หลังจากเยี่ยมคุณปู่เสร็จแล้ว ลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อก็จะกลับกันแล้ว
ก่อนกลับไป ลี่จุนถิงได้เรียกคุณหมอเจ้าของไข้ท่านปู่ลี่มา หลันเยว่เฉินได้ยินว่าลี่จุนถิงอยู่ที่นี่ ก็รีบมาหา
ลี่จุนถิงกำชับหมอไปสองสามประโยค ก็พาเจียงหยุนเอ๋อกลับไปยังห้องผู้ป่วยของเธอ หลันเยว่เฉินได้ตรวจร่างกายให้เจียงหยุนเอ๋ออีกสักหน่อย ก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
เจียงหยุนเอ๋อดีใจมาก “งั้นฉันกลับบ้านได้แล้วใช่ไหม ฉันไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาล”
หลันเยว่เฉินพยักหน้า “กลับได้แล้ว กลับไปก็พักผ่อนให้เพียงพอแล้วกัน”
เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยขอบคุณ แล้วพาถวนจื่อกลับบ้านพร้อมลี่จุนถิง หลันเยว่เฉินไปส่งพวกเขาที่ประตูทางออก “ท่านปู่ลี่น่ะฉันจะคอยดูให้ ไม่ต้องเป็นห่วง มีอะไรก็โทรหาฉันแล้วกัน”
หลังจากกลับถึงบ้าน เจียงหยุนเอ๋อก็นอนพักที่โซฟาอย่างสบายใจ สบายใจจนต้องถอนหายใจออกมา เพราะรู้สึกมีความสุขและสบายใจมาก
“บ้านน่ะดีที่สุดแล้ว”
เพราะพรุ่งนี้ลี่จุนถิงต้องกลับเข้าบริษัทอย่างเป็นทางการ ดังนั้นคืนนี้ลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อจึงได้เข้านอนกันเร็วมาก
วันถัดมา ตอนเช้าเจียงหยุนเอ๋อได้ตื่นตามลี่จุนถิง อยากตามลี่จุนถิงไปที่บริษัทด้วย
“จุนถิง ฉันก็อยากไปบริษัทกับนายนะ”
“หยุนเอ๋อ เธอต้องรู้สภาพร่างกายของตัวเองตอนนี้สิ เธออยู่บ้านพักผ่อนให้ดีเถอะ อย่าดื้อเลยนะ”
“ไม่เอา ฉันรับรองว่าจะไม่รบกวนนายทำงานเด็ดขาด”
“เธอนั่งอยู่ที่นั่นจะกระทบกับการทำงานของฉัน อีกอย่างวันนี้เป็นวันแรกที่กลับเข้าบริษัท ต้องมีเรื่องให้จัดการเยอะมากแน่นอน ฉันไม่สามารถดูแลเธอได้ ฉันรับปาก ตอนค่ำฉันจะรีบกลับมาหาเธอ”
เจียงหยุนเอ๋อทำปากมุ่ยพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ ลี่จุนถิงจูบเธอ แล้วเอาแขนของเธอซุกเข้าไปในผ้าห่ม แล้วดึงผ้าห่มขึ้นด้านบน เพื่อห่มผ้าให้เจียงหยุนเอ๋อ
“เธอนอนต่ออีกสักหน่อยนะ อีกเดี๋ยวฉันจะให้พ่อบ้านมาเรียกเธอไปทานอาหารเช้า”
พูดจบ ลี่จุนถิงก็จูบหน้าผากเจียงหยุนเอ๋อแล้วออกไป
ตอนที่ลี่จุนถิงมาถึงที่บริษัท พวกหัวหน้าในบริษัทก็ได้มายืนรอต้อนรับเขาอยู่ที่หน้าประตูบริษัท ต้อนรับการกลับมาของเขา
“ประธานลี่ ยินดีต้อนรับกลับมาครับ!”
เรื่องแรกที่ต้องทำหลังจากกลับมา นั่นก็คือจัดระเบียบบริษัทใหม่ หลังจากที่ลี่จุนถิงขอบคุณทุกคนแล้วก็กลับไปยังห้องทำงาน จากนั้นก็เรียกซู่จี้งยี้มาหา ให้เขารายงานสถานการณ์ช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ซู่จี้งยี้หยิบยกเรื่องที่สำคัญ ๆ รายงานให้ลี่จุนถิงฟังคร่าว ๆ หลังจากรายงานจบ ลี่จุนถิงก็ให้เขาไปเอารายชื่อพนักงานระดับหัวหน้าของทุกแผนกมาให้เขา
“จากนิสัยของพวกลี่หยูนห่วน ต้องแอบเอาคนของตัวเองเข้ามาแทรกแซงแน่นอน”
หลังจากที่ซู่จี้งยี้เอารายชื่อมาให้ลี่จุนถิง ลี่จุนถิงเปิดอ่านดูคร่าว ๆ ก็รู้สึกโกรธมาก
“ลี่หยูนห่วน แกนี่มันใช้ได้จริง ๆ ดูสิว่าคราวนี้ฉันจะกำจัดแกยังไงดี”
ช่วงที่ลี่จุนถิงหายตัวไป พวกลี่หยูนห่วนได้แอบเอาพนักงานที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาทำงานในบริษัท แม้แต่ในส่วนของเขาก็ถูกแทรกแซงด้วยเช่นกัน
พวกหัวหน้าที่ลี่จุนถิงเลื่อนขั้นให้เองกับมือต่างถูกลดความสามารถลง แล้วถูกย้ายไปอยู่แผนกที่ไม่สำคัญเท่าไหร่ และถึงขั้นไล่พวกคนที่สนิทและไว้ใจออกจากงาน
ลี่จุนถิงให้ซู่จี้งยี้ไปเรียกตัวคนเหล่านั้นของลี่หยูนห่วนจากทุกแผนกมาที่ห้องทำงานของตัวเอง ถึงแม้พวกเขาเป็นคนของลี่หยูนห่วน แต่ตอนนี้บริษัทยังเป็นของลี่จุนถิง พวกเขาจึงกลัวลี่จุนถิงมาก
ดังนั้น ผ่านไปครู่เดียวก็มากันพร้อมหน้า ยืนจนแทบเต็มห้องทำงาน
ลี่จุนถิงมองไป เห็นคนที่มามีจำนวนมากกว่าที่ตัวเองคิดไว้เสียอีก จึงตบโต๊ะด้วยความโกรธเป็นอย่างมาก พวกคนที่ยืนอยู่รวมถึงแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะต่างสั่นสะเทือนกันหมด พวกเขาก้มหน้าต่ำลงเรื่อย ๆ รู้สึกร้อนอกร้อนใจกันมาก บางคนกลัวจนตัวสั่นจนหยุดไม่ได้เหมือนตะแกรงที่ถูกเขย่า
ลี่จุนถิงกวาดตามองพวกเขาทีละคนทีละคน แล้วข่มเสียงพูดกับพวกเขาว่า :
“ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าฉันเรียกทุกคนมาทำไม พวกแกกับเจ้านายของพวกแกคิดว่าฉันกลับมาไม่ได้แล้วใช่ไหม ถึงได้กล้าดีกันขนาดนี้ ห๊ะ?”
คนพวกนี้ตอนนี้แค่ฟังเสียงของลี่จุนถิง ก็รู้สึกเหมือนตกนรกแล้ว ต่างยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าขยับกันสักนิด
ลี่จุนถิงแสยะยิ้มออกมา
“กลับไปบอกเจ้านายของพวกแกนะว่า บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นของฉัน ลี่จุนถิงคนนี้ พวกแกอยากแย่งก็ไม่มีทางแย่งไปได้หรอก”
หลังจากลี่จุนถิงพูดจบก็ให้ซู่จี้งยี้ไล่พวกเขาออกจากบริษัท จากนั้นให้โทรศัพท์ไปตามคนที่ถูกไล่ออกก่อนหน้านี้กลับมาทำงานใหม่ ส่วนพวกที่ถูกโยกย้ายตำแหน่งก็ให้ย้ายกลับมาประจำตำแหน่งเดิม
ลี่หยูนห่วนและลี่หุยที่กำลังหารือวางแผนรับมือกันอยู่ เมื่อได้ยินผู้ช่วยของพวกเขามาบอกข่าว ก็โกรธมาก จนไม่สนว่าตัวเองจะมีหรือไม่มีเหตุผล แล้วไปคุยกับลี่จุนถิงทันที
“ลี่จุนถิง นายหมายความว่ายังไง คนพวกนั้นคือคนของฉัน ทำไมต้องไล่พวกเขาออก?”
ลี่จุนถิงเห็นลี่หยูนห่วนโกรธจนลูกตาแทบทะลักออกมา ก็แสยะยิ้ม แล้วพูดอย่างไม่แยแสว่า :
“ฉันหมายความว่ายังไงนายก็น่าจะรู้ดีนะ คนของแกเหรอ? คนของแกแล้วยังไงล่ะ บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นของฉันลี่จุนถิง ฉันอยากให้พวกมันเป็นแบบไหนก็ได้ มีปัญญาก็มาไล่ฉันไปสิ”
“แก……” ลี่หยูนห่วนโกรธจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ
ลี่จุนถิงจู่ ๆ ก็จ้องหน้าลี่หยูนห่วนและลี่หุย สายตาที่แหลมคมของลี่จุนถิง จ้องจนทำให้พวกเขาทั้งสองคนหวาดกลัว
“อีกอย่างนะ พวกแกสองคนก็แค่ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจ มีอำนาจอะไรมาโยกย้ายคน แกก็แค่ใช้สิทธิ์ที่ตัวเองเป็นคนในตระกูลลี่มาทำอวดดีเท่านั้น แกเชื่อไหมล่ะ ว่าฉันพูดแค่คำเดียว สามารถทำให้พวกแกไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป”
ลี่หยูนห่วนและลี่หุยถูกด่าจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่วิ่งกลับไปยังห้องทำงานของตัวเองด้วยความเศร้าหมอง
หลังจากที่สยบพวกลี่หยูนห่วนได้แล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาจัดการพวกผู้ถือหุ้นที่เนรคุณพวกนั้นแล้ว ลี่จุนถิงแจ้งซู่จี้งยี้ ให้เขาเรียกประชุมผู้ถือหุ้นทุกคนในตอนบ่าย
ตอนบ่าย ก่อนถึงเวลาประชุม ซู่จี้งยี้ได้เอารายชื่อของผู้ถือหุ้นมาให้ลี่จุนถิงหนึ่งฉบับ ในนั้นมีรูปภาพของทุกคน ข้อมูลด้านบุคลิกลักษณะนิสัยของทุกคน ใครอยู่ฝ่ายไหน มีปัญหาอะไรบ้าง และในมือของลี่จุนถิงมีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับพวกเขาบ้าง ซู่จี้งยี้ได้เน้นออกมาให้อย่างชัดเจน
ลี่จุนถิงเห็นรายชื่อฉบับนี้ ก็พอใจมาก เลยมีท่าทีต่อซู่จี้งยี้เปลี่ยนไป เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อก่อนเขาถึงได้ให้ความสำคัญกับซู่จี้งยี้มากขนาดนั้น
ตอนบ่าย การประชุมผู้ถือหุ้นได้เริ่มขึ้น
เมื่อเริ่มประชุมในตอนแรกบรรดาผู้ถือหุ้นต่างมีความสุขกันดี ผ่านไปสักพัก พวกผู้ถือหุ้นที่คิดต่อต้านเริ่มทำให้ลี่จุนถิงลำบากใจ
“ประธานลี่ สุขภาพร่างกายพื้นตัวเป็นยังไงบ้าง? ยังสามารถจัดการงานมากมายขนาดนี้ได้หรือเปล่า ถ้าหากว่าทำไม่ได้แล้วล่ะก็ พวกเราไม่รังเกียจที่จะช่วยคุณจัดการนะ”
“ท่านซุน จะรบกวนคุณได้ยังไงครับ งานที่ง่ายดายขนาดนี้ถ้าหากผมทำไม่ได้ งั้นผมก็คงเป็นแค่ไอขยะไร้ค่าแล้วล่ะสิ?
เช้าวันนี้ลี่จุนถิงได้จัดการเคลียร์งานจำนวนหนึ่ง ที่พวกเขาไม่สามารถจัดการได้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เลยกำลังหลอกด่าพวกเขาว่าเป็นขยะไร้ค่าอย่างอ้อม ๆ อยู่นั่นเอง
ท่านซุนคนนี้จะฟังไม่ออกได้ยังไงกันล่ะ ดังนั้นเขาจึงโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
“ท่านซุน อายุขนาดนี้แล้ว ก็ควรจะวางมือได้แล้วนะ หลายปีมานี้ยัดญาติพี่น้องของตัวเองเข้ามาในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปของพวกเราตั้งกี่คนแล้วล่ะ ผมก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่มาตลอด ถ้าหากคุณยังไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน ตำแหน่งของคุณก็ควรว่างได้แล้วล่ะ”
ท่านซุนคนนี้คิดว่าตัวเองปกปิดได้อย่างแนบเนียน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าลี่จุนถิงจะรู้มากขนาดนี้ จึงนั่งลงอย่างหมดแรง ไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีกเลย