ห้องทั้งห้องอยู่ในความเงียบ ซูซานออกไปซื้อของ ชิงโม่ก็กลับไปแล้ว เหลือลี่จุนถิงที่นั่งอยู่เพียงลำพังในห้องนั่งเล่นโดยกำลังคิดถึงข้อมูลที่ได้รับรายงานมา
ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทยิ่งอยู่ก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ ลี่จุนถิงก็ปวดหัวเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะยังจำเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ในเมื่อตอนนี้ก็รู้แล้วว่าตัวเองเป็นหนึ่งในคนของตระกูลลี่ ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ลี่จุนถิงรินน้ำใส่แก้ว แล้วถอนหายใจเล็กน้อย ค่อยๆดื่มน้ำ
เขาค่อยๆหลับตาลง คิดหาวิธีจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขากลับมาแล้ว และภายในตระกูลลี่ก็คงยุ่งวุ่นวายไม่ต่างกัน การแก่งแย่งเพื่อยึดชิงอำนาจก็คงจะเกิดขึ้นแล้ว
แม้ว่าในความทรงจำจะไม่มีภาพจำของลี่หุยกับลี่หยูนห่วน แต่จากการบอกเล่าของคนรอบข้างก็พอจะรับรู้ได้ว่าสองคนนี้ต้องอยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมดนี้แน่ และความสัมพันธ์ของพวกเขากับตัวเองก็คงจะไม่ดีมากเท่าไรนัก
คำพูดของชิงโม่ยังคงก้องอยู่ในหู และในตอนที่ลี่จุนถิงไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องราวต่างๆนี้ยังไง สมองของเขาก็มีภาพหลายภาพแวบเข้ามาในหัวของเขา แม้มันจะเป็นเพียงแค่บางช่วงบางตอน แต่ก็ยังเห็นได้ชัดเจนว่าภาพคนในนั้นคือตัวเขาเอง ภาพที่ต่างกันรอบตัวของเขาก็ต่างไป
“จุนถิง ต่อไปตระกูลลี่ต้องฝากไว้ในมือแกแล้ว แกต้องทำให้ตระกูลลี่เจริญเติบโตยิ่งๆขึ้นไปนะ!”
เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้นอย่างช้าๆ ภาพชายชราที่มีผมหงอกขาวเต็มหัวก็โผล่เข้ามาในความทรงจำของเขา รอยยิ้มบนใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง และความเชื่อมั่น
ทันทีที่เสียงหายไป เสียงที่นุ่มนวลก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “จุนถิง ฉันจะรอคุณอยู่ที่นี่ คุณอยู่ต่างประเทศก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี และฉันจะคิดถึงคุณ!”
หลังจากพูดจบ หญิงสาวก็ยกยิ้มเล็กน้อย ทิ้งรอยจูบไว้ที่แก้มของเขาอย่างแผ่วเบา
หากเดาไม่ผิด ชายชราคนนั้นก็คงจะเป็นปู่ของเขา และเป็นคนดูแลบริหารคนก่อนของตระกูลลี่ และผู้หญิงคนต่อมาก็น่าจะเป็น เจียงหยุนเอ๋อภรรยาของเขาที่ถูกพูดถึงอยู่ตลอด
ดูจากคำพูดและการกระทำของพวกเขาก็พอจะเดาได้ว่า ตัวเองเคยอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญของตระกูลลี่มาก่อนจริงๆ
จากการพยายามครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน หัวสมองของเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งปวดมากขึ้นไปอีก เขาทนไม่ไหวจนต้องร้อง “โอ๊ย”ออกมา เขาหมดแรงฟุบไปกับโต๊ะ หอบหายใจหนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยความหนักอึ้งและเจ็บปวด
พอจะนึกอะไรออกขึ้นมาได้บ้าง ลี่จุนถิงก็ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ ความเจ็บปวดจากศีรษะค่อยๆหายไปทีละนิด และสุดท้ายก็ค่อยๆจางหายไป
เขาถอนหายใจเล็กน้อย นวดคลึงไปที่ขมับเบาๆ ในความทรงจำก็สะท้อนแต่ฉากที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่
หลังจากนึกอะไรออกมาได้บ้าง ในใจของลี่จุนถิงก็มีความสงสัยมากมาย ตามที่เข้าใจ เขาคงจะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลลี่แล้วเขามามีสภาพแบบนี้ได้ยังไงกัน ?
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เขาถึงได้มาประสบอุบัติเหตุ และสูญเสียความทรงจำ?
มีข้อสงสัยมากมายผุดขึ้นเรื่อยๆ คิดไปคิดมาก็ไม่มีต้นสายปลายเหตุจากอะไร ลี่จุนถิงจึงได้ตัดสินใจโทรหาชิงโม่อีกครั้ง ถามเขาให้ละเอียดเขาคิดว่า ชิงโม่ต้องรู้อะไรบ้าง แล้วก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้น ชิงโม่ต้องรู้แน่
หลังจากที่ชิงโม่ได้รับโทรศัพท์จากลี่จุนถิง เขาก็รีบมาหาโดยไม่ลังเล เพราะซูซานเองก็ไม่อยู่ เขาทั้งสองจึงรู้สึกพูดคุยกันได้อย่างปลอดภัย และทำอะไรได้สะดวกมากขึ้น
“ประธานลี่ ที่ตามผมมามีอะไรจะชี้แนะเหรอครับ ? หรือคุณตัดสินใจจะกลับไปที่ตระกูลลี่ ยึดคืนทุกอย่างที่เคยเป็นของคุณ ? หากเป็นเช่นนั้น ผมจะช่วยคุณติดต่อภรรยาของคุณ ถึงตอนนั้นเรามาร่วมมือกันทั้งในและนอกโจมตีพร้อมกัน จัดการกับพวกเขาแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว !”
ชิงโม่ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น คิ้วของเขายังคงยกขึ้นเรื่อยๆ เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แต่ลี่จุนถิงกลับขมวดคิ้ว แล้วส่ายหัวไปมาเล็กน้อย
“ตอนนี้ฉันรู้เพียงสถานะของฉัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบริษัทฉันเองก็ไม่รู้อะไรแน่ชัด อีกอย่างฉันก็ยังไม่คิดที่จะกลับไปดูแลจัดการทุกอย่างในตอนนี้ และการกระทำแบบนี้ก็มีแต่จะแหวกหญ้าให้งูตื่นเท่านั้น ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าที่มีความสุขของชิ่งโม่ก็นิ่งไป เขายิ้มเจื่อนๆ แล้วพูดด้วยท่าทีปรกติไปว่า :“ที่ประธานลี่พูดมามันก็ถูก เพราะผมไม่ได้คิดให้รอบคอบ อีกอย่างคุณนายก็ยังไม่รู้เรื่องที่คุณกลับมา ผมก็ทำตามที่คุณสั่งไม่ได้บอกใครเรื่องนี้ งั้นต่อไปเราจะทำยังไงกันต่อดีครับ ?”
“วันนี้ที่ฉันโทรตามนายมาก็เพื่อไขข้อข้องใจอะไรบางอย่าง เมื่อกี้ฉันนึกอะไรออก แต่ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น มันเกิดความไม่เข้าใจมากมาย ในเมื่อนายคอยติดตามฉันมาตลอด งั้นนายก็ต้องรู้ทุกอย่างจริงไหม ?
ลี่จุนถิงเลิกคิ้ว และเอ่ยพูดอย่างช้าๆ
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วคุณคิดอะไรออกเหรอครับ ? แล้วสงสัยอะไร ? ผมน่าจะให้คำตอบคุณได้ !”ชิงโม่คิ้วขมวด และหัวเราะเบา ๆ
“ที่คิดออกก็ไม่ได้มากมายอะไร คงจะเป็นคุณปู่กับเจียงหยุนเอ๋อ ที่ฉันอยากถามก็เป็นคำถามง่ายๆ ก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ๆฉันถึงเกิดอุบัติเหตุและมามีสภาพแบบนี้ ? มันก็แค่ไปจัดการธุระที่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ ? พอพูดจบ สีหน้าของลี่จุนถิงก็เคร่งขรึมขึ้นมา
เมื่อได้ฟังคำพูดของลี่จุนถิง สีหน้าของชิงโม่ก็เปลี่ยนไป พูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดไปว่า :“เรื่องนี้เพราะผมไม่ดีเอง เดิมที่เราไปต่างประเทศเพื่อหารือเรื่องธุรกิจ หลังจากพูดคุยเรื่องงานกันเสร็จ ระหว่างทางคุณถูกซุ่มโจมตี ดูเหมือนคนที่พวกเขาจ้างมาจะเป็นนักฆ่ามืออาชีพ เพราะผมไม่ได้ดูแลปกป้องคุณให้ดี ทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ !”
ชิงโม่ที่กำลังโทษตัวเอง ลี่จุนถิงก็โบกมือให้อย่างไม่ได้ใส่ใจ
“ในเมื่อเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ก็อย่าพูดถึงมันอีกเลย สิ่งสำคัญที่สุดคือใครเป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมดนี้ ก่อนหน้านั้นฉันมีศัตรูเยอะมากเหรอ ? เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะลงมือในช่วงระหว่างที่ฉันเดินทาง?”
“เพราะผมไร้ประโยชน์ หลังจากที่คุณเกิดอุบัติเหตุ ทุกคนออกไปตามหาคุณ ส่วนใครที่คิดวางแผนเรื่องทั้งหมดนี้ ตอนนี้เรายังสืบหาตัวไม่พบ แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้ลี่หุยกับลี่หยูนห่วนต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่ เพราะหากคุณเป็นอะไรไป พวกเขาก็จะได้สิทธิ์อำนาจการบริหารของบริษัท !”
คิ้วของชิงโม่ก็ผูกปมแน่นขึ้นไปอีก
“ที่นายพูดมันก็เป็นเพียงการคาดเดาของนายเอง ไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ พูดได้เพียงว่าพวกเขาเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุดก็เท่านั้น ดูแล้วครั้งนี้เขาคงต้องการที่จะเอาชีวิตฉัน เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่จัดหานักฆ่ามืออาชีพมา คงตั้งใจจะฆ่าฉันให้ตายเลย !”
ลี่จุนถิงถอนใจอย่างคิดหนัก และเอ่ยพูดเสียงทุ้ม
ชิงโม่พยักหน้าเล็กน้อย:“ที่คุณพูดมามันก็มีเหตุผล แล้วผมจะตรวจสอบมันอย่างละเอียดอีกที จะลากฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังนั้นออกมาให้ได้ ถึงตอนนั้นจะเอาให้ตายเลยคอยดู !”
ลี่จุนถิงไม่ได้พูดอะไรอีก มีแต่ใบหน้าที่เคร่งขรึมมากขึ้นไปอีก
เรื่องราวดูมันจะซับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆ…