ผ่านไปหลายวัน คณะสำรวจของแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ได้เดินทางมาถึงเมืองจิ่งเฉิง เข้าพักที่โรงแรมเชอราตัน
หัวหน้าคณะสำรวจของแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ชื่อวาเทอร์ คนคนนี้เป็นผู้จัดการฝ่ายธุรกิจของบริษัทแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ นิสัยแย่มาก ยากที่จะรับมือ
ขณะนั้นเอง ลี่จุนซินก็ได้รับข้อมูลมาว่า คนที่ติดตามมากับคณะสำรวจนั้นมีเคธี่ด้วย ทำให้เธอรู้สึกช็อกมาก
“เคธี่? ทำไมเคธี่ถึงได้อยู่ในคณะสำรวจของแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ด้วยล่ะ?”
ลี่จุนซินรีบวางงานที่อยู่ในมือลง แล้วเรียกซู่จี้งยี้ให้ไปหาเจียงหยุนเอ๋อด้วยกัน
เป็นเพราะรีบร้อน ทำให้ลี่จุนซินไม่ทันระวังจนเท้าพลิก โชคดีที่ซู่จี้งยี้คอยมองเธออยู่ตลอด จึงได้รีบเข้าไปพยุงเธอเอาไว้
ลี่จุนซินตกใจ ตบหน้าอกด้วยความตื่นตระหนก แล้วเอ่ยพูด :
“ขอบใจนายนะ ผู้ช่วยซู่ ปีนี้ทำอะไรก็ติดขัดไปหมดจริง ๆ เลย”
เจียงหยุนเอ๋อเห็นลี่จุนซินถูกซู่จี้งยี้พยุงเข้ามา ก็ตกใจ รีบลุกขึ้นไปพยุงลี่จุนซิน
“พี่คะ เป็นอะไรไปคะ?”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เมื่อกี้เท้าแพลงนิดหน่อย ไม่เป็นไรมากหรอก” ลี่จุนซินนั่งลงบนโซฟา โบกปัดมือใส่เจียงหยุนเอ๋อเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร
“งั้นก็ดีแล้วค่ะ พี่คะ ที่รีบร้อนมาหาฉันขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอคะ?”
เมื่อถูกเจียงหยุนเอ๋อทักขึ้นมา ลี่จุนซินถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาเพราะจุดประสงค์อะไร
“ใช่ๆๆ! เมื่อกี้นี้ฉันได้ข่าวมา คนที่ติดตามคณะสำรวจมาในครั้งนี้ เป็นเคธี่”
เจียงหยุนเอ๋อได้ฟังข่าวนี้ ก็รู้สึกตกใจ
เคธี่เป็นเพื่อนสนิทของลี่จุนซิน แต่ช่วงก่อนหน้านี้ ลี่จุนถิงหายตัวไป เคธี่จึงหยุดโครงการความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายลง เรื่องนี้ทำให้ลี่จุนซินรู้สึกผิดหวังมาก
“บริษัทของครอบครัวเคธี่ไม่ใช่สตีเฟ่นกรุ๊ปหรอกเหรอ? ตอนนี้ทำไมถึงได้ไปเกี่ยวข้องกับแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ได้ล่ะ?” เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยถาม
ซู่จี้งยี้รีบหยิบโทรศัพท์มาโทรออก ผ่านไปสักครู่ อีกฝ่ายก็โทรกลับมา
“ผมให้คนไปตรวจสอบดูแล้วครับ เพราะเวลาเร่งด่วน จึงหาข้อมูลได้คร่าว ๆ เท่านั้น ส่วนที่เหลือรอให้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วผมจะรายงานให้คุณทราบครับ”
“ก่อนหน้านี้เคธี่ไปประเทศ S มา ส่วนไปทำอะไรนั้นยังไม่แน่ใจ แต่น่าจะเป็นตอนนั้นที่เคธี่ได้สานสัมพันธ์กับวาเทอร์”
สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนซินดูหนักใจขึ้นมาทันที
เจียงหยุนเอ๋อพูดอย่างเป็นกังวลว่า :
“ถ้าหากเคธี่เข้าไปแทรกแซง พวกเราจะยังมีโอกาสคว้าโครงการนี้มาได้อีกไหม?”
