“ฉันเป็นพ่อของแก จะทำร้ายแกได้เหรอ? อีกอย่างถ้าไม่ถือเรื่องที่ลี่จุนถิงมีครอบครัวแล้ว ก็ดูสภาพของลี่จุนถิงในตอนนี้สิ พ่อไม่มีทางยอมยกแกให้เขาง่าย ๆ หรอกนะ!”
หลี่เคสะบัดมืออย่างหงุดหงิด ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกต่อไป
แต่ทว่าเคธี่กลับไม่คิดจะหยุดเรื่องนี้ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ “หนูรู้ว่าพ่อหวังดีกับหนู หนูเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อ ถ้าพ่อหวังดีอยากให้หนูมีความสุขในอนาคตจริง ๆ พ่อก็ควรสนับสนุนความรักของหนู อย่าให้หนูแต่งงานกับคนอื่น ได้ไหมคะ?”
นิ่งไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดต่อไปว่า “อีกอย่างหนูเชื่อว่าคนที่ยอดเยี่ยมอย่างจุนถิง สวรรค์ไม่มีทางให้เขาเป็นอะไรหรอกค่ะ ไม่แน่เขาอาจอยู่ที่ไหนสักแห่งรอให้พวกเราไปช่วยเขาอยู่ก็ได้! พ่อคะ พ่อส่งคนไปช่วยเขาหน่อย ได้ไหมคะ ถ้ามีพ่อช่วย ไม่นานต้องหาตัวเขาเจอแน่นอน!”
ขณะที่พูด เคธี่ก็เดินหน้าเข้าไปจับมือของหลี่เคอย่างอ้อนวอน ทำปากจู๋ แกว่งมือไปมา เมื่อก่อนทุกครั้งที่เธอทำท่าทางแบบนี้ หลี่เคมักจะใจอ่อนยอมตอบตกลงตัวเองเสมอ
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด หลี่เคมองเคธี่อย่างไม่สบอารมณ์
“แกเนี่ยนะ วันวันเอาแต่หาเรื่องมาให้พ่อ! แต่พ่อจะถามแกครั้งสุดท้าย แกคิดดีแล้วจริง ๆ ใช่ไหม? ตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อลี่จุนถิงด้วยใจจริง ถึงแม้อาจจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย?”
“ไม่ได้อะไรกลับมา? ไม่มีทาง ถึงแม้ตอนนี้ข้างกายจุนถิงมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ แต่หนูมั่นใจว่า สุดท้ายแล้วคนที่จะยืนอยู่ข้างเขา ต้องเป็นหนูแน่นอน! ฉะนั้นพ่อต้องรีบส่งคนไปตามหาเขานะ! ไม่อย่างนั้นพ่อคงไม่ได้ลูกเขยแล้วนะ!”
เห็นท่าทางแน่วแน่ของเคธี่ หลี่เคได้แต่พยักหน้าเล็กน้อย
“พูดอะไรไปแกก็ไม่ฟังสินะ! เอาเถอะ ลี่จุนถิงน่ะพ่อจะส่งคนไปตามหา แต่ว่าพ่อจะบอกแกให้ชัดเจนก่อนนะ แกน่ะ ยังอ่อนต่อโลกนัก ถึงตอนนั้นอย่ามาเสียใจทีหลังกับสิ่งที่แกตัดสินไปนะ!”
“พ่อคะ วางใจเถอะค่ะ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว จุนถิงก็ต้องกลายเป็นลูกเขยของพ่อ!”
เมื่อได้คำตอบที่พอใจ ใบหน้าที่บึ้งตึงของเคธี่ก็จางหายไป เธอยิ้มออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส
สายตาเขามองตามเคธี่ที่วิ่งออกไปด้วยสีหน้ามีความสุข หลี่เคก็ส่ายหัวเล็กน้อย แล้วทำงานที่อยู่ในมือต่อไป
……
ณ บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป
เพราะการเข้ามาดูแลของท่านปู่ลี่ ทำให้ภายในบริษัทค่อย ๆ คงที่ขึ้น เริ่มกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง
“ปึง!”
นั่งอยู่ภายในห้องทำงานของตัวเอง ลี่หุยทุบโต๊ะแรง ๆ อย่างอดไม่ได้ นึกถึงความพยายามทั้งหมดของตัวเองก่อนหน้านี้ที่อีกนิดเดียวก็จะทำสำเร็จแล้ว เขารู้สึกโมโหจนเดือดพล่าน ในดวงตาเต็มไปด้วยไฟแค้น จนแทบจะทะลักออกมาทันที
ผู้ช่วยของเขาเห็นสีหน้าบึ้งตึงของลี่หุย ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงได้โมโห คอยรับใช้ลี่หุยมานาน ปกติลี่หุยทำเรื่องอะไรไว้บ้างเขาก็รู้หมด ดังนั้นจึงเข้าใจดีว่าเขามีความทะเยอทะยานมากแค่ไหน แต่สถานการณ์ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นผลดีกับลี่หุยเท่าไหร่
“ผู้จัดการลี่ครับ ผมคิดว่าคุณไม่จำเป็นต้องโมโหขนาดนี้ ยังไงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าลี่จุนถิงจะเป็นหรือตาย หายไปนานอย่างนี้ มีเพียงผู้หญิงสองคนนั้นซึ่งไม่มีทางทำอะไรได้นักหรอกครับ ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตาม สุดท้ายแล้วบริษัททั้งหมดก็ต้องตกอยู่ในมือคุณ ไม่ใช่เหรอครับ?”
ผู้ช่วยกระแอมเล็กน้อย แล้วเอ่ยพูดอย่างเรียบ ๆ
ลี่หุยรู้ดีว่าที่ผู้ช่วยพูดนั้นมีเหตุผลมาก แต่เมื่อนึกถึงการที่ท่านปู่ลี่เอาแต่คอยลำเอียงเข้าข้างลี่จุนถิง เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าปู่คิดอะไรอยู่ ฉันทำไปตั้งมากมายขนาดนั้น ทำไมถึงยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากเขาอีก? หรือเพราะฉันเป็นลูกนอกสมรส เขาเลยมีอคติกับฉัน!”
สำหรับเรื่องพวกนี้ของตระกูลลี่ ผู้ช่วยก็พอรู้อยู่บ้าง เขาจึงได้แต่ถอนหายใจเล็กน้อย
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะท่านประธานเห็นลี่จุนถิงมาตั้งแต่เล็กจนโต จึงผูกพันกันมาก และมีอคติกับคุณ ดังนั้นจึงเมินเฉยต่อสิ่งที่คุณพยายามทำ!”
“นายพูดมีเหตุผล ในเมื่อในสายตาของเขามีแต่ลี่จุนถิง ไม่เห็นความพยายามที่ฉันทุ่มเทเลยแม้แต่น้อย งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องเคารพเขาอีกแล้ว ใครขวางทางฉันมันต้องตาย! ในเมื่อเขาคอยขัดขวางแผนการฉันมาตลอด งั้นก็คงต้องให้เขาหายไปแล้วล่ะ! รอให้เขาตายไป ในบ้านหลังนั้นก็จะถือว่าพ่อฉันเป็นใหญ่ที่สุด ส่วนลี่จุนซินก็ไม่มีอะไรให้กลัว ฉันจะกว้านซื้อหุ้นอีกสักจำนวนหนึ่ง แค่นี้ทุกอย่างก็ตกเป็นของฉันแล้ว!”
ดูเหมือนคิดถึงอนาคตที่สดใสแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของลี่หุยก็ยิ่งชัดเจนขึ้น สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย
“ผู้จัดการลี่ครับ ทำแบบนี้คงไม่ค่อยดีมั้งครับ ท่านประธานอายุมากขนาดนี้แล้ว อีกย่างเขาก็มีอำนาจและน่าเกรงขามมากในบริษัท ถ้าหากถูกจับได้ละก็ สิ่งที่พวกเราทำไปก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่านะครับ! ผมคิดว่าคิดให้รอบคอบกว่านี้แล้วค่อยลงมือเถอะครับ!”
