แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
แม้ว่าการสืบเสาะของอั้นเย่กับอั้นหยิ่งจะใช้เวลาอยู่มาก แต่ด้วยความสามารถของเขาทั้งสองก็สืบจนพบ
“เงินในบัญชีของภรรยาผู้เสียชีวิตเป็นเงินที่ถูกโอนมาจากสวิตเซอร์แลนด์ และเงินก้อนนี้ก็ถูกโอนผ่านหลายบัญชีกว่าจะมาถึงบัญชีของเธอ เราได้ตรวจสอบบัญชีเหล่านี้อย่างละเอียด และพบว่าบัญชีต้นทางนั้นเป็นบัญชีของผู้ช่วยอันซีหนี”
หลังจากที่ลี่จุนถิงฟังจบ ก็คิดว่าทุกอย่างไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเขา
“ดี ผมรู้แล้ว พวกคุณให้คนคอยตามภรรยาของผู้เสียชีวิตเอาไว้ ถ้าอันซีหนีเห็นว่าเรื่องราวไม่ได้ดำเนินไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้ ต้องให้คนติดต่อภรรยาและแม่ของผู้ตายเป็นแน่ พวกเขาต้องมีแผนสองรองรับ เพราะเรื่องนี้มันยังไม่จบ”
“และหากว่า พวกเขาวางแผนนี้แล้วทำอะไรผมไม่ได้ คงต้องจัดการกับครอบครัวนั้นแน่นอน แล้วป้ายสีมันมาให้ผม อีกอย่าง ในระหว่างที่พวกคุณคอยติดตามพวกเขา ก็คอยดูแลความปลอดภัยให้พวกเขาด้วย ไม่แน่ว่าหากต้องขึ้นศาลระหว่างประเทศพวกเขาอาจจะเป็นพยานให้เราได้ ”
อั้นเย่กับอั้นหยิ่งรับคำสั่งแล้วจากไป ลี่จุนถิงยังคงคอยตั้งรับจากอันซีหนี ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าซูซานก็อยู่ในอังกฤษ และรู้สึกว่าตอนที่ซูซานกลับมานั้นเร่งรีบเกินไป ราวกับกำลังหลบเลี่ยงอะไรบางอย่างอยู่
และด้วยนิสัยของซูซาน เมื่อเขามาที่อังกฤษ เธอจะต้องมาหาเขาเป็นอันดับแรก แต่จนถึงตอนนี้แล้วหญิงสาวก็ยังไม่มาหาเขาเลย หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เธอเองจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย ลี่จุนถิงเลยอยากทดสอบเธออีกสักครั้ง ดังนั้นจึงได้โทรไปหาเธอ
พอซูซานได้รับสายจากลี่จุนถิง เธอดีใจมาก เธอคิดว่าลี่จุนถิงคงจะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอังกฤษนี้ไม่ได้ จึงโทรหาเธอเพื่อขอความช่วยเหลือจากเธอ เธอที่เอาแต่เก็บตัว จึงไม่ติดต่อไปหาลี่จุนถิงก่อน
“ซูซาน คุณเป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้สบายดีไหม ? ”
“จุนถิง ฉันสบายดีคะ เออ… เรื่องที่เกิดขึ้นกับบริษัทของคุณตอนนี้เป็นยังไงแล้วบ้างคะ ? ไปถึงไหนแล้ว ? ต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ?”
