เจียงหยุนเอ๋อร้องไห้อย่างหนักหน่วง ลี่เจี้ยนหวาตกใจเธอจนทำอะไรไม่ถูก
เขารู้ว่าเขาอาวุโสกว่า แต่ถูกลูกสะใภ้ชี้หน้าด่า “คุณ คุณ……”
แต่ก็พูดอะไรไม่ออกสักที เลยโกรธจนคอแดงขึ้นมา
เจียงหยุนเอ๋อยังอยากจะพูดอะไรต่อ ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ จะเป็นลมไปด้านหลังทันที
ชิงโม่กับคนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็ยิ่งร้อนใจ
ยังดีที่หลันเยว่เฉินปรี่เข้ามาทันที
ชิงโม่รีบเข้ามาดึงเขาเอาไว้ “คุณดูหน่อยว่าพี่สะใภ้เป็นอะไร?ไม่อย่างนั้นประธานลี่ก็หาไม่เจอ พี่สะใภ้ก็ดันเกิดเรื่องไปก่อน”
อีกฝั่ง ซู่จี้งยี้ก็เข้ามาพูดกับลี่เจี้ยนหวา ก่อนจะให้เขาเดินนำไปก่อน
แล้วกลับบ้านให้เร็วกว่าหน่อย
พวกเขาเองก็มองออก เมื่อมีลี่เจี้ยนหวาอยู่ ทุกคนก็ไม่มีทางที่จะสงบได้
มาจนถึงตอนนี้แล้ว ไม่ต้องให้ช่วยตามหา แต่ยังมาโทษคนอื่นอีก
ลี่เจี้ยนหวายึดยื้อเล็กน้อย “ซู่จี้งยี้ ฉันเป็นพ่อของจุนถิง คุณจะให้ฉันไปงั้นเหรอ!”
“เพื่อความปลอดภัยของประธานลี่ ฉันเลยอยากให้คุณกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ถึงอย่างไรเขาก็เอาชีวิตมาแลกกับคุณเลยนะ!”
“ฉันไม่ไป!” ลี่เจี้ยนหวาตวาดเสียงดัง
หันไป ลี่เจี้ยนหวาก็เห็นหลันเยว่เฉินตรวจให้เจียงหยุนเอ๋อ เลยขึ้นมาพูด “เธอก็แค่สลบไป ลี่หุยยังอยู่ทางนั้นนะ เขาเจ็บหนักมา หมอหลัน คุณไปดูเขาก่อนเถอะ”
เมื่อเขาพูดออกไป ทำให้ทุกคนต่างมองเขาด้วยความโกรธ
หลันเยว่เฉินยิ่งไม่สนใจเขาเข้าไปใหญ่
มีเพียงลี่เจี้ยนหวาที่พูดไปเรื่อยไม่หยุด แล้วคิดว่าหลันเยว่เฉินออกจะน่ารำคาญ “ถ้าอยากให้ลูกชายคุณปลอดภัย ลุงลี่อยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ ก่อนเถอะ”
ลี่เจี้ยนหวาเบี่ยงไปทางด้านข้างด้วยความโกรธ ก่อนจะเริ่มสั่งคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย ตอนนี้ที่เกิดเหตุถูกเขาทำจนวุ่นวายเละเทะไปหมดแล้ว
ซู่จี้งยี้ยังจะเข้าไป ชิงโม่ก็ยกมือขึ้นขวางเขา “ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว!ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาประธานลี่”
ตอนที่กำลังพูด เฟิงจิงเป่ยกับคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่างก็ส่งข่าวขึ้นมา พวกเขาเพิ่งจะเอาอุปกรณ์ลงไป
ใครจะไปรู้ว่าน้ำไหลเชี่ยวมาก จนทำให้โดนซัดไป เลยให้คนไปช่วยเหลือ
ซู่จี้งยี้จะตามขึ้นไปด้านหน้า กลับถูกชิงโม่กดเอาไว้ “ฉันไปเอง คุณอยู่ที่นี่เถอะ!”
ถึงอย่างไรซู่จี้งยี้ก็เคยผ่านความเป็นความตายกับลี่จุนถิงมาแล้ว มีประสบการณ์มาก
เห็นเขาพยักหน้า
ชิงโม่เลือกคนที่แข็งแรง ก่อนจะพูดออกไป “ฉันเลือกคนที่แกร่งจากในกลุ่มพวกคุณ ถ้าเกิดใครหาประธานลี่เจอ ฉันจะตกรางวัลให้อย่างงาม ถ้าเกิดใครกล้ากลัวจนไม่เป็นตัวเอง,อย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจนะ!”
คำพูดนี้ มันทำให้มีคนไม่น้อยที่ตาสว่างขึ้นมา
การช่วยลี่จุนถิงนั้นมันเป็นงานที่หนักขนาดไหนนะ
แต่ตอนนี้สิ่งที่เตรียมไปนั้น มันเพียงพอกว่าสิ่งที่พวกเฟิงจิงเป่ยเข้าไปก่อน
เฮลิคอปเตอร์ที่ซู่จี้งยี้เรียกมานั้นเอาอุปกรณ์ช่วยเหลือมาไม่น้อยเลย
แถมยังมีนักประดาน้ำเพื่อตามหาอย่างเชี่ยวชาญมาด้วยเล็กน้อย
ก่อนจะให้เฮลิคอปเตอร์ส่งพวกเขาลงไป โดยไม่ต้องเสียเวลาเลยแม้แต่น้อย
ชิงโม่ใส่ชุดประดาน้ำเพื่อตามหา ก่อนจะนำไปก่อน จากนั้นก็ให้เฮลิคอปเตอร์หย่อนเชือกลงมา ก่อนจะน้ำลงไปในเหว
ครั้งนี้เขาเตรียมตัวได้ดีกว่าพวกเฟิงจิงเป่ยมาก
เพียงแค่เมื่อลงไปในน้ำของขอบเหว ก็ถูกคลื่นซัดหงายตึงไป
จากนั้นก็พัดตามน้ำเป็นระลอกๆ
เฟิงจิงเป่ยเลยอยู่บนเหวพลางโยนเชือกลงไปให้เขา เขาเลยลุกขึ้นมาได้อย่างลำบากลำบน
ด้านหลังมีนักประดาน้ำอย่างเชี่ยวชาญที่ตามมาถึงแม้ว่าจะถูกคลื่นซัดเหมือนกัน แต่ว่าเพียงไม่นานก็รั้งตัวเองไว้ให้มั่นคงได้
ทุกคนแยกย้ายกันตามหาอย่างช้าๆ จากหุบเหว ค่อยๆ หาทีละน้อยๆ
ครั้งนี้หาอย่างละเอียดมากกว่าเดิม
ไม่เพียงเท่านั้น เฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ด้านบนเองก็กวาดตามหาทางด้านล่างอย่างไม่หยุดเหมือนกัน
อีกอย่างซู่จี้งยี้ยังเอาเรือยอชต์ลงไปถึงเจ็ดแปดลำมาด้วย ฉากสถานที่ที่วุ่นวายแบบนั้น ทำให้คนในหุบเขาออกมาดู
คนเหล่านี้คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้แล้ว แต่ก็เกิดการซุบซิบกันไม่น้อย
ตอนที่เจียงหยุนเอ๋อค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา กู้ภัยด้านล่างก็ตามหาอยู่นานแล้ว
พยาบาลที่หลันเยว่เฉินพามารินน้ำร้อนให้แก้วหนึ่ง
เธอก็กอดถุงน้ำร้อน ก่อนจะมองเหม่ออยู่ที่หน้าผาตลอดเวลา
บนหน้าผายังพอจะมีเสียงของลี่เจี้ยนหวาดังมาบางครั้งบางคราวด้วย เขาเหมือนจะอยากให้คนสนใจ
แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร บนหน้าผาก็ไม่มีใครเงี่ยหูฟังเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นท่าทีแบบนี้ของเธอ หลันเยว่เฉินเองก็ไม่ออกห่าง
ลี่เจี้ยนหวารอหลันเยว่เฉินอยู่นานแต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะสนใจ เลยชี้แนะให้คนเอาลี่หุยไปส่งที่โรงพยาบาลใกล้ๆ นี้
ครั้งนี้เขาเองกลับไม่ได้ไป
ซู่จี้งยี้มองเขาวุ่นวายบางครั้งบางคราว แต่กลับไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่
ทั้งหมดนั้นอยู่ในขั้นตอนของความตึงเครียด แต่สีของท้องฟ้ากลับค่อยๆ มืดลง
มันทำให้การตามหานั้นยากขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย
“ประธานชิงฟ้ามืดเกินไปแล้ว!เราแยกย้ายกันก่อนไหม?เดี๋ยวพรุ่งนี้……” ลูกน้องคนหนึ่งเสนอ
ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกชิงโม่ที่มีชุดประดาน้ำกั้นอยู่ตบเข้า “ตอนนี้เรากำลังทำงานแข่งกับเวลา ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งมีหวังมากขึ้นเท่านั้น!”
เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธพลางพูดกับคนเหล่านั้นที่อยู่ข้างๆ “ใครกล้าพูดมากอีก วันนี้ไม่ต้องคิดจะกลับไปเลย”
คนเหล่านั้นตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา แล้วก็ยังเป็นเฟิงจิงเป่ยที่พูดมาจากหน้าผา “การตามหาและช่วยคนนั้นเป็นการลงแรงตามศักยภาพทั้งนั้น พวกเขาอยู่ในน้ำมานานขนาดนั้นทั้งหนาวทั้งหิว การที่จะตามหาให้เจอนั้นมันมีไม่มาก ฉันว่าเราแบ่งเป็นทีมเล็กๆ ทุกคนสลับกันลงไปตามหา แล้วก็มีเรือยอชต์กับเฮลิคอปเตอร์ด้วยคงจะไม่มีทางปล่อยเบาะแสต่างๆ ไป อีกอย่างตอนนี้ท้องฟ้ามันมืดแล้ว ต้องการไฟมาเพิ่มอีกด้วย”
ชิงโม่ขมวดคิ้ว เฟิงจิงเป่ยพูดอย่างมีเหตุผลไม่น้อยเลย
แต่ในใจเขาแอบลังเลอยู่ไม่น้อย
เมื่อเงยหน้าก็พบว่าคนที่ไปก่อนนั้นทนไม่ไหวแล้ว
จากนั้นเลยโบกมือพลางพูดกับเฟิงจิงเป่ย “คุณเอาพวกคนที่ลงไปก่อนหน้านั้นขึ้นมาก่อนแล้วเปลี่ยนอุปกรณ์ค่อยลงไปใหม่ ถ้าเกิดหาลี่จุนถิงไม่เจอ ฉันก็จะไม่มีทางออกไปไหนแน่นอน”
เฟิงจิงเป่ยส่ายหัว เขาเป็นคนนอก เลยใจเย็นและมีสติกว่าคนที่เป็นคนที่ผ่านความเป็นความตายมาพร้อมกับลี่จุนถิงอยู่แล้ว
ด้านฝั่งของผา เจียงหยุนเอ๋ออยู่ทางนั้นตลอด
ซู่จี้งยี้ลงมาจากภูเขาแล้วส่งอาหารขึ้นไปให้ เพราะอยากให้ทุกคนได้เติมพลัง แล้วตามหาต่ออย่างเต็มที่
ไม่เพียงเท่านั้น เขาก็ติดต่อทีมตามหาส่วนตัว ก่อนจะให้ตามหาลี่จุนถิงอย่างจะตกรางวัลใหญ่ให้
คนเหล่านั้นค่อยๆ ทยอยมาถึง
ซู่จี้งยี้ไม่ปล่อยโอกาสในการตามหาลี่จุนถิงเลย ในขณะเดียวกันก็ขอให้ทุกคนอย่าพูดอะไรไปก่อน
เพราะถึงอย่างไรลี่จุนถิงก็เป็นคนระดับสูงของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ถ้าเกิดว่าเขาเป็นอะไรไป มันจะเกิดเรื่องเลวร้ายกับบริษัทลี่ซื่อแน่นอน
เขาต้องพยายามระวังตัวเอาไว้
ซู่จี้งยี้กำลังคุยกับคนเหล่านั้น
พลางค่อยๆ ได้ยินเสียงของคนบนขอบหน้าผาตะโกนขึ้นมา “มาคนขึ้นมาแล้วๆ !”
เสียงตะโกนนี้ทำให้ทุกคนต่างปรี่เข้ามา และมีคนพยายามช่วยดึงขึ้นมา
คนที่ลงไปเหล่านี้ต่างตัวเปียกกันหมด ร่างกายเลยหนักเป็นอย่างมาก
เจียงหยุนเอ๋อเองก็ได้ยินเสียง เลยรีบออกมาจากเต็นท์ “เป็นอย่างไรบ้าง?หาจุนถิงเจอแล้วเหรอ?