ได้ยินโม่เสี่ยวฮุ่ยประณามตัวเอง เคธี่ก็ขมวดคิ้วด้วยความเหลือเชื่อ
“คุณแม่ สับสนอะไรหรือเปล่าคะ? หนูไม่ได้ข่มขู่เจียงหยุนเอ๋อ แต่แค่อยากอยู่กับจุนถิง และเป็นลูกสะใภ้ของแม่ แม่หวังมาตลอดที่จะให้หนูกับจุนถิงอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ?”
สีหน้าของโม่เสี่ยวฮุ่ยยังคงเหมือนเดิม เธอขมวดคิ้ว เอ่ยพูดอย่างเย็นชา : “ก่อนหน้านี้ฉันเกลียดเจียงหยุนเอ๋อมากก็จริง และคิดว่าเธอคือคนที่เหมาะสมกับจุนถิงมากที่สุดมาตลอด แต่เมื่อเจอกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉันรู้สึกว่าเจียงหยุนเอ๋อน่ายกย่อง ส่วนการกระทำของเธอเมื่อครู่นี้ช่างจิตใจคับแคบคิดไม่ซื่อเหลือเกิน!”
“คุณแม่ คงไม่ได้คิดว่าเจียงหยุนเอ๋อเหมาะสมกับจุนถิงหรอกนะคะ? แม้ว่าตอนนี้หล่อนกำลังฝืนดูแลบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปอยู่ แต่นั่นมันคือการไม่เจียมตัว! หล่อนไม่มีความสามารถอะไรเลยสักนิด แต่กลับอวดเก่งมาดูแลควบคุมบริษัท นี่ยิ่งเป็นการทำให้ทุกคนสนับสนุนจุนถิงน้อยลงไม่ใช่หรือไง?
เคธี่เห็นท่าไม่ค่อยดี จึงรีบอธิบาย
โม่เสี่ยวฮุ่ยกลับส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“ขณะที่ไม่รู้ว่าจุนถิงเป็นตายร้ายดียังไง หล่อนก็ไม่เคยทำเรื่องเลวทรามหรือทอดทิ้งไป ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจหล่อนขึ้นมากเลยล่ะ ถึงแม้ตอนนี้ฉันยังคงรู้สึกว่าเธอดีมาก แต่สิ่งที่เธอทำในครั้งนี้ทำให้ฉันไม่พอใจอย่างมาก!”
“ทำไมล่ะคะ? งั้นคุณแม่ไม่อยากให้หนูรีบมาเป็นสะใภ้คุณแม่แล้วเหรอ?”
เคธี่ดึงมือโม่เสี่ยวฮุ่ยอย่างวู่วาม เอ่ยพูดด้วยสีหน้าร้อนใจ
เมื่อเห็นเคธี่ท่าทางคลุ้มคลั่งเล็กน้อย โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกคาดไม่ถึง
เธอปัดมือเคธี่ออกทันที แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า : “เมื่อก่อนฉันอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ของฉันมาก ๆ แต่วันนี้สิ่งที่เธอทำไม่ใช่เรื่องดี รีบตัดใจซะเถอะ! ฉันไม่มีทางยอมให้เจียงหยุนเอ๋อตอบรับข้อเรียกร้องแบบนี้ของเธอหรอก!”
รับรู้ได้ถึงความเย็นชาที่โม่เสี่ยวฮุ่ยมีต่อตัวเอง เคธี่ก็รู้สึกเกลียดแค้นมาก แต่ภายนอกกลับยังดูสงบนิ่งเหมือนที่ผ่านมา เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ในเมื่อคุณแม่ไม่อยากให้หนูทำแบบนี้ งั้นหนูก็ไม่ทำแล้วค่ะ เมื่อครู่ทำกิริยาไม่เหมาะสม ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งนะคะ”
ในเมื่อเคธี่ยอมรับว่าตัวเองทำผิดแล้ว โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ไม่อยากถือสาเอาความ เธอจึงพยักหน้าเล็กน้อย
“เธอคิดได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว แต่ฉันเชื่อว่า ถึงแม้ไม่มีเงื่อนไขเรื่องนี้ เธอก็ยังคงช่วยเหลือจุนถิงให้ผ่านสถานการณ์ยากลำบากครั้งนี้ไปได้ ใช่ไหม?”
