ผู้ถือหุ้นหลิวก็อายุขนาดนี้แล้ว ถึงแม้ก่อนหน้านี้เคยทำงานให้กับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปมาสิบกว่าปี แต่ยังไงก็แก่แล้ว หลาย ๆ เรื่องเขาจึงไม่ได้สนใจอีกแล้ว อาศัยแค่ปันผลจากหุ้นของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเลี้ยงดูครอบครัวเท่านั้น
ถ้าลี่หุยหลอกเขาละก็ เขาเสี่ยงที่จะทำให้ครอบครัวล่มจมได้เลย
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วครับ พวกเราต่างก็เซ็นยอมรับข้อตกลงกันแล้ว” ลี่หุยยิ้มพลางส่ายหนังสือข้อตกลงความร่วมมือในมือไปมา
หลังจากที่ทั้งคู่หารือกันเสร็จก็ต่างแยกย้ายกันกลับไป
เจียงหยุนเอ๋อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ กัดฟันด้วยความโกรธแค้น
ไอลี่หุยนี่มันทุเรศเกินไปแล้ว ถึงกับแอบกว้านซื้อหุ้นลับหลัง
เจียงหยุนเอ๋ออยากรีบออกไปจากร้านกาแฟ แล้วกลับไปยังบริษัท เพื่อบอกเรื่องนี้ให้กับลี่จุนซินรู้
“เธอว่าอะไรนะ? มีเรื่องแบบนี้เลยเหรอ? เธอแน่ใจใช่ไหม?” ลี่จุนซินตกใจจนลุกพรวดจากเก้าอี้
“พี่คะ ฉันได้ยินมากับหู แต่ฉันไม่ได้เห็นผู้ถือหุ้นหลิวเซ็นชื่อในหนังสือข้อตกลงความร่วมมือด้วยตาตัวเอง แต่ฟังจากบทสนทนาที่พวกเขาคุยกัน ผู้ถือหุ้นหลิวคนนั้นน่าจะโอนหุ้นครึ่งหนึ่งให้กับลี่หุยแล้ว”
“ดีจริง ๆ ไอลี่หุย กล้าทำชั่วลับหลัง ฉันอยากฆ่ามันจริง ๆ” ลี่จุนซินยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
“พี่คะ ฉันคิดว่าในเมื่อลี่หุยสามารถซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นหลิวได้ งั้นแสดงว่าหุ้นของคนอื่น ๆ ก็คงถูกซื้อหมดแล้ว ฉันคิดว่าสิ่งที่พวกเราควรรู้ตอนนี้ก็คือ ตอนนี้ลี่หุยมีหุ้นอยู่เท่าไหร่” เมื่อเทียบกับลี่จุนซินแล้ว เจียงหยุนเอ๋อนั้นใจเย็นกว่ามากเลยทีเดียว
“เธอพูดถูก”
ลี่จุนซินพูดพลางหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดโทรหาซู่จี้งยี้
ให้เขาสืบดูว่ามีหุ้นเท่าไหร่ที่ถูกซื้อไปแล้ว
ซู่จี้งยี้ในช่วงนี้นอกจากตามหาเบาะแสของลี่จุนถิง ก็จะคอยช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ ในบริษัทยามจำเป็น
นอกจากลี่จุนถิงแล้ว ยังไงเขาก็ถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างคุ้นเคยกับเรื่องต่าง ๆ ในบริษัทมากที่สุดคนหนึ่ง
เรื่องสำคัญขนาดนี้ หลังจากที่ซู่จี้งยี้ได้รับมอบหมาย ก็รีบหยุดงานที่ทำอยู่ทันที แล้วไปตรวจสอบเรื่องที่ผู้ถือหุ้นถูกกว้านซื้อหุ้น
เมื่อตรวจสอบดู ก็พบว่าหุ้นส่วนจำนวนมากถูกลี่หุยกว้านซื้อไปแล้วจริง ๆ ผู้ถือหุ้นหลิวก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
