อันที่จริงก่อนที่จะโทรไปหาชิงโม่เจียงหยุนเอ๋อก็คิดเอาไว้แล้วว่าคำตอบที่ได้ก็คงจะประมาณนี้
เพียงแต่อยากได้ยินจากปากของชิงโม่เองก็เท่านั้น เพื่อให้ตัวเองได้ตายใจ เพราะยังไงแล้ว หากชิงโม่มีข่าวอะไร ก็ต้องโทรรายงานตัวเองทันทีอยู่แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายโทรไปถามเขาเลยด้วยซ้ำ ?
ผ่านไปตั้งนานแล้ว ทำไมลี่จุนถิงก็ยังไม่มีวี่แววอะไรอีก
เจียงหยุนเอ๋อเชื่อว่าลี่จุนถิงยังไม่ตาย อาจจะกำลังประสบปัญหาอะไรอยู่ เลยยังไม่สามารถติดต่อใครได้ในตอนนี้
เจียงหยุนเอ๋อที่กังวลเรื่องของลี่จุนถิง อีกทั้งยังต้องจัดการปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในบริษัทอีก
อีกด้านหนึ่ง ชิงโม่มองหน้าจอมือถือที่ขึ้นคำว่าสิ้นสุดการโทร เขากำมือถือแน่น
เขาจะต้องช่วยให้เจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนถิงได้กลับไปเจอกันให้เร็วที่สุด
เมื่อมีความคิดแบบนี้ ชิงโม่จึงได้ไปสืบตารางการเดินทางต่างๆของลี่จุนถิง
ได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลอื่น จึงทำให้ได้รู้ว่าวันนี้ตอนบ่ายลี่จุนถิงจะออกไปข้างนอกเพียงลำพัง ชิงโม่จึงตัดสินใจใช้โอกาสนี้ เข้าหาลี่จุนถิง
ได้ยินว่าวันนี้ลี่จุนถิงจะไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ให้กับซูซาน ชิงโม่ตั้งใจที่จะสร้างสถานการณ์ความบังเอิญ
ชิงโม่ตามรถของลี่จุนถิงอย่างระมัดระวังและจอดอยู่นอกห้าง
แม้ว่าลี่จุนถิงในตอนนี้จะความจำเสื่อม แต่จากการสังเกตในช่วงตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ การระวังตัวของลี่จุนถิงก็ยังคงดีอยู่มาก
ก่อนที่ชิงโม่จะเข้าไปในห้างสรรพสินค้า สายตาก็เหลือบไปเห็นร้านชานมไข่มุกริมถนน เขาเดินเข้าไปในร้านเพื่อซื้อชานมไข่มุกแก้วหนึ่ง ของหวานอย่างชานมไข่มุกอะไรแบบนี้ ชิงโม่ไม่ได้ชอบมันเท่าไรนัก เพียงแต่คราวนี้คงต้องยืมใช้มันสักหน่อย
เมื่อชิงโม่ซื้อเสร็จก็รีบวิ่งเข้าไปในห้างทันที เห็นลี่จุนถิงกำลังมุ่งหน้าไปที่ร้านขายเครื่องประดับตรงบริเวณชั้นสาม
เมื่อเห็นภาพนี้ ชิงโม่ก็คาดเดาในใจ ลี่จุนถิงคงมาซื้อของขวัญให้ ซูซาน
เฮ้อ……เจียงหยุนเอ๋อที่ยังคงเป็นกังวลเรื่องของลี่จุนถิง สุดท้าย……ยังไงเสีย ความรักที่ลี่จุนถิงมีให้กับเจียงหยุนเอ๋อชิงโม่เองก็รู้ดี หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาก็คงไม่เป็นแบบนี้……
ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาต้องช่วยฟื้นความจำให้ลี่จุนถิงกลับมาให้เร็วที่สุด
ชิงโม่สำรวจบริเวณโดยรอบ และรีบขึ้นไปยังลิฟต์ที่อยู่ด้านข้าง หวังไปให้ถึงยังบริเวณชั้นสามก่อนลี่จุนถิง
เห็นลี่จุนถิงมุ่งตรงไปยังร้านขายเครื่องประดับร้านหนึ่ง ชิงโม่หาโอกาสเหมาะๆ แกล้งมองไปยังรอบๆ
“โอ๊ย” ชิงโม่ไม่ระวังทำชานมในมือหกใส่เสื้อผ้าของลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงระวังตัว แล้วถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว
ชิงโม่ก้มหน้าแล้วเอ่ยพูดขอโทษ:“ขอโทษครับ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ ”
พูดพร้อมขยับหลบไปอีกทาง
ลี่จุนถิงถอยหลัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยการระวังตัว :“คุณทำอะไร?”
ลี่จุนถิงรู้สึกว่าคนตรงหน้าเขามีร่างกายที่กำยำ และเหมือนจะมีทักษะบางอย่าง
หรือจะเป็นศัตรูของเขา หรืออุบัติเหตุก่อนหน้านั้นเขาคนนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ?
ชิงโม่เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นลี่จุนถิงก็รู้สึกประหลาดใจ พูดด้วยความดีใจไปว่า :“คุณชายลี่!”
ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว และจ้องมองไปที่ชิงโม่
“คุณชายลี่ ผมเอง!”ชิงโม่ก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วตีไปที่ตัวเองอย่างตื่นเต้น
“นี่คุณ?”ลี่จุนถิงถามไปอย่างสงสัย เขาจำได้ว่าเคยเห็นคนคนนี้มาก่อน แต่ว่า……ในตอนนั้นคนคนนี้ก็เอาแต่พูดเรื่องอะไรไม่รู้ที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ ทำให้ชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยินมาดีหรือไม่
ชิงโม่มองไปที่ลี่จุนถิงด้วยสายตาที่จริงจัง เอ่ยถามไปว่า :“คุณชายลี่ คุณไม่รู้สึกคุ้นเคยกับผมเลยเหรอ ? ”
ลี่จุนถิงกลอกไปมา จำไม่ได้จริงๆว่าชายหนุ่มตรงหน้าที่บอกว่ารู้จักเขาคนนี้เป็นใครกันแน่
แต่พอได้ยินชื่อแล้วก็ฟังดูคุ้นๆแต่ก็เหมือนจะนึกไม่ออก
สุดท้ายลี่จุนถิงก็ส่ายหัวไปมา
“คุณชายลี่ อย่าพูดอะไรมากเลยตอนนี้ เสื้อผ้าของคุณเปื้อนเพราะผม ผมพาคุณไปที่ชั้นสี่เพื่อซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่เปลี่ยนก่อนดีกว่าครับ ”
ชิงโม่คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ลี่จุนถิงเชื่อใจในตัวเขามากยิ่งขึ้น ต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุด
ชิงโม่รู้สึกดีใจไม่น้อย ยังดีที่ซูซานไม่ได้ให้คนมาคอยติดตามลี่จุนถิงมากนัก หากเป็นเช่นนั้นเกรงว่าเขาเองก็คงจะเข้าถึงตัวชายหนุ่มลำบาก
ลี่จุนถิงยังคงไม่ไว้ใจเท่าไรนัก เขามองไปที่ดวงตาของชิงโม่แต่ก็ไม่เห็นภัยคุกคามใดๆ ทำให้เขาพอจะเบาใจได้บ้าง
เมื่อได้ยินที่ชิงโม่พูด ลี่จุนถิงก็เพิ่งมานึกขึ้นได้ตอนนี้เขาเองก็รู้สึกไม่สบายตัวเท่าไรนัก ชานมหวานๆหกใส่บนเสื้อของเขา และเสื้อก็แนบไปกับผิวหนัง รู้สึกอึดอัดและไม่สบายตัว
“ก็ได้”เมื่อถูกชิงโม่ทำลายแผนการเดินทางของวันนี้ ใบหน้าของลี่จุนถิงก็แสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย
ชิงโม่แอบดีใจ และเดินไปที่ชั้นสี่กับลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงเดินไปทั่วบริเวณ สุดท้ายก็เดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เขาเข้าไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จแล้วก็เดินออกมา
