บทที่ 123 หากได้ตัวจูนจิ่วมา
กู่ซงส่งเสียงทุ้มต่ำ เขาเก็บแกนสัตว์ขึ้นมา พลางจ้องมองคนไร้ยางอายกลุ่มนี้ด้วยสายตาที่ชั่วร้าย เขาพูดขึ้น ” อยากได้แกนสัตว์ ถ้าพวกเจ้ามีความสามารถพอก็เข้ามาเอาไป ”
” แน่นอน เห็ดหลินจือสีเลือดพันปีและแกนสัตว์ล้วนเป็นของที่ข้าได้มันมา พวกเจ้าอยากจะแย่งชิง ก็เข้ามาเอาด้วยความสามารถ เพียงอ้าปากพูดปาวๆว่าอยากได้ หน้าพวกเจ้านี่มันหนาซะยิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก ” จูนเสี่ยวเหล่ยเท้าสะเอวจ้องมองพวกนั้นด้วยความโกรธ
เสี่ยวอู่นั้นก็มีกรงเล็บปีศาจ พร้อมจู่โจมเข้าใส่ใบหน้าพวกกลุ่มไร้ยางอายนี้ตลอดเวลา
มันหันไปมองทางจูนจิ่วอีกครั้ง เสี่ยวอู่ ร้องเหมียวเหมียว ” เจ้านาย คนพวกนี้ไร้ยางอายเกินไปแล้ว บังอาจกล้าเข้ามาปล้นพวกเรา น่ารังเกียจนัก! ”
จูนจิ่วยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ดวงตาที่เยือกเย็นและโหดร้ายของนางหันไปมองคนกลุ่มนี้รอบหนึ่ง ลูกศิษย์สำนักเทียนโจ้ง แต่ไม่มีความเกรงใจใดๆ ซ้ำกลับกล้ามาขโมยของนาง? กล้ามาก
จูนจิ่วยกมือขึ้น แสงเย็นอ่อนๆ ของป๋ายเย่ในมือจูนจิ่ววาบขึ้นอย่างรวดเร็ว
จูนจิ่วเอ่ยปาก ” ข้าให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง ไสหัวไปซะ! ”
” จูนจิ่ว น้ำเสียงของเจ้านั้นช่างยิ่งใหญ่นัก ทำไมเจ้าไม่ลองเรียกพวกข้าว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องสักหน่อยล่ะ เจ้าก็รู้ดีว่าต้องทำอย่างไร มอบเห็นหลินจือสีเลือดพันปีและแกนสัตว์มาให้ข้า มิเช่นนั้นข้าเองคงต้องลงไม้ลงมือ สั่งสอนพวกเจ้าให้รู้จักเคารพศิษย์พี่ ” น้ำเสียงของเขานั้นยิ่งใหญ่กว่า หุบเขาแห่งนี้คือหุบเข้าที่พวกเขาพบก่อนหน้านี้สามวันจริงๆ แต่เสือสองหัวเป็นสัตว์ทิพย์ขั้นสาม นั่นทำให้พวกเขากลัวและจำต้องล่าถอยไปก่อน
เมื่อเห็นพวกจูนจิ่วเข้าไปในหุบเขา อีกทั้งยังฆ่าเสือสองหัวได้ เจ้าพวกนี้ก็เตรียมพร้อมที่จะลงมือบุกแย่งชิง พวกมันไม่สามารถฆ่าเสือสองหัวได้ แต่สามารถขโมยของเหล่านั้นมาจากจูนจิ่วได้
พวกจูนจิ่วเก่งแล้วอย่างไรกัน? อย่างไรเสียก็มีกันแค่สี่คน แต่พวกมันมีกันถึงยี่สิบคน
ยี่สิบคนปล้นสี่คน มีหรือจะทำไม่ได้?
เขาจ้องมองจูนจิ่วด้วยสายตาชั่วร้ายอีกครั้ง ชายหนุ่มผู้นั้นมีใจที่คดโกง เขาคาดไม่ถึงว่าจะพบเจอกับจูนจิ่ว จึงถือโอกาสจะสั่งสอนนางสักตั้ง ให้นางได้รับรู้ถึงการชดใช้เมื่อทำร้ายศิษย์พี่เทียนฉี่
จูนจิวมองดูคนไร้ยางอายกลุ่มนี้ พวกที่ยังไม่รู้ข้อบกพร่องของตนเองดี นางหมดความอดทนอย่างถึงที่สุด นางใช้เวลาถึงสองชั่วยามจัดการกับเสือสองหัวตัวนี้ จนแทบจะพลาดมื้ออาหารกลางวันไป เจ้าพวกคนเหล่านี้ยังมาหาเรื่องอีก?
