แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง ลี่จุนถิงค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา ขยับมือเล็กน้อย ก็รู้สึกเหมือนมีผ้าไหมปักลายอยู่ที่ฝ่ามือ เนื้อผ้าเนียนนุ่มและลื่น เลยลูบไล้ไปอย่างไม่รู้ตัว
มีกลิ่นหอมโชยมาแตะปลายจมูก ลี่จุนถิงรู้สึกเหมือนเป็นกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยจากเทียนหอม และกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์จากผิวและผมของเธอ ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง สายตาหลุบต่ำลง เห็นคอเสื้อยืดตัวใหญ่ที่เจียงหยุนเอ๋อสวมอยู่เปิดกว้าง เผยให้เห็นผิวขาวนวลผ่อง มือของตัวเองก็ลูบไล้ไปบนแผ่นหลังของเธอ
ตอนเช้าร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองไวมากเหลือเกิน ลี่จุนถิงสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายตาจับจ้องไปที่เรือนร่างของเธออย่างควบคุมไม่อยู่ อยากขยับนิ้วมือแต่ก็ไม่กล้าขยับ ลมหายใจที่พ่นออกมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ทันใดนั้นเอง เจียงหยุนเอ๋อก็ตื่นขึ้นมา เธอหรี่ตามองลี่จุนถิง ท่อนล่างของลี่จุนถิงยิ่งขยายใหญ่มากขึ้น
เจียงหยุนเอ๋อตื่นขึ้นมา เห็นแววตาท่าทางของลี่จุนถิงเหมือนอยากกินตัวเองเข้าไป ก็ผลักเขาออกไปอีกด้าน เธอลุกขึ้นนั่ง หยิบหมอนข้างขึ้นมายกกั้นเอาไว้ แล้วแกล้งตีหน้าซื่อถามออกไปว่า
“ตื่นเช้ามาก็มาจ้องมองฉันอย่างนี้ คิดจะทำอะไรห๊ะ?”
ลี่จุนถิงไม่พูดอะไร ได้แต่มองเจียงหยุนเอ๋อแล้วยิ้มออกมา
เจียงหยุนเอ๋อยกมือขึ้นมาตีเขา ลี่จุนถิงใช้มือป้องกันตามสัญชาตญาณ แล้วเจียงหยุนเอ๋อก็แกล้งมองเขาอย่างโกรธ ๆ
“นายกล้ากันฉันเหรอ!”
“เขายิ้มอย่างจนใจแล้วเอามือที่บังไว้ออก เจียงหยุนเอ๋อกัดริมฝีปากเบา ๆ ทำท่าจะต่อยเขาแรง ๆ
ลี่จุนถิงหลับตา แต่สิ่งที่โดนเขากลับไม่ใช่หมอน แต่เป็นปากนุ่ม ๆ ของเธอ เธอดูดปากเขาอย่างนุ่มนวลทำเหมือนเวลาที่เขาจูบเธอ เธอทั้งอายทั้งพยายามเอาใจเขา
เมื่อจูบเสร็จ เจียงหยุนเอ๋อค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง ลี่จุนถิงก็รุกต่อทันที ทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยงด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเป็นเวลานาน จนลงไปนอนบนเตียงกันอีกครั้ง
เจียงหยุนเอ๋อถูกจูบจนหายใจไม่ทัน จึงใช้มือเคาะลี่จุนถิง
“จุนถิง วันนี้มีงานแถลงข่าว พวกเราควรลุกไปเตรียมตัวได้แล้ว”
ลี่จุนถิงได้ยินเรื่องงานแถลงข่าว ก็ยอมหยุด แล้วเอาหน้าซุกไปที่ซอกคอของเจียงหยุนเอ๋อ เขาพูดว่า :
“ฉันไม่อยากทิ้งช่วงเวลานี้ไปเลยจริง ๆ”
ทั้งสองคนกอดกันอีกสักพัก แล้วก็ถูกลี่จุนซินโทรศัพท์มาเร่งพวกเขา จนพวกเขาต้องลุกจากที่นอน
ทั้งคู่อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จก็เตรียมลงไปทานอาหารเช้าด้านล่าง เมื่อลงมาก็เห็นลี่จุนซินมารอพวกเขาอยู่แล้ว
“ไอหยา ทั้งสองคนสีหน้าดูดีจังเลยนะ”
ลี่จุนซินเห็นพวกเขาเดินลงมาจากบันได ก็แซวพวกเขา เจียงหยุนเอ๋อเลยหน้าแดงทันที
ลี่จุนซินรอจนพวกเราทานอาหารเช้าเสร็จ เก็บของเสร็จแล้วพวกเขาก็ไปที่งานแถลงข่าวด้วยกัน
วันนั้น หลังจากที่เวียร์และลี่จุนถิงเจรจากันเสร็จ เวียร์ก็ได้แจ้งสื่อมวลชน วาเทอร์ ลี่หยูนห่วนและลี่หุย วาเทอร์ทราบเรื่องแล้ว ฉะนั้นอลันก็คงทราบเรื่องแล้วเหมือนกัน
หลังจากที่ลี่หยูนห่วนและลี่หุยได้ทราบข่าวเมื่อคืน ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก วันนี้จึงมาถึงสถานที่จัดงานแถลงข่าวตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ว่าในใจพวกเขารู้สึกมีลางสังหรณ์บางอย่าง แต่ลูกน้องของเวียร์ก็ให้ความเคารพต่อพวกเขามาก ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าคงเป็นเพราะตัวเองตื่นเต้นมากเกินไปเลยทำให้รู้สึกระแวงไปเอง
หลังจากที่ลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อมาถึงที่จอดรถ พวกเขาก็แยกย้ายกัน
ลี่จุนซินและเจียงหยุนเอ๋อเข้ามาในสถานที่จัดงานแถลงข่าวทางประตูใหญ่ ส่วนลี่จุนถิงได้แยกตัวไปเข้าอีกประตูหนึ่งทางหลังเวที เพื่อเตรียมพร้อมออกไปหน้าเวทีได้ทุกเมื่อ
ลี่จุนถิงอยู่ด้านหลังเวทีไม่มีท่าทีว่าจะกลัวพวกลี่หยูนห่วนเห็นเขาเลยสักนิด เพราะสถานที่แห่งนี้ลี่จุนถิงเป็นคนแนะนำเวียร์เอง ดังนั้นคนที่อยู่หน้าเวทีและหลังเวทีล้วนเป็นคนของลี่จุนถิงทั้งนั้น
ที่ลี่จุนถิงให้เวียร์ใช้สถานที่แห่งนี้ เพราะกลัวว่าพวกลี่หยูนห่วนหรือคนอื่นจะมีแผนไม่ดีอะไรกันอีก ทำแบบนี้จึงจะสามารถปกป้องพวกเจียงหยุนเอ๋อได้ดียิ่งขึ้น
ถึงแม้เวียร์คอยทักทายและพูดคุยกับคนอื่น ๆ อยู่ตลอด แต่สายตาก็จ้องมองไปที่ประตูทางเข้างานตลอดเช่นกัน
เมื่อเวียร์เห็นลี่จุนซินเดินเข้ามา ก็รีบเข้าไปต้อนรับทันที
ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันแค่วันเดียว แต่เวียร์ก็คิดถึงลี่จุนซินเป็นอย่างมาก
“จุนซิน คุณมาแล้วเหรอครับ” เวียร์ยิ้มหวานมองไปที่ลี่จุนซิน จากนั้นก็ทำปากขยุกขยิกโดยไม่ได้เปล่งเสียงออกมาเพื่อบอกลี่จุนซินว่า “ผมคิดถึงคุณ”
ลี่จุนซินเห็นเขาทำปากบอกว่าคิดถึง ก็หน้าแดงทันที ไม่หลงเหลือภาพลักษณ์ของผู้หญิงแกร่งอยู่เลย เจียงหยุนเอ๋อเห็นท่าทางของลี่จุนซิน ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องที่พวกเขาส่งซิกกันไปมาก่อนหน้านี้ แล้วแกล้งถามลี่จุนซินอย่างไม่เข้าใจ พลางยื่นมือไปลูบหน้าของเธอ
“ไอหยา พี่คะ ทำไมหน้าแดงขนาดนี้ล่ะ เป็นไข้หรือเปล่าคะ?”
