เจียงหยุนเอ๋อกำลังคุยถึงโครงการนี้กับลี่จุนถิง แต่สิ่งที่พวกเธอไม่รู้ก็คือ ลี่หยุ่นห่วนและลี่หุยคิดจะแย่งโครงการนี้มานานแล้ว
ลี่จุนซินและเจียงหยุนเอ๋อเดินทางมาที่โรงแรมเพื่อหารือกับลี่จุนถิงเรื่องนี้
“จุนถิง ความคิดของฉันคือ ให้คุณไปเจรจาโครงการนี้ หากคุณสามารถประมูลได้โครงการนี้มา ถึงตอนนั้น คุณก็สามารถกลับมาที่บริษัทอย่างงดงาม ชนะใจผู้คนอย่างแน่นอน ทั้งพนักงานและผู้ถือหุ้นจะยิ่งเคารพนับถือคุณมากกว่าเมื่อก่อนด้วย”
ลี่จุนถิงเม้มริมฝีปากนิ่งคิดสักพัก และรู้สึกว่าที่ลี่จุนซินพูดมาก็มีเหตุผลมาก
เมื่อเห็นว่าลี่จุนถิงเห็นด้วย เจียงหยุนเอ๋อก็หยิบเอกสารข้อมูลที่เตรียมไว้จากกระเป๋ายื่นให้เขาและเริ่มพูดแนะนำเกี่ยวกับบริษัทนี้ให้กับลี่จุนถิงฟังอย่างละเอียด
ชื่อเต็มของบริษัทนี้คือ แมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์เป็นบริษัทเทคโนโลยีและเป็นผู้นำในการพัฒนาซอฟต์แวร์ PC (PersonalComputer(เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ทำขึ้นไว้ใช้เป็นการเฉพาะหรือส่วนบุคคล) ก่อตั้งโดยเดวิด·แชนด์เลอ ในปี 1974 และสำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ที่พื้นที่พัฒนาเทคโนโลยีในเมือง Y ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ S ที่ทุ่มเทให้กับการออกแบบ พัฒนา และการขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ บริการออนไลน์ และการเขียนซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
เช่นคอมพิวเตอร์ของบริษัท เอ็นเอสเอ, สมาร์ตโฟน อาร์โฟน, คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต, ระบบปฏิบัติการ อาร์พีเอส และหุ่นยนต์ จี รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ของบริษัทอีกมากมาย เป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้ทั่วโลก แมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ เป็นที่รู้จักในด้านนวัตกรรมในหมู่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ .
ในปีที่ผ่านมา แมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์อยู่ในอันดับที่เจ็ดในการจัดอันดับบริษัทชั้นนำหนึ่งร้อยอันดับแรกของโลก และอิทธิพลของบริษัทก็แผ่ขยายไปทั่วโลก ประธานคนปัจจุบันคือแอ๊บบอต·แชนด์เลอร์
บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่คนหวากั๋ว โดยต้องการหาบริษัทที่ให้ความร่วมมือและแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ระหว่างคนหวากั๋ว หากสามารถแย่งชิงสิทธิ์เอเจนซี่แต่เพียงเจ้าเดียวมาได้ ก็สามารถสร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์
นี่เป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากสำหรับสถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ ที่อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างความร่วมมือระยะยาวกับแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ ถือเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการขยายตลาดต่างประเทศของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ลี่จุนถิงหยิบข้อมูลที่เจียงหยุนเอ๋อยื่นให้เขามาอ่านคร่าวๆ แล้วพูดตรงๆ ว่า “ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
