ทที่574 เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
ลี่จุนถิงสั่งให้คนแผนกการเงินเอาสมุดบัญชีมาวางไว้ แล้วกลับไปจัดการบัญชีในส่วนที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ
หลังจากซู่จี้งยี้เห็นว่ามีคนเดินออกไปแล้ว ก็เข้ามารายงานลี่จุนถิงถึงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของลี่หยูนห่วน
“ในช่วงนี้ ที่จริงแล้วได้จัดการให้คนสังเกตพวกเขาทั้งสองคนมาตลอด แต่ครั้งนี้ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมทั้งสองคนถึงมีกลวิธีที่แยบยลขนาดนี้ ระมัดระวังกันทุกวันเลยขนาดวันปกติแผนกการเงินก็ล็อกประตูไว้นะ คนภายนอกก็เข้าไม่ได้ หรือแท้จริงแล้วเฝ้าดูกันไม่ดีนะ”
ลี่จุนถิงโบกมือเรียกพร้อมพูดว่า: “เรื่องนี้ไม่ต้องใส่ใจหรอก”
“เรื่องนี้ยังไงก็ต้องมีวิธีจัดการอยู่แล้ว คอยให้กลุ่มของชิงโม่จัดการติดกล้องวงจรปิดอย่างลับๆ ก็แล้วกัน อ๋อใช่สิ ยังมีแผนกการเงินบางคนที่ค่อนข้างน่าสงสัย ก็จัดคนสังเกตพวกเขาด้วย เวลาล่วงมานานแล้ว พวกเขาคงมีช่องโหว่ปรากฏให้เห็นแน่นอน”
ซู่จี้งยี้นำเอกสารในมือยื่นให้ลี่จุนถิง
“ประธานลี่ เอกสารที่ต้องลงนามวันนี้ในช่วงเช้า”
หลังจากลี่จุนถิงลงนามเรียบร้อย ซู่จี้งยี้ที่กำลังนำเอกสารเดินออกจากประตู ทันใดนั้นคิดได้เรื่องหนึ่ง
“ประธานลี่ ช่วงนี้ลี่หยูนห่วนและลี่หุยได้ติดต่อกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บ่อยๆ แต่เพราะมองไม่เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นเลย ทำให้ตรวจสอบข้อมูลของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว เฝ้าพวกเขาต่อไปล่ะ”
วันนี้ลี่จุนถิงใช้เวลาในช่วงเช้าจัดการภารกิจอย่างรวดเร็วเพราะพรุ่งนี้ถวนจื่อต้องไปเมืองข้างๆ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะพู่กันจีนแล้ว
เพราะฉะนั้นบ่ายวันนี้ต้องรีบกลับ โดยใช้โอกาสนี้เยี่ยมเยียนอาจารย์ของถวนจื่อ ถ้ามีเวลาจะได้เดินเที่ยวด้วย
แม้ว่าเจียงหยุนเอ๋อจะรู้ว่าต้องไปกับลี่จุนถิง แต่เธอก็คิดว่าตอนพักเที่ยงลี่จุนถิงจะกินข้าวในที่ทำงานโดยใช้จังหวะนี้จัดการงานในช่วงนี้ ดังนั้นเมื่อลี่จุนถิงกลับมาถึง เธอจึงตกใจมาก
“จุนถิง ทำไมกลับมาไวขนาดนี้ งานคุณจัดการเสร็จหมดแล้วเหรอ”
“คุณไม่รู้ความสามารถในการทำงานของผมเหรอ หรือจริงๆ แล้วคุณยังไม่อยากให้ผมกลับมา”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฉันแค่คาดไม่ถึงเพียงเท่านั้น ฉันคิดว่าพวกเราจะพบกันหลังจากที่คุณจัดการงานเสร็จในช่วงบ่าย”
“โอเคๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว รีบกินข้าวเถอะ เดี๋ยวรีบออกไป ตอนบ่ายยังต้องไปเยี่ยมอาจารย์ของถวนจื่ออีก”