ผู้ช่วยขมวดคิ้ว เอ่ยพูดอย่างเรียบ ๆ
ได้ยินดังนั้น ลี่หุยก็หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่ค่อยพอใจ “นายคิดว่าฉันอยากทำอย่างนี้เหรอ? ไม่ใช่เป็นเพราะปู่ไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาหรอกเหรอ เป็นเขาที่ทำไม่ดีกับฉันก่อน ฉันก็ทำได้แค่เอาคืนเขา ยิ่งไปกว่านั้นฉันจะแอบลงมือ จะมีใครจับได้กันล่ะ?”
แววตาของลี่หุยดูเด็ดเดี่ยว แล้วยิ้มอย่างอำมหิต
เห็นท่าท่างเด็ดเดี่ยวของลี่หุย ผู้ช่วยก็รู้ดีว่าตัวเองพูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว เขาจึงได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ไม่เอ่ยพูดอะไร กลัวว่าจะทำให้ลี่หุยไม่พอใจ
การที่ผู้ช่วยนิ่งเงียบทำให้ลี่หุยคิดว่าเขายอมรับการตัดสินใจของตัวเองแล้ว รอยยิ้มที่มุมปากของเขาจึงชัดเจนมากขึ้น ในใจก็เริ่มคิดแผนการใหม่ขึ้นมา
เขาจะฉวยโอกาสนี้ กว้านซื้อหุ้นเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อคิดไปคิดมา ก็ตัดสินใจที่จะร่วมมือกับลี่หยูนห่วน
“ถ้าหากไม่มีอะไรแล้ว นายออกไปก่อนเถอะ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องสะสางอีก ถ้ามีธุระอะไร ฉันจะเรียกนายเอง!” ลี่หุยโบกมือให้ออกไป แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา จากนั้นค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของลี่หยูนห่วน
ผู้ช่วยมองลี่หุยแวบหนึ่ง อ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไป แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องทำงาน
รอให้ผู้ช่วยออกไปแล้ว ลี่หุยก็โทรไปหาลี่หยูนห่วนทันที ตอนนี้เขายังไม่ค่อยมีอำนาจเท่าไหร่ ถ้าได้ร่วมมือกับลี่หยูนห่วน โอกาสที่จะสำเร็จก็ยิ่งมีมากขึ้น ส่วนลี่จุนซินกับเจียงหยุนเอ๋อนั้นไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้ว
ลี่หยูนห่วนที่อยู่ปลายสายรับสายอย่างรวดเร็ว “สวัสดีครับ ผมคือลี่หยูนห่วน ไม่ทราบว่าคุณคือใครครับ?”
“คนใหญ่คนโตนี่ลืมง่ายจังเลยนะ! ฉันคือลี่หุยไงล่ะ! ที่โทรหานายวันนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากคุยกับนายหน่อยน่ะ” ลี่หุยหมุนปากกาในมือไปมา เอ่ยพูดพลางยิ้มเล็กน้อย
“คุยกับฉัน? ระหว่างนายกับฉันมีอะไรต้องคุยงั้นเหรอ? ลี่หุย ฉันจะบอกแกไว้นะ บริษัทลี่ซื่อยังไงก็ต้องตกเป็นของฉัน แกล้มเลิกความคิดที่อยู่ในใจแกซะเถอะ!”
ลี่หยูนห่วนขมวดคิ้ว เอ่ยพูดอย่างเคร่งขรึม
“ฉันเข้าใจที่นายพูด วางใจเถอะ ฉันไม่แย่งชิงกับนายหรอก ที่ฉันโทรหานายวันนี้ก็แค่อยากบอกว่า พวกเราลองร่วมมือกันดูหน่อยเป็นไง ฉันรับรองว่ามีแต่ได้ประโยชน์ไม่มีอันตรายแน่นอน ว่ายังไงล่ะ?”