เรื่องจัดการกับอินเสี่ยวเสี่ยวนั้นง่ายกว่าที่อันจี๋ถิงคิดไว้ซะอีก
ถึงยังไงอินเสี่ยวเสี่ยวก็เข้าวงการได้ไม่นานนัก เป็นเด็กใหม่ที่แสดงหนังไปไม่กี่เรื่อง อีกทั้งตอนนี้เธอมีชื่อเสียงเลวร้ายขนาดนี้อีก ขอเพียงเป็นหนังที่เธอเล่นล้วนถูกรังเกียจจากผู้ชมจำนวนหนึ่ง
บวกกับตู้เซวี่ยนได้ยินว่าอันจี๋ถิงต้องการจัดการอินเสี่ยวเสี่ยว เขาจึงใช้สถานะประธานกรรมการเครือบริษัทเซวี่ยนจื่อบอยคอตอินเสี่ยวเสี่ยว ดังนั้นบริษัทภาพยนตร์หลายแห่งจึงไม่ต้องการร่วมงานกับอินเสี่ยวเสี่ยวอีก
ผู้ช่วยของอันจี๋ถิงลงมืออย่างเฉียบขาดมาก เพียงสองวันเท่านั้น ชื่อเสียงของอินเสี่ยวเสี่ยวบนเน็ตก็ยิ่งย่ำแย่หนัก เธอหาบริษัทหรือผู้จัดละครที่ยอมรับเธอเข้าร่วมงานไม่ได้อีกเลยแม้แต่แห่งเดียว
“ขอโทษด้วย คุณอิน คนทำงานของกองถ่ายเราเต็มแล้ว คราวหน้าพวกเราค่อยร่วมมือกันนะคะ…ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด…”
อินเสี่ยวเสี่ยวถือมือถือไว้ ฟังเสียงอีกฝ่ายรีบวางสายไป รู้สึกอับจนใจอย่างมาก
ท่าทีแบบนี้ยังนับว่าดีแล้ว เธอยังเคยเจอเสียงก่นด่าอย่างระคายหูทุกรูปแบบกับเสียงที่ไล่ให้เธอออกจากวงการบันเทิง อินเสี่ยวเสี่ยวเริ่มสงสัยว่า เธอได้ทำเรื่องเลวร้ายจนไม่น่าให้อภัยจริงๆ กระมัง?
จากที่คนในวงการที่รังเกียจเธอกับผู้ชมที่ไม่ชอบเธอ เธอยังจะอยู่ในวงการบันเทิงต่อไปอีกจริงๆ หรือ?
อินเสี่ยวเสี่ยวคิดดูอย่างจริงจัง เธอไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายใคร คนที่จะให้เธอออกจากวงการบันเทิงล้วนแต่เป็นพวกที่ไม่รู้ความจริงเท่านั้น
ดังนั้น ไม่ว่าชื่อเสียงจะฉาวโฉ่ขนาดไหน เธอก็ยังไม่ยอมถอนตัวจากวงการบันเทิง เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องสนใจและกลัวกับคำเล่าลือบนเน็ตด้วย?
พอนึกถึงตรงนี้ อินเสี่ยวเสี่ยวก็หยิบมือถือขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ตั้งท่าจะติดต่อหางานต่อไป หวังว่าจะมีบริษัทหรือกองถ่ายสักแห่งที่ยอมรับเธอเข้าทำงาน
อินเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งหยิบมือถือขึ้น ก็มีสายเรียกเข้าจากเบอร์แปลกหน้า
ในเวลาแบบนี้ ยังจะมีใครโทรหาเธออีก? อินเสี่ยวเสี่ยวรับสายด้วยความอยากรู้ “สวัสดีค่ะ?”
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอินเสี่ยวเสี่ยวหรือเปล่าคะ?” ปลายสายอีกด้านเป็นเสียงนุ่มนวลของผู้หญิง
อินเสี่ยวเสี่ยวอึ้งไปวูบ “ช…ใช่ค่ะ คุณเป็นใครคะ?”
