ถึงแม้ก่อนหน้านี้ซูม่านลีเคยบอกลี่จุนถิงแล้ว ว่าคนท้องมักจะอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย เรื่องเล็กน้อยก็อาจจะโมโหขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อจะร้องไห้เพราะมีรอยแตกลาย
ขณะที่ลี่จุนถิงกำลังปลอบใจเจียงหยุนเอ๋ออยู่นั้น ลี่จุนซินก็มาพอดี ด้านหลังมีเวียร์ตามมาด้วย ทั้งคู่หาเวลาว่างมาเยี่ยมเจียงหยุนเอ๋อ
ลี่จุนซินเห็นเจียงหยุนเอ๋อดูโศกเศร้าเสียใจ ก็รีบถามลี่จุนถิงทันที
“จุนถิง นายทำอะไรน่ะ นายรังแกอะไรหยุนเอ๋ออีกห๊ะ?
ลี่จุนถิงได้ยินแบบนี้ ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วอธิบายให้ลี่จุนซินฟัง ลี่จุนซินไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ เลยถามเจียงหยุนเอ๋ออีกรอบ เมื่อแน่ใจแล้วว่าลี่จุนถิงไม่ได้โกหก จู่ ๆ ก็หัวเราะลั่นออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า หยุนเอ๋อ เธอนี่น่ารักจัง ฮ่าฮ่าฮ่า……คิดไม่ถึงว่าจะร้องไห้เพราะมีรอยแตกลาย ฮ่าฮ่าฮ่า……”
ได้ยินอย่างนั้น เจียงหยุนเอ๋อที่น้ำตาเพิ่งหยุดไหล ก็มีน้ำตาเต็มเบ้าอีกครั้ง ลี่จุนถิงเห็นปุ๊บ ก็รีบหยุดลี่จุนซินไว้ แล้วไปปลอบเจียงหยุนเอ๋ออีกสักพัก เจียงหยุนเอ๋อถึงหยุดร้องไห้
“ฉันว่าที่หยุนเอ๋ออารมณ์หวั่นไหวง่ายขนาดนี้ คงเป็นเพราะอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน พรุ่งนี้ก็วันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว พวกนายไปเที่ยวที่เมืองโบราณหนิงซีสักสองวันสิ จะได้ถือโอกาสพักผ่อนหย่อนใจไปด้วย”
ลี่จุนซินเห็นอาการแบบนี้ของเจียงหยุนเอ๋อ ก็เสนอแนะออกไป
เจียงหยุนเอ๋อได้ยินชื่อเมืองโบราณหนิงซีก็กลับสู่สภาวะปกติ เธอรีบผลักตัวออกจากอ้อมกอดของลี่จุนถิง แล้วพูดกับลี่จุนซินด้วยความตื่นเต้นดีใจว่า
“อ้อ ๆ ๆ พี่คะ เมืองโบราณหนิงซีเป็นที่ที่ฉันกับจุนถิงได้พบกั แต่ตอนนั้นยังไม่รู้จักกันจริง ๆ”
เจียงหยุนเอ๋อพูดจบ ก็อายจนก้มหน้าหนี
“พวกเธอนี่ช่างมีวาสนาต่อกันจริง ๆ เลยนะ”
“ใช่ครับ หม่ามี้ก็มีผมตอนอยู่ที่นั่น ตอนอยู่ต่างประเทศหม่ามี้ให้ผมดูรูปที่นั่นบ่อย ๆ สวยมากเลยครับ คุณป้า”
ถวนจื่อได้ยินว่าจะไปเมืองโบราณหนิงซี ก็รู้สึกดีใจมาก
“เมื่อก่อนก็เคยพาลูกไปแล้วครั้งหนึ่งนี่นา ทำไมถึงยังดีใจมากขนาดนี้ล่ะ?”
“นั่นเป็นที่ที่ผมเกิด ต่อให้ไปบ่อยแค่ไหนผมก็ไม่เบื่อครับ”
แต่ละคนได้ยินเสียงที่ร่าเริงของถวนจื่อ ก็พากันยิ้ม
“จุนถิง งั้นพวกเราไปเที่ยวสักสองวันเถอะนะ พี่คะ พี่กับเวียร์ก็ไปด้วยกันสิ ไปกันหลายคนคึกคักดี”
ลี่จุนซินคิดดูแล้วว่าเสาร์อาทิตย์นี้ไม่มีธุระอะไร เลยถามเวียร์ว่าว่างไหม จากนั้นก็ตอบตกลงเจียงหยุนเอ๋อ
“งั้นวันนี้พวกพี่ก็ไม่ต้องกลับกันแล้วล่ะคะ คืนนี้นอนที่นี่เถอะ พรุ่งนี้เช้าพวกเราออกเดินทางกัน”
เมืองโบราณหนิงซีตั้งอยู่ที่เขตหลงโข่วของเมืองจิ่งเฉิง อยู่ติดกับกำแพงเมืองด่านซือหม่าไถที่สวยงามและอันตรายที่สุดของประเทศ S และมีอ่างเก็บน้ำเป็ดแมนดาริน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งน้ำและภูเขาอยู่รวมกันซึ่งพบเห็นได้ยากในเขตชานเมือง ทัศนียภาพยามค่ำคืนก็สวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปัจจุบันถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในยามค่ำคืนของเมืองจิ่งเฉิง
หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จ เจียงหยุนเอ๋อก็ได้พูดถึงสถานที่น่าเที่ยวของเมืองโบราณหนิงซีให้ลี่จุนซินฟัง จากนั้นก็ช่วยเธอทำไกด์ไลน์ในการเที่ยว สองสาวหารือกันอย่างคึกคักจนดึกมาก สุดท้ายก็ถูกลี่จุนถิงบังคับให้พวกเธอแยกย้ายกัน
เช้าวันถัดมา เจียงหยุนเอ๋อถูกลี่จุนถิงปลุกให้ตื่น ลีลาอยู่นานกว่าเธอจะลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นทุกคนก็ต้องรอเธอทานอาหารเช้าจนเสร็จ ถึงได้ออกเดินทาง
ตอนที่พวกเขามาถึงเมืองโบราณหนิงซี ก็ใกล้เที่ยงพอดี พวกเขาเอาของไปเก็บที่โรงแรมก่อน แล้วค่อยออกไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ พวกเขาก็แยกย้ายกันไป
เพราะเจียงหยุนเอ๋อตั้งท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว เด็กในท้องเติบโตเร็วมาก ดังนั้นร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อจึงเทอะทะมาก ขาและเท้าของเธอบวมไปหมด ทำให้เจียงหยุนเอ๋อไม่สามารถทำอะไรได้เป็นเวลานาน ไม่อย่างนั้นจะทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ง่าย
ดังนั้น ลี่จุนซินและเวียร์จึงได้ออกไปเที่ยวตามไกด์ไลน์ที่วางแผนไว้เมื่อคืน
ทั้งคู่แยกตัวจากเจียงหยุนเอ๋อแล้วตรงไปยังกำแพงเมืองด่านซือหม่าไถ กำแพงเมืองด่านซือหม่าไถเป็นกำแพงเมืองแห่งเดียวของประเทศ S ที่ยังคงลักษณะเดิมของราชวงศ์หมิงเอาไว้ กำแพงเมืองทั้งหมดสร้างอยู่บนภูเขาที่สูงชัน เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในเรื่องของความแปลกประหลาด มีเอกลักษณ์ และอันตราย
ทั้งสองคนยืนอยู่บนกำแพงเมือง มองวิวเมืองจิ่งเฉิงจากระยะไกล เมื่อมีลมปะทะหน้า ก็รู้สึกสบายเป็นอย่างมาก ลี่จุนซินหันหน้าไปมองเวียร์แวบหนึ่ง ก็พบว่าเวียร์กำลังจ้องมองตัวเองตาไม่กะพริบ ในตามีความอ่อนโยนมาก
หลังจากที่ลี่จุนซินและเวียร์ลงมาจากกำแพงเมืองแล้ว ก็ได้เดินจูงมือกันไปช้า ๆ ตามถนนเล็ก ๆ ในเมืองโบราณหนิงซี จู่ ๆ เวียร์ก็ดึงลี่จุนซิน ลี่จุนซินจึงมองเขาด้วยความสงสัย
“คุณดูนั่นสิ พวกเราไปตรงนั้นกันเถอะ”
