เมื่อลี่หุยกับลี่หยูนห่วนได้ยินแบบนี้แล้วยิ่งลังเลขึ้นไปอีก พูดว่า:
“ห้องทำงานของลี่จีถองล้วนเป็นเอกสารลับทั้งนั้น ปรกติเวลาที่เขาไม่อยู่ ห้องจะถูกล็อกไว้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจะเข้าไปเลย。”
“แล้วพวกคุณไม่คิดจะหาวิธีเข้าไปเหรอ?ประตูเป็นของตาย สมองของพวกคุณก็ตายด้วยเหรอ?”
อลันกำลังโมโห เตรียมที่จะด่าพวกเขานั้น กู้เฟยหลินเข้ามาพอดี
“โย้ว นี่มันอะไรกัน?บรรยากาศไม่ดีเลย คุณอลันอย่าโมโหบ่อย โมโหไม่ดีต่อสุขภาพเลยนะ อีกอย่างพวกเราก็เป็นหุ้นส่วนกัน และอยู่บนเส้นเชือกเดียวกัน ใครก็ตามที่โกรธแล้วเดินออกไปก็จะทำให้ภารกิจนี้ไม่สำเร็จ”
ในขณะที่กู้เฟยหลินพูดอยู่นั้นก็ได้นั่งลงข้างๆ อลัน จากนั้นหยิบเหล้าบนโต๊ะขึ้นมาแก้วหนึ่ง แล้วชนแก้วกับอลัน
หลังจากที่อลันเห็นกู้เฟยหลิน ความโกรธได้จางหายไป พูดล้อเล่นขึ้นว่า
“คนสวยพูดได้ดีจัง ประธานลี่ ต้องขอโทษด้วย เมื่อกี้ผมทำเกินไป ยกโทษให้ด้วยนะ”
“พอแล้ว ในเมื่อความขุ่นเคืองระหว่างพวกคุณแก้ไขแล้ว พวกเรามาคุยแผนการต่อไปของเรากันดีกว่า พวกคุณรู้แล้วใช่ไหมว่าลี่จีถองไปต่างประเทศแล้ว แผนการของพวกคุณหารือเสร็จแล้วหรือยัง?”
อลันอธิบายเกี่ยวกับแผนการของเขาให้กู้เฟยหลินฟัง กู้เฟยหลินบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหา สำหรับเธอแล้วเรื่องนี้ง่ายนิดเดียวเอง
หลังจากที่ทุกคนคุยแผนการเสร็จแล้ว กู้เฟยหลินถามขึ้นว่าข่าวเมื่อวันเป็นฝีมือของพวกเขาใช่ไหม
อลันยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ยกแก้วขึ้นดื่มกับกู้เฟยหลิน แค่นี้กู้เฟยหลินก็รู้แล้วว่าพวกเขายอมรับโดยปริยายแล้ว
กู้เฟยหลินพิงอลันไว้ ใช้นิ้วมือไปจิ้มที่หน้าออกของอลัน มองอลันด้วยสายตายั่วยวน
“ฉันอยากถามคุณอลัน ว่าเรื่องนี้คุณทำลี่จีถองหรือทำฉันกันแน่ ตอนแรกเมื่อวันฉันเกือบจะได้เซ็นสัญญากับโรงบ่มไวน์ลาหร์แล้ว แต่เป็นเพราะการกระทำของคุณ ทำให้ฉันต้องรอเพิ่มอีกหนึ่งวัน เมื่อวันตอนข่าวออกมา คนที่รับผิดชอบของโรงบ่มไวน์ลาหร์ที่นี่พูดกับฉันว่าเรื่องทำธุรกิจร่วมกันให้หยุดพักไว้ก่อน เขาขอดูสถานการณ์สักพัก ฉันต้องเสียเวลาไปหนึ่งวัน กว่าจะโน้มน้าวเขาได้อีกครั้ง”
“ไอ้หยา ผมรู้ว่าคุณกู้เฟยหลินของพวกเราความสามารถสูง รู้ว่าเรื่องเล็กแค่นี้กระทบอะไรคุณไม่ได้หรอก”
วันรุ่งขึ้น เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าวันนี้สภาพร่างกายของเธอค่อนข้างดี จึงโทรศัพท์หาซู่จี้งยี้ ให้เขามารับเธอหน่อย
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อมาถึงออฟฟิศทำงาน แผนกเซลล์ที่รับผิดชอบธุรกิจต่างประเทศได้เข้ามารายงาน:
“คุณนาย ก่อนที่ประธานลี่จะไปต่างประเทศโปรเจคไวน์ที่จะทำร่วมกับบริษัทลาหร์กรุ๊ป กู้เฟยหลินเอาได้แล้ว และวันนี้จะเซ็นสัญญากันอย่างเป็นทางการ”
เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกประหลาดใจมาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกน้องก็ไม่สะดวกที่จะแสดงอาการตื่นเต้นอย่างชัดเจนออกมาให้ลูกน้องเห็น
“โอเค ฉันรู้แล้ว เรื่องนี้ฉันจะบอกพี่สาวกับจีถองเอง ส่วนโปรเจคต่อไปพวกคุณก็ห้ามประมาทเด็ดขาด ถ้าทำได้ดี สิ้นปีโบนัสไม่น้อยแน่นอน ถ้ามีเวลา พวกคุณสามารถจัดเลี้ยงเล็กๆ เพื่องฉลองชัยชนะครั้งนี้ได้ และค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็มาเบิกกับแผนกบัญชีเลย”
หลังจากคนในแผนกออกไปแล้ว เจียงหยุนเอ๋อไม่ปกปิดความประหลาดใจของเธอไว้อีกต่อไป เธอตาโตจ้องมองไปที่ซู่จี้งยี้
“เลขาซู่ พนักงานใหม่กู้เฟยหลินคนนี้ มีความสามารถจริงๆ จัดการเรื่องได้รวดเร็วมาก นี่แค่กี่วันเอง ก็สามารถเอาโปรเจคใหญ่ขนาดนี้มาได้ อีกอย่างเวลานี้บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปยังอยู่ในวังวนเสียงวิจารณ์ของประชาอยู่เลย เธอยังคงเจรจาธุรกิจนี้สำเร็จ คนธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้จริง”
ซู่จี้งยี้พยักหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม
“เธอเป็นคนมีฝีมือจริงๆ ถ้าปลูกฝังดีๆ เธอต้องเป็นดาวเด่นของวงการธุรกิจแน่นอน ถึงแม้บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปของเราจะเต็มไปด้วยคนมีฝีมือ แต่เธอสามารถเรียกว่าเป็นอัจฉริยะได้เลย เกิดมาเพื่อทำงานการค้าโดยเฉพาะ บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปของพวกเราไม่มีคนแบบนี้เข้ามานานแล้ว”
นี่เป็นครั้งแรก ที่เจียงหยุ่นเอ๋อเห็นซู่จี้งยี้ชื่นชมคนอื่นอย่างตั้งใจ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้น…ตอนแรกฉันยังรู้สึกสงสัยเป้าหมายที่แท้จริงของกู้เฟยหลิน ตอนนี้ดูแล้วฉันคงคิดมากไปเอง?”
“คุณนาย ถึงแม้คนคนนี้จะเป็นอัจฉริยะ แต่ก็ต้องป้องกันไว้ก่อน ถ้าเกิดว่าเป็นจริงอย่างที่คุณนายคิดไว้ล่ะ ทุกอย่างถ้าไม่เดินไปถึงจุดสุดท้าย พวกเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเธอเป็นคนดีหรือคนเลว ถ้าเธอเข้ามาโดยมีเป้าหมายอย่างอื่น ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องมีพิรุธออกมาให้เห็นแน่นอน”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า รู้สึกที่ซู่จี้งยี้พูดก็มีเหตุผล เมื่อซู่จี้งยี้เห็นเจียงหยุนเอ๋อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว จึงวางเอกสารไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกไป
“คุณนาย นี่เป็นเอกสารที่ต้องตรวจเช็ก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวออกไปก่อน”
เจียงหยุนเอ๋ออยากโทรหาลี่จีถองเพื่อแจ้งข่าวนี้ให้เขาทราบ แต่เมื่อดูเวลา เป็นเวลาเช้าตรู่ที่อังกฤษ เจียงหยุนเอ๋อไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของลี่จีถอง จึงอยากรอจนลี่จีถองตื่นนอนในตอนบ่ายก่อนค่อยโทรหาเขา
เจียงหยุนเอ๋อยังไม่ทันรอถึงช่วงบ่ายเพื่อโทรศัพท์หาลี่จีถอง ก็เจอโม่เสี่ยวฮุ่ยก่อนแล้ว
“ไอ้หยา ให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านไม่ใช่เหรอ เธอนี่หยุดนิ่งไม่ได้เลยนะยังไงก็ต้องมาทำงานที่บริษัท”
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อเห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยเข้ามา รีบลุกขึ้นมา ส่วนโม่เสี่ยวฮุ่ยนั้นรีบวางของที่เธอถือมาไว้บนโต๊ะจากนั้นรีบวิ่งเข้าไปหา แล้วพยุงหยุนเอ๋อไปนั่งลงตรงโซฟา
“แม่ แม่มาได้ยังไง?”
“เช้านี้แม่ให้ป้าหลี่ต้มน้ำซุปเพื่อบำรุงร่างกายให้เธอ แม่ส่งไปที่บ้านเธอ แต่แม่บ้านบอกกับแม่ว่าเธอมาบริษัท และพอดีกับที่บ้านจะส่งข้าวเที่ยงมาให้เธอ แม่ก็เลยเอามาพร้อมกัน และถือโอกาสนี้มีดูเธอด้วย”
“ต้องขอโทษแม่จริงๆ ที่ทำให้แม่เสียเวลา”
“ไอ้หยาไม่เป็นไร ไม่เสียเวลาหรอก เร็ว ลองชิมน้ำซุปนี้ดู ถ้าอร่อยเดี๋ยวแม่ไปฝึกทำกับป้าหลี่”
เจียงหยุนเอ๋อมองโม่เสี่ยวฮุ่ยอย่างซาบซึ้ง รู้สึกว่าความจริงใจที่เธอทุ่มเทไปไม่เสียเปล่า “ขอบคุณแม่มากค่ะ”
หลังจากที่กินข้าวเที่ยงเรียบร้อยแล้ว โม่เสี่ยวฮุ่ยสั่งกำชับเจียงหยุนเอ๋อเสร็จก็กลับบ้านไป
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อพักเที่ยงเสร็จ ลี่จีถองวิดีโอคอลล์มาพอดี
“จีถอง ทำไมคุณตื่นเช้าขนาดนี้”
“คุณไม่อยู่ข้างผม ผมหลับไม่สนิท”
“หยี๋ คุณนี่เลี่ยนจริงๆ เลย ฉันจะบอกคุณนะ คุยธุรกิจที่จะทำร่วมกันกับโรงบ่มไวน์ลาหร์สำเร็จแล้ว เธอเก่งมากจริงๆ”
“ผมรู้แล้ว ร่างกายคุณเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันสบายดี ตอนเที่ยงแม่มาดูฉัน แถมเอาน้ำซุปมาให้ฉันด้วย แล้วคุณล่ะ อยู่ต่างประเทศสบายดีนะ?”
“สบายดี ก่อนที่ผมจะมาถึงเวียร์ได้สืบเจอคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังโดยการยุยงให้คนพวกนี้ให้มาก่อเรื่อง ตอนนี้ขอแค่พวกเราหาหลักฐานเจอ ก็ไม่มีปัญหาแล้ว เดี๋ยวผมจะไปดูหน้างานหน่อย คุณกลับบ้านไปพักผ่อนเถอ”
ถึงแม้ลี่จีถองจะพูดเหมือนจัดการได้ง่าย แต่เจียงหยุนเอ๋อรู้ เรื่องไหนที่จำเป็นต้องให้ลี่จีถองไปจัดการด้วยตัวเองต้องไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน
เจียงหยุนเอ๋อกลัวว่าจะรบกวนเวลาทำงานของลี่จีถอง หลังจากนั้นพูดคุยกับเขาอีกไม่กี่คำก็วางสายลง
สถานการณ์เป็นอย่างที่เจียงหยุนเอ๋อคิดไว้ไม่มีผิด ขณะนี้สาขาต่างประเทศของบริษัท สถานการณ์แย่จริงๆ