ทางฝั่งเจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนถิงอบอวลไปด้วยความสุขมากแค่ไหน ก็แสดงว่าทางฝั่งซูซานโดดเดี่ยวมากแค่นั้น
ในบาร์ มีเงาของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดกระโปรงหนังรัดรูปกำลังนั่งดื่มไวน์อยู่หน้าบาร์เพียงลำพัง ดวงตาที่ของเธอเริ่มพร่ามัว และขาที่เรียวยาวขาวเนียนของเธอ ทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
ผู้ชายหลายคนในบาร์ต่างกำลังจ้องมองเธออยู่ มีสองสามคนที่กล้าขึ้นเดินเข้าไปทักทาย แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับโวยวายใส่อย่างเกรี้ยวกราด
ผู้หญิงที่กำลังนั่งหน้าบูดบึ้งดื่มไวน์อยู่ก็คือซูซานนั่นเอง เธอย้ายกลับไปพักที่บ้านก็เพื่อลี่จุนถิง ทำให้อารมณ์ของเธอในตอนนี้เศร้าหมองมาก
“ลี่จุนถิง คุณมันโหดร้ายเหลือเกิน ต่อให้คุณจะอยากไปจากฉัน อยากกลับบ้านไปอยู่ข้างกายผู้หญิงคนนั้น คุณกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าคุณกลับมาแล้วไม่ใช่หรือไง คุณทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไงกัน ทำไม”
ซูซานบ่นว่าในขณะที่กำลังดื่มเหล้า
ในเวลานี้ ชายต่างชาติคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าบาร์ และผู้หญิงในบาร์ก็ร้องอุทาน หัวใจของพวกเธอเริ่มเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
ชายหนุ่มอายุน่าจะประมาณยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี ผมสั้น ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวคอเสื้อเปิดออกเล็กน้อย ปลายแขนเสื้อม้วนขึ้นกลางแขน เผยให้เห็นผิวขาว นัยน์ตาสีเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากอิ่ม พอเอามารวมกันยิ่งเหมือนการสร้างสรรค์ผลงานจากพระเจ้า
เขามองไปรอบ ๆ ร้าน ในที่สุดก็จ้องมองมาที่ร่างบาง แล้วเดินตรงเข้าไปหา
บรรดาหญิงสาวและชายหนุ่มต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความผิดหวังเมื่อเห็นชายคนนั้นเดินเข้าไปหาซูซาน เพราะรู้ว่าตนเองไม่มีโอกาสแล้ว
ชายคนนี้ชื่ออลัน·กัล เป็นเพื่อนในวัยเด็กที่เติบโตมากับซูซาน และเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของประเทศด้วย
อลัน มองดูบนโต๊ะบาร์ที่เต็มไปด้วยแก้วเหล้า ก่อนจะมองซูซานที่ทำหน้าบูดบึ้ง ขมวดคิ้วแน่น ภายในใจรู้สึกไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก
อลันพยุงซูซานขึ้นอย่างนุ่มนวล แล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้อง
อันที่จริง ซูซานไม่ได้เมามาก แต่เหล้าไม่ได้ทำให้คนเมาแต่คนต่างหากที่อยากเมาเอง หลังจากที่ซูซานกลับมาที่ห้อง เธอก็มีสติขึ้นมากและมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
อลันนั่งตรงหน้าซูซานแล้วจับไหล่ของเธอจ้องหน้าเธอเขม็งแล้วพูดว่า
“ซูซาน คุ้มไหม เพื่อผู้ชายที่ไม่รักคุณ คุณต้องมาทำร้ายตัวเองแบบนี้ เมื่อก่อนคุณหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองมาก แต่กลับขอร้องอ้อนวอนเขา คุณปฏิเสธผมเพื่อเขา ผมนึกว่าคุณจะมีความสุข แล้วผลลัพธ์ล่ะ คุณต้องมาตกอยู่ในสภาพทุลักทุเลแบบนี้ มันคู่ควรกับการที่ผมยอมตัดใจจากคุณไหม คุณไม่รู้สึกผิดต่อตัวเองบ้างหรือไง”
น้ำเสียงของอลันแฝงไปด้วยความอ้อนวอน
ซูซานมองอลันด้วยความอารมณ์รุนแรง เธอยกมือผลักเขาออกไป ก่อนจะหันหน้าหนี ไม่สนใจ
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันที
ในตอนที่อลันอ้าปากเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงของซูซานก็ดังเข้ามาในหูของเขา
“ฉันชอบเขา เขาสมบูรณ์แบบมาก มีเสน่ห์ ฉันชอบเขาจริงๆ ทำไมเขาถึงไม่มองมาที่ฉันเลยล่ะ”
เมื่ออลันได้ยินซูซานพูดแบบนี้ เขาก็กำหมัดแน่น เขาเม้มปากแน่น ใบหน้าของเขาโกรธมาก และดวงตาของเขามีร่องรอยของความคับแค้นใจ
เหมือนซูซานจะคิดอะไรออก เธอลุกขึ้นนั่งตัวตรง สองมือจับไหล่อลันไว้ ดวงตาของเธอเป็นประกาย
อลันสะดุ้งตกใจ เขายังไม่ทันได้ปรับสีหน้าของเขา ซูซานไม่ได้สังเกตเห็นด้วย
“จริงด้วย คุณชอบฉันไม่ใช่เหรอ คุณเคยบอกว่าคุณจะทำทุกอย่างเพื่อฉัน งั้นคุณช่วยให้ฉันได้เขามาครอบครองได้ไหม อลัน ตอนนี้ฉันมีคุณเท่านั้น คุณต้องช่วยฉัน”
อลันมองเธออย่างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ
เขารักเธอ ดังนั้นเขาจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ
“ถ้านี่เป็นสิ่งที่คุณต้องการ ผมก็จะช่วยคุณเอง”
พอซูซานได้ยินว่าอลันจะช่วยเหลือเธอ เธอจึงรู้สึกผ่อนคลาย แล้วนอนลงบนเตียง ก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
อลันนั่งลงที่ขอบเตียงและมองซูซานต่อไป แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหล
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ลี่จุนถิงตื่นขึ้นมา เขาพบว่าเจียงหยุนเอ๋อยังไม่ตื่น ลี่จุนถิงมองไปที่ใบหน้าที่กำลังหลับใหลของเจียงหยุนเอ๋อ แล้วอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เขา รู้สึกมีความสุขมาก ความรู้สึกมั่นคงแบบนี้เขาไม่เคยรู้สึกมานานมากแค่ไหนแล้ว
สักพักเจียงหยุนเอ๋อก็ ตื่นนอน พอลืมตาขึ้นมาจึงเห็นว่าลี่จุนถิงกำลังจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้ม ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่อ่อนหวานเมื่อคืนนี้ ใบหน้าของเธอเริ่มแดง โชคดีว่าเธอเพิ่งตื่น หน้าของเธอแดงจึงดูไม่ค่อยออก
เมื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อตื่นแล้ว ลี่จุนถิงก็ก้มศีรษะลงและจุมพิตหน้าผากของเธอเบา ๆ แล้วพูดเบา ๆ ว่า
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณภรรยาสุดที่รัก”
หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อตื่นนอน เธอก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กินข้าวเช้ารองท้องเข้าไปนิดหน่อย แล้วรีบออกเดินทางไปที่บริษัททันที
ลึ่จุนถิงอดที่จะรู้สึกผิดในใจไม่ได้ ในตอนที่เขายืนดูการกระทําที่เร่งรีบของเจียงหยุนเอ๋อ
“หยุนเอ๋อ ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นก็ได้ ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว ผมจะไม่ปล่อยให้คุณทำงานหนักเกินไป เรื่องงานคุณไม่ต้องทำเยอะเกินไป คุณต้องพักผ่อนให้เพียงพอนะครับ”
เจียงหยุนเอ๋อมองไปที่ลี่จุนถิงที่กำลังพูด มุมปากของเธอยกยิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดลี่จุนถิงไว้
“ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว ฉันจะพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ”
ตอนที่เจียงหยุนเอ๋อ มาถึงบริษัท ซู่จี้งยี้กำลังรอเธออยู่ที่สำนักงานแล้ว
“คุณผู้หญิงครับ ผมได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของบริษัทแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์มาแล้วครับ รวมถึงข้อมูลของบุคคลสำคัญทั้งหมดในบริษัทนี้ด้วยครับ”
ซู่จี้งยี้กล่าวรายงานพร้อมกับวางกองเอกสารในมือลงตรงหน้าเจียงหยุนเอ๋อ
เจียงหยุนเอ๋ออพยักหน้า
ลี่จุนซินเดินเข้ามา แล้วพูดว่า
“ในอีกไม่กี่วัน แมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ จะส่งคนไปตรวจสอบบริษัทระดับเฟิร์สคลาสทั้งหมดในหวากั๋ว บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปถือเป็นอันดับต้นๆอย่างแน่นอน เราต้องเตรียมการล่วงหน้าจะได้ไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น”
“รอพวกเขามาถึง เราต้องต้อนรับพวกเขาอย่างดี ผู้ช่วยซู่ คุณสั่งการพนักงานไว้ล่วงหน้าด้วย ว่าอีกไม่กี่วันที่จะถึง ให้พนักงานตั้งใจทำงานด้วย ห้ามให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเด็ดขาด”
ซู่จี้งยี้พยักหน้ารับแล้วพูดว่า “ได้ครับ ผมจะจับตามองอย่างใกล้ชิดครับ”
“จริงสิ บอกคนของเราที่คอยสังเกตการณ์อยู่ทางฝั่งลี่หยูนห่วนกับลี่หุยเตรียมพร้อมไว้ด้วย คราวนี้เราจะพลาดจากโครงการนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
ในเวลานี้เอง เจียงหยุนเอ๋อพูดแนะนำออกมา
“ถึงแม้จะพูดว่าโครงการนี้ให้จุนถิงเป็นคนเข้าไปเจรจา แต่ตอนนี้เขายังต้องทำงานอยู่ในมุมมืด เราอยู่ในที่สว่าง ต้องแสร้งทำให้คนอื่นดู และเราจะปล่อยให้ลี่หยูนห่วนและพรรคพวก รู้แผนของเราไม่ได้เด็ดขาด”
“ถึงแม้เราจะทำแค่ผิวเผิน แต่เราต้องตั้งใจทำเช่นกัน เราต้องเตรียมการทั้งสองฝ่ายเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน”
ลี่จุนซินกับซู่จี้งยี้ก็คิดว่ามีเหตุผลจึงรับพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาแสดงท่าทีว่าจำไว้ได้แล้ว