ลี่จุนซินหน้าตาจริงจัง พูดออกมาอย่างแน่วแน่
“ไม่ต้องไปสนเธอ พวกเราทำเหมือนว่าไม่มีคนคนนี้อยู่แล้วกัน ไม่ต้องไปสนว่าเธอจะเข้ามาวุ่นวายหรือเปล่า พรุ่งนี้ไปแล้วค่อยว่ากัน ยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จขึ้นอยู่กับตัวเรา พวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่ คงไม่ยอมล้มเลิกความร่วมมือกับพวกเราเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียวหรอก”
เช้าวันถัดมา ลี่จุนซินและเจียงหยุนเอ๋อรีบไปให้ถึงโรงแรมก่อนเที่ยง เดิมทีพวกเธอตั้งใจว่าหลังจากจากพบกับวาเทอร์ เจรจาเรื่องความร่วมมือกันเสร็จแล้ว มื้อเที่ยงจะเลี้ยงข้าวเขาสักมื้อ ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี และเพื่อความร่วมมือที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต
แต่ว่า เมื่อทั้งสองคนมาถึงโรงแรม ก็ถูกพนักงานต้อนรับของโรงแรมแจ้งว่าหากต้องการพบวาเทอร์ จำเป็นต้องนัดล่วงหน้า แต่พวกเธอสองคนก็ไม่ยอมแพ้ จึงได้บอกกับพนักงานต้อนรับไปว่า :
“คืออย่างนี้ค่ะ พวกเรามาจากบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป มาหาคุณวาเทอร์เพื่อเจรจาเรื่องความร่วมมือ เป็นเพราะคุณวาเทอร์เพิ่งมาถึงเมื่อวาน ดังนั้นจึงไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณวาเทอร์ เลยไม่ได้นัดไว้ล่วงหน้า”
“ตอนนี้สามารถแจ้งคุณวาเทอร์ให้ทราบหน่อยได้ไหมคะ รบกวนช่วยหน่อยนะคะ”
“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ คุณลี่ คุณวาเทอร์ได้กำชับเอาไว้แล้ว ถ้ามีแขกที่ไม่ได้นัดไว้ล่วงหน้า ก็ห้ามรบกวนเวลาพักผ่อนของเขา”
“ก็ได้ งั้นพวกเรารอเขาอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรมสักครู่แล้วกัน”
ลี่จุนซินและเจียงหยุนเอ๋อนั่งลงที่ล็อบบี้ของโรงแรม แล้วทำงานไปพลางรอวาเทอร์ไปพลาง
“พวกเรารออยู่ที่นี่แหละ เพิ่งมาเมืองจิ่งเฉิง พวกเขาต้องออกไปลิ้มลองอาหารขึ้นชื่อของเมืองจิ่งเฉิงแน่นอน รออยู่ตรงนี้แหละ ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ออกมา”
หลังจากที่พวกเธอทำงานกันเสร็จ ลี่จุนซินก็ยกมือขึ้นมามองนาฬิกา เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว
เจียงหยุนเอ๋อเลยลุกขึ้นแล้วพูดว่า :
“พี่คะ ฉันว่าพวกเราคงรอเก้อแล้วล่ะ พวกเรากลับกันก่อนเถอะค่ะ กลับไปปรึกษากับจุนถิงดูว่าจะเอายังไงดี”
“งั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน ไปกันเถอะ”
พวกเธอลุกขึ้น เก็บของ เตรียมจะกลับไป ก็เห็นเคธี่และวาเทอร์เดินคล้องแขนเข้ามาจากด้านนอกโรงแรม
เคธี่เห็นลี่จุนซินและเจียงหยุนเอ๋อตั้งแต่อยู่ด้านนอกโรงแรมแล้ว เดิมทีเธอที่เดินขนานกันมากับวาเทอร์ ก็ได้เข้าไปชิดตัววาเทอร์ทันทีแล้วคล้องแขนเขาไว้
วาเทอร์ตกใจ รู้สึกงงมาก จึงหันไปมองเคธี่แวบหนึ่ง เคธี่ได้ยิ้มเย้ายวนให้เขา ถึงแม้วาเทอร์ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เคธี่ถึงได้แนบชิดตัวเอง แต่สาวสวยเป็นฝ่ายเริ่มก่อนอย่างนี้เขาก็รู้สึกชอบใจมาก