เธอพูดพลางมองหน้าเคธี่ตรง ๆ
ถูกโม่เสี่ยวฮุ่ยจ้องตรง ๆ อย่างนี้เคธี่ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก จึงได้แต่ฝืนยิ้มออกมา
“คุณแม่พูดถูกแล้วค่ะ หนูจะคอยสนับสนุนจุนถิงตลอด ช่วยให้เขาผ่านสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปให้ได้ รอให้เขากลับมาอย่างปลอดภัย!”
“ดีมาก งั้นฉันจะคอยดูเธอนะ หวังว่าเธอไม่ใช่แค่พูด ๆ ไปเท่านั้น อีกอย่าง เรื่องในครั้งนี้ฉันหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก เคธี่ เธอเป็นเด็กที่ฉันเชื่อมั่นมาตลอด หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ รู้ไหม?”
โม่เสี่ยวฮุ่ยถอนหายใจเล็กน้อย แล้วเอ่ยพูดอย่างช้า ๆ
“คุณแม่วางใจเถอะค่ะ ต่อไปหนูจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว!”
เห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยดูเคร่งขรึมต่างจากที่ผ่านมา เคธี่ก็รีบเอ่ยพูดทันที
เมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจ โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ตอบกลับ “อืม” แล้วหันตัวเดินเข้าไปในลิฟต์ ลับหายไปจากสายตาเคธี่
หลังจากที่รอให้โม่เสี่ยวฮุ่ยจากไป เคธี่ที่เดิมทีมีรอยยิ้มงดงามบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมาทันที
เธอกระทืบเท้าด้วยความเกลียดชัง แล้วพูดอย่างโกรธแค้นว่า “เจียงหยุนเอ๋อ ฉันประเมินแกต่ำไปจริง ๆ ถึงขนาดสามารถทำให้คุณป้าออกหน้าพูดแทนแกได้ คอยดูนะ ฉันไม่มีทางปล่อยแกไว้เด็ดขาด!”
สำหรับเรื่องวันนี้ ทำให้เคธี่ได้รู้ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยค่อย ๆ เริ่มยอมรับเจียงหยุนเอ๋อแล้ว
ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัวเธอเลย เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัดสินใจว่าต้องคิดให้ดีว่าควรทำอย่างไร
……
หลังจากที่โม่เสี่ยวฮุ่ยเข้าไปในบริษัทก็ตรงไปยังห้องทำงานของเจียงหยุนเอ๋อ เห็นเธอกำลังอ่านเอกสารในมืออย่างตั้งใจ ความไม่พอใจบนใบหน้าค่อย ๆ เลือนหายไป แล้วเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ
“ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือไงว่าให้รักษาสุขภาพด้วย? ทำไมเธอถึงไม่เชื่อฟัง?”
จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นทำให้เจียงหยุนเอ๋อสะดุ้ง เมื่อเห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยเดินเข้ามาหาตัวเอง เธอจึงรีบลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า “แม่คะ มาบริษัทเหรอคะ รีบนั่งก่อนค่ะ เมื่อครู่หนูได้พักสักหน่อยแล้ว เพิ่งจะเริ่มทำงานเองค่ะ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
หลังจากโม่เสี่ยวฮุ่ยนั่งลง ก็มองดูเจียงหยุนเอ๋อที่ท้องโตยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง จากนั้นก็ตบมือลงตรงที่นั่งข้าง ๆ เพื่อบอกให้เธอนั่งลง แล้วพูดด้วยเสียงอบอุ่นว่า : “เรื่องที่เคธี่มาหาเธอเมื่อครู่นี้ฉันรู้เรื่องแล้วนะ เธอไม่ต้องไปสนใจคำพูดของหล่อน พยายามทำในส่วนของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว”
ได้ยินดังนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็มองโม่เสี่ยวฮุ่ยด้วยความประหลาดใจ เธออึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วพูดอย่างกลัดกลุ้มใจว่า : “แต่สถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อัตราการสนับสนุนหนูกับพี่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หนูกลัวว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป จะทำให้จุนถิงลำบาก”
“มีฉันอยู่ เธอกลัวอะไร? ถึงแม้ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการดูแลบริษัท แต่การที่จะให้เธอเสียสละจุนถิงเพื่อบริษัท ฉันไม่มีทางบังคับให้เธอทำแบบนั้นแน่ เรื่องยากลำบากของบริษัทในช่วงนี้ฉันได้ยินมาหมดแล้ว ฉันจะหาทางดูว่าจะช่วยพวกเธอได้ยังไง เธอแค่จัดการเรื่องเอกสารพวกนี้ก็พอแล้ว”
โม่เสี่ยวฮุ่ยเลิกคิ้วขึ้น
ได้ยินที่โม่เสี่ยวฮุ่ยพูด ถ้าไม่ตกใจก็คงแปลกแล้วล่ะ ยังไงตอนแรกโม่เสี่ยวฮุ่ยก็คิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับลี่จุนถิงมาโดยตลอด ถึงขนาดเห็นว่าเคธี่เป็นคนที่เหมาะสมกับลี่จุนถิงมากที่สุด แต่มาวันนี้กลับสนับสนุนและให้ความสำคัญกับตัวเองอย่างนี้ ทำให้เจียงหยุนเอ๋อดีใจอย่างไม่คาดฝันมาก่อนเลย
“คุณแม่คะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยพวกเรา หนูกับพี่จะพยายามค่ะ จะรักษาบริษัทนี้ไว้แทนจุนถิงให้ได้ ไม่มีทางยอมให้พวกคางคกขึ้นวออย่างลี่หุยได้ไปเด็ดขาด!”
ลี่จุนซินที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นภาพที่อบอุ่นใจอย่างนี้ ก็ยิ้มด้วยความปลื้มใจ
เธอหวังมาตลอดว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยกับเจียงหยุนเอ๋อจะเข้ากันได้ดี ยอมรับในตัวเจียงหยุนเอ๋อด้วยใจจริง และวันนี้ก็ได้พูดอย่างนั้นออกมา แสดงให้เห็นว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยมองเจียงหยุนเอ๋อเปลี่ยนไปแล้ว ยินดียอมรับเธอแล้ว
ครอบครัวรักใคร่ปรองดองก็จะทำให้เจริญรุ่งเรือง!
……
ณ คฤหาสน์ตระกูลลี่
“ปัง!”
ท่านปู่ลี่ได้ยินลูกน้องรายงาน ก็ยิ่งโมโหมากขึ้น “ไอลี่หุยกับลี่หยูนห่วน! ถึงกับกล้าแอบกว้านซื้อหุ้นบริษัท พวกมันหมายความว่ายังไง เห็นคนแก่อย่างฉันตายไปแล้วงั้นเหรอ? ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเลยสักนิด มันจะมากเกินไปแล้ว!”
ขณะพูด เขาก็กระทุ้งไม้เท้าลงบนพื้นอย่างแรง แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เหมือนกำลังจะทะลักออกมาในไม่ช้านี้
พ่อบ้านเห็นท่านปู่ลี่โมโหขึ้นมา ก็รีบพูดโน้มน้าว : “ท่านประธาน อย่าโมโหไปเลยครับ สุขภาพสำคัญที่สุดนะครับ!”
“ไอสวะพวกนี้ ทำให้ฉันโมโหจริง ๆ ฉัน……” ยังพูดไม่ทันจบ ก็กระอักเลือดออกมา แล้วท่านปู่ลี่ก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างหมดแรง
“ท่านประธาน เป็นอะไรไปครับ? ใครก็ได้รีบมาช่วยหน่อย!” พ่อบ้านรีบพยุงท่านปู่ลี่ขึ้นมา แล้วตะโกนเรียกเสียงดัง