“คุณชายลี่ คุณยังมีธุระที่ไหนอีกไหมครับ ?”ชิงโม่รู้สึกว่าที่นี่ไม่เหมาะที่จะคุยธุระกันสักเท่าไร
“ก็พอมี”
“งั้นผมขอรบกวนเวลาคุณสักครู่จะได้ไหมครับ ?”ชิงโม่เอ่ยชวน
ลี่จุนถิงเงียบไปชั่วครู่ แต่แล้วก็พยักหน้าให้โดยไม่รู้ตัว:“ได้”
ชิงโม่รู้สึกตื่นเต้นดีใจ และพาลี่จุนถิงไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นบนสุดแล้วจองห้องส่วนตัว
ลี่จุนถิงเดินตามหลังชิงโม่เขารู้สึกได้หลังจากที่ตอบตกลงกับชิงโม่ไป ชิงโม่ก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ลี่จุนถิงรู้สึกว่าคนคนนี้เหมือนมีเรื่องอยากจะคุยกับเขามากมาย
“คุณชายลี่ เชิญนั่งก่อนครับ ”ชิงโม่ก็ยังคงให้ความเคารพนับถือกับลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงก็สัมผัสได้ถึงความเคารพนับถือของชิงโม่ที่มีต่อเขา ยิ่งเข้าใกล้กับชิงโม่มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าคุ้นเคยมากขึ้นเท่านั้น
ลี่จุนถิงนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ :“คุณต้องการจะพูดอะไรกับผม?”
“คุณชายลี่ ผมขอแนะนำตัวกับคุณอีกครั้ง” ชิงโม่โค้งคำนับให้กับลี่จุนถิง แล้วยืนตัวตรง เริ่มรายงานตัวกับลี่จุนถิง “ผมชื่อชิงโม่ เป็นผู้ช่วยมือหนึ่งในต่างประเทศของคุณ และเป็นคนที่ช่วยคุณดูแลจัดการทุกอย่างในส่วนงานของต่างประเทศ”
“คุณเป็นผู้ช่วยของผม?”ลี่จุนถิงรู้สึกว่าเรื่องราวฟังดูไม่น่าเชื่อสักเท่าไรนัก “แล้วทำไมคุณถึงเพิ่งจะโผล่มาในตอนนี้ แล้วตอนที่ผมประสบอุบัติเหตุคุณอยู่ที่ไหน”
ชิงโม่ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด :“คุณชายลี่ เรื่องที่คุณประสบอุบัติเหตุ ผมก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ ผมรู้สึกเสียใจมาก แต่วันนี้ที่ผมมาอยู่ตรงนี้ ก็เพราะผมตามหาคุณมาโดยตลอด”
“แล้วคุณตามหาผมทำไม?”ลี่จุนถิงหรี่ตาลง
“คุณชายลี่ครับ คุณไม่ใช่คนที่นี่ บ้านเกิดของคุณอยู่ที่เมืองจิ่งเฉิง ที่นั่น คุณมีภรรยา มีลูกชาย และยังมีลูกในท้องอีกคน” ชิงโม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องพูดทุกอย่างให้ลี่จุนถิงได้รับรู้
บางทีนี่อาจจะช่วยทำให้เขานึกอะไรออกมาได้บ้าง
ลี่จุนถิงตกใจ ดวงตาเบิกกว้าง คาดไม่ถึงกับเรื่องที่ได้ยิน :“คุณหมายถึงผมมีครอบครัวแล้วเหรอ ?”