ก่อนที่ลี่จุนถิงจะลงมือปฏิบัติการ ได้โทรศัพท์หาโม่เสี่ยวฮุ่ยก่อน สอบถามสถานการณ์ของถวนจื่อกับทารกน้อย
“แกไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ คนของแกปกป้องพวกเราเป็นอย่างดี หมอพวกนั้นก็ใจดี ดูแลทารกน้อยไปอย่างดี แกไปช่วยหยุนเอ๋ออย่างสบายใจเถอะ พวกเราจะรอพวกแกกลับมา ชื่อของทารกน้อยยังต้องรอให้พวกแกกลับมาตั้งชื่อให้อีก”
ลี่จุนถิงไม่ได้พูดอะไรต่ออีก แสดงให้เห็นว่าเขาต้องช่วยเหลือเจียงหยุนเอ๋อกลับมาได้อย่างปลอดภัยแน่นอน จากนั้นพูดกำชับพวกเขาอีกสองสามคำ ก็วางสายลง แต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่พวกเขาจะลงมือปฏิบัติการให้พวกเธอฟัง
โม่เสี่ยวฮุ่ยเล่าเรื่องที่ลี่จุนถิงโทรมาให้ลี่จุนซินฟัง และได้พลอยสอบถามเรื่องของบริษัทอีกด้วย
“จุนซินอ่ะ เมื่อกี้จุนถิงโทรศัพท์มาหาแม่ บอกว่าทางด้านเขาสบายดี บอกให้พวกเราไม่ต้องเป็นห่วง แต่ว่าทางด้านโน้นตอนนี้แม่ไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะเขาเป็นคนมีความสามารถอยู่แล้ว แต่ตอนนี้สิ่งที่แม่เป็นห่วงที่สุดคือเรื่องของบริษัท,”
“แม่ เรื่องของบริษัทแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเราจะถอยออกมาจากลี่ซื่อแล้ว แต่หุ้นของพวกเรายังไม่ได้ขาย อีกอย่างซู่จี้งยี้ก็ยังอยู่ในบริษัทอยู่ แม่คิดว่าซู่จี้งยี้จะหักหลังจุนถิงเหรอ?”
“คนของพวกเราและหุ้นยังอยู่ แสดงว่าบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปยังอยู่ในมือของพวกเราอยู่ ตอนนี้มอบให้ลี่หุยดูแล ก็เพื่อให้เขาล้มสาหัสยิ่งกว่าในอนาคตเหรอ”
โม่เสี่ยวฮุ่ยรู้สึกว่าตอนนี้เขาเป็นกังวลมากเกินไปแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของลี่จุนซิน รีบสลัดเรื่องของบริษัททิ้งทันที ตอนนี้เขามีหลานชายและหลานสาวอยู่ข้างกาย ทำไมเธอถึงไม่รักษาความสุขในช่วงเวลานี้ไว้ล่ะ
ความจริงไม่ต้องรอให้ถึงอนาคต ตอนนี้ลี่หุยก็เจออุปสรรคแล้ว
ก่อนหน้านี้โปรเจ็คที่ลี่จุนถิงคุยไว้ สำคัญมาก ถึงแม้หุ้นส่วนที่จะทำการค้าร่วมกันตำแหน่งไม่ได้สูงมาก แต่เบื้องหลังของโปรเจ็คนี้รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน ดังนั้นลี่หุยจึงให้ความสำคัญกับโปรเจ็คนี้มาก
แต่ว่า เนื่องจากมีข่าวการถอนตัวของลี่จุนถิงออกมา บริษัทนี้ก็ได้ระงับความร่วมมือทำธุรกิจกับลี่ซื่อ บอกว่าพวกเขาไม่รู้จักลี่หุย ต้องรอให้ลี่จุนถิงกลับมาก่อน พวกเขาถึงจะยอมรวมมือทำธุรกิจกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป
ตอนนี้ลี่หุยได้รับข่าวนี้ โกรธมาก แต่โปรเจ็คนี้สำคัญมาก เขาจึงไม่กล้ายกเลิกสัญญากับพวกเขาโดยตรง
ในขณะที่มีคนใส่สีหน้าให้เขา เขายังต้องยิ้มประจบเอาใจคนพวกนั้นอีก เขาคิดว่าเมื่อขึ้นมานั่งที่ตำแหน่งนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปขอร้องคนอื่นอีก คิดไม่ถึงเพิ่งขึ้นมาก็ถูกคนอื่นตบหน้าเข้าให้แล้ว
ครั้งแรกที่ลี่หุยไปขอพบพวกเขา ก็เจอเข้ากับอุปสรรค ผู้บริหารของบริษัทนี้ปฏิเสธตลอดว่าไม่มีเวลามาพบเขา ลี่หุยรออยู่ในห้องโถงต้อนรับแขกของบริษัทนี้เกือบทั้งวัน ผู้บริหารของบริษัทนี้ก็ไม่ได้ออกมาพบเขาเลย
ลี่หุยโกรธมาก แต่เมื่ออยู่ในบริษัทของคนอื่นจึงไม่สามารถระบายอารมณ์ได้ หลังจากที่กลับไปถึงบ้านได้ขว้างของทิ้งเยอะแยะมากมาย ลี่เจี้ยนหวากับจ้าวเฟยเอ๋อที่มองดูอยู่ข้างๆ เป็นกังวลใจมาก แต่ก็ไม่รู้จะห้ามเขายังไง
ลี่เจี้ยนหวาถามเขาต้องการความช่วยเหลือไหม แต่ลี่หุยก็ปฏิเสธ
“ผมจะเอามันด้วยฝีมือของผมเอง รอให้โปรเจ็คนี้เสร็จก่อน ดูสิว่าผมจะจัดการพวกมันยังไง”
พูดจบ ลี่หุยกลับเข้าห้องด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
จ้าวเฟยเอ๋อเห็นลูกชายตัวเองถูกรังแกขนาดนี้ หลังจากที่กลับเข้าไปในห้องแล้ว ร้องไห้กับลี่เจี้ยนหวาตลอดเวลา
“ลูกชายของฉันทำไมโชคร้ายขนาดนี้ ไม่ง่ายเลยที่กว่าจะได้รับตำแหน่งประธานนี้ ปรากฏว่าแค่ขึ้นรับตำแหน่งก็ถูกคนกีดกันแล้ว บริษัทนั้นทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงมารังแกลูกชายฉันแบบนี้ คุณแอบช่วยเขาได้ไหม”
ลี่เจี้ยนหวาหงุดหงิดกับเสียงร้องไห้ของเธอ จึงด่าเธอเสียงดังออกมา
“แค่นี้ก็บอกว่าเขาถูกรังแกเหรอ?ก่อนหน้านั้นที่จุนถิงถูกรังแกไม่รู้ว่ามากแค่ไหน ก็ไม่เคยเห็นเขาอารมณ์เสีย ลี่หุยเขาแค่เจอกับอุปสรรคครั้งแรก ก็อารมณ์เสียขนาดนี้แล้ว อนาคตยังมีอุปสรรคมากกว่านี้อีก ถ้าทุกครั้งที่เจอก็จะอารมณ์เสียแบบนี้ ผมคิดว่าลูกชายของเราคงมีสักวันที่จะอารมณ์เสียจนตายไปเป็นแน่”
“คุณจะแช่งลูกชายของคุณแบบนี้ได้ยังไง ลี่จุนถิงเป็นลูกชายแท้ๆ ของคุณ ลี่หุยไม่ใช่หรือยังไง?ฉันไม่เชื่อหรอกว่าก่อนหน้านั้นที่ลี่จุนถิงเจออุปสรรค คุณไม่เคยช่วยเหลือเขา คุณช่วยเหลือลูกชายเราหน่อยจะเป็นอะไรไป?”
ลี่เจี้ยนหวาโกรธมากและจ้องมองไปที่เธอ “คุณพูดถูกแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยช่วยเหลือจีถองเลย ลี่ซื่อในตอนนี้เขาเป็นคนสร้างมันมากับมือด้วยตัวเอง”
จ้าวเฟยเอ๋อพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องไห้ อยากให้ลี่เจี้ยนหวาใจอ่อน แล้วยื่นมือช่วยเหลือลี่หุย
ลี่เจี้ยนหวาได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ ยิ่งทำไม่รู้สึกไม่พอใจ “คุณร้องไห้ทำไม ผมยังไม่ตาย รอให้ผมตายก่อนแล้วคุณค่อยร้องไห้ก็ยังไม่สาย หึ”
หลังจากที่ลี่เจี้ยนหวาพูดจบ เดินเข้าไปที่ห้องหนังสือทันที จ้าวเฟยเอ๋อเห็นเขาเดินออกไป ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นอีก
วันรุ่งขึ้น ลี่หุยไปขอพบอีก ครั้งนี้ถือว่าได้ผลดีขึ้นบ้าง เพราะว่าครั้งนี้ได้เจอกับผู้บริหารของบริษัท
แต่ว่า แค่ได้พบหน้าเท่านั้นเอง ลี่หุยนั่งอยู่ในห้องโถงต้อนรับแขกทั้งวันของช่วงเช้า หิวจนท้องร้อง กำลังเตรียมตัวไปกินข้าวเที่ยง ช่วงบ่ายค่อยเข้ามารอต่อ ทันใดนั้นมีคนมาแจ้งให้เขาไปที่ห้องประชุม ผู้บริหารรับปากว่าจะเจอเขาแล้ว
ลี่หุยไม่สนใจท้องที่กำลังร้องอยู่นั้น รีบเดินตามคนคนนั้นไปที่ห้องประชุม หลังจากที่ไปถึงห้องประชุมแล้ว รออีกหนึ่งชั่วโมง
ผู้บริหารของบริษัทนี้ชื่อว่านเหนิงเหริ่น แปลว่าดื้อรั้น แบ่งแยกผิดชอบชั่วดีได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเขาไม่ชอบคนชั่วอย่างลี่หุยก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว อีกอย่างเขาเป็นเพื่อนของลี่จุนถิงอีกด้วย
ตอนที่บริษัทเริ่มก่อตั้งนั้น ลี่จุนถิงเป็นคนช่วยเหลือเขา อีกอย่างหลายปีมานี้ บริษัทของเขาร่วมงานทำธุรกิจกับลี่จุนถิงมาตลอด และทุกครั้งที่ทำธุรกิจร่วมกันก็สบายใจไม่มีอะไรน่ากังวลเลย
แม้ว่าบริษัทนี้จะไม่ใหญ่มากนัก แต่ว่าว่านเหนิงเหริ่นนั้นเป็นคนมีความสามารถ โปรเจ็คหลายงานของรัฐบาลเขาสามารถเอามาได้ ลี่จุนถิงก็เคยชักชวนเขาให้ขยายบริษัทให้ใหญ่ขึ้น แต่เขารู้สึกว่าบริษัทตอนนี้ก็ค่อนข้างดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพื้นฐานของเขาก็ไม่สามารถขยายกิจการให้ใหญ่เท่าเหมือนกับลี่ซื่อได้
ตอนที่ว่านเหนิงเหริ่นเห็นหน้าของลี่หุยนั้น ยิ้มเยาะเย้ยไปหลายครั้ง แต่ลี่หุยดูไม่ออก เพราะในสมองเต็มไปด้วยเรื่องของโปรเจ็ค
แต่ว่า เขาก็ทำไม่สำเร็จ หลังจากที่ว่านเหนิงเหริ่นเจอเขาแล้ว ไม่ได้เอ่ยปากพูดถึงเรื่องโปรเจ็คเลย และในขณะที่ลี่หุยจะเอ่ยปากพูดขึ้นนั้น
ก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที สุดท้ายก็บอกลาโดยอ้างว่าตัวเองยังมีงาน
ตอนที่ลี่หุยถูกเชิญออกไปนั้น ใบหน้าแดงก่ำ และด่าคนคนนี้ในใจอยู่ตลอดเวลา
เมื่อลี่หยูนห่วนรู้เรื่องนี้ คืนนั้นได้เลี้ยงเขากินเหล้า และได้ชวนลี่เจี้ยนหวากับลี่เจี้ยนเย่ไปด้วย
“ลี่หุย ในเมื่อนายทำไม่สำเร็จสักที ทำไมไม่ขอร้องไห้คุณลุงกับพ่อของฉันช่วยล่ะ ให้พวกเขาไปพูดอาจ บางทีอาจสำเร็จก็ได้”
ลี่หยูนห่วนรู้สึกว่าโปรเจ็คนี้ถูกระงับชั่วคราว น่าจะเกี่ยวข้องกับลี่หุย ถ้าเปลี่ยนคนเข้าไปคุยอาจดำเนินการต่อก็เป็นได้
แต่ลี่หุยก็ไม่ยอม ดึงดันที่จะไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ลี่เจี้ยนหวากับลี่เจี้ยนเย่ได้พูดโน้มน้าวเขาตลอด และในที่สุดลี่หุยก็ยินยอม