หลังจากทั้งสามคนพักกินข้าวเสร็จ ก็เตรียมออกเดินทาง
แต่หลังเจียงหยุนเอ๋อออกจากบ้าน ก็สะดุ้งตกใจเมื่อเห็นข้างนอกมีขบวนแห่ขนาดใหญ่
เดิมทีแล้วลี่จุนถิงจะพาลี่จุนซิน เวียร์และชิงโม่ไปด้วย ส่วนหลันเยว่เฉินก็อยากไปด้วยแต่ว่าไม่มีเวลาจริงๆ
“จุนถิง นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ”
เจียงหยุนเอ๋อชี้ไปที่คนกลุ่มนี้แล้วพูดขึ้น
“ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก พวกเขาแค่ไปเที่ยวด้วยกันเฉยๆ พอถึงเมืองT นอกจากตอนกลางคืนที่จะพักอยู่ด้วยกันแล้ว ตอนกลางวันพวกเขาก็ไม่ได้ตามมา”
“ใช่แล้วหยุนเอ๋อ พวกเราไม่ไปรบกวนพวกคุณหรอก”
ลี่จุนถิงหยอกล้อเจียงหยุนเอ๋อด้วยการยักคิ้วใส่
ลี่จุนถิงขยิบตาให้เวียร์ แล้วพาลี่จุนซินเดินเลี้ยวออกไปทันที
หลังเจียงหยุนเอ๋อขึ้นรถแล้วเพิ่งนึกได้ว่าพวกขี้อวดยังอยู่ด้านหลัง
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อขึ้นรถก็ได้เตรียมหมอน หมอนอิง ผ้านวมเล็กๆ และยังมีผลไม้อาหารเรื่องดื่มอีกมากมาย
“จุนถิง คุณทำเกินไปแล้ว พวกเราไปเมืองTแค่สองชั่วโมงแค่นั้น เหมือนคุณพาพวกเราย้ายบ้านเลย”
แต่ว่าถวนจื่อกลับชอบใจมาก หลังขึ้นรถก็มีความสุขคล้ายดอกไม้ที่กำลังผลิบาน กอดขนมกินตลอดทาง
หญิงตั้งท้องกับเด็กน้อยรู้สึกง่วงแล้ว ดังนั้น รถออกยังไม่ถึงสิบนาที เจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อก็เลยง่วง ลี่จุนถิงจึงเตรียมใช้ประโยชน์จากสิ่งของที่เตรียมมาพวกนั้น
ลี่จุนถิงให้ถวนจื่อนอนด้านหลังที่เป็นที่นั่งโล่งๆ ส่วนตัวเขาเองนอนกอดเจียงหยุนเอ๋อด้านหน้า
“นอนเถอะ ที่รัก เดี๋ยวถ้าจะถึงแล้วฉันค่อยปลุกคุณ”
เจียงหยุนเอ๋อง่วงจนพูดไม่ไหว เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ เพื่อแสดงให้ตนได้รับรู้ หลังจากนั้นก็หลับสนิทไปเลย
เจียงหยุนเอ๋อตื่นแล้วพบว่าถึงเมืองTเรียบร้อยแล้ว ลี่จุนถิงนอนเอนอยู่บนเก้าอี้ คล้ายจะหลับไปแล้ว ถวนจื่อลงรถพร้อมกับลี่จุนซินและพวกเขาไปดูห้องพักกันเรียบร้อยแล้ว
หลังจากได้ยินเสียงขยับเบาๆ ลี่จุนถิงก็ตื่นขึ้น เจียงหยุนเอ๋อเห็นเขาตื่นแล้ว ก็ถามขึ้นว่า
“ถึงที่เรียบร้อยแล้ว ทำไมคุณไม่ปลุกฉันล่ะ”
“ฉันมองคุณหลับสนิท ไม่กล้ารบกวนคุณ อีกอย่างถวนจื่อก็อยากให้คุณพักต่ออีกสักหน่อย”
“ไอหยา สมเป็นลูกชายฉันจริงๆ ใส่ใจฉันขนาดนี้”
ลี่จุนถิงได้ยินเจียงหยุนเอ๋อชมถวนจื่อแต่กลับไม่เอ่ยถึงตนสักคำเลยก้มหัวกัดปากเจียงหยุนเอ๋อหน่อย
“คุณคิดถึงแต่ลูกชายอ่ะ คุณไม่ชมฉันสักคำ”
เจียงหยุนเอ๋อได้ยินลี่จุนถิงพูดด้วยความหึงหวงขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