ซูซานตื่นเต้นมาก จนไม่ระวังเผลอพูดตามความคิดตัวเองออกไป
ลี่จุนถิงยิ้มเยาะออกมา “เรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยากนิดหนึ่ง คุณออกมาช่วยผมแก้ปัญหาหน่อยได้ไหม เพราะยังไงอังกฤษก็เป็นถิ่นของคุณ”
“ได้สิคะ ตั้งแต่คุณมาฉันก็ยังไม่ได้ไปหาคุณเลย กลัวว่าจะไปรบกวนคุณ ในเมื่อคุณมาขอความช่วยเหลือจากฉันแล้ว ตามความสัมพันธ์ที่เรามี ยังไงฉันก็ต้องช่วยคุณอยู่แล้ว ฉันขอเตรียมตัวสักครู่ แล้วจะไปหาคุณที่โรงแรมที่คุณพักนะคะ”
“ได้ครับ ผมจะรอคุณ”
ลี่จุนถิงจงใจไม่บอกที่อยู่ของโรงแรมให้กับซูซาน เพราะเขาอยากจะรู้ว่าซูซานได้สืบที่ที่เขาพักอาศัยไว้อยู่แล้วหรือเปล่า
หลังจากที่ซูซานวางสายไป เธอก็ดีอกดีใจเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินทางไปหาลี่จุนถิง โดยลืมไปว่าเธอแทบไม่ได้ถามที่อยู่กับลี่จุนถิงเลย
เมื่อซูซานมาถึง ก็โทรหาลี่จุนถิง และลี่จุนถิงก็บอกเธอว่า เขากำลังรอเธออยู่ที่ร้านกาแฟของโรงแรม
ลี่จุนถิงมองดูซูซานที่เข้ามายังสถานที่นี้อย่างคุ้นเคย ก็รู้ได้ทันทีว่าซูซานคงต้องเคยมาที่นี่อยู่หลายครั้งแล้วเป็นแน่
หลังจากที่ซูซานนั่งลง ลี่จุนถิงก็สั่งน้ำผลไม้ให้เธอแก้วหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามเธออย่างตรงไปตรงมาว่า :“ซูซาน คุณมีวิธีไหนที่พอจะช่วยผมได้ไหม ? ”
เมื่อซูซานเห็นลี่จุนถิงสั่งน้ำผลไม้ให้เธอ มิหนำซ้ำยังเป็นรสที่เธอชอบ ก็ยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีก หลังจากที่ตอบคำถามของลี่จุนถิงแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามลี่จุนถิง
“คุณบอกฉันสิคะว่าตอนนี้คุณเจอปัญหาอะไรบ้าง ฉันถึงจะหาวิธีช่วยคุณแก้ปัญหานั่นได้ เออคือว่า…จุนถิงคะ ฉันอยากจะถามคุณว่า ทำไมคุณถึงสั่งน้ำผลไม้ให้ฉันคะ หนำซ้ำยังเป็นรสโปรดของฉันด้วย ”
ลี่จุนถิงไม่คิดว่าความเคยชินที่ชอบสั่งน้ำผลไม้ให้กับเจียงหยุนเอ๋อนั้นจะทำซูซานจินตนาการไปต่างๆนานา แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรมันไปในตอนนี้ เป็นการตอบไปแบบพอเป็นพิธีว่า
“น้ำผลไม้ดีต่อสุขภาพ ตอนนี้เราเจอหลักฐานบางอย่างในที่เกิดเหตุแล้วยืนยันได้ว่าผู้เสียชีวิตนั้นตายเพราะถูกฆาตกรรม แล้วส่งมอบมันให้กับตำรวจ แต่พวกเขาบอกว่าหลักฐานเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ ทางเราเองก็หาหลักฐานอื่นไม่เจอแล้ว เพราะฉะนั้นผมอยากจะถามคุณว่าทำยังไงให้กรมตำรวจยอมรับหลักฐานที่มีเหล่านี้ได้ ?”
ลี่จุนถิงจงใจบอกซูซานเกี่ยวกับหลักฐานที่เขาพบ จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าตอนที่ซูซานได้ยินว่าพวกเขาพบเจอหลักฐานนั่น สีหน้าของหญิงสาวนิ่งค้างไปอย่างเห็นได้ชัด แววตาก็ฉายแววไหววูบของความตระหนก แม้ว่าเธอจะปรับสีหน้าได้ในทันทีก็ตาม แต่ลี่จุนถิงก็จับภาพเหล่านั้นได้
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน ฉันจะใช้เส้นสายช่วยคุณถามกรมตำรวจให้แล้วกันนะคะ ”
ลี่จุนถิงตอบรับ จากนั้นก็ถามซูซานอีกหลายคำถามที่ยุ่งยากแต่ไม่เกี่ยวข้องอะไร เสร็จแล้วต่างก็แยกย้าย เดิมทีซูซานตั้งใจจะกินมื้อค่ำกับลี่จุนถิง แต่ลี่จุนถิงปฏิเสธเพราะมีธุระเสียก่อน
ในฝั่งของเมืองจีนนั้น ลี่จุนถิงได้ให้อั้นเย่กับอั้นหยิ่งคอยตามภรรยาของผู้เสียชีวิต ทางฝั่งอลันก็อยู่ภายใต้แรงกดดัน และเริ่มเตรียมตัวที่จะลงมือ ลักพาตัวเจียงหยุนเอ๋อ
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ เจียงหยุนเอ๋อเองก็ไม่ได้ออกนอกบ้านเลย เพราะเธอไม่ได้เดินทางไปบริษัททุกวัน
เพราะเจียงหยุนเอ๋อยังคงหวาดกลัวกับหัวขโมยที่โผล่มาในหลายวันก่อน เมื่อตกใจ อารมณ์ก็แปรปรวน ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เมื่อโม่เสี่ยวฮุ่ยรู้เรื่องเข้า ก็สั่งห้ามไม่ให้เจียงหยุนเอ๋อไปที่บริษัทอีก
จากนั้นเธอก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านของเจียงหยุนเอ๋อ และค่อยดูแลหญิงสาวกับซูม่านลี และเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะเบื่อ จึงได้ให้ซู่จี้งยี้นำเอกสารที่ต้องการให้เจียงหยุนเอ๋อเซ็นมาให้เธอที่บ้านแทน เลยทำให้เจียงหยุนเอ๋อไม่ต้องเดินทางไปที่บริษัทอีก
แม้ว่าเจียงหยุนเอ๋อจะรู้สึกว่ามันสร้างความลำบากให้กับซู่จี้งยี้ แต่เพราะโม่เสี่ยวฮุ่ยเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเธอ เธอเองจึงไม่ได้ปฏิเสธ
ทางฝั่งอลันที่รอจังหวะจะลงมือก็ล่วงเลยผ่านมาหลายวันแล้ว เจียงหยุนเอ๋อไม่ได้เดินทางไปที่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ในเมื่อรอต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงวางแผนที่จะลอบเข้าไปยังบ้านพักของเจียงหยุนเอ๋อเพื่อลักพาตัวแทน
และลี่หุยกับลี่หยูนห่วนก็รู้เรื่องนี้ จึงได้คอยเตือนให้อลันนั้นมองการณ์ไกล อย่าวู่วาม แต่พออลันที่คิดไปถึงซูซานแล้ว ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก
ในกลางดึกคืนนี้ อลันให้คนย่องเบาเข้าไปในบ้านของเจียงหยุนเอ๋อ อลันคิดว่าก่อนหน้านั้นที่ลี่หุยให้คนเข้าไปขโมยของในห้องทำงานของลี่จุนถิงก็ทำมันได้อย่างง่ายดาย เพราะฉะนั้นครั้งนี้เขาเองก็ต้องทำมันได้สำเร็จเช่นกัน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้เลยนั้นก็คือทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้วิลล่า คนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดก็สังเกตเห็นพวกเขาแล้ว
เมื่อคนของเขาค่อยๆโอบล้อมวิลล่านี้ไว้ แกล้งทำเป็นคุ้มกันวิลล่านั้น พวกเขาก็ถูกล้อมเอาไว้แล้วด้วยเหมือนกัน
หลังจากที่คนของเขารอดพ้นจากการลาดตระเวนของรปภ. พวกเขาก็ย่องเข้าไปภายในวิลล่า แต่ในขณะที่พวกเขาเพิ่งจะก้าวเข้าไปได้นั้น ระบบป้องกันของวิลล่าก็ทำงาน เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น และมีแสงจ้าส่องมาที่พวกเขา พวกเขาถูกแสงส่องจนลืมตาไม่ขึ้น แต่เมื่อพอที่จะมองเห็นได้ ก็ถูกบอดี้การ์ดที่ซ่อนตัวในบริเวณนั้นรวบตัวไว้แล้ว
เมื่อเห็นว่าถูกจับกุมตัว จึงได้แจ้งให้คนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาช่วยเหลือ แต่คนด้านนอกนั้นถูกจับรวบตึงเร็วไว้ก่อนพวกเขาเสียอีก ดังนั้นคนที่แอบย่องเข้ามาในวิลล่าจึงถูกจับกุมตัวไว้ทันที
พอเจียงหยุนเอ๋อกับโม่เสี่ยวฮุ่ยถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสัญญาณเตือนภัยนั้น อีกทั้งการเคลื่อนไหวด้านล่างก็ดังอยู่พอสมควร พวกเขาจึงสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกไป