“เอาล่ะ คุณก็ไม่ต้องพูดแล้ว!” อันจี๋ถิงสุดจะทน ดวงตางามทั้งคู่บิดเบี้ยวราวกับตัวหนอนที่ขดงอ “เซียวจิ่งสือ ฉันจะบอกคุณนะ คุณไม่รักลูกสาวชั้นก็ได้ แต่อย่ามาพูดว่าผู้หญิงที่ไปทำหน้ามานั่นเป็นลูกสาวฉันอีก! ฉันไม่มีลูกสาวที่เสแสร้งมีเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้!”
ผู้หญิงที่คิดจะทำศัลยกรรมหน้าเพื่อไต่เต้าขึ้นสู่ที่สูงแบบนี้ ต้องไม่ใช่ลูกสาวเธออย่างเด็ดขาด! อันจี๋ถิงปักใจมั่น ลูกสาวเธอตอนนี้อยู่ข้างกายเธอดีๆ เธอจะจำผิดไปได้ยังไงกัน!
เซียวจิ่งสือแอบถอนใจอย่างหนักหน่วง เบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ภายนอกยังเป็นฝนตกหนัก ท้องฟ้ายังปกคลุมด้วยเมฆฝนหนาทึบเต็มไปหมด สายฝนเหมือนไข่มุกเป็นเม็ดๆ สาดซัดเข้าใส่หัวใจเขาอย่างหนักหน่วง
เซียวจิ่งสือรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกอยู่บ้าง เขาเบนสายตากลับมา หันมามองอันจี๋ถิง สะกดกลั้นความรู้สึกหงุดหงิดร้อนรุ่มไว้ในใจ ยังอธิบายต่อไปอย่างอดทน “คุณนายอัน หลินหว่านไม่ได้ตั้งใจไปทำศัลยกรรมหน้า เธอถูกบ้านตระกูลอันทำร้ายจนเสียโฉมจึงไปทำหน้ามา อินเสี่ยวเสี่ยวเธอเป็นลูกสาวของคุณจริงๆ นะครับ” เซียวจิ่งสือขมวดคิ้ว อธิบายด้วยสีหน้าจริงใจ
ขณะที่อันจี๋ถิงกำลังถูกท่าทีจริงจังจริงใจของเขาทำให้หวั่นไหวขึ้นมานั้นเอง ประตูห้องทำงานก็ถูกคนผลักเปิดเข้ามา เซียวจิ่งสือกับอันจี๋ถิงหันไปมองที่ประตู เห็นอี้อวิ๋นฉังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธและน้อยใจ เธอเดินเข้ามาพลางว่า “จิ่งสือ ทำไมคุณถึงบอกว่าฉันไม่ใช่หลินหว่านคะ ทำไมคุณทำกับฉันแบบนี้ ต่อให้คุณไม่รักฉัน แต่คุณทำไมต้องดูถูกฉันแบบนี้ พูดว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวของท่านต่อหน้าแม่ของฉัน คุณทำเกินไปแล้วนะ”
อี้อวิ๋นฉังเดินเข้ามาด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ ทางหนึ่งก็ปาดน้ำตา ด้วยท่าทางน่าสงสาร ทำให้พริบตานั้นอันจี๋ถิงเห็นแล้วใจอ่อนยวบลง พอคิดว่าเมื่อครู่มีนาทีหนึ่งที่เธอหวั่นไหวไป อันจี๋ถิงก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ
อี้อวิ๋นฉังทางหนึ่งปาดน้ำตา ทางหนึ่งก็สังเกตปฏิกิริยาของเซียวจิ่งสือกับอันจี๋ถิง พอเห็นสีหน้าท่าทางของอันจี๋ถิงที่มองเธอ ความรู้สึกตกใจจนว้าวุ่นเมื่อครู่ของอี้อวิ๋นฉังก็คลายลงไปได้เปลาะหนึ่ง
เดิมทีเธอตั้งใจมาหาเซียวจิ่งสือ แต่พอเดินมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงพูดของเซียวจิ่งสือเมื่อครู่ เธอตกใจจนหัวใจเต้นโครมคราม เธอไม่รู้ว่าเซียวจิ่งสือทำไมจึงได้รู้เรื่องที่เธอสวมรอยเป็นหลินหว่าน
เธอยืนตกใจอยู่หน้าประตูเพียงชั่วครู่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คำพูดเมื่อครู่ของเซียวจิ่งสือบอกชัดว่า เขากำลังพยายามโน้มน้าวให้อันจี๋ถิงเชื่อคำพูดของเขา นั่นหมายความว่าอันจี๋ถิงยังไม่เชื่อเขาทั้งหมดว่าเธอไม่ใช่หลินหว่าน
อี้อวิ๋นฉังคิดในใจว่า ขอเพียงอันจี๋ถิงยังเชื่อว่าเธอคือหลินหว่าน เธอก็ยังมีโอกาส
พอจับจุดได้ อี้อวิ๋นฉังก็รีบบิวท์อารมณ์อยู่หน้าประตูอย่างเร่งด่วน จากนั้นผลักประตูเดินเข้าไปด้วยสองตาที่แดงก่ำ
อันจี๋ถิงเดินเข้าไปโอบกอดอี้อวิ๋นฉังที่น่าสงสารไว้ ลูบศีรษะเธอพลางพูดปลอบใจว่า “เสี่ยวหว่าน แม่เชื่อลูกนะ ไม่ต้องเสียใจนะ อย่าร้องไห้ไปเลย”
อี้อวิ๋นฉังซบหน้าอยู่กับอกอันจี๋ถิง มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างกระหยิ่มใจ แต่เพียงแวบเดียวก็หายวับไป
อี้อวิ๋นฉังบิวท์อารมณ์แล้วเงยหน้าขึ้นมองมาทางเซียวจิ่งสือ น้ำตาเม็ดโตๆ ร่วงเผาะ เธอชี้หน้าเซียวจิ่งสือแล้วพูดอย่างน้อยใจว่า “จิ่งสือ ทำไมคุณถึงบอกว่าฉันเป็นหลินหว่านตัวปลอมออกมาได้นะ พวกเราผ่านเรื่องราวด้วยกันมาตั้งมากมาย ฉันยังจำได้เมื่อก่อนคุณบอกฉันว่ารักฉันมากขนาดไหน ถึงแม้ฉันจะเข้าใจผิดว่าคุณแค่พูดเล่น แต่คุณก็ไม่เคยยอมแพ้ คุณยังเคยบอกว่าตั้งแต่ตอนเป็นเด็กฉันเคยช่วยคุณไว้ คุณก็เริ่มชอบฉันแล้ว คราวนั้นในงานแสดงคืนนั้นที่ฉันเท้าแพลง คุณยังเอาถุงน้ำแข็งมาให้ฉันโดยไม่สนอะไรเลย แล้วยังมีตอนที่ฉันถูกอันซิงรังแก คุณก็มักเข้ามาช่วยฉันเสมอ ทั้งหมดนี้ฉันยังจำได้อย่างชัดเจน แต่ทำไมตอนนี้คุณถึงบอกว่าฉันไม่ใช่หลินหว่านล่ะ? คุณไม่รักฉันแล้วเหรอ?”
สองคำถามสุดท้าย อี้อวิ๋นฉังตั้งใจพูดด้วยเสียงเบา ฟังดูแล้วให้ความรู้สึกเศร้าเสียใจและสิ้นหวังปานนั้น พอเข้าหูอันจี๋ถิง หัวใจเธอก็แทบละลาย
อันจี๋ถิงในตอนนี้เชื่อมั่นอย่างเหลือเกินว่าหลินหว่านที่ยืนอยู่ที่นี่ในนาทีนี้เป็นลูกสาวเธอ เธอเคยแอบส่งคนไปติดตามดูความเคลื่อนไหวของหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือ คนที่ไปสังเกตการณ์จะกลับมารายงานชีวิตประจำวันของพวกเขาทุกวัน ดังนั้นเรื่องของพวกเขาสองคนไม่มีใครเข้าใจยิ่งไปกว่าอันจี๋ถิง
อันจี๋ถิงเดินเข้าไปล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาช่วยเช็ดน้ำตาให้อี้อวิ๋นฉังอย่างเบามือ
เซียวจิ่งสือมองดูภาพนี้ด้วยความรู้สึกหวาดกลัวจับใจ ผู้หญิงตรงหน้านี้รู้เรื่องราวระหว่างเขากับหลินหว่านมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน ละเอียดจนเหมือนกับเธอเป็นหลินหว่านจริงๆ ถ้าหากไม่รู้มาก่อนว่าเธอไม่ใช่หลินหว่าน ไม่แน่ว่าเซียวจิ่งสือเองก็คงถูกเธอหลอกไปด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ที่ทำให้เซียวจิ่งสือถึงกับขนลุกก็คือ ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงรู้เรื่องทั้งหมดของหลินหว่าน แม้แต่อิริยาบถความเคลื่อนไหวก็แทบจะเหมือนกับหลินหว่านเป็นพิมพ์เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นยามโกรธหรือยามยิ้มการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ล้วนเลียนแบบมาได้เหมือนเป๊ะ นี่ต้องทำกันถึงขนาดไหนจึงฝึกได้จนเหมือนขนาดนี้เนี่ย! เซียวจิ่งสือรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นในใจ ช่างน่ากลัวซะจริง!
เซียวจิ่งสือไม่สนอี้อวิ๋นฉังที่ยังร้องไห้อยู่ เอ่ยปากถามข้อสงสัยในใจไปตรงๆ เขาขมวดคิ้วเพ่งมองอี้อวิ๋นฉังอย่างเคร่งเครียด ถามย้ำทีละคำว่า “เธอเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงได้รู้เรื่องระหว่างผมกับหลินหว่าน? แล้วหลินหว่านตัวจริงไปอยู่ที่ไหนกันแน่?”
คำพูดประโยคนี้เหมือนกับเข็มเป็นเล่มๆ ที่ทิ่มแทงเข้าในใจของอี้อวิ๋นฉัง เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเซียวจิ่งสือสือ น้ำตาคลอตา ถามกลับด้วยเสียงกลั้นสะอื้น “เซียวจิ่งสือในเมื่อคุณรักหลินหว่านขนาดนี้ ทำไมคุณถึงจำฉันไม่ได้? ฉันก็คือหลินหว่านไงคะ”
คราวนี้อี้อวิ๋นฉังเสียใจจริงๆ แล้ว น้ำตาร่วงเผาะอย่างหยุดไม่อยู่ คิดไม่ถึงว่าเธอพยายามทำตัวเป็นหลินหว่านขนาดนี้แล้ว ยังถูกเซียวจิ่งสือจับได้อีก ในใจเขายังมีแต่หลินหว่านนั่น หลินหว่านตัวจริง
เซียวจิ่งสือไม่หวั่นไหวเลยสักนิด เขาโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ คุณไม่ใช่ คุณไม่ใช่หลินหว่าน”
คำพูดประโยคนี้ของเซียวจิ่งสือเหมือนซ้ำเติมเข้าไปอีก เสียบเข้ากลางใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลกลาดเกลื่อนของอี้อวิ๋นฉังโดยไม่ทันตั้งตัว
คราวนี้อันจี๋ถิงทนดูไม่ไหว เธอดึงอี้อวิ๋นฉังไปไว้ด้านหลังเธอ ชี้หน้าเซียวจิ่งสือว่า “เซียวจิ่งสือ คุณอย่าทำเกินไปนะ เพื่อนังจิ้งจอกนั่น คุณใจร้ายมากนะ!”
“เธอไม่ใช่นังจิ้งจอก เธอเป็นลูกสาวของคุณ” เซียวจิ่งสือรีบพูดแก้ จากนั้นดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นได้ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า “หลินหว่านเธอหายตัวไป ผมหาตัวเธออยู่นานแล้วแต่ก็ยังไม่พบ ถ้าหากคุณนายอันพบเธอเข้า ก็ช่วยบอกผมด้วยเถอะ”
เซียวจิ่งสือพูดจบ ก็โค้งคำนับอันจี๋ถิงด้วยท่าทีให้ความเคารพอย่างจริงใจ แต่อันจี๋ถิงกลับไม่คิดจะไว้หน้าเขา เธอตอบด้วยรอยยิ้มเย็นว่า “ฮึ! คุณจะให้ฉันช่วยเธอเหรอ?! รอชาติหน้าเถอะ ทางที่ดีอย่าให้ฉันเห็นเธอ ไม่อย่างนั้นเธอได้เจอดีแน่!”