ณ ห้องทำงานของประธานบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป
มองดูบัญชีที่ลี่หุยส่งมาให้ ลี่จุนถิงก็ยิ้มมุมปากออกมา เปิดดูอย่างผ่าน ๆ หลายหน้า อยากหาข้อผิดพลาดสักหน่อยแต่กลับต้องพบกับความลำบาก เพราะบันทึกในแต่ละรายการนั้นชัดเจนอย่างมาก ทำให้ไม่สามารถหาข้อผิดพลาดออกมาได้เลย
“ประธานลี่ครับ นี่คือใบรายการของบริษัทสาขาในเดือนล่าสุด กรุณาดูก่อนครับ เรื่องที่โครงการขาดดุลก่อนหน้านี้ผมได้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ผมจึงได้บันทึกลงในรายการอย่างละเอียด คุณสามารถสอบถามผมได้ทุกเมื่อครับ” ลี่หุยยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานเอ่ยพูดด้วยความเคารพ
ได้ยินดังนั้น ลี่จุนถิงก็เลิกคิ้วขึ้น เขาเงยหน้ามองลี่หุยแวบหนึ่ง แล้วสบถออกมาอย่างเหยียดหยาม จากนั้นเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ว่า “เรื่องที่เงินหมุนเวียนของบริษัทสาขาขาดสภาพคล่องนายแก้ไขปัญหายังไง? ถ้าฉันไม่ได้จำผิดล่ะก็ นายน่าจะไม่สามารถหาเงินทุนได้มากมายขนาดนี้นะ?”
การที่ลี่จุนถิงจงใจเล่นแง่กับเขานั้น เหมือนจะเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว เขายิ้มออกมาอย่างเรียบ ๆ โดยไม่สะทกสะท้าน “ผมไม่สามารถหาเงินทุนได้มากมายขนาดนั้นก็จริง แต่ผมเคยลงทุนไว้กับบริษัทเล็ก ๆ จำนวนหนึ่งเป็นการส่วนตัว อีกทั้งเข้าร่วมในตลาดหลักทรัพย์ด้วย ทำให้ได้เงินมาไม่น้อยเลย จึงสามารถโปะเข้าไปในส่วนที่ขาดดุลครั้งนี้ได้”
ลี่จุนถิงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วโยนบัญชีที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ พูดด้วยน้ำเสียงต่ำ ๆ ว่า “ครั้งนี้นายใช้เงินทุนส่วนตัวมาโปะส่วนที่ขาดดุล ไปเอาเงินที่แผนกบัญชีเถอะ บริษัทใหญ่มีเงิน ไม่จำเป็นต้องให้นายใช้เงินส่วนตัวของตัวเองหรอก”
“ประธานลี่พูดอย่างนี้ก็ห่างเหินไปหน่อย ผมเองก็เป็นคนในตระกูลลี่ ยังไงก็ต้องคำนึงถึงบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปอยู่แล้ว สามารถทำประโยชน์ให้กับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปได้ ก็ถือว่าเป็นเกียรติสำหรับผม ฉะนั้นผมจะไม่ไปเอาเงินที่แผนกบัญชีหรอกครับ” แม้ว่าจะเกลียดท่าทีที่ลี่จุนถิงปฏิบัติต่อตัวเอง แต่ลี่หุยยังคงแสดงท่าทางถ่อมตัว
เมื่อได้ยินที่เขาพูด ลี่จุนถิงก็ดูเหมือนจะเห็นด้วยจึงพยักหน้า “นายตระหนักได้อย่างนี้ถือว่าดีมาก เรื่องนี้ก็จัดการได้ดีมาก มอบหมายเรื่องนี้ให้นายจัดการฉันก็วางใจ หวังว่านายจะขยันทำต่อไป เอาล่ะ บัญชีเอาวางไว้ที่นี่ก่อน นายออกไปได้แล้วล่ะ!”
ลี่หุยจ้องลี่จุนถิงด้วยแววตาชั่วร้ายแวบหนึ่ง แต่ก็เก็บความไม่พอใจเมื่อครู่ไว้อย่างรวดเร็ว แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกจากห้องทำงานไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ลี่จุนถิงที่อยู่ด้านหลังเงยหน้ามองตามแผ่นหลังเขาไป แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ปรายตามองสมุดบัญชีที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยสายตาดุเดือด
หลังจากผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ทำให้ลี่หุยได้รับการยอมรับจากคนในลี่ซื่อกรุ๊ปทั้งระดับบนระดับล่างมากขึ้น บรรดาพนักงานไม่มองว่าลี่หุยเป็นเพียงลูกคนรวยที่ไม่เอาไหนอีกต่อไปแล้ว ทุกคนต่างพากันพูดถึงลี่หุยขึ้นมา การยอมรับจากทุกคนทำให้ลี่หุยรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับข่าวลือเหล่านี้ในบริษัท ลี่จุนถิงไม่ใส่ใจเลยสักนิด เดิมทีคิดว่าข่าวลือเหล่านี้ไม่นานก็คงจางหายไป จนเมื่อเขาได้ยินบทสนทนาของพนักงานที่โถงบันได ถึงรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ดูท่าทางไม่ธรรมดาซะแล้ว
“คิดไม่ถึงเลยนะว่าประธานลี่ก็มีความสามารถเหมือนกันน่ะ! ปัญหาในครั้งนี้จัดการได้ดีขนาดนี้ คงจะมีเพียงประธานลี่เท่านั้นแหละที่สามารถทำได้ดีกว่าเขา! ดูท่า ประธานลี่ก็น่าจะไม่เลวนะ!” อยู่ ๆ ก็มีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา
ต่อจากนั้น ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น “จริงด้วยจริงด้วย และประธานลี่ก็มักจะดูอ่อนโยนเป็นมิตร เมื่อครู่ฉันพบกับเขา เขายิ้มให้ฉันด้วยาล่ะ! ถึงแม้ประธานลี่จะไม่ได้หล่อเหลาเหมือนอย่างประธานลี่ แต่ตอนนี้ก็ค่อนข้างดูดีนะ! หัวใจฉันพองโตเลยล่ะ!”
“เอ๊ะ ดูไม่ออกเลยนะ! ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เธอรู้สึกว่าประธานลี่เป็นแค่เพลย์บอยที่ไม่มีความทะเยอทะยานเหรอหรอก? ตอนนี้กลับมาพูดแบบนี้ ผู้หญิงนี่นะ เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยจริง ๆ” น้ำเสียงเมื่อครู่นี้ดังขึ้นอีกครั้งแต่ฟังดูมีความเหยียดหยามเล็กน้อย
“ชิ นั่นเป็นเพราะฉันยังไม่รู้ถึงความสามารถของประธานลี่ไงล่ะ!”
หลังจากนั้นทั้งสองคนพูดอะไรต่อลี่จุนถิงไม่ได้ฟังแล้ว เพียงแต่สีหน้าของเขาดูดุดันขึ้นมา แล้วเดินเข้าห้องทำงานของตัวเองไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อนึกถึงคำพูดของพวกพนักงานเมื่อครู่นี้ เขาก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมา “ไอลี่หุยนี่คิดว่าทำเรื่องเล็กน้อยเรื่องหนึ่งแค่นี้แล้วจะสามารถชนะใจผู้คนได้งั้นเหรอ? คอยดูเถอะ แกชนะใจคนอื่นได้มากเท่าไหร่ ฉันก็จะทำให้แกอ่อนแอลงมากเท่านั้น!”
พูดจบ เขาก็ตบโต๊ะแรง ๆ อยากระบายความโกรธที่อยู่ในใจของตัวเอง แต่กลับทำให้เลขาที่อยู่ด้านนอกเดินไปเดินมาอย่างอกสั่นขวัญแขวนอยู่นาน ไม่รู้ว่าควรเข้าไปรายงานเรื่องงานดีหรือเปล่า คิดอยู่นาน สุดท้ายเขาก็นั่งลงไปเหมือนเดิม
ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการรักษาชีวิตเอาไว้หรอก ตอนนี้ลี่จุนถิงโมโหขนาดนี้ อย่าเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวจะดีที่สุด!
……
เมื่อกลับมาถึงห้องทำงานของตัวเอง ลี่หุยก็ได้ยืดตัวขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เชิดหน้าชูตาต่อหน้าลี่จุนถิง เพียงแค่นึกถึงท่าทางเมื่อครู่นี้ของเขาที่อยากจับผิดหาแต่กลับไม่พบจุดบกพร่องอะไร ลี่หุยก็รู้สึกสะใจมาก แทบอยากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา
แต่ในความเป็นจริงเขาก็ทำอย่างนั้นแหละ เพียงแค่หัวเราะเสียงเบา ๆ เท่านั้น “ลี่จุนถิง นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ต้องมีสักวันที่ฉันจะทำให้แกเห็นความสามารถของฉัน และเมื่อถึงตอนนั้น แกก็จะพ่ายแพ้ให้กับฉัน ลี่ซื่อกรุ๊ปต้องตกเป็นของฉันลี่หุยทั้งหมด!”
……
อย่างไรก็ตาม ไม่รอให้ลี่จุนถิงไหวตัวทัน ลี่หุยก็ได้รับการสนับสนุนจากในบริษัทเพิ่มมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว ลี่หุยนอบน้อมถ่อมตนต่อคำชื่นชมพวกนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกดีต่อเขามากขึ้น
ลี่จุนถิงที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมได้เดินออกจากห้องประชุม กำลังจะเข้าไปในลิฟต์ ก็เห็นหน้าประตูลิฟต์มีคนมุงกันอยู่เต็มไปหมด เขาขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึม กำลังจะตวาดออกไป แต่ก็เห็นรูปร่างที่คุ้นตาอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น
ลี่หุย! เขากำลังทำอะไรอยู่ที่นี่?
ลี่จุนถิงที่รู้สึกแปลกใจได้หยุดเดิน แล้วจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ไม่ไกลนัก เขาหยุดความคิดเมื่อครู่นี้ไว้ แล้วเดินเข้าไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ยืนอยู่นอกกลุ่มคนอย่างเงียบ ๆ เพื่อคอยฟัง
เลขาที่ตามหลังเขามาติด ๆ เห็นลี่จุนถิงยืนอยู่ตรงนั้น ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรดี ตามหลักแล้วควรจะเตือนให้ลี่จุนถิงเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมครั้งต่อไปถึงจะถูก แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มมีสีหน้าถมึงทึง เขาก็ลังเลอยู่สักพักสุดท้ายก็ได้แต่ยืนอยู่ข้าง ๆ ลี่จุนถิง
ทุกคนต่างสนใจแต่ลี่หุยที่อยู่ตรงกลาง จึงไม่ได้สังเกตเห็นลี่จุนถิงที่แอบยืนอยู่ข้าง ๆ ทุกคนต่างพากันพูดคุยตามใจชอบ และลี่หุยที่ยืนอยู่ตรงกลางใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ชุดสูทที่ถูกตัดเย็บมาอย่างดียิ่งเพิ่มความมั่นใจให้เขามากขึ้น
“ประธานลี่มีความสามารถจริง ๆ เลยนะ! เรื่องคราวก่อนจัดการได้ยอดเยี่ยมมาก เทียบกับประธานลี่ได้เลยล่ะ ก่อนหน้านี้ล่วงเกินคุณไว้เยอะเลย ประธานลี่อย่าถือสาเลยนะ! วันหน้ายังต้องพึ่งพาประธานลี่ รบกวนประธานลี่ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ!” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดตบไหล่ลี่หุย หัวเราะอย่างร่าเริง
ลี่หุยลูบผมอย่างถ่อมตัว ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีมารยาท “ประธานหลี่พูดอย่างนี้ผมก็เขินแย่สิครับ ก่อนหน้าความสามารถของผมไม่ถึงจริง ๆ นั่นแหละครับ เมื่อได้ฝึกฝนอยู่ในบริษัทเป็นเวลานาน ก็พอจะพัฒนาขึ้นมาบ้าง ต่อไปต้องรบกวนขอความช่วยเหลือจากทุกท่านด้วยนะครับ!”
เขาพูดพลางยกมือขึ้นคารวะ ทำท่าเคารพทุกคนที่อยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม