วินาทีที่เวียร์เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นลี่จุนซินพอดี
วันนี้ลี่จุนซินใส่ชุดเดรสชีฟองสั้นเปิดไหล่สีฟ้าทั้งชุด มีโบว์ผูกที่เอวน่ารักซะเหลือเกิน ผมดำราวกับสีหมึกยาวพลิ้วถึงเอว ดวงตาดูเยือกเย็นราวกับลำธารน้ำใสที่อยู่บนเทือกเขาหิมะ เธอดูหยิ่งผยองและยากที่จะเข้าถึง
เวียร์เห็นลี่จุนซินในสภาพแบบนี้ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา ในใจรู้สึกดีใจอย่างคาดไม่ถึง ลี่จุนซินในเมื่อวานใส่ชุดทำงานดูเป็นทางการมาก แต่เธอในวันนี้กลับดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
ลี่จุนซินก็เห็นเวียร์แล้วเหมือนกัน เลยรู้สึกประหลาดใจมาก เธอยิ้มด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงใหลให้กับเวียร์
เวียร์เห็นลี่จุนซินยิ้มให้ ดวงตาคู่นั้นที่ดูหยิ่งจองหอง ก็กลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวในทันที ราวกับประกายระยิบระยับนั้นจะล้นออกมา จู่ ๆ หัวใจของเวียร์ก็เต้นตึกตัก ๆ อย่างแรง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้
เพราะเมื่อคืนเวียร์ช่วยลี่จุนซินเอาไว้ และเวียร์ได้เผลอทำให้ลี่จุนซินเห็นหุ่นของเขาจนเธอยากที่จะลืม ดังนั้นลี่จุนซินจึงรู้สึกดีต่อเขามาก เลยเป็นฝ่ายเข้าไปทักทายเขาก่อน
“Hi สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้วนะคะ” ลี่จุนซินพูดพลางยื่นมือไปหาเวียร์
เวียร์ยื่นมือไปจับมือของลี่จุนซินด้วยความตื่นเต้น
“สวัสดีครับ โชคดีจังเลยที่ได้พบคุณอีกครั้ง เมื่อวานกะทันหันเกินไป เลยลืมถามชื่อคุณเลย ตอนนี้คุณบอกผมได้ไหมครับ”
พูดจบ เวียร์ก็ยิ้มจนตาหยีให้กับลี่จุนซิน
“ได้แน่นอนค่ะ ฉันชื่อลี่จุนซิน หรือคุณจะเรียกฉันว่าเอ็ดลินก็ได้ค่ะ”
“ผมอยู่ที่จีน ก็ต้องเรียกคุณว่าจุนซิน ผมเรียกอย่างนี้คุณไม่ถือสาใช่ไหมครับ”
“ไม่ถือสาหรอกค่ะ”
“จริงสิ คุณบอกว่าคุณแซ่ลี่ ไม่ทราบว่าคุณเกี่ยวข้องยังไงกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเหรอครับ” เวียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถาม
ลี่จุนซินได้ยินเวียร์พูดถึงบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ก็แปลกใจมาก
“ทำไมคุณถึงรู้จักบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปล่ะคะ”
“อ้อ! ขอโทษด้วยนะครับ ผมลืมแนะนำตัวเองไปเลย ผมชื่อเวียร์·แชนด์เลอร์ เป็นหัวหน้าสำรวจของคณะสำรวจที่แมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ส่งมาครั้งนี้น่ะครับ เพราะว่าผมมาค่อนข้างช้าไปหน่อย เลยไม่ค่อยมีใครรู้”
“บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทที่พวกเราชื่นชมมากครับ อีกอย่างพวกเราก็ได้เจรจาเรื่องความร่วมมือกับบริษัทของพวกคุณแล้วด้วย พวกเขาอยู่ด้านนอก พวกเราทานข้าวด้วยกันหน่อยไหมครับ”
ลี่จุนซินได้ฟังที่เวียร์พูด ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เวียร์เห็นสีหน้าลี่จุนซินเปลี่ยนไป ก็ขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถาม :
“จุนซิน เป็นอะไรไปครับ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ลี่จุนซินคิดว่าตัวเองก็พอมีความสามารถ จึงได้ปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แต่น้ำเสียงที่พูดออกมาฟังดูเย็นชามาก
“ฉันต้องแนะนำตัวเองให้คุณรู้จักใหม่แล้วล่ะค่ะ ฉันเป็นรักษาการประธานบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปในตอนนี้ ลี่จุนถิงที่เป็นประธานบริษัทคือน้องชายแท้ ๆ ของฉัน”
“บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปของพวกเรามีเจตนาจะเจรจาร่วมงานกับพวกคุณอยู่แล้ว แต่คุณก็น่าจะรู้ผลของการเจรจาเมื่อคืนว่าเป็นยังไง ตอนนี้คนที่นั่งอยู่ด้านนอกที่กำลังเจรจากับพวกคุณไม่ใช่คนของพวกเรา”
“หนึ่งในพวกเขาคือลี่หยูนห่วนลูกชายลุงรองของฉัน ส่วนอีกคนคือลี่หุยที่เป็นลูกนอกสมรสของพ่อฉัน ก่อนที่คุณมาที่นี่น่าจะได้ตรวจสอบบริษัทของพวกเราแล้ว น่าจะรู้ว่าน้องชายของฉันหายตัวไป ดังนั้น สองคนนั้นจึงคิดจะฮุบบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปไปเป็นของตัวเอง”
“พวกเขาทั้งสองคนมักจะทำเรื่องไม่ดีต่อคนอื่น เรียกว่าเลวอย่างเต็มรูปแบบเลยล่ะค่ะ”
“อีกอย่าง พวกเขาไม่มีความสามารถในการทำโครงการนี้เลยสักนิด ที่พวกเขาต้องการได้โครงการนี้ก็เพราะอยากล้มล้างพวกเรา”
ลี่จุนซินพูดถึงตอนสุดท้าย ใบหน้าดูโกรธแค้น น้ำเสียงก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่เวียร์ฟังจบ ก็เลิกคิ้วขึ้น
ลี่จุนซินนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเสียมารยาท รู้สึกว่าการกระทำของตัวเองแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการร้องเรียน เลยเอามือสางผมตัวเองแก้เขิน
เพื่อคลายสถานการณ์ที่น่าอึดอัด และถือโอกาสกอบกู้หน้าของตัวเอง ลี่จุนซินเลยเป็นฝ่ายเอ่ยพูดก่อนว่า :
“รบกวนถามหน่อยค่ะว่าคุณพอจะมีเวลานัดเจอกับพวกเราสักครั้งได้ไหม ฉันจะเอาแผนงานของพวกเราให้คุณดูสักหน่อย แล้วคุณค่อยตัดสินใจว่าตกลงจะร่วมงานกับฝ่ายไหน”
เวียร์เห็นลี่จุนซินอารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ก็อดหัวเราะไม่ได้ แล้วตอบตกลงด้วยความยินดี
อีกอย่าง มีโอกาสได้พบกับลี่จุนซินอีกครั้ง เวียร์ต้องตอบตกลงอยู่แล้ว ยังไงเขาก็รู้ใจของตัวเองเป็นอย่างดี
หลังจากที่ทั้งคู่นัดแนะเวลากันเรียบร้อยแล้ว ก็แยกย้ายกันไป
เวียร์มองลี่จุนซินกลับไปยังที่นั่งของเธอแล้ว เขาถึงได้ก้าวเท้าเดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง เวียร์คงไม่รู้ตัวเองว่าสายตาของเขาเมื่อครู่นี้นั้นอาลัยอาวรณ์มากแค่ไหน
เวียร์เก็บอาการของตัวเอง แล้วกลับไปยังที่นั่ง
ลี่หยูนห่วนและลี่หุยเมื่อเห็นเวียร์กลับมา ก็แกล้งทำทีห่วงใย เอ่ยถาม :
“คุณเวียร์ครับ ทำไมคุณถึงไปนานจังครับ? พวกเรากำลังจะไปตามคุณอยู่ คุณก็กลับมาพอดีเลย”
“ไม่มีอะไรครับ ก็แค่เจอคนรู้จักเลยพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง”
เวียร์จ้องมองลี่หยูนห่วนและลี่หุยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เผื่อจะมองอะไรออกจากใบหน้าของพวกเขา
ลี่หยูนห่วนคิดในใจว่าเวียร์เพิ่งมาเมืองจิ่งเฉิง จะมีคนรู้จักได้ยังไงกัน
แต่ว่า เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเวียร์จ้องตัวเองอยู่ เลยยิ้มให้เขาอย่างประจบเอาใจ
ลี่หยูนห่วนและลี่หุยคิดว่าเวียร์นิสัยเหมือนวาเทอร์ เพื่อให้วาเทอร์เห็นความจริงใจของพวกเขา ลี่หยูนห่วนและลี่หุยจึงยกอาหารให้เวียร์อยู่ตลอด คอยบริการเวียร์ทุกอย่าง
เวียร์ไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้เอามาก ๆ แอบปฏิเสธลี่หยูนห่วนและลี่หุยอยู่ตลอด แต่พวกลี่หยูนห่วนกับไม่รู้สึกตัว คิดว่าเวียร์ไม่พอใจกับการบริการของพวกเขา เลยยิ่งเอาอกเอาใจเวียร์มากขึ้นไปอีก
เวียร์ก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจพวกเขามากขึ้นเช่นกัน
ลี่หยูนห่วนเห็นว่าเวียร์ทานใกล้เสร็จแล้ว จึงได้เอ่ยถามเวียร์อย่างระมัดระวังว่า :
“คุณเวียร์ครับ ทานเป็นยังไงบ้างครับ? อาหารที่นี่ถูกปากคุณไหมครับ?”
เวียร์พยักหน้า หยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดปากตัวเอง แล้วพูดว่า : “ก็ไม่เลวครับ”
“งั้น……คุณเวียร์ ตอนนี้พวกเราเจรจาเรื่องความร่วมมือกันสักหน่อยได้ไหมครับ”
“อืม ได้สิ พวกคุณอธิบายแผนงานอย่างละเอียดให้ผมฟังหน่อยแล้วกัน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นลี่หยูนห่วนและลี่หุยก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เพราะว่าแผนงานนั้นลูกน้องเป็นคนทำ พวกเขาไม่ได้ดูอย่างละเอียดเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เลยพูดอะไรไม่ออก
พวกเขาร้อนใจจนเหงื่อแตก ลี่หยูนห่วนส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากวาเทอร์
หลังจากที่วาเทอร์เห็น ก็หันไปพูดกับเวียร์ว่า :
“คุณเวียร์ครับ แผนงานผมเคยให้คุณดูไปแล้ว ผมอ่านดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน พบว่าไม่มีปัญหาอะไรครับ พวกเราสามารถเซ็นสัญญาได้เลย”
เวียร์เหลือบมองวาเทอร์แวบหนึ่ง แล้วพูดว่า :
“นายเป็นเจ้านายหรือว่าฉันเป็นเจ้านาย? ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงโครงการนี้ แล้วจะเซ็นสัญญาได้ยังไงกัน?”
“คือว่า……คุณเวียร์ครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
วาเทอร์ถูกเวียร์มอง ก็เหงื่อตกไปทั้งตัว ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ลี่หยูนห่วนและลี่หุยเห็นท่าทางของวาเทอร์ ก็ยิ่งร้อนใจมากขึ้นไปอีก เลยส่งสายตาให้กับวาเทอร์อย่างเอาเป็นเอาตาย
เวียร์เห็นท่าทางของพวกเขา ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าพวกเขาได้ร่วมมือกันก่อนหน้านี้แล้ว
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน เรื่องแผนงานผมจะกลับไปดูอย่างละเอียด แล้วค่อยตอบกลับพวกคุณ”
เวียร์พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วกลับไปเลย