จูนจิ่วกล่าว ” ฆ่าพวกมัน ”
” ดี! ข้าก็ทนไม่ไหวมานานแล้ว ” กู่ซงพับแขนเสื้อขึ้น พร้อมก้าวเข้าหากลุ่มคนพวกนั้น
หยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยก็ไม่ลังเล ฆ่าคน?ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยทำ คนพวกนี้ไร้ซึ่งยางอายจนถึงที่สุดแล้ว ไม่ฆ่าพวกมันก็คงยากที่จะกำจัดความเกลียดชังออกไปจากใจได้!
กลุ่มคนพวกนั้นคาดไม่ถึงว่าจูนจิ่วจะฆ่าพวกเขาจริงๆ ทุกคนล้วนตกตะลึง จากนั้นก็พากันโกรธจนเลือดขึ้นหน้า พวกไม่เคารพพี่น้องรีบเอาของออกมามอบให้ กระนั้นยังต่ำช้าจะฆ่าพวกเขา
อย่างที่ศิษย์พี่หยูนเสวี่ยพูดไว้ไม่มีผิด จูนจิ่วนั้นเป็นดาวแห่งหายนะ จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่รู้ว่าศิษย์พี่เทียนฉี่คิดอะไรถึงอยากจะแต่งงานกับนาง
พวกเขาทยอยชักดาบออกมา และดูหมดความอดทนอย่างสิ้นเชิง
เขาเห็นพลังที่ออกมาจากดาบ ด้วยการสัมผัสเพียงชั่วขณะ ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางด้านนอกของหุบเขา เฟิ่งเทียนฉี่ปรากฏตัวต่อสายตาพวกเขา กลุ่มคนเหล่านั้นก็ตะโกนร้องด้วยความตื่นเต้นและดีใจ ” ศิษย์พี่เฟิ่งเทียนฉี่! ”
เฟิ่งเทียนฉี่พยักหน้า เขาแค่อยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเงยหน้ามาเห็นจูนจิ่ว ดวงตาของเขาส่องประกายทันที “จูนจิ่ว! ”
มุมปากของเฟิ่งเทียนฉี่กระตุกขึ้นเล็กน้อย เขาเดินพุ่งเข้ามาด้วยความดีใจ
และลืมเรื่องคราก่อนที่จูนจิ่วเคยเตะเขาไปซะสิ้น
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” หยูนเฉียวชักดาบของเขาและหยุดเฟิ่งเทียนฉี่
“เฟิ่งเทียนฉี่เจ้าจะทำอะไร ถอยห่างจากแม่นางจูนจิ่วซะ!”
” เฟิ่งเทียนฉี่ รัชทายาทแคว้นเทียนโจ้ง? ฮ่าฮ่า เจ้าก็คงจะเป็นพวกเดียวกับเจ้าพวกนี้ด้วยสินะ? ถอยไปห่างๆ แล้วจงบอกมา ” กู่ซงมองเฟิ่งเทียนฉี่ด้วยสาตาดูหมิ่น
เขาไม่รู้จักเฟิ่งเทียนฉี่ แต่เคยเห็นพฤติกรรมหลงตัวเองชวนสะอิดสะเอียนของเฟิ่งเทียนฉี่ ณ ลานจัตุรัส
เป็นแค่หมาวัดยังกล้ามามองดอกฟ้า คิดจะสู่ขอจูนจิ่ว? เฟิ่งเทียนฉี่กล้าฝันขนาดนั้นได้เช่นไร?
แค่เห็นเฟิ่งเทียนฉี่ จูนจิ่วก็ขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ
เฟิ่งเทียนฉี่ถูกหยุดเอาไว้ เขาจึงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติที่นี่ เขาหันหลังกลับไปถามกลุ่มชายหญิงพวกนั้นว่า ” นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
” ศิษย์พี่เฟิ่งเทียนฉี่ ท่านต้องตัดสินใจให้พวกเรา เห็ดหลินจือสีเลือดพันปี และแกนสัตว์เสือสองหัว ล้วนเป็นของที่พวกเราพบก่อนเมื่อสามวันที่แล้ว! ศิษย์พี่เทียนฉี่ท่านไม่ได้พูดหรือว่าต้องการแกนสัตว์เหล่านั้นกลับไปมอบแก่ไท่ซ่างฮ่องเป็นของขวัญ? ”
” ด้วยเหตุนี้ พวกจูนจิ่วได้มาปล้นของของพวกข้าไป ตอนนี้เรากำลังขอให้พวกเขามอบของเหล่านั้นคืนและปล่อยพวกเขาไป ใครเล่าจะรู้ว่าจูนจิ่วนั้นช่างชั่วร้าย และอยากจะฆ่าพวกเรา! ”
” ศิษย์พี่เทียนฉี่ ท่านจงพูดมาว่านี่ตือความผิดใคร พวกมันจะต้องมอบเห็ดหลินจือสีเลือดพันปีและแกนสัตว์ให้แก่พวกเรา! ”
……
กลุ่มชายหญิงพวกนั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ล้วนกัดไม่ปล่อยกล่าวหาว่าจูนจิ่วขโมยของของพวกมันไป เรื่องกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ นี่มันไร้ยางอายอย่างถึงที่สุด ไม่อาจหาใครเทียบได้!
