เมื่อถึงตอนค่ำ เมืองใหญ่ที่ครึกครื้นเต็มไปด้วยเสื้อคลุมหลากสีสัน ไฟตามถนนหนทางทำให้ยามค่ำคืนสว่างไสวราวกับแสงอาทิตย์ยามพลบค่ำ
ลี่หยูนห่วนลงทุนลงแรงไปมากกว่าจะสามารถจองห้องจัดเลี้ยงที่หลานจินอวี่เซวนของหอชวีส่วยได้ ห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้เป็นห้องจัดเลี้ยงที่สวยงามตระการตามากที่สุดของเมือง ซึ่งสามารถบ่งชี้ฐานะของคนได้เป็นอย่างดี
อีกทั้ง เพื่อต้อนรับการมาถึงของวาเทอร์ ลี่หยูนห่วนจึงได้เชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนของเมืองจิ่งเฉิงมาด้วย แต่ก็เป็นส่วนน้อย ดังนั้นด้านในจึงมีคนมากมายที่ลี่หยูนห่วนเรียกมาร่วมงาน เพื่อประจบเอาใจวาเทอร์
เมื่อวาเทอร์และเคธี่เดินเข้าไปในห้องจัดงานเลี้ยง ก็สะดุดตาเข้ากับของประดับตกแต่งที่ส่องประกายระยิบระยับแวววาว ในใจคิดว่า ลี่หยูนห่วนคนนี้ช่างเอาใจใส่ดีจริง ๆ ทำให้รู้สึกพึงพอใจมากขึ้นไปอีก
ลี่หยูนห่วนและลี่หุยกำลังยกแก้วไวน์สนทนากับบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลาย เมื่อเหลือบเห็นวาเทอร์และเคธี่มาถึงแล้ว ก็รีบขอตัวจากพวกผู้อาวุโส แล้วรีบเข้าไปต้อนรับวาเทอร์และเคธี่
“คุณวาเทอร์ ยินดีต้อนรับครับ คุณพอใจกับงานเลี้ยงที่ผมเตรียมไว้ให้คุณไหมครับ? เวลากะทันหันไปหน่อย ไว้คราวหน้ามีโอกาส ผมจะจัดงานเลี้ยงที่ดีกว่านี้ให้คุณนะครับ”
“คุณลี่ คุณถ่อมตัวเกินไปแล้ว ผมรู้สึกว่างานเลี้ยงนี้ยอดเยี่ยมไปเลย”
“คุณชอบก็ดีแล้วครับ มาเร็วครับ พวกเราอย่ายืนอยู่ที่ประตูกันเลย รีบเข้าไปด้านในเถอะครับ”
ลี่หยูนห่วนพาวาเทอร์เดินวนรอบหนึ่ง แนะนำให้เขารู้จักกับคนมากมาย แต่เคธี่ไม่ได้ตามไปกับพวกเขาด้วย เพราะคนเหล่านี้เธอรู้จักอยู่แล้ว
เคธี่เดินเข้ามาในงาน ก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เธอสวมชุดเดรสเกาะอกยาวถึงข้อเท้า ร้องเท้าส้นสูงเข็มสีเงิน ดูมีออร่ามาก หลายคนต่างกระเหี้ยนกระหือรือเข้ามาพูดคุยเพื่อจีบเธอ แต่เธอปฏิเสธไป
เดิมทีเธอคิดว่าลี่หยูนห่วนจะเก่งสักแค่ไหนเชียว แต่คาดไม่ถึงว่าคนส่วนใหญ่ก็แค่มาช่วยเพิ่มจำนวนคนให้ดูเยอะเท่านั้น ทำให้เธอยิ่งรู้สึกดูถูกพวกเขามากขึ้นไปอีก
ทันใดนั้น บนเวทีก็มีเสียงลี่หยูนห่วนดังขึ้น
“สวัสดีครับทุกท่าน ผมคือลี่หยูนห่วน ก่อนอื่นต้องขอต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานเลี้ยง ลำดับต่อไป ผมขอแนะนำทุกคนให้รู้จักกับคนคนหนึ่ง นั่นก็คือหัวหน้าคณะสำรวจจากแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ คุณวาเทอร์ ขอเสียงปรบมือต้อนรับด้วยครับ”
คนที่อยู่ด้านล่างเวทีเมื่อได้ยินเสียงของลี่หยูนห่วน ต่างก็พากันยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อต้อนรับวาเทอร์ วาเทอร์ชอบความรู้สึกที่ตัวเองได้รับความสนใจแบบนี้เป็นอย่างมาก
วาเทอร์ชอบอะไรแบบนี้มากจริง ๆ เขารู้สึกว่าลี่หยูนห่วนและลี่หุยฉลาดมากที่ปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ แขกที่เชิญมาร่วมงานต่างก็พากันมาทำความรู้จักและสานสัมพันธ์กับเขา
และในขณะเดียวกัน ทางฝ่ายเจียงหยุนเอ๋อก็ได้รับข้อมูลข่าวสารมา จึงร้อนใจเป็นอย่างมาก
“จุนถิง จะทำยังไงดีล่ะ? พวกลี่หยูนห่วนเริ่มลงมือกันแล้ว ถ้าหากพวกเขากับวาเทอร์เจรจาความร่วมมือกันสำเร็จขึ้นมาจะทำยังไงดี?”
ลี่จุนถิงที่เดิมทีกำลังทำงานอยู่ในห้องหนังสือ ก็เห็นเจียงหยุนเอ๋อวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน หลังจากได้ฟังเธอพูดจนจบ ก็ดึงเธอเข้ามากอดแล้วปลอบใจว่า :
“รีบร้อนขนาดนี้ทำไม? ไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย อีกอย่าง ถึงฟ้าจะถล่มลงมาก็ยังมีฉันคอยแบกรับไว้อยู่นะ ตอนนี้เธออยู่ในช่วงระยะอันตรายนะ ฉันกำชับเธอไปกี่ครั้งแล้ว ทำไมเธอถึงไม่เชื่อฟัง”
เจียงหยุนเอ๋อได้ยินลี่จุนถิงบ่นตัวเอง ก็ตั้งสติได้แล้วเถียงกลับไป
“ฉันไม่เชื่อฟังตรงไหนกัน? ที่นายบอกมาฉันทำตามทุกอย่าง ฉันไม่เชื่อฟังนายเมื่อไหร่กัน”
คำพูดของลี่จุนถิงถูกเจียงหยุนเอ๋อเฉไฉกลบเกลื่อนไปแล้ว
เจียงหยุนเอ๋อพูดจบก็นึกถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองมาหาขึ้นมาได้ เลยตีลี่จุนถิงไปเบา ๆ แล้วบ่นว่าเขาอย่างออดอ้อน :
“ไอหยา มาหานายเพื่อมาคุยธุระนะ นายอย่าชวนคุยเรื่องไร้สาระสิ เมื่อกี้นี้ที่ฉันบอกนายไป นายได้ตั้งใจฟังหรือเปล่า”
ลี่จุนถิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่อมยิ้ม มองเธอด้วยความรักและเอ็นดู แล้วเอามือวางบนท้องของเธอ จากนั้นก็ลูบไปมาเบา ๆ
เจียงหยุนเอ๋อเห็นลี่จุนถิงไม่ร้อนใจเลยสักนิด เมื่อตั้งสติได้ ก็ถามลี่จุนถิงอย่างมีลับลมคมใน : “จุนถิง นายคิดแผนการรับมือออกแล้วใช่ไหม?”
ลี่จุนถิงมองเจียงหยุนเอ๋อที่ทำท่าทางน่ารัก ก็ไม่แกล้งเธออีกแล้ว เลยพูดกับเธอว่า :
“เช้าวันนี้หลังจากที่เธอคุยโทรศัพท์กับฉันเสร็จ ฉันก็ให้ชิงโม่ไปสืบเรื่องของวาเทอร์ วาเทอร์คนนี้อยู่ในบริษัทไม่ได้อำนาจหรือสิทธิ์พิเศษมากมายขนาดนั้น เขาก็แค่ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจคนหนึ่งเท่านั้น”
“ครั้งนี้ถึงแม้เขาจะมาทำการตรวจสอบในนามของหัวหน้าคณะตรวจสอบ แต่เขาไม่ได้มีสิทธิ์ตัดสินใจในขั้นสุดท้าย พูดให้เข้าใจหน่อยก็คือ เขาเป็นแค่คนดูลาดเลาคนหนึ่ง ความเป็นจริงยังมีคนที่ใหญ่กว่านั้นอยู่เบื้องหลัง”
“ดังนั้น เป้าหมายของฉัน คือคนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นต่างหาก แต่ว่า ข้อมูลนี้เป็นความลับมาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันมีหูมีตาคอยสอดส่องอยู่ด้านนอกมากมาย ฉันก็คงไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน”
“ฉะนั้น เธอไม่ต้องตื่นตระหนกไปหรอก ลี่หยูนห่วนพวกนั้นประจบสอพลอวาเทอร์และเคธี่ขนาดไหน ก็เสียแรงเปล่า”
เจียงหยุนเอ๋อเงียบลงทันที เมื่อกำลังคิดจะถามว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นคือใคร โทรศัพท์ของลี่จุนถิงก็ดังขึ้นพอดี เมื่อหยิบมาดู ก็พบว่าเป็นลี่จุนซิน
หลังจากลี่จุนถิงรับสายแล้ว ก็ได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของลี่จุนซินดังออกมาจากลำโพงโทรศัพท์
“จุนถิง พวกลี่หยูนห่วนนั่นมันยังไงกัน? ฉันถามซู่จี้งยี้แล้ว เขาบอกฉันว่าไม่เป็นไร แต่ฉันไม่วางใจ พวกลี่หยูนห่วนเริ่มเข้าไปสนิทกับวาเทอร์แล้ว และก็ทำให้วาเทอร์ชอบด้วย ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี? นายคิดแผนการรับมือออกหรือยัง จริงสิ! ยังมีเคธี่อีกคน เคธี่ต้องคอยเป็นก้างขวางคอพวกเราแน่ ๆ งั้นโอกาสที่พวกเราจะเจรจาเรื่องความร่วมมือสำเร็จก็ยิ่งเลือนลางน่ะสิใช่ไหม?”
