนเป็นคนทะเยอะทะยานไม่มีทางยอมลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทง่ายๆ แน่
หลิ่วอวี่เจ๋อแสร้งทำท่าทางใสซื่อ “เปล่านะครับ ผมไม่ได้ทำอะไรพวกเขาเลยเหมือนว่าในอินเตอร์เน็ตจะแฉเรื่องหล่อนบอกว่าชีวิตส่วนตัวของฉินหงเหยียนยุ่งเหยิงวุ่นวาย แถมยังเคยอ่อยพวกผู้บริหารที่มีภรรยาแล้วเยอะแยะ ดังนั้นหัวเซิ่งถึงพลอยซวยไปด้วย ราคาหุ้นก็ตกลงฮวบๆ ต่อมาเหมือนพวกผู้ถือหุ้นบีบบังคับให้หล่อนลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท”
หวังเจียเหยากล่าวอย่างอารมณ์ดี “เป็นแบบนั้นเหรอคะ? ฮ่าๆ ฉินหงเหยียนก็มีวันนี้เหมือนกัน!”
ฉินหงเหยียนเคยตบหน้าหญิงสาวฉาดหนึ่ง แถมยังมักจะเอาคุณสมบัติและความสามารถมาข่มหล่อน แถมยังมักจะมองข้ามหวังเจียเหยา และสนิทสนมกับอดีตสามีของหล่อนอย่างมาก
ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงเกลียดชัง และริษยาและฉินหงเหยียน
หล่อนรีบร้อนเอามือถือออกมาเพื่อดูข่าวของฉินหงเหยียน เมื่อดูเสร็จแล้วก็กล่าวเสียงดัง
“ฉินหงเหยียนเดิมทีเป็นผู้หญิงแพศยา! คุณย่าฉันเคยบอกว่าฉินหงเหยียนไม่ใช่คนอวิ๋นโจว หล่อนเป็นประธานบริษัทได้ในระยะเวลาสั้นๆ เบื้องหลังของหล่อนจะต้องมีนายทุนคอยหนุนหลังแน่นอน! ผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้ วันๆ เอาแต่คอยเกาะแกะอยู่กับพวกผู้บริหาร คอยยั่วยวนให้พวกเขาหลงรัก แพศยาจริงๆ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วน “ที่รักอย่าไปสนใจเรื่องพวกคนจนอย่างพวกเขาเลย คุณรีบตื่นไปอาบน้ำเถอะ ผมจะพาคุณไปซื้อของขวัญที่ห้างสรรพสินค้า คืนนี้ต้องไปพบพ่อกับแม่ผม เพื่อรีบขอให้พวกเขาเห็นด้วยยินยอมให้คุณแต่งเข้าบ้านเรา!”
หวังเจียเหยากระวีกระวาด “ได้ค่ะ ผิดที่คุณเลย ไม่ยอมให้ฉันนอนทั้งคืน ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่นอนตื่นเที่ยงแบบนี้หรอก”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะเจ้าเล่ห์ เขาค่อนข้างดีใจทีเดียวที่ได้คนสวยๆ แบบหวังเจียเหยามาครอบครอง
……
อวิ๋นโจว
บ่ายสอง
เย่เฉินและฉินหงเหยียนเพิ่งจะกินข้าวเที่ยงกันตอนนี้ ซึ่งฉินหงเหยียนเป็นคนทำอาหารทุกจานด้วยตนเอง อาหารทั้งหมดนั้นเป็นอาหารกวางตุ้งขนานแท้
ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินที่ไม่ได้สวมเสื้อก็มีท่าทีเขินอายน้อยๆ เย่เฉินหุ่นสุดยอด โดยเฉพาะกล้ามหน้าท้องทำให้ผู้หญิงจำนวนมากน้ำลายไหล
ได้เป็นแฟนกับเย่เฉินถือเป็นประสบการณ์ที่หล่อนไม่เคยมีมาก่อน
ก่อนนี้ผู้ชายของฉินหงเหยียนเป็นคุณลุงที่อายุไม่ต่างกับพ่อของเธอเท่าไหร่
แต่เย่เฉินอายุน้อยกว่าฉินหงเหยียน ความสดใส ร่าเริงและมีชีวิตชีวานั้นเป็นสิ่งที่ชายสูงวัยไม่มี
“คุณว่าฝีมือทำอาหารของฉันเป็นยังไงบ้าง?” ฉินหงเหยียนถาม
เย่เฉินใช้ตะเกียบคีบปลากระบอกจีน เนื้อสดใหม่ รสชาติถูกปาก เขาพยักหน้ารับแล้วกล่าว “สุดยอดมาก! ผมยังไม่เคยไปเมืองเสินเฉิง ได้กินอาหารฝีมือคุณทำให้ผมอยากลองไปเที่ยวที่นั่นเลย”
ฉินหงเหยียนกล่าวพร้อมระบายยิ้ม “ได้สิคะ เมืองเสินเฉิงมีคนสวยเยอะแยะเลยล่ะ อีกอย่างอาหารที่น้องสาวฉันทำน่ะอร่อยกว่าฉันเสียอีก พอไปถึงเมืองเสินเฉิง ฉันจะบอกให้หล่อนทำให้คุณกิน”
เย่เฉินกล่าว “อ้อจริงด้วย คุณยังมีน้องสาวอีกคนด้วย ตอนนี้หล่อนโตแล้วใช่ไหมล่ะ? ทำงานหรือยัง?”
ฉินหงเหยียนพยักหน้า “เป็นแอร์โฮสเตสค่ะ หุ่นดีกว่าฉันอีกจะดูรูปหล่อนไหมล่ะ?”
เย่เฉินเห็นรอยยิ้มของฉินหงเหยียน ทันใดนั้นเองก็สังเกตเห็นเงาอำมหิตน้อยๆ ลอยออกมา รีบร้อนโบกมือปฏิเสธพัลวัน “ไม่ดูครับๆ ผมสนใจแต่คุณ”
“หึๆ ถือว่าคุณฉลาดนะคะ!” ฉินหงเหยียนผุดยิ้มออกมา
ทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็มีท่าทีตึงเครียดแล้วกล่าว “เย่เฉินฉันอยากไปจากเมืองอวิ๋นโจวไปเทียนไห่ ฉันมีเพื่อนที่เปิดบริษัทเครื่องสำอาง ก่อนนี้หล่อนชวนฉันทำงานด้วย ตอนนี้พอรู้ว่าฉันลาออกจากหัวเซิ่ง ก็ส่งวีแชทมาจำนวนนับไม่ถ้วนเพราะอยากจะชวนให้ฉันไปทำงานด้วย คุณเองก็รู้ เมืองเทียนไห่เป็นเมืองนานาชาติ ถึงแม้ว่าอวิ๋นโจวจะเป็นเมืองหลัก แต่ถึงที่สุดแล้วก็ยังเป็นเมืองที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวแต่ไม่ให้ความสำคัญกับธุรกิจ ฉันอยากไปที่นั่นมาตลอด”
เย่เฉินซดน้ำแกงจากนั้นก็เช็ดปาก เขารู้ว่าฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยาน
อวิ๋นโจวไม่ใช่บ้านของหล่อน เดิมทีหล่อนก็ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่อวิ๋นโจวไปตลอด ตอนนี้ลาออกพอดีถือเป็นโอกาสที่จะได้ไปฝึกฝนหาประสบการณ์ที่เมืองที่เจริญกว่านี้
เย่เฉินกล่าว “อวิ๋นโจวเองก็เป็นสถานที่ที่ทำร้ายจิตใจผม ผมเองก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อ ผมจะไปเทียนไห่เป็นเพื่อนคุณ!”
“จริงเหรอ?” ฉินหงเหยียนดีใจอย่างยิ่ง แต่หล่อนก็ยังลังเลใจน้อยๆ “แต่ว่าศักยภาพของตระกูลหลิ่วที่เทียนไห่แข็งแกร่งมากนะ ฉันกลัวว่าพวกเขาจะหาคนมาจัดการคุณ…”
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร เทียนไห่เป็นเมืองที่พัฒนาที่สุดในประเทศนะ และเป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดด้วย พวกเขาไม่กล้าทำอะไรผลีผลามแน่ พูดอีกอย่างด้วยความสามารถของผมแล้ว คนสามคนห้าคนทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
เย่เฉินคิดในใจทางที่สุดหลิ่วอวี่เจ๋อคุณอย่ามาหาเรื่องผม ไม่อย่างนั้นผลจะไม่ใช่แค่มีลูกไม่ได้อีก!
วันนี้หลิ่วอวี่เจ๋อใส่ความฉินหงเหยียน ทำให้คนทั้งประเทศคิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่ชอบอ่อนผู้ชายรวยๆ เย่เฉินยังไม่ได้คิดบัญชีกับเขาเลย!
……
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
เย่เฉินและฉินหงเหยียนเอากล่องเก็บของใส่หลังรถ แล้วขับรถออกจากอวิ๋นโจว
ออกจากอวิ๋นโจวคราวนี้ ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะเป็นเมื่อไหร่
“ลาก่อนอวิ๋นโจว!”
ตอนที่รถขับเข้าปากทางด่วน ฉินหงเหยียนก็ถ่ายภาพหนึ่งใบแชร์ลงในวีแชทโมเม้นต์
ที่นี่คือสถานที่ที่หล่อนต่อสู่ฝ่าฝันมา7 ปี ตอนนี้หล่อนจะไปยังสถานที่ที่กว้างใหญ่กว่าเดิม!
หลังจากขึ้นทางด่วนแล้วฉินหงเหยียนก็ถามเย่เฉิน “คุณเองก็อยู่อวิ๋นโจวมาตั้ง 3 ปีคงคิดถึงมันมากเลยใช้ไหม?”
เย่เฉินส่ายหน้า “ไม่เลย”
เย่เฉินคุ้นเคยกับการลาจากมาตั้งแต่เด็ก ปีนี้ฝึกฝนที่นี่ ปีหน้าก็อาจจะไปประเทศอื่น
เขาไม่มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับที่ไหน เขาแค่รู้สึกอาลัยอาวรณ์กับคนเท่านั้น
ความทรงจำก็เหมือนทางด่วนในกระจกมองหลัง ยิ่งอยากจะคว้ามันเอาไว้เท่าไหร่ มันก็ยิ่งห่างออกไปทุกที
ในหัวของเย่เฉินมีภาพของหวังเจียเหยาปรากฏขึ้นไม่หยุด
แปลกพิกลเหลือเกิน ที่ถึงแม้ว่าหวังเจียเหยาจะทำผิดต่อเย่เฉินถึงสองครั้ง แต่ที่เย่เฉินคิดนั้นกลับไม่ใช่เรื่องที่ว่าหญิงสาวทำอะไรไม่ดีกับเขาบ้าง
แต่กลับเป็นภาพแสนหวานที่แทบจะนับนิ้วได้ของพวกเขาสองคน
โชคดีที่เย่เฉินตัดใจหย่าให้จบๆ ไม่อย่างนั้นยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่แน่ว่าตนเองอาจจะให้อภัยหล่อนอีกครั้ง
“ลาก่อนอวิ๋นโจว!”
ผู้บริหารระดับสูงในบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปถ้าไม่ใช่พวกเห็นแก่ผลประโยชน์ตัวเอง ก็เป็นคนที่แอบชอบฉินหงเหยียน
พวกเขาต่างก็ไม่อนุญาตให้ฉินหงเหยียนทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ พวกเขาจะต้องแยกหล่อนกับเย่เฉินออกจากกันให้ได้
ดังนั้นพวกเขาถึงได้พร้อมใจกันไปฟ้องพ่อบ้านฟาง
ไม่นานนักเย่เฉินที่เพิ่งจะมาเก็บของที่โรงแรมไคว่หมิ่น เตรียมจะย้ายไปพักที่บ้านของแฟนสาว
ก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อบ้านฟาง
เย่เฉินขมวดคิ้วเขาเคยพูดเอาไว้ว่าถึงจะหย่ากับหวังเจียเหยาแล้ว เย่เฉินก็หวังว่าจะมีชีวิตแบบคนธรรมดา
ถ้าไม่มีเรื่องอะไรไม่ต้องรบกวนเขา
ดูไปแล้วพ่อบ้านฟางน่าจะมีเรื่องสำคัญ ถึงได้โทรหาเย่เฉิน
“ทำไมล่ะ?” เย่เฉินรับสาย
พ่อบ้านฟางกล่าวว่า “คุณชายสาม พวกผู้ถือหุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเมื่อครู่บีบบังคับฉินหงเหยียน ให้หล่อนเลือกว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับคุณ หรือจะลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท พวกเขายังบอกอีกว่าตอนนี้ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงของคุณแล้วจริงไหมครับ?”
เย่เฉินพยักหน้า “อืมเพิ่งเกิดเรื่องเมื่อคืนเอง ตอนนี้อย่าเพิ่งบอกคุณปู่ล่ะ”
“ครับคุณชาย”
พ่อบ้านฟางเป็นเพียงแค่ลูกน้องคนหนึ่ง เขาย่อมไม่กล้าถามอะไรมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเย่เฉินอยู่แล้วแล้วจึงถามต่อ
“งั้นผมควรจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดีครับ? จะให้เข้าข้างฉินหงเหยียนบอกให้พวกผู้ถือหุ้นหุบปากไปไหมครับ?”
เย่เฉินครุ่นคิดว่าถ้าหากว่าพ่อบ้านฟางทำแบบนี้ เช่นนั้นแล้วหลิ่วอวี่เจ๋อก็จะต้องหาเรื่องบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปต่อจนบริษัทล้มละลายแน่
ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว คนจำนวนมากในบริษัทหัวเซิ่งก็จะต้องเสียหายอย่างมากเพราะเรื่องนี้ ฉินหงเหยียนเองก็จะซวยตามไปด้วยไม่ช้าหรือเร็ว
อีกอย่างหนึ่งเย่เฉินก็อยากจะรู้ว่าฉินหงเหยียนจะเลือกทางเดินไหนกันแน่
“เอาตามที่พวกผู้ถือหุ้นว่าแล้วกัน” เย่เฉินสั่ง
ที่จริงแล้วตอนนี้พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องช่วยเหลือบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอีกแล้ว หลังจากโดนหลิ่วอวี่เจ๋อปล่อยข่าวโจมตีมานานขนาดนี้ ชื่อเสียงเหม็นฉาวโฉ่ อีกทั้งตัวบริษัทในเครือเองก็ไม่ได้มีความสามารถในการแข่งขันอะไรมากมาย
ต่อให้ฉินหงเหยียนเป็นประธานบริษัทต่อก็คงจะเป็นได้ไม่นาน
“ครับ!”
หลังจากที่พ่อบ้านฟางกดวางสายแล้วก็โทรหาฉินหงเหยียนทันที
“ท่านฟาง”
“คุณฉิน”
“อย่าเลยค่ะ คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวฉินก็ได้ค่ะ”
“เสี่ยวฉินเอ้ย พวกเสี่ยวถูเขาโทรศัพท์หาผมเพื่อแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นของบริษัท ได้ยินมาว่าตระกูลหลิ่วหาเรื่องหัวเซิ่งเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเย่เฉินเหรอ?”
“ค่ะ”
“ผมได้ยินมาว่าตอนนี้คุณเป็นแฟนของเย่เฉิน คุณคิดว่าเรื่องที่เย่เฉินโดนไล่ออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหกใช่ไหมล่ะ? ผมในฐานะที่เป็นพ่อบ้านตระกูลฟางขอยืนยันกับคุณตามตรงเลยว่า เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลแล้วจริงๆ อีกทั้งเขาจะเหยียบเท้าเข้าอังกฤษไม่ได้อีกตลอดไป ถ้าหากว่าคุณคบหากับเขาเพราะเขาเป็นทายาทเศรษฐีล่ะก็ คุณคงคิดผิดแล้ว”
ที่พ่อบ้านฟางพูดแบบนี้เพราะเขาเองก็อยากจะลองใจฉินหงเหยียน ยังไงเสียเย่เฉินก็เคยเสียเปรียบผู้หญิงมาแล้วเพราะเรื่องนี้
ฉินหงเหยียนรีบร้อนกล่าวทันที “ท่านฟางฉันไม่สนใจหรอกค่ะว่าเขาจะเป็นทายาทเศรษฐีหรือเปล่า ฉันชอบตัวเขาไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจนก็ไม่ได้ส่งผลอะไรเรื่องที่เราจะคบหากัน”
พ่อบ้านฟางที่อยู่อังกฤษใบหน้าฉาบไปด้วยความสบายใจ ในที่สุดโชคดีเหลือเกินที่คุณชายสามก็ได้เจอคู่ชีวิตของเขาแล้ว
พ่อบ้านฟางกล่าว “เสี่ยวฉินผมชื่นชมคุณมากนะ ผู้หญิงแบบคุณมีไม่เยอะแล้ว ทว่าโลกความเป็นจริงมันโหดร้ายนัก ผมเองก็ไม่อยากจะให้บริษัทต้องสูญเสียผลประโยชน์เพราะความสัมพันธ์ของคุณ ตอนนี้ผมให้ทางเลือกคุณสองทาง หนึ่งคือเลิกกับเย่เฉินแล้วไม่ติดต่ออะไรกันอีก เพื่อบอกให้คนตระกูลหลิ่วได้เห็นแล้วไปเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปต่อ หรือไม่อย่างนั้นคุณก็ลาออกจากตำแหน่งเถอะ!”
ฉินหงเหยียนที่อยู่ในห้องทำงานประธานบริษัทกัดริมฝีปาก น้ำตาเอ่อคลอในดวงตา
พ่อบ้านฟางถอนหายใจ “ผมรู้ว่าคุณเริ่มทำงานจากตำแหน่งเลขา ต่อสู้ฝ่าฝันในอวิ๋นโจวมาถึง 7 ปีกว่าจะมีวันนี้ คุณลองชั่งใจให้ดีๆ ว่าเพื่อเย่เฉินเพียงคนเดียวแล้วคุ้มค่าให้คุณท้องความพยายามตลอด 7 ปีที่ผ่านมาของคุณหรือไม่”
เห็นฉินหงเหยียนเงียบไปนาน พ่อบ้านฟางก็ไม่ได้บีบบังคับหญิงสาวอีก “เอาแบบนี้แล้วกัน คุณลองคิดให้ดีๆ คิดดีแล้วค่อยตอบผม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็ตอบเขาทันควัน ด้วยดวงตาที่แน่วแน่ “ฉันขอเลือกลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป! ขอบคุณพ่อบ้านฟางที่เชื่อใจฉัน ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณต้องผิดหวัง หวังว่าต่อไปจะยังมีโอกาสทำอะไรให้คุณบ้าง ลาก่อนค่ะ!”
ในคฤหาสน์หรูแห่งหนึ่ง ณ ประเทศอังกฤษ
บนใบหน้าพ่อบ้านฟางผุดรอยยิ้มออกมา
หลังจากวางสายแล้ว พ่อบ้านก็ยิ้มน้อยๆ “ฉินหงเหยียนเอ้ยฉินหงเหยียน คุณช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีจริงๆ เลยตอนนี้คุณลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทเล็กๆ ที่มีมูลค่าไม่กี่พันล้าน ในอนาคตคุณจะได้เป็นประธานบริษัทระดับโลกมูลค่าแสนล้านแน่นอน! คุณชายสามไม่ปล่อยให้คุณเสียสละฟรีๆ แน่!”
……
ณ อวิ๋นโจว
ตอนเที่ยงครึ่ง ฉินหงเหยียนเพิ่งกลับมาถึงบ้านหล่อนตะโกนใส่ประตู
“เย่เฉิน คุณอยู่บ้านไหมคะ?”
ประตูไม่มีระบบตรวจสอบใบหน้า แถมตอนนี้มือสองข้างของฉินหงเหยียนก็กำลังถือของที่หนักเอาการ
ไม่กี่วินาทีเย่เฉินก็เปิดประตูบ้าน
ฉินหงเหยียนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงสุภาพยาวปานกลาง สวมรองเท้าส้นสูงสีดำ หล่อนยังคงมีกลิ่นอายของผู้บริหารหญิงเหมือนเดิม
แต่ว่าในมือกลับถือถึงพลาสติกของห้างสรรพสินค้า RT-MART สองถุงเอาไว้ในมือ ช่างขัดกับมาดของหญิงสาวเหลือเกิน
ฉินหงเหยียนเห็นเย่เฉินแล้วใบหน้าก็มีรอยยิ้มผุดออกมา
“รู้ว่าคุณต้องรอฉันอยู่ที่บ้าน”
ฉินหงเหยียนเดินเข้าบ้านแล้วถาม “เย่เฉินฉันซื้อของมาเยอะแล้ว จะให้คุณได้ชิมอาหารทางใต้สักหน่อย”
ฉินหงเหยียนพูดพลางเดินตรงไปที่ครัวเพื่อเตรียมทำกับข้าว
ทว่าเย่เฉินกลับคว้าเข้าที่ข้อแขนเรียวเล็กของหล่อน ช่วยหล่อนถือถุงสองใบแล้ววางมันลงบนพื้น
จากนั้นก็ปิดประตู
เย่เฉินมีท่าทีตึงเครียด เขาเดินตรงไปหาฉินหงเหยียน แตะหน้าหล่อนเบาๆ แล้วถาม “ผมเห็นข่าวแล้ว ทำไมคุณถึงต้องลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทด้วย? เพราะผมใช่ไหม?”
ฉินหงเหยียนใช้รอยยิ้มปิดบังความเศร้าในใจแล้วกล่าว “ไม่ใช่ ฉันน่ะไม่อยากอยู่ที่หัวเซิ่งมาตั้งนานแล้ว เพราะพวกผู้ถือหุ้นพวกนั้นชอบนินทาฉันลับหลัง”
เย่เฉินกุมมือฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “ผมถามเหล่าถูแล้ว เขาบอกว่าเพราะผม คุณถึงลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท ทำไมคุณถึงโง่แบบนี้? ผมไม่คู่ควรให้คุณต้องมาเสียสละมากมายแบบนี้”
หลังจากที่เย่เฉินรู้สิ่งที่หญิงสาวเลือกนั้นเขาก็ซาบซึ้งใจอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าฉินหงเหยียนจะยินยอมทิ้งหน้าที่การงานมาเพื่อเขา
ถ้าหากเป็นหวังเจียเหยา คาดว่าคงเลือกทิ้งเย่เฉินไปโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำล่ะมั้ง?
ฉินหงเหยียนกล่าวดุดัน “คุณไม่คู่ควรหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ แต่มันขึ้นอยู่กับฉันต่างหาก!”
เย่เฉินซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง เขาสาบานว่าในอนาคตจะต้องทำให้ฉินหงเหยียนได้เป็นประธานบริษัทที่ใหญ่กว่านี้ให้ได้!
แต่ในวินาทีนี้เขาทำได้เพียงใช้วิธีอื่นชดเชยให้หญิงสาว
เย่เฉินเดินตรงไปอุ้มหล่อนขึ้นมาแล้วแล้วสาวเท้าไปยังห้องนอนทันที
ฉินหงเหยียนทุบเขา “คุณปล่อยฉันนะ ฉันยังต้องทำกับข้าวอยู่เลย!”
“ทำกับข้าวอะไร ไม่กินแล้ว!!”
รองเท้าส้นสูงของฉินหงเหยียนค่อยๆ ร่วงลงบนพื้นทีละข้างๆ
ในเวลาเดียวกัน ณ วิลล่าเฝยชุ่ย เมืองเทียนไห่
หวังเจียเหยาเพิ่งจะตื่นขึ้นจากอ้อมกอดของหลิ่วอวี่เจ๋อ
“ที่รักเกิดอะไรขึ้นคะถึงได้ดีใจขนาดนี้?”
หวังเจียเหยาถามพลางขยี้ตาที่ยังงตื่นไม่เต็มที่
ฉินหงเหยียนขับรถมาถึงลานจอดรถบริษัทอย่างมีความสุข
ใบหน้าหญิงสาวยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มจนขึ้นลิฟท์ไปด้านบน กว่าจะหุบยิ้มก็ตอนที่เดินออกจากลิฟต์
เมื่อเดินออกจากลิฟต์มาแล้วฉินหงเหยียนก็กำลังวางมาดเป็นผู้บริหารหญิงที่แสนเย็นชา
“คุณฉินคุณมาสักที! พวกคุณถูรอคุณอยู่ในห้องประชุม”
โจวหรงหรงที่บริษัทนานแล้ว เมื่อเห็นฉินหงเหยียนก็รีบร้อนออกมาต้อนรับหล่อน
ฉินหงเหยียนสาวเท้าเดินไปข้างหน้าแล้วกล่าว “อืม ฉันรู้แล้วค่ะ ช่วยชงกาแฟให้ฉันแล้วเอามาให้ที่ห้องประชุมด้วยนะ ”
“ค่ะคุณฉิน”
ฉินหงเหยียนเดินตรงไปที่ห้องประชุมอย่างรวดเร็ว หล่อนผลักประตูห้องประชุมแล้วเดินเข้าไป
ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปต่างก็ผุดลุกขึ้นเมื่อเห็นฉินหงเหยียน
“คุณฉิน!”
“คุณฉิน!”
ฉินหงเหยียนดูมีมาดผู้บริหารอย่างยิ่ง แค่ผู้หญิงคนเดียวก็ทำให้พวกผู้ชายพวกนี้ต้องยอมศิโรราบให้แล้ว
ฉินหงเหยียนพยักหน้ารับรวมไปถึงพวกเหล่าถูต่างก็กำลังสูบบุหรี่อยู่ เขากล่าวว่า “ดับบุหรี่เถอะ เรามาประชุมกันเถอะนะ”
จากนั้นฉินหงเหยียนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของประธานบริษัท
เหล่าถูดับบุหรี่แล้วกล่าวอย่างร้อนรน “คุณฉิน คุณเห็นข้อความในเวยป๋อแล้วหรือยัง?”
ฉินหงหเยียนกล่าวตอบ “เห็นแล้วรูปพวกนั้นคนอื่นจงใจตัดต่อให้เหลือแค่ฉันกับผู้ชายคนอื่น บางอันก็แปะเข้าด้วยกัน ฉันสามารถให้ดูภาพจริงแล้วอธิบายเรื่องนี้กับประชาชนได้”
เหล่าถูกล่าว “คุณฉินพูดง่ายเกินไปแล้วแล้วหรือเปล่า?”
ฉินหงเหยียนหัวเสียน้อยๆ “ทำไม? หรือพวกคุณคิดว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไง? คุณคิดว่าฉันเคยนอนกับพวกผู้บริหารพวกนั้นเหรอ?”
เหล่าถูรีบร้อนกล่าว “ไม่ครับๆ นิสัยของคุณฉินเป็นยังไง พวกเรารู้ดีที่สุด ผู้บริหารพวกนั้นส่งคุณที่บ้านอยากจะตามจีบคุณ คุณก็ไม่รับรักพวกเขาด้วยซ้ำไป ผมเองก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ปัญหาหลักๆ ไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เห็นชัดๆ ว่าเป็นฝีมือคนตระกูลหลิ่ว ข้อมูลที่ผมรู้ก็คือที่พวกเขาเลือกล้างแค้นคุณโดยทำแบบนี้ก็เพราะคุณยื่นมือเข้ามาช่วยเย่เฉินหลายครั้ง!”
และในเวลานี้เองผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ก็เปิดปากกล่าวบ้าง
“นั่นสิ คุณฉิน คุณเย่เป็นศัตรูคู่แค้นของตระกูลหลิ่ว คุณสนิทสนมกับคุณเย่ขนาดนั้น พวกเขาต้องไม่พอใจแน่! จริงด้วย ต่อให้ครั้งนี้สามารถอธิบายเรื่องรูปภาพได้ แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าตระกูลหลิ่วจะใช้วิธีอื่นๆ มาล้างแค้นบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปของเรา!”
ฉินหงเหยียนอ้าปากพะงาบเหมือนคนใบ้ หล่อนรู้ดีแก่ใจว่าหลิ่วอวี่เจ๋อคนนี้จิตใจคับแคบ แถมยังเจ้าคิดเจ้าแค้นมากด้วย
ถ้าหากว่าเขาต้องการโจมตีตนเองคงจะต้องสรรหาวิธีการมาต่างๆ นานาแน่นอน
“งั้นพวกคุณต้องการอะไร?” ฉินหงเหียนกอดอกแล้วเอ่ยปากถามพวกเขา
หล่อนแอบรู้สึกว่าการประชุมครั้งนี้พวกเขามีแผนการในใจเอาไว้แล้ว
เหล่าถูกล่าว “คุณฉิน ตระกูลหลิ่วแห่งเมืองเทียนไห่น่ะพวกเราล่วงเกินพวกเขาไม่ได้หรอกนะ ดังนั้นผมหวังว่าคุณจะรักษาระยะห่างกับเย่เฉินเอาไว้! ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อจะพิสูจน์กับคนตระกูลหลิ่วว่าคุณกับเย่เฉินตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิง ผมหวังว่าคุณจะออกประกาศโจมตีเย่เฉิน!”
“โจมตีเย่เฉิน? โจมตีเขาเรื่องอะไร?”
ฉินหงเหยียนมีท่าทีจริงจังขึ้นมาทันที
เหล่าถูส่งเอกสารบนโต๊ะให้ฉินหงเหยียน
หลังจากรับเอกสารมาจากเขาแล้วหล่อนก็พลิกดู
ด้านบนนั้นเต็มไปด้วยความผิดของเย่เฉิน!
สิ่งที่สาธยายเอาไว้นั้นบอกเอาไว้ว่าตอนที่เย่เฉินอยู่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปนั้น เขาใช้เงินมือเติบอย่างไร ใช้ช่องว่างทางกฎหมายไปเท่าไหร่ถึงขนาดที่ว่ายังใส่ความเรื่องชีวิตส่วนตัวของเย่เฉินว่าเหลวแหลกขนาดไหน?
“เย่เฉินและโจวหรงหรงทำเรื่องพิเรนทร์กันในออฟฟิศ? คนสารเลวคนไหนเขียนเรื่องพวกนี้เนี่ย!”
ฉินหงเหยียนโกรธจัด หล่อนฉีกเอกสารทิ้งโยนไปอีกทางทันที
และโจวหรงหรงก็กำลังเอากาแฟที่ชงเสร็จแล้วมาส่งให้ฉินหงเหยียนพอดี
หล่อนถือแก้วกาแฟเดินมา แล้วรีบร้อนทรุดตัวนั่งลงจากนั้นก็เก็บเอกสารสัญญาที่ฉินหงเหียนฉีกทิ้งขึ้นมาดู
เมื่อเห็นเอกสารเป็นเรื่องเกี่ยวกับตนเอง จึงรีบผุดลุกขึ้นมากล่าวทันที “ท่านผู้บริหารทุกท่านคะ ดิฉันกับคุณเย่ไม่มีอะไรกันนะคะ คุณเย่ไม่เคยทำเรื่องพวกนั้นกับฉันเลยค่ะ”
เหล่าถูถลึงตาใส่โจวหรงหรง “เธอออกไปก่อน เธอไม่มีสิทธิ์พูดอะไรที่นี่”
ฉินหงเหยียนส่งสายตาบอกโจวหรงหรงเพื่อให้หล่อนออกไป
หลังจากโจวหรงหรงเดินออกไปแล้ว ฉินหงเหยียนก็หันไปด่าเหล่าถูทันที “เหล่าถูเอกสารอุบาทแบบนี้คุณก็กล้าจะเขียนนะ? คุณเย่ก็น่าจะดีกับพวกคุณมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้ใส่ความเขาแบบนี้ล่ะ!”
เหล่าถูยังไม่ทันได้พูดอะไรคนอื่นก็แย่งพูดแทนเขาเสียแล้ว
“คุณฉิน คุณถูเองก็คิดเผื่อผลประโยชน์ของพวกเราทั้งนั้น ขอแค่สามารถขีดเส้นกั้นระหว่างเย่เฉินได้ คนพวกนั้นก็จะเลิกยุ่งกับพวกเราไปเอง”
“นั่นสิ คุณฉิน คุณก็ทำตามพวกเขาไปเถอะ ยังไงเสียเย่เฉินก็ไม่มีพื้นเพอะไร คุณใส่ความเขาไป เขาก็ไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก”
ฉินหงเหยียนตบโต๊ะอย่างโมโห หล่อนผุดลุกขึ้นแล้วกล่าว “พวกคุณฟังฉันนะ ฉันไม่มีทางจะใส่ความเย่เฉินแน่แล้วไม่มีทางจะตัดขาดกับเขา”
“เพราะว่าเย่เฉินเป็นแฟนของฉัน!”
คำพูดประโยคนี้ของหญิงสาวทำให้เหล่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทตกตะลึง
“คุณว่ายังไงนะ? เย่เฉินเป็นแฟนคุณเหรอ?”
“หงเหยียนคุณอย่าเหลวไหลน่า ผมรู้จักคุณตั้งแต่ปีแรกที่คุณมาที่อวิ๋นโจวแล้ว เจ็ดปีที่ผ่านมานี้ไม่ยักจะเห็นคุณมีแฟนสักที ทำไมคุณถึงเลือกคบกับยาจกนั่น!”
ในบริษัทเองก็มีคนชอบฉินหงเหยียไม่น้อย ถึงขนาดที่ว่าเหล่าผู้บริหารระดับสูงจำนวนมากต่างก็เข้ามาสมัครงานที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเพื่อตามจีบฉินหงเหยียน
พวกเขาคิดว่าพระจันทร์อยู่ใกล้น้้ำ การที่ทำงานในบริษัทเดียวกับฉินหงเหยียนน่าจะมีโอกาสได้บ้าง
ดังนั้นทันทีที่ได้ยินฉินหงเหยียนบอกว่าตนเองมีแฟน พวกเขาถึงได้ตื่นตูมกันเป็นอย่างมาก!
ฉินหงเหยียนมองพวกเขาแล้วกล่าว “ฉันไม่ได้ล้อเล่น พวกเรานอนด้วยกันแล้ว!”
นี่ยิ่งทำให้พวกเขาแตกตื่นกว่าเดิม!
พวกผู้บริหารระดับสูงที่ทั้งแอบรัก และตามจีบฉินหงเหยียนอย่างเปิดเผย ต่างก็โกรธจนเหมือนจะกระอักเลือดออกมา
เมื่อต้องเห็นผู้หญิงสวยๆ คนหนึ่ง พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบแบบนี้จะถูกยาจกลากให้มาแปดเปื้อนแบบนี้!
ชายวัยกลางคนที่ตามจีบฉินหงเหยียนมาได้สามปี จู่ๆ ก็ตบโต๊ะแล้วตะโกนเสียงกร้าว
“ฉินหงเหยียน! สิ่งที่คุณทำอยู่นี่มันเหลวไหลสุดๆ! รู้ทั้งรู้ว่าเย่เฉินเป็นศัตรูของตระกูลหลิ่ว คุณไม่เพียงแต่จะรักษาระยะห่างกับเขา แต่ยัง… ยังจะนอนกับเขาอีก!”
“คุณเอาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ไปไว้ที่ไหน!”
“จริงด้วย คุณจะมีแฟนไม่ใช่เรื่องของคุณคนเดียว แต่มันยังเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของพวกเราด้วย!”
“ถ้าไม่เลิกกับเขาก็ลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทไป!”
ทุกคนต่างก็เริ่มโจมตีฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนกัดริมฝีปาก หล่อนไม่พอใจอย่างมาก กว่าจะได้เป็นประธานบริษัทก็ไม่ใช่ง่ายๆ หล่อนไม่ยอมปล่อยให้ตำแหน่งนี้หลุดมือไปอย่างง่ายดายแน่!
“ท่านฟางเป็นคนแต่งตั้งฉัน ท่านฟางถึงจะเป็นหุ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป นอกเสียจากว่าเขาเป็นคนพูดเอง มิฉะนั้นแล้วใครก็อยากคิดจะเตะฉันลงจากตำแหน่งประธานบริษัท! แล้วไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่ามายุ่งเรื่องฉันจะไปนอนกับใครด้วย!”
ฉินหงเหยียหัวเสียสุดๆ หล่อนปัดแก้วกาแฟที่ยังไม่ได้ดื่มสักอึกลงบนพื้นแล้วเดินออกจากห้องประชุมไป
“โทรหาท่านฟาง! บอกให้ท่านฟางจัดการนังบ้านี่!”
“แม่งเอ้ย เจ็ดปีมานี้สงวนเนื้อสงวนตัวอย่างกับอะไร ผลคือลดตัวลงไปหาเย่เฉินเสียอย่างนั้น! บ้านฉันเองยังมีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะตามจีบฉินหงเหยียนฉันจะมาทำบ้าอะไรที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปนี่ทำไมตั้งสามปี”
“จากที่ดูๆ แล้วฉินหงเหยียนเป็นพวกบ้าผู้ชายหล่อๆ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเย่เฉินแรงดีถึงได้เลือกเขา เย่เฉินน่าจะเป็นผู้ชายที่หล่อนเลี้ยงเอาไว้นั่นแหละ!”
“ผู้หญิงอายุ 30 ก็เหมือนนังปีศาจ! คนแบบนี้ไม่คู่ควรจะเป็นผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป”
“……”
เสียงก่นด่าฉินหงเหยียนดังขึ้นภายในห้องประชุมไม่หยุด
ฉินหงเหยียนพยักหน้ารับ แล้วรีบร้อนโทรกลับหาอีกฝ่ายต่อหน้าเย่เฉิน และเปิดลำโพงด้วย
หล่อนรู้ว่าชีวิตแต่งงานครั้งก่อนของเย่เฉินแตกหักไปเพราะภรรยาหลอกลวงและโกหกเขา
ปกติแล้วผู้ชายที่เคยโดนทำร้ายมาก่อนแบบนี้จะหวาดระแวงในตัวคู่ชีวิตอย่างมาก
ฉินหงเหยียนเปิดลำโพงเพื่อให้เย่เฉินรู้ว่าตนเองไม่มีความลับอะไร ไม่ว่าจะสายไหนโทรเข้ามาหล่อนก็เปิดลำโพงให้เขาฟังได้ทั้งนั้น หล่อนไม่มีทางหลอกลวงเขา
เย่เฉินย่อมเข้าใจเป้าหมายของฉินหงเหยียน และยิ่งชื่นชมความเปิดเผยซื่อตรงของแฟนตนเอง
“ว่าไงเหล่าถู โทรมาเช้าขนาดนี้มีอะไรหรือเปล่า?”
ฉินหงเหยียนพูดกับไมโครโฟนของมือถือ
“โอ้ยเกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องแล้วคุณฉิน!”
เหล่าถูที่อยู่ปลายสายมีท่าทีร้อนรนอย่างยิ่ง
ฉินหงเหยียนสบตาเย่เฉินแล้วถาม “มีเรื่องอะไร?”
เหล่าถูกล่าว “ตอนนี้ในข่าวมีแต่ข่าวด้านลบของคุณ บอกว่าฉินหงเหยียนรองประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปสาวสังคมชื่อดังของอวิ๋นโจว มีเรื่องชู้สาวกับเหล่าผู้บริหารที่มีภรรยาแล้ว แถมยังแนบรูปด้วยเขียนเสียออกรสเชียว จนติด Hot Search ของเวยป๋อแล้วเนี่ย! เฮ้อ คิดว่าเดี๋ยวพอตลาดหุ้นเปิด ราคาหุ้นบริษัทเราร่วงแน่!”
จะมองข้ามผลกระทบจากชีวิตส่วนตัวของผู้บริหารบริษัทที่ส่งผลต่อราคาหุ้นไม่ได้
ก่อนนี้แล้วเคยเกิดเรื่องประมาณนี้มามาก ทันทีที่มีเรื่องหลุดออกมา ราคาหุ้นอาจจะลดลง 5% เป็นอย่างน้อย
เย่เฉินขมวดคิ้วนิ่ว รีบร้อนหยิบโทรศัพท์ออกมาเข้าเวยป๋อ ก็พบว่าในชาร์ต Hot search และก็พบว่ามีหัวข้อเรื่อง ‘พฤติกรรมไม่เหมาะสมของชีวิตส่วนตัวของประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป’จริงๆ!
เย่เฉินเห็นประโยคนี้ก็รู้สึกหงุดหงิด เพราะว่าตอนนี้ฉินหงเหยียนเป็นแฟนของเขา!
แต่เพราะเห็นคนอื่นตำหนิว่าชีวิตส่วนตัวของแฟนเขามีปัญหาแถมยังติด Hot search ทำให้คนทั้งประเทศเข้าใจผิดไปแบบนี้ !
พอกดเข้าไปดูเห็นหัวข้อในเวยป๋อ เห็นได้ชัดว่ามีภาพคู่หัวเราะคิกคักของฉินหงเหยียนและผู้บริหารหลายคน ดูแล้วเหมือนมีอะไรในกอไผ่
“น่ารังเกียจ ภาพเหล่านี้โดนคนอื่นตัดต่อ ฉันเจอผู้บริหารพวกนี้ในที่สาธารณะทั้งนั้น หนำซ้ำยังมีคนอื่นอยู่ด้วย”
ฉินหงเหยียนมองภาพพวกนี้ปราดเดียว ก็พบทันทีว่าตัวเองโดนโจมตีด้วยเจตนาไม่ดี
เหล่าถูกล่าว “คุณฉินคุณรีบมาที่บริษัทเถอะ พวกเราต้องรีบเรียกประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อถกกันเรื่องนี้”
ฉินหงเหยียนกล่าว “ค่ะฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากวางสายแล้ว เย่เฉินจับมือฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “ขอโทษด้วยนะหงเหยียน เรื่องนี้น่าจะเป็นฝืมือของหลิวอวี่เจ๋อ”
ฉินหงเหยียนเป็นคนระมัดระวังอย่างยิ่งไม่ล่วงเกินใครมาก่อน
เย่เฉินไม่เดาก็รู้ จะต้องเป็นฝีมือหลิ่วอวี่เจ๋อที่หาเรื่องบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ดังนั้นถึงได้ใช้วิธีสกปรกแบบนี้
เย่เฉินรู้สึกผิดอย่างมาก เพราะหลิ่วอวี่เจ๋อต้องการจะล้างแค้น ดังนั้นเขาถึงได้ลงมือกับฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนยิ้มน้อยๆ “ในเมื่อฉันเป็นผู้หญิงของคุณแล้ว คุณอย่าขอโทษฉันเลยค่ะ”
“อย่างไรเสียฉันทำอะไรถูกต้องไม่เคยปกปิด ไม่มีเรื่องผิดอะไรที่ให้เขาขุดหา ฉันไม่กลัวว่าเขาจะหาเรื่องฉันหรอกค่ะ”
เย่เฉินพยักหน้าเขารู้ถึงศักยภาพของฉินหงเหยียนได้ดีว่าหล่อนจะต้องจัดการเรื่องนี้ได้ดีแน่
“คุณรีบไปบริษัทเถอะจะให้ผมไปส่งไหมครับ?” เย่เฉินถาม
ฉินหงเหยียนส่ายหน้า “คุณเหนื่อยมาแล้วทั้งคืนพักที่บ้านเถอะค่ะ แต่ว่าฉันอยากกินอาหารเช้ากับคุณก่อนแล้วค่อยไป..”
“กินข้าวเช้าเหรอ? เหล่าถูบอกว่าจะเรียกประชุมไม่ใช่เหรอ?”
เย่เฉินจำได้ว่าที่ผ่านมาฉินหงเหยียนเป็นคนทำงานรวดเร็วว่องไว บางครั้งไม่กินข้าวทั้งวันก็ยังได้ ทำไมวันนี้ถึงได้อยากจะกินข้าวเช้าแทนที่จะตรงดิ่งไปทำงานเลยล่ะ?
ฉินหงเหยียนเขินอายเกินกว่าจะพูดตรงๆ “คุณอยู่เมืองนอกมาก่อนไม่ใช่เหรอ? น่าจะเข้าใจความหมายที่ฉันจะสื่อนะ”
เห็นท่าทางฉินหงเหยียนเย่เฉินถึงได้เข้าใจ “อ้อ ผมเข้าใจแล้ว ผมเข้าใจแล้ว พวกเรากินข้าวเช้าด้วยกันแล้วคุณค่อยไปทำงาน”
นี่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมที่ต่างกันระหว่างในประเทศและต่างประเทศ
ตู่รักในประเทศจะคบหากันก่อนแล้วค่อยนอนด้วยกัน คบหากันเป็นเวลานาน กินข้าวด้วยกันหลายมื้อจนนับไม่ถ้วน ดูภาพยนตร์ด้วยกันหลายเรื่องแล้วถึงจะนอนด้วยกัน
แต่ที่ต่างประเทศกับกันถูกใจกันแล้วก็จะนอนด้วยกันก่อน นอนด้วยกันไปแล้ว จะคบหากันไหมนั้นยังอีกเรื่องหนึ่ง
ทันทีที่ตกลงกันว่าจะคบหากันแล้วนั้น ทั้งสองคนจะกินข้าวเช้าด้วยกัน นี่แปลว่าพวกเขาสองคนคบหากันแล้ว
ดังนั้นอาหารเช้ามื้อนี้สำคัญกับเย่เฉินและฉินหงเหยียนอย่างยิ่ง
ถ้าหากกินข้าวเช้าด้วยกันจะทำให้ฉินหงเหยียนสบายใขจึ้นมาเล็กน้อย
ถ้าไม่กินฉินหงเหยียนรู้สึกว่าระหว่างพวกเราสองคนเป็นแค่วันไนท์แสตนด์เท่านั้น
เย่เฉินเองก็เห็นฉินหงเหยียนเป็นคนรักจากใจจริง ไม่ได้จะเล่นๆ ดังนั้นย่อมต้องยอมกินข้าวเช้าเป็นเพื่อนหล่อน
“ผมทำให้คุณแล้วกันเมื่อสามปีก่อนผมเป็นพ่อบ้าน” เย่เฉินกระเซ้า
แต่พอถึงห้องครัว ฉินหงเหยียนกลับปาดหน้า “ฉันไม่ใช่โรคเจ้าหญิงแบบหวังเจียเหยา ไม่ได้ต้องการให้คุณมาทะนุถนอมดูแล คุณไม่ต้องทำอาหารให้ฉันหรอก เดี๋ยวฉันจัดการมื้อเช้าเอง”
ฉินหงเหยียนทำพายเนื้อ ผัดมะเขือเทศกับมันฝรั่ง และนมสองแก้ว
“วันนี้รีบก็เลยทำอาหารง่ายๆ คุณฝืนกินไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะทำอาหารเต็มโต๊ะเลย”
ฉินหงเหยียนทำอาหารเช้าเสร็จก็ไปอาบน้ำ แต่งหน้าอ่อนๆ แล้วเดินมาส่งยิ้มให้เย่เฉิน
เย่เฉินรู้สึกว่าในวินาทีนี้ตนเองใกล้จะสำลักความสุขตายแล้ว
มีผู้หญิงสวยแบบนางฟ้าเป็นแฟน แถมยังทำอาหารให้เขาอีก
หล่อนเป็นถึงประธานบริษัทที่เข้าตลาดหุ้น!
เปรียบเทียบกันไปแล้วหวังเจียเหยาด้อยกว่าหญิงสาวคนนี้เป็นหมื่นแสนล้านเท่า!
ฉินหงเหยียนกัดไปไม่กี่คำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ เพื่อยืนยันว่าพวกเขาสองคนเป็นคนรักกันแล้วก็ลุกขึ้นไปทำงานด้วยความดีใจ
“คุณเอากุญแจไป เดี๋ยวฉันจะส่งรหัสให้คุณในวีแชท คุณขนของของคุณมาที่บ้านฉันแล้วอยู่ด้วยกันเถอะนะ”
ฉินหงเหยียนส่งกุญแจบ้านให้เย่เฉิน
เย่เฉินรู้สึกว่าชะตาการเป็นเขยที่แต่งเข้าของตนเองไม่จบไม่สิ้น ก่อนนี้อยู่ที่บ้านหวังเจียเหยา ตอนนี้ย้ายมาอยู่ที่บ้านฉินหงเหยียนแทน
“ครับ”
เย่เฉินรับกุญแจมาแล้วเตือนหญิงสาว “เอ่อ…อย่าลืมซื้อยาคุมฉุกเฉินนะ”
ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ในบ้านไม่มีของจุกจิกอะไรพวกนั้น ดังนั้นทำได้เพียงตามแก้ปัญหาทีหลัง
ฉินหงเหยียนนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ใบหน้าก็แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มของความสุข “รู้แล้วน่า บ๊ายบายค่ะ”
ฉินหงเหยียนเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้าไปจุมพิตเย่เฉินแล้วก็ไปทำงานอย่างมีความสุข
ทันทีที่เข้าไปในรถพอร์ชของตนเอง ฉินหงเหยียนก็มีความสุขเหมือนจะระเบิดออกมา
“7 ปีแล้วในที่สุดฉันก็หลุดพ้นแล้ว! ฉันมีความรักแล้ว! ฉันมีแฟนกับเขาแล้ว!”
ได้คบหากับเย่เฉิน ฉินหงเหยียนรู้สึกมีความสุขอย่างมาก
ต่อให้ตอนนี้เย่เฉินจะโดนขับออกจากตระกูลแต่ดูจากตัวของเย่เฉิน หน้าตา ความสามารถ ความแข็งแรง รสนิยม วิสัยทัศน์ คำพูดคำจา กริยาท่าทาง ล้วนแต่ถือว่าดีเยี่ยมอย่างยิ่ง
คู่ควรกับฉินหงเหยียนอย่างแน่นอน
ฉินหงเหยียนสตาร์ทรถ เปิดวิทยุคลื่นที่ฟังบ่อยๆ ซึ่งคลื่นช่องที่ว่านี้กำลังบรรเลงเพลงภาษาอังกฤษ
เพลง Sometime ของ Kimak
โน้ตเพลงที่บรรเลงนั้นเหมาะกับอารมณ์ในตอนนี้ของฉินหงเหยียนอย่างมาก
ผู้หญิงคนที่กำลังติดหัวข้อ Hot search ของเวยป๋อ ผู้หญิงที่โดนชาวโซเชียล และบอทรุมด่าว่า ‘ร่าน’’ผู้หญิงแพศยา’กำลังขับรถอย่างอารมณ์ดีโดยไม่แยแสเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำไป
หนทางข้างหน้าอาจเต็มไปด้วยอันตรายแต่หล่อนรู้ว่าจะมีเย่เฉินจะร่วมฝ่าฝันไปด้วยกัน!
ฉินหงเหยียนกล่าวว่า “แต่สิ่งที่ทำให้ฉันชื่นชมคุณจริงๆ ก็คือตอนที่เราเจอกันในห้องท่านประธาน ตอนนั้นฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะฉันรับปากคนตระกูลหวังว่าจะตัดทางทำมาหากินของคุณ คุณย้ายมาเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งได้ก็พิสูจน์ให้เห็นความสามารถของคุณว่าอาจจะเก่งกว่าทุกคนที่ฉันเคยรู้จัก! แต่ฉันกลับไม่รู้ดีชั่วยังไปล่วงเกินคุณ ถ้าคุณจะล้างแค้นฉันล่ะก็ ความทุ่มเทตลอด 7 ปีในอวิ๋นโจวของฉันก็คงสูญเปล่า!
แต่ว่าคุณไม่เพียงแต่จะไม่ล้างแค้นฉัน แต่ยังให้ฉันได้เป็นรองประธานบริษัทต่ออีก ความมีน้ำใจ ความใจกว้าง การวางแผนของคุณเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นจากผู้ชายคนอื่น ฉันเริ่มชอบคุณตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว…”
ผู้หญิงมักใจสั่นง่ายอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง
เย่เฉินกระเซ้า “ผมยังคิดว่าคุณชอบผมตอนที่ผมตะโกนใส่หูคุณเสียอีก!”
วันนั้นในงานวันเกิดคุณนายหวัง ฉินหงเหยียนวางท่าใหญ่โตบังคับให้เย่เฉินทวนคำพููดตัวเองอีกครั้ง
เย่เฉินดันเห็นหล่อนเป็นคนหูตึง คว้าหูของฉินหงเหยียนแล้วพูดเสียงดังใส่หูหล่อน
ฉินหงเหยียนดื่มเหล้าไปไม่น้อย ใบหน้าหญิสาวแดงระเรื่อ ทำให้ตอนนี้ดูเก้อเขินยิ่งขึ้น
“ไม่มีผู้ชายคนไหนแตะต้องฉันมา 7 ปีแล้ว พอคุณโผล่มาจับหูฉันต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนั้น ตอนนั้นฉันทั้งโกรธทั้งอาย ด้วยโทสะฉันก็เลยรับปากคุณนายหวังว่าจะตัดทางทำมาหากินของคุณ 7 ปีมานี้ฉันใช้ชีวิตในอวิ๋นโจวอย่างระมัดระวัง ไม่เคยล่วงเกินใครมาก่อน”
เย่เฉินย้อนคิดถึงภาพเหตุการณ์ในวันนั้นแล้วหลุดยิ้มออกมา เขาเองก็เห็นว่าอีกฝ่ายใบหน้าสวยสดงดงามถึงได้ดึงหูหญิงสาว
“หลังจากนั้นล่ะ?” เย่เฉินอยากจะฟังว่าฉินหงเหยียนจะพูดอะไรต่อ
ฉินหงเหยียนกล่าวต่อ “ฉันยอมรับว่าตอนนั้นที่ฉันชอบคุณเกี่ยวข้องกับสถานะและพื้นเพของที่บ้านคุณไม่มากก็น้อย ฉันอยากเป็นแฟนของคุณมาก อยากจะเห็นว่าตระกูลของคุณจะทำอะไรได้ขนาดไหนบ้าง แต่หลังจากได้เห็นคุณร้องเพลงในงานคอนเสิร์ต ฉันก็ตกหลุมรักคุณ”
เย่เฉินประหลาดใจ “ตอนที่ผมร้อง Thousand Sad Reasons น่ะเหรอ?”
ตอนนั้นที่เย่เฉินร้องเพลงนี้ เขาร้องเพื่อหวังเจียเหยา บนเวทีเขาทั้งเล่นดนตรีและร้องเพลงเหมือนเป็นดารา หญิงสาวไม่น้อยต่างก็ส่เสียงกรีดร้องเมื่อเห็นเขา
ขนาดหวังเจียเหยาที่พอได้ยินแล้วยังสะบัดมือฟางเชาที่ขอแต่งงานไปทิ้งแล้ววิ่งโร่ไปหาเย่เฉิน แล้วขอความรักจากเขา
ในที่สุดเย่เฉินก็เข้าใจว่าฉินหงเหยียนชอบอะไรตนเอง ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่เป็นพื้นฐานครอบครัวและความสามารถ รวมไปถึงความรักที่เขามีต่อหวังเจียเหยา
ความรักนี้ทำให้หวังเจียเหยาประทับใจ ทำให้หวังเจียเหยารู้สึกว่าเย่เฉินเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักอย่างมาก เป็นคนที่ทุ่มเทและให้ความสำคัญกับความรักอย่างยิ่ง
บวกกับที่เย่เฉินซื้อกระเป๋าราคาหกแสนให้ฉินหงเหยียน หนำซ้ำยังให้หล่อนกลายเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปทำให้ความปรารถนาในใจหล่อนสมหวัง
ฉินหงหเยียนจะมีเหตุผลอะไรไม่ชอบเย่เฉินกัน?
เวลานี้เย่เฉินไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว ฉินหงเหยียนชอบในสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ
หล่อนต่างกับหวังหยวนหยวน หล่อนไม่ได้สงสัยว่าเย่เฉินแกล้งโดนไล่ออกจากบ้านถึงได้จงใจเข้าหาเขา
แต่หล่อนชอบเย่เฉิน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฐานะคุณชายของเขา
ฉินหงเหยียนก้มหน้า “ฉันรู้ค่ะฉันไม่ได้สวยเหมือนหวังเจียเหยา และไม่ได้อายุน้อยแบบหวังหยวนหยวน คุณต้องรังเกียจที่ฉันแก่ และต้องรังเกียจที่ฉันเคยโดนเลี้ยงมาสามปี ขอโทษด้วยนะฉันไม่ควรไม่เจียมตัวแล้วสารภาพรักกับคุณ ถ้าทำให้คุณต้องขยะแขยงฉันต้องขอโทษมากๆ พวกเราดื่มเหล้ากันเถอะ ถือเสียว่าเมื่อครู่ฉันไม่ได้พูดอะไรดีไหม?”
ฉินหงเหยียนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา แล้วเตรียมจะรินไวน์ให้เขา
ทว่าเย่เฉินกลับคว้าแขนหญิงสาว แล้วดึงหล่อนลงมาตรงหน้าตนเอง หน้าพวกเขาสองคนแนบชิดสนิทกันอย่างยิ่ง
เย่เฉินกล่าว “หงเหยียน ผมอยากบอกคุณว่าผมไม่ได้รังเกียจที่คุณแก่ และก็ไม่ใส่ใจเรื่องในอดีตของคุณหรอก อีกอย่างคุณดีกว่าหวังเจียเหยาพันเท่า หมื่นเท่า หล่อนต่างหากถึงจะเป็น…”
เย่เฉินอยากจะพูดว่าหวังเจียเหยาถึงจะเป็นผู้หญิงที่เขารังเกียจ แต่สิ่งที่เขารู้สึกกับหล่อนนั้นมีแค่ความซาบซึ้งใจ สดใสและสบายใจ
แต่ว่าฉินหงเหยียนไม่ได้เปิดโอกาสเย่เฉิน หล่อนโถมตัวไปจุมพิตเขาทันที
ทั้งสองคนดื่มเหล้าไปไม่น้อย ดื่มเหล้าขาวและยังดื่มไวน์ต่อ บวกกับทั้งสองคนเดิมต่างก็รู้สึกดีกับอีกฝ่าย
ผู้ใหญ่สองคนหน้าตาดีแถมยังเป็นโสด จะไม่ให้เกิดอะไรขึ้นนั้น โอกาสมีน้อยพอๆ กับคนจะถูกหวย
……
ตีสองเย่เฉินยืนดูวิวตอนกลางคืนตรงหน้าต่างห้องนอนฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนสวมเสื้อของเขา เอื้อมมือมากอดชายหนุ่มจากด้านหลัง
ฉินหงเหยียนแนบใบหน้าเข้ากับแผ่นหลังของเย่เฉินแล้วกล่าวเสียงอ่อนหวาน “7 ปีแล้วตั้งแต่เลิกรากับผู้ชายคนนั้นไป ฉันก็ไม่มีแฟนอีก ฉันคิดว่าจะไม่สามารถมีความรักเหมือนคนทั่วๆ ไปแล้วจนมาเจอคุณ ขอบคุณนะคะ เย่เฉิน”
เย่เฉินหมุนตัวกลับมามองเสี้ยวหน้าของฉินหงเหยียน ตอนนี้หล่อนเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว เย่เฉินจึงยิ่งรักหล่อนมากขึ้น
ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงชั้นยอดจริงๆ หล่อนอาจจะแก่กว่าหวังเจียเหยาแต่ไม่ได้เป็นข้อเสีย กลับกลายเป็นข้อดี เป็นสเน่ห์ของหล่อนเสียด้วยซ้ำไป
ฉินหงเหยียนถึงจะคู่ควรเป็นผู้หญิงของเย่เฉิน!
ไม่ว่าจะเป็นนิสัย บุคลิกภาพ หรือศีลธรรมก็คู่ควรกับเขาทั้งนั้น!
เย่เฉินตัดสินใจว่าจะรักและทะนุถนอมฉินหงเหยียนให้ดีๆ แต่เขายังตัดสินใจจะปกปิดเรื่องของที่บ้านต่อ !
บางทีทำแบบนี้อาจจะไม่ยุตธรรมกับฉินหงเหยียน
ทว่าเขาไม่อยากจะโดนทำร้ายจิตใจอีกครั้ง เหมือนตอนที่แต่งงานกับหวังเจียเหยา!
6 โมงเช้าโทรศัพท์ของหวังเจียเหยาก็ดังขึ้น ปลุกคนทั้งสองที่กำลังดำดิ่งอยู่ในห้วงนิทรา
เย่เฉินลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก พวกเขานอนกันตอนเกือบตีห้า นอนยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ยังนอนไม่พอเลยด้วยซ้ำไป
ฉินหงเหียนค่อยๆ เปิดเปลือกตาช้า เห็นเย่เฉินตื่นนอนเพราะเสียงมือถือของตนเอง ก็รีบร้อนเอาโทรศัพท์มาแล้วกดทิ้ง
“ขอโทษด้วยนะคะ เย่เฉิน ฉันติดนิสัยไม่ปิดเสียงเรียกเข้า คุณตื่นเลยใช่ไหมคะ?”
ฉินหงเหยียนรีบขอโทษเย่เฉิน
เย่เฉินมองวงหน้างามที่ไร้เครื่องสำอางของฉินหงเหยียน หนำซ้ำวงหน้าของหญิงสาวยังไม่ดูแก่เลยด้วยซ้ำ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมเป็นผู้ชายของคุณแล้วนะ จะมาเกรงใจอะไร”
ฉินหงเหยียนยิ้มอย่างมีความสุข “งั้นฉันเรียกคุณว่าแฟนได้ไหมคะ?”
เย่เฉินส่ายหน้า “ไม่ต้องเรียกแฟนหรอก เรียกที่รักไปเลย!”
“บ้าน่า” ฉินหงเหยียนทุบเย่เฉินเบาๆ ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าผู้บริการหญิงคนสวยที่ดูน่าเกรงขามคนนี้ พอมาอยู่ต่อหน้าเย่เฉินจะกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ขี้อ้อนขึ้นมา
ถึงแม้ว่าจะเขินอายแต่ฉินหงเหยียนก็ยังกระซิบข้างหูเย่เฉินเบาๆ “ที่รัก!”
เย่เฉินหัวเราะน้อยๆ แล้วถาม“ใครโทรมา?”
ฉินหงเหยียนตอบ “เหล่าถู”
เหล่าถูเป็นผู้บริการระดับสูงของบริษัทหัวเซ่งกรุ๊ป ซึ่งเย่เฉินเองก็รู้จัก ตอนนี้เขาเป็นรองประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอยู่
เย่เฉินกังวลใจน้อยๆ เขารู้มาว่าเหล่าถูคนนี้ปกติไม่โทรหาใครก่อน นอกเสียจากว่าเป็นเรื่องด่วน
“หงเหยียน เหล่าถูโทรหาคุณเช้าขนาดนี้ ผมว่าที่บริษัทคงต้องเกิดเรื่องแน่ คุณรีบโทรกลับไปเถอะ”
เย่เฉินแอบรู้สึกได้ว่าหลังจากที่ครอบครัวของฉินหงเหยียนเกิดเรื่องแล้วจะต้องเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นมากตามมาแน่
ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้จะต้องหักมุม และรันทดสุดยอดแน่นอน
ในตอนเย่เฉินเตรียมใจจะฟังเรื่องราวในอดีตเมื่อสิบปีก่อนช้าๆ นั้นเอง
แต่ใครจะรู้ว่าประโยคต่อมาของฉินหงเหยียนจะเป็น “ตอนอายุ 20 ฉันเป็นชู้คนอื่นอยู่ 3 ปีค่ะ”
ประโยคนี้เกรงว่าจะเป็นเหมือนระเบิดกระแทกลงกลางหัวเย่เฉิน!
เขายังไม่รู้จะทำท่ายังไงด้วยซ้ำ เขาคิดว่าต่อให้ฉินหงเหยียนเกิดเรื่องไม่ดีอะไรบ้างก็คงจะเล่าเป็นเรื่องเป็นราว หลังจากเล่าประสบการณ์ชีวิตของหล่อนเสร็จแล้วถึงจะบอกผลสุดท้ายที่เกิดขึ้น
นี่คือเรื่องที่ไม่ว่าผู้หญิงคนใดก็อยากจะลืมไป แต่คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนจะพูดออกมาง่ายๆ แบบนี้
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ยืนนิ่งไปไม่ร้ว่าจะตอบอะไรดี
น้ำตารื้นขึ้นที่ปลายดวงตาของฉินหงเหยียน หญิงสาวสูบบุหรี่ต่อแล้วกล่าว
“ตอนนั้นย่าของฉันป่วยแต่ไม่มีเงินไปผ่าตัด น้องสาวของฉันอยู่ที่โรงเรียนก็โดนเพื่อนแกล้ง ส่วนฉันก็โดนคนต่างโรงเรียนตามตอแย เขาขับรถมาที่โรงเรียนฉันทุกวันแล้ว มาแทะโลมฉันบีบบังคับให้ฉันยอมเป็นแฟนเขา ฉันเคยฆ่าตัวตาย เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ ต่อมามีผู้ชายคนหนึ่งยื่นมือมาช่วยฉันแก้ไขปัญหาทุกอย่าง”
เย่เฉินเองก็กำลังคีบซิการ์เอาไว้ในมือ แล้วนั่งฟังหล่อนเล่าประวัติที่ผ่านมาของตนเองเงียบๆ
“ผู้ชายคนนั้นก็คือเพื่อนของพ่อฉัน เขามีลูกสาวอายุเท่าฉันพอดี ตอนที่พ่อฉันยังอยู่ เขาก็มาดื่มเหล้าที่บ้านเราบ่อยๆ ฉันเห็นเขาเป็นญาติผู้ใหญ่ ฉันก็คิดว่าเป็นเพราะเขาสงสารฉันในฐานะที่เป็นเหมือนลูกเหมือนหลานถึงได้ช่วยฉัน แต่ว่าวันนั้นในรถของเขา เขาจับมือฉัน ถามว่าฉันยินดีจะคบหากับเขาหรือเปล่า ฉันถึงได้รู้ว่าเขาชอบฉัน ฉันลังเลอยู่นานแต่สุดท้ายก็ยอม”
เขามีเงินมากตอนนั้นเขาจัดเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเสินเฉิงแล้ว ฉันอยากจะให้ครอบครัวที่ฉันเหลืออยู่มีชีวิตที่เหมือนเดิม ส่วนตัวฉันเองก็อยากเป็นนักธุรกิจที่เก่งเหมือนพ่อกับแม่ จากนั้นฉันก็ดรอปเรียนแล้วตามเขาไปที่นั่นที่นี่ทั่วประเทศ ทั่วโลก ได้รู้จักคนจำนวนมาก เรียนรู้ว่าจะทำธุรกิจได้อย่างไร”
เย่เฉินฟังมาถึงตรงนี้ถึงได้เข้าใจ ว่าทำไมฉินหงเหยียนถึงได้สามารถกุมหัวใจเหล่าเศรษฐีในอวิ๋นโจวได้
ตอนหล่อนอายุ 20 ก็เริ่มคบค้าสมาคมกับพวกคนมีเงิน ย่อมต้องรู้ว่าจะควบคุมพวกเขาได้อย่างไร
แล้วฉินหงเหยียนก็กล่าวต่อ
“ฉันอยู่กับเขามา 3 ปี ตอนอายุ 23 ถึงได้เลิกยุ่งกับเขา เดินทางมาที่อวิ๋นโจวตัวคนเดียว เริ่มจากเป็นเลขาแล้วค่อยๆ มาเป็นประธานบริษัทแบบในวันนี้ ระยะเวลา 7 ปีฉันไม่เคยเจอผู้ชายคนนั้นอีก และไม่เคยตกลงปลงใจเป็นแฟนกับผู้ชายคนไหน คุณเชื่อไหมคะ?”
เย่เฉินถอนหายใจ ทันใดนั้นเองเขาไม่อยากจะสูบซิการ์แล้ว เขาวางมันกลับลงไปในกล่อง
แล้วหยิบบุหรี่สำหรับสุภาพสตรีของฉินหงเหยียนมาแทนแล้วตอบ
“ผมเชื่อ!”
ฉินหงเหยียนไม่มีความจำเป็นต้องหลอกเขา และไม่มีความจำเป็นมาทำท่าทีบริสุทธิ์ใสซื่อต่อหน้าเขา หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงแบบหวังเจียเหยา
เพราะถ้าหล่อนเป็นคนประเภทเดียวกันแล้ว หล่อนไม่จำเป็นต้องบอกเย่เฉินว่าตนเองเคยเป็นเมียน้อยคนอื่นมาก่อน
อีกทั้งทั่วทั้งวงธุรกิจของอวิ๋นโจวก็มีข่าวลือมานานแล้วว่าฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่จีบยากที่สุดในอวิ๋นโจว ไม่เคยมีใครได้ครอบครองหล่อนมาก่อน
“ขอบคุณค่ะ” ฉินหงเหยียนกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “คุณดูเองแล้วกัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบจริงไหมล่ะ? ไม่เท่านั้นฉันอาจจะถึงขั้นที่กลายเป็นผู้หญิงสกปรกชั้นต่ำไปแล้วในสายตาคุณ คุณจะต้องดูถูกฉันแน่ๆ ตอนนี้กลายเป็นฉันต่างหากที่ไม่คู่ควรกับคุณ”
ตอนที่ฉินหงเหยียนพูด หล่อนก็ก้มหน้าลง
สีหน้าเย่เฉินฉายแววลำบากใจ ฉินหงเหยียนดีกับเขาขนาดนี้ เย่เฉินย่อมไม่ดูถูกหญิงสาวเพียงเพราะเรื่องเท่านี้
เย่เฉินเองก็ลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปหาอีกฝ่ายแล้วกล่าว “หงเหยียนผมไม่ได้ดูถูกคุณเลย คุณต้องทำไปเพราะชีวิตมันบีบบังคับ ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยาน แต่หลังจากที่พ่อแม่จากไป คุณก็สิ้นไร้ไม้ตอกไม่มีที่พึ่งพิง ในโลกตอนนี้ ผู้หญิงอยากจะประสบความสำเร็จก็ถือว่ายากมากจริงๆ”
คนจำนวนเท่าไหร่ที่ทำเพื่อเงินโดยไม่เลือกวิธีการใดๆ
ผู้ชายเองก็เพื่อจะประความสำเร็จ ยังเลือกจะทอดทิ้งเพื่อน หักหลังคู่ค้า หรืออาจถึงขั้นทำเรื่องผิดกฎหมายด้วยซ้ำ
ผู้หญิงไม่มีเงิน ไม่มีพื้นเพครอบครัวใดๆ จะหาเงินยังไงให้ได้ร้อยล้าน?
นั่นมันยากเย็นแสนเข็ญ
เย่เฉินหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดจนเลอะบนใบหน้าละมุนของหญิงสาว
เย่เฉินไม่อยากจะพูดเรื่องดราม่าของหญิงสาวอีก “หงเหยียนคุณอายุแค่ 20 ก็เริ่มทำงาน คนที่เจอก็เป็นคนร่ำรวยทั้งนั้น 10 ปีมานี้น่าจะเคยเจอผู้ชายที่ทั้งหล่อและเก่งกาจมาเยอะล่ะสิ ผมอายุน้อยกว่าคุณ หนำซ้ำยังไม่เคยประสบความสำเร็จอะไร อย่างมากก็แค่บ้านรวยหน่อยเท่านั้นเอง แต่ก็อย่างว่านั่นเป็นเรื่องในอดีตทั้งนั้น ทำไมคุณถึงชอบผมล่ะ?”
เย่เฉินประหลาดใจว่าหญิงสาวชอบอะไรในตัวเขากันแน่?
ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเย่เฉินเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป เขาก็ยังพอเข้าใจได้
อย่างไรเสียตอนนั้นฉินหงเหยียนเองก็เป็นลูกน้องของเขา ลูกน้องมักมีความรู้สึกชื่นชมนับถือหัวหน้าก็ไม่แปลกอะไร
ผู้หญิงชอบผู้ชายที่ควบคุมพวกหล่อนได้
แต่ตอนนี้เย่เฉินไม่มีอะไรแล้ว หรือว่าเป็นแค่เพราะใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเท่านั้น?
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะสำหรับผู้หญิงในวัย 30 ใบหน้าของผู้ชายถือได้ว่าเป็นสิ่งที่พอจะมองข้ามไปได้
ฉินหงเหียนต้องเป็นผู้หญิงที่มีความคาดหงังในรูปลักษณ์ของคู่ชีวิตอยู่แล้ว แต่ไม่มีทางให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกเป็นลำดับแรกแน่
แววตาที่ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินนั้นเหมือนว่าความเศร้าสร้อยที่แฝงอยู่ในนั้นจะสลายไป แต่แววตาลึกซึ้งอ่อนหวานฉายขึ้นมาแทนที่
“ที่จริงแล้วตอนเจอคุณครั้งแรกฉันก็รู้สึกว่าคุณไม่เหมือนใคร ยังจำได้ไหมในงานวันเกิดย่าของหวังเจียเหยา ตอนที่ทุกคนในอวิ๋นโจวต่างก็จะตัดทางทำมากินของคุณ ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าคุณเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ น่าสงสารเหมือนฉันเมื่อ 10 ปีก่อนที่โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง”
เย่เฉินยิ้ม “ดังนั้นตอนนั้นที่แขกทุกคนอยากจะตัดทางทำมาหากินผมนักหนา คุณถึงได้ยอมให้โอกาสผมอีกครั้งเหรอ?”
ฉินหงเหยียนส่งยิ้มพลางพยักหน้า “ฉันไเด้ยินมาว่าหวังจื้อเฉียงส่งพวกนักเลงหัวไม้ไปตามคุณมา แต่กลายเป็นว่าพวกเขาดันโดนคุณซัดเสียหมอบ ตอนนั้นฉันก็รู้เลยว่าคุณไม่มีทางเป็นเขยขยะที่พวกเขากล่าวถึงแน่ๆ ขยะก็คือคนที่ทำอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ คุณก็ต่อยตีเก่ง”
เย่เฉินกล่าวอย่างละอายใจ “ก็แค่ทะเลาะวิวาทเท่านั้นจะเรียกประสบความสำเร็จได้ยังไง?”
ฉินหงเหยียนส่ายหน้า “หลังจากอายุ 20 ปีฉันก็ตั้งใจเรียนมวย เพราะฉันรู้ดีว่าไม่ว่าเรื่องไหนๆ ถ้าอยากจะทำให้ดีล่ะก็ ต้องทุ่มเท ตั้งใจ แน่วแน่ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับไหว ฉันรู้ว่าในเมื่อคุณสามารถเอาชนะพวกนักเลงหัวไม้ได้ แปลว่าปกติแล้วคุณจะต้องทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักแน่ๆ และในเมื่อคุณแน่วแน่ไม่ยอมท้อถอยเพื่อทำอะไรบางอย่างให้ดี คุณไม่มีทางเป็นขยะ แต่คุณจะต้องเป็นคนที่เยี่ยมยอดมากคนหนึ่ง”
สายตาที่เย่เฉินมองฉินหงเหยียนก็เปลี่ยนไป มันก็จริงที่เขาเคยฝึกฝนวิชาป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็ก
หลังจากนั้นก็ไปฝึกซ้อมกับพวกนักกีฬามืออาขีพที่อเมริกา ไปฝึกฝนที่สนามรบ ไม่รู้ว่าหยาดเหงื่อที่่ทุ่มเทไปเท่าไหร่หรืออาจะเลือดที่เสียไปเท่าไหร่ถึงได้ประสำความสำเร็จเช่นในวันนี้
“คุณชอบผมเพราะเรื่องนี้เหรอ?” เย่เฉินถาม
ฉินหงเหยียนส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม
ฉินหงเหยียนชอบเย่เฉินหล่อนย่อมต้องเป็นห่วงเป็นใยเรื่องนี้อยู่แล้ว ในเมื่อพวกเขาสองคนไม่ได้ตกลงจะเอาเด็กออก ทำให้ในอนาคตพวกเขาสองคนก็ยัคงมีเรื่องที่จะต้องเกี่ยวพันกันอยู่
เย่เฉินตอบอย่างตรงไปตรงมา “ผมคุยเรื่องนี้กับหวังเจียเหยาแล้ว หล่อนจะคลอดลูก แต่หล่อนบอกว่าหล่อนจะเป็นคนเลี้ยง แต่พอถึงตอนนั้นผมจะแย่งสิทธิ์การเลี้ยงดูเด็กเอาไว้เอง”
ปกติแล้วพอคู่สมรสหย่ากัน ฝ่ายหญิงจะฝ่ายแย่งเป็นสิทธิ์ในการเลี้ยงดู ฉินหงเหยียนไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องดึงดันแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็กมา บางทีอาจเพราะเขาชอบเด็กล่ะมั้ง
ฉินหงเหยียนกล่าวอย่างอ่อนโยน “ที่จริงแล้วฉันเองก็ชอบเด็กมากทีเดียว ถึงหวังเจียเหยาจะนิสัยไม่ดีแต่หล่อนหน้าตาสะสวย เด็กที่คลอดออกมาจะต้องน่ารักมากแน่ ได้เลี้ยงเด็กที่น่ารักแบบนี้คงจะต้องสนุกมาก”
ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินอย่างสเน่หา คำพูดเหล่านี้หล่อนตั้งใจจะบอกเย่เฉินชัดๆ ว่า ฉันยอมเป็นแม่ให้ลูกของพวกคุณ! ฉันอยากจะเลี้ยงเด็กคนนี้ไปกับคุณ!
เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนจะใจกว้างขนาดนี้ แต่เขาเองก็ยังรู้สึกกระดากมากทีเดียว จึงกล่าว
“เอ่อ…ที่จริงแล้วที่ผมจะฟ้องแย่งสิทธิ์เลี้ยงดู ไม่ใช่เพราะผมต้องการเลี้ยงเด็ก แต่แม่ของผม ท่านอยู่ที่ออสเตรเลียคนเดียวแล้วก็เหงาเลยอยากได้หลานเอาไว้เป็นเพื่อน”
อันที่จริงแล้วเพราะตระกูลต้องการเลี้ยงเด็กคนนี้ เพื่อจะให้เด็กคนนี้กลายเป็นทายาทที่มีคุณสมบัติคู่ควรเหมือนเย่เฉิน
ทว่าเย่เฉินไม่สามารถบอกความจริงกับฉินหงเหยียนได้ในตอนนี้
ฉินหงเหยียนได้ยินเย่เฉินบอกว่าแม่ของเขาจะเป็นคนเลี้ยงเด็กก็ดีใจกว่าเดิม
ผู้หญิงทั่วไปใครจะอยากเลี้ยงลูกให้คนอื่น?
ฉินหงเหยียนกล่าวอย่างปลื้มใจ “อ้อที่แท้แล้วคุณน้าจะเลี้ยงหลานนี่เอง ออสเตรเลียสภาพแวดล้อมดี ดำเนินชีวิตได้สบายๆ ยกเด็กให้คุณน้าเลี้ยงก็ดีเหมือนกันที่นั่นสภาพแวดล้อมดี”
ปัญหาเรื่องลูกของเย่เฉินจัดการแก้ไขแล้วเรียบร้อย ฉินหงเหยียนก็สามารถพูดเรื่องของพวกเขาสองคนได้
จู่ๆ ฉินหงเหยียนก็เอื้อมมือมากุมมือเย่เฉิน แล้วอาศัยความกล้าจากฤทธิ์แอลลกอฮอลล์ “เย่เฉิน คำพูดที่ฉันพูดกับคุณที่ร้านหม้อไฟเมื่อครู่ คุณ…คุณคิดว่ายังไงบ้าง?”
จู่ๆ เย่เฉินก็รู้สึกเหมือนมือแตะใส่ของร้อนแล้วรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “อะไร… ทำไม?”
ฉินหงเหยียนเป็นคนตรงไปตรงมา หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงขี้อาย เขาจึงถามตรงๆ “ฉันเป็นแฟนคุณได้ไหมคะ?”
และในเวลานี้เองบนจอทีวีกำลังฉายฉากพระเอกนางเอกกำลังจุมพิตกันจากเรื่อง The great gatsby
บรรยากาศวาบหวามภายในห้องปะทุถึงขีดสุด
เย่เฉินมองฉินหงเหยียน หญิงสาวสวมเสื้อกุชชี่สีดำที่เปลี่ยนหลังจากมาถึงบ้าน
เพราะกลัวว่าเสื้อตัวเก่าที่ใส่ไปร้านหม้อไฟจะมีกลิ่นเหม็น แล้วจะมีผลกับความประทับใจที่เย่เฉินมีต่อหล่อน
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เขาดื่มเหล้าแถมตัวเองก็มีกลิ่นหม้อไฟติดเสื้อผ้าอยู่ เขาไม่ได้กลิ่นด้วยซ้ำ
หล่อนใส่กางเกงขาสั้นสีชมพูใหม่อีกครั้ง ขาเรียวยาวไร้ตำหนิ
หล่อนสวมรองเท้าแตะคริสตัลยี่ห้อแอร์เมสมูลค่าห้าหลัก ก้มหน้ามองคริสตัลด้านบนที่ส่องแสง
เท้านวลเนียนราวหยกสองข้าง และนิ้วเท้าเรียวนุ่มนิ่มทาสีแดงสด
ตรงบริเวณนิ้วโป้งและนิ้วกลาง คริสตัลเกาะกันเป็นตัว ‘H’ อันเป็นตราสัญลักษณ์ของแบรนด์แอร์เมส
กลิ่นอายทที่สูงส่งของฉินหงเหยียนเกรงว่ามองแค่เท้าก็น่าจะทำให้ผู้ชายจำนวนมากต้องศิโรราบให้หล่อน?
ถึงแม้ว่าหวังเจียเหยาจะสวยงามไร้ที่ติ แต่วงหน้าที่งดงามนั้นก็ยังมองแล้วเบื่อได้
ฉินหงเหยียนต่างออกไป หล่อนไม่แค่มีใบหน้าที่สวยงาม แต่เส้นผมจนถึงฝ่าเท้าเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนใจ!
เป็นผู้หญิงที่สวยสุดๆ ไปเลย!
เย่เฉินลอบกล่าวในใจ
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่โดดเด่นแบบนี้เป็นฝ่ายเสนอตัวขอความรักจากเย่เฉิน!
แต่ในใจเขายังมีกำแพงบางๆ ตั้งเอาไว้เขากล่าวว่า “ฉินหงเหยียนคุณเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟ็คที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ คุณทั้งสวย ทั้งมีเงิน หุ่นก็ดี บุคลิกก็น่ามองแถมนิสัยยังดีอีก แต่ผมในตอนนี้น่ะเป็นแค่คนตกงาน ไม่มีงานดีๆ ทำด้วยซ้ำ ไม่จบมหาวิทยาลัย ผมไม่คู่ควรกับคุณหรอก
พี่หงเหยียน ผมรู้ว่าคุณดีกับผมมาก คุณมักจะช่วยผมให้รอดตัวอยู่เสมอในงานธุรกิจ หลังจากที่ผมเกิดเรื่องคุณยังใช้เส้นสายช่วยเหลือผม พอมีคนจะล้างแค้นผมทันทีที่คุณรู้เข้าคุณก็รีบบอกผมทันที ผมซาบซึ้งใจกับเรื่องเหล่านี้มาก และก็จำได้ขึ้นใจ”
ถ้าหากว่าคุณไม่ได้สวย ไม่ได้มีเงินขนาดนั้น เป็นคนธรรมดากว่านี้ผมคิดว่าผมอาจจะยอมรับคุณ แต่ว่าคุณดีเกินไป ผมรู้ดีแก่ใจว่ามีคนที่มีทรัพย์สินมูลค่าร้อยล้าน พันล้านหรือแสนล้านคอยตามจีบคุณ ผมจะยอมให้คุณต้องมามีชีวิตธรรมดากับผมได้ยังไง?”
ในระหว่างที่ทำความรู้จักสนิทสนมกันมาหลายเดือนนั้น ระหว่างที่เย่เฉินต้องประชุมในบริษัทก็มักจะเจอผู้ชายที่มาตามจีบฉินหงเหยียน
พวกเขาส่วนมากเป็นคนอายุเยอะ หน้าตาก็ธรรมดาแต่ว่ามีเงินกันทุกคน
แต่ก็ยังมีพวกผู้ชายอายุยังน้อยมีทรัพย์สินไม่ถึงร้อยล้าน หน้าตาพอดูได้เคยตามจีบฉินหงเหยียนอยู่เหมือนกัน
ผู้ชายที่มาให้ฉินหงเหยียนเลือกนั้นมีมากมายเกินไป หญิงสาวไม่จำเป็นต้องมาเลือกผู้ชายที่โดนไล่ออกจากตระกูลอย่างเขา
ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินแล้วกล่าวถาม “นี่คุณปฏิเสธฉันเพราะคุณรู้สึกว่าฉันสมบูรณ์แบบเหรอคะ?”
เย่เฉินพยักหน้ารับ
เย่เฉินในตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าฉินหงเหยียน เขาก็รู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็นคนต่ำต้อย
ต่อให้เขายังคงเป็นคุณชายสามของตระกูลเย่ ความมั่งมีของเขาก็เกิดจากตระกูล ไม่เหมือนฉินหงเหยียนที่ฝ่าฟันดิ้นรนมาเอง
เย่เฉินไม่ใช่คนระดับเดียวกับฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนถามพร้อมระบายยิ้ม “คุณอยากฟังเรื่องราวของฉันไหมล่ะ? คุณอยากจะรู้ประวัติและพื้นเพของฉันไหมคะ?”
เย่เฉินพยักหน้าอย่างแรง
ถึงแม้ว่าฉินหงเหยียนจะโลดแล่นในวงการธุรกิจมาเนิ่นนานหลายปี แต่ไม่มีใครรู้ถึงพื้นเพของหญิงสาว
เย่เฉินเองก็สนใจเรื่องนี้ไม่น้อย เขาอยากรู้ว่าฉินหงเหยียนจะเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยเหมือนหวังเจียเหยาหรือไม่?
ฉินหงเหยียนลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินไปปิดเสียงทีวี จากนั้นก็ยืนข้างทีวี จุดบุหรี่แล้วเล่าช้าๆ
“ฉันไม่ได้เกิดที่อวิ๋นโจว ฉันเป็นคนเมืองเสินเฉิงจากทางใต้ เดิมไม่ได้ชื่อฉินหงเหยียน แต่ชื่อฉินเสวี่ย”
เย่เฉินเข้าใจทุกอย่างทันที มิน่าเพื่อนวงการธุรกิจทั้งอวิ๋นโจวต่างก็ไม่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของหล่อน ที่แท้หล่อนก็มาจากทางใต้นี่เอง
เมืองเสินเฉิงเองเป็นหัวเมืองใหญ่ของประเทศจีน แต่พัฒนากว่าอวิ๋นโจวและยังให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจมาก ดังนั้นบริษัทใหญ่ๆ ที่เป็นที่รู้จักถึงได้มีมากกว่าอวิ๋นโจวมาก เป็นรองแค่เทียนไห่กับเมืองจิงเฉิงเท่านั้น
ฉินหงเหยียนกล่าวต่อ “ฉันเองเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย บ้านของเราที่เมืองเสินเฉิงนั้นเหมือนกับตระกูลหวังตอนอยู่ที่อวิ๋นโจว”
ตระกูลหวังตอนนี้ถือเป็นตระกูลที่ร่ำรวยแล้ว ถ้าครอบครัวฉินหงเหยียนสามารถเป็นครอบครัวระดับต้นๆ อย่างตระกูลหวังได้เกรงว่าศักยภาพของพวกเขาน่าจะมีมากกว่าตระกูลหวังเสียด้วยซ้ำไป
อีกทั้งนี่อาจจะเป็นการเปรียบเทียบที่ถ่อมตัวของฉินหงเหยียนเองด้วย
เย่เฉินมองออกอยู่นานแล้วว่าบุคลิกของฉินหงเหยียนนี้ ทุกอริยาบถของหล่อน ต่อให้จะใส่รองเท้าแตะ หรือสูบบุหรี่สำหรับผู้หญิงอยู่ก็ตาม ก็ยังมีเสน่ห์ที่เป็นดอกลักษณ์อยู่ดี
ไม่มีทางที่คนที่เกิดในครอบครัวธรรมดาจะมีท่าทางแบบนี้
เย่เฉินมองฉินหงเหยียนรอให้หญิงสาวเล่าต่อ
ฉินหงเหยียนสูบบุหรี่แล้วกล่าว “ตอนฉันอยู่ม. 3 พ่อเสียขณะอยู่ที่เมืองนอก ตอนอยู่ม.6 แม่ก็ป่วยตาย”
ฉินหงเหยียนกล่าวเสียงเรียบ น้ำตาไม่ไหลสักหยด บนใบหน้าไม่มีท่าทางเศร้าโศกเสียใจแม้แต่น้อย
แต่เย่เฉินกลับสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกในใจของฉินหงเหยียนได้
แต่ปัญหาก็คือในเมื่อพ่อแม่ของฉินหงเหยียนจากไปแล้วตั้งแต่เสื่อสิบปีก่อน แล้วอย่างนั้นหล่อนกลายมาเป็นประธานบริษัทได้อย่างไร?
ตอนที่กินหม้อไฟเมื่อครู่ เย่เฉินไม่ได้บอกเรื่องซ่งหงเย่มีชู้กับเจิ้งปินตรงๆ แต่ก็บอกใบ้เขาเป็นนัยๆ
หัวข้อที่พูดคุยกันในโต๊ะอาหาร เย่เฉินก็พูดถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ
ความเห็นของพวกเขาสามคนมองไปในทิศทางเดียวกันก็คือไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ตาม ทันทีที่เคยนอกใจแล้วครั้งหนึ่งก็จะต้องมีครั้งที่สอง
ทันทีที่จับได้ว่าอีกฝ่ายนอกใจ ถ้าไม่ตัดสินใจหย่าก็ต้องปิดตาข้างลืมตาข้าง ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองไป
แต่เห็นได้ชัดว่าเจิ้งปินไม่ใช่คนที่จะไปหาเศษหาเลย แล้วปล่อยให้ภรรยาไปมีคนอื่นได้ เขาทำงานตลอดทั้งวัน มีโอกาสเจอคนมากมายแต่เขาไม่เคยจะมองผู้หญิงคนอื่นมาก่อน
เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความรักและชีวิตแต่งงานเป็นอย่างมากดังนั้นสำหรับเขาแล้ว ย่อมเลือกทางเลือกแรกนั่นคือหย่ากันไปให้จบๆ !
เจิ้งปินกล่าว “บ้านกับรถผมยกให้คุณ แต่เงินกับหุ้นของบริษัทคุณอย่าหวังจะได้เลย”
สำหรับผู้ชายแล้วรถกับบ้านเป็นแค่ของนอกกาย มีแต่งานเท่านั้นที่เป็นสิ่งที่พวกเขายึดเหนี่ยวเอาไว้
ขอแค่ยังหาเงินได้ของพวกนี้ยังสามารถหามาได้อีก
เจิ้งปินถือว่าเป็นคนที่คิดถึงสายสัมพันธ์ครั้งเก่าก่อน ถึงได้ยอมยกรถและบ้านให้ซ่งหงเย่
ถ้าหากกลับกัน เจิ้งปินกลายเป็นฝ่ายทำผิดล่ะก็ ซ่งหงเย่จะต้องเรียกร้องจนเขาหมดตัวแน่
เจิ้งปินพูดจบก็ชันตัวลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากบ้าน
ซ่งหงเย่คุกเข่าลงบนพื้นแล้วคว้าเข้าที่ขาของสามี ไม่ให้เขาไปไหน
หล่อนรู้ดีแก่ใจ ทันทีที่ตัวเองหย่ากับเจิ้งปินแล้วก็จะไม่อาจมีชีวิตร่ำรวยแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้อีก
เดิมทีฐานะทางบ้านของซ่งหงเย่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ยากจนกว่าหวังเจียเหยาด้วยซ้ำ อีกทั้งพี่ชายและพี่สาวก็ไม่ได้รักหล่อนเท่าไรนัก
ตัวหล่อนเองก็ไม่ได้สวยอะไรมากมาย ยิ่งพอผ่านการแต่งงานมาแล้วก็จะทำให้หล่อนดูด้อยค่าลงไป
ถ้าคิดจะแต่งงานใหม่อีกครั้งก็คงจะไม่สามารถหาสามีแบบเจิ้งปินได้อีก
เจิ้งปินเป็นคนเก่งอายุแค่ 30 ก็มีทรัพย์สินมูลค่าหลายร้อยล้าน อนาคตไม่แน่ว่าเขาอาจจะกลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้านก็ได้
ส่วนซ่งหงเย่เองหลังจากหย่าแล้วจะหาเศรษฐีที่ร่ำรวยสักสิบล้านก็คงจะยากแล้ว นอกจากจะไปเลี้ยงเด็กเอ๊าะๆ แทน
ซ่งหงเย่ร้องไห้คร่ำครวญ หล่อนเห็นกล่องเครื่องแก้วบนโต๊ะรับแขกก็คิดได้ว่าน่าจะเป็นของที่เจิ้งปินเอามาด้วยก็ละลั่กละล่ำกล่าว
“ที่รัก เครื่องแก้วชุดนี้คุณเอามาให้ฉันใช่ไหมคะ? นี่แปลว่าคุณยังรักฉันใช่ไหมคะ? ฉันก็แค่ทำผิดในสิ่งที่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปอาจจะทำพลาดได้ ทำไมคุณต้องตัดรอนไร้เยื่อใยขนาดนี้ ไม่ให้โอกาสฉันสักครั้งล่ะคะ? ขนาดเย่เฉินยังให้โอกาสหวังเจียเหยาอีกครั้งเลย เขาให้อภัยหล่อน ทำไมคุณถึงไม่ยอมให้อภัยฉันบ้าง?”
เจิ้งปินมองซ่งหงเย่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะ “คุณไม่มีสิทธิ์ไปพูดถึงเขา! เย่เฉินให้อภัยหวังเจียเหยา ให้โอกาสหล่อนอีกครั้งแล้วผลล่ะเป็นยังไง? หวังเจียเหยาก็มีคนแซ่หลิ่วนั่นไม่ใช่หรือไง?!”
ซ่งหงเย่ประหลาดใจมากทีเดียวที่เจิ้งปินรู้เรื่องของหลิ่วอวี่เจ๋อ แต่ทันทีที่ฉุกคิดได้ว่าตนเองก็เคยนอนกับหมอนั่น หล่อนก็หวาดกลัวจนไม่กล้าจะตั้งคำถาม
ซ่งหงเย่กล่าว “ไม่ใช่ค่ะ ที่รัก เย่เฉินไปเล่นชู้กับน้องสาวของเจียเหยาดังนั้นพวกเขาถึงได้หย่ากัน”
เจิ้งปินแค่นเสียง “คุณฉินประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปพูดกับผมเอง จะเป็นเรื่องโกหกได้ยัง?”
“ฉินหงเหยียนบอกคุณเหรอ?”
ซ่งหงเย่นิ่งไป ไม่รู้ว่าสามีตนเองไปรู้จักกัยฉินหงเหยียนเอาตอนไหน
ซ่งหงเย่จึงไม่กล้าแก้ตัวแทนหวังเจียเหยาอีก ตอนนี้หล่อนเองก็เอาตัวรอดยากแล้ว
“ที่รักหวังเจียเหยาเดินออกนอกลู่นอกทางจริงๆ ที่ฉันทำผิดก็เพราะโดนหล่อนชักนำ ต่อไปฉันจะไม่คบค้าสมาคมกับหล่อนอีกดีไหมคะ?”
เจิ้งปินกล่าวพลางส่ายศีรษะ “คุณยังมีหน้าไปหาว่าหวังเจียเหยาทำผิดอีกเหรอ? ผมรู้จักพวกคุณสองคนมาตั้งสามปี จำได้แม่นว่าหวังเจียเหยาใสซื่อว่าง่ายขนาดไหน! คุณสอนหล่อนสูบบุหรี่ หล่อนไม่สูบ คุณบอกให้หล่อนไปสัก หล่อนไม่ยอม ที่หวังเจียเหยาดื่มเหล้าเป็นก็เพราะคุณสอนไม่ใช่หรือไง
ผมรู้สึกว่าตอนนี้คุณไม่ควรคุกเข่าขอโทษผม แต่ควรจะไปคุกเข่าขอโทษเย่เฉินต่างหาก! หวังเจียเหยาเป็นผู้หญิงที่ดีแต่โดนคุณพาไปเสียคนถึงได้ทำเรื่องผิดต่อเขา!”
เจิ้งปินพูดจบ เขาก็หอบกล่องเครื่องแก้วกล่องนั้นขึ้นมา นี่เป็นของขวัญที่เขาตั้งใจจะมอบให้ซ่งหงเย่ แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่จำเป็นต้องให้หล่อนอีกแล้ว!
ถ้าหากว่าเขาซื้อของชิ้นนี้ด้วยเงินตัวเอง เขาก็คงจะปาแก้วพวกนี้จนแตกละเอียดไปแล้ว!
แต่เขาได้มันมาจากเย่เฉิน อีกทั้งราคาก็ยังไม่ใช่น้อยๆ เขาจะโยนทิ้งไม่ได้ ยังไงก็ต้องเอาไปคืนเย่เฉิน
“คุณไม่คู่ควรกับเครื่องแก้วชุดนี้! พรุ่งนี้ผมจะให้ทนายไปพบคุณเพื่อคุยเรื่องหย่า คุณก็บอกเงื่อนไขที่คุณต้องการกับเขาแล้วกัน!”
พูดจบเจิ้งปินก็หอบกล่องเครื่องแก้วอออกจากบ้านไป แล้วไม่ว่าซ่งหงเย่จะเรียกเขาอย่างไรก็ไม่หันกลับไปมอง
เพิ่งจะเดินออกมาจากประตูลิฟท์ เจิ้งปินก็ร้องไห้ออกมา ผู้ชายร่างใหญ่น้ำหนักใกล้จะ 100 กิโลกรัมอยู่รอมร่อ ร้องไห้น้ำตาไหลพราก เขาวางกล่องเครื่องแก้วลงบนพื้น ถอดแว่นตาแล้วใช้กระดาษเช็ดน้ำตาไม่หยุด
จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเย่เฉิน
และในตอนนั้นเย่เฉินยังอยู่กับฉินหงเหยียน อีกทั้งยังย้ายกันมาที่บ้านของฉินหงเหยียนแล้ว
“น้องเย่เฉิน… วันนี้ที่เลี้ยงข้าวฉัน ที่จริงนายกำลังจะบอกว่าซ่งหงเย่มีชู้ใช่ไหม?”
เจิ้งปินกล่าวเสียงสะอื้น
เย่เฉินพอจะฟังออกว่าเจิ้งปินเสียใจอย่างหนัก แล้วย้อนนึกถึงเรื่องระหว่างเขากับหวังเจียเหยา ทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย
“พี่ปิน ผู้ชายอกสามศอกกลัวจะไม่มีเมียหรือไง? พี่เป็นคนดี มีหน้าที่การงานที่ดี อนาคตจะต้องหาเมียที่ดีกว่านี้ได้แน่ ผมไปเห็นเข้าย่อมไม่อยากให้พี่โดนปิดหูปิดตาอยู่แบบนี้ ดังนั้นถึงได้ยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องในครอบครัวของพี่หวังว่าพี่จะไม่โกรธผม ”
เจิ้งปินกล่าว “ไม่เลย ฉันต้องขอบคุณนายต่างหาก ผมทำงานหามรุ่งหามค่ำ แต่ดูเจ้าหล่อนไประเริงสุขกับผู้ชายคนอื่น! ต้องขอบคุณนายต่างหากที่ทำให้ฉันตาสว่าง! น้องเย่เฉิน ชุดเครื่องแก้วที่ให้มานี่ฉันไม่ได้ให้หล่อน เพราะไม่มีประโยชน์อะไร นายอยู่ที่ไหนล่ะ ฉันจะเอาของไปคืนนาย”
เย่เฉินกล่าว “ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านคุณฉิน ผมไม่อยากได้ของขวัญที่ผมให้ไปแล้วคืนหรอก พี่ปินไม่อยากให้ซ่งหงเย่ก็โยนทิ้งไปได้เลย”
เจิ้งปินย่อมอยากปาแก้วให้สาแก่ใจ แต่พอนึกถึงราคาแสนแพงก็ทำใจโยนทิ้งไม่ลง
“น้องเย่เฉิน ฉันรู้ว่าตอนนี้นายก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ชุดเครื่องแก้วนี้ฉันเอาไปไว้ที่บริษัทก่อนแล้วกัน ดึกขนาดนี้ขอไม่ไปรบกวนคุณฉินดีกว่า นายว่างเมื่อไหร่ก็มาเอาที่บริษัทฉันแล้วกัน”
พูดจบเขาก็กดวางสาย
“เจิ้งปินโทรมาใช่ไหม?”
ในห้องที่ตกแต่งด้วยสไตล์จีน ฉินหงเหยียนที่เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกุชชี่สีดำ แล้วส่งไวน์ให้เย่เฉิน
เย่เฉินรับแก้วไวน์มา ก่อนจะพยักหน้า “ร้องไห้หนักมาก”
ทั้งสองคนนั่งบนโซฟา ทั้งแก้วไวน์ และกล่องซิการ์ถูกวางไว้บนโต๊ะรับแขก แล้วบนกำแพงที่อยู่ตรงข้ามมีโทรทัศน์ยี่ห้อโซนี่รุ่น Z9 ราคาห้าแสน
บนจอทีวีกำลังฉายภาพยนตร์เรื่อง ‘The Great Gatsby’ ที่ลีโอนาโด ดิคาปริโอแสดงนำ
เย่เฉินไม่มีกะจิตกะใจจะดูหนัง เขากล่าว “จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าทำแบบนี้ออกจะโหดร้ายกับเจิ้งปินมากเกินไป”
ฉินหงเหยียนนั่งอยู่ข้างๆ เย่เฉิน หล่อนถือแก้วไวน์แล้วพูดว่า “เย่เฉิน ฉันว่าคุณทำถูกแล้ว เจ็บแต่จบน่าจะดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น เจิ้งปินและซ่งหงเย่ไม่ได้มีลูกด้วยกัน หลังจากหย่ากันแล้วต่างคนก็ต่างเริ่มต้นใหม่ ไม่มีภาระความรับผิดชอบอะไร แต่ละฝ่ายก็ไม่ต้องมีห่วงอะไร”
พูดถึงตรงนี้จู่ๆ ฉินหงเหยียนก็นึกถึงเรื่องของเย่เฉินขึ้นมา
“เย่เฉิน อย่าหาว่าฉันปากมากเลยนะคะ คุณตั้งใจจะจัดการยังไงกับลูกของคุณกับหวังเจียเหยา?”
เจิ้งปินแต่งงานกับซ่งหงเย่ช้ากว่าเย่เฉินและหวังเจียเหยาหนึ่งปี ตอนนี้ก็น่าจะเป็นเวลาสองปีแล้ว
เย่เฉินและหวังเจียเหยาแต่งงานกันมาสามปีไม่เคยนอนร่วมห้องกันดังนั้นตอนนี้ถึงได้เพิ่งมีลูก
แต่เจิ้งปินกับซ่งหงเย่เป็นคู่สามีภรรยาที่ปกติ ตามหลักแล้วแต่งงานกันมาตั้งสองปีน่าจะมีลูกไปนานแล้ว
พอพูดถึงเรื่องนี้ เจิ้งปินก็ตะขิดตะขวงใจน้อยๆ เขาดื่มเหล้าอึกใหญ่ก่อนจะวางแก้วเหล้าลงแล้วกล่าวต่อ
“พ่อแม่ผมน่ะเร่งให้มีหลานตั้งแต่เริ่มแต่งงานแล้ว แต่หงเย่บอกว่าตอนนี้หล่อนอายยุยังน้อย ไม่ถือเป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดในการมีลูก ไม่อยากหุ่นพังตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกด้วย”
เย่เฉินพ่นลมออกจากจมูก นี่ซ่งหงเย่คิดจะฉวยโอกาสตอนที่ตัวเองอายุยังน้อยอ่อยผู้ชายคนอื่นไม่ใช่หรือไง!
ผู้หญิงเมื่อคลอดลูกแล้ว บางคนก็ฟื้นตัวได้เร็ว บาคนฟื้นตัวได้ช้ามาก
ซ่งหงเย่เป็นคนอ้วนง่ายแล้วผอมยากเสียด้วย
ถ้าเรือนร่างหล่อนเกิดการเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่อ้วนท้วมขึ้นมา ต่อให้หล่อนมีเงินมากเท่าไหร่ หนุ่มๆ ก็ไม่มองหล่อน
ทันใดนั้นเองเจิ้งปินก็พูดต่อ “แต่เมื่อปีก่อน หงเย่เกิดพลาดท้องมาครั้งหนึ่ง!”
“พลาดท้อง!”
เย่เฉินและฉินหงเหยียนตกตะลึงไปพร้อมกัน พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะไม่ธรรมดาแบบนั้น
เจิ้งปินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเล่าต่อ “พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะมีลูกกัน แล้วก็คุมกำเนิดกันแล้วด้วย แต่สวรรค์มีตารู้ว่าผมอยากมีลูก สวรรค์เลยเมตตาให้หงเย่ท้องลูกของเรา”
“ตอนแรกหงเย่ปิดบังผม มีวันหนึ่งผมเห็นหล่อนทำท่าเหมือนอยากจะอาเจียนอยู่บ่อยๆ เลยถามหล่อน หล่อนถึงจะยอมรับ”
“พอมีลูกผมย่อมดีใจอยู่แล้ว แต่หงเย่ดูไม่ค่อยจะดีใจเท่าไหร่ เหมือนไม่ค่อยอยากมีลูกเท่าไหร่”
“ผมอุตส่าห์ยกเลิกงานทั้งหมด เพื่อจะได้ไปดูแล ประคบประหงมหล่อน จนในที่สุดหล่อนก็ยอมเก็บเด็กคนนี้เอาไว้”
“เสียดายก็แค่พอไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็พบว่าเด็กผิดปกติเลยต้องยุติการตั้งครรภ์ไป”
เย่เฉินและฉินหงเหยียนสะดุ้งแล้วรีบปลอบใจเจิ้งปิน
ทว่าเย่เฉินกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เจิ้งปินคิด
“เมื่อปีก่อนจำได้ว่าไปเจอซ่งหงเย่กับโค้ชของฟิตเนสคนหนึ่งที่ห้างสรรพสินค้ากับโรงภาพยนตร์บ่อยๆ เกรงว่าเด็กคนนั้นน่าจะไม่ใช่ของเจิ้งปินด้วยซ้ำไป!”
เจิ้งปินมักจะไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ จะกลับมาแค่ครั้งละวันสองวันเท่านั้น บางครั้งอาจจะแค่ครึ่งวันเท่านั้น ทั้งสองคนก็ไม่ได้วางแผนจะมีลูก คงจะไม่บังเอิญขนาดนี้
เย่เฉินอยากจะบอกเจิ้งปินอย่างมาก โชคดีที่เด็กไม่ได้คลอดออกมา ไม่อย่างนั้นซวยแน่!
ทันทีที่ย้อนคิดถึงการกระทำทั้งหมดของซ่งหงเย่ เย่เฉินก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้สมควรได้รับการลงโทษอย่างสาสม!
ทั้งสามคนดื่มเหล้ากินหม้อไฟกันต่อ ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเย่เฉินก็ส่งวีแชทหาไมเคิล
“ถึงหรือยัง?”
“ถึงแล้ว”
คราวนี้เย่เฉินไม่ได้ให้ไมเคิลกับซ่งหงเย่ไปนัดพบกันที่โรงแรม แต่ให้ไปที่บ้านของซ่งหงเย่แทน
ถ้าให้ไปจับชู้กันที่โรงแรม หนึ่งคือ เย่เฉินไม่รู้ว่าจะบอกกับเจิ้งปินยังไง
สองก็คือเย่เฉินกลัวว่าซ่งหงเย่กับหวังเจียเหยาจะมีนิสัยเหมือนกัน ก็คือต่อให้เปิดห้องในโรงแรมก็ไม่ยอมรับ
เย่เฉินไม่อยากให้เจิ้งปินเดินซ้ำรอยเดิมกับตนเอง เพื่อที่เขาจะได้เห็นว่าภรรยาของตนเองเป็นคนแบบไหนได้ชัดเจนแจ่มแจ้งในครั้งเดียว!
ดังนั้นเย่เฉินจึงบอกเจิ้งปิน “พี่ปิน พวกเราดื่มอีกแก้วแล้วพี่ก็กลับบ้านเถอะครับ”
เจิ้งปินกลัวจะรับรองพวกเขาได้ไม่ดี “ไม่ต้องๆ ไม่อย่างนั้นเราสองคนดื่มเบียร์กันต่อไหม?”
เย่เฉินโบกมือ “อย่าดื่มเยอะเกินไปนะ พี่ยังต้องเอาของขวัญไปให้ซ่งหงเย่อีกนะครับ”
เจิ้งปินหัวเราะร่วน เขาเองก็อดใจรอไม่ไหวที่จะเอาชุดเครื่องแก้วที่ประณีตนี้ไปให้ภรรยาตนเอง!
“ก็ได้ งั้นดื่มแก้วนี้ให้หมดแล้วคราวหน้าค่อยหาโอกาสมาดื่มกันอีก!”
ทั้งสามคนยกแก้วสุดท้ายดื่มจนหมด ตอนเจิ้งปินจะจ่ายเงินก็พบว่าเย่เฉินจัดการจ่ายก่อนแล้วเรียบร้อย เขาจึงคาดโทษเย่เฉิน
เย่เฉินบอกให้ไมเคิลลงมือทำร้ายจิตใจเจิ้งปิน เขาก็ตะขิดตะขวงใจหากต้องให้อีกฝ่ายเลี้ยงอาหารตนเอง
เมื่อเดินออกมาจากร้านอาหาร เจิ้งปินก็กอดชุดของขวัญแล้วเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน
ตลอดทางกลับบ้าน เจิ้งปินไม่ได้โทรหาซ่งหงเย่ เพราะเขาอยากจะเซอร์ไพรส์ภรรยาตนเอง
เมื่อถึงบ้านจัดแจงกดรหัสเปิดประตู ก้าวเข้าไปในบ้าน ก็เห็นไฟในห้องรับแขกเปิดเอาไว้ พอรู้ว่าภรรยาอยู่บ้านเขาก็ดีใจอย่างมาก
ตอนกำลังจะอ้าปากเรียกซ่งหงเย่ ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงซ่งหงเย่ เสียงนั้นดังลอยมาจากห้องนอน แต่เป็นภาษาอังกฤษ
“ฮ่าๆ ที่รักเรียนภาษาอังกฤษอยู่ในห้องนอนเหรอเนี่ย? เมียเรานี่เก่งจริงๆ เรียบจบแล้วแต่ก็ยังรักเรียนแบบนี้”
เจิ้งปินยังคิดว่าซ่งหงเย่เรียนภาษาอังกฤษจากในแอพพลิเคชั่น อ่านตามเสียงภาษาอังกฤษในคลิป เพื่อฝึกฝนการพูดอะไรทำนองนี้เสียอีก
ก่อนหน้านี้ซ่งหงเย่เคยเรียนภาษาอังกฤษมาก่อน เพราะหล่อนกับหวังเจียเหยามักจะไปเที่ยวเมืองนอกด้วยกันบ่อยๆ ภาษาอังกฤษเล็กน้อยที่เคยเรียนมานั้นไม่เพียงพอจะดำเนินชีวิตด้วยซ้ำ
แต่ในวินาทีต่อมา เจิ้งปินก็ได้ยินเสียงผู้ชายอีกคนพูดภาษาอังกฤษดังลอดออกมาจากในห้อง แถมภาษาอังกฤษที่เขาได้ยินนั้นเป็นสำเนียงอเมริกันที่ถูกต้องชัดเจน
วินาทีนี้เองเจิ้งปินก็ตกใจเหมือนโดนไม้หน้าสามฟาดเข้าที่หน้า
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ไมเคิลเดินออกมาจากห้องนอน พบว่าเจิ้งปินนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ใบหน้าเรียบเฉย
“เชี่ยผี!”
ไมเคิลอุทาน
“ที่รักเป็นอะไรไปคะ?”
ซ่งหงย่ใส่ชุดบางเดินออกมา เมื่อเห็นเจิ้งปินก็กระโดดโหยงเหมือนแมวอย่างไรอย่างนั้น!
“ผมขอโทษนะครับ”
ไมเคิลกล่าวขอโทษเจิ้งปิน แล้วรีบร้อนเดินออกไป
แต่เจิ้งปินไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขา แต่กลับสูบบุหรี่อยู่ที่นั่นแทน
ซ่งหงเย่ไม่มีท่าทีลนลาน หวังเจียเหยายังเคยโกหกหลอกลวงเย่เฉินได้ ส่วนหล่อนที่เป็นปรมาจารย์การโกหกด้วยซ้ำ
หล่อนยิ้มน้อยๆ แล้วสาวเท้าเดินไปนั่งลงบนโซฟา ควงแขนสามีอย่างสนิทสนมแล้วกล่าว “ที่รักคุณกลับมาเมื่อไหร่คะเนี่ย? ไม่บอกฉันก่อนเลยนะ คนเมื่อครู่เขาเป็นคุณครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ คุณก็รู้นี่คะว่าฉันชอบภาษาอังกฤษมากนี่คะ”
ทว่าเจิ้งปินไม่ขยับเขยื้อน เขาสูบบุหรี่ต่อด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ซ่งหงเย่มองที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะรับแขก ด้านในนั้นมีก้านบุหรี่ถึงห้าชิ้นแล้ว
ซ่งหงเย่จำได้อย่างแม่นยำว่าก่อนหน้านี้หล่อนจัดการทำความสะอาดที่เขี่ยบุหรี่จนสะอาดแล้ว ไม่มีก้านบุหรี่แม้แต่ก้านเดียวหลงหลืออยู่
ซึ่งนั้นแปลว่าสามีของหล่อนกลับมานานแล้ว
เมื่อรู้ว่าหลอกเจิ้งปินไม่ได้ ซ่งหงเย่ก็ทรุดตัวคุกเข่าลงต่อหน้าเจิ้งปิน “ที่รักฉันผิดไปแล้วค่ะ! ฉันเลอะเลือนไปชั่วขณะ คุณยยกโทษให้ฉันเถอะนะคะ”
ซ่งหงเย่ร่ำไห้คร่ำครวญ ทว่าเจิ้งปินกลับไม่มีท่าทีใดๆ
เจิ้งปินเงียบอยู่นานกว่าจะเปิดปากเอ่ย “คนที่เท่าไหร่แล้ว”
ซ่งหงเย่ยกมือขวาขึ้นสาบาน“ฉันขอสาบานว่ามีแค่คนนี้คนเดียว”
จู่ๆ เจิ้งปินนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ร้านหม้อไฟ เย่เฉินสั่งผักสดมาห้าจาน เป็นผักที่มีสีเขียวทั้งหมด ตอนนี้ถึงได้เข้าใจจุดประสงค์ที่เย่เฉินเลี้ยงอาหารตนเองวันนี้
“คนที่ห้าแล้วใช่ไหม?” เจิ้งปินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซ่งหงเย่ตกตะลึง ในใจพลันเริ่มลนลาน หรือว่าที่ผ่านมาเจิ้งปินรู้มาโดยตลอดเหรอ? หนำซ้ำยังรู้ถึงห้าคนแล้ว?
ความเป็นจริงแล้วผู้ชายที่ซ่งหงเย่เคยคบหามาตลอดสองปีมานี้ไม่ได้มีแค่ห้าคน เพียงแต่ที่เย่เฉินรู้นั้นมีเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น
“ที่รักฉันไม่กล้าทำอีกแล้วล่ะค่ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไปทำงานกับคุณทุกวัน คุณอยากมีลูกไม่ใช่เหรอคะ? ฉันมีลูกให้คุณดีไหม?”
ซ่งหงเย่ไม่แก้ตัวอะไรอีก หล่อนเดาได้ว่าเจิ้งปินจะต้องมีหลักฐานความผิดของหล่อนเป็นจำนวนมากแน่
ทว่าเจิ้งปินคิดถึงคำพูดบางอย่างที่เย่เฉินและฉินหงเหยียนพูดกันเมื่อตอนกินข้าวตอนชั่วโมงครึ่งก่อนนี้
แล้วจึงกล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “หย่ากัน!”
เย่เฉินชะงักนิ่งไป
เขาคิดว่าอาหารมื้อนี้จะเป็นอาหารที่ธรรมดาเรียบง่าย ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ถึงว่าฉินหงเยียนจะมาสารภาพรักกับตนเองเอาในเวลานี้ที่นี่
เรื่องที่หญิงสาวชอบเขานั้น เวลาก็ผ่านมาตั้งนาน เขาเองไม่ใช่คนโง่จะไม่รู้ได้อย่างไร!
แต่ความรู้สึกของผู้ใหญ่กับเด็กนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะหลังจากที่ทำงาน และยิ่งเป็นเจ้าคนนายคนด้วยแล้ว
จะให้มาพูดคำว่าฉันชอบคุณ สำหรับผู้หญิงอายุสามสิบปีถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ใครจะรู้ฉินหงเหยียนที่โลดแล่นในวงการธุรกิจมาหลายปี เห็นผู้ชายเป็นแค่ของเล่น ไม่เคยจะมีแฟนสักคน
แต่กลับลดตัวลงมาสารภาพรักกับผู้ชายคนหนึ่งก่อน
เย่เฉินซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่ว่าเมื่อเขามองเรือนร่างภายใต้เสื้อยืดของหญิงสาว พลันมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัวเขา
“ฉินหงเหยียนจะเหมือนหวังหยวนหยวนที่เดาได้ว่าเรื่องโดนขับออกจากตระกูลเป็นแค่การโกหกหรือเปล่านะ? คุณเลือกรักผมเพราะเงินของตระกูลเย่หรือเปล่า?”
หากเป็นเย่เฉินคนเดิมเมื่อสามปีก่อน ไม่สิ เย่เฉินคนเดิมเมื่อปีก่อนก็ได้
เมื่อเจอผู้หญิงที่ชื่นชมตนเองแบบนี้ หนำซ้ำยังโดดเด่นเก่งกาจ เขาอาจจะไม่พูดพร่ำเพลง พุ่งเข้าไปจูบหล่อนโดยไม่คิดหน้าคิดหลังก็ได้
แต่ว่าตอนนี้เมื่อเจอผู้หญิงแบบหวังเจียเหยามา ทำให้เขาไม่ใสซื่อไร้เดียงสาแบบเดิมอีกต่อไป!
เขารู้สึกว่าผู้หญิงร่วมชาติของตนเองนั้นเห็นแก่เงินเกินไป ไม่ว่าจะเป็นคนที่พิ้นเพบ้านดีหรือไม่ก็ตาม
ผู้หญิงสวยรวย ไม่ขาดแคลนเงินทอง เวลามีแฟนก็ไม่สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะรวยไหม แต่สุดท้ายถ้าต้องแต่งงานกันขึ้นมาก็ต้องหาคนที่เหมาะสมกันอยู่ดี
ส่วนผู้หญิงที่พื้นเพ้บ้านไม่เท่าไหร่ ต่างก็อยากจะแต่งงานกับผู้ชายรวยๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาของตนเอง
ฉินหงเหยียนอายุเยอะกว่าหวังเจียเหยา แถมทำงานมาก่อนหวังเจียเหยาหลายปี ถ้าจะพูดเรื่องการวางแผนและวิธีการนั้น หล่อนย่อมต้องเหนือกว่าอีกฝ่ายหลายขุม
กระทั่งหวังเจียเหยาที่ได้คำชี้แนะจากคนอย่างซ่งหงเย่ ยังหลอกเขาได้
ถ้าฉินเหยียนเกิดคิดจะหลอกเขาขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าคงไม่ยากเย็นอะไร
เย่เฉินอ่านฉินหงเหยียนไม่ออก!
เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าชอบตนเองจริงๆ หรือว่าแค่เสแสร้งแกล้งทำ
“หงเหยียน…”
เขาเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาว ในตอนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างนั้นเอง
เจิ้งปินก็พุ่งพรวดเข้ามาทันที
“โอ้ยขอโทษด้วยนะๆ ที่ทำให้คุณฉินกับน้องเย่เฉินรอนาน”
ชายหนุ่มตัวอ้วนเดินเข้ามา
เจิ้งปินสูงประมาณ 165 ซม. แต่น้ำหนักนั้นน่าจะทะลุ 90 กก. ไปแล้ว เขาเป็นหัวล้านสวมแว่นตา
เป็นเพื่อนตัวอ้วนและเซ่อซ่าหน่อยๆ แบบที่ทุกคนมักจะมีอยู่รอบตัว
เจิ้งปินถือเหล้าเหมาไถมาด้วย หลังจากทรุดตัวนั่งเห็นบนโต๊ะมีผักอยู่ห้าอย่าง คือ ผักกาด ผักคอส ตั้งโอ๋ ผักกาดก้านขาวและผักชี
เจิ้งปินประหลาดใจน้อยๆ “ทำไมสั่งแต่ผักกันล่ะเนี่ย? สั่งเนื้อสิ! เนื้อวัวเป็นอาหารแนะนำของร้านนี้ พวกเขาเลือกใช้เนื้อของวัวอายุ 3-4 ปีที่มาจากอวิ๋นกุ้ย ขนส่งมาที่โรงเชือดของอวิ๋นโจวโดยรถไฟ หลังจากเชือดแล้วจะถูกส่งมาที่ร้านภายใน 3 ชั่วโมง”
“รายการพวก A Bite Of China [1]และ CHEF NIC [2]ก็มาถ่ายที่นี่กัน”
“วันนี้ผมขอเป็นเจ้ามือเอง พวกคุณอย่าแย่งจ่ายล่ะ เด็กๆ!”
เจิ้งปินเรียกพนักงานแล้วสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ
จากนั้นก็เริ่มเปิดขวดเหล้าเหมาไถ แล้วเป็นฝ่ายรินเหล้าให้เย่เฉินและฉินหงเหยียน
“คุณฉินผมอยากเจอคุณมาโดยตลอด วันนี้ผมได้มีโอกาสได้เจอคุณเพราะน้องเย่เฉิน คุณฉินคุณดูอายุน้อยมากจริงๆ ตอนที่เพิ่งเข้ามาในห้องส่วนตัวเมื่อครู่ ผมยังนึกว่าเป็นน้องสาวของเย่เฉินเลย!”
ถึงแม้ว่าเจิ้งปินจะเป็นคนซื่อและตรงไปตรงมา แต่ยังไงเสียเขาก็เป็นนักธุรกิจมักจะออกไปพบปะผู้คน ดังนั้นจึงพูดเก่งไม่น้อย
ฉินหงเหยียนที่ถูกชมว่าอายุน้อยก็ดีใจมาก “เถ้าแก่เจิ้งคุณนี่พูดเก่งจริงๆ ฉันยังกลัวว่าแต่งตัวแบบนี้คุณจะยังรังเกียจว่าฉันแอ๊บแบ๊ว”
หลังจากที่เจิ้งปินรินเหล้าให้ฉินหงเหยียนแล้วก็รินให้เย่เฉิน จากนั้นเย่เฉินก็รับเหล้าไป
เขารู้ว่าเจิ้งปินตอนนี้ดูถูกตัวเองเล็กน้อย เขาเป็นถึงเถ้าแก่ที่มีบริษัทมูลค่าหลายร้อยล้านต้องมารินเหล้าให้คนถังแตก เขาจะต้องรู้สึกไม่สบายใจแน่
“ผมรินเองก็ได้ครับ” เย่เฉินรับเหล้ามา
เจิ้งปินก็ไม่ดึงดัน เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณฉินเกรงใจกันเกินไปแล้ว ท่าทางคุณตอนนี้ถ้าไปเดินในมหาวิทยาลัยก็คงต้องมีผู้ชายไม่น้อยเดินมาถามคุณว่าคุณเรียนปีไหน”
เย่เฉินรินเหล้าแล้วส่งเหล้าให้เจิ้งปิน จากนั้นก็พูดต่อ “ผู้หญิงโสดไม่มีทางแก่ ผมได้ยินมาว่าก่อนที่พี่เจิ้งปินจะแต่งงานก็เจ้าชู้ใช่ย่อยเลย”
เจิ้งปินหัวเราะร่วน “ก็พอได้ตอนนั้นผมยังไม่อ้วนแบบนี้ ตอนนี้หนักตั้งเกือบ 100 กิโลกรัมเชียว เฮ้อ”
ฉินหงเหยียนถาม “ภรรยาของคุณติดใจเรื่องหุ่นของคุณไหมน่ะ?”
เจิ้งปินส่ายศีรษะพลางกล่าว “ภรรยาของผมไม่ใช่คนที่มองหน้าตา หล่อนไม่ได้สนใจหน้าตา หรือเรือนร่าง แถมยังบอกว่ามีข้าวกินถือเป็นโชคดี บอกผมว่าไม่ต้องอยากลดน้ำหนักหรอก”
เย่เฉินและฉินหงเหยียนพูดไม่ออก ถ้าซ่งหงเย่ไม่ใช่คนบ้าผู้ชายหล่อ โลกใบนี้ไม่มีผู้หญิงที่ชอบผู้ชายหล่อๆ!
พนักงานเอาเนื้อและผักมาเสิร์ฟบนโต๊ะกันอย่างรวดเร็ว พอถึงตอนนี้เย่เฉินก็ส่งชุดเครื่องแก้วให้เจิ้งปิน
“นี่คือชุดเครื่องแก้วยี่ห้อ Baccarat ด้านในมีแก้วค็อกเทลสองแก้ว สามารถเก็บเป็นของสะสมได้ แค่ราคาก็น่าจะหกหลักได้”
หลังจากเจิ้งปินรับกล่องของขวัญมาก็ดีใจอย่างมาก “เส้นสายของน้องเย่เฉินน่าอิจฉาจริงๆ ผมอยากจะหาซื้อแก้วชุดนี้ให้ภรรยาของผมตั้งนานแล้ว แต่ผมหาไปหามาก็เจอแต่ของธรรมดา”
“ผมเปิดดูได้ไหม?”
เหมือนเจิ้งปินจะยังสงสัยคลางแคลงใจในความสามารถเย่เฉิน กลัวว่าของขวัญที่เย่เฉินหามาให้นั้นจะเป็นแค่ของราคาถูก พอถึงนั้นตอนหากซ่งหงเย่เห็นแล้วจะผิดหวัง
“แน่นอนแล้วแต่คุณเลย”
เย่เฉินมอบของชิ้นนี้ให้เขาแล้ว
หลังจากที่เจิ้งปินเปิดดูแล้วก็พินิจมองแก้วค็อกเทลนั้นอย่างละเอียด จากนั้นก็กล่าวอย่างยินดี
“เป็นงานศิลปะจริงๆ ด้วย ระดับความโปร่งใส สัมผัสแบบนี้ จิ๊ๆ ผมพอจะจินตนาการตอนใส่มาร์ตินี่สีฟ้า ภรรยาขอผมจะต้องชอบมากแน่!” เย่เฉินมองท่าทางดีอกดีใจของเจิ้งปิน แล้วย้อนคิดถึงอดีตที่ตอนตนเองให้ของขวัญหวังเจียเหยา ไม่ต่างอะไรกับเขาเลย
“ดูเถ้าแก่เจิ้งรักภรรยาจังนะคะ” ฉินหงเหยียนกล่าว
เจิ้งปินกล่าวว่า “นั่นมันแน่นอน ตอนนี้ผมทำงานหาเงินอย่างบ้าคลั่งก็เพื่อภรรยาของผมซ่งหงเย่ คุณฉินอาจจะยังไม่รู้ แต่น้องเย่เฉินน่าจะเข้าใจผม เพื่อนของหงเย่ก็เป็นคนมีเงินเหมือนกับเพื่อนของหวังเจียเหยา พวกเขามีเงินกันหลายพันล้าน เป็นคนระดับพันล้าน ส่วนผมก็ไม่ได้ทำธุรกิจเก่งกาจอะไร ทำงานหนักมาหลายปีก็มีทรัพย์สินอยู่ไม่กี่ร้อยล้านเท่านั้น ผมต้องพยายามทำงานหาเงินอย่างหนัก ต่อไปจะได้เป็นเหมือนคุณฉิน ภรรยาของผมจะได้พอมีหน้ามีตาในวงเพื่อนบ้าง”
ฉินหงเหยียนหัวเราะเบาๆ ผู้ชายหน้าโง่ทำงาหนักหาเงินอยู่นอกบ้าน ไม่ได้รู้อะไรเลยว่าภรรยาที่บ้านทำอะไรบ้าง
ฉินหงเหยียนถือแก้วไวน์ “เถ้าแก่เจิ้งคะ ฉันขอดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว คุณเป็นผู้ชายที่ดี แต่ว่าถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่ปล่อยให้สามีทำงานหนักคนเดียว แต่ตัวเองกลับทำตัวเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้าน การงานควรจะเป็นสิ่งที่สามีภรรยาร่วมกันฝ่าฟันไปด้วยกัน”
เย่เฉินถือแก้วเหล้าเอาไว้แล้วเหลือบมองฉินหงเหยียนเล็กน้อย
คำพูดนี้ของฉินหงเหยียนไม่รู้ว่าพูดให้เย่เฉินฟังหรือเปล่า
เจิ้งปินเองก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาเช่นกัน เขากล่าว “ผมไม่ได้หวังให้หงเย่ช่วยผม ธุรกิจนมผงนั้นทำยาก ผมแค่หวังว่าเธอจะมีลูกให้ผมสักคนก็ดีมากแล้ว”
เย่เฉินเห็นเจิ้งปินพูดถึงเรื่องนี้ก็ถอนหายใจ เขาจิบเหล้าเล็กน้อยแล้วถาม “ซ่งหงเย่ไม่ยอมมีลูกให้คุณเหรอ?”
[1] เป็นสารคดีของช่อง CCTV ชื่อไทยที่มีคนเอามาแปลคืออาหารจีนโอชารส
[2] เป็นรายการของเซียะถิงฟง
เย่เฉินพอจะฟังออกว่า คนทำธุรกิจอย่างเจิ้งปิน ถ้าเป็นคนว่างงานไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาแล้ว ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรน่าเสวนาด้วย
แต่เขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าตนเองอยากจะทำความรู้จักกับฉินหงเหยียนโดยผ่านทางเย่เฉิน
เย่เฉินจึงกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา พี่จะกลับอวิ๋นโจวเมื่อไหร่ล่ะ? ผมเลี้ยงข้าวพี่กับคุณฉินสักมื้อ”
เจิ้งปินกล่าวว่า “เดี๋ยวก่อน ขอฉันดูก่อนนะ ฉันกลับไปได้เร็วที่สุดก็คือวันมะรืน”
เย่เฉินตอบ “พี่ปิน คุณอย่าเพิ่งบอกภรรยาเรื่องกลับอวิ๋นโจวได้ไหมล่ะ?”
เจิ้งปินเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที “เพราะอะไรเหรอ? ทุกครั้งที่ผมกลับมาจากทำงานต่างจังหวัดก็จะบอกหล่อนล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นหล่อนจะโกรธผมเอา ภรรยาของผมรักผมมาก หล่อนจะมารับผมที่สนามบินหรือสถานีรถไฟทุกครั้ง หล่อนบอกว่าชอบความรู้สึกที่ได้มารับสามีกลับบ้านแบบนี้”
เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น เจิ้งปินเอ้ยเจิ้งปิน นายี่มันโง่จริงๆ โดนหลอกมาหลายปียังไม่รู้เรื่องอีก!
ทำไมภรรยาของคุณต้องให้คุณรายงานหล่อนล่วงหน้าน่ะเหรอ?
นั่นเพราะหล่อนมีผู้ชายคนอื่นในอวิ๋นโจวด้วยไง! หล่อนกลัวว่าคุณโผล่มาแล้วพบหล่อนกับชายชู้นั่นปะไร!
และในตอนนี้เองเย่เฉินก็นึกถึงตนเองในอดีต เขาคงจะเหมือนเจิ้งปินในตอนนี้ใช่ไหมนะ โง่เง่าจริงๆ
ทั้งๆ ที่โดนหักหลังชัดๆ แต่ดันยังเชื่อว่าภรรยาของตนเองนั้นยังรักตนเองอยู่
เจ้าตัวทำงานหาเงินอย่างไม่คิดชีวิต แต่ภรรยากลับไปหาความสุขนอกบ้าน!
เย่เฉินกล่าวว่า “คือแบบนี้นะครับ ผมมีกิ๊ฟท์เซ็ตเครื่องแก้วของ Baccarat ชุดหนึ่งเพิ่งจะออกมาเมื่อไม่กี่วันมานี้ ตอนนี้ยังหาซื้อไม่ได้ในประเทศ ผมรู้มาว่าซ่งหงเย่ชอบเครื่องแก้วของ baccarat มาก หล่อนชอบจัดงานเลี้ยงค็อกเทล ชุดของขวัญเครื่องแก้วชุดนี้ หล่อนจะต้องชอบมากแน่ คุณเอากลับบ้านเป็นเซอร์ไพรส์ให้หล่อนสิ หล่อนคงจะต้องชอบมากแน่”
ซึ่งที่จริงแล้วเจิ้งปินเองก็อยากเซอร์ไพรส์ภรรยาตัวเองมานานแล้ว
เจิ้งปินครุ่นคิดน้อยๆ แล้วกล่าว “น้องเย่เฉิน นายไอเดียใช้ได้เลยนะ ยังให้ของขวัญฉันอีก มีอะไรจะให้ฉันช่วยใช่ไหมล่ะ? ที่จริงพวกเราก็รู้จักกันมาตั้งสามปี นายไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้ ฉันไม่ดูถูกนายเพราะนายไม่ได้เป็นประธานบริษัทแล้วหรอกนะ ฉันไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวแบบนั้น”
เย่เฉินยิ้มแล้วกล่าว “เราค่อยคุยกันเรื่องรายละเอียดตอนเจอกันวันมะรืนเถอะ”
……
สองวันต่อมาเจิ้งปินก็บินกลับมาที่อวิ๋นโจวโดยไม่ได้บอกภรรยาตนเอง
จากสนามบินเขาก็ตรงดิ่งมาร้านหม้อไฟ
ส่วนเย่เฉินและฉินหงเหยียนนั้นเหมาห้องอาหารส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณหงเหยียน ที่คุณยอมออกมากินข้าวกับผมและเจิ้งปิน”
เย่เฉินตั้งใจชวนฉินหงเหยียมา ก็เพราะว่าลำพังตัวเขาเองในตอนนี้ไม่สามารถจะชวนเจิ้งปินได้
วันนี้ฉินหงเหยียนใส่เสื้อยืดสีขาวธรรมดา คิดว่าน่าจะซื้อมาจาก H&M ใส่กาเกงขาสั้นและรองเท้าแตะ
หล่อนแต่งตัวเหมือนผู้หญิงอายุไม่กี่สิบปี ดูน่ารักเป็นมิตร ไม่มีมาดสูงส่งแบบที่ผ่านมา
หล่อนจงใจแต่งตัวแบบนี้ เพราะไม่อยากจะแย่งซีนเจ้าภาพ
ไม่อย่างนั้นหล่อนที่เดิมทีก็อายุมากกว่าเย่เฉินอยู่แล้ว แถมยังเป็นประธานบริษัทอีก ถ้าแต่งตัวเหมือนปกติแล้ว เย่เฉินคงจะกลายเป็นแค่ไม้ประดับในสายตาเจิ้งปินแน่ๆ
แต่ถ้าเป็นแบบนี้หล่อนจะเหมือนแฟนของเย่เฉินแทน
ฉินหงเหยียนจิบชาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่าจะกินข้าวกับใครก็กินข้าวเหมือนๆ กัน คุณยอมให้ฉันได้เกาะกินข้าวฟรีด้วย ฉันสิต้องขอบคุณคุณ”
เย่เฉินยิ่งรู้สึกว่าฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่ดีมากขึ้นไป ที่เขาบอกว่าคนเราจะเห็นธาตุแท้กันก็ตอนตกทุกข์ได้ยาก ฉินหงเหยียนยังยอมมาพบตามคำเชิญของเขา
เย่เฉินรินชาให้ฉินหงเหยียนจนเต็มแก้วแล้วเอ่ยถาม “ผมได้ยินมาว่าหลิ่วอวี่เจ๋อเริ่มหาเรื่องหัวเซิ่งอีกแล้วเหรอ?”
ฉินหงเหยียนพยักหน้ารับ “ค่ะ หมอนี่ไม่รู้เป็นอะไร ทั้งๆ ที่เขาก็รามือไปแล้วชัดๆ แต่ตอนนี้ก็เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าทุ่มไปกี่ร้อยล้านแล้ว คนตระกูลหลิ่วนี่ก็จริงๆ เลยมีเงินก็จริงแต่จะเอามาผลาญแบบนี้ไม่ได้เสียหน่อย คิดอะไรอยู่?”
เย่เฉินเองก็รู้ว่าที่หลิ่วอวี่เจ๋อบ้าคลั่งขนาดนี้เกี่ยวข้องกับเขา
เย่เฉินทำให้หลิ่วอวี่เจ๋อมีลูกไม่ได้ไปตลอดชีวิต แถมในตอนนี้เขายังแตะต้องตนเองไม่ได้ทำให้เขาเอาโทสะทั้งหมดนี้ไปลงที่ฉินหงเหยียน
เย่เฉินขอโทษอีกฝ่าย “เรื่องนี้ผมผิดเอง ถ้าไม่ใชเพราะผม เขาก็คงไม่หาเรื่องบริษัทคุณแบบนี้”
มือขาวนวลเรยของหญิงสาวแตะที่หลังมือของเขาพลางกล่าว “อย่าพูดแบบนี้สิคะ เย่เฉินถ้าคุณไม่ขอร้องท่านฟาง ฉันก็คงจะไม่มีทางได้เป็นประธานกรรมการของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแบบนี้ ซึ่งงอันที่จริงแล้วฉันจะได้คะเนความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุดแล้วล่ะค่ะ ถ้าบริษัทโดนตระกูลหลิ่วปั่นหุ้นจนล้มละลายล่ะก็ฉันจะไปทำงานที่เทียนไห่ ตอนนี้บริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์หลายที่ในเทียนไห่ติดต่อฉันมา!”
ฉินหงเหยียนทะเยอะทะยาน เมืองเล็กๆ อย่างอวิ๋นโจวไม่อาจทำให้หล่อนพอใจ
เทียนไห่เป็นเมืองที่ติดต่อกับต่างชาติเยอะ มีบริษัทต่างชาติชื่อดังมากกว่าที่อวิ๋นโจวหลายสิบเท่า อวิ๋นโจวเทียบกันไม่ติดเลยด้วยซ้ำไป
ฉินหงเหยียนเห็นเย่เฉินมีท่าทีรู้สึกผิด จึงไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ หล่อนเปลี่ยนเรื่องแล้ววกล่าว
“เย่เฉินภรรยาของเจิ้งปินมีชู้จริงๆ เหรอคะ? แล้วคุณตั้งใจจะบอกเขาตรงๆ เลยหรอ?”
ระหว่างพวกเขาสองคนไม่มีความลับอะไรต่อกัน เย่เฉินได้บอกเรื่องนี้กับหล่อนตั้งแต่ก่อนจะมาที่ร้านแล้ว
เย่เฉินตอบ “ผมไม่อยากให้เขาถูกปิดหูปิดตาอยู่แบบนี้ ผมเคยได้รับความอัปยศนี้เหมือนๆ กัน นี่มันไม่ยุติธรรมกับผู้ชายที่ตั้งใจทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวแบบเขา”
ฉินหงเหยียนอดหยิบบุหรี่สำหรับผู้หญิงออกมาไม่ได้ นิ้วเรียวยาวของหญิงสาวคีบมันเอาไว้แล้วกล่าว
“มิน่าหวังเจียเหยากับซ่งหงเย่ถึงได้สนิทกับแบบนี้ ที่แท้ก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ถึงแม้ว่าฉันเองก็จะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ฉันเองก็ไม่ค่อยจะชอบผู้หญิงแบบนี้เท่าไหร่ ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่แต่งงานก็ได้ แต่ถ้าแต่งงานแล้วจะไม่มีทางทำเรื่องทรยศสามีตัวเองแน่ ถ้าฉันไม่รักสามีของฉันแล้ว ฉันจะขอเขาหย่า”
พอได้ยินคำพูดแบบนี้ของฉินหงเหยียน ทำให้สายตาที่ชายหนุ่มมองหญิงสาวก็ฉายแววชื่นชม
“ถ้าหวังเจียเหยาซื่อสัตย์ได้ครึ่งหนึ่งของคุณ ผมก็คงจะไม่ต้องมาถึงจุดๆ นี้”
ฉินหงเหยียนวางบุหรี่ลงแล้วปลอบ “บางครั้งคนเราก็อย่าไปลุ่มหลงอยู่กับคนหรือสิ่งของที่สวยงามสะดุดตานักเลย บางครั้งคุณควรลองมองคนข้างๆ ตัวบ้าง
เย่เฉินหลังจากที่คุณหย่าครั้งแรกฉันก็อยู่เคียงข้างคุณมาตลอด ฉันสรรหาวิธีการล้านแปดเพื่อเข้าใกล้คุณ อยากจะฉวยโอกาสตอนที่คุณยังไม่มีใคร แต่ว่าคุณกลับไม่ยอมเปิดใจให้ฉัน ไม่ยอมแม้แต่จะลองให้โอกาสฉันด้วยซ้ำ
คุณยังจำวันที่คุณชวนฉันไปดูคอนเสิร์ตได้ไหมคะ? วันนั้นฉันดีใจมาก ตอนจะออกจากบ้านฉันเปลี่ยนชุดไปตั้งเยอะ แต่งหน้าอยู่หลายชั่วโมง ฉันคิดว่าในที่สุดคุณก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณ แต่ว่าหลังจากที่เข้างานไปเห็นหวังเจียเหยา ฉันถึงได้รู้ว่าที่คุณชวนฉันไปงานคอนเสิร์ตเพราะอยากพบหล่อน ฉันเห็นคุณบรรเลงเพลงเพื่อหล่อนอย่างเศร้าสร้อยต่อหน้าคนนับหมื่น เห็นคุณต้องเสียน้ำตาให้คนอย่างนั้น คุณรู้ไหมคะว่าฉันรู้สึกยังไง?”
เย่เฉินทำอะไรไม่ถูก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าฉินหงเหยียนจะมาพูดเรื่องนี้เอาในเวลานี้
“เย่เฉิน ฉันชอบคุณ คุณรู้หรือเปล่า?”
ดวงตาที่ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินนั้นเจือไปด้วยหยดน้ำตา น้ำเสียงนุ่มนวลและตรงไปตรงมา
“โอ้โห”
ไมเคิลอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล “นี่…ก็ออกจะเร้าใจมากจริงๆ”
เย่เฉินกล่าว “มีที่ตื่นเต้นกว่านี้อีกนะ สามีของหล่อนน่ะจะจะจับขู้พวกนาย”
“อย่า…อย่าเหลวไหลน่า”
ไมเคิลกลัวจนอุทานภาษาจีนออกมา
“เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี นายอย่าหาเรื่องให้ฉันล่ะ!”
ไมเคิลดูหวาดกลัวมากอย่างเห็นได้ชัด
เพราะถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่อเมริกาแล้ว สามีกลับไปที่บ้านแล้วพบว่าภรรยาของตนเองอยู่กับชายอื่น สามีคงจะลั่นปืนใส่ชายชู้ไปแล้ว
ถึงจะไม่ใช่ปืนแต่บ้านทุกหลังก็ต้องมีไม้เบสบอลแค่โดนหวดเข้าไปสักทีก็เจ็บเอาการ
เย่เฉินกล่าว “ไมเคิลนายไม่ต้องกลัวหรอกน่า พวกเราคนจีนไม่มีปืนที่บ้าน แล้วสามีของผู้หญิงคนนั้นก็นิสัยดีมากทีเดียว จับพวกนายได้อย่างมากก็คงร้องห่มร้องไห้ ไม่มีทางลงไม้ลงมือทำร้ายนายหรอก”
ไมเคิลได้ยินถึงตรงนี้ก็สบายใจขึ้น เขาจึงถาม “ผู้ชายคนนั้นมีความแค้นอะไรกับนาย นายถึงต้องทำแบบนี้?”
ไมเคิลรู้สึกว่าหากทำแบบนี้ก็คงจะโหดร้ายกับผู้ชายคนนั้นมากเกินไป
เย่เฉินส่ายหน้า “ตรงกันข้ามเลยล่ะ ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดีมากๆ ฉันเห็นเขาเป็นเพื่อน ที่ทำแบบนี้ที่จริงแล้วก็เพื่อช่วยเขา ช่วยให้เขาได้เห็นนิสัยที่แท้จริงของภรรยาตนเอง!”
ในตอนแรกที่ได้ฟังคำพูดอีกฝ่าย ไมเคิลไม่ค่อยจะเข้าใจความคิดของเขา “ฉันชักจะกลัวจะเป็นเพื่อนนายแล้วแฮะ”
เย่เฉินเองก็รู้ว่าจะหาคนมาสวมเขาคนอื่นก็ถือเป็นการทำร้ายคนผู้นั้นเช่นกัน
แต่ผู้หญิงอย่างซ่งหงเย่นอกใจสามีมานับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งยังรู้จักปกปิดได้อย่างแนบเนียน คนซื่อตรงอย่างสามีขอหล่อนไม่มีทางจับได้แน่นอน
เย่เฉินทนเห็นเจิ้งปินโดนหลอกแบบนี้ต่อไปไม่ได้
ในเย็นวันนั้นไมเคิลลูกเศรษฐีที่ร่ำรวยก็ไม่ได้ไปryกที่โรงพยาบาห้าดาว แต่กลับพักที่โรงแรมแห่งเดียวกับเย่เฉิน
ทั้งสองคนจึงเปิดห้องพักมาตรฐาน ซื้อเบียร์สิบกว่ากระป๋อง ดื่มเบียร์กันในห้องแล้วย้อนคิดเรื่องในอดีตที่ผ่านมา รวมไปถึงสภาพในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เช้าวันที่สองเย่เฉินโทรหาหลิวเจิ้งคุน บอกให้เขาส่งคนไปสะกดรอยตามซ่งหงเย่
ตอนเช้าซ่งหงเย่ไม่ได้อยู่ที่ไหนเป็นระยะเวลานานๆ พอตอนเช้าซ่งหงเย่ก็จะไปที่ร้านกาแฟของตัวเอง
ร้านกาแฟร้านนี้ตั้งอยู่ที่ถนนจงซานจง ร้านชื่อร้านกาแฟเจี้ยนเจี้ยน เป็นร้านของซ่งหงเย่
ทว่าซ่งหงเย่ไม่ค่อยมาที่ร้านกาแฟของตนเอง ไม่ได้ใส่ใจร้านของตนเองมากมายนัก
อย่างไรเสียกำไรของร้านกาแฟก็เป็นเพียงแค่เศษฝุ่นของธุรกิจนมผงของสามีเจ้าหล่อน
ร้านกาแฟร้านนี้หล่อนแค่เปิดเล่นๆ คาดว่าใช้เพื่อล่อเด็กหนุ่มๆ
เพราะร้านกาแฟร้านนี้ถูกอออกแบบอย่างสวยงาม ทว่าไม่ใช่สไตล์นุ่มนิ่มหวานแหววแบบที่ผู้หญิงชอบ แต่เป็นสไตล์ที่ไม่เหมือนใครและทำให้ผู้ชายมีความรู้สึกสบายๆ
“คุณชายตอนนี้ซ่งหงเย่อยู่ที่ร้านกาแฟเจี้ยนเจี้ยน”
เย่เฉินได้รับข่าวจากหลิวเจิ้งคุน
“ซ่งหงเย่ไม่ค่อยมาร้านกาแฟตัวเอง ถ้ามาแล้วอย่างน้อยๆ ก็จะอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย”
เย่เฉินมองไมเคิล “เพื่อนรักถึงตานายแล้ว”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ไมเคิลสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวหนึ่ง และใส่กางเกงขายาวสบายๆ ตัวหนึ่งไปที่ร้านกาแฟเจี้ยนเจี้ยน
ร้านกาแฟเจี้ยนเจี้ยนคนไม่เยอะ ทันทีที่ไมเคิลก้าวเข้ามา พนักงานสองคนที่บาร์ก็รีบผุดลุกขึ้น
“มาดูเร็วๆ ฝรั่งคนนั้นหน้าเหมือนเสี่ยวหลี่จื่อเลย!”
“กรี๊ด สูงมาก หล่อมาก ฉันจะต้องขอวีแชทเขาให้ได้เลย!”
เถ้าแก่เป็นแบบไหนพนักงานก็เป็นแบบนั้น ซ่งหงเย่โง่งม พนักงานของหล่อนก็เช่นกัน
ซ่งหงเย่ที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินเสียงพนักงาน แหงนหน้าขึ้นมองทางประตูเช่นกัน แล้วหล่อนก็หัวเสียอย่างรุนแรง
จากนั้นหล่อนจึงรีบผุดลุกยืนขึ้นเดินไปที่หน้าบาร์ เพื่อไปตำหนิพนักงาน
“พวกเธอดูสภาพเข้า หมดสภาพแล้วเนี่ย! ไปเช็ดโต๊ะเลย”
หลังจากซ่งหงเย่ไล่คนอื่นไปแล้ว ตนเองก็รับหน้าที่เป็นพนักงานบริการ เพื่อต้อนรับชาวต่างชาติสุดหล่อคนนี้
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย มีอะไรให้ดิฉันรับใช้ไหมคะ?”
ซ่งหงเย่ใช้ภาษาอังกฤษที่ถือได้ว่าคล่องแคล่วถามไมเคิล
ภาษาอังกฤษของซ่งหงเย่และหวังเจียเหยาถือว่าใช้ได้ดี อีกทั้งมักจะไปเที่ยวเมืองนอก ขอแค่ไม่ใช่ไม่ใช่ศัพท์เฉพาะทางก็แทบไม่มีปัญหาอะไร
ไมเคิลเห็นคนที่พยายามอทอดสะพานหาเขาเป็นเป้าหมายที่เล็งเอาไว้ “อ้าว คุณพูดภาษาอังกฤษได้ ดีจริงๆ เลยผมอยากได้อเมริกาโน่มอคคา”
หลังจากสั่งเสร็จแล้วก็กล่าวชมซ่งหงเย่ “โห อวิ๋นโจวเป็นสถานที่ที่สวยจริงๆ กระทั่งพนักงานร้านกาแฟยังสวยขนาดนี้เชียว!”
ซ่งหงเย่ถูกชาวต่างชาติชมว่าสวย ทันใดนั้นเองก็ยิ้มออกมา
หล่อนไม่รู้สึกว่านี่เป็นคำโกหก เพราะใบหน้าของหล่อนเดิมทีก็เป็นสไตล์ของชาวต่างชาติอยู่แล้ว
ซ่งหงเย่กล่าว“ขอบคุณที่ชมนะคะคุณผู้ชาย ที่จริงแล้วฉันเป็นเจ้าของร้านกาแฟ เอาแบบนี้แล้วกัน มอคคาแก้วนี้ฉันเลี้ยงคุณก็แล้วกัน ”
ไมเคิลกล่าวอย่างตื่นเต้น “ว้าวจริงเหรอ? แต่ว่าคนจีนมีคำกล่าวเอาไว้ว่าไม่ควรรับอะไรมาฟรีๆ คุณเลี้ยงกาแฟผม ผมควรจะสั่งอะไรมาเลี้ยงคุณดีไหม?”
ซ่งหงเย่ยิ้มออกมาเดิมทีหล่อนก็อยากจะหาข้ออ้างอะไรบางอย่างเพื่อจะได้พัฒนาความสัมพันธ์กับสุดหล่อคนนี้
คิดไม่ถึงว่าชาวต่างชาติคนนี้จะเสนอเงื่อนไขแบบนี้ออกมา นี่ไม่ใช่ว่าเนื้อเข้าปากเสือเหรอ?
ซ่งหงเย่มองเสี้ยวหน้าที่หล่อเหลาของไมเคิลอมยิ้มแล้วกล่าว “เรื่องที่คุณทำให้ฉันได้มีเยอะแยะเลยล่ะค่ะ”
……
คืนวันนั้นเย่เฉินก็ได้รับภาพจากไมเคิล เป็นภาพพวกเขาสองคนเปิดโรงแรมด้วยกัน
“ชิ ผู้หญิงแบบซ่งหงเย่ใช้ได้เลยนี่หว่า เจอผู้ชายแปลกหน้าวันแรกก็นอนด้วยกันเลย พอเทียบหวังเจียเหยากับซ่งหงเย่ หวังเจียเหยาดูเป็นคนดีขึ้นมาเลยแฮะ!”
เย่เฉินเหยียดหยามซ่งหงเย่อย่างมาก หล่อนฉวยโอกาสตอนที่สามีตัวเองไปทำงานต่างจังหวัด แล้วทำเรื่องทรยศชีวิตแต่งงานของตัวเองง
หวังเจียเหยาสนิมสนมกับซ่งหงเย่อย่างมาก เย่เฉินไม่กล้าจะจินตนาการว่าในอนาคตหวังเจียเหยาจะกลายไปเป็นคนแบบไหนเมื่อได้รับผลกระทบโดยไม่รู้ตัว
แต่ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ก็จะไม่เกี่ยวอะไรกับเย่เฉินอีกแล้ว คนที่ซวยก็คือสามีคนต่อไปของหล่อนต่างหาก
ไมเคิลล่อลวงซ่งหงเย่ได้สำเร็จ ขั้นต่อไปก็คือรอให้เจิ้งปินสามีของซ่งหงเย่กลับมา แล้วพาชายหนุ่มไปจับพวกเขาคาหนังคาเขา!
นี่ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ เย่เฉินต้องการให้เจิ้งปินได้หลักฐาน เพื่อให้ซ่งหงเย่กลายเป็นคนผิด เพื่อจะฟ้องหย่าหญิงสาว!
มีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงจะบรรลุเป้าหมายในการล้างแค้น
ดังนั้นเย่เฉินก็ส่งวีแชทหาเจิ้งปิน “มีเวลามาคุยกันหน่อยไหม?”
ตอนนี้เย่เฉินไม่ใช่ประธานบริษัทแล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าที่เจิ้งปินจะตอบเขา “ตอนนี้ยุ่งนิดหน่อย เดี๋ยวผมโทรหา”
เย่เฉินรออยู่เต็มๆ เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงกว่าที่เจิ้งปินจะโทรกลับมา
“คุณเย่มีอะไรหริอเปล่าครับ?” เจิ้งปินถามอย่างเกรงใจ
เย่เฉินกล่าว “ผมไม่ใช่ประธานบริษัทแล่ว เรียกชื่อผมเลยก็ได้ครับ”
เจิ้งปินกล่าวพลางหัวเราะ “ฮ่าๆ ผมได้ยินมาว่าถึงจะลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท แต่คนระดับสูงของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก็ยังคงเคารพนายอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณฉินหงเยียนสนิทสนมกับนายมากทีเดียว ถ้ามีโอกาสล่ะก็ น้องชาย นายพอจะจัดแจงแนะนำให้ฉันรู้จักกับฉินหงเหยียนหน่อยสิ”
เขาล้างแค้นฟางเชาและหลิ่วอวี่เจ๋อเรียบร้อยแล้ว
คนที่เย่เฉินจะแก้แค้นเป็นลำดับต่อไปก็คือซ่งหงเย่!
ซ่งหงเย่ไม่ได้ลงมือทำร้ายเย่เฉินซึ่งหน้า กระทั่งตอนนี้ในวีแแชทของซ่งหงเย่ก็ไม่ได้ลบเขาออกแต่อย่างใด
คาดว่าต่อให้ทั้งสองคนบังเอิญเจอกัน หญิงสาวก็คงจะยิ้มทักทายเขาอยู่ดี
ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาหล่อนทำตัวไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่เยาะเย้ยเขยที่แต่งเข้าอย่างเย่เฉิน
แต่เขาก็ยังอยากจะล้างแค้นหญิงสาวอยู่ดี!
“ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งหงเย่ บางทีหวังเจียเหยาอาจจะไม่เป็นแบบวันนี้!”
เย่เฉินยังคงจดจำหวังเจียเหยาที่ใสซื่อ เขินอายคนเก่าเมื่อสามปีก่อนได้เป็นอย่างดี
หลังจากแต่งงานกับเย่เฉินแล้ว ถ้ามีชายแปลกหน้าทักทายหญิงสาวที่มหาวิทยาลัย หล่อนทำเป็นไม่เห็นด้วยซ้ำไป แถมจงใจรักษาระยะห่างกับเพศตรงข้ามด้วยซ้ำไป
ในตอนนั้นหวังเจียเหยาเป็นผู้หญิงที่แสนสมสบูรณ์แบบ!
ทว่าตั้งแต่ซ่งหงเย่แต่งงาน หวังเจียเหยาเห็นซ่งหงเย่นอกใจสามีครั้งแล้วครั้งเล่า จนบิดเบือนทัศคติของหล่อนไป
ทำให้หญิงสาวได้เรียนรู้ว่าต่อให้แต่งงานแล้วก็สามารถคบหาดูใจคนอื่นได้อีก
จะบอกว่าซ่งหงเย่ไม่มีอิทธิพลต่อหวังเจียเหยาไม่ได้ !
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความสัมพันธ์ระหว่างหวังเจียเหยาและซ่งหงเย่นั้น หวังเจียเหยาเห็นอีกฝ่ายเป็นกุนซือของตนเองมาโดยตลอด
หล่อนให้หวังเจียเหยาหลอกลวงเย่เฉินครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยุแยงให้หวังเจียเหยาแอบคบหาคนอื่นเพื่อเป็นตัวสำรอง
สามารถพูดได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะหวังเจียเหยาเคยเห็นซ่งหงเย่นอนกับผู้ชายคนอื่น เจ้าหล่อนก็คงไม่กล้านอนกับฟางเชา!
ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งหงเย่เสนอแนะให้หวังเจียเหยามีตัวสำรองเอาไว้อีกสักคน หวังเจียเหยาก็คงจะไม่สานสัมพันธ์กับหลิ่วอวี่เจ๋อ!
ความผิดพลาดทั้งหลายทั้งแหล่นี้เกิดขึ้นเพราะผู้หญิงแพศยาคนนี้!
ในเมื่อทุกคนต่างก็ได้รับผลกรรมที่ก่อขึ้นมา ในเมื่อโตๆ กันแล้วก็ไม่ควรให้คนอื่นต้องรับผิดชอบแทน
ดังนั้นแล้วเย่เฉินจึงต้องการฉีกหน้ากากของซ่งหงเย่ออก!
เย่เฉินเคยกินข้าวกับเจิ้งปินสามีของซ่งหงเย่อยู่หลายครั้ง เขาเป็นคนนิสัยค่อนข้างดี ซื่อสัตย์และเถรตรง
วันๆ ทำแต่งานหาแต่เงิน ไม่รู้เรื่องที่ซ่งหงเย่นอกใจด้วยซ้ำไป
ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรมกับเจิ้งปินอย่างมาก
ผู้หญิงที่มีชู้ควรจะต้องได้รับผลกรรมในสิ่งที่ตนเองก่อ! ไม่ใช่ว่ามีชีวิตที่ดีแบบในตอนนี้!
หวังเจียเหยาได้รับผลกรรมไปแล้ว หล่อนไม่ได้สืบทอดมรดกมูลค่าแสนล้านอีกต่อไป อีกทั้งโครงการอีผิ่นเจียเหยาของหล่อนจะกลายเป็นพื้นที่รกร้าง!
ตอนนี้ก็ควรจะถึงตาเพื่อนสนิทของหล่อนอย่างซ่งหงเย่แล้ว!
ส่วนการล้างแค้นซ่งหงเย่นั้นง่ายสุดๆ เย่เฉินแค่ต้องให้สามีของเจ้าหล่อนรู้ว่าหล่อนเป็นคนยังไงก็พอแล้ว
ดังนั้นเย่เฉินจึงเปิดโทรศัพท์แล้วใช้ VPN เพื่อล็อคอินเข้าอินสตาแกรม
แอพพลิเคชั่นนี้เป็นเหมือนเวยป๋อที่ใช้ๆ กันอยู่ในประเทศ เพียงแต่เป็นโซเชียลแอพพลิเคชันของต่างประเทศก็เท่านั้นเอง
เย่เฉินไม่มีเพื่อนในประเทศนี้ นั่นเพราะเพื่อนๆ ของเขาส่วนมากอยู่ที่ต่างประเทศทั้งสิ้น
ครั้งนี้เขาอยากจะใช้เพื่อนหน้าตาหล่อเหลาของตนเองไปหลอกล่อให้ซ่งหงเย่สนใจ
เขารู้ดีว่าซ่งหงเย่เคยนอนกับเด็กผู้ชายรุ่นเอ๊าะๆ ในประเทศมาไม่น้อย คาดว่าคงจะเบื่อแล้ว ถ้าหากมีชาวต่างชาติมาบ้างหล่อนคงจะตื่นเต้น
หลังจากล็อคอินเข้าไปแล้ว เย่เฉินก็เริ่มดูสถานะของเพื่อนๆ ทันใดนั้นเองก็เห็นเพื่อนคนหนึ่งแชร์ภาพออกมา พื้นหลังของภาพนั้นเป็นภาพว่ายทานที่เทียนไห่
“ไมเคิล บูเล่อยู่ที่เทียนไห่เหรอ?”
ไมเคิล บูเล่เป็นเพื่อนที่เย่เฉินรู้จักตอนเขาไปฝึกฝนที่อเมริกา ตอนนั้นอีกฝ่ายก็ได้ไปฝึกบาสเก็ตบอลกับพวกนักกีฬา NBA เหมือนเขา
หมอนี่ตัวสูงโปร่ง แถมยังชอบออกกำลังกาย กล้ามเนื้อที่เขามีนั้นชวนให้ผู้หญิงที่พบเห็นน้ำลายหก
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ หมอนี่หน้าตาเหมือนลีโอนาร์โดพระเอกภาพยนตร์อเมริกาเรื่อง‘ไททานิค’ ที่แฟนๆ ละครต่างก็ขนานนามเขาว่า ‘เสี่ยวหลี่จื่อ’
หน้าตาของไมเคิล บูเล่เหมือนกับ‘เสี่ยวหลี่จื่อ’ ตอนหน้าตาหล่อสุดๆ โดยเฉพาะตอนยิ้ม
ดังนั้นไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็สามารถจีบสาวๆ ได้อย่างง่ายดาย
หมอนี่ก็เป็ผู้นชายเจ้าชู้คนหนึ่ง บ้านก็ร่ำรวยสุดๆ พ่อเขาเป็นคนลงทุนรายการ ‘Roast’ ของเมืองนอก
คนผู้นั้นที่แสนจะยิ่งใหญ่เหลือเกินของโลกในตอนนี้ก็ยังเคยเข้าร่วมรายการอยู่ครั้งหนึ่ง เพราะเห็นแก่หน้าพ่อของหมอนี่
ดังนั้นเย่เฉินจึงรีบส่งข้อความขอเบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่าย แล้วโทรหาเขา
“ไมเคิลนายอยู่เทียนไห่เหรอ? พอจะมาช่วยอะไรฉันที่อวิ๋นโจวหน่อยได้ไหม?”
“ฮะ สวรรค์ ไมเคิล คิดไม่ถึงว่านายจะอยู่อวิ๋นโจว! พระเจ้าช่วยให้นายรอดมาจากสงครามเหรือเนี่ย!”
“พวกเราอยู่ใกล้กันมากเลยนะเนี่ย ฉันตั้งใจว่าจะไปอวิ๋นโจวพอดี ได้ยินมาว่าผู้หญิงที่นั่นสวยกว่าเทียไห่เยอะเลย!””
“นายรอฉันก่อนนะ ฉันนั่งรถไฟความเร็วสูงต่ออีกแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว!”
สองชั่วโมงต่อมา
เย่เฉินอยู่ในห้องที่โณงแรมไคว่หมิ่น แล้วส่งแก้วกระดาษที่แช่ถุงชาให้เพื่อนสนิท
ลูกเศรษฐีร่ำรวยอย่างหมอนี่นอนแต่ The Peninsula Hotels ที่ว่ายทาน
แต่ว่าเมื่อมาที่โรงแรมราคาคืนละร้อยกว่าหยวนก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจรังงอน
เขารู้เรื่องครอบครัวของเย่เฉินเป็นอย่างดี เขาสามารถฝึกซ้อมร่วมกับเจมส์ แอนโทนี่และเวทได้
คนทั่วไปไม่มีทางทำได้
ไมเคิล บูเล่กล่าวต่อ “ที่นี่มันสุดยอดจริงๆ รถไฟมีความเร็วตั้ง 385 กิโลเมตร สุดจริงๆ! ประเทศอเมริกาของเราตอนนี้ยังไม่มีรถไฟที่เร็วจนเรียกว่ารถไฟความเร็วสูงได้เลย!”
ไมเคิล บูเล่เอาแต่สาละวนพูดเรื่องที่เขาสนใจในช่วงนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกคนรวย และเห็นอะไรที่อเมริกามาก็ตั้งมากมาย
แต่หลังจากมาที่ประเทศจีน เขาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งเมื่อเห็นรถไฟความเร็วสูงกับอัลลิเพย์
เย่เฉินมองใบหน้าหล่อเหลาที่เหมือน ‘เสี่ยวหลี่จื่อ’ นั้นแล้วพูดภาษาอังกฤษออกมา
“ไมเคิล ความจริงแล้วที่ฉันชวนนายมา หนึ่งก็เพราะอยากจะรำลึกความหลังกับนาย สองก็เพราะอยากจะขอให้นายช่วยหน่อย”
ไมเคิล บูเล่ยกแก้วกระดาษจรดริมฝีปากเพื่อจิบชาราคาถูกแล้วกล่าว
“นายบอกมาได้เลย โคบี้ตายไปแล้ว ตอนนี้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
เย่เฉินถอนหายใจ พวกเขาสองคนชอบเล่นบาสเก็ตบอลมาก ย่อมชอบโคบี้ยอดนักบาสคนนั้น
เสียดายก็แต่ทั้งสองคนยังไม่มีโอกาสเล่นบาสกับโคบี้เลยด้วยซ้ำ
ตอนหน้าร้อนในปี 2004 ทั้งสองอาศัยเส้นสายของที่บ้านถึงได้พบเขาที่สนามบาสที่เขาฝึกซ้อม
แต่ว่าโคบี้ไม่ได้สนใจว่าบ้านเย่เฉินกับไมเคิลรวยขนาดไหน เขาไม่ไว้หน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
โคบี้ดูมองเด็กตัวผอมเก้งก้างสองคนที่สูงไม่ถึง 170 ซม. ด้วยซ้ำ “ฉันให้เวลาพวกนายสองคนห้านาที พวกนายใช้วิธีไหนก็ได้ภายในห้านาทีถ้าทำให้ฉันชู้ตบาสไม่เข้าได้หนึ่งลูก ฉันจะให้นายซ้อมบาสด้วย”
ไมเคิลย่อมเป็นตัวถ่วงอยู่แล้ว ส่วนเย่เฉินนั้นออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก พละกำลัง และสมรรถภาพร่างกายต่างๆ ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
แต่ในห้านาทีนั้น พวกเขาก็โดนโคบี้เล่นงานจนหมดสภาพสุดท้ายก็โดนอีกฝ่ายไล่ตะเพิดออกมาจากโรงยิม
ไมเคิลเดินร้องไห้ออกมาจากโรงยิม แถมยังบอกว่าจะโทรไปฟ้องพ่อ ให้ส่งคนมาซ้อมอีกฝ่าย
เย่เฉินรู้ดีว่าในทีม Lakers ตอนนั้น โคบี้ถูกนับรวมอยู่ในกลุ่มที่คนเรียกว่ากลุ่ม F4 ที่ไม่เคยมีมาก่อนนั้นพลาดแชมป์ไป
แอนโทนี่ผู้เป็นเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี และเป็นคนอ่านเกมขาดที่สุดโดนซื้อตัวจนไมอามี่ลุกเป็นไฟ ทำให้ตอนนั้นโคบี้เองก็โดนสื่อรุมด่า
ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาฉุนเฉียวที่สุด แต่เย่เฉินกับไมเคิลดันไปเจอเขาในตอนนั้นพอดี
เย่เฉินกล่าวว่า “คิดถึงช่วงเวลาที่เล่นบาสกับนายจริงๆ เรื่องที่ฉันจะขอให้นายไปทำก็เหมือนกับการเล่นบาสเลยล่ะ ตื่นเต้นสุดๆ!”
ไมเคิลดูตื่นเต้นอย่างมาก “จริงเหรอ? เรื่องอะไร?”
เย่เฉินกล่าว “หว่านเสน่ห์ใส่เมียคนอื่น”
หวังเจียเหยามองหลิ่วอวี่เจ๋อด้วยใบหน้าตกตะลึง จนตอนนี้ทั้งสองคนยังไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งใดๆ เด็กคนนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาทั้งนั้น

 

หวังเจียเหยากล่าว “นายพูดจาเหลวไหลอะไร ถ้าไม่เอาเด็กออกตอนนี้ ฉันจะเข้าบ้านนายได้ยังไง?”

 

ก่อนหน้านี้หลิ่วอวี่เจ๋อเคยพูดกับหวังเจียเหยาว่าเขาไม่ได้รังเกียจลูกของหญิงสาวเพียงแต่พ่อของเขาเป็นคนหัวโบราณ เขาดึงดันให้หญิงสาวทำแท้งมิฉะนั้นจะไม่ให้แต่งเข้าตระกูลหลิ่ว

 

หลิ่วอวี่เจ๋อคิดข้ออ้างเอาไว้แล้ว เขากล่าว “เจียเหยาขอโทษด้วยนะครับที่ผมหลอกคุณ”

 

“นายหลอกฉัน? หลอกอะไรฉันเหรอ?” ทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็ยืนนิ่ง

 

หลิ่วอวี่เจ๋อก้มหน้าลงด้วยท่าทางสำนึกผิด “ที่จริงแล้วคุณปู่ของผมไม่รู้เรื่องที่คุณท้องหรอกครับ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเคยแต่งงานมาก่อน ผมไม่เคยบอกเรื่องพวกนี้กับเขามาก่อน ส่วนคำที่เขาพูดเรื่องพวกให้คุณทำแท้งผมแต่งเอง”

 

หวังเจียเหยางุนงง “ทำไมนายต้องทำแบบนี้?”

 

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ที่จริงแล้วผมอ้างชื่อคุณปู่มาให้คุณทำแท้ง ผมมันคนใจแคบ ผมหึงคุณ! ผมรักคุณ! จนทนไม่ไหวที่จะยอมให้คุณตั้งท้องลูกของชายอื่น! แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณรู้สึกว่าผมเป็นผู้ชายใจแคบ ดังนั้นถึงได้…”

 

หวังเจียเหยาพูดไม่ออก หล่อนจับมือหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วกล่าว

 

“อวี่เจ๋อ นี่ไม่ได้เรียกว่าใจแคบแต่นายใจกว้างมากแล้ว ผู้ชายทุกคนต่างก็ต้องมีความคิดแบบนี้ นี่ถือเป็นเรื่องปกติมากเลย นายควรจะบอกฉันตรงๆ”

 

ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเลี้ยงลูกของคนอื่น ต่อให้หลิ่วอวี่เจ๋อบอกกับหวังเจียเหยาตรงๆ หล่อนก็ไม่โทษเขา

 

จู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เจียเหยาผมดูรายงานสุขภาพของคุณแล้วถามหมอ เขาบอกว่าสุขภาพของคุณตอนนี้ ถ้าทำแท้งล่ะก็อนาคตจะมีลูกได้หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ! คุณก็รู้ว่าตระกูลใหญ่ๆ อย่างพวกเราให้ความสำคัญดับการสืบทอดของตระกูลมาก ทันทีที่คุณมีลูกไม่ได้ คุณปู่จะต้องขับคุณออกจากตระกูลแน่ พอตอนนั้นถึงผมจะปกป้องคุณ เกรงว่าก็คงจะยากเหมือนกัน!”

 

ตอนนี้คนที่มีลูกไม่ได้ก็คือหลิ่วอวี่เจ๋อชัดๆ แต่เขากลับผลักภาระเรื่องนี้ไปโทษหวังเจียเหยา

 

หวังเจียเหยาลนลาน หล่อนเคยทำการบ้านเรื่องอันตรายของการทำแท้งมาก่อน มีผู้หญิงบางคนทำแท้งหลายครั้งก็ไม่เป็นอะไร

 

แต่กับผู้หญิงบางคนกลับมีผลต่างกันออกไป โชคชะตาช่างชอบกลั่นแกล้งกันนัก

 

“หมอของฉันบอกเหรอ? ทำไมเขาไม่บอกฉันล่ะ?” หวังเจียเหยาหงุดหงิด

 

หลิ่วอวี่เจ๋อเตรียมซื้อหมอเอาไว้แล้ว “ถ้าคุณไม่เชื่อผมจะพาไปตรวจสุขภาพที่เทียนไห่อีกครั้ง หมอที่นั่นเก่งกว่าที่นี่ คุณลองไปพบพวกเขาก็ได้ ที่รักครับ ผมไม่อยากให้คุณต้องทนทุกข์ทรมาน ไม่ว่าจะพูดยังไงนั่นก็เป็นชีวิตคนเลยนะ! คุณอยากทำแท้งนั่นจะเท่ากับฆ่าคนเลยนะ! พวกเราจะใจร้ายแบบนั้นได้ยังไง!”

 

หลิ่วอวี่เจ๋อพูดจาราวตนเองเป็นคนมีเมตตาหนักหนา ไม่ว่าใครก็มองไม่ออกว่าเมื่อวานเขายังจะบังคับให้หญิงสาวทำแท้งให้ได้

 

หวังเจียเหยาย่อมไม่อยากทำแท้งอยู่แล้ว!

 

ผู้หญิงมีข้อได้เปรียบในเรื่องนี้ ไม่ต้องสนใจหรอกว่าพ่อของเด็กจะเป็นใคร แต่หล่อนคือแม่เด็ก

 

หวังเจียเหยากล่าว “ฉันย่อมไม่อยากทำแท้งอยู่แล้วแต่ฉันกลัวว่านาย…”

 

หลิ่วอวี่เจ๋อส่ายหน้าแล้วกล่าวอย่างลึกซึ้ง “ผมคิดได้แล้ว แล้วเคยลองคิดดูแล้วด้วย ถ้าผมไม่ได้พบคุณตอนนี้ แต่เป็นตอนที่คุณคลอดเด็กคนนี้แล้ว ผมจะไม่ตกหลุมรักคุณหรือ? หรือว่าเพราะคุณมีลูกผมจะไม่แต่งงานกับคุณอย่างนั้นเหรอ? คำตอบก็คือไม่อยู่แล้ว เพราะยังไงผมก็จะแต่งงานกับคุณ ดังนั้นถึงคุณคลอดลูกแล้วจะทำไม? ผมก็จะรักและเลี้ยงดูเด็กคนนี้จนโตเหมือนกับคุณ”

 

หวังเจียเหยาซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง อย่างน้อยๆ หล่อนก็รู้ว่าถ้าเป็นเย่เฉินเขาไม่มีทางพูดแบบนี้แน่ๆ!

 

“แต่ว่าที่บ้านของนาย…”

 

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “คุณปู่ของผมเป็นคนหัวแข็งดังนั้นพวกเราจะต้องหลอกเขาบอกว่าเด็กเป็นลูกของเราสองคน แล้วห้ามไม่ให้ญาติสนิทมิตรสหายของผมรู้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะต้องเตะคุณกับลูกออกจากตระกูลแน่!”

 

หวังเจียเหยาตื้นตันจนร้องไห้ออกมา ทำไมโลกใบนี้ถึงได้มีผู้ชายที่ดีแบบนี้นะ!

 

แต่อันที่จริงที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อปิดบังเรื่องที่ตนเองมีลูกไม่ได้

 

แต่หวังเจียเหยาที่น่าสงสารกลับคิดว่าหลิ่วอวี่เจ๋อคิดเผื่อหล่อน!

 

“นายเป็นคนดีจริงๆ นายเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกใบนี้แล้ว!”

 

หวังเจียเหยาตื้นตันใจจนร้องไห้ออกมา หล่อนโผเข้าอ้อมกอดของอีกฝ่าย

 

หลิ่วอวี่เจ๋อลูบผมหล่อนเบาๆ แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

 

……

 

สองชั่วโมงต่อมาหวังเจียเหยาก็ออกมาจากโรงพยาบาล แล้วโทรหาเย่เฉิน

 

ตอนนี้เย่เฉินกำลังงวิดพื้นออกกำลังกายอยู่ที่โรงแรม เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์เขาก็ชันตัวขึ้น

 

“หวังเจียเหยา…”

 

เย่เฉินประหลาดใจน้อยๆ หวังเจียเหยาลบวีแชทของเขาออกไปแล้ว เขาเลยคิดว่าชีวิตนี้หญิงสาวจะไม่โทรหาเขาแล้วเสียอีก

 

“ฮัลโหล”

 

เย่เฉินกดรับสาย

 

น้ำเสียงหวังเจียเหยาอ่อนโยน “นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

 

หล่อนได้ยินหลิ่วอวี่เจ๋อพูดว่าบริษัทต่างๆ ที่เย่เฉินเคยไปมีเรื่องมีราวด้วยต่างก็อยากจะล้างแค้นเขา ดังนั้นถึงได้ถามอีกฝ่ายอย่างห่วงใย

 

แต่อันที่จริงหวังเจียเหยาในตอนนี้โดนหลิ่วอวี่เจ๋อหลอกเข้าเต็มๆ หล่อนรักชายหนุ่มจนหมดใจ

 

ดังนั้นความเป็นห่วงเป็นใยนี้หล่อนแค่ถามเป็นมารยาทเท่านั้น

 

“ผมไม่เป็นไร” เย่เฉินตอบกลับเสียงเรียบ

 

หวังเจียเหยาจึงพูดโดยไม่อ้อมค้อมทันที “เอ่อ.. ฉันคิดๆ ดูแล้วก็ตัดสินใจได้ว่าจะไม่ทำแท้งแล้วล่ะ”

 

เย่เฉินดีอกดีใจอย่างมาก ถ้าเป็นแบบนี้เขาจะได้ไม่ต้องส่งคนไปเฝ้าตามโรงพยาบาลต่างๆ แล้ว

 

เย่เฉินกล่าว “ขอบใจมากระหว่างช่วงที่คุณท้องผมดูแลคุณไม่ได้ แต่ผมจะโอนเงินให้คุณเดือนละหมื่นหยวน ถือเป็นค่าจ้างแม่บ้านมาดูแลคุณแล้วกัน”

 

ยังไงเสียเด็กก็เป็นสายเลือดของเขา จะให้เขาอยู่เฉยๆ ไม่ได้

 

หวังเจียเหยากล่าว “ไม่ล่ะ ฉันมีเงิน นายเอาเงินไปดูแลตัวเองเถอะ”

 

หล่อนรู้ว่าในตอนนี้เย่เฉินไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

 

เย่เฉินรู้ว่าตระกูลหวังเป็นตระกูลที่ร่ำรวย หลอนย่อมไม่เห็นค่าเงินหมื่นนี้อยู่แล้วจึงกล่าวว่า “ผมรู้ว่าเงินแค่นี้คุณคงไม่ขาดแคลนหรอก แต่ว่าผมจำเป็นต้องให้คุณ”

 

“ตามใจนาย” หวังเจียเหยาไม่เถียงอะไรกับเขาอีก “ที่ฉันโทรมาก็เพราะจะบอกนายว่าถ้าลูกคลอดออกมา ฉันจะเป็นคนเลี้ยงเอง”

 

เย่เฉินรีบกล่าว “ไม่ได้ลูกต้องเป็นสิทธิ์ของผม คุณหอบลูกของเราไปแต่งงานกับคนอื่นก็ลำบากคุณนะ”

 

หวังเจียเหยากล่าว “นายเลี้ยง? นายจะเอาอะไรมาเลี้ยง? ลูกต้องพักอยู่โรงแรมจิ้งหรีดกับนายหรือไง? แค่บ้านนายยังไม่มีปัญญาซื้อ ต่อไปลูกจะสมัครเข้าโรงเรียนยังไง? นายมีปัญญาซื้อบ้านในเขตการศึกษาขึ้นมาเมื่อไหร่ค่อยมาคุยเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกกับฉันแล้วกัน!”

 

พูดจบหญิงสาวก็กดวางสาย

 

เย่เฉินยิ้มบางๆ สำหรับเขาแล้วบ้านในพื้นที่การศึกษาก็เป็นเหมือนค่าข้าวมื้อหนึ่งของคนทั่วไปก็เท่านั้น

 

เขาไม่สนใจหรอกว่าหญิงสาวจะแย่งชิงสิทธิ์เลี้ยงดูกับเขาจริงๆ หรือไม่

 

นั่นเพราะทันทีที่หญิงสาวคลอด แล้วยืนยันว่าเย่เฉินเป็นพ่อเด็กแล้ว เย่เฉินเองก็ไม่มีสิทธิ์เลี้ยงดูสั่งสอนเด็กคนนี้

 

เพราะตระกูลเย่จะส่งคนไปรับตัวเด็กไป จากนั้นเด็กจะได้รับการอบรมสั่งสอนและเข้ารับการฝึกฝนต่างๆ

 

พอถึงตอนนั้นหวังเจียเหยาก็ขวางอะไรไม่ได้
“ทำไมเหรอครับ พี่?”
หลิ่วอวี่เจ๋อมองหลิ่วเฟิงด้วยใบหน้างุนงง พวกเขาสองคนพี่น้องเข้าอกเข้าใจกันดีมาตลอด
หลิ่วอวี่เจ๋อพบว่าหลิ่วเฟิงดูเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด หนำซ้ำยังเหมือนว่าเขาร้องไห้มาก่อนด้วย
หลิ่วเฟิงถอนหายใจก่อนจะตอบน้องชาย “อวี่เจ๋อ พี่ว่าพี่บอกนายก็แล้วกัน ตอนนี้ถึงอาการป่วยของนายจะดีขึ้น แต่ว่าก็จะยังมีอาการอื่นหลงเหลืออยู่ คุณหมอบอกว่าอาจจะส่งผลกระทบกับระบบสืบพันธุ์ของนาย!”
หน้าหลิ่วอวี่เจ๋อเปลี่ยนสีทันที จากนั้นใบหน้าก็ซีดเผือด!
ชายหนุ่มคนหนึ่งนิ้วด้วนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โต!!
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเกียรติยศของลูกผู้ชาย!
แต่ตอนนี้ถึงหลิ่วอวี่เจ๋อจะร่างกายครบถ้วน แต่กลับไม่มีความสามารถในการสืบพันธุ์แล้ว!
นั่นแปลว่าทั้งชีวิตนี้เขาอาจจะไม่มีลูกเป็นของตัวเองอีกแล้ว!
หลิ่วอวี่เจ๋อคว้าหลิ่วเฟิงด้วยท่าทางแตกตื่น“พี่ว่ายังไงนะครับ? พี่บอกว่าผมจะมีลูกไม่ได้ไปตลอดชีวิตเหรอ?”
หลิ่วเฟิงปลอบใจน้องชาย “นายอย่าเพิ่งตื่นเต้นไป ก็แค่อาจจะมีผลเฉยๆ อีกอย่างการแพทย์ของอวิ๋นโจวก็ไม่ได้พัฒนามากมาย อาจจะวินิจฉัยผิดพลาด เดี๋ยวพี่จะพานายกลับเทียนไห่ พวกเรากลับไปตรวจกันที่เทียนไห่อีกรอบ บางทีอาจจะ
หลิ่วอวี่เจ๋อหมดอาลัยตายอยาก ปกติแล้วเทคโนโลยีทางการแพทย์ของอวิ๋นโจวด้อยกว่าเทียนไห่มาก
แต่เทียบกับทั้งประเทศแล้วก็ถือว่าชั้นยอด เรื่องแบบนี้จะวินิจฉัยผิดพลาดได้ยังไง!
“โอ้ย!!”
หลิ่วเฟิงเหวี่ยงแขนซ้ายไปมา กวาดแก้วน้ำ อาหารทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะลงพื้น แถมยังชกกระจกด้วยโทสะ
“เย่เฉิน! ฉันจะฆ่าแก!”
มือขวาหลิ่วอวี่เจ๋อยังบาดเจ็บอยู่ หลิ่วเฟิงรีบร้อนเข้าไปกอดน้องชายเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาทำร้ายตัวเองอีก
“อวี่เจ๋อใจเย็นๆ!”
หลิ่วเฟิงเห็นน้องชายตนเองมีสภาพแบบนี้ เขาก็เจ็บปวดใจอย่างยิ่ง
ตระกูลใหญ่ๆ จำนวนมากแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันอย่างหนัก ถ้าหลิ่วอวี่เจ๋อไม่สามารถมีลูกได้ ถือว่าเป็นผลดีกับหลิ่วเฟิงโดยไม่ต้องสงสัย
แต่ว่าหลิ่วเฟิงและหลิ่วอวี่เจ๋อรักใคร่กลมเกลียวกันมาตลอด ไม่เคยทะเลาะกันเรื่องทรัพย์สมบัติมาก่อน
หลิ่วอวี่เจ๋อทรุดนั่งลงบนพื้นเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงเต็มๆ
ในระหว่างนั้นเขาก็โทรหาแฟนเก่าทุกคนที่เคยคบหา ทันทีที่อีกฝ่ายรับสายเขาก็ถามพวกหล่อนทันทีว่ามีใครท้องบ้างหรือไม่
แต่พวกหล่อนต่างก็ปฏิเสธกันหมด
หลิ่วอวี่เจ๋อก็ค่อยๆ ร่ำไห้ออกมาช้าๆ ผู้ชายอายุยี่สิบกว่าๆ ความสามารถในการรับแรงกดดันต่างๆ อาจจะไม่ดีมากนัก
แล้วในทันใดนั้นเองสีหน้าหลิ่วอวี่เจ๋อก็ค่อยๆ โหดเหี้ยมขึ้นมา
“ผมจะให้หวังเจียเหยาทำแท้งไม่ได้! นั่นเป็นลูกชายของเย่เฉิน! ผมจะต้องให้หล่อนคลอดเด็กออกมาให้ได้!”
หลิ่วอวี่เจ๋อมีลูกไม่ได้ แต่เขากำลังจะแต่งงานกับหวังเจียเหยาซึ่งบังเอิญที่หล่อนก็กำลังท้องพอดี ที่บังเอิญอย่างมากก็คือเพิ่งจะตั้งท้องได้หนึ่งเดือนเท่านั้น
ถ้าหากว่าทั้งสองคนแต่งงานกันในตอนนี้แล้วไม่บอกความจริงกับคนอื่น
หลังจากตั้งท้องครบสิบเดือน หวังเจียเหยาคลอดลูก เพื่อนๆ ก็จะพากันคิดว่าเด็กคนนี้เป็นสายเลือดของหลิ่วอวี่เจ๋อ
วงสังคมของหลิ่วอวี่เจ๋อต่างก็เป็นสังคมระดับสูง คนในเมืองเล็กๆ อย่างเมืองอวิ๋นโจว เช่นเย่เฉิน ฉินหงเหยียน พวกเขาไม่รู้จักด้วยซ้ำไป และไม่อยากจะรู้จัก ไม่แม้แต่จะสืบเรื่องของพวกเขาด้วยซ้ำไป
หลิ่วอวี่เจ๋ออ้อนวอนหลิ่วเฟิง “พี่ครับถ้าผมมีลูกไม่ได้อีกขึ้นมาจริงๆ พี่ห้ามบอกคนอื่นนะครับ ตอนนี้จะพ่อแม่หรือคุณปู่พี่ก็อย่าบอกนะครับ! ถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า ผมคงไม่มีหน้าอยู่ที่เทียนไห่แล้วล่ะครับ!”
หลิ่วเฟิงเองก็พอจะรู้ว่าหน้าตาสำคัญกับลูกผู้ชายมากกว่าเรื่องใดๆ
หลิ่วเฟิงกล่าว “นายสบายใจได้ พี่ไม่บอกใครหรอก ทั้งหมอและพยาบาลในโรงพยาบาลที่รู้เรื่องนี้ พี่ก็จะปิดปากพวกเขา ไม่ให้พวกเขาเอาเรื่องนี้ไปเล่าต่อ”
หลิ่วอวี่เจ๋อพยักหน้าแล้วบอกความคิดของตัวเองออกมา
“พี่ครับผมจะแต่งงานกับหวังเจียเหยา”
หลิ่วเฟิงตกใจไปเล็กน้อย “นายบอกว่านายจะแค่เล่นๆแล้วจะสลัดหล่อนทิ้งไม่ใช่เหรอ?”
ถึงแม้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะเคยรับปากกับหวังเจียเหยา บอกว่าจะแต่งงานกับหล่อน ให้หล่อนกลายเป็นสะใภ้ของตระกูลหลิ่ว
แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่เป็นเพียงคำลวงของหลิ่วอวี่เจ๋อเท่านั้น
และเป็นเหมือนที่เย่เฉินเคยพูดเอาไว้ ตระกูลร่ำรวยหรูหราไม่ใช่ว่าจะเข้าร่วมวงศ์ตระกูลได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นหวังเจียเหยาเคยแต่งงานมาก่อนเรียกได้ว่าแต่งงานมาสามรอบแล้วด้วยซ้ำไป
หลิ่วอวี่เจ๋อเดิมทีตั้งใจจะรอให้หวังเจียเหยาทำแท้งแล้วนอนกับหญิงสาวสักช่วงหนึ่ง แล้วค่อยสลัดหล่อนทิ้ง
เพื่อให้หล่อนได้ลิ้มรสความรู้สึกของโดนผู้ชายเจ้าชู้หลอกฟัน
ทว่าตอนนี้แผนของหลิ่วอวี่เจ๋อเปลี่ยนไปแล้ว
เขาต้องการหวังเจียเหยาและเด็กในท้องของหญิงสาว
ในฐานะที่เป็นลูกผู้ชาย เด็กในท้องของหวังเจียเหยาจะช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีและหน้าตาของเขากลับมา
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ผมไม่มีทางให้คนอื่นรู้ว่าผมมีลูกไม่ได้ ผมภูมิใจในตัวเองมาหลายปี ศักดิ์ศรีสำคัญกว่าชีวิตผมเสียอีก! ผมตั้งใจจะหลอกทุกคน ให้พวกเขาคิดว่าลูกของหวังเจียเหยาเป็นลูกของผม ผมจะให้หวังเจียเหยาคลอดเด็กคนนี้ ผมจะเลี้ยงเด็กคนนี้เอง!”
หลิ่วเฟิงเข้าใจนิสัยน้องชายเป็นอย่างดี เขารู้ว่าทำไมอีกฝ่ายจึงเลือกทำเช่นนี้
หลิ่วเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “ก็ได้ ลูกของนายกับหวังเจียเหยา แต่ถ้านายจะให้เขามีสิทธิ์ในมรดกของครอบครัวเราด้วย พี่ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ เพียงแต่รู้สึกว่าลูกของเย่เฉินจะสบายเกินไปหน่อย”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวต่อ “พี่เข้าใจผิดแล้วครับ! ผมบอกว่าผมจะเลี้ยงลูกของเย่เฉินกับหวังเจียเหยา แต่ไม่ได้บอกว่าผมจะเลี้ยงเขาเหมือนลูกแท้ๆ เสียหน่อย เชื้อสายของเย่เฉินไม่คู่ควรจะได้ครอบครองเงินของพวกเราแม้แต่แดงเดียว!
ผมตั้งใจเอาไว้แบบนี้ครับ ถ้าลูกของหวังเจียเหยาเป็นเด็กผู้ชาย ผมจะส่งเขาไปเป็นแรงงานที่ทวีปแอฟริกา ส่วนถ้าเป็นเด็กผู้หญิงล่ะก็ ฮ่าๆ หวังเจียเหยาสวยขนาดนั้น เย่เฉินมันก็หน้าตาใช่ย่อย ลูกของพวกเขาจะต้องสวยมากแน่ๆ”
พูดถึงตรงนี้ในแววตาของหลิ่วอวี่เจ๋อก็ฉายแววหื่นกระหาย!
หลิ่วเฟิงพอจะฟังออกแล้วว่าน้องชายคิดจะระบายความแค้นกับลูกสาวของเย่เฉิน!
“ผมจะเลี้ยงลูกเขาจนอายุครบสิบแปด แล้วผมจะทำให้หล่อนมีประสบการณ์วัยรุ่นที่ไม่มีทางลืมเลือน แล้วค่อยให้หล่อนไปเป็นสาวขายบริการ! ให้หล่อนโดนผู้ชายเป็นหมื่นปู้ยี่ปู้ยำ! มีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้นถึงจะระบายความโกรธที่ผมมีในใจได้!”
……
หนึ่งชั่วโมงต่อมาหวังจียเหยาก็มาถึงห้องพักผู้ป่วย VIP
เมื่อเห็นหวังเจียเหยามาถึง หลิ่วอวี่เจ๋อก็กุลีกุจอเดินมาหาเจ้าหล่อน “ที่รัก คุณมาได้สักที เมื่อครู่ผมโทรหาคุณแล้วทำไมคุณไม่รับล่ะครับ?”
พอหวังเจียเหยามาถึงหล่อนก็วางกระเป๋าของตนเองลงแล้วกล่าว “อ้อ เมื่อกี้กำลังตรวจร่างกายอยู่ไม่ได้เอาโทรศัพท์เข้าไปด้วย”
หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนกล่าว“ตรวจร่างกาย? ตรวจร่างกายก่อนทำแท้งเหรอ? คุณเอาเด็กออกหรือยัง?”
ถ้าหวังเจียเหยาเอาเด็กออกแล้วล่ะก็แผนการทั้งหมดของเขาก็คงล่มไม่เป็นท่า!
วินาทีนี้หลิ่วอวี่เจ๋อร้อนรนเสียยิ่งกว่าเย่เฉินเสียอีก!
หวังเจียเหยาส่ายหน้า “เดิมทีนัดหมอแล้วว่าจะทำแท้งวันนี้ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมให้ฉันไปตรวจร่างกายอีกรอบ แล้วยังบอกว่าสภาพร่างกายฉันตอนนี้ทำแท้งไม่ได้ ให้ฉันรออีกหน่อย”
หลิ่วอวี่เจ๋อผ่อนลมหายใจยาว
ความเป็นจริงแล้วเย่เฉินจ้างคนมาจัดการ
ตอนนี้ไม่ว่าหวังเจียเหยาคิดจะไปทำแท้งที่โรงพยาบาในอวิ๋นโจวก็ไม่ได้ทั้งนั้น
คุณปู่ของเย่เฉินสั่งเอาไว้แล้วว่าเขาต้องการเด็กคนนี้ ไม่ว่าใครก็แย่งหลานของเขาไปไม่ได้
หลิ่วอวี่เจ๋อจับมือหวังเจียเหยากล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “ที่รัก คุณอย่าเอาเด็กคนนี้ออกเลย ผมจะยอมเป็นพ่อของเด็กคนนี้เอง!”
วันนี้หลิ่วอวี่เจ๋อดีใจอย่างมาก เขาโค่นเย่เฉินลงจากตำแหน่งประธานบริษัทแล้วทำให้เขากลายเป็นยาจก
อีกทั้งยังทำให้เย่เฉินและหวังเจียเหยาที่ตนเองประทับใจหย่ากัน และยังแย่งหญิงสาวมาได้สำเร็จ
ผลลัพธ์แบบนี้เป็นมาตรฐานตอนจบของคุณชายตระกูลหลิ่ว
หลายปีมานี้เขาไม่เคยพ่ายแพ้ในสนามความรักมาก่อน
เสียดายก็แค่นิ้วของเขาพิการไปสองนิ้วก็เท่านั้น
แต่สองนิ้วพิการที่ใช้ไม่ได้นั้น ไม่ได้สงผลอะไรมากมายขนาดนั้นกับหลิ่วอวี่เจ๋อ
ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการกินการดื่มของเขา เพราะเขาเคยหัดใช้ทั้งมือซ้ายและขวา
และไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับการเล่นเกมเล่นโทรศัพท์ของเขาเช่นเดียวกัน
หลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาโทรคุยกันเล็กน้อย รอจนฉีดยาเข้าสายน้ำเกลือเสร็จ หลิ่วอวี่เจ๋อก็ชวนหวังเจียเยหาเล่นเกม King of glory ด้วยกัน
นิ้วชี้และกลางข้างขวาของหลิ่วอวี่เจ๋อขยับไม่ได้ แต่ว่าโชคดีที่เขาต้องใช้แค่นิ้วโป้งขวาเท่านั้น
หลิ่วอวี่เจ๋อเลือกเล่นฮีโร่จงขุย ส่วนหวังเจียเหยาเลือกใช้แองเจลล่า
หลิ่วอวี่เจ๋อรับผิดชอบล่อศัตรูมา แล้วให้หวังเจียเหยาหลบลอยู่ด้านหลังเขา แล้วใช้สกิลสอง หนึ่งและสามเพื่อเก็บคิล
เพิ่งเริ่มตาแรกๆ ทั้งสองคนก็เล่นเข้ากันได้เป็นอย่างดี จนชนะติดต่อกัน
แต่ว่าเล่นไปเล่นมา หลิ่วอวี่เจ๋อก็ไม่ค่อยสบาย สกิลสองที่เป็นตะขอก็เล็งไม่ตรงเป้า จนบางครั้งถึงขั้นที่เบี้ยวไปไกล
หวังเจียเหยาที่เล่นเกมอยู่สังเกตเห็นจึงถาม “ที่รักนายเหนื่อยหรือเปล่าเนี่ย?”
หวังเจียเหยาหย่ากับเย่เฉินไปเมื่อตอนกลางวัน กลางคืนก็เรียกผู้ชายคนอื่นเป็นที่รักหน้าตาเฉย
เหล่าสาวสวยก็เป็นแบบนี้
ผู้ชายมีเยอะกว่าผู้หญิง ทำให้ข้างกายคนสวยๆ มักมีตัวสำรองเผื่อไว้เสมอ
สำหรับพวกหล่อนนอกเสียจากว่าจะตั้งใจว่าจะไม่มีความรักแล้ว
มิฉะนั้นบรรดาหญิงสาวไม่มีทางว่าง ไม่มีช่วงโสดสนิท เมื่อเลิกกับอีกคน ก็จะด่าว่าอีกฝ่ายเจ้าชู้ แล้วไปมีคนคุยใหม่อย่างรวดเร็ว
เสียดายผู้ชายอย่างเย่เฉินที่ตอนแต่งงานไม่เคยไปโปรยเสน่ห์ที่ไหน ไม่มีแม้แต่เพื่อนต่างเพศด้วยซ้ำไป
หลังจากแต่งงานแล้วทุกคนก็รู้ว่าเขาไม่มีเงิน ไม่มีผ้หญิงคนไหนอยากจะเข้าหาเขา
มีแค่หวังหยวนหยวนที่เสนอตัว เพราะคิดว่าเขายังเป็นหลานชายของตระกูลเย่
หลิ่วอวี่เจ๋อตอบกลับด้วยเสียงในเกม “ไม่รู้ทำไมเหมือนจู่ๆ ก็ปวดหัวขึ้นมาหน่อยๆ”
หวังหยวนหยวนเป็นห่วงหลิ่วอวี่เจ๋อจึงกล่าว “เล่นจบเกมนี้ นายไปพักเถอะ ดึกมากแล้ว”
“ก็ได้”
เดิมทีหลิ่วอวี่เจ๋อตั้งใจจะนอนดึกๆ รอให้ซีกวาตัดนิ้วเย่เฉินแล้วดื่มเหล้าเพื่อฉลองสักหน่อย
แต่ว่าร่างกายเขายิ่งไม่สบายหนักขึ้นไปทุกที หลังจากเล่นเกมเสร็จแล้วก็ปิดไฟเข้านอน
นอนไปได้แค่ชั่วโมงสองชั่วโมง จู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็ผุดลุกขึ้นแล้วอาเจียนออกมา เขารู้สึกว่าเวียนหัว ตัวร้อน เหมือนจะเป็นลม
“พยาบาล! พยาบาล! มานี่หน่อย!”
หลิ่วอวี่เจ๋อกดสวิตช์เรียกพยาบาลตรงหัวเตียง แล้วร้องโหยหวนอย่างไร้เรี่ยวแรง
ผ่านไปไม่นาน พยาบาลสองคนก็เดินมาหา แต่ไม่ใช่พยาบาลคนที่ฉีดยาให้เขา
เห็นหลิ่วอวี่เจ๋อจู่ๆ ป่วยหนัก พยาบาลจึงเข็นเขาไปที่ห้องป่วยฉุกเฉิน
เวลาสองชั่วโมงเต็มๆ ผ่านไป อาการป่วยของหลิ่วอวี่เจ๋อก็ค่อยๆ ดีขึ้น
เขาเริ่มหายใจสบายตัวขึ้น อาการอาเจียน ตัวร้อนก็ลดลงไปไม่น้อย
และในตอนนี้หลิ่วเฟิงก็มาถึงโรพงยาบาล
หลิ่วเฟิงถามหมอที่เป็นคนดูแลหลัก “น้องผมเป็นอะไร? ทำไมเขาถึงตัวร้อนอาเจียน? นิ้วเขาบาดเจ็บ ไม่ควรจะมีอาการป่วยแบบนี้สิ!”
หมอกล่าวว่า “คุณพูดถูกแล้วล่ะ อาการป่วยนี้ไม่ได้เกิดเพราะนิ้วที่บาดเจ็บแต่เป็นเพราะโดนวางยา โชคดีที่เขาอยู่โรงพยาบาลเลยช่วยได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นถ้าป่วยหนักกว่านี้ ต่อให้ช่วยได้ก็จะกลายเป็นคนพิการ”
หลิ่วเฟิงตกใจหน้าซีด “คุณหมอกำลังจะบอกว่าเป็นอาการจากการโดนวางยาเหรอ?”
คุณหมอกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หายแล้ว หลังจากหายแล้ว ความว่องไว สมรรถภาพต่างๆ ก็ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม เพียงแต่ว่า…”
“เพียงแต่ว่าอะไร!” หลิ่วเฟิงตาถลนมองหมอ
หมอถอนหายใจแล้วกล่าว “พวกเราพบว่ายาพิษนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเพศชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสืบพันธุ์…
หลิ่วเฟิงคว้าเข้าที่คอเสื้อกาวน์หมอ “หมอจะบอกว่าน้องชายผมจะมีลูกไม่ได้อีกเหรอ?”
ช่วงนี้คนแจ้งความหมอค่อนข้างเยอะ หนำซ้ำตระกูลหลิ่วก็เป็นตระกูลใหญ่ หมอก็ลนลาน
“ไม่ครับ นี่เป็นแค่การวิเคราะห์เท่านั้น ส่วนรายละเอียดแน่ชัดยังไง ยังต้องลองศึกษาวิจัยอีกครั้ง”
หลิ่วเฟิงรู้ว่าหมอกลัวตนเองดังนั้นถึงได้ประนีประนอมแบบนี้
เช้าวันที่สองหลิ่วอวี่เจ๋อก็ค่อยๆ เปิดตาออก พบว่าหลิ่วเฟิงนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางเศร้าสร้อย
“เฮ้อ ในที่สุดก็ตื่นสักที พี่เฝ้าผมมาทั้งคืนเลยใช่ไหมครับ? ผมไม่เป็นอะไรแล้ว สบายตัวมากเลยครับ ตอนนี้รู้สึกเหมือนจะกระโดดได้แล้ว!”
หลิ่วอวี่เจ๋อพูดกับหลิ่วเฟิง
หลิ่วเฟิงแหงนหน้ามองแล้วกล่าว “อวี่เจ๋อสองวันมานี้ นายได้เจอใครมาบ้าง? มีคนทำร้ายนาย!”
“ทำร้ายผม? นอกเสียจากพวกพี่กับคนในโรงพยาบาลก็มีหวังเจียเหยา” หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว
หลิ่วเฟิงหัวเสียอย่างมากเขาผุดลุกขึ้น “งั้นต้องเป็นผู้หญิงสารเลวอย่างหวังเจียเหยาวางยานาย!”
หลิ่วอวี่เจ๋อมองท่าทางของหลิ่วเฟิง เหมือนว่าจะไปคิดบัญชีของหวังเจียเหยา จึงรั้งพี่ชายเอาไว้แล้วกล่าวกับเขาว่า
“พี่ครับ ไม่หรอกครับ หล่อนมาหาผมไม่เคยส่งน้ำหรือของกินอะไรให้ผมด้วยซ้ำ อีกทั้งตั้งแต่วินาทีแรกที่หล่อนเข้ามาในห้องผมก็จับมือหล่อนตลอด จูบหล่อนมั่ง หล่อนไม่มีเวลาวางยาผมหรอกครับ อีกทั้งไม่มีเหตุผลให้ทำอย่างนั้นด้วย!”
หลิ่วอวี่เจ๋อไม่เชื่อว่าหวังเจียเหยาจะทำร้ายตนเอง
ทันใดนั้นเองหลิ่วอวี่เจ๋อคิดถึงพยาบาลแปลกหน้าหน้าตาสวยคนนั้น เขากล่าว
“จริงสิ พี่ครับ เมื่อคืนวานตอนผมใกล้นอน มีพยาบาลแปลกหน้าคนหนึ่งฉีดยาให้ผม พอฉีดยาเสร็จแล้วผมก็ปวดหัว!”
ประกายวิบวับพาดผ่านในดวงตาหลิ่วเฟิง “นายคอยก่อน!”
ผ่านไปยี่สิบนาที หลิ่วเฟิงก็เรียกพยาบาลประจำชั้นนั้นมารวมตัวกัน เพื่อให้หลิ่วเฟิงชี้ตัว
แต่หลิ่วอวี่เจ๋อส่ายหน้า
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ไม่ใช่สักคนเลย ถึงพยาบาลคนนั้นจะใส่แมสก์ แต่ตาหล่อนสวยมากจะต้องเป็นสาวสวยแน่ๆ”
หลิ่วอวี่เจ๋อจดจำผู้หญิงหน้าตาสวยๆ ได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นเขาจึงแน่ใจในเรื่องนี้มาก
“หรือจะบอกว่าเมื่อคืนมีคนปลอมตัวเป็นพยาบาลงั้นเหรอ?” หลิ่วเฟิงเริ่มเดาออก
หลิ่วอวี่เจ๋อจึงเริ่มหวาดกลัว “จะใช่เย่เฉินจ้างคนมาทำร้ายผมหรือเปล่า! เพราะผมตัดนิ้วเขาดังนั้นเขาก็เลยมาแก้แค้นผม”
หลิ่วเฟิงหัวเสียทันที “อวี่เจ๋อคนชื่อซีกวาไม่ได้ตัดนิ้วเย่เฉินหรอกนะเมื่อวานน่ะ พวกเขาบอกว่าตอนที่เขาเพิ่งจะถึงหน้าโรงแรมก็ถูกตำรวจจับ พี่ว่าอย่าไปหวังกับพวกเขาเลย”
“แม่ง! หมอนั่นรอดตัวไปได้!” หลิ่วอวี่เจ๋อหงุดหงิด
ทว่าหลังจากนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อก็หัวเราะออกมา “ไม่เป็นไรครับ ตัดนิ้วเขาไม่ได้ แต่ผมฆ่าลูกในท้องของเขาได้ วันนี้ผมบอกให้หวังเจียเหยาไปทำแท้งแล้วเดี๋ยวผมโทรหาหล่อนว่าหล่อนอยูที่โรงพยาบาลหรือยัง ”
ใครจะรู้ว่าตอนที่หลิ่วอวี่เจ๋อเพิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาก็โดนหลิ่วเฟิงคว้าไป
เดิมทีถ้าเย่เฉินกับหลิ่วอวี่เจ๋ออยู่ที่เทียนไห่ เย่เฉินก็คงจะเล่นงานพวกเขาได้ยากขึ้น
อย่างไรเสียตระกูลหลิ่วก็ถือว่าทรงอินธิพลอย่างมากในเทียนไห่
แต่พวกคนอย่างหลิวเจิ้งคุน ซีกวา ที่กล้าทำพฤติกรรมเหลวไหลในอวิ๋นโจว ก็อาจจะไม่กล้าทำตัวแบบนี้ในเทียนไห่
ทว่าฟางเชาและหลิ่วอวี่เจ๋อรนหาที่ จะดันทุรังมาอวิ๋นโจวเพื่อหาเรื่องเย่เฉินให้ได้
ดังนั้นจะโทษเย่เฉินไม่ได้ ที่เขาไม่สามารถปล่อยให้คนพวกนั้นกลับไปในสภาพสมบูรณ์ครบถ้วน
เย่เฉินกดโทรหาหลิวเจิ้งคุน แล้วพูดกับอีกฝ่ายแค่สามคำ “ลงมือได้”
หลิวเจิ้งคุนตอบ “คุณชายอยากให้ทำยังไงครับ? จะให้ตอนฟางเชาไหมครับ?”
ตอนนี้ตระกูลฟางใกล้จะลมละลายอยู่รอมร่อ อีกทั้งเขาก็สมควรตายที่นอนกับหวังเจียเหยา ดังนั้นจะฆ่าเขาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เย่เฉินเห็นแก่ที่แม่ของฟางเชาเคยขอร้องตนเองจึงไม่อยากทำอะไรรุนแรง
“ให้เขานอนกับผู้หญิงไม่ได้อีก ตอนเขาแล้วกัน”
“ครับ! แล้วหลิ่วอวี่เจ๋อล่ะ? ทำแบบเดียวกันไหมครับ?”
อย่างไรเสียหลิ่วอวี่เจ๋อก็เป็นหลานชายของหลิ่วหย่วนหางเศรษฐีที่ร่ำรวยของประเทศจีน ถ้าหากจะลงมือทำร้ายเขาโดยการจับตอนล่ะก็
ด้วยนิสัยของหลิ่วหย่วนหาง จะต้องทุ่มเทควานหาตัวคนลงมืออย่างสุดความสามารถแน่
พอถึงตอนนั้นถ้าพวกซีกวาโดนจับได้ พวกเขาก็คงอยู่ในประเทศต่อไม่ได้
ดังนั้นเย่เฉินถึงได้อยากใช้วิธีที่ไม่ประเจิดประเจ้อนัก
“ฉันมียาขวดหนึ่งที่ได้มาจากสนามรบ นายให้คนมาเอาแล้วกัน แล้วให้ไปหาพยาบาลฉีดมันให้หลิ่วอวี่เจ่อก็พอ”
หลังจากที่หลิวเจิ้งคุนได้ยินก็รีบร้อนกล่าวขอบคุณ “ผมขอบคุณคุณชายแทนซีกวามันด้วยนะครับ!”
“อืม ฉันอยู่ที่โรงแรมไคว่หมิ่นแถวสำนักกิจการพลเรือน ห้อง 706 ส่งคนมาแล้วกัน”
พูดจบเย่เฉินก็วางสายไป จากนั้นเขาก็แง้มประตูออกน้อยๆ
ก๊อกๆ
“เข้ามาสิ ไม่ได้ล็อค”
แล้วจึงได้เห็นว่าคนที่ผลักประตูเข้ามาก็คือหลิวเจิ้งคุน
“อ้อ? นายยังไม่ไปเหรอ?”
เย่เฉินไพล่คิดว่าไปหลิวเจิ้งคุนจะติดตามพ่อบ้านฟางออกจากอวิ๋นโจวไปแล้ว
หลิวเจิ้งคุนกล่าว “ผมส่งท่านฟางไปอังกฤษเสร็จแล้วครับ ท่านฟางบอกว่าตอนนี้ผมยังไม่มีคุณสมบัติที่จะได้พบกับคุณปู่ของคุณชาย”
เย่เฉินหัวเราะ “นายช่วยฉันจัดการเรื่องพวกนี้แล้วฉันจะแนะนำให้”
“ขอบคุณครับคุณชาย!” หลิวเจิ้งคุนร่าเริงอย่างยิ่ง
ถึงเขาจะมีอิทธิพลในวงการใต้ดิน แต่ในวงการบนดินนี้ โอกาสหาได้ยากเย็น ไม่แน่ว่าวันไหนอาจจะมีโอกาสได้เข้าไป
ดังนั้นเขาถึงอยากจะอาศัยใบบุญของคุณปู่เย่เฉินที่อังกฤษ
เย่เฉินหยิบขวดขนาดเล็กสีดำออกมา แล้วส่งให้หลิวเจิ้งคุน
หลิวเจิ้งคุนรับมาแล้วกล่าว “คุณชาย ของชิ้นนี้ถ้าฉีดเข้าร่างกายไปแล้วจะเป็นยังไงเหรอครับ?”
เย่เฉินตอบ “จะตัวร้อน หายใจติดขัด”
หลิวเจิ้งคุนหงุดหงิด “อาการเจ็บป่วยพวกนี้ดูไม่มีอะไร หรือว่าจะรักษาไม่ได้?”
เย่เฉินตอบ “ด้วยมาตรฐานทางการแพทย์ของอวิ๋นโจว ไม่กี่ชั่วโมงน่าจะรักษาให้หายได้”
“คุณชายใจดีกับคนแซ่หลิ่วนั้นมากเกินไปแล้ว! คุณชายพวกเรารู้ว่าตระกูลหลิ่วมีอำนาจ จะล่วงเกินไม่ได้ แต่ว่าเขานอนกับอดีตภรรยาของคุณชายสมควรตาย! ต่อให้ต่อไปผมไม่สามารถอยู่ในประเทศได้แล้ว ผมก็ยินดีจะลงมือกำจัดเขาแทนคุณชาย!”
หลิวเจิ้งคุนแสดงความภักดีของตนเองออกมา
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน นายไม่จำเป็นต้องเสียสละอำนาจที่นายเก็บสะสมมาได้อย่างยากลำบากเพื่อฉัน นายสบายใจได้ ฉันไม่มีทางปล่อยให้เขาปวดหัวแค่ไม่กี่ชั่วโมงแน่ ถึงอาการป่วยจะดูธรรมไม่มีอะไร แต่อันที่จริงแล้วทันทีที่ฉีดยาเข้าไปต่อให้รักษาหายก็ยังจะมีอาการตามมา เรื่องใหญ่ที่สุดก็คือสมรรถภาพในการสืบพันธุ์จะหายไป”
หลิวเจิ้งคุนประหลาดใจ “ในสงครามมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ? ฮ่าๆ แบบนี้ก็ดีสิครับ ทำให้เจ้าเด็กหลิ่วอวี่เจ๋อมีลูกไม่ได้ไปตลอดชีวิต ต่อไปภายหน้าต้องรับลูกคนอื่นมาเลี้ยง ฮ่าๆ”
เย่เฉินก็ไม่อยากจะทำร้ายอีกฝ่ายโหดร้ายแบบนั้น เสียดายก็แต่หลิ่วอวี่เจ๋อสั่งได้ตัดนิ้วเขา เช่นนั้นจะโทษที่เขาทำแบบนี้ไม่ได้
……
สามทุ่ม
ร้านคาราโอเกะจินคว่าง
“มาครับ พี่กวา ผมขอดื่มให้พี่แก้วหนึ่ง!”
ฟางเชากำลังดื่มเหล้ากินแตงโมกับซีกวาในห้อง VIP
พร้อมกันนั้นสองมือของเขากำลังกอดสาวสวยสองคน
ซีกวายิ้มขณะชนแก้วกับเขา “วันนี้คุณชายฟางอารมณ์ดีมากเลยนะครับ”
ฟางเชาดื่มเบียร์ไปหกขวดแล้ว สีหน้าเขาตอนนี้ออกจะเมามายน้อยๆ
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว! ลูกหมาเย่เฉินหย่ากับหวังเจียเหยาไปแล้วเหมือนผมที่โดนหล่อนเตะทิ้งเลย ฮ่าๆ อีกทั้งหลังจากที่เขาหย่ารอบนี้ ก็ไม่ได้ไปนอนโรงแรมหรูหราอะไร แต่ไปนอนโรงแรมคืนละร้อยกว่าหยวนแทน อีกประเดี๋ยวจะโดนคนของพี่กวาตัดนิ้วทิ้งอีก เขาทำให้ผมล้มละลายในที่สุดผมก็ได้ชำระแค้นเสียที!”
ซีกวายิ้มแล้วชูแก้ว “เช่นนั้นต้องแสดงความยินดีกับคุณด้วยนะครับคุณชายฟาง”
ฟางเชาชนแก้วแล้วกล่าว “พี่กวาพี่ตั้งใจจะลงมือเมื่อไหร่เหรอครับ? ตอนลงมือพอจะตัดนิ้วเพิ่มอีกสักนิ้วได้ไหมครับ? สองนิ้วนั้นเป็นของลูกพี่ลูกน้องผม ส่วนอีกนิ้วเป็นของผม”
ฟางเชาคิดในใจคนหน้าโง่จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก คิดจะตัดนิ้วเย่เฉินเพิ่มอีกนิ้วเหรอ?
ซีกวากล่าว “ก็ได้ สิบล้านหยวนคุณชายฟางให้เงินเพิ่มอีกสิบล้าน เดี๋ยวผมช่วยคุณตัดนิ้วเขาเพิ่มมาอีกนิ้ว”
ฟางเชาหัวเราะร่วน “พี่ก็รู้ว่าตอนนี้ผมไม่มีเงิน เฮ้อช่างเถอะ ถือว่าเย่เฉินมันโชคดีปล่อยให้หมอนั่นมีนิ้วเพิ่มขึ้นอีกนิ้วแล้วกัน!”
“จริงด้วยพี่กวา ผมได้ยินมาว่าของพิเศษที่ใหม่ที่สุดในช่วงนี้คือสาวสองจากประเทศไทย พอจะให้ผมได้เปิดหูเปิดตาได้ไหมครับ”
ซีกวาดีดนิ้ว แล้วคุยกับเด็กที่ยืนตรงประตู “เรียกสาวสองเข้ามา!”
ไม่นานนักหญิงสาวหน้าตาแปลกๆ แต่เรือนร่างสวยงามก็เดินเข้ามา
ฟางเชาหมดความสนใจในตัวหญิงสาวข้างตัวทันที “ฮ่าๆ ไม่เหมือนใครจริงๆ ด้วยผมชอบนะ!”
ซีกวาส่ายหน้า “คุณนี่รสนิยมแน่จริงๆ ค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศไปแล้วกันนะ ผมขอตัวก่อน ”
ฟางเชารีบลุกขึ้น “ขอบคุณครับพี่กวา พี่กวาเดินทางปลอดภัยนะครับ!!”
หลังจากที่ซีกวาเดินออกจากห้องรับรองพิเศษแล้ว เขาก็ไม่ได้ไปไหนแต่ยังเฝ้าอยู่ที่ประตู
ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็ได้ยินเสียงโหยหวนของฟางเชาที่อยู่ด้านใน
“อ๊าก! ไม่!”
ซีกวาโยนบุหรี่ทิ้ง แล้วส่งข้อความหาหลิวเจิ้งคุน “จัดการฟางเชาเรียบร้อยแล้ว”
ในเวลาเดียวนั้นเอง ห้องพักผู้ป่วย VIP ณ โรงแรมพยาบาล
“มีพยาบาลมาใหม่เหรอ? หน้าตาสวยเชียว”
หลิ่วอวี่เจ๋อมองเห็นพยาบาลหน้าตาดูไม่ค่อยคุ้นเคยคนหนึ่งเดินเข้ามา
พยาบาลสาวสวยยิ้มน้อยๆ ไม่พูดไม่จา
เมื่อเห็นพยาบาลจะฉีดยาในสายน้ำเกลือ เขาก็ถามว่า “ยาที่ต้องฉีดวันนี้หมดแล้วไม่ใช่เหรอ?”
พยาบาลตอบว่า “คุณหมอสั่งมาน่ะค่ะ ให้ฉีดตอนกลางคืนหนึ่งขวด จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็ว”
แล้วหวังเจียเหยาก็โทรเข้ามาพอดี ทำให้หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
“คนดีคิดถึงผมไหมครับ? คุณไม่มาค้างคืนด้วยกันผมเบื่อมากเลย”
หลิ่วอวี่เจ๋อยิ้มอย่างอารมณ์ดี เพราะรู้เรื่องที่ทั้งสองคนหย่ากันแล้ว
“ผมได้ยินมาว่าเย่เฉินพักที่โรงแรมไคว่หมิ่น คุณวางใจเถอะ ผมไม่ได้ให้คนไปตัดนิ้วเขาบริษัทที่โดนเขาป่วนจนเจ๊งก่อนนี้มีก็มาก ศัตรูตู่แค้นของเขาเยอะแยะ ถ้าโดนตัดนิ้วขึ้นมาจริงๆ คุณห้ามสงสัยผมนะครับที่รัก”
หวังเจียเหยาและเย่เฉินสบตากัน
หวังเจียเหยาก็ยังงดงามเหมือนเดิม ไม่ว่าหญิงสาวจะโกรธเกรี้ยว ยิ้มแย้ม ร้องไห้หรือตอนเปียกปอน
แต่เย่เฉินรู้ว่าพวกเขาสองคนไม่อาจย้อนกลับได้แล้ว
หวังเจียเหยาเอาแต่พูดว่าเย่เฉินตะขิดตะขวงใจเรื่องของตนเองกับฟางเชา ทั้งที่จริงไม่ใช่แบบนั้น
เรื่องของหวังเจียเหยาแล้วฟางเชาเกิดขึ้นในตอนที่เย่เฉินยังไม่ได้เปิดเผยตัวตน
เรื่องนี้ทำร้ายจิตใจเย่เฉินอย่างมาก แต่ไม่ใช่ว่าจะให้อภัยกันไม่ได้
สิ่งที่ทำให้เย่เฉินรู้สึกว่าทั้งสองคนไม่มีทางจะอยู่ด้วยกันจนวันสุดท้ายของชีวิตได้จริงๆ นั้นเป็นเพราะเรื่องของหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อ
พอถึงตอนนั้นหวังเจียเหยาเป็นภรรยาท่านประธานบริษัท อีกทั้งใกล้จะได้เป็นทายาทของตระกูลเย่แล้ว
บางทีหวังเจียเหยากับหลิ่วอวี่เจ๋ออาจจะไม่มีอะไรจริงๆ อาจจะแค่จับมือกันเท่านั้น แต่ก็เป็นเรื่องไม่สมควร
บวกกับหลังจากที่เย่เฉินไม่มีเงินแล้ว ท่าทีที่หวังเจียเหยาปฏิบัติต่อเขาก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว
ผู้หญิงที่ร่วมสุขแต่ไม่ยินดีจะร่วมทุกข์แบบนี้ เย่เฉินไม่อยากได้!
“หย่าครับ!”
ตอนที่เย่เฉินกล่าวเช่นนี้ หวังเจียเหยาก็ตอบคำเดียวกันด้วยน้ำเสียงที่ต่างกัน
ช่ายหมิ่นเห็นทั้งสองมีท่าทีแน่วแน่ก็ผงกศีรษะ “ทั้งสองท่านเชิญตามมา”
ช่ายหมิ่นพาพวกเขาเข้าไปในห้อง แล้วคุยกับคนที่นั่งอยู่ในห้อง “เสี่ยวจาง คุณลุกขึ้นหน่อย ฉันจะเป็นคนทำเอกสารหย่าให้พวกเขาสองคนสามีภรรยาด้วยตัวเอง”
“อ้อ” พนักงานผู้หญิงที่ถูกเรียกชื่อว่าเสี่ยวจางมองหวังเจียเหยาและเย่เฉินด้วยความประหลาดใจ
ผอ.ช่ายทำเอกสารหย่าให้พวกเขาสองคนด้วยตัวเอง เย่เฉินและหวังเจียเหยาก็ได้รับสมุดเล่มเล็กสีม่วงอีกครั้ง
ผอ.ช่ายกล่าวว่า “คุณเย่ คุณหวัง พวกคุณสองคนหย่ากันแล้วอย่างเป็นทางการ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วต่อไป ครั้งนี้ดิฉันขอเอาตำแหน่งผอ.ของดิฉันมารับประกัน เอกสารการหย่านี้มีผลตามกฎหมายจะไม่เกิดปัญหาเมื่อครั้งก่อนอีกแล้ว”
เย่เฉินเองก็รู้ว่าไม่ว่าอย่างไรผอ.ช่ายเป็นผอ. จะไม่มีทางให้เกิดความผิดเดิมๆ อีก
ในวินาทีนี้เขาและหวังเจียเหยาหย่ากันแล้วอย่างแท้จริง!
สามปี เป็นระยะเวลาสามปีแล้วเต็มๆ!
ภาพเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาปรากฏขึ้นในสมองของเย่เฉินไม่หยุด
ตั้งแต่การรู้จักครั้งแรกไปจนเริ่มรักกัน และโดนคนรักหักหลัง จนต่างฝ่ายต่างเห็นกันเป็นศัตรูคู่แค้น
ทำให้คนรู้สึกเสียดาย
ตั้งแต่เดินออกมาจากสำนักงานกิจการพลเรือน หวังเจียเหยาก็ไม่ได้พูดอะไรกับเย่เฉินอีก หญิงสาวก็ขับรถออกไป
เย่เฉินเปิดวีแชทแล้วไถโมเม้นท์ในวีแชทด้วยความเคยชิน แล้วก็พบว่ารูปภาพที่จะปรากฏในเวลาสามวันย้อนหลังไม่มีอีกแล้ว
นี่แปลว่าหวังเจียเหยาได้ลบเย่เฉินออกจากเพื่อนแล้วหรือไม่ก็บล็อคกันไปแล้ว
“พู่ว…”
เย่เฉินผ่อนลมหายใจ ก่อนจะเรียกรถคันหนึ่ง แล้วหาโรงแรมราคาถูกคืนละร้อยกว่าหยวนแถวๆ นี้
ครั้งนี้เขาไม่ได้ไปพักที่โรงแรมเจียหัวที่ซีจื่อหูเหมือนครั้งก่อน
เขาสามารถทำให้หวังเจียเหยาเสียใจภายหลังที่หย่ากับตนเอง บอกหล่อนว่าเรื่องที่ตนเองโดนขับออกจากตระกูลเเป็นเรื่องโกหก
แต่เย่เฉินไม่คิดจะทำแบบนี้
“ถ้าหากว่าเป็นไปได้ ผมหวังว่าชีวิตนี้หวังเจียเหยาจะคิดว่าผมเป็นแค่ยาจก ทั้งชีวิตรู้สึกว่าการจบชีวิตแต่งงานครั้งนี้คือเรื่องที่ถูกต้อง”
เมื่อมาถึงห้องพักในโรงแรม เย่เฉินก็พึมพำกับตนเอง
ก๊อกๆ
จู่ๆ ก็มีคนเคาะประตู
เย่เฉินเหนื่อยหน่ายแล้วถาม “ใคร?”
“คุณผู้ชายต้องการบริการอะไรไหมคะ?” มีเสียงแปลกๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังจากนอกประตูเหมือนว่าจะพูดพร้อมกับบีบจมูก
เย่เฉินขมวดคิ้ว โรงแรมราคาถูกวุ่นวายเลอะเทอะมาก
“ไม่ต้องการ!”
เย่เฉินตะโกนใส่ประตู
“เปิดประตูออกมาดูหน่อยสิคะ”
เหมือนผู้หญิงด้านนอกไม่ใคร่จะยินยอม
เย่เฉินที่เดิมหงุดหงิดอยู่นั้นก็ลุกขึ้นแล้วตะโกนใส่ประตู “ถ้าไม่ไปอีกผมจะแจ้งความแล้วนะ!”
ในเวลานี้ผู้หญิงที่อยู่ด้านนอกประตูก็พูดด้วยเสียงปกติ “พี่เย่เฉิน ฉันเองค่ะ!”
“เสียงของหวังหยวนหยวน?”
เย่เฉินถึงได้ยอมไปเปิดประตู เป็นหวังหยวนหยวนจริงๆ
“ฮ่าๆ ล้อเล่นเฉยๆ ลองทดสอบนิสัยของว่าที่สามีของฉันสักหน่อย พี่เป็นผู้ชายที่ดีไม่มั่วผู้หญิงจริงๆ ด้วย ฉันชอบพี่จริงๆ เลยค่ะ!”
หวังหยวนหยวนกล่าวอย่างดีอกดีใจ
เย่เฉินปล่อยให้หวังเจียเหยาเข้ามาในห้อง เขาปิดประตูแล้วถาม “รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่? แอบสะกดรอยตามผมเหรอ?”
หวังหยวนหยวนหัวเราะคิกคัก “ใช่สิ ฉันสะกดรอยตามพี่มาตั้งแต่ที่พี่กับหวังเจียเหยาออกจากสำนักงานกิจการพลเรือนแล้ว พี่เย่เฉิน ในที่สุดพี่ก็หย่าเสียที ตอนนี้พอจะคิดเรื่องคบหาดูใจกับฉันได้หรือยัง?”
ดวงตาโตกลมที่สุกสกาวของหวังหยวนหยวนมองเย่เฉินอย่างเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
เย่เฉินกล่าว “หยวนหยวน พวกเราไม่เหมาะสมกันจริงๆ อีกทั้งตอนนี้ผมเป็นแค่ยาจก ส่วนคุณคือลูกคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลยิ่งใหญ่ ผมไม่คู่ควรกับคุณหรอก คุณย่าก็ไม่มีทางเห็นด้วย”
หวังหยวนหยวนกล่าว “เลิกเสแสร้งเถอะ ฉันรู้ว่าพี่ยังเป็นคนตระกูลเย่อยู่ พี่รีบกลับไปเป็นประธานบริษัทเร็วๆ สิแล้วมาแต่งงานกับฉัน ฉันอยากเป็นภรรยาประธานบริษัท!”
เย่เฉินก็รู้ว่าหวังหยวนหยวนอยากจะคบหากับตนเอง เพราะสถานะของเขา
เย่เฉินกล่าวว่า “ผมสามารถบอกคุณได้อย่างมั่นใจว่าผมในอนาคตไม่มีทางเป็นประธานบริษัทอีก ต่อไปภายหน้าผมจะเป็นแค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่ง มีชีวิตแบบคนธรรมดาที่มีเงินเดือนเดือนละไม่กี่พัน”
เขาไม่ได้หลอกหวังหยวนหยวน แต่นี่เป็นความคิดที่แท้จริงของเย่เฉิน
หลังจากเจอเรื่องของหวังเจียเหยาแล้ว เย่เฉินพบว่าผู้หญิงในประเทศของตนเองชักจะรักในชื่อเสียงเงินทองมากเกินไปแล้ว
พวกหล่อนชอบคนมีเงิน ชอบเจ้านาย ชอบหัวหน้า ชอบคนใหญ่คนโต
ตอนที่คุณเป็นคนใหญ่คนโต จะไม่สามารถตัดสินได้เลยว่าผู้หญิงคนหนึ่งรักคุณจริงๆ หรือว่าหลงรักสิ่งที่อยู่เบื้องหลังคุณ
ดังนั้นเย่เฉินจึงตัดสินใจว่าจะไม่เป็นประธานบริษัทอีก อยากมีความรักโดยใช้สถานะเป็นคนธรรมดา
ถ้าหากว่าเป็นเพียงคนธรรมดา หลังจากได้พบรักแท้แล้ว ค่อยบอกสถานะที่แท้จริงกับหล่อน
ผู้หญิงที่ยินยอมจะต่อสู้ฝ่าฟันไปกับตนเอง ยินยอมจะทนทุกข์ไปกับตนเองถึงจะคู่ควรกับทรัพย์สินแสนล้านของตระกูลเย่
คนอย่างหวังเจียเหยา หวังหยวนหยวนไม่คู่ควร
หวังหยวนหยวนดูเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด “เป็นคนธรรมดาอะไรกัน เป็นผู้บริหารดีจะตายไป พี่เจียเหยาทำร้ายพี่แบบนี้ พี่ไม่อยากจะกลับไปเป็นประธานบริษัทเพื่อให้หล่อนเสียใจภายหลังเหรอ?”
เย่เฉินส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ไม่อยาก”
เรื่องแบบนี้ครั้งเดียวก็พอแล้ว เขาไม่อยากจะเห็นหวังเจียเหยาคุกเข่าอ้อนวอนตนเอง ไม่อยากให้หล่อนวอแวเขาไม่เลิกรา
เย่เฉินกล่าวว่า “หยวนหยวนกลับไปเถอะ เรื่องครั้งนี้ต้องขอบคุณมากนะที่ยอมให้ความร่วมมือหลอกลวงเจียเหยาด้วยกัน ผมจะต้องส่งของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณแน่ๆ แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีเงิน รอได้เงินเดือนแล้วจะซื้อให้นะ”
หวังหยวนหยวนดูไม่ค่อยเชื่อว่าเย่เฉินไม่มีเงินจริงๆ แล้วกล่าว “พี่เพิ่งหย่าไปคงอารมณ์ไม่ดี ไว้วันหลังจะมาหาพี่ใหม่นะคะ”
หลังจากหวังหยวนหยวนไปแล้วเย่เฉินก็สูบบุหรี่
หลังจากนั้นเขาก็โทรหาหลิวเจิ้งคุน
ละครฉากใหญ่แบบหลังจากหย่าแล้วกลายเป็นประธานบริษัท วางมาดใหญ่โตแบบนั้น เย่เฉินไม่อยากทำอีกแล้ว
แต่ว่าความแค้นครั้งนี้จำเป็นต้องได้เอาคืน
ฟางเชาและหลิ่วอวี่เจ๋อ ทั้งสองคนที่ล่วงเกินเย่เฉินจะต้องชดใช้อย่างสาสม!
หวังเจียเหยานอนกองบนพื้น มือข้างหนึ่งกุมหน้าเอาไว้ ส่วนอีกมือกุมท้องเอาไว้ น้ำตาไหลพรากทันที
“นายตบฉันเหรอ? คิดไม่ถึงเลยว่านายจะตบฉัน? แต่งงานกันมาสามปีนายไม่เคยตบฉันเลยสักครั้งเดียว ต่อให้เป็นเรื่องฟางเชาเมื่อคราวก่อน นายยังไม่โกรธขนาดนี้เลย คิดไม่ถึงว่าตอนนี้นายจะลงไม้ลงมือกับฉันได้ลงคอ? เย่เฉินนายมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย นายมันคนเจ้าชู้! คนสารเลว! เดียรัจฉาน!”
เย่เฉินไม่เคยตบตีหวังเจียเหยามาก่อนจริงๆ
เขารักหญิงสาวมากจริงๆ
ก่อนนี้เย่เฉินเห็นฉินหงเหยียนตบหวังเจียเหยาฉาดใหญ่ยังเจ็บปวดใจ และยังบอกฉินหงเหยียนว่าห้ามตบหล่อนอีก
เห็นท่ากุมท้องของหวังเจียเหยาแล้ว เย่เฉินก็ฉุกใจคิดขึ้นมาได้ หวังเจียเหยายังไม่ได้ทำแท้ง คำพูดของหล่อนเมื่อครู่เป็นเพียงเพราะโทสะเท่านั้น หล่อนแค่จงใจยั่วโมโหเขาเท่านั้น
เย่เฉินรีบทรุดตัวลงไปประคองหวังเจียเหยาขึ้นมาแล้วถาม “คุณ…ยังไม่ได้ทำแท้งใช่ไหม?”
หวังเจียเหยาผลักเย่เฉิน “ต่อให้ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ทำแท้ง แต่หลังจากที่หย่ากับนายแล้วก็จะเอาออกอยู่ดี!ฉันก็กล้าบอกนายด้วยว่าฉันมีผู้ชายคนอื่น! เขาจะให้ฉันเอาเด็กออกแล้วถึงจะยอมแต่งงานกับฉัน นายคิดว่าฉันอยากทำแท้งหรือไง? นายรู้ไหมว่าการทำแท้งมันส่งผลเสียต่อร่างกายผู้หญิงขนาดไหน? ต่อไปฉันอาจจะมีลูกไม่ได้แล้ว อนาคตถ้าอยากจะมีลูกโอกาสที่จะแท้งก็เป็นไปได้มาก! ที่สำคัญเขายังเป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ เป็นตัวแทนความรักของเราสองคน ยังไงเสียพวกเราก็เคยรักกันมาสามปี นายคิดว่าฉันทำได้ลงคอหรือไง?”
หวังเจียเหยาพูดพลางร้องไห้โฮ
เย่เฉินกัดฟันคิดในใจ “ที่แท้ก็เป็นฝีมือเดียรัจฉาน หลิ่วอวี่เจ๋อนั่นที่คิดจะฆ่าลูกที่ยังไม่ได้เกิดของเรา!”
ไม่ว่าหวังเจียเหยาและเย่เฉินจะรู้สึกอย่างไรต่อกัน แต่เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์
คุณปู่ของเย่เฉินเคยกำชับเอาไว้ว่าหากมีสายเลือดตระกูลเย่ จำเป็นต้องเก็บเด็กเอาไว้
เรื่องบางเรื่องอาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
เย่เฉินหยิบทิชชู่จากหัวเตียงส่งให้หวังเจียเหยาแล้วกล่าว ไอรีนโนเวล
“หวังเจียเหยาผมขอแนะนำคุณให้เลิกใสซื่อแบบนี้ได้แล้ว! ทรัพย์สมบัติของตระกูลใหญ่ๆ ไม่ได้มาครอบครองง่ายๆ หรอกนะ! อย่าคิดว่าแค่คุณทำแท้งแล้วคุณจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ! ถ้าหากคุณเก่งมากนักก็ไปหาเศรษฐีฝรั่งที่รวยติดอันดับอย่างเจ้าของ Facebook สิ คุณอาจจะได้กลายเป็นเศรษฐีนีแสนล้านก็ได้ ตระกูลใหญ่ๆ ในประเทศเรา จะแต่งสะใภ้ทั้งทีจะต้องเหมาะสมกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องให้กำเนิดลูก!
อย่าเอาแต่คิดว่าจะอาศัยลูกชายให้ร่ำรวย มีลูกแล้วจะได้ตำแหน่งสำคัญๆ ในบริษัทอะไรอย่างนั้น ต่อให้คุณมีลูกให้พวกเขา เด็กเองก็ต้อยกให้ตระกูลดูแล โตแล้วก็ไม่มีทางสนิทสนมกับคุณ อย่าเอาแต่หมกมุ่นว่าตัวเองหน้าดีแล้วจะใช้ความสวยงามน้ันแลกมาด้วยทรัพย์สินและความร่ำรวย!”
หวังเจียเหยารับกระดาษมาแล้วขว้างไปที่เย่เฉิน
“สั่งสอนฉันให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ! นายมันคนหลายใจ! มีชู้ตอนภรรยาตัวเองกำลังท้องนายมันหน้าไม่อายจริงๆ! ไสหัวออกไปจากบ้านฉันเลยนะ! ฉันจะหย่ากับนายตอนนี้เลย ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีกแล้ว!”
คำพูดเมื่อครู่ของเย่เฉินเป็นคำพูดที่เพราะอารมณ์ และเป็นคำเตือน
ในเมื่อหวังเจียเหยาไม่อยากฟังแถมยังเลอะเลือนโง่งม คิดว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะแต่งงานกับหล่อน แล้วจะยกทรัพย์สมบัติมูลค่ามากมายให้
เมื่อเวลานั้นมาถึงหวังเจียเหยาก็ต้องรับกรรมไป จะโทษคนอื่นไม่ได้
เย่เฉินกล่าวว่า “ก็ได้ ผมเคยรับปากคุณย่าเล็กของคุณ ผมจะไม่หย่ากับคุณนอกเสียจากว่าคุณจะเป็นฝ่ายขอหย่ากับผม วันนี้ผมถือว่าไม่ได้ผิดคำพูดแล้ว!”
การสมรสที่ผิดพลาดครั้งนี้ ในที่สุดก็มีจุดจบเสียที!
ทั้งสองคนหยิบเอกสารพวกทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ออกจากบ้าน เย่เฉินขับรถไปที่สำนักกิจการพลเรือนอย่างรวดเร็ว
หลังจากขับรถเข้าไปแล้ว หวังเจียเหยาก็ยังคงร่ำไห้อย่างเศร้าสร้อย
วันนี้ดูเหมือนจะเป็นฤกษ์ดี มีคนจำนวนมากมาจดทะเบียนกันที่สำนักกิจการพลเรือน
เมื่อเห็นใบหน้างดงามของหวังเจียเหยาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ท่าทางของหญิงสาวน่าสงสาร
หญิงวัยสี่สิบคนหนึ่งเดินมาแล้วถาม “น้องสาว หย่ากันทำไมเหรอ? เพราะสามีนอกใจเธอเหรอ?”
หวังเจียเหยาใช้ทิชชูซับน้ำตาพลางพยักหน้ารับ
หญิงวัยกลางคนที่น่าจะมีน้ำหนักประมาณเจ็ดสิบกิโลกรัมกล่าวดด้วยโทสะ “คนแก่พูดเอาไว้ อีกาก็ดำเหมือนกันหมดในโลกนี้ไม่มีหรอกผู้ชายที่ดีน่ะ! น้องสาว พี่ก็เหมือนเธอ เป็นเพราะผัวสารเลวมันนอกใจแล้วโดนจับได้ เธอทำถูกแล้ว เจอเหตุการณ์แบบนี้ยังไงก็ต้องหย่า!
ผู้ชายมีสิทธิ์อะไรที่พอหย่าแล้วต้องได้รับการให้อภัย? ฉันนะรู้สึกไม่คุ้มแทนเธอเลย เธอรู้ไหมผัวพี่นะนอกใจไปเป็นกิ๊กกับนักศึกษา พี่เองก็พอเข้าใจได้ เพราะไม่ว่ายงไงพี่ก็แก่แล้วคงสู้พวกสาวๆ มหาลัยไม่ได้ แต่เธอหน้าตาก็สวยขนาดนี้ สามีเธอทำไมถึงนอกใจล่ะ? เขาตาบอดหรือไง?”
หวังเจียเหยาถลึงตาใส่เย่เฉินแล้วตอบ “ผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ของใหม่ที่ไม่เคยน่ะค่ะขี้ก็ว่าหอม!”
“หวังเจียเหยาพอได้แล้ว! ระหว่างเราสองคนใครกันแน่ที่เป็นคนมีชู้ก่อน!”
เย่เฉินทนไม่ไหวแล้ว เดิมทีเขาอยากจะทำเรื่องหย่าให้จบแบบเงียบๆ ยังไงเสียก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาถึงสามปี อีกทั้งยังมีลูกด้วยกัน
เป็นสามีภรรยากันไม่ได้ อย่างน้อยเป็นเพื่อนกันก็ยังดี
แต่หวังเจียเหยาทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่กลับทำท่าทางราวตนเองเป็นเหยื่อเสียอย่างนั้น
อย่าว่าแต่เรื่องของเย่เฉินกับหวังหยวนหยวนเป็นแค่การแสดงเลย ต่อให้เป็นเรื่องจริงหล่อนก็ไม่มีสิทธิ์มาด่าเขาแบบนี้!
หวังเจียเหยากล่าว “หลังจากกลับมาคืนดีกันแล้ว ฉันกล้าสาบานเลยว่าไม่เคยมีชู้มาก่อน! นายทำไปเพราะจะล้างแค้นฉันเรื่องเมื่อคราวก่อนใช่ไหมล่ะ? ในเมื่อนายติดใจขนาดตอนนั้นก็ไม่ต้องคืนดีกับฉันสิ! อีกทั้งนายยังนอนกับน้องสาวฉัน นายมันหน้าไม่อายเกินไปแล้ว!”
หวังเจียเหยาพูดเสียงดัง เหมือนว่าอยากจะให้ทุกคนได้ยินความผิดของเย่เฉิน
หลังจากที่หญิงวัยกลางคนรีบร้อนสาวเท้าเดินไปด้านหน้า ตะโกนกร้าวใส่เย่เฉิน “เธอตะโกนใส่แม่หนูน้อยคนนี้ทำไม! ก่อนจะแต่งงานหล่อนอยากทำอะไรก็ย่อมทำได้ตามใจตัวเอง แต่พอแต่งงานแล้วแม่หนูไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเธอนะ! แล้วเธอยังไปนอนกับน้องสาวของภรรยาอีก คนเจ้าชู้ประตูดินแบบนี้น่าจะโดนจับตอนเสียให้เข็ด!”
“นั่นสิ ผู้ชายคนนี้เจ้าชู้เกินไปแล้ว!”
ไม่เพียงแต่หญิงวัยกลางคนผู้นี้ ผู้หญิงที่ทำเรื่องหย่าคนอื่นๆ ก็เดินมายืนข้างๆ หวังเจียเหยา และปลอบโยนหล่อน
เย่เฉินไม่อยากจะเถียงกับผู้หญิงวัยกลางคนกลุ่มนี้ และน่าจะเถียงไม่ชนะพวกหล่อน
คนอื่นอยากจะมองอย่างไรก็มองไป หากว่าตนเองกลายเป็นคนเจ้าชู้หลายใจแล้วจะสามารถอยู่ไกลจากคนอย่างหวังเจียเหยาได้ล่ะก็ เขายอมรับตำแหน่งคนหลายใจก็ได้!
เย่เฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาช่ายหมิ่นผอ.สำนักกิจการพลเรือน
ก่อนนี้ช่ายหมิ่นเคยโทรหาเย่เฉินดังนั้นเขาจึงบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่ายเอาไว้
“ฮัลโหล ผอ.ช่าย คุณอยู่ที่สำนักงานไหมครับ? ผมกับภรรยาอยากจะยื่นเรื่องขอหย่า ตอนนี้อยู่ที่สำนักกิจการพลเรือนแล้วครับ”
ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีหญิงวัยกลางคนผมสั้นใส่เสื้อเชิ้ตหลายดอกคนหนึ่งเดินมา
“สวัสดีค่ะ คุณเย่เฉิน คุณหวังเจียเหยา ดิฉันชื่อช่ายหมิ่น”
ช่ายหมิ่นแนะนำตัวเองแล้วกล่าวขอโทษคนทั้งสอง
“เรื่องก่อนนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ ดิฉันไล่คนที่ทำใบหย่าปลอมคนนั้นออกไปแล้ว คุณดูสิคะก็เลยรบกวนเรื่องหย่าของพวกคุณสองคน แต่ดิฉันเห็นพวกคุณไม่มาเสียที ยังคิดว่าพวกคุณคืนดีกันไปแล้วเสียอีก ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ดิฉันก็ดีใจแทนพวกคุณมากทีเดียว อย่างไรเสียบางครังการหย่าก็อาจะเป็นเพียงแค่การกระทำจากอารมณ์เพียงชั่ววูบเท่านั้น
ทั้งสองท่านอย่าหาว่าดิฉันปากมากเลยนะคะ พวกคุณแน่ใจแล้วใช่ไหมคะว่าจะหย่ากันจริงๆ?”
เย่เฉินกล่าว “หยวนหยวน เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนที่เธอยังอายุ 17 ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย พ่อแม่ของคุณเข้มงวดจะตาย ไม่ยอมให้คุณมีแฟนด้วยซ้ำ ดังนั้นพวกเราสองคนแสดงละคร เอาแค่หลอกพี่สาวคุณได้ก็พอแล้วได้ไหมล่ะ?”
หวังหยวนหยวนผิดหวังน้อยๆ แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก “พี่เย่เฉินพี่นี่เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกจริงๆ พี่เจียเหยานี่ไม่รู้จักเห็นคุณค่าเลย สมน้ำหน้าจริงๆ ฉันเชื่อพี่ก็ได้พี่จะเอายังไงก็ตามนั้นก็ได้ค่ะ”
“อืม” เย่เฉินยิ้มแล้วลูบใบหน้าเล็กๆ ของหวังหยวนหยวน
จากนั้นเย่เฉินก็เก็บกวาดเศษกระจกที่แตกละเอียดบนพื้น
แล้วพวกเขาก็รอการกลับมาของหวังเจียเหยาเงียบๆ
เย่เฉินต้องการจะใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง คุณทำกับผมอย่างไรผมก็จะทำกับคุณอย่างนั้น!
ตอนบ่ายสามโมงครึ่ง หวังเจียเหยาประทับนิ้วมือแล้วเปิดประตู
หวังเจียเหยายังถือถุงขนาดใหญ่ ที่ภายในเต็มไปด้วยผักสดเต็มไปหมด
หลังจากออกมาจากโพรงพยาบาลแล้ว หล่อนก็แวะที่ซูเปอร์มาร์เก็ต
เพิ่งจะถึงบ้านหวังเจียเหยาก็โอดครวญ “จริงๆ เลยนายออกบ้านไม่ได้ ฉันเลยต้องเป็นคนซื้อของเข้าบ้านเอง เย่เฉิน นายรับมารับของไปสิจะได้ทำอาหารเย็นให้ฉัน”
หวังเจียเหยาคิดว่าเย่เฉินอยู่ที่ห้องรับแขก แต่พอตะโกนแล้วไม่มีใครตอบถึงได้เห็นว่าเย่เฉินอยู่ที่ห้องรับแขก
“อย่าบอกนะว่านอนตอนกลางวันแสกๆ อีกแล้ว?”
หวังเจียเหยากำลังจะเดินไปดูที่ห้องนอน แต่ตอนที่เดินไปถึงโซฟาด้านนอกห้องหวังเจียเหยาก็เห็นชุดกระโปรงสีดำวางพาดไว้ด้านบนทันที
“เอ๊ะ? ฉันเอาเสื้อผ้าวางไว้ด้านนอกตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หวังเจียเหยายังคิดว่ากระโปรงตัวนี้เป็นของตนเอง อย่างไรเสียหล่อนก็มีเสื้อผ้าเป็นพันตัว เคยซื้อตัวไหนหรือไม่ได้ซื้อตัวไหนหล่อนลืมไปนานแล้ว
หวังเจียเหยาหยิบชุดกระโปรงตัวนั้นขึ้นมาดู แต่ตอนที่หยิบมาก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรผิดปกติ
หล่อนค้อมตัวลงมาดมแล้วทันใดนั้นเองก็รู้สึกแปลกพิกล “น้ำหอมกลิ่นซิตรัสเหรอ? ไม่ใช่ละ นี่ไม่ใช่เสื้อผ้าของฉันนี่!”
หวังเจียเหยามีเสื้อผ้าเยอะเกินไปแล้ว ทันใดนั้นเองก็เริ่มแยกแยะไม่ได้ว่าเสื้อผ้าชุดนี้ใช่ของหล่อนหรือไม่
แต่ว่าน้ำหอมที่ทุกคนใช้นั้นจะมีกลิ่นต่างกัน หล่อนไม่ได้ใช้น้ำหอมกลิ่นซิตรัสมาสองปีแล้ว
“มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในบ้าน!”
ทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็นึกถึงความเป็นไปได้ข้อนี้
“เย่เฉินคนสารเลว! คิดไม่ถึงว่านายจะกล้าสวมเขาให้ฉัน! ใคร! นังนั่นมันเป็นใคร!”
หวังเจียเหยาหงุดหงิดจนเหมือนจะระเบิดอยู่รอมร่อ หล่อนรีบพุ่งไปผลักประตูเข้าไปในห้องนอน
“หวังหยวนหยวนเหรอ?”
และในตอนที่หล่อนเห็นผู้หญิงที่อยู่ในห้องกับสามีของตนเองคือหวังหยวนหยวนก็ตกตะลึงจนตัวค้างแข็งไป
ท่าทางตกใจนั้นรุนแรงมากกว่าตอนที่เย่เฉินเห็นหล่อนกับฟางเชาที่โรงแรมเจียหัวเสียอีก
“อุ้ยทำไมพี่กลับมาเช้าแบบนี้ล่ะคะ!”
หวังเหยาเหยาแสร้งทำเป็นตกใจ รีบร้อนคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบวิ่งหนีไป
ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงคนอื่น หวังเจียเหยาไม่มีทางจะให้ผู้หญิงคนนั้นได้ออกจากประตูบ้านตัวเอง
จะต้องจิกหัวผู้หญิงคนนั้นแล้วทะเลาะกันสักยก
แต่หวังหยวนหยวนเป็นหลานรักของคุณย่า หล่อนทะเลาะกันจอแจกับหวังหยวนหยวนแต่ไม่เคยลงไม้ลงมือกันมาก่อน
ดังนั้นหวังเจียเหยาทำได้เพียงระบายโทสะนี้กับเย่เฉิน!
หวังเจียเหยาเดินไปหาเย่เฉินด้วยท่าทางโมโห หญิงสาวง้างมือขึ้นแล้วฟาดลงบนหน้าเย่เฉิน
เพี้ยะ!
หวังเจียเหยาก่นด่า “เย่เฉิน! นายหน้าไม่อายเกินไปแล้ว! นายนี่มันน่าขยะแขยงจริงๆ! ฉันไปขอโทษหลิ่วอวี่เจ๋อให้นาย ไปซื้อข้าวให้นาย! แต่นายกลับเล่นชู้กับผู้หญิงคนอื่นที่บ้านเรา! แถมคนนั้นยังเป็นน้องสาวของฉันอีก! ทำไมนายมันสารเลวหลายใจแบบนี้!”
หล่อนด่าเขาไปพร้อมๆ กับง้างมือขึ้นมาตั้งใจจะตบเย่เฉินอีกรอบ
ทว่าครั้งนี้เย่เฉินคว้าแขนหวังเจียเหยาเพื่อไม่ให้หล่อนได้สมใจ
แล้วออกแรงผลัก และพุ่งตัวไปหาหวังเจียเหยา
“ผมหน้าไม่อายเหรอ? ผมน่ารังเกียจเหรอ? ผมเจ้าชู้หลายใจ? หวังเจียเหยาคุณล่ะ? คุณนี่มันหน้าไม่อาย ตอนนี้คุณรู้จักโกรธแล้วเหรอ โมโหขึ้นมาแล้วเหรอ? ตอนนั้นที่คุณไปเปิดห้องกับฟางเชาเคยคิดถึงความรู้สึกของผมบ้างไหม!”
เย่เฉินอยากจะทะเลาะกับหวังเจียเหยามานานแล้ว!
หวังเจียเหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้จะขุดเรื่องเก่ามาพูดใหม่ใช่ไหม? หงเย่พูดถูกจริงๆ ด้วย นายมันเป็นผู้ชายใจแคบจะต้องไม่ลืมเรื่องนี้แน่! พอทะเลาะกันก็พูดถึงเรื่องเน่าๆ ในอดีต นายเป็นผู้ชายภาษาอะไร! หย่ากันเถอะ!”
ในที่สุดหวังเจียเหยาก็พูดคำที่เย่เฉินรอคอยมาเนิ่นนาน!
ในที่สุดหล่อนก็ขอหย่ากับเขาสักที!
แต่ในวินาทีนี้เย่เฉินโกรธมาก แล้วเขาก็ปฏิเสธหญิงสาวทันควัน!
“ผมไม่หย่า! มีสิทธิ์อะไรมาขอหย่ากับผม? เรื่องคุณกับฟางเชาในตอนนั้นผมให้อภัยคุณไม่หย่ากับคุณแล้ว ส่วนเรื่องวันนี้พวกเราถือว่าเสมอกันแล้ว ผมให้อภัยคุณมาก่อน คุณมีสิทธิ์อะไรจะไม่ให้อภัยผม? คู่สามีภรรยาในวงการบันเทิงนอกใจกันก็ตั้งมากมาย แถมผู้ชายเป็นฝ่ายนอกใจ ผู้หญิงเป็นคนให้อภัย แถมผู้หญิงเป็นฝ่ายนอกใจถึงได้หย่า! ทำไมพอเป็นพวกเราแล้วกลับกันล่ะ? หรือว่าบรรทัดฐานของพวกเรากับพวกเชาไม่เหมือนกันเหรอ?!”
เย่เฉินไม่สามารถทนรับความอัปยศนี้ได้ ในฐานะที่เป็นผู้ชายจีน เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
หวังเจียเหยาตะคอก “นายยังมีหน้าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับดาราด้วยเหรอ? นายรู้ไหมว่าดาราชายที่นอกใจพวกนั้นหาเงินได้เท่าไหร่? ถ้าตอนนี้นายยังเป็นลูกหลานตระกูลเย่ ฉันก็อาจจะอภัยให้นายก็ได้! แต่ตอนนี้นายไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้น! นายไม่มีสิทธิ์นอกใจฉัน!”
เย่เฉินเหนื่อยหน่าย ผิดหวัง เจ็บปวดใจ!
“ฮ่าๆ พูดไปพูดมาที่สุดแล้วก็เพราะเรื่องเงิน! ที่แท้ถ้าเป็นผู้ชายมีเงินเป็นคนนอกใจถึงจะได้รับการให้อภัย”
เย่เฉินมองหวังเจียเหยาด้วยดวงตาดูถูก เขาเหยียดหยามผู้หญิงคนนี้!
เย่เฉินกล่าวว่า “ก็ได้ ผมยอมหย่า ตอนนี้ผมมันเป็นยาจก ตระกูลหวังของพวกคุณตอนนี้เป็นตระกูลร่ำรวยแล้วนี่ ผมไม่อาจเอื้อมหรอก! ผมไม่กล้าเข้าไปขวางคุณหาผู้ชายคนใหม่หรอก แต่ว่าตอนนี้คุณตั้งท้องอยู่ ผมหวังว่าคุณจะคลอดเด็กคนนี้ แล้วยกเด็กให้ผมเลี้ยง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้คุณแต่งงานใหม่ก็สะดวกด้วย”
ใครจะรู้หวังเจียเหยาจะตอบกลับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันเอาเด็กออกไปแล้ว”
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” เย่เฉินถลึงตามองหวังเจียเหยา
หวังเจียเหยาพูดเสียงดัง “ฉันบอกว่าฉันเอาเด็กออกแล้ว! นายในตอนนี้การงานเป็นชิ้นเป็นอันยังไม่มีเลย ปล่อยให้เด็กคลอดออกมาลำบากกับนายหรือไง”
มือขวาของเย่เฉินสั่นระริก เขาทนไม่ไหวแล้ว เขาง้างมือขวาขึ้นมาแล้วฟาดลงบนหน้าหวังเจียเหยา!
เพี้ยะ!
เย่เฉินย่อมต้องควบคุมแรงของตนเองแต่หวังเจียเหยาที่โดนตบก็ยังล้มลงไปกองบนพื้น
เมื่อครู่ตอนที่หวังเจียเหยาด่าเย่เฉินอย่างรุนแรงเมื่อครู่ เขาก็อยากจะตบหล่อนแล้ว!
เราสองคนใครน่ารังเกียจกันแน่!
คุณไปเป็นชู้กับฟางเชาไม่เท่าไหร่ ยังไปเป็นชู้กับหลิ่วอวี่เจ๋ออีก แต่ผมกับหวังหยวนหยวนไม่ได้ทำอะไรกันด้วยซ้ำ แค่แสดงละครเท่านั้น!
คุณสิผู้หญิงน่ารังเกียจ!
คุณไม่มีสิทธิ์ว่าคนอื่น!
เพียงแต่ว่าเย่เฉินเห็นแก่ที่หวังเจียเหยาตั้งท้องจึงไม่ได้ลงมือทำอะไร
ตอนนี้พอได้รู้ว่าหวังเจียเหยาเอาเด็กในท้องของพวกเขาออกแล้ว เย่เฉินก็ทนไม่ไหว
“เด็กเป็นลูกของเราสองคน คุณมีสิทธิ์อะไรทำแท้งโดยไม่ถามความเห็นของผม!”
เย่เฉินตะโกนถามหวังเจียเหยาเสียงดัง!
คุณนายหวังเองก็เป็นคนรักหน้ารักตาตนเองอย่างมาก
ตอนนี้ตระกูลหวังเป็นตระกูลลำดับต้นๆ ของเมืองอวิ๋นโจวแล้ว ชื่อเสียงโด่งดัง ทุกการกระทำของพวกเขาย่อมมีคนจับจ้องเป็นจำนวนมาก
ถ้าหากว่าเย่เฉินเพิ่งเกิดเรื่องแล้วตระกูลหวังทอดทิ้งเขา อย่างนั้นก็จะต้องเกิดเสียงนินทามากมาย
นี่จะส่งผลเสียต่อหน้าตาของตระกูลหวังในโลกธุรกิจแน่นอน
หวังเจียเหยาขับรถออดี้ของหล่อนกลับวิลล่าเขตซินเฉิง ส่วนเย่เฉินเองก็ยังดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำทุกวัน แสดงท่าทางเศร้าเสียใจให้ภรรยาเห็น
เขาเองก็เคยถามหวังเจียเหยาถึงสถานการณ์วันนี้ แต่ภรรยาของตนเองไม่มีทางจะพูดเรื่องจริง
หล่อนบอกว่าเจอหลิ่วอวี่เจ๋อไม่กี่นาทีแล้วก็โดนไล่ตะเพิดออกจากห้องผู้ป่วย
ฮ่าๆ สาวงามคนนี้เป็นคนที่หลิ่วอวี่เจ๋อเฝ้าใฝ่ฝันถวิลหา เขาจะทำใจไล่หล่อนออกจากห้องได้อย่างไร?
เวลาทั้งคืนผ่านไปโดยไม่มีการพูดจา
หวังเจียเหยายิ่งทำตัวหนักกว่าเดิม คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะกล้าใส่เสื้อคอกว้างออกนอกบ้าน
แต่หล่อนกลับขับรถไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปพบหลิ่วอวี่เจ๋ออีกครั้ง!
“นายท่าน ภรรยาของท่านมาพบหลิ่วอวี่เจ๋อที่ห้องอีกแล้ว พวกเขาเอาผ้าม่านลงเหมือนเมื่อวานเลย”
หลิวเจิ้งคุนรายงานกับเย่เฉิน
“แม่ง!”
หลังจากวางสายเย่เฉินก็ปาแก้วเหล้าลงพื้นสุดแรงด้วยโทสะ!
เขาไม่เคยดื่มเหล้าในตอนกลางวัน ต่อให้เขาจะโดนขับออกจากตระกูลจริงก็คงไม่เลือกจะดื่มเหล้าตอนกลางคืนแล้วตื่นมาดื่มต่อในตอนกลางวัน
แต่หวังเจียเหยาทำร้ายเขารุนแรงอย่างมาก เป็นคร้ัังแรกในชีวิตของเขาที่ดื่มเหล้าเมามายตอนกลางวัน
“ช่างแม่มันเถอะ ทนไม่ไหวแล้ว!”
ในฐานะที่เป็นผู้ชาย เขารู้ดีแก่ใจว่าภรรยาของตัวเองไปลอบนัดพบชายอื่น เขาจะทนอยู่บ้านอย่างสงบสุขได้ยังไง!
เย่เฉินรีบไปสวมรองเท้าที่ประตู เขาจะออกไปที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง จากนั้นก็ใช้เท้ายันห้องพักผู้ป่วย VIP เขาต้องการจะถามหวังเจียเหยาว่าทำไมถึงต้องโกหก ทำไมถึงต้องทำแบบนี้!
ตนเองทำอะไรผิดต่อเจ้าหล่อนนักหนา!
ถึงจะทำแบบนี้แล้วแผนที่เย่เฉินวางไว้จะล่ม แต่ตอนนี้เขาข่มอารมณ์เอาไว้ไม่ไหวแล้ว!
ก๊อกๆ
ในตอนที่เย่เฉินกำลังเตรียมตัวจะออกจากบ้านนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้น
เย่เฉินอยู่หน้าประตูพอดี เขาจึงเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็คือหวังหยวนหยวนในชุดกระโปรงสีดำ
เหมือนว่าหล่อนทำผมทรงใหม่ ย้อมสีผม ผมยาวสลวยนั้นดูพองมีวอลลุ่มอย่างมาก
“นี่”
หวังหยวนหยวนทักทายเย่เฉินอย่างขี้เล่นแล้วตัวเองก็เดินเข้ามาในบ้าน
เย่เฉินสงสัย “หยวนหยวน? มาได้ยังไง?”
หลังจากที่หวังหยวนหยวนเดินเข้าห้องมาแล้ว หล่อนปิดประตูด้วยตนเอง และถอดรองเท้าส้นสูงสีดำทิ้ง จากนั้นก็เขย่งเท้า แล้วใช้สองมือโอบรอบคอเย่เฉินอย่างอุกอาจ
“คิดถึงก็เลยมาหาไงคะ”
เย่เฉินรีบร้อนแกะมือขาวนวลเนียนสองข้างของหวังหยวนหยวน “อย่าพูดไปเรื่อย”
หวังหยวนหยวนกล่าวพลางหัวเราะ “รู้ว่าช่วงนี้พี่ไม่ค่อยได้ออกไปไหน กลัวพี่จะเบื่อดังนั้นก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อน อย่างไรเสียอยู่มหาวิทยาลัยก็ไม่มีความหมายอะไร พี่ไม่รู้หรอกค่ะว่าเพื่อนนักเรียนของหนูน่าเบื่อจะตาย ชอบส่งข้อความมาสารภาพรักตอนเรียนหนังสือ แถมก็ชอบส่งจดหมายให้ฉัน เชยจริงๆ”
เย่เฉินดูหวังหยวนหยวนที่แต่งตัวเรียบร้อยอ่อนหวาน ยิ้มละไม หล่อนไม่เหมือนนักศึกษาแม้แต่น้อย
ไม่ใช่เพราะหล่อนดูแก่ หญิงสาวดูไปแล้วค่อนข้างอ่อนวัยด้วยซ้ำ
แต่ว่าเสื้อผ้า วงสังคมของหล่อน ไม่ใช่นักศึกษาหญิงทั่วไปจะเปรียบเทียบได้
อย่างเช่นเสื้อผ้าที่เจ้าหล่อนสวมใส่ในตอนนี้ หากเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยล่ะก็ ผู้ชายทั้งมหาวิทยาลัยจะต้องมองหล่อนจาเป็นมันแน่นอน
ที่ทั้งเปิดหลัง เปิดแขน กระโปรงสั้นอย่างมาก รองเท้าส้นสูง ซึ่งเป็นชุดที่นักศึกษาหญิงไม่มีทางกล้าใส่แน่ๆ
และแน่นอนว่าผู้หญิงในวัยทำงานก็อาจจะไม่กล้าใส่ด้วยซ้ำไป จะต้องหุ่นที่ดีเท่านั้น
วันนี้หวังหยวนหยวนดูแล้วดีอกดีใจอย่างมาก หล่อนกล่าวกับเย่เฉิน
“จะบอกข่าวดีกับพี่น่ะค่ะ คุณย่ายอมให้พี่กับพี่เจียเหยาหย่ากันแล้ว! แต่คุณย่าบอกว่าพี่เพิ่งโดนขับออกจากตระกูล จะหย่ากันทันทีทันใดคงจะไม่ค่อยดีนัก บอกว่าให้พี่เจียเหยารอไปก่อนอีกหนึ่งเดือน”
สีหน้าเย่เฉินหนักใจ เขาถอนหายใจแล้วกล่าว “หนึ่งเดือน? ผมคงรอไม่ได้นานขนาดนั้น”
หวังหยวนหยวนเพิ่งจะพบว่าเย่เฉินดื่มเหล้า อีกทั้งเขาดูแล้วไม่ค่อยสบายใจนัก
เมื่อหันหน้ามองก็พบว่าในห้องรับแขกมีแก้วเหล้าที่แตกละเอียดอยู่
ทำเอาหล่อนตกใจ รีบร้อนใส่รองแท้าแตะ ไม่กล้าปล่อยให้เท้าเปล่าเปลือย หวาดกลัวว่าเท้าขาวนวลเนียนของหล่อนจะมีเลือดออกมา
หวังหยวนหยวนกล่าว “พี่เย่เฉิน พี่เองก็รู้ใช่ไหมคะว่าพี่เจียเหยาไปพบหลิ่วอวี่เจ๋อ?”
เย่เฉินประหลาดใจ “อ้าวรู้ด้วยเหรอ?”
หวังหยวนหยวนผงกศีรษะ “ฉันให้พี่ชายฉันไปเช่าห้องที่ตึกฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลแถวๆ ห้องที่หลิ่วอวี่เจ๋อเข้าพัก เพื่อคอยจับตาดูพวกเขา เมื่อกี้พี่ชายโทรมาแล้วค่ะ พี่ลองทายสิคะว่ายังไง? พี่เจียเหยาเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยแล้วล็อคประตูด้านใน จากนั้นก็จูบกับหลิ่วอวี่เจ๋อทันทีที่พบหน้ากัน! จากนั้นก็ปิดผ้าม่าน ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว!”
“พอได้แล้ว! เลิกพูดได้แล้ว!”
เย่เฉินต่อยกำแพง แววตาโหดเหี้ยมจนจะฆ่าคนได้อยู่รอมร่อ!
นิ่งไปครู่หนึ่ง เย่เฉินยิ้มเย็น “หนึ่งเดือนเหรอ? ให้ผมรออยู่ที่บ้านหนึ่งเดือนเชียวเหรอ? จะให้ทนดูหวังเจียเหยาไปลอบนัดพับกับผู้ชายคนอื่นทุกวันเหรอ?! ผมทำไม่ได้หรอก!”
หวังหยวนหยวนกล่าว “พี่เย่เฉิน ถ้าพี่อยากหย่ากับหวังเจียเหยา ฉันมีวิธีนะคะ”
“วิธีอะไร?” เย่เฉินรีบรวบรวมสติ
เย่เฉินในตอนนี้รู้สึกว่าถูกผู้หญิงแพศยาอย่างหวังเจียเหยาทำร้ายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาแค่อยากจะหลุดพ้นจากผู้หญิงคนนี้เร็วๆ
หวังหยวนหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้หวังเจียเหยาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะหย่ากับพี่ เพียงแต่ว่าไม่กล้าจะพูดก็เท่านั้น พี่หาเหตุผลมาก็ได้?”
“เหตุผลอะไร?” เย่เฉินถามอีกครั้ง
เดิมทีเย่เฉินมักจะเยาะเย้ยสติปัญญาของหวังหยวนหยวน แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าแม่หนูคนนี้ฉลาดกว่าตนเองอย่างมาก
หวังหยวนหยวนชี้ไปที่เย่เฉิน จากนั้นก็ชี้มาที่ตนเอง
“พวกเรา?” เย่เฉินสงสัย
หวังหยวนหยวนผงศีรษะ “แค่พวกเรา พี่ลองคิดดูนะ ถ้าสมมติว่าพี่เจียเหยากลับมาถึงบ้านแล้วเห็นพวกเรานอนด้วยกันจะมีปฏิกิริยายังไง? แน่นอนว่าจะต้องโกรธจนขอหย่ากับพี่แน่!”
แต่งงานกันมาสามปี เย่เฉินพอจะรู้จักนิสัยใจคอของหวังเจียเหยา หล่อนกวดขันจับตาดูเขาอย่างยิ่ง หล่อนไม่ยอมให้ตนเองมีเพื่อนต่างเพศเลยด้วยซ้ำไป
แค่ฉินหงเหยียนคนเดียวก็ทำให้หวังเจียเหยาเกิดความหึงหวงจำนวนนับไม่ถ้วนเลย
ถ้าเห็นหวังหยวนหยวนนอนกับเย่เฉินแล้ว หวังเจียเหยาต้องโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงแน่
แต่ว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดี แต่เย่เฉินไม่อยากจะมีข้อเกี่ยวข้องอะไรกับหวังหยวนหยวน
เขาไม่กล้าจะไปแตะต้องผู้หญิงบ้านนี้จริงๆ
กว่าจะสลัดหวังเจียเหยาทิ้งได้ ถ้าหากว่าลากหวังหยวนหยวนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็ซวยแย่
คนฉลาดย่อมไม่พาตัวเองไปหนีเสือปะจระเข้
แล้วอีกอย่างตอนนี้เย่เฉินยังไม่ได้หย่า นี่เป็นปัญหาทางศีลธรรม
“เป็นยังไงบ้างล่ะ พี่เย่เฉิน พี่ก็รู้ว่าฉันชอบพี่มาตลอด อีกอย่างอายุฉันก็ไม่น้อยแล้วนะคะ…”
สติปัญญาของหวังหยวนหยวนยิ่งฉลาดขึ้นมาทุกที
เย่เฉินรู้ว่าหวังหยวนหยวนเป็นคนดังของมหาวิทยาลัย แค่โบกมือส่งๆ ก็มีผู้ชายแห่เข้ามาหาหล่อนเป็นขโยง
ยิ่งไปกว่านั้นเป็นคนรักที่ชายหนุ่มจำนวนนับไม่ถ้วนเฝ้าฝันหา!
เย่เฉินลังเลใจอยู่นาน เขามองหวังหยวนหยวนแล้วค่อยๆ เปิดปากเอ่ยช้าๆ
“พวกเขาอยากจะทำอะไรก็ให้ทำไปเถอะ! ยังไงเสียฉันก็จะหย่ากับหวังเจียเหยาอยู่ดี ฉันไม่สนใจหล่อนหรอก!”
เย่เฉินพร่ำบอกตัวเองเช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่าเขาก็อดไม่ไหว ตอนเที่ยงสิบเขาก็โทรหาอีกฝ่าย
“ที่รักคุณอยู่ไหน? ผมทำกับข้าวเสร็จแล้ว คุณจะกลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านไหม?”
น้ำเสียงเย่เฉินเรียบเฉย แสร้งทำราวตนเองไม่รู้เรื่องอะไร
ปลายสายตอบกลับมาว่า “ฉันอยู่ที่บริษัท กลางวันคงไม่กลับบ้านแล้ว นายกินข้าวคนเดียวแล้วกัน”
โชคดีที่เขาส่งคนสะกดรอยตามภรรยา ไม่อย่างนั้นหวังเจียเหยาก็คงจะหลอกลวงเย่เฉินได้สำเร็จอีกครั้ง!
ผู้หญิงจอมโกหกคนนี้หลอกลวงเขามาแล้วกี่ครั้งกันตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา!
เย่เฉินย่อมไม่เปิดโปงภรรยาแต่ย้อนถามหล่อน “คุณไปหาหลิ่วอวี่เจ๋อที่โรงพยาบาลมาไม่ใช่เหรอ? เป็นยังไงบ้าง?”
หวังเจียเหยากล่าว “อื้ม ฉันขอโทษเขาแล้ว แต่ว่าอวี่เจ๋อน่ะบาดเจ็บหนักมากเลย ตอนนี้ยังโกรธอยู่ไม่ยอมให้อภัยนาย ตอนนี้นายอย่าเพิ่งออกจากบ้านเลยนะ รอต่อไปอีกหน่อยถ้าฉันมีเวลาว่างฉันจะไปขอโทษเขาอีกครั้ง”
เย่เฉินแค่นเสียง เรียกกันได้สนิทสนมเสียจริงๆ เลยนะ!
คุณไปขอโทษหลิ่วอวี่เจ๋อหรือว่าฉวยโอกาสนี้ไปพลอดรักกัน คุณรู้ดีแก่ใจที่สุด!
“เอาล่ะวางก่อนนะ ฉันจะไปทำงานแล้ว”
หวังเจียเหยากดตัดสายทิ้งทันทีโดยไม่ได้รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรด้วยซ้ำ
หวังเจียเหยาออกมาจากห้องพักผู้ป่วยของหลิ่วอวี่เจ๋อตอนบ่ายสอง
หลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว หวังเจียเหยาก็ไปนั่งคุยกับซ่งหงเย่ในร้านกาแฟ
ห้าโมงเย็น หวังเจียเหยาขับรถไปที่วิลล่าของคุณย่าในเขตซีซาน
คุณนายหวัง หวังจื้อหย่วน ซูหลานรวมไปถึงครอบครัวหวังจื้อเฉียง พวกเขาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
ทุกคนนั่งอยู่บนโซฟาแล้วมีหวังเจียเหยายืนอยู่ตรงกลาง หล่อนกล่าวกับคุณนายหวัง
“คุณย่าคะ หนูอยากหย่ากับเย่เฉินค่ะ”
แค่เพียงประโยคเดียวก็ทำให้คนทั้งตระกูลหวังอ้าปากค้าง
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ตระกูลหวังทุ่มเทไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่เพื่อให้พวกเขาสองคนคืนดีกัน?
ทว่าตอนนี้หวังเจียเหยากลับบอกว่าจะขอหย่าอีกรอบ!
“ไม่ได้!” คุณนายหวังมีท่าทีแน่วแน่ “คุณปู่ของแกเป็นคนจัดแจงการแต่งงานของพวกแกสองคน พวกเราละเมิดสัญญาไปแล้วครั้งหนึ่ง จะไม่มีการละเมิดสัญญาอีกเป็นครั้งที่สอง!”
ซูหลานเองก็เห็นด้วยกับวิธีของลูกสาว “แม่คะ มันไม่เหมือนกันนะคะ ตอนนั้นที่เจียเหยาขอหย่า เจียเหยาผิดก็จริง แต่เพราะพวกเราไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเขาต่างหาก แต่ตอนนี้พวกเรารู้แล้ว อีกทั้งเย่เฉินก็โดนขับออกจากตระกูลแล้ว เขาเป็นแค่คนธรรมดา ไม่หย่ากับเขาแล้วจะเก็บเขาไว้ทำไม?”
หวังหยวนหยวนยังคงสวมชุดกี่เพ้าที่เลอะเทอะตัวนั้นแล้วยิ้มพลางนั่งไขว่ห้าง
“จริงด้วยๆ รีบๆ หย่าไปเถอะค่ะ ได้ยินว่าตอนนี้คนในโลกใต้ดินกำลังจะหาเรื่องเย่เฉินว่าจะไล่ล่าสังหารเขา พอถึงตอนนั้นอย่าลากพวกเราต้องตกที่นั่งลำบากด้วยล่ะ”
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องเจียเหยาถึงกับกล้าขอหย่าต้องเป็นเพราะมีสามีใหม่แล้วใช่ไหมล่ะ อย่างนั้นจะลังเลอะไรล่ะ หย่าก็จบแล้วมั้ง”
คุณนายหวังมองหวังเจียเหยา “เลือกสามีใหม่แล้วเหรอ?”
สีหน้าหวังเจียเหยาเก้อเขิน จะให้หล่อนยอมรับเรื่องนี้ต่อหน้าคนจำนวนมากแบบนี้ได้อย่างไร
อย่างไรเสียตอนนี้หวังเจียเหยาก็ยังเป็นภรรยาของเย่เฉินอยู่ ถ้าหากยอมรับว่ามีตัวเลือกใหม่แล้ว ก็จะแปลว่าหล่อนยอมรับว่าหล่อนนอกใจสามีตนเอง
หวังเจียเหยาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “มีผู้ชายคนหนึ่งตามจีบฉันอยู่แต่ว่าก็ยังไม่ได้รับรักเขาหรอกนะ”
“เอ๊ะ? ใครกัน? ฐานะทางบ้านเป็นยังไงบ้าง? เป็นคนอวิ๋นโจวหรือเปล่า?” คุณนายหวังถามอย่างแปลกใจ
หวังเจียเหยาส่ายหน้า “ไม่ค่ะเป็นคนเทียนไห่ ที่บ้านเขาทำพวกขนส่ง ปู่ของเขาเขาก็คือหลิ่วหางหย่วนเจ้าของชุนเฟิงเอ็กซ์เพรส”
“อะไรนะ? เขาเป็นหลานชายคุณหลิ่วเหรอ?”
คุณนายหวังตกตะลึง คนที่ทำธุรกิจจะมีกี่คนเชียวที่ไม่รู้จักหลิ่วหย่วนหาง!
ยิ่งพูดถึงชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสแล้ว ก็รู้จักกันหมดทุกคนอยู่แล้ว!
ซูหลานยิ้มหน้าบาน “แหมลูกสาวแม่นี่โชคดีจริงๆ เย่เฉินล่มจมแล้ว แต่ก็ยังมีคนใหม่ แม่รู้เรื่องตระกูลหลิ่วนี้ดีจ้ะ ทรัพย์สมบัติของพวกเขามากกว่าร้อยล้านอยู่แล้ว เด็กโง่ ในเมื่อเขาชอบลูก ลูกก็เห็นด้วยกับเขาเถอะ ไม่ว่ายังไงเย่เฉินก็ไม่มีอนาคตแล้วล่ะ”
ตอนนี้หวังหยวนหยวนที่อยากจะทำให้หวังเจียเหยาและเย่เฉินหย่ากันให้ได้ จึงเริ่มพูดชมอีกฝ่าย
“สวรรค์ พี่เจียเหยาชักจะเก่งเกินไปแล้วล่ะมั้งคะ? ฉันฝันอยากจะแต่งเข้าตระกูลหลิ่วอยู่ตลอดเลย ถ้าพี่ไม่ยอมแต่งกับเขาก็แนะนำฉันให้เขาก็ได้นะคะ!”
หวังเจียเหยากลอกตาใส่หวังหยวนหยวน หล่อนไม่ยอมยกหลิ่วอวี่เจ๋อให้หวังหยวนหยวนหรอก
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวพร้อมส่งยิ้ม “พ่อหนุ่มชื่อหลิ่วอวี่เจ๋อคนนั้นล่ะสิ? ได้ยินมาว่าหมอนั่นทั้งตัวสูงแล้วก็หล่อด้วย มีรสนิยม น้องเจียเหยานี่โชคดีจริงๆ แต่ว่าพี่ได้ยินมาว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับฟางเชา เขาเป็นคนที่ทะเลาะกับเย่เฉินล่ะมั้ง? ตอนนี้โดนเย่เฉินหักนิ้วยังอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยนี่นา ฮ่าๆ”
คุณนายหวังเองก็ได้ยินเรื่องทะเลาะวิวาทของเย่เฉิน แต่ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจกับสถานการณ์แน่ชัด
“เย่เฉินทะเลาะกับหลานชายของหลิ่วหย่วนหางเหรอ? แล้วเย่เฉินหักนิ้วเด็กนั่นด้วย?” คุณนายหวังถามด้วยใบหน้ากังวล
หวังเจียเหยาผงกศีรษะ
คุณนายหวังกล่าวด้วยความกังวลใจอย่างยิ่ง “จากที่ฉันเข้าใจหลิ่วหย่วนหางไม่ใช่คนใจกว้างแน่นอน ถ้าหากเขารู้ว่าหลานตัวเองโดนหักนิ้ว จะต้องไม่ปล่อยเย่เฉินแน่ ไม่แน่ว่าพอถึงตอนนั้นอาจจะลากตระกูลหวังของเราไปซวยด้วย! ซูหลาน แกพูดถูก ตอนนี้เวลาเปลี่ยนแล้ว จะทำตามคำสั่งเสียของตาแก่ไม่ได้แล้ว เจียเหยาในเมื่อหลิ่วอวี่เจ๋อชอบแก ส่วนเย่เฉินนั้นไม่รู้จักหนักเบา ก่อเรื่องใหญ่โตแบบนี้ ก็อย่าหาว่าตระกูลหวังเราใจร้ายแล้วกัน ย่าเห็นด้วยที่แกจะหย่า!”
เมื่อได้รับการอนุญาตจากคนเป็นคนย่า หวังเจียเหยาก็สามารถไปที่สำนักกิจการพลเรือนเพื่อทำเรื่องหย่ากับเย่เฉินได้ตลอดเวลา
หวังจื้อหย่วนกับซูหลานถอนหายใจ
แต่หวังหยวนหยวนกลับระบายยิ้มออกมา ในใจของหญิงสาวปิติยินดีอย่างยิ่ง “หึๆ นังหน้าโง่หวังเจียเหยา ในที่สุดก็หย่ากับเย่าเฉินจนได้ เย่เฉินกำลังจะกลายเป็นของฉันแล้ว!”
ตั้งแต่รู้ว่าเย่เฉินเป็นผู้บริหารแล้วรู้ว่าหล่อนถูกจับคู่กับเย่เฉินมาก่อน หวังหยวนหยวนก็เอาแต่จินตนาการว่าหากคนที่แต่งงานในตอนแรกนั้นคือพวกเขาสองคน ตอนนี้จะเป็นอย่างไร
หล่อนชื่นชอบความสวยงามของการพลัดพรากแบบนี้ และสาบานกับตัวเองว่าต้องเอาเย่เฉินมาครองให้ได้
คุณย่าเห็นด้วยกับการหย่าครั้งนี้ทำให้หวังเจียเหยาดีใจอย่างยิ่ง แต่หล่อนกลับรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณย่าก่อนนี้หนูไล่ตามงอนง้อเย่เฉินอย่างยากลำบากเพื่อขอให้เขาคืนดีกับหนู ตอนนี้เขาเพิ่งมีเรื่อง จะให้หนูหย่ากับเขาก็พูดยากนะคะ”
หวังเจียเหยารู้สึกว่าเย่เฉินเพิ่งโดนขับออกจากตระกูล แล้วหล่อนก็จะหย่ากับเขาเรื่องนี้ทำให้หล่อนดูเป็นคนเห็นแก่เงินไร้น้ำใจอย่างเห็นได้ชัด
ซูหลานกล่าว “งั้นจะมีอะไร! ตัวเขาเองก็ไม่รู้จักสู้จะโทษคนอื่นได้ยังไง ถ้าลูกไม่กล้าพูดกับเขาแม่พูดเอง!”
คุณนายหวังโบกมือห้ามแล้วกล่าว “อย่านะ ในช่วงที่ผ่านมาเย่เฉินช่วยตระกูลหวังเรามาไม่น้อยแล้วยังให้เรามีธุรกิจได้ไม่น้อย และช่วยให้เราเลื่อนลำดับตระกูลขึ้นมา พวกเราเองไม่อยากจะทำร้ายเขารออีกเดือนหนึ่งแล้วค่อยขอหย่ากับเขาแล้วกัน!”
หวังเจียเหยาตกตะลึง “เอ๊ะ? ล็อคประตู? เดี๋ยวถ้าพยาบาลมาจะทำยังไง?”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางหัวเราะเจ้าเล่ห์ “ก็เพราะจะไม่ให้พยาบาลเข้ามาไงล่ะ เราสองคนจะได้จู๋จี๋กัน”
ในเวลาเดียวกันหลิ่วอวี่เจ๋อก็ลงจากเตียงมาแล้ว เดินตรงไปที่หน้าต่างแล้วปิดผ้าม่านลง
เดิมในแสงในห้องกำลังพอเพียง ทันใดนั้นเองก็อับแสงลง จนทำให้เกิดเป็นบรรยากาศสลัวๆ โรแมนติกขึ้นมา
หวังเจียเหยารู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อให้ตนเองล็อคประตูเอาไว้หมายความว่ายังไง หล่อนใบหน้าแดงระเรื่อแล้วลังเลไม่น้อย
ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังล็อคประตูจากด้านใน
หลังจากนั้นหวังเจียเหยาก็เดินไปที่เตียงผู้ป่วยแล้วกล่าว “อวี่เจ๋อขอโทษนะที่สามีฉันทำให้นายบาดเจ็บจนตอนนี้ นิ้วนายยังปวดอยู่ไหม?”
หลิ่วอวี่เจ๋อก้มมองนิ้วมือขวาของตนเองอย่างเหนื่อยหน่าย “ปวดหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เสียดายก็แต่ที่หลังจากนี้จะใช้ไม่ได้แล้ว เย่เฉินแม่งลงมมือหนักมากเลย!”
หวังเจียเหยากล่าวด้วยใบหน้าสำนึกผิด “อวี่เจ๋อฉันรู้ว่าเรื่องนี้เย่เฉินเป็นคนผิด แต่ว่าฉันได้ยินมาว่านายประกาศจะให้รางวัลคนที่ตัดนิ้วเย่เฉินได้ ยังไงเย่เฉินก็เป็นสามีฉัน พวกเราแต่งงานกันมาสามปี เขาดีกับฉันมาก ฉันไม่อยากให้นายทำร้ายเขาแบบนี้ ฉันขอร้องนายล่ะนะอย่าทำแบบนี้ได้ไหม?”
ถึงแม้ว่าหวังเจียเหยาจะเคยทำเรื่องผิดต่อเย่เฉิน แต่ตอนนี้เขาโดนไล่ออกจากตระกูลแล้ว ท่าทีของหญิงสาวจึงเปลี่ยนไป
ทว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาตลอดเวลาสามปี หวังเจียเหยาจึงยังมีความรู้สึกดีๆ กับเย่เฉินอยู่ไม่น้อย หล่อนย่อมไม่อยากให้เย่เฉินเป็นอะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหล่อนรู้ว่าเย่เฉินเล่นเปียโนได้ดี ถ้าไม่มีนิ้วมือสำหรับเขาแล้วก็คงน่าเสียดายอย่างมาก
หลิ่วอวี่เจ๋อมักจะเสแสร้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหวังเจียเหยา เขาจึงค่อนข้างเสแสร้งและหลอกลวงได้อย่างชำนาญ
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “พี่นางฟ้า พี่ยังไม่รู้จักผมอีกเหรอครับ? ผมจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับสามีคุณได้ยังไงล่ะ?”
“อย่างนั้น…หรือว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องโกหก?”
หวังเจียเหยาเองก็รู้สึกว่าหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นชายหนุ่มที่สดใสร่าเริง แถมยังเป็นคุณชายที่มีฐานะร่ำรวย ไม่น่าจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ได้ลงคอ
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม“น่าจะเป็นเรื่องโกหก ผมก็แค่จงใจให้พี่ชายผมปล่อยเรื่องนี้ก็เพื่อเขย่าประสาทสามีคุณ เพื่อไม่ให้เขาออกบ้าน แต่ที่จริงแล้วผมไม่ได้หาคนมาทำอะไรเขาเลยด้วยซ้ำครับ”
หวังเจียเหยางุนงง “แกล้งสามีฉันเหรอ? ทำไมล่ะ? ทำไมถึงไม่ให้สามีฉันออกบ้านล่ะ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อยิ้มเจ้าเล่ห์ เอื้อมคว้ามือขาวนวลเนียนของหญิงสาวพลางกล่าว
“คุณว่ายังไงล่ะ? ก็ต้องเพื่อไม่ให้เขามารบกวนเราสองคนอยู่แล้ว เขาหมกตัวอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหน พวกเราก็จะได้ออกไปเจอกันข้างนอกได้ไงล่ะครับไม่ใช่หรือไง?”
หวังเจียเหยาคิดว่าเขาพูดจริง เพราะหล่อนรู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อชอบตนเอง และเพราะสถานะที่สมรสแล้วของตนเองทำให้พวกเขาสองคนจำเป็นต้องลอบนัดพบกันในช่วงเช้ามากหรือช่วงเย็นตอนกลับบ้าน
หรือบางทีหลิ่วอวี่เจ๋ออาจจะไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเย่เฉินเลยด้วยซ้ำ
เมื่อมองเสี้ยวหน้าที่งดงามของหวังเจียเหยา หลิ่วอวี่เจ๋อก็อดจะโน้มหน้าลงไปจุมพิตหญิงสาวไม่ได้
ทว่าหวังเจียเหยากลับผลักหลิ่วอวี่เจ๋อออกด้วยสัญชาตญาณ “ไม่…ไม่ได้นะ”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเสียทว่ากลับไม่ได้แสดงออกมา แต่ยังคงกล่าวอย่างใจเย็นว่า
“เจียเหยาผมรักคุณขนาดนี้ ขนาดเสียนิ้วไปผมยังไม่เสียดายเลยเพื่อคุณ! หรือว่าคุณยังไม่รู้สึกได้ถึงความรักของผม?”
แต่ตอนนี้เขากับพูดว่าที่ตนเองทำลงไปนั้นก็เพื่อหวังเจียเหยา
หวังเจียเหยากล่าวว่า “ฉันรู้ว่านายรักฉัน แต่ตระกูลของนายอาจจะไม่ยอมรับฉัน”
พูดไปจนที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่หวังเจียเหยาในความสำคัญก็คือการจะได้รับการยอมรับจากตระกูลเศรษฐีแสนล้านหรือไม่ และที่สำคัญก็คือสิทธิ์ในการรับสืบทอดมรดก
ถ้าอีกฝ่ายแค่ต้องการคบหากับตนเอง แต่ที่บ้านไม่ยอมรับ อย่างนั้นแล้วหญิงสาวย่อมไม่มีทางคบหากับชายหนุ่ม
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ผมคุยกับคนที่บ้านแล้ว คุณปู่บอกว่าขอแค่คุณยอมทำแท้งก็จะยอมรับคุณเข้าตระกูลหลิ่วของเรา”
“ต้องทำแท้งเหรอ?” หวังเจียเหยาแหงนหน้าขึ้นด้วยสีหน้าหนักใจ
หลิ่วอวี่เจ๋อผงกศีรษะ “ใช่แล้วครับ ถ้าคุณไม่เอาเด็กออก ผมก็เฉยๆ นะครับ เพราะพ่อแม่ผมยังไงก็เชื่อผม แต่ว่าคุณปู่ผมเป็นคนหัวโบราณไม่อยากให้คุณหอบเด็กแต่งเข้าตระกูลหลิ่วของผม”
ในความเป็นจริงแล้วถึงหวังเจียเหยาจะไม่ค่อยสบายใจกับเงื่อนไขนี้ของคนตระกูลหลิ่ว แต่ว่าก็ไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด
เพราะซ่งหงเย่ ‘กุนซือ’ ของหล่อนเคยพูดเอาไว้นานแล้วว่า กระทั่งครอบครัวธรรมดาก็ไม่มีทางยอมรับลูกสะใภ้ที่มีลูกติดท้องได้หรอก นับประสาอะไรกับตระกูลเศรษฐีอย่างตระกูลหลิ่ว
ถ้าหากว่าหวังเจียเหยาแต่งเข้าตระกูลหลิ่วก็จำเป็นต้องเอาเด็กในท้องออก
อีกทั้งตั้งแต่ที่เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลแล้ว หวังเจียเหยาก็เริ่มคิดเรื่องจะเอาลูกออกแล้ว
อย่าพูดว่าหล่อนมีตัวสำรองอย่างหลิ่วอวี่เจ๋อ ต่อให้ไม่มี หล่อนก็วางแผนจะทำแท้งอยู่ดี!
เพราะถ้ามีลูกแล้วก็จะเป็นอุปสรรคในการแต่งงานอีก นอกเสียจากว่าจะแต่งงานกับผู้ชายที่มีเคยแต่งงานมีลูกแล้ว หวังเจียเหยาก็ไม่มีทางชอบคนแบบนั้น
หล่อนชอบผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน แถมยังต้องเป็นผู้ชายที่ร่ำรวยเท่านั้น
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวต่อ “ทั้งสามครอบครัวของตระกูลหลิ่วมีหลานชายสองคนคือผมกับหลิ่วเฟิงพี่ชายของผม ผมกับพี่ชายสนิทสนมกันมาก ไม่เคยทะเลาะแย่งชิงมรดกหรืออะไรในตระกูลเลย ทรัพย์สินตระกูลหลิ่วของเราจะถูกแบ่งเป็นสองส่วนให้พวกเราสองคน ผมจะได้สมบัติมากกว่าเขาไม่มีทางน้อยกว่าเขาด้วย เจียเหยา คุณอยู่กับผม ผมรับรองได้ว่าผมจะทำให้คุณกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก!”
หลิ่วอวี่เจ๋อพูดกับหวังเจียเหยามากมายขนาดนี้ แถมยังสาธยายเรื่องทัพย์สมบัติทั้งหมดออกมาให้หล่อนฟังอย่างชาญฉลาด
หลังจากที่หวังเจียเหยาได้ยินก็ซาบซึ้งใจและมองหลิ่วอวี่เจ๋อด้วยแววตาลึกซึ้ง “อวี่เจ๋อนายดีกับฉันจริงๆ เลย”
ในวินาทีนี้หล่อนลืมแหวนแต่งงานที่เย่เฉินซื้อให้หล่อนบนนิ้วนางข้างขวาไปโดยสิ้นเชิง
หลิ่วอวี่เจ๋อลอบดีอกดีใจ เมื่อเขารู้ว่าหวังเจียเหยาติดกับแล้วจึงจุมพิตหวังเจียเหยาอีก
ในครั้งนี้หวังเจียเหยาไม่ผลักไล่ไสส่งชายหนุ่มอีก อีกทั้งยังหลับตาพริ้มรับจุมพิตจากชายหนุ่ม
……
เขตซินเฉิง
หลังจากที่หวังเจียเหยาออกจากบ้านไปแล้ว เย่เฉินก็เริ่มกระวนกระวายจะให้เขานอนหลับอย่างสบายใจได้ยังไง?
เขารู้ว่าหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อลอบสานสัมพันธ์กันก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งนี้ก็ไปพบหน้ากันเพื่ออ้างว่าจะไปขอโทษแทนเขา ซึ่งจะต้องอาศัยโอกาสนี้ไปพลอดรักกันแน่
ดังนั้นเขาจึงโทรหาหลิวเจิ้งคุน ให้เขาส่งคนไปสะกดรอยตามหวังเจียเหยาและพร้อมกันนั้นก็ไปตามดูอาการเจ็บป่วยของหลิ่วอวี่เจ๋อ
เย่เฉินเองก็จัดแจงส่งคนไปเฝ้าที่โรงพยาบาลเอาไว้นานแล้ว เขาจัดแจงวางเส้นสายเอาไว้ทั้งในหมอ พยาบาล และคนป่วย
และในตึกฝั่งตรงข้ามของห้องพัก VIP ของหลิ่วอวี่เจ๋อ เขาก็ส่งคนให้ไปใช้กล้องส่องนกเพื่อคอยจับตาดูเขา
หวังเจียเหยามาถึงห้องพักผู้ป่วยของหลิ่วอวี่เจ๋อตอนสิบโมงเช้า ตอนเที่ยงตรงเย่เฉินก็ได้รับสาย
“นายครับ ภรรยาของท่านยังอยู่ในห้องพักผู้ป่วยคนนั้นยังไม่ออกมาเลยครับ ผ้าม่านไม่ถูกเปิดเลยครับ ในระหว่างนั้นมีพยาบาลมาเคาะประตูแต่เคาะไปไม่กี่ทีก็เดินไป”
เย่เฉินสูบบุหรี่ด้วยความหงุดหงิด
เป็นเวลาสองชั่วโมงเต็มๆ หวังเจียเหยาอยู่ในห้องพักผู้ป่วยของหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นเวลาสองชั่วโมงเต็มๆ แถมล็อคประตู แล้วปิดผ้าม่านเอาไว้
พวกเขาทำอะไรกันแน่!
นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือข้างขวา!
นิ้วสองข้างของหลิ่วอวี่เจ๋อที่โดนเย่เฉินหักทิ้งไปนั้นก็คือสองนิ้วนี้
สาเหตุโดยตรงที่ทำให้ทั้งสองนิ้วนี้ต้องพิการก็เป็นเพราะว่าเขาไปแตะต้องผู้หญิงของเย่เฉินเข้า
ดูไปแล้วหลิ่วอวี่เจ๋อตั้งใจจะใช้เกลือจิ้มเกลือ
วิธีที่มู่หรงฟู่ในแปดเทพอสูรมังกรฟ้าชื่นชอบนั้น เย่เฉินเองก็ชื่นชอบมากเช่นกัน!
เย่เฉินยิ้มบางๆ แล้วถาม “ซีกวาว่ายังไงบ้าง?”
หลิวเจิ้งคุนกล่าวว่า “ซีกวากลัวว่าถ้าไม่รับงาน หลิ่วเฟิงจะไปหาคนอื่นดังนั้นก็เลยแสร้งรับงานนี้ไปแล้วครับ คุณชายเพราะคุณชายเคยสั่งเอาไว้ว่าอย่าเพิ่งทำอะไรคนตระกูลฟางกับตระกูลหลิ่ว ดังนั้นผมก็เลยยังไม่ได้ให้ซีกวาทำอะไร”
“อืม”
เย่เฉินส่งเสียงพีมพำรับคำ เขาในตอนนี้ไม่ได้คิดจะจัดการพวกเขาอย่างรุนแรงเปิดเผย แต่นั่นจะเป็นแผนการที่เขาตั้งใจจะทำหลังจากที่หย่าแล้วต่างหาก
เย่เฉินไม่ได้พูดอะไรอีก เขากดวางโทรศัพท์
แต่เพิ่งจะวางสายเสร็จ ใครจะรู้ว่าฉินหงเหยียนก็โทรมาต่อทันที
เย่เฉินประหลาดใจเล็กน้อยตั้งแต่ที่เย่เฉินคืนดีกับหวังเจียเหยา ฉินหงเหยียนก็ไม่ค่อยจะโทรหาเขาตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้อีก หล่อนเป็นคนรู้ว่าอะไรควรหรือไม่เป็นอย่างดี
“ฮัลโหล” เย่เฉินรับสายอย่างรวดเร็ว
น้ำเสียงฉินหงเหยียนร้อนรนจนดูลนลานอย่างเห็นได้ชัด “เย่เฉินเกิดเรื่องแล้ว! ฉันได้ยินมาว่าพวกคนตระกูลหลิ่วจ้างนักเลงหัวไม้แถมไม่พอยังจะจ่ายเงินห้าสิบล้านเพื่อตัดนิ้วสองนิ้วของคุณ! สองสามวันนี้คุณอย่าออกบ้านเชียวนะ!”
คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนจะข่าวไวแบบนี้ ไม่เสียทีที่อยู่ในอวิ๋นโจวมานานหลายปี ไม่ว่าจะวงการไหนหล่อนก็มีสายอยู่ทั้งสิ้น
แต่ข่าวที่ฉินหงเหยียนได้มานั้นยังไม่แม่นยำนัก ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ตอนนี้หวังเจียเหยาอาบน้ำเสร็จออกมาพอดี เท้าหล่อนเปลือยเปล่าในรองเท้าแตะ ห่อตัวด้วยผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืน หล่อนที่เพิ่งตั้งท้องได้ไม่นาน ร่างกายงดงามจนทำให้คนมัวเมา
“โทรคุยกับใครเหรอ?”
หวังเจียเหยาใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมยาวสลวยพลางเอ่ยถามสามี
“ฉินหงเหยียนโทรมา” เย่เฉินตอบหวังเจียเหยา
หวังเจียเหยาแหวใส่เขาทันที “ดึกขนาดนี้ยังมีหน้าโทรมาอีก! วางสายหล่อนไปเลยนะ!”
เย่เฉินไม่พอใจอย่างมาก ทีเธอโทรหาหลิ่วอวี่เจ๋อดึกดื่นค่อนคืนไม่เป็นอะไร แล้วผมจะโทรหาฉินหงเหยียนบ้างไม่ได้หรือไง?
แล้วอีกอย่างเราสองคนก็คุยกันเรื่องมีสาระไม่เคยพูดจาเชิงชู้สาวมาก่อน
แล้วคุณคุยอะไรกับหลิ่วอวี่เจ๋อไปบ้าง!
เย่เฉินไม่อยากจะทะเลาะกับหญิงสาว เขาจึงกล่าวกับฉินหงเหยียนเสียงแผ่วเบา “หงเหยียนผมรู้แล้วขอบคุณมาก ”
จากนั้นเย่เฉินก็กดตัดสาย ในใจเขาพลันรู้สึกขอบคุณหญิงสาวอย่างมาก
ฉินหงเหยียนดูไปแล้วน่าจะชอบเย่เฉินจริงๆ ตอนนี้เย่เฉินกลายเป็นคนไม่มีอะไร แต่หล่อนก็ยังดีกับเขาขนาดนี้
ตั้งแต่ที่ร้านอาหารเมื่อกลางวันหล่อนยังสั่งสอนฟางเชาแทนเขา หลังจากนั้นพอเขามีเรื่อง ก็ยังใช้เส้นสายของตัวเองเพื่อช่วยเหลือเขา
เมื่อได้รู้ว่ามีคนจะล้างแค้นเย่เฉิน หล่อนก็รีบร้อนโทรบอกเขาในทันที
ในวินาทีนี้เย่เฉินสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความห่วงใยที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนจากหวังเจียเหยา
หรือบางทีอาจจะรอให้หย่ากับหวังเจียเหยาแล้ว เขาจะเลือกคบหาฉินหงเหยียนก็ได้
อย่างน้อยๆ ผู้หญิงแบบนี้ถึงจะควรคู่มีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดของตระกูลเย่
หวังเจียเหยาหึงหวงขึ้นมาเล็กน้อย หล่อนย้อนถามอีกครั้ง “เมื่อกี้พวกนายคุยอะไรกัน? คุยกันนานแล้วหรือยังล่ะ? นังจิ้งจอกแพศยาฉินหงเหยียน ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่านายมีภรรยายังจะโปรยเสน่ห์ใส่นายอีก แพศยาจริงๆ!”
เย่เฉินอธิบาย “หงเหยียนโทรหาผมเพราะหล่อนได้ข่าว บอกว่าหลิ่วอวี่เจ๋อไปตามหานักเลงหัวไม้ จ่ายเงินห้าสิบล้านเพื่อตัดนิ้วผม”
หวังเจียเหยาตกใจจนทำผ้าขนหนูของในมือหล่อนร่วงผล็อยลงบนพื้น
“อะไรนะ? เขาจะตัดนิ้วมือของนายเหรอ? ไม่ล่ะมั้ง?”
ใจของหวังเจียเหยาเต้นระรัวเร็ว
ทว่าในความทรงจำของหล่อนนั้น หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นผู้ชายที่น่ารักอย่างมาก ไม่เหมือนว่าจะเป็นคนที่จะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ได้
หวังเจียเหยาไม่ได้หยิบผ้าขนหนูผืนนั้น แต่กลับเดินไปหาเย่เฉิน จับมือเขาเอาไว้ “ที่รัก หรือว่านายจะไปขอโทษหรือไปยอมรับผิดดีไหม? หรือบางทีถ้าปรับความเข้าใจกันได้ เรื่องก็อาจจะไม่ใหญ่โตแบบนี้”
ให้เย่เฉินไปขอโทษมารความรักเหรอ?
ฝันไปเถอะ!
เย่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ผมยอมเข้าคุก! ยิ่งไปกว่านั้นผมไม่ได้ทำผิดอะไร”
“นาย…” เหมือนว่าหวังเจียเหยาจะไม่พอใจเล็กน้อย “ถ้านายไม่ไปฉันไปเอง! พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปโรงพยาบาลเพื่อขอโทษเขา ขอให้เขาให้อภัยนาย”
เย่เฉินถอนหายใจ ด้วยความสัมพันธ์ของพวกคุณสองคนต้องขอโทษขอโพยกันด้วยเหรอ?
“คุณไม่ต้องไปขอโทษเขาหรอก ไม่งั้นผมก็แค่ไม่ออกบ้าน”
ถึงแม้ว่าในใจเย่เฉินจะไม่เห็นหวังเจียเหยาเป็นภรรยาอีกแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังไม่อยากให้หล่อนไปพบคนๆ นั้นอยู่ดี
แต่หวังเจียเหยากลับหัวรั้น “นายไม่ออกบ้านวันสองวันได้แต่จะไม่ออกบ้านตลอดชีวิตหรือไง? นายอย่ามายุ่งเรื่องนี้เลย ฉันเป็นภรรยาของนาย ทำสิ่งเล็กน้อยแบบนี้ให้นายก็ถือว่าสมควร ไม่อย่างนั้นผู้หญิงแพศยาฉินหงเหยียนคงจะมาว่าฉันเข้าอีก พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปพบเขาที่โรงพยาบาล เอาตามนี้แล้วกัน”
คำพูดของฉินหงเหยียนแน่วแน่ไม่เปิดโอกาสให้เย่เฉินออกความเห็นใดๆ
จากนั้นหวังเจียเหยาก็เป่าผมต่อ แล้วทั้งสองคนก็นอนข้างกันบนเตียงโดยไม่พูดไม่จา
หวังเจียเหยาตื่นแต่เช้าแถมยังชงน้ำผสมน้ำผึ้งกินอีก อีกทั้งยังเลือกเสื้อผ้าอีกมากมายในห้อง
หวังเจียเหยาลองเสื้อผ้าหน้ากระจกไม่หยุด ลองเสร็จหนึ่งตัวแล้วก็ลองอีกตัวอีก
อีกทั้งเสื้อผ้าทุกตัวก็สวยสดงดงามอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นชุดที่หล่อนจะใส่ก็ต่อเมื่อไปงานสำคัญๆ
หลังจากเย่เฉินตื่นแล้วก็มองหวังเจียเหยาที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกอยู่ก็กล่าวถาม “ที่รัก คุณจะไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคนป่วยแล้วจะแต่งตัวสวยไปทำไม? อีกทั้งไม่จำเป็นต้องใส่กระโปรงล่ะมั้ง?”
หวังเจียเหยาดูไม่สบอารมณ์ “นายก็มีความคิดผู้ชายเป็นใหญ่มากเกินไปล่ะมั้ง? ฉันจะใส่ชุดกระโปรงไหมก็ต้องมายุ่งด้วยเหรอ? อากาศร้อนแบบนี้ ไม่ให้ฉันกระโปรงแล้วจะให้ใส่กางเกงยีนส์หรือไง! ฉันแต่งตัวสวยแบบี้ไปเพื่อใคร? ไม่ใช่เพื่อนายหรือไง? ฉันไปก็เพื่ออ้อนวอนขอโทษเขาแทนนายเข้าใจไหม? นายช่วยมีหัวจิตหัวใจหน่อยได้ไหม? ตัวเองทำร้ายร่างกายคนอื่น ไม่มีปัญญาเอาเงินมาแก้ปัญหา เมียนายข่วยนายแก้ปัญหานายยังจะหาเรื่องอีกเหรอ!”
ใบหน้าเย่เฉินฉาบยิ้ม เขาก็อยากจะแฉหวังเจียเหยามากทีเดียว เพื่อให้หล่อนรู้ว่าเขารู้เรื่องความสัมพันธ์ของหล่อนกับหลิ่วอวี่เจ๋อนานแล้ว!
แต่ถ้าทำแบบนี้แล้ว หวังเจียเหยาก็จะยิ่งแน่ใจว่าเรื่องที่ตนเองโดนขับออกจากตระกูลนั่นเป็นเพียงแค่การแสดงแน่ๆ
เย่เฉินไม่พูดอะไรอีกแล้วไปหลับต่อ
อีกทั้งหวังเจียเหยาแต่งตัวสวยงาม ออกจากบ้านแล้วขับรถไปโรงพยาบาล
ในห้องพักผู้ป่วย VIP ณ โรงพยาบาลประจำเมือง
หลิ่วอวี่เจ๋อกำลังใช้มือซ้ายเล่นมือถือด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงเคาะประตูสองที
“เข้ามา”
ประตูห้องพักผู้ป่วยเปิดออกช้าๆ คนยังไม่ทันได้เข้ามา แต่กลิ่นหอมบางๆ ก็ลอยเข้าจมูกหลิ่วอวี่เจ๋อ
น้ำหอมที่หวังเจียเหยาใช้วันนี้คือ Chanel chance edp เป็นน้ำหอมที่หลิ่วอวี่เจ๋อซื้อให้หล่อนเมื่อก่อนหน้านี้
“ว้าว พี่สาวนางฟ้ามาแล้ว!”
หลังจากที่หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นหวังเจียเหยาแล้วอารมณ์ดีขึ้นมา เขารีบลุกขึ้นทันที
หลังจากหวังเจียเหยาเข้ามาแล้วก็รีบปิดประตูตามหลัง
หวังเจียเหยาใส่กระโปรงสีแดงของชาแนลที่เป็นแนววินเทจเก่าๆ มีกลิ่นอายของผู้ดีในช่วงยุคปี 50-60
หลิ่วอวี่เจ๋อมองแค่แผ่นหลังก็น้ำลายไหลแล้วกล่าวกับหวังเจียเหยา “ที่รักปิดประตูจากด้านในด้วยนะ!”
“ที่รักคะเป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
หวังเจียเหยาสาวเท้าขึ้นมาถามไถ่
เย่เฉินตอบ “ตอนนี้ยังไม่โดนคุมตัว ผมกลับบ้านได้ แต่หลิ่วอวี่เจ๋อนิ้วหัก ผมต้องจ่ายค่ารักษาให้เขา ที่รักตอนนี้ผมไม่มีเงิน เกรงว่าต้องใช้เงินของที่บ้านคุณ”
หวังเจียเหยาสีหน้าไม่ใคร่สู้ดีนัก ความใฝ่ฝันของหล่อนก็คือได้ใช้เงินของสามีตนเอง แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะกลับกลายเป็นว่าสามีของหล่อนจะใช้เงินของตนเอง
ฉินหงเหยียนมองหวังเจียเหยาอย่างดูถูก
ตอนนี้คนตระกูลหวังถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยลำดับต้นๆ ของอวิ๋นโจวแล้ว ถ้าไม่ได้เย่เฉิน พวกเขาจะกลายเป็ตระกูลร่ำรวยได้อย่างรวดเร็วแบบนี้เหรอ?
ฉินหงเหยียนสาวเท้าขึ้นไปด้านหน้าพลางกล่าว “ฉันจะช่วยคุณจ่ายค่าหมอเองค่ะ!”
หวังเจียเหยาดูไม่สบอารมณ์ทันที ซ่งหงเย่ออกหน้าแทนเพื่อนสาว “คุณฉิน คุณเป็นอะไรกับเย่เฉินเหรอคะ? คุณมีสิทธิ์อะไรมาช่วยเขาออกเงิน?”
ฉินหงเหยียนแค่นเสียง “ที่ฉันทำเนี่ยเพราะกลัวว่าจะมีคนเสียดายเงินตัวเองไม่ใช่หรือไง? ยังไงเสียหลิ่วอวี่เจ๋อก็ต้องเรียกร้องเงินก้อนใหญ่มากแน่”
หวังเจียเหยาโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง “คุณไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉันกับสามี!”
เย่เฉินเองก็ไม่อยากจะใช้เงินของฉินหงเหยียน เขากล่าวอย่างซาบซึ้งใจว่า “หงเหยียนขอบคุณมากนะ ผมใช้เงินของคุณไม่ได้”
ฉินหงเหยียนกล่าว “เย่เฉิน พวกหลิ่วอวี่เจ๋อลงบันทึกประวันแล้ว พวกเขาต้องการจะแจ้งความว่าคุณีเจตนาทำร้ายร่างกาย พวกเขาจะอ้างว่าคุณฝึกวิชาการต่อสู้เพื่อมาเล่นงานคุณ”
“แต่คุณสบายใจได้ ฉันจ้างทนายความที่ดีที่สุดของอวิ๋นโจวให้แล้ว พรุ่งนี้เย็นเราไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่ทำงานในศาลด้วยดีไหม?”
ตลอดเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านไปนี้ หวังเจียเหยาทำได้แค่รอคอยอย่างโง่งม เพื่อดูว่าคุณปู่ของเย่เฉินจะยื่นมือเข้ามาช่วยหรือไม่ เพื่อจะดูว่าเขาโดนขับออกจากตระกูลแน่แล้วหรือเปล่า
โดยไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยตัวของเย่เฉินเลย
ทว่าฉินหงเหยียนกลับโทรศัพท์หลายสาย เพื่อจ้างทนายความที่ดีที่สุดให้เขา
เทียบกันแล้วสิ่งที่ภรรยาอย่างหวังเจียเหยาทำลงไปนั้น หล่อนไม่คู่ควรกับการเป็นภรรยาของเขาแม้แต่น้อย
รูปลักษณ์ภายนอกของทั้งหวังเจียเหยาและฉินหงเหยียน ต่างก็จัดเป็นคนหน้าตาดีอย่างมาด ก่อนนี้ต่างก็เป็นรองประธานบริษัทหัวเซิ่งเหมือนๆ กัน
แต่หวังเจียเหยาเป็นคนชอบพึ่งพาผู้ชาย ชอบถูกประคบประหงมเอาใจเหมือนเจ้าหญิง
ทว่าฉินหงเหยียนกลับสามารถเผชิญหน้าได้โดยลำพัง เป็นผู้หญิงแข็งแกร่งที่กระทั่งผู้ชายยังต้องอาย
ก่อนนี้หวังเจียเหยามักจะรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินหงเหยียน ดังนั้นจึงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ตระกูลหวังของเราก็รู้จักทนายความแล้วก็มีเพื่อนในศาล! คงไม่รบกวนคุณฉินหรอก! เย่เฉินพวกเราไปกันเถอะ!”
หวังเจียเหยาถลึงตาใส่ฉินหงเหยียนแล้วเดินหนีไป
เย่เฉินผงกศีรษะเพื่อขอบคุณฉินหงเหยียน แล้วเดินตามภรรยาไป
ละครฉากนี้เย่เฉินเป็นคนแสดงเองกำกับเอง โดยมีตัวละครหลักคือเย่เฉินและหวังเจียเหยา เขาไม่หวังให้ฉินหงเหยียนยื่นมือเข้ามายุ่ง
……
ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องพักผู้ป่วย VIP ของโรงพยาบาลประจำเมืองอวิ๋นโจว
หลิ่วอวี่เจ๋อเอนตัวอยู่บนเตียงผู้ป่วย มือขวาโดนพันเอาไว้ มือซ้ายสูบบุหรี่ด้วยน้ำตา แววตาหดหู่และหัวเสีย
ในห้องพักฟื้นมีเขาเป็นผู้ป่วยแค่คนเดียว แต่นอกจากเขาแล้วยังมีพี่ชายของเขาด้วย
หลังจากที่หลิ่วอวี่เจ๋อเกิดเรื่องก็รีบโทรหาพี่ชาย เมื่อหลิ่วเฟิงรู้ว่าน้องชายล้มป่วย เขาก็รีบขับรถตรงมาอวิ๋นโจวทันที
“พี่ครับ อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับคุณปู่แล้วก็พ่อแม่นะครับ”
หลิ่วอวี่เจ๋อสูบบุหรี่ขณะกล่าวกับหลิ่วเฟิง
หลิ่วเฟิงถอนหายใจเขารู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อไม่อยากให้คุณปู่เสียใจ
หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคนหลงตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ที่บ้านมักจะติดอันดับเศรษฐี แล้วเจ้าตัวก็เป็นคนมีคุณสมบัติดี ใบหน้าก็หล่อเหลา แถมยังเรียนเก่งด้วย
ไม่ว่าจะเป็นด้านความรัก การงานหรือการศึกษา เขาก็ไม่เคยต้องให้ที่บ้านเป็นกังวลหรือต้องให้ความช่วยเหลือมาก่อน ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็สามารถจัดการได้ด้วยตนเอง
เมื่อตอนนี้มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาก็รู้สึกผิดกับที่บ้านที่ทำให้พวกเขาต้องขายหน้า
หลิ่วเฟิงกล่าว “อวี่เจ๋อทำไมนายโง่แบบนี้ถึงได้ลงมือมีเรื่องวิวาทด้วยตนเองแบบนี้? พวกเรามีเงินทำไมไม่หานักเลงมาล่ะ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางทอดถอนใจ “ตอนนั้นผมให้ฟางเชาออกหน้าก่อน พบว่าไม่ว่าฟางเชาจะซ้อมเขายังไง เขาก็ไม่กล้าเอาคืนดังนั้นผมถึงได้กล้าเอาส้อมไปแทงเขา ใครจะไปรู้กับแม่ล่ะ พอผมพุ่งพรวดไป เขาก็สู้กลับทันที!”
หลิ่วอวี่เจ๋อเคยส่งคลิปเสียงที่หวังเจียเหยาและฟางเชาไปเปิดห้องด้วยกันให้เย่เฉิน ทว่าเย่เฉินไม่มีทางรู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคนส่งมา
ส่วนเรื่องที่พวกเขาสองคนแอบพบกันอย่างลับๆ หวังเจียเหยาไม่มีทางโง่งมจนไปแบไต๋ต่อหน้าเย่เฉินด้วยตัวเอง
นอกเสียจากว่าเย่เฉินจะสงสัยหวังเจียเยหาก่อนหน้านั้นนานแล้ว ลอบส่งคนไปสะกดรอยตามทุกวัน ไอรีนโนเวล
แต่จากที่หวังเจียเหยาพูดเย่เฉินเชื่อใจหญิงสาวมาก เขาจะไม่ทำเรื่องแบบนี้ ถึงขนาดที่ว่ากระทั่งรหัสโทรศัพท์ของหล่อนเขายังไม่รู้เลย
หลิ่วเฟิงกล่าวด้วยโทสะ “สบายใจได้ พี่จ้างทนายความแล้ว ขอแค่ยืนยันได้ว่าเขาเป็นคนฝึกวิชาป้องกันตัว อย่างนั้นแล้ววการกระทำของเขาที่หักนิ้วนายก็จะสามารถกลายเป็นการลงมือทำร้ายโดยเจตนาหรืออาจจะพยายามฆ่าด้วยซ้ำ! พอถึงตอนนั้นก็จะส่งเขาเข้าคุกได้!”
หลิ่วอวี่เจ๋อเขวี้ยงบุหรี่ลงบนพื้นด้วยโทสะ “ผมไม่อยากให้เขาเข้าคุก! ไม่เจ็บไม่คันแถมยังมีกินมีดื่ม! ผมอยากให้เขาชดใช้ด้วยเลือด! เขาหักนิ้วผม ผมเองก็อยากจะตัดนิ้วเขา!”
บางครั้งคนมีเงินเองก็เกลียดชังความเมตตาของกฎหมาย พวกเขาอยากจะใช้อิทธิพลที่มีเพื่อให้ได้บรรลุความต้องการที่จะล้างแค้น
ก๊อกๆ
ในเวลานี้เองฟางเชาเคาะประตูอยู่สองที แล้วก็เดินกระโผกกระเผลกเข้ามา
เย่เฉินไม่ได้ลงมือทำร้ายฟางเชารุนแรงนัก ดังนั้นต่อให้ฟางเชาไม่ได้เป็นอะไรมากมาย แถมยังสามารถใช้อวัยวะได้ตามปกติ เพียงแต่ตอนเดินจะปวดเล็กน้อย
“พี่เฟิง”
ฟางเชาทักทายหลิ่วเฟิงอย่างร่าเริง
หลิ่วเฟิงตบเข้าที่หน้าของฟางเชาด้วยโทสะ
เพี้ยะ!
“พ่อแกเถอะ! ถ้าไม่ใช่เพราะแกมาหาพวกเราที่เทียนไห่ น้องชายฉันก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้”
พวกเขาสองคนพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว แตกต่างไปจากพี่น้องที่ทะเลาะกันเรื่องเงินมรดก ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอบคุณการสั่งสอนของคุณปู่ของพวกเขา
ฟางเชาโดนทำร้ายตนเองก็อดสูอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องอาศัยคนตระกูลหลิ่วล้างแค้นแทนเขา จึงทำได้เพียงสะกดกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้
ฟางเชาตบหน้าตนเองเข้าให้
“ครับ ผมมันสมควรตาย! โทษผมเลย! แต่ว่าเรื่องที่เย่เฉินหักนิ้วหลิ่วอวี่เจ๋อจะปล่อยให้จบลงแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้เขาเองก็กำลังล้มละลาย พวกคุณจะเอาเขาให้ตายก็ง่ายดายเหมือนบี้มดปลวก!”
หลิ่วเฟิงกลอกตาใส่ฟางเชาพลางกล่าว “อวี่เจ๋ออยากจะตัดนิ้วเขา”
ฟางเชากล่าวอย่างยินดี “เอาคืนคนทำด้วยสิ่งที่เขาทำเอง! ดี! ผมรู้จักพี่กวานักเลงของอวิ๋นโจว มีลูกน้องจำนวนไม่น้อยของเขาเป็นนักมวยใต้ดินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงมือรุนแรงดีอีกอย่างพอจัดารทำตามคำสั่งแล้ว รับเงินก็จะออกนอกประเทศไป ไม่ว่าใครก็หาไม่เจอ พี่เฟิงจะให้ผมนัดแนะให้พี่กับพี่กวาเจอกันไหมครับ?”
หลิ่วเฟิงครุ่นคิดไปเล็กน้อย เขาเองก็พอจะรู้จักเพื่อนนักเลงหัวไม้
ทว่าที่นี่ถือเป็นพื้นที่ของอวิ๋นโจวหรือจะให้คนในอวิ๋นโจวจัดการเองดี
“ก็ได้ นัดกินข้าวเย็นแล้วกัน” หลิ่วเฟิงุกล่าว
ห้าทุ่ม
จู่ๆ เย่เฉินก็ได้รับสายจากหลิวเจิ้งคุน
เบอร์โทรศัพท์ของหลิวเจิ้งคุนในมือถือเย่เฉิน ถูกแก้เป็นชื่อแปลกๆ แล้วแต่เย่เฉินยังจำได้ว่าเลขท้ายของเบอร์โทรศัพท์เขาคือ 4444
บังเอิญที่หวังเจียเหยาไปอาบน้ำตอนนี้พอดี เย่เฉินจึงกดรับสายทันที
“ว่ามา” เย่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หลิวเจิ้งคุนกล่าวว่า “คุณชาย หลิ่วเฟิงมาที่อวิ๋นโจวแล้วครับมาหาซีกวา บอกว่าจะใช้เงินยี่สิบล้านซื้อนิ้วกลางกับนิ้วชี้ของคุณครับ!”
“เซ็งชะมัด พี่ชายสุดหล่อคนนี้ทำไมไม่เอาคืนเลย โดนเล่นงานแบบนี้ขาดทุนเกินไปแล้ว!”
“เฮ้อ คนจนๆ จะกล้าซ้อมคนรวยได้ยังไง! ค่ายาคงไม่สะกิดขนหน้าแข้งพวกคนรวยๆ หรอก แต่กับคนจนแล้วสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก”
แขกจำนวนไม่น้อยที่ถอยมาออกันหน้าร้านอาหารต่างก็สงสารเย่เฉิน
แน่นอนว่าพวกเขาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาอัดภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เพื่อป้องกันว่าฟางเชาจะไม่ยอมรับว่าเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน
ส่วนหวังเจียเหยาและซ่งหงเย่ที่ควรจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเย่เฉิน แต่พวกเขาสองคนกลับสุมหัวคิดเรื่องอื่น
“เมื่อก่อนที่เย่เฉินซ้อมซ่าวเจี๋ยไม่เคยลังเลด้วยซ้ำ ตอนนี้แค่ฟางเชายังไม่กล้าแตะต้อง หรือว่าเย่เฉินโดนไล่ออกจากตระกูลจริงๆ เลยไม่กล้าทะเลาะกับคนอื่นเหรอ?”
หวังเจียเหยาจึงค่อยๆ เชื่อว่าเย่เฉินไม่ได้โกหก
ถ้าหากว่าเย่เฉินกลายเป็นยาจกจริงๆ หวังเจียเหยาก็คงจะไม่อยู่กับเขาอีก
ในตอนนี้เองฟางเชาก็หยิบเอาเก้าอี้ตัวที่สามมา เขายกเก้าอี้ขึ้นสูงเตรียมจะฟาดเย่เฉิน!
ทว่าครั้งนี้เย่เฉินก็ไม่ได้ให้โอกาสเขาได้ลงมืออีก
เย่เฉินสาวเท้าขึ้นไปด้านหน้า มือสองข้างของเขาคว้าเข้าที่ขาสองข้างของเก้าอี้ ไม่เปิดโอกาสให้ฟางเชาได้โยนเก้าอี้ออกไป
“เชี่ย!”
ฟางเชาและเย่เฉินต่างก็ชูเก้าอี้ขึ้นแล้วยื้อยุดกันในอากาศ
ฟางเชาแทบจะใช้แรงทั้งหมดที่มีจนเส้นเลือดขึ้นบนใบหน้า
แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเย่เฉินได้
แต่ในตอนนี้เองจู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็เดินมาแล้วหยิบส้อมในมือจะทิ่มใส่ดวงตาเย่เฉิน!
มือสองข้างของเย่เฉินชูขึ้นเหนือศีรษะ ยื้อยุดฉุดกระชากเก้าอี้กับฟางเชา
เขาในตอนนี้ไม่ได้มีมือเหลือพอจะไปรับหลิ่วอวี่เจ๋อ ดังนั้นหลิ่วอวี่เจ๋ออยากจะอาศัยโอกาสนี้ใช้ส้อมทิ่มใส่ดวงตาเย่เฉิน!
ไม่ว่าจะต้องเสียเงินค่าหมอค่ายากี่บาทเขาก็ชดใช้ได้ทั้งนั้น
หลังจากเกิดเรื่องแล้วค่อยอาศัยเส้นสาย หาทนายที่ดีที่สุดไปทำคดี เขาก็จะได้ไม่ต้องเข้าคุก
ทว่าลูกหลานของตระกูลเย่ไหนจะเลยจะโดนซ้อมได้ง่ายๆ แบบนั้น?
คนตระกูลเย่ฝึกฝนวิชาป้องกันตัวตั้งแต่เด็ก แถมยังถูกส่งไปสนามรบด้วยซ้ำนั่นก็เพื่อให้เขามีความสามารถในการรับมือกับวินาทีที่อันตรายแบบนี้!
แล้วทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ยกเท้าขวาขึ้นมายันเข้าส่วนกลางร่างกายของฟางเชา!
ไม่ใช่ยันเข้าตรงๆ แต่เป็นการเตะผ่าหมาก
“โอ้ย!” ไอรีนโนเวล
ฟางเชาร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด มือสองข้างหมดเรี่ยวแรง ปล่อยเก้าอี้ร่วงลงพื้น
ในตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อก็ควักส้อมออกมาแล้วจิ้มลงไปที่ใบหน้าของเย่เฉิน
เย่เฉินคลายมือสองข้างลง เอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็ว ไม่ยอมให้หลิ่วอวี่เจ๋อทิ่มโดนตัวเอง
จากนั้นเย่เฉินก็จับมือขวาของหลิ่วอวี่เจ๋อ และคว้าเข้าที่นิ้วสองนิ้วของเขา
แล้วมีเสียงดัง‘กรอบ’ดังขึ้น !
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องของหลิ่วอวี่เจ๋อโหยหวนยิ่งกว่าฟางเชา แล้วทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉิน
“สวรรค์! เมื่อกี้นั่นมันเสียงอะไร! เหมือนนิ้วหักเลย!”
“ก็นิ้วหักไง! ลูกคนรวยคนนั้นน่าจะนิ้วง่อยไปแล้ว!”
คนอื่นๆ เองก็ได้ยินเสียงกระดูกหักเมื่อครู่ทำให้หวาดกลัวจับใจ
แน่นอนว่าเย่เฉินลงมือทำร้ายหลิ่วอวี่เจ๋อรุนแรงมาก!
ทำร้ายเขาหนักกว่าฟางเชาเยอะ!
โดยพื้นฐานแล้วโดนเย่เฉินหักนิ้วมือแบบนี้ ไม่ว่าจะไปโรงพยาบาลที่ดีขนาดไหน ก็ไม่สามารถรักษาจนกลับมาเป็นสภาพเดิม
ชีวิตนี้หลิ่วอวี่เจ๋ออย่าได้หวังว่าจะได้ใช้นิ้วทั้งสองนิ้วนี้อีก
ตามหลักการแล้วฟางเชาเคยนอนกับหวังเจียเหยา แต่เคยแค่กอดหลิ่วอวี่เจ๋อเท่านั้น
ถ้าจะล้างแค้นก็ควรจะลงมือกับฟางเชารุนแรงกว่ากว่าสักหน่อย
สถานการณ์ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขาลงมือทำร้ายหลิ่วอวี่เจ๋อหนักกว่า
นี่เป็นเพราะฟางเชาจะโดนพวกซีกวาจับตอนไม่ช้าก็เร็ว เย่เฉินไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง เขาแค่ยันอีกฝ่ายก็เพียงพอแล้ว
อีกอย่างถึงแม้ว่าหวังเจียเหยาจะเคยนอนกับฟางเชามาก่อน แต่หล่อนก็ไม่เคยชอบอีกฝ่าย เพียงแต่ตอนนั้นเย่เฉินไม่มีเงิน ทำให้ฟางเชาอาศัยข้อด้อยนี้ของเขาเอาชนะใจหวังเจียเหยาไป
แต่หลิ่วอวี่เจ๋อนั้นต่างออกไป ในตอนที่เย่เฉินเป็นประธานบริษัท หวังเจียเหยายังยอมแอบไปพบเขา นี่แปลว่าหวังเจียเหยาชอบเชา!
เย่เฉินย่อมเกลียดชังหลิ่วอวี่เจ๋อมากกว่า!
คนหนึ่งนอกกาย อีกคนนอกใจ เย่เฉินยอมให้หวังเจียเหยาเป็นแบบแรกไม่ใช่แบบหลัง!
น่าเสียดายที่หวังเจียเหยาผู้หญิงสารเลวคนนี้ทำลงไปทั้งสองอย่าง!
หวังเจียเหยาในตอนนี้เกรงว่าคงอายจนเอามือไปปิดหน้าแล้ว
หล่อนมองดูเย่เฉินซ้อมคนทั้งสองคนแต่กลับไม่ได้สังเกตเลยว่า อวัยวะของทั้งสองคนนั้นที่โดนเย่เฉินต่อยไปนั้นล้วนแต่เกี่ยวข้องกับหล่อนทั้งสิ้น!
ซ่งหงเย่ระบายยิ้ม “ฮ่าๆ ในเมื่อเย่เฉินกล้าลงมือก็แปลว่าเขาไม่กลัวมีเรื่อง เรื่องที่โดนขับออกจากตระกูลอาจจะเป็นเรื่องโกหก!”
ตอนนี้ฟางเชาและหวังเจียเหยานอนราบแผ่อยู่บนพื้น ร้องโอดอวยด้วยความเจ็บปวด ไม่มีแรงจะโต้ตอบแต่อย่างใด
หวังเจียเหยารีบร้อนเดินมารั้งเย่เฉินเอาไว้ “ที่รัก อย่าทะเลาะกับพวกเขาเลย”
หล่อนกลัวว่าเย่เฉินจะซ้อมหลิ่วอวี่เจ๋อจนพิการแล้วเขาจะต้องเข้าคุกไปตลอดชีวิต แถมไม่พอหลิ่วอวี่เจ๋อก็จะพิการด้วย
ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วหวังเจียเหยาจะไม่เหลือผู้ชายสักคน
ความกังวลในเรื่องนี้จำเป็นต้องมี หนำซ้ำในความเป็นจริงก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อนๆ ที่ศัตรูความรักสองคนมีเรื่องวิวาทกันคนหนึ่งตาย อีกคนโดนส่งเข้าคุก
สองปีก่อนหล่อนเองก็เห็นเรื่องแบบนี้กับตาที่อวิ๋นโจว
ชายหนุ่มคนหนึ่งฆ่าชายอีกคนหนึ่งข้างถนน ข่าวรายงานว่าชายที่โดนฆ่าคบหากับภรรยาของฆาตกร
ที่น่าตลกก็คือต่อมาภรรยาของเขารุดไปยังสถานที่เกิดเหตุแล้วร้องห่มร้องไห้
ตอนที่ฆาตกรโดนตำรวจลากตัวไปแล้ว เขามีท่าทีนิ่งเฉยอย่างยิ่งแถมยังพูดกับภรรยาที่นอกใจเขาอีกว่า
“ที่รัก ดูแลลูกของเราให้ดีๆ”
คนจำนวนไม่น้อยในอินเตอร์เน็ตต่างก็เสียดายแทนชายคนนี้ ที่ทำลายอนาคตตัวเองโดยการติดคุกตลอดชีวิต เพียงเพื่อผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้
ผู้หญิงที่ทำผิดโดยการนอกใจ แต่กลับสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงขนาดที่ว่าสามารถหาผู้ชายคนใหม่ได้
หลังจากหวังเจียเหยาเดินมา เย่เฉินก็ไม่ซ้อมหลิ่วอวี่เจ๋ออีก
จิตใจในตอนนี้ของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด คงไม่ต่างอะไรกับจิตใจฆาตกรในข่าวคนนั้นสักเท่าไหร่!
แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เขาไม่มีทางจะทำลายอนาคตของตัวเองเพียงเพื่อภรรยาแบบหวังเจียเหยา
ต่อให้เย่เฉินเป็นคุณชายของตระกูลเย่ แต่ถ้าฆ่าคนในที่สาธารณะ ชีวิตนี้ของเขาเองอย่าหวังจะได้อยู่ในประเทศต่อ เขาต้องเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลแล้วออกไปอยู่ต่างประเทศ
“แจ้งความเลย! รีบแจ้งความ! ฉันจะให้มันติดคุก!”
หลิ่วอวี่เจ๋อร้องด้วยความเจ็บปวด
ฟางเชาฝืนสะกดความเจ็บปวดแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากด 110
ตำรวจก็มาสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วแล้วพาตัวพวกเขาไป
เป็นเพราะหลิ่วอวี่เจ๋อแและฟางเชาได้รับบาดเจ็บ พวกเขาไปที่โรงพยาบาลก่อนจะไปที่โรงพัก
หลังจากสอบปากคำไปแล้วหลายชั่วโมง
ตอนหกโมงเย็น ตำรวจในโรงพักก็ปล่อยตัวเย่เฉินออกมา
ในร้านอาหารมีลูกค้าจำนวนมากอัดวีดีโอเอาไว้จึงมีหลักฐานว่าเย่เฉินแค่ป้องกันตัวเท่านั้น
ถ้าหากทั้งสองคนล้มลงไปแล้ว เย่เฉินทำร้ายพวกเขาต่อถึงจะถือว่าเป็นมีเจตนาทำร้ายร่างกาย
เย่เฉินปฏิบัติตามคำสั่งของคุณปู่ เขาทำความเข้าใจกับกฎหมายของแต่ละประเทศจึงรู้ดีถึงขอบเขตและความรุนแรงในการทะเลาะวิวาทเป็นอย่างดี
หลังจากเย่เฉินเดินออกมาแล้ว หวังเจียเหยา ซ่งหงเย่และฉินหงเหยียนก็ตามมา
เย่เฉินยิ้มพลางพยักหน้ากับฉินหงเหยียน ผู้กำกับที่การสอบปากคำตนเองเมื่อครู่เขาปฏิบัติกับตนเองเหมือนเป็นแขก
เย่เฉินรู้ดีว่านี่ต้องเป็นฝีมือของฉินหงเหยียนแน่นอน
หยดน้ำตาของฉินหงเหยียนร่วงลงบนกระเป๋าชาแนลที่เย่เฉินซื้อให้หล่อน
ชายหนุ่มที่เดินทางมากับหล่อนยื่นกระดาษทิชชู่ให้หล่อนแล้วถาม “คุณชอบเขาเหรอ?”
ฉินหงเหยียนรับกระดาษมาเช็ดน้ำตา “ฉันทำเรื่องที่ผิดต่อเขา แต่ว่าเขาไม่เพียงแต่ไม่โทษฉัน แต่ยังให้อภัยฉันอีก แถมให้ฉันเป็นรองประธานต่อจากเขาด้วยแถมยังดีกับฉันมาก ขนาดเป็นตอนที่เขาต้องลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทเขายังแนะนำให้ฉันเป็นประธานบริษัทต่อเขา คราวก่อนเขาโดนคนตระกูลหวังรุมเล่นงาน ฉันช่วยอะไรเขาไม่ได้ มาคราวนี้เขาโดนคนตระกูลหลิ่วกับฟางรังแก ฉันยังช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาใจกว้าง ฉันฉินหงเหยียนคงจะไม่ใช่ประธานบริษัทอะไร เขาเป็นคนให้ทั้งหมดนี้กับฉัน ไม่ได้ ฉันต้องช่วยเขา!”
ยิ่งฉินหงเหยียนพูดก็ยิ่งร้อนใจ หล่อนรู้สึกว่าเย่เฉินเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดที่หล่อนเคยเจอมา
ก่อนหน้านี้คนตระกูลหวังเชื้อเชิญให้แขกของตนเองตัดทางทำมาหากินของเย่เฉิน ตอนนั้นคนที่เอาด้วยกับคนตระกูลหวังอย่างหม่าเสิน ฟางเชา จงเหว่ยต่างก็ล้มละลายไปหมดแล้ว!
มีแต่ฉินหงเหยียนที่อยู่รอดปลอดภัย แถมยังเลื่อนได้ขั้นเป็นประธานบริษัทเสียด้วย!
ฉินหงเหยียนชอบเย่เฉิน เขาไม่มีทางไม่รู้ ต่อให้เขาไม่คบหากับหล่อนแต่ก็นอนกับหล่อนได้เหมือนผู้ชายพวกนั้น
แต่ว่าเย่เฉินกลับไม่ทำแบบนั้น!
เขาให้เกียรติฉินหงเหยียนมาโดยตลอด ไม่อาศัยสิทธิ์ในการเป็นหัวหน้าเอาเปรียบหล่อน!
ในสายตาฉินหงเหยียนนี่ถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง เพราะหล่อนเคยเจอผู้ชายสารเลวที่อยากนอนกับหล่อนมานักต่อนักแล้ว
ตอนที่มือขาวนวลเนียนของฉินหงเหยียนกำลังจะกดให้ลิฟต์หยุด ชายหนุ่มข้างกายก็คว้าแขนหล่อนเอาไว้ เพื่อห้ามหล่อน
“หงเหยียนอย่าวู่วาม กว่าคุณจะมีวันนี้ไม่ง่ายเลย ลองคิดถึงความลำบากที่คุณต้องเผชิญมาในอดีต อย่าทิ้งทุกอย่างเพียงเพราะผู้ชายคนเดียวสิ!”
ชายหนุ่มห้ามฉินหงเหยียนได้สำเร็จ แต่กลับทำให้หล่อนรู้สึกผิดมากกว่าเดิม
……
ร้านอาหารฮัวชิงกู่
“ชายหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่นี่มีความเป็นมายังไง? ทำไมพูดแค่ประโยคเดียวก็ทำให้ประธานหญิงคนนั้นออกไปจากร้าน?”
“เหมือนว่าจะสามารถปั่นหุ่นได้ น่าจะเป็นพวกลูกคนรวย!”
“พวกลูกคนรวยแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะกล้าพูดตรงไปตรงมาแบบนี้ได้ยังไง? ฉันว่าอย่างน้อยเขาต้องมีทรัพย์สินอย่างน้อยร้อยล้าน!”
“น้อยไป ฉันว่าอาจจะมีห้าร้อยล้านนู่น!”
“ห้าร้อยล้าน! แม่ง ใช้เงินทั้งชีวิตก็ไม่หมดหรอก”
พวกแขกคนอื่นๆ ในร้านอาหารต่างก็ถกเถียงกัน
พวกเขาต่างก็เป็นคนทั่วๆ ไปมีเงินเดือนสี่ห้าพันหยวนเท่านั้น จึงไม่รู้เรื่องของโลกคนมีเงินมากมายนัก
ในสายตาพวกเขาเงินร้อยล้านก็ถือว่าเป็นจำนวนตัวเลขมหาศาลแล้ว
ส่วนหลักแสนล้านนั้นพวกเขาไม่กล้าจะคิดถึง รู้สึกว่าอยู่ไกลความจริงมากเกินไป
ทว่าแสนล้านสำหรับคนที่อยู่ในครอบครัวแบบเย่เฉินและหลิ่วอวี่เจ๋อแล้ว นี่เป็นจำนวนตัวเลขที่พวกเขาแบมือขอก็ได้มาอย่างง่ายดาย
หลังจากที่ฉินหงเหยียนไปแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อก็เดินมาหาเย่เฉินอย่างลำพองใจ “เย่เฉินนายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
เย่เฉินย่อมรู้ว่าเดียรัจฉานตัวนี้เป็นใคร!
หมอนี่ก็คือไอ่คนชั่วที่เคยลวนลามภรรยาเขา!
เย่เฉินนึกถึงรูปภาพที่หวังหยวนหยวนเอาให้ตนเองดู ในภาพนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อกอดหวังเจียเหยาเอาไว้ด้วยท่าทางสนิทสนมกันอย่างมาก
เพราะวันนั้นหวังเจียเหยาใส่กระโปรงสั้น ดังนั้นมือขวาของหลิ่วอวี่เจ๋อ เรียกได้ว่าแต๊ะอั๋งต้นขาหญิงสาว!
ในวินาทีนี้เย่เฉินอยากจะตัดมือขวาของหมอนี่ทิ้งจริงๆ!
แต่เย่เฉินรู้ดีว่าตนเองไม่อาจทำเช่นนี้
ความใจร้อนคือสิ่งชั่วร้าย ถ้าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือทุกอย่าง แล้วพาตัวเองตกที่นั่งลำบากแล้วนั้น ไม่ใช่ทางเลือกของปัญญาชน
เย่เฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร ฟางเชาก็เดินมาอย่างลำพองใจ
“เย่เฉิน แหกตาดูให้ชัดๆ นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉัน ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลหลิ่วเมืองเทียนไห่ ต่อให้นายเองก็เคยเป็นประธานบริษัทมาช่วงหนึ่งก็น่าจะรู้ถึงความเก่งกาจของตระกูลเขาแล้วใช่ไหม?”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวว่า “เย่เฉินเดิมทีเราไม่รู้จักกัน ฉันไม่ได้มีความจำเป็นอะไรให้รังแกนายให้ล้มละลาย แต่ในเมื่อนายกล้าพูดจาทำนองว่า ‘ชอบเล่นกับผู้หญิงเมืองเทียนไห่’ นายว่าฉันควรซ้อมนายไหมล่ะ!”
เย่เฉินถลึงตามองฟางเชาแล้วจึงกล่าวว่า “ผมไม่เคยพูดจาแบบนี้มาก่อน”
ดูท่าแล้วฟางเชาไปที่เทียนไห่ก็เพื่อล้างแค้นเย่เฉิน คงใส่ไฟว่าร้ายเขาไปไม่น้อย
เขากล่าวเช่นนี้ก็เพื่อยั่วโมโหคนตระกูลหลิ่ว ให้พวกเขาออกหน้าก็แค่นั้น
ฟางเชากระวนกระวาย เขารีบร้อนชี้เย่เฉิน “นายพูดเองกับปาก! ฉันได้ยินเองกับหู! เย่เฉินแกมันไอ้คนตาขาว กล้าพูดแต่ไม่กล้ารับ! เหอะๆ หรือเพราะตอนนี้แกไม่ใช่ประธานบริษัทแถมยังโดนขับออกจากตระกูลใช่ไหมล่ะ รู้ตัวแล้วล่ะสิว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูกพี่ลูกน้องของฉัน ไม่กล้าล่วงเกินตระกูลหลิ่วดังนั้นถึงไม่กล้ายอมรับ? แกยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหมเนี่ย!”
เย่เฉินปรายตามองฟางเชาด้วยแววตาอำมหิต “ผมเย่เฉินไม่ว่าจะเป็นยาจกหรือประธานบริษัท ผมไม่เคยไม่ยอมรับในสิ่งที่ผมเคยพูด!”
หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าฟางเชาอาจจะกุเรื่องนี้ขึ้น
ทว่าตอนนี้เขาเป็นพวกเดียวกับฟางเชา เขาจะว่าอีกฝ่ายไม่ได้
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ดี ต่อให้นายไม่เคยพูดแบบนี้ แต่อาฉันหลิ่วหรูซืออยูกับนายที่วิลล่าทั้งคืนไม่ใช่เหรอ นอนกับนายแล้วไม่ใช่หรือไง! นายอายุยังไม่ถึงสามสิบ แต่กลับโอหังนอนกับญาติผู้ใหญ่ของฉัน! นายว่านายสมควรตายไหม!”
เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “อาของนายอยู่กับฉันทั้งคืนก็จริง แต่ฉันไม่ได้นอนกับหล่อน อีกอย่างนะฉันไม่ได้บอกให้หล่อนอยู่ด้วย แต่อานายเสนอตัวจะอยู่กับฉันทั้งคืนเอง”
ฟางเชารู้สึกเสียหน้าอย่างมากเมื่อเห็นว่ามีคนได้ยินอีกมาก!
“นาย…นายพูดเหลวไหล! นายนอนกับแม่ฉันแถมยังมีหน้ามาบอกว่าแม่ฉันเสนอตัวนอนกับนาย! ฉันจะฆ่าแก!”
ด้วยโทสะฟางเชาจึงเหวี่ยงหมัดเข้าที่หน้าเย่เฉิน!
หมัดของคนทั่วไปจะโดนเย่เฉินได้ยังไง?
เย่เฉินเอี้ยวตัวหลบหมัดของฟางเชาได้อย่างง่ายดาย
ฟางเชาไม่ยอมแพ้เขายังพยายามจะต่อยเย่เฉินต่อ
แต่ว่าต่อยอีกฝ่ายติดต่อกันสิบหมัดก็จริง แต่ก็ไม่โดนเย่เฉิน
“แม่ครับ คุณน้าคนนี้เขาต่อยอากาศทำไมเหรอครับ? ยุงเหรอครับ?”
“ฮ่าๆ…”
คำพูดคำจาของเด็กหญิงวัยสี่ห้าขวบในในร้านอาหาร ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่ได้ยินหัวเราะครืนออกมา
ฟางเชารู้สึกขายหน้าอย่างมาก จึงไม่ได้พยายามต่อยอีกฝ่ายอีก แต่คว้าเก้าอี้ในร้านส่งๆ แล้วฟาดเย่เฉิน!
เก้าอี้ในร้านอาหารล้วนแต่เป็นเก้าอี้มีพนักทำจากไม้ที่ทั้งใหญ่ทั้งหนัก
เย่เฉินย่อมหลบได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าตอนนี้คนที่กำลังทานอาหารในร้านมีมากและมีเด็กอยู่เยอะ
ด้านหลังเย่เฉินเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก โดยเป็นลูกสาวในวัยประมาณห้าขวบ
ถ้าหากว่าเย่เฉินหลบเก้าอี้จะไปฟาดโดนเด็ก
ด้วยน้ำหนักและขนาดของเก้าอี้บวกกับแรงของเย่เฉิน จะต้องทำให้เด็กบาดเจ็บมากแน่ๆ
ดังนั้นเย่เฉินจึงไม่ได้หลบ แต่ใช้แขนป้องเอาไว้
โครม
เก้าอี้ฟาดลงใส่ตัวเย่เฉิน
“โอ้ย!”
จนถึงตอนนี้บรรดาแขกเหรื่อที่กำลังมุงดู ต่างก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ววิ่งออกไปนอกร้าน
ฟางเชาอาศัยช่วงเวลาที่วุ่นวายหยิบเก้าอี้ตัวที่สองขึ้นมาตั้งใจจะฟาดใส่เย่เฉิน !
โครม!
เย่เฉินใช่ร่างกายบังอีกครั้ง
“เหอะๆ หมอนี่ไม่กล้าเอาคืน”
หลิ่วอวี่เจ๋อยิ้มกว้าง แล้วหยิบเอาส้อมคันหนึ่งมาจากโต๊ะเอาไว้ในมือ
ฟางเชาชี้ฉินหงเหยียนอย่างโมโห “ฉินหงเหยียน! แกกล้าสอนฉันเหรอ? มีสิทธิ์มาสอนฉัน! แกมันเป็นตัวอะไร!”
บวกกับที่ก่อนนี้ฟางเชาเคยโดนฉินหงเหยียนตบเขาที่ห้องทำงานของหล่อน รวมๆ ไปแล้วเขาโดนหญิงสาวตบหน้ามาสามครั้งแล้ว
เขาจึงหวาดกลัวหญิงสาวผู้นี้จับใจ
ฉินหงเหยียนวางมาด หล่อนกล่าวพลางปรายตามองลงมา “ฉันคือคนอาวุโสเท่าพ่อนาย นายเด็กกว่าฉันรุ่นหนึ่ง ทำไมฉันจะสั่งสอนนายไม่ได้! แล้วอีกอย่างนะนายรู้ไหมพ่อนายน่ะเวลาอยู่ต่อหน้าฉันเลียแข้งเลียขาฉันจะตาย นายยังกล้าถามว่าฉันเป็นตัวอะไรเหรอ?”
พอได้ยินคำพูดที่วางท่าของฉินหงเหยียนแล้ว แขกในโต๊ะอื่นๆ ก็พากันเยาะเย้ยฟางเชา
สิ่งที่ฉินหงเหยียนพูดนั้นถูกต้อง หล่อนที่เป็นผู้บริหารหญิงที่สวยที่สุดในอวิ๋นโจว เจ้าของกิจการจำนวนมากต่างก็แสนจะต่ำต้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว
ก่อนนี้ตอนที่ตระกูลฟางยังไม่ล้มละลาย ฟางเสียนจู่ก็ยังอ่อนน้อมถ่อมตัวเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินหงเหยียน
ทั้งประจบประแจงเอาใจ ให้ของกำนัล นัดกินข้าว เรื่องพวกนี้ฟางเชาเองก็เห็นเองกับตา
และเพราะฉินหงเหยียนพูดเรื่องจริง ดังนั้นฟางเชาจึงไม่กล้าเถียงหญิงสาว โดนหล่อนดูถูกก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
เย่เฉินมองฉินหงเหยียน เขาส่งยิ้มและผงกศีรษะให้หล่อนน้อยๆ เพื่อแสดงความขอบคุณ
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” เย่เฉินถาม
ฉินหงเหยียนเองก็ส่งยิ้มให้เย่เฉินน้อยๆ
เย่เฉินในตอนนี้ไม่ใช่หัวหน้าของหล่อนอีกต่อไป
ในทางกลับกันฉินหงเหยียนเป็นประธานบริษัทมหาชน แต่เย่เฉินเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป
ทว่าแววตาที่ฉินหงเหยียนมองมาที่เย่เฉินนั้น ยังเต็มไปด้วยความนับถือและรักใคร่เช่นเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น
เวลานี้เย่เฉินถึงได้พบว่าดวงตาของฉินหงเหยียนยังงดงามเหมือนเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ดวงตาของหล่อนมีเขา…
ฉินหงเหยียนกล่าวเสียงเรียบ “มาเป็นเพื่อนลูกค้า เขาชอบอาหารของที่นี่”
ในเวลานี้ซ่งหงเย่และหวังเจียเหยาสบตากันด้วยความผิดหวัง
“น่าตายจริงๆ ฉินหงเหยียนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”
ซ่งหงเย่โอดครวญเสียงเบา
พอจะมองออกว่าฉินหงเหยียนข่มฟางเชาที่อวดดีได้อยู่หมัด
ถ้าหากว่าฟางเชาไม่หาเรื่องเย่เฉินต่อ อย่างนั้นแล้วพวกเขาก็จะไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะทดสอบว่าเย่เฉินโกหกหรือไม่
ฉินหงเหยียนซาบซึ้งใจในตัวเย่เฉินอย่างมาก ดังนั้นวันนี้เมื่อเขาเกิดเรื่อง หล่อนจะต้องช่วยจนสุดความสามารถ
ฉินหงเหยียนมองฟางเชาอีกครั้งแล้วกล่าว “ไสหัวกลับบ้านายไปเถอะ อย่ามาทำตัวน่าขายหน้าแถวนี้เลย เย่เฉินเป็นคนของฉัน ตอนนี้ฉันเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ถ้านายคิดว่าตระกูลฟางของนายตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันได้ล่ะก็ ลองดูก็ได้”
“สุดยอด สาวสวยขนาดนี้เป็นประธานบริษัทเลยเหรอเนี่ย?”
“อายุยังน้อยแบบนี้ก็เป็นประธานบริษัทแล้วเหรอ? ดูไปแล้วน่าจะอายุแค่ 27-28 เองล่ะมั้ง? หรือว่าจะอายุ 30-40 แล้วแต่ดูแลตัวเองดีเหรอ?”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปสมัครเป็นรปภ.ที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป!”
ผู้หญิงสวยๆ อย่างฉินหงเยียน แค่เดินในห้างสรรพสินค้าก็ทำให้คนต้องหันมองแล้ว
ตอนนี้เมื่อคนอื่นรู้ว่าหล่อนเป็นประธานบริษัทก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มทั้งหลายพ่ายแพ้อยู่ใต้ฝ่าเท้าหล่อน ส่วนหญิงสาวทั้งหลายก็อิจฉาหล่อน
ทว่าในตอนที่ทุกคนกำลังดื่มด่ำกับการเห็นคนสวยๆ อย่างฉินหงเหยียนจัดการความวุ่นวายอยู่
ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง จู่ๆ ก็เดินผ่านมา
“ใครคือประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป?”
เย่เฉิน หวังเจียเหยาและซ่งหงเย่ต่างก็มองไปทางเสียงนั้น
แววตาหวังเจียเหยาและซ่งหงเย่วูบไหวทันที
คนที่มาก็คือหลิ่วอวี่เจ๋อ!
ใบหน้าเก้อเขินของฟางเชาก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมา
ถึงแม้ว่าฟางเชาและหลิ่วอวี่เจ๋อมาถึงอวิ๋นโจวต่อๆ กัน ทว่ากลับมาที่ห้างสรรพสินค้าของต้าเยว่เฉิงด้วยกัน
ที่เมื่อครู่หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ออกหน้าเพราะเขาอยากให้ฟางเชาเริ่มก่อน
เห็นเย่เฉินคนขี้ขลาดไม่ยอมลงมือทำร้ายฟางเชาสักที คิดไม่ถึงว่าจะอาศัยผู้หญิงแล้วเขาก็รอดตัวเสียอย่างนั้น
หลิ่วอวี่เจ๋อไม่หวาดกลัวเขาอีกต่อไปและออกหน้าเอง
หลิ่วอวี่เจ๋อเดินมาตรงหน้าฉินหงเหยียนแล้วมองประเมินอีกฝ่าย แววตาฉายแววตกตะลึงก่อนจะถาม
“คุณคือฉินหงเหยียนประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปคนใหม่เหรอ?”
ฉินหงเหยียนรู้สึกว่าชายตรงหน้านี้ออกจะหน้าคุ้นๆ อยู่หน่อยๆ เหมือนกัน แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหนจึงเอ่ยถาม
“คุณคือ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วน “อ่อง่ายๆ เลยผมก็คือหลิวอวี่เจ๋อที่เป็นคนปั่นหุ้นบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ”
“อะไรนะ?!”
พอได้ยินเรื่องนี้ฉินหงเหยียนก็หวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาความวุ่นที่เกิดขึ้นกับบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเป็นฝีมือหลิ่วอวี่เจ๋อ
ถึงขนาดที่ทำให้เย่เฉินต้องโดนที่บ้านตำหนิและโดนปลดจากตำแหน่งประธานบริษัทเพราะเรื่องนี้
หลิ่วอวี่เจ๋อเหล่มองเรือนร่างและวงหน้างดงามของฉินหงเหยียนไม่หยุด กล่าวพลางทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นโจวที่เป็นพื้นที่ด้อยพัฒนาแบบนี้จะมีผู้หญิงสวยสุดยอดแบบนี้…หาได้ยากจริงๆ”
หน้าหวังเจียเหยาเปลี่ยนสีน้อยๆ แล้วจิบชาอึกใหญ่
หล่อนย่อมรู้ว่าสาวสวยอีกคนที่หลิ่วอวี่เจ๋อพูดถึงก็คือหล่อน
หวังเจียเหยาสามารถสนิทสนมกับหลิ่วอวี่เจ๋อได้ในที่ส่วนตัว
แต่ตอนนี้สามีของหล่อนก็อยู่ด้วย หล่อนทำได้เพียงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา
หลิ่วอวี่เจ๋อคิดในใจ “เย่เฉินคนสารเลวคนนี้ดวงดีมากทีเดียว มีภรรยาก็เป็นคนสวยที่มีในรอบพันปี ในบริษัทก็มีลูกน้องสวยๆ อย่างฉินหงเหยียน”
หลิ่วอวี่เจ๋อมองฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “คุณฉิน คุณนี่บ้าดีเดือดใช้ได้เลยนะ ใช้สถานะประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปมาข่มลูกพี่ลูกน้องผม แถมยังพูดด้วยว่า ‘ถ้าคิดว่าตระกูลฟางกล้ามีปัญหาก็ลองดู’อะไรทำนองนี้ด้วยน่ะ ฮ่าๆ ตระกูลฟางอาจจะไม่กล้า แต่ตระกูลหลิ่วของผมไม่มีปัญหานะ! เดิมทีพอเย่เฉินออกจากตำแหน่งประธานบริษัทแล้ว ผมตั้งใจว่าจะไม่เล่นงานบริษัทคุณแล้ว แต่ในเมื่อวันนี้คุณแส่หาเรื่อง อย่างนั้นก็อย่าโทษที่ผมจะเล่นงานบริษัทคุณอีกครั้งเอาให้พวกคุณล้มละลายไปเลย! พอถึงตอนนั้นผมก็อยากจะดูว่าคุณจะเป็นประธานต่อยังไง!”
คำพูดของหลิ่วอวี่เจ๋อกระแทกเข้ากลางใจฉินหงเหยียน
หล่อนที่วางท่าโอหังมาตลอดไม่กล้าพูดอะไร
หล่อนรู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อมีศักยภาพทำให้หล่อนไม่มีอะไรเหลือแน่ เขาสามารถทำให้ทั้งบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปล่มสลายหายไป!
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางยิ้ม “คุณผู้หญิง ขอแค่คุณไปเดี๋ยวนี้ เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ ผมจะปล่อยบริษัทคุณไป คุณก็จะได้เป็นท่านประธานของคุณต่อ ว่ายังไงล่ะ?”
ฉินหงเหยียนกัดริมฝีปาก หล่อนเกลียดการโดนคนขู่เป็นที่สุด เกลียดคนทำเรื่องสกปรก!
แต่ว่าบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปไม่ใช่บริษัทของหล่อนเพียงคนเดียว
หากวันนี้เพราะหล่อนทำให้บริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นทั้งหมดต้องโทษหล่อนแน่!
เย่เฉินรู้ว่าฉินหงเหยียนจะลำบาก จึงรีบลุกขึ้นคว้าแขนฉินหงเหยียนลากหล่อนไปที่ประตูแล้วกล่าว
“หงเหยียนวันนี้ได้เจอคุณ ผมดีใจมากเลย คุณไปเถอะ ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้หรอก”
ฉินหงเหยียนย่อมไม่ยินยอม “จะทำอย่างนั้นได้ยังไง คุณแต่งตั้งให้ฉันเป็นประธานบริษัท วันนี้คุณมีเรื่องฉันจะไม่ช่วยได้ยังไง อย่างมากก็ไม่เป็นมันก็ได้ประธานบริษัทเนี่ย!”
เย่เฉินมองฉินหงเหยียนอย่างซาบซึ้งใจ “หงเหยียนผมรู้ว่าที่คุณพยายามมาหลายปี ทุ่มเทไปก็มากกว่าจะมีวันนี้ได้ ถ้าคุณต้องเสียสละทั้งหมดนี้เพื่อผม มันไม่คุ้มกันหรอก อีกอย่างตอนนี้คุณเป็นประธานบริษัทก็ต้องคิดถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นคนอื่น เชื่อผมคุณไปเถอะ ผมไม่เป็นอะไรหรอก”
เย่เฉินผลักฉินหงเหยียนเบาๆ จนหล่อนออกไปนอกร้านอาหาร
ฉินหงเหยียนกัดฟันกรอดแล้วเดินไปหน้าประตูลิฟต์ชั้นแรก เดินเข้าไปในลิฟต์กดชั้น ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง น้ำตาของฉินหงเหยียนก็ร่วงออกมา
“ขอโทษด้วยนะเย่เฉิน”
เป็นไปตามที่คาดเมื่อคนล้มก็มีคนรอกระทืบซ้ำ!
ฟางเชาเคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก่อน หลังจากที่บ้านเขาล้มละลาย เพื่อนพี่น้องในสมัยก่อนที่เคยคบหากันของเขาก็ไม่สนใจใยดีเขา
ดังนั้นเขาถึงเชื่อในสิ่งที่ซีกวาพูด
ซีกวาจึงถามว่า “ฟางเชาฉันได้ยินเรื่องเย่เฉินกับแม่นาย อยากล้างแค้นเขาล่ะสิ? ไปเลยกลัวอะไร ฉันไม่ขวางนายหรอก ถ้านายขาดคนก็มายืมคนจากฉันได้นะเป็นนัก แต่ว่าราคาน่ะแพงนิดหน่อยนะ ฮ่าๆ”
ฟางเชากล่าว “ขอบคุณครับพี่กวา ถ้าจำเป็นต้องใช้ผมจะมาหาพี่แน่นอน! ถ้าถึงอวิ๋นโจวแล้วผมค่อยเชิญพี่ไปดื่มเหล้า!”
วางสายเสร็จแล้วฟางเชาถึงได้ขับรถออกจากจุดที่พักรถอย่างรวดเร็ว
“เย่เฉิน วันนี้ฉันจะซ้อมนายเอาให้เละเลย!”
……
เที่ยงวัน ณ ร้านอาหารฮัวชิงกู่ ห้างสรรพสินค้าต้าเยว่เฉิง เมืองอวิ๋นโจว
เย่เฉิน หวังเจียเหยา ซ่งหงเย่กำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน
เพราะว่าร้านอาหารร้านนี้อยู่ในห้างสรรพสินค้าต้าเยว่เฉิง ส่วนห้างสรรพสินค้าสาขานี้ถึงจะไม่เหมือนสาขาที่เมืองหลวงที่สามารถเจอดาราอยู่ตลอดเวลา
แต่ก็มีบูทีคแบรนด์เนมมากมายเช่นดิออร์ เคลวินไคลน์ สวารอฟสกีเป็นต้น
บวกกับสภาพแวดล้อมที่นี่ดีมาก หน้าประตูประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สดจึงดึงดูดลูกค้าวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี
ในร้านอาหารนอกจากโต๊ะของเย่เฉินแล้ว โต๊ะอื่นนั้นสั่งอาหารกันเต็มโต๊ะไปหมด
เย่เฉินกำลังชิมแพนเค้กอยู่ ทันใดนั้นเองก็มีคนหน้าตาคุ้นๆ ปรากฏขึ้นในครรลองสายตา
และเป็นศัตรูความรักที่ไม่ได้พบกันนานแล้ว
ฟางเชา!
“ฮ่าๆ คุณเย่ นานแล้วไม่ได้เจอกัน!”
ฟางเชาเดินมาหาเขา
เย่เฉินรู้ว่าไม่มีทางบังเอิญได้แบบนี้ที่พวกเขาสองคนจะมาพบกัน แต่เป็นหวังเจียเหยาและซ่งหงเย่จงใจบอกให้ฟางเชาได้รู้
พวกหล่อนสองคนต้องการให้ฟางเชากับหวังเจียเหยาได้พบหน้ากัน เพื่อดูว่าเย่เฉินจะล้างแค้นฟางเชาหรือไม่
และจะได้ทดสอบว่าเย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลจริงหรือไม่
เย่เฉินมองฟางเชา แววตาโหดเหี้ยม เขาพลันนึกถึงคลิปเสียงในอีเมลล์นิรนามนั้น
พอนึกถึงวันนั้น นึกถึงเรื่องที่พวกเขาสองคนทำด้วยกัน ก็อยากจะตีเขาให้ตาย!
แต่เย่เฉินรู้ว่าตนเองทำแบบนี้ไม่ได้
ต่อให้เขาบ้าคลั่งขนาดไหนก็ไม่กล้าฆ่าคนให้ตายในร้านอาหารกลางห้าง ท่ามกลางสายตาคนมากมาย
ที่สำคัญที่สุดก็คือคราวนี้เขาจำเป็นต้องสลัดหวังเจียเหยาให้ได้!
ดังนั้นเขาถึงเพียรสะกดโทสะในใจไม่สนใจอีกฝ่ายแล้วกินอาหารต่อ
ทว่าฟางเชากลับเดินตรงมาหาเขา แล้วกวาดแพนเค้กที่เย่เฉินกำลังกินอยู่ลงพื้น!
“กินบ้าอะไรอีก! ฉันกำลังคุยกับนายนะ ไม่ได้ยินหรือไง!”
ฟางเชาตะโกนเสียงดังจนทำให้แขกในร้านคนอื่นหันมามอง
เย่เฉินเองก็รู้สึกแปลกใจ คุณชายเจ้าสำราญอย่างฟางเชา ถ้าให้สู้กันตัวต่อตัวเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฉินด้วยซ้ำ
วันนี้เขากลับไม่เรียกพรรคพวกมา หนำซ้ำหลิ่วอวี่เจ๋อก็ไม่ได้ตามมาด้วย เขามาคนเดียวแล้วเขาบ้าคลั่งอะไร?
หวังเจียเหยารังเกียจคนไร้มารยาทเป็นที่สุดหล่อนพุ่งไปหาฟางเชา “ที่นี่คือร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ฟางเชานายช่วยมีมารยาทหน่อยเถอะ อย่าพูดคำหยาบได้ไหม?”
ฟางเชามองหวังเจียเหยาแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ แหมอดีตภรรยาไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ เธอนี่ยังสวยเหมือนเดิมเลย ฉันอยู่ที่เทียนไห่มานานแต่ก็ไม่เจอคนที่สวยกว่าเธอเลย แต่ว่าเรื่องที่ฉันไม่มีมารยาทเนี่ย เธอน่าจะรู้นานแล้วไม่ใช่เหรอ? วันนั้นที่โรงแรมเจียหัว พวกเราพูดคำหยาบคายกันเยอะเลยนะ ฉันจำได้ว่าเธอชอบฟังมากเลยไม่ใช่หรือไง”
หวังเจียเหยามีสีหน้าขัดเขิน “นาย…หน้าไม่อาย!”
ซ่งหงเย่ดึงเสื้อผ้าหวังเจียเหยาเพื่อเตือนไม่ให้หล่อนอารมณ์เสีย
เป้าหมายหลักวันนี้ก็คืออยากดูท่าทีของเย่เฉิน
เห็นหวังเจียเหยาไม่พูดไม่จา ฟางเชาก็มองเย่เฉินแล้วตะคอกอีกฝ่าย
“เย่เฉินทำไมไม่บ้าแล้วเหรอ? ตอนที่นายมางานแต่งงานฉันเท่มากเลยไม่ใช่หรือไง? แถมยังเป็นผู้บริหารที่ทั้งรวยและมีอิทธิพลมากไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ทำไมไม่เป็นแบบนั้นแล้วล่ะ! หึ เมียนายฉันก็เคยได้มาก่อนแล้ว นายแม่งยังเห็นหล่อนเป็นของล้ำค่า จะให้ฉันสอนนายไหมล่ะว่าทำยังไงให้เมียนายพอใจน่ะ?”
เพี๊ยะ!
เย่เฉินอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาตบโต๊ะด้วยโทสะคว้าฟางเชาเอาไว้ จากนั้นเขากำมืออีกข้างแน่น เตรียมจะสวนเข้าหน้าฟางเชาทุกเมื่อ!
“ได้! มีปัญญาก็ต่อยมาเลย! หมัดละแปดแสน! ฉันจะดูว่านายมีปัญญาชดใช้ให้ฉันไหม! ถ้าทำให้ฉันพิการแกได้ไปนอนเน่าให้ซังเตตลอดชีวิตแน่!”
ฟางเชาเหมือนจะเตรียมตัวมาโดนซ้อมแล้ว เขาถึงขนาดที่ว่าอยากให้เย่เฉินซ้อมเขา
ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็สามารถส่งเย่เฉินเข้าคุกได้
ตามหลักแล้วหวังเจียเหยาที่เป็นภรรยาของเย่เฉิน ตอนนี้หล่อนควรจะเดินเข้ามาห้ามเพื่อปรามไม่ให้เขาใจร้อน
อย่างไรเสียตอนนี้ทุกอย่างต้องดำเนินไปตามครรลองของกฎหมาย แถมยังอยู่ในสายตาคนจำนวนมากด้วย ขอแค่เย่เฉินลงมือเขาจะต้องโดนควบคุมตัวอย่างน้อยเจ็ดวันหรือมากกว่านั้น
แต่เย่เฉินเองก็เป็นคนที่เคยเรียนวิชาป้องกันตัว ทันทีที่ลงมือฟางเชาจะต้องอาการหนักแน่ หากว่าไม่ระวังซ้อมเขาจนพิการแล้ว เย่เฉินก็คงต้องติดคุกอย่างน้อยสิบกว่าปี
ตอนนี้หวังเจียเหยากำลังตั้งท้องลูกของเย่เฉิน ภรรยา คนเป็นแม่ปกติทั่วไปย่อมต้องไม่หวังว่าลูกของตนเอง เพิ่งเกิดมาก็ไม่เคยเจอหน้าพ่อแล้ว
แน่นอนว่าหวังเจียเหยาก็มีปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณคือลุกยืนขึ้นเพื่อห้ามเย่เฉิน
แต่ว่าซ่งหงเย่ที่อยู่อีกฝั่งก็กดหวังเจียเหยาลง ไม่ให้หล่อนลุกขึ้น
เย่เฉินชูมือขวาขึ้นมาขึ้นบนฟ้า มือสั่นระริก แต่ก็ไม่ได้ประทับทาบลงบนใบหน้าฟางเชา
ในเวลานี้แขกที่โต๊ะด้านข้างก็ทนมองต่อไปไม่ไหว
“หมอนี้ป่วยเหรอ? เขากินข้าวของเขาอยู่ดีๆ หมอนี่ก็มาพูดจาหยาบคายใส่อยู่ได้”
“ผู้หญิงสองคนนั้นทำไมไม่ห้ามล่ะ? หนึ่งในนั้นเหมือนจะเป็นภรรยาของคนผู้ชายที่กำลังกินข้าวอยู่ไม่ใช่เหรอ? เป็นภรรยาก็ไม่รู้จักห้าม หรือว่าหล่อนอยากให้สามีตัวเองเข้าคุกนะ?”
ฟางเชาไม่สนใจคำพูดของคนอื่น แต่ก็ยังพุ่งพรวดมาตะโกนใส่หน้าเย่เฉินอย่างหน้าไม่อาย
“เอาเลย! มีปัญญาก็เอาเลย! รอให้แกเข้าคุกอยู่ที่นั่นสักแปดปีสิบปี รอให้ฉันหายก่อนเถอะ จะไปเปิดห้องกับเมียแก ฮ่าๆ!”
ถ้ารู้เรื่องนี้หมอนี่แล้วทนได้ ก็ไม่มีอะไรที่เขาทนไม่ได้อีกแล้ว!
ในฐานะที่เย่เฉินป็นผู้ชาย ต่อให้เกิดอะไรขึ้นเขาก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว!
ทว่าในตอนที่เย่เฉินอยากจะลงมือนั้นเอง
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือที่รุนแรงก็ฟาดลงบนใบหน้าฟางเชาเสียงดัง
แรงที่ฟาดบนหน้าเขารุนแรงจนทำให้เขาล้มลงบนพื้น
เย่เฉินหันมองก็พบว่าไม่ใช่ผู้ชายอกสามศอกที่ไหน แต่เป็นฉินหงเหยียน!
“หงเหยียน…”
เย่เฉินดีใจ หล่อนมาได้ทันเวลาพอดีจริงๆ
“ใคร! ใครแม่งตีฉัน!”
ฟางเชารีบร้อนชันตัวลุกขึ้นจากพื้น
ฉินหงเหยียนก็ฟาดฝ่ามืองบนหน้าเขาอีกครั้ง
เพี๊ยะ!
ฉินหงเหยียนกล่าว “ฟางเชาที่ฉันตบหน้านายไปสองฉาดเนี่ย ฉันสั่งสอนนายแทนพ่อแม่ของนาย! นายมีชีวิตอยู่มายี่สิบกว่าปี แต่ไม่มีมารยาทอะไรเลย คราวก่อนเย่เฉินใจกว้างปล่อยนายไป วันนี้นายได้ทีไล่ขี่แพะพูดจาหยาบคายแบบนี้ไม่รู้สึกมันน่าอายหรือไง”
ฟางเชาคิดไม่ถึงเลยว่าผู้บริหารหญิงอย่างฉินหงเหยียนจะมือหนักขนาดนี้
เขาเอาแต่คิดว่าฉินหงเหยียนเป็นเหมือนผู้หญิงที่อ่อนแอ
ฟางเชาเอามือปิดหน้า แถมยังอยากจะตบหวังเจียเหยากลับด้วย แต่ก็ไม่กล้าจะลงมือทำร้ายฉินหงเหยียน
หากต่อยตีแพ้ผู้หญิงก็คงขายหน้าแย่!
ที่จริงแล้วหวังเจียเหยาไม่เคยชอบฟางเชาเลย ตอนแรกที่ยอมคบหากับเขานั่นก็เพราะฟางเชามีเงินมากกว่าเย่เฉินเท่านั้นเอง
แต่คำพูดของฟางเชาก็ถูกต้อง
หวังเจียเหยาแต่งงานกับใคร คนนั้นก็ซวยจริงๆ
ตอนแรกหล่อนแต่งงานเย่เฉิน หล่อนก็สวมเขาให้เขา
ต่อมาแต่งงานกับฟางเชา ก็ทำให้ตระกูลฟางที่ร่ำรวยเป็นลำดับต้นๆ ของเมืองก็เกือบล้มละลาย
ต่อมาแต่งงานกับเย่เฉินอีกครั้ง ก็ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นยาจกจากประธานบริษัท
จะบอกว่าหล่อนเป็นตัวซวยก็ไม่ได้เกินไป
ฟางเชากล่าวเสียงเหี้ยม “ฉันถามเธอหน่อยสิ หวังเจียเหยา เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลแล้วจริงเหรอ? ไม่ใช่ว่าเขากำลังแสดงละครอยู่อีกหรอกนะ สามีเธอน่ะชอบทำตัวเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยาหลอกลวงให้ศัตรูตายใจเก่งเสียด้วย!”
หวังเจียเหยารู้ว่าฟางเชาอยากจะล้างแค้นเย่เฉินอย่างมากจึงรีบร้อนกล่าว
“คราวนี้จริงแท้แน่นอน วีซ่าของพวกเราโดนยกเลิกไปแล้วนะ ที่โทรหานายคราวนี้ก็เพราะอยากจะบอกนายว่านายกลับมาอวิ๋นโจวได้แล้ว ฉันรู้ดีว่านายกลัวจะโดนพวกนักเลงหัวไม้ของอวิ๋นโจวหาเรื่องเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมเจียหัวคราวนั้นดังนั้นถึงได้หนีไปเทียนไห่ไม่ยอมกลับมา พ่อกับแม่นายก็อยู่อวิ๋นโจว ไม่ได้เจอหน้านายมานานแล้ว พวกท่านคงต้องคิดถึงนายมาก”
ที่ฟางเชารั้งๆ รอๆ ไม่กล้ากลับอวิ๋นโจวก็เพราะกลัวอิทธิพลมืดของเย่เฉิน ซึ่งหวังเจียเหยารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
หวังเจียเหยาจึงบอกเขาว่า “ถ้านายไม่กล้ามาก็ลองถามเพื่อนที่นี่ดูว่าซีกวา หลิวเจิ้งคุนยังติดตามเย่เฉินอยู่ไหมสิ”
หวังเจียเหยาเป็นหญิงสาวที่ดี คนที่หล่อนรู้จักล้วนมีแต่พวกคนมือสะอาด อย่างน้อยๆ ดูจากหน้าที่การงานของพวกเขาก็เป็นเช่นนั้น หล่อนไม่ค่อยรู้จักกับนักเลงหัวไม้เท่าไหร่นัก
ดังนั้นหล่อนจึงอยากจะยืมมือฟางเชามาหยั่งเชิงพวกนักเลงใต้ดินในอวิ๋นโจว ดูว่าพวกซีกวาและหลิวเจิ้งคุนยังเป็นลูกน้องของเย่เฉินหรือไม่
ถ้าหากยังใช่อยู่ล่ะก็จะแปลว่าที่เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหก!
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้หลิวเจิ้งคุนเคยมาหัวเซิ่ง ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขานั้นหวังเจียเหยาเองก็เห็นกับตา
ฟางเชาแค่นเสียงเย็นชา “ฉันไม่โง่นะ ไม่ต้องให้ใครมาเตือนหรอก ฉันจะถามให้รู้เรื่องก่อนถึงจะกลับไป ถ้าผัวเธอมันไม่มีน้ำยาแล้วจริงๆ ฮ่าๆ รอเก็บศพเขาได้เลย!”
“นี่ นายอย่าทำอะไรซี้ซั้วนะ! เฮ้ย…”
หวังเจียเหยารีบร้อนพูดแต่ฟางเชาชิงกดตัดสายไปก่อน
ที่บริเวณด้านนอกประตูเย่เฉินขมวดคิ้วมุ่นแล้วรีบส่งข้อความบอกหลิวเจิ้งคุน “ปล่อยฟางเชากับหลิวเจิ้งคุนเอาไว้ก่อน”
หลิวเจิ้งคุนแทบจะตอบในทันที “รับทราบครับ นายท่าน!”
พ่อบ้านฟาง หลิวเจิ้งคุนย่อมทำตามคำสั่งเย่เฉิน เรื่องาที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น!
แกรก
เสียงลอยออกมาเบาๆ หวังเจียเหยาปิดไฟแล้วเข้านอน
เย่เฉินค่อยๆ กลับมาที่บาร์แล้วนอนราบลงกับโต๊ะบาร์เช่นเดิม
เจ็ดโมงเช้าวันต่อมา เย่เฉินสะลึมสะลือเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังตบหน้าตนเองอยู่
“ที่รัก ที่รัก…”
เมื่อครู่เย่เฉินนอนหลับไปจริงๆ เมื่อเขาเปิดตาสองข้างก็พบวงหน้าที่งดงามนั้น
หลังจากที่เย่เฉินตื่นแล้ว เขาก็หันมองโต๊ะบาร์รอบๆ แล้วกล่าวถาม “ทำไมผมถึงมานอนที่นี่?”
หวังเจียส่ายหน้าพลางกล่าว “ดื่มเยอะไปน่ะสิ? นอนตรงไหนก็ลืมไปหมดแล้ว เมื่อวานเรียกยังไงนายก็ยอมตื่น ดึงนายยังไงก็ไม่ยอมลุกเลย นายสบายดีอยู่ใช่ไหม?”
เย่เฉินส่ายหน้า “ผมเป็นคนออกกำลังกาย ไม่ได้ป่วยง่ายแบบนั้น”
เห็นหวังเจียเหยาตื่นนอนแล้ว เย่เฉินลุกขึ้นจากโต๊ะบาร์โดยสัญชาตญาณทันที “ผมจะไปทำน้ำผสมน้ำผึ้งให้นะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันดื่มน้ำแล้ว”
หวังเจียเหยารั้งเย่เฉินเอาไว้
“ดื่มไปแล้วเหรอ? คุณทำเองเหรอ?” เย่เฉินหันมองหวังเจียเหยา
หวังเจียเหยาผงกศีรษะ “อืม ฉันเห็นนายเสียใจขนาดนั้น แถมดื่มเหล้าไปตั้งเยอะ ฉันก็เลยชงดื่มเอง ต่อไปนายก็ไม่ต้องชงให้ฉันทุกวันก็ได้ ฉันตื่นเช้าชงเองก็ได้”
วินาทีนี้เย่เฉินก็นิ่งไป
สามปีก่อนต่อให้เป็นตอนที่เย่เฉินไม่สบาย หล่อนก็ยังยืนกรานให้เขาชงน้ำผสมน้ำผึ้งให้หล่อนดื่ม
ไม่ใช่เพราะหล่อนใจร้าย ไม่รู้จักเห็นใจเขา
แต่เพราะหล่อนบอกว่าการดื่มน้ำผสมน้ำผึ้งที่สามีผสมให้ด้วยตัวเอง เป็นความสุขเกินบรรยาย
หนำซ้ำการชงน้ำผสมน้ำผึ้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้นก็เสร็จเรียบร้อย
ที่สำคัญเลยก็คือธรรมเนียมนี้คือการแสดงความรักอย่างหนึ่ง
ทว่าวันนี้หล่อนกลับบอกเขาว่าต่อไปนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่เป็นเหมือนการแสดงความรักของพวกเขาอีกแล้ว
เย่เฉินเดาได้ว่าเพราะอะไร
หวังเจียเหยาอยากจะค่อยๆ ทำความเคยชินกับชีวิตที่ไม่มีเขา นั่นเพราะหล่อนเตรียมตัวหย่าแล้ว
หวังเจียเหยาเริ่มมีความคิดอยากจะหย่ากับเย่เฉิน ขาควรจะดีใจถึงจะถูก แต่เขากลับรู้สึกใจสลาย
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็เปิดปากถาม “ที่รักตอนนี้ผมโดนขับออกจากตระกูลแล้ว ไม่มีวุฒิม.ปลายในประเทศด้วยซ้ำ ต่อไปคงหางานทำยาก คุณคงไม่รักผม ไม่ต้องการผมแล้วใช่ไหม?”
หวังเจียเหยาได้ยินแบบนี้ ในใจพลันเศร้าโศก ดูถูกเขาอย่างมาก
ลูกผู้ชายอกสามศอกกลับพูดจาถ่อมตัวจนตัวเองต่ำต้อยเช่นนี้
ทว่าปากหวังเจียเหยากลับว่า “ไม่มีทางหรอก ที่รักอย่าคิดมากสิ ตอนบ่ายหงเย่นัดพวกเราไปกินข้าว นายนอนต่ออีกหน่อยเถอะ ซักสิบโมงเราค่อยออกบ้านกันดีไหม?”
“ครับ”
เย่เฉินจึงกลับไปงีบต่อในห้อง
ในตอนนี้ฟางเชากำลังขับรถกลับอวิ๋นโจวแล้ว เขาอยู่ในบริเวณพื้นที่พักรถในทางด่วนสุดท้ายก่อนถึงเขตเมืองของอวิ๋นโจว
เขาจอดในพื้นที่จอดรถไม่กล้าไปต่อ แต่เลือกที่จะโทรหาซีกวาก่อน
“พี่กวาครับ สวัสดีครับ ไม่ได้รบกวนพี่ใช่ไหมครับ?”
ฟางเชาถามด้วยใบหน้าเคารพนับถือ
“ใคร?”
ซีกวากำลังกินปาท่องโก๋และโจ๊กที่ร้านริมทาง
“ผมคือเสี่ยวเชาครับผม!” ฟางเชาลดสถานะตนเอง
ซีกวาหงุดหงิด “ใครจะแม่งรู้ว่าแกเป็นเสี่ยวเชาคนไหน บอกชื่อเต็มมาสิ!”
“ฟางเชา! ผมคือฟางเชา! พ่อผมคือฟางเสียนจู่ พวกเราเคยเจอกันไงครับ!” ฟางเชาละลั่กละล่ำตอบ
ซีกวาเช็ดคราบโจ๊กบนปากลวกๆ พาตัวเองมาหาเขาถึงที่ง่ายๆ เลยทีเดียว
เย่เฉินสั่งเอาไว้ว่าต้องการให้ฟางเชากลายเป็นผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่เชิง ดังนั้นในช่วงนี้พวกเขาค้นหาตัวฟางเชาทั้งอวิ๋นโจวแต่ก็หาไม่เจอ
คิดไม่ถึงว่าฟางเชาจะเป็นฝ่ายมาหาตนเอง!
ทว่าเมื่อวานหลิวเจิ้งคุนสั่งเอาไว้บอกว่าอย่าเพิ่งทำร้ายฟางเชาและหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นการชั่วคราว
ดังนั้นท่าทีที่ซีกวาปฏิบัติต่อฟางเชาจึงเป็นมิตรอย่างยิ่ง “ที่แท้ก็คุณชายฟางนี่เอง! ไม่เจอกันนานเลยนะไปทำมาหากินที่ไหนล่ะครับ? ไว้มีโอกาสช่วยแนะนำงานให้เด็กๆ หน่อยสิ เด็กมันต้องกินต้องใช้”
ฟางเชาเห็นซีกวาปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าน่าจะคุยกับเขาได้ “พี่กวาผมถามอะไรหน่อยสิ พี่ยังเป็นลูกน้องเย่เฉินอยู่ไหม?”
ซีกวากล่าว “คุณเย่น่ะเหรอ? ไม่ได้ดูข่าวเหรอ! เขากลายเป็นยาจกไปตั้งนานแล้ว! ฉันไม่ได้อยู่กับหมอนั่นนานแล้ว!”
“จริงเหรอ?” ฟางเชาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ซีกวากล่าวอธิบาย “ฉันจะหลอกนายทำไม? นายลองคิดดูนะ ฉันน่ะเป็นคนของท่านหลิวไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเย่เฉินสักหน่อย? ท่านหลิวก็ติดตามท่านฟาง ตอนนี้ท่านฟางไม่นับเย่เฉินไปนายแล้ว หนำซ้ำตอนนี้ตัวเขาเองก็ไปอังกฤษแล้วด้วย ท่านหลิวเองก็ไปแล้ว ตอนนี้ในอวิ๋นโจวฉันเป็นคนคุม ฮ่าๆ!”
ใบหน้าของฟางเชาที่ยืนอยู่ในจุดพักรถระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เป็นสามีภรรยากันมาสามปี นอกจากตอน‘หย่ากันปลอมๆ’ ที่เย่เฉินเฉยเมยใส่หล่อนแล้ว
ในช่วงเวลาอื่นไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่ดูแลเอาใจใส่หญิงสาวอย่างเต็มที่?
แล้วที่หวังเจียเหยาปฏิบัติต่อเขาล่ะ?
นอกจากช่วงเวลาในอดีตที่ผ่านมา ตอนที่เย่เฉินเป็นประธานบริษัทนั้นหวังเจียเหยามักจะโอนอ่อนไปกับเขา
ท่าทีของหล่อนในเวลาอื่นนั้นเป็นเหมือนคนละคน!
ตอนนี้เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลแล้ว หวังเจียเหยาก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม!
“หล่อนรักฉันจริงเหรอ? ถ้าไม่รักแล้วทำไมถึงจำเพลงที่ฉันเคยร้อง ของที่ฉันชอบด้วย? ถ้ารัก ทำไมตอนที่ฉันตกอับ ถึงได้เยาะเย้ยฉันแบบนี้ล่ะ?”
ในตอนที่ธุรกิจและการงานของสามีตนเองตกต่ำย่ำแย่ คนเป็นภรรยาควรจะให้กำลังใจและปลอบโยนไม่ใช่เหรอ?
ในตอนที่เย่เฉินกำลังเสียใจอยู่นั้นเอง หวังเจียเหยาก็เดินเข้าไปห้องนอน
เดินมาที่เตียงนอน หวังเจียเหยาพิงหมอน แล้วกดโทรหาซ่งหงเย่
“หงเย่ เธอนอนหรือยัง?”
เย่เฉินที่นอนแผ่ไปบนโต๊ะบาร์ในห้องนั่งเล่น ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเย่เฉิน
ดังนั้นเย่เฉินจึงชันตัวลุกขึ้นมาจากบาร์ ย่องเท้าเปล่าไปยังห้องนอนของหวังเจียเหยาเพื่อแอบฟัง
หวังเจียเหยาไม่ได้ปิดประตูสนิทนักหล่อนแง้มประตูไว้เล็กน้อย
เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้ไม่เพียงแต่ได้ยินเสียงอย่างชัดเจน แต่ยังสามารถมองอีกฝ่ายผ่านรูประตูได้ด้วย
ซ่งหงเย่กล่าวว่า “รู้ว่าเธอต้องโทรหาฉันแน่ ฉันยังไม่นอน สรุปเธอเป็นยังไงบ้าง? สามีเธอติดต่อคุณปู่เขาได้ไหม?”
หวังเจียเหยากล่าว “ไม่ได้ วีซ่าของเย่เฉินกับฉันโดนยกเลิกไปแล้ว ดูไปแล้วคุณปู่จะตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าไม่อยากจะนับญาติกับหลานชายคนนี้อีกต่อไป เมื่อครู่เย่เฉินเพิ่งจะดื่มเหล้าเมามายจนเสียใจ ตอนนี้ยังนอนแผ่อยู่ในห้องรับแขก”
ซ่งหงเย่ “เจียเหยาฉันว่าเธอเตรียมตัวเอาไว้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็หย่ากับเย่เฉินเถอะ หลิ่วอวี่เจ๋อชอบเธอมากขนาดนี้ อีกอย่างบ้านเขาร่ำรวยมีทรัพย์สินแสนล้านไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเย่เลยนะ”
หวังเจียเหยาถอนหายใจ “เฮ้อ ฉันกับเย่เฉินรักกันมาสามปีอีกแถมยังมีลูกด้วยกัน คิดจะหย่าก็หย่าเลยได้ที่ไหน? อีกอย่างคุณย่าเองก็ไม่เห็นด้วยแน่ ฉันกลัวว่าถ้าฉันเกิดหย่าขึ้นมาแล้วพบว่าเรื่องที่เขาโดนขับออกจากตระกูลเป็นแค่การแสดงจะทำยังไง? เขาเองก็ไม่ได้แกล้งจนเป็นครั้งแรกด้วยนะ”
หวังเจียเหยาเคยหย่ากับเย่เฉินมาครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าครั้งนั้นจะไม่มีผลทางกฎหมายก็จริง แต่ก็ทำให้หล่อนได้เรียนรู้แล้ว
ดังนั้นหล่อนในตอนนี้จึงไม่กล้าขอหย่ากับเย่เฉินง่ายๆ อีก
สมมติถ้าหย่ากันไปแล้ว เย่เฉินกลายเป็นท่านประธานอีกครั้ง ตนเองก็จะกลายเป็นคนโง่ไม่ใช่หรือไง?
ซ่งหงเย่กล่าวพร้อมกับหัวเราะ “เรื่องนี้ง่ายนิดเดียวเธอลองทดสอบเขาดูก็ได้”
หวังเจียเหยารีบถาม “ทดสอบเขายังไง?”
ซ่งหงเย่หัวไวหล่อนกล่าวออกมาว่า “เธอก็บอกให้หลิ่วอวี่เจ๋อกับฟางเขามาอวิ๋นโจวสิ ถ้าเย่เฉินจงใจหลอกเธอจริงๆ นั่นก็แปลว่าเขาจะต้องรู้เรื่องของเธอกับฟางเชา แล้วก็เรื่องที่เธอคุยกับหลิ่วอวี่เจ๋อแล้ว พอถึงตอนนั้นเธอก็หาวิธีทำให้เขารู้แบบเนียนๆ ว่าสองคนนั้นมาอวิ๋นโจวไง ถ้าเย่เฉินไม่ได้โดนขับออกจากตระกูลจริงๆ ด้วยอิทธิพลของเขาจะต้องสามารถเล่นงานสองคนนั้นจนหมดสภาพได้แน่นอน พอถึงตอนนั้นเธอก็แค่สังเกตฟางเชากับหลิ่วอวี่เจ๋อว่าพวกเขาปลอดภัยดีหรือเปล่าก็เป็นอันใช้ได้”
ใบหน้าหวังเจียเหยาเผยร่องรอยยินดี “เรียกอวิ๋นโจวกับฟางเชามาที่อวิ๋นโจว ถ้าพวกเขาสองคนโดนซ้อมก็จะแปลว่าที่เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหก ถ้าพวกเขาไม่เป็นอะไรก็จะแปลว่าเย่เฉินเป็นยาจกจริงๆ ไอเดียดีนี่! หงเย่โชคดีจริงๆ มีเพื่อนแบบเธอ ตั้งแต่คืนดีกับเย่เฉินแล้วเธอคอยช่วยเหลือฉันตลอดเลย!”
เย่เฉินที่อยู่นอกห้องนอนไม่ได้ยินเสียงซ่งหงเย่ เขาได้ยินแต่เสียงของหวังเจียเหยาเท่านั้น
แต่จากที่ฟังคำพูดของหวังเจียเหยาแล้วก็พอจะเดาเนื้อหาที่พวกหล่อนคุยกันได้ลางๆ
“ฉันเดาไว้ไม่มีผิด ซ่งหงเย่ผู้หญิงชั่วคอยเป่าหูหวังเจียเหยา หล่อนรู้เรื่องฟางเชาและหลิ่วอวี่เจ๋อ! ตอนนี้หล่อนยังบอกให้หวังเจียเหยาทดสอบฉัน โชคดีที่ได้ยินก่อนไม่อย่างนั้น ทันทีที่ฟางเชากับหลิ่วอวี่เจ๋อเหยียบเท้าเข้าอวิ๋นโจวพวกเขาตายแน่ แล้วหวังเจียเหยาก็จะไม่ยอมหย่ากับฉัน!”
กระทั่งเย่เฉินยังต้องจำใจยอมรับว่าซ่งหงเย่คนนี้ถือเป็นเบอร์หนึ่งในการรับมือกับผู้ชาย
หวังเจียเหยาเป็นคนตรงไปตรงมา ถ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้ความช่วยเหลือจากซ่งหงเย่แล้ว ด้วยสติปัญญาของหล่อนไม่มีทางทำให้เย่เฉินเปลี่ยนใจได้
หวังเจียเหยาคุยกับซ่งหงเย่ต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะวางสาย
ต่อจากนั้นหล่อนก็โทรหาหลิ่วอวี่เจ๋อ
“อวี่เจ๋อ”
เมื่อเย่เฉินได้ยินภรรยาเรียกชื่อผู้ชายคนอื่นอย่างสนิทชิดเชื้อ ใจเขาก็เหมือนโดนทิ่มแทง
ผู้หญิงแพศยา หลายวันที่ผ่านมานี้ตอนที่เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่รู้ว่าไปเรียกกันสนิทสนมแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว !
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “พี่นางฟ้าคิดถึงผมบ้างไหมครับ? ผมได้ยินพี่หงเย่บอกว่าสามีคุณโดนขับออกจาตระกูลแล้วเหรอ?”
หวังเจียเหยาส่งเสียงตอบรับ
หลิ่วอวี่เจ๋อ “เจียเหยา นางฟ้าแบบคุณไม่ควรจะต้องลำบาก สามีคุณไม่มีเงินแล้วคุณยังไม่หย่ากับเขาอีกเหรอ? คุณก็รู้ว่าผมรักคุณขนาดไหน อยู่กับผมดีกว่าอยู่กับขยะอย่างเย่เฉินเยอะนะครับจริงไหม?”
หวังเจียเหยากล่าว “อวี่เจ๋อตอนนี้ฉันเสียใจมากเลย ไม่อยากคุยกับสามีเลย นายมาอยู่เป็นเพื่อนฉันที่อวิ๋นโจวหน่อยได้ไหม? ฉันคิดถึงนายมากเลย”
หลิ่วอวี่เจ๋อดีใจอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่านางฟ้าของตนเองจะเป็นฝ่ายเชื้อเชิญตนเองก่อน หนำซ้ำยังพูดจายั่วยวนแบบนี้ด้วย!
ก่อนหน้านี้ตอนที่เย่เฉินยังเป็นประธานบริษัทอยู่ หลิ่วอวี่เจ๋อก็กล้าที่จะหว่านเสน่ห์ใส่หวังเจียเหยา
ตอนนี้เย่เฉินหมดตัว หลิ่วอวี่เจ๋อยิ่งไม่เห็นหัวเขากว่าเดิม
ดังนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “พรุ่งนี้ผมไปหาคุณก็ได้ แต่ว่าถ้าคุณยังเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่ยอมแค่จับมือกัน ผมว่าผมไปหรือไม่ก็ไม่มีความหมายอะไร!”
เพื่อล่อให้เขามาหวังเจียเหยาจึงจำใจต้องพูด “เอาน่าขอแค่นายมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน จะยังไงก็ตามใจนายดีไหมล่ะ?”
“ฮ่าๆ! ได้เลยพรุ่งนี้ผมจะออกเดินทางแต่เช้าเลย!” หลิ่วอวี่เจ๋อที่อยู่ปลายสายดีใจอย่างมาก
แต่เย่เฉินที่อยู่ด้านนอกประตูโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้!
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าหวังเจียเหยาพูดเช่นนี้เพื่อล่อให้อีกฝ่ายมาที่อวิ๋นโจวก็ตาม
แต่ในฐานะที่เป็นสามี ยามได้ยินภรรยาของตนเองพูดแบบนี้กับชายอื่นมันน่าเสียใจมากจริงๆ!
เมื่อมองลอดผ่านแนวประตู เย่เฉินก็พบว่าเมื่อหญิงสาวพูดจบใบหน้าเจ้าหล่อนก็ยิ้มแย้ม!
“ยังมีหน้ามายิ้มอีก! ผู้หญิงแพศยา! ฉันไม่ให้เธอได้สมหวังหรอก! ฉันจะต้องทำให้เธอเป็นฝ่ายขอหย่ากับฉันแล้วจะทำให้เธอเสียใจไปตลอดชีวิต! ”
เย่เฉินโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแต่ร่างกายกลับไม่เคลื่อนไหว เพราะกลัวอีกฝ่ายจะจับได้ หากเป็นเช่นนั้นแล้วทั้งหมดที่ทำลงไปก็จะเสียเปล่า
หวังเจียเหยากดโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
“ฟางเชาไม่ได้ติดต่อกันตั้งนาน นายสบายดีไหม?”
เสียงหวังเจียเหยาแผ่วเบา
พูดไปแล้วฟางเชาเองก็ถือว่าเป็น ‘สามีเก่า’ ของหล่อน ทว่าหลังจากที่ตระกูลฟางล่มสลายไปแล้ว หล่อนก็ไม่เคยสนใจเขา
ฟางเชากล่าวเสียงเย็น “แปลกใจจริงๆ ที่เธอโทรมา! ที่ตระกูลฟางของฉันมีสภาพแบบนี้ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ ผู้หญิงสารเลว!”
หวังเจียเหยาไม่อยากจะทะเลาะกับเขาจึงกล่าว “ฉันต้องขอโทษด้วยนะเรื่องงานแต่งงานเมื่อคราวก่อน แต่ว่าคุณปู่ของฉันจัดแจงคนของท่านไว้ในสำนักกิจการพลเรือน ต่อให้ฉันไม่หย่ากับนาย การแต่งงานของพวกเราก็ไม่มีผลทางกฎหมายอยู่ดี”
ฟางเชากล่าวเสียงเหี้ยม “เธอคิดว่าฉันเกลียดเธอเพราะเรื่องการหย่าของเราเหรอ? ฉันขอบคุณเธอต่างหาก! ผู้หญิงที่เหมือนดอกไม้หอมเชื้อเชิญผู้ชายไปทั่วแบบเธอ ใครได้แต่งงานด้วยนี่ซวยสุดๆ”
ด้านนอกเย่เฉินเห็นหวังเจียเหยากำหมัดแน่น
หวังหยวนหยวนรู้ว่าหวังเจียเหยามีชู้ หล่อนเป็นคนเอารูปที่หวังเจียเหยาแหละหลิ่วอวี่เจ๋อลอบพบกันมาให้เขาดู
ไม่ว่าผู้ชายคนไหนที่พอรู้แล้วย่อมไม่มีทางทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หนำซ้ำเย่เฉินยังโดนขับออกจากตระกูลเอาในเวลานี้พอดิบพอดี
หวังหยวนหยวนเดาออกว่า เรื่องที่เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลน่าจะเป็นเรื่องโกหก เพื่อหลอกให้หวังเจียเหยาหย่ากับเขา!
และเพื่อให้ได้เย่เฉินมาครอบครอง เมื่อครู่หล่อนถึงได้จงใจพูดว่าเย่เฉินเป็นยาจก เพื่อทำลายอีโก้ของหล่อน เพื่อให้หล่อนรู้สึกไม่ดี
หล่อนเองก็อยากจะเห็นหวังเจียเหยากับเย่เฉินหย่ากัน ถ้าเป็นแบบนี้แล้วคุณนายเย่ก็จะกลายเป็นหล่อน
คุณนายหวังตบโต๊ะอย่างหัวเสีย “พวกเธอทะเลาะกันพอหรือยัง! ตอนนี้มันเวลาอะไรกันแล้ว ยังจะเถียงกันเรื่องเสื้อผ้าสกปรก เรื่องหยวนหยวนมีแฟนไหมอยู่ได้!”
วินาทีเรื่องที่เย่เฉินจะได้สืบทอดทรัพย์สมบัติแสนล้านของตระกูลเย่หรือไม่ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ!
คุณนายหวังเองก็ครุ่นคิดอย่างละเอียดอยู่นาน จู่ๆ ก็ถามเย่เฉิน “เสี่ยวเฉินเธอกับพี่ชายสองคนสนิทกันไหม?”
เย่เฉินตอบตามจริง “ตอนเด็กสนิทกันดีครับ แต่พอโตมาแล้วก็ถูกคุณปู่ส่งไปฝึกกันคนละที่คนละทาง หลายปีมานี้ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน น่าจะไม่ได้เจอกันมาห้าหกปีแล้วครับ ”
คุณนายหวังผงกศีรษะ “อื้ม การต่อสู้แย่งสมบัติของตระกูลใหญ่ ปกติก็รุนแรงอย่างมาก เรื่องรายงาน DNA เมื่อสิบปีก่อนเป็นของปลอมที่ถูกพูดถึงอีกครั้งก็อาจจะเป็นฝีมือพี่ชายเธอสองคน!”
หลังจากซูหลานได้ยินก็รีบร้อนกล่าว “จริงด้วย จะต้องเพราะพี่ชายสองคนของเย่เฉินทำไปเพื่อฮุบสมบัติแสนล้าน ดังนั้นถึงได้ใส่ร้ายเสี่ยวเฉินแบบนี้”
หวังจื้อหย่วนเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะโยงไปเรื่องนี้ได้จึงไม่รู้ว่าจะอธิบายอะไร
คุณนายหวังกล่าวต่อ “แล้วก็เรื่องที่พ่อบ้านฟางเอาผมเธอไปตรวจ DNA ก็อาจจะไม่แม่นยำ ฉันได้ยินมาว่าต้องใช้ผมที่มีไขมัน ผลตรวจ DNA ถึงจะแม่นยำอย่างมาก เสี่ยวเฉิน ย่าว่าเธอควรจะไปพบคุณปู่ที่อังกฤษ แล้วไปทำการตรวจ DNA อีกครั้งต่อหน้าเขา ต่อให้เธอจะไม่ใช่สายเลือดของตระกูลเย่ แต่เธอก็อยู่ที่นั่นมาหลายปีคงมีสายสัมพันธ์กับคนตระกูลเย่ พวกเขาเองก็ดูแลเธอเหมือนเป็นลูกหลานคนหนึ่ง”
ซูหลานเสริม “จริงด้วย เสี่ยวเฉิน เธอต้องไปอังกฤษ พาเจียเหยาไปพบคุณปู่เธอด้วย เขาเห็นเธอก็คงจะไม่โกรธเธอแล้ว พวกเราเป็นพ่อเป็นแม่รู้ว่าเลี้ยงลูกสักคนยากเย็นขนาดไหน ความสัมพันธ์ตลอดยี่สิบกว่าปีนี้ไม่สามารถตัดขาดได้ในทันทีทันใดหรอก”
เย่เฉินเดาได้นานแล้วว่าคนบ้านนี้จะต้องเสนอให้ไปอังกฤษ ดังนั้นถึงได้เตรียมการรับมือเอาไว้แล้ว
เย่เฉินส่ายหน้าแล้วกล่าว “เดิมทีผมก็ตั้งใจจะไปอังกฤษ แต่พ่อบ้านฟางบอกผมอย่างชัดเจนแล้วว่า คุณปู่ไม่อยากเจอผม อีกอย่างเมื่อครู่ผมเพิ่งได้รับสายจากสถานกงสุลอังกฤษประจำเมืองเทียนไห่ว่าวีซ่าของผมโดนยกเลิกไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็ตื่นตกใจอย่างยิ่ง
ซูหลานตื่นตระหนก “อะไรนะ? วีซ่าของเธอผ่านแล้วไม่ใช่เหรอ? โดนยกเลิกได้ด้วยเหรอเนี่ย?”
หวังหยวนหยวนที่นั่งไขว่ห้างบนโซฟาพูดอย่างดูถูก
“โลกแคบก็ตื่นเต้นไปทุกเรื่องนั่นแหละวีซ่าโดนยกเลิกเป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่เหรอ? ฉันไปเที่ยวเมืองนอกเมื่อปีที่แล้วกำลังต่อแถวรอตรวจร่างกาย ผู้ชายคนหนึ่งด้านหน้าก็โดยลากออกจากแถวไป คนในสนามบินบอกเขาว่าพวกเขาได้รับข่าวจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่ให้เขาผ่าน แต่ตอนที่พวกเขาตรวจสถานภาพวีซ่าในอินเตอร์เน็ตยังใช้ได้อยู่เลย!”
ในเวลานี้จู่ๆ หวังเจียเหยาก็กล่าวว่า “หนูเองก็เพิ่งรับโทรศัพท์เขาค่ะ เขาโทรมาแจ้งว่าวีซ่าของหนูก็ถูกยกเลิกแบบเย่เฉิน”
“อะไรนะ?”
ตระกูลหวังตกอยู่ในความประหลาดใจอีกครั้ง
คุณนายหวังกล่าวว่า “ศักยภาพของตระกูลเย่แข็งแกร่งอย่างที่คาดไว้จริงๆ ไม่อยากให้ใครไปประเทศอังกฤษคนนั้นก็จะไปไม่ได้ เสี่ยวเฉิน ดูแล้วคุณปู่ของเธอเนี่ยคงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าไม่อยากจะเจอเธอ”
เย่เฉินเองก็แสดงท่าทางเศร้าเสียใจให้หญิงชราได้เห็น “ทำไมคุณปู่ถึงได้ใจแข็งแบบนี้นะ!”
เห็นเย่เฉินเสียใจแบบนี้คุณนายหวังก็เกรงใจไม่กล้าจะถามอะไรเย่เฉินอีก และกล่าวว่า
“เสี่ยวเฉิน ฉันไหว้วานเพื่อนที่อังกฤษไปพบคุณปู่ของเธอ ลองดูว่าจะช่วยจัดแจงให้พวกเธอได้พบกันแล้วคุยเรื่องนี้ให้ชัดเจนกันไป เธอเองก็ลองคุยกับพ่อบ้านฟางให้ดีๆ ดูว่าพอจะมีโอกาสคุยกับปู่ของเธอหรือเปล่า”
“ขอบคุณครับคุณย่า”
เย่เฉินรู้ดีแก่ใจว่าถึงแม้คุณนายหวังจะมีเพื่อนในอังกฤษจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เพื่อนพวกนั้นของหล่อนไม่ใช่คนในระดับเดียวกันกับปู่ของเย่เฉินด้วยซ้ำ
ตระกูลเย่ถือเป็นตระกูลที่ลึกลับที่สุดของโลก กระทั่งคนอย่างคุณหม่าเองไปประเทศอังกฤษถ้าไม่ได้นัดแนะ ก็เข้าพบคุณปู่ของเย่เฉินไม่ได้ด้วยซ้ำ
แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่นๆ?
จากนั้นคนตระกูลหวังก็กินข้าวด้วยกัน ส่วนเย่เฉินกับหวังเจียเหยาก็กลับไปที่เขตซินเฉิงแล้ว
หลังจากกลับไปยังบ้านที่เคยพักอาศัยด้วยกันมาตลอดสามปี เย่เฉินก็ไม่ได้พักแต่อย่างใด แต่มาที่บริเวณบาร์ เปิดเบียร์ขวดหนึ่งแล้วรินเบียร์ดื่มเอง
วันนี้เขาโดนขับออกจากตระกูล แถมยังต้องสูญเสียตำแหน่งประธานบริษัทไป เขาจำเป็นต้องแสดงท่าทีเศร้าโศกเสียใจมากๆ
“เพราะอะไร? ทำไมถึงต้องทำแบบนี้กับผมด้วย!”
เย่เฉินดื่มเบียร์ไปพลางพูดพึมพำกับตนเอง
ส่วนฟากของหวังเจียเหยาเมื่อเห็นท่าทีเสียอกเสียใจของเย่เฉินแล้ว ก็ยิ่งปักใจเชื่อว่าเย่เฉินไม่เหมือนคนที่กำลังเสแสร้งแกล้งทำ
ไม่ใช่เพราะเย่เฉินแสดงเก่ง แต่เพราะตอนนี้เขากำลังเสียใจมากจริงๆ และเขารู้สึกว่าโชคชะตาเล่นตลกกับเขาเหลือเกิน
เพียงแต่ว่าเย่เฉินไม่ได้เสียใจเรื่องที่โดนขับออกจากตระกูล แต่เสียใจเรื่องหวังเจียเหยาต่างหาก
เย่เฉินแต่ระบายความทุกข์ใจที่โดนหวังเจียเหยาหักหลัง แต่หญิงสาวกลับเข้าใจผิดไปว่านั่นเกิดจากเรื่องในวันนี้
ผ่านไปไม่นานเย่เฉินก็ดื่มไวน์ไปแล้วสองขวด
จากนั้นเขาก็เมาจนนอนไปกับบาร์
“ที่รัก ที่รัก”
หวังเจียเหยาเรียกเย่เฉินอยู่สองสามทีแต่เขาไม่ตอบ หล่อนจึงใช้มือขาวนวลเนียนตบลงบนใบหน้าของเขาแล้วตะโกนเรียกอีกฝ่าย
“เย่เฉิน ตื่นสิ อย่านอนตรงนี้ เดี๋ยวไม่สบาย ไปนอนในห้องเถอะ”
แต่เรียกกี่ครั้งอีกฝ่ายก็ไม่ตอบรับ
คุณไม่มีทางปลุกคนที่แกล้งหลับได้หรอก เย่เฉินไม่ได้เมาแต่แกล้งเมาต่างหาก
“เฮ้อ”
หวังเจียเหยาถอนหายใจ หล่อนเป็นเพียงผู้หญิงบอบบางไม่สามารถจะลากผู้ชายตัวโตอย่างเย่เฉินได้
หนำซ้ำตอนนี้หล่อนยังตั้งท้องอยู่ด้วย หากว่าล้มไปสะดุดอะไรไปก็จะยิ่งเป็นอันตรายกว่าเดิม
หวังเจียเหยามองเย่เฉินที่เมามายไร้สติ ปรายตามองไวน์แดงสองขวดที่เขาดื่ม
จากความสามารถในการดื่มเหล้าของหวังเจียเหยาแล้ว ไวน์แค่ครึ่งขวดก็ทำให้เมาแล้ว
ในสายตาของหล่อนเย่เฉินดื่มไปคนเดียวตั้งสองขวด บวกกับที่วันนี้ดื่มเหล้าเพราะความเสียใจ จึงทำให้เมาง่ายกว่าเดิม
หลังจากดื่มไวน์สองขวดแล้วคงต้องเมาแน่นอน
ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงไม่แสร้งทำตัวเป็นแม่ศรีเรือนอีกต่อไป หล่อนกล่าวอย่างรังเกียจว่า
“ผู้ชายไร้ประโยชน์! หลบมากินเหล้าในบ้านมีประโยชน์อะไร! เก่งนักก็ไปหาคุณปู่ที่อังกฤษไปทวงสมบัติคืนมาสิ! ชิ!”
เย่เฉินเป็นคนที่เคยฝึกฝนอย่างมืออาชีพมาก่อน เขาสามารถควบคุมความเมาของตนเองได้ ดังนั้นไวน์สองขวดไม่มีทางเมาได้
เย่เฉินที่แกล้งเมาได้ยินคำพูดของหวังเจียเหยา ก็เจ็บปวดใจอย่างยิ่ง!
“นี่ก็คือผู้หญิงที่ฉันรักนักรักหนาเหรอเนี่ย!”
ซูหลานเห็นหวังจื้อหย่วนเสียมารยาทกับเย่เฉินก็กลอกตาใส่สามีแล้วกล่าว “มีเรื่องอะไรต้องมาถามตอนนี้ด้วย? เสี่ยวเฉินเขาทำงานมาทั้งวันรอเขาดื่มชาเสร็จถ่อยถามสิ!”
หวังจื้อหย่วนกลอกตาใส่ภรรยา เหยียดหยามที่หล่อนไม่สนใจข่าวธุรกิจแม้แต่น้อย
หวังจื้อหย่วนไม่สนใจซูหลานเขาถามต่อว่า “เสี่ยวเฉินฉันเห็นข่าาวบอกว่าเธอลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแล้วจริงไหม?”
ซูหลานเพิ่งจะตกใจ “อะไรนะ? เสี่ยวเฉินไม่เป็นประธานของหัวเซิ่งแล้วเหรอ? ฮ่าๆ เพราะปู่ของเธอคิดว่าอวิ๋นโจวเล็กเกินไป จะส่งไปเมืองหลวงหรือเทียนไห่ล่ะจ๊ะ? ฉันอยากไปเมืองหลวงตั้งนานแล้ว เธอไปตอนไหนพวกเราไปด้วยกัน!”
ซูหลานไพล่คิดไปว่าเย่เฉินลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทที่นี่ ก็เพราะมีตำแหน่งประธานบริษัทที่ยิ่งใหญ่กว่ารอเขาอยู่
เย่เฉินไม่พูดพร่ำทำเพลงเขากล่าวด้วยท่าทีเศร้าสร้อย “พ่อครับ แม่ครับ ผมโดนคุณปู่ขับออกจากตระกูลแล้ว”
“อะไรนะ?”
หวังจื้อหย่วนและซูหลานตื่นตระหนก!
ที่พวกเขาสองคนดูแลลูกเขยคนนี้เหมือนลูกชายตนเองนั่นก็เพราะชาติกำเนิดอันยิ่งใหญ่ของเย่เฉิน
ถ้าเย่เฉินโดนขับออกจากตระกูล เกรงว่าพวกเขาคงจะรังเกียจลูกเขยคนนี้เหมือนที่ผ่านมา!
กว่าเย่เฉินจะเปิดปากเล่าก็ดูยากลำบาก ดังนั้นจึงเป็นหวังเจียเหยาที่เล่าเรื่องที่เกิดเมื่อครู่ที่บริษัทให้พ่อแม่ฟัง
ซูหลานโอดครวญอย่างเจ็บปวด “แย่แล้ว เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง! ลูกสาวของแม่น่าสงสารเหลือเกิน เพิ่งจะท้องเด็กตระกูลเย่ก็ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้!”
หวังเจียเหยากระตุกเสื้อมารดาเพื่อไม่ให้หล่อนพูดจาอัปมงคลแบบนี้
เย่เฉินกล่าวต่อ “พ่อครับ แม่ครับ พวกเรากลับมาเก็บของ วันนี้ตอนบ่าย พ่อบ้านฟาง… อ้อไม่สิ นายท่านฟางจะส่งคนมารับช่วงดูแลวิลล่าแห่งนี้ต่อ ผมกับเจียเหยาจะย้ายไปที่เขตซินเฉิง พวกคุณก็ย้ายกลับไปเถอะครับ”
ก่อนหน้าที่หวังเจียเหยาจะตั้งท้อง หวังจื้อหย่วนและซูหลานจะไปเช้าเย็นกลับบ้านนี้
แต่หลังจากที่ลูกสาวพวกเขาท้องแล้ว ซูหลานก็ตีเนียนย้ายมาที่นี่
สองวันมานี้พวกเขาสองคนเห็นบ้านหลังนี้เป็นบ้านของตัวเองแล้ว
หลังจากที่ซูหลานได้ยินแล้วก็โอดครวญ
หวังจื้อหย่วนถอนหายใจแล้วรีบโทรบอกคุณนายหวัง
หลังจากวางสายแล้วหวังจื้อหย่วนก็กล่าวว่า “คุณย่าบอกให้พวกเธอไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้คุณย่าฟังที่บ้าน”
เย่เฉินรู้ดีว่าในแผนการทั้งหมดนี้จะหลอกคนในครอบครัวหวังจื้อหย่วนไม่มีอะไรยาก แต่ด่านที่ยากที่สุดก็คือคุณนายหวัง
ส่วนเย่เฉินกับหวังเจียเหยาจะหย่ากันหรือไม่นั้น หวังเจียเหยาก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจจะต้องให้หญิงชราอนุญาต
เย่เฉินกล่าว “พวกเราย้ายของแล้วค่อยไปหาคุณย่า”
หวังจื้อหย่วนพยักหน้าแล้วกล่าวกับซูหลาน “ยังงงอะไรอีก? พวกเราเองก็รีบย้ายของเถอะ เพราะเธอเลย ให้ย้ายมาที่นี่ยังไม่ครบสองวันดีก็ต้องย้ายกลับไปแล้ว ย้ายไปย้ายมาวุ่นวายชะมัดเลย”
ข้าวของของเย่เฉินและหวังเจียเหยาเยอะจนพวกเขาสองคนขนย้ายเองไม่ได้ เย่เฉินโทรเรียกคนมาช่วยย้ายของใช้ส่วนตัวของพวกเขาสองคนไปที่เขตซินเฉิง
เย่เฉินรู้สึกอึดอัดอย่างมากเมื่อกลับมาที่เขตซินเฉิง
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆ พวกเขาสองคนเคยอยู่ด้วยกันมาถึงสามปี แต่หลังจากคืนดีกันแล้วพวกเขาก็อยู่ที่วิลล่าเขตเหมยกุยหยวนไม่ได้กลับมาที่นี่อีก
ครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่ก็คือมาเก็บของ หลังจากที่พบว่าหวังเจียเหยามีชู้
ในห้องรับแขกเย่เฉินดึงมือภรรยาแล้วกล่าว “ที่รัก ตอนที่อยู่ที่นี่เมื่อก่อนคุณไม่ยอมนอนกับผม ตอนนี้คุณคงจะไม่แยกห้องกับผมอีกนะใช่ไหม?”
หวังเจียเหยาดวงตาเหม่อลอย เมื่อได้ยินคำพูดเย่เฉินถึงได้สติ หล่อนกล่าวอย่างเซ็งๆ “อื้ม ฉันไม่แยกห้องกับนายอยู่แล้ว แต่ฉันท้องแล้วพวกเราก็อย่า…”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “อื้ม ผมรู้ หมอกำชับไว้แล้ว ผมไม่แตะต้องคุณหรอก”
เมื่อพูดจบภาพที่หวังหยวนหยวนถ่ายก็ปรากฏขึ้นมาในหัวเขา!
ภาพที่หลิ่วอวี่เจ๋ออุ้มหวังเจียเหยาที่ตั้งท้องแล้ว เดินเข้าไปในห้องในป่า!
พวกเขาทำอะไรกันในห้องนั้นกันแน่ ก็ไม่มีใครรู้!
“หวังเจียเหยา หวังว่าคุณจะยังรู้อะไรควรไม่ควร! ถ้าจะมีชู้ก็ช่วยไปมีตอนคลอดลูกแล้วเถอะ!”
เย่เฉินทำเพียงภาวนาในใจขอให้ทั้งสองคนไม่มีอะไรกัน
เย่เฉินมองหวังเจียเหยาด้วยดวงตาลึกซึ้งแล้วกล่าว “ที่รักคุณสบายใจเถอะ ถึงผมจะไม่ใช่คนตระกูลเย่ แต่ผมก็จะขยันทำงานเพื่อเลี้ยงคุณกับลูก ผมจะไม่ยอมให้พวกคุณต้องลำบาก”
คำพูดนี้เขาพูดเพื่อให้หวังเจียเจียเหยาเชื่อว่าตนเองโดนขับออกจากตระกูลแล้วจริงๆ
หวังเจียเหยายิ้มประดักประเดิด หล่อนมองสามีแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “คนโง่ อย่าเพิ่งท้อแท้แบบนี้สิ คุณปู่อาจจะเข้าใจผิดก็ได้ ตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งคิดเรื่องจะขยันหาเงินยังไง แต่เราควรจะคิดว่าจะทำยังไงให้คุณปู่ยอมรับนาย เย็นแล้วพวกเราไปหาคุณย่ากันเถอะ”
……
ณ วิลล่าเขตซีซาน
หลังจากคุณนายหวังได้ยินว่าเย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลแล้ว หล่อนก็ร้อนใจจนเอาแต่ดื่มน้ำชาไม่หยุด แล้วเดินย่ำไปมาภายในวิลล่า
ตอนที่เย่เฉินและหวังเจียเหยามาถึง ก็พบว่าครอบครัวหวังจื้อเฉียงมาถึงนานแล้ว
“เสี่ยวเฉินติดต่อคุณปู่ได้หรือยัง?”
คุณนายหวังเค้นถามเย่เฉิน
เย่เฉินส่ายศีรษะ
“แล้วพ่อเธอล่ะ?” คุณนายหวังถามต่อ
เย่เฉินตอบอีกฝ่าย “คุณพ่อไม่รับสายผมครับ เมื่อครู่โทรหาแม่ แต่แม่ผมก็โดนขับออกจากตระกูลเย่แล้วเหมือนกัน ตอนนี้ไปออสเตรเลีย แม่บอกว่าที่คุณปู่พูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด”
“เฮ้อ!”
คุณนายหวังผ่อนลมหายใจยาว “อยู่กันดีๆ ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ได้!”
หวังหยวนหยวนที่ยังคงสวมชุดกี่เพ้า หล่อนนั่งบนโซฟาก็กล่าวพร้อมยิ้มเยาะ
“ถ้าเย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลเย่ งั้นก็แปลว่าตอนนี้เย่เฉินก็เป็นแค่ยาจกน่ะสิ? ฮ่าๆ พี่เจียเหยาพี่เป็นภรรยาท่านประธานได้กี่วันเชียวคะ ทำไมถึงกลับมาเป็นสภาพเดิมไวจัง?”
หวังเจียเหยาพุ่งมาหาหวังหยวนหยวนด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว “เธอสนใจตัวเองเถอะย่ะ! ใส่กี่เพ้าสกปรกแล้วก็ยังไม่รู้จักซัก คิดไม่ถึงว่ายังจะใส่อยู่อีก อีกอย่างด้านบนนั้นยังมีรอยฝ่ามือผู้ชายเสียด้วย หยวนหยวนแฟนเธอคงจะไม่ได้ทำงานซ่อมรถใช่ไหมล่ะ? มือถึงได้สกปรกแบบนี้?”
รอยฝ่ามือที่เลอะเป็นด่างบนชุดกี่เพ้านั้นย่อมเป็นรอยมือของเย่เฉินอยู่แล้ว
วันนั้นตอนที่เย่เฉินสลับรถกับซีกวา รถ Buick Excelle คันนั้นสกปรกมาก พวงมาลัยรถยนต์ กระจกมองหลังล้วนแต่โสโครกอย่างมาก
ส่วนหลังจากขับรถคันนั้นกลับบริษัทแล้ว เพราะเย่เฉินกำลังหัวเสียเรื่องที่ตัวเองไปรู้ว่าภรรยามีชู้จึงไม่ได้ไปล้างมือที่ห้องน้ำ
แล้วหวังหยวนหยวนก็มาหาเขาถึงที่พอดี
ดังนั้นถึงได้ทำกี่เพ้าของหญิงสาวเลอะ
หวังจื้อเฉียงกล่าวด้วยโทสะทันที “หวังเจียเหยา! จะพูดจะจาอะไรช่วยระวังหน่อย หยวนหยวนของพวกเรายังไม่มีแฟน!”
หวังหยวนหยวนกลับไม่มีท่าทีสนใจ หล่อนกล่าวต่อ “สกปรกแล้วทำไม? ฉันชอบใส่กี่เพ้าเลอะๆ พี่จะยุ่งเรื่องฉันเหรอ?”
พูดจบก็ยังปรายตามองเย่เฉินอีกที
เย่เฉินเองก็สัมผัสได้ถึงแววตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย เขาไม่กล้าจะสบตาเจ้าหล่อน
“แม่หนูน้อยหวังหยวนหยวนทำท่าเหมือนดูถูกที่ฉันกลายเป็นคนจน แต่กลับใส่ชุดกี่เพ้าตัวเดิมที่ใส่ตอนจูบกัน อาจจะแปลว่าหล่อนอาจจะเดาออกว่าที่ฉันโดนขับออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหก!”
วิลล่าเฝยชุ่ย ณ เมืองเทียนไห่
“ฮ่าๆ… ฮ่าๆ… เย่เฉินลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทแล้ว! เย่เฉินลาออกจากตำแหน่งแล้ว! เขาแพ้แล้ว! เขาแพ้ฉันแล้ว!!”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วนอย่างบ้าคลั่ง เขาและฟางเชาเพิ่งจะดูคลิปแถลงข่าวของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปจบ
ภาพในคลิปเย่เฉินประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทด้วยใบหน้าเศร้าหมอง และประกาศแต่งตั้งฉินหงเหยียนเป็นประธานบริษัทแทนตนเอง
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองฟางเชานั้นมีความสุขกว่าหลิ่วอวี่เจ๋อพันเท่าหมื่นเท่า!
ฟางเชากระโดดบนโซฟาห้องรับแขกทั้งๆ ที่สวมรองเท้าอยู่แล้วตะโกนใส่หลิ่วอวี่เจ๋อ
“เจ๋งชิบ! หลิวอวี่เจ๋อนายนี่มันสุดยอดจริงๆ! นายลากเย่เฉินลงจากตำแหน่งประธานบริษัทกลายมาเป็นชาวบ้านธรรมดา! นายนี่มันเจ๋งจริงๆ!”
หลิวอวี่เจ๋อหัวเราะเสียงดัง“นั่นมันแน่อยู่แล้ว”
พวกเขาตีมือกันเพื่อฉลองเหมือนหลิ่วอวี่เจ๋อปล่อยท่าไม้ตายหรือไม่ก็ดังก์บาสในสนามบาสเก็ตบอลไม่มีผิด
เมื่อฉลองกับหลิ่วอวี่เจ๋อได้สำเร็จ ฟางเชาก็คุกข่าบนโซฟาอย่างดีอกดีใจแหงนหน้ามองเพดานแล้วกล่าว
“พ่อครับ เย่เฉินทำให้พ่อเจ๊ง แม่ครับ เย่เฉินหยามเกียรติแม่คืนนั้น ในที่สุดตอนนี้ผมก็แก้แค้นให้พ่อกับแม่ได้แล้ว! พ่อกับแม่เห็นไหมครับ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อฟาดฝ่ามือลงมา “อาฉันยังไม่ตายสักหน่อย นายจะตะโกนกับอากาศไปทำไม อยากให้พวกเขารู้ก็โทรหาเขาสิ”
ฟางเชาย่อมต้องโทรหาพ่อแม่เขาอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ตระกูลฟางไม่มีเงินแล้ว ต่อให้ล้างแค้นเย่เฉินได้พวกเขาก็อาจจะไม่ได้ดีใจเท่าไหร่นัก
ฟางเชากล่าวกับหลิ่วอวี่เจ๋อ “ตอนนี้คนที่ควรโทรศัพท์น่าจะเป็นนายนะ อวี่เจ๋อ ยังไม่โทรหานังแพศยาหวังเจียเหยาอีก ไม่โอ้อวดหล่อนสักหน่อยละ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อผงกศีรษะ “จริงด้วย ผู้หญิงเหลวแหลกคนนั้นตอนนี้จะเป็นของฉันแล้ว! ฮ่าๆ”
ตอนหลิ่วอวี่เจ๋ออยู่ต่อหน้าหล่อนมักจะเรียกหล่อนเป็นนางฟ้า เทิดทูนหญิงสาว แล้วกดตนเองจนมีท่าทีต่ำต้อยดูเหมือนสุนัขเชื่องๆ ของหล่อนไม่มีผิด
ทว่าลับหลังนั้นเรียกหวังเจียเหยาอย่างเหยียดหยาม!
หลิ่วอวี่เจ๋อกดโทรหาหวังเจียเหยา แต่โดนหญิงสาวกดตัดสาย
“กล้าตัดสายฉันเชียวเรอะ?” หลิ่วอวี่เจี๋ยหัวเสีย
ทว่าไม่ถึงสิบวินาที หลิ่วอวี่เจ๋อก็ได้รับวีแชทข้อความหนึ่งจากหวังเจียเหยา “เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะโทรหา!”
“ฮ่าๆ คิดว่าหวังเจียเหยาคงอยู่กับเย่เฉินล่ะมั้ง ถ้างั้นคืนนี้ค่อยพลอดรักกับหล่อนแล้วกัน!”
หลิ่วอวี่เจ๋อยิ้มอย่างลำพองใจก่อนจะเปิดแชมเปญฉลองกับฟางเชา
……
ตึกบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปในอวิ๋นโจว
หลังจากแถลงข่าวเสร็จและมอบตำแหน่งประธานบริษัทให้ฉินหงเหยียนแล้ว เย่เฉินก็เริ่มเก็บของเพื่อจะออกจากบริษัท
“ขับรถฉันกลับไปเถอะ”
ฉินหงเหยียนส่งเย่เฉินและหวังเจียเหยาที่หน้าลิฟต์แล้วส่งกุญแจพอร์ชให้เย่เฉิน
หล่อนรู้ว่ามายบัคที่เย่เฉินนั่งมาเมื่อเช้าโดนพ่อบ้านฟางยึดไปแล้ว
เย่เฉินผลักมือขาวนวลเนียนของฉินหงเหยียนออก “ขอบคุณครับ แต่ว่าไม่เป็นไรพวกเราเรียกรถกลับก็ได้”
หวังเจียเหยาก้มหน้าก้มตา เพื่อนร่วมงานมากมายในบริษัทต่างก็ออกมาส่ง ถึงทุกคนจะมีเจตนาที่ดีแต่หวังเจียเหยากลับรู้สึกขายหน้าอย่างมาก!
ตอนครั้งแรกที่หล่อนมาถึงบริษัทดูมีหน้ามีตาขนาดไหน ทุกคนต่างก็ชื่นชมหล่อนที่เป็นภรรยาท่านประธานว่าสวดสดงดงามขนาดไหน
แต่ในตอนนี้หล่อนรู้สึกว่าทุกคนกำลังเยาะเย้ยหล่อน!
“คุณเย่เดินทางปลอดภัยนะคะ มีเวลาก็มาเที่ยวหาพวกเรานะ”
พวกโจวหรงหรงโบกมือลาเย่เฉิน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเย่เฉินดีกับลูกน้องอย่างมากหลังจากที่เขารับตำแหน่งท่านประธานแล้วก็เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานไม่น้อย พวกหล่อนจึงชอบหัวหน้าคนนี้มาก
เย่เฉินไม่พูดอะไรอีกเขาขึ้นลิฟต์ลงมาด้านล่างแล้วเดินออกจากบริษัท
หวังเจียเหยาโอดครวญ “จะกลับบ้านยังไง? เหมยกุยหยวนอยู่ไกลจากที่นี่ขนาดนี้ ฉินหงเหยียนให้กุญแจรถนายทำไมไม่รับมาล่ะ? ไม่ได้จะไม่คืนเสียหน่อย”
เย่เฉินกล่าวว่า “คุณชอบนั่งรถแท็กซี่ไม่ใช่เหรอ? ผมเรียกแท็กซี่แล้วกัน”
หวังเจียเหยารีบแย้งทันที “ใครชอบนั่งรถแท็กซี่กัน? ฉันชอบนั่งพอร์ช!”
ตั้งแต่คืนดีกันนี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนทำท่าทีเช่นนี้ใส่เขา
เย่เฉินไม่ได้เสียใจแต่อย่างใด ในทางกลับกันเขาดีใจอย่างมาก
เป็นไปอย่างที่คาดว่าทันทีที่หน้าที่การงานของเย่เฉินแย่ลง ท่าทีของหวังเจียเหยาจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
นี่แปลว่าตนเองมาถูกทางแล้ว หวังเจียเหยาจะต้องเป็นฝ่ายของหย่ากับตนเองอย่างรวดเร็ว!
เย่เฉินกล่าวอย่างอ่อนโยน “เมื่อวันก่อนคุณนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านตลอดไม่ใช่เหรอ?”
หวังเจียเหยารู้สึกผิดจนไม่กล้าคัดค้านอะไรอีก “นั่งแท็กซี่ก็นั่งแท็กซี่สิ อากาศแย่ๆ แบบนี้ร้อนจะตายอยู่แล้ว”
หวังเจียเหยาหยิบแว่นตากันแดดแบรนด์เจนเทิลมอนสเตอร์ออกมาจากกระเป๋าเพื่อบังแสงแดดให้ดวงตา
แว่นตากันแดดรุ่นนี้เป็นรุ่นเดียวกับที่ดารานิยมใส่ หลังจากที่หล่อนใส่แล้วก็ดูเหมือนดาราสวยมากจริงๆ
ไม่นานแท็กซี่ที่เย่เฉินเรียกก็ขับมาถึงหน้าประตูบริษัท
เป็นรถคันที่หวังเจียเหยาไม่รู้จักยี่ห้อด้วยซ้ำ
หวังเจียเหยาเป็นหญิงสาวที่เกิดในตระกูลร่ำรวย หล่อนรู้จักรถยี่ห้อดีๆ ทุกยี่ห้อเพียงแต่ไม่รู้จักรถที่ผลิตในประเทศที่มีมูลค่าแสนกว่า
หวังเจียเหยามองรถปราดหนึ่งแล้วกล่าว “นายเรียกรถธรรมดามาเหรอ? เมารถ! ฉันไม่นั่งรถแบบนี้”
ทุกครั้งที่หวังเจียเหยาเรียกแท็กซี่ หล่อนก็เรียกแต่รถหรู
หวังเจียเหยากล่าวอย่างโง่งม “เลือกรถได้ไหม? ฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย”
เย่เฉินจงใจเรียกรถราคาถูกแบบนี้มาเพราะหวังเจียเหยาเป็นนังแพศยาที่เห็นแก่เงิน!
ปิ๊ปๆ
คนขับรถก็เริ่มเร่งโดยการบีบแตรเมื่อเห็นทั้งสองคนไม่ขึ้นรถเสียที เขาเปิดกระจกแล้วถามคนทั้งสอง “สรุปจะขึ้นรถไหม?”
หวังเจียเหยาพุ่งไปหาคนขับรถ “ไปเถอะ พวกเราไม่นั่งรถแบบนี้หรอก”
จากนั้นหวังเจียเหยาจึงใช้โทรศัพท์ตนเองเรียกรถพรีเมี่ยมมา
“หึ ช่างเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงินจริงๆ! ขนาดรถแท็กซี่ธรรมดายังไม่อยากนั่ง ยิ่งไม่ต้องหวังให้มาลำบากไปด้วยกัน !”
เย่เฉินตีตราหวังเจียเหยาไปแล้วว่าหล่อนเป็นแค่หญิงสาวที่แค่เป็นคนมีเงินก็สามารถนอนกับหล่อนได้ และขอแค่มีเงินก็สามารถคบหาหล่อนได้
สองวันมานี้เย่เฉินยังกังวลใจเล็กน้อยว่าถ้าหากตนเองโดนขับไล่ออกจากตระกูลแล้ว หวังเจียเหยาจะยังไม่ยอมหย่ากับตนเองแล้วถ้ายอมลำบากไปด้วยกันตนเองจะทำยังไง?
เย่เฉินรักหล่อนขนาดนี้ไม่แน่ว่าอาจจะใจอ่อนแล้วให้อภัยอีกฝ่ายอีกครั้ง!
แต่ตอนนี้เย่เฉินไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไป เขาเห็นแล้วว่าหวังเจียเหยาไม่มีทางจะเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกับเขา!
ทั้งสองคนนั่งแท็กซี่กลับไปยังวิลล่าที่เขตเหมยกุยหยวน ทันทีที่เข้าในบ้านซูหลานก็ถือแก้วชาลาเวนเดอร์มะนาวเดินมาหาเย่เฉิน
“เสี่ยวเฉินกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ? วันนี้ทำไมกลับเช้าแบบนี้? เมื่อกี้แม่เพิ่งรับสายจากหวังเจียเหยารู้ว่าพวกเธอจะกลับบ้านกันก็รีบชงชาให้เลย นี่คือชาลาเวนเดอร์มะนาว หวังเจียเหยาบอกว่าสองวันมานี้เธอรู้สึกพะอืดพะอมบ่อยๆ บางครั้งจูบกันยังอยากอ้วกเลย แม่ถามเพื่อนมาพวกหล่อนบอกว่าชานี้ช่วยลดความขยะแขยงได้ มาลองสิเร็ว”
“ขอบคุณครับแม่”
เย่เฉินรับแก้วชาแล้วคิดในใจ “คนที่ทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงก็คือลูกสาวคุณ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชาจะช่วยให้หายได้!”
ทว่าเย่เฉินกำลังจะดื่มชานั้นเอง หวังจื้อหย่วนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็เปิดปากถามขึ้น “เสี่ยวเฉินอย่าเพิ่งดื่มชา พ่อถามอะไรหน่อย”
คำพูดนี้ของพ่อบ้านฟางทำให้หวังเจียเหยาและฉินหงเหยียนตกตะลึงจนถึงขีดสุด!
เย่เฉินย่อมต้องตื่นตระหนกเช่นกันแต่ว่าเป็นการแสดงเท่านั้น
“ขับออกจากตระกูลเหรอ?”
หวังเจียเหยาเป็นห่วงเรื่องนี้ยิ่งกว่าเย่เฉินเสียอีก หล่อนรีบซักพ่อบ้านฟางทัน
“พ่อบ้านฟางเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ? เย่เฉินจะโดนขับออกจากตระกูลได้ยังไงกัน?”
“เป็นเพราะเมื่อสัปดาห์ก่อน เย่เฉินใช้เงินเยอะเกินไปหรือเปล่าคุณปู่ก็เลยโกรธเขา? พ่อบ้านฟางบอกคุณปู่สิว่าพวกเราจะไม่ใช่เงินฟุ่มเฟือยไปกับการกอบกู้บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแล้วจะได้หรือเปล่า?”
พ่อบ้านฟางถอนหายใจแล้วกล่าว “คุณหนูหวังผมไม่ได้เข้าใจผิดหรอกครับ นายท่านขับเย่เฉินออกจากตระกูลแล้วและแน่นอนว่าเหตุผลไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน เมื่อวันก่อนนายท่านเพิ่งตรวจเจอว่ารายงานผลการตรวจ DNA ของเย่เฉินกับพ่อของเขาเป็นของปลอม! เย่เฉินไม่ใช่สายเลือดตระกูลเย่ด้วยซ้ำไป”
ทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยเช่นนี้ทั้งสองคนก็มองตาค้าง
เย่เฉินไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อเขา?
หรือว่า…
“นี่กำลังจะบอกว่าแม่ผม…”
เย่เฉินเองก็กระดากปากที่จะพูดต่อ เขากำลังสร้างเรื่องว่ามารดาตนเองไปมีคนอื่นเพื่อจะหลอกหวังเจียเหยา ถ้ากลับบ้านไปคงโดนแม่ตีตายแน่
พ่อบ้านฟางพยักหน้ารับทันที แต่เขาก็ไม่ได้พูดเจาะจงมากมาย
อย่างไรเสียมารดาของเย่เฉินก็เป็นนายหญิงที่พ่อบ้านฟางเคารพอย่างยิ่ง เขาเองก็กระดากใจที่จะว่าร้ายอีกฝ่าย
หวังเจียเหยารู้สึกกระวนกระวายใจแล้วกล่าว “เป็นไปได้ยังไง ถึงฉันไม่เคยเจอแม่ของเย่เฉิน แต่ก็เคยเห็นรูปถ่าย คุณแม่สวยมากเลยหนำซ้ำยังดูแล้วเป็นคนใจดีไร้เดียงสา คุณแม่ไม่มีทางจะทำผิดต่อคุณพ่อแน่! แล้วอีกอย่าง ทำไมพวกคุณถึงได้แน่ใจว่าเย่เฉินไม่ใช่ลูกในไส้ของคุณพ่อล่ะ? จะตัดสินจากแค่รายงานผล DNA เท่านั้นออกจะฉาบฉวยเกินไปหน่อยล่ะมั้ง!”
หลังจากที่หวังเจียเหยากลับไปแต่งงานกับเย่เฉินแล้วจึงพอจะรู้เรื่อง‘กฎที่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษร’ บางอย่างของตระกูลใหญ่ๆ อย่างตระกูลเย่
กฎข้อหนึ่งในนั้นก็คือหลังจากที่เด็กเกิดแล้วไม่นานจะต้องไปตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ว่าใช่สายเลือดตระกูลเย่หรือไม่
และพอรู้กฎข้อนี้หวังเจียเหยาถึงได้ตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องมีลูกกับเย่เฉินให้ได้
ซ่งหงเย่เคยแนะนำหวังเจียเหยาว่าหากไม่มีลูกกับเย่เฉิน ให้หล่อนลองไปมีลูกกับคนอื่นแล้วแกล้งว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเย่เฉิน
แต่หวังเจียเหยาตัดรอนทันที
พ่อบ้านฟางตอบ “ผมแอบเอาผมของเย่เฉินไปตรวจ DNA ซ้ำอีกรอบ ผลคือเขาไม่ใช่สายเลือดของตระกูลเย่จริงๆ ส่วนคำถามแรกของคุณหนูหวังว่าทำไมผู้หญิงที่ดูใสซื่ออ่อนหวานถึงได้มีคบชู้ ผมคงไม่อาจตอบคำถามคุณได้ คุณหนูหวังเองก็เป็นผู้หญิงน่าจะเข้าใจผู้หญิงด้วยกันมากกว่าผู้ชายนะครับ”
หวังเจียเหยาชะงักนิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดพ่อบ้านฟาง
หล่อนนึกถึงตนเอง!
ตนเองก็ดูไปแล้วเป็นนางฟ้าที่ลงมายังโลกมนุษย์ ใสซื่อ อ่อนหวานไร้เดียงสาไม่ใช่หรือ?
แต่ใครจะคิดว่าตนเองก็เคยทรยศเย่เฉินเหมือนกัน?
พอนึกถึงตรงนี้หวังเจียเหยาก็กัดริมฝีปากแล้วไม่กล้ารับรองแทนแม่ของเย่เฉินอีก
พ่อบ้านฟางกล่าว “เย่เฉิน นายท่านบอกว่าให้คุณลาออกจากประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปทันที ผมจะรับช่วงต่อหุ้นของคุณกับหวังเจียเหยา แล้ววิลล่าเขตเหมยกุยหยวนรวมไปถึงรถมายบัคก็จะถูกริบกลับเข้าไปเป็นสมบัติของตระกูล”
“ไม่ ไม่ได้…”
ทันทีที่หวังเจียเหยาได้ยินว่าบ้านหรูที่ตนเองอาศัย รถหรูที่ตนเองเคยนั่งจะไม่มีอีกแล้ว น้ำตาก็เอ่อคลอในเบ้าตา
เย่เฉินเองก็แสร้งทำท่าทีเศร้าเสียใจแล้วกล่าวว่า “ทุกอย่างที่ผมมีที่อวิ๋นโจวคุณปู่เป็นคนให้มาทั้งหมด ในเมื่อคุณปู่จะเอาคืน ก็ได้ผมจะคืนหุ้นให้คุณปู่แล้วลาออกจากการเป็นประธานบริษัท ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งประธาน ผมอยากให้ฉินหงเหยียนรับตำแหน่งแทนผมได้หรือเปล่า?”
ฉินหงเหยียนที่ถูกกล่าวถึงในใจก็สับสน คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะแนะนำตนเองให้เป็นประธานบริษัทแทนเขา
พ่อบ้านฟางหันมองฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “อืม คุณฉินทั้งใจกล้าและเจ้าแผนการ ผมได้ยินเรื่องของหล่อนมานาน ผมเองก็ไม่รู้เรื่องบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเท่าไหร่ งั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไปก็ให้ฉินหงเหยียนรับตำแหน่งประธานบริษัทแล้วกัน!”
“ท่าน… ท่านฟาง” ฉินหงเหยียนพูดตะกุกตะกัก
หล่อนฝันถึงตำแหน่งนี้มาปลายปีดีดัก!
หล่อนคิดมาเสมอว่ารองประธานบริษัทมหาชนน่าจะเป็นจุดสูงสุดที่ผู้หญิงจะฝ่าฝันไปได้!
พ่อบ้านฟางพอจะมองออกว่าฉินหงเหยียนตื่นเต้นอย่างมากจึงกล่าวพร้อมยิ้ม “คุณฉินอย่าดีใจจนเกินไปล่ะ เป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปตอนนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้ เพราะหัวเซิ่งตอนนี้ยังโดนตระกูลหลิ่วคอยเล่นงานอยู่ หวังว่าหลังจากเย่เฉินลงจากตำแหน่งแล้ว ตระกูลหลิ่วจะเลิกหาเรื่องบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ถ้าเขาจะดันทุรังทำให้หัวเซิ่งกรุ๊ปล้มละลายให้ได้ คุณจะเป็นประธานบริษัทได้สักกี่วันเชียว”
ฉินหงเหยียนรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดี แต่ไม่ว่าจะอย่างไรหล่อนก็อยากจะครอบครองตำแหน่งประธานบริษัทแห่งนี้!
ฉินหงเหยียนค้อมตัวลงเพื่อทำความเคารพพ่อบ้านฟาง แล้วก็ค้อมตัวลงเคารพเย่เฉินแแล้วกล่าว “ขอบคุณท่านฟาง ขอบคุณคุณเย่ ไม่ว่าอย่างไร ฉันจะร่วมหัวจมท้ายกับหัวเซิ่งให้ถึงที่สุดค่ะ!”
พ่อบ้านฟางและเย่เฉินมองฉินหงเหยียนอย่างชื่นชมแล้วยิ้มน้อยๆ
ตอนนี้เย่เฉินกล่าวกับฉินหงเหยียนในใจ “หงเหยียน การบอกลาครั้งนี้เราสองคนอาจจะไม่มีโอกาสเป็นเพื่อนร่วมงานกันอีกแล้วในชีวิตนี้ ถึงต่อให้เจอกันอีกตำแหน่งประธานบริษัทหัวเซิ่งนี้ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ผมมอบให้คุณ ขอบคุณนะที่คุณเคยชอบผม!”
เย่เฉินไม่ใช่คนโง่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผู้หญิงที่สวยที่สุดในวงการธุรกิจอวิ๋นโจวนี้ชอบเขา!
แต่ว่าเย่เฉินก็ยังคงจมปลักในความรักที่มีกับหวังเจียเหยาถึงไม่เคยคิดจะพัฒนาความสัมพันธ์กับหล่อนมาก่อน
ตอนนี้เย่เฉินเป็นฝ่ายล้มเลิกภารกิจในด้านธุรกิจครั้งนี้ด้วยตัวเอง เขาถึงได้ยอมออกจากบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปและตัดความสัมพันธ์กับฉินหงเหยียนโดยสิ้นเชิง
ความสัมพันธ์ครั้งนี้สุดท้ายแล้วก็จบลงที่ความผิดหวัง!
พ่อบ้านฟางไม่พูดอะไรอีกแล้วก็ออกจากบริษัทไป
หลังจากที่ทั้งสองคนนั้นกลับไปแล้ว ในห้องทำงานก็เหลือแค่เย่เฉิน หวังเจียเหยาและฉินหงเหยียน
ราคาหุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปบนจอภาพยังร่วงลงไม่หยุดเขียวอื๋อเต็มไปหมด
ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินในใจสับสนวุ่นวาย “คุณเย่…บางทีคุณปู่คุณอาจจะเลอะเลือนไปชั่วขณะ คุณอย่าเสียใจเกินไปเลยนะ”
เย่เฉินกล่าวแล้วระบายยิ้มน้อยๆ “ผมไม่ใช่ประธานบริษัทแห่งนี้อีกแล้วคุณต่างหาก หลังจากที่ผมไปหวังว่าคุณจะนำพาบริษัทให้พัฒนาไปไกล ต่อไปภายหน้าไม่แน่ว่าถ้าผมไม่มีเงิน ไม่มีข้าวกินอาจจะมาสมัครงานที่นี่ พอถึงตอนนั้นผมหวังว่าคุณจะรับผมไว้ทำงานนะ”
“คุณเย่…”
เมื่อฉินหงเหยียนได้ยินเช่นนี้ก็พลันรู้สึกแสบจมูกแล้วร้องไห้ออกมาทันที
นี่เป็นภาพที่ยากจะได้เห็น
ฉินหงเหยียนมีภาพลักษณ์เป็นหญิงแกร่งมาหลายปี
หล่อนสามารถทำให้พวกผู้บริหารที่ยโสโอหังทั้งหลายยอมคุกเข่าลงตรงหน้าหล่อน
หล่อนสามารถทุ่มผู้ชายที่โตเต็มที่และซ้อมพวกเขาได้อีกต่างหาก
แต่กลับไม่เคยให้ใครได้เห็นภาพที่อ่อนโยนของตนเอง
นี่ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตหญิงสาวที่ร้องไห้ต่อหน้าเจ้านายตนเอง
หล่อนขอบคุณที่ได้พบกับคุณเย่ ได้ทำงานกับเขาถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเหลือเกินของหญิงสาว
เย่เฉินตบบ่าฉินหงเหยียนเบาๆ แล้วกล่าว “คุณฉินรบกวนคุณช่วยจัดงานแถลงข่าวหน่อย ผมจะประกาศเรื่องลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารครับ”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ข่าวเรื่องเย่เฉินประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจต่างๆ ทันที!
หลิ่วอวี่เจ๋อเองโยนบุหรี่ลงพื้นอย่างหัวเสีย แล้วตะคอกฟางเชา
“แกไสหัวไปเลย! แล้วอย่าเอาเรื่องเน่าๆ ของแกกับหวังเจียเหยามาปั่นฉันอีก! แกคิดว่าฉันไม่อยากล้างแค้นเย่เฉินหรือไง? ต้องมีเงินถึงจะสู้ต่อได้! คุณปู่ไม่ให้เงินแล้ว! ฉันจะเอาอะไรไปสู้กับเขา!”
สองวันมานี้ของหลิ่วอวี่เจ๋อเขาเหมือนเต่าหัวหด
ตั้งแต่กลับมาที่เทียนไห่ เขาก็ไม่กล้าพบหน้าหวังเจียเหยาอีก ถึงขนาดไม่กล้าตอบวีแชทหญิงสาวด้วยซ้ำไป!
สองวันก่อนเขายังพูดอย่างกล้าหาญว่าจะแย่งหวังเจียเหยามาจากเย่เฉิน
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถจะสู้กับเย่เฉินต่อได้อีกแล้ว
ฟางเขาไม่อยากให้การสู้รบระหว่าทั้งสองตระกูลจะจบลง เขาพยายามจะยั่วยุต่อ
“คุณตาไม่ให้เงินนาย นายก็ไปขอพ่อกับแม่นายสิ หรือไม่ก็ขอยืมจากหลิ่วเฟิงก็ได้ เขาน่าจะมีอย่างน้อยๆ สักหลายพันล้านอยู่มั้ง”
“ถ้าหากทุ่มเงินอีกไม่กี่ร้อยล้านแล้วจะทำให้บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเจ๊งล่ะก็ฉันยืมไปนานแล้ว! ทันทีที่บริษัทเย่เฉินเกิดเรื่อง พวกนักธุรกิจรวยๆ ต่างก็ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเขา นี่แม่งเหมือนหลุมลึกไร้ก้นบึ้งชัดๆ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อสู้รบปรบมือกับเย่เฉินมา ทำให้รู้ซึ้งในศักยภาพของตระกูลเย่เขาดูถูกอีกฝ่ายไม่ได้เด็ดขาด
คนจำนวนมากพูดว่าฐานอิทธิพลของตระกูลเย่นั้นย้ายไปที่เมืองนอก ส่วนในประเทศนั้นไม่มีอะไรต้องหวาดกลัวไร้สาระชัดๆ!
แต่ในเวลานี้เองจู่ๆ โทรศัพท์ของหลิ่วอวี่เจ๋อและฟางเชาก็มีข้อความเตือนเข้ามาพร้อมกัน
เป็นข้อความแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชันการเงินที่พวกเขากดติดตามเอาไว้
ทั้งสองคนเปิดมือถือดูพร้อมกันแล้วอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
เมื่อเห็นหัวข้อข่าว “ข่าวด่วน! คุณหม่าปฏิเสธด้วยตัวเองแล้วเรื่องที่ร่วมมือกับบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปในงานวันคนโสด!”
ทันทีที่เข้าไปดูก็เห็นคลิปสัมภาษณ์สั้นๆ ของคุณหม่า
ในคลิปนั้นคุณหม่าแจงว่าบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเคยติดต่อขอความร่วมมือกับพวกเขา แต่เพราะเงินไม่เข้าบริษัทเสียที ทำให้คุณหม่าสงสัยว่าการเงินของทางหัวเซิ่งกรุ๊ปจะมีปัญหา ดังนั้นจึงยกเลิกการร่วมมือครั้งนี้
หลิ่วอวี่เจ๋อดูเสร็จก็ตกใจ “นายบอกว่าคุณหม่านับถือปู่ของเย่เฉินมากเลยไม่ใช่หรือไง? เขาพูดแบบนี้มันเท่ากับว่าทำร้ายเย่เฉินชัดๆ!”
ฟางเชากล่าวพลางหัวเราะร่วน “ก็จะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะสิ ดังนั้นคุณหม่าถึงได้ลอยแพเย่เฉิน หมอนั่นจะต้องเกิดเรื่องอะไร!”
ดวงตาหลิ่วอวี่เจ๋อสว่างวาบ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาตลาดหุ้นเปิด เขายังมีโอกาสเลือกอีกครั้ง!
ว่าเขาจะสู้กับเย่เฉินต่อ หรือจะเชื่อฟังคุณปู่แล้วรามือเสีย!
ทันทีที่คิดถึงเรือนร่างแบบบางอ่อนหวาน ใบหน้าที่งดงามหมดจดของหวังเจียเหยาแล้ว ผู้ชายวัยยี่สิบปีต้นๆ อย่างเขาไหนเลยจะต้านทานความต้องการดิบในร่างกายได้
เขาโทรหาหลิ่วเฟิงอย่างรวดเร็ว “พี่ครับ ผมขอยืมเงินหนึ่งพันล้านหน่อย!”
……
หนึ่งชั่วโมงก่อนนี้
เย่เฉินอาศัยจังหวะตอนเข้าห้องน้ำโทรหาคุณหม่า
“คุณหม่าช่วยอะไรผมหน่อยสิ” เย่เฉินถือโทรศัพท์ขณะนั่งบนชักโครก
คุณหม่าหัวเราะ “จะขอให้ช่วยนายตรึงราคาหุ้นใช่ไหม ไม่มีปัญหา พอดีเลยหุ้นบริษัทผมก็กลับไปเข้าตลาดหุ้นฮ่องกงเหมือนกัน สบายใจได้เลยมีผมอยู่ ราคาหุ้นของบริษัทคุณไม่ร่วงลงหรอก!”
บริษัทของคุณหม่าเคยเข้าตลาดหุ้นที่ฮ่องกงเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่เพราะตลาดหุ้นของฮ่องกงไม่สนับสนุน ‘dual class stock’[1]ที่คุณหม่าเสนอ
ดังนั้นคุณหม่าจึงให้บริษัทไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ของทางอเมริกาจนกลายเป็นหุ้น IPO ที่มีการลงทุนเยอะที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของทางอเมริกา
หลังจากนั้นตลาดหลักทรัพย์ของทางฮ่องกงก็ผิดหวัง ผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ก็แก้กฎให้คุณหม่าโดยเฉพาะ แล้วเชิญเขาให้พาบริษัทกลับมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ของทางฮ่องกง
สามารถพูดได้ว่าคุณหม่ามีความสำคัญกับตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงอย่างมาก พูดได้ว่าคำพูดของเขามีน้ำหนักอย่างยิ่งยวด
เย่เฉินได้คุณหม่าคอยดูแลแทบจะไม่มีปัญหาอะไรด้วยซ้ำไป
ทว่าเย่เฉินกลับกล่าวว่า “ไม่คุณหม่า ผมอยากจะขอให้คุณยกเลิกความร่วมมือกับบริษัทของเราแล้วดิสเครดิตเราด้วย”
……
สิบโมงเช้า ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดให้ซื้อขายอย่างเป็นทางการ!
บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป
เย่เฉิน ฉินหงเหยียนและหวังเจียเหยานั่งอยู่ในห้องทำงานของเย่เฉิน จดจ่ออยู่กับหน้าจอ LED ที่หุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปร่วงลงอย่างหนักทันทีที่เปิดตลาด!
ทุกกระดานหุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเป็นสีเขียวทั้งหมด!
หวังเจียเหยาร้อนรนหล่อนเขย่ามือสามีแล้วถาม “ที่รักนี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมหุ้นพวกเราร่วงล่ะคะ? ฉันไม่ชอบสีเขียวเลย นายรีบโทรบอกให้คุณปู่ช่วยเราที ให้มันเป็นสีแดงหน่อยสิ”
ราคาหุ้นขึ้นคือสีแดง ราคาตกคือสีเขียว
เย่เฉินเหยียดหยันในใจ “คุณไม่ชอบสีเขียวเหรอ? ละคิดว่าผมชอบหรือไง! คุณแม่งใส่หมวกเขียวให้ผมสองใบแล้วนะ!”
เพื่อไม่ให้ผิดสัญญากับคุณย่าเล็กและเพื่อจะสลัดหวังเจียเหยาให้ไปพ้นๆ เขาทำได้เพียงสะกดกลั้นความโกรธไว้ในใจ
เย่เฉินตีมือภรรยาเบาแล้วกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่เป็นไรนะ ผมจะโทรหาคุณปู่ ขอเงินเขาสักหมื่นล้านมาช่วยบริษัทก่อน”
“อืมๆ! นายคุยเรื่องงานเสร็จแล้ว ฉันก็อยากจะทักทายคุณปู่สักหน่อย ฉันอยากจะสวัสดีคุณปู่หน่อย อ้อไม่สิฝั่งคุณปู่อยู่น่าจะกลางคืนแล้ว ฉันควรต้องราตรีสวัสดิ์คุณปู่ต่างหาก!”
หวังเจียเหยาดีใจเหมือนเด็กๆ
ฉินหงเหยียนที่รูปร่างสูงโปร่ง เอวบางนั่งบนโต๊ะทำงานที่มูลค่าแสนแพง กล่าวอย่างเสียดายในใจ “นี่มันเทพตีกันชัดๆ เงินที่ตระกูลเย่กับตระกูลหลิ่วโยนๆ ทิ้งกันมานี่รวมๆ กันแล้วน่าจะมีมูลค่าหลายเท่าตัวของมูลค่าบริษัทด้วยซ้ำไป!”
ฉินหงเหยียนย่อมสนุกและมีความสุขมาก บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปกลายเป็นจุดสนใจของโลกธุรกิจในประเทศ ส่วนหล่อนเองจากที่เป็นคนในวงธุรกิจของอวิ๋นโจวขยับไปเป็นคนดังระดับประเทศแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้มีคนรู้จักหล่อนแล้วไม่น้อย
หากต่อไปหล่อนอยากจะย้ายที่ทำงานก็คงจะง่ายดายขึ้น
เย่เฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหาคุณปู่ แต่โทรศัพท์ของเขาไม่มีสัญญาณตอบรับ
“โทรไม่ติด” เย่เฉินขมวดคิ้ว
หวังเจียเหยากล่าว “คุณปู่จะเข้านอนแล้วหรือเปล่า? นายลองโทรหาพ่อบ้านฟางสิ”
“อื้ม”
เย่เฉินเพิ่งกดโทรหาพ่อบ้านฟาง ใครจะรู้ว่าจู่ๆ โจวหรงหรงก็เคาะประตูแล้วกล่าวหลังจากเข้ามา “คุณเย่คะ คุณฟางขอเข้าพบคุณค่ะ”
ที่แท้พ่อบ้านฟางและหลิวเจิ้งคุนมาถึงบริษัทแล้ว
เมื่อหวังเจียเหยาเห็นทั้งสองคนก็รีบร้อนเดินไปหา แล้วทักทายพวกเขาอย่างสนิทสนม “พ่อบ้านฟาง คุณหลิว พวกคุณมาแล้วเหรอ เย่เฉินกำลังอยากจะโทรหาคุณพอดี”
ใครจะรู้ว่าทั้งสองคนที่ในอดีตยามพบหน้าพวกเขาจะนอบน้อมอย่างยิ่ง แต่วันนี้กลับมีท่าทีต่างจากวันวาน
หลิวเจิ้งคุนตะคอกหวังเจียเหยา “พ่อบ้านฟางอะไร เรียกท่านฟางสิ!”
หวังเจียเหยาตัวค้างแข็งไปทันที ไม่เข้าใจว่าทำไมหลิวเจิ้งคุนจึงกล่าวเช่นนี้ ในเมื่อที่ผ่านมาพวกเขาสองคนก็เรียกอีกฝ่ายแบบนี้มาตลอด
หลิวเจิ้งคุนไม่ใช่คนดีอะไร หวังเจียเหยาย่อมไม่กล้าจะไปต่อล้อต่อเถียงกับเขา
เย่เฉินเองก็เดินมาถามเขา “พ่อบ้านฟางคุณก็เห็นแล้ว ราคาหุ้นของหัวเซิ่งดิ่งลงไม่หยุดเลย ผมโทรหาคุณปู่ก็โทรไม่ติด คุณให้เงินผมยืมสักพันล้านสิ”
พ่อบ้านฟางเอามือไพล่หลังไม่มีท่าทีเคารพนับถือเหมือนอย่างเคยแล้วกล่าวอย่างวางท่า “คุณเย่ นายท่านส่งผมมาแจ้งคุณว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณใช้เงินของตระกูลไปแล้วหมื่นล้าน นายท่านโกรธคุณมากเลย! นายท่านจะไม่ให้เงินคุณแม้แต่แดงเดียว อ้อแล้วก็ เย่เฉินนายโดนขับออกจากตระกูลแล้ว ไม่ใช่ทายาทตระกูลเย่อีกต่อไป!”
[1] Dual class stock คือการออกหุ้นของบริษัทใดบริษัทนึง (และบริษัทเดียว) แต่ออกหุ้นมาหลายแบบ ตัวอย่างเช่น มีการแบ่งเป็น Class A และ Class B โดยสองคลาสนี้อาจจะแตกต่างกันในเรื่องของสิทธิในการออกเสียง (voting rights) และสิทธิในการได้รับเงินปันผล (dividend) เป็นต้น
“จริงเหรอ?”
ฉินหงเหยียนดีใจจนเสียอาการอย่างเห็นได้ชัด
เรื่องที่หวังเจียเหยาเอาแต่ใช้สถานะภรรยาท่านประธานมาข่มหล่อนนั้น หล่อนรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับตนเองมาโดยตลอด
ฉินหงเหยียนเป็นคนเก่าแก่ของบริษัท หล่อนทำงานที่บริษัทแห่งนี้ก่อนที่เย่เฉินจะเข้ามาที่บริษัทเสียอีก หญิงสาวทุ่มเททำเพื่อบริษัทมากมาย
หวังเจียเหยาล่ะเคยทำอะไรบ้าง?
มีสิทธิ์อะไรมาใช้ห้องทำงานที่ดีขนาดนั้น?
จู่ๆ ฉินหงเหยียนก็เกิดสงสัย “คุณเย่ คุณกับหวังเจียเยา…. ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันใช่ไหมคะ?”
เรื่องไม่ดีในครอบครัวเขาย่อมไม่สามารถบอกฉินหงเหยียนได้
“พวกเรารักกันดี หล่อนเพิ่งตั้งท้อง พวกเรารักกันมากแต่ตอนนี้ผมพบว่าผมชักจะตามใจหล่อนมากเกินไปจนปล่อยปละละเลยพวกคุณไป ทำแบบนี้ไม่ใช่ผู้บริหารที่ดีเลย”
ฉินหงเหยียนไม่สงสัยอะไรอีก หล่อนยิ้มแล้วกล่าว “คุณเย่รักภรรยาขนาดนี้ถือเป็นต้นแบบของผู้ชายที่ดีจริงๆ พนักงานอย่างเราๆ ไม่กล้าจะหึงหวงท่านประธานหรอกค่ะ”
เย่เฉินอดชะงักมองเรือนร่างที่งดงามของฉินหงเหยียนหลายวินาทีไม่ได้
เมื่อครู่ที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหวังหยวนหยวน ยังส่งผลให้ตอนนี้อารมณ์เย่เฉินยังคงคุกรุ่นอยู่เมื่อเห็นผู้หญิงสวยๆ ก็อดทนไม่ไหว
ฉินหงเหยียนเองก็เป็นผู้หญิงที่สวยในบรรดาผู้หญิงด้วยกัน เย่เฉินจะไม่คิดอะไรกับหล่อนก็เป็นไปไม่ได้
พูดกันตามตรงถึงแม้ว่าฉินหงเหยียนจะเป็นผู้หญิงที่สวยสุดยอดที่อยู่ข้างกายเย่เฉิน แต่เย่เฉินก็ไม่ได้ดีกับหล่อนเท่าไหร่
ตั้งแต่ฉินหงเหยียนรู้ว่าเย่เฉินเป็นท่านประธานแล้วก็เป็นเฝ่ายเข้าหาเขา
แต่เย่เฉินเย็นชากับหล่อนอย่างยิ่ง เขาปฏิบัติต่อหล่อนเหมือนหญิงสาวเป็นลูกน้องทั่วไป
ตอนนี้เย่เฉินเสียใจภายหลังแล้วจริงๆ ต่อให้เลือกฉินหงเหยียนในตอนแรกก็น่าจะดีกว่าเลือกหวังเจียเหยา!
อย่างน้อยๆ ฉินหงเหยียนก็เป็นคนปากตรงกับใจ ไม่เหมือนหวังเจียเหยาที่ภายนอกดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่เบื้องหลังกลับเจ้าชู้หว่านสเน่ห์ผู้ชายไปทั่ว!
เย่เฉินกล่าวว่า “หงเหยียนเที่ยงนี้ว่างไหม? ผมจะเลี้ยงข้าวคุณ”
พอฉินหงเหยียนได้ยินก็ดีใจอย่างมาก “ได้สิคะ ฉันอยากกินบะหมี่กุ๊กไก่ร้านนอกเมืองพอดี”
……
พอถึงตอนเที่ยงเย่เฉินและหวังเจียเหยาก็เดินไปที่ลานจอดรถใต้ดินด้วยกันด้วยกัน แล้วขึ้นรถมายบัคให้คนขับรถไปส่งพวกเขาที่เมืองหยินไท่ก่อน
ในที่นั่งด้านหลังเย่เฉินรินแชมเปญแก้วหนึ่งให้ฉินหงเหยียนแล้วส่งให้หล่อน
“ไปซื้อของที่หยินไท่ก่อนแล้วค่อยไปกินข้าวได้ไหม?”
ฉินหงเหยียนที่เป็นลูกน้องไหนเลยกล้าจะคัดค้าน แต่ไหนแต่ไรมาจะกินได้ก็ต่อเมื่อเจ้านายกินเท่านั้น
ฉินหงเหยียนรับแชมเปญจากอีกฝ่าย “ได้สิคะแน่นอน แต่ว่าคุณเย่…”
“เรียกชื่อผมก็พอ”
เย่เฉินเองก็รินแชมเปญให้ตนเองแก้วหนึ่ง
“เย่เฉินวันนี้มีเรื่องดีอะไรถึงต้องดื่มแชมเปญฉลองเหรอคะ?”
ฉินหงเหยียนกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม แชมเปญที่ถูกเตรียมบนรถหล่อนก็เป็นคนเตรียมให้เขา
เย่เฉินดื่มแชมเปญเพื่อฉลองให้ตนเองที่ในที่สุดก็ตาสว่างมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหญิงสาว สุดท้ายก็ปล่อยมือจากความสัมพันธ์นี้ไปได้เสียที
ทว่าเย่เฉินกลับกล่าวว่า “ฉลองที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปของเรารอดจากการโดนปั่นหุ้นไง”
ฉินหงเหยียนชนแก้วกับเขา “ตลาดหุ้นวันจันทร์ หุ้นของพวกเราจะต้องขึ้นอีกค่ะ!”
เย่เฉินไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ตอบรับ สิ่งที่ฉินหงเหยียนไม่รู้ก็คือทันทีที่ตลาดหุ้นเปิดในวันจันทร์หุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปจะร่วงหนัก !
พอถึงตอนนั้นเย่เฉินจะถูกขับออกจากตระกูล และจะไม่เป็นท่านประธานผู้บริหารของหัวเซิ่งกรุ๊ปอีกต่อไป!
ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนร่วมงานของเย่เฉินและฉินหงเหยียน จะเหลือแค่วันเสาร์และอาทิตย์แล้ว!
ดังนั้นเย่เฉินถึงได้อยากเลี้ยงข้าวฉินหงเหยียน และซื้อให้ของอีกฝ่ายเล็กน้อยเพื่อขอบคุณในความช่วยเหลือของหล่อน
เมื่อมาถึงหยินไท่ เย่เฉินรู้ว่าฉินหงเหยียนชอบกระเป๋าชาแนลจึงเดินตรงไปที่บูทีคชาแนล
พนักงานในบูทีคก็มองออกทันทีว่าเย่เฉินคือประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
บวกกับที่ฉินหงเหยียนที่อยู่ข้างกายเขานั้นสวยสง่าแค่มองก็รู้ว่าหล่อนเป็นคนมีเงิน จึงทักทายอย่างเป็นมิตร
เย่เฉินถูกใจกระเป๋าสีแดง เขาหยิบแล้วส่งให้ฉินหงเหยียนดูพลางถาม “หงเหยียนคุณชอบกระเป๋าใบนี้ไหม?”
ฉินหงเหยียนผงกศีรษะ “ชอบมากทีเดียวค่ะ แต่หวังเจียเหยาน่าจะชอบสีอ่อนหน่อยนะคะ”
เย่เฉินส่งกระเป๋าให้พนักงาน “ห่อใบนี้ให้หน่อยครับ”
ฉินหงเหยียนประหลาดใจ
กระเป๋ามูลค่าหกแสน หลังจากเย่เฉินรูดบัตรจ่ายเงินแล้วก็ส่งกระเป๋าให้ฉินหงเหยียน “ใบนี้ให้คุณ”
ฉินหงเหยียนตกใจจนเอามืออุดปาก “เย่เฉิน…”
คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะซื้อกระเป๋าชาแนลมูลค่าหกแสนให้หล่อน!
เย่เฉินตบไหล่บางของอีกฝ่ายแล้วกล่าว “เอาไปเถอะ ช่วงนี้บริษัทเจอเรื่องมามาก คุณยุ่งทุกวันได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง คุณลำบากแล้ว นี่คือรางวัลของคุณ”
เย่เฉินจ่ายเงินแล้ว แต่นี่กระเป๋าผู้หญิงที่เหมาะกับสุภาพสตรีไม่ใช่แบบที่หวังเจียเหยาชอบ
ดังนั้นฉินหงเหยียนจึงไม่บอกปัดอีก หล่อนรับกระเป๋ามาแล้วกล่าว “ขอบคุณนะคะคุณเย่!”
“ไปกันเถอะ ไปกินข้าวกัน!”
เย่เฉินและฉินหงเหยียนออกจากเมืองด้วยกัน หัวร่อต่อกระซิกกันจนถึงสี่โมงเย็นถึงจะกลับไปที่บริษัท
หลายชั่วโมงที่ผ่านมานี้ฉินหงเหยียนรู้สึกไปเองราวกับว่าตนเองเป็นแฟนของเขา เพราะเย่เฉินไม่เคยดีกับหล่อนแบบนี้มาก่อน
เย่เฉินเองก็คิดได้แล้ว
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาประคบประหงมหวังเจียเหยาอย่างมาก ไม่ว่าอะไรก็ซื้อให้หล่อน อะไรก็ยอมหล่อนไปเสียหมด
ผลคือ?
สิ่งที่ได้มาคือการทรยศหักหลัง!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เย่เฉินมอบความรักพวกนี้แบ่งปันให้คนรอบกายที่คู่ควรน่าจะดีกว่า!
ในตอนที่เย่เฉินและฉินหงเหยียนไปกินข้าวด้วยกันที่นอกเมือง หวังเจียเหยากำลังสนทนากับซ่งหงเย่อยู่
หวังเจียเหยากล่าว “เธอติดต่อหลิ่วอวี่เจ๋อได้ไหม? เหมือนเขาจะออกไปจากอวิ๋นโจวแล้วเลย”
ซ่งหงเย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่เขาไปแล้ว กลับเทียนไห่ไปแล้วน่ะ ฉันว่าเพราะสู้สามีเธอไม่ได้ ถึงได้แอบชิ่งหนีไป เจียเหยาดีใจด้วยนะตระกูลเย่ร้ายกาจจริงๆ”
หวังเจียเหยาเองก็ดีใจมาก “เป็นอย่างนี้เองเหรอ? ฉันก็ว่า! ตระกูลที่ยิ่งใหญ่แบบตระกูลหลิ่วหาเรื่องบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ถ้าเป็นคนอื่นบริษัทคงเจ๊งไปนานแล้ว แต่เย่เฉินกลับมีความสามารถที่จะประคับประคองไม่ให้บริษัทล้ม ทรัพย์สินของตระกูลเย่เยอะเกินประมาณจริงๆ โชคดีที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเขา!”
พอย้อนคิดถึงหลายวันที่ผ่านมาในช่วงนี้ หวังเจียเหยาตัวติดหลิ่วอวี่เจ๋ออยู่ตลอดตั้งแต่เช้ายันเย็น แถมยังมีหลายชั่วโมงที่พวกเขาอยู่ากันตามลำพัง
หลิ่วอวี่เจ๋อตามจีบหวังเจียเหยาอย่างบ้าคลั่ง จนหวังเจียเหยาเกือบโอนอ่อนไปกับเขาแล้วทำเรื่องที่ผิดต่อสามีตนเอง
ซ่งหงเย่กล่าวว่า “อยากให้ไปถึงวันจันทร์เร็วๆ ดูว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะโดนเย่เฉินเล่นงานจนเละเทะยังไง!”
ก่อนหน้านี้ซ่งหงเย่ถูกหลิ่วอวี่เจ๋อคุกคาม ทำให้หล่อนเกลียดชังเขาเหลือเกิน!
เมื่อเห็นตระกูลหลิ่วโดนตระกูลเย่เล่นงาน โดยตระกูลเย่เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดทำให้หล่อนรู้สึกสะใจอย่างมาก
และเวลาก็ผ่านไป แล้ววันจันทร์ก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
วันจันทร์ตลาดหุ้นเปิด สงครามระหว่างเย่เฉินและหลิ่วอวี่เจ๋อก็เปิดฉากอีกครั้ง!
คนในวงการกล่าวกันว่าวันนี้ตอนเช้าราคาหุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปจะเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะของทั้งสองฝ่าย!
วิลล่าเขตเฝยชุ่ย จากเทียนไห่
หลิ่วอวี่เจ๋อกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ สูบบุหรี่อย่างร้อนใจ ส่วนฟางเชานั่งข้างๆ เขาด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเหมือนกัน
“อวี่เจ๋อจะปิดคำสั่งซื้อขายไม่ได้นะ! ต้องสู้กับเย่เฉินต่อ! นายไม่อยากนอนกับหวังเจียเหยาเหรอ? ฉันแนะนำให้นายไปฟังคลิปเสียงอีกรอบ!”
ฟางเชากล่าวอย่างโกรธจัด
หวังหยวนหยวนก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีเด่อะไร!
ก่อนที่เย่เฉินจะบอกว่าตนเองเป็นประธานบริษัท หล่อนรังเกียจและดูถูกเขามากกว่าหวังเจียเหยาเสียอีก!
บอกเขาว่าแอบรักเขามาสามปีเป็นยิ่งกว่าคำโกหกเสียอีก!
ถ้าเย่เฉินเป็นคนจนจริงๆ อย่างน้อยหวังเจียเหยาอาจจะยังยอมให้หล่อนเป็นตัวสำรอง แต่หวงหยวนหยวนไม่แม้แต่จะเหลือบแลเขา!
ตอนนี้เย่เฉินเองก็ตัดสินใจแน่วแน่ ในเมื่อเจ้าตัวคิดว่าเราสองคนควรคบหากัน แถมยังตั้งใจแต่งตัวมาพบฉันขนาดนี้เพื่อจะขอความรักจากฉัน งั้นฉันจะทำให้สมหวังแล้วกัน!
การทรยศของภรรยาทำให้เย่เฉินเสียสติไป
ในวินาทีนี้เขาเพียงแต่อยากจะแก้แค้นหวังเจียเหยา แก้แค้นคนตระกูลหวังให้สาสมเท่านั้น!
ทว่าสิบนาทีต่อมาเย่เฉินก็ผลักหวังหยวนหยวนออก
เขาไม่ยอมปล่อยให้ความโง่เง่านี้ดำเนินต่อไป และไม่ปล่อยตัวปล่อยใจกับหวังหยวนหยวนจนกู่ไม่กลับ
เย่เฉินนั่งลงบนพื้นแล้วตบหน้าผากตนเอง แล้วมีเสียงดังขึ้นในใจเขาทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง
“เป็นอะไรไปคะ?” หวังหยวนหยวนถามเสียงแผ่ว
เย่เฉินกล่าว “ผมไม่สามารถทำเรื่องที่ทรยศต่อการแต่งงานของผมได้”
หวังหยวนหยวนกล่าว “แต่หวังเจียเหยาทำไปแล้วนะคะ”
เย่เฉินส่ายหน้าพลางกล่าว “ผมหย่าได้แต่ผมจะทำเรื่องแบบเดียวกันกับที่หล่อนทำไม่ได้ ถ้าผมทำแบบนี้ล่ะก็จะต่างอะไรกับพี่สาวคุณกัน? ก็จะกลายเป็นคนที่ทรยศต่อการแต่งงานเหมือนๆ กัน”
เย่เฉินรู้ว่าในชีวิตจริงมีคู่สามีภรรยามากมาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่หลังจากรู้ว่าสามีตนเองมีน้อยแล้ว ก็เกิดอยากล้างแค้นขึ้นมา นั่นก็คือหาคนอื่นเหมือนกัน
แต่ว่านี่ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง
หล่อนเลือกจะหย่าได้แต่ไม่สามารถทำเรื่องผิดพลาดแบบเดียวกันได้
การอบรมที่เขาได้รับมาตลอดยี่สิบกว่าปี ไม่ปล่อยให้เย่เฉินต้องทำเรื่องที่ผิดต่อหลักศีลธรรมแบบนี้!
หวังหยวนหยวนผิดหวังอย่างมากหล่อนติดกระดุมชุดกี่เพ้าใหม่อีกครั้ง แล้วจัดชุดกี่เพ้าที่เละเทะ ยับยู่ยี่ถึงขนาดที่เปรอะเปื้อนเล็กน้อยนั้นใหม่ให้เรียบร้อยจากนั้นก็ค้อมตัวลงหน้าเย่เฉินคว้ามือเขาแล้วกล่าว
“พี่เย่เฉิน ฉันจะรอพี่หย่ากับหล่อน พอหย่ากันแล้วพวกเราก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย!”
เย่เฉินระบายยิ้ม เขาย่อมต้องหย่ากับหวังเจียเหยาอยู่แล้ว การสมรสครั้งนี้เขาหย่าแน่!
ทว่าตามแผนที่เขาวางไว้ เขาจะให้หวังเจียเหยาเป็นฝ่ายขอหย่าเอง
ตอนนั้นเย่เฉินจะถูกเตะ ออกจากตระกูลกลายเป็นคนธรรมดาทั่วๆ ไป
เย่เฉินกล่าวพลางยิ้ม “เกรงว่าตอนนั้นเธอก็อาจจะไม่อยากคบกับฉัน”
หวังหยวนหยวนกล่าวว่า “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง ฉันชอบพี่มาตั้งสามปี ถ้าพี่หย่ากับหวังเจียเหยา ฉันจะแย่งพี่มาทันที!”
เย่เฉินไม่ได้เถียงกับหล่อนเรื่องนี้จึงกล่าวถาม “หยวนหยวน เรื่องของเจียเหยาเธอได้บอกใครบ้างไหม? ทำไมไม่บอกฉัน?”
หวังหยวนหยวนก็ตอบตามตรง “ฉันไม่ได้บอกใครเลย พี่ชายฉัน พ่อฉันและคุณย่าฉันยังไม่บอกเลย เดิมทีอยากจะหาเวลามาบอกพี่ก่อน แต่เพราะช่วงนี้บริษัทพี่มีปัญหา ฉันเห็นพี่ไม่มีเวลาก็เลยว่าจะรอให้พี่ว่างแล้วค่อยบอกพี่”
“อ้อ” เย่เฉินผงกศีรษะ “เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกใครแล้วกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามให้หวังเจียเหยารู้ว่าฉันจับได้แล้ว”
“ได้ค่ะ” หวังเจียเหยารับคำอย่างว่าง่าย “สบายใจเถอะค่ะ ฉันไม่บอกใครหรอกค่ะ”
เย่เฉินผงกศีรษะแล้วกล่าว “เธอไปก่อนเถอะ มีอะไรเดี๋ยวฉันจะเรียกเอง ส่วนเรื่องเมื่อครู่ขอโทษด้วยนะ…”
บนใบหน้าหวังหยวนหยวนเต็มไปด้วยความสุข “ขอโทษอะไร ฉันดีใจมากเลยนะคะ เมื่อกี้เป็นจูบแรกของฉันเลยนะคะ!”
สามปีมานี้เย่เฉินอยู่บ้านตระกูลหวัง รู้ว่าหวังจื้อเฉียงเข้มงวดอย่างมาก เขาไม่อนุญาตให้บุตรสาวคบหากับผู้ชายสักคน
คำพูดของหล่อนเชื่อถือได้
แต่พูดไปแล้วก็น่าเจ็บใจ เขาไม่ได้ครอบครองจูบแรกของหวังเจียเหยา แต่กลับเป็นจูบแรกของน้องสาวของหล่อน
หวังหยวนหยวนเดินออกจากห้องทำงานด้วยท่าทีลำพองใจ ส่วนสภาพของเย่เฉินก็ไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้นแล้ว
บางทีเพราะเรื่องที่เกิดในสิบกว่านาทีก่อนเมื่อกี้ ทำให้เย่เฉินรู้สึกผิดกับหวังเจียเหยา
หลังจากที่หวังหยวนหยวนออกมาจากห้องทำงานเย่เฉินแล้ว หล่อนก็ไปเติมเครื่องสำอางในห้องน้ำ เพราะลิปสติกที่หล่อนเติมมาก่อนนี้ถูกเขาจูบจนหายไปหมดแล้ว
แต่ตอนที่ทาลิปสติกในห้องน้ำหล่อนก็พบกับฉินหงเหยียน
“พี่หงเหยียน”
หวังหยวนหยวนเห็นฉินหงเหยียนก็ดีใจอย่างยิ่ง เพราะฉินหงเหยียนเป็นลูกน้องที่เย่เฉินไว้ใจที่สุด แถมยังเคยตบหวังเจียเหยาเข้าฉาดใหญ่
ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร
ฉินหงเหยียนมองหวังหยวนหยวน แล้วสงสัยเล็กน้อยว่าชุดที่หวังหยวนหยวนใส่ทำไมถึงสกปรกแบบนี้?
ดูไปแล้วหล่อนก็เหมือนไปฟัดกับใครในโคลนมา
ในความทรงจำของหล่อน หวังหยวนหยวนถือเป็นเด็กผู้หญิงที่รักสะอาดอย่างมาก เสื้อผ้าสกปรกแบบนี้หล่อนเองยังไม่กล้าใส่ไปข้างนอกด้วยซ้ำ
ทว่าเรื่องแบบนี้เด็กผู้หญิงเองก็ถือทิฐิ หล่อนเองก็เกรงใจจนไม่กล้าจะถาม
“อ้อ คุณหนูหวังนี่เอง”
ฉินหงเหยียนตอบกลับ
หวังหยวนหยวนกล่าวว่า “พี่หงเหยียนทำไมถึงได้ถึงได้เกรงใจกันแบบนี้ล่ะคะ เรียกฉันหยวนหยวนก็พอค่ะ จริงสิแล้วทำไมย้ายห้องทำงานไปแล้วล่ะคะ?”
ฉินหงเหยียนตอบเสียงเย็น “ก็ฝีมือพี่สาวคุณน่ะสิ ห้องทำงานเดิมของฉันตอนนี้กลายเป็นห้องทำงานของพี่สาวคุณหวังเจียเหยาไปแล้ว”
หวังหยวนหยวนกล่าวว่า “พี่เขาก็จริงๆ เลย หล่อนเองก็ไม่ได้มาทำงานที่บริษัทบ่อยๆ เสียหน่อยแล้วจะแย่งห้องทำงานของพี่เจียเหยาทำไม? ไม่เป็นไรนะคะ พี่หงเหยียน พี่ไม่ต้องกังวลไป อีกเดี๋ยวฉันจะไปบอกเย่เฉินให้เขาคืนห้องทำงานเดิมให้พี่นะ”
ฉินหงเหยียนประหลาดใจอย่างมาก มือที่เดิมจะผลักประตูห้องน้ำก็ชะงักนิ่งไป
น้ำเสียงของหวังหยวนหยวนฟังไปแล้วเหมือนเป็นอะไรกับเย่เฉินอย่างนั้น
เย่เฉินจะเชื่อฟังในทุกอย่างที่หล่อนพูดเหรอ?
หวังหยวนหยวนตอนนี้ลำพองใจอย่างมาก เพราะจูบเมื่อครู่ของเย่เฉิน หนำซ้ำยังมีเรื่องที่หวังเจียเหยาทรยศเขาอีก
รอให้สองคนนั้นหย่ากันก่อนเถอะ หวังหยวนหยวนก็จะเป็นภรรยาของเขา เป็นภรรยาของประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป!
อย่างนั้นแล้วหวังหยวนหยวนย่อมต้องมีสิทธิ์จัดแจงว่าใครจะให้ห้องทำงานไหนบ้าง
ในขณะที่ฉินหงเหยียนกำลังงุนงงอยู่นั้นเอง หวังหยวนหยวนก็จัดแจงทาลิปสติกใหม่อีกครั้ง
จากนั้นก็ตบบ่าฉินหงเหยียนเบาๆ ทำท่าเหมือนผู้ใหญ่ปฏิบัติต่อเด็ก เหมือนหัวหน้าปฏิบัติต่อลูกน้องแล้วกล่าว
“พี่หงเหยียนตั้งใจทำงานกับเย่เฉินทำให้บริษัทเติบโตนะคะ เย่เฉินเขาย่อมให้รางวัลอย่างงามอยู่แล้ว ”
พูดจบหวังหยวนหยวนก็เดินจากไป
“หวังหยวนหยวนไม่สบายหรือเปล่านะ?”
ฉินหงเหยียนงุนงง หลังจากล้างมือเป่ามือแล้วก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานของเย่เฉิน
ทว่าหล่อนก็นึกถึงเมื่อครู่ที่เย่เฉินระเบิดอารมณ์ใส่โจวหรงหรงว่าไม่ให้ใครรบกวนเขา หล่อนก็ชะงักไปแล้วส่งวีแชทหาเขาก่อน
“คุณเย่คะ ฉันจะพบคุณที่ห้องทำงานได้ไหมคะ?”
เย่เฉินดูข้อความแล้วก็ลุกขึ้นจากพื้น
เขาในตอนนี้ไม่หัวเสียเหมือนตอนเพิ่งมาแล้ว เขาเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตูแล้วกล่าว
“หงเหยียนเข้ามาสิมา”
หลังจากฉินหงเหยียนเดินเข้าไปในห้องทำงานแล้วหล่อนก็รีบร้อนกล่าวกับเย่เฉิน
“ไม่รู้ว่าหวังหยวนหยวนคนนั้นไม่สบายหรือเปล่า เมื่อครู่บอกว่าจะยกห้องทำงานของภรรยาคุณให้ฉัน ฉันอยากจะอธิบายกับคุณเย่สักหน่อยว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันร้องขอนะคะ ตอนนี้ฉันไม่ได้ไม่พอใจอะไรในห้องทำงานเลย”
เย่เฉินนั่งลงเก้าอี้แล้วกล่าว “อ้อ คุณย้ายกลับมาที่ห้องทำงานเดิมสิ ห้องนั้นกว้าง ตำแหน่งก็ดี น่าจะส่งผลดีในการทำงานของคุณแล้วภรรยาของคุณล่ะ…”
ฉินหงเหยียนกลัวว่าหวังเจียเหยารู้แล้วจะไม่พอใจ
เย่เฉินกล่าวว่า “ผมจะบอกหล่อนเอง หงเหยียนคุณจำเอาไว้นะว่า คุณเป็นรองผู้บริหารของบริษัทแห่งนี้ สิ่งที่คุณทุ่มเททำเพื่อบริษัทนี้มากกว่าหล่อนเยอะ ผมเป็นคนที่แยกเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานอย่างชัดเจน เพื่อเลี่ยงไม่ให้หล่อนใช้ผมหรือหุ้นมาข่มคุณ ผมตัดสินใจว่าจะให้หุ้นคุณอีก 2% เพื่อให้คุณถือหุ้นเยอะเป็นลำดับที่สอง!”
ร่างกายหวังหยวนหยวนเย้ายวนโดดเด่นมีผู้ติดตามในโซเชียลหลักแสนคน
ตอนนี้หล่อนสวมใส่ชุดกี่เพ้าสีอ่อนทำให้คนหลงลืมนิสัยที่เย่อหยิ่งของหล่อน ทำให้หล่อนมีภาพลักษณ์เป็นผู้หญิงที่มีดูเรียบร้อยอ่อนหวาน
หวังหยวนหยวนแต่งหน้าประณีต ทาลิปสติกสีแดงสดซึ่งเป็นสีแดงเบอร์เดียวกับสีเล็บของหล่อน
“พี่เขยคะ”
หวังหยวนหยวนเรียกเย่เฉินเสียงอ่อนหวาน ในแววตาเต็มไปด้วยความลึกซึ้งและอ่อนหวาน
เย่เฉินรู้ว่าแม่หนูน้อยหวังหยวนหยวนคิดอะไรกับตนเอง ปกติแล้วเขาจึงไม่ค่อยอยากจะข้องแวะกับหล่อน
เพราะพี่ชายของหล่อนมักจะส่งภาพส่วนตัวมาให้ ทำให้ตอนนี้เขาไม่สามารถมองหญิงสาวตรงๆ ได้
ทว่าวันนี้จู่ๆ หวังหยวนหยวนก็มาโผล่ที่บริษัทแล้วหาตนเอง เย่เฉินรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับหวังเจียเหยา!
“อ้อ มาแล้วเหรอ เข้ามาสิ”
เย่เฉินบอกให้หวังหยวนหยวนเข้ามาในห้องทำงานของเขา แล้วกำชับกับโจวหรงหรงอีกครั้ง “จำไว้นะห้ามให้ใครเข้ามารบกวน”
“ค่ะ ไม่กล้าอยู่แล้วค่ะ”
โจวหรงหรงรีบร้อนรับปากด้วยความหวาดกลัว
จากนั้นเย่เฉินก็ปิดประตูห้องทำงานจนสนิท ส่วนหน้าต่างนั้นก็ถูกผ้าม่านบังเอาไว้ ด้านนอกมองไม่เห็นและไม่ได้ยินว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น
หวังหยวนหยวนชิงเดินเข้าไปด้านในห้องทำงานก่อน ตอนเย่เฉินปิดประตูแล้วหันมาเห็นแผ่นหลังของหวังหยวนหยวน จิตใจเขาก็สับสน
จำเป็นต้องพูดว่าแผ่นหลังของหญิงสาวสวยพิฆาตใจจริงๆ ถ้าดูแค่ด้านหลังไม่ใช่ด้านหน้า หล่อนก็โดดเด่นกว่าหวังเจียเหยา!
จะต้องรู้ว่าหวังเจียเหยาไม่ได้มีแค่ใบหน้าที่ดงามแต่หุ่นของหล่อนยังสวยสุดยอดอีกด้วย
แต่หวังหยวนหยวนถึงจะอายุยังน้อย กลับหุ่นของหญิงสาวกลับสะพรั่งเกินอายุตัวเอง
ยากจะจินตนาการว่าถ้าหล่อนอายุ 26-27 ปีหรือ 30 กว่าปีจะมีชายหนุ่มกี่คนต้องศิโรราบใต้ฝ่าเท้าหญิงสาว!
“หยวนหยวนมีอะไร?” เย่เฉินเสสายตาก่อนจะกล่าวถาม
หวังหยวนหยวนหันมาตอบ “พี่เขย พี่เริ่มสงสัยว่าพี่เจียเหยาแอบมีคนอื่นใช่ไหมคะ?”
ความโกรธแล่นขึ้นเป็นริ้วบนใบหน้าเย่เฉิน เรื่องหน้าอายแบบนี้เขาไม่บอกคนอื่นง่ายๆ หรอก!
เย่เฉินข่มความโกรธเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว เขากล่าวถามหวังหยวนหยวน “หวังซ่าวเจี๋ยบอกเธอใช่ไหมล่ะ? ไอ่คนสารเลวคนนี้นี่ ฉันว่าเขาคันเนื้ออยากโดนซ้อมล่ะสิ!”
ในตอนนี้เกรงว่าเห็นจะมีแต่หวังซ่าวที่รู้เรื่องนี้ เย่เฉินไพล่คิดไปว่าหมอนี่จะช่วยตนเองปกปิดความลับไปเสียได้!
หวังหยวนหยวนรีบร้อนกล่าว “ไม่ใช่ค่ะ พี่อย่าเพิ่งโกรธสิคะ เขาไม่ได้บอกอะไรเลยนะคะ เพียงแต่ถามหนูแค่คำเดียว ส่วนที่เหลือหนูเดาได้เอง ”
เย่เฉินรู้สึกว่าหวังซ่าวเจี๋ยไม่เหมือนคนที่โกหกเป็น แต่เขาก็ยังสงสัยในคำพูดของหวังหยวนหยวนอยู่ดี
“หวังซ่าวเจี๋ยแค่ถามส่งๆ แล้วเธอก็ทายออกเลยเหรอว่าพี่สงสัยว่าพี่สาวเธอแอบไปมีคนอื่นเหรอ? หยวนหยวนเรารู้จักกันก็ตั้งสามปี สติปัญญาเธออยู่ประมาณไหนพี่รู้ดีน่า”
ความหมายที่เย่เฉินต้องการจะสื่อก็คือสมองเจ้าหล่อนไม่ได้โตเหมือนไฟหน้าเลยสักนิด ไม่มีทางจะฉลาดแบบที่เจ้าตัวพยายามจะบอก
หวังหยวนหยวน “พี่เขยคะ ฉันเดาได้เองจริงๆ นะคะ พี่ชายเขาไม่ได้พูดอะไรเลย ฉันถามเขาเขายังด่าฉันอยู่เลยบอกว่าถามอะไรมากมาย”
“หรอ?” เย่เฉินเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ไหนลองบอกมาหน่อยว่าทำไมเธอถึงสงสัยพี่สาวเธอล่ะ?”
หวังหยวนหยวนแค่นเสียง “ผู้หญิงแบบหวังเจียเหยาน่ะ ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าหล่อนทำเรื่องผิดต่อพี่!”
“เธอว่าอะไรนะ?”
เย่เฉินประหลาดใจอย่างมาก หวังหยวนหยวนรู้ก่อนเขาอีกเหรอเนี่ย?
หวังหยวนหยวนกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ฉันขับรถพาเพื่อนไปดูหนัง ระหว่างทางขับรถสวนกับแอสตันมาร์ตินรุ่นลิมิเต็ด ฉันกับเพื่อนก็เลยอยากจะรู้จักเขาอยากจะรู้จักเขา เลยขับรถตามไปเพื่อจะได้ขอวีแชทเขา”
“ใครจะไปรู้ว่าพอรถคันนั้นขับไปถึงอีผิ่นเจียเหยา! ต่อมาก็ได้ยินว่าผู้ชายคนนั้นก็คือสถาปนิกคนใหม่ที่พี่เจียเหยาจ้างมา ฉันเคยเห็นคนขับรถคันนั้น น่าจะอายุพอๆ กับฉันคิดว่าน่าจะยังไม่จบมหาลัยเลยด้วยซ้ำไป จะเป็นสถาปนิกได้ยังไง? หลอกใครกัน? ดังนั้นพออีกวัน ฉันเลยแอบตามพี่เจียเหยาไป พี่ลองทายสิคะว่าฉันเห็นอะไร?”
เย่เฉินกำหมัดแน่นแล้วถาม “เธอไปเห็นอะไรเข้า!”
หวังหยวนหยวนกล่าว “พี่รู้ว่าในอีผิ่นเจียเหยามีป่าต้นไม้เปลี่ยนสีใช่ไหมล่ะ? พี่เจียเหยาเขามีบ้านที่เคลื่อนย้ายได้ที่นั้นห้องหนึ่ง ฉันเห็นผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นพอเข้าไปนป่าแล้วก็เริ่มอุ้มพี่เจียเหยา แล้วอุ้มหล่อนจากในป่าไปที่บ้านแล้วไม่ออกมาเลยเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง!”
“เธอโกหก!”
เย่เฉินไม่อยากจะยอมรับความจริง ด้วยอารมณ์โมโห เขายื่นมือขวาออกไปบีบคอที่ขาวนวลเนียนของหวังหยวนหยวน!
“แค่กๆ…”
เย่เฉินเป็นคนแรงเยอะ เมื่อได้ยินข่าวนี้ทำให้เขาควบคุมแรงตนเองไม่ได้ จนหวังหยวนหยวนรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังจะขาดหายใจอย่างรวดเร็ว
“ฉัน… ฉันไม่ได้โกหก…ฉันมีหลักฐาน”
หวังหยวนหยวนชูมือถือในมือให้เขาดู
เย่เฉินปล่อยมือทันที
หวังหยวนหยวนสูดลมหายใจเข้าปอดไม่หยุด ทรวงอกหล่อนกระเพื่อมอย่างรุนแรง ดอกบัวบนชุดกี่เพ้าก็เคลื่อนไหวยวบยาบตามไปด้วย แล้วเหมือนจะขยายใหญ่และเล็กตามไป
หลังจากพักไปครู่หนึ่ง หวังหยวนหยวนเปิดมือถือแล้วส่งรูปที่ถ่ายไว้ให้เย่เฉินดู
เย่เฉินรับโทรศัพท์มาดู ถึงภาพจะไม่ชัดเจนมาก แต่ก็พอจะมองออกว่าเป็นภาพของหวังเจียเหยา
หวังเจียเหยาในรูปสวมกระโปรงสั้นเจ้าหล่อนอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มอายุยังน้อย และใบหน้าหล่อนยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มเสียด้วย
มือถือของหวังหยวนหยวนคือหัวเหว่ย P30 ดังนั้นจึงสามารถถ่ายภาพจากที่ไกลๆ ได้
ทว่าหลังจากที่เย่เฉินเห็นภาพแล้ว เขาคว้าโทรศัพท์หัวเหว่ยของหวังหยวนหยวนปาลงพื้นด้วยความโมโห
เพล้ง!
โทรศัพท์โดนโยนลงพื้นจนแหลกละเอียด!
“ทำไม? หวังเจียเหยาทำไมถึงทำแบบนี้! ถ้าเป็นก่อนนี้หล่อนรังเกียจที่ฉันยากจน ถึงได้ไปคบหากับฟางเชาก็พอเข้าใจได้! หล่อนสวยขนาดนั้นอยากมีชีวิตที่ดีก็ไม่มีอะไรผิด! แต่ว่าตอนนี้หล่อนเป็นภรรยาของประธานบริษัท แถมตัวเองก็ได้เป็นรองประธานบริษัทด้วย แถมยังเป็นคนดูแลโปรเจกต์อีผิ่นเจียเหยา ทำไมหล่อนต้องทำแบบนี้อีก?”
เย่เฉินรู้สึกว่าใจตนเองแหลกละเอียด มือทั้งสองข้างวางบนโต๊ะทำงานอย่างไร้เรี่ยวแรง
หวังหยวนหยวนรู้ว่านี่คือโอกาสที่ดีมากของตนเองกำมือเย่เฉินเอาไว้แล้วกล่าว “พี่เย่เฉินคะ พี่เจียเหยาทำผิดกับพี่เกินไปแล้ว มีสามีแบบพี่แล้วยังไม่รู้จักพอแถมยังไปอ่อยผู้ชายคนอื่นที่ข้างนอก ไม่สู้พี่หย่ากับหล่อนแล้วแต่งกับฉันดีไหมคะ?”
“ฮึ แต่งกับเธออ่ะเหรอ?”
เย่เฉินมองหวังหยวนหยวนด้วยแววตาดูถูก
คนตระกูลหวังเป็นพวกเห็นแก่สิ่งของนอกกาย หวังหยวนหยวนเก็เป็นแค่หวังเจียเหยาแบบก็อปปี้เท่านั้น แถมใจยังเด็ดกว่าหวังเจียเหยาด้วย!
หวังหยวนหยวนกล่าวว่า “นั่นสิ เดิมทีเราสองคนควรจะแต่งงานกัน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณพ่อเลอะเลือน ปฏิเสธการจัดแจงของคุณปู่ พวกเราสองคนก็คงเป็นสามีภรรยากันไปแล้ว! พี่เย่เฉินฉันชอบพี่จริงๆ นะคะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้าพี่ฉันก็ชอบพี่แล้วค่ะ ฉันแอบรักพี่มาสามปีแล้ว พี่ให้โอกาสฉันสักครั้งดีไหม?”
เย่เฉินมองหวังหยวนหยวนที่งดงามราวดอกไม้แรกแย้ม เมื่อนึกถึงภาพของหล่อนที่หวังซ่าวเจี๋ยเคยส่งมาให้แล้วพลันคิดถึงการทรยศของหวังเจียเหยา
ไม่สนใจอย่างอื่นอีก แล้วพุ่งเข้าไปจูบหวังหยวนหยวน!
เย่เฉินเดือดปุดๆ จนไม่สามารถสะกดอารมณ์ให้เย็นลงมาได้ไมjว่าผู้ชายคนไหนก็ไม่มีทางจะสงบสติอารมณ์ได้!
เขาโทรหาหลิวเจิ้งคุนทันที
“คุณชายมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”
หลิวเจิ้งคุนถามอย่างนอบน้อม
เย่เฉินกล่าวเสียงเหี้ยม “หาตัวฟางเชาว่าเขาอยู่ในอวิ๋นโจวไหม ถ้าเจอแล้วก็ตอนเขาซะ!”
เดียรัจฉานตัวนี้สวมเขาให้กับเขา ตอนที่แต่งงานกันหวังเจียเหยาแถมยังไปที่เทียนไห่พาหลิ่วอวี่เจ๋อมาสวมเขาให้เขาอีกคน
แค่ตายยังไม่สาสม!
หลิวเจิ้งคุนงุนงง “คุณชายก่อนนี้คุณสงบศึกกับตระกูลฟางแล้วไม่ใช่เหรอครับ? เหมือนหลิ่วหรูซือก็อยู่เป็นเพื่อนคุณคืนหนึ่งเพื่อชดเชยเรื่องของลูกชายหล่อน ”
หลิวเจิ้งคุนรู้ว่าเย่เฉินไม่เคยเปลี่ยนคำพูดมาก่อน ในเมื่อก่อนนี้ที่เขาเคยตกลงกับหลิ่วหรูซือ ปกติแล้วเขาไม่เคยผิดคำพูดมาก่อน
ใช่แล้วเย่เฉินไม่มีทางผิดคำพูด ก่อนนี้เขารับปากหลิ่วหรูซือให้ปล่อยฟางเชาไป
แต่ว่าเขารับปากโดยที่ฟางเชาจะต้องไม่แตะต้องหวังเจียเหยา!
หลิ่วหรูซือเป็นคนโกหกเอง หล่อนช่วยลูกชายหล่อนปิดบังความจริง อย่างนั้นจะโทษที่เขาไม่รักษาคำพูดไม่ได้!
เย่เฉินหัวเสียจนควันออกหู เขากล่าวเสียงกร้าว “ให้นายไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ จะถามมากมายไปทำไม!”
หลิวเจิ้งคุนรีบร้อนขอโทษเขา “ครับๆ คุณชาย ถ้าผมเจอฟางเชาจะจับเขาตอนทันทีเลยครับ! แต่ว่าคุณชายหลิ่วหรูซือรักลูกชายหล่อนอย่างกับอะไรดี ผมกลัวว่าถ้าข่าวลอดออกไป หล่อนจะมาขอร้องคุณอีกน่ะสิครับ จะให้ผมส่งคนคอยไปดูหล่อนไหมครับ? หล่อนจะได้ไม่ต้องมารบกวนคุณชาย”
เย่เฉินแค่นเสียง “เหอะ ถ้าหล่อนยอมใช้ร่างกายเข้าแลกเพื่อชดใช้อีกล่ะก็ ก็มาเถอะ คราวนี้ฉันนอนกับหล่อนแน่!”
ตอนนี้เย่เฉินเสียใจภายหลังมากทีเดียว ที่คราวก่อนมีคนสวยอย่างหลิ่วหรูซือมาถวายตัวถึงที่ แต่ทำไมตนเองถึงไม่ยอมนอนกับหล่อน เขาดันปล่อยให้หล่อนร้องเพลงทั้งคืนไปเสียได้!
ถ้าเป็นตอนนี้เย่เฉินจะต้องไม่สนใจของเหลวไหลอย่างอายุลำดับอาวุโสอะไรพวกนั้น นอนกับหล่อนก่อนแล้วค่อยล้างแค้นฟางเชาต่อ!
เย่เฉินกล่าวต่อ “อีกอย่างถ้านายเจอรถแอสตันมาร์ตินรุ่น one 77 ป้ายทะเบียนเทียนไห่ล่ะก็ช่วยพังคนกับรถไปเลยนะ!”
“ครับ!” หลิวเจิ้งคุนตกปากรับคำทันที
อิทธิพลของเย่เฉินในอวิ๋นโจวยิ่งใหญ่ เดิมทีเขาอยากจะดำเนินชีวิตแบบนักธุรกิจธรรมดาทั่วไป
แต่ในเมื่อมีคนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้าท้าทายเขา อย่างนั้นจะโทษว่าเขาใจไม้ไส้ระกำไม่ได้!
ด้วยอิทธิพลของหลิวเจิ้งคุนในอวิ๋นโจว ขอแค่ตอนนี้ฟางเชากับหลิ่วอวี่เจ๋ออยู่ในอวิ๋นโจว ทั้งสองคนจะได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ต้องชดใช้ในการมายุ่งกับภรรยาคนอื่นคืออะไรอย่างรวดเร็ว!
“ตุบ ตุบ ตุบ…”
ในตอนที่เย่เฉินยังโกรธไม่หายอยู่นั้น ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของเย่เฉินก็ดังขึ้น
คิดไม่ถึงว่าคนที่โทรมาก็คือภรรยาของเขาหวังเจียเหยา!
“แย่ล่ะ! หรือว่าโดนจับได้แล้วนะ?”
ตอนนี้เย่เฉินจอดรถอยู่ที่ด้านนอกประตูของอีผิ่นเจียเหยา ดังนั้นเขาจึงกังวลใจอย่างมาก หวังเจียเหยาจะเห็นเขาเข้าแล้วหรือเปล่านะ?
เย่เฉินรีบร้อนก้มหน้าลงเพื่อให้พวงมาลัยบังหน้าตัวเองเอาไว้ จากนั้นก็แอบมองไปทางหวังเจียเหยา
ที่นี่ถือว่าค่อนข้างห่างจากตำแหน่งที่หวังเจียเหยาอยู่มากทีเดียว เมื่อครู่เย่เฉินมองหวังเจียเหยา เขายังใช้กล้องส่องทางไกลที่ใช้ทางการทหารส่องอีกฝ่ายอยู่เลย
ส่วนจากที่หล่อนอยู่หากมองมาที่เขาอย่างมากก็จะเห็นรถเท่านั้น ก็ยากจะมองออกว่าในรถคือใคร
เย่เฉินไม่ได้รีบร้อนรับสาย แต่รีบใช้กล้องส่องทางไกลส่องไปทางอีกฝ่าย
แล้วก็พบว่าหวังเจียเหยาไม่ได้มองเขา แต่โทรศัพท์ไปพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องทำงาน
“หล่อนไม่น่าสังเกตเห็นฉันแต่โทรหากันตอนนี้ทำไม?”
ใจที่เต้นระรัวเร็วของเขาก็ค่อยสงบนิ่งลง
จากนั้นเย่เฉินก็สงบจิตใจก่อนจะกดรับสาย
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหลที่รักถึงบริษัทหรือยังคะ?”
“อืม ผมถึงแล้ว คุณล่ะ? ถึงอีผิ่นเจียเหยาแล้วเหรอครับ?”
“อืมฉันก็เพิ่งถึงค่ะ”
“อ้อแล้วคุณโทรมาเพราะ…”
“ฉันก็คิดถึงคุณไหมล่ะ”
หวังเจียเหยาออดอ้อน
เย่เฉินใช้กล้องส่องทางไกลมองหวังเจียเหยาพลางด่าหล่อนในใจ
“หึ คิดถึงผมเหรอ? ผมว่าน่าจะเพราะยังไม่เจอชู้รักล่ะสิ ถึงได้ว่างคิดถึงผม!”
หวังเจียเหยาถาม “ที่รักวันนี้วันหยุด ตลาดหุ้นปิด คุณไม่น่าจะยุ่งขนาดนั้นมั้งคะ? ฝั่งฉันก็ไม่มีอะไรอีกเดี๋ยวจะกลับบ้านแล้วล่ะค่ะ กลางวันพวกเราไปกินข้าวด้วยกันที่บ้านดีไหมคะ? ฉันจะได้บอกให้แม่เตรียมอาหารเที่ยงให้เยอะๆ หน่อย”
เย่เฉินถาม “ปกติคุณไม่มีเวลากลับไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านไม่ใช่หรือไง? กลับบ้านก็กลับตั้งดึกดื่นทำไมวันนี้ถึงว่างล่ะ? ฝั่งก่อสร้างน่าจะทำงานทุกวันสิ”
เย่เฉินย่อมรู้สาเหตุดี!
เพราะชู้รักของหล่อนไม่อยู่ต่างหาก!
หล่อนย่อมไม่อยากจะอยู่ที่ไซต์ก่อสร้างต่อ!
หวังเจียเหยากล่าว “อ้อ ฝ่ายออกแบบไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ ฉันเลยไม่ต้องอยู่คอยดูตลอด อีกอย่างฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเลย ที่นี่อากาศไม่ค่อยดี ก็เป็นห่วงสุขภาพของลูกเรา ต่อไปฉันอาจจะไม่มาที่นี่บ่อยๆ แล้วค่ะ”
เย่เฉินแค่นเสียงในใจข้ออ้างเยอะจริงๆ เลยนะแม่คุณ
เป็นห่วงสุขภาพลูกในท้อง?
หลายวันก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นจะคิดเผื่อลูกในท้องเลย!
ทว่าฟังจากน้ำเสียงของหวังเจียเหยา เย่เฉินก็พอจะฟังออกว่าหลิ่วอวี่เจ๋ออาจจะไม่อยู่ที่อวิ๋นโจวแล้ว อีกทั้งต่อไปเขาอาจจะไม่กลับมาที่นี่แล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้เย่เฉินก็มีเรื่องให้ปวดหัวแล้ว!
ว่ากันว่าจะจับชู้ต้องจับให้ได้ได้คาเตียงคาหนังคาเขา หลักฐานของหวังเจียเหยาและฟางเชา เย่เฉินก็มีแล้วแต่กับหลิ่วอวี่เจ๋อล่ะ?
ถ้าหากต่อไปภายหน้าหวังเจียเหยาก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมรับอีกล่ะ?
หรือไม่ก็หวังเจียเหยาก็ยังไม่ทันไปมีอะไรกับเขา?
เย่เฉินจึงลองถามหยั่งเชิง “อ้อ คือแบบนี้ ผมได้ยินมาว่าสถาปนิกที่คุณจ้างมาใหม่ใช้ได้เลย ผมมีลูกค้าติดต่อผม ให้ช่วยเขาหาสถาปนิกหน่อย คุณแนะนำเขาให้ผมได้ไหม?”
หวังเจียเหยาที่เขามองเห็นผ่านกล้องส่องทางไกลมีท่าทีลนลานขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด!
หวังเจียเหยากล่าว “คะ? ไม่นะเขาเป็นแค่เด็กฝึกงานเองค่ะ ทำงานได้ไม่กี่วันก็เลิกไปแล้ว”
“อ้อ แบบนี้นี่เอง” เย่เฉินก็ไม่ได้เปิดโปงหล่อน
“อื้ม งั้นที่รักทำงานเถอะค่ะ ฉันไม่คุยด้วยแล้ว”
หวังเจียเหยากดตัดสายอย่างรวดเร็ว
เย่เฉินวางโทรศัพท์ลงและวางกล้องส่องทางไกลลงแล้วกล่าวด้วยโทสะ “ผู้หญิงตลบแตลง! โชคดีที่จับได้ก่อน ยังไม่ได้เอาชื่อหล่อนเข้าไปในรายชื่อทายาทตระกูลเย่ ไม่อย่างนั้นถ้าผู้หญิงแบบนี้มีทรัพย์สินแสนล้านล่ะก็ ไม่รู้ว่าต่อไปจะสวมเขาให้กันอีกกี่รอบ!”
เย่เฉินเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าทันทีที่หวังเจียเหยาได้รับสิทธิ์ในการสืบทอดสมบัติแล้วล่ะก็ ถึงจะหย่ากันแต่ก็ยังจะได้รับสิทธิ์ในการแบ่งสินสมรส หากเป็นอย่างนั้นหล่อนจะต้องเป็นแบบซ่งหงเย่ที่ใจกล้าอย่างมาก!
เย่เฉินไม่ได้อ้อยอิ่งอยู่ต่อ เขาวกรถแล้วกลับบริษัททันที
หลังจากมาถึงบริษัทแล้ว เย่เฉินก็ขังตัวเองอยู่ในห้องทำงานไม่ยอมพบใคร
ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่เหลือเกิน!
ก๊อกๆ
“คุณเย่”
เป็นเสียงของเลขาโจวหรงหรง
เย่เฉินโกรธจัด เขาลุกขึ้นแล้วผลักประตูออก จากนั้นตะคอกใส่หญิงสาว “ผมบอกแล้วไง ห้ามรบกวนผมไม่ใช่เหรอ? คุณยังอยากทำงานหรือเปล่า?!”
โจวหรงหรงตกใจจากท่าทีของเขาอย่างมาก ก่อนนี้คุณเย่อ่อนโยนสุภาพ หล่อนไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อน
โจวหรงหรงกล่าวเสียงสั่นเครือ “เอ่อ…คุณหนูหวังหยวนหยวนมาขอพบท่านค่ะ…”
เย่เฉินถึงได้พบว่าหวังหยวนหยวนยืนอยู่ด้านหลังโจวหรงหรง
หล่อนสวมชุดกี่เพ้าตัวเดิมที่บิดาหล่อนบังคับให้ใส่ตอนมาที่บริษัทเป็นครั้งแรก
สูงส่ง เซ็กซี่ช่วยเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งในร่างกายที่สมบูรณ์แบบของหล่อนออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เนื้อหาของคลิปเสียงในอีเมลล์ยังคงวนเวียนในหัวเขา
ยิ่งอยากลืมก็เหมือนยิ่งจำรายละเอียดได้ดีขึ้น
เดิมทีเย่เฉินเองคิดว่าโชคดีที่เป็นเพียงคลิปเสียงไม่ใช่ภาพเคลื่อนไหว
แต่บางครั้งคำพูดและเสียงยังชวนให้หงุดหงิดมากกว่าเห็นรูปภาพเสียอีก!
เพราะคนเราสามารถจินตนาการได้ไกลขึ้นจากเสียงและคำพูด!
เพราะคลิปภาพนำเสนอได้เท่าภาพที่เราเห็น แต่เราสามารถจินตนาการภาพในหัวได้เป็นล้านอย่าง!
“ฟางเชาเดียรัจฉาน!”
เย่เฉินตบอ่างล้างหน้าสุดแรง เขาต้องล้างแค้นเขา จะต้องล้างแค้นให้ได้!
หวังเจียเหยา ฟางเชาและอาจรวมซ่งหงเย่เข้าไปด้วย!
เย่เฉินไม่มีทางปล่อยคนที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นทุกคน !
และในทันใดนั้นเองก็มีคำถามวาบขึ้นมาในหัวเย่เฉิน “ทำไมช่วงนี้หวังเจียเหยาถึงได้ไปทำงานเช้าแบบนี้ แถมยังกลับบ้านดึกดื่นด้วย?”
หวังเจียเหยาท้องแล้ว ตามหลักตอนนี้หล่อนควรจะให้ความสำคัญกับสุขภาพ พักผ่อนให้มากๆ ถึงจะถูก
เดิมทีเย่เฉินคิดว่าหวังเจียเหยาเป็นห่วงโปรเจกต์ ดังนั้นถึงได้ไปอีผิ่นเจียเหยาทุกวันเพื่อจับตาดูพวกเขา
แต่ตอนนี้เย่เฉินรู้สึกแล้วว่าเรื่องไม่น่าจะมีแค่นั้น!
“หรือว่าฟางเชากลับมาแล้ว?”
เย่เฉินเริ่มสงสัยว่า ทุกวันนี้ที่หวังเจียเหยาออกบ้านแต่เช้ากลับบ้านดึกดื่นเพราะหล่อนไปพบหน้าฟางเชาหรือไม่!
เขาถึงขั้นสงสัยว่าเด็กในท้องหวังเจียเหยาตอนนี้ใช่ลูกของเขาหรือเปล่า!
ตอนนี้เย่เฉินไม่สามารถสงบจิตใจได้เลย แต่ว่าเพื่อพิสูจน์ความจริง เขาจำเป็นต้องแสดงละครให้แนบเนียนที่สุด
ลำดับแรกเย่เฉินแสร้งขับรถไปบริษัท แต่พอไปได้กลางทางเขาก็โทรหาซีกวาบอกให้อีกฝ่ายสลับรถกับตนเองระหว่างทาง
จากนั้นเย่เฉินก็ขับรถ Buick Excelle ซึ่งไม่สะดุดตาผ่านไปทางวิลล่าเขตเหมยกุยหยวน
ไม่นานนักเย่เฉินก็เห็นว่าหวังเจียเหยาเดินออกมาจากวิลล่า
“แปลกแฮะ ทำไมหวังเจียเหยาไม่ขับรถไปทำงาน?”
ในโรงรถของเย่เฉินมีรถหรูอยู่ก็มาก หวังเจียเหยาจะขับคันไหนก็ได้
ถ้าหล่อนไม่อยากขับรถเองก็เรียกคนขับรถไปส่งก็ได้
แต่ว่าหวังเจียเหยากลับใช้มือถือเรียกแท็กซี่มารับเสียอย่างนั้น
แน่นอนว่าแท็กซี่ที่หล่อนเรียกมารับไม่ใช่รถธรรมดา แต่เป็นรถหรูยี่ห้อจาร์กัวร์
เย่เฉินในตอนนี้ตัวแข็งมือเท้าชา เมื่อเห็นรถรถจากัวร์ เขาถึงขนาดรู้สึกว่าคนขับรถจาร์กัวร์คันนั้นกับหวังเจียเหยามีอะไรในกอไผ่กัน!
ทว่าหวังเจียเหยานั่งด้านหลัง อีกทั้งตอนขึ้นรถยังมีการตรวจสอบเล็กน้อย ดูไปแล้วเหมือนว่าพวกเขาไม่รู้จักกัน
叶辰悄无声息地驾驶着别克车,尾随在王佳珧所乘坐的捷豹车后面。
เย่เฉินขับรถตามหลังรถจากัวร์ที่หวังเจียเหยานั่งอยู่อย่างเงียบเชียบ
ระหว่างจอดรถรอสัญญาณไฟจราจร แต่เพราะไม่ได้ขับรถเกียร์กระปุกมานานแล้ว ตอนที่ออกตัวรถเกือบดับอยู่หลายครั้งจนเกือบจะตามไม่ทัน
โชคดีที่เย่เฉินรู้ว่ารถคันนี้จะมุ่งหน้าไปอีผิ่นเจียเหยาเลยไม่พลัดหลงกัน
เมื่อถึงอีผิ่นเจียเหยารถจาร์กัวร์คันนั้นก็ขับออกไป
“ดูไปแล้วหวังเจียเหยาน่าจะเรียกรถแท็กซี่จริงๆ แต่ว่าทำไมหล่อนถึงต้องเรียกรถผ่านแอพด้วยล่ะ? ทั้งๆ ที่ให้คนขับรถไปส่งก็ได้ ”
ด้วยศักยภาพของเย่เฉินในอวิ๋นโจว จะให้เขาจ้างคนขับรถให้หวังเจียเหยาร้อยคนก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แถมยังปลอดภัยกว่าด้วย
หลังจากมาถึงอีผิ่นเจียเหยาแล้ว เย่เฉินก็พบว่าหวังเจียเหยาเหมือนจะกำลังหาใครสักคน เมื่อหาไม่เจอแล้วหล่อนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน
แต่เหมือนจะติดต่อไม่ได้
“เขากำลังโทรหาฟางเชาหรือเปล่านะ? ดีนี่ ที่โรงแรมเจียหัวตอนนั้นยังไม่หนำใจกันล่ะสิ? ถ่านไฟเก่าตอนนี้กลับมาคุกรุ่นแล้วล่ะสิ!”
เย่เฉินเห็นท่าทางหัวเสียเมื่อติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ ท่าทางที่อยากเจอคนรักเก่าจนทนไม่ไหวของหญิงสาว เขาโกรธจนอยากจะขับรถชนหล่อนไปเลย!
แต่กำลังจะเหยียบคันเร่ง ไฟโทสะก็ดับมอดลง!
แม่ง! เกียร์กระปุกบ้า”
บางทีอาจจะเป็นเจตนาฟ้า!
เย่เฉินโกรธจัดเขากดโทรหาหวังซ่าวเจี๋ยทันที
เหมือนว่าหวังซ่าวเจี๋ยจะยังไม่ตื่น เขาถามด้วยเสียงงัวเงีย “พี่เฉินมีอะไรเหรอครับ?”
เย่เฉินตอบ “มีเรื่องจะถามหน่อย ตอบมาตามตรงแล้วห้ามบอกใครด้วยว่าฉันถาม! ถ้าเกิดปากสว่างละก็รู้ใช่ไหมว่าผลจะเป็นยังไง”
ตอนนี้เย่เฉินต้องการจะแสดงละคร ละครฉากใหญ่ที่จะทำให้หวังเจียเหยาขอหย่ากับเขา
ดังนั้นเขาจะให้หวังเจียเหยารู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าตนเองกำลังตามสืบเรื่องของหล่อนอยู่ลับๆ ส่วนหวังซ่าวเจี๋ยนั้นเคยโดนเย่เฉินซ้อมเกือบตายมาแล้ว ดังนั้นความกลัวที่อีกฝ่ายถือเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุด
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวว่า “พี่เฉิน แผลที่พี่ตีผมเมื่อคราวก่อนยังไม่หายดีเลย พี่คิดว่าผมอยากตายเหรอครับถึงจะทรยศพี่”
เย่เฉินเอ่ยปากถาม “ฟางเชากลับอวิ๋นโจวแล้วหรือเปล่า? เขาเคยนัดเจอกับหวังเจียเหยาที่อีผิ่นเจียเหยานี่ไหม? ”
หวังซ่าวเจี๋ยตอบอย่างรวดเร็ว “พี่เฉินผมไม่รู้เลยครับ ตั้งแต่พี่กลับไปคืนดีกับน้องเจียเหยา แล้วหล่อนกลายเป็นคนดูแลโปรเจกต์อีผิ่นเจียเหยา ผมก็ดนเตะออกมา พวกเขาไม่อนุญาตให้ผมไปที่นั่นเลย พี่เฉินพี่สงสัยว่าน้องเจียเหยาจะกลับไปคืนดีกับฟางเชาใช่ไหมล่ะครับ? ไม่น่ามั้งครับ? ตอนนี้ที่บ้านฟางเชาก็ล้มละลายไปแล้วหวังเจียเหยาจะไปพบเขาทำไม?”
คำพูดนี้ของหวังซ่าวเจี๋ยไปสะกิดใจเย่เฉินเข้า
สามีภรรยารู้จักกันดีเป็นเหมือนคนๆ เดียวกัน เย่เฉินรู้ว่าหวังเจียเหยารักในชื่อเสียงเงินทอง ไม่มีทางจะเหลือบแลคนจนแน่
ตอนนี้ฟางเชาหมดสภาพไปแล้ว ต่อให้หวังเจียเหยาเคยมีอดีตลึกซึ้งกับเขาแต่ตอนนี้ก็ไม่มีทางจะไปข้องแวะกับอีกฝ่ายอีกแน่
“หรือว่าจะไม่ใช่ฟางเชา?”
ถ้าไม่ใช่ฟางเชาก็แปลว่านอกจากฟางเชาแล้วยังมีผู้ชายคนอื่นอีก!
นี่ยิ่งทำให้เขาเกินจะทน!
ถ้าบอกว่าหวังเจียเหยานอกใจเขา ไปคบกับฟางเชา เพราะตอนนั้นเย่เฉินเป็นแค่คนจนก็พอเข้าใจได้
แต่ตอนนี้เขาเป็นถึงประธานผู้บริหารแล้วหวังเจียเหยายังไปหาผู้ชายคนอื่นอีก!
“หึ หวังเจียเหยายังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองไม่เหมือนซ่งหงเย่ พวกคุณสองคนต่างกันตรงไหน! คุณยังแย่กว่าหล่อนอีก! อย่างน้อยหล่อนยังรู้จักรอให้สามีไปทำงานก่อนค่อยออกไปหาชายชู้! ส่วนคุณน่ะกลับไปหาชายชู้ใต้จมูกผม แถมในโปรเจกต์ที่ผมลงทุนให้คุณด้วย!”
ความโกรธในใจเย่เฉินพุ่งปะทุรุนแรงกว่าเดิม!
ทันใดนั้นเองหวังซ่าวเจี๋ยก็กล่าวถาม “อย่างนั้นพี่เฉินผมว่าไม่น่าจะใช่ฟางเชา จะใช่สถาปนิกที่น้องเจียเหยาจ้างมาใหม่หรือเปล่าครับ? ผมได้ยินหยวนหยวนเล่าว่าเมื่อสองวันก่อนไปบังเอิญเจอรถแอสตันมาร์ตินรุ่นลิมิเต็ด หล่อนขับตามหลังเพราะอยากได้วีแชทเขา ใครจะรู้ว่าตามไปตามมาก็มาโผล่ที่อีผิ่นเจียเหยาซะอย่างนั้น ถามไปถามมาถึงได้รู้ ว่าเจ้าของรถเป็นสถาปนิกที่เพิ่งมาใหม่”
เย่เฉินกล่าวว่า “จำทะเบียนรถได้ไหม?”
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าว “เดี๋ยวผมต้องถามหยวนหยวนก่อน”
เย่เฉินกำชับ “อืม นายไปถามน้องนายหน่อยแล้วค่อยมาบอกฉัน”
วางสายแล้วไม่นานจากนั้นเย่เฉินก็ได้รับข้อมูลของทะเบียนรถคันนั้น
เย่เฉินส่งเลขทะเบียนรถที่ได้มาให้พ่อบ้านฟาง แล้วบอกให้อีกฝ่ายไปหาข้อมูลเจ้าของป้ายทะเทียนรถคันนั้น
จากนั้นพ่อบ้านฟางก็ส่งชื่อคนกลับมา ‘หลิ่วอวี่เจ๋อ’
ในวินาทีนี้เย่เฉินก็เข้าใจทุกอย่าง
ฟางเชาไปเทียนไห่เพื่อขอความช่วยเหลือจากตระกูลหลิ่ว หลิ่วอวี่เจ๋อไม่เพียงแต่โจมตีเขาในโลกธุรกิจ แต่ในชีวิตจริงเขากำลังพยายามสานสัมพันธ์กับภรรยาเขาด้วย!
คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ทันได้ระวังในจุดนี้!
โชคดีที่หลิ่วอวี่เจ๋อก็ถือว่าเป็นลูกผู้ชาย ถ้าเขาเป็นพวกนักเลงหัวไม้ ป่านนี้หวังเจียเหยาคงโดนเขาปู้ยี่ปู้ยำไปนานแล้ว!
“ฟางเชา! หลิ่วอวี่เจ๋อ! คนที่เคยแตะต้องภรรยาของฉันต้องตายให้หมด!”
เย่ฉงไห่กล่าวพลางถอนหายใจ “เสี่ยวเฉินเอ้ย ตอนนั้นที่ปู่ให้แกแต่งเข้าน่ะ ที่จริงก็เดาเอาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้นแน่ๆ จะหญิงหรือชายชีวิตนี้จำเป็นต้องเคยโดนทรยศหักหลังกันทั้งนั้น นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องแย่ก็ได้ เพียงแต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะรักหวังเจียเหยาเข้าจริงๆ
เฮ้อ ที่จริงแล้วตอนนั้นฉันก็ไม่อยากให้แกแต่งงานกับหล่อนหรอก อยากจะหาผู้หญิงธรรมดาๆ ให้แกแค่นั้นแหละ แต่พี่รองแกนั่นแหละทู่ซี้จะหาภรรยาให้แกเป็นสาวงามล่มเมืองอยู่ได้ บอกว่าปล่อยให้แกแต่งเข้าสามปีก็ถือว่าทำให้แกลำบากมากแล้วต้องหาเมียให้สวยๆ ไม่อย่างนั้นแกจะรันทดเกินไป ตอนนี้ดูไปแล้วความหวังดีของพี่รองแกในตอนนั้นกลายเป็นมาทำร้ายแกแทน”
ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ผู้ชายทุกคนต่างก็ชอบผู้หญิงสวยๆ ทั้งนั้น เพียงแต่ให้ความสำคัญของหน้าตาไม่เท่ากัน
ถ้าหวังเจียเหยาไม่ได้สวยขนาดนั้น หุ่นก็ไม่ได้ดีแบบนั้น สามปีมานี้เย่เฉินอาจจะไม่ชอบหล่อนขนาดนี้
ในวินาทีนี้เย่เฉินถึงได้รู้ว่าผู้หญิงหน้าตาสะสวยก็เหมือนกุหลาบที่มีหนาม ชื่นชมได้แต่ไม่เหมาะที่จะเด็ดดม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่คุณไม่มีศักยภาพมากเพียงพอ!
ไม่อย่างนั้นดอกซิ่งแดงออกนอกกำแพง[1]เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น
อย่างไรเสียคนจีบผู้หญิงสวยๆ นั้นมีมากมาย จะสวยขนาดไหนก็เป็นแค่ปุถุชน ให้ต้านทานการล่อลวงสักครั้งอาจจะยังพอไหว แต่ถ้านับครั้งไม่ถ้วนล่ะ?
ประเมินพวกหล่อนสูงเกินไปแล้ว!
เย่ฉงไห่เห็นเย่เฉินไม่พูดไม่จาก็กล่าวถาม “เสี่ยวเฉินแล้วแกจะทำยังไง? จะหย่ากับหล่อนไหมล่ะ? ยังไงเสียตอนนี้หล่อนก็ไม่ได้ครอบครองทรัพย์สินอะไรของตระกูลเย่ ด้วยศักยภาพของตระกูลเย่ เราก็แค่บีบให้หล่อนเซ็นหย่า หล่อนไม่กล้าไม่เซ็นหรอก ทว่าตอนนี้หล่อนตั้งท้องสายเลือดตระกูลเย่เรา เด็กคนนี้จะต้องอยู่กับเรา! แน่นอนว่าถ้าเด็กคลอดออกมาต้องทำการตรวจ DNA ก่อน!”
คนแก่มักจะให้ความสำคัญกับเด็กอย่างมาก
บ้านคนรวยบางคนถึงขนาดที่ว่าให้ลูกชายแต่งงานกับผู้หญิงสวยๆ แล้วก็ให้ลูกสะใภ้คลอดลูกชายอย่างน้อยสองคนภายในสองสามปี
หลังจากเด็กคลอดออกมาแล้วก็ขับลูกสะใภ้ออกจากตระกูลในทันที เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือเด็กเท่านั้น
หวังเจียเหยามีรูปโฉมงดงามแถมยังมีพรสวรรค์ในด้านดนตรีศิลปะอย่างมาก ซึ่งพันธุกรรมแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่ตระกูลเย่ต้องการ
เย่ฉงไห่ไม่สนใจนิสัยหวังเจียเหยา ขอแค่หล่อนคลอดทายาทตระกูลเย่ แล้วยกเด็กให้พวกเขาดูแล
เย่เฉินเองก็รู้สึกว่าเด็กบริสุทธิ์ เขาเองก็ไม่ใจร้ายมากพอที่สังหารชีวิตน้อยๆ ที่ยังไม่แม้แต่จะได้เกิดมา!
ดังนั้นเขาจึงคิดเหมือนกับคุณปู่ พวกเขาต้องการให้หวังเจียเหยาให้กำเนิดเด็กคนนี้!
เย่เฉินกล่าวว่า “คุณปู่ครับ ผมไม่สามารถขอหย่ากับหวังเจียเหยาได้ ก่อนหน้านี้ก่อนย่าเล็กหวังจะเสีย ผมรับปากกับหล่อนเอาไว้ว่าผมจะไม่หย่ากับหวังเจียเหยา นอกเสียจากว่าหล่อนจะเป็นฝ่ายขอหย่ากับผมก่อน”
“แกหมายความว่า?” เย่ฉงไห่จับต้นชนปลายไม่ถูก
เย่เฉินกล่าวว่า “หวังเจียเหยาเป็นผู้หญิงที่หลงไหลไปกับชื่อเสียงเงินทอง ทันทีที่ผมกลายเป็นยาจก หล่อนจะต้องเป็นฝ่ายขอหย่ากับผมแน่นอน 100% ดังนั้นผมหวังว่าคุณปู่จะขับผมออกจากตระกูล“!”
ได้ยินหลานชายกล่าวเช่นนี้เย่ฉงไห่ก็สะดุ้ง
จะให้ขับหลานชายออกจากตระกูล เย่ฉงไห่จะทำลงได้อย่างไร!
เย่ฉงไห่กล่าว “ก็ได้ปู่จะร่วมแสดงละครกับแกแล้วกัน ตระกูลหลิ่วอยากจะเล่นงานแกพอดีไม่ใช่เหรอ?งั้นปู่จะไม่ช่วยแบกราคาหุ้นที่ลงไม่หยุดของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแล้ว ส่วนแกก็แกล้งทำเป็นแพ้คนตระกูลหลิ่วนั่นแล้วกัน”
“ครับ!”
นี่ก็เป็นข้ออ้างที่ดีมากเหมือนกัน หวังเจียเหยาน่าจะไม่สงสัย
พูดไปแล้วเย่เฉินเองก็ต้องขอบคุณการปั่นหุ้นครั้งนี้ของหลิ่วอวี่เจ๋อ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาสลัดหวังเจียเหยาผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้ทิ้ง!
เมื่อกดสายทิ้งแล้วเย่เฉินก็ล้างหน้าแปรงฟัน ตอนเขาแปรงฟันยังเหมือนมีเสียงน่าอายของหวังเจียเหยาสะท้อนอยู่ที่ริมหู!
เย่เฉินหงุดหงิดอย่างมาก แปรงฟันยังแปรงจนเลือดออก!
“ถุย!”
เย่เฉินถ่มเลือดที่ผสมอยู่ในยาสีฟันทิ้งแล้วกล่าวกับตนเองในกระจก “หวังเจียเหยาเสียดายที่ผมเชื่อใจคุณ คิดไม่ถึงว่าคุณจะวางแผนต่างๆ นานาหลอกลวงผมมานานขนาดนี้!”
ที่จริงเรื่องของหวังเจียเหยาและฟางเชาเองไม่ได้รุนแรงจนไม่อาจให้อภัย แต่สิ่งที่เย่เฉินเกลียดชังที่สุดคือการหลอกลวงของหญิงสาว!
เมื่ออาบน้ำเสร็จเขาก็กลับไปที่ห้องนอน เตรียมสวมเสื้อผ้าเพื่อไปทำงานที่บริษัทจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าหล่อนทั้งวัน ถ้าเขาเห็นภรรยาตอนนี้คงจะอดถามไม่ได้ ถึงขนาดที่อยากจะลงไม้ลงมือกับหญิงสาวด้วยซ้ำไป!
“ที่รัก ทำไมตื่นเช้าจัง?”
ในช่วงนี้หวังเจียเหยาตื่นแต่เช้าเพื่อจะได้ไปออกเดทกับหลิ่วอวี่เจ๋อ
ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงกุกกักเพียงเล็กน้อยในห้องก็สะดุ้งตื่น
หวังเจียเหยาขยี้ตาแล้วมองผู้เป็นสามี
เย่เฉินบอกกับตัวเองว่าเขาจะต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนเองรู้ความจริงแล้วเด็ดขาด มิฉะนั้นคงจะจบชีวิตแต่งานครั้งนี้ไม่ได้!
เย่เฉินไม่มองหญิงสาวเพียงแต่ส่งเสียงรับคำหล่อนเท่านั้น
หวังเจียเหยามองเวลาแล้วกล่าว “ฉันควรตื่นได้แล้ว ที่รักช่วยเตรียมน้ำผสมน้ำผึ้งให้ฉันแก้วหนึ่งสิ”
ตั้งแต่ทั้งสองคนคืนดีกันแล้ว กิจวัตรเดิมๆ ก็กลับมา
ตอนเช้าของทุกวันเย่เฉินจะเตรียมน้ำผสมน้ำผึ้งให้หวังเจียเหยา เพื่อสุขภาพของหญิงสาว
แต่ในวินาทีนี้เย่เฉินไม่อยากทำสักนิดเดียว!
“ผมเตรียมน้ำผสมน้ำผึ้งให้คุณทุกวันตอนเช้า แถมยังซื้อมาสก์หน้าวาลมองท์จากสวิตเซอร์แลนด์ที่ดีที่สุดให้คุณ บำรุงผิวหน้าของคุณ เพื่อให้คุณเอาหน้าสวยๆ นี้ของคุณไปล่อลวงผู้ชายคนอื่นหรือไง!”
เย่เฉินระบายโทสะในใจ
ทว่าหวังเจียเหยาไม่ได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสามีจึงกล่าวอย่างหัวเสีย “ยืนนิ่งอยู่ทำไม ไปเร็วๆ ฉันหิวน้ำแล้วนะ”
เย่เฉินฝืนสะกดโทสะในใจแล้วรับคำหล่อน “ได้สิ”
เย่เฉินเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่นด้านนอกแล้วผสมน้ำอุณหภูมิ 60 องศากับน้ำผึ้งให้กับหวังเจียเหยา แล้วส่งไปให้หญิงสาวในห้อง
หวังเจียเหยาไม่ลุกจากที่นอน หล่อนเอนตัวดื่มน้ำบนเตียง
ดื่มไปได้สองอึกหวังเจียเหยาก็กล่าวอย่างมีความสุขว่า “ได้ดื่มน้ำผสมน้ำผึ้งที่ที่รักทำให้ทุกวันแบบนี้มีความสุขจังเลย!”
“ชิ คุณก็ต้องมีความสุขแน่ล่ะ มีผู้ชายคนหนึ่งในบ้านคนหนึ่ง นอกบ้านอีกคนหนึ่ง มีผู้ชายมากมายขนาดนี้คอยพะเน้าพะนอเอาใจจะไม่มีความสุขได้ยังไง!”
เย่เฉินเหยียดหยามหญิงสาวในใจ
“ที่บริษัทมีงาน ผมต้องไปแล้ว” เย่เฉินผละตัวออก
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” จู่ๆ หวังเจียเหยาก็เรียกเย่เฉิน “คุณยังไม่ได้จูบฉันเลย!”
ตั้งแต่กลับมาคืนดีกันแล้ว เย่เฉินและหวังเจียเหยาก็มีข้อตกลงกัน นั่นคือหลังจากที่ตื่นนอนแล้วจะต้องจุมพิตกันหรือที่เรียกกันว่า morning kiss
ไม่ใช่แค่หวังเจียเหยาและไม่ใช่ผู้หญิงจีนเท่านั้น กระทั่งผู้หญิงต่างชาติก็ชื่นชอบการ morning kiss กับคู่รักหลังจากตื่นนอนตอนเช้า
แต่เมื่อเขานึกถึงการทรยศของหญิงสาวจะให้จูบหล่อนลงอีกได้อย่างไร!
แต่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย เขาจึงต้องจำใจทำเช่นนี้
“ผมไปล่ะ คืนนี้อาจจะกลับมาดึก”
เย่เฉินจุมพิตภรรยาลวกๆ แล้วเดินออกจากห้องนอนในชั้นสาม แต่เขาไม่ได้ตรงออกจากวิลล่าแต่อย่างใด เขาแวะห้องน้ำที่ชั้นหนึ่งก่อน
แล้วแปรงฟันอีกครั้ง!
จูบกับหวังเจียเหยาทำให้เขารู้สึกขยะแขยงเหลือเกิน!
[1] คบชู้

เดิมทีตัวบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเองก็เป็นบริษัทเล็กๆ ที่มีมูลค่าไม่กี่ร้อยล้านเท่านั้น แต่ตระกูลเย่และตระกูลหลิ่วกลับจะใช้ทรัพย์สมบัติแสนล้านมาแข่งกัน

ตระกูลหลิ่วจะทำให้บริษัทล้มละลาย ส่วนตระกูลเย่จะประคองให้บริษัทดำเนินกิจการต่อ

สองวันต่อจากนี้ในตลาดหุ้น ทั้งสองฝั่งต่างก็โยนเม็ดเงินมหาศาลลงไปในสายบริษัทของหัวเซิ่งกรุ๊ป

ทั้งสองฝ่ายต่างก็ลงทุนไปหลายพันล้าน!

ทว่าในตอนที่ปิดตลาดหุ้นวันศุกร์ มูลค่าหุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก็ยังคงขึ้นไปเรื่อยๆ!

วันนี้นี่เองหลิ่วอวี่เจ๋อที่ได้รับสายจากหลิ่วหย่วนหางคุณปู่ของเขา

 คุณปู่… 

ตอนที่หลิ่วอวี่เจ๋อรับโทรศัพท์เขาไม่กล้ากระโชกโฮกฮาก ตอนนี้เขาเขาใช้เงินที่บ้านไปแล้วหกพันล้านกับการสู้กับเย่เฉิน!

หลิวหย่วนหางด่ามาในสาย  กลับมาเทียนไห่เดี๋ยวนี้เลย! ไม่ต้องสู้กับเย่เฉินแล้ว! ก็แค่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเล็กๆ จะมีมูลค่าสักเท่าไหร่กันเชียว? แกใช้เงินไปตั้งหกพันล้านเพื่อทำให้บริษัทนี้เจ๊ง! โง่บัดซบเลย! 

 คุณปู่ครับผม…  หลิ่วอวี่เจ๋ออยากจะอธิบายอย่างมาก

หลิ่วหย่วนหางก็กล่าวด้วยท่าทางแน่วแน่  ไม่ต้องพูดแล้ว! วันจันทร์ตอนตลาดหุ้นเปิดให้แกขายหุ้นทั้งหมดในมือแกทิ้งซะ! ฉันเคยบอกแล้วว่าอย่าเพิ่งทะเลาะกับตระกูลเย่! 

หลิ่วอวี่เจ๋อกดวางสายแล้วกัดฟันกรอด

 โว้ย! 

หลิ่วอวี่เจ๋อโยนไอโฟนในมือลงพื้นอย่างรุนแรงด้วยโทสะตะคอกเสียงกร้าว  ทำไมคุณปู่ของเย่เฉินถึงสามารถทุ่มเงินและสนับสนุนเขาได้โดยไม่มีขีดจำกัด แต่คุณปู่ของฉันกลับไม่ทำแบบนั้น! ตระกูลลหลิ่วของเราไม่กลัวพวกเขาด้วยซ้ำ! 

หลิ่วอวี่เจ๋อรู้สึกว่าถ้าวันจันทร์ตลาดเปิด การทุ่มเทและความเสียหายก่อนหน้าก็จะเปล่าประโยชน์

เขารู้สึกว่าอีกแค่นิดเดียวก็จะประสบความสำเร็จแล้ว

แต่คำพูดของคุณปู่เขาจะไม่เชื่อฟังก็ไม่ได้

 ฉันแพ้แล้ว! 

หลิ่วอวี่เจ๋อคุกเข่าลงบนพื้นอย่างคิดไม่ตก ผมเผ้ายุ่งเหยิงยับเยิน ตอนนี้เหมือนกับคนบ้า ไม่ได้มีสภาพเหมือนคุณชายที่ร่ำรวยแม้แต่น้อย

ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาสองข้างฉายแววโหดเหี้ยม

 เย่เฉินแกดูหมิ่นอาฉัน แต่ฉันกลับแย่งภรรยาแกมาไม่ได้ แต่ก็นะฟางเชาเคยนอนกับหล่อนแล้วนี่! ฮ่าๆ เชื่อเลยว่าแกยังหน้าโง่คิดว่าวันนั้นฟางเชากับเมียแกไม่ได้ทำอะไรกันอีกเหรอ? 

หลิ่วอวี่เจ๋อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ค้นไฟล์ลับในมือถือเจอคลิปเสียงที่มีขนาดถึง 1G

หลิ่วอวี่เจ๋อยิ้มเจ้าเล่ห์  เอาล่ะเดิมทีฉันดูถูกเรื่องที่ต่ำต้อยแบบนี้ แต่ว่าในเมื่อฉันเอาชนะนายไม่ได้ อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยให้นายได้มีความสุขหรอก! ให้นายได้ชื่นชมเสียงสวรรค์ของเมียนายแล้วกัน! 

……

ตีสี่ของอีกวัน

เย่เฉินเปิดเปลือกตาช้าๆ อยากไปห้องน้ำ

ด้วยความคุ้นเคยที่ต้องมองโทรศัพท์ก่อน แล้วก็พบว่ามีอีเมลล์นิรนามถูกส่งเข้ามาในกล่องข้อความ

เมื่อเห็นหัวข้อเย่เฉินก็สงสัยทันที

 เสียงสวรรค์ของหวังเจียเหยา! 

เย่เฉินประหลาดใจมากทีเดียว เขาพอจะรู้ว่าภรรยาของตนเองร้องเพลงไพเราะ อย่างไรเสียหล่อนก็เคยเรียนดนตรีมาก่อน

เย่เฉินหันหน้ามามองหวังเจียที่กำลังหลับสนิทแล้วคิด  หรือว่าเจียเหยาเป็นคนส่งนะ? 

เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนหญิงสาวจนหล่อนตื่น เย่เฉินจึงใส่หูฟังแล้วเปิดคลิปเสียง

สี่สิบนาทีต่อมา

เย่เฉินหน้าแดงก่ำ กำหมัดแน่น แววตาเหี้ยมโหด เขารู้สึกอยากจะฆ่าคนจนทนไม่ไหว!

คลิปเสียงนี้ไม่ใช่เสียงร้องเพลงของหวังเจียเหยา แต่เป็นหลักฐานที่หล่อนเปิดห้องกับฟางเชา!

 หวังเจียเหยา! คุณหลอกผม! 

เย่เฉินคำรามในใจ ถึงจะไม่มีภาพแต่เป็นเสียงของหวังเจียเหยาแน่ๆ

เพราะในเวลาที่ผ่านมา เย่เฉินนั้นคุ้นเคยกับเสียงที่ราวสกุณาที่ไพเราะของหวังเจียเหยามากทีเดียว!

เย่เฉินมองเสี้ยวหน้าของหวังเจียเหยาที่กำลังหลับสนิท วงหน้านั้นยังคงสวยสดงดงามเช่นเดิม

แต่ตอนนี้ เย่เฉินกลับอยากจะตบเข้าใบหน้าที่ทำให้ชายหนุ่มจำนวนนับไม่ถ้วนต้องหลงใหล!

ทว่าเมื่อเย่เฉินง้างมือขึ้นก็ต้องลดมือลง!

เขาทำไม่ลง!

หนึ่งเพราะเย่เฉินเองก็รักใคร่หวังเจียเหยา ที่ผ่านมาเขาทะนุถนอมหล่อน ไม่เคยทำร้ายหญิงสาวมาก่อน

ชีวิตนี้ของเย่เฉินไม่เคยตบตีหญิงสาวคนไหนมาก่อน นี่คือความตั้งใจของเขา

แล้วอีกอย่างตอนนี้หวังเจียเหยากำลังตั้งท้อง!

ตอนนี้หล่อนตั้งท้องลูกของเขา!

เย่เฉินเป็นคนเรียนวิชาป้องกันตัว เขากลัวว่าตัวเองจะสูญเสียการควบคุม พอตบหน้าหล่อนฉาดหนึ่งแล้วจะตบอีกฝ่ายต่อ

หวังเจียเหยาที่บอบบางไม่มีทางทนรับแรงของเย่เฉินได้อยู่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้เด็กอาจจะหลุดก็ได้!

ที่จริงแล้วที่เย่เฉินไม่ตบตีหวังเจียเหยา และถึงขนาดที่ไม่คิดว่าจะถามอีกฝ่ายด้วยซ้ำว่าทำไมถึงหลอกลวงเขานั่นเพราะมีสาเหตุที่สำคัญกว่า !

 ถ้าฉันตบหวังเจียเหยาตอนนี้ หรือปลุกหล่อนจนตื่นเพื่อถามว่าทำไมถึงได้หลอกกัน หล่อนจะต้องมีข้ออ้างมากมายมาพูด แล้วต้องคุกเข่าอ้อนวอนฉันเหมือนคราวก่อน แล้วฉันใจอ่อนขนาดนี้ไม่แน่ว่า พอถึงตอนนั้นก็ตจะเห็นใจหล่อนขึ้นมาอีก! 

 ต่อให้ใจฉันแข็งเหมือนหิน หวังเจียเหยาก็ไม่ยอมหย่ากับฉันแน่! อีกอย่างฉันเคยตกปากรับคำกับคุณย่าเล็ก นอกเสียจากหวังเจียเหยาเป็นคนขอหย่าเอง ฉันจะไม่เป็นฝ่ายขอหย่ากับหล่อน! 

ใช่แล้ว เหตุผลที่ทำให้ตอนนี้เย่เฉินไม่สามารถขอหย่ากับหวังเจียเหยาได้อย่างไร้เยื่อใยได้ก็คือคำสัญญาที่รับปากเอาไว้กับหญิงชราก่อนตาย!

เขาเป็นคนที่ยึดถือในเรื่องคำสัญญาอย่างมาก ในเมื่อเขาเคยรับปากคุณย่าเล็กแล้วย่อมไม่มีทางผิดคำพูด

แต่ว่าที่หวังเจียเหยาหลอกลวงเขาและเรื่องมีชู้ตอนแต่งงานก็เป็นเรื่องจริง

ผู้หญิงแบบนี้เย่เฉินไม่อยากได้แล้วจริงๆ!

ดังนั้นตอนนี้เย่เฉินจึงจำเป็นต้องอดทน แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร แล้วค่อยหาวิธีให้หวังเจียเหยาเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอหย่ากับเขาแทน!

เย่เฉินแอบมาที่ห้องน้ำเงียบๆ

จากนั้นก็โทรหาคุณปู่ของตัวเอง

คุณปู่ของเขาอยู่ที่อังกฤษ ที่นั่นเป็นเวลาประมาณสี่ทุ่ม

 คุณปู่นอนแล้วหรือยังครับ? 

ในน้ำเสียงของเย่เฉินเจือเสียงสะอื้น เขาเสียใจอย่างมากแต่ก็ไม่สามารถระบายความในใจได้ และยังไม่สามารถไถ่ถามภรรยาของตนเองว่าทำไมถึงได้หลอกลวงกัน

คุณปู่ของเย่เฉินชื่อฉงไห่ คนที่รู้จักชื่อนี้ของเขามีน้อยนิด บรรดาผู้บริหารของบริษัทภายในประเทศที่เคยเจอเขาต่างก็เรียกชายชราว่าคุณเย่

เย่ฉงไห่กล่าว  เย่เฉินแกไม่ค่อยโทรหาปู่ก่อน มีอะไรล่ะ? 

เย่ไห่ฉงพอจะฟังออกว่าอารมณ์ของหลานชายไม่มั่นคงอย่างยิ่ง

เย่เฉินกล่าว  ขอโทษด้วยนะครับคุณปู่ การฝึกที่หัวเซิ่งกรุ๊ปของผมน่าจะล้มเหลวแล้วล่ะครับ 

เย่ฉงไห่ถาม  เป็นเพราะการปั่นหุ้นของพวกตระกูลหลิ่วใช่ไหม? หลานชายแกไม่ต้องกังวลนะ ถึงแม้ว่าปู่จะไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่ก็ยังพอมีเพื่อนจำนวนมากในประเทศ กะอีแค่ตระกูลหลิ่วแกไม่ต้องเอาไปใส่ใจหรอก บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปไม่เจ๊งหรอก 

ใครจะรู้เย่เฉิกลับกล่าวว่า  ผมไม่อยากเป็นประธานผู้บริหารบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแล้วล่ะครับ ผมอยากยอมแพ้ 

 ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?  เย่ฉงไห่ถามอย่างคลางแคลงใจ

ดังนั้นเย่เฉินถึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งตนเองและหวังเจียเหยาทั้งหมดให้คุณปู่ฟัง

หลังจากที่เย่ฉงไห่ได้ยินแล้วก็ถอนหายใจยาว!

 

และแล้วเวลาหนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านไป
คืนหนึ่งหลังจากที่หลิ่วอวี่เจ๋อเพิ่งจะส่งหวังเจียเหยากลับบ้านแล้วขับรถกลับโรงแรมอันเป็นที่พักของตนเอง ก็มีสายโทรเข้ามาจากฟางเชา
“ฮัลโหลไอ้น้องกับ ‘อดีตภรรยา’ ฉันไปถึงแล้วล่ะ?” ฟางเชากล่าวพร้อมหัวเราะ
ฟางเชาในตอนนี้ไม่ได้อยู่อวิ๋นโจว แต่ยังอยู่ที่เทียนไห่
อิทธิพลของเย่เฉินนั้นหยั่งรากลึกในอวิ๋นโจวนั้น เขากลัวว่าทันทีที่กลับไปแล้วหากไปเจอซีกวากับหลิวเจิ้งคุนเข้าจะโดนซ้อมเอา
และก่อนที่หลิ่วอวี่เจ๋อจะเอาชนะเย่เฉินได้นั้น ฟางเชาจะไม่ยอมกลับอวิ๋นโจว
หลิ่วอวี่เจ๋อถอนหายใจแล้วกล่าว “แม่งอย่าให้พูดเลย รู้จักกันเกือบจะครึ่งเดือนแล้วยังไม่มีอะไรเลย! ตอนนี้หวังเจียเหยาแค่ให้ฉันไปส่งหล่อนกลับบ้าน คิดว่าคงเห็นแก่รถรุ่นลิติเต็ดราคาห้าสิบล้านคันนั้นของฉัน ยังไม่ได้ถึงเนื้อถึงตัวด้วยซ้ำ ทำได้แค่จับมือในรถ อ้อ มีคราวก่อนที่ใจอ่อนยอมให้ฉันกอดครั้งหนึ่ง”
ฟางเชาระเบิดเสียงหัวเราะ “คุณชายสองแห่งตระกูลหลิ่วที่โด่งดังของเมืองเทียนไห่ ตามจีบผู้หญิงมาครึ่งเดือน คิดไม่ถึงว่ากระทั่งจูบก็ยังไม่เคยเหรอเนี่ย? ไอ้น้อง ขนาดพี่ที่มาจากบ้านนอกยังเคยนอนกับหวังเจียเหยาเลย! นายมันอ่อนกว่าพี่เยอะรู้ไหม?!”
ในวินาทีนี้ฟางเชารู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเสียอย่างมาก เขาจะยอมให้ฟางเชาเหนือกว่าเขาได้อย่างไร?
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวว่า “ไสหัวไปเลย! นายโอ้อวดอะไรของนายน่ะ? ตอนนายจีบหวังเจียเหยาสามีของหล่อนมีสภาพแบบไหน แล้วตอนฉันจีบหล่อนสามีหล่อนเป็นใคร? ตอนของนายน่ะสามีหล่อนเป็นจิ้งจอกที่คลุมขนแกะเขายังส่งอาหารเดลิเวอรี่อยู่เลย! ตอนนี้เย่เฉินเป็นถึงท่านประธานบริษัทเลยนะ! ไม่ใช่ฉันดูถูกนายนะฟางเชา แต่ถ้านายตามจีบหล่อนตอนนี้ ด้วยความเย่อหยิ่งถือตัวของหวังเจียเหยาบวกกับความรู้สึกที่หล่อนมีต่อเย่เฉินแล้ว อย่าว่าแต่จับมือหล่อนเลย กระทั่งมองหล่อนยังอาจจะไม่มองนายด้วยซ้ำ!”
ฟางเชาตอบว่า “ฉันเชื่อที่นายพูดนะ หวังเจียเหยาคนนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนซ่งหงเย่นะ”
ก่อนนี้ที่หลิ้วอวี่เจ๋อจงใจหาเรื่องตีสนิทกับซ่งหงเย่ที่สตาบัคก็เป็นความคิดของฟางเชา
ฟางเชากล่าวว่า “หวังเจียเหยานั้นเป็นคนที่มีขอบเขต ถ้าเทียบกับซ่งหงเย่แล้ว หล่อนก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ดี ทว่าผู้หญิงคนนี้หน้าบางเกินไป อีกอย่างก็เห็นแก่เงินมากด้วย ถ้านายสามารถทำให้เย่เฉินล้มละลายกลายเป็นยาจกได้ ฉันขอรับรองว่านายจะได้ครอบครองหวังเจียเหยาจะง่ายราวพลิกฝ่ามือ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อครุ่นคิด
หลายวันมานี้จากการพูดคุยและทำความรู้จักกับหวังเจียเหยา หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็เริ่มจะชอบหญิงสาวเข้าแล้วจริงๆ
ชายหนุ่มร่ำรวยแบบเขากระทั่งดาราผู้หญิงมีแฟนคลับนับล้านเขายังเคยได้มาแล้ว ถ้าเขาไม่ได้ครอบครองหญิงสาว เขาจะทนได้ยังไง!
คิดอยู่ครู่หนึ่งหลิ่วอวี่เจ๋อก็กล่าวว่า “ก็ดี ฉันจะประกาศศึกกับเย่เฉินอย่างเป็นทางการ! ฉันจะทำให้บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปล้มละลาย!”
ฟางเชาตื้นตันอย่างยิ่ง วันนี้คือวันที่เขารอคอย!
……
สามวันต่อมาชื่อของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก็ขึ้นหราในเว็บไซต์การเงินต่างๆ!
กระทั่งช่องโทรทัศน์ต่างๆ จำนวนมากต่างก็รายงานเรื่องของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป!
ช่องเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “วันนี้ BONITA RESEARH ได้ทำรายงานจำนวน 43 หน้าในหัวข้อเรื่องการปั่นหุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปในตลาดหุ้นฮ่องกง! ในรายงานบอกว่าบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปรายงานกำไรเท็จแปดร้อยล้าน อีกทั้งผู้บริหารยังทำการคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะประธานผู้บริหารอย่างเย่เฉินที่อายุก็ยังน้อยและไม่มีความสามารถในการบริหารเลยด้วยซ้ำ แถมยังใช้เงินตามอำเภอใจ หุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปไม่มีมูลค่าอะไรเลย! รายงานบอกว่าวันนี้หุ้นร่วงหนักลงไปถึง 23% ซึ่งถือได้ว่าร่วงลงเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นมา ตอนนี้บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปโดนระงับการซื้อขายจนกว่าผู้บริหารจะส่งรายงาน
ดิฉันได้ติดต่อรองผู้บริหารบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปหวังเจียเหยาและฉินหงเหยียน ทั้งสองคนแจ้งว่าเนื้อหาในรายงานไม่ใช่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในบริษัท ตอนนี้ผู้บริหารกำลังรีบจัดการประชุม
บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปสร้างขึ้นในปี 2003 ธุรกิจหลักคือการบริหารสินทรัพย์ ลงทุนและพัฒนา การค้าระหว่างประเทศรวมไปถึงพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ…”
……
การประชุมภายในของผู้บริหารบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป
เย่เฉิน ฉินหงเหยียนรวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอยู่กันพร้อมหน้า ส่วนหวังเจียเหยากำลังตาลีตาเหลือกออกจากอีผิ่นเจียเหยามาที่บริษัท
ฉินหงเหยียนรับสาย “คุณย่เจอแล้วค่ะ รายงาน 43 หน้านี้เป็นฝีมือของหลิ่วอวี่เจ๋อหลานชายของหลิ่วหย่วนหางผู้บริหารของชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสค่ะ”
“คนตระกูลหลิ่วจากเทียนไห่เหรอ”
“ฉันก็ว่าทำไมถึงได้โดน BONITA RESEARH เล่นงานอย่างไม่มีสาเหตุแบบนี้หรือว่าตั้งใจจะล้างแค้นคุณเย่?”
“หรือเป็นเพราะเรื่องของคุณเย่กับหลิ่วหรูซือ?”
เหล่าผู้ถือหุ้นเริ่มซุบซิบคุยกัน
เย่เฉินหัวเราะแล้วพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “ที่แท้ก็คนตระกูลหลิ่วนี่เอง ดูแล้วฟางเชาน่าจะไปขอกำลังเสริมที่เมืองเทียนไห่ ถือว่าได้ผลอยู่เหมือนกัน”
เย่เฉินไม่ได้แยแสที่คนตระกูลหลิ่วเล่นงานเขาสักนิด!
ตอนแรกที่เย่เฉินตั้งใจจะเล่นงานตระกูลฟาง ฉินหงเหยียนเคยเตือนเย่เฉินว่ามารดาของฟางเชาเป็นคนจากตระกูลใหญ่ที่สุดในเมืองเทียนไห่
แต่เย่เฉินนั้นไม่แยแสพวกเขาแม้แต่น้อย!
ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นพวกเขาในสายตาเหมือนเดิม!
ตระกูลหลิ่วแล้วจะทำไม?
เป็นตระกูลร่ำรวยที่ติดอันดับแล้วจะทำไม?
ร่ำรวยเป็นแสนล้านแล้วจะทำไม
พวกเขาไม่ได้ล่วงรู้ถึงศักยภาพที่แท้จริงของตระกูลเย่ด้วยซ้ำไป!
ฉากหน้าตระกูลเย่มีทรัพย์สินแสนล้าน แต่ความจริงแล้วมีเท่าไหร่นั้น กระทั่งเย่เฉินที่เป็นหลานชายก็ยังไม่รู้แน่ชัด!
ตระกูลหลิ่วที่มีทรัพย์สินแสนล้านก็ยังเป็นคนละระดับกับตระกูลเย่ของเขา!
เย่เฉินเคาะโต๊ะประชุมเป็นสัญญาณบอกให้ทุกคนเงียบแล้วกล่าวว่า “ทุกท่านไม่ต้องตกใจ เรื่องนี้เกิดจากเรื่องส่วนตัวของผม ผมเย่เฉินจะเป็นคนแก้ไขเอง ผู้ถือหุ้นทุกท่านโปรดวางใจ ผมขอรับรองว่าทุกคนจะไม่ต้องสูญเสียเงินแม้แต่แดงเดียวเพราะเรื่องนี้”
ทุกคนรู้ดีว่าที่เย่เฉินมาเป็นประธานผู้บริหารที่นี่ได้ เขาย่อมต้องมีคนหนุนหลังจึงพร้อมใจกันเยินยอสรรเสริญเขา
“คุณเย่พูดถูก ก็แค่ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลหลิ่วเท่านั้นเองไม่รู้จักประมาณตัวเอง แต่อยากจะคุกคามคุณเย่ หลิ่วหย่วนหางเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร พวกเราควรจะเชื่อมั่นในตัวคุณเย่!”
“ต่อให้หลิ่วหย่วนหางออกหน้าเอง พวกเราก็เชื่อมั่นว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณเย่ของพวกเรา!”
“ใช่แล้วๆ!”
เย่เฉินมองฉินหงเหยียนแล้วกำชับ “หงเหยียนรีบเตรียมรายงานชี้แจงแล้วส่งให้สื่อต่างๆ”
“ค่ะ!”
เย่เฉินเองก็กดโทรหาคุณหม่า “คุณหม่า ถึงแม้ว่ายังเหลืออีกหนึ่งเดือนกว่าถึงช่วง 11 พฤศจิกายน แต่ผมอยากจะขอเซ็นสัญญาความร่วมมือบางอย่างกับคุณก่อน ผมรู้ว่าคุณหม่าเกษียณแล้ว มีหลายเรื่องที่คุณไม่ได้จัดการด้วยตัวเอง แต่คุณสบายใจได้ ผมขอรับรองว่าผมจะทำให้ผู้ถือหุ้นทุกคนในบริษัทคุณพอใจในราคาแน่นอน ”
คุณหม่าที่อยู่ในสายหัวเราะร่วน “คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าตระกูลเย่ของคุณใช้เงินเหมือนกระดาษ แต่ผมจะไม่รู้ได้ยังไง? อย่างนั้นก็ต้องขอบคุณความใจกว้างของคุณเย่แล้ว ผมขอรับปากแทนทางบอร์ดแล้วกัน อีกครึ่งชั่วโมงคุณติดต่อพวกเขาไปได้เลย!”
“ขอบคุณครับ”
จากนั้นเย่เฉินก็โทรศัพท์อีกหลายสาย เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากคนใหญ่คนโตเหล่านี้บวกกับเงินของตระกูลเย่ที่จะทุ่มลงไป พรุ่งนี้หุ้นจะต้องขึ้นแน่!
ไม่นานหลังจากประชุมกันเสร็จ หวังเจียเหยาก็รีบร้อนมาที่ห้องทำงานของเย่เฉินแล้วถาม “ที่รักเกิดอะไรขึ้นคะ? ได้ยินมาว่าบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปโดนสื่อเล่นงานเหรอ? เจอหรือยังคะว่าฝีมือใคร”
เย่เฉินตอบ “หลิ่วอวี่เจ๋อ จากตระกูลหลิ่วที่เทียนไห่น่ะ”
หวังเจียเหยาตัวสั่นเทิ้มตัวสั่นเทิ้มทันที
เม็ดฝนโปรายปรายตกกระทบหน้าต่างรถ ตำแหน่งที่รถของหลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาจอดอยู่นั้นไม่มีแสงไฟ
บวกกับที่ฟิล์มติดกระจกของรถแอสตันมาร์ตินคันนี้สีค่อนข้างเข้ม ทำให้คนด้านนอกมองไม่เห็นเหตุการณ์ภายในรถ
หนำซ้ำหลิ่วอวี่เจ๋อยังปิดไฟรถไปอีก
ทั้งสองคนเหมือนอยู่ในห้องมืดสนิทจนปลอดภัยอย่างยิ่ง ไม่น่าจะถูกคนสังเกตเห็นได้ง่าย
สภาพแวดล้อมแบบนี้ทำให้หวังเจียเหยารู้สึก ‘ปลอดภัย’ อย่างมาก
เพราะต่อให้หล่อนทำอะไรกับหลิ่วอวี่เจี๋ยในรถคันนี้ คนด้านนอกก็ไม่มีทางมองเห็น
หวังเจียเหยาสอดนิ้วประสานกับหลิ่วอวี่เจ๋อแนบแน่นเหมือนคู่รักกันแล้วตอบ
“อวี่เจ๋อ ที่จริงแล้วฉันก็รู้สึกดีกับนายมากนะ นายทั้งหล่อทั้งหุ่นดี พื้นฐานครอบครัวก็ดี ผู้หญิงคนไหนจะไม่ชอบนายล่ะ? แต่เวลาที่เรารู้จักกันสั้นเกินไป อีกอย่างตอนนี้สามีของฉันก็ดีกับฉันมาก ขอโทษด้วยนะฉันคงทำได้แค่ปฏิเสธนาย”
พอได้ยินคำตอบของหวังเจียเหยาแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อก็พอจะเข้าใจสิ่งที่หญิงสาวพยายามจะสื่อ เขาจึงกล่าวถามอีกฝ่าย
“ถ้าหากว่าพวกเรารู้จักกันเป็นระยะเวลานานแล้วเกิดมาวันหนึ่งถ้าสามีคุณไม่ดีกับคุณ คุณพอจะรับผมไว้พิจารณาได้ไหมครับ?”
ครั้งนี้หวังเจียเหยาไม่ปฏิเสธแต่เงียบไม่ตอบคำถามเท่านั้น
ซ่งหงเย่ที่เป็นเหมือนกุนซือของหญิงสาวเอาแต่คอยเตือนหญิงสาวว่าทางที่ดีให้ใช้หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นตัวสำรอง เผื่อวันหน้าเลิกกับเย่เฉินหรือหากไม่ได้รับสืบทอดสมบัติของตระกูลเย่ก็ยังมีลูกคนรวยอายุยังน้อยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรมาไว้ในกำมือ
หวังเจียเหยากล่าวว่า “ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ นายคงจะมีแฟนไปนานแล้ว”
ใครจะรู้หลิ่วอวี่เจ๋อกลับกล่าวด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ “ไม่หรอกผมไม่มีทางหาแฟนหรอกครับ ผมจะรอคุณ จะสามปี ห้าปีหรือสิบปีผมก็ยินดีรอ! ต่อให้คุณมีลูกผมก็ไม่รังเกียจ!”
หวังเจียเหยามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยอย่างซาบซึ้งใจ คิดไม่ถึงเลยว่าลูกเศรษฐีผู้ร่ำรวยมีเงินแสนล้านคนนี้ว่าจะยอมเป็นตัวสำรองให้หล่อน?
ซึ่งอันที่จริงแล้วเมื่อเดือนก่อนหวังเจียเหยาเคยขอให้เย่เฉินเป็นตัวสำรอง โดยให้เขารอตนเองอีกสามปี รอหล่อนแต่งงานมีลูกกับฟางเชาแล้วทั้งสองคนหย่ากัน หลังจากที่แบ่งทรัพย์สมบัติกับฟางเชาแล้วหล่อนจะกลับมาอยู่กับเย่เฉิน
แต่เย่เฉินปฏิเสธทันที!
เป็นทายาทเศรษฐีเหมือนกันแต่เย่เฉินกลับไม่ยอมเป็นตัวสำรองให้หล่อน แต่หลิ่วอวี่เจ๋อยินยอม!
“ชิ เย่เฉินควรได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของหลิ่วอวี่เจ๋อ ทรัพย์สินที่มีก็พอๆ กันแล้วทำไมหลิ่วอวี่เจ๋อยอมรอฉันแต่เขาไม่ยอมรอฉัน!”
ในวินาทีนี้หวังเจียเหยาถึงกับกล่าวโทษเย่เฉินขึ้นมาน้อยๆ!
ดังนั้นหล่อนจึงเป็นฝ่ายกำมือเขาแน่นขึ้น “อวี่เจ๋อนายนี่มันโง่จริงๆ”
แต่แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนโง่ คำพูดคลั่งรักของเขาเมื่อครู่ก็พูดไปแค่เพื่อหลอกให้หวังเจียเหยาดีใจ
เศรษฐีแสนล้านจะยอมเป็นตัวสำรองได้ยังไง!
คนที่โง่ก็คือหวังเจียเหยาต่างหาก!
ที่คิดว่าแค่รูปโฉมที่งดงามของตนเองจะสามารถทำให้ชายหนุ่มทั่วหล้ายอมสยบอยู่ใต้แทบเท้าหล่อนอย่างว่าง่าย!
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “มีผู้หญิงที่ทำให้ผมยอมเป็นคนโง่ได้แบบนี้ ผมรู้สึกว่าตัวผมเองมีความสุขมากเลย”
พูดพลางอาศัยจังหวะนี้จุมพิตหญิงสาว ทว่ากลับโดนอีกฝ่ายปฏิเสธ
“ไม่ได้ ฉันไม่สามารถทำเรื่องที่ผิดต่อสามีฉันได้”
น้ำเสียงหวังเจียเหยาห้วนสั้น เหมือนจะเตือนหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นนัยๆ ว่าจับมือหล่อนได้แต่อย่าคิดจะจุมพิตหล่อนเด็ดขาด
หวังเจียเหยาไม่ใช่คนแบบซ่งหงเย่ หล่อนยังมีหลักการที่ตนเองยึดถือ
“ก็ได้ครับ” หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ทู่ซี้ เขายังคงแสร้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ
“ฉันจะไปละนะ” หวังเจียเหยาปล่อยมือหลิ่วอวี่เจ๋อ
ฝนด้านนอกยังตกอยู่ หลิ่วอวี่เจ๋อรีบเปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งไปฝั่งที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะกางร่มให้หวังเจียเหยาลงจากรถ
แล้วส่งร่มให้หวังเจียเหยา
“บ๊ายบาย”
“บ๊ายบาย เจอกันพรุ่งนี้นะครับ ผมจะไปที่อีผิ่นเจียเหยาตอนตีห้า!”
หวังเจียเหยาระบายยิ้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก หล่อนเดินตรงไปยังอีกฝั่งถนนทันที
หลิ่วอวี่เจ๋อร้อนรนจนแทบทนไม่ไหวเมื่อเห็นแผ่นหลังที่งดงามของหญิงสาว
“แม่งเอ้ย เมื่อไหร่จะได้ครอบครองหล่อนเนี่ย! แต่ว่าวันนี้ถือว่ามีพัฒนาการนะ อย่างน้อยก็ยอมจับมือกับฉันแล้ว ฮึ เย่เฉิน แกเหยียดหยามตระกูลหลิ่วเราฉันจะต้องเอาคืนแกแน่!”
……
ตีห้าครึ่งของวันรุ่งขึ้น เย่เฉินเพิ่งจะตื่น เขาพลิกตัวไปด้านข้างตั้งใจจะกอดภรรยาสุดที่รักของเขาเสียหน่อย
แต่เมื่อพลิกตัวมาก็พบว่าหญิงสาวไม่อยู่บนเตียงแล้ว
เย่เฉินลงจากเตียงก็พบว่าหวังเจียเหยากำลังแต่งหน้าแต่งตาอยู่ที่กระจกด้านนอก หนำซ้ำหล่อนยังแต่งตัวเสร็จแล้ว แถมไม่พอแต่งตัวสวยมากทีเดียว
เย่เฉินรู้สึกแปลกใจ ก่อนนี้เย่เฉินยังจำได้ว่าหวังเจียเหยาจะตื่นนอนในช่วงเก้าโมหรืออาจสิบโมงด้วยซ้ำ
ทำไมวันนี้หล่อนถึงได้ตื่นเช้าแบบนี้?
“ที่รักทำไมคุณตื่นเช้าจัง?” เย่เฉินถาม
หวังเจียเหยาเห็นสามีจึงวางลิปสติก YSL ในมือ จากนั้นจึงเดินมากุมมือสองข้างของเขาเอาไว้ ก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปแล้วตอบ“ที่รักตื่นแล้วเหรอคะ? ฉันนอนไม่หลับก็เลยว่าจะไปที่อีผิ่นเจียเหยาเร็วหน่อย”
เย่เฉินมองไปด้านนอกก็พบว่าฝนตก
เขาบีบจมูกหล่อนด้วยท่าทีสนิทสนมแล้วถาม “ทำไมช่วงนี้คุณชอบทำงานจังเลย? ตื่นเช้ากลับดึกทุกวันเลย ตอนนี้เป็นแม่คนแล้วนะ ต้องรักษาสุขภาพ อีผิ่นเจียเหยาก็เริ่มสร้างแล้ว ผมเป็นห่วงคุณมากเลยนะ”
หวังเจียเหยาออดอ้อนสามี “แหมตอนนี้ฉันเพิ่งท้องได้เดือนเดียวเองนะคะ แล้วนี่ก็ไม่ใช่การออกกำลังกายหนักเสียหน่อยไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ นายไปทำงานที่บริษัททุกวัน ฉันอยู่บ้านคนเดียวก็เบื่อๆ ไม่สู้ไปดูพวกเขาทำงานดีกว่า ฉันอยากให้อีผิ่นเจียเหยาเป็นรูปเป็นร่างก่อนลูกจะคลอด”
เย่เฉินรู้สึกว่าตนเองเอาแต่ทำงานจนละเลยหญิงสาว ตอนนี้เจ้าหล่อนก็กำลังท้องกำลังไส้ น่าจะต้องการการดูแลเอาใจใส่
แต่แบบทดสอบในด้านธุรกิจที่ตระกูลมอบหมายให้เขานั้น ก็มีเงื่อนไขให้เขาบริหารกิจการให้ได้ผลกำไรให้ได้มากๆ ทำให้เขาจำใจทำงานทุกวัน มิฉะนั้นคงยากจะผ่านการทดสอบในระยะเวลาปีสองปี
“หรือไม่อย่างนั้นวันนี้ผมไม่ไปทำงานแล้วอยู่บ้านเป็นเพื่อนคุณดีไหม?” เย่เฉินถาม
ถ้าเป็นสามวันก่อน ได้ยินสามีกล่าวแบบนี้หล่อนคงดีใจมาก
ทว่าตอนนี้หล่อนรู้จักกับหลิ่วอวี่เจ๋อ ถึงเขาจะไม่มีความเป็นผู้ใหญ่มากเท่าเย่เฉิน และรูปร่างหน้าก็ยังด้อยกว่าเย่เฉินเล็กน้อย แถมความสามารถเขาก็ไม่ได้แม้แต่เสี้ยวของชายหนุ่ม。
แต่หล่อนเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเย่เฉินมาสามปี แล้วเรียกได้ว่าเห็นจนเบื่อแล้ว
ส่วนหลิ่วอวี่เจ๋อนั้นเป็นของใหม่สำหรับหล่อน อีกทั้งเขาถ่อมตัวกว่าสามี และมักจะพูดจาเอาอกเอาใจหล่อนเสมอ
ทันทีที่คิดว่าหลิ่วอวี่เจ๋อกำลังรออยู่ที่อีผิ่นเจียเหยา หล่อนก็รีบห้ามสามี “อย่าเลยค่ะที่รัก ไปทำงานเถอะ ฉันอยากให้นายผ่านการทดสอบเร็วๆ ให้คุณปู่ตกตะลึงในตัวนาย!”
พูดจบหล่อนก็ผลักหลังสามีไปที่ห้องนอน “อย่าดื้อนะคะนอนต่ออีกหน่อยเถอะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก คิดถึงก็โทรมาเข้าใจไหม?”
เย่เฉินไม่พูดอะไรต่อมากมายแล้วเข้านอนต่อ
……
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ อีผิ่นเจียเหยา อากาศปลอดโปร่ง สายฝนโปรายปราย
ภายในป่าใบไม้แดงมีบ้านน็อคดาวน์ตั้งอยู่
ภายในห้องมีเสียงหัวร่อต่อกระซิกของหนุ่มสาวดังลอยออกมา
ถึงจะบอกว่าหลิ่วอวี่เจ๋อทำให้หวังเจียเหยาเกิดหวั่นไหวขึ้นมาน้อยๆ แต่หล่อนก็ไม่แสดงออกให้เขาเห็น
หวังเจียเหยาผลักซ่งหงเย่เบาๆ “พูดจาเหลวไหลอะไรฉันไม่ใช่เธอนะที่แต่งงานแล้วยังเลี้ยงเด็กๆ เอาไว้ ฉันไม่ทรยศสามีของฉันหรอกนะ”
ในสายตาหวังเจียเหยา ตอนนี้เย่เฉินเป็นคู่ครองที่สมบูรณ์แบบที่สุดและเติมเต็มความฝันที่หล่อนมีเกี่ยวกับคู่ชีวิต
ซ่งหงเย่กล่าวต่อ “รู้หรอกว่าพวกเธอรักกัน ก็แค่เล่นๆ เอง เธอนี่มันจริงๆ เลย จะบอกอะไรให้นะหลิ่วอวี่เจ๋อคนนี้บ้านมีเงินตั้งแสนล้าน ไม่ได้น้อยไปกว่าสามีของเธอเลยนะ!”
“อะไรนะ?”
หวังเจียเหยาตกใจจนพูดไม่ออก ทำไมเมื่อก่อนผู้ชายรวยหมื่นล้านยังไม่เคยเจอ ตอนนี้พอแต่งงานแล้วแค่เจอใครคนหนึ่งก็เป็นเศรษฐีที่มีเงินแสนล้านไปเสียได้?
ซ่งหงเย่โดนหลิ่วอวี่เจ๋อข่มขู่ จึงจำเป็นต้องชมเขาต่อ “เจียเหยาเรื่องของเธอกับฟางเชา ไม่แน่ว่าวันคีคืนดีเกิดเรื่องแดงขึ้นมาล่ะ บวกกับท่าทีที่เธอมีกับเขาในตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมาอีก
เมื่อสามปีก่อนที่เธอทำอย่างนั้นกับเขา ไม่แน่ว่าวันไหนเกิดเขาไม่อยากได้เธอขึ้นมา ฉันคิดว่าเธอหาตัวสำรองเอาไว้ซักคนก็ดีนะ หลิ่วอวี่เจ๋อก็ดูหลงเธอดีออก เป็นตัวเลือกที่ดีใช้ได้เลย เธอลองคิดๆดูแล้วกัน”
พูดจบซ่งหงเย่ก็จากไป
“คุณหวังครับ ตอนนี้คุณพอมีเวลาไหมครับ? ผมอยากจะเล่าถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบและแผนในอนาคตที่ผมวางไว้สำหรับวิลล่าพวกนี้น่ะครับ”
หลิ่วอวี่เจ๋อเสแสร้งวางมาดเป็นคนตั้งใจทำงานอย่างยิ่ง
“ได้ค่ะ” หวังเจียเหยาลูบผมยาวสลวยของตนเองแล้วรับคำอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
……
สามวันต่อมา
ฝนตกโปรยปรายในเวลาสามทุ่ม
เย่เฉินยังอยู่ที่ห้องทำงาน เขาร้ว่าช่วงนี้หวังเจียเหยามักจะคอยตรวจงานอยู่ที่อีผิ่นเจียเหยา เพราะตอนี้ภรรยากำลังท้อง เขาจึงเป็นห่วงเป็นใยหล่อนมากกว่าปกติจึงกดโทรหาอีกฝ่าย
“ที่รักคุณยังอยู่ที่อีผิ่นเจียเหยาใช่ไหม? วันนี้เหมือนคุณไม่ได้ขับรถไป ผมไปรับคุณกลับบ้านดีไหม?” เย่เฉินถาม
หวังเจียเหยาที่อยู่ในสายตอบ “ไม่ต้องหรอกค่ะที่รัก นายทำงานของนายเถอะ ฉันเรียกแท็กซี่แล้ว ตอนนี้อยู่ที่บ้านแล้ว!”
“อ้อ ก็ได้ เดี๋ยวผมรีบกลับบ้าน ถ้าคุณเหนื่อยก็นอนก่อนเถอะ”
“ค่ะ รักนะคะ”
พอกดวางสายแล้ว หวังเจียเหยาก็ใช้มือแตะกระจกรถ ขณะชมภาพสายฝนเม็ดเล็กที่โปรยปรายด้านนอกกระจกรถอย่างอิ่มเอมใจ
ในตอนนี้หล่อนกำลังนั่งอยู่ในที่นั่งด้านข้างคนขับของรถหรูมูลค่าห้าสิบล้านของหลิ่วอวี่เจ๋อ
หลิ่วอวี่เจ๋อเพิ่งขับรถมาส่งหล่อนที่วิลล่าเขตเหมยกุยหยวน
รถไม่ได้ขับเข้าไปด้านในแต่กลับจอดที่ถนนฝั่งตรงข้าม
“ขอบคุณนะอวี่เจ๋อที่มาส่ง” หวังเจียเหยากล่าวพร้อมส่งยิ้มน้อยๆ
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ได้ส่งนางฟ้าอย่างคุณกลับบ้านเป็นความฝันที่คนธรรมดาอย่างผมจะหาจากไหน ผมควรจะขอบคุณคุณหวังต่างหาก”
หลิ่วอวี่เจ๋อปากหวานอย่างยิ่ง เขามักจะเยินยออีกฝ่าย หลายวันมานี้ที่ทำงานด้วยกันส่งผลให้หล่อนชอบเขามากกว่าเดิม
หวังเจียเหยาใช้มือตีเขาเบาๆ “นายนี่เอาใจผู้หญิงเก่งจริงๆ ไม่รู้ว่านายหลอกผู้หญิงไปกี่คนแล้ว”
หลิ่วอวี่เจ๋อทำหน้าใสซื่อ “ไม่จริงเลยนะครับ! ชีวิตนี้ผมเคยชมแค่คุณคนเดียว! ผู้หญิงคนอื่นแค่มองผมยังไม่มองเลย”
“ชิ คนโง่น่ะสิถึงจะเชื่อนาย นายหล่อขนาดนี้แล้วก็ยังมีเงินตั้งเยอะ ผู้หญิงที่ตามตื๊อนายไม่รู้ว่ามีกี่คน”
หวังเจียเหยามองเสี้ยวหน้าที่หล่อเหลาของชายหนุ่มอย่างอดไม่ได้ก่อนจะกล่าว “ดึกมากแล้ว เดี๋ยวสามีฉันก็จะกลับมาแล้วเดี๋ยวถ้าเขาเห็นเข้าคงดูไม่ดี ฉันไปล่ะเจอกันที่บริษัทพรุ่งนี้นะ”
ในตอนที่หวังเจียเหยากำลังเปิดประตูจะลงรถนั้นเอง ใครจะรู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อก็คว้ามือซ้ายของหญิงสาวเอาไว้
“คุณหวัง…”
หวังเจียเหยาทำอะไรไม่ถูก “นี่นายทำอะไรน่ะ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อวางแผนการต่างๆ นานาเพียรพยายามเข้าใกล้หวังเจียเหยามาถึงสามวัน
“คุณหวังตั้งแต่ที่เจอคุณเมื่อสามวันก่อน ผมก็ตกหลุมรักคุณแล้ว คุณเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่ผมเคยเห็น ผมชอบคุณครับ!”
เมื่อโดนอีกฝ่ายสารภาพรักทำให้หวังเจียเหยาทำอะไรไม่ถูก
แต่สัมผัสที่หกของผู้หญิงก็ถือว่าค่อนข้างแม่นยำทีเดียว หล่อนพอจะมองออกนานแล้วว่าหลิ่วอวี่เจ๋อคิดอะไรกับตนเอง
หวังเจียเหยาปล่อยมือเขาแล้วกล่าว “อวี่เจ๋อฉันมีสามีแล้วนะ อีกอย่างก็มีลูกแล้วด้วย นายเก่งขนาดนี้ทำไมต้องมาชอบฉันด้วย? ผู้หญิงที่นายเลือกได้ยังมีอีกเยอะนะ”
หลิ่วอวี่เจ๋อคว้ามือหญิงสาวอีกครั้งแล้วกล่าวด้วยใบหน้าลึกซึ้งเปี่ยมอารมณ์ “ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนบนโลกใบนี้ก็ไม่ได้ถึงหนึ่งในพันของคุณหรอกครับ!”
หวังเจียเหยาสับสนอย่างมาก แต่ความสัมพันธ์แค่สามวันไหนเลยจะสู้ความสัมพันธ์สามปีได้
อีกอย่างหล่อนยังไม่ได้รู้จักชายตรงหน้ามากนัก ย่อมไม่มีทางรับปากเขา
หวังเจียเหยากล่าวว่า “ฉันยังไม่รู้เรื่องของครอบครัวนายเลย”
หวังเจียเหยาเองอยากจะอาศัยโอกาสนี้ทำความเข้าใจว่าที่บ้านเขาทำอะไรกันแน่ ทำไมเขาถึงได้รวยแบบนี้
และในตอนนี้เองหลิ่วอวี่เจ๋อก็แบไต๋ออกมา “บ้านผมทำพวกขนส่งครับก็ชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสเป็นบริษัทของที่บ้านผมเอง”
หวังเจียเหยาตกใจทันที “ชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสเหรอ? ท่านประธานหลิ่วหลิ่วหย่วนหางคือปู่ของนาย? นายคือญาติผู้น้องของฟางเชาเหรอ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อผงกศีรษะ
หวังเจียเหยาประหลาดใจอย่างมาก ชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสเป็นบริษัทขนส่งที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ ถ้าหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นหลานของหลิ่วหย่วนหางจริงๆ อย่างนั้นแล้วเรื่องที่เขามีทรัพย์สินหลักแสนล้านก็ไม่ต้องสงสัย!
แต่ว่าตอนนี้หวังเจียเหยากลับกังวลใจเล็กน้อย เพราะเย่เฉินกับฟางเชาเคยมีเรื่องมีราวกันมาก่อน ดังนั้นฟางเชาจึงไปขอกำลังเสริมที่เทียนไห่
หวังเจียเหยาคลายมือของหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วถามเขา “นายมาที่นี่ทำไม? คงจะไม่ได้มาหาเรื่องสามีฉันใช่ไหม?”
หลิ่วอวี่เจ๋อทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาถามอย่างสงสัยว่า “หาเรื่องสามีคุณทำไม? ทำไมผมต้องหาเรื่องเขาด้วย? อ้อ จริงสิคุณรู้จักฟางเชาด้วยเหรอ? ที่จริงถึงแม้ว่าฟางเชาจะเป็นญาติผมแต่ว่าพวกเราไม่ไปมาหาสู่กับคนบ้านนั้น ผมไม่เจอเขามาก็หลายปีแล้ว”
หวังเจียเหยาเคย ‘สมรสปลอมๆ’ กับฟางเชา ดังนั้นจึงพอจะเคยได้ยินฟางเชาพูดมาว่าว่าตระกูลฟางไปเทียนไห่แต่คนตระกูลหลิ่วไม่แม้แต่จะมาพบพวกเขา
พอหลิ่วอวี่เจ๋อบอกว่าตนเองไม่เคยเจอฟางเชามาก่อนจึงแนบเนียนและสมเหตุสมผล
หวังเจียเหยาจึงแกล้งถามหยั่งเชิงต่อ “ฟางเชาไม่เคยไปหาพวกนายที่เทียนไห่เลยเหรอ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อตอบว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน หลายปีมานี้ผมอยู่เมืองนอก เพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันเองก็โดนหงเย่ลากมาให้ช่วยงานคุณที่อวิ๋นโจวแล้ว จนตอนนี้ยังไม่ได้กลับเทียนไห่เลย ทำไมเหรอ? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”
หวังเจียเหยาโบกมือ “ไม่มีอะไรๆ”
ในเมื่อหลิ่วอวี่เจ๋อไม่รู้เรื่องของเย่เฉินกับหลิ่วหรูซือ อย่างนั้นแล้วหล่อนก็ไม่บอกเขาดีกว่า
เย่เฉินเคยอธิบายกับหล่อนว่าระหว่างเขากับหลิ่วหรูซือในคืนนั้นไม่ได้มีอะไรกันแม้แต่น้อย เขาแค่ให้หล่อนร้องเพลงให้เขาฟังทั้งคืนก็แค่นั้น
หวังเจียเหยารู้ว่าสามีตนเองเป็นคนแบบไหน หล่อนจึงเชื่อเขา
หวังเจียเหยาก็ถามอีก “อวี่เจ๋อนายกับคุณอาสนิทกันไหม?”
หลิ่วอวี่เจ๋อตอบ “หลิ่วหรูซือเหรอ? หล่อนไม่ใช่อาผม ตระกูลหลิ่วเราตัดขาดกับหล่อนไปนานแล้ว!”
หวังเจียเหยาคลายความกังวลลงไปไม่น้อย ในเมื่อตระกูลหลิ่วตัดขาดกับหลิ่วหรูซือแล้วก็แปลว่าไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะต้องแก้แค้นเย่เฉินเพราะเรื่องของหลิ่วหรูซือ
หลิ่วอวี่เจ๋อคว้ามือหวังเจียเหยามากอบกุมแล้วถามซ้ำ “พี่นางฟ้าคุณจงใจเปลี่ยนเรื่องใช่ไหม? เมื่อครู่ผมเพิ่งสารภาพรักกับคุณไปนะ คุณคิดอะไรกับผมบ้างหรือเปล่า?”
หวังเจียเหยาเขินอายไม่รู้จะพูดอะไร
ทว่าครั้งนี้หล่อนกลับไม่สะบัดมือของอีกฝ่ายที่กุมมือหล่อนอยู่
แต่กลับโอนอ่อนยอมให้เขาสอดประสานนิ้วแนบชิดกับนิ้วขวาของตนราวคนรักกัน!
เมื่อวานหลิ่วอวี่เจ๋อจงใจทำกาแฟหกใส่ซ่งหงเย่ที่สตาบัค เพื่อใกล้ชิดหล่อน
ตั้งแต่ได้ยินเนื้อหาในปากกาอัดเสียงของฟางเชา หลิ่วอวี่เจ๋อก็อยากกินหวังเจียเหยาจนทนไม่ไหว เขาสาบานกับตัวเองว่าจะต้องครอบครองหวังเจียเหยาให้ได้
ดังนั้นฟางเชาจึงวางแผนให้เขาใกล้ชิดหญิงสาว โดยอาศัยซ่งหงเย่เพื่อนสนิทของหล่อนเป็นสะพาน!
เมื่อคืนวานหลิ่วอวี่เจ๋อนอนกับซ่งหงเย่ไปก่อนแล้ว
แถมยังเอาเรื่องหน้าที่การงานของสามีมาขู่ตนเอง เพื่อให้หล่อนช่วยเขาจีบหวังเจียเหยา!
ซ่งหงเย่เองไม่ได้อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างหวังเจียเหยาและเย่เฉิน แต่เพื่อไม่ให้สามีของตนเองต้องลำบาก หล่อนจึงไม่มีทางเลือก
“อวี่เจ๋อ คนผู้นี้ก็คือผู้บริหารโปรเจกต์อีผิ่นเจียเหยา”
ซ่งหงเย่กล่าวแนะนำ
หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นหวังเจียเหยาตกใจจนตัวค้างแข็ง เขามองหญิงสาวด้วยท่าทีหลงใหลแล้วกล่าวชม
“สวรรค์ นี่เป็นคนจริงๆ เหรอครับเนี่ย? น่าจะเป็นนางฟ้าเสียมากกว่าละมั้ง! โลกนี้มีผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ได้ยังไงครับเนี่ย!”
เมื่อหลิ่วอวี่เจ๋อเห็นหวังเจียเหยาก็รู้สึกว่าใบหน้าของอีกฝ่ายงดงามสะดุดตาจริงๆ ที่เขาจงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อปะเหลาะให้หวังเจียเหยาดีใจ
หวังเจียเหยาถูกชมว่าสวยเหมือนนางฟ้าก็เขินอายไปน้อยๆ แต่ได้ยินมาว่าเขาเป็นสถาปนิก หวังเจียเหยาจึงรีบร้อนกล่าวด้วยความเกรงใจ
“คุณหลิ่วคะ คุณก็เกรงใจเกินไปแล้ว ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ เอง”
หวังเจียเหยาตาไว แค่มองปราดเดียวก็มองออกว่ารถคันนี้ของหลิ่วอวี่เจ๋อมูลค่าไม่น้อยจึงกล่าวถาม
“คุณหลิ่วรถคันนี้ของคุณใช่ไหม? น่าจะแพงมากเลยล่ะสิ? ไม่งั้นอย่าจอดไว้แถวนี้เลย แถวนี้ยังก่อสร้างกันอยู่เลย ถ้ามีอะไรไปโดนใส่เข้าเดี๋ยวลำบาก”
หลิ่วอวี่เจ๋อตบบริเวณหน้ารถที่สวยงามของแอสตันมาร์ตินแล้วกล่าวพร้อมระบายยิ้ม “ไม่เป็นอะไรโดนชนแล้วพังก็ไม่เป็นอะไรหรอก ผมมีรถแบบนี้อีกเยอะแยะ”
ซ่งหงเย่กลัวว่าหวังเจียเหยาจะไม่รู้ราคาแน่ชัดของรถคันนี้ อีกทั้งจำนวนที่แน่ชัดนี้ก็จะให้หลิ่วอวี่เจ๋อบอกด้วยตัวเองไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะดูอวดรวยจนเกินไป
ดังนั้นซ่งหงเย่จึงกล่าวว่า “เจียเหยาเธอรู้รุ่นรถหรือยัง? แอสตัมาร์ติน one77 ทั้งโลกมีแค่ 77 คันนะ แพงกว่ารถมายบัคของสามีเธอก็ไม่เท่าไหร่หรอก ราคาน่าจะซักห้าสิบล้านได้ล่ะมั้ง!”
“อะไรนะ? ห้าสิบล้าน? แพงกว่ารถของสามีฉันอีกเหรอ?”
หวังเจียเหยาตกใจจนพูดไม่ออก หล่อนคิดมาตลอดว่ารถมายบัคคันนั้นของสามีหล่อนจะเป็นรถที่แพงที่สุดในบรรดารถหรูแล้ว คิดไม่ถึงว่ารถของหลิ่วอวี่เจ๋อคันนี้จะแพงกว่ามายบัคของเย่เฉินตั้งยี่สิบล้าน!
“ใช้เงินห้าสิบล้านซื้อรถคันหนึ่ง…นี่เขาเป็นใครกันนะ?”
ตอนที่หวังเจียเหยามองหลิ่วอวี่เจ๋ออีกครั้ง ก็รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้น่ามองขึ้น และหล่อเหลาขึ้นด้วย
หวังเจียเหยาจึงกล่าวถาม “คุณหลิ่วเป็นสถาปนิกเหรอคะ? อายุน้อยจังเลยไม่ค่อยเหมือนสถาปนิกเลยนะคะ”
หลิ่วอวี่เจ๋อหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากในรถ แล้วส่งให้หวังเจียเหยาแล้วกล่าว “คุณหวังเรียกอวี่เจ๋อก็พอแล้วครับ นี่คือแบบร่างที่ผมออกแบบให้อีผิ่นเจียเหยาของพวกคุณ คุณหวังลองดูนะครับว่าเป็นยังไงบ้าง”
หวังเจียเหยาคลี่กระดาษออกดูแล้วกล่าวชม “อืม ฉันชอบดีไซน์นี้มากค่ะสวยกว่าของสถาปนิกต่างชาติคนก่อนมากเลย!”
หลิ่วอวี่เจ๋อย่อมไม่ได้ออกแบบเอง เขาจ้างสถาปนิกที่มีชื่อเสียงมาออกแบบให้
แต่หลิวอวี่เจ๋อเองก็เรียนสถาปนิกมา เขาย่อมพอเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับสายงาน
ซ่งหงเย่กล่าวว่า “หลิ่วอวี่เจ๋อเองเรียนกับสถาปนิกที่โด่งดังมาตั้งแต่เด็ก ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังหาสถาปนิกอยู่ คนที่ฉันหาให้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
หวังเจียเหยาพออกพอใจกับภาพร่างที่หลิ่วอวี่เจ๋อออกแบบมาก หล่อนมองรถเขาอีกครั้ง “ฉันกลัวจ่ายค่าจ้างให้เขาไม่ไหวน่ะสิ”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพร้อมยิ้ม “ขอแค่คุณหวังชื่นชอบการออกแบบของผม ส่วนในเรื่องของค่าจ้างคุณเสนอมาได้เลย ได้รับใช้นางฟ้าถือเป็นเกียรติของผม!”
หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ใช่คนรูปหล่อร่ำรวยทั่วๆ ไป แต่กลับเรียกหวังเจียเหยาว่านางฟ้าไม่ขาดปากทำให้หล่อนดีใจอย่างมาก
หวังเจียเหยาก็ไม่ลังเลอีก อย่างไรเสียการได้เจอสถาปนิกที่ออกแบบได้ถูกใจ ก็ไม่ง่ายจึงยื่นมือออกมาให้เขา “อย่างนั้นก็ยินดีต้อนรับคุณเข้าสู่ทีมของฉันนะคะ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อกุมมือกับหวังเจียเหยาแต่กลับอ้อยอิ่งไม่ยอมปล่อยมืออีกฝ่าย
หวังเจียเหยาเองเก้อเขินอย่างมาก ซ่งหงเย่กระแอมน้อยๆ หลิ่วอวี่เจ๋อถึงจะยอมปล่อยมือหวังเจียเหยา
“งั้นฉันไม่รบกวนพวกเธอแล้วนะ ทำงานกันเถอะ เจียเหยาเธอต้องดูแลน้องชายฉันคนนี้ให้ดีๆ นะ”
ซ่งหงเย่พูดแล้วก็ขอตัว
“นี่ รอก่อน!”
หวังเจียเหยาสาวเท้าขึ้นไปด้านหน้าแล้วลลากหล่อนไปอีกฝั่ง จากนั้นก็กล่าวถามเสียงเบา “เขาเป็นใครน่ะ? เด็กใหม่เธอเหรอ? ไปหามาจากไหน? หล่อรวยเกินไปแล้วล่ะมั้ง!”
ซ่งหงเย่กล่าว “ใช่ก็แย่ ฉันน่ะอยากนอนกับเขาแต่เขาไม่ชอบฉัน ต้องเป็นนางฟ้าแบบเธอนี่ เขาจึงจะอยากได้น่ะ! เจียเหยา ยังไงตอนนี้เธอก็ท้องลูกเย่เฉินแล้ว ไม่สู้ลองพิจารณาหลิ่วอวี่เจ๋อล่ะ”
หวังเจียเหยามองชายหนุ่มตัวสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาที่เอาแต่เรียกหล่อนว่านางฟ้าคนนั้น ในใจก็สั่นไหว คิดไม่ถึงว่าตนเองจะเกิดหวั่นไหวขึ้นมา!
ซ่งหงเย่รับสาย “ฉันทำงานอยู่ที่สตาบัคเป็นไง มีข่าวดีแล้วใช่ไหมล่ะ?”
หวังเจียเหยากล่าวอย่างดีใจ “อื้ม ท้องแล้วล่ะ!”
“จริงเหรอเนี่ย! ดีจริงๆ เลย… แหม!”
ซ่งหงเย่ดีอกดีใจแทนเพื่อนสนิทของตนเองที่ตั้งครรภ์
แต่ในทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงอุทานอย่างตกใจของอีกฝ่าย
จู่ๆ ในสตาบัคก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังถือแก้วกาแฟ แล้วไม่ทันระวังทำหกใส่เสื้อผ้าบริเวณไหล่ซ้ายของซ่งหงเย่
เดิมทีซ่งหงเย่หัวเสียอย่างมาก แล้วเงยหน้ามองอย่างอารมณ์เสีย ในทันใดนั้นเองก็พบผู้ชายอายุน้อยรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลา ความโกรธบนใบหน้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
“เป็นอะไรไป? หงเย่?” พอหวังเจียเหยาได้ยินก็เป็นห่วงเพื่อนสนิทของตนเองขึ้นมา
ซ่งหงเย่คุยกับฝั่งปลายสาย “อ้อ ไม่เป็นไร มีคนทำน้ำหกใส่ฉัน ฉันขอวางก่อน ไว้ค่อยคุยกัน”
พอกดวางสายแล้ว หนุ่มน้อยคนนั้นก็ยังขอโทษซ่งหงเย่อย่างมีมารยาท “ขอโทษด้วยจริงๆ นะครับคนสวย ผมเช็ดให้คุณนะครับ”
หนุ่มรูปหล่อหยิบกระดาษออกมาเช็ดให้ซ่งหงเย่
ซ่งหงเย่มองประเมินหนุ่มน้อยคนดังกล่าว คิดว่าเขาน่าจะเด็กกว่าหล่อนสามถึงห้าปี ใบหน้าหล่อเป๊ะขาวใส ส่วนสูงก็กำลังดีถือเป็นประเภทชายหนุ่มที่หล่อนชื่นชอบ
ซ่งหงเย่กล่าว “หนุ่มน้อย เสื้อตัวนี้ของฉันน่ะแบรนด์กุชชี่เชียวนะ เธอเช็ดสะอาดไป ฉันก็ใส่ซ้ำไม่ได้แล้วนะ”
ชายหนุ่มกล่าว “งั้นผมซื้อให้คุณอีกตัวดีไหมล่ะ? กี่บาทครับ?”
ซ่งหงเย่กล่าวพลางหัวเราะคิกคัก “พูดเรื่องเงินกันดูตลาดล่างมากเลยนะ เธอมาคนเดียวเหรอ? นั่งลงสิ”
ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามกับซ่งหงเย่อย่างว่าง่าย
ซ่งหงเย่ถามต่อ “สุดหล่อชื่ออะไร?”
ชายหนุ่มยิ้มเขินๆ “ผมชื่อหลิ่วอวี่เจ๋อ”
……
กลางคืน ณ งานเลี้ยงของตระกูลหวัง
เย่เฉินมาถึงวิลล่าเขตซีซาน ทันทีที่เข้าบ้านคนตระกูลหวังก็ทักทายเขาอย่างเป็นมิตร
“พี่เขยมาแล้วเหรอคะ”
หวังหยวนหยวนว่าง่ายขึ้นมามาก
เย่เฉินยิ้มและบีบแก้มยุ้ยๆ ของหวังหยวนหยวนแล้วกล่าว “ในที่สุดก็เรียกพี่เขยสักที ไม่เห็นพี่เป็นที่รักของเธอแล้วใช่ไหมล่ะ?”
ก่อนนี้หวังหยวนหยวนเอาแต่แย่งชิงตนเองกับหวังเจียเหยา ทุกครั้งที่เจอหน้ากันมักจะให้จดหมายรักกับเขาอยู่เสมอ
หวังหยวนหยวนถอนหายใจ “ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้ว ฉันหมดโอกาสแล้วล่ะค่ะ”
“ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกเหรอ?”
เย่เฉินยังไพล่คิดว่าหวังหยวนหยวนใช้สุภาษิตผิดอีก คิดไม่ถึงว่าจะเพิ่งถึงโต๊ะอาหาร หวังเจียเหยาก็บอกข่าวดีกับเขาทันที
“ที่รักคุณจะเป็นพ่อคนแล้วนะ!”
หวังเจียเหยาบอกกับเย่เฉินอย่างมีความสุข
คนตระกูลหวังต่างก็หัวเราะเฮขึ้นมาอย่างมีความสุขแล้วแสดงความยินดีกับเย่เฉิน
เย่เฉินเองก็ดีใจมากเขากอดหวังเจียเหยาแล้วจุมพิตอีกฝ่าย เขามีความสุขอย่างมากที่ตนเองกำลังจะก้าวเข้าสู่อีกช่วงหนึ่งของชีวิต!
ซูหลานเองก็เรียกให้เย่เฉินนั่งลงอย่างมีน้ำใจ แล้วเจ้าหล่อนยิ้มกว้าง “เย่เฉินเอ้ย ชื่อของหลานคงต้องไหว้วานลูกแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นให้คุณปู่ของเธอเป็นคนตั้งแล้วกัน เขาน่าจะต้องมีความรู้มากแน่ๆ!”
“แล้วก็นะ พอได้ยินว่าเจียเหยาตั้งท้อง คนเยอะแยะมากมายต่างก็อยากหมั้นหมายกับเด็กในท้อง! แม่มีเพื่อนคนหนึ่ง…”
ซูหลานยังไม่ทันพูดจบหวังจื้อหย่วนก็ขัดภรรยา “เพื่อนนักเรียนพวกนั้นของคุณน่ะจะไปคู่ควรกับหลานของเราได้ยังไง คุณนี่เหลวไหลจริงๆ!”
ซูหลานเถียงกลับ “เพื่อนนักเรียนของฉันมีเงินโอเคไหม?”
ทั้งสองคนมักจะปะทะคารมกันบ่อยๆ เย่เฉินและหวังเจียเหยาเห็นเป็นเรื่องตลก ฟังเพื่อความเพลิดเพลิน
ตอนที่กินข้าวกันอยู่นั้น จู่ๆ เย่เฉินก็พูดขึ้นมาว่า “อีผิ่นเจียเหยาตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? ถ้าเกิดสร้างอีผิ่นเจียเหยาเสร็จก่อนลูกเราจะเกิดก็คงดี”
หวังเจียเหยากล่าว “กำลังราบรื่นเลยล่ะ สถาปนิกของญี่ปุ่นที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ฉันไม่ค่อยชอบ สื่อสารกันก็ลำบาก ฉันชอบสถาปนิกของประเทศเรามากกว่า ที่รักคงไม่โกรธฉันใช่ไหมคะ?”
สถาปนิกญี่ปุ่นคนก่อนนั้นเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงอย่างมากของประเทศญี่ปุ่น เป็นคนที่เย่เฉินออกหน้าติดต่อเขาแทนหวังเจียเหยา
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จะได้ยังไง โปรเจกต์นี้คุณเป็นคนรับผิดชอบนี่นา คุณอยากใช้สถาปนิกจากประเทศไหนก็ได้แล้วแต่เลย”
……
บ่ายสองของอีกวัน หวังเจียเหยาได้รับสายจากซ่งหงเย่
“อยู่ที่ไหนจ๊ะเพื่อนรัก?” ซ่งหงเย่ถาม
หวังเจียเหยาตอบ “อยู่ที่ปราสาทราชินีของฉันน่ะสิ”
‘ปราสาทราชินี’ ที่หล่อนพูดถึงก็คืออีผิ่นเจียเหยาเพราะมันถูกตั้งตามชื่อของหญิงสาว ดังนั้นหล่อนจึงเรียกที่นี่ว่าเป็น ‘ปราสาทราชินี’ ของตนเอง
ซ่งหงเย่กล่าว “อยู่รอฉันที่นั่น เดี๋ยวฉันจะไปหา”
ผ่านไปไม่นานนักรถสปอร์ตยี่ห้อแอสตันมาร์ติน one77 รุ่นลิมิเต็ดก็มาจอดเทียบสถานที่ก่อสร้าง ‘อีผิ่นเจียเหยา’
รถยนต์เพิ่งมาถึง หวังเจียเหยาก็พบว่าพนักงานทุกคนในสถานที่ก่อสร้างก็มองกันเป็นตาเดียว
เห็นได้ชัดว่ารถยนต์คันนี้ สะดุดตาอย่างมาก ดึงดูดสายตาของทุกคน
พอเห็นเพื่อนสนิทของหล่อนอย่างซ่งหงเย่เดินลงจากที่นั่งด้านข้างคนขับ หวังเจียเหยาถึงได้เดินไปหา
ในเวลานี้เอง หวังเจียเหยาก็พบว่ามีชายหนุ่มอ่อนวัยรูปร่างสูงโปร่งหล่อเหลาคนหนึ่งเดินลงมาจากฝั่งคนขับรถ
หวังเจียเหยาถามอย่างประหลาดใจ “หงเย่ นี่ใครหรอ?”
ซ่งหงเย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือสถาปนิกชื่อดังที่ฉันหามาให้เธอไง เขาชื่อหลิ่วอวี่เจ๋อ!”
ณ บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป
วันนี้หวังเจียเหยาและฉินหงเหยียนต่างก็ใส่ชุดสูทสีแดงเลือดหมู ทั้งสองคนนั้นพร้อมใจกันสร้างภาพลักษณ์ผู้บริหารหญิงที่แข็งแกร่ง
การสวมใส่เสื้อแบบเดียวกันของหญิงสาวสองคนนี้ทำให้ผู้ชายทั้้งหลายในบริษัทอิ่มตาอิ่มใจ
ในทันทีที่เห็นทำให้พวกเขาแยกแยะไม่ได้ว่าใครสวยกว่ากันกันแน่
ถ้านับแค่เรื่องรูปลักษณ์ หวังเจียเหยาย่อมเป็นฝ่ายชนะไป แต่ถ้าพูดเรื่องมาดผู้บริหารมืออาชีพแล้วฉินหงเหยียนนั้นโดดเด่นกว่าอีกฝ่าย
“คุณนายท่านประธานสวยจังเลย!”
“ภรรยาท่านประธานสวยมากเลย!”
พวกลูกน้องในบริษัทเอาแต่เยินยอหวังเจียเหยา รวมไปถึงโจวหรงหรงผู้เป็นเลขาของฉินหงเหยียนก็ร่วมวงด้วย
หวังเจียเหยาดีใจมาก นี่คือวินาทีที่หล่อนเฝ้าฝันหา!
เป็นภรรยาของท่านประธานผู้บริหาร มีคนนับหน้าถือตาและเป็นคนที่ทั้งบริษัททั้งเคารพและริษยา!
นี่ถึงจะเป็นชีวิตที่หล่อนต้องการ!
แล้วเย่เฉินก็เรียกประชุมอย่างรวดเร็ว
ในที่ประชุมเย่เฉินประกาศว่าเขาจะโอนหุ้นจำนวน 5% ของเขาให้กับหวังเจียเหยา และแต่งตั้งหล่อนเป็นรองประธานอีกคนของบริษัท
หลังจากได้ตำแหน่งและหุ้นแล้วทำให้ตำแหน่งของหวังเจียเหยาเทียบเท่ากับฉินหงเหยียน
เพราะเย่เฉินมีธุระปะปังอีกมากที่ต้องจัดการดังนั้นจึงไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนหวังเจียเหยา
หนำซ้ำหวังเจียเหยาก็ว่านอนสอนง่ายบอกว่าจะไม่สร้างความวุ่นวายให้เย่เฉิน ถ้ามีอะไรจะไปขอความรู้จากฉินหงเหยียน
หวังเจียเหยาเป็นฝ่ายไปที่ห้องทำงานของฉินหงเหยียนก่อน จากนั้นฉินหงเหยียนก็เดินตามหลังหวังเจียเหยาไปแล้วปิดประตูห้องทำงาน
ฉินหงเหยียนกล่าวว่า “แสดงความยินดีด้วยนะคะคุณหวัง คิดไม่ถึงว่าหมากกระดานนี้ที่ตายจนไม่รู้จะตายยังไงของคุณจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งนะ”
ในสายตาฉินหงเหยียน หวังเจียเหยาและเย่เฉินจบเห่กันไปนานแล้ว พวกเขาไม่มีทางจะกลับมารักกัน!
ก่อนนี้หวังเจียเหยามีชู้ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะผู้ชายคนใดก็ไม่สามารถจะให้อภัยได้
ไม่เพียงเท่านั้นหลังจากที่หวังเจียเหยาทำผิดแล้ว ยังไม่รู้จักสำนึกแถมยังพูดจาด้วยคำพูดแย่ๆ อีกมากมาย
ไม่ว่าจะดูอย่างไรพวกเขาสองคนก็ไม่น่าจะคืนดีกัน!
แต่ว่าตอนนี้หวังเจียเหยากลับยังเป็นภรรยาของเย่เฉินอยู่ หนำซ้ำหล่อนยังกลายมาเป็นรองประธานของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปด้วย!
หวังเจียเหยาระบายยิ้ม หล่อนนั่งบนเก้าอี้ทำงานรองประธานของฉินหงเหยียน หล่อนนั่งไขว่ห้างแล้วกล่าว
“ใครๆ ก็พูดว่าคุณฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงเก่งลำดับหนึ่งในโลกธุรกิจของอวิ๋นโจว ต่อให้เป็นประธานที่วางอำนาจขนาดไหนก็จะต้องพ่ายแพ้ให้คุณ ขนาดคุณย่าของฉันยังชมคุณอยู่บ่อยๆ แถมยังกำชับให้ฉันเรียนรู้จากคุณ! ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าระหว่างเราสองคนใครแข็งแกร่งกว่ากัน?”
ที่หวังเจียเหยามาครั้งนี้ก็เพื่อโอ้อวด!
หล่อนรู้ว่าฉินหงเหยียนเองก็ชอบเย่เฉิน แต่ในระหว่างที่พวกเขาสองคนหย่ากันปลอมๆ ฉินหงเหยียนก็ยังจับเย่เฉินไม่สำเร็จ
นี่แสดงให้เห็นว่าหวังเจียเหยาเป็นผู้หญิงที่มีสเน่ห์กว่าฉินหงเหยียน!
ฉินหงเหยียนเองก็ไม่ใคร่จะพอใจนักที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงแพศยาคนนี้ หนำซ้ำยังเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าจะดับสนิทจนไม่มีหวังไปแล้ว ทำให้หล่อนรู้สึกหัวเสียเหลือเกิน!
ถ้าจะพูดว่าหวังเจียเหยาเป็นยอดฝีมือแบบหล่อน รู้วิธีเอาอกเอาใจผู้ชายแถมยังรู้จักจุดตายของผู้ชายเป็นอย่างดี ถ้าเป็นอย่างนั้นต่อให้ตนเองต้องพ่ายแพ้ หล่อนก็ยินยอม
แต่หวังเจียเหยาทำร้ายเย่เฉินไม่หยุด คิดไม่ถึงว่าประสบความสำเร็จทำให้หล่อนรู้สึกคับแค้นใจ!
ฉินหงเหยียนกล่าวว่า “ชิ ถ้าไม่ใช่ปู่ของคุณมองการณ์ไกลรู้ว่าคุณจะโยนสมบัติล้ำค่าที่เขามอบให้ทิ้ง แล้วจัดแจงส่งคนไปอยู่ที่หน่วยกิจการพลเรือนล่ะก็ คุณจะมีวันนี้ได้ยังไง?”
“หวังเจียเหยา คุณอย่าได้ใจไวเกินไป คุณก็แค่ยังไม่ได้หย่ากับเย่เฉินเท่านั้นเอง แต่คุณก็ยังคงไม่ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของตระกูลเย่เหมือนเดิม เมื่อไหร่กลายมาเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเย่อย่างเป็นทางการแล้วค่อยมาอวดฉันแล้วกันนะคะ!”
หวังเจียเหยาเองก็ผุดลุกขึ้นด้วยท่าทีหงุดหงิด “ฉันจะมีลูกให้เย่เฉินอยู่แล้ว ไม่ว่าช้าหรือเร็วฉันก็จะกลายเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเย่อยู่ดี!”
ฉินหงเหยียนเองก็ริษยาอย่างมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เฉินถึงอยากจะมีลูกกับผู้หญิงแพศยาคนนี้!
“หรือว่า… คุณไม่ได้มีอะไรกับฟางเชาจริงๆ เหรอ?” ฉินหงเหยียนถามอย่างประหลาดใจ
…………
ตอนที่ 100 หวังเจียเหยาท้องแล้ว!
ฉินหงเหยียนเองก็เป็นผู้หญิง หล่อนรู้ว่าในเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งตกลงจะไปเปิดห้องกับผู้ชายแล้วไม่มีทางไม่ทำอะไร
ฉินหงเหยียนไม่ค่อยจะเชื่อข่าวที่ลือกันอยู่ตอนนี้เท่าไหร่นัก
หวังเจียเหยาเริ่มจะหวั่นใจ “แหง..แหงสิ!”
ฉินหงเหยียนกล่าวด้วยความดูถูก “ทางที่ดีก็ขอเป็นอย่างนั้นเถอะ ถ้าคุณเย่รู้ว่าคุณหลอกเขาล่ะก็ คุณจะไม่เพียงแต่สูญเสียคุณเย่ไปอีกครั้ง กระทั่งชื่ออีผิ่นเจียเหยาที่ตั้งจากชื่อของคุณก็จะกลายเป็นที่รกร้างแน่!”
“เธอ…”
หวังเจียเหยาหัวเสียอย่างยิ่ง แต่หล่อนเองก็กินปูนร้อนท้องจึงไม่กล้าจะเถียงอีกฝ่าย
หวังเจียเหยาโกรธจนหายใจขาดเป็นช่วง หล่อนชี้ไปที่ฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “ฉินหงเหยียน! ทางที่ดีที่สุดเธออย่ายั่วโมโหฉัน! อย่าลืมนะว่าเธอยังติดค้างฝ่ามือที่ตบหน้าฉันอยู่นะ!”
หวังเจียเหยาเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างมาก ก่อนนี้ฉินหงเหยียนตบหวังเจียเหยาไปฉาดหนึ่งที่ลานจอดรถทำเอาหล่อนร้องไห้เสียยกใหญ่
ฉินหงเหยียนหัวเราะเสียงเย็น “ตอนนี้คุณควรจะขอบคุณฉันนะเรื่องที่ครั้งนั้นฉันตบหน้าคุณไป คุณลองคิดเอาเองนะว่าคำพูดคำจาของคุณเองในตอนนั้นน่ะมันไม่น่าฟังขนาดไหน! คุณบอกว่าเมื่อสามปีก่อนไม่ได้สั่งสอนเย่เฉินให้ดี แล้วจะให้เขาคุกเข่าล้างเท้าให้คุณทุกวัน ถ้าไม่ได้ฉันตบหน้าคุณ ไม่รู้ว่าคุณจะพ่นคำพูดแย่ๆ ออกมาอีกเท่าไหร่!”
คำพูดนี้ของฉินหงเหยียนออกจะตรงไปตรงมามากทีเดียว
อย่าคิดว่าตอนนี้ที่พวกเขาสองคนเป็นสามีภรรยากันและรักกันเป็นอย่างดี แล้วเรื่องพวกนั้นในอดีตจะเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ไม่แน่ว่าต่อไปตอนทะเลาะกันอาจจะถูกเย่เฉินขุดขึ้นมาก็ได้
หวังเจียเหยาไม่พูดอะไรอีก หล่อนพบว่าตัวเองไม่สามารถเถียงชนะผู้หญิงคนนี้ได้เลย!
ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงเดินออกมาจากห้องทำงานของอีกฝ่าย โดยที่ก่อนจะกลับหล่อนพูดทิ้งท้ายว่า “ฉันชอบห้องทำงานนี้มาก คุณฉินย้ายไปที่อื่นแล้วกันนะ!”
“คุณ…”
ฉินหงเหยียนโกรธจัด หล่อนแอบสาปแช่งอีกฝ่ายในใจ “ผู้หญิงสารเลวแบบเธอนี่ ไม่มีทางได้อุ้มท้องลูกของเย่เฉินแน่!”
……
สิบห้าวันต่อมา ณ วิลล่าเขตเหมยกุยหยวน
หวังเจียเหยาเพิ่งจะตื่นนอนตอนเก้าโมงกว่าๆ
หลายวันมานี้หวังเจียเหยาตื่นนอนหลังเก้าโมงน่าจะเพราะปั๊มลูกจนเหนื่อยเกินไป และอาจเพราะหลังจากที่ตนเองได้เป็นภรรยาท่านประธานแล้ว จะทำงานหรือไม่ก็ไม่เป็นไร ดังนั้นอยากตื่นกี่โมงก็ทำตามใจ
หลังจากนั้นหวังเจียเหยาก็ใช้อุปกรณ์ตรวจครรภ์เป็นประจำจนคุ้นเคย
และทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็ตะโกนเสียงดัง!
“กรี๊ด! แม่คะ! หนูท้องแล้ว!”
หวังเจียเหยาวิ่งลงมาจากชั้นบนอย่างดีอกดีใจ หล่อนรู้ว่ามารดาจะมาที่นี่ตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้เย่เฉิน
“เป็นอะไรไปลูกรักของแม่? เกิดอะไรขึ้น?”
ตอนแรกที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของบุตรสาว ซูหลานก็ยังกังวลใจน้อยๆ
หวังเจียเหยาจึงยื่นที่ตรวจครรภ์ให้ซูหลานดู “ขีดแดงสองแถบแปลว่าท้องแล้วใช่ไหมคะ?”
ซูหลานเองก็เป็นคนมีประสบการณ์ หล่อนดีใจอย่างยิ่ง “ใช่แล้วล่ะๆ ได้ผลเป็นบวกนี่ ในที่สุดลูกก็ท้องลูกของเย่เฉินแล้ว!”
หวังเจียเหยากอดซูหลานอย่างดีใจ “ฮ่าๆ รอให้หนูตั้งท้องสายเลือดคนตระกูลเย่ คุณปู่ของเย่เฉินจะต้องยอมรับหนูแน่!”
ซูหลานกล่าวพร้อมระบายยิ้ม “นั่นมันแน่อยู่แล้ว! ไม่แน่ว่าทรัพย์สินจำนวนแสนล้านของตระกูลเย่สุดท้ายแล้วจะตกเป็นของหลานแม่! เจียเหยาโทรหาเย่เฉินเดี๋ยวนี้เลย อย่าเพิ่งบอกเรื่องที่ลูกท้องนะ นัดเขาไปกินข้าวที่บ้านคุณย่า ตอนกินข้าวค่อยบอกเขา”
“ค่ะๆ!” หวังเจียเหยารีบร้อนกดโทรศัพท์หาเย่เฉิน
ทว่าเย่เฉินกำลังประชุมอยู่ที่บริษัทจึงไม่ได้รับสายของหญิงสาว
หวังเจียเหยาเองก็เคยเจอเหตุการณ์นี้มาก่อนจึงส่งววีแชทบอกเขา “ที่รัก คืนนี้ไปกินข้าวที่บ้านคุณย่ากันค่ะ! มีเรื่องจะเซอร์ไพรส์นาย!”
จากนั้นหวังเจียเหยาก็โทรหากุนซือประจำตัวอย่างซ่งหงเย่เพื่อบอกข่าวดีนี้กับเพื่อนสาว
“ฮัลโหล หงเย่เธออยู่ไหน?”
………………
อวิ๋นโจว
เย่เฉินเพิ่งจะมาถึงวิลล่าเขตเหมยกุยหยวนตอนใกล้จะรุ่งเช้า
เวลานี้เพื่อนๆ สมัยมหาวิทยาลัยของหวังเจียเหยาต่างก็กลับกันไปหมดแล้ว
เพื่อนๆ ของหวังเจี๋ยกลับไปแล้วก็จริง แต่คิดไม่ถึงว่าพ่อกับแม่ของหวังเจียเหยากลับมาที่บ้านแถมยังกำลังเก็บของอยู่
เย่เฉินเห็นเข้าจึงกล่าวว่า “พ่อครับ แม่ครับไม่ต้องเก็บของพวกนี้หรอกครับ มีแม่บ้านนะครับ”
ซูหลานที่เย่เฉินเรียกว่าแม่รีบร้อนเดินมา แล้วรินชาให้อีกฝ่ายจากนั้นก็กล่าวว่า
“พ่อลูกเขยดึกดื่นขนาดนี้ยังทำงานเหนื่อยไหม? นั่งสิ ดื่มชาเสียหน่อย”
จากนั้นก็ชี้ไปที่ของกองโตในห้องนั่งเล่นแล้วกล่าว “พวกคนใช้พวกนั้นจะเก็บเป็นได้ยังไง ในห้องรับแขกมีของแพงๆ อยู่เยอะแยะเลย ถ้าพวกนั้นไม่ระวังทำของพังขึ้นมาจะทำยังไง? แล้วเราสองคนก็อยู่กันว่างๆ ถือเสียว่าเป็นออกกำลังกายแล้วกัน”
“ใช่แล้วๆ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไม่เหนื่อยเลยๆ”
หวังจื้อหย่วนสำทับแล้วยิ้มกว้าง
เย่เฉินส่ายหน้าอย่างเอือมระอา สามปีที่ผ่านมาพ่อและแม่ภรรยาของเขาไม่เคย ‘ออกกำลังกาย’ ด้วยวิธีแบบนี้มาก่อน’
เย่เฉินไม่พูดอะไรอีกเขาเดินเข้าไปด้านในแล้วสวมกอดภรรยา
“ที่รัก นายกลับมาแล้วหรอ คิดถึงจังเลย”
เพิ่งแยกกันได้ไม่ถึงสามชั่วโมง หวังเจียเหยาก็เริ่มออดอ้อนเขาขณะซุกตัวในอ้อมกอดชายหนุ่ม
คนโบราณว่าเอาไว้ว่าไม่เจอหน้ากันหนึ่งวันเหมือนไม่พบกันสามวสันต์ แต่กับข้าวใหม่ปลามันไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เหมือนผ่านไปหลายวสันต์หลายเหมันต์
ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เฉินและหวังเจียเหยาในตอนนี้แน่นแฟ้นอย่างที่ไม่เคยเป็น
ก่อนนี้ถึงพวกเขาจะชอบพอกัน แต่ก็ติดตรงที่หวังเจียเหยารังเกียจสถานะของเย่เฉิน ต่อให้หล่อนชื่นชอบอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เคยแสดงออก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา เขาเป็นประธานผู้บริหารแล้ว หวังเจียเหยาจึงกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบางขนาดขวดน้ำยังเปิดเองไม่ได้
เย่เฉินเองก็ดูมีความสุขมากทีเดียว เขาลูบเรือนผมหญิงสาวแล้วกล่าว “ขอโทษด้วยนะคนดี ที่บริษัทมีงานเข้าเลยไม่ได้อยู่ฉลองกับเพื่อนคุณ”
หวังเจียเหยาหัวเราะน้อยๆ “ไม่เป็นไรๆ ฉันกับเพื่อนพวกนั้นไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ นายไม่ต้องสนใจพวกหล่อนหรอก สนใจแค่หงเย่ก็พอแล้วล่ะ!”
เย่เฉินก็ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อนึกถึงซ่งหงเย่
เมื่อก่อนเย่เฉินเป็นเขยที่แต่งเข้า จึงไม่กล้าว่าเพื่อนของภรรยา
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หวังเจียเหยาจึงเชื่อฟังเขาอย่างมาก
ดังนั้นเย่เฉินจึงพูดกับภรรยาตรงๆ “เจียเหยาผมรู้ว่าคุณเป็นเพื่อนกับซ่งหงเย่มานานแถมยังสนิทสนมกันมาก แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณไปสนิทสนมกับหล่อนมากนัก”
“คะ? ทำไมล่ะคะ?” หวังเจียเหยาออกจะประหลาดใจน้อยๆ
เย่เฉินกล่าว “ซ่งหงเย่แต่งงานแล้วแต่สามีของหล่อนทำงานยุ่งๆ ต้องไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ หล่อนก็อาศัยโอกาสนี้ไปมาหาสู่กับผู้ชายมาหน้าหลายตา ผมกลัวว่าหล่อนจะทำให้คุณเสียคน”
หวังเจียเหยาหัวเราะน้อยๆ “นายสบายใจเถอะน่า ฉันไม่เหมือนหล่อนหรอก ที่รักของฉันทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนี้ ผู้ชายคนอื่นน่ะจะให้มองยังไม่อยากจะมองเลยค่ะ!”
เย่เฉินยิ้มอย่างเหนื่อยหน่าย เขาเองก็รู้ว่าหวังเจียเหยาไม่ใช่ ‘เครื่องกวาดผู้ชายเอ๊าะๆ’ แบบซ่งหงเย่
แถมถ้าต้องเลือกระหว่างหน้าตาแล้ว หวังเจียเหยาชอบผู้ชายที่มีเงินและมีอำนาจมากกว่า
แต่พอนับเรื่องทรัพย์สมบัติและอำนาจแล้ว ทั้งโลกนี้แทบจะไม่มีผู้ชายในวัยเดียวกันกับเย่เฉินที่จะสูสีกับเขาได้เลย
“พ่อลูกเขย ลูกสาวแม่”
จู่ๆ ซูหลานก็เดินมาหาพวกเขาแล้วส่งกล่องยาโฟลิคเอซิดมาให้
“อะไรครับ?” เย่เฉินถามด้วยใบหน้างุนงง
ซูหลานกล่าวพร้อมระบายยิ้ม “ลูกเขยนี่คือกรดโฟลิค พวกลูกต้องกินยานะ ตอนนี้ทุกคนกำลังเตรียมจะมีลูกไม่ใช่เหรอ? กรดโฟลิคเนี่ยช่วยป้องกันโรคพิการทางประสาทโดยกำเนิดของเด็ก!”
เย่เฉินเก้อเขิน ช่วงนี้พ่อตาแม่ยายของเขาดูแลเขาครบทุกด้านจริงๆ
พวกเขาเตรียมอาหารชูกำลังทุกวันด้วยตัวเอง เพียงเพราะพวกเย่เฉินเตรียมจะมีลูก
……
เช้าในวันถัดมาซูหลานก็มาที่บ้านพวกเขาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเตรียมอาหารเช้าให้ทั้งสองคน
อาหารเช้าหลากหลายมากกว่าอาหารกลางวัน ซูหลานยังเป็นคนตักน้ำแกงให้ลูกเขยด้วยตนเอง แถมยังยกมาให้ถึงที่เสียด้วย
“ระวังลวกนะลูกเขย”
เย่เฉินกล่าว “แม่ครับ เรียกผมว่าเย่เฉินก็พอครับ”
“เอ้อ ได้สิจ้ะ เสี่ยวเฉิน” ซูหลานยิ้มกว้าง
หวังจื้อหย่วนจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป “เสี่ยวเฉินเอ้ย คุณย่าเขายกโปรเจกต์อีผิ่นเจียเหยาให้เจียเหยาเป็นคนดูแลโปรเจกต์ ส่วนพ่อเป็นรองผู้ดูแลโปรเจกต์ ต่อไปพวกเราสองคนคงจะไปที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปไปพบเธอบ่อยๆ”
เย่เฉินเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง พอตอนนี้หวังเจียเหยาคืนดีกับตนเองทำให้สถานะในบ้านของหล่อนอยู่เหนือกว่าครอบครัวหวังจื้อเฉียง จนครอบครัวนั้นโดนหญิงชราละเลยไปแล้ว
เย่เฉินกล่าวตอบ “ไม่มีปัญหาเลยครับ พวกคุณมาได้ตลอดเลย มีปัญหาอะไรติดต่อผมหรือหงเหยียนโดยตรงได้เลย”
พอได้ยินเย่เฉินเรียกชื่อฉินหงเหยียนตรงๆ โดยไม่เรียกแซ่ของอีกฝ่าย ความหึงหวงก็พุ่งขึ้นมา หวังเจียเหยากระแทกช้อนกลางแล้วทำปากยื่นขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ที่รัก ฉันไม่ชอบฉินหงเหยียนเลย หล่อนมันเป็นนังจิ้งจอก ฉันกลัวว่าหล่อนจะยั่วยวนนาย ไล่หล่อนออกไปไม่ได้เหรอ?”
เย่เฉินรู้ว่าหวังเจียเหยาและฉินหงเหยียนมีเรื่องกันมาก่อน เขาจึงกล่าว
“ที่รัก หงเหยียนอาจจะหน้าตาสวยแต่ความสามารถในการทำงานไม่มีปัญหาอะไรเลย อีกอย่างหล่อนรู้จักคนในอวิ๋นโจวก็มาก ถ้าเสียหล่อนไปบริษัทจะมีแต่เสียกับเสีย”
หวังเจียเหยาดูไม่ค่อยพอใจ “งั้นนายแบ่งหุ้นให้ฉันได้ไหมล่ะ? ฉันก็อยากเป็นรองผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเหมือนกัน!”
เย่เฉินไม่ได้ตอบอีกฝ่ายในทันที
หวังเจียเหยารีบกล่าวต่อ “ฮึ นายไม่ได้รักฉันด้วยซ้ำ ฉันจะมีลูกให้นายอยู่แล้ว แถมยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของนายอีกต่างหาก แต่ฉันยังไม่ได้แตะเงินตระกูลเย่ของพวกนายสักแดงเดียว กระทั่งหุ้นนายยังไม่อยากแบ่งให้ฉันเลย”
หวังเจียเหยาร้องไห้อย่างคับแค้นใจ
เย่เฉินครุ่นคิด หุ้นแค่นิดหน่อยก็ไม่กี่ตังเท่านั้น ส่วนตำแหน่งก็เป็นแค่เปลือกกลวงๆ
เดี๋ยวหวังเจียเหยาก็ต้องอุ้มท้องอยู่บ้าน ไม่ได้ไปทำงานด้วยซ้ำดังนั้นจะรับปากหล่อนก็ไม่ได้มีผลอะไร
ดังนั้นเย่เฉินจึงประนีปะนอมกับภรรยา “ก็ได้ ผมจะแบ่งหุ้นให้คุณ”
หวังเจียเหยายิ้มกว้างจนหน้าบาน “ฉันขอแค่หุ้นฉันมากกว่าฉินหงเหยียน 0.01% ก็ได้ค่ะ ฮ่าๆ!”
พอกินอาหารเช้าเสร็จพ่อตาอย่างหวังจื้อหย่วนก็ขับรถมาส่งเย่เฉินและหวังเจียเหยาไปที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปด้วยตัวเอง
และทันทีที่หวังเจียเหยาและฉินหงเหยียนพบหน้ากันสงครามก็ปะทุขึ้น!
ฟางเชาเห็นหลิ่วอวี่เจ๋อส่งบุหรี่ให้ตนเองก็ชะงักไป
หลิ่วอวี่เจ๋อดูถูกเขามาตลอด แต่ก่อนตนเองส่งบุหรี่ให้อีกฝ่าย หมอนี่ยังไม่รับบุหรี่จากเขาด้วยซ้ำไป
วันนี้ทำไมหลิวอวี่เจ๋อถึงได้เป็นฝ่ายส่งบุหรี่ให้เขาได้?
หรือว่าไอ้คนเจ้าชู้หลิวอวี่เจ๋อจะเกิดชอบพอหวังเจียเหยาเข้า?
ฟางเชาเอื้อมมือไปรับบุหรี่แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่แค่สาวงามลำดับหนึ่งของอวิ๋นโจว หล่อนน่ะสวยที่สุดในเอเชียแล้วด้วยซ้ำ! ฉันฟางเชาเองถือว่าได้แอ้มสาวๆ มาจำนวนนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมายังไม่เคยเจอผู้หญิงที่สวยกว่าหวังเจียเหยาเลย! ไม่ได้จะโม้นะ แต่ผู้หญิงทั้งเทียนไห่รวมกันก็ยังไม่ได้แค่หัวแม่โป้งหล่อนด้วยซ้ำ!”
รอยยิ้มหลิ่วอวี่เจ๋อค่อยๆ แปลกพิกลไปแล้วกล่าว “ไปสิ ไปคุยกันที่วิลล่าของฉัน”
หลิ่วอวี่เจ๋อขับรถเบนซ์รุ่นจีคลาสพาฟางเชาไปที่วิลล่าเฝ่ยชุ่ยอันเป็นบ้านของเขา
วิลล่าแห่งนี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวต่างชาติ ตัวบ้านเป็นสไตล์ยุโรป วิลล่าทุกหลังเป็นวิลล่าสองชั้นและมีห้องใต้ดินหนึ่งชั้น รวมไปถึงมีสวนส่วนตัวด้วย
อย่างไรเสียฟางเชาก็เป็นลูกคนรวย มาถึงที่นี่จึงไม่ได้เหมือนบ้านนอกเข้าเมือง มองไปมองมา เขาเพียงแค่กล่าวชมสั้นๆ เท่านั้น “ตกแต่งได้ดีเลยนี่”
เมื่อทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา จู่ๆ ฟางเชาก็เห็นอัลบั้มรูปพรีเวดดิ้งวางอยู่ด้านบน เขาหยิบขึ้นมาดูแล้วตกใจไปเล็กน้อย “นี่มันภาพพรีเวดดิ้งของฉันกับเจียเหยาไม่ใช่เหรอ?”
ตอนนั้นฟางเชากับหวังเจียเหยาแต่งงาน พวกเขาย่อมต้องเชื้อเชิญคนตระกูลหลิ่ว ฟางเชาจึงได้สั่งทำอัลบั้มภาพพรีเวดดิ้งของพวกเขาแล้วส่งให้คนตระกูลหลิ่วพร้อมการ์ดแต่งงาน
ทำไปเพื่อโอ้อวดคนตระกูลหลิ่วเท่านั้นเองว่าตนเองได้สมรสกับภรรยาที่สวยขนาดไหน
ใครจะไปรู้ว่าในวันแต่งงาน คนตระกูลหลิ่วจะไม่มาแม้แต่คนเดียว ขนาดอั่งเปายังไม่ให้ด้วยซ้ำ
ฟางเชารู้ว่าตระกูลหลิ่วไม่อยากไปมาหาสู่กับตระกูลฟาง เดิมคิดว่าคนบ้านนี้จะโยนอัลบั้มภาพพรีเวดดิ้งที่ส่งมาให้ทิ้งลงถังขยะไปเสียอีก!
คิดไม่ถึงว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะเอาอัลบั้มนี้มาเก็บรักษาเอาไว้ที่บ้าน!
เมื่อเปิดอัลบั้มภาพ เห็นท่าทางงดงามยิ่งยวดของหวังเจียเหยาในภาพ ฟางเชาก็อดถอนหายใจไม่ได้
เป็นสาวงามมากทีเดียว!
น่าเสียดายที่ตอนนี้ครอบครัวของฟางเชาใกล้จะถังแตก ผู้หญิงที่สวยแบบนี้ไม่มีทางเป็นของเขาอีกแล้ว!
ฟางเชารู้ว่าที่หลิ่วอวี่เจ๋อเก็บอัลบั้มพรีเวดดิ้งไว้ต้องเป็นเพราะชอบหวังเจียเหยาแน่ เขาจึงถามอีกฝ่าย “เป็นยังไงล่ะ ไอ้น้อง เมียเก่าฉันสวยใช่ไหมล่ะ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อสั่งคนรับใช้รินเหล้าสองแก้ว โดยเขาถือเองแก้วหนึ่งแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คิดไม่ถึงว่าเมืองเล็กๆ อย่างอวิ๋นโจวจะมีผู้หญิงที่สวยมากแบบนี้”
ผู้หญิงที่สามารถทำให้หลิวอวี่เจ๋อชมว่าสวยมากนั้นทั้งโลกนี้มีอยู่ไม่กี่คน
หลิ่วอวี่เจ๋อมีทรัพย์สมบัติมูลค่าแสนล้าน อีกทั้งเขายังเป็นคนที่รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา แทบจะไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาจีบแล้วจีบไม่ติด !
ได้ยินมาว่าหลิวอวี่เจ๋อนอนกับดาราจำนวนไม่น้อย ถึงขนาดที่อาจจะรวมสี่ดาราสาวที่โด่งดังสุดๆ ในวงการด้วยซ้ำ!
หลิ่วอวี่เจ๋อชี้ไปที่อัลบั้มพรีเวดดิ้งในมือฟางเชาแล้วเอ่ยปากถาม “ฟางเชาฉันดูรูปงานพรีเวดดิ้งของพวกนายวนไปวนมาหลายรอบ แต่ก็พบว่าทำไมพวกนายไม่ถ่ายรูปจูบกันเลยล่ะ? เป็นเพราะแม่นางฟ้าแสนสวยคนนี้ไม่ยอมให้นายแตะต้องตัวเธอเหรือไง?”
หลิ่วอวี่เจ๋อเรียกหวังเจียเหยาเป็นนางฟ้าแสนสวยไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาหลงรักผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว!
ฟางเชากล่าวอย่างดูถูกว่า “จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง! ฉันเคยนอนกับหล่อนตั้งนานแล้ว! แต่ที่ไม่ได้ถ่ายรูปจูบกัน ก็เป็นเพราะว่าสองวันก่อนถ่าย ฉันเพิ่งจูบหล่อนไปในรถ หลังจากจูบกันไปก็เกิดอาการแพ้! ตอนนั้นธุรกิจก็ขาดทุนอยู่ตลอด ก็เลยไม่มีแก่ใจจะไปหาสาเหตุว่าเพราะลิปสติกหรือว่าเพราะอะไรกันแน่ วันนั้นก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปจูบกัน”
หลิ่วอวี่เจ๋อพยักหน้า “แบบนี้นี่เอง ฉันล่ะก็คิดว่านายไม่เคยจูบหล่อนเสียอีก แต่ที่นายบอกว่านายเคยนอนกับหล่อน นายโม้ใช่ไหมล่ะ? เพื่อนฉันที่อวิ๋นโจวได้ยินมาว่าขนาดพ่อแม่ของนายก็ยังยืนยันว่านายกับหวังเจียเหยาไม่มีอะไรกัน ตอนนี้ได้ยินมาว่าเย่เฉินกับหวังเจียเหยาคืนดีกันแล้วแถมยังรักกันมากด้วย เขาไม่ใช่คนโง่ ถ้านายนอนกับเมียเขาแล้วจริงๆ เขาจะยังยอมคืนดีกับหวังเจียเหยาได้ยังไง?”
ฟางเชายิ้ม เขาไม่ตอบอะไรอีกฝ่ายแต่เขากลับหยิบกุญแจรถบีเอ็มอับเบิลยูออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วแกว่งไปมาตรงหน้าหลิวอวี่เจ๋อ
อีกฝ่ายงุนงง “ทำไม? นายคิดว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์เจ็ดหรือไง?”
ฟางเชายิ้ม “ขนาดเบ๊นซ์จีคลาสนายยังเห็นเป็นแค่รถของเล่น กะอีแค่รถบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์เจ็ดฉันจะไปกล้าอวดอะไรนาย? ไอ้น้อง เจ้านี่ดูเหมือนจะเป็นแค่กุญแจรถ แต่ที่จริงแล้วเป็นปากกาอัดเสียงที่แนบเนียนน่ะ!”
“ที่อัดเสียงเหรอ?” หลิ่วอวี่เจ๋อตกใจ
ฟางเชายิ้มจ้าเล่ห์ “วันนั้นที่เปิดห้องกับหวังเจียเหยา ฉันแอบอัดทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว เป็นยังไงอยากจะชมสักหน่อยไหมล่ะ?”
หลิวอวี่เจ๋อตื้นเต้นอย่างยิ่ง ถึงแม้จะไม่มีภาพ แต่ฟังแค่เสียงหวังเจียเหยาแต่ก็ทำให้คนรื่นรมย์มากแล้ว!
หลิวอวี่เจ๋อยื่นมือมารับกุญแจรถชิ้นนั้นไป
ฟางเขาชักมือกลับทันทีแล้วกล่าว “ถ้านายรับปากว่าจะล้างแค้นเอาให้เย่เฉินเป็นยากจกให้ฉัน ฉันให้นายได้มากกว่านี้อีก ฉันจะช่วยให้นายได้ครอบครองหวังเจียเหยาด้วย ว่าไงล่ะ?”
หลิ่วอวี่เจ๋ออดมองวงหน้าที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มของหวังเจียเหยาในชุดเจ้าสาวไม่ได้
เดิมที่เขาตั้งใจจะสั่งสอนเย่เฉิน เพราะคุณอาเองก็ดีกับเขามากทีเดียว
บวกกับของรางวัลที่จะได้รับอย่างหวังเจียเหยา ทำให้หลิ่วอวี่เจ๋อยิ่งไม่มีเหตุผลจะต้องปฏิเสธ
“ก็ได้ ขยะเย่เฉินคนนี้ ในเมื่อคุณปู่ไม่ยอมจัดการเขา งั้นฉันจะเป็นคนสั่งสอนเขาเอง!”
พูดจบเขาก็คว้าที่อัดเสียงซึ่งมีลักษณะเป็นทรงกุญแจรถบีเอ็มดับเบิลยูมาทันที
ตระกูลหลิ่ว ณ เมืองเทียนไห่
เทียนไห่เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในประเทศ
ในเขตพื้นที่หรูหราลำดับหนึ่งมีราคาพื้นที่ต่อตารางเมตรเกินสองแสน
ฟางเชากำลังคุกเข่าบนพื้นอ้อนวอนคนตระกูลหลิ่ว
“คุณตาครับช่วยเหลือตระกูลฟางของผมนะครับ ได้โปรดเถอะครับคุณตา!”
ฟางเชาปล่อยวางทุกความเย่อหยิ่งทุกอย่างแล้วคุกเข่าอ้อนวอนตรงหน้าชายชรา
ชายชราคนนี้ชื่อหลิ่วหย่วนหาง ซึ่งก็คือบิดาของหลิ่วหรูซือ
ชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสที่หลิ่วหย่วนหางก่อตั้งนั้น ถือว่าเป็นขนส่งที่ใหญ่โตที่สุดในประเทศ
ภายในห้องนั้นนอกจากหลิ่วหย่วนหางแล้วยังมีลูกชายของเขา ก็คือหลิ่วเจี๋ยพี่ชายหลิ่วหรูซือและเจี่ยงเสวียนซึ่งเป็นภรรยาของหลิ่วเจี๋ย
และมีหลิ่วเฟิงและหลิ่วอวี่เจ๋อผู้เป็นลูกชายสองคนของหลิ่วเจี๋ย ถือเป็นลูกพี่ลูกน้องของฟางเชา
หลิ่วเฟิงอายุ 25 ปีแต่ก็ดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ หลิ่วอวี่เจ๋ออายุ 22 ปี รูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายเขาออกจะสูงโปร่งน้อยๆ
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวแล้วส่งยิ้ม “พ่อของนายเก่งมากไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องมาหาพวกเราด้วยล่ะ? จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนบริษัทเขาเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ตอนที่มาบ้านเราทำท่าเย่อหยิ่งเสียเต็มประดา!”
หลิ่วหย่วนหางกล่าวกับฟางเชา “ฟางเชา วันนี้อย่าว่าแต่แกเลย ต่อให้แม่แกเป็นคนมาคุกเข่าขอร้อง ฉันก็ไม่มีทางช่วยฟางเสียนจู่! ตอนนั้นเดิมฉันจัดการเรื่องชีวิตคู่ของหลิ่วหรูซือเอาไว้แล้ว ถ้าหล่อนยอมแต่ง… ธุรกิจในตอนนี้ก็จะยิ่งเจริญรุ่งเรืองกว่านี้อีก!”
ตอนนั้นหลิ่วหรูซือแต่งงานกับฟางเสียนจู่โดยไม่สนใจการคัดค้านของที่บ้าน ทำให้หลิ่วหย่วนหางโกรธจัด
แต่ไหนแต่ไรมาหลิ่วหย่วนหางไม่เคยยอมรับลูกเขยอย่างฟางเสียนจู่
ฟางเชากล่าว “เอาล่ะ ต่อให้ทุกคนไม่ช่วยพ่อผม แต่ว่าจะไม่สนใจหน้าตาของตระกูลหลิ่วเลยเหรอ?”
“แกหมายความว่ายังไง?”
หลิ่วหย่วนหางเอามือไพล่หลังขณะถาม
เจี่ยงเสวียนเองก็ประหลาดใจเช่นกัน หล่อนมองฟางเชาขณะถือแก้วชาไว้ในมือ
จู่ๆ ฟางเชาก็ใบหน้าแดงก่ำ ความรู้สึกละอายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายขณะถาม “พวกคุณรู้จักเย่เฉินไหมครับ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วน “ฮ่าๆ ฉันรู้จักก็ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป น่าจะมีอสังหาริมทรัพย์หลายสิบแห่งจนถึงร้อย ได้ยินมาว่านายแย่งภรรยาเขาจนโดนเขาเล่นงานเกือบตายไม่ใช่เหรอ? ห่วยชะมัด กะอีแค่คนตัวเล็กๆ แบบนี้ยังรับมือไม่ได้”
จากคำพูดของหลิ่วอวี่เจ๋อเห็นได้ชัดว่าตัวเขาเองไม่ได้เห็นหัวเย่เฉินด้วยซ้ำไป ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ฟางเชาอยากเห็น!
ถ้าหากตระกูลหลิ่วกลัวเย่เฉิน ความแค้นครั้งนี้ของเขาก็จะไม่ได้ชำระเสียแล้ว!
หลิ่วเฟิงถาม “เย่เฉินเกี่ยวอะไรกับหน้าตาของตระกูลหลิ่วเรา?”
ฟางเชากลั้นหายใจ แล้วกล่าวด้วยความเคียดแค้น “เดียรัจฉานเย่เฉินคนนี้มันนอนกับแม่ผม!”
“พรูด!”
เจี่ยงเสวียนที่เพิ่งจะดื่มชาก็พ่นน้ำในปากออกมา ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลานชาย
คนในตระกูลใหญ่ให้ความสำคัญกับมารยาทอย่างมาก หล่อนรีบร้อนหยิบกระดาษมาซับบริเวณมุมปาก หลังจากนั้นก็ค้อมตัวลงเช็ดน้ำชาที่หกบนพื้นด้วยตนเองแล้วกล่าวถามไปพร้อมกัน “หลานชาย เย่เฉินเป็นศัตรูความรักของหลานไม่ใช่เหรอ? น่าจะอายุเท่าหลานไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไปนอนกับแม่เธอได้?”
สีหน้าคนตระกูลหลิ่วย่ำแย่อย่างมาก ไม่ว่าจะพูดอย่างไรหลิ่วหรูซือก็เป็นคนในตระกูลหลิ่วของพวกเขา อีกทั้งยังเป็นคนสง่างาม วางตัวดี ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ไม่เคยทำให้คนตระกูลหลิ่วขายหน้ามาก่อน!
แต่วันนี้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!
แต่ในทันใดนั้นเองหลิ่วเจี๋ยก็หัวเสีย เขาหยิบแก้วชาขึ้นมาแล้วโยนลงบนพื้นอย่างรุนแรง!
ดวงตาหลิ่วเจี๋ยเหมือนจะฆ่าคนได้อย่างไรอย่างนั้น เขาตำหนิฟางเชา “หรูซือจะต้องทำไปเพื่อปกป้องชีวิตเน่าๆ ของแกน่ะสิ! แกแย่งผู้หญิงของเย่เฉินเขา เย่เฉินจะเอาคืนแกดังนั้นหรูซือถึงได้ทำแบบนี้!”
จากคำพูดของเขาทำให้พอจะมองออกว่าหลิ่วเจี๋ยเองก็รักน้องสาวมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่โกรธแบบนี้
ฟางเชาเองก็เริ่มหวั่นใจ เขาจึงอธิบาย “ไม่ครับ! เย่เฉินตั้งใจทำแบบนี้ เขาพูดว่าที่เขาทำเพราะชอบเล่นผู้หญิงตระกูลหลิ่วแห่งเทียนไห่!”
“แกพูดว่าอะไร!”
“แกพูดเหลวไหล!”
หลิ่วเฟิง หลิ่วอวี่เจ๋อต่างก็ระเบิดโทสะ พวกเขาพร้อมใจกันย่างสามขุมไปหาฟางเชา ด้วยท่าทางจะกินเลือดกินเนื้อเขา
คำพูดนี้ไปจุดชนวนโทสะของคนทั้งตระกูลหลิ่วจริงๆ!
นี่ถือเป็นการประกาศสงคราม!
และเป็นการประกาศสงครามอย่างที่สุดด้วย!
ฟางเชาชูมือขวาขึ้น “ผมสาบานว่าเย่เฉินพูดเองกับปากจริงๆ!”
หลิ่วเฟิงร้อนรน “คุณปู่ครับ คุณปู่ เย่เฉินคนนี้เป็นแมลงสาบประจำอวิ์นโจว หลงคิดไปว่าตนเองจะรุ่งเรืองได้ดิบได้ดีในอวิ๋นโจว พวกเราจำเป็นต้องให้บทเรียนเขาสักหน่อย!”
ใบหน้าหลิ่วอวี่เจ๋อเต็มไปด้วยโทสะ “เอาไอ้เด็กนี่ให้ตาย!”
หลิ่วหย่วนหางกลับสำรวมท่าทีอย่างมาก “เรื่องนี้ต้องถามให้แน่ชัดก่อน ไล่คนโสโครกคนนี้ออกไป! แล้วอย่าให้เขาเข้ามาอีก!”
“ครับ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อลากฟางเชาออกไป แล้วจับอีกฝ่ายยัดลงลิฟต์ไปกับเขา
ฟางเชามาขอร้องและโดนปฏิเสธ ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก “ไม่ต้องให้นายคอยมาตามหรอก ฉันเดินเองได้! ฉันไม่มาขอความช่วยเหลือจากพวกนายแล้ว กะอีแค่เย่เฉินพวกนายยังไม่กล้าทำอะไรหมอนั่น ขี้ขลาดจริงๆ!”
ใครจะรู้ว่าจู่ๆ หลิวอวี่เจ๋อกลับระบายยิ้มบางๆ เขาส่งบุหรี่มวนหนึ่งให้ฟางเชาแล้วยิ้มทะเล้น “ได้ยินมาว่าหวังเจียเหยาเป็นสาวงามลำดับหนึ่งของอวิ๋นโจวเหรอ?”
สองวันต่อมา หลังจากเย่เฉินและคนตระกูลหวังจัดการเรื่องงานศพคุณย่าเล็กเรียบร้อยก็เดินทางออกจากเมืองหยางหนิง
เย่เฉินและหวังเจียเหยานั่งจับมือกันอยู่บริเวณที่นั่งด้านหลังของมายบัคแลนดอเล็ตรุ่นลิมิเต็ดด้วยใบหน้าที่มีความสุข
หวังเจียเหยากล่าวปากถามด้วยท่าทีสนิทสนม “ที่รัก คืนนี้ฉันอยากชวนพวกเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยไปเลี้ยงฉลองกันที่บ้านเราได้ไหมคะ?”
ถ้าหากว่าเป็นห้องชุดในเขตซินเฉิง หวังเจียเหยาย่อมไม่จำเป็นต้องถามความเห็นของเย่เฉิน
คำว่า ‘บ้านเรา’ ที่หลุดมาจากปากหวังเจียเหยานั้นย่อมหมายถึงวิลล่าหรูหราในเขตเหมยกุยหยวนที่เย่เฉินเพิ่งซื้อ
ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว ถ้าอย่างนั้นบ้านของเย่เฉินย่อมเป็นบ้านของหวังเจียเหยาเช่นกัน
เย่เฉินไม่ได้มีท่าทีต่อต้านเมื่ออีกฝ่ายเรียกเขาว่าที่รักอีกแล้ว แต่กล่าวถาม “คุณย่าเล็กเพิ่งเสีย คุณฉลองอะไร?”
หวังเจียเหยากล่าว “ก็ฉลองที่ฉันเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้วไง! ก็ฝีมือนายนั่นแหละ ชิ!”
ขณะที่กล่าวประโยคสุดท้ายแล้วหวังเจียเหยาก็ทุบเย่เฉินน้อยๆ
เมื่อคืนวานในที่สุดความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาระหว่างเย่เฉินและหวังเจียเหยาก็กลายเป็นจริงเสียที นับว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนก็พัฒนาไปอีกครั้ง
เย่เฉินไม่ได้อยากจะตะต้องหล่อน แต่หวังเจียเหยาเป็นฝ่ายลงมือก่อน
บวกกับที่เย่เฉินรับปากคุณย่าเล็กไว้ว่าจะให้โอกาสอีกฝ่ายอีกครั้ง
สามปีมานี้ไม่ได้นอนกับหวังเจียเหยา ถือเป็นความน่าเสียดายอย่างสูงสุดของเย่เฉิน เขาเองก็เป็นผู้ชายธรรมดาจะทนไหวได้อย่างไร
จากคืนวานทำให้เย่เฉินได้พิสูจน์แล้วว่าหวังเจียเหยาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับฟางเชาจริงๆ เขาจึงรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง
“เอาสิ ถ้าคุณอยากชวนเพื่อนมาเที่ยวก็เอาสิ”
เย่เฉินจำได้ว่าเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยส่วนมากของหวังเจียเหยาเป็นคนอวิ๋นโจว หรือไม่ก็พอเรียนจบแล้วก็อยู่ทำงานที่อวิ๋นโจวต่อ
ผู้หญิงพวกนี้เป็นพวกคนชอบดูถูกคนอื่น ก่อนนี้พวกหล่อนมักจะเหยียดหยามเขา เมื่อได้พบตนเองอีกครั้งจะมีท่าทีอย่างไรนะ!
“ขอบคุณนะคะที่รัก!”
หวังเจียเหยาจุมพิตบนหน้าผากของหวังเจียเหยาด้วยท่าทีรักใคร่
จากนั้นหวังเจียเหยาก็เอนศีรษะไปพิงไหล่ของเขาแล้วออดอ้อน “ที่รักฉันอยากไปวิลล่าของนายที่ภูเก็ตจังเลย! แล้วฉันก็อยากไปเจอคุณปู่ คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ของนาย แล้วก็พี่ใหญ่ พี่รอง น้องสาวคนที่สี่ ห้า หก เจ็ดของนาย! ฉันอยากให้พวกเขารู้ว่าฉันคือลูกสะใภ้ตระกูลเย่ของพวกเขา!”
……
เวลาหนึ่งทุ่ม ณ วิลล่าเขตเหมยกุยหยวน
ซ่งหงเย่รวมไปถึงหญิงสาวอายุยี่สิบต้นๆ ห้าหกคนมาที่วิลล่าของเย่เฉิน
บรรดาหญิงสาวเพิ่งจะย่างกรายเข้ามาในตัวบ้านก็เอ่ยชมการตกแต่งที่หรูหรา และข้าวของราคาแพง รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่พวกหล่อนไม่แม้แต่จะเคยเห็นมาก่อนไม่ขาดปาก
“เจียเหยา สามีเธอนี่รวยจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นบ้านที่หรูหราแบบนี้มาก่อนเลย!”
“คุณเย่นี่เหมาะสมกับพี่เจียเหยาจริงๆ พวกพี่ทั้งหน้าตาดีแล้วก็มีชาติตระกูลที่ดีด้วย วางแผนว่าจะมีน้องกันเมื่อไหร่เหรอคะ?”
“นั่นสิ จริงด้วย พวกเรารอกินบะหมี่ซั่ว[1]ของเธอสองคนอยู่นะ!”
หวังเจียเหยาลำพองใจเมื่อได้ยินคำชื่นชมของเพื่อนสมัยเรียน
ที่ผ่านมาหวังเจียเหยาเองค่อนข้างเขินอายที่จะพาเย่เฉินมาพบเพื่อนของหล่อน เพราะเพื่อนๆ เหล่านี้ต่างก็ชอบดูแคลนคนอื่นอย่างยิ่ง พวกหล่อนมักจะเหน็บแนมตนเองเรื่องที่เย่เฉินแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง
ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ว่าเย่เฉินเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ทำให้เพื่อนๆ พวกนี้เริ่มริษยาหวังเจียเหยาขึ้นมา
หวังเจียเหยากล่าว “ฉันกับเย่เฉินเองก็เองวางแผนจะมีลูกกัน ถ้าโชคดีล่ะก็น่าจะใกล้ติดแล้ว”
แล้วเพื่อนอีกคนก็เสริมขึ้น “ฉันช่วยนับให้ ถ้าเธอท้องเดือนนี้ก็น่าจะคลอดเดือนกุมภาพันธ์ เอ๊ะ เดือนกุมภาพันธ์นี่ราศีอะไรนะ?”
เพื่อนอีกคนถือแก้วไวน์ ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม“ก็น่าจะเป็นราศีกุมภ์หรือราศีมีน เจียเหยาเธออยากให้ลูกพวกเธออยู่ในราศีอะไรกุมภ์หรือมีน?”
เพื่อนอีกคนหัวเราะ “ฉันว่านะ ขอแค่เป็นลูกคุณเย่จะราศีอะไรก็ได้ล่ะมั้ง”
“ฮ่าๆ ดูเธอพูดเข้า ถ้าไม่ใช่ลูกคุณเย่แล้วจะเป็นลูกของใครไปได้”
ผู้หญิงพวกนี้ดื่มเหล้า ปาร์ตี้และพูดคุยกัน ก่อนหน้านี้เย่เฉินได้แวะมาทักทาย และขอตัว
ผู้หญิงพวกนี้กับหวังเจียเหยาคบกันแค่ฉาบฉวย ก่อนนี้พวกหล่อนต่างก็ดูถูกเขา เย่เฉินเองก็ไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนพวกหล่อน
หวังเจียเหยาทำไปเพื่ออวดสามีถึงได้ตามเพื่อนๆ พวกนี้มากินเลี้ยงกัน
ที่จริงแล้วหล่อนไม่ได้มีอะไรจะคุยกับเพื่อนตัวเอง ตอนเรียนมหาวิทยาลัยคนพวกนี้ก็ริษยาความสวยของหล่อนจึงมักจะแอบนินทาหล่อนอยู่เสมอ
พอรู้ว่าสามีของหวังเจียเหยาเป็นผู้ชายห่วยๆ ไม่รู้ว่าคนพวกนี้แอบหัวเราะเยาะหล่อนไปกี่ครั้ง
ปาร์ตี้กันอยู่ชั่วโมงหนึ่ง ซ่งหงเย่กับหวังเจียเหยาก็ขึ้นไปดื่มเหล้าที่ชั้นสอง ส่วนคนอื่นยังคงอยู่กันที่ชั้นหนึ่ง ชิมเหล้าดังๆ ที่เย่เฉินนำเข้ามาจากต่างประเทศ แล้วถ่ายรูป ส่งข้อความเสียง และแชร์รูปภาพในโมเม้นท์วีแชท
ซ่งหงเย่ถือแก้วเหล้า ขณะยืนอยู่ที่ด้านหน้าระเบียงแล้วมองกลุ่มเพื่อนที่ไร้รสนิยมของหวังเจียเหยาก็หัวเราะเสียงแผ่ว ก่อนจะหันไปถามเพื่อนสนิท
“เจียเหยาเธอเผด็จศึกเย่เฉินแล้วใช่ไหม?”
หวังเจียเหยาพยักหน้าอย่างลำพองใจ
ซ่งหงเย่ถามต่อ “เขาไม่สงสัยเลยใช่ไหม?”
หวังเจียเหยาตอบ “แน่สิ!”
ซ่งหงเย่กล่าวต่อ “งั้นก็ดี อ้อจริงสิ ทรัพย์สินของพวกเธอแบ่งกันยังไง? หรือว่ายังยึดตามข้อตกลงที่เซ็นกันไว้ตอนแต่งงานครั้งก่อน?”
ก่อนที่หวังเจียเหยากับเย่เฉินแต่งงานกันพวกเขาสองคนเซ็นข้อตกลงกันก่อนแต่งงานว่าทรัพย์สินของแต่ละคนจะไม่เกี่ยวข้องกัน
ในเมื่อไม่เกี่ยวข้องกันแปลว่าวิลล่าหรู รถหรูและบริษัทของเย่เฉินไม่เกี่ยวอะไรกับหวังเจียเหยา
ตอนที่เซ็นข้อตกลงฉบับนี้เป็นเพราะคนตระกูลหวังกลัวว่าเย่เฉินจะเอาเปรียบพวกเขา ตอนนี้ใครจะไปรู้ว่ามันจะกลับกันอย่างสิ้นเชิง
กลายเป็นเย่เฉินต่างหากที่กลัวว่าจะโดนคนตระกูลหวังเอาเปรียบ!
หวังเจียเหยากล่าวว่า “จริงสิ ฉันเคยถามเย่เฉิน เขาบอกว่าต้องหลังจากที่ไปพบคุณปู่เขาที่อังกฤษ ให้คุณปู่เขาพบฉันก่อนแล้วยอมรับฉัน ถึงจะรับฉันเป็นทายาทของตระกูลเย่”
ซ่งหงเย่กล่าวอย่างร้อนรน “แล้วทำไมเธอไม่รีบไปหาปู่เขาที่อังกฤษล่ะ! จะมาจัดงานปาร์ตี้อะไรกันแม่คุณหนู! เรื่องไหนที่สำคัญกว่ากัน? ฉันจะบอกเธอให้นะ เรื่องที่พวกเธอยังไม่หย่ากันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดอีกแล้ว ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือทรัพย์สินของตระกูลเย่ต่างหาก!”
เพราะหวังเจียเหยาเตรียมตัวจะท้องจึงไม่ได้ดื่มเหล้า หล่อนดื่มน้ำแล้วกล่าว “รีบร้อนอะไร ตอนนี้ฉันกำลังจะมีลูก เย่เฉินรักฉันขนาดนี้ ตระกูลเย่ต้องยอมรับฉันแน่ สบายใจได้เลย”
ใบหน้าซ่งหงเย่เหนื่อยหน่าย “เธอนี่มันใจกว้างจริงๆ เธอไม่กลัวว่าฟางเชาจะมาหาเย่เฉินแล้วปูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นของพวกเธอหรือไง?”
หวังเจียเหยาหัวเราะเสียงแผ่ว “ตอนนี้เขาเองยังเอาตัวไม่รอดเลยพูดความจริงอย่างนั้นเหรอ? เขากลัวอายุจะยืนหรือไง? หลิวเจิ้งคุนกับซีกวาเป็นลูกน้องของสามีฉันนะ!”
ซ่งหงเย่กล่าวด้วยความกังวล “ฉันได้ยินมาว่าเขาไปพบคนตระกูลหลิ่วที่เทียนไห่ ศักยภาพของคนตระกูลหลิ่วก็ลึกล้ำเกินจะคาด ต่อให้ตระกูลเย่โหดขนาดไหน ปู่ของเขาก็ย้ายไปอังกฤษตั้งนานแล้ว คิดว่าศักยภาพของพวกเขาในประเทศตอนนี้น่าจะด้อยกว่าตระกูลหลิ่วด้วยซ้ำ”
หวังเจียเหยายังคงไม่พอใจ “ในฐานะที่หลิ่วหรูซือเป็นคนของตระกูลหลิ่ว ไปขอร้องอ้อนวอนตระกูลหลิ่วยังไม่ได้ ฟางเชาแซ่ฟาง คนตระกูลหลิ่วไม่สนใจเขาหรอก สบายใจได้ ฉันรู้เรื่องตระกูลหลิ่วกับตระกูลฟางมากกว่าเธอ ตระกูลหลิ่วไม่มีทางล่วงเกินตระกูลเย่เพื่อฟางเชาหรอก”
ซ่งหงเย่ไม่พูดอะไรอีก หล่อนชูแก้วไวน์ขึ้น “อย่างนั้นก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับเศรษฐินีสาวแสนล้านไว้ก่อนเลย”
“ขอบใจนะเพื่อนสาว รอฉันมีเงินแสนล้านจะให้เธอซักหลายพันล้านเอาให้เธอไว้เลี้ยงผู้ชาย ฮ่าๆ”
หวังเจียเหยายกแก้วน้ำขึ้นชนกับซ่งหงเย่
[1] บะหมี่ซั่ว (เป็นอาหารที่กินในงานแต่งงาน)
แสงไฟภายในห้องหวังเยี่ยนหรงสลัวน้อยๆ หญิงชราเอนตัวอยู่บนเตียง ดวงตาสะลึมสะลือ ลมหายใจแผ่วเบา
คุณนายหวังเฝ้าหล่อนอยู่ข้างเตียง ส่วนคนในตระกูลหวังคนอื่นๆ ยืนรวมกันอยู่อีกฟาก
ทุกคนต่างก็รอโทรศัพท์ของเย่เฉิน
พวกเขาทุกคนรู้ว่าเย่เฉินเป็นประธานผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป เขาถือเป็นเบอร์หนึ่งในโลกธุรกิจของอวิ๋นโจว ด้วยศักยภาพของเขาแล้วน่าจะค้นหาความจริงได้อย่างรวดเร็ว
ทางฝั่งครอบครัวหวังจื้อหย่วนกระอักกระอ่วนอย่างมาก เพราะกลัวว่าข่าวที่เพื่อนตนเองหามาได้นั้นจะเป็นเรื่องโกหก
“สวรรค์ทรงโปรด พระพุทธองค์โปรดเมตตา ข้อมูลที่จื้อหย่วนได้มาจะต้องเป็นเรื่องจริง!”
ซูหลานสวดอ้อนวอนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่หยุด
“กริ๊ง กริ๊ง…”
คนแทบหยุดหายใจเมื่อเสียงโทรศัพท์หัวเหว่ยของเย่เฉินดังขึ้น!
เย่เฉินปรายตามองหน้าจอโทรศัพท์แล้วพบว่าสายที่โทรเข้ามานั้นไม่ใช่พ่อบ้านฟาง แต่เป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้
“ฮัลโหล” เขากดรับสาย
เสียงในสายตอบกลับมา “สวัสดีครับคุณเย่เฉิน ผมคือหัวหน้าสำนักงานกิจการพลเรือนประจำอวิ๋นโจว ผมชื่อช่ายหมิ่นครับ”
“หัวหน้าช่าย สวัสดีครับ” เย่เฉินเองก็กล่าวทักทายอย่างมีมารยาท
ช่ายหมิ่นกล่าวว่า “ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่ต้องแจ้งให้ท่านทราบครับว่า ในระบบไม่มีบันทึกการจดทะเบียนหย่าของคุณกับคุณหวังเจียเหยา ส่วนเอกสารสำคัญการหย่านั้นคนของเราลอบปลอมแปลงขึ้นเองครับ ดังนั้นเอกสารสำคัญการหย่าของพวกคุณถึงไม่มีผลตามกฎหมาย คุณและคุณหวังเจียเหยายังเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายครับ ส่วนใบทะเบียนสมรสและใบสำคัญการหย่าระหว่างคุณหวังเจียเหยาและคุณฟางเชาก็ไม่มีผลทางกฎหมายใดๆ เช่นกันครับ
คุณเย่ พวกเราเจอตัวพนักงานของสำนักกิจการพลเรือนที่ทำเรื่องหย่าให้พวกคุณแล้วครับ ผมสั่งพักงานหล่อนไปแล้ว พรุ่งนี้เช้าผมจะให้หล่อนอธิบายอย่างละเอียดและขอโทษพวกคุณ คุณเย่กับคุณหนูหวังเจียเหยา ถ้าพวกคุณสองคนจะทำเรื่องหย่าอีกครั้ง ผมจะเป็นคนทำให้คุณด้วยตนเอง รับรองได้เลยครับว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “เรื่องหย่า ถ้ามีโอกาสผมจะไปคุยกับคุณก็แล้วกัน”
เย่เฉินรู้สึกว่าหวังเจียเหยาในตอนนี้ไม่มีทางยอมหย่ากับตนเองแน่
หลังจากเขาวางสาย หวังเจียเหยาก็ถามอย่างตะขิดตะขวงใจ “เย่เฉินเป็นยังไงบ้าง?”
เย่เฉินกล่าวว่า “พวกเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่ เอกสารสำคัญการหย่าที่เราทำกันก่อนนี้รวมไปถึงทะเบียนสมรสและใบหย่าของคุณกับฟางเชา เอกสารทั้งหมดไม่มีผลทางกฎหมาย”
“เย้!” หวังเจียเหยากระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจในห้องของหวังเยี่ยนหรง
คนตระกูลหวังทุกคนนอกจากหวังหยวนหยวนแล้วต่างก็ดีใจกันทั้งสิ้น โดยลืมเลือนไปโดยสิ้นเชิงว่าข้างกายพวกเขายังมีหญิงชราที่กำลังใกล้ตายอยู่
“เย่เฉิน…”
และในเวลานี้เองจู่ๆ หวังเยี่ยนหรงก็เรียกเย่เฉินด้วยเสียงแผ่วเบา
เย่เฉินเดินไปหาหญิงชรา หล่อนดึงมือเย่เฉินเอาไว้ “ขอโทษด้วยนะ…พี่ชายย่าเขา…”
เย่เฉินระบายยิ้มแล้วกล่าว “ไม่เป็นไรครับคุณย่าเล็ก ผมนับถือคุณปู่ของเจียเหยามากเลยล่ะครับ เขาสายตากว้างไกล รู้ว่าคนตระกูลหวังทุกคนเป็นพวกเลือกปฏิบัติ พวกเขาจะต้องให้เจียเหยาหย่ากับผม ดังนั้นถึงได้ทำแบบนี้”
เย่เฉินติดกับเขาในใจย่อมไม่พอใจมากอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้หวังเยี่ยนหรงกำลังจะตาย เย่เฉินเองจึงไม่อยากจะพูดจาทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย ทำได้เพียงแดกดันคนตระกูลหวังเท่านั้น
หวังเยี่ยนหรงกล่าว “คงใกล้ถึงเวลาของย่าแล้วล่ะ… อีกเดี๋ยวก็จะได้ไปเจอพี่ชายแล้ว…ก่อนจะตาย…ย่ามีเรื่องอยากจะขอร้อง…”
เย่เฉินเองก็สะเทือนใจไม่น้อย เมื่อพบว่าหญิงชราเริ่มหายใจลำบากขึ้นทุกที
“คุณย่าพูดมาเถอะครับ”
หวังเยี่ยนหรงกล่าวพลางสูดลมหายใจช้าๆ “อย่า…อย่า…อย่าหย่ากับเจียเหยา”
เย่เฉินได้ยินก็นิ่งไป!
คิดไม่ถึงว่าคำขอสุดท้ายก่อนตายของหญิงชราจะเป็นเรื่องนี้!
และในเวลานี้เองหวังเจียเหยาก็รีบคุกเข่าลงตรงหน้าของเย่เฉินทันที น้ำตาของหญิงงามก็ไหลลงมาทันที
“ที่รักคะ ขอร้องล่ะให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะนะ ฉันจะรักคุณให้มากๆ ฉันขอรับรอง ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวข้องแวะกับผู้ชายคนไหนอีกเลย!”
ซูหลานเองก็อ้อนวอนเขา “เย่เฉิน เธอดูสิว่าเจียเหยาของเราสวยขนาดไหน หนำซ้ำตอนนี้ยังเป็นสาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง หวังเจียเหยาเป็นภรรยาของเธอมาถึงสามปี หรือเธอจะทำใจยอมยกภรรยาที่แสนสวยแบบนี้ให้คนอื่นได้ลงคอ?”
ปีศาจจิ้งจอกเฒ่าซูหลานเข้าใจความคิดที่แสนจะเห็นแก่ตัวของผู้ชายเป็นอย่างดี ดังนั้นถึงได้จงใจพูดแบบนี้ ถ้าหากเขาไม่คืนดีกับหวังเจียเหยาก็จะเท่ากับว่าเขาปล่อยให้ของดีหลุดมือ
ส่วนเย่เฉินนั้นสับสนอย่างมากแต่ก็ยังกล่าวต่ออย่างแน่วแน่ “ต้องขอโทษด้วยนะครับ คุณย่าเล็ก ผมรับปากคุณย่าได้ทุกเรื่อง มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ผมทำไม่ได้!”
คนตระกูลหวังใจหายวูบทัยที
ส่วนคุณย่าเล็กนั้นพอเห็นเย่เฉินตั้งใจแน่วแน่ว่าจะหย่ากับหวังเจียเหยา คิดไม่ถึงว่าจะชันลุกขึ้นเหมือนต้องการจะลงจากเตียง
“แม่ครับ แม่จะทำอะไรครับ แม่ครับ?” โจวเจี้ยนเย่ที่อยู่ตรงประตูรีบเดินมาอย่างรวดเร็ว
หวังเยี่ยนหรงกล่าว “ประคองฉัน…ลงเตียง”
โจวเจี้ยนแย่กล่าวด้วยความตื่นตูม “คุณแม่ครับ สุขภาพของแม่ตอนนี้…จะลงจากเตียงไม่ได้นะครับ ผมขอร้องนะครับ แม่ครับนอนลงบนเตียงเถอะครับ!”
ชีวิตหวังเยี่ยนหรงใกล้จะถึงฝั่งอยู่แล้ว กระทั่งแรงจะลงจากเตียงก็ยังไม่มี
ทว่าหญิงชรารั้นจะลงจากเตียง โจวเจี้ยนเย่เองก็ไม่กล้าขัดมารดาจึงทำได้เพียงอุ้มหญิงชราลงจากเตียง
หวังเยี่ยนหรงมองเย่เฉินแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเขา “ขอร้องล่ะ… ให้โอกาสเจียเหยาอีกสักครั้งเถอะนะ”
“คุณย่าเล็ก!” เย่เฉินรีบปราดเข้ามาประคองหญิงชรา
คิดไม่ถึงว่าก่อนที่หวังเยี่ยนหรงจะลาโลก หล่อนกลับคุกเข่าอ้อนวอนเย่เฉินเพื่อหวังเจียเหยา!
โจวเจี้ยนเย่เห็นมารดาเป็นแบบนี้จึงคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉินด้วยนัยน์ตาที่แดงก่ำ “คุณเย่ขอร้องล่ะครับ ขอให้คุณเห็นแก่แม่ของผมที่มีอายุถึงเจ็ดสิบปีที่กำลังจะลาโลกนี้ไป รับปากแม่ผมเถอะนะ!”
คนอายุเจ็ดสิบปีมีน้อยนัก!
เย่เฉินอยู่บนโลกนี้มายี่สิบกว่าปีก็รู้สึกว่าชีวิตนั้นไม่ง่าย เขาผจญโลกมาก็มาก หวังเยี่ยนหรงอายุเจ็ดสิบกว่าปี สวรรค์ ทั้งชีวิตของหญิงชราผ่านความยากลำบากมาเท่าไหร่!
บวกกับหวังเยี่ยนหรงเองก็เป็นผู้มีพระคุณของเย่เฉิน จะให้เขาทนเห็นหญิงชราคุกเข่าลงได้อย่างไร แล้วลาโลกไปด้วยความเสียดายหรือ? อีกด้านหวังเจียเหยาก็คุกเข่าร้องไห้อ้อนวอนเขาต่อ “ที่รัก ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ อภัยให้ฉันเถอะนะคะ”
บางทีทั้งหมดนี้อาจเป็นเจตนาของสวรรค์
เย่เฉินถอนหายใจขณะมองหวังเยี่ยนหรง “ก็ได้ ผมรับปากคุณย่าว่าจะให้โอกาสหล่อนอีกครั้ง ขอแค่หวังเจียเหยาไม่ขอหย่ากับผมก่อน ผมจะไม่หย่ากับหล่อน”
“ดีจ้ะ…ดี…”
หวังเยี่ยนหรงพูดซ้ำไปมา แล้วในทันใดนั้นเองหล่อนเปลือกตาของหล่อนก็ปิดลง เป็นสัญญาณว่าหญิงชราบอกลาโลกนี้ไปแล้วตลอดกาล!
“คุณย่าเล็ก!”
“เยี่ยนหรง!”
เสียงของหวังเจียเหยาและคุณนายหวังดังกึกก้อง สองคนแม่ลูกคุกเข่าลงที่ข้างเตียงกรีดร้องเสียงดัง ร้องเสียงดังกว่าเหล่าลูกแท้ๆ ของหวังเยี่ยนหรงเสียอีก
เย่เฉินรู้ดีว่าในหยดน้ำตานี้ เกรงว่าครึ่งหนึ่งคงเป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดี!
ในที่สุดประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป คุณชายของตระกูลที่ร่ำรวยกว่าแสนล้านกลายเป็นเขยตระกูลหวังของพวกเขาแล้ว!
เย่เฉินไม่มีทางให้อภัยหวังเจียเหยา ถึงในใจเขาตอนนี้จะยังมีหญิงสาวอยู่
ในช่วงเวลาที่หย่ากันไป เย่เฉินเจอสาวสวยและร่ำรวยมาก็ไม่น้อย
เช่นผู้บริหารคนสวยอย่างฉินหงเหยียน หรือจะเลขาเซ็กซี่อย่างโจวหรงหรง
หรืออาจจะเป็นหวังหยวนหยวนสาวน้อยที่ทั้งสดใสและเซ็กซี่
ด้วยตำแหน่งหน้าที่ในตอนนี้ของเย่เฉินอยากจะหาคนรักสักคนนั้นช่างง่ายดายเหลือเกิน
แต่ก็ไม่มีใครเข้าตาเขาเลยสักคน
ถึงเขาจะยังไม่ลืมเลือนหวังเจียเหยาไปจากใจทั้งหมด แต่เย่เฉินก็ไม่อยากจะคืนดีกับหล่อนอีก ต่อให้หล่อนจะไม่ได้นอกกายเขาก็เถอะ
……
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง คุณนายหวังกำลังคุยกับคุณย่าเล็กในห้องของหญิงชราตามลำพัง
กลางคืนดึกสงัด คนวัยชราสองคนอายุรวมกันก็เกือบจะสองร้อย พูดคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบา
คุณนายหวังจับมือคุณย่าเล็กเอาไว้กล่าวด้วยใบหน้าเศร้าโศก “เยี่ยนหรง เธอรู้ตัวตนของเย่เฉินตั้งนานแล้วทำไมไม่บอกฉันล่ะ!”
ชื่อของคุณย่าเล็กหวังคือหวังเยี่ยนหรง
หวังเยี่ยนหรงกล่าวว่า “พี่สะใภ้ พี่ชายเคยบอกฉันว่าเรื่องนี้จะ…บอกพวกคุณไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคะ”
คุณนายหวังถอนหายใจ “เยี่ยนหรงฉันขอบอกความจริงเธอเลยแล้วกัน เธอทำใจให้ดีๆ นะ อย่าตกใจจนหัวใจวายไปล่ะ”
ตอนนี้ชีวิตหวังเยี่ยนหรงกำลังจะถึงฝั่ง เปิดตาแทบไม่ได้ จิตใจย่อมไม่อาจรับการกระทบกระเทือนได้
การที่คุณนายหวังพูดแบบนี้อาจจะทำให้หวังเยี่ยนหรงไปโลกหน้าได้เลย
แต่คุณนายหวังก็ยังเลือกที่จะพูด นั่นเพราะในใจของหญิงชรายังโทษที่หวังเยี่ยนหรงไม่ยอมบอกความจริง มิฉะนั้นแล้วบ้านตระกูลหวังก็จะไม่สูญเสียเขยอย่างเย่เฉินไป
คุณนายหวังกล่าวว่า “ฉันพูดความจริงกับเธอแล้วกัน เจียเหยามีชู้ หล่อนหย่ากับเย่เฉินแล้ว!”
พอพูดไปแล้วคุณนายหวังเองก็กังวลว่าประโยคนี้จะทำให้หวังเยี่ยนหรงไปโลกหน้าทันทีที่ได้ยิน
แต่สิ่งที่ทำให้คุณนายหวังประหลาดใจก็คือหวังเยี่ยนหรงไม่ได้มีปฎิกิริยาอะไรเพราะหล่อนรู้นานแล้ว
คุณนายหวังกล่าวต่ออย่างเศร้าโศกเสียใจ “ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากที่หวังเจียเหยาหย่ากับเย่เฉินแล้ว ก็ไปแต่งงานกับชู้ของหล่อน แต่ตอนนี้พวกเขาหย่ากันไปแล้ว! หล่อนกลายเป็นผู้หญิงที่แต่งงานสามรอบแล้ว! เฮ้อ บอกว่าผู้หญิงแต่งงานครั้งหนึ่งค่าตัวก็ลดลงไปครั้งหนึ่ง ถึงหวังเจียเหยาจะสวยมากเท่าไหร่ เกรงว่าหลังจากนี้ไปก็คงไม่มีผู้ชายที่คู่ควรเหมาะสมยอมแต่งงานด้วยแล้ว”
คุณนายหวังเสียใจจนน้ำตาจะไหล แต่หวังเยี่ยนหรงกลับไม่แสดงท่าทีใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่เพียงเท่านั้น หวังเยี่ยนหรงยังปลอบคุณนายหวังด้วย “พี่สะใภ้อย่าเสียใจไปเลยค่ะ…”
คุณนายหวังงุนงง คนก่อนตายใจแข็งได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
คิดไม่ถึงว่าหวังเยี่ยนหรงจะระบายยิ้ม แต่รอยยิ้มของหญิงชรากลับดูน่าสงสารอย่างมากในสายตาผู้เป็นพี่สะใภ้!
หวังเยี่ยนหรงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ไม่เป็นไรค่ะ เย่เฉินกับเจียเหยาหย่ากันไม่สำเร็จหรอก”
คุณนายหวังกล่าวอย่างงุนงง “หมายความว่าอะไร? พวกเขาหย่ากันไม่สำเร็จเหรอ? ใบสำคัญการหย่าของพวกเขาสองคนฉันเห็นแล้ว พวกเขาไปทำกันในสำนักกิจการพลเรือน จะเป็นของปลอมได้ยังไง!”
หวังเยี่ยนหรงพยักหน้า “ใช่ค่ะ ของปลอม”
คุณนายหวังรู้สึกทึ่ง “หรือจะบอกว่า…”
ในเวลานี้เหมือนหล่อนเองก็พอจะเดาความจริงของเรื่องบางเรื่องได้ลาง ๆ บ้างแล้ว
หวังเยี่ยนหรงกล่าว “พี่ชายเป็นคนที่รอบคอบขนาดนั้น พี่เองก็รู้ดี ก่อนเขาตายไม่ได้…แค่กๆ ไม่ได้บอกความจริงทุกคน แล้วเขาจะ..จะ…ไม่เตรียมแผนสำรองได้ยังไง?”
เห็นหวังเยี่ยนหรงจะพูดจะจาก็ยังลำบาก คุณนายหวังจึงลองเล่าข้อสันนิษฐานของตนเองออกมา
“เยี่ยนหรงพี่ชายของเธอรู้อยู่นานแล้วว่าเจียเหยาจะต้องเลิกกับเย่เฉินแน่ๆ ดังนั้นถึงได้จัดแจงส่งคนไปในสำนักกิจการพลเรือน เพื่อคอยดูแลทำให้เรื่องหย่าของหวังเจียเหยาเป็นโมฆะไปเหรอ?”
หวังเยี่ยนหรงพยักหน้า “ใช่ค่ะ พี่ชายเขาจัดแจงคนของเรา…ไปทำงานในสำนักกิจการพลเรือนเมืองอวิ๋นโจวไว้แล้ว”
คุณนายหวังดีใจกับข่าวที่คาดไม่ถึงนี้อย่างยิ่ง หญิงชรารีบเดินออกจากห้องแล้วตะโกนเรียกหวังจื้อหย่วนเสียงดัง
หวังจื้อหย่วนกำลังสูบบุหรี่อยู่ด้านนอกตัวบ้าน เมื่อได้ยินเสียงเรียกของมารดาก็รีบดับบุหรี่แล้วเดินไปหาอีกฝ่ายอย่างเร่งร้อน
คนของบ้านตระกูลโจวเองก็ได้ยินเสียงเรียกของคุณนายหวังเช่นกัน พวกเขาก็รีบร้อนวิ่งไปทันทีด้วยนึกว่าคุณย่าเล็กเสียแล้ว
“จื้อหย่วนแกรีบส่งคนไปตรวจดูหน่อยว่าตอนนี้สถานภาพของหวังเจียเหยายังเป็นสมรสอยู่หรือเปล่า! แล้วคู่สมรสใช่เย่เฉินไหม!”
คุณนายหวังกล่าวด้วยความตื่นเต้น
หวังจื้อหย่วนกล่าวว่า “แม่ครับ นี่แม่เลอะเลือนหรือเปล่าครับเนี่ย? เจียเหยาหย่ากับฟางเชาไปแล้วด้วยซ้ำแล้วคู่สมรสจะยังเป็นเย่เฉินอยู่ได้ยังไงล่ะ?”
ฝ่ามือคุณนายหวังสวนออกไปฟาดหน้าบุตรชายทันที “ไร้ประโยชน์จริงๆ ให้แกไปเช็คแกก็ไปเช็คเถอะน่ะ!”
“ครับ ครับ ครับ”
หวังจื้อหย่วนรีบล้วงโทรศัพท์ออกมา เดิมคิดจะใช้โทรศัพท์ค้นหา อย่างไรเสียตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็สามารถค้นหาทางอินเตอร์เน็ตได้
แต่เขาก็พบว่าสถานภาพสมรสไม่สามารถตรวจสอบทางอินเตอร์เน็ตได้ จะต้องไปตรวจสอบเอง ณ สำนักกิจการพลเรือน
เขาจึงจำใจโทรศัพท์ไปหาเพื่อน เพื่อให้เพื่อนของเขาช่วยหาพรรคพวกที่ทำงานในสำนักกิจการพลเรือนแทน
สามสิบนาทีผ่านไปเต็มๆ กว่าหวังจื้อหย่วนจะได้รับสาย
“ตรวจแล้วล่ะพี่หย่วน ในระบบแจ้งว่าหวังเจียเหยาสมรสแล้ว คู่สมรสคือเย่เฉิน”
พอหวังจื้อหย่วนได้ยินแล้วก็แน่นิ่งไป!
“ทำไมเป็นแบบนี้ได้!”
พอเห็นบุตรชายดูตกตะลึง คุณนายหวังก็โพล่งถามออกมา “เป็นยังไงบ้าง? เช็คหรือยัง?”
หวังจื้อหย่วนพยักหน้าด้วยท่าทางโง่งม “ครับ ทางนั้นบอกว่าหวังเจียเหยายังมีสถานภาพเป็นสมรสอยู่!”
“แล้วคู่สมรสคือใคร! รีบบอกฉันมา!” คุณนายหวังร้อนรนทนไม่ไหว
หวังจื้อหย่วนตอบ “เย่เฉินครับ…”
คุณนายหวังแหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วกล่าวอย่างดีใจ “ฮ่าๆ ! ตาแก่เอ้ย! คุณนี่มองการณ์ไกลจริงๆ! คุณช่วยตระกูลหวังเราเอาไว้!”
“เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?”
ซูหลานเองก็ตกใจเสียงของคุณนายหวังจนต้องเดินมาดู
หลังจากที่หวังจื้อหย่วนบอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่กับซูหลานแล้ว ซูหลานก็ร้องตะโกนออกมาเหมือนคนบ้า
คุณนายหวังกล่าวด้วยความตื่นเต้น “เร็วเข้า รีบเรียกเย่เฉินกับเจียเหยาไปที่ห้องเยี่ยนหรง”
“ค่ะ!”
ซูหลานรีบพุ่งตัวไปที่ห้องของลูกสาวและลูกเขยทันที แล้วลากพวกเขาสองคนไปที่ห้องหวังเยี่ยนหรงโดยไม่แม้แต่จะอธิบายอะไรทั้งสิ้น
เย่เฉินและหวังเจียเหยาต่างก็คิดว่าหญิงชราลาโลกไปแล้ว ดังนั้นจึงให้ความร่วมมือแต่โดยดี เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมบนใบหน้าซูหลานถึงยังมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่
หญิงชราจากไปแล้วควรจะเสียใจไม่ใช่หรือไง?
เมื่อมาถึงห้องหวังเยี่ยนหรงแล้วถึงได้พบว่าหญิงชรายังมีชีวิตอยู่
คุณนายหวังกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นสุข “เย่เฉิน เจียเหยา หลานสองคนยังไม่ได้หย่ากันนะ ใบสำคัญการหย่าที่พวกเธอมีเป็นของปลอม มีคนลักลอบทำให้พวกหลานกันเองโดยพลการ ไม่มีผลทางกฎหมายอะไรทั้งสิ้ ส่วนใบทะเบียนสมรส กับเอกสารการหย่าของเจียเหยากับฟางเชาก็เหมือนกันเป็นของปลอมทั้งสิ้น ไม่มีการรายงานและไม่มีบรรทุกอยู่ในบันทึกสำมะโนครัวอะไรทั้งนั้น”
หวังเจียเหยาแทบไม่อยากเชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องจริง “จริงเหรอคะ? คุณย่า ตอนนี้หนูกับเย่เฉินยังเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่เหรอคะ?”
สิ่งที่หล่อนเฝ้าภาวนาอยู่ทุกวันคืออยากจะแต่งงานใหม่กับเย่เฉิน!
ตอนนี้เป็นตามที่หวังโดยไม่ต้องลงแรงอะไร!
เย่เฉินตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินข่าวนี้!
อันที่จริงก่อนเขาจะมา เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เขาเองก็คิดว่าถ้าหวังเยี่ยนหรงรู้ความจริงอยู่แล้ว ไม่น่าจะปล่อยให้หวังเจียเหยาขอหย่าง่ายๆ
ที่แท้พวกเขาส่งคนของตัวเองไปทำงานในสำนักกิจการพลเรือน!
ถึงจะเป็นเช่นนั้นเย่เฉินก็ยังคงโทรศัพท์หาพ่อบ้านฟางเพื่อยืนยันอีกครั้ง “พ่อบ้านฟาง ช่วยผมตรวจสอบข้อมูลสถานภาพสมรสของผมในสำนักกิจการพลเรือนหน่อย!”
พอหวังเจียเหยาพูดแบบนี้ เย่เฉินเองก็ให้ความร่วมมือทำท่าทีรักใคร่กับหล่อน
“ดีจ้ะ ดี”
ใบหน้าคุณย่าเล็กหวังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หญิงชรากล่าวชมไม่ขาดปาก
หวังเจียเหยากล่าวต่อ “คุณย่าเล็กคะ หนูจะบอกข่าวดีคุณย่าอีกอย่างนะคะ เย่เฉินเขาไม่ได้มาจากครอบครัวธรรมดาๆ หรอกค่ะ แต่เขามาจากตระกูลเย่ที่มีชื่อเสียง! ทรัพย์สินของตระกูลเขามีมากกว่าแสนล้าน! ตอนนี้เขาเองเป็นประธานบริษัทอยู่ค่ะ!”
พอพูดถึงเรื่องนี้เย่เฉินก็สังเกตการเปลี่ยนแปลงของหญิงชราว่าหล่อนตกใจหรือไม่
คุณย่าเล็กส่งยิ้มสดใส แต่กลับไม่ได้ดูตื่นตระหนกแต่อย่างใดยังคงกล่าวต่อไม่หยุด
“ดี! ดี! ดีจังเลย!”
คุณยาเล็กหวังกล่าว “ลูกหลานของฉันดีกันหมดมีเพียงคนเดียวที่ย่าเป็น….แค่กๆ”
คุณย่าเล็กหวังส่งเสียงไอ หญิงชราจิบน้ำหน่อยๆ เพื่อพักหายใจแล้วพูดต่อ
“เป็นห่วงที่สุดก็คือหลานนะเจียเหยา หลานจะต้องอยู่กับเย่เฉินไปนานๆ ไม่อย่างนั้นหากย่าจากไป…ย่าคงจะไม่มีหน้า…ไปพบพี่ชายของย่า”
ถึงคุณย่าเล็กจะไม่บอกตรงๆ ว่าตนเองรู้ว่าเย่เฉินเป็นใคร
แต่จากคำพูดหญิงชราแล้ว เย่เฉินพอจะสัมผัสได้ว่าหญิงชราน่าจะรู้ความจริง
ทั้งสองคนไม่เกาะแกะวอแวชวนหญิงชราพูดคุยมากมาย หล่อนในตอนนี้แค่พูดก็เหนื่อยมากแล้ว
ที่จริงแล้วสามารถเห็นหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย สำหรับทั้งสองฝ่ายแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสุดแล้ว
ดึกมากแล้วเมื่อเดินออกจากห้องของหญิงชรา โจวเจี้ยนเย่ก็เอ่ยถาม “คุณเย่ เจียเหยา จะนอนบ้านหรือโรงแรม? เตรียมห้องให้แล้วทั้งสองที่เลย”
คุณย่าน้อยหวังอยู่ในวิลล่าสไตล์จีน มีห้องอยู่เยอะแยะ
เย่เฉินชี้ไปที่ห้องหญิงชราแล้วถาม “คุณหมอว่ายังไงบ้างครับ?”
โจวเจี้ยนเย่กล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “เฮ้อ อาจจะคืนนี้หรือไม่ก็คืนพรุ่งนี้”
คนแก่ส่วนมากมักจะจากไปตอนย่ำรุ่ง ในเมื่อเย่เฉินมาแล้วจะให้ไปอยู่โรงแรมก็ดูไม่เข้าท่านัก
“พวกเราขอรบกวนคุณอยู่ที่นี่สักคืนแล้วกัน” เย่เฉินกล่าว
โจวเจี้ยนเย่กล่าว “ไม่บังอาจๆ ถ้าคุณเย่ยินดีจะพักที่บ้านเราถือเป็นเกียรติ ตามผมมาเถอะครับ ผมจะพาคุณไปดูที่ห้อง”
เขานำคนทั้งสองออกจากตัวบ้านไปนอกบ้าน ผ่านสนามหญ้าแล้วผ่านล้านหน้าบ้าน โจวเจี้ยนเย่ก็พาทั้งสองคนไปที่ห้องรับแขก
สิ่งปลูกสร้างที่นี่เป็นกำแพงขาวหลังคาดำที่สวยงามและดูสงบ ตลอดทางที่ผ่านมาเป็นดั่งผลงานศิลปะที่เป็นหมึกแต่งแต้มลงบนกระดาษ
ห้องรับแขกเป็นสไตล์จีนโบราณเรียบง่ายแบบที่เย่เฉินชอบ
โจวเจี้ยนเย่กล่าว “ที่พักของแม่ผมค่อนข้างอัตคัต แม่เขาไม่ค่อยชอบของที่มันไฮเทคและอินเทรนด์น่ะ คุณเย่ เจียเหยาอย่ารังเกียจเลยนะ ทนอยู่ไปก่อนสักคืนเถอะนะ”
หวังเจียเหยากล่าว “คุณอาคะ อย่าเกรงใจเกินไปเลยค่ะ พวกเราจะรังเกียจได้ยังไงคะ”
เย่เฉินเองก็กล่าวว่า “จริงด้วย คุณชักจะเกรงใจเกินไปแล้ว ผมเป็นแค่คนนอก แค่มาที่นี่ก็รบกวนคุณมากแล้ว ถ้าอย่างนั้นเหลือแค่ห้องนี้ห้องเดียวเหรอ?”
เวลาก็ปาไปเที่ยงคืนแล้ว เย่เฉินเองก็ง่วงมากแต่ถ้าให้นอนกับหวังเจียเหยาจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นก็ยังไม่แน่
ยังไงเสียหวังเจียเหยาก็เป็นหญิงงามลำดับหนึ่งในอวิ๋นโจว เรือนร่าง ใบหน้าไม่มีข้อติเตียน ส่วนเย่เฉินเองก็เป็นสามีหญิงสาวมาถึงสามปี อยากจะครอบครองหล่อนมาโดยตลอด
ก็เหมือนหญิงสาวชายหนุ่มที่หย่ากันจำนวนมาก ที่มักจะเจอหน้ากันเพราะเรื่องลูก บางครั้งเจอกันไปเจอกันมาก็นอนด้วยกันไปเสียอย่างนั้น
โจวเจี้ยนเย่เก้อเขิน “เพราะคนตระกูลหวังมีมากเกินไป ห้องเต็มไปหมดแล้ว ดังนั้นถึงเหลือห้องนี้แค่ห้องเดียว ขอโทษด้วยครับ”
หวังเจียเหยารีบร้อนเอ่ย “ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณอา คุณอาไปจัดการเรื่องตัวเองเถอะค่ะ พวกเราจะพักผ่อนกันสักหน่อยค่ะ”
“ได้สิงั้นพวกหลานก็พักผ่อนกันไปนะ อาไปก่อน”
เย่เฉินเองก็โบกมือบอกลา “ถ้าคุณย่าเล็กเป็นอะไร รีบมาบอกพวกเราได้เลยนะครับ”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
พอโจวเจี้ยนเย่ไปแล้ว เย่เฉินก็หยิบหมอนลงมาจากเตียง แล้วหยิบเอาผ้านวมผืนใหญ่จากในตู้มาปูบนพื้น
“เย่เฉินทำอะไรน่ะ?”
หวังเจียเหยาถาม
เย่เฉินกล่าวว่า “ก็ปูพื้นนอนไง เมื่อก่อนเวลาเรานอนห้องเดียวกัน ก็ทำแบบนี้ตลอดไม่ใช่เหรอ?”
สามปีที่ผ่านมามีบางครั้งที่เย่เฉินกับหวังเจียเหยาออกไปเที่ยวด้วยกัน แต่ถ้าไปเมืองนอกหวังเจียเหยาไม่เคยพาเขาไปด้วย
แต่ถ้าอยู่ในประเทศต้องขับรถเอง ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงมักจะให้เย่เฉินขับรถให้หล่อน
ตอนพักที่โรงแรมหวังเจียเหยาไม่ชอบห้องมาตรฐาน เพราะเตียงเล็กเกินไปแล้วสามีภรรยาจองห้องมาตรฐานนั้นออกจะประหลาดเกินไปหน่อย แต่ถ้าเปิดสองห้องก็แปลกกว่าเดิม
พวกเขาเปิดห้องที่มีเตียงใหญ่ หวังเจียเหยานอนบนเตียงแล้วให้เย่เฉินนอนบนพื้น
เห็นเย่เฉินกำลังปูที่นอนบนพื้นด้วยท่าทางคล่องแคล่วทำให้หวังเจียเหยาเจ็บปวดใจ
หวังเจียเหยานั่งบนพรมที่ปูบนพื้นแล้วกล่าว “เย่เฉินคืนนี้อย่านอนบนพื้นเลย หรือว่านายยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ?”
พูดกันตามตรงตลอดทางที่ผ่านมาเมื่อครู่ ตลอดเวลาสองชั่วโมงครึ่ง หวังเจียเหยาเอาแต่เปิดเพลงที่เย่เฉินชอบ
หวังเจียเหยาไม่เพียงแต่รู้ทุกเพลงที่เย่เฉินชอบ หนำซ้ำยังสามารถบอกเมนูอาหารทุกจานที่เย่เฉินชอบด้วย
ซึ่งนี่ทำให้เย่เฉินซาบซึ้ง
นี่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตลอดสามปีที่ผ่านมาเย่เฉินไม่ได้เป็นทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียว หวังเจียเหยาเองก็ชอบเขาเช่นกัน
เพียงแต่หล่อนไม่เคยแสดงออกก็เท่านั้น
เย่เฉินเห็นหวังเจียเหยาเอาแต่พูดว่าตนเองบริสุทธิ์ หลิ่วหรูซือเองก็ยืนยันหนักแน่นว่าลูกชายของหล่อนกับหวังเจียเหยาไม่มีอะไรกัน
จนถึงตอนนี้เย่เฉินเองก็เริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หวังเจียเหยากับฟางเชาจะยังไม่มีอะไรกันใช่ไหม?
เย่เฉินกล่าว “ในเมื่อวันนั้นคุณบอกว่ายังไม่ทันได้ทำอะไรในโรงแรม แต่อย่างน้อยๆ พวกคุณสองคนก็คงจะจูบกันแล้วล่ะมั้ง? อย่างน้อยก็คงพูดจาพลอดรักกันไปมากมายไม่ใช่เหรอไง?”
หวังเจียเหยารีบกล่าว “เปล่าเลย! ฉันไม่เคยจูบกับเขา! อย่างมากก็แค่จูงมือกันเท่านั้นเอง! นายไปดูรูปแต่งงานของพวกเราได้เลย ไม่มีรูปจูบกันสักหน่อย ช่างภาพเอาแค่บังคับให้พวกเราถ่ายรูปจูบกันแต่ฉันก็ปฏิเสธไปแล้ว! ฉันเองไม่เคยเรียกเขาว่าที่รักด้วยซ้ำ! มีแต่เขาที่บังคับให้ฉันพูด แต่พอฉันคิดถึงนายก็พูดไม่ออก! ฉันจะเรียกได้ก็ต่อเมื่อเห็นหน้านาย ที่รัก รู้ไหมว่าฉันรักนายเท่าไหร่? นายรู้บ้างไหมว่าช่วงนั้นฉันเสียใจขนาดไหน?”
หวังเจียเหยาพูดพลางน้ำตาไหลพรากไม่หยุด
เย่เฉินเคยเห็นภาพพรีเวดดิ้งของสองคนนั้นไม่มีรูปจูบกันจริงๆ
ในเสี้ยววินาทีนั้นเย่เฉินเองก็เริ่มคลางแคลงใจ หรือว่าหวังเจียเหยารักเขาขนาดนั้นจริงๆ?
มิฉะนั้นทำไมถึงไม่แม้แต่จะจูบกับฟางเชา?
เย่เฉินหยิบกระดาษมาซับน้ำตาให้หญิงสาว “เจียเหยาคุณพูดทุกอย่างมาตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว ถ้าหากว่าคืนนั้นที่ผมเจอคุณ คุณเล่าให้ผมฟัง ขอโทษผม บางทีผมอาจจะไม่แน่วแน่ที่จะหย่ากับคุณ แต่คุณดูมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น ในงานเลี้ยงวันนั้นยังให้ผมคุกเข่าขอโทษคุณ แล้วคุณจะไม่ให้ผมโกรธคุณได้ยังไง?”
หวังเจียเหยาร่ำไห้ “ฉันสำนึกผิดแล้วค่ะที่รัก ได้โปรด ที่รัก ให้โอกาสฉันหน่อยได้ไหม?”
เย่เฉินถอนหายใจ ทุกคนพูดว่าการนอกใจมีแค่ศูนย์ครั้งหรือนับครั้งไม่ถ้วน
ถึงหวังเจียเหยาจะยังรักเย่เฉิน แต่เขาจะรับประกันได้ยังไงว่าหล่อนจะไม่ทำอีก!
หวังเจียเหยาพูดไม่ออกเหมือนเป็นใบ้ แล้วนึกได้ว่าจิบแชมเปญในเวลานี้คงจะไม่ถูกนัก
แชมเปญ ซิการ์ล้วนใช้ตอนที่ต้องเฉลิมฉลอง เช่นงานแต่งงานหรือการได้แชมป์ NBA
มีที่ไหนญาติใกล้ตายแล้วมาดื่มแชมเปญ?
หวังเจียเหยาเก็บแชมเปญแล้วกล่าว “ที่รัก ใช้มือถือฉันเปิดบลูทูธไหม? ฉันอยากฟังเพลงน่ะ”
รสนิยมในการฟังเพลงของทั้งสองคนไม่เหมือนกัน การเดินทางครั้งนี้ต้องใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าๆ ถ้าหากหล่อนต้องทนฟังเพลงที่ไม่ชอบไปตลอดทาง คาดว่าหล่อนคงเบื่อหน่ายมากทีเดียว
เย่เฉินไม่เคยบังคับให้คนอื่นฟังเพลงที่ตนเองชอบมาก่อน จึงปล่อยให้หวังเจียเหยาเชื่อต่อบลูทูธแล้วเปิดเพลง
แต่ใครจะคิดหลังจากที่หวังเจียเหยาเชื่อมต่อกับบลูทูธรถแล้ว เพลงแรกที่หล่อนเปิดกลับเป็นเพลง ‘ Thousand Sad Reasons’
หลังจากอินโทรเปียโนที่คุ้นหูดังขึ้น ก็พาทั้งสองคนย้อนกลับไปที่งานคอนเสิร์ตตอนนั้น
หวังเจียเหยายื่นมือมากุมแขนเย่เฉิน “ที่รักรู้ไหม? วันนั้นที่เห็นนายขึ้นไปเล่นเปียโนเพลงนั้นบนเวที ฉันก็หลงนายจนหัวปักหัวปำเลย นายเองก็จริงๆ เลย หลอกฉันเรื่องตัวตนของนายก็ช่างเถอะ ทำไมถึงต้องปิดบังเรื่องนายเล่นเปียโนเป็นด้วยล่ะ ถ้าฉันรู้ว่านายเล่นเปียโนเก่งขนาดนี้ ฉันต้องรักนายมากกว่านี้แน่เลย!”
เย่เฉินไม่ได้สะบัดมือหวังเจียเหยาทิ้ง อย่างไรเสียมือขาวนวลเนียนนี้ที่จับเขาอยู่ก็สบายมากทีเดียว หล่อนเป็นคนเสนอตัวจับมือเขาก่อนไม่ใช่เขาเสนอตัวเสียหน่อย ดังนั้นนี่ไม่ได้แปลว่าเขาอยากจะคืนดีกับหญิงสาว
เย่เฉินกล่าวว่า “รักมากกว่านี้แล้วจะทำไม? เพียงแค่ว่าเป็นแค่ความสามารถเล็กหน่อยเท่านั้นเอง ก็ยังไม่สามารถช่วยคุณเพิ่มสถานะของที่บ้านคุณได้หรอกนะ คุณก็ยังคงจะไปหาฟางเชาอยู่ดี หวังเจียเหยาหลังจากที่คุณไปเปิดห้องกับฟางเชาแล้ว ผมก็ไม่รู้สึกอะไรกับคุณอีกแล้ว!”
รถขับเคลื่อนไปด้วยความเร็ว 60 กม.ต่อชั่วโมงไปบนทางด่วน ส่วนหน้าต่างของด้านหลังรถปิดสนิท แต่คนด้านหน้ามองไม่เห็นแล้วก็ไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองคน
หวังเจียเหยาจับมือเย่เฉินไม่ปล่อย “ถ้าหากว่าไม่รู้สึกอะไรแล้วทำไมถึงต้องน้ำตาซึมด้วยล่ะ?”
เย่เฉินตกใจทันที คำตอบนี้ของหวังเจียเหยาไม่ได้พูดแค่เรื่องที่เย่เฉินร้องไห้เพราะหล่อนในคอนเสิร์ต แต่เป็นเพราะเนื้อเพลงของเพลง Listen Up[1]ซึ่งเป็นเพลงที่เย่เฉินเคยเปิดเมื่อก่อน
เย่เฉินตกใจเขามองหวังเจียเหยาแล้วกล่าว “ผมเคยเปิดเพลงนี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ทำไมคุณถึง…”
เย่เฉินและหวังเจียเหยาอยู่ด้วยกันสามปี หากเป็นเพลงที่เย่เฉินเปิดบ่อย ๆ หวังเจียเหยาจะรู้เนื้อเพลงบ้างก็ไม่แปลกอะไร
แต่เพลงนี้เขาจำได้ว่าตนเองเคยเปิดในรถเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
หวังเจียเหยาหยิบมือถือออกมา เปิดแอพพลิเคชั่น Q music กดเปิดเพลย์ลิสต์ ‘My favourite’ แล้วส่งให้เย่เฉินดู
“เพลงที่นายเคยฟังมาตลอดสามปีมานี้ ฉันเก็บเอาไว้หมดนั่นแหละ ถ้าฉันไม่รักนาย ถ้าฉันรังเกียจชาติกำเนิดของนาย ถ้าฉันเป็นผู้หญิงโลเลรังเกียจคนจนรักคนรวย ทำไมฉันถึงต้องทำแบบนี้!”
เย่เฉินมองหน้าจอโทรศัพท์หวังเจียเหยาด้วยความประหลาดใจ
‘Listen Up’ ‘The Morning Train’ [2]‘Wanmeixiatian[3]’ ‘The Scientist’…
เพลงพวกนี้เป็นเพลงที่เย่เฉินชอบทั้งนั้น
ในเวลานี้เองหวังเจียเหยาที่กำลังอิงแอบอยู่ในอ้อมอกของเย่เฉินก็เริ่มออดอ้อน “ที่รักคะฉันรู้ว่าฉันทำร้ายที่รัก ที่รักจะดุด่าตบตีฉันก็ได้ แต่อย่าไม่สนใจฉัน อย่าไม่อยากได้ฉันเลยนะคะ ”
จำเป็นต้องยอมรับว่าเพลงมีอิทธิพลกับอารมณ์คนมากทีเดียว
ยามฟังเพลง ‘Thousand Sad Reasons’ เย่เฉินก็นึกถึงคืนวันนั้น ตอนฟางเชาขอหวังเจียเหยาแต่งงาน เย่เฉินอยากจะพุ่งพรวดไปบอกความจริงกับหญิงสาวว่าเขาให้อภัยหล่อน!
เขารู้ว่าตนเองยังรักอีกฝ่ายอยู่ ไม่อยากให้หญิงสาวแต่งงานกับชายอื่น
ตอนนี้หญิงสาวกลับมาอยู่ในอ้อมกอดเขา เย่เฉินจึงไม่ผลักไสหล่อน
ในเมื่อแกล้งทำเป็นไม่หย่าก็ถือเสียว่าแสดงละครแล้วกัน!
รถขับไม่ได้ถือว่าเร็ว ความเร็วบนทางด่วนก็แค่ 110 หรือ 120 กม.ต่อชั่วโมง
ตอนห้าทุ่มครึ่ง พวกเขาก็มาถึงบ้านตระกูลโจวอันเป็นที่พักของคุณย่าเล็กของตระกูลหวัง
ตระกูลโจวถือว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยในเมืองหยางหนิง แต่ถ้าเทียบกับตระกูลหวังแล้วถือว่าด้อยกว่าไม่น้อยจนไม่อาจนับเป็นตระกูลใหญ่ได้
ดังนั้นพอรู้ว่าคนตระกูลหวังจะมา ลูกหลานตระกูลโจวต่างมารอรับพวกเขาที่หน้าประตูนานแล้ว
เย่เฉิน หวังเจียเหยาและคุณนายหวังลงรถแทบจะพร้อมกัน
ทว่าลูกชายคนโตของคุณย่าเล็กหวังโจวเจี้ยนเย่กลับเดินมาหาเย่เฉินเป็นคนแรก
เขายื่นมือออกไป “คุณเย่ คุณมาด้วยตัวเอง มีน้ำใจเหลือเกินครับ”
เย่เฉินประหลาดใจเล็กน้อย ต่อให้ตนเองจะไม่ได้หย่ากับหวังเจียเหยาแต่ก็เป็นเขยที่แต่งเข้า ตามหลักแล้วโจวเจี้ยนเย่น่าจะทักคุณนายหวังก่อน
เย่เฉินเองเห็นแก่หน้าคุณย่าเล็กหวังจึงเกรงใจโจวเจี้ยนเย่มากเช่นกัน “สมควรแล้วครับ คุณย่าเล็กดีกับผมและเจียเหยามาตลอด แล้วคุณย่าเป็นยังไงมั่งครับ?”
โจวเจี้ยนเย่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ
ดูแล้วน่าจะอยู่ได้ไม่นานจริงๆ
เย่เฉินถามว่า “คุณน่าจะรู้เรื่องที่ผมหย่ากับหวังเจียเหยาแล้วใช่ไหมครับ?”
เย่เฉินเดาว่าในเมื่อโจวเจี้ยนเย่รู้เรื่องที่ตนเองเป็นประธานบริษัท ก็คงจะรู้เรื่องของเขาและหวังเจียเหยา
อย่างไรเสียเรื่องพวกเขาสองคนก็ลือกันไปทั่ววงธุรกิจของอวิ๋นโจวแล้ว
หยางหนิงอยู่ไม่ไกลข่าวคราวมากมายน่าจะแพร่มาถึงที่นี่
โจวเจี้ยนเย่พยักหน้า “ตอนนี้ทั้งบ้านมีผมคนเดียวที่รู้ น้องชายน้องสาวไม่มีใครรู้ แม่ผมก็ด้วย ดังนั้นตอนเจอแม่ผมหวังว่าทุกคนจะไม่พูดเรื่องหย่า ตอนอยู่ต่อหน้าแม่ผมก็ช่วยทำตัวสนิทสนมกันสักหน่อย ผมหวังว่าก่อนแม่จะจากไปแม่จะไม่ได้ยินข่าวร้าย”
คุณย่าน้อยหวังย่อมรู้เรื่องนี้นานแล้ว แต่โจวเจี้ยนเย่รู้ว่าเย่เฉินและหวังเจียเหยาแสร้งทำเป็นคืนดีกัน เพื่อหลอกหญิงชรา เขาจึงตัดสินใจจะใช้แผนซ้อนแผน
อีกเดี๋ยวเขาจะจัดแจงให้เย่เฉินนอนกับหวังเจียเหยา เปิดโอกาสให้พวกเขาได้นอนร่วมห้องกันด้วย!
เย่เฉินรับรอง “สบายใจเถอะครับ ผมไม่พูดหรอก”
ทักทายกันเพียงสั้นๆ ไม่พิรี้พิไร พวกเย่เฉินก็เดินเข้าบ้านไปเยี่ยมหญิงชรา
คุณย่าเล็กอยู่โรงพยาบาลมาพักใหญ่ๆ ในช่วงเวลาสุดท้ายคนตระกูลโจวจึงพาหญิงชรากลับบ้านและเลิกทำการรักษา
เย่เฉินเห็นคุณย่าเล็กนอนเงียบๆ บนเตียงเพื่อรอให้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึงก็ชวนให้ใจหาย
หวังเจียเหยาน้ำตาอาบหน้า หล่อนซุกตัวร้องไห้ในอ้อมกอดชายหนุ่ม
บางทีเพราะเสียงสะอึกสะอื้นปลุกคุณย่าเล็กหวังเข้า หญิงชราค่อยๆ เปิดเปลือกตาอย่างเชื่องช้า แล้วเปิดปากถามด้วยเสียงอ่อนระโหย “เจียเหยามาแล้วใช่ไหม?”
หวังเจียเหยาคุกเข่าลงหน้าเตียงแล้วกุมมือหญิงชรา “ค่ะ คุณย่า หนูมาแล้ว หนูกับเย่เฉินมาแล้ว!”
“เย่…เย่เฉินเหรอ?”
หญิงชราได้สติขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อเย่เฉิน เหมือนเห็นแสงสว่างสุดท้าย แล้วหันมองชายหนุ่ม
“คุณย่าเล็กครับ”
เย่เฉินรีบเดินไปหน้าเตียงกุมมือหล่อนเอาไว้
คุณย่าเล็กหวังยิ้มอย่างดีอกดีใจ หญิงชราที่ดูบอบบางราวจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ ยามยิ้มแย้มชวนให้เจ็บปวดหัวใจ
“เย่เฉินคิดไม่ถึงเลยว่าก่อนตายจะได้เจอเธออีก”
เย่เฉินเศร้าสร้อยเขารีบปลอบ “คุณย่าไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมจะหาหมอที่ดีที่สุดในโลกมารักษาคุณย่า”
คุณย่าเล็กหวังตีมือชายหนุ่มเบาๆ อย่างดีใจแล้วถาม “เจียเหยา เย่เฉิน หลานสองคนเป็นยังไงบ้าง?”
ในฐานะที่เป็นคนเดียวในตระกูลหวังที่ล่วงรู้ความลับนี้ ความหวังสูงสุดก่อนตายของหล่อนก็คืออยากเห็นหวังเจียเหยาสามารถรัดรั้งเย่เฉินที่เป็นราวเขยเต่าทอง[4]คนนี้เอาไว้ได้
หวังเจียเหยาจับมือเย่เฉินแล้วตอบ “คุณย่าเล็กพวกเราสบายดีค่ะ ไม่กี่วันก่อนยังเตรียมจะมีลูกกันด้วยนะคะ!”
[1] เพลง Listen up ชื่อจีน 如果没有感觉 (rú guǒ méi yǒu gǎnjué) ขับร้องโดยเซี้ยะถิงเฟิง ปล่อยออกมาในปี 2004
[2] The Morning Train ชื่อจีน 早班火车(zǎo bān huǒ chē)ขับร้องโดย Beyond ปล่อยออกมาในปี 1992
[3] 完美夏天 (wán měi xià tiān)โดย超载
[4] 金龟婿 (jīn guī xù) แปลตรงตัวว่าเขยเต่าทอง ซึ่งเต่าทองเป็นสัญลักษณ์ของขุนนางในสมัยก่อน ดังนั้นในที่นี้จึงเปรียบเปรยว่าเป็นเขยที่ดี
“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่! ไม่ใช่แบบเมื่อก่อนสิ! พวกเราต้องสนิทสนมกันมากๆ มากๆ ต่างหาก!”
หวังเจียเหยาร้อนรน หล่อนรู้ว่าตัวเองพูดผิดอีกแล้ว หล่อนทำให้เย่เฉินนึกถึงเรื่องแย่ๆ ที่ตนเองเคยทำกับเขาในตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา
เย่เฉินเหยียดยิ้ม “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกมั้ง? แค่ไม่ให้คุณย่ารู้ว่าพวกเราหย่ากันก็น่าจะพอแล้วล่ะมั้ง?”
สำหรับข้อเสนอเรื่อง ‘แกล้งทำเหมือนกับว่ายังไม่ได้หย่ากัน’ เขาเห็นด้วย ถึงหวังเจียเหยาไม่พูด เขาเองก็อาจจะเป็นฝ่ายพูดก่อนด้วยซ้ำไป
เพราะคุณย่าเล็กหวังอย่างมากว่าคนทั้งสองจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ตอนนี้หญิงชราใกล้จะตายถ้ารู้เรื่องที่พวกเขาหย่ากันเกรงว่าจะตายไปด้วยใจที่ไม่เป็นสุขนัก
อย่างไรเสียหญิงชราผู้นี้ก็เป็นผู้มีพระคุณกับเย่เฉิน เขาจะทนให้อีกฝ่ายจากไปอย่างทุกข์ทรมานได้อย่างไร?
หวังเจียเหยาอธิบาย “จำเป็นสิ จำเป็นมากๆ เลย! คุณย่าบอกว่าย่าเล็กรู้ตัวตนของนายนานแล้ว แล้วก็รู้เรื่องที่ทั้งสองตระกูลตกลงกัน ตอนนี้เวลาสามปีที่กำหนดก็ผ่านไป ถ้าหากเราสองคนยังไม่หย่ากัน นายก็จะต้องบอกความจริงฉันแล้ว พอฉันรู้เรื่องของนายก็ย่อมไม่ทำกับนายเหมือนเดิม เราสองคนจะต้องรักกันมากๆ ถึงจะถูก!”
เย่เฉินนิ่งไป “คุณย่าเล็กรู้ตัวตนของผมเหรอ?”
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว การคาดเดาของคุณนายหวังก็มีเหตุผลอยู่บ้าง
เขยที่แต่งเข้าอย่างเย่เฉิน คนอื่นละเลยเขา เยาะเย้ยเขา มีแต่คุณย่าเล็กที่ดีกับเขาขนาดนี้
บางทีคุณย่าเล็กอาจรู้ความจริงของเรื่องนี้เหมือนกับพี่ชายของหล่อน!
เย่เฉินถอนหายใจยาว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรหญิงชราคนนี้ก็เป็นคนดีทีเดียว ไม่ใช่เฉพาะกับเย่เฉินแต่ดีกับคนอื่นเหมือนๆ กัน
ต่อให้หล่อนดีกับเขาแบบนั้นเพราะรู้ตัวตนของเย่เฉินจริงๆ แต่บุญคุณที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้อย่างไรก็ต้องทดแทน
เย่เฉินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ก็ได้ ผมรับปากแล้วกัน ตอนนั้นคุณจะทำอะไรก็ตามใจคุณแล้วกัน”
หญิงชราป่วยใกล้ตาย เย่เฉินทำได้แค่ให้ความร่วมมือแสดงกับอีกฝ่ายให้ดีที่สุดเท่านั้น
“อืม” หวังเจียเหยาดีใจอย่างมาก “เย่…ที่รัก ตั้งแต่ตอนนี้ฉันจะเรียกนายว่าที่รักแล้วกัน จะได้ไม่พลาดเวลาเจอคุณย่าเล็กเรียกชื่อกันเฉยๆ เดี๋ยวคุณย่าจะสงสัย!”
เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “ตามใจ”
อย่างไรเสียก็เป็นแค่การแสดงเท่านั้น ต่อให้หวังเจียเหยาเรียกเขาว่าที่รัก เขาก็ไม่มีทางเห็นอีกฝ่ายเป็นภรรยา!
หวังเจียเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ที่รักว่างตอนไหนคะ? คุณย่าบอกว่าทางที่ดีออกเดินทางคืนนี้ อย่างช้าก็พรุ่งนี้ตอนเช้า ไม่อย่างนั้นอาจจะไปไม่ทันดูใจคุณย่าเล็กเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว!”
เย่เฉินไม่ได้มีธุระอะไรที่สำคัญ เขาอยากจะเป็นคนกล่าวขอบคุณหญิงชราในเรื่องเมื่อก่อนด้วยตัวเองจึงกล่าว “ออกเดินทางตอนนี้เลยแล้วกัน”
ตอนนี้ 20.46 น.เดินทางไปหยางหนิงใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่ง จะได้นอนพักที่นั่นสักคืนพอดี
หวังเจียเหยาดีใจอย่างยิ่งรีบกล่าว “ได้เลย อย่างนั้นในเมื่อพวกเรายังไม่ได้หย่ากัน ฉันว่าฉันนั่งรถ มายบัคของนายไปดีกว่าคุณย่าน้อยจะได้ไม่สงสัย ให้มันสมจริงสักหน่อย”
หวังเจียเหยายังคงระลึกถึงรถมายบัคคันนั้นอยู่ตลอดเวลา
เย่เฉินไม่ปฏิเสธ “ก็ได้”
หวังเจียเหยาจึงกล่าวต่อว่า “ขอบคุณนะคะที่รัก! แล้วก็พ่อบ้านฟางมีรถโรลส์-รอยซ์ป้ายทะเบียนปักกิ่งคันหนึ่งใช่ไหมคะ? คุณย่าบอกว่าอยากจะนั่งคันนั้น”
คนบ้านนี้ขี้อวดจริงๆ แค่ไปเยี่ยมญาติ แถมญาติใกล้จะตายยังมีอารมณ์จัดแจงอะไรพวกนี้อีก เย่เฉินคิดในใจ
ทว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เขาจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย
“พวกคุณรอที่วิลล่าเขตซีซาน เราจะไปกันเดี๋ยวนี้”
พอวางสายเย่เฉินก็บอกพ่อบ้านฟาง “ผมคงต้องขอยืมรถสักสองวัน”
พ่อบ้านฟางกลัวเย่เฉินคุยโทรศัพท์นานจนคอแห้ง จึงรีบรินชาให้ชายหนุ่มแล้วกล่าวอย่างนอบน้อม “คุณชายอย่าพูดแบบนั้นเลยครับ รถของผมก็คือรถของคุณ ให้ผมใช้คนขับรถไปส่งให้ที่ซีซานไหมครับ?”
เย่เฉินพยักหน้า เขาดื่มชาจิบหนึ่งแล้วถาม “พ่อบ้านฟาง คุณพอจะจำน้องสาวของปู่หวังเจียเหยาได้หรือไม่? หล่อนรู้ตัวตนของผมมาตลอดเลยหรือเปล่า?”
สามปีก่อนเรื่องที่เขาแต่งเข้าตระกูลหวัง พ่อบ้านฟางไปส่งคุณปู่ของเขาคุยเรื่องนี้ดังนั้นเขาน่าจะรู้รายละเอียดของเรื่องราวทั้งหมด
พ่อบ้านฟางส่ายศีรษะแล้วกล่าว “หล่อนน่าจะไม่รู้ แต่ถ้ารู้ก็น่าจะเป็นเพราะปู่ของหวังเจียเหยาเป็นคนบอก”
เย่เฉินจุดบุหรี่อย่างอดใจไม่ไหวแล้วเกิดสงสัยขึ้นมา “จากที่ผมเข้าใจย่าเล็กและคุณปู่ของหวังเจียเหยาสองคนพี่น้องสนิทสนมกันอย่างมาก ต่างก็เห็นลูกหลานของอีกฝ่ายเป็นลูกหลานของตัวเอง ในเมื่อย่าน้อยตระกูลหวังรู้ว่าผมเป็นใคร ย่อมต้องไม่ยอมให้ผมหย่ากับหวังเจียเหยา แล้วปล่อยให้ตระกูลหวังต้องสูญเสียเขยที่ร่ำรวยแบบผมแต่ว่าคุณย่าเล็กไม่เพียงแต่ปล่อยให้ผมหย่ากับหวังเจียเหยาแถมยังปล่อยให้หวังเจียเหยาแต่งกับฟางเชาด้วย นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย! ชักจะแปลกเกินไปแล้ว นอกเสียจากว่าหวังเจียเหยาไม่ใช่ลูกหลานตระกูลหวังจริงๆ ไม่อย่างนั้นทำไมคุณย่าเล็กถึงไม่ห้ามกันนะ? แถมยังปล่อยให้หลานสาวโดดจากสวรรค์ไปลงนรกด้วย?”
พ่อบ้านฟางเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมากทีเดียว ฟางจื่อเผิงจึงกล่าวถาม “หรือเป็นเพราะว่าคุณย่าเล็กคนนั้นป่วยหนักเลยไม่รู้ข่าวเรื่องที่พวกคุณหย่ากันหรือเปล่าครับ?”
เย่เฉินกล่าวว่า “ผมเองก็หวังให้เป็นอย่างนั้น แต่ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะง่ายดายอย่างนั้น”
ตอนนี้เย่เฉินยังไม่รู้สถานการณ์จริงๆ ในตอนนี้ของคุณย่าเล็ก แต่ถ้าหากว่าหญิงชราป่วยหนักมาเดือนกว่า อย่างนั้นแล้วถึงคนบ้านนั้นจะรู้ข่าวคราวเรื่องการหย่ากันของพวกเขาสองคนแต่ก็คงไม่บอกหญิงชราเพื่อสุขภาพของหล่อน
เช่นนั้นก็แปลว่าหญิงชราน่าจะยังไม่รู้อะไร
แต่ถึงหล่อนจะไม่รู้เรื่องอะไร คนฉลาดอย่างหล่อนก็น่าจะเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้านานแล้ว น่าจะสั่งเสียญาติหรือลูกน้องเอาไว้ทำนองว่า ถ้าหากว่าฉันเป็นอะไรไป ถ้าบ้านหวังเกิดอะไรขึ้นมา พวกเธอต้องทำอะไรบ้างอะไรพวกนี้
เย่เฉินปวดหัวตุบๆ เขาจึงเลิกคิด เขาชันตัวลุกขึ้นแล้วนั่งรถไปที่วิลล่าที่ซีซาน
พอไปถึงปากประตูวิลล่าคนตระกูลหวังก็เตรียมตัวกันเสร็จนานแล้ว หวังเจียเหยาถือกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูรถเขาแล้วเข้ามานั่งด้านใน
พอจะมองออกว่าหวังหยวนหยวนที่อยู่ไกลๆ กระทืบเท้าอย่างไม่ใคร่จะพอใจนัก เห็นได้ชัดว่าเจ้าหล่อนเองก็อยากจะนั่งรถมายบัคคันนี้ด้วยเช่นกัน
ทว่าหวังหยวนหยวนกับคุณนายหวังต่างก็ไปนั่งในรถโรลซ์-รอยซ์ของพ่อบ้านฟาง
รถทั้งสองคันบวกกับออดี้ Q7 ของหวังจื้อหย่วนก็ออกเดินทางไปหยางหนิงทันทีโดยไม่พิรี้พิไร
หวังเจียเหยาดีใจอย่างยิ่งที่ได้นั่งในรถมายบัคอีกครั้ง คราวก่อนนั่งไปแค่สองนาทียังไม่หนำใจเลย!
หล่อนหยิบแชมเปญออกมาจากกระเป๋าแล้วกล่าว “ที่รัก ให้ฉันเทแชมเปญให้ที่รักสักแก้วนะคะ!”
หวังเจียเหยาอยากจะลองสัมผัสบรรยากาศดื่มแชมเปญในด้านหลังรถนั้นตั้งแต่นั่งรถคันนี้เมื่อคราวก่อน
เสียดายที่ครั้งก่อนเย่เฉินไม่ยอมรินให้หล่อน
คราวนี้หวังเจียเหยาจึงเตรียมแชมเปญมาเองขวดหนึ่ง
เย่เฉินมองหวังเจียเหยาแล้วถาม “ดื่มแชมเปญเนี่ยนะ? ฉลองที่ย่าเล็กของคุณจะลาโลกหรือไง?”
คุณนายหวังคิดจะอาศัยโอกาสที่ชีวิตของคุณย่าเล็กใกล้จะถึงฝั่ง สร้างโอกาสให้หวังเจียเหยาและเย่เฉิน
มีเพียงสิ่งเดียวที่ยืนยันไม่ได้นั่นก็คือเย่เฉินจะรับปากหรือไม่
อย่างไรเสียเย่เฉินก็หย่ากับหวังเจียเหยาแล้ว เขาไม่ใช่คนตระกูลหวังแล้ว
และยังไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนตระกูลหวังอีก ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเพียงญาติห่างๆ อย่างน้องสาวของปู่หวังเจียเหยาอีกต่างหาก ดังนั้นครอบครัวหวังจื้อหย่วนจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย
หวังจื้อเฉียงกล่าวว่า “คุณแม่น่ะ ท่านมีเจตนาที่ดีจริงๆ แต่เจียเหยาก็อย่าดีใจเกินไปนักล่ะ เด็กคนนั้นใจแข็งจะตายไป ปล่อยเธอคุกเข่ากลางสายฝนตั้งสองชั่วโมงยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร ยังแนะนำคนพิการให้เจียเหยาอีก ฮ่าฮ่า ฉันว่าเขาคงจะไม่ยอมแกล้งทำเป็นสามีภรรยากับเธอเพียงเพราะเรื่องย่าเล็กหรอก”
หวังเจียเหยากัดริมฝีปาก หล่อนเองก็สงสัยว่าเย่เฉินจะไร้หัวใจแบบก่อนหน้านี้หรือเปล่า
แต่ว่าหล่อนยังรวบรวมความกล้าโทรศัพท์หาเย่เฉิน และบอกเขาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยร้อนรนเหมือนที่คุณย่าบอก
เย่เฉิน พ่อบ้านฟางและหลานชายเขายังคงนั่งกินข้าวกันที่เรือนหลงจิ่งอยู่ ทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็โทรศัพท์มา
เย่เฉินเห็นหวังเจียเหยาโทรมาก็คิดในใจ “หรือว่ากลับไปคิดได้แล้วคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่เลวเลยเสียใจภายหลังขึ้นมา?”
พูดตรงๆ เขาค่อนข้างชื่นชมหล่อนทีเดียวที่เมื่อครู่ปฏิเสธการนัดดูตัวของเขา หนำซ้ำยังสาดน้ำชาใส่หน้าเขาด้วยโทสะ
นี่แปลว่าหล่อนไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน แต่หล่อนยังคงรักในเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองอยู่
สิ่งที่เย่เฉินรังเกียจที่สุดก็คือการที่หวังเจียเหยาเห็นแก่เงินจนดูถูกตนเอง ตัวหล่อนเองเดิมเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง
“ฮัลโหล” เย่เฉินรับสาย
“เย่เฉิน…”
ทันทีที่เปิดปากหวังเจียเหยาก็สะอึกสะอื้น เศร้าเสียใจอย่างยิ่ง
เย่เฉินกล่าวว่า “คุณไม่ต้องร้องไห้แล้ว ผมไม่ได้เอาเรื่องเมื่อครู่มาใส่ใจ”
หวังเจียเหยากล่าว “ขอโทษด้วยที่เมื่อครู่สาดน้ำชาใส่นาย ฉันรู้ว่าน้ำไม่ร้อนถึงได้ทำแบบนั้น”
“แต่ที่ฉันโทรหานายไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอก แต่คุณย่าเล็กกำลังจะเสียแล้ว”
“อะไรนะ? คุณย่าเล็ก…”
เย่เฉินร้อนรนทันที
หวังเจียเหยากล่าวว่า “เมื่อกี้คนที่บ้านนั้นโทรมาบอกว่าย่าเล็กอาจจะอยู่ต่อได้อีกไม่กี่วัน อาจจะคืนนี้หรืออาจจะคืนพรุ่งนี้”
เย่เฉินที่กำลังกินข้าววางตะเกียบลง แล้วใช้มือข้างหนึ่งนวดขมับแล้วถอนหายใจยาว
คนตระกูลหวัง เพราะปู่ของหวังเจียเหยาเสียไปเร็ว ไม่ได้อยู่จนการแต่งเข้าของเย่เฉินสิ้นสุดลง
ส่วนคนอื่นๆ ก็ปฏิบัติกับเขาอย่างเย็นชา
มีแค่คุณย่าเล็กของหวังเจียเหยาคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เห็นเย่เฉินเป็นเขยที่แต่งเข้ามาก่อน แถมยังดีกับเขาเหมือนๆ กับหวังซ่าวเจี๋ย
คุณย่าเล็กผู้นี้เป็นหนึ่งในหญิงชราที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา
ที่สำคัญที่สุดคือหล่อนยังเป็นผู้มีพระคุณของเขาอีกด้วย!
ผู้มีพระคุณ!
เมื่อครึ่งปีก่อน ตอนนั้นเย่เฉินยังไม่ได้ส่งอาหารเดลิเวอรี่ยังเป็นคนใช้ให้ตระกูลหวังอยู่
วันหนึ่งเย่เฉินมีเพื่อนทหารมาหาเขาที่อวิ๋นโจว เขาจึงไปกินข้าวกับเพื่อนของเขา
คืนวันนั้นเองเย่เฉินรู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก
เขาจึงไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอเองก็ไม่เคยเจออาการแบบนี้ สุดท้ายจำเป็นต้องผ่าตัดแต่เงินค่าผ่าตัดรวมๆ แล้วก็หลายแสน
ตอนนั้นคนตระกูลหวังต่างก็ไปเที่ยวที่สวิตเซอร์แลนด์กันหมด เย่เฉินโทรหาหวังเจียเหยาไม่ได้ จึงโทรขอยืมเงินซูหลานและหวังจื้อหย่วน
พอได้ยินว่าหลายแสนทั้งสองคนก็ปฏิเสธทันที แถมยังพูดว่าเย่เฉินแกล้งป่วยอีกด้วย
ตอนนั้นเย่เฉินเจ็บปวดจนทนไม่ไหวจริงๆ จำเป็นต้องได้เงินมาผ่าตัด
แต่คนตระกูลหวังไม่ยอมให้เงินเขา ถ้าโทรขอเงินคนที่บ้าน การทดสอบครั้งนี้ก็จะถือว่าล้มเหลว
ทนทรมานมาตั้งสองปีแล้ว เย่เฉินจึงไม่อยากจะให้เวลาที่ผ่านมาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
คนตระกูลเย่สามรุ่น ตระกูลเย่มีลูกชายสามคน ลูกสาวสี่คน ย่อมมีการแข่งขันกันอยู่แล้ว เขาเองก็ไม่อยากล้มเหลว
ดังนั้นเย่เฉินจึงทดลองโทรหาคุณย่าเล็กของหวังเจียเหยาโดยไม่ได้คาดหวังอะไร
เพราะในความทรงจำของเขา คุณย่าเล็กของหวังเจียเหยาเป็นคนที่ใช้ได้ อีกทั้งยังดีกับเขามาก
ตอนเพิ่งแต่งเข้าตระกูลหวังเป็นเพราะเขาเพิ่งกลับมาจากสนามรบ ตอนนั้นมักจะนอนฝันร้ายพอตื่นมาจิตใจก็จะวุ่นวาย
คุณย่าเล็กของหวังเจียเหยาเห็นเขาไม่ค่อยสดใสก็ถามเขา แล้วเอายาจีนชุดหนึ่งให้เขา
พอเขากินแล้วก็ดีขึ้นมากจริงๆ
เย่เฉินโทรหาคุณย่าของหวังเจียเหยา อีกฝ่ายไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่โอนเงินเข้าบัญชีเขาทันทีสามแสนหยวน
แล้วยังบอกเขาด้วยว่าหล่อนไม่ได้ต้องการให้เขาคืนเงินก้อนนี้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องบอกคนตระกูลหวัง
เย่เฉินจึงใช้เงินก้อนนี้ไปผ่าตัดทำให้รอดชีวิตมาได้
และหลังจากครั้งนั้น เย่เฉินจึงตัดสินใจไปส่งอาหารเดลิเวอรี่เพื่อหาเงิน แล้วไม่ขอเงินคนตระกูลหวังอีกแม้แต่แดงเดียว!
เช้าวันนั้นที่หวังเจียเหยาจะไปเปิดห้องกับฟางเชา เย่เฉินได้ยินจากหวังเจียเหยาว่าคุณย่าเล็กป่วย หญิงชรายังชวนหวังเจียเหยากับเขาให้ไปหาหล่อนที่หยางหนิงตอนบ่าย
แต่หวังเจียเหยาบอกว่าตอนบ่ายไม่ว่างต้องไปพบลูกค้าเลยปฏิเสธคำเชิญชวนของหญิงชราไป
ต่อมาถึงได้รู้ว่าลูกค้าที่หวังเจียเหยาไปพบคือฟางเชา แถมยังวิ่งไปเปิดห้องกันที่โรงแรมเสียด้วย
“เดือนกว่าแล้ว ถ้าหากย่าเล็กป่วยมาเดือนกว่า นับๆวันดูตอนนี้อาจจจะไม่ไหวจริงๆ”
เย่เฉินไม่คิดว่าหวังเจียเหยากำลังโกหก หล่อนไม่มีทางเอาชีวิตของย่าตนเองมาแต่งเรื่องโกหก
หวังเจียเหยาพูดต่อ “เย่เฉิน ฉันรู้ว่าพวกเราทำไม่ดีกับนาย แต่คุณย่าเล็กเป็นคนที่ใจดีที่สุดในโลก คุณย่าไม่เคยดุด่านายมาก่อน แถมยังให้ของกินของใช้กับนายบ่อยๆ นายพอจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของเรา ไปส่งคุณย่าที่หยางหนิงเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม?”
“ไม่ได้”
พอได้ยินคำตอบของเขา หวังเจียเหยาก็ใจหาย “ช่างเถอะ ถือว่าฉันไม่ได้ถามนายแล้วกัน”
ใครจะรู้เย่เฉินกลับพูดต่อ “ผมจะไม่ไปเพราะเห็นแก่คุณ แต่ผมจะไปเพราะเห็นแก่บุญคุณของย่าคุณ”
หวังเจียเหยาดีใจอย่างยิ่ง “นายยอมไปเหรอ?”
เย่เฉินกล่าวว่า “ผมติดเงินย่าสามแสน คุณย่าเคยช่วยชีวิตผมไว้ ตอนที่พวกคุณไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์กัน”
หวังเจียเหยาเพิ่งจะคิดออก มิน่าล่ะเย่เฉินถึงได้ไปส่งอาหาร
หล่อนอดกล่าวโทษมารดาตนเองไม่ได้ ถ้าหากว่าตอนที่เย่เฉินโทรมาขอยืมเงินแล้วแม่โอนให้เขา
เย่เฉินก็คงไม่ไปส่งอาหารแล้วก็จะไม่ไปเจอหล่อนเปิดห้องกับฟางเชา หากเป็นแบบนั้นจนถึงตอนนี้เย่เฉินก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองแอบนอกใจเขา
แล้วตอนนี้หล่อนก็จะเป็นหลานสะใภ้ตระกูลเย่ เป็นภรรยาของประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป!
“คุณแม่นี่จริงๆ เลย ทำลายอนาคตของฉันทั้งชีวิตเพื่อประหยัดเงินไม่กี่แสน!”
หวังเจียเหยากล่าวโทษมารดาตนเองในใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป
หวังเจียเหยาพูดต่อ “เย่เฉิน นายเองก็รู้ว่าคุณย่าเล็กชอบพวกเราสองคนที่สุดแล้ว ถ้าคุณย่ารู้ว่าพวกเราหย่ากันต้องตายตาไม่หลับแน่! ไม่แน่ว่าอาจจะขาดใจตายไปเลยก็ได้!”
เย่เฉินกล่าวว่า “คุณหมายความว่ายังไง?”
หวังเจียเหยากล่าว “ฉันหมายความว่าพวกเราแกล้งทำเป็นไม่หย่ากัน แล้วทำตัวปกติเหมือนเมื่อก่อนเวลาอยู่ต่อหน้าคุณย่าเล็ก”
เย่เฉินหัวเราะแล้วกล่าว “เหมือนเมื่อก่อนเหรอ? ไม่ว่าจะที่ไหนเราเคยจับมือกันหรือไง? ผมแตะขาคุณนิดเดียวคุณก็ด่าผมอยู่ตั้งนาน? นอนก็ยังแยกห้องกันไม่ใช่เหรอ? ก็ได้! ผมทำได้อยู่แล้ว!”
“คุณชาย!”
พ่อบ้านฟางและฟางจื่อเผิงต่างตื่นตระหนกอย่างยิ่งเมื่อเห็นเย่เฉินโดนสาดน้ำชาใส่
ในฐานะที่เป็นคนใต้บังคับบัญชาเขา เห็นเจ้านายได้รับบาดเจ็บแต่ห้ามไม่ได้ ถือเป็นความผิด
พ่อบ้านฟางขอโทษเขาไม่ขาดปาก “ผมผิดเองครับ มีแต่ใจแต่ไร้เรี่ยวแรง ขาจื่อเผิงก็ขยับไม่ได้”
เย่เฉินหยิบกระดาษมาเช็ดหน้า “ผมไม่เป็นไรครับ น้ำชาแค่อุ่นๆ เท่านั้น ผมเดาได้นานแล้วว่าหล่อนจะสาดน้ำชาใส่หน้าผม”
เย่เฉินตั้งใจยั่วโมโหอีกฝ่าย เพราะต้องการจะบอกให้หญิงสาวรู้ตัวว่าเขาไม่มีทางจะคืนดีกับหล่อนได้!
หลังจากที่หวังเจียเหยาออกมาจากเรือนจิ่งหลงแล้วก็โทรหาซ่งหงเย่
ซ่งหงเย่เพิ่งจะออกมาได้ไม่นานก็วนรถกลับไปรับเพื่อนสนิทไปส่งที่บ้านของคุณย่าเจ้าตัว
เมื่อทุกคนเห็นหวังเจีเหยากลับไปถึงวิลล่าที่ซีซาน ทุกคนก็รุมถามว่าคุยกับเย่เฉินเป็นอย่างไรบ้าง
หวังเจียเหยาหัวเสียแล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อีกรอบ
ซูหลานโอดครวญแทนลูกสาวทันที “เย่เฉินคนนี้นี่เกินไปจริงๆ ทำไมถึงจะให้ลูกสาวฉันแต่งงานกับคนพิการล่ะ?”
แต่หวังจื้อเฉียงกลับหัวเราะแล้วกล่าว “ผมว่าคุณเย่จัดการได้ดีทีเดียว พ่อบ้านฟางมีหลานชายแค่คนเดียว อนาคตอาจจะได้รับมรดกหมื่นล้านมา เจียเหยาเธอปฏิเสธไปอย่างนั้น ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะเสียใจทีหลังก็ได้นะ”
หวังซ่าวเจี๋ยเองก็หัวเราะร่วน “นั่นสิ คนที่จะแต่งงานสามรอบ ยังจะเรื่องมากอีก พี่ว่าพี่เฉินเขาจัดการได้เหมาะสมดีออก”
หวังหยวนหยวนเองก็ฉวยโอกาสนี้เยาะเย้ยหวังเจียเหยา “พี่คะ พี่ยอมแพ้เถอะค่ะ เขาไม่ควรจะเป็นสามีพี่แต่แรกอยู่แล้ว ฉันน่ะควรจะได้เป็นภรรยาเขา!”
“พอได้แล้ว! เลิกพูดทีเถอะ!”
คุณนายหวังขมวดคิ้ว
ที่ผ่านมาคนในครอบครัวหวังจื้อเฉียง หวังจื้อหย่วนมักจะทะเลาะกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องตำแหน่งในบริษัทเอย ทรัพย์สินของตระกูลเอย
จนตอนนี้พวกเขาสองครอบครัวก็ทะเลาะกันเรื่องเย่เฉิน
คุณนายหวังมองหวังหยวนหยวน “หยวนหยวนแกก็รู้ว่าฉันน่ะรักแกมาก ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้แกได้ลงเอยกับเย่เฉิน แต่แกเองก็เห็นแล้วนี่ว่าสองครั้งที่เย่เฉินเจอแก เขามีท่าทีเย็นชากับแกจะตายแถมยังเห็นแกเป็นแค่เด็กน้อย โอกาสของแกตอนนี้มีน้อยกว่าเจียเหยามาก”
หวังเจียเหยาดีใจอย่างยิ่งที่คุณนายหวังออกตัวแทนหล่อน
“แต่คุณย่าคะ เย่เฉินเขาจะให้หนูแต่งกับผู้ชายคนอื่นแปลว่าเขาไม่รักหนูแล้วใช่ไหมคะ?” หวังเจียเหยาถามอย่างเศร้าโศก
คุณนายหวังตอบเสียงเย็น “ความสัมพันธ์ตลอดสามปีจะให้ตัดใจปุบปับได้ยังไง? ต่อให้ไม่รักแกแล้วแต่ก็ไม่มีทางจะไม่อยากได้แก! เป็นสามีภรรยากันมาสามปีกลับไม่เคยนอนร่วมห้อง สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้วนี่ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายและเสียหน้ามากเลย! คราวก่อนที่แกคุกเข่าแล้วเป็นลมไป เขายังแอบแต๊ะอั๋งแกอยู่เลย นั่นถือเป็นข้อพิสูจน์ของเรื่องนี้!”
ซูหลานพอจะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของคุณนายหวังจึงกล่าวถามว่า “แม่หมายความว่าจะเปิดโอกาสให้พวกเขาสองคนร่วมห้องกัน? ยากลำบากอยู่นะคะ คราวก่อนถ้าไม่ได้ฮัวฮัวเขายังไม่อยากจะมาบ้านเราด้วยซ้ำ ให้เจียเหยาไปพบเขาคิดว่าเขาคงไล่ให้อยู่นอกบ้าน”
คุณนายหวังพยักหน้า “เย่เฉินคนนี้ใจเด็ดทีเดียว แต่พวกเราก็ไม่ได้ไม่มีโอกาสเสียทีเดียวหรอก เจียเหยา แกยังจำย่าเล็กของแกได้ไหม?”
หวังเจียเหยาพยักหน้า “จำได้สิคะ คุณย่าเล็กใจดีจะตาย คุณย่าดีกับหนูแล้วก็เย่เฉินมากๆ เลยค่ะ วันนั้นที่หนูกับฟางเชาเปิดห้อง…”
พูดถึงตรงนี้หวังเจียเหยาก็ชะงักไปแล้วค่อยพูดต่อด้วยความเก้อเขินว่า “ก็เช้าวันนั้นเย่เฉินได้ยินมาว่าย่าเล็กป่วยหนัก เขายังคิดจะขับรถพาหนูไปเมืองหยางหนิงไปเยี่ยมอยู่เลย”
ย่าเล็กของหวังเจียเหยาคือน้องสาวแท้ๆ ของปู่หวังเจียเหยาแต่งงานไปอยู่ที่เมืองหยางหนิงอันเป็นเมืองระดับสองในละแวกนี้
คุณนายหวังกล่าวว่า “เมื่อครู่ย่าเพิ่งรับสายจากบ้านย่าเล็ก ลูกชายหล่อนบอกว่าย่าเล็กอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน”
“หา?”
ทุกคนต่างตื่นตะลึงและออกจะเสียใจน้อยๆ
อย่างไรเสียก็เป็นครอบครัวเดียวกัน คุณย่าเล็กดีกับพวกเขาที่เป็นลูกหลานทุกคน
ซูหลานกล่าว “อ้อหนูเข้าใจความหมายของคุณแม่แล้วค่ะ แม่จะให้รอคุณอาเล็กเสียแล้วเชิญเย่เฉินมาร่วมงานศพใช่ไหม! คุณอาเล็กดีกับเย่เฉินไม่น้อย เขาจะต้องไม่ปฏิเสธแน่!”
คุณนายหวังเห็นซูหลานก็อารมณ์เสียก่นด่า “แกนี่มันหน้าโง่! มิน่าล่ะตาแก่ให้ลูกเขยดีๆ แบบนี้ พวกแกยังรักษาเขาเอาไว้ไม่ได้! เข้าร่วมงานศพมีประโยชน์อะไร! เย่เฉินเขามีรถ มีคนขับรถแล้วก็รู้ที่รู้ทาง อย่างมากเขาก็คงแวะมาทำความเคารพสักหน่อยเท่านั้น จะช่วยอะไรกับความสัมพันธ์ของเจียเหยากับเย่เฉินได้!”
ซูหลานไม่กล้าพูดจา หล่อนเดาไม่ออกว่าคุณนายหวังมีความคิดอะไรกันแน่
คุณนายหวังกล่าวว่า “เจียเหยา ย่าเล็กของแกเป็นญาติคนเดียวในบรรดาพวกเราที่ไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามเย่เฉินแถมยังดีกับเขามาก ที่ผ่านมาฉันล่ะก็คิดว่าหล่อนเป็นคนดีถึงได้ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมแต่สองวันมานี้ ฉันลองคิดย้อนไปถึงครั้งก่อนๆ ที่เจอหน้ากันก็คิดถึงคำพูดของหล่อนขึ้นมาได้ ฉันเลยแน่ใจว่าที่หล่อนดีกับเย่เฉินขนาดนี้ เป็นเพราะปู่ของแกบอกความจริงหล่อนเอาไว้แน่ หล่อนคงจะรู้มานานแล้วว่าเย่เฉินเป็นมหาเศรษฐี!”
อะไรนะ!
คนทั้งตระกูลหวังอ้าปากค้าง!
“ย่าเล็กรู้นานแล้วเหรอคะ? แล้วทำไมย่าไม่บอกหนู!”
หวังเจียเหยาอยากจะร้องไห้
หวังหยวนหยวนเองก็ร้อนใจจนทำนบน้ำตาจะพัง “คุณย่าเล็กรู้ความจริงอยู่แล้วเหรอคะ? แล้วทำไมย่าไม่ยอมให้เย่เฉินแต่งงานกับหนู? คุณย่าเล็กลำเอียง!”
คุณนายหวังเองได้แต่คาดเดาเท่านั้นเพราะตอนนี้คุณย่าเล็กที่ว่ากำลังป่วยหนัก กระทั่งคุยโทรศัพท์ยังไม่ได้ดังนั้นจึงไม่สามารถจะยืนยันอะไรได้
แต่ข้อสันนิษฐานนี้ได้รับการยืนยันจากคนทั้งตระกูลหวังแล้ว!
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวว่า “ผมก็ว่าตอนที่คุณย่ามาบ้านเรา ทำไมถึงได้ดีกับเขยที่แต่งเข้าอย่างเย่เฉินขนาดนั้น ที่แท้คุณย่ารู้ความจริงมานานแล้ว เฮ้อ ไม่สิพี่เฉินเคยบอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าห้ามคุณปู่แพร่งพรายความลับนี้ให้คนตระกูลหวังได้รู้ไม่ใช่เหรอ?”
คุณนายหวังหัวเราะน้อยๆ “ย่าเล็กของแกแต่งไปตระกูลโจวหลายสิบปี ไม่ถือว่าเป็นคนของตระกูลหวังตั้งนานแล้ว ดังนั้นบอกหล่อนไม่ถือว่าผิดกฎสักหน่อย”
หวังเจียเหยาเองก็รู้สึกว่าเหตุผลนี้ฟังขึ้นมากนัก “แล้วคุณย่าจะทำยังไงคะ?”
คุณนายหวังกล่าว “ในเมื่อย่าเล็กของแกรู้ความจริง ดังนั้นก่อนตายจะต้องไม่อยากเห็นพวกแกสองคนหย่ากัน สามปีมานี้คุณย่าเล็กของพวกแกดีกับเขาขนาดนี้ เย่เฉินไม่มีทางทำร้ายน้ำใจหล่อนหรอก ดังนั้นพวกเราแค่บอกให้เย่เฉินแสร้งทำเป็นยังไม่ได้หย่ากับแก ทำตัวเป็นสามีภรรยากันยามอยู่ต่อหน้าหล่อน อย่างไรเสียย่าเล็กของแกก็ใกล้จะลาโลกแล้ว เย่เฉินต้องรับปากแน่”
หวังเจียเหยาเองก็รู้สึกว่าเย่เฉินคงไม่ปฏิเสธ บางครั้งหล่อนก็รู้สึกว่าเสองคนนั้นน่าจะสนิทสนมกันมากกว่าตนเองกับย่าเล็กเสียอีก!
“แต่ว่าพอแสร้งทำเป็นสามีภรรยากันแล้ว เขายังเลือกจะทิ้งหนูล่ะคะ” หวังเจียเหยาท้อแท้
คุณนายหวังกล่าว “คราวนี้พวกเราทั้งบ้านจะไปหยางหนิง อยู่ที่นั่นกัน ในเมื่อพวกแกจะโกหกว่าไม่ได้หย่ากันก็จะต้องนอนร่วมห้องเดียวกัน พอถึงตอนนั้นจะจับเย่เฉินได้ไหมต้องดูความสามารถของแกแล้ว!”
หวังเจียเหยาใจเต้นระรัวเร็ว แล้วนับว่าตนเองเป็นภรรยาของเย่เฉินทันที ซึ่งนั่นก็คือคุณนายน้อยของตระกูลเย่
พ่อบ้านฟางที่อยู่ตรงหน้านี้ ในเมื่อเขาเป็นคนในบังคับบัญชาของเย่เฉินเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นคนใต้บังคับบัญชาของหล่อนเช่นกัน
ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงเรียกอีกฝ่าย “พ่อบ้านฟาง…”
เย่เฉินขมวดคิ้วมุ่น เขายังคิดว่าหวังเจียเหยาจะเรียก ‘คุณปู่’ หรือไม่ก็ ‘คุณฟาง’ อะไรแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะเรียกตามเขา
พ่อบ้านฟางคือคนในบังคับบัญชาของเขา เขาย่อมเรียกแบบนั้นได้
แต่หวังเจียเหยามีสิทธิ์อะไรเรียกเขาแบบนี้!
หวังเจียเหยาไม่เห็นตัวเองเป็นคนนอกอีก “พ่อบ้านฟาง ดูคุณชมฉันสิฉันเขินไปหมดแล้ว เย่เฉินเห็นคุณเป็นคนในครอบครัว ฉันเองก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันคุณวางใจเถอะนะ”
เย่เฉินได้ยินแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ จากคำพูดของหวังเจียเหยาเหมือนว่ากำลังเมตตาชายชรา
เหมือนกำลังจะบอกว่าถ้าต่อไปฉันได้เป็นคุณนายน้อยของตระกูลเย่แล้วจะไม่ปฏิบัติเหมือนคุณเป็นคนรับใช้
“ขอบคุณครับ ขอบคุณ”
พ่อบ้านฟางเป็นคนถ่อมตัว ถึงจะรู้ว่าหวังเจียเหยาไม่ใช่ภรรยาของเย่เฉินอีกแล้ว แต่ถ้าเย่เฉินไม่สั่ง เขาก็ไม่กล้าเสียมารยาทกับอีกฝ่าย
เย่เฉินแนะนำต่อ “เขาคือหลานชายพ่อบ้านฟาง ฟางจื่อเผิง อายุพอๆ กับคุณ ขาเขาได้รับบาดเจ็บดังนั้นเลยยืนไม่ได้”
หวังเจียเหยาเดินไปหาอีกฝ่ายแล้วจับมือกับชายบนรถเข็น “สวัสดีจ้ะ ขาเธอได้รับบาดเจ็บได้ยังไง? สวรรค์ น่าสงสารเหลือเกิน อายุยังน้อยอยู่เลย”
ฟางจื่อเผิงกล่าวว่า “เมื่อปีก่อนมีอุบัติเหตุน่ะครับ”
หวังเจียเหยามองเขาด้วยแววตาสงสารแล้วกล่าว “โชคร้ายจริงๆ แต่ว่าเธอก็ไม่ต้องเสียใจเกินไปนะ คุณปู่ของเธอน่ะดูแลเย่เฉินมาหลายปีแบบนี้ ฉันกับเย่เฉินไม่มีทางทอดทิ้งเธอหรอก”
พูดจบก็หันไปบอกเย่เฉิน “พวกเราเอาเงินให้จื่อเผิงเถอะหรือไม่ก็หาโรงพยาบาลดีๆ ให้เขาไปตรวจ ถ้าโชคดีอาจจะมีโอกาสหายก็ได้”
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เฉินรู้สึกว่าหวังเจียเหยาเป็นคนไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่นัก
ก่อนหน้านี้หวังเจียเหยามักจะบอกว่าเย่เฉินมาจากชนบท
แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่าอีกฝ่ายต่างหาก
เย่เฉินรีบอธิบายกับหวังเจียเหยา “ถึงพ่อบ้านฟางจะเป็นคนในบังคับบัญชาของตระกูลเย่เรา แต่น่าจะมีทรัพย์สินอย่างน้อยหมื่นล้าน พวกเราไม่ต้องให้เงินเขา เขาก็สามารถหาหมอที่ดีที่สุดในโลกมาให้จื่อเผิงได้”
หวังเจียเหยาตัวแข็งค้าง
“หมื่น…หมื่นล้านเหรอ?”
หวังเจียเหยาตะกุกตะกัก
หล่อนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพ่อบ้านคนหนึ่งจะมีทรัพย์สินถึงหมื่นล้าน! ตระกูลหวังทำธุรกิจมานานนมเพิ่งจะมีทรัพย์สินแค่ร้อยล้านเท่านั้น
ต่อให้เป็นธุรกิจของครอบครัวฟางเชาที่เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วก็ตาม ตอนรุ่งโรจน์ที่สุดก็มีเงินไม่ถึงหมื่นล้าน!
ตอนที่หวังเจียเหยามองพ่อบ้านฟางอีกครั้ง ก็ไม่กล้ามองเขาด้วยสายตาที่ใช้มองคนรับใช้อีกแล้ว
“คุณ…ก็เป็นประธานบริษัทด้วยเหรอคะ?” หวังเจียเหยาถามด้วยความเคารพ
พ่อบ้านฟางยังคงอ่อนน้อมเหมือนเคย เขาตอบอีกฝ่ายด้วยความเคารพ “มิได้ครับ มิได้ ผมเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น เมื่อก่อนลงทุนตามนายท่าน ท่านลงทุนอะไรผมก็ลงทุนตามเล็กน้อย ต่อมาลงทุนทำอสังหาริมทรัพย์ผมก็ซื้อตามนายท่าน นานวันเข้า เงินก็งอกออกมาเอง เงินพวกนี้ของผมได้มาจากตระกูลเย่ทั้งสิ้น จะคุณชายใหญ่ คุณชายรอง คุณชายสามหรือนายหญิงน้อยก็สามารถเอาเงินคืนไปได้ทุกเมื่อ”
พอพ่อบ้านฟางพูดคำว่า ‘นายหญิงน้อย’ ทำให้หวังเจียเหยาดีใจอย่างยิ่ง หล่อนไพล่คิดไปว่าเขาพูดถึงตนเอง
หวังเจียเหยามองเย่เฉินอย่างตกใจ “พ่อบ้านฟางลงทุนแค่นิดหน่อยยังมีเงินตั้งหมื่นล้าน อย่าบอกนะว่านายมีเงินเป็นแสนล้าน?”
เย่เฉินยังไม่ทันตอบ พ่อบ้านอดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่าๆ คุณหนูหวัง คุณควรจะตัดคำว่า ‘อย่าบอกนะว่า’ ทิ้งไปนะครับแล้วเปลี่ยนเป็น ‘ไม่ได้มีแค่’ ”
“ไม่ได้มีแค่แสนล้านเหรอ!”
หวังเจียเหยาตื่นเต้น หล่อนรีบตีเย่เฉินเบาๆ อย่างออดอ้อน “นายนี่นิสัยไม่ดีจริงๆ คุณปู่มีเงินขนาดนี้ทำไมไม่บอกฉันนะ”
พ่อบ้านฟางรีบออกตัวแทนเย่เฉิน “คุณหนูหวัง คุณอย่าโทษคุณชายเลยครับ นายท่านเข้มงวดกับการฝึกฝนของคุณชายมาก ถ้าเขาบอกคุณล่ะก็การฝึกจะล้มเหลว นายท่านจะดูถูกเขา”
ทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็กลายเป็นคนเข้าอกเข้าใจคนอื่นขึ้นมาทันที “อื้ม ที่คุณปู่เขาทำแบบนี้ก็เพราะมีเจตนาดี ลูกคนรวยส่วนมากมักจะถูกประคบประหงมจนไม่รู้เรื่องรู้ราว ลำบากไม่ได้ ที่คุณปู่ให้ฝึกฝนแบบนี้ก็ถือว่าดีกับเย่เฉินเหมือนกัน”
พูดจบหวังเจียเหยาก็จุมพิตเข้าที่สันกรามของเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ที่รักคะฉันไม่โกรธแล้วล่ะค่ะ”
เย่เฉินเอือมระอาอย่างมาก ถ้าเขาตั้งตัวได้ก็อาจจะหลบอีกฝ่ายพ้นไม่ให้หวังเจียเหยาได้ทำตามอำเภอใจ
ทว่าเย่เฉินไม่พูดอะไรต่อ เขากล่าวว่า “ทุกคนเชิญนั่งแล้วเริ่มกินข้าวกันเถอะ”
อาหารถูกลำเลียงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หวังเจียเหยาดีใจอย่างมาก “เป็นอาหารที่ฉันชอบทั้งนั้นเลย ขอบคุณนะคะเย่เฉิน”
เย่เฉินยิ้มพลางกล่าว “บอกแล้วไงว่าวันนี้จะชดเชยให้คุณ”
หวังเจียเหยายื่นมือมาจับมือเย่เฉิน “อย่าพูดแบบนี้สิ อันที่จริงแล้วฉันก็มีส่วนที่ทำได้ไม่ดีนัก พวกเราอย่าชดเชยกันเลย ต่อไปแค่ใช้ชีวิตด้วยกันให้ดีก็พอแล้ว”
เย่เฉินสะบัดมือหญิงสาว เดิมอยากจะกินข้าวต่ออีกหน่อยแล้วค่อยพูดเรื่องนี้ แต่พอเห็นท่าทางไม่รู้เรื่องราวแบบนี้ของหวังเจียเหยาทำให้เขาทนต่อไปไม่ไหว
เย่เฉินกล่าวว่า “หวังเจียเหยาคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ วันนี้ที่ผมนัดคุณออกมาก็เพราะว่าจะจัดนัดดูตัวให้คุณ”
“นัดดูตัว? ดูตัวอะไร?” หวังเจียเหยางุนงง
เย่เฉินชี้ฟางจื่อเผิงแล้วกล่าว “จื่อเผิงน่ะรุ่นราวคราวเดียวกับคุณ พ่อบ้านฟางก็มีเขาเป็นหลานแค่คนเดียว ต่อไปทรัพย์สินทั้งหมดก็จะเป็นของเขา ผมรู้ว่าคุณอยากแต่งกับลูกเศรษฐีเพื่อช่วยเกื้อกูลตระกูลหวังของคุณให้มีสถานะที่สูงขึ้นในอวิ๋นโจว ดังนั้นผมถึงได้แนะนำให้คุณกับฟางจื่อเผิงได้รู้จักกัน”
ความโกรธขึ้นเป็นริ้วๆ บนใบหน้าหวังเจียเหยาทันที “นายพูดว่าอะไรนะ? นายจะแนะนำคนใช้ให้ฉันรู้จัก?! นี่นายกำลังดูหมิ่นฉันนะ!”
เย่เฉินพูดเสียงกร้าว “คุณหนูหวังกรุณาระวังคำพูดด้วย พวกเขาเป็นคนของผม ไม่ใช่คนรับใช้ของคุณ!”
พ่อบ้านฟางไม่ได้มีทรัพย์สินแค่หมื่นล้านแต่ยังเคยช่วยเลี้ยงดูคนมาไม่น้อย เช่นลูกพี่อย่างหลิวเจิ้งคุนซึ่งนับว่าเขามีอิทธิพลไม่น้อยเลย
สำหรับคนตระกูลหวังแล้ว พ่อบ้านฟางน่าจะถือเป็นเจ้านายพวกเขาด้วยซ้ำไป!
หวังเจียเหยาปัดแก้วชาตกด้วยความโมโห หล่อนชี้ฟางจื้อเผิงและตะโกนใส่เย่เฉิน
“ขาเขาเป็นแบบนั้นแล้ว นายจะยังให้ฉันแต่งงานกับเขา? นี่นายกำลังดูถูกเหยียดหยามฉันนะ!”
เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “จื่อเผิงอาจจะมีบางอย่างที่ทำให้คุณพอใจไม่ได้ ทว่าเมื่อสามปีก่อนคุณอยู่กับผมก็แยกห้องกันนอนนี่นา คุณน่าจะคุ้นเคยความสัมพันธ์ของสามีภรรยาแบบนี้แล้วนี่ แล้วอีกอย่างนะหวังเจียเหยา คุณสวยจนไม่มีใครสู้ได้ก็จริง แต่ตอนนี้คุณแต่งงานมาสองครั้งแล้วจะให้พวกคุณชายที่มีเงินหมื่นล้านยอมรับคุณก็คงยาก ดังนั้นหวังว่าคุณจะพิจารณาให้ดีแล้วทำใจยอมรับเถอะ!”
หวังเจียเหยาโมโหอย่างที่สุด หล่อนหยิบแก้วชามาแล้วสาดน้ำชาใส่หน้าเขา
“ฉันไม่ทำใจยอมรับ! ฉันไม่คิดพิจารณา! เย่เฉินนายทำเกินไปแล้ว! ฉันรักนายขนาดนี้ แต่นายกลับผลักไสฉันไปให้ชายอื่น!”
พูดจบก็ร้องไห้แล้ววิ่งออกจากห้องไป
วันต่อมาเย่เฉินมาถึงบริษัทตอนสิบโมง
คืนวานเขาฟังหลิ่วหรูซือร้องเพลงจนดึกเกินไป
เย่เฉินฟังเสียงเพลงของหลิ่วหรูซือไปดื่มเหล้าค็อกเทลไป พลันเหมือนได้ย้อนกลับเข้าไปในเทียนไห่สมัยก่อน
เสียงขับร้องของหลิ่วหรูซือไพเราะจนน่าตะลึง อยู่ในระดับราชินีนักร้องเลยทีเดียว
ถ้าหากไม่ใช่เพราะชีวิตหล่อนดีเกินไป จนไม่เคยคิดว่าจะต้องหาเงินด้วยการร้องเพลง ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็ผู้หญิงคนนี้จะต้องไปได้ดีในวงการเพลงจีนแน่!
เย่เฉินยังเอาโทรศัพท์ออกมาอัดคลิปหลิ่วหรูซือร้องเพลงเอาไว้หลายคลิปส่งให้คุณปู่และดูบรูล
คุณปู่ยังชมหลิ่วหรูซือว่ามีกลิ่นอายเก่าๆ ของผู้หญิงเทียนไห่ซึ่งเขาชอบมาก ส่วนดูบรูลเอาแต่อิจฉาเย่เฉินเพราะว่าเขาชอบผู้หญิงคนนี้นานแล้ว
ทว่าถึงเย่เฉินจะดื่มเหล้าไปไม่น้อย แต่สุดท้ายระหว่างเขาและหลิ่วหรูซือก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เพียงแต่ให้หล่อนเปลี่ยนชุดกี่เพ้ายี่สิบตัวพวกนั้นทั้งหมด
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาได้”
ฉินหงเหยียนผลักประตูห้องทำงานของเย่เฉินออกแล้วเดินเข้าไป
หล่อนจงใจเดินเข้าไปใกล้จนเห็นขอบตาที่ดำคล้ำของอีกฝ่ายจึงกล่าว
“คุณเย่ ตอนนี้ทั้งบริษัทกำลังลือกันให้แซ่ดว่าคุณนอนกับภรรยาของฟางเสียนจู่”
เย่เฉินยังคงก้มหน้าง่วนดูเอกสารแล้วกล่าวเสียงเรียบ “อ้อ เมื่อคืนหลิ่วหรูซืออยู่กับผมน่ะ”
นี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ เขาต้องการให้บริษัทลือเรื่องนี้กันให้มากๆ
มิฉะนั้นเกียรติยศของประธานบริษัทคงจะถดถอยน้อยลงไป
ต่อให้ตอนเจอหน้ากันพนักงานพวกนั้นจะเคารพเขาแต่ก็แอบเยาะเย้ยที่เขาโดนสวมเขาอยู่ดี
ฉินหงเหยียนก็ไม่ใช่คนโง่ หล่อนรู้ว่านี่อาจเป็นวิธีแก้แค้นอย่างหนึ่งของเขา
ฉินหงเหยียนถามต่อ “อย่างนั้นคุณ…กับหล่อน?”
เย่เฉินวางปากกาหล่อนแล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะหัวเราะ “ไม่มีอะไรสิ ผมแค่ให้หล่อนร้องเพลงทั้งคืน ผมไม่ชอบผู้หญิงแก่สักหน่อย”
ฉินหงเหยียนได้ยินประโยคแรกๆ ก็ดีใจอย่างมาก แต่พอได้ยินประโยคสุดท้ายรอยยิ้มที่มีก็ค่อยๆ เลือนหายไป
เย่เฉินเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าอีกฝ่ายถึงได้ระลึกว่า ฉินหงเหยียนอาจจะนับว่าตัวเองเป็น ‘ผู้หญิงแก่’
เย่เฉินรีบร้อนอธิบาย “หงเหยียนผมไม่ได้ว่าคุณนะ คุณเพิ่งสามสิบเท่านั้นเอง ถือว่ารุ่นราวคราวเดียวกับผม เป็นช่วงอายุของผู้หญิงที่ผมชอบที่สุด”
“จริงเหรอคะ?” ฉินหงเหยียนดีใจกับข่าวที่คาดไม่ถึงนี้ หล่อนมั่นใจในความสามารถและใบหน้าของตนเองอย่างมาก เพียงแต่ยังกังวลว่าเย่เฉินจะรังเกียจที่หล่อนอายุเยอะก็เท่านั้น
“แล้วคืนนี้พวกเราไปกินข้าวด้วยกันได้ไหม? คุณหย่าแล้ว หวังเจียเหยาก็เสียใจแล้ว คุณก็ดูหมิ่นฟางเชาได้แล้ว คุณล้างแค้นเสร็จไปแล้ว พวกเราไปดื่มเหล้าเพื่อฉลองกันเถอะ”
ฉินหงเหยียนเชื้อเชิญเย่เฉิน
เย่เฉินกล่าวว่า “คืนนี้ไม่ได้ ผมนัดหวังเจียเหยาเอาไว้”
ฉินหงเหยียนสับสน “คุณยังชอบหล่อนอยู่อีกเหรอ? เพราะรู้ว่าหล่อนกับฟางเชาไม่มีอะไรกันใช่ไหม คุณถึงไม่ติดใจอะไรแล้ว?”
ฉินหงเหยียนรู้ข่าวลือในช่วงนี้เป็นอย่างดี
ด้านนอกกำลังลือเรื่องนี้กันให้แซ่ดว่าเรื่องหวังเจียเหยาและฟางเชานั้นมันไม่จริง
เย่เฉินกล่าวว่า “ได้ยังไง สิ่งที่ผมสนใจที่สุด ที่จริงแล้วไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างหวังเจียเหยาและฟางเชา แต่เป็นเรื่องที่ท่าทีที่เปลี่ยนไปราวคนละคนหลังจากรู้ว่าผมเป็นใคร! ทว่าผมปิดบังความจริงหล่อนไว้สามปีจริงๆ ดังนั้นผมถึงต้องชดเชยหล่อนสักหน่อย วันนี้จะแนะนำผู้ชายดี ๆ ให้หล่อนรู้จัก”
ฉินหงเหยียนยิ้ม “อะไรนะคะ? แนะนำผู้ชายดีๆ ให้หล่อนรู้จักเหรอ?”
หลังจากที่ฉินหงเหยียนรู้ความจริงแล้ว ก็รู้เลยว่าวันนี้หวังเจียเหยาคงต้องโกรธจนประสาทเสียแน่
ดูแล้วการล้างแค้นของคุณเย่ยังไม่จบลง
……
สองทุ่ม ณ เรือนหลงจิ่ง
นี่คือร้านอาหารที่มีกลิ่นอายความเป็นจีนโบราณซึ่งถือว่า ‘มีชื่อเสียงมานาน’ ในอวิ๋นโจว ก่อนนี้พวกเขาสองคนมักจะมาที่นี่
อาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดสองจานของที่นี่ จานแรกคือจั๊กจั่นขนเงิน ชื่ออาหารจานนี้ไพเราะเสนาะหูแต่ที่จริงแล้วคือเป็ดย่างอบถังเช่า
ถังเช่าถือว่าเป็นเชื้อราในแมลงที่มีฤทธิ์เป็นยาประเภทหนึ่งเป็นสมุนไพรจีนพื้นบ้านราคาแพง ตุ๋นกับเป็ดหนุ่มจะดีกับสุขภาพอย่างมาก
ส่วนอีกจานมีชื่อว่า ‘ไม่อาวรณ์’ ถึงจะเป็นแค่ยอดผักคะน้า แต่ต้องใช้ผักคะน้าถึงห้ากิโลกรัม สมควรแล้วที่จะชื่อว่าไม่อาวรณ์
เย่เฉินจองห้องส่วนตัวไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนที่มาถึงห้องที่จองไว้มีแค่พ่อบ้านฟางและหลานชายเขาฟางจื่อเผิงเท่านั้น หวังเจียเหยาไม่ได้มาก่อนแต่อย่างใด
“คุณชายสาม”
“คุณชายสาม”
พ่อบ้านฟางเห็นเย่เฉินเดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้นเพื่อต้อนรับเขา
หลานชายเขาฟางจื่อเผิงให้ความเคารพเย่เฉินอย่างมาก เพียงแต่ว่าเขานั่งรถเข็นคนพิการจึงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้เท่านั้น
หวังเจียเหยาถึงลานจอดรถในร้านอาหารตอนนี้ กำลังนั่งอยู่บนรถของซ่งหงเย่
หวังเจียเหยาร้อนรนอย่างมาก “สองทุ่มแล้วนะ พวกเรานัดกันไว้ตอนสองทุ่ม ทำไมเธอถึงไม่ยอมให้ฉันเข้าไปสักที!”
ซ่งหงเย่กล่าว “รีบร้อนอะไรกัน เมื่อก่อนตอนไปกินข้าวด้วยกัน เธอให้เขารอตั้งครึ่งชั่วโมงกว่า”
หวังเจียเหยาพูดไม่ออก “ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน! พี่สาว! เขาคือคุณเย่นะ เธอยังจะให้เขารอฉันครึ่งชั่วโมงเลยเหรอ!”
ซ่งหงเย่พูดไม่ออกกว่าเดิม “ถ้าฉันให้เธอไปรอก่อนครึ่งชั่วโมง เขารู้เข้าก็จะรู้สึกว่าเธอเมื่อก่อนทำเกินไป ก่อนนี้เขาเป็นเขยที่แต่งเข้า เธอรังแกเขา ตอนนี้เขาเป็นประธานบริษัท เธอจะทำตัวแตกต่างไปจากเดิมแล้วเหรอ? ผู้ชายรอผู้หญิงเป็นเรื่องปกติ เธอไปก่อนมีแต่จะลดตัวลงไปจะทำให้เย่เฉินยิ่งดูถูกเธอไปสายไม่กี่นาทีไม่เป็นไรหรอกน่า”
หวังเจียเหยาทำได้เพียงแค่ส่องกระจกแต่งหน้าต่อไป
วันนี้หล่อนแต่งตัวสวยมากทีเดียว รับรองได้ว่าเย่เฉินต้องชอบแน่
ห้านาทีต่อมาซ่งหงเย่ก็กล่าวกับหวังเจียเหยา “เข้าไปได้แล้ว สู้ๆ นะเพื่อนสาว เอาเย่เฉินมาครองให้ได้! ฉันรอดื่มเหล้ามงคลของพวกเธอ”
“อืมๆ สบายใจได้เลย!”
หวังเจียเหยาเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวที่เย่เฉินจองเอาไว้อย่างมั่นอกมั่นใจ
หวังเจียเหยาในชุดกระโปรงบานสีเขียวที่แค่เผลักประตูเข้าไปก็ทำให้ชายสามคนในห้องมองหล่อนด้วยแววตาที่เป็นประกาย
หญิงสาวราวดอกบัวที่โผล่ขึ้นมาจากโคลนตมแต่กลับผุดผาดบริสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของความใสสะอาด
บวกกับใบหน้าใสซื่อของหวังเจียเหยาชวนให้ทะนุถนอม
“เย่เฉิน”
หวังเจียเหยาเรียกเย่เฉินด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเหมือนกุลสตรีอย่างไรอย่างนั้น
เพราะพบว่าในห้องยังมีคนอื่นอีก ทำให้หล่อนดูขัดเขินกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เหมือนสาวน้อยที่กลัวคนแปลกหน้าอย่างไรอย่างนั้น
เย่เฉินยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าว “คุณมาแล้วเหรอ ผมขอแนะนำหน่อย นี่คือพ่อบ้านฟาง ถึงจะเป็นพ่อบ้านแต่ก็เห็นผมตั้งแต่เด็กจนโต ผมเห็นเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัว”
หวังเจียเหยาประหลาดใจจากการได้รับความรักจากเขาอย่างกระทันหันแบบนี้พลางคิดในใจ “เย่เฉินให้อภัยฉันแล้วจริงๆ! คิดไม่ถึงว่าเขาจะแนะนำพ่อบ้านของตระกูลให้ฉันรู้จัก! หรือเพราะเตรียมจะแต่งงานกับฉันให้ฉันได้เป็นคุณนายเย่นะ? ว้าวดีใจจังเลย!”
หวังเจียเหยาตื่นเต้นอย่างมาก แต่ว่าหล่อนยังคงรักษาท่าทีนิ่งเฉย และสงบนิ่ง
พ่อบ้านฟางเป็นฝ่ายเดินมาหาหวังเจียเหยาแล้วค้อมศีรษะลงแสดงความเคารพ “คุณหนูหวัง สวัสดีครับ คุณงดงามเหมือนนางฟ้า ราวบุปผาแรกแย้ม ผมอายุเจ็ดสิบกว่าปี ยังไม่เคยพบคนที่สวยแบบคุณมาก่อน”
พอหวังเจียเหยาได้ยินคำชมจากพ่อบ้านฟางก็ยิ่งแน่ใจว่าหล่อนจะสามารถกลับสู่อ้อมอกของเย่เฉินได้!
เย่เฉินมองหลิ่วหรูซือด้วยใบหน้าตกตะลึง ไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
หลิ่วหรูซือชันตัวขึ้น หล่อนไม่คุกเข่าอีกแล้ว ท่าทางก็เปลี่ยนไปราวเป็นวีรบุรุษที่เตรียมตัวจะพลีชีพ แววตาแน่วแน่
หลิ่วหรูซือกล่าว “คุณเย่ วันนี้ที่ฉันมาหาคุณ ฟางเสียนจู่และฟางเชา สามีและลูกชายของฉันทุกคนรู้กันหมด แล้วไหนจะยังมีคนของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปรวมไปถึงคนจำนวนมากของบริษัทต่างก็รู้กันหมด”
เย่เฉินพยักหน้า “ผมรู้แล้วยังไงต่อ?”
จู่ๆ หลิ่วหรูซือก็กล่าว “คืนนี้ฉันค้างคืนที่นี่ได้ค่ะ!”
ดูไปแล้วเย่เฉินตกตะลึง คุณน้าคนนี้เหลวไหลเกินไปแล้วมั้ง?
ในเวลานี้เย่เฉินถึงได้เข้าใจในความหมายของคำพูดหลิ่วหรูซือ
ทุกคนต่างก็รู้ว่าฟางเชานอนกับอดีตภรรยาของเย่เฉิน นี่ทำให้ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอย่างเขาเสียหน้า
แต่ถ้าวันนี้เย่เฉินนอนกับมารดาของฟางเชาก็จะไม่มีใครเยาะเย้ยเขาอีกแล้ว
การล้างแค้นแบบนี้โหดกว่าทำให้ฟางเชาพิการมากนักแถมยังทำให้คนนับถือเขากว่าเดิมด้วย
เย่เฉินมองหลิ่วหรูซืออย่างตื่นตระหนก คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะเสียสละได้ขนาดนี้เพื่อช่วยลูกชายตนเอง!
“คุณนายฟาง…”
เย่เฉินมองแหวนบนนิ้วนางของอีกฝ่าย อย่างกระอักกระอ่วนใจเมื่อมองหน้าผู้หญิงที่อายุมากกว่าตนเองถึงยี่สิบปี
หลิ่วหรูซือยิ้มน้อยๆ “แน่นอนฉันก็รู้ว่าฉันอาจจะสู้หวังเจียเหยา ฉินเหงเหยียนไม่ได้ เป็นแค่หญิงแก่ที่กำลังร่วงโรย จะเข้าตาคุณเย่ได้ยังไง คุณไม่ชอบฉัน ฉันเข้าใจและยอมรับได้”
เย่เฉินยิ่งทำอะไรไม่ถูกกว่าเดิม สำหรับเขาแล้วอีกฝ่ายออกจะแก่เกินไปจริงๆ
แต่สำหรับผู้หญิงวัยกลางคนแบบนี้นับว่าหล่อนดูแลตัวเองได้ดีพอควร ไม่ด้อยไปกว่าดาราผู้หญิงที่อายุเท่าๆ กันแม้แต่น้อย
เย่เฉินกล่าว “คุณนายฟาง คุณสวยมากครับ ถึงแม้อายุอานามจะมากไปสักหน่อยแต่ก็ดูมีความเป็นผู้ใหญ่แบบที่ผู้หญิงในวัยยี่สิบไม่มี”
พอถูกเย่เฉินชมแบบนี้ใบหน้าเก้อเขินของหลิ่วหรูซือก็ดีขึ้นไม่น้อย
แต่ใครจะรู้เย่เฉินกล่าวต่อไปว่า “แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับคุณอยู่ดี”
หลิ่วหรูซือก้มหน้าลง ความคิดที่จะชดใช้ความผิดแทนลูกชายเป็นหมันไปเสียแล้ว
“แต่ว่า…”
ใครจะรู้ว่าเย่เฉินจะหักมุม “ได้ยินมาว่าคุณร้องเพลงใช้ได้เลย ถ้าคุณยินดีจะร้องเพลงอยู่ที่นี่ ผมก็ยินดีจะฟังนะ”
ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นคลิปหลิ่วหรูซือร้องเพลงในโมเม้นท์วีแชทของฉินหงเหยียนซึ่งเขาชอบมากทีเดียว
หลิ่วหรูซือมีกลิ่นอายของนักร้องคาเฟ่ในเซี่ยงไฮ้ยุคปี 30-40 เย่เฉินอยากจะลองสัมผัสบรรยากาศเช่นนั้นสักคร้ัง
หลิ่วหรูซือระบายยิ้มเต็มไปหน้า “คุณเย่ ฉันยินดีร้องเพลงให้คุณฟังทั้งคืน ไม่ทราบว่าคุณเย่ชอบฟังเพลงแนวไหนคะ? ถ้าเป็นเพลงฮิตในช่วงนี้ฉันเกรงว่าน่าจะไม่ได้เพราะไม่เคยฟังเลย”
เย่เฉินกล่าวว่า “คุณนายฟางต้องขอโทษที่ผมละลาบละล้วง ตอนที่ผมเห็นรูปภาพคุณครั้งแรกก็รู้สึกว่าคุณเหมือนนักร้องคาเฟ่ในเทียนไห่ยุคปี 30-40 บังเอิญที่คุณเป็นคนเทียนไห่พอดี ตอนเด็กๆ มักจะได้ยินคุณปู่เล่าเรื่องเทียนไห่ในสมัยก่อนให้ฟังบ่อยๆ เขาบอกว่ายุคนั้นเป็นช่วงเวลาที่ควรค่าให้ระลึกถึงที่สุดแล้ว เทียนไห่ในยุคนั้นเป็นตัวแทนของความโรแมนติก หรูหรา โมเดิร์นและคลาสสิคในเวลาเดียวกัน คุณปู่มักจะบรรยายว่ายุคนั้นผู้หญิงมักจะสวมชุดกี่เพ้า อ่อนหวานเย้ายวน ถือพัดขนไก่สีขาวร้องเพลงเต้นรำอยู่ในคาเฟ่ ดังนั้นผมหวังว่าคุณจะร้องเพลงเก่าๆ ให้ผมฟังบ้าง”
หลิ่วหรูซือตกตะลึงเล็กน้อย “ที่แท้คุณเย่อยากจะสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ ของเทียนไห่ ที่จริงแล้วสำหรับฉันเพลงพวกนั้นก็ออกจะเก่าเกินไปเหมือนกัน ฉันตอนนั้นเริ่มฟังหวังเฟยแล้วค่ะ แต่แม่ฉันมักจะร้องเพลงเก่าๆ ดังนั้นฉันก็เลยพอร้องได้บ้าง คุณเย่รอประเดี๋ยว ฉันจะให้คนเอากี่เพ้ากับไมโครโฟนมาส่ง”
เดิมทีเย่เฉินตั้งใจจะบอกว่าเดี๋ยวเขาจะเป็นคนตระเตรียมของเหล่านี้เอง
ทว่าพอมาคิดดูโดยละเอียดแล้ว เขาเองก็ไม่รู้สัดส่วนของหลิ่วหรูซือ ของอย่างกี่เพ้าเป็นชุดที่ต้องสั่งตัดเท่านั้น
สามนาทีต่อมาหลิ่วหรูซือก็สั่งให้คนเอากี่เพ้ายี่สิบตัวมาส่ง!
ดูแล้วหลิ่วหรูซือน่าจะชอบใส่กี่เพ้ามากทีเดียว
“คุณเย่ คุณช่วยฉันเลือกหน่อยสิ”
หลิ่วหรูซือจัดเรียงชุดกี่เพ้าพวกนี้ให้เขาดู
เย่เฉินเองก็หยิบชุดของหลิ่วหรูซือมาดูทีละชุดอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจใดๆ
สุดท้ายเขาเลือกชุดกระโปรงยาวสีเหลืองส่งให้อีกฝ่าย “ใส่ชุดนี้แล้วกัน”
หลิ่วหรูซือรับกี่เพ้ามาแล้วกล่าวอย่างเคารพนับถือ “ค่ะ คุณเย่รอฉันสักครู่นะคะ ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจะร้องเพลง ‘Tianyagenu[1]’ ให้คุณฟัง”
……
ณ วิลล่าเจียงหนานในเวลาตีสอง
ฟางเสียนจู่กำลังสูบบุหรี่อยู่ในห้องรับแขกชั้นหนึ่ง ผงบุหรี่เต็มที่เขี่ยบุหรี่ไปหมดแล้ว
ฟางเชาเดินเอื่อยๆ ลงมาจากชั้นบนเห็นฟางเสียนจู่ที่มีใบหน้าตึงเครียดจึงเอ่ยถาม “พ่อครับ เป็นอะไรไป?”
ฟางเสียนจู่ดับบุหรี่แล้วกล่าว “แม่ลูกไปหาเย่เฉิน จนตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”
“อะไรนะ?”
ฟางเชาเหลือบดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาตีสองครึ่งแล้ว ดึกขนาดยี้ยังไม่กลับบ้านอีก แม่จะไปทำอะไรที่บ้านหมอนั่นกันแน่!
“โทรเร่งแม่หรือยัง?” ฟางเชาถาม
ฟางเสียนจู่ตอบบุตรชาย “โทรแล้วปิดเครื่อง”
“ปิดเครื่อง…ทำไมแม่ต้องปิดมือถือด้วย? แม่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ? พ่อครับพวกเราพาคนไปหาแม่กัน!”
ฟางเชาพูดพลางเปลี่ยนรองเท้า
ฟางเสียนจู่ห้าม “ก่อนแม่แกจะปิดเครื่องส่งวีแชทมาบอกพ่อว่าไม่ต้องไปตามแม่”
“อย่างนั้น…”
หน้าฟางเขาคล้ำเขียว เขาโกรธจนแทบจะฆ่าคนได้อยู่แล้ว เขาพอจะเดาออกว่าระหว่างแม่ของเขากับเย่เฉินจะเกิดอะไรขึ้น!
ตอนตีห้าหลิ่วหรูซือถึงออกจากบ้านของเย่เฉินแล้วกลับไปบ้านตนเอง แล้วก็พบสองคนพ่อลูกที่รอหล่อนอยู่ทั้งคืน
พอเห็นแม่กลับบ้าน ฟางเชาก็รีบวิ่งไปหาอีกฝ่ายทันที “แม่ครับ ทำไมเมื่อคืนแม่ไม่กลับบ้าน? เดียรัจฉานเย่เฉินนั่นมันทำอะไรแม่ใช่ไหมครับ!”
หลิ่วหรูซือตวาดบุตรชาย “พอได้แล้ว! เลิกล่วงเกินเย่เฉินได้แล้ว! เขาไม่ใช่คนที่ลูกจะล่วงเกินได้!
“…ลูกเชา เย่เฉินรับปากแม่แล้วว่าเขาจะไม่ล่นสกปรกทำร้ายลูก ลูกไม่ต้องรีบร้อนมีลูกก็ได้ แล้วลูกก็ออกบ้านตามปกติได้แล้ว”
พอได้ยินแบบนี้ ใบหน้าฟางเสียนจู่ก็แดงก่ำเหมือนระเบิดอยู่รอมร่อ
เขาเดินมาแล้วตบหน้าหลิ่วหรูซือ!
เพี๊ยะ!
“ใครอนุญาตให้คุณทำแบบนี้! คุณยังเป็นเมียผมอยู่! คุณทำแบบนี้จะให้ผมเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
ฟางเสียนจู่คำราม
หลิ่วหรูซือเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เขา “ฉันทนดูลูกเราเป็นอะไรไปไม่ได้! เสียนจู่ธุรกิจของเราจบแล้ว พวกเรากำลังจะล้มละลายแล้ว หน้าตาที่คุณว่ามันไม่มีนานแล้ว!”
“ไม่! ไม่! ไม่!”
ฟางเชากรีดร้องคร่ำครวญแล้วกล่าวกับมารดาตนเอง “แม่ครับ บ้านของคุณทวดรวยจะตาย ตระกูลหลิ่วเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเทียนไห่ แม่ให้พวกเขาช่วยผมจะต้องจัดการเย่เฉินได้แน่!”
หลิ่วหรูซือส่ายศีรษะ “ลูกแม่ ตอนที่แม่แต่งกับพ่อของลูก คนที่บ้านไม่เห็นด้วยอย่างมาก ตอนนี้พ่อของลูกมีปัญหา พวกเขาไม่อยากจะช่วยด้วยซ้ำไป พวกเรายอมรับชะตากรรมกันเถอะ”
“ไม่ ผมไม่ยอมรับชะตากรรมหรอก! แม่ไม่ยอมไปผมไปเอง! เย่เฉินทำร้ายพวกเราจนอนาถขนาดนี้แถมยังล่วงเกินแม่! ความแค้นนี้ผมจะต้องเอาคืนเป็นสิบเท่า!”
ฟางเชาพูดพลางสวมรองเท้าแตะ หุนหันออกนอกบ้านไป…
[1] 天涯歌女 (tiān yá gē nǚ) เป็นบทเพลงของโจวเสวียน ปล่อยออกมาในช่วงปี 1937
เมื่อสามปีก่อนตอนเย่เฉินรู้จักหวังหยวนหยวน หุ่นของอีกฝ่ายยังไม่ได้เปล่งปลั่งสมบูรณ์แบบตอนนี้
เป็นแค่เด็กมัธยมปลายที่ยังไม่โตเต็มที่ เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นเย่เฉินถึงได้เห็นอีกฝ่ายเป็นแค่น้องสาวไม่เคยมีความคิดเกินเลย
แต่ช่วงนี้เจ้าบ้าหวังซ่าวเจี๋ยมักจะส่งรูปส่วนตัวของหญิงสาวในวีแชทให้เขาดูบ่อยๆ รูปพวกนั้นชวนให้น้ำลายหกดูแล้วไม่มีทางจะไม่รู้สึกอะไร
ทำเอาตอนนี้เย่เฉินไม่กล้ามองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แค่เห็นหน้าก็จะชวนนึกถึงรูปพวกนั้นแล้วก็จะเกิดความคิดที่ไม่ใคร่ดีนักกับอีกฝ่าย
นี่ทำให้เย่เฉินรู้สึกขยะแขยงตัวเองอย่างมาก!
การที่เขาชอบหุ่นของหวังเจียเหยาไม่ว่าอย่างไรก็สมเหตุสมผล แต่จะให้คิดอะไรกับหวังหยวนหยวนออกจะเป็นเรื่องไม่สมควรจริงๆ
ดังนั้นเย่เฉินจึงออกจากตระกูลหวังโดยไม่แม้แต่จะมองหวังหยวนหยวน
ทุกคนในบ้านตระกูลหวังต่างก็เดินออกมาส่งเขา มองรถเย่เฉินขับจากไปจนลับออกจากเขตวิลล่าพวกเขาถึงจะยอมเข้าบ้าน
เมื่ออยู่บนรถเย่เฉินก็โทรหาพ่อบ้านฟางเป็นอย่างแรก
“พ่อบ้านฟาง”
“คุณชายมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”
“หลานคุณยังอยู่ที่เมืองหลวงไหมครับ? คืนพรุ่งนี้ผมอยากจะให้เขาไปดูตัวหน่อย”
“ครับ เขายังอยู่ที่เมืองหลวงเดี๋ยวผมจะให้คนไปรับเขามาอวิ๋นโจว”
“อืม”
ควาามจริงแล้วที่เย่เฉินรับปากพรุ่งนี้จะไปกินข้าวกับหวังเจียเหยา ไม่ได้จะให้โอกาสหญิงสาวเพื่อคืนดีกันแต่เขามีเป้าหมายอื่น
สามปีที่ผ่านมาเย่เฉินปิดบังหวังเจียเหยา เรื่องนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมกับหญิงสาวดังนั้นเขาจึงอยากจะชดเชยให้หล่อน
โดยแนะนำคุณชายที่ตระกูลมีทรัพย์สินมูลค่าเกือบหมื่นล้านให้หญิงสาวซึ่งก็คือหลานชายพ่อบ้านฟาง
พ่อบ้านฟางถึงจะเป็นคนใช้ของตระกูลเย่ แต่ด้วยอำนาจ ทรัพย์สินถือว่าเหนือกว่าตระกูลหวังมากนัก
ดังนั้นหลานชายพ่อบ้านฟางย่อมคู่ควรกับหวังเจียเหยา ถ้าหากเจ้าหล่อนยินดีก็จะได้แต่งเข้าตระกูลเศรษฐีเหมือนกัน
นั่นเพราะในสายตาเย่เฉิน ที่หวังเจียเหยาอยากคืนดีกับเขาก็เพราะเงิน
แต่ไม่จำเป็นต้องทำให้วุ่นวายขนาดนั้น
คุณชอบเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจะแนะนำคนมีเงินให้คุณสักคนแล้วกัน
ข้อเสียเดียวของหลานชายพ่อบ้านฟางก็คือเขาเป็นคนพิการ ไม่สามารถทำเรื่องอย่างว่าได้
ซึ่งมันพอดีกับรสนิยมของเจียเหยาพอดีไม่ใช่เหรอ?
สามปีก่อนหล่อนไม่ยอมนอนกับเขา แปลว่าเจ้าตัวก็คงไม่สนใจเรื่องนี้เช่นกัน
คิดไปคิดมารถก็มาถึงวิลล่าที่เขตเหมยกุยหยวนอยางรวดเร็ว
“คุณเย่! คุณเย่!”
เมื่อคืนวานตอนเย่เฉินขับรถมาถึงปากทางเข้าวิลล่า ก็ถูกซ่งหงเย่และหวังเจียเหยาขวางเอาไว้
คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมีผู้หญิงอีกคนทำแบบเดียวกัน
เย่เฉินเปิดกระจกดูที่แท้เป็นหลิ่วหรูซือแม่ของฟางเชา
หลิ่วหรูซือคนนี้แน่วแน่จริงๆ วันนี้รอเขาอยู่ที่บริษัทไม่กินไม่ดื่มทั้งวัน
ตอนนี้ก็ยังวิ่งโร่มารอในที่พักของเขา
“คุณนายฟางกลับไปเถอะครับ ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
เย่เฉินกล่าวกับหลิ่วหรูซือ
หลิ่วหรูซือกล่าวด้วยน้ำเสียงเว้าวอน “คุณเย่ ฉันขอร้องคุณล่ะค่ะ ขอเวลาหน่อยห้านาทีก็ได้”
เย่เฉินส่ายหน้าเห็นหลิ่วหรูซืออ่อนวอนเขาเช่นนี้จึงรับปาก “ตามเข้ามาสิ”
เย่เฉินไม่ได้ให้อีกฝ่ายขึ้นรถ แต่ให้หล่อนวิ่งตามรถแทน
คนตระกูลฟางไม่คู่ควรจะนั่งรถคันเดียวกับเขา
พอมาถึงชั้นหนึ่งของวิลล่า เย่เฉินก็ไม่ได้ให้คนเตรียมชามารับรองแต่อย่างใด
เย่เฉินกล่าวอย่างตรงไปตามขณะนั่งบนโซฟา “มีเรื่องอะไร คุณพูดมาเลย”
หลิ่วหรูซือไม่กล้าพูดเหลวไหล หล่อนเข้าเรื่องทันที “คุณเย่ หลังจากที่พบคุณเมื่อวานแล้วถึงได้เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างคุณ ฟางเชาและหวังเจียเหยาจริงๆ ฟางเชาคนเดียรัจฉาน รู้ดีแก่ใจว่าหวังเจียเหยามีสามี เขายังจะไปอ่อยหล่อนอีกน่าโดนตีจริงๆ! ฉันกับพ่อเขาสั่งสอนเขาไปแล้ว! แต่ว่าจากที่ฟังฟางเชาเล่า พวกเขาสองคนไม่ได้มีอะไรกัน คุณหนูหวังเจียเหยายังบริสุทธิ์อยู่”
เย่เฉินหัวเสีย “อย่ามาเล่นไม้นี้กับผม! ผมเห็นว่าลูกชายคุณกับภรรยาผมเปิดห้องด้วยกันด้วยตาตัวเองที่โรงแรม!”
“ใช่ค่ะๆ ถึงสุดท้ายจะไม่ได้มีอะไรกันแต่ฟางเชามีความคิดแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง แต่เรื่องนี้จะโทษฟางเชาไม่ได้ หวังเจียเหยาคนนี้เก่งนัก หน้าเงินแถมรังเกียจคนจน ถ้าหล่อนไม่คิดว่าคุณเย่ไร้ความสามารถก็คงจะไม่รับปากฟางเชาหรอก”
หลิ่วหรูซืออธิบายต่อ
เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “คุณไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องของหวังเจียเหยาหรอก ผมมีวิธีลงโทษหล่อนอยู่แล้ว แต่คุณอย่าคิดจะโทษหวังเจียเหยาเชียว!”
หลิ่วหรูซือเก้อเขินรู้ว่าหวังเจียเหยาและฟางเชาไม่อาจหลุดพ้นการลงทัณฑ์ของเย่เฉินได้แน่
หลิ่วหรูซือจึงถามอย่างตรงไปตรงมา “ฉันขอถามคุณหน่อยนะคะ คุณเย่คิดจะลงโทษลูกชายฉันยังไงคะ?”
เย่เฉินครุ่นคิดแล้วกล่าว “ไม่รู้สิ บางทีอาจจะขอความเห็นซีกวากับหลิวเจิ้งคุน พวกเขาน่าจะอยากจับฟางเชาตอนล่ะมั้ง”
พอได้ยินแบบนี้หลิ่วหรูซือก็รู้สึกปวดหัวขึ้นกว่าเดิม
หลิ่วหรูซือจึงคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉิน “คุณเย่ ฟางเชายังอายุน้อย เขายังไม่มีลูกด้วยซ้ำไป ฉันอยากจะขอร้องคุณ อย่าทำรุนแรงขนาดนั้นเลยนะคะ ได้โปรดเถอะค่ะ!”
น้ำตาหลิ่วหรูซือพรั่งพรูราวสายฝน เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นความทุกข์ทรมานทั้งหมดของคนเป็นแม่
ที่จริงแล้วก่อนหล่อนจะมาได้เตรียมผู้หญิงจำนวนมากไว้ให้ฟางเชา หลังจากคืนวานแล้วน่าจะมีผู้หญิงบางคนท้องลูกของฟางเชาแล้ว
การที่หลิ่วหรูซือคุกเข่าลงตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมนัก
ไม่ว่ายังไงหลิ่วหรูซือก็ถือเป็นผู้อาวุโสกว่า อีกทั้งยังเป็นคนมีอิทธิพลและชื่อเสียงมากทีเดียวในแวดวงธุรกิจของอวิ๋นโจว
ไม่พูดเรื่องอื่นแค่เรื่องบุคลิก ใบหน้าและคำพูดคำจาของหลิ่วหรูซือก็ทำให้เขาชื่นชมหล่อนอย่างมาก
แต่เย่เฉินก็ไม่ไปประคองหล่อน
ลูกชายหล่อนทำผิด หล่อนอยากคุกเข่าก็ทำไป!
“งั้นตัดนิ้วดีไหม?”
เย่เฉินถามต่อ
หลิ่วหรูซือคุกเข่าอ้อนวอนต่อ “คุณเย่! ว่ากันว่าร่างกายผิวหนังล้วนแต่ได้มาจากบิดามารดา คุณตัดนิ้วเขาก็เหมือนตัดนิ้วพวกเรา! ขอความเมตตาจากคุณ ได้โปรดอย่าทำร้ายเขาเลยค่ะ”
เย่เฉินตะคอก “ผมรู้แล้วว่าคุณไม่ได้อยากจะให้ลูกชายคุณชดใช้อะไรทั้งนั้น! ลูกชายคุณล่วงเกินผม ผมในตอนนี้ก็น่าจะถือว่าเป็นคนลำดับหนึ่งของโลกธุรกิจในอวิ๋นโจว ดังนั้นทุกคนต่างก็รับรู้เรื่องคาวๆ ของลูกชายคุณและอดีตภรรยาผม ถ้าหากผมไม่ลงโทษพวกเขาปล่อยให้พวกเขาลอยหน้าลอยตาอยู่ในอวิ๋นโจวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อไปภายหน้าผมจะอยู่ในอวิ๋นโจวได้ยังไง!”
หลิ่วหรูซือค่อนข้างเห็นด้วยกับคำพูดนี้ของเย่เฉินมากทีเดียว
ในฐานะที่เย่เฉินเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป เขาสูงส่งและมีชื่อเสียง หลังจากที่ทุกคนรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้วต่างก็พูดกันไปต่างๆ นานา
เย่เฉินจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องหน้าตาของตนเองได้อย่างไร
ทันใดนั้นเองหลิ่วหรูซือก็เงียบขึ้นมาอย่างกระทันหัน น่าจะเงียบได้สามนาทีเต็มๆ
ทำให้เย่เฉินคิดว่าหลิ่วหรูซือไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?
สามนาทีต่อมา จู่ๆ หลิ่วหรูซือก็ถอดเสื้อด้านนอกออกแล้วกล่าว “คุณเย่ฉันยินดีช่วยคุณกอบกู้หน้าของคุณคืนมาค่ะ”
เย่เฉินไม่ได้รับกำไลหยกนั้นมา
“ของที่ผมให้แล้วไม่มีทางเอาคืน อีกอย่างผมไม่อยากกินข้าวของพวกคุณฟรีๆ”
สามปีมานี้เย่เฉินได้คนตระกูลหวังเลี้ยงดู เขาไม่อยากจะให้คนครหา
คุณนายหวังพยักหน้าแล้วเก็บกำไลหยกกลับไป
หล่อนชอบกำไลหยกวงนี้มาก เมื่อวานตอนที่รู้ว่าเย่เฉินเป็นคนให้มายังใส่จนหลับไปด้วยความดีใจ
เย่เฉินกอดเจ้าพุดเดิ้ลฮัวฮัวแล้วกล่าว “ไม่มีอะไรล่ะก็ผมขอตัวก่อนนะ”
“เดี๋ยว” หวังเจียเหยารีบเรียกเย่เฉินเอาไว้แล้วกล่าว “ฉันอยากจะขอคุยกับนายตามลำพังหน่อยไม่รบกวนเวลานายนานนักหรอก”
ซูหลานเองก็เดินมาแล้วกล่าว “นั่นสิเย่เฉิน เธอมายังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลย นั่งสักหน่อยเดี๋ยวค่อยไป รีบร้อนไปแล้วมั้ง”
คุณนายหวังเองก็ขอร้องแทนหวังเจียเหยา “เป็นสามีภรรยากันหนึ่งคืนก็ถือว่าผูกพันกันลึกซึ้ง อย่างไรเสียพวกเธอก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาสามปี ถ้าเธอยังไม่ยอมอีก หวังเจียเหยาคงต้องคุกเข่าขอร้องเธอแล้วล่ะ”
เย่เฉินมองหัวเข่าของหวังเจียเหยา เขาไม่อยากจะเห็นหล่อนคุกเข่าอีกจริงๆ
“ก็ได้”
หวังเจียเหยาเดินขึ้นลงบันไดไม่ได้ เย่เฉินจึงลงลิฟต์ไปที่ห้องๆ หนึ่งในชั้นที่สองเป็นเพื่อนหล่อน
เพิ่งเข้าห้องไปเย่เฉินก็พบว่าห้องนี้ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างประณีต แต่สไตล์และบรรยากาศไม่ต่างจากห้องของหวังเจียเหยาที่วิลล่าเขตซินเฉิงมากนัก
เพียงครู่เดียวเย่เฉินคิดว่าตนเองกลับมาที่บ้านที่เขาเคยอาศัยเมื่อสามปีก่อน
“เย่เฉินห้องนี้ไม่มีเก้าอี้ พวกเรานั่งคุยกันบนเตียงแล้วกัน”
หวังเจียเหยานั่งลงบนเตียงก่อน
เย่เฉินไม่ได้นั่งลงข้างอีกฝ่าย “ผมยืนก็ได้”
หวังเจียเหยาไม่บังคับเขา หล่อนก้มหน้าลงเหมือนเด็กมัธยมต้นที่กำลังเขินอาย ขาสองข้างแนบสนิทบิดมือไปมา
น้ำเสียงก็อ่อนหวานอย่างยิ่ง
“เอ่อ เรื่องเมื่อวาน ขอบคุณนะคะ”
หวังเจียเหยาแหงนหน้ามองเย่เฉิน
เย่เฉินพบว่าหวังเจียเหยาในวินาทีนี้เหมือนตอนที่พวกเขาสองคนเพิ่งรู้จักกันไม่มีผิด
หวังเจียเหยาในตอนนั้นยังเป็นแค่นักศึกษา ที่บ้านก็จัดแจงส่งผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งให้มาเป็นสามี ในคืนแต่งงานหล่อนก็พูดจาแบบนี้
และนั่นเป็นท่าทีของหวังเจียเหยาที่เขาชอบที่สุด
นี่แน่นอนว่าเป็นแผนของซ่งหงเย่ที่ให้หวังเจียเหยาแสร้งทำแบบนี้ ซ่งหงเย่เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าช่วงที่เวลาที่สวยงามที่สุดตลอดกาลของความรักก็คือตอนที่มันเพิ่งเริ่มขึ้น ดังนั้นหล่อนต้องให้หวังเจียเหยาทำท่าทางเหมือนตอนที่เพิ่งรู้จักกัน
“ขอบคุณผม?”
เย่เฉินประหลาดใจน้อยๆ เขาเมื่อวานทั้งโหดเหี้ยมไร้น้ำใจแถมปล่อยให้อีกฝ่ายคุกเข่าอยู่กลางสายฝนในสวนที่วิลล่าถึงสองชั่วโมงไม่ได้สนใจอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
หวังเจียเหยาไม่เกลียดเขาแต่ยังขอบคุณเขาเหรอ?
หวังเจียเหยากล่าวเสียงเบา “พยาบาล…บอกฉันหมดแล้วล่ะ”
ตอนพูดประโยคนี้หวังเจียเหยายังดูเขินอายน้อยๆ ด้วย
“อ้อ”
เย่เฉินถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้พยาบาลไม่เชื่อฟังเขาแต่บอกความจริงกับหวังเจียเหยา
ทว่าความจริงที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร
หวังเจียเหยาเป็นลม เย่เฉินถึงอุ้มมาในห้องเพื่อไม่ให้เจ้าหล่อนต้องตากฝน นี่คือเรื่องปกติที่คนทำกัน
อย่าว่าแต่หวังเจียเหยาเป็นถึงอดีตภรรยาของเขาเลย ถึงจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปหรือต่อให้เป็นคนเร่ร่อนเขาก็จะทำแบบนี้
ดังนั้นพยาบาลจะฟังเขาไหม เขาไม่สนใจ
ใครจะรู้หวังเจียเหยากลับพูดว่า “เย่เฉินเมื่อคืนที่นายทำกับฉัน…ฉันไม่โทษนายหรอก”
เย่เฉินนิ่งไป ฟังจากน้ำเสียงของหวังเจียเหยาแล้วเหมือนเขาไปเอาเปรียบหญิงสาวอย่างไรชอบกล
เย่เฉินชักจะเริ่มหัวเสีย “ใช่ เมื่อคืนวานตอนผมเห็นคุณเป็นลม ผมก็เลยอุ้มคุณเข้าวิลล่า ทำไมเหรอ? ผมอุ้มคุณไม่ได้เหรอ? ผมอุ้มคุณแค่นิดเดียวคุณก็โทษผมเหรอไง!”
เย่เฉินโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้วเพราะเมื่อสามปีก่อนหวังเจียเหยาก็ทำแบบนี้กับเขา!
อย่าว่าแต่อุ้มเลย แค่มือยังไม่ให้แตะด้วยซ้ำ!
มีครั้งหนึ่งทั้งสองคนลองขับรถพอร์ชโบราณช่วงปี 80 เป็นรุ่นเกียร์กระปุก
เพราะหวังเจียเหยานั่งค่อนข้างตรงกลาง ตอนที่เย่เฉินแตะเกียร์ ไม่ทันระวังมือไปแตะต้นขาหล่อนเข้า
หวังเจียเหยาโกรธอย่างมาก ด่าเขาอยู่นาน บอกว่าเย่เฉินหน้าไม่อาจฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งหล่อน!
ชีวิตแบบนี้ช่างน่าขับข้องใจจริงๆ!
เป็นสามีภรรยากันแต่ทำไมแตะต้องกันไม่ได้!
คุณปู่ให้เขาแต่งเข้ามาที่นี่เพื่อเป็นเขยไม่ได้ให้มาเป็นคนรับใช้!
ถ้าหากแตะต้องภรรยาตนเองไม่ได้ แล้วการที่เขาอยู่ที่บ้านหลังนี้จะต่างอะไรกับคนรับใช้?
“ไม่เลยๆ อย่าโกรธเลยนะ ที่รัก นายทำอะไรกับฉันก็ได้ ฉันจะโทษนายได้ยังไง?”
หวังเจียเหยารีบไปกอดเขา แต่ถูกเขาผลักออก
“อย่าเรียกผมว่าที่รัก เรียกผมว่าเย่เฉินก็พอ!”
ตอนนี้ขาหญิงสาวได้รับบาดเจ็บ ร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นจึงไม่สามารถเกาะแกะวอแวเขาได้เหมือนเมื่อวานแล้ว
หวังเจียเหยาเองก็รู้สึกว่าตนเองขับข้องใจเช่นกัน “เย่เฉินฉันเกือบจะทำเรื่องผิดกับนายก็จริง แต่นายไม่ได้ทำอะไรผิดเหรอ? นายเป็นคนมีเงินกลับมาหลอกพวกเราบอกว่าตัวเองเป็นยาจก นายหลอกฉันมาสามปีเต็มๆ! ถ้านายบอกความจริงฉันตั้งแต่แรก ฉันคงจะไม่เหลือบแลคนอย่างฟางเชาด้วยซ้ำไป!”
เย่เฉินเองก็รู้ว่าตนเองปกปิดความจริงเอาไว้ถึงสามปี จุดนี้ออกจะไม่ยุติธรรมกับหวังเจียเหยาจริงๆ
เย่เฉินกล่าวว่า “คุณพูดถูก ผมปกปิดความจริงมาสามปี ผมผิดเองเอาแบบนี้แล้วกัน รอคุณหายดีแล้วไปกินข้าวกัน ตอนนั้นผมจะชดเชยให้คุณ”
“ชดเชยเหรอ?”
ในใจหวังเจียเหยาปลื้มปิติอย่างยิ่ง!
ชดเชยอะไรกัน?
เขาจะคืนดีกับหล่อนแล้วใช่ไหม?
เขาจะแต่งงานกับหล่อนอีกรอบใช่ไหม?
สวรรค์ รถมายบัครุ่นลิมิเต็ดคันนั้น วิลล่าพักร้อนที่ภูเก็ตจะกลายเป็นของหล่อนหมดเลยใช่ไหมนะ?
หวังเจียเหยาดึงมือเย่เฉินด้วยความตื่นเต้น “ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่ได้บาดเจ็บอะไร พรุ่งนี้ก็ได้ พรุ่งนี้พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ!”
เย่เฉินมองขาของหวังเจียเหยาแล้วกล่าว “ก็ได้ พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้”
“จะไปไหน? ร้านบะหมี่กุ๊กไก่ที่นอกเมืองเหรอ?” หวังเจียเหยาถาม
เย่เฉินยิ้มแล้วกล่าว “ผมเป็นประธานบริษัทแล้ว จะพาคุณไปร้านอาหารเล็กๆ ได้ยังไงกัน ไปที่เรือนหลงจิ่งกันเถอะ คุณชอบบรรยากาศที่นั่นมากเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ได้ค่ะ!” หวังเจียเหยากล่าวอย่างยินดี
เย่เฉินแกะนิ้วหวังเจียเหยา “ผมควรกลับได้แล้ว”
“ฉันจะไปส่ง”
“ไม่ต้อง พักผ่อนเถอะ”
เย่เฉินอุ้มเจ้าพุดเดิ้ลฮัวฮัวออกจากห้องแล้วเดินลงไปด้านล่าง
“แหม เย่เฉิน คุยไปได้เพียงครู่เดียวทำไมถึงออกมาแล้วล่ะ คุยกันนานๆ หน่อยสิ”
ซูหลานเห็นเย่เฉินลงมาเร็วจึงไม่ใคร่จะพอใจนัก
พวกเขาทั้งบ้านต่างก็หวังว่าเย่เฉินจะนอนกับหวังเจียเหยาสักคืน ยังไงเสียในสายตาคนตระกูลหวังตอนนี้ เย่เฉินลุ่มหลงหวังเจียเหยาอย่างมาก
เย่เฉินกล่าว “ไม่จำเป็นพรุ่งนี้พวกเรานัดกันกินข้าวแล้ว”
พอได้ยินแบบนี้พวกซูหลานก็ดีใจอย่างมาก!
มีพัฒนาการนี่!
คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะยอมไปกินข้าวกับหวังเจียเหยา!
นี่แปลว่าระหว่างพวกเขาสองคนน่าจะยังเป็นไปได้!
หวังหยวนหยวนเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกริษยาอย่างมาก รีบเดินมาแล้วกล่าวว่า “เย่เฉิน ฉันรู้สึกว่าพวกเราก็จะต้องคุยกันตามลำพังบ้างนะ!”
เย่เฉินไม่เปิดโอกาสให้หล่อน “เธอไปเล่นที่อื่นไป”
เย่เฉินเองก็ไม่สนใจหญิงชราที่เคยทำตัวเย่อหยิ่งไม่สนใจใครของตระกูลหวังเช่นกัน
เขาไม่ได้มาเพื่อใครในตระกูลนี้แต่เขามาเพื่อสุนัขตัวหนึ่ง
“ฮัวฮัวล่ะ?” เย่เฉินถามขณะมองหวังซ่าวเจี๋ย
หวังซ่าวเจี๋ยเป็นคนเดียวในตระกูลหวังที่เขายินดีจะพูดคุยด้วยในตอนนี้
หว่างซ่าวเจี๋ยรีบตอบทันที “ในห้องครับ พี่ไปหาน้องเจียเหยาเถอะครับ”
ซูหลานเองก็รีบเดินมาด้านหน้าพลางกล่าว “เย่เฉินอย่าโกรธเจียเหยาเลยนะที่ไม่ได้ออกมารับเธอ เมื่อวานเจียเหยาคุกเข่านานเกินไปน่ะ เมื่อวานปฐมพยาบาลกันที่โรงพยาบาลอยู่ตั้งหลายชั่วโมง ตอนนี้เพิ่งจะดีขึ้นมานิดหน่อยแต่ยังเดินไม่ได้”
เย่เฉินรู้ว่าหวังเจียเหยาร่างกายบอบบางต้องคุกเข่าอยู่ถึงสองชั่วโมง ตอนนี้ลุกขึ้นยืนก็อาจจะลำบากเอาการ
ทว่าคำพูดเหลวไหลเรื่องปฐมพยาบาลหลายชั่วโมง เย่เฉินไม่มีทางเชื่อ
สามปีที่ผ่านมาเขาเป็นคนดูแลหวังเจียเหยามาตลอด เขาฟูมฟักดูแลอีกฝ่ายอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สุขภาพของอีกฝ่ายเป็นอย่างไรเขารู้ดีกว่าใครทุกคน
แต่เขาก็ไม่พูดอะไรและเดินตรงดิ่งเข้าไปในบ้าน
เพิ่งจะถึงชั้นแรกที่คุ้นเคย เย่เฉินก็เห็นหวังเจียเหยานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกำลังอุ้มเจ้าฮัวฮัวไว้ในอ้อมแขน
ส่วนบนโต๊ะอาหารนั้นมีอาหารต่างๆ วางเรียงรายเต็มโต๊ะไปหมด สามปีที่แล้วไม่เคยจะอุดมสมบูรณ์แบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ
เย่เฉินเห็นที่ขาหน้าของเจ้าฮัวฮัวมีผ้าพันแผลพันอยู่จริงๆ เขารู้สึกสงสารมันอย่างยิ่งรีบเดินตรงดิ่งไปหามันทันที
เพิ่งจะไปถึงตัวฮัวฮัว สิ่งที่เย่เฉินเห็นเป็นสิ่งแรกคือรอยแผลบนขาหวังเจียเหยา
หวังเจียเหยาใส่กระโปรงสั้น เดิมทีเจ้าตัวคิดจะใส่ประโปรงยาวซ่อนรอยแผลนั้นสักหน่อยแต่ถูกซ่งหงเย่ด่าเสียยกใหญ่
ใส่กระโปรงยาวแล้วจะขอคะแนนความเห็นใจจากเย่เฉินได้ยังไง!
ทว่าพอเห็นรอยแผลบนขาหวังเจียเหยาแล้ว เย่เฉินกลับไม่ได้เห็นใจอีกฝ่ายแต่อย่างใด
เพราะตอนหล่อนเปิดห้องกับฟางเชาก็ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเขาเช่นกัน!
“เย่เฉินนายมาแล้วเหรอ”
หวังเจียเหยาริมฝีปากซีดเผือดก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแผ่วเบาและอ่อนระโหย
แต่หวังเจียเหยาที่ปากซีดเซียวใบหน้าซีดเผือดดูอ่อนระโหยไร้เรี่ยวแรงก็ยังสวยจนน่าหลงใหล
เย่เฉินไม่สนใจอีกฝ่ายและไม่ได้ไถ่ถามอะไร เขายื่นมือออกรับฮัวฮัวในอ้อมกอดอีกฝ่าย
หลังจากที่ฮัวฮัวเห็นเย่เฉิน มันก็ตื่นเต้นดีใจจนกระโดดโผเข้ามาหาเย่เฉิน
เห็นฮัวฮัวเดินมาหาด้วยขากะเผลกๆ เย่เฉินก็รู้ว่าฮัวฮัวต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน
เย่เฉินเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง เขาไม่อยากให้คนตระกูลหวังทำอะไรแบบนี้อีกเพื่อหาเรื่องพบเขา
ดังนั้นเย่เฉินจึงกล่าวกับคุณนายหวัง “คุณนายหวัง ผมหวังว่าคุณจะขายสุนัขตัวนี้ให้ผม ผมยินดีจ่ายให้คุณล้านหยวน”
คุณนายหวังถือไม้เท้าเดินเข้ามาแล้วกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเฉินเอ้ย นั่งลงกินอะไรก่อนสิ เราเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ฮัวฮัวเป็นของย่า ย่อมแปลว่าเป็นของเธอเหมือนกัน พูดเรื่องซื้อเรื่องขายอะไรกัน ชักจะเกรงใจกันเกินไปแล้ว”
เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “ผมและหวังเจียเหยาหย่ากันแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนครอบครัวเดียวกันกับคุณสักหน่อย ผมไม่คิดจะกินอาหารมื้อนี้ด้วยซ้ำไป เดี๋ยวพอผมซื้อสุนัขตัวนี้แล้วก็จะไปทันที”
เย่เฉินแน่วแน่อย่างยิ่งทำให้คนตระกูลหวังเสียหน้าอย่างมาก
คุณนายหวังกล่าว “ก็ได้ ถึงจะไม่กินข้าวด้วยกัน อย่างน้อยก็บอกพวกเราหน่อยว่ามันเรื่องอะไรกัน? เธอมีเงินมากมายขนาดนั้นแล้วทำไมถึงต้องแต่งเข้าบ้านเรา? ทำไมบอกแค่คุณปู่ที่ตายไปแล้วเพียงคนเดียว? เฉินเอ๋อร์ ถ้าเธอไม่บอกความจริงเรามา ถ้าย่าตายก็คงตายตาไม่หลับ!”
เย่เฉินรู้ว่าสามปีมานี้คนทั้งตระกูลหวังต่างก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร
วันนี้เขาก็ควรจะอธิบายให้ทุกคนได้รู้!
เย่เฉินกล่าวว่า “ก็ได้ในเมื่อทุกคนอยากรู้ ผมก็จะบอก ตระกูลเย่ของเรามีกฎประหลาด ผู้ชายจะต้องถูกทดสอบ ถึงจะสืบทอดธุรกิจของที่บ้านได้ ปู่ของผมต้องการจะฝึกจิตใจและนิสัยของผม เมื่อสามปีก่อนถึงได้จัดแจงให้ผมมาเป็นเขยของตระกูลหวังของคุณ
ถึงแม้ว่าตระกูลหวังจะเป็นแค่ตระกูลชั้นสองเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีหน้ามีตาอยู่บ้าง ลำพังแค่ตัวผมเองก็คงจะยากที่จะได้แต่งเข้า ดังนั้นคุณปู่ของผมก็ไปเจอคุณปู่ของหวังเจียเหยาเข้าเลยปรึกษาเรื่องนี้กับเขา เขาดีใจมากที่จะได้ดองกับตระกูลเย่ของเรา แต่คุณปู่ของผมบอกกับเขาว่าต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ทั้งตระกูลจะมีเขารู้ได้แค่คนเดียว ทันทีที่แพร่งพรายเรื่องนี้กับพวกคุณ สัญญาเรื่องแต่งงานให้ถือว่าเป็นโมฆะไป!”
พอได้ยินแบบนี้ทุกคนก็เข้าใจแจ่มแจ้งทันที
“มิน่าก่อนพ่อจะตายถึงได้อ้ำๆ อึ้งๆ! สองปีมานี้ผมยังเอาแต่คิดเลยว่าพ่ออยากจะบอกอะไรกับผมกันแน่ถึงได้ลังเลขนาดนั้น?”
หวังจื้อหย่วนย้อนคิดเรื่องในอดีตแล้วนึกขึ้นได้
ปู่ของหวังเจียเหยาไม่กล้าพูดอะไร เพราะทันทีที่บอกเรื่องนี้กับหวังจื้อหย่วนและซูหลาน ท่าทีที่พวกเขามีต่อเย่เฉินต้องเปลี่ยนไปแน่นอน
ทันทีที่ดีกับเขามากขึ้น การขัดเกลานิสัยและจิตใจของเย่เฉินี้ก็จะไม่มีความหมายอะไร
และในเวลานี้เองก็ได้เห็นคุณนายหวังพุ่งไปสั่งสอนหวังเจียเหยา “หวังเจียเหยา! ผู้ชายที่ดีอย่างเย่เฉินแบบนี้ไปหาที่ไหนก็ไม่เจอ คิดไม่ถึงว่าแกจะไม่รู้จักทะนุถนอมเขา!”
หวังหยวนหยวนเดินมาและกล่าวว่า “จริงด้วย เรื่องนี้พี่ทำไม่ถูกนะคะ ถ้าคนที่แต่งงานกับเย่เฉินคือฉัน ฉันไม่มีทางทำแบบพี่เจียเหยาแน่!”
“เย่เฉินอยากจะแต่งเข้าต่ออีกสักปีไหม คราวนี้แต่งกับฉัน ให้ฉันฝึกเองดีไหม?”
เย่เฉินมองหวังเจียเหยาอย่างจนคำพูด “ผมขอบคุณนะแต่ผมไม่ต้องการ!”
นี่มันบ้าชัดๆ แต่งเข้าตระกูลหวังมาสามปีแล้วจะให้ทนแต่งเข้าต่ออีกหนึ่งปีเหรอ?
นิสัยและจิตใจนั้นถูกฝึกซ้อมจนด้านชาไปแล้ว !
“หยวนหยวนอย่าพูดเหลวไหล!”
คุณนายหวังตำหนิหลานสาว
จากนั้นคุณนายหวังก็มองไปที่เย่เฉินอีก “เฉินเอ๋อร์เมื่อสามปีก่อนพวกเราทุกคนทำตัวไม่ดีกับเธอ วันนี้พวกเราคนตระกูลหวังทุกคนขอดื่มให้เธอเพื่อเป็นการขอโทษ! จื้อเฉียง จื้อหย่วน รีบรินเหล้าเร็ว!”
“ครับคุณแม่”
คนแซ่หวังทุกคนต่างถือจอกเหล้าเพื่อจะดื่มเหล้าขอโทษเขา
เย่เฉินกอดสุนัขเอาไว้แล้วมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
รอจนพวกเขาดื่มเสร็จ เย่เฉินก็กล่าวว่า “บอกราคาได้หรือยังครับ? พวกคุณจะขอโทษหรือไม่ผมไม่สนใจ แต่พวกคุณสบายใจได้ผมไม่คิดจะล้างแค้นพวกคุณหรอก ส่วนโปรเจกต์อีผิ่นเจียเหยา บริษัทเราก็จะยังร่วมมือกับคุณต่อ แต่แค่โปรเจกต์นี้เท่านั้น ต่อไปถึงจะอยากร่วมมือต่อก็อย่าได้หวังเลย”
คุณนายหวังมองหวังเจียเหยาอย่างสับสนแล้วกล่าวว่า “เฉินเอ๋อร์ ย่ารู้ว่าเธอชอบเจ้าพุดเดิ้ลตัวนี้ เธออยู่บ้านเรามาสามปี ย่ารักมันขนาดไหนเธอก็น่าจะรู้ เอาแบบนี้ดีไหมในสัปดาห์หนึ่งฮัวฮัวอยู่กับเธอห้าวัน แล้วอยู่กับย่าสองวันแบบนี้ดีไหม?”
เย่เฉินรู้ดีว่าคุณนายหวังรักสุนัขตัวนี้มาก หญิงชราไม่มีเพื่อนดังนั้นหล่อนจึงเห็นสุนัขตัวนี้เป็นเหมือนเพื่อน
เย่เฉินพยักหน้า “ได้ คุณบอกราคามาสิ”
“ไม่เอาเงิน ไม่เอาเงิน!” ซูหลานเดินมาพร้อมส่งยิ้ม “คนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้นพูดเรื่องเงินอะไรกัน แล้วอีกอย่างคราวก่อนเธอให้กำไลหยกมาราคาตั้งสิบล้าน!”
ซูหลานลำพองใจ ลูกเขยของเธอเป็นเจ้าของของขวัญราคาแพงชิ้นนั้น!
คุณนายหวังมองกำไลหยกที่อยู่บนแขนซ้ายแล้วปลดออกส่งให้เย่เฉิน “เฉินเอ๋อร์ ขอบคุณนะที่ให้ของขวัญย่าราคาแพงขนาดนี้ ฉันที่เป็นย่าที่ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่คนเป็นย่าควรทำด้วยซ้ำ ย่าไม่คู่ควรจะได้รับของขวัญของหลานเลย เธอเอากลับไปเถอะ!”
คนตระกูลหวังเข้าใจทันที
พวกเขาเข้าใจเจตนาที่คุณนายหวังทำเช่นนี้อย่างรวดเร็ว!
สามปีที่ผ่านมานี้เย่เฉินอยู่กับเจ้าพุดเดิ้ลตัวนี้นานที่สุด
อีกอย่างมีคำพูดว่า ‘ตาหมามองคนต่ำ [1]’ แต่สุนัขในบ้านหลังนี้กลับมองเย่เฉินได้ทะลุปรุโปร่ง
ตั้งแต่ที่เย่เฉินมาตั้งแต่ครั้งก่อน ก็พอจะมองออกว่าเย่เฉินผูกพันกับเจ้าฮัวฮัวอย่างมาก
คุณนายหวังรู้ว่าตอนนี้มีเพียงสุนัขตัวเดียวที่ควรค่าให้เย่เฉินมาหาด้วยตนเอง!
ส่วนคนอื่นซึ่งรวมถึงตนเองไม่สำคัญเท่าสุนัขตัวหนึ่งด้วยซ้ำ!
ตีสามแล้วแต่ฝนยังตกอยู่
แต่สำหรับคนตระกูลหวัง คืนนี้เป็นคืนที่ไม่อาจข่มตานอน
คืนนี้ฟางเชาเองก็นอนไม่หลับทว่าไม่ใช่เพราะนอนไม่หลับ แต่ไม่ได้นอนเพราะต้องปั๊มลูกกับหญิงแปลกหน้าตามคำสั่งมารดา
……
เจ็ดโมงครึ่งของเช้าวันต่อมา
เย่เฉินเพิ่งขึ้นจะไปบริษัท หวังซ่าวเจี๋ยก็โทรมา
“มีอะไร?” เย่เฉินถามทันที
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวพลางหัวเราะ “พี่เฉิน ฟังจากเสียงพี่น่าจะตื่นนอนแล้วล่ะสิ ผมยังกังวลว่าผมโทรหาพี่เช้าขนาดนี้จะรบกวการพักผ่อนของพี่!”
“มีอะไร พูดออกมาตรงๆ เถอะ” เย่เฉินกล่าวด้วยความเหนื่อยหน่าย
เขาเองก็รู้ว่าตอนนี้หวังซ่าวเจี๋ยอยู่เป็นอย่างมากไม่โทรหาเขาไปเรื่อยสร้างความรำคาญใจให้เขา
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวว่า “คือแบบนี้นะ พี่เฉิน เจ้าฮัวฮัวพุดเดิ้ลของคุณย่าน่ะ เมื่อวานโดนกระถางตกใส่ขยับเท้าหน้าไม่ได้ น่าสงสารเชียว อีกอย่างไม่ยอมกินอะไรทั้งวันเลยครับ! คุณย่าบอกว่าตอนนี้เห็นจะมีแต่พี่ป้อน มันถึงจะยอมกินข้าว พี่เฉินครับ พี่พอจะมาบ้านคุณย่าสักหน่อยได้ไหมครับ?”
เย่เฉินพอจะฟังออกว่าคนตระกูลหวังอยากให้เขาไปที่บ้าน
ส่วนที่เจ้าฮัวฮัวบาดเจ็บนั้นอาจจะเป็นเรื่องโกหกหรืออาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้
ถ้าบาดเจ็บจริงๆ ก็คงจะไม่บาดเจ็บได้พอดิบพอดีหลังจากที่เย่เฉินประกาศตัวแบบนี้ เป็นไปได้ว่าพวกเขาจงใจทำร้ายมัน!
เย่เฉินโกรธจัดเขาถามทันที “ที่ฮัวฮัวบาดเจ็บเพราะพวกนายจงใจทำร้ายมันเพื่อให้ฉันไปที่ั่นั่นใช่ไหม?”
หวังซ่าวเจี๋ยรีบพูดทันที “จะเป็นไปได้ยังไง พี่เฉินครับ! ฮัวฮัวเป็นสุดที่รักของคุณย่าเลยนะครับพวกเราไม่กล้าทำร้ายมันหรอก”
เย่เฉินพูดเสียงเย็น “ทางที่ดีขอให้เป็นแบบนั้น! วันนี้ตอนบ่ายพอฉันทำงานเสร็จจะไปที่บ้านคุณนายหวัง นายบอกย่านายแล้วกัน ฉันจะเอาฮัวฮัวไปด้วย! ส่วนราคาของฮัวฮัวแล้วแต่จะเรียกเลย”
ตอนนี้ทั้งบ้านตระกูลหวังมีแค่สุนัขตัวนี้ที่เขาอยากได้
สามปีที่ผ่านมาพวกเขาอยู่เป็นเพื่อนกันและกัน เย่เฉินและฮัวฮัวต่างต้องการกันและกัน ใครก็ไม่อยากทอดทิ้งใคร
หวังซ่าวเจี๋ยดีใจอย่างยิ่ง “ได้ครับ งั้นเดี๋ยวพวกเราจะเตรียมอาหารเอาไว้รอพี่มา เจอกันนะครับพี่เฉิน!”
ผ่านไปครู่ใหญ่ เย่เฉินก็มาถึงบริษัทแล้วพบกับคนที่มารอเจอเขา
นั่นคือหลิ่วหรูซือมารดาของฟางเชา
หลิ่วหรูซือสวมชุดทำงานเมื่อเห็นเย่เฉินก็รีบเดินมาหาเขาพร้อมรอยยิ้ม “คุณเย่ ไม่รู้ว่าคุณพอจะมีเวลาไหมคะ ฉันอยากคุยกับคุณ”
เย่เฉินไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหล่อนจะคุยอะไรกับตนเอง ซึ่งคงไม่พ้นการอ้อนวอนแทนลูกชายตนเอง ขอร้องให้เย่เฉินปล่อยเขาไป
ไม่ว่าคำพูดของหวังเจียเหยาจะจริงหรือไม่ก็ตาม ฟางเชาก็คิดจะแย่งภรรยาของเขา คนที่คิดจะแย่งผู้หญิงของเขาคนผู้นั้นต้องรับกรรมที่ตนเองก่อขึ้น!
การล้างแค้นของเย่เฉินยังไม่จบ!
ดังนั้นเขาจึงไม่อยากคุยเรื่องนี้กับหลิ่วหรูซือ
“ผมยุ่งมาก”
เย่เฉินตอบกลับเสียงเรียบแล้วไปที่ห้องทำงานทันที
“อย่างนั้นฉันจะรอคุณที่ล็อบบี้ ถ้าคุณเย่ไม่ยุ่งแล้วหวังว่าคุณจะมีเวลาให้ฉันสักเล็กน้อยนะคะ”
หลิ่วหรูซือกล่าวขณะเดินตามเขา
เย่เฉินไม่ตอบแต่ก็ไม่ไล่อีกฝ่ายไป
ความประทับใจแรกที่เย่เฉินมีต่อหลิ่วหรูซือนั้นดีไม่น้อย ทั้งที่เป็นสะใภ้ของตระกูลใหญ่ลำดับแรกในอวิ๋นโจวเหมือนกันแต่มารยาทและมาดของอีกฝ่ายดีกว่าซูหลานมากนัก
นี่อาจเป็นเพราะหลิ่วหรูซือเกิดมาจากตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนไห่
เย่เฉินย่อมไม่ยุ่งทั้งวันแต่เขากลับปล่อยให้อีกฝ่ายรอ
ณ บริษัทของเย่เฉิน นอกจากดื่มน้ำแล้ว หลิ่วหรูซือไม่ได้กินข้าวเลยแม้แต่คำเดียวเพื่อรอเย่เฉิน
ทว่าเย่เฉินไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พบเขา
ตอนห้าโมงเย็นเย่เฉินออกจากบริษัทให้คนขับรถไปส่งเขาที่วิลล่าเขตซีซานอันเป็นที่พักของคุณนายหวัง
วิลล่าเขตซีซานอาจจะเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่เย่เฉินคุ้นเคยที่สุดในอวิ๋นโจวแล้ว
สามปีที่ผ่านมาเขาไปมาหาสู่ระหว่างวิลล่าเขตซีซานที่คุณนายหวังอยู่กับเขตซินเฉิงที่หวังเจียเหยาอยู่แทบทุกวัน
ด้วยรถออดี้คันนั้นที่หวังเจียเหยาบริจาคให้เขา!
ทุกครั้งที่มาที่นี่เย่เฉินจะเหมือนไม่มีตัวตนขับมาถึงประตูบ้านก็ไม่มีใครออกมารอรับ
ถึงจะบังเอิญมีคนยืนอยู่หน้าบ้าน ทว่าก็ไม่เคยจะชายตาแลเขาแล้วยิ่งไม่มีทางจะทักทายเขาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เย่เฉินเป็นฝ่ายทักทายก่อนแต่พวกเขาก็จะทำเป็นไม่เห็น
เย่เฉินเคยพยายามเข้าหาคนตระกูลหวัง เขาเคยชวนหวังซ่าวเจี๋ยคุยเรื่องพวกกีฬา NBA ชมเสื้อผ้าหวังหยวนหยวน และลองให้ของขวัญเล็กน้อยกับหวังจื้อหย่วนและซูหลาน
แต่ก็ไร้ประโยชน์!
เขาโดนมองข้ามทุกครั้งไป!
ทว่าวันนี้!
ตอนที่มายบัคของเย่เฉินมาถึงปากทางเข้าวิลล่าแล้ว เขาพบว่าทุกคนในตระกูลหวังต่างมายืนรอต้อนรับเขาที่ประตู!
รวมไปถึงคุณนายหวังที่อายุแปดสิบกว่าปีด้วย!
“พวกคนขี้ประจบสอพลอ!”
เย่เฉินที่นั่งในรถเห็นภาพตรงหน้านี้ก็ไม่ได้ลำพองใจหรือลิงโลดมากมายนัก
เพียงแต่รู้สึกว่าครอบครัวที่เห็นแก่เงินครอบครัวนี้ทำให้เขาขยะแขยง!
หลังจากรถหยุดลงแล้ว คนขับรถก็ลงมาจากที่นั่งคนขับ เตรียมจะเปิดประตูรถให้เย่เฉิน
ทว่าหวังซ่าวเจี๋ยกลับเดินปรี่มา “ฉันเปิดเอง! ฉันเปิดเอง!”
พอเปิดประตูด้านหลังแล้ว หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่เฉิน พี่มาแล้วเหรอครับ รีบเข้าบ้านเถอะครับ”
เย่เฉินไม่สนใจหวังซ่าวเจี๋ยเหมือนกับที่อีกฝ่ายไม่เคยสนใจตนเองในตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา! ซูหลานวิ่งมาเป็นคนที่สองแล้วหยิบกระดาษทิชชู่แผ่นหนึ่งตั้งใจจะเช็ดใบหน้าเขา “แย่แล้ว เย่เฉินทำงานมาทั้งวันเหนื่อยแล้วล่ะสิ? ดูสิมีเหงื่อบนหน้าอยู่เลย”
เย่เฉินยื่นมือผลักซูหลานไม่ให้อีกฝ่ายสัมผัสตนเอง
หวังจื้อหย่วนเองยิ้มน้อยๆ แล้วเรียกเขาด้วยเสียงเคารพ “คุณเย่”
หวังจื้อเฉียงอยู่เป็นอย่างมาก ละม้ายว่าลืมเลือนบุญคุณความแค้นที่ผ่านมาของเขาและเย่เฉิน เดินมากล่าวชมเขา “คุณเย่เก่งจริงๆ ดูจากท่าทางการเดินแล้วดูมีโหงวเฮ้งกว่าคุณหม่าเยอะเลย!”
หวังหยวนหยวนเดินมาหาเย่เฉินด้วยใบหน้าที่โง่งม ไม่มีแววตาที่รังเกียจแบบที่ผ่านมา หล่อนใส่ชุดนักเรียนมัธยมปลาย เดินมาหาพวกเขาแล้วส่งจดหมายที่ประณีตฉบับหนึ่งให้เขา
“ฉันเขียนกลอนบทหนึ่งอยากให้นาย”
เย่เฉินไม่ได้รับจดมหายมา เขาเองก็สับสนว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้ชอบเขียนกลอนขึ้นมา
แต่ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อหวังเจียเหยามาหลายปี ด้วยความสามารถด้านภาษาของอีกฝ่ายไม่มีทางเขียนอะไรดีๆ ได้แน่
“เฉินเอ๋อร์มาแล้วเหรอจ้ะ”
คุณนายหวังกล่าวกับเย่เฉินด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
เย่เฉินแค่นเสียงดูถูก ทำให้หญิงชราผู้สูงส่งแห่งตระกูลหวังนอบน้อมขนาดนี้ได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ!
[1] 狗眼看人低 (gǒu yǎn kàn rén dī) บรรยายถึงคนที่คิดว่าตัวเองแน่ ดูถูกคนอื่น

ไม่ว่าจะพยาบาล หมอหรือว่าแอร์โฮสเตส หรือจะนักธุรกิจ

พวกเขาเองก็มีทั้งเพศหญิงและชาย แถมยังมีความเห็นอกเห็นใจคนเพศเดียวกัน!

ยิ่งผู้หญิงสวยๆ แบบหวังเจียเหยาในสายตาพยาบาลหล่อนเหมือนนางฟ้าอย่างไรอย่างนั้น!

ผู้หญิงแบบนี้ควรจะได้รับการทะนุถนอมในอุ้งมือของชายหนุ่ม ทำไมถึงต้องมาคุกเข่าขอโทษผู้ชายด้วย?

นี่มันเหลวไหลเกินไปแล้ว!

ที่จริงแล้วพยาบาลผู้นี้เป็นเฟมินิสต์แบบสุดโต่งและยังเปิดแอคเค้าท์ในเวยป๋อมีผู้ติดตามเป็นจำนวนไม่น้อยหนำซ้ำยังมักจะแชร์ข้อความที่พูดเพื่อเพศเดียวกัน

ปีที่แล้วตอนที่นักเปียโนชื่อดังฉินหลางแต่งงานกับภรรยาที่เด็กกว่าตัวเองสิบกว่าปี ภรรยาไม่เพียงแต่อายุยังน้อย แต่หน้าตาสวยงาม วุฒิการศึกษาสูง หนำซ้ำยิ่งหุ่นดีจนทำให้ผู้หญิงยังต้องอิจฉา

พยาบาลหญิงผู้นี้เคยโจมตีฉินหลางในเวยป๋อบอกว่าเขาเป็นชายวัยกลางคนไม่คู่ควรกับภรรยาแบบนี้!

ไม่ว่าอย่างไรฉินหลางเป็นนักเปียโนระดับโลก เป็นนักเปียโนอัจฉริยะที่ทั้งโลกชาวจีน ทั้งเอเชียไม่ได้มีมานานแล้ว

ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จแบบนี้ในสายตาของพยาบาลสาวคนนั้นไม่คู่ควรกับหญิงสาวที่อ่อนวัยเช่นนี้!

แค่นี้ก็น่าจะก็รู้แล้วว่าหล่อนมีอคติกับผู้ชายขนาดไหน!

ดังนั้นพยาบาลสาวถึงได้จงใจแต่งเรื่องโกหก  ตอนพวกเราเข้าไป คุณอยู่ในห้องนอนชั้นสองหรือสามของวิลล่า 

ทุกคนต่างก็มีความสุขอย่างยิ่งที่เย่เฉินปล่อยหวังเจียเหยาไว้ในห้องนอน โดยสรุปแล้วก็ไม่ได้ตัดรอนกันมากนัก

แน่นอนว่าอย่างไรเสียเย่เฉินเป็นสุภาพบุรุษ เขาทำแบบนี้ก็เป็นปกติ

ไม่ว่าอย่างไรหวังเจียเหยาก็เป็นลมไปแล้วจะให้ปล่อยเจ้าหล่อนตากฝนต่อก็คงไม่ดีกระมัง?

พยาบาลกล่าวต่อ  ตอนที่เราหามคุณหนูหวังออกมาพบว่าร่างกายคุณแห้งหมดแล้ว นอกจากผมและเสื้อผ้าที่เปียกแล้ว พวกแขน ขาก็ไม่เปียกฝนเลย 

พยาบาลพูดจาโกหกอย่างเห็นได้ชัด เย่เฉินแค่อุ้มหวังเจียเหยาเข้ามาที่ห้องรับแขก

แล้วเขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดใบหน้าและคออีกฝ่ายเท่านั้น เขาไม่ได้แตะต้องส่วนอื่นในร่างกายหญิงสาวแม้แต่นิดเดียว!

พอฟังมาถึงตรงนี้คนอื่นก็ตกตะลึง

หรือว่าเย่เฉินเช็ดร่างกายทุกส่วนให้หวังเจียเหยาหรือ?

หวังเจียเหยาถึงกับเขินอาย!

หล่อนเองก็หวังว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้!

แต่หล่อนเองก็รู้ว่าในวิลล่ามีหญิงรับใช้ อาจจะไม่ใช่ฝีมือเย่เฉิน

ทว่าพยาบาลหญิงคนนั้นยังกล่าวต่อไปว่า  แล้วก็ฉันพบว่าเสื้อเชิ้ตของคุณหนูหวังยับยู่ยี่ ฉันสงสัยว่าผู้ชายในวิลล่าคนนั้นอาจฉวยโอกาสลวนลามคุณ! 

 อะไรนะ? 

พอได้ยินคำพูดของพยาบาลสาว หวังเจียเหยาและซูหลานก็ตื่นเต้นขึ้นมา

หวังเจียเหยากล่าวอย่างดีอกดีใจ  เย่เฉินเขายังรักฉันอยู่ ฉันรู้ว่าเขายังรักฉันอยู่! 

พยาบาลสาวคนเดิมกล่าวอย่างงุนงงว่า  คุณหนูหวัง คุณสวยอย่างกับนางฟ้า มีเหรอผู้ชายที่คุณอยากได้แล้วไม่ได้เขามาน่ะ? ทำไมถึงต้องคุกเข่าอ้อนวอนผู้ชายด้วย? การกระทำแบบนี้ของคุณทำให้ลูกผู้หญิงเราขายหน้าเกินไปแล้วมั้ง! ฉันว่าผู้ชายคนนั้นก็ไม่เท่าไหร่ ก็แค่มีเงินหน่อยเท่านั้นเอง สูงก็ไม่น่าจะถึง 180 ซม.ด้วยซ้ำไป เป็นแค่พวกไก่อ่อนก็เท่านั้นเอง! คุณหนูหวังถ้าคุณอยากจะหาแฟนสักคนฉันแนะนำให้คุณก็ได้ทั้งสูงทั้งหล่อแล้วก็รวยด้วย! 

ซ่งหงเย่ฟังมาถึงตรงนี้ก็หยิบเงินร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋าส่งให้พยาบาลแล้วกล่าวว่า  เอาเถอะ ออกไปได้แล้ว ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้วล่ะ 

คิดไม่ถึงว่าจะด่าเย่เฉินเป็นไอ่อ่อน?

เศรษฐีอย่างเย่เฉิน หากไม่ใช่ผู้ชายของเพื่อนสนิท ซ่งหงเย่เองก็อยากจะฉกเขามาเหมือนกัน!

หลังจากที่พยาบาลออกจากห้องพักไปแล้ว หวังเจียเหยาก็เขย่ามือของซูหลานอย่างดีอกดีใจ  แม่คะ แม่ได้ยินไหมคะ? ตอนหนูไม่ได้สติเย่เฉินอาจจะจูบหนูก็ได้นะคะ! 

ซูหลานกล่าวอย่างดีใจ  ได้ยินแล้วจ้ะ ลูกสาวแม่สวยขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรเย่เฉินก็เป็นผู้ชาย เขาเห็นลูกแล้วจะทนได้ยังไงกัน? 

 นี่แปลว่าเขาให้อภัยฉันแล้วหรือเปล่า? 

หวังเจียเหยาหันไปมองซ่งหงเย่ ‘กุนซือ’ ตัวเอง

ซ่งหงเย่ยิ้มพลางกล่าว  ฉันบอกเธอนานแล้วว่าเย่เฉินแค่ปากแข็งเท่านั้นแหละ แต่ในใจเขาคงให้อภยเธอนานแล้ว เพียงแต่เขาเป็นผู้ชายแถมยังเป็นผู้บริหาร เขาก็คงต้องรักษาหน้าตัวเองให้มากเท่านั้น เจียเหยา เธอต้องพยายามต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันเขาจะต้องคืนดีกับเธอแน่ 

หวังเจียเหยาพยักหน้า  อืม! 

หวังซ่าวเจี๋ยและหวังหยวนหยวนเองก็อยู่ด้วย พวกเขาย่อมไม่ได้สนใจใยดีในสุขภาพของหวังเจียเหยาอยู่แล้ว แต่หลักๆ คืออยากจะรู้แน่ชัดว่าเย่เฉินมีท่าทีอย่างไรกับหล่อน

หวังหยวนหยวคิดในใจ  คิดไม่ถึงเย่เฉินจะอาศัยตอนที่หวังเจียเหยาไม่ได้สติแต๊ะอั๋งหล่อน! ฉันหุ่นดีกว่าพี่เจียเหยาตั้งเยอะ ถ้าหากว่ามีวันหนึ่งฉันเป็นลมที่บ้านเย่เฉิน เขาจะทำอะไรฉันบ้างไหมนะ? 

หวังหยวนหยวนเริ่มเพ้อฝัน

หวังซ่าวเจี๋ยสาวเท้าขึ้นมา  หวังเจียเหยา เธอต้องขอบคุณพี่เยอะๆ ถ้าไม่ใช่เพราะที่ผ่านมาพี่คอยจับตาดูเธอ ไม่ให้เธอไปอยู่กับฟางเชาแล้วล่ะก็ ต่อให้เธอสวยขนาดไหนแต่ถูกฟางเชาปู้ยี่ปู้ยำนานเขา เธอว่าเย่เฉินจะอยากแตะต้องเธออยู่ไหม? 

พอพูดแบบนี้หวังเจียเหยาจะต้องขอบคุณหวังซ่าวเจี๋ยจริงๆ!

โกหกเรื่องเปิดห้องที่โรงแรมนั้นยังพอทำให้อีกฝ่ายเชื่อได้ แต่ในช่วงที่จดทะเบียนกันแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหวังซ่าวเจี๋ยอ้างคุณย่าแล้วโทรเช็คทุกคืน

คาดว่าหวังเจียเหยาคงนอนกับฟางเชาไปนานแล้ว!

อย่างไรเสียก็จดทะเบียนกันแล้วถือว่าเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย อนาคตยังไงก็ตั้งใจว่าจะอยู่ด้วยกันหวังเจียเหยาไม่มีทางปฏิเสธฟางเชาอยู่แล้ว

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เย่เฉินคงจะต้องรังเกียจหวังเจียเหยาแน่!

 ขอบคุณนะคะ พี่ซ่าวเจี๋ย  หวังเจียเหยากล่าวขอบคุณหวังซ่าวเจี๋ยจากใจจริง

พอพูดจบหวังเจียเหยาก็ดึงเข็มน้ำเกลือที่เจาะไว้ออก  ฉันเป็นลมเพราะเสียใจมากเกินไป ไม่ต้องให้น้ำเกลือแล้ว ฉันอยากกลับบ้านไปบอกข่าวเรื่องนี้กับคุณย่า! 

ก่อนนี้คุณนายหวังบอกไว้ว่าถ้าหวังเจียเหยาง้อเย่เฉินไม่ได้จะไม่ถือว่าหล่อนเป็นคนตระกูลหวังอีก

ไปง้อเขาครั้งแรกยังได้ผลขนาดนี้หล่อนย่อมต้องอยากให้หญิงชราได้รับรู้

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ วิลล่าเขตซีซาน

 จริงเหรอ? พยาบาลบอกแบบนี้จริงเหรอ? 

พอคุณนายหวังได้ฟังเรื่องราวจากปากหลานสาว หญิงชราก็ยิ้มออกมาอย่างอิ่มเอมใจ  ขอบคุณสวรรค์ที่ประทานหลานสาวที่สวยขนาดนี้ให้ฉัน ฮ่าๆ ขอแค่เย่เฉินยังมีใจให้แก แกก็มีโอกาสจะคืนดีกับเขาแล้ว! 

ซ่งหงเย่เองก็เห็นด้วย  ปัญหาตอนนี้ก็คือเย่เฉินตอนนี้จะต้องทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร หนูกลัวว่าถ้าเจียเหยาไปหาเขาอีก เขาคงจะไม่ให้แม้แต่โอกาสที่จะเข้าพบเขา 

คุณนายหวังพยักหน้า  เย่เฉินเป็นคนหัวแข็ง! เขาเป็นคนแบบนี้จริงๆ! พวกเราควรจะช่วยสร้างโอกาสให้เจียเหยา ! 

 ควรจะทำอย่างไรดีคะคุณแม่?  ซูหลานโพล่งถาม

หล่อนอยากมีลูกเขยเป็นเย่เฉินอีกครั้งใจจะขาด

คุณนายหวังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วทันใดนั้นเองสายตาก็ไปสะดุดที่เจ้าฮัวฮัวพุดเดิ้ลแสนรักในอ้อมกอด หญิงชราวางมันลงบนพื้นแล้วเตะเข้าที่ขาหน้าของมันอย่างแรง

 เอ๋งๆ เอ๋งๆ เอ๋ง 

เจ้าฮัวฮัวครางด้วยความเจ็บปวดทันที

 คุณย่าคะ นี่คุณย่าจะทำอะไรคะ? 

หวังเจียเหยาเองก็ตกใจอย่างมาก ปกติแล้วคุณย่าออกจะรักพุดเดิ้ลตัวนี้มากทีเดียว!

คุณนายหวังกล่าวว่า  ซ่าวเจี๋ยพรุ่งนี้แกโทรหาเย่เฉิน บอกเขาไปว่าเจ้าฮัวฮัวที่เขารักนักรักหนาบาดเจ็บ! 

 

ซ่งหงเย่เป็นกุนซือของหวังเจียเหยา ความตั้งใจหลักของหล่อนก็คือจะให้หวังเจียเหยางอแงไม่ยอมเลิกรา ประสบการณ์ของหล่อนถือว่าโชกโชน เข้าใจผู้ชายเป็นอย่างดี จึงรู้ว่าบรรดาผู้ชายส่วนมากแล้วก็ปากแข็งแต่ใจอ่อนกับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ เป็นฝ่ายขอโทษอ้อนวอน พวกเขาก็จะยอมอ่อนลงให้อย่างรวดเร็ว

ซ่งหงเย่แสร้งทำเป็นประหลาดใจรีบเดินกลับเข้าไปในวิลล่าแล้วกล่าวกับเย่เฉิน  เย่เฉิน ดูสิเจียเหยาคุกเข่าขอโทษนายอีกแล้ว บอกว่าถ้านายไม่ยอมให้อภัยจะไม่ลุกเด็ดขาด 

 ฉันเพิ่งจะดูพยากรณ์อากาศเดี๋ยวฝนจะตกหนัก นายให้อภัยหล่อนก่อนเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวฝนตก หล่อนคุกเข่าอยู่อย่างนั้นจะทำยังไง? สามปีที่ผ่านมานายดูแลหล่อนดีขนาดนั้น กระทั่งไอหรือเป็นหวัดก็ไม่เคย คงไม่อยากจะให้หล่อนป่วยหรอกมั้ง? 

ซ่งหงเย่รู้ดีอย่างยิ่งว่าหากหวังเจียเหยาป่วย เย่เฉินจะต้องเจ็บปวดใจมากทีเดียว

ซึ่งมันก็จริงที่เขาจะเจ็บปวดใจ แต่เขาจะให้อภัยอีกฝ่ายเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้!

การทรยศเป็นปัญหาทางศีลธรรม หากให้อภัยไปแบบนี้ เช่นนั้นสิ่งที่หล่อนต้องชดใช้ให้กับความผิดครั้งนี้ก็ออกจะน้อยเกินไป!

เย่เฉินจำได้ว่าเมื่อตอนที่มา ฟ้าใสดาวเต็มฟ้าจึงคิดว่าฝนไม่น่าตกจึงกล่าวออกไปว่า

 อยากคุกเข่าก็คุกเข่าไปเถอะไป! 

พูดจบเขาก็เดินขึ้นบ้านไปอย่างไร้เยื่อใยและเดินเข้าไปในห้องนอนที่ชั้นสาม

ซ่งหงเย่เดินออกไปแล้วแสร้งทำเป็นโน้มน้าวหวังเจียเหยาแต่ก่อนจะไปกลับบอกหวังเจียเหยาว่า

 สู้ๆ นะเพื่อนสาว! 

เวลาผ่านไปราวสิบนาที เกิดเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น เย่เฉินเดินไปข้างหน้าต่างในห้องนอนชั้นสามของตนเอง แล้วจึงเห็นว่าท้องฟ้าปลอดโปร่งที่เต็มไปด้วยแสงดาว ตอนนี้ไม่มีดาวสักดวง

แต่ท้องฟ้ากลับดำอึมครึมแทน

แปะๆ

สายฝนตกลงไม่หยุด

 วันนี้เป็นวันที่อากาศประหลาดบ้าบอที่สุดที่เคยเจอเลย 

เย่เฉินพึมพำ เขาจำได้ว่าตอนดูพยากรณ์อากาศเมื่อเช้าไม่เห็นมีรายงานเลยว่าคืนนี้ฝนจะตก

เขาคิดว่าบางทีอาจเพราะสวรรค์เห็นผู้หญิงมีชู้อย่างหวังเจียเหยาคุกเข่าอยู่กลางแจ้งถึงได้ตัดสินใจให้ฝนตกเพื่อทำโทษหญิงสาว!

สายฝนเม็ดเล็กตกกระทบลงบนเรือนผมยาวสลวยของหวังเจียเหยากระทบลงบนวงหน้ารูปไข่ที่งดงามของหล่อนบนกระโปรงราคาแพงของหล่อนด้วย

เย่เฉินยืนมองเจ้าหล่านผ่านช่องหน้าต่างบนชั้นสาม

เพราะหล่อนคุกเข่ากลางแสงไฟ ดังนั้นถึงอยู่ในความมืดแต่เขาก็มองเห็นเจ้าหล่อนได้อย่างเต็มตา

ในวินาทีนี้เย่เฉินมองอดีตภรรยาตากฝน เขาไม่รู้สึกสงสารแต่กลับมีความสุขที่ได้แก้แค้นด้วยซ้ำไป!

 ทุกคนต่างก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำ! หวังเจียเหยาคุณคุกเข่าไปเถอะ ผมไม่ใจอ่อนหรอก!  เย่เฉินพึมพำกับตนเองในห้อง

แล้วฝนก็ค่อยๆ ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ลมก็เริ่มแรงขึ้นทุกที!

ฝนเม็ดใหญ่ตกกระทบร่างหวังเจียเหยาอย่างบ้าคลั่งจนหญิงสาวเปียกปอนไปทั้งตัวอย่างรวดเร็ว!

เรือนผมหล่อนเปียกโชกเรือนผมแบนแนบลู่ไปไม่เหมือนก่อน

เครื่องสำอางบนใบหน้าก็เลอะไปหมด เครื่องสำอางราคาแพงที่แต่งเป็นชั่วโมงก่อนหน้านี้หายไปไม่เหลือคราบ

ทว่า!

ถึงจะเป็นเวลาแบบนี้เวลาที่ทุกคนควรจะมีสภาพเละเทะสุดๆ ก็ตาม!

เย่เฉินพบว่าหวังเจียเหยาในตอนนี้ก็ยังคงงดงามเหมือนเดิม!

 ผู้หญิงคนนี้เป็นสาวงามในรอบพันปีจริงๆ! เปียกฝนจนมมะล่อกมะแล่กยังสวยแบบนี้! 

มิน่าที่ผ่านมาเขาถึงได้ชอบหล่อนขนาดนี้ก็หล่อนสวยมากจริงๆ

แค่คิดว่าตนเองไม่เคยได้ครอบครองหล่อน เย่เฉินก็รู้สึกเสียดาย!

พูดกันจริงๆ ตอนนี้ที่เย่เฉินหย่ากับหล่อน เขาไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร

เหมือนกับกลอนรอคอยที่ซีมู่หรงเขียน เขาไม่เคยร้องขอให้อีกฝ่ายยกทั้งชีวิตให้เขา เขาขอแค่วินาทีเดียวนั้น ขอแค่ช่วงเวลาที่รักกันอย่าลึกซึ้ง

ซึ่งส่วนที่เย่เฉินเสียดายอย่างยิ่ง!

นั่นก็คือหวังเจียเหยาไม่เคยเป็นผู้หญิงของเขามาก่อน!

เย่เฉินมองเครื่องหน้าที่แสนงดงามชวนเพ้อของหญิงสาว จู่ๆ พลันเกิดความคิดที่ชั่วร้ายขึ้นในใจ

 ควรจะทำตัวเป็นผู้ชายเจ้าชู้สักหน่อยดีไหมนะ? แกล้งทำเป็นให้อภัยหล่อนก่อนแล้วคืนนี้ชวนหล่อนค้างคืน รอจนพรุ่งนี้แล้วค่อยกลับคำเอาดีไหมนะ? 

แต่ความคิดก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น อย่างไรเสียนี่ถือเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในชั่วชีวิตของเย่เฉิน

แต่เย่เฉินไม่มีทางจะทำเรื่องแบบนั้น

เขาจึงตัดใจไม่มองหล่อนอีกเลยเพื่อที่ความคิดชั่วร้ายนั้นจะไม่กลายเป็นจริง

และเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนเวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ถึงฝนจะซาลงไปแต่ยังคงไม่หยุดตก

เย่เฉินเดินมาที่หน้าต่างอีกครั้งแล้วพบว่าหวังเจียเหยายังคงคุกเข่าอยู่เลย!

 เฮ้อ 

เย่เฉินถอนหายใจ บางทีเขาอาจจะควรลงไปบอกหวังเจียเหยาที่ด้านล่างว่าไม่ว่าหล่อนจะคุกเข่านานเท่าไหร่ เขาก็ไม่มีทางให้อภัยหล่อน

แต่เขากลัวว่าหวังเจียเหยาจะมาเกาะแกะเขาเหมือนเมื่อครู่

เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วรอต่ออีกสักชั่วโมงหนึ่ง

ในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้ เย่เฉินเอาแต่มองดูอดีตภรรยา ดูว่าหล่อนแอบโกงไปพักหรือไม่

ทว่าหวังเจียเหยาคุกเข่าไม่ไหวติง!

 หวังเจียเหยา… 

เย่เฉินรู้ว่าหวังเจียเหยาเป็นคนบอบบาง ต่างไปจากคนแข็งแกร่งอย่างฉินหงเหยียน หวังเจียเหยาไม่มีทางทนตากฝนแบบนี้ได้แน่

แล้วเวลาผ่านไปสองนาที จู่ๆ ร่างกายหวังเจียเหยาก็โอนเอนขึ้นมาจริงๆ

เกิดเสียงดังโครมแล้วหวังเจียเหยาเป็นลมล้มพับลงไปกองกับพื้น!

น่าจะเป็นไปตามสัญชาตญาณ เขารีบร้อนวิ่งลงไปด้านล่างวิ่งออกไปที่สวน

 หวังเจียเหยา! หวังเจียเหยา! 

เย่เฉินตบใบหน้าหวังเจียเหยาแล้วพยายามเรียกหล่อนให้ตื่น

แต่หวังเจียเหยากลับดูจะไม่มีสติแต่อย่างใด

เย่เฉินเคยอยู่ในสนามรบ คนแกล้งตายแกล้งเป็นลมไม่มีทางเล็ดลอดสายตาเขาไปได้

ดังนั้นในเวลานี้เย่เฉินจึงแน่ใจได้ว่าหวังเจียเหยาเป็นลมล้มไปจริงๆ

ดังนั้นเขาจึงอุ้มอดีตภรรยากับเข้าไปในวิลล่าแล้ววางหล่อนไว้บนโซฟาชั้นหนึ่ง

พูดไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เย่เฉินได้อุ้มหวังเจียเหยา

เป็นสามีภรรยากันมาสามปี ในที่สุดเย่เฉินก็ได้รับเกียรตินี้!

พอคิดถึงตรงนี้เย่เฉินก็รู้สึกแสลงใจอย่างอดไม่ได้!

 คุณชาย  เมื่อคนใช้ได้ยินเสียงจึงเดินมาจากห้องตนเอง

เย่เฉินรับผ้าขนหนูจากคนรับใช้ แล้วเช็ดน้ำฝนบนร่างกายอดีตภรรยาพร้อมกับกล่าวกับคนรับใช้

 โทรไปหา 120 

 ค่ะคุณชาย 

รถพยาบาลมาถึงอย่างรวดเร็ว แล้วหมอก็หามหวังเจียเหยาเข้าไปในรถ

ก่อนรถจะไปเย่เฉินก็กำชับพยาบาลเอาไว้  เดี๋ยวพอเธอตื่นช่วยอย่าบอกนะครับว่าผมเป็นคนอุ้มเธอเข้าบ้าน พวกคุณบอกว่ารับเธอมาจากที่สวนบ้านผมแล้วกัน 

พยาบาลมีท่าทีงุนงงแต่ก็รับคำ  อ้อได้ค่ะ 

จากนั้นเย่เฉินก็เอาเบอร์ของคนในครอบครัวหวังเจียเหยาไปกับเจ้าหน้าที่พยาบาลผู้นี้

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ โรงพยาบาลอวิ๋นโจว

หวังเจียเหยากดเรียกแท็กซี่ หล่อนได้สตินานแล้ว

แต่ซ่งหงเย่รวมไปถึงคนที่บ้านต่างก็มากันหมดแล้ว

หวังเจียเหยาไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่โดนไอหนาวก็เท่านั้นและคนที่บ้านก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นแต่อย่างใด

พวกเขาสนใจว่าหวังเจียเหยาไปหาเย่เฉินแล้วผลเป็นอย่างไรมากกว่า

ซูหลานถาม  เจียเหยาคุยกับเย่เฉินแล้วเป็นยังไงบ้าง? 

หวังเจียเหยาพูดพลางร้องไห้กระซิก  เย่เฉินเขาใจแข็งมากเลย หนูคุกเข่าตั้งสองชั่วโมง แต่เขาก็ไม่ยอมให้อภัยหนู! 

ซ่งหงเย่ปรายตามองหวังเจียเหยาแล้วถามพยาบาล  ตอนพวกคุณรับหล่อนมา หล่อนเป็นลมอยู่ในบ้านหรือในสวนน่ะ? 

พยาบาลลังเลอยู่นานเห็นหวังเจียเหยาน่าสงสารขนาดนี้ ในใจก็ไม่ใคร่จะพอใจเย่เฉินนัก

 จริงๆ เลย คนรวยทำแบบนี้ก็ได้เหรอ? คิดไม่ถึงว่าจะให้ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ต้องมาคุกเข่าขอโทษผู้ชายด้วย! ฉันไม่เชื่อฟังเขาหรอก! 

 

พอเย่เฉินเห็นหวังเจียเหยาคุกเข่าลงตรงหน้าตนเอง จิตใจก็เริ่มสั่นไหว

นี่คือหญิงสาวที่เขาเคยรักมาเป็นเวลาถึงสามปี!

และเป็นหญิงสาวคนเดียวกับที่ทำร้ายเขาอย่างเจ็บแสบ!

ก่อนหน้านี้หวังเจียเหยายังพูดเต็มปากเต็มคำว่าจะไม่มีทางขอโทษเขา แถมยังบอกว่าจะทำให้เขาเสียใจที่ขอหย่ากับเจ้าหล่อน

หล่อนถึงขนาดพูดว่าจะให้เย่เฉินคุกเข่าขอโทษหล่อน!

วันที่เย่เฉินรอคอยก็คือวันนี้!

สิ่งที่เขาเฝ้ารอคือคำสามคำนี้!

 หวังเจียเหยา ผมรอฟังสามคำนี้จากคุณมานานมาแล้ว! คราวก่อนคุณยังบอกว่าคุณไม่มีวันที่จะคำขอโทษผมอยู่เลย ฮ่าๆ 

เย่เฉินชนะแล้ว

 ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ที่รัก เป็นเพราะฉันไม่ดีเอง ที่รักให้อภัยฉันได้ไหมคะ? 

หวังเจียเหยาคุกเข่างพลางเกาะชายกางเกงเย่เฉิน ร่ำร้องอ้อนวอนเสียงสะอื้น

ใครจะคาดคิดว่าหญิงงามลำดับหนึ่งของอวิ๋นโจว สาวสวยในแวดวงไฮโซที่มีพร้อมครบทุกด้านจะมีวันที่หมดสภาพเช่นนี้

เย่เฉินไม่หวั่นไหวเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  คุณทำผิดต่อผมแต่เพิ่งมาขอโทษเอาป่านนี้ คุณจะให้ผมยกโทษให้คุณได้ยังไง? 

หวังเจียเหยาปาดน้ำตาแล้วอธิบาย  ที่รักกำลังเข้าใจฉันผิดนะคะ ที่จริงแล้วฉันไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อนายเลย 

เย่เฉินหัวเสียทันที  ผมเห็นอยู่คาตา คุณยังคิดจะบิดพลิ้วอยู่อีกเหรอ? 

หวังเจียเหยารีบร้อนกล่าว  ที่รักฟังฉันก่อน ตอนนั้นฉันเลอะเลือนไปชั่วขณะถึงได้ติดกับของฟางเชา ถูกเขาหลอกเข้าโรงแรมไป แต่ว่าพวกเราไม่ได้ทำอะไรกันเลย นายมาส่งอาหารก่อน พอนายกลับไปฉันก็รู้สึกผิดกับเลยรีบออกจากโรงแรมกลับไปทำกับข้าวที่บ้านเรารอนาย แต่ฉันทำอาหารไม่อร่อย กลัวว่านายจะไม่ชอบ ถึงได้สั่งอาหารเดลิเวอรี่มาให้ ประตูบ้านเรามีกล้องวงจรปิดนี่ คลิปที่ฉันกลับบ้านวันนั้นน่าะมีเวลาบอกอยู่ นายไปเช็คด้วยตัวเองเลยก็ได้ ดูว่าฉันกลับบ้านหลังจากนั้นทันทีเลยหรือเปล่า หรือไม่อย่างนั้น ที่รักจะลองพิสูจน์ดูก็ได้นะคะว่า… 

ตอนที่พูดประโยคสุดท้าย หวังเจียเหยายังมีท่าทีเขินอายน้อยๆ

เย่เฉินไม่รู้เลยว่าคำพูดของอีกฝ่ายนั้นเป็นเรื่องจริง หรือพูดเพียงเพราะอยากคืนดีกับเขาจึงจงใจแต่งเรื่องมาหลอกเขา

และเขาเองก็ไม่อยากจะเข้าใจด้วย!

 ต่อให้เป็นเรื่องจริง ในตอนนั้นคุณก็มีเจตนาอยากจะทรยศผม ผมไม่มีทางจะในอภัยคุณหรอก 

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็นชา

หวังเจียเหยาร่ำไห้อีกครั้ง  ที่รัก ฉันมีเรื่องลำบากใจจริงๆ คนที่ฉันรักคือนายมาโดยตลอด ฉันโดนฟางเชาหลอกเพราะว่าฉันอยากจะช่วยตระกูลฉันมากเกินไป นายเองก็รู้ว่าที่บ้านพ่อฉันกับคุณลุงกำลังแย่งทรัพย์สินกันอยู่ คุณพ่อไม่มีลูกชาย ในอนาคตบริษัทก็จะต้องตกเป็นของหวังซ่าวเจี๋ยแน่ๆ ดังนั้นพ่อกับแม่ถึงกดดันฉันให้ฉันพยายามทำให้คุณย่าเห็นความสำคัญของฉันอย่างสุดความสามารถ ฉันก็อับจนหนทางถึงได้ทำอะไรแบบนั้นลงไป 

เรื่องพวกนี้ถึงหวังเจียเหยาไม่พูดแต่เย่เฉินเองก็รู้ดีแก่ใจ

เย่เฉินกล่าว  ผมว่าต่อให้คุณจำเป็นต้องทำเพราะไม่มีทางเลือก แต่คุณพูดวว่ารักผมออกมาเต็มปากเต็มคำไม่คิดว่ามันน่าตลกเหรอ? คุณรักผมขนาดนี้แล้วทำไมตลอดสามปีที่เราอยู่ด้วยกันถึงไม่ยอมให้ผมแตะคุณสักนิดเลยล่ะ?! 

หวังเจียเหยาโอดครวญ  ก็แม่ฉันสั่งเอาไว้นี่ ฉันเองก็อยากเป็นของนาย เป็นภรรยาของนายอย่างแท้จริง แต่แม่ฉันไม่อนุญาต นายเชื่อฉันเถอะนะ ตอนนี้ฉันยังเป็นสาวบริสุทธิ์ คืนนี้ฉันจะยอมตกเป็นของที่รักเลย 

หวังเจียเหยาพูดพลางสาวเท้าเดินไปหาเย่เฉินแล้วถอดเสื้อสูทของอีกฝ่ายออก

เย่เฉินสะบัดหวังเจียเหยาทิ้ง  อย่าแตะต้องตัวผม! 

เย่เฉินกล่าว  หวังเจียเหยา ตัวคุณเองก็รู้ดีแก่ใจ ถ้าหากว่าวันนี้ผมยังเป็นไอ่ขยะเย่เฉินคนเดิม หรือยังเป็นแค่คนส่งอาหารเดลิเวอรี่เย่เฉินคนนั้น คืนนี้คุณคงไม่คุกเข่าลงตรงหน้าผมแล้วพูดอะไรแบบนี้กับผมหรอก! ดังนั้นที่คุณขอโทษผมก็เพียงเพราะรู้ว่าผมเป็นคนมีเงิน! ผมไม่ชอบผู้หญิงที่รักในเงินทองแบบนั้น เรากลับมาคืนดีกันไม่ได้หรอก! 

หวังเจียเหยารีบร้อนอธิบาย  ฉันไม่ได้รักเงิน ฉันรักนาย! 

แต่ไม่ว่าหวังเจียเหยาจะพูดยังไง เย่เฉินก็ไม่สนใจทั้งนั้น

ด้วยความร้อนใจ หญิงสาวจึงโถมตัวเข้าอ้อมอกเย่เฉิน

เดิมอยากจะฝืนจูบเย่เฉินแต่ก็ถูกเขาผลักออกไป

 คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยผม 

เย่เฉิสะบัดอีกฝ่ายทิ้ง แต่หญิงสาวก็ยังเกาะเกี่ยวชายหนุ่มด้วยมือสอข้าง นอกเสียจากออกแรงจนสุด มิฉะนั้นจะสะบัดเจ้าหล่อนไม่หยุด

 ฉันไม่ปล่อยนายไปหรอก! 

หวังเจียเหยากอดเย่เฉินแล้วงอแง

 คุณ… 

เย่เฉินเองก็ทำอะไรไม่ได้ จะให้ต่อยหล่อนล้มก็ไม่ได้กระมัง?

ไม้นี้ได้ซ่งหงเย่เป็นคนสอนหล่อน

หวังเจียเหยากล่าวพลางกอดเขา  วิลล่าที่ภูเก็ต นายซื้อให้ฉันใช่ไหมล่ะ? นายรู้ว่าฉันรักที่นั่นฉันอยากจะไปนอนวิลล่าที่นั่นหลายๆ คืนดื่มเหล้าดูทะเลกับนาย แล้วที่นี่อีก วิลล่านี่ฉันก็ชอบมาก ฉันย้ายเข้ามาอยู่กับนายดีไหมคะ? ฉันอยากมีลูกชายกับนายสักคน แล้วค่อยมีลูกสาวอีกคนดีไหม? 

ความอ่อนโยนในวินาทีนี้ของหวังเจียเหยา เป็นสิ่งที่ตลอดสามปีที่ผ่านมาเย่เฉินไม่เคยได้สัมผัสมันสักนิด!

ทว่าเย่เฉินไม่ใช่คนที่จะโดนหลอกง่ายขนาดนั้น

เขาตัดสินใจผลักร่างบางลงบนเตียง

เพราะเตียงนุ่มมากดังนั้นหญิงสาวจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

จากนั้นเย่เฉินจึงกล่าวว่า  หวังเจียเหยาถ้าหากว่าคุณคุกเข่าขอโทษผมก่อนหน้าที่ผมจะบอกว่าผมเป็นใคร เราอาจยังมีโอกาสจะคืนดีกัน แต่คุณรอจนผมกลายเป็นคุณเย่ถึงได้ทำแบบนี้ ผมรู้สึกว่าคุณมันช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน! 

พูดจบเย่เฉินก็เกรงว่าจะโดนหญิงสาวเกาะแกะอีก เขาจึงเดินออกจากห้องนอน

พอมาถึงชั้นหนึ่ง เย่เฉินก็กล่าวกับซ่งหงเย่ที่แสร้งทำเป็นโทรศัพท์อยู่  ซ่งหงเย่เอาหวังเจียเหยาไปเถอะ ผมอยากพักแล้ว 

เห็นใบหน้าหงุดหงิดของชายหนุ่ม ซ่งหงเย่ก็รีบวางโทรศัพท์แล้วกล่าว  อ้อฉันไปดูหล่อนหน่อย… 

ซ่งหงเย่รีบเดินขึ้นชั้นสามอย่างรีบร้อน เมื่อเปิดประตูห้องนอนก็พบเพื่อนสาวคุดคู้อยู่ในผ้าห่มของเย่เฉินแล้วร่ำไห้

ซ่งหงเย่รีบปรี่เดินไปหาแล้วหยิบทิชชู่ให้อีกฝ่าย  แม่คุณหนูของฉัน นี่เธอทำอะไรอยู่ ร้องไห้จนขี้มูกโป่งจะให้เย่เฉินเขานอนกับเธอลงได้ยังไง? 

หวังเจียเหยากอดซ่งหงเย่แล้วฟ้องเพื่อน  ทำยังไงดี เย่เฉินเขาไม่ยอมให้อภัยฉัน ฉันคุกเข่าขอโทษเขาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉันเลยนะที่ทำแบบนี้ ฮือๆ 

ซ่งหงเย่ตบบ่าเพื่อนสาวเบาๆ แล้วกล่าวปลอบ  อย่าเพิ่งใจร้อนสิ นี่ยังครั้งแรกเอง เขาจะให้อภัยเธอง่ายๆ ได้ยังไงล่ะ ขอโทษบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ดีไปเอง 

 งั้นตอนนี้ฉันทำยังไงดี?  หวังเจียเหยาถาม

ในเวลานี้บริเวณท้องฟ้าด้านนอกมีเสียงสายฟ้าฟาดลงมาพอดี

 ฝนจะตกเหรอ? 

ซ่งหงเย่ได้ไอเดียพอดีจึงกล่าว  เธอออกไปที่สวนแล้วคุกเข่าอ้อนวอนเขา บอกไปว่าถ้าเขาไม่ให้อภัยเธอ เธอจะคุกเข่าอยู่แบบนี้ไม่ยอมลุกไปไหน 

 อืม!  หวังเจียเหยาเองก็ทุ่มสุดตัว ตอนนี้หล่อนอยากจะกลายเป็นคุณนายเย่ที่คนนับหน้าถือตาใจจะขาดอยู่แล้ว

ซ่งหงเย่พาหวังเจียเหยางลงมาด้านล่างแล้วกล่าวกับเย่เฉินอย่างสุภาพ  คุณเย่คืนนี้พวกเรารบกวนแล้ว พวกเราขอตัวนะ 

เย่เฉินไม่ได้ออกไปส่ง  ผมให้คนขับรถไปส่งพวกคุณแล้วกัน 

เย่เฉินเรียกคนขับรถแต่หวังเจียเหยากลับออกไปที่สวนแล้วคุกเข่าลง

 เย่เฉิน ถ้าวันนี้นายไม่ยอมให้อภัยฉัน ฉันจะไม่ยอมลุกขึ้น! 

 

ตอนที่ 76 ถ้าพวกเราไม่ได้หย่ากัน…

เย่เฉินแค่นเสียงแล้วเอาแต่ดื่มแชมเปญของตนเอง เสสายตามองไปทางขวา ไม่แยแสหล่อนแม้แต่น้อย

ผู้หญิงแสนยโสโอหัง มานั่งรถฉันแล้วยังมีหน้าใช้ฉันรินแชมเปญให้อีก? คิดเหลวไหลสุดๆ!

หวังเจียเหยาถูกมองข้าม ใบหน้ากระดากขณะถือแก้วแชมเปญ

เป็นเพราะที่นั่งด้านหน้ามองไม่เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหลัง ดังนั้นซ่งหงเย่จึงไม่ได้เห็นความประดักประเดิดในตอนนี้ของหวังเจียเหยา

เวลาผ่านไปไม่ถึงสองนาที รถก็จอดลง

คนขับกุลีกุจอลงมาเปิดประตูให้เย่เฉิน จากนั้นเย่เฉินก็พาทั้งสองคนเข้าไปในวิลล่า

เพิ่งจะเข้าไปในชั้นหนึ่งของวิลล่า ทั้งสองคนก็ตื่นตะลึงไปกับความหรูหราของข้าวของเครื่องใช้และการประดับตกแต่งที่หรููหราภายในวิลล่า

ทั้งสองคนล้วนเป็นลูกคุณหนูเคยไปมาแล้วทุกที่ แต่ระดับความหรูหราและประณีตของวิลล่าเย่เฉินนั้นอยู่เกินเลยไปกว่าสิ่งที่พวกหล่อนเคยเห็นมาก!

วิลล่าหรูทั่วไปทันทีที่ก้าวเข้าไปก็แค่อลังการเวอร์วังเท่านั้น

แชนเดอเลียระย้าที่หรูหรา บันไดทรงประหลาด แถมในห้องโถงจะวางปะติมากรรมและของโบราณที่มูลค่าสูงเกินประเมิน

แต่ในวิลล่าของเย่เฉินนั้น ไม่มีของเวอร์ๆ พวกนี้แต่กลับแสดงให้เห็นความหรูหราอย่างที่สุด

ไม่มีทีวิติดผนังขนาดใหญ่ ไม่มีโคมไฟคริสตัล ไม่มีโคมไฟแชนเดอเลียและริ้วบัวบนเพดานที่ทับกันเป็นชั้นๆ

แต่ในวิลล่าของเย่เฉินกลับมีโซฟาขนาดใหญ่ที่เรียงเข้าหากัน เตาผิงและพรมผืนนุ่มรวมไปถึงโคมไฟขนาดใหญ่ที่ทันสมัย

ซ่งหงเย่และหวังเจียเหยาต่างก็เป็นพวกเห่อแฟชั่น ไม่ว่าจะแบรนด์เนมใดๆ ก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาพวกหล่อนไปได้

 สวรรค์ โคมโฟอันนี้เป็นแบรนด์ Flos กับ Arco ที่เป็นแบรนด์อิตาลีเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นเลยล่ะ? 

 ฉันเองก็ชอบเก้าอี้เอนตัวนี้จังเหมือนจะเป็นของ Eames 

ซ่งหงเย่สำรวจตรวจตราของชิ้นเล็กชิ้นน้อยในวิลล่าไม่หยุด ส่วนเย่เฉินเดินไปที่ตู้เย็นแล้วถามสาวๆ  พวกคุณจะดื่มอะไร? 

ซ่งหงเย่กล่าว  ฉันขอโค้กแล้วกัน 

หวังเจียเหยาก็กล่าวบ้าง  ฉันอยากได้น้ำผสมน้ำผึ้ง 

เย่เฉินนิ่งไป เขามองหวังเจียเหยาแล้วกล่าว  ที่นี่ไม่มีน้ำผสมน้ำผึ้งหรอกนะ มีแค่น้ำแร่ 

ซ่งหงเย่หยิกหวังเจียเหยาเบาๆ แล้วกล่าวกับเพื่อนเสียงต่ำ  เธอนี่มันแอ๊บจริงๆ ยังจะให้เขาทำน้ำผสมน้ำผึ้งให้อีก! 

หวังเจียเหยาทำปากยื่น สามปีที่ผ่านมาหล่อนคุ้นเคยกับการที่เย่เฉินคอยให้บริการรับใช้หล่อน ถึงได้อยากจะลองสัมผัสมันอีกครั้ง

ทั้งสองคนรับน้ำดื่มที่เย่เฉินโยนมาให้ ซ่งหงเย่เปิดออกแล้วจิบก่อนจะกล่าว

 เย่เฉินฉันชอบสไตล์และสีของเฟอร์นิเจอร์ของบ้านนายจัง สีขาว สีฟ้า สีคราม ทำให้ฉันนึกถึงโรงแรมที่ภูเก็ตที่ฉันกับหวังเจียเหยาชอบที่สุด ฮ่าๆ 

เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ  อ้อ ที่นี่มีของหลายอย่างที่ส่งมาจากวิลล่าของผมที่ภูเก็ต เพราะมีของลิมิเต็ดเยอะเลย ทั้งโลกมีแค่ชิ้นเดียว จะทำใหม่อีกชิ้นก็ต้องใช้เวลาผมก็เลยไม่ได้ซื้อใหม่อีก 

 อะไรนะ? วิลล่าที่ภูเก็ตของคุณ? ตั้งอยู่ที่ไหน? 

ซ่งหงเย่และหวังเจียเหยาตกใจจนตัวค้างแข็ง เพราะทั้งสองคนชอบภูเก็ตมาก พวกหล่อนไปที่นั่นแทบทุกปี

หวังเจียเหยาเคยพูดนับครั้งไม่ถ้วนว่าต่อไปถ้ามีเงินจะต้องซื้อวิลล่าที่นั่นให้ได้

เย่เฉินครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า  ที่แหลมพันวา มีพื้นที่ 2,300 กว่าตารางเมตร 

ซ่งหงเย่และหวังเจียเหยาอ้าปากค้าง

เซ่งหงเย่เกือบจะสำลักโค้ก  อกอีแป้นจะแตก! ฉันกับหวังเจียเหยาเคยอยู่วิลล่าที่นั่น! คืนละหกหมื่นกว่าหยวนเลย! ทุกครั้งที่เช่าที่นั่นหลายๆ คืนทำเอาฉันปวดใจอยู่นาน คิด…คิดไม่ถึงว่านายจะซื้อเลย! 

หวังเจียเหยาเองก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง หล่อนเคยไปที่นั่นมาตั้งหลายครั้ง ดวงตาหล่อนเองเหมือนจะมองเห็นวิลล่าของเย่เฉินที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ของทะเลอันดามันได้ 360 องศา!

 วิลล่าที่ภูเก็ต! ที่นั่นเป็นบ้านในฝันของฉันเลย! ไม่สนอะไรแล้วที่นั่นจะต้องเป็นของฉัน เย่เฉินต้องเป็นของฉัน! ฉันจะไม่คิดหน้าคิดหลังแล้ว! 

หวังเจียเหยาตื่นเต้นกระวนกระวาย

ซ่งหงเย่เห็นหวังเจียเหยาเพิ่งจะเข้ามาที่นี่ จึงไม่อาจสงบจิตใจเอาไว้ รีบร้อนกล่าว  เอ่อ พวกเราขึ้นไปดูด้านบนกันเถอะ 

เย่เฉินจึงถามพวกหล่อน  จะขึ้นบันได้หรือลิฟต์ล่ะ? 

ซ่งหงเย่กล่าว  เดินขึ้นบันได้ก็ได้ 

เพิ่งจะเหยียบย่างไปบนขั้นบันไดสีขาวบริสุทธิ์ ซ่งหงเย่ก็สงสัยจนถามอีกฝ่าย  ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าการออกแบบของบันไดบ้านนายเนี่ยมันคุ้นตาจริงๆ! 

เย่เฉินอดยิ้มไม่ได้  พี่หงเย่นี่ตาไวดีจริง ไม่ว่าจะการออกแบบหรือแบรนด์สิ่งของต่างๆ ในบ้านผมเนี่ยก็ไม่รอดพ้นสายตาคุณเลยสินะ 

วิลล่าหลังนี้ของเย่เฉินจะว่าหรูหราก็หรูหรา แต่หากว่าคนที่ดูไม่เป็นมาก็จะมองมูลค่าของมันไม่ออก

สมแล้วที่ซ่งหงเย่เป็นไฮโซถึงได้มีความรู้ในเรื่องพวกนี้ เย่เฉินกล่าวว่า  ผมออกแบบตามบันไดในบ้านของโทนี่ สตาร์คจากภาพยนตร์เรื่อง ‘ไอรอนแมน’ ของมาเวลไง 

ซ่งหงเย่รีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม  ฮ่าๆ ฉันก็ว่าทำไมมันคุ้นตาจังเลย นายยกวิลล่าหรูราคาหลายพันล้านในโลกมาร์เวลออกมาในโลกความจริงนี่เอง! เจ๋งสุดๆ! 

หวังเจียเหยาเองก็ชอบภาพยนตร์มาร์เวล และชอบโทนี่ สตาร์ค พอได้ยินเช่นนี้เจ้าหล่อนก็ดีใจจนเนื้อเต้น

 ถ้าฉันกับเย่เฉินยังไม่ได้หย่ากันล่ะก็ วิลล่าแห่งนี้คงตกเป็นของฉันแล้ว 

……………..

ตอนที่ 77 หวังเจียเหยาคุกเข่าขอโทษ!

หวังเจียเหยามองบ้านหรูตรงหน้าแล้วรู้สึกเสียดายสุดๆ

หวังเจียเหยาที่อยู่ด้านหลังดึงชายเสื้อซ่งหงเย่ไม่หยุดแล้วออดอ้อนเสียงหวาน

 ฉันเองก็ชอบไอรอนแมน ฉันก็ชอบบันไดนี้เหมือนกัน! 

ซ่งหงเย่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย  ดูสภาพเธอเข้าสิ 

ก่อนที่ทั้งสองคนจะมา ซ่งหงเย่เพิ่งกำชับกับหวังเจียเหยาไปว่า ให้อีกฝ่ายสงบจิตใจ หล่อนจะช่วยสร้างโอกาสให้ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเอง

แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ทำเรื่องสำคัญเลย หวังเจียเหยาก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว

เย่เฉินจึงพาทั้งสองคนเดินที่ชั้นสองอีกครู่หนึ่งแต่ก็ยังคงทำให้หญิงสาวทั้งสองคนบ้าคลั่งไปกับความหรูหราของวิลล่าแห่งนี้

ซ่งหงเย่กล่าวถาม  เย่เฉิน ห้องนอนใหญ่ของนายอยู่ที่ไหน? เราอยากเห็นห้องนอนนายจัง 

 อยู่ชั้นสาม ตามผมมาสิ 

เย่เฉินเดินไปนำหน้าพาทั้งสองคนไปยังห้องนอนของตนเอง

บริเวณหน้าห้องสะอาดหมดจด หลังจากเปิดประตูแล้วทั้งสามคนก็สัมผัสได้ถึงความเย็นสดชื่น

พอไฟอัตโนมัติเปิดออก ซ่งหงเย่และหวังเจียเหยาก็เห็นห้องที่เย่เฉินนอน

ภายในห้องสะอาดหมดจด ไม่มีสิ่งของวางระเกะระกะ

เตียงนอนสีขาว โคมไฟสีขาวทำให้ดูค่อนข้างสะอาดตา

ภายในห้องนอนแทบไม่ได้ประดับตกแต่ง ด้านบนกำแพงสีอ่อนมีเพียงกลอนบทหนึ่งแขวนเอาไว้

ซ่งหงเย่เดินเข้าไปดูอย่างอดไม่ได้แล้วท่องกลอน

 ที่จริงที่ข้าหวัง ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว 

 ฉันไม่เคยร้องขอให้คุณมอบ 

 ชีวิตของคุณให้ 

 ณ หุบเขาที่บุปผาเบ่งบาน 

 หากเราสองได้พานพบ 

 หากได้รักกันอย่างลึกซึ้งสักครั้งแล้วลาจาก 

 เช่นนั้นแล้วตลอดช่วงชีวิตที่ยาวนาน 

 มันก็เป็นแค่ เป็นแค่ 

 วินาทีที่พานพบ 

 วินาทีที่แสนสั้นนั้นเอง 

ซ่งหงเย่อ่านกลอนจบโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใด แต่จู่ๆ หวังเจียเหยาก็โพล่งออกมาว่า   การรอคอย[1]ของซีมู่หรง[2]นี่นา 

นี่เป็นกลอนยุคใหม่ เป็นกลอนของนักแต่งกลอนชื่อดังซีมู่หรง ซึ่งเป็นหนึ่งในบทกลอนที่เย่เฉินชื่นชอบที่สุด

หวังเจียเหยาเองก็ชอบกลอนบทนี้มาก หล่อนมองตัวอักษรที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแล้วอดยื่นมือไปแตะภาพวาดที่ประณีตไม่ได้

ทว่าทันทีที่มือไปแตะกับกระดาษ จู่ๆ ในห้องก็มีเสียงดนตรีดังขึ้น

 ตึง ตึง ตึง…… 

 เพลงคุ้นจังเลย นี่มันเพลงประกอบของ ‘The Story of a Noble Family’ [3]นี่! 

หวังเจียเหยาตกใจ ในปีแรกที่หล่อนแต่งงานกับเย่เฉินพวกเขาดูละครเรื่อง ‘The Story of a Noble Family’ นี้ด้วยกัน

ซ่งหงเย่เองก็แปลกใจเช่นกันทำไมพอแตะกระดาษแผ่นนี้แล้วถึงได้มีเสียงเพลงดังขึ้น?

 เป็นเพลงจากกล่องเพลงเหรอ?  ซ่งหงเย่ถาม

เจ้าหล่อนเองก็รู้สึกประหลาดใจ ทำไมแค่พอแตะภาพวาดกลอนก็มีเสียงเพลงดังออกมาได้นะ?

 เป็นดนตรีจากกล่องเพลงเหรอ?  ซ่งหงเย่กล่าวถาม

เย่เฉินตอบพร้อมยิ้ม  เป็น Timbre ประเภทหนึ่งใน NEXUS น่ะ  

 NEXUS คืออะไรกัน? 

ซ่งหงเย่งุนงง ในที่สุดก็มีของบางอย่างที่หล่อนไม่เคยได้ยินมาก่อน

ถ้าเป็นในด้านดนตรีหวังเจียเหยาถือได้ว่ามีความรู้มากกว่าอีกฝ่าย จึงกล่าวอธิบาย  เป็นเครื่องมิกซ์เพลงของพวกดนตรีอิเลกโทรนิคส์น่ะ 

จากนั้นหวังเจียเหยาก็มองเย่เฉินแล้วกล่าว  ฉันชอบโทนเสียงนี้จังเลย พอจะส่งมาให้ฉันได้ไหม? 

เย่เฉินก็ยังไม่มองหวังเจียเหยา ไม่ได้มีท่าทีจะแยแสหล่อนเลย

ในเวลานี้เองจู่ๆ ซ่งหงเย่ก็กล่าวว่า  เอ่อ ฉันว่าฉันลงไปโทรหาสามีฉันหน่อยดีกว่า พวกเธอสองคนคุยกันต่อเถอะ 

พูดจบหล่อนก็ออกจากห้อง แล้วไม่ลืมปิดประตูเพื่อให้พวกเขาได้อยู่กันตามลำพังในห้อง

ซึ่งนี่ก็คือเป้าหมายในการมาครั้งนี้

ก็เพื่อให้หวังเจียเหยาได้อยู่กับเย่เฉินสองต่อสอง จากนั้นจะได้…

ขอโทษ?

 เย่เฉิน ฉันขอโทษ! 

หวังเจียเหยา สาวงามลำดับหนึ่งแห่งอวิ๋นโจว ที่แต่ไหนแต่ไรมาทำตัวเย่อหยิ่งไม่สนใจใครและมีแต่ชายหนุ่มรุมล้อมพะเน้าพะนอเอาใจ

ทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้นต่อหน้าเย่เฉินเพื่อขอโทษเขา!

…………………..

[1] 盼望 แต่งโดยซีมู่หรง

[2] 席慕容 (xí mù róng) เป็นนักวาด นักเขียน ขาวจีน ชาติพันธ์มองโกล เกิดปี 1943

[3] เป็นละครของช่อง CCTV8 ในปี 2003 นำแสดงโดยเฉินคุน ต่งเจี๋ยและหลิวอี้เฟย

 

ตอนที่ 74 เย่เฉินหวังเจียเหยาไม่ได้หย่ากัน!

ในเวลานี้เอง ณ บริเวณนอกโรงแรม

แขกผู้ชายท่านหนึ่งที่มาร่วมงานแต่งงานระบายยิ้มออกมา เขากดหาชื่อ ‘โจวเจี้ยนเย่’ จากรายชื่อในโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทรออกอย่างรวดเร็ว

 มีอะไร?  โจวเจี้ยนเย่กล่าวเสียงเย็น

ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ  โจวเจี้ยนเย่ ผมจำได้เหมือนว่าคนตระกูลหวังที่อยู่ในอวิ๋นโจวเป็นญาติคุณใช่ไหม หวังเจียเหยาเป็นอะไรกับคุณน่ะ? 

โจวเจียนเย่กล่าว  แม่ผมกับปู่ของหล่อนเป็นพี่น้องกัน หวังเจียเหยาเป็นหลานสาวของผม ทำไมเหรอ? 

ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวว่า  ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นญาติสนิทกัน วันนี้หลานสาวของคุณแต่งงาน ทำไมคุณไม่มาล่ะ? คุณพลาดละครฉากดีๆไปแล้ว 

 อดีตสามีที่แต่งงานเข้าตระกูลหวังก่อนนี้ ที่จริงเป็นประธานบริษัทของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแต่หลานสาวคุณกลับหย่ากับเขาเสียแล้ว 

 วันนี้หลานสาวของคุณแต่งงานกับคุณชายตระกูลฟาง หล่อนเสียใจทีหลังแต่ก็สายไปเสียแล้ว ฮ่าๆ 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ณ เมืองหยางหนิง

ทันทีที่โจวเจี้ยนเย่กดวางสาย หญิงชราที่เอนตัวอยู่ใกล้ๆ เขาก็โพล่งถามทันที

 เจี้ยนเย่ เจียเหยาเป็นอะไรหรือเปล่า? 

หญิงชราผู้นี้ก็คือมารดาของโจวเจี้ยนเย่ น้องสาวแท้ๆ ของคุณปู่ของหวังเจียเหยา ซึ่งก็คือคุณย่าเล็กของหวังเจียเหยา

โจวเจี้ยนเย่มองหญิงชราที่อ่อนแอ ก็ทำใจพูดความจริงทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายไม่ได้จึงกล่าวว่า

 ไม่มีอะไรครับแม่ เจียเหยาสบายดีครับ 

ใครจะรู้หญิงชรากลับพูดความจริงออกมา  เย่เฉินกับหวังเจียเหยาหย่ากันแล้วใช่ไหม? 

โจวเจี้ยนเย่ไม่กล้าปิดบังมารดาอีก เขาจึงพยักหน้าน้อยๆ

 ครับ ที่จริงแล้วเขยแต่งเข้าของบ้านตระกูลหวังที่ชื่อเย่เฉินเขาเป็นประธานบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านหยวนเชียว! เฮ้อ เจียเหยาขาดทุนหัวโตเลย! แม่ครับ ผมรู้ว่าแม่เป็นห่วงเด็กคนนี้มาก แต่อย่าเสียใจมากไปเลยนะครับ ต้องรักษาสุขภาพด้วย 

สุขภาพของคุณย่าเล็กผู้นี้ไม่ใคร่สู้ดีนัก ดูไปแล้วเวลาคงเหลือไม่มาก…

คุณย่าหวังไม่ได้ตื่นเต้นแต่อย่างใดกล่าวเสียงเรียบ  สบายใจเถอะ แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เจียเหยากับเย่เฉินยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ 

ใบหน้าโจวเจี้ยนเย่ฉายแววสงสัย  คุณแม่ แม่เลอะเลือนหรือเปล่าครับ? พวกเขาหย่ากันแล้วจะยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ได้ยังไง? อีกอย่างตอนนี้เจียเหยาแต่งกับเด็กแซ่ฟางแล้ว 

หญิงชรายิ้มเจ้าเล่ห์  ที่จริงลุงของแกหรือปู่ของเจียเหยา เขารู้ตัวตนของเย่เฉินนานแล้วถึงได้ให้เขาแต่งเข้าบ้านตระกูลหวัง อีกอย่างเขาคาดเดาเอาไว้แล้วว่าเจียเหยาที่ทั้งหัวดื้อเย่อหยิ่งจะต้องมีสักวันที่ทนไม่ไหวจนต้องขอหย่ากับเย่เฉิน ดังนั้นเขาถึงได้จัดแจงคนให้ไปแฝงตัวอยู่ในสำนักกิจการพลเรือน ใบสำคัญการหย่าของเย่เฉินกับเจียเหยาเป็นของปลอม! แล้วใบทะเบียนสมรสของหล่อนกับคนแซ่ฟางนั่นก็ของปลอมเหมือนกัน! 

โจวเจี้ยนเย่ตกใจอ้าปากค้าง คาดไม่ถึงว่าปู่ของหวังเจียเหยาจะคาดเดาได้แม่นยำราวตาเห็น ก่อนตายได้เตรียมพร้อมทุกอย่างได้ขนาดนี้!

โจวเจี้ยนเย่กล่าวพลางยิ้มอย่างดีใจ  งั้นผมจะรีบโทรบอกหลานเรื่องนี้! 

คุณย่าเล็กหวังกลับเอื้อมมือเหี่ยวย่นแตะแขนโจวเจี้ยนเย่ปรามเขา

 ยังบอกหล่อนไม่ได้ชั่วคราว  สีหน้าคุณย่าเล็กเคร่งขรึมลงง

 หวังเจียเหยา เด็กคนนี้เย่อหยิ่งเกินไป ไม่เคยสนใจใยดีเย่เฉินมาก่อนตอนนี้ปล่อยให้หล่อนเสียดายไปก่อน โดนสั่งสอนก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ให้ตัวหล่อนเองคิดหาวิธีงอนง้อเย่เฉิน ถ้าไม่ได้จริงๆ แกค่อยบอกหลาน 

โจวเจี้ยนเย่พยักหน้ารับ  ครับ! 

……

เขตซีซาน

หลังจากหวังเจียเหยาตามฟางเชากลับไปถึงเรือนหอแล้ว หล่อนก็เริ่มเก็บกระเป๋าเดินทางเตรียมจะออกจากเรือนหอไป

ฟางเชาหัวเสียจนทนไม่ไหว  หวังเจียเหยาจะลากกระเป๋าไปไหน! วันนี้เป็นวันแต่งงานวันแรกของเรา คิดจะวิ่งโร่ไปนอนกับเย่เฉินหรือไง! 

หวังเจียเหยากล่าว  ใช่ ฉันจะไปหาเย่เฉิน ฟางเชา เราหย่ากันเถอะ! 

ยังไงเสียในงานแต่งงานเมื่อครู่ หล่อนก็ปฏิเสธเขาแล้ว แถมยังโผเข้าหาเย่เฉินต่อหน้าต่อตาอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

หล่อนรู้ว่าฟางเชาในฐานะที่เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก เขาทนรับการดูหมิ่นแบบนี้ไม่ได้แน่

และเป็นดังที่หล่อนคิด ฟางเชากล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ  ได้! หย่าก็หย่าสิ! ผู้หญิงสารเลวอย่างเธอ ไม่คู่ควรจะเป็นเมียฉันเลยสักนิด! 

ทั้งสองคนต่างคนต่างถือทะเบียนบ้านไปที่สำนักกิจการพลเรือนอย่างรวดเร็วเพื่อจะไปทำเอกสารสำคัญการหย่า

……………..

ตอนที่ 75 หวังเจียเหยางอนง้อเย่เฉิน

หลังจากจัดการเรื่องใบหย่าเรียบร้อยแล้ว หวังเจียเหยาก็ไปหาซ่งหงเย่ เพื่อขอร้อง ‘กุนซือ’ ให้ช่วยวางแผนให้

ซ่งหงเย่เห็นหวังเจียเหยาอยากจะงอนง้อเย่เฉินก็กล่าวว่า

 ยืนกระต่ายขาเดียวเอาไว้ อย่ายอมรับว่าคืนนั้นเธอมีอะไรกับฟางเชา! 

ไม่ว่าอย่างไรเย่เฉินก็ไม่ได้เห็นกับตา หวังเจียเหยายืนยันหัวเด็ดตีนขาดอย่ายอมรับเป็นใช้ได้

หลังจากนั้นซ่งหงเย่ยังพาหวังเจียเหยาไปโรงพยาบาล เพื่อไปทำหัตถกรรมซ่อมซ่อมบางส่วนของผู้หญิง

……

ห้าทุ่ม

รถแลนดอเล็ตสีขาวปลอดไร้ตำหนิคันหนึ่งขับเข้ามาในวิลล่าเขตเหมยกุยหยวนอย่างเชื่องช้า

จุดหนึ่งที่ทำให้รถคันนี้ต่างจากรถหรูคันอื่นก็คือมันค่อนข้างคล้ายรถม้ามากทีเดียว

เพราะว่าที่นั่งหน้าหลังมีส่วนแบ่งกั้นชัดเจน แถมหลังคารถด้านหลังก็เปิดได้ด้วย

อวิ๋นโจวในเดือนพฤษภาคมอากาศร้อนน้อยๆ แต่ช่วงกลางคืนมีลมเย็นพัดตลอด ทำให้รู้สึกสบาย

เมื่อมองจากที่ไกลๆ ก็จะเห็นว่าส่วนหน้าของตัวรถคันนี้กลับมืดสนิทกลืนไปกับความมืด

ทว่าช่วงหลังของรถกลับเปิดไฟสว่างแถมยังเปิดหลังคาเอาไว้เสียด้วย

แสงไฟที่ลอดมาจากด้านหลังรถนั้นมีกลิ่นอายความหรูหรา

ทำให้คนที่เห็นแล้วก็ต้องทอดถอนใจ นี่หรูหราเกินไปแล้ว

แล้วเหมือนจะเห็นชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวที่อยู่นั่งด้านหลังของตัวรถกำลังจิบแชมเปญอยู่

ตลอดทางที่ผ่านมาเหล่าบรรดาสุภาพสตรีที่มองเห็นนั้น ต่างอยากจะอ้อนวอนขอวิธีการติดต่อของเขาอย่างโง่งม

เจ้าชาย!

นี่มันเจ้าชายที่มีแค่ในโลกเทพนิยายเท่านั้น!

ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ไม่คู่ควรกับเขา!

 เย่เฉิน! คุณเย่! 

รถเพิ่งผ่านผ่านปากทางวิลล่า ซ่งหงเย่ก็ขวาง ‘รถม้าหรูหรา’ คันนั้น แล้วตะโกนเรียกเย่เฉิน

เย่เฉินหันมองทางซ้ายแล้วลดกระจกลงช้าๆ ถึงแม้ว่าว่าจะเปิดหลังคาอยู่ แต่หน้าต่างรถยังปิดอยู่

 ซ่งหงเย่? 

และแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ซ่งหงเย่แค่คนเดียว คนที่อยู่ด้านข้างเจ้าหล่อนก็คือหวังเจียเหยา

หวังเจียเหยาใส่ชุดกระโปรงแบรนด์ชาแนลสีดำสนิท แต่ยังสวยสะดุดตา ดูสูงส่งและเย่อหยิ่งเหมือนอย่างเคย

คิดไปแล้วความงดงามของคนผู้หนึ่ง ไม่ได้รับผลกระทบจากนิสัยหรืออารมณ์ใดๆ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ก็ตาม

 เย่เฉิน…  หวังเจียเหยาเรียกเย่เฉิน

ถึงแม้จะใส่ชุดราคาแสนแพง แต่หล่อนในตอนนี้กลับยืนอยู่ด้านนอกรถราคาหลายสิบล้าน ชวนให้รู้สึกเหมือนเป็นขอทานอย่างไรอย่างนั้น

เย่เฉินที่นั่งในรถราคาแพงขนาดนั้นก็เหมือนเจ้าชายที่หลุดมาจากยุคโบราณจริงๆ

เย่เฉินไม่แยแสหวังเจียเหยาแต่กลับมองไปที่ซ่งหงเย่

พูดกันตามจริงแล้ว ความสัมพันธ์เย่เฉินกับซ่งหงเย่ก็ไม่ได้เลวร้าย

สามารถพูดได้ว่าซ่งหงเย่ปฏิบัติกับเย่เฉินดีที่สุดแล้วในกลุ่มเพื่อนของหวังเจียเหยา

เพื่อนคนอื่นของหญิงสาวดูหมิ่นเหยียดหยามเย่เฉินอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่เจอหน้าเขาคนพวกนั้นไม่เคยจะมองเย่เฉินตรงๆ ด้วยซ้ำแถมยังมักจะใช้เขาราวคนใช้

ทั้งถือของตอนเดินช็อปปิ้ง ใช้ไปซื้อขนมให้บ้าง ซื้อน้ำดื่มให้บ้าง โดยรวมคือมองเขาไม่ต่างอะไรกับคนใช้

แต่ซ่งหงเย่ไม่เคยทำให้เย่เฉินต้องลำบาก ในทางกลับกันยังมักจะเลี้ยงเย่เฉินบ่อยๆ ด้วย

บางทีเพราะซ่งหงเย่เป็นคนบ้าผู้ชาย ชอบผู้ชายหล่อ แล้วเย่เฉินดันเข้าตาหญิงสาวพอดี

ซ่งหงเย่เป็นคนใจกว้างไม่คิดเล็กคิดน้อย เพราะเจ้าหล่อนค้อมตัวลงมา เรือนผมยาวสลวยนั้นปรกหน้าโดยไม่รู้ตัวจนบดบังครรลองสายตา

หล่อนจึงสะบัดผมน้อยๆ แล้วกล่าวต่อว่า  ฮ่าๆ เย่เฉิน ฉันคิดว่าพอนายกลายเป็นคุณเย่แล้วจะไม่รู้จักฉันเสียอีก 

เย่เฉินหัวเราะแล้วกล่าวว่า  จะได้ยังไง ผมยังติดข้าวคุณอีกหลายมื้อเลย 

ซ่งหงเย่กล่าวว่า  ฮ่าๆ ที่ฉันกับเจียเหยามาก็เพื่อจะมาทวงข้าวนายนี่แหละ ขอเราไปชมบ้านหรูของนายหน่อยสิได้ไหม? 

แย่เฉินปรายตามองหวังเจียเหยาแล้วกล่าวกับซ่งหงเย่

 คุณหนูซ่งมาบ้านผม ผมย่อมต้อนรับอยู่แล้ว ส่วนคุณหนูหวังน่ะวันนี้เป็นวันมงคลของคุณกับคุณชายฟางดึกดื่นขนาดนี้แล้วอย่าไปบ้านผมเลยจะได้ไม่เข้าใจผิดกัน 

ซ่งหงเย่รีบหยิบใบหย่าออกมาจากกระเป๋าหวังเจียเหยาแล้วส่งให้เย่เฉิน  เข้าใจผิดอะไรกัน เจียเหยาหย่ากับฟางเชาแล้ว! 

เย่เฉินมองใบหย่าของหวังเจียเหยาก่อนผลักมือซ่งหงเย่ แล้วส่ายหน้าไม่พูดอะไร

เขาย่อมรู้ดีแก่ใจว่าทำไมหวังเจียเหยาถึงได้หย่า

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะหย่าในวันแต่งงาน

เห็นเย่เฉินไม่พูดไม่จา ซ่งหงเย่ก็เกาะกระจกรถแล้วขอร้องเขาด้วยน้ำเสียงเว้าวอน

 พี่เย่สุดหล่อ ให้พวกเราไปด้วยเถอะนะ ทำไมล่ะ กลัวพวกเราทำอะไรนายหรือไง? 

เย่เฉินรู้ว่าซ่งหงเย่เป็นคนปากกล้า ถ้าพูดเรื่องอย่างว่าแล้วเย่เฉินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งหงเย่เลยด้วยซ้ำ

เย่เฉินไม่ค่อยชอบซ่งหงเย่ เพราะชีวิตส่วนตัวของหล่อนออกจะวุ่นวายไม่น้อย

ตัวของหวังเจียเหยาเองเป็นคนว่านอนสอนง่าย ใสซื่อบริสุทธิ์เพราะอยู่กับอีกฝ่ายนานเข้า ถึงได้ติดนิสัยเสียมา

ทว่าดูท่าแล้ววันนี้ทั้งสองคนจะต้องเข้าบ้านเขาให้ได้

เย่เฉินเองก็รู้ว่า ต่อให้วันนี้ปฏิเสธหวังเจียเหยาหล่อนก็จะมาหาเขาอีกอยู่ดี

 ขึ้นรถเถอะ  เย่เฉินกล่าว

 ขอบคุณค่ะคุณเย่! 

ซ่งหงเย่รีบเปิดประตูข้างที่นั่งคนขับ เพื่อเปิดโอกาสให้หวังเจียเหยาได้นั่งด้านหลังกับเย่เฉิน

ที่นั่งด้านหน้ากับหลังต่างจากราวฟ้ากับเหว ที่นั่งด้านหน้าปิดทึบ แต่ด้านหลังนั้นแค่แหงนหน้ามองก็จะเห็นดวงดาวพร่างพรายบนท้องฟ้า!

หนำซ้ำที่นั่งบริเวณด้านหลังค่อนข้าวกว้างขวางเหมือนที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสบนเครื่องบิน ที่นั่งบิสสิเนสคลาสบนรถไฟฟ้าความเร็วสูงสะดวกสบายเหลือเกิน!

มีโต๊ะและมีที่วางแก้วแชมเปญ

หลังจากที่หวังเจียเหยาเข้าไปแล้วก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง

 นี่คือรถของสามีฉัน! มายบัครุ่นลิมิตเต็ด! ก่อนนี้ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ! สบายจังเลยมีแชมเปญด้วย! 

พอหวังเจียเหยาทรุดตัวนั่งลงแล้ว มือขวาคลำเจอแก้วแชมเปญพอดี หล่อนยกแก้วเปล่าขึ้นมาแล้วกล่าวถามเย่เฉิน

 ช่วยรินแชมเปญให้ฉันหน่อยได้ไหม? 

……………….

 

หวังเจียเหยาในชุดเจ้าสาวสีขาวปฏิเสธการแต่งงานต่อหน้าแขกในงานแต่งของตนเอง!

แล้วในงานก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย!

หลังจากที่เย่เฉินประกาศตัวว่าเขาเป็นประธานบริษัทแล้ว ในใจหวังเจียเหยาก็สั่นไหว

ยิ่งพอเห็นคนใหญ่โต คนมีหน้ามีตาในสังคมต่างก็เคารพเย่เฉินแบบนั้นแล้ว เขาเป็นดั่งฮ่องเต้แห่งอวิ๋นโจวชัดๆ!

อดีตคนเคยรักตอนนี้กลายมาเป็นเศรษฐีที่คนต่างนับหน้าถือตา!

แล้วจะให้หวังเจียเหยายินยอมแต่งงานกับฟางเชาได้อย่างไร?

เดิมทีหวังเจียเหยาก็ไม่ได้ชื่นชอบชายเจ้าชู้อย่างฟางเชา เขาไม่ได้หล่อเหลาเท่าเย่เฉิน นิสัยใจคอก็ไม่นุ่มนวลอ่อนโยนแบบอีกฝ่าย ไม่ทะนุถนอม ดูแลเอาใจใส่หล่อนเหมือนอดีตสามี

ข้อดีเดียวที่ฟางเชามีก็คือเขามีพื้นฐานครอบครัวที่ดี สามารถช่วยเหลือตระกูลหวังได้

ตอนนี้ข้อดีข้อเดียวที่ทำให้ฟางเชาอยู่เหนือเย่เฉินก็ไม่มีอีกแล้ว

ดังนั้นหล่อนจึงไม่ลังเลที่จะปฏิเสธเขา!

ทุกคนจึงได้เห็นหวังเจียเหยาในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์วิ่งลงจากเวทีด้วยใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาแล้วโถมตัวเข้าหาอ้อมกอดของอดีตสามีแล้วพร่ำบอกเขา  เย่เฉิน ฉันรักคุณค่ะ! 

เสียงจอแจในงานแต่งงานก็ดังขึ้นกว่าเดิม!

 สวรรค์! คิดไม่ถึงว่าเจ้าสาวจะวิ่งโร่ไปกอดผู้ชายคนอื่นกลางงานแต่งงานเลย! 

 ฮ่าๆ มีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้วพวกเรา 

ฟางเชาในชุดเจ้าบ่าวที่อยู่บนเวทีหน้าเขียวคล้ำ!

เย่เฉินนั่งบนที่นั่งเงียบๆ แล้วโอบกอดอดีตภรรยาที่เขารักหนักหนาด้วยจิตใจที่สับสน

ทั้งปิติยินดีและลิงโลด แต่ก็โกรธแค้นและเกลียดชังไปพร้อมกัน!

เขาย้อนนึกถึงวันที่เขายังอยู่ในชุดของพนักงานเดลิเวอรี่ที่ต่ำต่อย ยืนอยู่ตรงหน้าฟางเชาและหวังเจียเหยาที่โรงแรมเจียหัว อดีตภรรยาคนนี้ยังตะคอกเขาว่าเขาไม่คู่ควรแม้แต่จะย่างกรายเข้ามาในโรงแรมแห่งนี้อยู่เลย

คิดไปแล้วพวกเขาสองคนคงคิดไม่ถึงแน่ว่าจะมีเหตุการณ์เช่นวันนี้เกิดขึ้น!

ฉินหงเหยียนที่นั่งข้างเย่เฉิน หยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าแล้วจุดมันก่อนระบายยิ้มอย่างขี้เล่น

 หวังเจียเหยาเอ้ยหวังเจียเหยา วิ่งโร่มาตอนนี้ คุณคิดว่าเย่เฉินจะให้อภัยคุณหรือไง! 

ฉินหงเหยียนยกมุมปากเยาะเย้ย ในฐานะที่เป็นผู้หญิง หล่อนอยากจะบอกอีกฝ่ายอย่างมากว่าถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้คงไม่ทำแต่แรก!

ใบหน้า มือและเท้าเจ้าภาพอย่างฟางเสียนจู่สั่นระริก!

คิดไม่ถึงว่าลูกสะใภ้ของตนเองจะโร่ไปบอกชายอีกคนว่า  ฉันรักคุณ! 

นี่คือการดูหมิ่นเหยียดหยาม!

นี่คือการดูหมิ่นเหยียดหยามตระกูลฟาง!

แล้วจะให้คนตระกูลฟางเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!

และในเวลานี้เองจู่ๆ หวังจื้อหย่วนก็สาวเท้าเดินไปด้านหน้า คว้าตัวหวังเจียเหยาออกมาจากอ้อมกอดของเย่เฉินก่อนจะตบหน้าบุตรสาวเสียงดัง!

เพี๊ยะ!

หวังจื้อหย่วนกล่าวด้วยความร้อนใจ  แกมันบ้าไปแล้ว! แกล่วงเกินตระกูลฟางแบบนี้อยากจะให้พวกเราล่มจมไปกับแกด้วยหรือไง! 

หวังจื้อหย่วนรู้ดีแก่ใจว่านี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน หวังเจียเหยาฉีกหน้าคนตระกูลฟางแล้วทำให้พวกเขากลายเป็นตัวตลกของคนทั้งอวิ๋นโจว

ตระกูลฟางไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก พวกเขาจะต้องคิดบัญชีกับครอบครัวหวังจื้อหย่วนแน่

แต่ซูหลานกลับเดินมา แล้วกอดลูกสาวอย่างรักใคร่แล้วกล่าวกับสามีว่า

 จื้อหย่วนคุณตีลูกสาวเราทำไม! เดิมทีเย่เฉินกับเจียเหยาก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาถึงสามปี ก็ต้องผูกพันกันเป็นธรรมดา! ลูกจะเลือกเย่เฉินก็ไม่ผิดหรอกแล้วอีกอย่างเย่เฉินตอนนี้ก็เป็นประธานบริษัทเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? 

 เธอ…เธอผู้หญิงแพศยาหุบปากเลย! 

หวังจื้อหย่วนหัวเสียอย่างมาก แล้วยกมือขึ้นจะตบภรรยา

หวังจื้อหย่วนรู้ว่าเย่เฉินจะไม่ยอมกลับมากินน้ำพริกถ้วยเก่า วันนี้เขาไม่ได้มาเพื่อแย่งตัวคนรักอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าหวังเจียเหยาจะอ้อนวอนเขาอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

ในเมื่อตอนนี้หวังเจียเหยาแต่งงานกับคนตระกูลฟางแล้ว ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ทำได้แค่เลือกดองกับตระกูลฟางไป

ไม่อย่างนั้นแล้วล่วงเกินทั้งเย่เฉินทั้งตระกูลฟางคงจะยากที่จะผูกมิตรกับพวกเขาทั้งสองฝั่งได้ดังเดิม

เย่เฉินไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัวของตระกูลหวังทั้งสิ้น

ในอดีตสามคนนี้ คนหนึ่งคือภรรยาเขา อีกคนที่พ่อตาเขา ส่วนอีกคนคือแม่ยาย

แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตนเองอีกแล้ว

เย่เฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้ จดกระดุมชุดสูทด้วยท่าทีผ่อนคลายแล้วกล่าวว่า  เป็นงานแต่งยิ่งใหญ่แห่งปีจริงๆ มิน่าล่ะคุณฟางถึงได้บังคับให้ผมต้องมาดูให้ได้ 

 งานแต่งผมก็มาดูแล้ว ที่บริษัทยังมีธุระอยู่ ขอตัวก่อนแล้วกัน 

ฉินหงเหยียนบี้บุหรี่สำหรับสุภาพสตรีที่เพิ่งจุดทิ้งแล้วลุกขึ้น  ฉันเองก็ควรไปได้แล้ว 

หวงเฉิงหมิงที่อยู่ในโต๊ะเดียวกันก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  คุณเย่ คุณฉิน รอผมด้วยสิ ผมไม่ขอร่วมงานมงคลด้วยแล้ว ผมไปกับพวกคุณแล้วกัน 

หลังจากที่ทั้งสามคนไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าแขกคนอื่นๆ ในโต๊ะต่างเริ่มร่ำลาฟางเสียนจู่เช่นกัน

 คุณฟาง ที่บริษัทยังมีธุระอยู่ ขอตัวแล้วกัน 

 ที่ทำงานโทรมาตามแล้ว ต้องขอโทษด้วย ขอตัวก่อนนะ 

 … 

ผ่านไปไม่นานนัก โถงจัดงานแต่งงานที่เดิมครึกครื้นเหลือเกินก็เหลือแขกแค่สองโต๊ะ

สองโต๊ะที่เหลือนั้นล้วนแต่เป็นญาติสนิทของตระกูลฟาง

ส่วนพาร์ทเนอร์ในธุรกิจต่างๆ นั้นไม่มีใครเหลือสักคน

ผู้ที่ตั้งตนอยู่ในธรรมย่อมจะมีแต่ผู้ให้การช่วยเหลือ คนพวกนี้ฉลาดกันจะตายไป

พอรู้ว่าเย่เฉินมีปัญหากับบ้านตระกูลฟาง ใครไหนเลยจะกล้าสนิทสนมกับพวกเขา?

ถ้าหากว่าอยู่ที่นี่ต่อ สุดท้ายแล้วไปเข้าหูเย่เฉินเข้า ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเหมือนพวกบริษัทที่ซวยๆ สิบกว่าแห่งนั้นก็ได้ที่ไม่รู้ว่าจะล่มจมลงเอาตอนไหน

 อ๊าก! 

ฟางเชาทุ่มเก้าอี้ใส่โต๊ะ

งานแต่งงานที่ทุ่มเงินไปตั้งหลายล้านกลับไม่มีคนอยู่ชื่นชม!

ฟางเสียนจู่เห็นสถานการณ์นั้นก็ยังคงมีท่าที  ลูกเชา ลูกพาเจียเหยากลับไปที่เรือนหอใหม่ของพวกลูกเถอะไป วันนี้เป็นวันมงคลของลูกสองคน อย่าไปสนใจเรื่องพวกนี้เลย พ่อกับแม่จะจัดการเอง! 

จากนั้นฟางเสียนจู่ก็กล่าวกับหวังเจียเหยา  หวังเจียเหยาฉันรู้ว่าตอนนี้เธออยากจะกลับไปอยู่กับเย่เฉิน แต่เธอเองก็เห็นแล้ว เย่เฉินเขาไม่อยากได้เธอเลยสักนิด ในเมื่อเธอเป็นสะใภ้ตระกูลฟางเราแล้ว เธอก็ช่วยรู้จักพอสักหน่อยเถอะ! ถึงตระกูลฟางของเราอาจจะด้อยกว่าเย่เฉิน แต่ไม่ว่ายังไงตระกูลฟางของเราก็มีทรัพย์สินหลายพันล้านหยวน ถือว่าร่ำรวยกว่าตระกูลหวังของเธอระดับหนึ่ง! มาเป็นสะใภ้ของเราก็ถือว่าเป็นผลดีกับเธออยู่ดี! 

หวังเจียเหยาขบริมฝีปากแต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยภาพของเย่เฉิน!

 

ฟางเสียนจู่มาถึงหน้าประตูก็เจอหลิวเจิ้งคุนและซีกวากำลังยืนรออยู่ที่ประตู ข้างกายพวกเขามีลูกน้องอยู่หลายคน

ฟางเสียนจู่รีบร้อนเดินมา  คุณหลิว พี่กวา มาแล้วทำไมไม่เข้างานล่ะครับ? 

สายตาหลิวเจิ้งคุนมองไปที่ไกลๆ  รอคนอยู่ 

 รอคนเหรอ? 

ฟางเสียนจู่สงสัย หลิวเจิ้งคุนเป็นคนมีอิทธิพลมากคนหนึ่งในมณฑลแถวนี้ แต่ไหนแต่ไรมามีแต่คนมารอเขา ใครกันที่ควรค่าให้เขายืนรออยู่ที่นี่?

ไม่ถึงสองนาทีมีรถโรลส์-รอยซ์ป้ายปักกิ่งขับมา

พอเห็นป้ายทะเบียนรถ ฟางเสียนจู่ก็รู้ได้เลยว่าผู้ที่เดินทางมาจะต้องมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาแน่!

คนที่อยู่ในกลุ่มคนชั้นสูงในสังคมอย่างพวกเขาสามารถจำแนกสถานะเจ้าของรถผ่านป้ายทะเบียนได้

อย่างอวิ๋นโจวที่เป็นเมืองทั่วไป ป้ายทะเบียนรถไม่ได้มีค่าอะไร อย่างมากก็คือยิ่งเลขสวยเท่าไหร่ก็แปลว่ายิ่งรวยมากเท่านั้น

แต่ถ้าเป็นป้ายทะเบียนรถของปักกิ่งก็จะไม่ธรรมดาแบบนี้ ทั้งตัวอักษร เลข ล้วนแต่มีความหมายทั้งนั้น

มีบางช่วงตัวเลขที่มีแต่ชนชั้นสูงในสังคมเท่านั้นถึงจะมี ไม่ใช่ว่าใช้เส้นสายหรือใช้เงินจะซื้อหามาได้

ทันทีที่ฟางเสียนจู่เห็นตัวอักษรและเลขก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่นั่งในรถคันนี้จะต้องเป็นคนใหญ่โตแน่นอน!

หลิวเจิ้งคุนรีบเดินไปเปิดประตูจากนั้นก็ค้อมตัวลงแล้วกล่าว  ท่านฟางสวัสดีครับ 

ซีกวาเองก็ค้อมตัวลงเก้าสิบองศาแล้วพูดเสียงดัง  ท่านฟางสวัสดีครับ! 

พ่อบ้านฟางลงมาจากรถ พอฟางเสียนจู่เห็นชายชราเรือนผมขาวโพลนแต่ใบหน้ายังสดใส ท่าทางก็สง่างาม มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าเป็นคนใหญ่คนโตจึงรีบดึงหลิวเจิ้งคุนมาถาม  ท่านผู้นี้คือใคร? 

หลิวเจิ้งคุนจึงกล่าวแนะนำ  ท่านผู้นี้คือท่านฟางเป็นผู้มีพระคุณของผม ถ้าไม่มีท่านฟางก็คงไม่มีผมหลิวเจิ้งคุนในวันนี้ 

พอฟังจบฟางเสียนจู่ก็รีบจับมืออีกฝ่าย  สวัสดีครับท่านฟาง ผมเองก็แซ่ฟาง ชื่อเสียนจู่ ผมรู้จักกับคุณหลิวมานานเป็นเพื่อนสนิทกันเลยทีเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของลูกชายผมฟางเชาพอดี ไม่ทราบว่าท่านมาที่นี่เพราะ…. 

พ่อบ้านฟางหัวเราะร่วน  สวัสดีครับคุณฟาง ผมมาเพื่อมาร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งงานนี่ล่ะ แต่ผมไม่ได้รับบัตรเชิญแล้วเสนอตัวมาเอง ยังไงต้องขอโทษคุณฟางด้วย 

ฟางเสียนจู่ที่บุญหล่นทับเช่นนี้ก็ดีใจจนเนื้อเต้น  มิได้! ท่านมาร่วมงานช่างเป็นเกียรติต่อตระกูลฟางของพวกเรานัก เชิญครับ เชิญเลย! 

ฟางเสียนจู่แทบไม่อาจสะกดความดีใจเอาไว้ได้ พลันคิดอย่างได้ใจ  ฮ่าๆ เย่เฉินมีเงินแล้วยังไง? หลิวเจิ้งคุน ท่านฟาง คนใหญ่คนโตมีอิทธิพลแบบนี้ไว้หน้าฉัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะกล้าลงมือกับฉันน่ะ! 

พอทั้งสามคนเข้าไปในห้องโถงแล้ว ฟางเสียนจู่ก็เดินไปด้านหน้าแล้วกล่าวกับเย่เฉิน  เย่เฉิน ผมจะแนะนำเพื่อนของผมให้รู้จัก ท่านผู้นี้คือ…. 

ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นซีกวาทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าเย่เฉินแล้วตะโกน  ท่านเย่! สุขสันต์วันเกิดครับ! 

ก่อนหน้านี้ซีกวาเคยล่วงเกินเย่เฉินเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเมตตาไม่ถือสาหาความ ป่านนี้ซีกวาคงไปนอนตายอยู่ที่แม่น้ำหวงผู่ไปนานแล้ว

หลิวเจิ้งคุนเองก็เดินมาหาแล้วค้อมตัวมอบของขวัญวันเกิดให้เขา  คุณชาย สุขสันต์วันเกิดครับ ผมและท่านฟางมามอบของขวัญวันเกิดให้นายน้อยครับ 

พ่อบ้านฟางเดินมาหาอีกฝ่ายช้าๆ ทั้งฟางเสียนจู่และแขกในงานต่างก็มองออกว่าชายชราผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา จะต้องเป็นคนใหญ่คนโตจากที่ไหนมาแน่

แต่ใครจะคาดคิดว่าพ่อบ้านฟางเองก็ค้อมตัวลงทำความเคารพเย่เฉินเช่นกันแล้วกล่าวเสียงฟังชัด  คุณชายสุขสันต์วันเกิดครับ 

 คุณ…คุณชาย? 

ฟางเสียนจู่และหวังเจียเหยาเบิกตากว้าง

เย่เฉินรีบร้อนลุกขึ้นแล้วจับมือพ่อบ้านฟาง  พ่อบ้านฟางผมเห็นคุณเป็นเหมือนญาติแท้ๆ คุณไม่จำเป็นต้องทำความเคารพผมหรอกครับ 

พูดจบเย่เฉินก็เสสายตามองฟางเสียนจู่แล้วเอ่ยปากถาม  คุณบอกว่าจะไปหาเพื่อนในวงการใต้ดินมาจัดการผม คงจะไม่ใช่อาคุนกับเสี่ยวกวามั้ง? 

ขนาดฟางเสียนจู่ยังต้องเรียกพวกเขาว่า ‘คุณหลิว’ และ ‘พี่กวา’ แต่คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะเรียกพวกเขาเหมือนคนใช้อย่างไรอย่างนั้น!

พอซีกวาได้ยินก็มีท่าทีไม่พอใจทันที  ย่าเอ็งเถอะว่ะ คุณคิดว่าเล่นงานคุณชายเย่เฉิน? คุณมีหัวให้เสียกี่หัวกัน! 

หลังจากฟางเสียนจู่โดนซีกวาด่า เขากลับไม่กล้าเถียงอีกฝ่ายแม้แต่คำเดียว!

เย่เฉินเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า  ผมมาเพื่อร่วมงานมงคลไม่ได้จะมาก่อเรื่อง ไม่อยากให้ใครคิดว่าผมจงใจก่อเรื่องเพื่อทำให้งานแต่งงานครั้งนี้ล่ม ซีกวา อาคุน พวกนายไปเถอะ พ่อบ้านฟางของขวัญวันเกิดพวกนี้ผมรับเอาไว้แล้วล่ะ ไปได้แล้วไป 

เย่เฉินพูดแล้วพวกเขาที่เหลือไม่มีใครกล้าขัดขืน

ทว่าก่อนเย่เฉินจะจากไป หลิวเจิ้งคุนยังตั้งใจกระซิบกับฟางเสียนจู่  ถ้าหากว่าคุณชายเกิดบาดเจ็บแม้แต่ปลายนิ้ว พวกคุณตายยกบ้านแน่! 

ฟางเสียนจู่กังวลจนเหงื่อแตกพลั่ก แต่กลับไม่กล้าเถียงอีกฝ่าย

ตอนนี้แขกที่มาร่วมงานแต่งงานต่างก็ตกใจจนตาค้าง

 คุณเย่คนนี้เป็นลูกพี่ทั้งในวงการธุรกิจและโลกใต้ดิน! คิดไม่ถึงว่าขนาดหลิวเจิ้งคุนยังเป็นลูกน้องเขา! 

 คุณเย่อายุยังน้อย แต่กลับแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ใครล่วงเกินเขาคงจะไม่มีจุดจบที่ดี! 

คนเหล่านี้เป็นพวกประจบสอพลอ พอเห็นเย่เฉินโลดแล่นได้ดีอยู่ในอวิ๋นโจว แขกทุกโต๊ะก็พากันถือแก้วเหล้ามาหาเขา

 ได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณเย่ ก่อนหน้านี้ถึงเราจะไม่เคยพบหน้าคุณเย่แต่วันนี้ได้มาพบกันถือเป็นวาสนา มาทุกท่าน! เราดื่มให้คุณเย่ดีไหม? 

 เอาสิ! 

แขกทุกคนในงานประสานเสียงพร้อมกัน

แต่ที่น่าขันก็คือในบรรดาแขกเหล่านี้ มีคนจำนวนไม่น้อยที่เป็นญาติของทางฝั่งตระกูลฟางรวมไปถึงเพื่อนของฟางเชา

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น

ทันใดนั้นเองเขาก็คิดถึงงานฉลองวันครบรอบอายุแปดสิบปีของคุณนายหวังเมื่อไม่นานมานี้ ในงานนั้นก็มีคนในสังคมระดับสูงมาไม่น้อย

และวันนั้นเองเขาก็มีปัญหากับเจ้าภาพของงานเช่นกัน

แต่ผลคือเจ้าภาพซึ่งก็คือตระกูลหวังโน้มน้าวแขกในงานให้ตัดทางทำมาหากินของเย่เฉินและพวกเขาก็ทำตามอีกฝ่าย

ทว่าวันนี้ถึงทุกคนจะรู้ว่าเย่เฉินขัดแข้งขัดขาตระกูลฟาง แต่แขกพวกนี้ก็ไม่มีใครที่จะกล้าออกหน้าแทนคนบ้านนี้สักคน

กลับกันคนพวกนั้นกลับดื่มอวยพรให้เขาและพยายามผูกมิตรกับเขาด้วย

แหมโลกของความเป็นจริง!

เย่เฉินยกจอกชาขึ้นแล้วกล่าว  ขอบคุณทุกท่านที่อวยพรวันเกิดผม เพราะมีใครบางคนกลัวว่าผมดื่มเหล้าแล้วจะก่อเรื่อง ผมขอดื่มชาแทนสุราเพื่อขอบคุณทุกท่านแล้วกันนะครับ 

พอหวังเจียเหยาได้ยินใบหน้าก็แดงก่ำ

ก่อนนี้ตอนที่หวังเจียเหยาให้การ์ดเชิญเขา หล่อนเคยกำชับเขาเอาไว้ว่าอย่าดื่มเหล้าเยอะในงานจะได้ไม่ทำอะไรที่ขายขี้หน้าคนอื่น

ตอนนี้หล่อนคงจะไม่ต้องกังวลเรื่องที่เย่เฉินจะทำให้ตนเองขายหน้าแล้ว

ดื่มชาเสร็จเย่เฉินก็กล่าวกับฟางเสียนจู่  คุณฟาง น่าจะถึงเวลาแล้ว ควรจะจัดงานแต่งได้แล้วล่ะมั้งครับ? เดี๋ยวพอผมชมงานแต่งงานหรูหราแห่งปีแล้วยังต้องกลับบริษัทไปทำงานอีกนะครับ 

ฟางเสียนจู่สับสน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างไรเสียก็ต้องจัดการงานแต่งงานของบุตรชายให้เสร็จก่อน

ดังนั้นฟางเสียนจู่จึงกล่าวกับพิธีกร  เริ่มงานแต่งได้แล้ว! 

ฟางเชาและหวังเจียเหยาก้าวขึ้นเวที แต่หวังเจียเหยาเหม่อลอย สภาพเหมือนไม่ได้อยู่ในงานแต่งงานด้วยซ้ำไป

พิธีกร  คุณฟางเชา คุณยินดีจะรับคุณหวังเจียเหยาเป็นภรรยา รักและดูแลเธอไปตลอดชีวิตของคุณหรือไม่ครับ? 

ฟางเชา  ผมยินดีครับ 

พิธีกร  คุณหวังเจียเหยา คุณยินดีจะรับคุณฟางเชาเป็นสามี อยู่เคียงข้างเขาไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน แข็งแรงหรือเจ็บป่วยไปตลอดชีวิตของคุณหรือไม่ครับ? 

หวังเจียเหยา  ฉันไม่ยินดีค่ะ! 

 

ไม่นานนักก็มีคนเดินเข้ามาในงานหลายสิบคน 90% เป็นผู้ชายมีผู้หญิงเพียงสามคนเท่านั้น อายุอยู่ในช่วงยี่สิบถึงสี่สิบปี
พวกเขาถูกชายคนเดิมนำทางเข้ามา
ชายผู้นั้นแนะนำ คนผู้นี้คือคุณฟางของพวกเรา ส่วนสองคนนั้นคือคุณฟางเชาลูกชายคุณฟางและเจ้าสาวหวังเจียเหยา
คนนับสิบรีบร้อนทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม สวัสดีคุณฟาง! สวัสดีคุณฟางเชา!
กลุ่มคนเยอะขนาดนี้ทำให้ฟางเสียนจู่กับฟางเชารู้สึกได้หน้าไม่น้อย
ฟางเชามองอยู่ไกลๆ แต่จู่ๆ ก็พบว่าในกลุ่มคนนั้นมีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อย เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามอย่างวางก้าม
ได้ยินว่าคนขับรถของคุณพ่อบอกว่าพวกนายเปิดบริษัทกันหมดเลยหรอ? เปิดบริษัทอะไรกันบ้าง? ไหนลองเล่าหน่อยสิ!
บริษัทฉันชื่อฉีเฉิง!
บริษัทของผมชื่อ MOBAเทียนยวี่!
ของผมชื่อบริษัทวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพซานเชิง
……
ทุกคนต่างแย่งกันบอกชื่อบริษัทตนเองจนเกิดเป็นเสียงจอแจ
ทว่าพอได้ยินชื่อของบริษัทพวกนั้น สีหน้าฟางเชาก็ซีดเผือดอย่างรวดเร็ว!
เพราะเขารู้จักบริษัทเหล่านี้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเคยลงทุนเสียด้วย!
ฟางเชาตื่นตระหนกทันที พวกนายเจ๊งกันไปหมดแล้วนี่ พวกบริษัทขยะที่ทำให้ฉันเสียเงินไปฟรีๆ เอ้ย!
ช่วงนี้ฟางเชาลงทุนไปหลายร้อยบริษัท ตอนที่ลงทุนเขาจะไม่ไปเจอหน้าคนพวกนี้ แต่จะส่งลูกน้องไปแทน
ดังนั้นคนหลายสิบคนที่เข้ามาในงานจึงไม่รู้จักเขา
ฟางเสียนจู่เห็นเข้าจึงรีบร้อนกล่าว ลูกเชา ลูกลงทุนให้พวกเขาเหรอ? แล้วบริษัทพวกเขาก็เจ๊งไปหมดแล้วเหรอ? ลูกรีบบอกพ่อมาเงินห้าร้อยล้านที่ให้ไป ตอนนี้เหลือเท่าไหร่?
ฟางเสียนจู่ตึงเครียดขึ้นมาทันที
ฟางเชาไม่กล้าโกหกพึมพำเสียงต่ำ ใช้ไปหมดแล้วครับ
เพี๊ยะ!
ฟางเสียนจู่ตบหน้าบุตรชายพลางตะคอก แกนี่มันตัวล้างผลาญ! ห้าร้อยล้านเลยนะ แกใช้เงินห้าร้อยล้านหมดเร็วขนาดนี้ได้ยังไง!
กระทั่งหวังเจียเหยายังไม่อยากจะเชื่อ ก่อนนี้ที่ฟางเชาบอกว่าพ่อเขาให้เงินมาห้าร้อยล้านเหมือนว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน อีกทั้งเขายังรับปากเสียเป็นมั่นเหมาะว่าจะหาเงินมาให้หล่อนห้าพันล้าน
แต่ตอนนี้กลับไม่เหลือสักแดงเดียว!
ฟางเชากุมหน้าแล้วชี้มาทางเย่เฉิน ขณะกล่าวด้วยเสียงที่ขาดห้วง พ่อครับ เป็นเพราะคนสารเลวเย่เฉินนั่นมันจงใจจะเล่นงานผม!
ฟางเชาชี้ไปทางเย่เฉินแล้วถึงได้เห็นคนกลุ่มเดิมกำลังวิ่งไปหาเย่เฉิน
เพราะคนจำนวนมากแถมยังอยากจะไปถึงตัวเย่เฉินก่อน หนำซ้ำฟางเสียนจู่ ฟางเชาและหวังเจียเหยากำลังขวางทางพวกเขา
พอคนจำนวนมากกรูกันเข้าไปก็ชนทั้งสามคนไปมา
เฮ้ยวิ่งพล่านอะไรกัน!
ฟางเสียนจู่ถูกชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาโวยวายอย่างไม่พอใจ
หวังเจียเหยาเองก็กรีดร้องไม่หยุด
คนหลายสิบคนไม่ได้สนใจใยดีเลยว่าพวกเขาจะชนเจ้าภาพจนมีสภาพแบบไหน เพราะพวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อพบคนตระกูลฟางด้วยซ้ำ
ทันทีที่พบหน้าเย่เฉินพวกเขาก็เป็นระเบียบเรียบร้อย และหยุดอยู่ห่างจากเย่เฉินไปสองเมตรแล้วพวกเขาก็คุกเข่าลงบนพื้น!
คุณเย่! ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย!
คุณเย่! ได้โปรดไว้ชัวิตพวกเราด้วย!
เจ้าของบริษัทนับสิบคนต่างคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เฉินแล้วอ้อนวอนอย่างพร้อมเพรียงกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พ่อค้าทั้งหลายที่อยู่ในงานแต่งงานตกใจกันหมด
คนพวกนี้เดิมไม่ได้มาเพื่อชื่นชมคุณฟางแต่มาเพราะคุณเย่ต่างหาก!
คุณเย่นี่สุดยอดจริงๆ เขาสามารถทำให้บริษัทจำนวนมากมายขนาดนี้ล่มจมได้ด้วยกำลังตัวเองคนเดียว น่ากลัวเหลือเกิน!
เย่เฉินจะต้องเป็นบุคคลลำดับหนึ่งในโลกธุรกิจของอวิ๋นโจว!
เย่เฉินดื่มชาแล้วเปิดปากเอ่ยช้าๆ ขอแค่ฟางเชาไม่ลงทุนในบริษัทของพวกคุณ ผมย่อมไม่รังแกพวกคุณอีก
หลังจากได้ยินคำประกาศของเย่เฉินแล้ว คนทั้งหมดก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาฟางเชา
ฟางเชาคุณเลิกลงทุนกับพวกเราเถอะนะ!
แม่ง ที่แท้ที่ผมโดนเล่นงานเป็นเพราะคุณเหรอเนี่ย! ช่วยเลิกสนใจบริษัทเราที!
ฟางเชาคุณต้องชดใช้ในความเสียหายที่เกิดขึ้นนะ!
หลายสิบคนทั้งหมดต่างก็พุ่งมาหาฟางเชา
ฟางเสียนจู่หัวเสีย ตะโกนด่า รีบไล่คนพวกนี้ออกไปเดี๋ยวนี้!
ฟางเสียนจู่รู้อยู่นานแล้วว่าอดีตสามีของหวังเจียเหยาเป็นนักเลงหัวไม้ ดังนั้นเขาจึงจัดเตรียมยอดฝีมือที่ร่างกายสูงใหญ่มาเป็นจำนวนมาก คนเหล่านี้ต่างก็เดินเข้ามา แล้วไล่เจ้าของบริษัทพวกนี้ออกไป
แต่คนพวกนี้ยังไม่ยอมลดละ
พวกเราจ่ายเงินเข้างานหมื่นหยวน มีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกเราออกจากงาน!
ฟางเสียนจู่คนหน้าไม่อาย ปล่อยพวกเราเพิ่งเข้ามาก็ไล่พวกเราออกไป คิดจะมุบมิบเงินแสนของพวกเราใช่ไหมล่ะ?
ฟางเสียนจู่ได้ยินพลันรู้สึกขายหน้าอย่างยิ่ง ตระกูลฟางของเขาจะสนใจเงินแค่ไม่กี่แสนนี้ได้อย่างไร!
ฟางเสียนจู่กล่าว คืนเงินพวกเขาไป! คืนไปสองเท่าเลย!
ฟางเสียนจู่ยอมเสียเงินหลายแสนด้วยอารมณ์ แต่ก็ต้องการจะรักษาหน้าของตระกูลฟาง
หลังจากคนพวกนั้นไปแล้ว ฟางเสียนจู่ก็เดินไปหาเย่เฉินด้วยโทสะ คุณเย่ ไม่รู้ว่าฟางเชาไปล่วงเกินคุณยังไง ทำไมคุณถึงต้องเล่นงานลูกผมด้วย! ถึงต้องกลั่นแกล้งให้ลูกชายผมเสียหายถึงห้าร้อยล้าน! เกรงว่าคุณคงใช้เงินมากกว่าห้าร้อยล้านเสียอีก!
ฟางเสียนจู่รู้ดีแก่ใจว่าการจะทำให้บริษัทหนึ่งๆ ล่มจมในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้ นอกจากจะใช้วิธีสกปรก ไม่อย่างนั้นก็จะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อแข่งขันถึงจะทำให้บริษัทล่มจมได้แบบนี้
เผาเงินแบบนี้น่ากลัวเหลือเกิน
ก่อนเย่เฉินจะมาเขาไม่ได้ตั้งใจจะเป็นมิตรกับตระกูลฟางอยู่แล้ว
ในเมื่อฟางเสียนจู่หัวเสีย เย่เฉินเองก็ไม่สนใจแต่อย่างใด!
เย่เฉินกล่าว ลูกชายคุณทำอะไรไว้ ไปถามเขาเอง ส่วนผมจะเผาเงินไปเท่าไหร่คงไม่รบกวนคุณ เงินพันล้านในสายตาผมก็ไม่เท่าไหร่หรอก
พอได้ยินประโยคสุดท้ายแล้ว หวังเจียเหยาก็เหมือนตกในอยู่ในความฝัน
เงินหลายพันล้านไม่อยู่ในสายตา?
หวังเจียเหยาทรยศเย่เฉินด้วยเงินเพียงแค่นี้!
ฟางเสียนจู่พอจะได้เดาได้ลางๆ ว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวกับหวังเจียเหยาแน่นอน
ทว่าในเมื่อฟางเชาแต่งงานกับหวังเจียเหยาแล้ว เขาก็จำเป็นต้องปกป้องพวกเขาทั้งสองคน
ฟางเสียนจู่กล่าว คุณเย่ร่ำรวยอู้ฟู่จริงๆ ตระกูลฟางของเราเทียบเคียงไม่ได้เลย! แต่มีคำกล่าวเอาไว้ว่ามังกรก็มิอาจเอาชนะงูเจ้าถิ่นได้ ได้ยินมาว่าคุณเย่เพิ่งมาที่อวิ๋นโจว ส่วนคนแซ่ฟางอย่างผมมีเพื่อนสนิทมิตรสหายในอวิ๋นโจวมาก็มาก ในกลุ่มเพื่อนผมก็มีคนที่มีอิทธิพล หากว่าพี่น้องเหล่านั้นของผมได้ล่วงรู้ว่ามีคนกล้าเล่นงานลูกชายผมล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ยอมจบแน่! บางทีอาจทำเรื่องที่ผิดกฎหมายขึ้นมาก็ได้!
นี่ฟางเสียนจู่กำลังข่มขู่เย่เฉิน!
ฟางเสียนจู่คุณกล้าข่มขู่คุณเย่เชียว! ฉินหงเหยียนโมโหฉุนเฉียว
เย่เฉินยื่นมือออกมา เพื่อปลอบฉินหงเหยียนว่าไม่จำเป็นต้องโกรธเกรี้ยวและยังคงกล่าวด้วยท่าทีนิ่งเฉย คุณฟางจะสั่งสอนผมสักเล็กน้อยผมก็ยอมรับได้ ไม่รู้ว่าพี่น้องนักเลงของคุณคือใครครับ? ผมอยากจะพบเขาหน่อย
อีกเดี๋ยวคุณก็ได้พบเขาแล้วล่ะ
ฟางเสียนจู่หยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรออก คุณหลิว คุณมาถึงหรือยัง?
ในปลายสายตอบกลับมา มาถึงนานแล้วครับ อยู่ที่ประตู!
ฟางเสียนจู่ละล่ำละลัก อ้าวคุณมาถึงแล้วทำไมไม่เข้ามาล่ะ งั้นเดี๋ยวผมออกไปรับคุณเดี๋ยวนี้เลย

ที่หวังเจียเหยามักจะทำตัวมั่นใจสูงส่งยามอยู่ต่อหน้าเย่เฉิน ต่อให้ตนเองเป็นคนทำผิดแต่ก็ยังกล้าบังคับให้เย่เฉินเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษ

สาเหตุหลักนั่นเพราะความเย่อหยิ่งในครอบครัวตัวเอง

ตั้งแต่เด็กจนโตหวังเจียเหยาเรียนในโรงเรียนของลูกคนรวย จึงได้เรียนเปียโน ไวโอลินและการเต้นตั้งแต่เด็กจึงคิดไปเองว่าทั้งมารยาทและการอบรมสั่งสอนเหนือกว่าเย่เฉินไม่ใช่เพียงแค่ขั้นเดียว

ถึงแม้หล่อนจะชอบเย่เฉิน แต่ในสายตาของตัวหล่อนเองคิดเสมอว่าตนเองและเย่เฉินอยู่กันคนละโลก

ในตอนนี้หวังเจียเหยาถึงได้รู้ว่าพวกเขาสองคนอยู่กันคนละโลกจริงๆ

แต่ที่ต่างไปจากเมื่อก่อนที่หล่อนคิดก็คือคนที่อยู่ในโลกที่สูงส่งกว่าคนนั้นคือเย่เฉินต่างหาก!

อีกด้านหนึ่งหวงเฉิงหมิงกล่าวกับฉินหลางว่า  ผมถามหน่อยฉินหลาง ตระกูลฟางให้เงินคุณเท่าไหร่กันแน่ คิดไม่ถึงว่าจะเชิญคุณมาได้? คุณปฏิเสธไม่รับการแสดงตามงานแต่งมาตลอดเลยไม่ใช่เหรอ? คราวก่อนลูกชายเพื่อนผมแต่งงาน ผมจะเชิญคุณผมถามคุณหน่อยสิที่คุณปฏิเสธโดยไม่คิดเนี่ยเพราะรังเกียจที่ผมไม่จ่ายเงินจ้างคุณใช่ไหม? 

ปกติแล้วในงานแต่งงานของพวกคนร่ำรวยมักจะชอบเชิญนักร้อง นักแสดง นักเปียโนชื่อดังมาร่วมงาน เพื่อแสดงให้เห็นศักยภาพของตระกูล

ฉินหลางกล่าวว่า  ที่ไหนกัน คุณหวง คุณอย่าเข้าใจผมผิดสิครับ ผมไม่ได้มาเพราะตระกูลฟางเชื้อเชิญผมมมา แต่เพราะอาจารย์ของผม ‘คุณแกรี’ บอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเย่เฉิน ให้ผมมาเล่นเปียโนให้เขาสักเพลงโดยเฉพาะ 

เย่เฉินกล่าวด้วยความเกรงใจเล็กน้อย  อาจารย์นี่ก็จริงๆ เลยรู้อยู่แล้วว่าคุณยุ่ง สัปดาห์หน้ายังต้องเตรียมงานคอนเสิร์ตที่ทำเนียบขาว คิดไม่ถึงว่ายังจะเรียกคุณมางานด้วย 

ฉินหลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม  ฮ่าๆ ไม่มีอะไรหรอก หลายปีมานี้ไม่ได้เจอกัน ฉันล่ะคิดถึงนายจริงๆ เลย! จริงสิ เย่เฉินนายอยากฟังเพลงอะไร? 

เย่เฉินครุ่นคิดแล้วกล่าว  ขอฟัง La campanella [1]แล้วกัน 

ทันทีที่กล่าวจบ คนในงานจำนวนไม่น้อยก็ตื่นเต้นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่เรียนเปียโนถึงกับหลุดอุทานออกมา  La campanella เป็นหนึ่งในสิบเพลงที่ยากที่สุดในโลก! 

ทุกคนในแวดวงนี้ที่มาร่วมงานในวันนี้ หากสุ่มเรียกใครมาสักคนต่อให้เป็นเด็กเล็กก็อาจจะสามารถเล่น Canon[2]หรือ A comme amour[3]ได้

แต่เพลงยากระดับโลกอย่าง La campanella ไม่ใช่ว่าใครก็จะเล่นได้และไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้ฟัง!

ฉินหลางกล่าวว่า  ได้เลยงั้นเล่นเพลงนี้ก็แล้วกัน! 

บนเวทีมีเปียโนที่เพิ่งจะปรับคีย์เสร็จอยู่พอดี ฉินหลางทดลองเสียงแล้วพบว่าไม่มีปัญหาอะไรก็พูดใส่ไมโครโฟนว่า

 เพลง La campanella นี้ขอมอบให้กับศิษย์พี่ของผม เย่เฉิน ขอให้คุณมีความสุขในวันครบรอบ 25 ปีนะ! 

แล้วคนในงานก็ปรบมือเสียงดัง

ฉินหลางเริ่มทำการแสดง มือทั้งสองวางลงบนคีย์ตัวแรกของโน้ตเสียงสูง ทำให้คนอดโยกตัวไปตามเสียงเพลงไม่ได้

ที่จริงเย่เฉินก็สามารถเล่นบทเพลงบทนี้ได้เช่นกัน ถึงขนาดที่เคยแข่งกับคู่แข่งที่มีความสามารถในระดับเดียวกับหวังเจียเหยาด้วยซ้ำไป

แต่ความแตกต่างระหว่างเล่นได้กับเล่นเป็นนั้นต่างกันมาก คนที่เล่นเปียโนเป็นทุกคนในงานต่างก็รับรู้ถึงความแตกต่างอย่างมโหฬารระหว่างตนเองกับฉินหลางเป็นอย่างดี

บทเพลงบทนี้มีทั้งความยากและทักษะที่ต้องใช้ในการเล่นดนตรีอย่างสูง ทั้งการกระโดดทำนอง การหมุนนิ้ว การรัวคีย์และการเล่นคร่อมจังหวะเป็นต้น

ทุกคนในงานคนที่บอกว่าตัวเองเล่นเพลง La campanella ได้ก่อนนี้พอหลังจากได้เห็นด้วยและได้ยินบทเพลงนี้จากฝีมือฉินหลางแล้วตลอดชีวิตที่เหล่ออยู่ก็ไม่กล้าพูดอีกเลยว่าตนเองเล่นบทเพลงนี้เป็น

 ช่างมีความสุขจริงๆ! หลังจากนี้ฉันไม่อยากเล่นบทเพลงนี้แล้ว! ฉันว่าถ้าฉันเล่นจะเป็นการดูหมิ่นเพลงนี้! 

 เป็นเพราะคุณเย่ เราถึงได้มีโอกาสได้เห็นการแสดงของยอดนักเปียโนในระยะประชิดแบบนี้! 

เพลงยาวประมาณสี่นาที ในระยะเวลาสี่นาทีกว่าๆ นี้ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็ใจเต้นระรัวเร็ว บางคนถึงขนาดน้ำตาคลอด้วยซ้ำไป!

ท้ายที่สุดเมื่อฉินหลางรัวโน้ตละม้ายว่าเป็นโน้ตตัวสุดท้าย ทำให้คนที่รู้ดนตรีจำนวนไม่น้อยลุกขึ้นปรบมือแล้ว เพราะพวกเขารู้ว่าบทเพลงนี้ได้จบลงแล้ว

ทว่าการแสดงของฉินหลางกลับยังไม่จบลง

ฉินหลางใช้โน้ตตัวสุดท้ายของเพลง La campanella มาเริ่มบทเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์

ทุกคนในงานแต่งงานจึงเริ่มร้องเพลงคลอไปกับการบรรเลงของฉินหลาง

 Happy Birth Day to you

 …Happy Birth Day to you

 …Happy Birth Day to you

 …Happy Birth Day to you 

สุดท้ายแล้วฉินหลางจึงจำเป็นต้องแสดงฝีมือต่ออีกหน่อยเพื่อจบการแสดงในครั้งนี้

 ขอบคุณครับทุกคน! เย่เฉิน สุขสันต์วันเกิดนะ! 

ฉินหลางอวยพรเย่เฉินอีกครั้ง

แขกทุกคนในงานลุกขึ้นปรบมือ คนแปลกหน้าจำนวนไม่น้อยถึงขนาดเดินมาดื่มเหล้าให้เย่เฉิน

ฟางเชานิ่งไป นี่เป็นงานแต่งงานของเขาไม่ใช่หรือ?

ทำไมถึงได้มีคนบรรเลงเพลงอวยพรวันเกิดให้เย่เฉิน แถมแขกเหรื่อทั้งหลายก็อวยพรให้เขาด้วย?

ระหว่างวันเกิดกับงานแต่งงาน งานไหนสำคัญกว่ากันกันแน่!

อีกทั้งสถานที่แห่งนี้เขาก็เป็นคนจ่ายเงินเช่า เปียโนก็เงินเขาเช่ามา!

ทำไมเย่เฉินถึงได้กลายเป็นตัวเอกของงานไปได้?

ฟางเชารู้สึกเสียหน้าอย่างมากเขาเดินไปหาฉินหลางแล้วกล่าว  คุณฉินหลางครับ คุณพอช่วยบรรเลงเพลง Mariage d’amour[4] ให้เป็นเกียรติกับผมและเจียเหยาได้ไหมครับ? 

ฉินหลางมองนาฬิกาข้อมือเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยท่าทีลำบากใจ  อ่อ…ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ ผมกลัวว่าจะไปขึ้นเครื่องบินไม่ทัน คงต้องไปแล้ว คราวหน้านะครับผมจะต้องชดเชยให้คุณอย่างแน่นอน 

พูดจบฉินหลางก็กอดเย่เฉินแล้วรีบร้อนเดินไป

 นี่… 

ไม่ว่าฟางเชากับฟางเสียนจู่จะเรียกอย่างไรก็รั้งเขาไว้ไม่ได้

ใบหน้าฟางเชาเก้อเขิน ฉินหลางคนนี้มาเพราะเย่เฉินชัดๆ เขาไม่ไว้หน้าตระกูลฟางเลยด้วยซ้ำ!

ฉินหงเหยียนจิบชาอย่างลิงโลด หล่อนรอวันที่เย่เฉินจะเอาคืนฟางเชากับหวังเจียเหยามานานแล้ว

อีกอย่างนี่เพิ่งจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!

หลังจากฉินหลางกลับไปไม่ถึงหนึ่งนาที ทันใดนั้นเองก็มีชายวัยรุ่นเดินเข้ามาในงาน แล้วกล่าวกับฟางเสียนจู่ว่า

 คุณฟางครับ จู่ๆ หน้างานก็มีคนมาหลายสิบคน พวกเขาไม่มีการ์ดเชิญแต่พวกเขาบอกว่าอยากจะเข้ามาในงาน 

ฟางเสียนจู่แค่นเสียง  งานแต่งงานของคนตระกูลฟางจะปล่อยคนเข้าร่วมงานได้สุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง? คนที่มาที่นี่แทบทุกคนต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตในเมืองอวิ๋นโจวกันทั้งนั้น? ให้พวกเขาไสหัวไป! 

คนอายุน้อยคนเดิมกล่าวต่อ  คุณฟาง พวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นเถ้าแก่เปิดบริษัทกันทุกคน แถมทุกคนยังบอกว่ายินดีจะใส่ซองคนละหมื่นหยวน ขอแค่เข้าร่วมงานแต่งครั้งนี้ได้ 

ฟางเสียนจู่ประหลาดใจทันทีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้

พอแขกคนอื่นๆ ได้ยินก็รีบกล่าวเยินยอทันที

 สมแล้วที่คุณฟางเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองอวิ๋นโจว วันนี้ลูกชายแต่งงาน เจ้าของบริษัทเยอะแยะขนาดนี้ยังแห่มาร่วมงานเพื่อมาทำความรู้จักกับคุณ 

 นั่นสิ ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจเป็นเจ้าของบริษัทเล็กๆ แต่ว่ามีบริษัทเล็กจำนวนมากขนาดนี้มาขอเข้าพบ นับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ! 

เมื่อฟางเสียนจู่ได้ยินคำสรรเสริญเขาก็กระหยิ่มยิ้มย่องกล่าวเสียงดังว่า  ในเมื่อมีเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กเยอะแยะขนาดนี้อยากจะรู้จักกับผม แถมวันนี้ยังเป็นวันมงคลของลูกชายผมอีก ผมจะยอมแหกกฎสักครั้งเพื่อทุกคนจะได้ร่วมยินดีไปด้วยกัน’

จากนั้นฟางเสียนจู่ก็กล่าวกับชายคนเดิมว่า  ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ แจ้งโรงแรมให้เพิ่มโต๊ะด้วย 

 ครับ!  อีกฝ่ายเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ฟางเชาเองก็รู้สึกได้หน้าอย่างมาก รีบกระซิบกระซาบกับเจ้าสาว  เห็นไหมล่ะ? นี่คือสถานะของคุณพ่อในโลกธุรกิจของอวิ๋นโจว! ธุรกิจเล็กๆ พวกนี้เลียกันเก่งสุดๆ ไปเลย! 

หวังเจียเหยายิ้มฝืนๆ ในใจหล่อนตอนนี้สนใจแต่เย่เฉิน

แต่พอได้เห็นพ่อสามีของตัวเองในตอนนี้ดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หล่อนเองก็ปลื้มปิติยินดี

แต่เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้หล่อนต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง!

[1] ลา กัมปาเนลลา (อิตาลี: La campanella แปลว่า ระฆังใบเล็ก, The Little Bell) เป็นชื่อที่ใช้เรียกงานประพันธ์สำหรับบรรเลงเดี่ยวเปียโน ผลงานของฟรานซ์ ลิซท์ในปี ค.ศ. 1838

[2]แคนนอน Canon หรือ Kanon (สะกดตามต้นฉบับเดิม) เป็นผลงานการประพันธ์ของ Johann Pachelbel คีตกวีและนักออร์แกนสัญชาติเยอรมัน

[3] แต่งโดย ปอล เดอ เซนวิลล์ นักแต่งเพลงชาวฝรั่งเศส

[4] Mariage d’amour (Marriage of Love) เป็นเพลงเปียโนเดี่ยวของฝรั่งเศส แต่งโดย Paul de Senneville ในปี 1979

 

รอยยิ้มของฟางเสียนจู่จางหายไปจากใบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

 ไม่ได้ให้ลูกชายผมหรอกเหรอครับ? คุณหวงมาร่วมงานลูกชายของผมไม่ใช่เหรอครับ?  สีหน้าฟางเสียนจู่เก้อเขิน

หวงเฉิงหมิงกล่าวพร้อมระบายยิ้ม  ผมต้องมาร่วมดื่มเหล้ามงคลอยู่แล้ว แต่ของที่จะมอบให้คู่แต่งงานก็คือเงินสด โดยผมได้ส่งมอบไปแล้ว ถ้าคุณฟางไม่เชื่อจะลองไปตรวจสอบดูก็ได้ครับ 

ฟางเสียนจู่รีบร้อนกล่าว  คุณหวงพูดแบบนี้ดูถูกผมเกินไปนะครับ ผมจะสนใจเรื่องแค่นี้ได้ยังไง? คุณหวงมาร่วมงานได้ก็ถือว่าให้เกียรติผมมากแล้ว แถมยังให้เงินขวัญถุงอีก เกรงใจกันเกินไปแล้ว! 

ฟางเสียนจู่รู้ว่าหวงเฉิงหมิงเป็นคนที่ร่ำรวยแต่หยาบกระด้าง แค่ให้เงินขวัญถุงก็น่าจะให้ถึงหนึ่งล้านเป็นอย่างน้อย

ดังนั้นฟางเสียนจู่ถึงได้รีบร้อนเรียกฟางเชากับหวังเจียเหยา  ฟางเชา เจียเหยามานี่หน่อย มาพบคุณหวงหน่อย 

 คุณหวง สวัสดีครับได้ยินชื่อเสียงโด่งดังของคุณมาก็นาน คุณเป็นไอดอลของผมเลยครับ! 

ฟางเชาเดินมาใช้มือสองข้างจับมือหวงเฉิงหมิงแล้วประจบประแจงไม่หยุด

ถึงแม้ฟางเชาจะเป็นคนร่ำรวย แต่พอเปรียบกับพวกตระกูลที่ร่ำรวยในรายชื่อคนรวยในประเทศที่ยาวนานพวกนี้ยังด้อยกว่าพวกเขาขั้นหนึ่ง

 อืม สวัสดี  หวงเฉิงหมิงกล่าวเสียงเรียบ ท่าทีออกจะฉาบฉวยอยู่น้อยๆ

หวังเจียเหยาเองก็ดีใจราวคนบ้า คิดไม่ถึงว่าตระกูลฟางจะรู้จักกับเศรษฐีแบบนี้ด้วย จึงค้อมตัวลงแล้วจับมือเขาด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะกล่าว

 คุณหวงสวัสดีค่ะ ฉันคือหวังเจียเหยา ดีใจมากค่ะที่ได้พบคุณ หวังว่าจะมีโอกาสได้เรียนรู้จากคุณนะคะ 

หวงเฉิงหมิงปรายตามองหวังเจียเหยา แล้วประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าเจ้าสาวคนนี้สวยขนาดนี้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายเพียงแต่พยักหน้ารับเล็กน้อย

ฟางเชาหวั่นไหวเมื่อมองเห็นกล่องของขวัญในมือหวงเฉิงหมิง  ที่คุณหวงถือในมือใช่กล่องซิการ์ไหมครับ? 

หวงเฉิงหมิงประหลาดใจ  อ้อคุณชายฟางสายตาดีใช้ได้เลยนี่ เป็นกล่องซิการ์จริงๆ นั่นแหละ 

ฟางเชาอยากรู้ว่าเศรษฐีแบบนี้ให้ซิการ์ เขาจะให้แบรนด์อะไรจึงกล่าวถาม  ไม่ทราบว่านี่เป็นซิการ์แบรนด์อะไรครับ? 

หวงเฉิงหมิงกล่าว  เหมือนจะชื่อ Gurkha[1] ภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยดี ผมก็ไม่รู้ว่าอ่านยังไง ผมให้ลูกน้องเป็นคนเตรียมให้ ขายหน้าแล้ว 

ฟางเชากับหวังเจียเหยาตกใจพร้อมกัน  Gurkha Royal Courtesan Cigar เหรอ? ยี่ห้อนี้แพงมากเลยราคาอยู่ที่เจ็ดล้านหยวนเลยทีเดียว! 

แขกในงานเองก็ตกตะลึงกันหมด แต่ก็แค่ซิการ์เท่านั้นเองต้องราคาแพงถึงเจ็ดล้านเลยเหรอ?

ซื้อลี่ฉวิน[2]กับอวี้ซี[3]ได้กี่มวนกัน!

หวงเฉิงหมิงกล่าวพร้อมหัวเราะ  ไม่ถึงเจ็ดล้านแต่ก็น่าจะประมาณนั้น ฮ่าๆ คุณฟาง ผมขอตัวก่อนนะครับบ่าวสาว 

แล้วจึงเห็นหวงเฉิงหมิงถือกล่องซิการ์เดินไปโต๊ะที่เย่เฉินและฉินหงเหยียนนั่ง

 คุณเย่ คุณฉิน 

หวงเฉิงหมิงเดินมาแล้วส่งกล่องซิการ์ในมือเย่เฉินแล้วกล่าวว่า  คุณเย่สุขสันต์วันเกิดครับ! 

แขกในงานต่างก็ตื่นตะลึง คิดไม่ถึงว่าซิการ์ราคาหลายล้านนี้จะถูกมอบให้เย่เฉิน!

หวงเฉิงหมิงให้เงินขวัญถุงจำนวนแสนสองแสน แต่ของขวัญที่เตรียมให้เย่เฉินมีมูลค่าสูงกว่ามากนัก!

นี่พิสูจน์ว่าหวงเฉิงหมิงไม่ได้มาเพื่อเข้าร่วมงานแต่งงาน แต่มาเพื่อเย่เฉิน!

เย่เฉินรับกล่องซิการ์แล้วจับมือกับหวงเฉิงหมิงก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม  คุณหวงเกรงใจเกินไปแล้ว พวกเราเป็นคู่ค้ากันแล้ว ยังจะให้ของขวัญราคาแพงแบบนี้อีก 

ตอนนี้จวี้ตัวตัวร่วมมือกับบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปจึงไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาสองคนพบหน้ากัน

เห็นเย่เฉินกับหวงเฉิงหมิงหัวร่อต่อกระซิกกัน ฟางเชาก็อยากจะตบหน้าตนเองแรงๆ

ถ้าหากว่าเย่เฉินเป็นประธานบริษัทตัวปลอม แล้วทำไมหวงเฉิงหมิงถึงได้เกรงอกเกรงใจเขาขนาดนี้? แถมยังต้องให้ของขวัญราคาแพงกับเขาด้วย?

หวังเจียเหยาก็นิ่งไป  ทำไมถึงเป็นแบบนี้… 

 คุณฟาง! คุณฟาง! 

ในเวลานี้เอง ชายวัยกลางคนที่ดูมีสไตล์ก็ตะโกนเรียกฟางเสียนนจู่เสียงดัง ขณะที่สาวเท้ามาหาเขาอย่างรีบร้อน

หลังจากที่ทุกคนเห็นใบหน้าเขาแล้วก็ตกตะลึง

นี่มันฉินหลางนักเปียโนชื่อดังระดับประเทศไม่ใช่เหรอ?

 อ้าว คุณฉินหลาง! คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่? 

ฟางเสียนจู่ก็ประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อพบฉินหลางนักเปียโนชื่อดังระดับประเทศ อาจไม่ถึงเป็น 1 ใน 3 ของโลก แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในนักเปียโนชั้นยอด เคยไปแสดงตามงานใหญ่ๆ อย่างรางวัลแกรมมี่[4]มาแล้ว

ก่อนนี้ฟางเสียนจู่เคยเจอฉินหลางมาหลายครั้งแล้วตามที่ต่างๆ ทั้งสองคนอาจจะถือได้ว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่บ้าง ฟางเสียนจู่ถึงขนาดอยากให้ฉินหลางเป็นครูสอนเปียโนให้ลูกๆ ของเขาด้วยซ้ำ

ฉินหลางหัวเราะแล้วกล่าว  เพิ่งมอบของขวัญไปนี่เอง 

 คุณดูคุณสิ ให้ของขวัญอะไรกัน! ผมอยังอยากจะขอร้องให้คุณช่วยบรรเลงเพลงงานแต่งให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ผมสักเพลง! พวกเราสิควรจะให้เงินคุณ ไหนเลยจะต้องให้คุณให้เงินพวกเรา?  ฟางเสียนจู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลังจากนั้นฟางเสียนจู่ก็กล่าวกับฟางเชาและหวังเจียเหยา  ยังไม่รีบไปทำความรู้จักกับนักเปียโนคนเก่งระดับโลกอีกเหรอ เจียเหยาได้ยินมาว่าหนูเองก็เล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอ งั้นหนูน่าจะรู้ว่านักเปียโนที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นชาวจีนไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เลยจริงไหม 

หวังเจียเหยามองฉินหลางด้วยใบหน้านับถือ หล่อนเองเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็ก อาจจะไม่ถึงขั้นเก่งกาจ แต่ก็ย่อมรู้ว่าฉินหลางเก่งมากขนาดไหน!

หวังเจียเหยาตื่นเต้นอย่างมาก  คุณฉินหลาง หนูดีใจมากค่ะที่ได้พบคุณ ถ้าหากว่าได้ยินคุณเล่นเปียโนสักเพลงในงาน หนูคงจะโชคดีมากๆ เลยค่ะ 

ฉินหลางโบกมือรัวๆ  มิกล้าๆ งานแต่งพวกคุณเริ่มแล้วหรือยัง? ถ้ายังไม่เริ่มผมขอเล่นเพลงอื่นก่อนจะได้ไหม? 

ฟางเขารีบพูดทันที  ได้สิครับ! แขกของพวกเรายังมาไม่ครบเลย งานแต่งต้องรอไปก่อนอีกสักพักถึงจะเริ่มกันได้ ถ้าคุณอยากจะเล่นเปียโนก่อนสักเพลง ให้เป็นบุญหูของแขก ก็จะดีมากๆ เลยครับ! 

 ได้ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ 

ฉินหลางพูดพลางเดินไปที่โต๊ะเย่เฉิน

คิดไม่ถึงว่าพอเขาเห็นเย่เฉินก็เรียกอีกฝ่าย  ศิษย์พี่! 

 ศิษย์น้อง นายมาได้ยังไง?  เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะจับมืออีกฝ่าย

แล้วทุกคนในงานต่างก็ตกตะลึงกับเรื่องที่เหลือเชื่อนี้!

คิดไม่ถึงว่าฉินหลางนักเปียโนชื่อดังระดับโลกจะเป็นศิษย์น้องของเย่เฉิน?

นี่ยังไม่เท่าไหร่ เห็นได้ชัดว่าฉินหลางอายุมากกว่าคิดไม่ถึงว่าจะเรียกเย่เฉินว่าศิษย์พี่?

หวังเจียเหยาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

กระทั่งหวงเฉิงหมิงที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขายังงุนงงแล้วเปิดปากถาม  ผมก็บอกฉินหลางแล้ว อายุคุณก็ปาไปตั้งเยอะ ทำไมยังเรียกเขาว่าศิษย์พี่เย่ล่ะ? คุณอย่ามาแอ๊บหนุ่มเชียวล่ะ 

ก่อนนี้ฉินหลางเคยเจอหวงเฉิงหมิงมาก่อน เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม  คุณหวง คุณไม่รู้ล่ะสิ เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1997 ผมสอบติดวิทยาลัยดนตรีแห่งหนึ่งในอเมริกา ตอนนั้นผมน่าจะอายุสิบห้าล่ะมั้ง ผมได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของแกรี กราฟฟ์แมน[5] เย่เฉิน อ้อ ต้องเรียกคุณเย่สินะ แต่คุณเย่เป็นศิษย์เขาตั้งแต่เดือนมกราคมในปีเดียวกัน ผมมาทีหลังเขาห้าเดือน ไม่เรียกศิษย์พี่ได้ยังไง! 

เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม  ตอนนั้นน่ะ ผมอายุไม่ถึงสองขวบเลย ฮ่าๆ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำไป 

ทุกคนในงานโดยเฉพาะหวังเจียเหยาต่างก็ตกตะลึงกันหมด

สองขวบอยู่ที่อเมริกา แล้วยังเป็นศิษย์ของอาจารย์ในวิทยาลัยดนตรีชื่อดังระดับโลกด้วย?

อัจฉริยะภาพอย่างฉินหลางกว่าจะสอบเข้าวิทยาลัยดนตรีกลายเป็นนักเรียนของแกรีด้วยคะแนนลำดับหนึ่งในวัยสิบห้าปีก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากเอาการ

ครอบครัวเย่เฉินมีอภิสิทธิ์อะไรกัน?

แค่เกิดก็ได้เป็นศิษย์ของเขา?

หวังเจียเหยากลืนน้ำลายแล้วย้อนนึกถึงตอนที่เย่เฉินเล่นเปียโนในงานคอนเสิร์ตของเทพนักร้องก่อนนี้

 ฉันก็คิดว่าเขาใช้เงินค่าขนมที่ฉันให้เขา เมื่อสามปีก่อนถึงได้เริ่มเรียนเปียโน ที่แท้เขาเริ่มเรียนตั้งแต่สองขวบแล้วแถมยังมีอาจารย์เป็นนักดนตรีชื่อดังด้วย! 

ความรู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีที่หวังเจียเหยามีมาตลอดยามอยู่ต่อหน้าเย่เฉิน ตอนนี้สูญสลายราวควันอย่างรวดเร็ว!

[1] เป็นที่รู้จักกันในนาม ‘โรลส์รอยซ์แห่งซิการ์’ กูร์ข่าเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาชนชั้นสูงของโลก รวมทั้งสมาชิกของราชวงศ์ ทหาร ข้าราชการชั้นแนวหน้า และคนดัง บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1989

[2] ยี่ห้อบุหรี่ของจีน เกิดขึ้นในปี 1960 ณ เมืองหางโจว

[3] บุหรี่ของจีน ผลิตครั้งแรกในปี 1956 เมืองยวี่ซี มณฑลยูนาน

[4] Grammy Award

[5] Gary Graffman นักเปียโนคลาสสิคชาวอเมริกัน

 

ฟางเชาเป็นคนที่รักหน้าตัวเองอย่างมาก ในวงสังคมของลูกเศรษฐี เขาชอบโอ้อวดเป็นที่สุดแล้ว
วันนี้ได้แต่งงานกับหญิงงามลำดับหนึ่งของเมืองอวิ๋นโจว ข้อเสียเดียวที่คนเอาไปพูดต่อกันก็คือหวังเจียเหยาเคยแต่งงานมาก่อน
ดังนั้นฟางเชาถึงได้บอกเพื่อนๆ ล่วงหน้าว่าในงานแต่งงานวันนี้เขาจะดูหมิ่นเหยียดหยามเย่เฉินต่อหน้าธารกำนัล
แต่ใครจะรู้ว่าฟางเชาไม่ได้เป็นคนดูหมิ่นเหยียดหยามเย่เฉิน แต่กลับโดนเย่เฉินดูหมิ่นเหยียดหยามแทน?
แถมยังต้องเป็นฝ่ายคุกเข่าลงรินเหล้าให้เย่เฉินอีก?
ฟางเชาทำไม่ลง!
“เขาจะหลอกฉันหรือเปล่านะ?”
ความคิดนี้เด้งขึ้นมาในหัว เพราะในสายตาเขาเย่เฉินไม่มีทางเป็นประธานบริษัทแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นลูกเศรษฐีได้
ตระกูลเศรษฐีที่ไหนจะยอมปล่อยให้ลูกชายตัวเองแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงแบบนี้?
“คุณเย่เก็บตัวลึกลับไม่ปรากฏตัว ดังนั้นเย่เฉินจึงได้เตี๊ยมกับฉินหงเหยียน ให้ฉินหงเหยียนช่วยเขาปลอมตัวเป็นคุณเย่แล้วมาทำเก่งในงานแต่งงานของฉัน! ส่วนแพศยาฉินหงเหยียนน่าจะถูกใจเย่เฉินนานแล้ว ตอนนี้สองคนนี้น่าจะมีอะไรในกอไผ่กัน ฉินหงเหยียนไม่ช่วยเขาก็บ้าแล้ว! ข้อมูลใน THE EYE อาจจะเป็นฝีมือฉินหงเหยียนที่ประสานให้เขาหรืออาจจะใช้แฮกเกอร์ก็ได้ ท่าทางคุณหม่าตอนนี้เหมือนจะแปลกๆ ส่วนสูงก็ไม่ใช่อาจจะเป็นตัวปลอม พวกหม่าเสินกับจงเหว่ยตอนนี้ธุรกิจเจ๊งคงกลายเป็นยาจกไปนานแล้ว เย่เฉินเองก็มีฝีมือไม่เบา เป็นไปไปได้ว่าที่พวกเขาแสดงละครเพราะโดนเย่เฉินบังคับและล่อลวงมา!”
พอวิเคราะห์แยกแยะ ‘ข้อมูลเรื่องหลักฐานของคุณเย่’ ที่มีทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ฟางเชาก็หัวร้อนแล้วเหยียดยิ้ม
“ฮ่าๆ เย่เฉินตอนนี้นายกำลังหลอกลวงพวกเราอยู่ใช่ไหม? นายไม่ใช่ประธานบริษัทอะไรสักหน่อย นายเป็นแค่บอดี้การ์ด! แต่ยังตั้งใจมาแสดงละครกับฉินหงเหยียนแบบนี้ ทำไมอยากให้หวังเจียเหยาเสียใจทีหลังหรือไง?”
พอฟางเชาพูดแบบนี้คนทั้งงานก็ตกตะลึง
หลิ่วหรูซือโกรธอย่างมาก “ฟางเชา! แกพูดจาเหลวไหลอะไร! ท่าทีที่คุณหม่าปฏิบัติต่อคุณเย่เมื่อครู่ แกไม่เห็นเหรอ?!”
“ผมไม่ได้เหลวไหล!” ฟางเชาเริ่มอธิบาย “พ่อแม่ไม่รู้สึกว่าส่วนสูงกับหน้าตาของคุณหม่าไม่เหมือนในข่าวเหรอครับ?”
ทุกคนไม่เคยเจอตัวจริงคุณหม่า พอฟางเชากล่าวเช่นนี้ก็เริ่มสงสัยกัน
“เลิกพูดได้แล้ว เมื่อครู่ฉันไม่ได้สังเกตท่าทางของคุณหม่า แค่รู้สึกว่าคลับคล้ายคลับคลาก็เลยคิดว่าใช่”
“ฉันตั้งใจดูอยู่นะ! เคางของเขาไม่ค่อยเหมือน คางของคุณหม่าไม่ได้แหลมขนาดนั้น”
“ส่วนสูงก็ไม่น่าจะใช่เหมือนคุณหม่าจะไม่ได้สูงขนาดนั้นนะ? เขาสูงแค่ร้อยห้าสิบกว่าซม.เองไม่ใช่เหรอ? แต่คนเมื่อกี้น่าจะสูงสักร้อยเจ็ดสิบซม.ได้!”
“ใช่แล้วคนแบบคุณหม่ายุ่งจะตาย จะมาร่วมงานแต่งงานลำพังได้ยังไง อีกอย่างเขาโผล่มาแค่เดี๋ยวเดียวแล้วรีบร้อนจากไป แถมรอบตัวเขาก็ไม่มีใครที่เรารู้จักสักคน”
ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ พวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดของฟางเชาอย่างมาก
ฉินหงเหยียนทนดูต่อไปไม่ไหว “ฟางเชา นายโง่หรือเปล่า? นายคิดว่าข้อมูลใน THE EYE ปลอมแปลงได้อย่างนั้นเหรอ?”
ฟางเชาหัวเราะ “การตบตาที่คุณฉินลงเล่นด้วยจะต้องสมบูรณ์ไร้รอยโหว่ ก็แค่แอพพลิเคชั่นเท่านั้น จะแก้ไขข้อมูลด้านในสักสองสามนาทีจะไปยากอะไร?”
ในเวลานี้คนที่ยังคุกเข่าอยู่ข้างตัวเย่เฉินอย่างหม่าเสินและจงเหว่ยก็ออกตัวแทนเขา
หม่าเสินกล่าว “ฟางเชานายนี่มันโง่! ยังจะกล้าสงสัยคุณเย่อีก! ตอนนั้นฉันไม่เชื่อว่าเย่เฉินคือคุณเย่ถึงได้ล่มจมจนมีสภาพนี้! ถ้านายยังไร้สติแบบนี้อีก พอถึงเวลาตายขึ้นมาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นอะไรตาย!”
จงเหว่ย “ฟางเชาผมว่าคุณก็ไม่เหมือนคนโง่นะ เกรงว่าคุณเองก็คงจะรู้สึกว่าเหตุผลต่างๆ นานาที่คุณคิดออกจะดันทุรังมากไปหน่อยใช่ไหม? คุณตีท้ายครัวเขาแล้วยังไงก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นถึงได้เหยียดหยามเขาต่อใช่ไหม?!”
คำพูดของจงเหว่ยทำให้ฟางเชาเหงื่อแตก ต้องโทษที่ปกติแล้วพวกเขาสองคนสนิทสนิมกัน คิดไม่ถึงว่าคนโง่อย่างจงเหว่ยจะอ่านฟางเชาออกในปราดเดียว!
“รปภ. ลากลูกหมาสองตัวที่คุกเข่าบนพื้นนี่ออกไปที! พวกแกสองคนอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เย่เฉินให้เงินพวกแกมากี่บาทกัน!”
ฟางเชาตะโกนกร้าว ทันใดนั้นเองก็มีชายร่างใหญ่สองคนลากหม่าเสินและจงเหว่ยออกไปทันที
ในเวลานี้เองหวังเจียเหยาเองก็ร้อนใจจนแทบร้องไห้ออกมา หล่อนเองก็คิดว่าเย่เฉินไม่เหมือนประธานบริษัทนัก เพราะสามปีมานี้เย่เฉินดีกับหล่อนเหลือเกิน
ถ้าหากว่าเย่เฉินเป็นประธานบริษัท พื้นฐานครอบครัวร่ำรวย ไหนเลยจะดีกับหล่อนเหมือนสุนัขเชื่องๆ ตัวหนึ่ง
หวังเจียเหยากล่าว “เย่เฉินนายแกล้งทำใช่ไหม? ฉันขอร้องนายล่ะ นายอย่าพูดไปเรื่อย งานแบบในวันนี้จะมาล้อเล่นไม่ได้นะ!”
หวังเจียเหยาอยากให้เย่เฉินตอบใจจะขาด
ทว่าเย่เฉินไม่ยอมอธิบายให้อะไรให้เปลืองแรง เขากล่าวเสียงเรียบ
“คุณไม่มีทางปลุกคนที่แกล้งหลับได้หรอก ถ้าการที่ผมไม่ได้เป็นประธานบริษัทจะทำให้พวกคุณรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยล่ะก็…ก็ได้! ผมโกหก”
เย่เฉินบอกว่าตนเองเป็นประธานบริษัทมาสองครั้งแล้ว ในเมื่อไม่เชื่อกันงั้นก็บอกว่าตัวเขาเองไม่ใช่ก็ได้
ทำไมจะต้องเสียเวลาเปลืองแรงมาอธิบายให้พวกคนโง่ฟัง
เย่เฉินเพิ่งจะ ‘ยอมรับ’ ว่าตนเองโกหก อดีตแม่ยายอย่างซูหลานก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินมา
“แกไอ่เด็กเลว แกทำฉันตกใจเกือบตาย! ฉันรึก็คิดว่าแกจะเป็นคนรวยจริงๆ โวยวายอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็แกล้งทำเหรอเนี่ย! แก…”
ซูหลานยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหวังจื้อหย่วนออกแรงลากไปที่ไกล ๆ แล้วคาดโทษหล่อนเสียงแผ่ว
“ยังหาเหาใส่หัวอีก! อยากตายหรือไง!”
ซูหลานเองก็พูดเสียงแผ่ว “เขาโกหกไม่ใช่เหรอ?”
หวังจื้อหย่วนส่ายหน้าอย่างโมโห “คุณนี่มันโง่เง่า! ตัวเองก่อเรื่องเองก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่อย่าทำให้ตระกูลหวังเราต้องลำบากไปด้วย! อย่าหาเรื่องเย่เฉินอีกไม่งั้นผมจะขอหย่ากับคุณ คุณไปอยู่กับดาราของคุณไป!”
ทันใดนั้นเองซูหลานก็หน้าแดงก่ำ
หวังจื้อหย่วนพอจะมองออกว่าเย่เฉินจะต้องเป็นประธานบริษัทตัวจริงแน่
สาเหตุที่เขาแน่ใจนั่นเป็นเพราะท่าทีที่หวังซ่าวเจี๋ยปฏิบัติต่อเย่เฉิน
ฟางเสียนจู่ลำบากใจอย่างยิ่ง เขาเองก็ไม่มีหลักฐานจะพิสูจน์ว่าเย่เฉินเป็นตัวปลอม
ฟางเสียนจู่กล่าว “ถ้างั้นทุกคนนั่งลงกันก่อนเถอะ ดื่มชาสักหน่อย งานแต่งงานกำลังจะเริ่มแล้ว”
หลิ่วหรูซือเองก็กล่าวว่า “คุณเย่เป็นเพื่อนกับลูกชายพวกเรา พวกเขาล้อกันเล่นเท่านั้น ทุกท่านนั่งลงก่อนเถอะ”
หลังจากได้ยินคำพูดเจ้าภาพแล้ว ทุกคนก็ทยอยเดินกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
แต่ทุกสายตายังคงจับจ้องไปที่เย่เฉิน
เย่เฉินกับฉินหงเหยียนนั่งโต๊ะเดียวกัน ฉินหงเหยียนดื่มชาแล้วกล่าว “พวกคนโง่คิดไม่ถึงว่าจะยังสงสัยสถานะของคุณอยู่อีก”
เย่เฉินดื่มชาแล้วกล่าว “ผมว่านอกจากหวังเจียเหยากับซูหลานแล้ว คนตระกูลฟางและคนตระกูลหวังน่าจะเชื่อว่าผมเป็นประธานบริษัทหมดแล้ว”
“แต่คนอื่น…”
ในขณะที่พูดก็มีแขกคนสำคัญอีกคนเดินเข้ามาภายในงาน
พอฟางเสียนจู่เห็นก็เดินไปหาอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ
“นี่มันคุณหวง ประธานบริษัทจวี้ตัวตัวผู้มีชื่อเสียงโด่งดังหรือเนี่ย?”
ตอนนี้อีคอมเมิร์ซกำลังโด่งดัง 11.11 เมื่อปีก่อน พี่ใหญ่อย่าง T-MALL มียอดขายทั้งหมดเกินกว่าสองแสนล้าน
ถึงจวี้ตัวตัวจะไม่ได้มียอดขายเยอะเท่าร้านค้าที่กล่าวถึงก่อนหน้า แต่ก็พอจะยึดครองส่วนแบ่งตลาดของวงการอีคอมเมิร์ซในประเทศได้
หวงเฉิงหมิงหรือคุณหวงก็ถือว่าเป็นบุคคลที่มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้าน!
หวงเฉิงหมิงถือของขวัญไว้ในมือ เข้าเดินมาจับมือกับฟางเสียนจู่แล้วกล่าวว่า “ผมกับคุณฟางเคยเจอกันในเมืองหลวงครั้งหนึ่ง คุณฟางยังจำผมได้ แหมคุณฟางนี่เพียงเห็นครั้งเดียวก็จำกันได้เก่งจริง ๆ ”
“มิได้ครับ คุณหวงมาร่วมงานแต่งงานของลูกชายในวันนี้ได้แถมยังเอาของขวัญติดไม้ติดมือมาด้วย ผมรู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกิน!” ฟางเสียนจู่หัวเราะร่วน
หวงเฉิงหมิงกล่าว “ขอโทษด้วยนะครับ ของขวัญนี้ไม่ได้เอาให้ลูกชายคุณครับ”
ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่หวังจื้อเฉียงเจอเย่เฉินจะต้องพูดจาถากถางอีกฝ่ายอยู่เสมอ คำด่าต่างๆ รวมกันแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
บวกกับช่วงก่อนหวังจื้อเฉียงส่งคนไปซ้อมเย่เฉินเพราะเรื่องของหวังซ่าวเจี๋ย
วันนี้เย่เฉินเลือกจะประกาศสถานะของตนเองในงานแต่งของหวังเจียเหยาบ่งบอกว่าต้องการจะล้างแค้นเขาชัดๆ
หวังจื้อเฉียงไม่ได้สนิทกับหวังเจียเหยานัก ถึงไม่อยู่ต่อเพื่อโดนอีกฝ่ายทรมานดังนั้นถึงได้เลือกที่จะปลีกตัวออกจากงานแต่งงาน
หวังจื้อเฉียงอุ้มคุณนายหวังไปยังที่นั่งด้านหลังของออดี้ Q7 แล้วรีบร้อนบอกคนขับรถ “เร็ว รีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”
เพิ่งพูดจบก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณนายหวัง
“กรี๊ด!!!”
เสียงร้องของคุณนายหวังทำเอาหวังจื้อเฉียงสะดุ้ง
“คุณแม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ? ผมตกใจหมดเลย ผมล่ะก็คิดว่าแม่ตกใจจนเป็นลมเพราะเด็กเย่เฉิน”
หวังจื้อเฉียงสบายใจลงไปไม่น้อย
คุณนายหวังตีขาตนเองไม่หยุดด้วยความเสียใจ
“ฉันทำผิดต่อพ่อที่เสียไปของพวกแก! ฉันนี่มันเลอะเลือนจริง ฉันเพิ่งจะเข้าใจได้เดี๋ยวนี้เองว่าทำไมพ่อแกถึงต้องให้เย่เฉินแต่งเข้ามาในบ้านของเราแต่เป็นฉันเองที่ไล่เขาออกจากบ้านไป! ทำไมฉันถึงได้เลอะเลือนขนาดนี้กันนะ!”
จนถึงวินาทีนี้ คุณนายหวังถึงได้เข้าใจว่าคนที่ฉลาดเฉลียวมาตลอดอย่างสามีของตนเอง ทำไมถึงได้เลือกคนอย่างเย่เฉินมาเป็นหลานเขย
ที่แท้เย่เฉินไม่ใช่นักเลงหัวไม้อะไรที่ไหน แต่เป็นประธานบริษัท! เป็นคนมีเงินคนหนึ่ง!
ที่เมื่อครู่คุณนายหวังเป็นลมก็แกล้งทำทั้งนั้น ไม่ใช่อย่างนั้นหล่อนไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้าเย่เฉินต่อไปอย่างไร
ที่ผ่านมาคนตระกูลหวังทำเรื่องแย่ๆ ใส่เย่เฉินตั้งมากมายขนาดนั้น คุณนายหวังไม่มีหน้าจะไปพบเขา!
คุณนายหวังกล่าว “ดูไปแล้วซ่าวเจี๋ยน่าจะรู้สถานะของเย่เฉินนานแล้ว เดียรัจฉานตัวนี้นี่ ทำไมไม่บอกพวกเราก่อน!”
ใบหน้าหวังจื้อเฉียงเก้อเขิน “ที่จริงช่วงนี้ซ่าวเจี๋ยก็เอาแต่บอกผมว่าเย่เฉินเก่งมากอย่าไปหาเรื่องเขา แต่ผมไม่เชื่อเอง…”
“เฮ้อ!” คุณนายหวังถอนหายใจ “พลาดไปแล้ว! ตระกูลหวังของฉันพลาดโอกาสทองไปแล้ว! เจียเหยาอยู่กินกับเย่เฉินมาสามปีแต่ลูกสักคนก็ไม่มี! สงสารก็แต่หยวนหยวน คุณเย่ที่ฝันถึงกลับเป็นเย่เฉินไปเสียได้! แผนการที่ตั้งใจจะพึ่งลูกเขยเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลหวังฉันล่มไม่เป็นท่า!”
……
บริเวณนอกประตูโรงแรม
หวังหยวนหยวนได้รู้ว่าคุณเย่ที่ตัวเองฝันถึงมานานคือเย่เฉินก็ร้อนรน
หล่อนเดินไปหาเขาแล้วถาม “เย่เฉินนายก็คือคุณเย่? ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเหรอ?”
เย่เฉินมองใบหน้าตกตะลึงของหวังหยวนหยวนก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จริงแท้แน่นอน”
ใบหน้าหวังหยวนหยวนฉายแววลึกซึ้ง “คิดไม่ถึงว่าคนที่ฉันเฝ้าฝันหาที่สุดจะอยู่ข้างกายฉันมานานแล้ว แถมยังแอบคอยปกป้องฉันมาถึงสามปี…”
เย่เฉิน “…”
หวังหยวนหยวนถ่ายคลิปสั้นไม่ใช่เหรอ? ไปหัดแต่งกลอนตั้งแต่เมื่อไหร่?
เย่เฉินกล่าวอย่างตะขิดตะขวงใจ “ถึงจะเป็นเมื่อก่อนแต่ผมก็เป็นพี่เขยคุณ ผมไปเป็นคนที่คุณเฝ้าฝันหาตั้งแต่ตอนไหนกัน?”
หวังหยวนหยวนรีบปฏิเสธทันควัน “ไม่ใช่พี่เขยสักหน่อย! คุณไม่ได้ยินที่พ่อฉันบอกเหรอคะ? ตอนแรกคุณปู่ให้ฉันกับคุณแต่งงานกัน! สวรรค์ คิดไม่ถึงว่าสวรรค์จะกลั่นแกล้งเราสองคนแบบนี้ ให้พวกเราคลาดกันไปถึงสามปี สามปีมานี้ถึงพวกเราเจอหน้ากันทุกวัน แต่กลับไม่รู้เลย…”
“ช่างเถอะ เลิกพูดที เรื่องของเราเดี๋ยวค่อยว่ากันเถอะนะ”
ตอนที่หวังยวนหยวนกำลังพร่ำเพ้อพรรณนา แขนนวลเนียนราวหยกสองข้างก็คว้าตนเองเอาไว้
เย่เฉินไม่อยากจะไปเกี่ยวพันอะไรกับอีกฝ่าย ที่สำคัญตัวเอกของวันนี้ไม่ใช่หล่อน
ที่ผ่านมาถึงแม้หวังหยวนหยวนมักจะเหน็บแนมตนเองบ่อยๆ แต่สิ่งที่หล่อนทำนั้นพอเปรียบกับอดีตภรรยาแล้วคนละชั้นกันไปเลย
ในตอนที่หวังหยวนหยวนกำลังขอความรักจากเย่เฉินอยู่นั่นเอง ฟางเสียนจู่และหลิ่วหรูซือก็ได้รู้ต้นสายปลายเหตุจากฟางเชา
“ซวยแล้ว เย่เฉินก็คือผัวเก่าของหวังเจียเหยา คุณว่าเขาจะมาล่มงานแต่งหรือเปล่า?”
ฟางเสียนจู่กระซิบกับภรรยา
หลิ่วหรูซือนั้นกังวลกว่าสามีมาก ถ้าหากว่าแค่ล่มงานแต่งก็ดี อย่างมากก็แค่เสียหน้า
กลัวก็แต่ว่าเย่เฉินจะล้างแค้นฟางเชา ไม่ว่าอย่างไรความแค้นในการแย่งภรรยานั้นในสายตาคนจำนวนมากก็ควรค่าให้ฆ่าแกงกันได้แล้ว!
หลิ่วหรูซือก้าวมาด้านหน้า แววตาฉายแววเคารพอีกฝ่าย “คุณเย่ไม่ทราบว่าที่คุณมาร่วมงานแต่งงานเพราะหวังเจียเหยาหรือเปล่าคะ?”
หากเย่เฉินตอบว่าใช่ ถ้าอย่างนั้นหลิ่วหรูซือก็จะให้ฟางเชาส่งตัวหวังเจียเหยาไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปไม่ใช่บุคคลที่คนตัวเล็กๆ อย่างฟางเชาจะล่วงเกินได้
หวังเจียเหยาเองก็ชะงักไป มือสองข้างถูกันไม่หยุด ในใจตื่นเต้นอย่างยิ่ง
“เขามาแล้ว เขามาที่งานแต่งงานของฉันอย่างสง่างามโดดเด่น! ฮีโร่ของฉัน สามีที่ฉันรักที่สุดมาแย่งตัวฉันแล้ว!”
หวังเจียเหยารู้ว่าเย่เฉินรักใคร่ตนเองอย่างลึกซึ้ง หล่อนจึงคิดไปเองว่าเย่เฉินมาเพื่อแย่งตัวตนเอง!
ทว่า…
เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “คุณหนูหวังเจียเหยาเป็นอดีตภรรยาของผมก็จริง แต่ผมกับหล่อนไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่แต่เพราะคุณชายฟางเชาพยายามจะส่งการ์ดแต่งงานดึงดันให้ผมมาร่วมงานให้ได้ บอกว่าให้ผมได้เห็นว่าอะไรคืองานแต่งงานยิ่งใหญ่ระดับปีแถมยังบอกว่าถ้าผมไม่มาถือว่าผมไม่ใช่ลูกผู้ชาย ดังนั้นผมถึงมาเป็นเพื่อนหงเหยียน”
คำพูดนี้ของเย่เฉินทำให้หวังเจียเหยาใจหายวาบ
เขาไม่ได้มาเพื่อแย่งตัวเจ้าสาวอย่างตนเอง!
ในเวลานี้เอง หลิ่วหรูซือก็พุ่งไปตบหน้าบุตรชายอย่างรุนแรง
เพี้ยะ !
แค่ฟังเสียงก็สัมผัสได้ว่าแรงเอาการ ฝ่ามือของคนเป็นแม่ไร้ซึ่งความปราณีโดยสิ้นเชิง
“เชิญคนมาร่วมงานแต่งงานตัวเอง พูดจาแบบแกได้ด้วยเหรอ? ยังไม่ยอมขอโทษคุณเย่อีก!”
หลิ่วหรูซือตะคอกบุตรชาย
ฟางเชาเองโดนมารดาตบจนมึน เขาเพิ่งรู้ตัวนี่เองว่าทำไมช่วงนี้บริษัทที่ตนเองลงทุนถึงได้ล่มจมไปทุกที่ ไม่ว่าเขาจะลงทุนที่ไหน
ที่แท้เขาโดนเย่เฉินเล่นงานเข้าแล้ว!
“ขอ…ขอโทษด้วยครับ”
ฟางเชาเองก็ไม่กลัาขัดคำสั่งมารดา
เย่เฉินหัวเราะหึหึ ไม่ได้พูดอะไร
ฟางเสียนจู่เห็นว่าเย่เฉินไม่ได้ตั้งใจจะมาแย่งตัวเจ้าสาวก็ละลั่กละล่ำ “คุณเย่เชิญในงานเถอะครับ พอคุณนั่งแล้วเดี๋ยวผมจะให้ลูกชายผมขอโทษคุณต่อหน้าทุกคน”
เย่เฉินเอามือล้วงกระเป๋า ในเมื่อมาแล้วเขาก็ต้องอยู่ร่วมงาน
พอฟางเสียนจู่จัดแจงที่นั่งให้เย่เฉินแล้ว เขาก็รีบเรียกคนมารินเหล้าขาวสามจอก
ฟางเสียนจู่ถือจอกเหล้าแล้วกล่าว “ได้ยินมาว่าก่อนนี้ลูกเชาล่วงเกินคุณเย่ คนเป็นพ่ออย่างผมสั่งสอนลูกไม่ดีเอง ผมขอดื่มให้คุณเย่สามแก้วเพื่อแสดงความขอโทษจากใจผม!”
ฟางเสียนจู่ดื่มเหล้าไปสามจอก ในฐานะเจ้าภาพของงานครั้งนี้ถือว่าเขาก้มหัวให้อีกฝ่ายก็เป็นการให้เกียรติเย่เฉินอย่างมากแล้ว
เย่เฉินยิ้มน้อยๆ เป็นนักธุรกิจ โดยเฉพาะคนทำธุรกิจขนาดใหญ่ต้องรู้จักอะลุ่มอล่วย อีกทั้งต้องเป็นคนรู้จักสถานการณ์ไม่เหมือนพวกตลาดล่างที่หัวแข็งที่ต่อให้ใกล้จะโดนซ้อมจนตายก็ยังดึงดันไม่ยอมแพ้
เย่เฉินเดาได้นานแล้วว่าทันทีที่ตนเองเปิดเผยตนเอง คนตระกูลฟางจะต้องยอมโอนอ่อนแน่นอน
ดังนั้นจึงแผนล้างแค้นตระกูลฟางจึงถูกวางแผนเอาไว้นานแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฟางเสียนจู่ยอมรับผิด ดื่มเหล้าเพื่อขอโทษเขาแล้วจะจบเรื่องได้!
ฟางเสียนจู่เป็นผู้อาวุโสยืนดื่มติดต่อกันสามแก้ว ส่วนเย่เฉินกลับนั่งนิ่ง
ในเวลานี้เองฟางเสียนจู่ก็กล่าวกับฟางเชาว่า “ยังไม่รีบดื่มเหล้าขอโทษคุณเย่อีก?”
สีหน้าฟางเชาไม่สู้ดี เขายืนตัวแข็งทื่อกำหมัดแน่น รู้สึกตึงเครียดไม่สบายใจ รู้สึกเหมือนกับว่าบรรดาแขกเหรื่อกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่!
“สวัสดีครับผมเย่เฉิน”
เย่เฉินเดินลงมาจากรถมายบัคสีขาวป้ายทะเบียนเลขตอง เขาสวมชุดสูทสีขาว เมื่อบวกกับแววตาชื่นชมที่ทุกคนมองมาที่เขา ทำให้เขาในตอนนี้สูงส่งประหนึ่งเทพเซียนจากสวรรค์ชั้นฟ้า ทั้งสง่างามและสูงส่งอย่างมาก
ฟางเสียนจู่ไม่เหมือนพวกฟางเชาที่เคยเจอเขามาก่อน นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาสองคนเจอกัน
ฟางเสียนจู่จับมือเย่เฉินด้วยความตื่นเต้นแล้วกล่าว “แขกผู้ทรงเกียรติอย่างคุณเย่มาเยือน ช่างเป็นเกียรติแก่ผมและลูกชายเหลือเกิน!”
หลิ่วหรูซือเองก็มีท่าทีประหลาดใจอย่างมาก “คิดไม่ถึงว่าคุณเย่จะอายุน้อยแบบนี้แถมยังหล่อเหลาขนาดนี้! น่าเหลือเชื่อมากจริงๆ ”
เย่เฉินปรายตามองหลิ่วหรูซือแล้วกล่าว “คุณผู้หญิงท่านนี้คงจะเป็นภรรยาของคุณฟางใช่ไหม? เป็นคนสวยจริงๆ”
คุณฟางกล่าวพลางระบายยิ้ม “น่าอายจริงๆ ภรรยาผมเองครับ”
หลิ่วหรูซือเองก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง ผู้หญิงอายุสิบกว่าถูกผู้ชายวัยยี่สิบกว่าเอ่ยปากชม จะดูเขินอายก็เป็นธรรมดา
แต่ในเวลานี้เองฟางเชาเห็นเย่เฉินมองมารดาตนเองอย่างอุกอาจเช่นนี้ แถมยังพูดชมอีกฝ่ายในทางชู้สาวอีกก็หัวเสียทันที
“เย่เฉิน แกจะมาวางมาดเป็นผู้บริหารบ้าบอคอแตกอะไร! แกไม่ใช่ผู้บริหารของบริษัทไหนสักที่ด้วยซ้ำ แกมันก็แค่บอดี้การ์ดของฉินหงเหยียน!”
หวังเจียเหยาเองก็ประหลาดใจ ทำไมฉินหงเหยียนถึงต้องร่วมมือแสดงละครกับเย่เฉินด้วย?
วันนี้คนที่มาร่วมงานแต่งงานล้วนแต่เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมอวิ๋นโจว ฉินหงเหยียนหลอกลวงคนอื่นแบบนี้ดีแล้วจริงหรือ?
เย่เฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณหม่าก็สาวเท้าไปด้านหน้ายื่นมือออกมาแล้วกล่าว
“คุณเย่ได้ยินชื่อเสียงคุณมานาน ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก ช่างเป็นเกียรติเหลือเกิน”
เย่เฉินตกใจ “คุณหม่า? คุณติดต่อกับคนตระกูลฟางด้วยเหรอครับเนี่ย? ”
ถ้าหากว่าคุณหม่าเป็นญาติหรือเป็นเพื่อนของคนตระกูลฟาง เย่เฉินคงต้องปวดหัวมากแน่
ถึงสุดท้ายจะแข่งขันกันขึ้นมาจริงๆ คนที่ชนะก็เป็นเย่เฉินอยู่ดี แต่ก็คงยากลำบาก อย่างไรเสียคุณหม่าก็เป็นคนที่รวยเป็นลำดับต้นๆ ในประเทศนี้
คุณหม่ารีบร้อนโบกมือ “มิได้ๆ ผมมาที่นี่เพื่อมาพบคุณโดยเฉพาะ หลายวันมานี้ผมก็เพิ่งได้ยินว่าคุณมาที่อวิ๋นโจว ที่จริงแล้วเมื่อสามปีก่อนผมเคยทานข้าวกับคุณปู่ของคุณที่ลอสแอลเจลลิส คุณปู่ของคุณเย่เป็นไอดอลของผม ผมน่ะคิดอยู่ตลอดว่าจะไปเข้าพบท่านได้เมื่อไหร่ แต่ก็กลัวว่าจะไปรบกวนท่านเข้า ไม่รู้ว่าช่วงนี้ท่านสุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟางเชาและหวังเจียเหยาประหลาดใจ คุณหม่ารู้จักปู่ของเย่เฉินด้วยเหรอเนี่ย?
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่ร่างกายแข็งแรงมากครับ ผมเองก็เคยได้ยินคุณปู่พูดถึงคุณหม่าอยู่เหมือนกัน คุณปู่บอกว่าคุณหม่าเป็นบุคคลในตำนาน เป็นอัจฉริยะภาพในวงการธุรกิจที่ร้อยปีจะมีสักหน ท่านเองก็อยากพบคุณและพูดคุยกับคุณมาตลอด คุณปู่ตอนนี้อยู่ที่อังกฤษ เอาแบบนี้แล้วกัน คุณไปอังกฤษเมื่อไหร่ก็บอกผม ผมจะจัดการนัดให้คุณพบท่าน”
คุณหม่ากล่าวด้วยความดีใจ “ดีเหลือเกินครับ ผมขอแอดวีแชทคุณได้ไหมครับ?”
คุณหม่าล้วงโทรศัพท์ออกมาสแกนคิวอาร์โค้ดของเย่เฉิน
เหล่ารุ่นใหญ่ในวงการธุรกิจที่อยู่ในงานต่างก็อิจฉาจนน้ำลายไหล พวกเขาเองก็อยากจะได้วีแชทของคุณหม่ามากเหมือนกัน!
แต่คุณหม่าที่สูงส่งเหลือเกินกลับออกตัวมาขอแอดวีแชทเด็กคนหนึ่ง!
แอดวีแชทเสร็จแล้วก็รีบตอบ “ผมยังมีประชุมขอตัวก่อนนะครับ”
พอคุณหม่าแอดวีแชทเย่เฉินแล้วก็เขย่ามืออีกฝ่าย จากนั้นก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
คุณหม่าเพิ่งจะเดินออกไป แล้วก็มีคนผู้หนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในงาน
คนผู้นี้พุ่งมาหน้าเย่เฉินแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเขา จากนั้นก็โขกศีรษะให้เขาไม่หยุด
ทุกคนตื่นตระหนก ทันทีที่ฟางเชาเห็นก็ตื่นตระหนก “นี่หม่าเสิน ตัวแทนประจำอวิ๋นโจวของเดลิเวิรี่ถวนถวนไม่ใช่เหรอเนี่ย? ไม่ได้เจอคุณนานเลย คุณไปไหนมา? ทำไมถึงต้องโขกศีรษะให้เย่เฉินด้วยล่ะ?”
ถูกต้อง คนผู้นี้ก็คือหม่าเสินที่ไล่เย่เฉินออก!
หม่าเสินปรายตามองฟางเชาแล้วกล่าว “ผมไปพบคุณอูที่เมืองหลวง ขอร้องเขาให้ยอมยกสิทธิ์การเป็นตัวแทนเขตอวิ๋นโจวกับผม ผมขอร้องเขาไปครึ่งเดือนกว่า เขาถึงได้ยอมบอกผมว่าเพราะผมไปล่วงเกินคุณเย่ ‘เย่เฉิน’ เข้า ขอแค่คุณเย่ยอมให้อภัยผม คุณอูก็จะยอมร่วมมือกับผมต่อ”
พออธิบายเสร็จ หม่าเสินก็โขกศีรษะขอโทษเย่เฉินต่อ “คุณเย่! พี่เฉิน! ผมผิดไปแล้ว! ผมมีตาแต่หามีแววไม่ไปล่วงเกินคุณเข้า ต้องโทษคนตระกูลหวังที่ยุแยง ผมไม่มีความแค้นอะไรกับคุณ เป็นแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น! คุณเย่ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!”
คนตระกูลหวังทุกคนนิ่งไป หวังจื้อเฉียงถาม “เถ้าแก่หม่า คุณแน่ใจเหรอว่าเย่เฉินคือคุณเย่? อย่าไปโขกศีรษะขอโทษผิดคนเชียว!”
หม่าเสินหันมาด่าหวังจื้อเฉียง “โขกศีรษะขอโทษผิดคนก็แย่แล้ว! คุณอูบอกผมกับปากตัวเองว่าเป็นท่านเย่เฉินที่ถอดถอนสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนของผม เรื่องนี้ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณผมก็คงไม่มาจบลงแบบนี้!”
หวังจื้อเฉียงกลืนน้ำลาย หรือว่าที่เย่เฉินโทรศัพท์ตอนอยู่ในงานวันเกิดเป็นเรื่องจริง ? เพียงแค่สายเดียวของเขาก็สามารถถอดถอนสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนเขตของหม่าเสินได้จริงเหรอเนี่ย?
“คุณเย่! คุณเย่!”
และในเวลานี้ในงานมีเสียงร้องตะโกนของคนผู้หนึ่งดังขึ้น
แล้วจึงเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินมาด้วยท่าทางอิดโรย
“นี่มันเถ้าแก่จง ‘จงเหว่ย’ เจ้าของโหลวว่ายโหลวไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้ใส่ชุดยับเยินแบบนี้ ตกอับจนมีสภาพแบบนี้ไปแล้วเหรอเนี่ย?”
“ร้านอาหารของเขาถูกเจ็ดร้านของอวิ๋นจงอวิ๋นทำล่มจมไปหมดแล้ว ไม่มีลูกค้าทุกวัน เจ๊งไปนานแล้ว!”
มีคนมองออกว่าชายคนดังกล่าวก็คือจงเหว่ยเจ้าของร้านอาหารโหลวว่ายโหลว
จงเหว่ยเดินมาตรงหน้าเย่เฉินแล้วก็คุกเข่าลงข้างขวาของหม่าเสินแล้วกล่าว “คุณเย่! พี่เฉิน! ผมผิดไปแล้วครับ! ผมมีตาหามีแววไม่…”
หม่าเสินกล่าว “นายอย่าพูดตามฉันสิ”
จงเหว่ยไม่สนใจเขากล่าวต่อ “ต้องโทษตระกูลหวังที่ยุแยง ผมถูกชะตากับคุณอย่างมาก ตอนนั้นที่งานเลี้ยงผมจำใจ! คุณเย่ครับถือเสียว่าผมเป็นแค่ลมตดปล่อยผมไปเถอะนะครับ!”
จงเหว่ยไม่ไหวแล้วจริงๆ ร้านอาหารอวิ๋นจงอวิ๋นมีนักร้องชื่อดังมาร้องเพลงที่ร้านทุกวันหนำซ้ำยังราคาถูก เย่เฉินเผาเงินเล่นเพื่อเล่นกับจงเหว่ย แต่จงเหว่ยเล่นกับเขาต่อไปไม่ไหวแล้ว
เมื่อเห็นหม่าเสินกับจงเหว่ยต่างก็คุกเข่าให้เย่เฉิน ฟางเชาก็ไม่คิดว่าพวกเขาเข้าใจผิดอีกต่อไป
“หรือว่า…เย่เฉินจะเป็นผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปจริงๆ?”
ตอนนี้เอง หวังซ่าวเจี๋ยลุกขึ้นยืนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเดินมา “คนที่ยังสงสัยในสถานะของอดีตน้องเขยของผม เชิญหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วไปค้นหาใน THE EYE ดูว่าประธานบริษัทของหัวเซิ่งกรุ๊ปคือใคร!”
ใน THE EYE สามารถหารูปภาพและชื่อของประธานบริษัท ก่อนนี้เย่เฉินเอาแต่ปกปิดไม่ยอมเปิดตัว ทำให้คนอื่นค้นหาไม่เจอ
วันนี้เย่เฉินไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป
ฟางเชาและหวังเจียเหยาหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกันแล้วกดค้นหา พลันเห็นประธานบริษัทในบรรทัดแรกเป็นชื่อเย่เฉิน!
“ไม่!” หวังเจียเหยาตกใจจนทำไอโฟนร่วงลงพื้น!
หล่อนรู้ว่าข้อมูลใน THE EYE ไม่มีทางผิดพลาด!
ศีรษะของหม่าเสินและจงเหว่ยที่โขกไป โขกให้ไม่ผิดคนแน่แล้ว!
ความจริงได้เปิดเผยออกมาแล้วว่าเย่เฉินก็คือคุณเย่จากบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป!
“คุณย่า คุณย่าเป็นอะไรไปครับ?”
หวังซ่าวเจี๋ยกำลังได้ใจ เขาเป็นคนเดียวในงานนอกจากฉินหงเหยียนที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเย่เฉิน
แต่จู่ๆ ก็เห็นหญิงชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เป็นลมล้มพับลงไป
“คุณแม่ครับ! คุณแม่เป็นอะไรไปครับ? ผมพาแม่ไปโรงพยาบาลนะครับ!”
หวังจื้อเฉียงรีบร้อนเข้าไปอุ้มคุณนายหวัง
หวังจื้อหย่วนกับซูหลานรีบร้อนกล่าว “ให้พวกเราไปส่งเถอะ!”
แต่หวังจื้อเฉียงกลับไม่ยอมวางมารดาลง ในวินาทีนี้ใครจะกล้าเผชิญหน้ากับเย่เฉินกัน?
คนตระกูลหวังต่างก็อยากจะหนีไปให้พ้นๆ!
“เดี๋ยวฉันไปส่งแม่เอง วันนี้เป็นวันแต่งงานของลูกสาวนาย พวกนายอยู่ที่นี่เถอะ”
พูดจบหวังจื้อเฉียงก็รีบหนีไป
วิลล่าเขตซีซาน
กลุ่มรถหรูที่ใช้ในงานแต่งงานขับเข้ามาทำให้ฟางเชาลืมความหงุดหงิดในเรื่องธุรกิจไปชั่วขณะ เขาทำพิธีสู่ขออย่างมีความสุข
จนมาถึงชั้นแรกของวิลล่ายังไม่ทันได้ขึ้นไปเจอเจ้าสาว ก็เจอน้องเจ้าสาวก่อนเป็นคนแรก
หวังหยวนหยวนไม่ได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวแต่ก็สวมชุดสีขาวเช่นกัน เจ้าหล่อนแต่งตัวสวยงามโดดเด่นชวนมอง
“เอ๋ วันนี้น้องหยวนหยวนแต่งตัวสวยจังเลยเกือบคิดว่าเป็นเจ้าสาวของพี่นะเนี่ย!”
พอฟางเชาเห็นหวังหยวนหยวนก็กระเซ้าอีกฝ่าย
มือขวาของหวังหยวนหยวนสางผมเล่นแล้วกล่าว “ชิ เจ้าบ่าวของฉันคือคุณเย่เศรษฐีคนดังคนนั้นต่างหาก”
ฟางเชาเข้าใจทันที “มิน่าล่ะน้องหยวนหยวนถึงได้แต่งตัวสวยขนาดนี้ ที่แท้ก็เพื่อจะได้มาเจอคุณเย่ในงานแต่งงานวันนี้นี่เอง!”
หวังหยวนหยวนผงกศีรษะ “แน่นอน ก็ได้ยินมาว่าวันนี้คุณเย่จะมางานแต่งงานของพวกพี่แน่นอน
คิดไม่ถึงว่าตระกูลฟางนี่มีหน้ามีตาเหลือเกินนะคะ ก่อนหน้านี้คุณเย่ไม่เคยออกงานมาพบปะใครเลย”
ฟางเชาหัวเราะอย่างลิงโลด “ฮ่าๆ นั่นมันของแน่อยู่แล้ว ตระกูลฟางถือเป็นตระกูลใหญ่ลำดับต้นๆ ในอวิ๋นโจว คุณเย่ไว้หน้าพวกเรานั่นมันก็สมเหตุสมผล แม่น้องสาว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ต่อไปต้องไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ล่ะ”
หวังหยวนหยวนกล่าว “ได้สิคะ เรื่องที่รับปากเอาไว้ยังไงฉันก็ไม่ลืมหรอก รีบไปรับพี่สาวฉันออกมาเถอะค่ะ”
หวังหยวนหยวนอยากไปที่งานใจจะขาดแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตารองานแต่งงานของคนทั้งสองด้วยซ้ำ
แต่ที่หล่อนเฝ้ารอนั้นคือการจะได้พบกับชายในฝันคุณเย่แห่งบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป!
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ณ โรงแรม The Portman Ritz-Carlton
สมแล้วที่ตระกูลฟางเป็นตระกูลคหบดีในอวิ๋นโจว มีรถหรูหราขับเข้าโรงแรมไม่หยุดหย่อนเพื่อมาเข้าร่วมงานแต่งงานของตระกูลฟาง
ฟางเสียนจู่และหลิ่วหรูซือเองกำลังวุ่นอยู่กับการรับรองแขก
“คุณจ้าว! คุณให้เกียรติมาร่วมงานแต่งของลูกชายผม…ช่างเป็นเกียรติกับลูกชายผมจริงๆ”
“ผู้กำกับเจิ้ง! ยินดีต้อนรับครับ อีกเดี๋ยวเราดื่มกันสักแก้วสองแก้วนะครับ”
“รองผู้ว่าเจียง! แหมแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงาน รับรองไม่ทั่วถึงต้องขอโทษด้วย อีกเดี๋ยวผมจะต้องดื่มเพื่อขอโทษคุณแน่นอน ฮ่าๆ รีบนั่งก่อนเถอะครับ”
หวังเจียเหยาในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ดีอกดีใจอย่างมาก เมื่อเห็นพ่อแม่เจ้าบ่าวออกมาต้อนรับบรรดาแขกเหรื่อที่เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม
หวังเจียเหยาลอบยิ้มกับตัวเอง “เส้นสายของตระกูลฟางนี่สุดยอดจริงๆ! ฉันไม่เคยเห็นคนเยอะแยะ แบบนี้มาก่อนเลย ต่อให้เป็นงานวันเกิดคุณย่าก็เถอะ พวกเขาน่าจะเป็นคนใหญ่คนโตในวงการธุรกิจ ในแวดวงคนมีสีของอวิ๋นโจวล่ะมั้ง? ได้แต่งเข้าตระกูลรวยๆ แบบนี้ดีจังเลย ไม่เหมือนตอนที่แต่งกับเย่เฉินเมื่อคราวก่อน แขกที่มาร่วมงานก็เป็นแขกที่ฝั่งฉันเชิญมาหมดเลย พวกเขาไม่มีแขกที่สภาพดูได้สักคน!”
ระหว่างฟางเชาและเย่เฉิน หล่อนชอบเย่เฉินมากกว่า
แต่ถ้าพูดเรื่องฐานะที่บ้าน พูดเรื่องความสุขและความภูมิใจที่หล่อนมีหลังจากแต่งงาน หวังเจียเหยารู้สึกว่าเย่เฉินสู้ฟางเชาไม่ได้แม้แต่เล็กน้อย
หล่อนในตอนนี้ไม่เสียใจแม้แต่น้อยที่หย่ากับเย่เฉิน แต่ในทางกลับกันหล่อนรู้สึกยินดีอย่างมาก
ระหว่างนั้นในงานก็เกิดเสียงฮือฮา
“คุณหม่า! สวรรค์! คิดไม่ถึงว่าคุณหม่าจะมาร่วมงานด้วย!”
ฟางเสียนจู่ตกใจ รีบร้อนสาวเท้าเดินไปแล้วรีบจับมือคุณหม่าด้วยมือสองข้าง “เศรษฐีเบอร์หนึ่งของประเทศเรามาเยือน ผมฟางเสียนจู่มีดีอะไร คุณถึงให้เกียรติมาร่วมงานแต่งงานลูกชายผม!”
ฟางเชา หวังเจียเหยารวมไปถึงคนตระกูลหวัง ต่างก็ตกใจจนเอามือปิดปาก
คิดไม่ถึงว่าตระกูลฟางจะรู้จักกับคุณหม่าเศรษฐีชาวจีนคนนี้ด้วย?
ต้องรู้ว่าตระกูลฟางเป็นแค่ตระกูลแนวหน้าของอวิ๋นโจวไม่ได้เป็นหนึ่งในสิบของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในอวิ๋นโจวด้วยซ้ำ
แต่คุณหม่าคนนี้เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศเป็นคนรวยในยี่สิบลำดับแรกในโลก!
นี่คือคนระดับชั้นกันชัดๆ!
ฟางเสียนจู่พูดเสียงดัง “ญาติสนิทมิตรสหายคนไหนช่วยผมเชิญคุณหม่ามางานได้! อีกเดี๋ยวผมฟางเสียนจู่จะขอบคุณอย่างงาม!”
คุณหม่าจับมือฟางเสียนจู่แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณฟางเกรงใจเกินไปแล้ว วันนี้ผมถือว่ามาโดยไม่ได้รับเชิญ หวังว่าคุณฟางจะไม่รังเกียจ”
คุณหม่าไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกับตระกูลฟาง เขาไม่ได้รับบัตรเชิญแต่อาศัยหน้าตาของตนเองปะปนเข้ามาในงาน
ฟางเสียนจู่กล่าวต่อ “คุณหม่าเกรงใจกันเกินไปแล้ว คุณมาร่วมงานถือเป็นเกียรติของผมกับลูกชาย! ไม่ทราบว่าวันนี้ที่คุณหม่ามามีเรื่องสำคัญอะไรหรือไม่ครับ?”
เป็นคนในแวดวงธุรกิจเหมือนกัน ฟางเชาถึงได้รู้ว่าคุณหม่าวันๆ ยุ่งจะแย่ วันนี้บินมาร่วมงาน World Economic Forum พรุ่งนี้อาจจะบินไปเจอรัฐมนตรีไม่ได้ว่างมากพอจะเข้าร่วมงานแต่งงานของคนแปลกหน้า
ดังนั้นฟางเสียนจู่ถึงเดาได้ว่าคุณหม่าจะต้องมีธุระแน่
คุณหม่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ที่ผมมาที่นี่หนึ่งเพื่ออวยพรคู่รัก สองก็เพื่อมาพบกับคุณเย่ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป”
ประโยคแรกเป็นมารยาทสามารถมองข้ามไปได้แต่ประโยคสุดท้ายทำให้ฟางเสียนจู่ตกตะลึง
คิดไม่ถึงว่าคนรวยที่สุดของประเทศยังอยากจะเจอคุณเย่ขนาดนี้?
แบบนี้ดูไปแล้ว ไม่แน่ว่าคุณเย่ที่แสนลึกลับคนนี้อาจจะมีเงินมากกว่าคุณหม่าด้วยซ้ำ!
พอคิดแบบนี้ทุกคนในงานต่างก็นับถือคุณเย่คนนี้มากขึ้นกว่าเดิม
ฟางเสียนจู่รีบร้อนกล่าว “คุณหม่ารีบนั่งก่อนเถอะ ผมจะรีบโทรศัพท์หารองประธานของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปถามว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกันแล้ว”
“รบกวนคุณแล้ว” คุณหม่าประสานมือเพื่อขอบคุณแล้วทักทายนักธุรกิจคนอื่นด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้มีท่าทีของเศรษฐีแม้แต่น้อย
“คุณเย่…”
หวังเจียเหยาเห็นภาพเช่นนี้ ก็ยิ่งสงสัยในตัวคุณเย่มากขึ้นกว่าเดิม
“ต้องเป็นผู้หญิงที่มีพื้นฐานครอบครัวและหน้าตาเป็นยังไงกันนะ ถึงจะคู่ควรเป็นภรรยาของคุณเย่น่ะ? เฮ้อ ฉันไม่คิดดีกว่า”
หวังเจียเหยายอมรับว่าตนเองไม่คู่ควรกับคุณเย่ ไม่เหมือนหวังหยวนหยวนที่เอาแต่เพ้อฝันโดยไม่สนใจความจริง
ฟางเสียนจู่จัดแจงให้คุณหม่านั่งลงเรียบร้อยแล้ว ก็รีบโทรศัพท์หาฉินหงเหยียนทันที
“หงเหยียน คุณกับคุณเย่ออกเดินทางแล้วหรือยัง?”
ฉินหงเยียนกล่าวว่า “จะถึงประตูโรงแรมอยู่แล้ว”
“อะไรนะ? อยู่ที่ประตูโรงแรมแล้วเหรอ? ผมจะออกไปต้อนรับพวกคุณเดี๋ยวนี้! ”
ฟางเสียนจู่ยินดีรีบร้อนไปกล่าวกับภรรยาและคนในครอบครัว “คุณเย่และคุณฉินมาถึงประตู รีบไปต้อนรับเขากับฉันหน่อย!”
“ครับ!”
ฟางเชา หวังเจียเหยารวมไปถึงคนอายุน้อยๆ ต่างก็เดินตามไป
“ว้าว! คุณเย่ที่รักของฉันมาแล้ว! คุณย่า คุณพ่อพวกเราเองก็ไปกันเถอะค่ะ!”
หวังหยวนหยวนกระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจ
คุณนายหวังผกศีรษะ “คุณเย่คือพาร์ทเนอร์ของพวกเรา พวกเราย่อมต้องไปอยู่แล้ว”
แขกคนอื่นได้ยินแล้วต่างก็ลุกทยอยลุกขึ้นจากที่นั่ง
“ได้ยินมาว่าคุณเย่ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปซื้อกิจการร้านอาหารจำนวนมาก คาราโอเกะ ตอนนี้ธุรกิจมากมายในอวิ๋นโจวต่างก็โดนเขาผูกขาดไปหมดแล้ว!”
“ไม่เพียงแค่นั้นนะผมได้ยินมาว่าเขายังถล่มบริษัทคนอื่นส่งๆ หนึ่งเดือนมานี้เขาทำบริษัทหลายแห่งเจ๊งไปแล้ว!”
“รีบดูเร็ว ขนาดคุณหม่ายังไปที่ประตูแล้ว พวกเรารีบไปดูคุณเย่กันเถอะว่าเป็นเทวดามาจากไหน!”
“จะต้องอาศัยโอกาสนี้ผูกมิตรกับคุณเย่ให้ได้!”
“……”
รถมายบัค แลนดอเล็ตสีขาวราคาสามสิบกว่าล้านซึ่งถูกขนานนามว่า ‘แพงที่สุดในโลก’ ค่อยๆ ขับมาจอดเทียบปากประตูโรงแรม
พนักงานโรงแรมเปิดประตูรถ ฉินหงเหยียนในชุดสีขาวลงจากรถมาเป็นคนแรก
ทุกคนจึงรู้ได้เลยว่าผู้ที่ลงรถคนต่อไปก็คือคุณเย่!
แล้วทุกคนก็เห็นเย่เฉินในชุดสูทสีขาวก้าวลงมาจากรถ!
ฉินหงเหยียนเกาะแขนเย่เฉินแล้วแนะนำเขากับฟางเสียนจู่ “คุณฟาง ท่านนี้ก็คือคุณเย่จากบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป”

วันนี้เป็นวันมงคลของฟางเชา เดิมควรเป็นวันที่เขามีความสุขถึงจะถูก แต่เพราะธุรกิจที่เขาลงทุนนั้นล่มจมทำให้ชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าอย่างเขาอิดโรยเหมือนชายชรา

สัปดาห์นี้ไม่เพียงแค่บริษัทที่เขาลงทุนแล้วเจ๊ง แต่การลงทุนอย่างอื่นก็ขาดทุนเหมือนกัน

ไม่ว่าจะลงทุนอะไรก็ขาดทุนทั้งนั้น จะลงทุนในตลาดหุ้น ค้าขาย หรือบ่อนใต้ดิน

ชายหนุ่มอายุน้อยที่ถือดอกไม้ติดอกเจ้าบ่าวข้างกายฟางเชาก็กล่าวขึ้น

 พี่เชาครับพี่ไปล่วงเกินใครเข้าหรือเปล่า? ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพี่กำลังโดนคนหาเรื่องอยู่เลยล่ะ? ต่อให้ปิดตาลงทุนก็ไม่น่าจะล้มเหลว 100% แบบนี้! 

ฟางเชาคลึงขอบตาที่ดำคล้ำของตนเองแล้วพยักหน้า  อาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ได้! ฉันจะต้องโดนใครเล่นงานเข้าแน่! ฉันไม่มีทางจะตาถั่วขนาดนี้แน่นอน! แต่สองปีมานี้ฉันไม่ได้ไปล่วงเกินใครเข้าเลย นอกจากคนชื่อเย่เฉิน สามีเก่าพี่สะใภ้นายที่ฉันไปสวมเขาให้เขา แต่หมอนี่เก่งแต่เรื่องใช้กำลัง เขาไม่เข้าใจเรื่องการค้าขายอะไรทั้งนั้น เขาเป็นแค่บอดี้การ์ดขยะเท่านั้น ไม่มีทางที่จะเอาชนะฉันในเรื่องธุรกิจได้หรอก 

เพื่อนเจ้าบ่าวเล่นเข็มกลัดดอกไม้ที่ติดอกแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม  พี่ฟาง พี่สะใภ้เป็นหญิงงามเบอร์หนึ่งของอวิ๋นโจว คนที่ชอบพี่สะใภ้ไม่ได้มีแค่เย่เฉินคนเดียว อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ขนาดเพื่อนผมยังสงบจิตใจไม่ได้เลยถ้าเห็นพี่สะใภ้ เนื้อหงษ์ตกเข้าปากพี่ ผู้ชายทั้งอวิ๋นโจวใครจะไม่อิจฉาตาร้อนบ้าง? 

ฟางเชาครุ่นคิดอย่างละเอียดก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นไปได้

 แม่งเอ้ย จะต้องเป็นขาใหญ่สักคนในวงการธุรกิจของอวิ๋นโจวที่ชอบหวังเจียเหยาเข้าแน่นอนถึงได้เล่นงานฉันแบบนี้! หวังเจียเหยาคนนี้ล่มตระกูลจริงๆ เลย ยังไม่ทันได้แต่งเลย ฉันก็ต้องเสียเงินห้าสิบล้านเพราะหล่อนแล้ว! 

เพื่อนเจ้าบ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม  จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ ตระกูลฟางของพี่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเงินห้าร้อยล้านนี้อยู่แล้ว เจ๊งก็เจ๊งไปสิ ไม่อย่างนั้นก็ไปทำงานบริษัทพ่อสิ พี่เกาะที่บ้านเอาสิ 

 แต่มีภรรยาสวยๆ อย่างหวังเจียเหยาอยู่ในกำมือแล้ว พี่อยากจะทำอะไรกับหล่อนก็ย่อมได้ หมอนั่นบางทีอาจจะเก่งเรื่องธุรกิจ แต่ในเรื่องความรักพี่เป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว! 

ฟางเชาหัวเราะร่วน  อาเจี๋ยนายพูดถูก! ศัตรูความรัก กล้าทำให้ฉันเจ๊งห้าร้อยล้านเชียว! ฮ่า ฮ่า! 

พอนึกได้เช่นนี้ฟางเชาก็รีบโทรหาหวังเจียเหยาทันที

หวังเจียเหยาตื่นแล้วและกำลังแต่งหน้าอยู่ เจ้าหล่อนรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว  ฮัลโหล 

 ที่รักคุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอ? 

 แต่งหน้า ลองชุดแต่งงานอยู่ 

 ฮ่าๆ ที่รัก ทางที่ดีตอนนี้คุณไปนอนพักต่ออีกหน่อย! 

หวังเจียเหยากดวางสายโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

 ฟางเชาเหรอ? เขาพูดอะไรน่ะ? 

ซ่งหงเย่เพื่อนสนิทที่อยู่ข้างตัวหวังเจียเหยาที่กำลังดูอีกฝ่ายแต่งหน้าก็ถามขึ้น

หวังเจียเหยาโยนไอโฟนไปข้างตัว  ลามกจริงๆ! ฟางเชานี่ตลาดล่างจริงๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะบ้านเขารวยล่ะก็ฉันไม่แต่งกับเขาหรอก! เย่เฉินของฉันดีกว่าตั้งเยอะตอนพูดตอนจานุ่มนวลอ่อนหวานจะตาย 

ซ่งหงเย่หัวเราะ  เพื่อนรัก เธอกำลังสวมชุดแต่งงานจะแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น แต่มาชมผัวเก่าแบบนี้คงไม่ค่อยดีล่ะมั้ง? 

หวังเจียเหยาคิดถึงอดีตสามีด้วยอารมณ์สับสน  หงเย่ เย่เฉินไม่ยอมเป็นตัวสำรองฉันจะทำยังไงดี? ถ้าต่อไปฉันหย่าแล้วแต่เขาแต่งงานไปแล้วจะทำยังไง? 

ซ่งหงเย่ไม่ตอบแต่ให้หวังเจียเหยาลุกขึ้น

หวังเจียเหยาในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ ยืนอยู่หน้ากระจกราวนางฟ้ามาจุติอย่างไรอย่างนั้น

ความงามเช่นนี้เหมือนมีเพียงบนสวรรค์เท่านั้น!

ซ่งหงเย่ลูบใบหน้าเพื่อนสาวแล้วกล่าวกับอีกฝ่ายในกระจก  ดูใบหน้างามล่มเมืองของเธอนี่ ผู้ชายคนไหนจะปฏิเสธเธอได้ลงคอกัน? เชื่อฉันเถอะเธอเอาเขาได้อยู่หมัดอยู่แล้ว! ชั่วชีวิตนี้ของเย่เฉินจะได้เป็นตัวสำรองของเธอแน่! 

……

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ในวิลล่าเขตเจียงหนาน เมืองอวิ๋นโจว

ซึ่งเป็นเขตวิลล่าราคาแพงอย่างมากในอวิ๋นโจวเช่นกัน หนึ่งตารางเมตรราคาราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 150,000 หยวน

ณ วิลล่าหลังหนึ่ง ฟางเสียนจู่และหลิ่วหรูซือพ่อแม่ของฟางเชา กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก

หลิ่วหรูซือสวมชุดราตรีแบบจีนสีแดง ดูสง่างาม ด้วยวัยสี่สิบกว่าๆ ไม่ว่าจะเรือนร่างหรือว่าความงามก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอวิ๋นโจว

ทว่าเจ้าหล่อนไม่เพียงทรงเสน่ห์ แต่นิสัยและมารยาทก็ถือได้ว่าเป็นแบบฉบับของคนในวงสัมคมชั้นสูงเช่นกัน

หล่อนช่วยสามีผูกเนคไทพลางกล่าว  เสียนจู่ ฉันคิดว่าแผนการขยายธุรกิจของบริษัทเราช่วงนี้เสี่ยงเกินไป คุณทุ่มเงินทุนทั้งหมดแถมยังกู้เงินก้อนใหญ่อีก คุณไม่ควรเชื่อพอลมากขนาดนี้ 

ฟางเสียนจู่หัวเสีย  ถ้าตอนนั้นผมไม่เชื่อพอล บริษัทของเราอาจจะไม่มีโอกาสเข้าตลาดหุ้นด้วยซ้ำไป!ผมไม่ได้ใช้เงินของตระกูลหลิ่วคุณสักแดงเดียว คุณจะกังวลอะไร! 

หลิ่วหรูซือพูดเนิบๆ  ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ถ้าชัวร์จริงๆ ฉันไปขอยืมเงินตระกูลหลิ่วมาให้คุณก็ได้ 

 ผมไม่ต้องการ!  ทันใดนั้นเองฟางเสียนจู่ก็ดูหงุดหงิดกว่าเดิม  ตระกูลหลิ่วของคุณน่ะดูถูกผม คราวนี้ผมจะให้คนตระกูลหลิ่วของคุณได้เห็นว่าผมจะกลับมาผงาดอีกครั้งได้ยังไง! 

หลิ่วหรูซือเห็นสามีโกรธจัดก็รีบลูบเขาเพื่อปลอบโยน  เอาเถอะๆ วันนี้วันแต่งงานของลูกเราไม่พูดเรื่องนี้กันแล้ว 

 พูดอีกเรื่องแล้วกัน ฉันได้ยินมาว่าลูกเราเชิญอดีตสามีของหวังเจียเหยามางานแถมยังไปดูถูกเขาต่อหน้าคนอื่นอีก ฉันว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณลองโน้มน้าวลูกอย่าให้เขาทำแบบนี้เลย ฉันได้ยินมาว่าอดีตสามีของหวังเจียเหยาก็ไม่ใช่ย่อย 

ฟางเสียนจู่แค่นเสียง  โน้มน้าวอะไรลูกเรา? ก็แค่คนชั้นต่ำที่เป็นบอดี้การ์ดก็เท่านั้น ดูถูกเขาไปแล้วจะทำไม? 

 เตะต่อยเป็นก็ยิ่งน่าตลกกว่าเดิม วันนี้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มากันกี่คน? เขายังจะกล้าก่อเรื่องหรือไง! 

หลิ่วหรูซือส่ายหน้า สองคนพ่อลูกเหมือนกันไม่มีผิด ไม่รับฟังอะไรใครเลย

แต่อารมณ์ของฟางเสียนจู่ก็เปลี่ยนปอย่างรวดเร็ว จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า

 ไม่ต้องไปสนใจอดีตสามีของหวังเจียเหยาหรอก แต่มีแขกคนหนึ่งที่พวกเราจะต้องใส่ใจเขาให้มาก ผมได้ยินมาจากหงเหยียนว่าวันนี้คุณเย่จากบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปจะมาร่วมงานแต่งงานของลูกเราแน่ๆ 100% คุณเองก็รู้ว่าคุณเย่คนนี้เป็นคนลึกลับขนาดไหน ได้ยินมาว่าร้านอาหารที่เปิดใหม่ในช่วงนี้อย่าง อวิ๋นจงอวิ๋น หรือพวกร้านคาราโอเกะ คลับต่างๆ ที่เปิดใหม่ก็เป็นของคุณเย่ทั้งนั้น 

 ตอนนี้เขาเป็นลูกพี่ในวงการอาหาร ธุรกิจบันเทิง ห้างสรรพสินค้า ขนส่ง! คนจำนวนมากเรียกเขาว่าฮ่องเต้แห่งอวิ๋นโจว! 

หลิ่วหรูซือขมวดคิ้ว  หงเหยียน หงเหยียน คุณเรียกหล่อนเสียสนิทสนมเลยนะคะ 

ฟางเสียนจู่ยิ้มก่อนจะรีบปลอบใจภรรยา  แหม ก็เพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน อย่าคิดมากเลย ผมกับคุณฉินไม่ได้มีอะไรกันเสียหน่อย อีกเดี๋ยวอย่าเอาโทสะไปลงที่คุณเย่ล่ะ พวกเราจะล่วงเกินเขาไม่ได้ 

หลิ่วหรูซือกล่าว  เห็นฉันเป็นคนแยกแยะไม่ได้หรือไงกัน? เอาเถอะ เดี๋ยวพอเจอคุณเย่ฉันจะรับรองเขาให้ดีเลย 

……

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนถึงสิบโมงเช้า

ฉินหงเหยียนมาถึงเขตวิลล่าเหมยกุยหยวนอันเป็นที่พักของเย่เฉิน

เย่เฉินตื่นมาแต่งตัวแต่เช้า เขาสวมชุดสูทเรียบร้อย

 คุณเย่วันนี้หล่อจังเลยค่ะ 

ฉินหงเหยียนกล่าวชมชายหนุ่มจากใจจริง

เย่เฉินขยับเนคไทเล็กน้อยแล้วกล่าว  ไปกันเถอะ! วันนี้ผมจะให้คนทั้งอวิ๋นโจวได้รู้ว่าคุณเย่แห่งบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก็คือเขยที่โดนคนตระกูลหวังขับไล่ คือผมเอง เย่เฉิน! 

ฉินหงเหยียนเดินตามหลังชายหนุ่ม ตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น!

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้ว!

 

หวังเจียเหยาเองก็แปลกใจ  ทำไมคุณฉินถึงจำวันเกิดของเย่เฉินได้ล่ะ? 

ในสายตาหล่อนเย่เฉินเป็นแค่บอดี้การ์ดคนหนึ่งของฉินหงเหยียน ก็แค่วันเกิดของบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ทำไมฉินหงเหยียนถึงจำได้แม่นยำขนาดนั้น?

ซึ่งหล่อนไม่รู้เลยว่าเย่เฉินเป็นคนที่ฉินหงเหยียนเฝ้าฝันหา ดังนั้นหญิงสาวย่อมจดจำวันเกิดเขาได้ดี

ฉินหงเหยียนอธิบาย  อ้อ เขาเกิดวันเดียวกับคุณพ่อฉัน ฉันเคยเห็นบัตรประชาชนของเขาก็เลยจำได้ คุณนายฟางไม่ว่าอย่างไรเย่เฉินก็เป็นอดีตสามีของคุณ พวกคุณเองก็ถือว่าเคยรักกันมา คุณเลือกจัดงานในวันเกิดเขาคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้งคะ? หรือคุณจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนั้นเป็นวันเกิดเขา? 

หวังเจียเหยารีบกล่าว  ฉันต้องจำวันเกิดเขาได้อยู่แล้ว! แต่คนตระกูลฟางเป็นคนกำหนดวันแต่งงาน ฉันเองก็เคยโน้มน้าวฟางเชาให้ไปแต่งวันอื่น แต่เขายืนกรานว่าต้องเป็นวันนี้เท่านั้น ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้ 

ฟางเชาเคยค้นประวัติของเย่เฉินมาก่อนจึงรู้ว่าอีกฝ่ายเกิดในวันที่ 12 เดือนพฤษภาคม เขาถึงจงใจเลือกวันนี้เป็นวันแต่งงานก็เพื่อจะเยาะเย้ยเย่เฉิน!!

หวังเจียเหยาไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อจึงกล่าวถาม  คุณเย่อยู่ออฟฟิศไหม? ฉันจะขอไปแจกการ์ดแต่งงานให้เขาได้ไหม? 

ฉินหงเหยียนกล่าว  เหมือนจะอยู่นะ เชิญคุณเลย 

ฉินหงเหยียนรู้ว่าเย่เฉินอยู่ในห้องทำงาน แต่จะบอกฉินหงเหยียนตรงๆ ก็ไม่ได้ว่าเย่เฉินก็คือคุณเย่

 อย่างนั้นก็ขอเรียนเชิญคุณมาดื่มเหล้ามงคลของฉันในวันที่ 12 เดือนพฤษภาคมนะคะ 

หวังเจียเหยากล่าวเชื้อเชิญอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มน้อยๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของคุณเย่

ก๊อก ก๊อก

หวังเจียเหยาเคาะประตู

 come in เชิญ 

เย่เฉินมักจะใช้ภาษาอังกฤษเวลาอยู่ที่บริษัท

สามปีที่ผ่านมา เขาพยายามไม่เพื่อปกปิดสถานะของตนเองเขาจึงไม่พูดภาษาอังกฤษมาก่อนยามอยู่ที่ตระกูลหวัง ทำให้คนบ้านนั้นคิดว่าเย่เฉินเป็นไอ้บ้านนอกที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้

หวังเจียเหยาผลักประตูพอเห็นเย่เฉินก็ผิดหวัง  คุณเย่ไม่อยู่เหรอเนี่ย 

เย่เฉินที่กำลังลุกขึ้นไปทิ้งขยะไม่ได้นั่งบนเก้าอี้ผู้บริหารพอดี เขาคร้านจะอธิบายจึงกล่าวถาม  มีธุระอะไรเหรอ? 

หวังเจียเหยาส่งบัตรเชิญให้เย่เฉิน  ถ้าคุณเย่มาแล้วนายเอาการ์ดแต่งงานให้เขาด้วย 

การ์ดแต่งงานเป็นกระดาษฉลุสีขาวลายดอกแมกโนเลียกับโบว์สีน้ำเงิน ดูมีระดับอย่างมาก

พอเย่เฉินเห็นแล้วก็ชะงักนิ่งไป  นี่มัน… 

หวังเจียเหยากล่าวว่า  วันแต่งงานของฉันกับฟางเชากำหนดแล้ว แต่งกันตอนวันเกิดนาย วันที่ 12 พฤษภาคม 

เย่เฉินหันมองหวังเจียเหยาอย่างขุ่นเคืองใจ

หวังเจียเหยารีบร้อนกล่าว  นายไม่ต้องมองฉันแบบนี้ ฉันไม่ได้เป็นคนเลือกวัน 

เดิมทีเย่เฉินโกรธมาก แต่ต่อมาเหมือนเขาคิดอะไรบางอย่างออก แล้วเผยรอยยิ้มออกมา

เลือกแต่งงานกันวันนี้ แน่ใจนะว่าไม่ได้รนหาที่ตาย?

เย่เฉินเอื้อมรับการ์ดแต่งงาน  ดีใจด้วยเจียเหยา ในที่สุดคุณก็ได้แต่งเข้าตระกูลร่ำรวยแล้ว 

หวังเจียเหยารู้ว่าเย่เฉินคงรู้สึกไม่ดีนัก เจ้าหล่อนลังเลไปเล็กน้อยแต่ก็ยังส่งการ์ดแต่งงานใบหนึ่งให้เขา

 ใบนี้ของนาย 

เย่เฉินหัวเราะ คิดไม่ถึงว่าตัวเขาเองจะได้รับการ์ดแต่งงานของอดีตภรรยาถึงสองใบ

เขายังอุตส่าห์จะเปิดดูแล้วก็เห็นบนการ์ดแต่งงานที่ให้ตนเองนั้นเขียนเอาไว้ว่า ‘ถ้าเป็นลูกผู้ชายนายก็มา แล้วฉันจะให้นายได้เห็นว่างานแต่งงานช้างเป็นยังไง’

แต่ในการ์ดแต่งงานที่เขียนให้คุณเย่เขียนเอาไว้ว่า ‘คุณเย่แห่งบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ขอเรียนเชิญเข้าร่วมงานแต่งงานที่จะจัดขึ้น ณ The Portman Ritz-Carlton อวิ๋นโจวในวันที่ 5 เดือนพฤษภาคม เวลา 11 โมงเช้า ทุกคนต่างก็รู้ว่าคุณเย่เป็นคนเก่งและมากความสามารถในอวิ๋นโจว ตระกูลฟางและตระกูลหวังชื่นชมคุณมานาน ขอพบหน้าคุณสักครั้งจะต้องต้อนรับคุณอย่างสมเกียรติแน่นอน!’

เย่เฉินดูการ์ดเชิญสองใบแล้วอดรู้สึกแสลงใจไม่ได้

เป็นการ์ดที่เชิญเขาทั้งสองใบ เพียงแต่เป็นสถานะสองแบบ คิดไม่ถึงว่าเนื้อหาด้านในจะต่างกันราวฟ้ากับเหว!

นี่มันคือโลกของความเป็นจริง!

มิน่าหวังเจียเหยาถึงอยากจะแต่งงานเข้าตระกูลที่ร่ำรวยขนาดนั้น

หวังเจียเหยาเองก็ไม่เข้าใจความนัยของรอยยิ้มอดีตสามีจึงกล่าว  ไม่อย่างนั้นนายไม่ต้องมาหรอก ฉันรู้ว่านายยังรักฉันอยู่ วันนั้นนายคงต้องเสียใจมากดื่มมากไปเกิดโวยวายทะเลาะกันขึ้นมา เดี๋ยวขายหน้าแย่ 

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น  ฮ่าๆ คุณคิดว่าผมจะไปโวยวายในงานเพราะคุณเหรอ? หวังเจียเหยาคุณคิดมากเกินไปแล้ว! ในเมื่อสามีคุณอยากให้ผมไปอย่างนั้นผมไปก็ได้ คุณสบายใจได้ ผมจะไม่ดื่มจนเมาแล้วก็จะไม่ไปก่อเรื่องด้วย 

หวังเจียเหยาผงกศีรษะ  งั้นก็ดี 

หวังเจียเหยารู้ว่าเย่เฉินต่อยตีเก่ง ถ้าเกิดบ้าดีเดือดมีเรื่องขึ้นมา เกรงว่าคนที่ห้ามเขาได้คงมีน้อยมาก

 จริงสิ เรื่องที่ฉันคุยด้วยเมื่อคราวก่อน นายคิดไปถึงไหนแล้ว? 

จู่ๆ หวังเจียเหยาก็กดเสียงต่ำ เหมือนกำลังทำความผิด

 เรื่องอะไร?  เย่เฉินงุนงง

หวังเจียเหยาตีแขนเย่เฉินอย่างหงุดหงิด  ตาบ้า ก็เรื่องที่ฉันพูดกับนายตอนงานคอนเสิร์ตเมื่อคราวก่อนไง 

เย่เฉินถึงได้เข้าใจ  ที่คุณบอกให้ผมเป็นตัวสำรองไปก่อนสามปีน่ะเหรอ? ฮ่าๆ ผมบอกคุณไปอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วไงว่าไม่มีทาง! หวังเจียเหยาโลกใบนี้ไม่ได้ง่ายแบบที่คุณคิดหรอกนะ คุณได้คืบจะเอาศอกแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ คุณเลือกได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ที่น่าเสียดายก็คือคุณเลือกฟางเชา! 

หวังเจียเหยาหัวเสียอย่างมาก  เสียดายนายก็แย่แล้ว! เลือกนายสิถึงจะน่าเสียดาย! ฉันไม่ไม่มีวันหย่ากับฟางเชาหรอก พวกเราคงจะรักกันไปตลอดชีวิต ส่วนนายก็เป็นหมาหัวเน่าไปคนเดียวตลอดชีวิตเถอะ ฉันล่ะเกลียดนายจริงๆ อิจฉานายตายเลย! 

พอพูดจบแล้วแต่หล่อนยังอารมณ์ค้าง หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ  เย่เฉิน นายเสแสร้งต่อไปเถอะ ฉันรู้ว่านายกำลังพยายามทำเหมือนไม่เป็นอะไร รอวันที่ฉันแต่งงานแล้วนายได้เห็นว่าฉันมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้แต่งงานเข้าตระกูลที่ร่ำรวย นายจะต้องร้องไห้เหมือนหมาแน่! 

พูดจบหวังเจียเหยาก็รีบเดินจากไป

 ผมเนี่ยนะ จะร้องไห้เหมือนหมา ฮ่าๆ เกรงว่าพอถึงวันนั้นคนที่จะร้องไห้คงเป็นคุณกับฟางเชาเสียมากกว่า! 

ถึงเย่เฉินจะไม่ได้พูดออกมา แต่เขาแน่ใจว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น!

เพราะในวันที่พวกเขาแต่งงานกัน หวังเจียเหยาจะได้รู้ว่าหล่อนได้สูญเสียราชาแห่งโลกธุรกิจของอวิ๋นโจวไปแล้ว!

ส่วนคนที่เจ้าหล่อนจะแต่งงานด้วยก็คือคนที่กำลังจะหมดตัวเท่านั้น!

เย่เฉินฉีกการ์ดแต่งงานสองแผ่นนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยโทสะ!

และในเวลานี้เองฉินหงเหยียนก็เดินเข้ามาเห็นภาพเหตุการณ์นี้เข้าจึงกล่าวว่า  ฟางเชานี่รนหาที่จริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะเลือกจัดงานแต่งงานในวันเกิดคุณ นี่มันแปลว่าเขาอยากเห็นคุณไม่สบอารมณ์ชัด ๆ 

เย่เฉินแค่นเสียง  อยากจะใช้งานแต่งงานข่มวันเกิดผมเหรอ? กับแค่นักลงทุนรายเล็กๆ เท่านั้นไหนเลยจะมาเปรียบเทียบกับผมได้? หงเหยียนแจ้งวันเกิดของผมให้กับบริษัทคู่ค้าของเราหน่อย 

รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าฉินหงเหยียน หล่อนอยากจะจัดงานวันเกิดให้ชายหนุ่มนานแล้ว  ได้ค่ะ! 

….

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

หกโมงเช้าของวันที่ 12 เดือนพฤษภาคม

 แม่ง! เจ๊งอีกแล้วเหรอ! ทำไมถึงเป็นแบบนี้! เกมนี้ชัวร์มากไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้โดนบล็อคเพราะผิดกฎหมายได้ล่ะ? 

ฟางเชาไม่ได้นอนทั้งคืน เขาในชุดสูทของเจ้าบ่าวกำลังโทรศัพท์อยู่ในห้องพัก

หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาใช้เงินห้าร้อยล้านของคนเป็นพ่อลงทุนไปจนหมด เขาลงทุนไปกับบริษัทมากกว่าสองร้อยกว่าแห่ง!

ขาดทุนไปเกินครึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ

แต่บริษัทหลายสิบแห่งที่เดิมลงทุนแล้วได้กำไรดีมาก จู่ๆ ก็เกิดปัญหาขึ้นมาติดต่อกัน

หนำซ้ำไม่ใช่ปัญหาเพียงเล็กๆ แต่เป็นปัญหาใหญ่แบบถ้าไม่ใช่เจ๊งก็ถูกสั่งปิดอะไรทำนองนั้น

เงินห้าร้อยล้านของฟางเชาแทบจะเจ๊งไปจนหมดแล้ว!

 

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

ตอนบ่ายสองโมง แสงแดดในอวิ๋นโจวร้อนแรงราวเปลวเพลิง คนที่เดินอยู่บนถนนต่างกางร่มใส่แว่นตากันแดด

ในเวลานี้เองฟางเชาที่กำลังนั่งรอหวังเจียเหยาอยู่ในรถ BMW ในใจร้อนรนราวโดนไฟเผา

 อะไรนะ? บริษัทจี้เฉิงก็เจ๊งไปแล้วเหมือนกันเหรอ? แม่งเอ้ย บริษัทที่กำลังดำเนินกิจการไปได้ดี ทำไมอยู่ๆ ถึงได้เจ๊งไปได้นะ? 

ฟางเชาที่กำลังรับสายโทรศัพท์อยู่ตรงตำแหน่งที่นั่งคนขับกล่าวอย่างหัวเสีย

บริษัทจี้เฉิงแห่งนี้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิบบริษัทที่ฟางเชาลงทุนไปและเป็นบริษัทที่ได้กำไรมากที่สุดด้วย

แต่สองวันมานี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำให้บริษัทที่ได้กำไรพวกนั้นของเขาจู่ๆ ก็ถูกบริษัทในสายงานเดียวกันเล่นงานถูกบีบจนทำอะไรไม่ได้จนทยอยพากันเจ๊งไปเป็นแถบ ๆ

บวกกับเดิมทีบริษัทที่เขาลงทุนไปสี่ห้าสิบแห่งก็ล้มเหลว เงินที่ฟางเชาใช้ลงทุนไปก็แทบจะเจ๊งไปหมดแล้ว

 แม่งเอ้ย! ซวยจริง ๆ! 

ฟางเชาทุบพวงมาลัยรถด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็กดโทรหาพ่อตนเอง

 พ่อครับช่วงนี้ผมดวงไม่ค่อยดีเลย บริษัทที่ผมลงทุนไว้แล้วเคยได้กำไรพวกนั้นเจ๊งไปหมดแล้ว พ่อให้เงินผมอีกซักร้อยล้านได้ไหมครับ? 

ฟางเสียนจู่กล่าวว่า  ช่วงนี้บริษัทเราก็ต้องใช้เงิน เมื่อสองวันก่อนพ่อโทรหาคุณพอล ดูบรูลเจ้าพ่อวงการโรงแรม เขาบอกพ่อว่าต้องการจะเปิดโรงแรมที่เคยเจ๊งเมื่อก่อนแล้วค่อยขยายไปตามเมืองรองระดับสามและสี่ตามเป้า 

ฟางเชากล่าวอย่างเคือบแคลงสงสัย  พ่อครับ แต่เมื่อก่อนเขาคัดค้านไม่ให้พวกเราขยายโรงแรมอย่างหน้ามืดตามัวแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? 

ฟางเสียนจู่กล่าวต่อ  ลูกจะไปเข้าใจอะไร! มันคนละเวลากันก็ต้องคนละแบบอยู่แล้ว! ตอนนี้ชนชั้นแรงงานก็มีกำลังพอจะพักอยู่ในโรงแรม ในด้านคุณภาพนั้นไม่ได้ต้องสูงส่งดีเยี่ยมเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วที่สำคัญที่สุดก็คือจำนวน! พวกเราเตรียมจะเอาเงินส่วนใหญ่ของเราไปลงทุน 

ฟางเขานิ่งไปเงินส่วนมากจะใช้ไปกับการลงทุนครั้งนี้ ถ้าอย่างนั้นอย่างน้อยก็ต้องใช้เงินราวๆ พันล้านหรืออาจจะถึงสองพันล้านเลยทีเดียว!

ถ้าได้กำไรก็ยังพอว่าแต่ถ้าขาดทุนขึ้นมา…

อย่างนั้นแล้วตระกูลฟางคงจะ…ถ้าถึงตอนนั้นจะไม่เท่ากับว่าพวกเขาจะอดตายกันหรือไง?

ฟางเชากล่าวว่า  พ่อครับ ผมไม่เห็นด้วย! เราจะใส่ไข่ในตระกร้าใบเดียวไม่ได้นะครับ! ถ้าสมมติว่าคำแนะนำรอบนี้ของคุณดูบรูลเกิดผิดพลาดขึ้นมาล่ะครับ? ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นขึ้นมาบ้านเราจบเห่แน่! 

ฟางเสียนจู่กล่าว  ที่ลูกพูดก็มีเหตุผล การกระจายเงินลงทุนคือสิ่งที่ถูกต้อง เอาแบบนี้แล้วกัน พ่อก็เห็นว่าเมื่อปีก่อนลูกทำได้ดีทีเดียว พ่อให้เงินลูกไปห้าร้อยล้านแล้วกัน! ลูกเอาไปลงทุนให้เต็มที่! ต่อให้พวกเราขาดทุนก็ยังมีลูกอยู่ 

 ขอบคุณครับพ่อ! ผมจะใช้เงินห้าร้อยล้านที่พ่อให้มาลงทุนให้งอกเงยเป็นห้าพันล้านเลยครับ!  ฟางเชากล่าวด้วยความตื่นเต้น

ในเวลานี้เองหวังเจียเหยาคนสวยก็เดินเข้ามาตรงบริเวณที่นั่งข้างคนขับ

เห็นท่าทางฟางเชาหน้าชื่นตาบาน หวังเจียเหยาจึงถาม  มีเรื่องอะไรทำไมดีใจแบบนี้? 

ฟางเชากล่าว  พ่อให้เงินฉันมาอีกห้าสิบล้าน! ฮ่าๆ เจียเหยาเป็นคุณนายฟางรู้สึกยังไงบ้าง? เงินห้าร้อยล้านนี้จะกลายเป็นห้าพันล้านอย่างรวดเร็ว! 

หวังเจียเหยาดีใจแล้วลอบกล่าวกับตนเองในใจ  ตระกูลฟางมีเงินเกินไปแล้วล่ะมั้ง? อยู่ๆ พ่อตาก็ให้เงินมาตั้งห้าร้อยล้าน 

หวังเจียเหยาเอื้อมมือไปกำมือฟางเชาแล้วกล่าวว่า  ฟางเชาได้แต่งงานกับนายนี่ได้ช่างมีความสุขจริงๆ นี่เป็นความสุขที่ฉันไม่เคยมีมาก่อน 

ฟางเขากล่าวอย่างลิงโลด  ยังจะต้องพูดอีกเหรอ? คิดว่าแค่ห้าหมื่นพ่อของขยะอย่างเย่เฉินก็น่าจะไม่มีให้เธอหรอก ฮ่าๆ! 

 จริงสิ พวกเราจดทะเบียนกันแล้ว เธอควรจะเปลี่ยนคำเรียกได้แล้วล่ะมั้ง? 

หวังเจียเหยาลังเลเล็กน้อยแล้วถึงยอมเปิดปากกล่าว  ที่…ที่รัก 

นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าหล่อนเรียกชายอื่นว่าที่รัก เมื่อก่อนคำสรรพนามนี้เป็นแค่ของเย่เฉินเพียงคนเดียว

ในวินาทีนี้จู่ๆ หล่อนก็หวนระลึกถึงเย่เฉิน คิดถึงวินาทีที่เรียกเย่เฉินว่าที่รักในเวลาสามปีที่ผ่านมา

เย่เฉินเป็นเขยที่แต่งเข้าจึงไม่มีที่ยืนในบ้าน ดังนั้นตอนหล่อนเรียกเขาว่าที่รักต่างก็เป็นเวลาที่หล่อนดีใจมากๆ เท่านั้น

ดังนั้นพอเรียกเขาว่าที่รักใบหน้าหล่อนก็มักจะแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเสมอ

แต่ครั้งนี้ที่เรียกฟางเชาว่าที่รัก หวังเจียเหยากลับไม่ได้มีรอยยิ้มแต่รู้สึกเจ็บปวดใจแทน

 บางทีนี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตของฉันกับเย่เฉินก็ได้ 

หวังเจียเหยาสะท้อนในอก แล้วกลับมาสู่บทบาทในปัจจุบันของตนเอง

หวังเจียเหยากล่าวต่อว่า  ที่รักคะส่งฉันไปที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเถอะค่ะ ฉันอยากจะไปส่งการ์ดแต่งงานให้คุณฉินกับคุณเย่ด้วยตัวเอง 

งานแต่งงานระหว่างฟางเชาและหวังเจียเหยาได้กำหนดวันไว้เรียบร้อยแล้วจะถูกจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าวันที่ 12 เดือนพฤษภาคม

ตอนนี้ตระกูลหวังกับบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปกำลังร่วมมือกันทำโปรเจกต์อีผิ่นเจียเหยา หวังเจียเหยาเป็นรองผู้ดูแลโปรเจกต์ หล่อนแต่งงานทั้งทีก็ต้องเชิญผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป

ฟางเชากล่าว  ได้ จริงสิ ได้เชิญเย่เฉินไหม? 

หวังเจียเหยายิ้มอย่างกระดากใจ  เขาเป็นอดีตสามีของฉัน เชิญเขามาทำไมเหรอ? 

ฟางเชากล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  เชิญเขามาสิถึงจะสนุก ยังพอจะมีการ์ดแต่งงานที่ไม่ได้ใช้บ้างไหม? เอามาให้ฉันใบหนึ่งจะเอาไปให้เขา! 

ฟางเชาเอาการ์ดแต่งงานที่ยังไม่ได้เขียนชื่อใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเย่เฉิน เขาหยิบปากกาแล้วเขียนชื่อของเย่เฉินลงไป

แล้วเขียนข้อความเอาไว้ด้านล่างว่า  เป็นลูกผู้ชายก็มาที่งาน ฉันจะให้แกได้เห็นว่างานแต่งงานที่เรียกว่างานหรูหราแห่งปีเป็นยังไง! 

เขียนเสร็จแล้วเขาก็ยัดคืนไปให้หวังเจียเหยา

หวังเจียเหยารู้ว่าฟางเชามีเจตนาอย่างไร เขาอยากจะเปรียบเทียบกับเย่เฉินให้ถึงที่สุด อยากให้แขกทุกคนได้เห็นว่าอดีตสามีและสามีคนปัจจุบันของหวังเจียเหยาต่างกันราวฟ้ากับเหว!

 จริงสิเจียเหยา วันนี้มานอนที่บ้านฉันสิ สองวันมานี้ฉันเครียดมากเลย บริษัทที่ลงทุนให้ล้มละลายไปแล้วเธอช่วยคลายเครียดให้ฉันหน่อยสิ 

ฟางเชากุมมือหวังเจียเหยาเอาไว้

ตามหลักการแล้วทั้งสองคนจดทะเบียนสมรสกันแล้ว หวังเจียเหยาสามารถย้ายเข้าไปอยู่กับเขาได้แล้ว

ทว่าหวังเจียเหยากลับกล่าวว่า  คุณย่าบอกแล้วว่าก่อนจะจัดงานแต่งงาน ห้ามย้ายเข้า นายรอหน่อยอีกแค่อาทิตย์เดียวพวกเราก็จะแต่งงานกันแล้ว 

ฟางเชาหงุดหงิด  คุณย่าเธอหัวโบราณมากเกินไปแล้ว! เฮ้อ รู้จักเธอมานานขนาดนี้นอนกับเธอไปแค่ครั้งเดียวเองแต่ฉันก็ยังดีกว่าเย่เฉินล่ะนะ หมอนั่นแต่งงานกับเธอมาตั้งสามปียังไม่เคยได้นอนกับเธอเลย ฮ่าๆ! 

หวังเจียเหยาก้มหน้า  เอาเถอะ ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว ขับรถไปเถอะ 

รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป จนไปถึง 80 กม.ต่อชั่วโมงอย่างรวดเร็ว หวังเจียเหยาหันไปมองทิวทัศน์ที่ด้านนอกหน้าต่างแล้วคิดในใจ

 เย่เฉินนายอย่าโทษฉันล่ะที่เมื่อสามปีก่อนไม่ยอมให้นายได้แตะต้องฉัน ที่จริงฉันเองก็ชอบนายมาก แต่ถ้าเป็นผู้หญิงของนายขึ้นมาจริงๆ ฟางเชาในตอนนี้คงจะไม่รักฉันแบบนี้ ตระกูลฟางก็คงจะไม่ยอมรับฉันเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา ถ้าจะโทษ…นายก็โทษที่พวกเราเจอกันผิดเวลาแล้วกัน! 

ยี่สิบนาทีต่อมา หวังเจียเหยาก็มาถึงบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป

ผมหวังเจียเหยายาวประบ่า เจ้าตัวใส่ตุ้มหูสี่เหลี่ยมชิ้นใหญ่เล็กซ้อนกัน สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ใส่กางเกงแสล็คเอวสูงสีดำ ทั้งดูใสซื่อบริสุทธิ์แต่ก็ดูโตเหมือนผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว

ก๊อก ก๊อก

หวังเจียเหยาเคาะประตูออฟฟิศของฉินหงเหยียน

 เชิญเข้ามาได้ 

พอหวังเจียเหยาผลักประตูเข้าไป ฉินหงเหยียนก็รีบลุกขึ้นมาทันทีแล้วกล่าว  คุณนายฟาง วันนี้คุณแต่งตัวสวยมากเลยค่ะแต่งเข้าตระกูลที่ร่ำรวยนี่ทำให้คุณดูแพงและสูงส่งขึ้นมากกว่าเดิมเยอะเลยนะคะ 

หวังเจียเหยาไม่รู้สึกถึงคำพูดเหน็บแนมที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของฉินหงเหยียน จึงตอบด้วยรอยยิ้ม  ขอบคุณคุณฉินที่ชมนะคะ ฉันยังต้องรออีกสิบปีถึงจะมีมาดและมีรสนิยมแบบคุณฉินได้ 

 จริงสิ ที่มาวันนี้เพราะจะมาแจกการ์ดแต่งงานให้คุณกับคุณเย่ 

ฉินหงเหยียนชะงักไปแล็กน้อย  กำหนดวันแต่งงานแล้วเหรอคะ? 

หวังเจียเหยากล่าวว่า  อืม สัปดาห์หน้าวันที่ 12 เดือนพฤษภาคม 

ฉินหงเหยียนชะงักไป  วันที่ 12 เดือนพฤษภาคมเหรอ? วันนั้นเป็นวันเกิดของเย่เฉินไม่ใช่เหรอ! 

 

เย่เฉินโทรศัพท์หาดูบรูลในทันที

 คุณอาไม่เจอกันนานเลยนะครับ ผมคริสเองช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ? สุขภาพแข็งแรงดีไหมครับ? 

เย่เฉินโทรหาอีกฝ่ายแล้วทักทายอีกฝ่าย ชื่อภาษาอังกฤษของเขาก็คริส

ตอนที่อยู่อเมริกาขณะทำความรู้จักอีกฝ่ายนั้นเขาใช้ชื่อภาษาอังกฤษ

ดูบรูลดีใจอย่างมาก  อ้อคริสนี่เอง! ไม่ได้ยินเสียงนายนานเลย เมื่อวานฉันเพิ่งวีดีโอคอลคุยกับคุณปู่นายดูมะลิที่เขาปลูกใหม่ ฉันน่ะสบายดีกำลังพักร้อนอยู่ที่ฮาวาย เราล่ะเป็นยังไงบ้าง? ได้ยินคุณปู่บอกลุงว่าเราผ่านด่านเคราะห์ที่เป็นเขยแต่งเข้าได้แล้ว ตอนนี้กำลังจะเริ่มหยั่งรากลงในวงการธุรกิจแล้ว! 

เย่เฉินกล่าว  ใช่แล้วครับ ที่ผมโทรมาคราวนี้ก็เพราะอยากจะคุยเรื่องธุรกิจกับคุณอา ในประเทศมีโรงแรมชื่ออี๋เจีย คุณอายังจำได้ไหมครับ? ตอนแรกได้ยินมาว่าคุณอาให้คำแนะนำที่ค่อนข้างสำคัญมากเลยกับฟางเสียนจู่ ทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้านได้ในระยะเวลาอันสั้น 

ดูบรูลกล่าว  อ้อ อาพอจะจำได้ คนแซ่ฟางเนี่ย เขามีภรรยาที่เก่งแล้วก็สวยด้วย ฉันจำได้ดีมากเลยทีเดียว อาได้ยินมาว่าช่วงนี้ธุรกิจโรงแรมของเขาเจอปัญหาโทรมาขอให้อาช่วยตั้งหลายรอบ เราอยากให้อาช่วยเขาสักครั้งเหรอ? 

เย่เฉินรีบปฎิเสธทันที  ไม่เลยครับ กลับกันคนละเรื่องเลย ผมอยากให้อาทำร้ายเขาชี้แนะแนวทางไปสู่ความล่มจมให้เขา 

 ว้าว ดูแล้วหมอนี่ซวยเข้าแล้ว ดันไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินเข้า ได้เลย ยกให้อาจัดการแล้วกัน 

ถึงแม้ว่าดูบรูลจะเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกธุรกิจการโรงแรม แต่ถ้าเทียบกับปู่ของเย่เฉินแล้วก็ยังคงถือว่าอยู่กันคนละระดับ

หลายปีมานี้เขาได้รับความช่วยเหลือจากปู่ของเย่เฉินมาไม่น้อย ดังนั้นเย่เฉินขอร้องเขา เขาก็จะต้องรับปาก

รอจนเย่เฉินวางสายแล้วฉินหงเหยียนก็ถาม  เรียบร้อยแล้วเหรอคะ? 

เย่เฉินก็ผงกศีรษะ

ฉินหงเหยียนชื่นชม  คณเย่เก่งมากจริงๆ แค่โทรศัพท์สายเดียว ก็สามารถทำให้ทั้งตระกูลฟางสิ้นไร้ไม้ตอกได้ ฉันยังคิดว่าคุณจะทำสงครามใหญ่โตอะไรกับเขาเสียอีก! 

เริมฝีปากเย่เฉินกระตุกน้อยๆ  สงครามใหญ่โตเหรอ? ฮ่าๆ ตระกูลฟางกับตระกูลเย่เรามันคนละชั้นกันจะทำสงครามกันยังไง? 

ฉินหงเหยียนริษยาชาติกำเนิดของเย่เฉินอย่างมากจนอยากจะแต่งเข้าตระกูลเศรษฐีที่แสนจะร่ำรวยนี้อย่างมาก อยากจะเห็นเหลือเกินว่าโลกของเขาเป็นยังไง

ทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็กล่าวขึ้นมาว่า  แต่ว่าท่านดูบรูลชี้แนะให้ฟางเสียนจู่ ต่อให้เขาทำตามแต่เพราะเงินทุนมีไม่ถึงเกรงว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักพักอยู่ดี 

 อีกอย่างงานแต่งงานของฟางเชากับหวังเจียเหยาคาดว่าน่าจะจัดในเดือนสองเดือนนี้แหละค่ะ 

เย่เฉินพยักหน้าแล้วกดโทรศัพท์อีกรอบ

 หลิวเจิ้งคุน 

 นายน้อย! 

 ลูกน้องนายหายป่วยแล้วหรือยัง? 

ครั้งก่อนเย่เฉินให้ลูกน้องที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของหลิวเจิ้งคุนไปกินข้าวที่ร้านของจงเหว่ยแล้วแสร้งทำเป็นว่าไม่สบาย

คนพวกนี้เล่นละครก็จริงแต่ที่จริงแล้วพวกเขากินยาที่ส่งผลร้ายกับร่างกายเข้าไปจริงๆ จึงต้องรักษาที่โรงพยาบาลอยู่ช่วงหนึ่ง

หลิวเจิ้งคุนกล่าวว่า  หายดีกันนานแล้วครับ คุณชายมีอะไรให้พวกเราทำหรือเปล่าครับ

เย่เฉินตอบ  จัดผู้หญิงให้ลูกน้องนายทุกคนแล้วไปเปิดห้องที่โรงแรมของฟางเสียนจู่ ตอนเปิดห้อง ให้ลองไปดูว่าในห้องพักมีรูกล้องแอบถ่ายหรือเปล่า ถ้าหากว่ามีให้หาออกมา ถ้าไม่มีพวกนายก็จัดแจงติดตั้งไป แล้วปล่อยคลิปชายหญิงที่ทำกิจกรรมออกมา 

หลิวเจิ้งคุนและฉินหงเหยียนเข้าใจพร้อมกันว่าเย่เฉินคิดจะทำอะไร

เขาคิดจะทำลายชื่อเสียงของโรงแรมตระกูลฟาง ทันทีที่ปูดออกมาว่าโรงแรมของพวกเขามีการติดกล้องแอบถ่ายจนอาจเผยแพร่เรื่องส่วนตัวของแขกแล้วจะต้องส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมหาศาล

ฉินหงเหยียนระบายยิ้มที่เย้ายวนใจออกมา  คิดไม่ถึงเลยว่าคุณเย่จะทำอะไรแบบนี้ด้วย 

เย่เฉินหัวเราะ  ธุรกิจก็เหมือนสนามรบนี่แหละ ผมต้องการเพียงแค่ชัยชนะ วิธีการไม่ใช่สิ่งสำคัญ 

ถ้าหากไม่เคยผ่านสมรภูมิหนึ่งปีตอนนั้น บางทีเย่เฉินอาจจะไม่ถึงขั้นไม่เลือกวิธีการแบบนี้

ในตอนนี้เขาแค่อยากจะเอาชนะอีกฝ่ายเท่านั้น!

เย่เฉินผายมือออกมา  พูดต่อสิ 

ฉินหงเหยียนหยิบเอกสารมาดูไปพลางพูดไปพลาง  ฟางเชาไม่ได้ทำงานที่บริษัทของพ่อเขา เขาเอาเงินมาจากพ่อเขาหลายร้อยล้านออกมาเปิดบริษัท ตอนเพิ่งเริ่มขาดทุนไปก็ไม่น้อย แต่ช่วงสองปีมานี้ยิ่งทำยิ่งรุ่งเรือง ตอนนี้เขาเป็น ANGEL INVESTOR นักลงทุนอิสระ เมื่อปีก่อนใช้เงินห้าสิบล้าน ลงทุนกับบริษัทไปสี่สิบกว่าบริษัท ล่มจมไปยี่สิบแห่ง แล้วกลับมาได้กำไรอีกยี่สิบแห่ง น่าจะได้กำไรสักร้อยล้าน 

 อ้อ? หมอนั่นได้กำไรด้วยเหรอ?  เย่เฉินแปลกใจ

เขารู้ว่าลงทุนไปสี่สิบแห่ง เจ๊งไปยี่สิบแห่ง ไม่ถือว่ามากมายอะไร เกรงว่าต่อให้ล่มจมไป 90% แต่บริษัทที่ยังรอดก็อาจจะทำกำไรให้ได้มากพอที่จะชดเชยทุนทั้งหมดอยู่ดี

ฉินหงเหยียนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า  ใช่แล้ว ปีนี้เขาลงทุนเพิ่มอีกขนานใหญ่ ตอนนี้น่าจะลงทุนไปทั้งหมดเจ็ดสิบบริษัทแล้ว ผู้จัดการฝ่ายลงทุนของบริษัทคาดการณ์ว่าถ้าพวกเขาโชคดีล่ะก็ในสองปีนี้น่าจะหาเงินเข้าบริษัทได้สามร้อยล้าน  

เย่เฉินส่งเสียงเหอะ เขาไม่ยอมให้ฟางเชาเป็นฝ่ายชนะในสนามรักและสนามธุรกิจหรอก!

เย่เฉินกล่าวว่า  ไปหาข่าวมาว่าเจ็ดสิบบริษัทที่เขาลงทุนไปมีที่ไหนบ้าง บริษัทที่เจ๊งไปไม่ต้องสนใจ แต่หาบริษัทที่ได้กำไรมาแล้วจัดการพวกเขา! ผมต้องการให้ฟางเชาลงทุนเพิ่ม แต่เขาจะไม่ได้เงินกลับไปแม้แต่เพียงบาทเดียว! ผมต้องการให้เขาเจ๊งจนไม่เหลือกางเกงในแม้แต่ตัวเดียว! 

ฉินหงเหยียนถึงได้สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเย่เฉิน  ค่ะ! 

หลังจากนั้นฉินหงเหยียนก็กล่าวอีกว่า  ฟางเชามีพี่ชายอีกคนหนึ่ง แต่พึ่งพาอะไรไม่ได้รอแต่จะรับมรดกของพ่อเขาเท่านั้น แต่ว่าแม่ของฟางเชาภรรยาของฟางเสียนจู่ หลิ่วหรูซือเป็นลูกสาวคนตระกูลหลิ่วผู้หญิงคนนี้มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ต้องระวังด้วยนะคะ 

เย่เฉินนิ่งไป  หลิ่วหรูซือเหรอ? ชื่อนี้ฟังแล้วไม่ธรรมดาเลย มีรูปไหม? 

เมื่อครู่ตอนคุยกับดูบรูล ชายชราก็ชื่นชมภรรยาของฟางเสียนจู่ว่าอีกฝ่ายงดงามและเก่งกาจ

ผู้หญิงที่สามารถทำให้ชายชราผู้นี้ประทับใจไม่รู้ลืมทำให้เย่เฉินสงสัย

ฉินหงเหยียนเปิดวีแชท กดโมเม้นท์ของหลิ่วหรูซือแล้วส่งโทรศัพท์ให้เย่เฉินดู

เย่เฉินเห็นรูปภาพของคู่รักรูปหนึ่ง หญิงสาวในภาพถ่ายดัดผมเป็นลอนแล้วปัดไปด้านข้าง

อีกฝ่ายแต่งหน้าอ่อนๆ ทาปากสีสด ใส่กี่เพ้าแล้วยืนตรงหน้าไมโครโฟน

บวกกับชื่อของเจ้าตัวทำให้คนคิดว่าหล่อนเป็นนักร้องที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้ช่วงปี 30 อย่างง่ายดาย

เย่เฉินนิ่งไป  คิดไม่ถึงว่าเดียรัจฉานฟางเชาจะมีแม่ที่สวยแบบนี้ 

ฉินหงเหยียนหัวเราะ  แวดวงสังคมชั้นสูงของอวิ๋นโจวต่างก็รู้สึกว่าฟางเสียนจู่ไม่คู่ควรกับหลิ่วหรูซือ นั่นเพราะสถานการณ์บ้านของหลิ่วหรูซือมีฐานะที่ดีกว่าฝ่ายชายมากนัก ตอนนั้นเขาใช้วิธีต่ำช้าถึงได้อีกฝ่ายมาครอง 

เย่เฉินไม่อยากรับรู้เรื่องคาวๆ ในอดีตของตระกูลฟาง เขาส่งคืนมือถือให้ฉินหงเหยียนแล้วกล่าวว่า  ไม่ต้องสนใจตระกูลหลิ่ว 

ในทั้งประเทศตระกูลที่เย่เฉินล่วงเกินไม่ได้เขารู้ดีแก่ใจ ส่วนตระกูลอื่นๆ ไม่อยู่ในสายตา

 

เย่เฉินได้ยินคำพูดแบบนี้ก็หัวเสียอย่างมาก

 คนที่ทำผิดก็คือคุณ สุดท้ายแล้วคุณยังจะโทษที่ผมเกิดมาต่ำต้อยอีกเหรอ? หรือว่าคนมีเงินแบบพวกคุณสามารถมีชู้ได้โดยไม่ต้องหวาดกลัวอะไร ระเริงสุขบนความทุกข์ของคนอื่นแถมคนจนอย่างพวกเราก็ควรอดทนกล้ำกลืนรับการโดนทรยศจากคนแบบพวกคุณอีกเหรอ! 

ถึงเย่เฉินจะไม่ใช่คนจน แต่เขาเองก็ต้องการจะพูดแทนคนที่ด้อยโอกาสกว่า!

เป็นคนเหมือนกันก็ต้องได้รับการเคารพเท่าเทียมกัน!

หวังเจียเหยาส่ายหน้า  นายช่วยอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหน่อยได้ไหม? ขนาดปู่ฉันยังเคยบอกว่าเศรษฐีไม่มีทางโผล่ขึ้นมาในครอบครัวจนๆ หรอก ฉันรู้ว่านายดีกับฉันมากและนายก็เก่งมาก แต่อยู่กับนายไปฉันมองไม่เห็นอนาคต 

หวังเจียเหยาพูดพลางดึงมือเย่เฉิน  เย่เฉินนายรอฉันอีกหน่อยได้ไหม? 

คราวนี้เย่เฉินไม่ได้สะบัดมืออีกฝ่ายทิ้งแต่ย้อนถาม  รออีกหน่อย? แปลว่าอะไร? 

หวังเจียเหยากล่าว  ก็รออีกสองสามปีข้างหน้าให้ฉันได้รับมรดกจากตระกูลหวัง คลอดลูกให้ตระกูลฟางแล้วเราค่อยกลับมาอยู่ด้วยกันอีกไง! 

เย่เฉินมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ หญิงสาวที่แสนจะใสซื่อบริสุทธิ์ในใจเขา คิดไม่ถึงว่าจะคิดแผนการแบบนี้ได้!

เย่เฉินสีหน้าตื่นตะลึง  คุณเห็นผมเป็นตัวสำรองเหรอ? รอให้คุณเสวยสุขกับเดียรัจฉานฟางเชานั่นสามปีห้าปีแล้วผมค่อยมารับช่วงต่อเหรอ? 

เพี้ยะ!

หวังเจียเหยาฟาดฝ่ามือลงบนหน้าเย่เฉิน เพราะหล่อนเกลียดคำพูดทำนองว่าหล่อนไประเริงรักกับคนอื่นที่ออกมา