ลี่จุนซินมองไปตามทางที่เวียร์ชี้ให้ดู ที่แท้ก็วัดเยว่ลาวนี่เอง ลี่จุนซินเขินจนหน้าแดง ปฏิเสธเวียร์ไป แต่เวียร์ยืนกรานจะไปที่นั่นให้ได้
ลี่จุนซินคัดค้านเวียร์ไม่ได้ เลยได้แต่ตามเวียร์ไป ทั้งสองคนกราบไหว้บูชาอยู่ในวัดเยว่ลาว และได้คล้องกุญแจคู่รักที่นั่นด้วย เวียร์มองกุญแจคู่รักที่คล้องด้วยกันอย่างปลื้มใจเป็นที่สุด
หลังจากทั้งคู่ออกมาจากวัดเยว่ลาว ก็ได้ลัดเลาะไปตามตรอกเล็ก ๆ เพื่อกลับโรงแรม
เจียงหยุนเอ๋อ ถวนจื่อและลี่จุนถิงพวกเขาสามคนหลังจากที่แยกกับพวกลี่จุนซินแล้วก็ได้เดินเล่นอยู่บริเวณรอบ ๆ
เจียงหยุนเอ๋อมองฉากที่คุ้นเคยนี้ ก็รู้สึกทอดถอนใจ เดินไปพลางพูดคุยกับลี่จุนถิงไปพลาง
ทั้งสามคนย่ำไปบนพื้นที่ปูด้วยหินสีกระดำกระด่าง เดินข้ามสะพานเล็ก ๆ ที่คดเคี้ยวไปมา เดินไปตามถนนที่แคบและยาว จากนั้นเดินต่อไปยังระเบียงยาวที่สร้างขึ้นริมน้ำ สัมผัสถึงสายลมเอื่อย ๆ ทำให้สบายกายสบายใจมากเลยทีเดียว
ระหว่างทางกลับโรงแรม จู่ ๆ ลี่จุนถิงก็รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง เขาดึงมือที่โอบเจียงหยุนเอ๋อออกมา แล้วเอามือทั้งสองกุมหัวไว้
ลี่จุนถิงรู้สึกเหมือนหัวใกล้จะระเบิด เขาหายใจหอบคุกเข่าลงกับพื้น ในหัวของเขาเหมือนมีอะไรแวบเข้ามาเป็นฉาก ๆ
เจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อเห็นอาการของลี่จุนถิงก็ตกใจมาก เพราะเจียงหยุนเอ๋อท้องโตจึงก้มตัวลงไม่ได้ ทำให้ยิ่งร้อนใจมากขึ้นไปใหญ่
“จุนถิง จุนถิง นายเป็นอะไรไป? อย่าทำให้ฉันตกใจสิ”
ถวนจื่อที่อยู่ข้าง ๆ พยายามพยุงลี่จุนถิงขึ้นมา แต่ก็ทำไม่ได้เพราะแรงน้อยเกินไป ถวนจื่อจึงพูดไปร้องไห้ไปด้วยความตกใจ
ผ่านไปสักพัก ลี่จุนถิงก็เริ่มตั้งสติได้ แต่ยังคงปวดหัวมาก จึงได้พยายามลุกขึ้นด้วยการช่วยเหลือของถวนจื่อ เจียงหยุนเอ๋อเห็นลี่จุนถิงลุกขึ้นมาแล้ว ก็รีบเข้าไปพยุงเขา คอยประคองเขากลับโรงแรม
หลังจากลี่จุนถิงนอนลงบนเตียง ก็หลับไปอย่างรวดเร็ว เจียงหยุนเอ๋อรีบโทรศัพท์ไปหาลี่จุนซินและหลันเยว่เฉิน เพื่อบอกให้พวกเขารู้
ผ่านไปสักพัก ลี่จุนถิงก็ตื่นขึ้นมา เมื่อตื่นขึ้นมา ประโยคแรกที่เขาพูดกับเจียงหยุนเอ๋อก็คือ :
“หยุนเอ๋อ ฉันจำได้แล้ว”
เจียงหยุนเอ๋ออึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วร้องไห้ออกมา เธอร้องไห้ด้วยความดีใจแล้วเข้าไปกอดลี่จุนถิง ถวนจื่อที่มองอยู่ข้าง ๆ ก็ร้องไห้ออกมาด้วย จากนั้นก็ถอดรองเท้าปีนขึ้นไปบนเตียง แล้วเข้าไปกอดลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อ
แต่เพราะแขนเขาสั้นมาก จึงไม่สามารถกอดทั้งสองคนได้ ลี่จุนถิงเห็นอย่างนั้น จึงได้โอบทั้งสองคนเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง ทั้งสามคนกอดกันแนบแน่น
คิดไม่ถึงเลยว่า ที่นี่จะเป็นกุญแจที่ทำให้ลี่จุนถิงฟื้นความจำได้
และในขณะเดียวกัน ด้านนอกหน้าต่างของโรงแรม มีเงาตะคุ่มป้วนเปี้ยนอยู่ด้านนอก คอยมองพวกเจียงหยุนเอ๋อด้วยสายตาที่อาฆาตพยาบาท
ถ้าหากเจียงหยุนเอ๋อเห็นเธอ คงต้องช็อกมากแน่นอน เพราะคนคนนี้ก็คือฟู้ชูเหม่ย แม่เลี้ยงของเธอนั่นเอง