ลี่จุนซินเมื่อโทรมาก็พูดใส่เป็นชุด ลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อไม่มีโอกาสพูดแทรกกันเลย เห็นได้ชัดว่าลี่จุนซินร้อนอกร้อนใจแค่ไหน
“พี่คะ อย่าเพิ่งร้อนใจไป เรื่องนี้ไม่ได้หนักหนาเลยจริง ๆ”
เจียงหยุนเอ๋อพูดหว่านล้อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็บอกสิ่งที่ลี่จุนถิงอธิบายให้เธอฟังเมื่อครู่นี้กับลี่จุนซิน
ในที่สุดลี่จุนซินก็สงบลง แล้วเอ่ยถาม :
“แล้วคนที่ลึกลับคนนั้นตอนนี้มีเพียงวาเทอร์คนเดียวที่รู้ เคธี่ไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”
“หล่อนไม่รู้แน่นอน อีกอย่าง ต่อให้ตอนนี้หล่อนหลอกล่อวาเทอร์ได้ แต่วาเทอร์ไม่มีทางบอกหล่อนหรอก นอกจากเขาไม่อยากได้งานนี้แล้ว”
“แล้วตกลงคนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นคือใครกันแน่?” ลี่จุนซินถามคำถามที่เมื่อกี้เจียงหยุนเอ๋อไม่ทันได้ถามออกมา
“จากที่ให้ชิงโม่ไปตรวจสอบมา น่าจะเป็นเบนแทม·แชนด์เลอร์น้องชายของแอ๊บบอต·แชนด์เลอร์ซึ่งเป็นคนที่ตำแหน่งใหญ่สุดในแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ ตอนนี้แอ๊บบอตป่วยหนักมาก ดังนั้นเขาจึงอยากเกษียณแล้วยกบริษัทให้น้องชายตัวเอง เลยมอบหมายโครงการนี้ให้กับเขา”
ในตอนนี้ ลี่จุนซินและเจียงหยุนเอ๋อถึงได้วางใจลงได้
หลังจากวางสายไป เจียงหยุนเอ๋อก็อยู่เป็นเพื่อนลี่จุนถิงทำงานต่อไป หลังจากที่ลี่จุนถิงทำงานเสร็จแล้ว ก็พบว่าเจียงหยุนเอ๋อนอนหลับอยู่ที่โซฟาด้านหลังเขาไปแล้ว
ลี่จุนถิงค่อย ๆ อุ้มเจียงหยุนเอ๋อขึ้นมา แล้วพากลับห้องนอน
เมื่อกลับมาถึงห้องนอน เจียงหยุนเอ๋อก็ตื่นขึ้นมา เธอขยี้ตาแล้วร้องเรียก : “จุนถิง”
ลี่จุนถิงหันไปมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ขาวผ่องของเจียงหยุนเอ๋อ แล้วจูบเธอเบา ๆ พูดเสียงอ่อนโยนเพื่อกล่อมให้เธอนอนหลับต่อ
“นอนเถอะครับ ที่รัก ฉันอยู่ตรงนี้”
ลี่จุนถิงพูดจบก็นอนลงที่ข้างตัวเจียงหยุนเอ๋อ สูดดมกลิ่นหอมที่โชยออกมาจากตัวเธอ กลืนน้ำลายลงคอหลายอึก แต่ว่า เจียงหยุนเอ๋อหลับไปแล้ว เขาจึงไม่อยากทำให้เธอตื่นอีก
เลยลุกขึ้น ไปอาบน้ำเย็นสักหน่อย แล้วกลับมากอดเจียงหยุนเอ๋อจนหลับไป