“ดูท่าจะเป็นอย่างที่เธอคิดไว้จริง ๆ ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ถูกซื้อหุ้นไปแล้ว” ลี่จุนซินถอนหายใจออกมา รู้สึกว่าตัวเองประมาทมากเกินไป เลยไม่ได้สนใจลี่หุยที่แอบทำเรื่องชั่ว ๆ ลับหลัง
“แล้วตอนนี้พวกเราต้องรับมือยังไงดีคะ” เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกเครียดขึ้นมา ถ้าหากตอนนั้นลี่หุยซื้อหุ้นมาได้มากขึ้นแล้วบีบบังคับพวกเขาขึ้นมา ตำแหน่งของลี่จุนถิงต้องสั่นคลอนแน่นอน
ถ้าถึงเวลานั้นพวกเขาเอาเรื่องที่ลี่จุนถิงหายตัวไปมาพูด เกรงว่าต่อให้ท่านปู่ลี่อยู่ก็คงจะจัดการได้ยาก
“เรื่องนี้ต้องเรียกปู่มาดีกว่า” ลี่จุนซินคิดว่าเวลาอย่างนี้เรียกท่านปู่ลี่ให้มาแก้ไขคงดีกว่า
ยังไงก็เป็นผู้อาวุโส ประสบการณ์ก็มีมากกว่าพวกเธอสองคน
“ไม่ได้นะคะ ช่วงนี้สุขภาพคุณปู่อ่อนแอลงเรื่อย ๆ อีกอย่างเรื่องบริษัทก็ทำให้ท่านพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ พวกเราอย่าเพิ่งพูดไปเลยค่ะ ถ้าถึงตอนนั้นสถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ค่อยว่ากันอีกที” เจียงหยุนเอ๋อคิดว่าต้องคำนึงถึงสุขภาพของท่านปู่ลี่เป็นหลัก
“อืม งั้นพวกเราค่อย ๆ คิดหาวิธีแล้วกัน ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนทั่วทั้งบริษัทจะมีใจเอนเอียงไปทางลี่หุยแล้ว ไม่รู้ว่ามันเอาความสามารถมาจากไหน” ลี่จุนซินรู้สึกรังเกียจลี่หุยมากจริง ๆ
“อาจเป็นเพราะหุ้นของพ่อมั้งคะ หุ้นที่พ่อให้เขาคือการยอมรับในตัวเขา” เจียงหยุนเอ๋อคิดว่านี่คือต้นตอ
ลี่จุนซินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ที่แท้ก็เป็นเพราะสิ่งที่พ่อเลว ๆ ของตัวเองทำไว้นั่นเอง ตอนนี้บริษัทตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแล้ว
“หรือว่าพวกเราลองไปโน้มน้าวผู้ถือหุ้นพวกนั้นดู หรืออาจจะไปหารือกับพวกผู้ถือหุ้นที่ยังไม่ถูกซื้อไป?”
“ฉันคิดว่าไม่เข้าท่า ในเมื่อพวกเขาถูกลี่หุยซื้อไปแล้ว นั่นคงเป็นเพราะลี่หุยให้ผลประโยชน์กับพวกเขา อีกอย่างพวกเขาน่าจะเพิ่งเซ็นข้อตกลงกันได้ไม่นาน คงไม่เปลี่ยนใจเร็วขนาดนั้นหรอก แล้วถ้าพวกเราไปพูดกับพวกผู้ถือหุ้นที่ยังไม่ถูกซื้อไปก็เหมือนเป็นการเปิดเผยสถานการณ์ของคณะกรรมการบริหารของบริษัทพวกเราให้พวกเขารู้” เจียงหยุนเอ๋อรู้ดีกว่าภายนอกบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปในตอนนี้ดูเหมือนยังสามัคคีกันอยู่ แต่ที่จริงเบื้องหลังเหมือนกับพายุพัดโหมกระหน่ำ นี่อาจเป็นเพียงความสงบนิ่งก่อนที่จะเกิดพายุใหญ่
“งั้นพวกเราคงได้ทำแค่ให้ลี่หุยยอมวางมือไปเอง ให้เขาเป็นฝ่ายโอนหุ้นที่เขามีอยู่ด้วยตัวเอง” ลี่จุนซินหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ใช่ค่ะ”
“แต่ว่าพวกเราจะทำให้เขาคายหุ้นพวกนั้นออกมาได้ยังไง?” นี่คือเรื่องที่ลี่จุนซินเป็นกังวล
เจียงหยุนเอ๋อกะพริบตา แล้วกัดปาก : “เรื่องนี้ ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”ก
“เฮ้อ” ลี่จุนซินถอนหายใจออกมา แล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้
คราวนี้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแล้ว
ทันใดนั้น เลขาจินก็เดินเข้ามา : “ท่านรองประธานลี่คะ คุณเคธี่มาค่ะ”
ลี่จุนซินปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ : “ให้เธอเข้ามาได้”
“เคธี่ วันนี้ทำไมถึงมีเวลามาได้ล่ะ?” ลี่จุนซินลุกขึ้นจากเก้าอี้
“จุนซิน ที่ฉันมาวันนี้เพราะจะมาช่วยเหลือพวกเธอ” เคธี่ก็ไม่อยากพูดให้มากความ จึงได้เอ่ยออกมาตรง ๆ
“ห๊ะ?” ลี่จุนซินรู้ว่าระยะนี้เกิดเรื่องมากมายขึ้นในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป แต่ไม่น่าถึงขนาดรู้กันไปทั่ว จนเคธี่เสนอตัวมาช่วยเหลือหรอกมั้ง
“ฉันรู้ว่ามีหุ้นส่วนมากมายถูกลี่หุยซื้อไปหมดแล้ว” เคธี่พูดพลางปรายตามองเจียงหยุนเอ๋อ
ไม่เจอกันนาน ท้องของเจียงหยุนเอ๋อดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นเยอะเลย เมื่อนึกถึงในท้องกลม ๆ นั่น เป็นลูกของเจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนถิง เคธี่ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
“ทำไมเธอถึงรู้เรื่องนี้?” สายตาของลี่จุนซินดูช็อกมาก ตัวเองเพิ่งรู้เรื่องนี้วันนี้เองนะ ทำไมเคธี่ถึงรู้ข่าวไวจัง?
หรือว่าเรื่องที่หุ้นส่วนถูกกว้านซื้อ มีคนรู้กันเยอะแล้ว?
“เธอไม่ต้องรู้หรอกว่าทำไมฉันถึงรู้เรื่องนี้ ยังไงวันนี้ฉันก็มาเพื่อช่วยเหลือ” เคธี่พูดพลางเดินไปนั่งที่โซฟา ทำท่าทางโอหัง
“เกรงว่าจะมีเงื่อนไขสินะ?” ลี่จุนซินมองไปทางเคธี่
ลี่จุนซินรู้จักนิสัยของเธอดี เคธี่ไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมเสียเปรียบหรอกนะ
ในเมื่อเสนอตัวเข้ามาช่วย คงต้องมีเงื่อนไขอย่างแน่นอน ยังไงซะโลกนี้ก็ไม่มีของฟรีหรอก
“แน่นอน เธอรู้จักฉันดีจริง ๆ” เคธี่ยิ้มแล้วพยักหน้า “ฉันอยากให้เจียงหยุนเอ๋อยอมรับเงื่อนไขฉันข้อหนึ่ง”
เจียงหยุนเอ๋อเลิกคิ้วขึ้น เรื่องนี้ตัวเองก็เพิ่งได้รู้ แต่เคธี่กลับมาพูดเรื่องนี้ถึงที่ ไม่แน่เธออาจมีวิธีดี ๆ ก็ได้ : “เธอลองพูดดูสิ”
“เงื่อนไขของฉันก็คือ ถ้าเขากลับมา เธอต้องหย่ากับเขา” เคธี่มองเจียงหยุนเอ๋ออย่างยั่วยุ
เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกลังเล แต่ลี่จุนซินกลับโกรธขึ้นมา : “เคธี่ นี่มันบีบบังคับคนอื่นชัด ๆ หยุนเอ๋อเธออย่าไปตอบตกลงนะ”