ลี่จุนซินรู้สึกเชื่อมั่นในฝีมือของลี่จุนถิงมาก หากน้องชายของเขาไม่มีความสามารถและคุณสมบัติมากพอ บริษัทลี่ซื่อจะไม่ยืนหนึ่งในตำแหน่งผู้นำของเมืองจิ่งเฉิงเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ทุกคนต่างก็รู้ดีถึงความสามารถในการบริหารงานบริษัทของลี่จุนถิง ดังนั้นเจียงหยุนเอ๋อจึงไม่มีความเห็นใดๆ
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าลี่หยูนห่วนและลี่หุยจะไม่มีความเห็นเช่นกัน พวกเขาจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆเช่นนี้ไปอย่างแน่นอน เธอจึงเอ่ยเตือนลี่จุนถิง
“แต่ว่าจุนถิงคะ แม้ว่าเราทุกคนจะเห็นด้วยกับความสามารถของคุณ แต่ก็ยังมีพวกที่คิดอิจฉาคุณอยู่ ผลกำไรของโครงการนี้มีงบประมาณเยอะมาก ลี่หยูนห่วนและคนอื่น ๆ จะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน คุณต้องระมัดระวังตัวป้องกันไม่ให้มี
ไม่ให้พวกเขาเข้ามาก่อกวน”
ลี่จุนถิงพยักหน้า บ่งบอกว่าเขาจะจำไว้ จากนั้นจึงโทรหาชิงโม่ และสั่งให้เขาจัดคนไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของลี่หยูนห่วน และการกระทำของพวกเขาอย่างเคร่งครัด และผู้ถือหุ้นที่ร่วมมือกับพวกเขาก็ต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขา ถ้ามีความผิด ให้รีบติดต่อตนเอง
หลังจากลี่จุนถิงคุยโทรศัพท์เสร็จ เขาก็หันกลับมาถามลี่จุนซิน
“พี่ ผู้ช่วยก่อนความจำของผมจะเสื่อมอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผมต้องการความช่วยเหลือจากเขา”
“รอเดี๋ยวนะ พี่จะโทรเรียกเขามาที่นี่เดี๋ยวนี้”
หลังจากได้รับโทรศัพท์จากลี่จุนซิน เขาเองก็ตกใจเมื่อได้ยินลี่จุนซินบอกให้เขาไปที่โรงแรมเพื่อ เขานึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับลี่จุนซิน ดังนั้นเขาจึงรีบวางงานในมือลงและรีบไปที่โรงแรม
เขามองเห็นลี่จุนถิงทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง เขาตกใจจนอ้าปากกว้างและส่งเสียงเรียก “ท่านประธานครับ” น้ำเสียงของซู่จี้งยี้เหมือนจะสะอื้นเล็กน้อย ลี่วุนซินกลัวว่าจะมีใครสังเกตเห็นเข้า ดังนั้นเธอจึงรีบดึงซู่จี้งยี้เข้ามา ซู่จี้งยี้ยังคงตกตะลึงอยู่หลังจากที่เขาเข้ามา ท่าทางของเขาไม่เหมือนผู้ช่วยอันดับหนึ่งที่มีความสามารถและคล่องแคล่วแห่งเมืองจิ่งเฉิงในอดีตเลย
เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนซินอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นอาการของซู่จี้งยี้
ลี่จุนถิงมองดูท่าทางติ๊งต๊องของซู่จี้งยี้จึงอดที่จะขมวดคิ้วและเหลือบมองเขาด้วยความตำหนไม่ได้
จากนั้น เขาก็หันศีรษะไปทางเจียงหยุนเอ๋อ และถามว่า“นี่คือผู้ช่วยของผมจริงๆเหรอ ทำไมผมถึงเคยจ้างคนที่มีท่าทางติ๊งต๊องแบบนี้ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนซินก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน พวกเธอหัวเราะเยอะเกินจนเริ่มหายใจไม่ทัน
ซู่จี้งยี้ที่ได้ยินเจ้านายพูดวิจารณ์ตัวเขาออกมา และเกือบจะร้องไห้ออกมา หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติและถามด้วยความสงสัย
“เอ๊ะ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าท่านประธานจำผมไม่ได้ครับ”
ในที่สุดเจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนซินก็หยุดหัวเราะลงได้ แล้วลูบหน้าท้องที่ของเจียงหยุนเอ๋ออย่างนุ่มนวล
ซู่จี้งยี้รู้สึกงงงวยมากขึ้นเมื่อมองไปที่ลี่จุนถิงซึ่งยังคงดูแลภรรยาของเขาอย่างอ่อนโยน
เจียงหยุนเอ๋อเห็นเขาแบบนี้ จึงพูดอธิบายให้เขาฟังอย่างอดทน
“หลังจากที่ท่านประธานของคุณได้รับบาดเจ็บจนหมดสติแล้วฟื้นขึ้นมา ก็พบว่าเขาความจำเสื่อมไปแล้ว แต่ชิงโม่ตามหาเขาจนเจอและพาเขากลับมา แต่ความทรงจำของเขายังไม่กลับมา
หลังจากที่ซู่จี้งยี้ได้ฟังแล้วสีหน้าเขาดูประหลาดใจมาก ลี่จุนถิงเห็นเขาเป็นแบบนี้ จึงขมวดคิ้วแน่น และยิ่งรังเกียจเขามากขึ้นไปอีก
หลังจากที่ซู่จี้งยี้สังเกตเห็นว่าท่านประธานของเขายิ่งมีอาการรังเกียจตนเองมากขึ้น เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น และในที่สุดเขาก็กลับมาเป็นซู่จี้งยี้ที่เคยเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมาก่อนคนนั้น
หลังจากที่เห็น ซู่จี้งยี้กลับมาเป็นปกติแล้ว ลี่จุนถิงจึงรีบคุยกับเขาเกี่ยวกับงานสำคัญในครั้งนี้
“ผู้ช่วยซู่จี้งยี้ โปรเจคนี้สำคัญมาก คุณต้องช่วยจุนถิงให้ทำสำเร็จให้ได้นะคะ”
“ได้ครับ ท่านประธาน คุณยังไม่มั่นใจในความสามารถของผมอีกเหรอครับ ผมจะช่วยงานท่านประธานให้ดีที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
“จริงสิ จากนี้ไปถ้าคุณจะมาหาจุนถิง คุณต้องพยายามหลีกเลี่ยงลี่หยูนห่วนและลูกน้องของลี่หุย เพื่อไม่ให้รู้ว่าจุนถิงกลับมาแล้ว”
เจียงหยุนเอ๋อพูดเตือนสติ
ซู่จี้งยี้รับปากในทันที เขารู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัวที่จะกลับไปทำงานเคียงข้างลี่จุนถิง ได้แต่คิดในใจ หวังว่าท่านประธานที่ความจำเสื่อมจะมอบความอ่อนโยนให้เขาบ้าง
ในตอนเย็นลี่จุนถิงกลับบ้านพร้อมกับเจียงหยุนเอ๋อ และในที่สุดก็ได้ทานอาหารเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนพ่อแม่ลูก
ก่อนเข้านอน ลี่จุนถิงที่เพิ่งจะอาบน้ำออกมา เจียงหยุนเอ๋อเห็นรอยแผลเป็นที่ได้รับบาดเจ็บบนร่างกายของลี่จุนถิงอย่างชัดเจน เธอปวดใจมากเช่นกัน
เจียงหยุนเอ๋อเดินเข้าไปใกล้ช้าๆ ก่อนจะหยุดยืนด้านข้างลี่จุนถิง แล้วจูบรอยแผลเป็นตามตัวของลี่จุนถิงอย่างอ่อนโยน
หลังจากที่ลี่จุนถิงรู้สึกได้ ร่างกายของเขาก็ชะงักเกร็ง เขาค่อยๆ หันกลับมาแล้วกอดเจียงหยุนเอ๋อไว้
เขาก้มลงมองจึงเห็นดวงตาที่แสนรักใคร่ของเจียงหยุนเอ๋อที่กำลังมองเขาอยู่ จึงจูบลงบริเวณหนังตาของเธอ ต่อจากนั้นก็จูบริมฝีปากที่บอบบางน่าหลงใหลของเจียงหยุนเอ๋อ
ทันทีที่ลี่จุนถิงได้สัมผัสริมฝีปากของเจียงหยุนเอ๋อ ดูเหมือนว่าเขาจะค้นพบความรู้สึกมั่งคงของตัวเองแล้ว จึงอดที่จะจูบให้ลึกซึ้งขึ้นอีกไม่ได้