“คุณอินคะ สวัสดีค่ะ คืออย่างนี้นะคะ เราเป็นบริษัทภาพยนตร์เชียนอวี่เอ็นเตอร์เทนเมนต์ บอสของเราชื่นชมคุณมาก วางแผนจะปั้นคุณให้เป็นซุปตาร์จอเงินแห่งยุครุ่นต่อไป จึงอยากจะขอเชิญคุณเข้าร่วมกับบริษัทของเราค่ะ คุณวางใจได้นะคะ บริษัทเรามีศักยภาพ มีฝีมือเป็นบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ระดับแนวหน้าที่ไม่ค่อยเป็นข่าวนัก ขอเพียงคุณเข้าร่วมกับเรา เราจะจัดหางานที่ดีที่สุดให้คุณ การประชาสัมพันธ์ระดับสุดยอดมือโปร…”
อินเสี่ยวเสี่ยวฟังคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี นี่มันอะไรกันน่ะ? บริษัทภาพยนตร์เชียนอวี่เอ็นเตอร์เทนเมนต์? ทำไมเธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ?
แล้วยังมีอีก ในเมื่ออีกฝ่ายมีแหล่งงานที่ดีขนาดนี้ ทำไมถึงมาหาเธอล่ะ? คงไม่ใช่ตั้งใจจะแกล้งกันใช่ไหมนะ?
“ขอโทษนะคะ รอเดี๋ยวนะคะ” อินเสี่ยวเสี่ยวพูดขัดร่ายยาวของอีกฝ่าย “พวกคุณแน่ใจว่าไม่ได้โทรผิดนะคะ? คุณแน่ใจนะว่าคนที่จะหาคือฉัน อินเสี่ยวเสี่ยวนะค่ะ?”
“แน่นอนค่ะ เราแน่ใจว่าคนที่เราต้องการหาก็คือคุณค่ะ คุณอิน” คนของบริษัทภาพยนตร์เชียนอวี่เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ตอบ
อันที่จริงพวกเขามีแหล่งงานดีขนาดนั้นที่ไหนกันเล่า พวกเขาก็แค่คิดจะใช้ชื่อเสียงในวงการบันเทิงของอินเสี่ยวเสี่ยวมาทำเงินก็เท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าจะชื่อเสียงไม่ดี แต่ก็ดังพอตัวทีเดียว วงการบันเทิงก็เป็นอย่างนี้เอง ขอเพียงคุณฮอต มีคนเข้ามาดู มีคนสนใจ จะสนไปทำไมว่าชื่อดีหรือชื่อเสีย มีคนยอมจ่ายแน่อยู่แล้ว
อินเสี่ยวเสี่ยวยังตะลึงอยู่ ก็ได้ยินฝ่ายตรงข้ามพูดอีกว่า “แน่นอนค่ะ คุณอิน คุณจะทบทวนดูข้อเสนอของบริษัทก่อนก็ได้นะคะ ถ้าหากคุณสนใจจะร่วมงานกับบริษัทของเรา คุณก็มาดูที่บริษัทเราได้ ถ้าคุณพอใจเราค่อยเซ็นสัญญากันก็ได้ค่ะ”
หลังจากวางสายไปแล้ว อินเสี่ยวเสี่ยวยังประหลาดใจไม่หาย อยู่ดีๆ ก็มีคุกกี้หล่นลงมาจากฟ้า [1] รึไงกัน?
เธอเข้าเน็ตตรวจสอบดูก็พบว่า บริษัทภาพยนตร์เชียนอวี่เอ็นเตอร์เทนเมนต์ห่างกันไกลกับความดีเลิศอย่างที่คนในสายโฆษณาไว้ เป็นแค่บริษัทภาพยนตร์ระดับปลายแถวเท่านั้น
แต่อินเสี่ยวเสี่ยวก็พิจารณาอย่างจริงจัง ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ของเธอ มีบริษัทสักแห่งยอมรับเธอก็ไม่เลวแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอจะอยู่ในวงการบันเทิงต่อไปได้ยังไง
ตอนบ่าย อินเสี่ยวเสี่ยวมาที่บริษัทภาพยนตร์เชียนอวี่เอ็นเตอร์เทนเมนต์ตามที่อยู่ที่อีกฝ่ายให้ไว้ เธอกะจะสำรวจดูสักรอบ เธอคิดว่าถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องเซ็นสัญญาเท่านั้นเอง ถึงยังไงดูๆ ไว้ก็ไม่เสียหลาย
แต่พอมาถึงบริษัทแล้ว อินเสี่ยวเสี่ยวก็นึกเสียใจที่มา บริษัทนี้เป็นบริษัทภาพยนตร์ที่…เกรงว่าพูดออกไปก็ไม่มีใครยอมเชื่อ