เฟิ่งเทียนฉี่ขมวดคิ้วกับคำพูด เขายังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีหญิงสาวเดินเข้ามาหาเขาพร้อมเอ่ย ” รัชทายาท ท่านคงไม่ส่งของเหล่านี้คืนพวกมันไปเพียงเพราะจูนจิ่วหรอกใช่ไหม? ”
นางเรียกเฟิ่งเทียนฉี่ว่ารัชทายาท ต่างจากคนอื่นที่เรียกเฟิ่งเทียนฉี่ว่าศิษย์พี่ และเมื่อมองดูสายตาของนางที่ชำเลืองมองเฟิ่งเทียนฉี่ ก็รู้ได้ทันทีว่านางนั้นคิดอะไรอยู่
ตามปกติแล้วเฟิ่งเทียนฉี่จะมีสัมพันธ์รักกับหญิงสาวทั่วไป แต่เมื่อได้มาเห็นจูนจิ่วในตอนนี้ เขาก็ผลักไสแม่นางผู้นั้นออกด้วยความเย็นชา
เฟิ่งเทียนฉี่กล่าวว่า ” หงอิงสำรวมกิริยาเจ้าหน่อย เหล่าเห็ดหลินจือสีเลือดพันปีและแกนสัตว์เสือสองหัวเหล่านั้นล้วนไม่ใช่ของของเรา ส่งคืนจูนจิ่วไปซะ! “ศิษย์พี่เทียนฉี่!”
” พวกเจ้าไม่ฟังคำสั่งข้าแล้วอย่างนั้นรึ? ” เฟิ่งเทียนฉี่จ้องพวกเขาเขม็ง กลุ่มชายหญิงไม่มีทางเลือกนอกจากจะเก็บซ่อนความคิดเอาไว้ แต่สายตาที่ละโมบของพวกเขายังคงจับจ้องไปที่กู่ซงและจูนจิ่วอยู่
เพราะแกนสัตว์และเห็ดหลินจือสีเลือดพันปีล้วนแล้วแต่อยู่ในมือของพวกเขา
เฟิ่งเทียนฉี่ฉีกยิ้มและมองจูนจิ่วอีกครั้ง น้ำเสียงที่ออกมาจากปากมารยาร้อยเล่มเกวียนของเขานั้นดูอ่อนโยนและใส่ใจ เขาเอ่ย ” จูนจิ่วเจ้าดูสิ นี่มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง ตอนนี้เรื่องเข้าใจผิดได้ถูกแก้ไขหมดแล้ว! ”
” เรื่องเข้าใจผิด? ไม่มีความเข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น ” จูนจิ่วเก็บเห็ดหลินจือสีเลือดพันปีขึ้นมา โดยไม่สนใจสายตาละโมบของคนพวกนั้น นางก้าวไปข้างหน้ากำลังจะจากไป
เมื่อเห็นดังนั้นเฟิ่งเทียนฉี่จึงรีบไปขวางจูนจิ่วทันที ถึงแม้ว่าจะถูกกันจากหยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ย แต่ก็ยังมีระยะห่างจากจูนจิ่วอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ทางออกจากหุบเขาก็มีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น เฟิ่งเทียนฉี่เข้ามาขวาง จึงทำให้จูนจิ่วไม่สามารถออกไปได้
จูนจิ่วพูดอย่างใจเย็น ” หลบไป! ”
ป๋ายเย่ในมือของนางยังไม่ได้ถูกเก็บเข้าไป และมันสามารถสังหารเฟิ่งเทียนฉี่ได้ทุกเมื่อ!
เฟิ่งเทียนฉี่มองใบหน้าที่เย็นชา และสายตากระหายเลือดของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำที่เคยถูกจูนจิ่วเตะเข้า ดังนั้นร่างกายของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที แต่เฟิ่งเทียนฉี่นั้นไม่อยากหลีกทางให้จูนจิ่ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะได้พบเจอกับจูนจิ่วในเขาปู้หว่งแห่งนี้
ถ้าหากปล่อยนางไปตอนนี้ ครั้งหน้าจะยังได้พบเจอกันอีกไหม? เฟิ่งเทียนฉี่นึกในใจ คิดซะว่านี่เป็นโอกาสหนึ่ง!
โอกาสที่เขาและจูนจิ่วจะได้สานสัมพันธ์ เขาไม่ชื่อว่ารัชทายาทที่ร่าเริงอ่อนโยน และรูปงามอย่างเขา จะเอาชนะใจจูนจิ่วไม่ได้? แม้แต่น้ำแข็ง เขาก็ยังสามารถทำให้มันละลายได้? แต่ถ้าหากว่า หากว่าทำไม่ได้ เฟิ่งเทียนฉี่ก็มีความคิดสกปรกวาบขึ้นมาในหัว ถ้าหากเขาสามารถได้ตัวจูนจิ่วมาด้วยวิธีอื่นล่ะ