“นี่จุนถิง คุณโกรธเพราะหึงอยู่สินะ”
ลี่จุนถิงฟังเจียงหยุนเอ๋อเยอะเย้ยตัวเอง จึงจับหน้าเจียงหยุนเอ๋อด้วยมือทั้งสองข้าง กำลังจะจูบก็ได้ยินเคาะกระจกรถ ลี่จุนถิงหันไปเห็นลี่จุนซิน
เจียงหยุนเอ๋อเห็นลี่จุนซินเดินมาก็รีบผลักลี่จุนถิงออก เมื่อลงจากรถก็ดึงลี่จุนซินแล้วเดินออกไป ไม่มองแม้แต่ท่าทีของลี่จุนถิงเลย
ลี่จุนถิงก็เดินเข้าไปพร้อมกันแล้วยกมือขึ้นมามองเวลา จึงส่งเสียงเรียกถวนจื่อและเจียงหยุนเอ๋อ
“เจียงหยุนเอ๋อ ถึงเวลาที่พวกเราต้องไปเยี่ยมอาจารย์ของถวนจื่อแล้ว”
อาจารย์ของถวนจื่อเคยเช่าอยู่ที่พื้นที่ในเมืองเก่า ตึกด้านนอกลักษณะเป็นสไตล์ยุโรปแบบคลาสสิค แต่บ้านของอาจารย์ตกแต่งในสไตล์จีนทั้งหมด แต่เมื่อนำมาเปรียบกับด้านนอกที่เป็นตึกสไตล์ยุโรปดูไม่เข้ากันเลยสักนิด กลับกันนั้นมีความรู้สึกที่ให้เห็นถึงลักษณะเด่นของสไตล์ทั้งสองฝั่ง
อาจารย์ของถวนจื่อทดสอบถวนจื่อเพียงแค่ไม่กี่อย่าง หลังจากมองดูแล้ว ก็ชมถวนจื่อว่ามีความเป็นเลิศในด้านศิลปะพู่กันจีน หากฝึกเขียนพู่กันจีนคล่องแล้วก็สามารถลองวาดภาพด้วยพู่กันจีนก็ได้ จริงๆ แล้วการเขียนอักษรและการวาดภาพด้วยพู่กันจีนนั้นไม่แยกฝั่งกันหรอก
ลี่จุนถิงกับอาจารย์ของถวนจื่อได้พูดคุยกันสักพัก ก็พาเจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อบอกลา
พวกเขาทั้งสามคนเดินเล่นข้างนอกสักพัก เมื่อกินข้าวมื้อเย็นเสร็จก็กลับที่พัก พอถึงที่พักก็เพิ่งคิดได้ว่า คนอื่นๆ ยังไม่กลับมา แต่เพราะวันที่สองถวนจื่อยังมีแข่ง จึงเข้านอนพักผ่อนโดยที่ไม่รอพวกเขา
เช้าวันที่สอง ลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อพาถวนจื่อไปสนามแข่งขัน
การแข่งขันของเด็กครั้งนี้มีแต่คนระดับแนวหน้าจากทั่วทุกสารทิศ ความสามารถไม่ธรรมดาเลย แต่ละคนล้วนเคยได้รับรางวัลชนะเลิศแล้วทั้งนั้น เจอแม้กระทั่งคนที่เคยชนะเลิศการแข่งขันครั้งก่อน
เจียงหยุนเอ๋อมองเหตุการณ์แบบนี้แล้วก็ตื่นเต้นแทนถวนจื่อขึ้นมาเลย แต่พอก้มหัวไปมองถวนจื่อดูเหมือนจะไม่ตื่นเต้นเลย
“ถวนจื่อ ลูกตื่นเต้นไหม ตอนนี้ลูกมั่นใจรึเปล่า”
ลี่จุนถิงมองเจียงหยุนเอ๋อที่ตื่นเต้นขนาดนี้ ก็กลัวจะทำให้ถวนจื่อตื่นเต้นไปด้วยจึงรีบให้กำลังใจถวนจื่อ
“ถวนจื่อ ไม่ต้องตื่นเต้นล่ะ ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง กระบวนการสำคัญที่สุด เพียงแค่ลูกได้เข้าร่วม ลูกก็เก่งที่สุดแล้ว”
“คุณพ่อคุณแม่ ฉันไม่ตื่นเต้น พวกคุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันต้องได้รางวัลชนะเลิศแน่นอน”
ลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อเห็นท่าทีทะเยอทะยานของถวนจื่อแล้ว ก็หายห่วงทันที