ณ บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป
เจียงหยุนเอ๋อไม่รู้ว่าตอนนี้ลี่จุนถิงได้กลับมาที่หวากั๋วแล้ว เธอยืนหยัดได้ด้วยความคิดถึงที่มีต่อลี่จุนถิง เธอมองดูรายงานงบการเงินที่เพิ่งส่งมา ถอนหายใจเล็กน้อย แล้วก็ค่อยๆหยิบรายงานนี้ขึ้นมาดูอย่างตั้งใจ
เมื่อดูมาถึงในตอนท้าย เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ แล้วโยนรายงานนั้นลงไปบนโต๊ะ แล้วทอดถอนหายใจ :“ราคาหุ้นของเดือนนี้ทำไมถึงได้ร่วงลงไปขนาดนั้น? ก่อนหน้านั้นไม่ใช่นิ่งไปแล้วเหรอ ? ที่ฉันกับพี่ลงมือลงแรงกันมาทั้งหมดมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยงั้นเหรอ?”
ก่อนหน้านั้นคิดว่า การวางระบบปรับเปลี่ยนแผนของเธอกับลี่จุนซิน คงพอจะทำให้นิ่งและมีเสถียรภาพขึ้นมาได้บ้าง
พอได้มาเห็นรายงานงบการเงินก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นช่างใสซื่อจริงๆ ความนิ่งก็เป็นเพียงผิวเผินเท่านั้น รายงานนี้ก็ชี้ชัดปัญหาทุกอย่างได้แล้วไม่ใช่เหรอ ?
เธอนวดไปที่ขมับเบาๆ เจียงหยุนเอ๋อมองรูปถ่ายของลี่จุนถิงที่วางอยู่บนโต๊ะ น้ำตาก็พลันไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย
“ลี่จุนถิง คุณอยู่ที่ไหนกัน ? ฉันจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว คุณรีบกลับมาเถอะนะ ได้โปรด?”
ไม่รู้เพราะอะไร หลายวันมานี้เธอรู้สึกเหมือนว่าลี่จุนถิงกลับมาแล้ว และเขาก็อยู่ข้างๆเธอไม่ได้ห่างไปไหน เพียงแค่เขาไม่ได้ปรากฏตัวก็เท่านั้น
แต่เมื่อไรก็ตามที่เธอรู้สึกแบบนี้ ความเป็นจริงก็จะนำพามาซึ่งความผิดหวังอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกคนต่างก็คิดว่าเธอมีอาการประสาทหลอน
นานวันเข้า เจียงหยุนเอ๋อเองก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร เธอทำได้เพียงรออย่างไม่มีจุดหมาย
……
ในหลายวันนี้ลี่จุนถิงกับซูซานก็ตระเวนเที่ยวไปทั่ว และทำให้มีผู้คนพบเห็นอยู่มากมาย เพราะสถานะของลี่จุนถิงในหวากั๋วก็เป็นที่รู้จักกันดีอยู่พอสมควร คนที่รู้จักเขาก็มีอยู่มาก หนำซ้ำตอนนี้ก็มาเห็นเขาอีก จากที่เคยได้ยินข่าวว่าเขาหายตัวไป ต่างก็ไม่สามารถยืนยันตัวตนเขาได้
แต่เรื่องนี้ก็กลายเป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ สำนักข่าวต่างประโคมข่าวว่าลี่จุนถิงนั้นกลับมาแล้ว
คำพูดเหล่านี้ก็เข้าถึงหูของลี่หุยกับลี่หยูนห่วน ทั้งคู่ต่างตื่นตระหนกกับเรื่องนี้มาก เพราะพวกเขายังไม่ได้ควบคุมอำนาจทุกอย่างมาไว้ในมือ หากลี่จุนถิงกลับมาจริงๆ ความพยายามที่พวกเขาได้ลงมือลงแรงไปก็คงจะสูญเปล่า
“ก็ไหนนายบอกฉันว่ายังไงลี่จุนถิงก็ไม่มีทางกลับมา ?ไหนบอกว่าเขาเป็นตายยังไม่รู้ ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้มีข่าวว่าเขามาปรากฏตัวที่หวากั๋วล่ะ ? หรือนี่ นายกำลังเล่นตุกติกอะไรอยู่ ? นี่นายกำลังโกหกฉันอย่างนั้นเหรอ !”
ลี่หยูนห่วนตบไปที่โต๊ะอย่างแรง และเอ่ยพูดอย่างลนลานหวาดกลัว
ลี่หุยยังคงครึ่งเชื่อครึ่งสงสัยกับข่าวลือที่ได้ยินมา และตอนนี้ก็ยังมาถูกลี่หยูนห่วนว่ากล่าวตำหนิอีก ในใจก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฉันก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ไปได้ เพราะก่อนหน้านี้ที่ได้ข่าวก็ไม่เคยได้รับแจ้งว่ามีข่าวของลี่จุนถิงมาก่อน เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าเขาไม่น่าจะกลับมาแน่”
“นายคิดว่า นายคิดว่า! อะไรก็นายคิดว่า นายคิดว่านายเป็นใคร! ตอนนี้ยังพอไหว หากลี่จุนถิงกลับมาจริงๆ สิ่งที่เราพยายามทำกันมาทั้งหมดไม่ต้องสูญเปล่าเลยเหรอ? ฉันรับมันไม่ได้แน่ และยอมรับมันไม่ได้จริงๆ !”
ลี่หยูนห่วนมือเท้าสะเอว เอ่ยพูดด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่พอใจ
ลี่หุยขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วนายคิดว่าฉันจะยอมรับมันได้เหรอ ? ถูกลี่จุนถิงกดขี่มานานหลายปี กว่าจะมีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากเหมือนทุกวันนี้ ฉันจะปล่อยโอกาสแบบนี้ไปได้ยังไง ? ยังไงเสียตอนนี้เราก็อย่ามาคาดเดาอะไรมั่วซั่วกันไปก่อนเลยดีกว่า เห็นว่ายังไม่แน่ชัดเลยไม่ใช่เหรอ ? ฟังจากคนที่เราส่งไปตามหาตัวเขาก็น่าจะเชื่อได้มากกว่ามั้ง ? ”
พูดๆอยู่ ลี่หุยก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาลูกน้อง ไม่นาน อีกฝ่ายก็เข้ามาหาด้วยท่าทีที่เหน็ดเหนื่อยจากการตะลอน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมมีแต่คนบอกว่าลี่จุนถิงกลับมาแล้ว ? นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าตามหาตัวเขาไม่พบ ? ”
ลี่หุยกระแอมไอในลำคอ พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
สีหน้าอาการของลูกน้องก็ไม่สู้ดีนัก เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ยพูดเสียงเบาไปว่า :“คุณทั้งสอง……ในสองสามวันมานี้เราต่างก็ค้นหาที่อยู่ของลี่จุนถิง แต่ไม่เจอตัวเขาอยู่ที่นี่จริงๆ อีกอย่างเราก็ไปตามหาในที่ที่เขาหายตัวไปอีกครั้ง ไม่มีแม้แต่เงาของเขาอยู่เลย ” “งั้นแกก็หมายความว่า? ”ลี่หยูนห่วนเลิกคิ้ว
“ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องจริงครับ สื่อบอกเพียงว่าลี่จุนถิงเหมือนจะกลับมาแล้ว พวกเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อีกอย่างเราตามสืบหาลี่จุนถิงมานานแต่ก็ไม่พบ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าลี่จุนถิงน่าจะยังไม่กลับมา สื่อเหล่านั้นก็คงจะพูดจาเหลวไหลเท่านั้น พวกคุณไม่ต้องเป็นกังวลมากไปนัก”
ลูกน้องพูดไปอย่างไม่ถ่อมตัวและไม่โอ้อวดอะไรมากเกินไปนัก
เมื่อได้ยินลูกน้องพูดไปแบบนั้น สีหน้าของลี่หุยก็ผ่อนคลายลงไปมาก
“ที่นายพูดมามันก็มีเหตุผล เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน และจากนิสัยของลี่จุนถิง หากเขายังมีชีวิตอยู่จริงก็คงต้องกลับมาแล้ว เมื่อเป็นแบบนี้ เราก็ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงเป็นกังวล”
ลี่หยูนห่วนพยักหน้าเล็กน้อย:“แต่ยังไงก็ต้องเร่งค้นหาตัวของลี่จุนถิง และเราเองก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือเช่นกัน หากเขาปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ เราก็ลงมือทันที ปล่อยให้เขากลับมาไม่ได้เป็นอันขาด !ถึงตอนนั้นบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปก็จะเป็นของเรา!”
……
ในโรงแรม
ซูซานที่มาถึงหวากั๋วก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก เธอเอาแต่ลองเสื้อผ้าที่ได้ซื้อมาในวันนี้ เพิ่งจะสวมใส่ชุดที่เธอชื่นชอบ และมาที่ห้องของลี่จุนถิง อยากจะโชว์ให้เขาได้เห็น ก็เห็นลี่จุนถิงมีสีหน้าที่เคร่งขรึมกำลังโทรหาใครบางคนอยู่
ซูซานแอบฟังตรงประตู เมื่อได้ยินเขาพูดถึงคนที่ชื่อ“ชิงโม่” สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป ในใจเหมือนมีสัญญาณเตือน คิดไปถึงช่วงนี้ลี่จุนถิงมักจะออกไปข้างนอกคนเดียวบ่อยๆ เธอกำลังเดาว่าชิงโม่คนนี้ใช่คนที่เคยรู้จักกับลี่จุนถิงมาก่อนหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะยังติดต่อกันทำไม ?
พอคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของซูซานก็หมองลง เมื่อเห็นลี่จุนถิงวางสายไปแล้ว เธอก็เดินเข้าไปหาชายหนุ่ม เอ่ยถามเสียงแผ่วเบาไปว่า “จุนถิง คุณกำลังโทรหาใครอยู่เหรอคะ ? ทำไมฉันได้ยินคุณพูดชื่อชิงโม่ ? หรือพวกคุณเคยรู้จักกันมาก่อน?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ลี่จุนถิงก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร เขายกมุมปากเล็กน้อย:“ผมจำเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้เลยสักนิด แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าชิงโม่เคยรู้จักผมมาก่อนหรือเปล่า ? เพราะเขาได้ยินว่าผมมาที่หวากั๋วก็คอยติดต่อผมอยู่ตลอด ไม่รู้จะทำยังไง ผมก็ทำได้เพียงคุยกับเขาไปก็เท่านั้น”
“แต่ช่วงนี้คุณมักจะออกไปคนเดียวบ่อยๆ ไม่ชวนฉันไปด้วย ในเมื่อไม่คุ้นเคยกับหวากั๋ว แล้วคุณออกไปคนเดียวทำไม ? ”
ซูซานก็ถามหยั่งเชิงไปอีกครั้ง
ลี่จุนถิงฟังออกถึงน้ำเสียงที่สงสัยของซูซาน เขาหัวเราะเสียงเบา:“ก็ไม่มีอะไร แค่คิดว่าตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมา และรู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตได้ล้มเหลวมาก เพราะฉะนั้นจึงออกไปดื่มเหล้า แค่ดื่มเหล้าดับทุกข์เท่านั้น ผมจะให้คุณเห็นภาพผมที่หมดสภาพได้ยังไงกัน ?”