เคธี่ดึงวาเทอร์เดินเข้าไปใกล้ลี่จุนซินกับเจียงหยุนเอ๋ออย่างยิ้ม ๆ แสร้งทำเป็นประหลาดใจ เข้าไปกอดลี่จุนซินเบา ๆ แล้วยิ้มพลางเอ่ยพูดกับลี่จุนซินว่า :
“ไม่เจอกันนานเลยนะ จุนซิน ช่วงนี้เธอสบายดีไหม? ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
เคธี่รู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเธอมาทำอะไรที่นี่ แต่แสร้งทำให้วาเทอร์เห็น และถือโอกาสเยาะเย้ยพวกเธอเท่านั้น
ลี่จุนซินเห็นเคธี่เสแสร้งอย่างนี้ ในใจก็มองบนใส่เธอ แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มตามมารยาท
“ขอบคุณเธอนะ ฉันสบายดีมากเลยล่ะ”
ลี่จุนซินพูดจบก็หันไปทางวาเทอร์ ไม่สนใจเคธี่อีก เธอยิ้มพลางยื่นมือไปหาวาเทอร์ แล้วพูดกับเขาว่า :
“สวัสดีค่ะ คุณวาเทอร์ ฉันคือลี่จุนซินจากบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปค่ะ จุดประสงค์ที่ฉันมาที่นี่ คิดว่าคุณคงทราบดีอยู่แล้ว”
เคธี่เห็นลี่จุนซินปฏิบัติกับเธอแบบนี้ สีหน้าก็ดูอึดอัดใจขึ้นมา แต่ก็ปรับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว และเมื่อเธอเห็นวาเทอร์ไม่ได้ยื่นมือไปจับมือลี่จุนซิน รอยยิ้มบนหน้าเธอก็ยิ้มชัดเจนมากขึ้น
ลี่จุนซินเห็นวาเทอร์ไม่สนใจเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าก็นิ่งไปครู่หนึ่ง
ทันใดนั้น เคธี่ก็แสร้งทำเป็นแนะนำลี่จุนซินกับวาเทอร์ให้รู้จักกัน
“วาเทอร์ จุนซินเป็นตัวแทนของประธานบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปล่ะ”
“อ้อ? ตัวแทนประธานเหรอ แล้วประธานของพวกเธอล่ะ?” วาเทอร์เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ประธานของพวกเขาน่ะ ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้หายตัวไป ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย” เคธี่แย่งพูดขึ้นมาก่อน
เคธี่เห็นหน้าลี่จุนซินดูบึ้งตึง ก็เอามือปิดปาก แสร้งทำท่าทีแบบพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจ แล้วเอ่ยพูดกับลี่จุนซินเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด :
“ขอโทษนะ จุนซิน ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดออกมา”
แต่ว่า น้ำเสียงของเคธี่ฟังดูไม่เหมือนขอโทษเลยสักนิด เหมือนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นมากกว่า
วาเทอร์แสยะยิ้มออกมา แล้วพูดเชิงล้อเล่นว่า :
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ผมก็ว่าทำไมบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปถึงได้ส่งผู้หญิงมาเจรจา นึกว่าบริษัทใหญ่โตอย่างลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่มีใครแล้วซะอีก ฮ่าฮ่าฮ่า……”
ถึงแม้ลี่จุนซินรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ แล้วอธิบายให้วาเทอร์ฟังว่า :
“นี่เป็นแค่อุบัติเหตุ……”
“พอเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว อีกสองวันผมจะไปพบที่บริษัท เรื่องความร่วมมือไม่ต้องรีบร้อนตอนนี้หรอก พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ”
วาเทอร์พูดขัดลี่จุนซิน พูดจบก็เดินจากไป