ลี่จุนซินเห็นสายตาที่ดูเย้าแหย่ของเจียงหยุนเอ๋อ ก็ตีเจียงหยุนเอ๋อเบา ๆ แล้วบ่นเธอไปว่า
“ไอหยา ทำไมเธอถึงน่ารำคาญอย่างนี้ กล้าแซวฉันนะ”
“เปล่านะคะ พี่ ใครใช้ให้พี่แซวฉันเมื่อเช้ากันล่ะ ฉันก็แค่หนามยอกเอาหนามบ่งเท่านั้นเอง”
เวียร์เห็นสองสาวตอบโต้กันไปมา ก็ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก เพราะเขาไม่เคยเห็นลี่จุนซินถูกคนอื่นแซวมาก่อน ทุกครั้งที่เขาได้พบหน้าลี่จุนซินก็จะได้เห็นเธอในมุมอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น
ลี่หยูนห่วนและลี่หุยที่เห็นลี่จุนซินกับเจียงหยุนเอ๋อเข้ามาในงาน ก็หน้าบึ้งตึงขึ้น
และเมื่อเห็นเวียร์พูดคุยกับพวกเธออย่างครึกครื้น สีหน้าก็ดูเคียดแค้นขึ้นมาทันที
แต่ว่า เพียงชั่วครู่พวกเขาก็สงบนิ่งลง ในใจพวกเขาคิดว่าคงไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว
ขณะที่การแถลงข่าวใกล้จะเริ่มขึ้น อลันก็มาในงาน แล้วนั่งอยู่ด้านหลังสุดอย่างเงียบ ๆ นอกจากวาเทอร์ ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเขา
เวียร์เห็นว่าคนมากันพร้อมแล้ว และถึงเวลาแล้ว จึงได้เริ่มงานแถลงข่าว
“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนทุกท่าน! ผมชื่อเวียร์เป็นตัวแทนของบริษัทแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์”
“ก่อนอื่น ในนามตัวแทนพนักงานทุกคนของบริษัทแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ ผมขอต้อนรับทุกท่านและขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานครั้งนี้! ขอบคุณทุกท่านที่ห่วงใยและสนับสนุนบริษัทให้พัฒนาก้าวหน้ามาโดยตลอด!”
“ทุกท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่าบริษัทแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์ของพวกเรามายังประเทศของพวกท่านเพื่อหาพันธมิตรที่ไว้ใจได้มาร่วมงานกัน ตอนนี้พวกเราได้หาพบแล้ว”
“วันนี้เป็นวันที่สุดแสนพิเศษวันหนึ่ง พวกเราอยากให้ทุกท่านร่วมเป็นสักขีพยานในการร่วมมือระหว่างบริษัทแมกซ์เวลเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์และบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป”
ในงานมีนักข่าวมากันไม่น้อยเลยทีเดียว พวกเขาได้ยินชื่อบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ก็รีบหันกล้องไปทางลี่จุนซิน เจียงหยุนเอ๋อและพวกลี่หยูนห่วน รัวชัตเตอร์เพื่อเก็บภาพของพวกเขา
ตอนที่ลี่หยูนห่วนและลี่หุยได้ยินชื่อบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ก็ดีใจมาก ดีใจจนออกนอกหน้า อีกทั้งพวกเขาได้หันหน้าไปหาพวกลี่จุนซินเพื่อจะเยาะเย้ยพวกเธอ
แต่พวกเขากลับพบว่าลี่จุนซินและเจียงหยุนเอ๋อนั่งอย่างสงบนิ่งมาก พวกเธอยิ้มให้กล้องของนักข่าวอย่างสุภาพ
ลี่หยูนห่วนและลี่หุยเห็นท่าทางของพวกเธอ ก็หัวเราะเยาะเย้ยอยู่ในใจ และได้เก็บสีหน้าท่าทางของตัวเอง นั่งอยู่กับที่อย่างสำรวม รอคอยให้เวียร์เชิญพวกเขาขึ้นเวที เพื่อไปลงนามในสัญญา