ที่ตั้งของบริษัทอยู่ไกลปืนเที่ยงเอามากๆ เธอหาอยู่ตั้งนานกว่าจะหาเจอ บริษัทไม่ได้มีล้อบบี้ห้องรับแขกอะไรเลย ทั้งในนอกบริษัทดูสับสนวุ่นวายไปหมด
แต่ยังดีที่ท่าทีของพนักงานไม่เลวนัก พอเธอเข้ามาแล้ว ก็มีผู้หญิงรูปร่างค่อนข้างท้วมคนหนึ่งรีบออกมาต้อนรับเธอ “คุณอินคะ ฉันรู้ว่าคุณต้องมาแน่! คุณคิดดูแล้วเป็นยังไงบ้าง? บริษัทของเรามีศักยภาพมากนะคะ อ้อ คุณอย่าเห็นว่าบริษัทเราดูสมถะไปหน่อย เป็นเพราะเจ้านายของเราเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวมาก…”
ฟังเสียงของเธอแล้ว น่าจะเป็นผู้หญิงคนที่โทรหาเธอเมื่อตอนเช้ากระมัง
อินเสี่ยวเสี่ยวฉวยโอกาสตอนเธอเริ่มพล่ามไม่หยุดนั้น มองสำรวจบริษัทที่ว่า ‘มีศักยภาพ’ นี้ บริษัทไม่ใช่แค่สมถะ อาจกล่าวได้ว่าซอมซ่อเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ นับแต่อินเสี่ยวเสี่ยวเดินเข้าบริษัทมา ก็เห็นแค่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น หรือว่าบริษัทนี้จะมีเธอเป็นพนักงานเพียงคนเดียว?
อินเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้ถามเพิ่ม เธอรู้สึกว่าตัวเองมาที่นี่ช่างเป็นเรื่องสิ้นเปลืองเวลา ดังนั้นเธอจึงพูดกับหญิงอ้วนนั้นไปตรงๆ “ขอโทษนะคะที่มารบกวน บริษัทของคุณพิเศษมาก แต่ยังหวังว่าถ้ามีโอกาสจะได้ร่วมงานกันในครั้งหน้าค่ะ”
พูดจบ อินเสี่ยวเสี่ยวก็จะหมุนตัวจากไป ตอนนั้นเอง หญิงอ้วนนั่นเห็นอินเสี่ยวเสี่ยวปฏิเสธก็รีบรั้งเธอไว้ “คุณอินคะ คุณอย่าเพิ่งรีบไปสิคะ คุณรู้ไหมว่าเจ้าของบริษัทของเราเป็นใคร?”
ขณะที่หญิงอ้วนพูด เธอทำท่าเหมือนเป็นความลับ อินเสี่ยวเสี่ยวชะงักเท้าที่กำลังจะจากไป ถามอย่างอยากรู้ว่า “ใครคะ”
หญิงอ้วนนั้นรีบยักคิ้วหลิ่วตา ท่าทางภาคภูมิใจเมื่อตอบว่า “คุณอิน คุณไม่รู้สินะคะว่าบริษัทของเราอยู่ภายใต้เครือบริษัทของตระกูลเซียว บอสใหญ่ก็คือเซียวจิ่งสือ!”
อินเสี่ยวเสี่ยวฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจสุดๆ หญิงอ้วนรีบฉวยโอกาสชักจูงอินเสี่ยวเสี่ยว พูดว่า “ดังนั้น คุณอินคะ คุณจะไปจริงๆ หรือคะ? จะไม่พิจารณาบริษัทของเราสักหน่อยหรือคะ? ถ้าหากคุณเข้าร่วมกับบริษัทของเรา ต่อไปจะได้มีโอกาสเจอท่านประธานเซียวบ่อยๆ ยังไงคะ!”
“ฉัน…” ขณะอินเสี่ยวเสี่ยวกำลังจะพิจารณาใหม่นั้นเอง หญิงอ้วนไม่รู้ว่าไปหยิบสัญญาที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาจากที่ไหน เธอพูดกับอินเสี่ยวเสี่ยวว่า “คุณอินคะ คุณยังจะลังเลไปทำไมอีก? เข้าร่วมกับบริษัทเรา ไม่แน่ว่าคุณจะได้รับความสนใจจากท่านประธานเซียวมากยิ่งขึ้น! มา คุณอิน เซ็นสัญญาซะเลยนะคะ”
อินเสี่ยวเสี่ยวพอฟังว่าเป็นบริษัทของเซียวจิ่งสือ หัวสมองก็เหมือนถูกกรอกด้วยยากล่อมประสาท ถึงกับยอมเซ็นสัญญาที่อยู่ในมือของหญิงคนนี้ไปซะอย่างนั้น
——
[1] คุกกี้หล่นลงมาจากฟ้า หมายถึง มีโชคหล่นทับ