บทที่105เสี่ยวจูนเอ๋อร์เป็นคนของข้า
จูนจิ่วเอาหนังสือเล่มนั้นออกมาแล้วเปิดอ่านมันอีกรอบอักษรโบราณที่อยู่ในนั้นก็สามารถแปลออกมาได้อย่างง่ายดายนี้เป็นบันทึกการสืบทอดวิชานกฟีนิกส์แดง!เหมือนกับภาพวาดที่อยู่ตรงฝาผนังมันถูกบันทึกอย่างชัดเจนมีเพียงแค่ที่เดียวที่ไม่เหมือนกันนั้นก็คือบันทึกที่อยู่ในห้องลับนั้นมันละเอียดกว่า
อีกอย่างถ้าไม่เข้าใจคำสัตว์โบราณต่อให้ได้รับหนังสือเล่มนี้ก็คงเหมือนกับนางที่อ่านมันไม่ออกเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้จนจบอย่างรวดเร็วพอจูนจิ่วแน่ใจแล้วว่าจำมันได้ขึ้นใจก็เอาหนังสือเล่มนี้กลับไปวางไว้ที่เดิม
พอโม่อู๋เยว่เห็นแบบนี้จึงถามด้วยความสงสัย“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่เอาไปด้วยเหรอ?”
“ข้าจำเนื้อหาได้หมดแล้วหนังสือก็เก็บไว้ให้กับคนที่มีโชคชะตากับมันก็แล้วกัน”จูนจิ่วมองไปทางโม่อู๋เยว่แล้วยิ้มออกมาแล้วนางก็พูดขึ้นมาว่า“พวกเราอยู่ที่นี่มาสามวันแล้วคุณปู่จะมาหาข้าที่สวนทุกวันเพื่อตรวจชีพจรพวกเราควรกลับไปได้แล้ว”
อยู่ที่ห้องหนังสือหนึ่งวันถูกขังอยู่ในห้องลับสองวันจูนจิ่วคิดว่าพวกเฟิ่งเซียวจะต้องกำลังตามหานางอยู่แน่
โมอู๋เยว่“ได้งั้นข้าจะกลับไปพร้อมกับเจ้า”
อาจจะเป็นเพราะว่าอยากขอโทษที่เมื่อกี้เข้าใจโม่อู๋เยว่ผิดไปเมื่อจูนจิ่วได้ยินจึงไม่ได้พูดปฏิเสธโม่อู๋เยว่ไปแต่ตอนที่พวกเขาออกไปโม่อู๋เยว่คงออกไปพร้อมกันไม่ได้เสี่ยวอู่ก็เช่นกัน
เดินออกจากห้องหนังสือจูนจิ่วเคาะโต๊ะด้านหน้าของผู้เฒ่า“ขอใบรับรองของข้าคืนได้ไหม”
“อ้อ”ผู้เฒ่าวางหนังสือที่อยู่บนหน้าลงพอเขาเห็นจูนจิ่วก็ตกใจขึ้นมา“เอ๋ยัยเด็กนี่ที่เข้ามาเมื่อสามวันก่อนใช่ไหม?เจ้าไปไหนมาถึงไม่ได้มาเอาใบรับรองกลับไป”
“ก่อนหน้านี้ลืมมาเอากลับไป”
“ไม่ใช่สิ!”สายตาของผู้เฒ่าเต็มไปด้วยความสงสัย“ข้ามีความจำเป็นเลิศทุกๆวันต่อให้มีคนเข้าออกกี่คนข้าก็จำมันได้ชัดเจนสามวันก่อนเจ้าไม่ได้ออกไปด้วยซ้ำ!”
พอจูนจิ่วได้ยินแบบนี้สีหน้าก็เริ่มซีดลงนางใช้สายตาที่เย็นและนิ่งมองไปทางผู้เฒ่าแล้วพูดออกมา“งั้นท่านลองบอกซิถ้าเกิดข้าไม่ได้ออกมาแล้วอยู่ที่ไหนได้ล่ะ?”
“แน่นอนว่าต้องอยู่……”ผู้เฒ่าพูดไปได้แค่ครึ่งเดียว
เพราะทุกๆวันเขาจะตรวจสอบห้องหนังสืออย่างละเอียดถ้าเกิดจูนจิ่วอยู่ข้างในเขาก็คงหาเจอตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนแล้วแต่ทุกๆวันที่ตรวจสอบข้างในก็ไม่เคยเห็นใครอยู่ในนั้นน่าแปลกนางไม่ได้อยู่ข้างในและก็ไม่ได้ออกมาแล้วนางไปไหนมาล่ะ?
จูนจิ่ว“ขอถามได้ไหมว่าจะคืนใบรับรองของข้ามาได้รึยัง?ข้ากำลังรีบ”
“อ้ามได้”
เอาบัตรเทียนโจ้งคืนให้กับจูนจิ่วผู้เฒ่าเกาหัวและคิดไม่ตกว่าเขามั่นใจว่าจูนจิ่วไม่ได้ออกมาแต่ก็ไม่เจอหลักฐานที่บ่งบอกว่าจูนจิ่วอยู่ข้างในห้องหนังสือสิ่งผิดปกติเพียงหนึ่งเดียวก็คือทุกๆวันข้างในตู้หน้งสือห้องหนังสือจะมีรอยข่วนของแมวปรากฏออกมา
อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนี้สามารถกลายเป็นแม่แล้วซ่อนอยู่ข้างใน?มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!
หลังออกมาจากห้องหนังสือโม่อู๋เยว่กับเสี่ยวอู่ทั้งสองคนหนึ่งอยู่ข้างหน้าตัวหนึ่งอยู่ข้างหลังของนางจูนจิ่วเงยหน้าขึ้นก็เห็นความกว้างของระยะห่างระหว่างโม่อู๋เยว่กับเสี่ยวอู่ถ้าเกิดไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้อีกฝ่ายก็จะไม่มีวันเข้าใกล้เด็ดขาด
กระพริบตามองด้วยความสงสัยจูนจิ่วพูด“กลับไปก่อนค่อยว่ากันอีกที!”
“ได้”
ระหว่างทางกลับจูนจิ่วพบว่าในสำนักเทียนโจ้งเหมือนจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นทุกคนล้วนเร่งรีบเดินไปเดินมาด้วยความกระวนกระวายเพราะเดินเร็วเกินไปนางจึงฟังสิ่งที่พวกเขากำลังพูดไม่ชัดเจน
หลังจากที่กลับมาถึงสำนักอย่างที่คิดไว้พวกเฟิ่งเซียวหาจูนจิ่วจนแทบจะเป็นบ้า
พอเห็นจูนจิ่วกลับเข้ามาในสำนักเฟิ่งเซียวจึงลุกขึ้นยืน“เสี่ยวจิ่วในที่สุดเจ้าก็กลับมา!คุณปู่เป็นห่วงมากรู้ไหมเสี่ยวจิ่วไปที่ไหนมา?หลายวันมานี้คุณปู่หาทั่วสำนักเทียนโจ้งแต่ก็ยังหาเจ้าไม่พบ”
“แถมยังไม่มีใครที่เห็นแม่นางจูนเลยพวกเราเป็นห่วงอย่างมาก!”หยูนเฉียวเดินมาข้างหลังของเฟิ่งเซียว
จูนเสี่ยวเหล่ยก็อยู่ด้วยดวงตาของนางตรวจสอบร่างของจูนจิ่วอย่างละเอียดพอมั่นใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงเอามือตบหน้าอกตัวเองเบาๆรู้สึกเบาใจขึ้นมา
สายตาของทุกคนจ้องไปที่ร่างของจูนจิ่วจนสุดท้ายหยูนเฉียวก็ร้องออกมาด้วยความตกใจว่า“โม่อู๋เยว่”
พอได้ยินแบบนี้เฟิ่งเซียวจึงเงยหน้าขึ้นมามองไปทางผู้ชายที่อยู่ด้านหลังของจูนจิ่วมองแวบเดียวเฟิ่งเซียวก็ขนลุกไปทั้งตัวแข็งแกร่ง!ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมากช่างน่ากลัวจริงๆ!เฟิ่งเซียวพบว่าโม่อู๋เยว่มีรูปร่างที่คล้ายปีศาจเรียกได้ว่าเขาเป็นภัยอย่างใหญ่หลวง
หลังจากที่ยืนอึ้งไปสักพักเฟิ่งเซียวก็เปิดปากถามขึ้นมาว่า“เสี่ยวจิ่วคนๆนี้คือ?”
“อาจารย์ของข้าโม่อู๋เยว่”แนะนำโม่อู๋เยว่ให้ทุกคนรู้จักแน่นอนว่าจูนจิ่วบอกว่าพวกเขาเป็นศิษย์อาจารย์กันนี้เป็นสิ่งที่นางกับโม่อู๋เยว่ได้ตกลงกันไว้แล้ว
ในส่วนลึกพอเหลิ่งยวนเห็นจูนจิ่วกลับมาพร้อมกับโม่อู๋เยว่เขาก็รู้สึกโล่งอกเขารายงานข้อมูลให้กับโม่อู๋เยว่อย่างลับๆวันแรกยังดีแต่สองวันที่เหลือพอไม่เจอจูนจิ่วทั้งสามคนร้อนรนจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วกลัวว่าจะมีคนลอบทำร้ายจูนจิ่ว
ถ้าเกิดไม่รู้มาก่อนว่าโม่อู๋เยว่ตามจูนจิ่วออกไปด้วยเหลิ่งยวนก็คงตกใจเหมือนกับคนอื่นๆจูนจิ่วเจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้น่ะ!
เฟิ่งเซียวยืนมองด้วยความตะลึงแล้วพูดขึ้นมาว่า“เสี่ยวจิ่วเขาเป็นอาจารย์ของเจ้า?งั้นเจ้าก็เรียนทั้งการบ่มเพาะพลังแล้วก็วิชาแพทย์มาจากเขางั้นเหรอ?”
“ก็คงงั้นจริงสิที่ข้าหายไปหลายวันเพราะไปอ่านหนังสือที่ห้องหนังสืออ่านจนลืมดูเวลาระหว่างที่กลับมาก็เกิดความล่าช้าเพราะงั้นจึงเพิ่งกลับถึงสำนักทำให้พวกท่านเป็นห่วงสักแล้วต้องขอโทษจริงๆ”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีข้าค่อยปกป้องอยู่พวกท่านไม่ต้องกังวลอะไร”โม่อู๋เยว่เปิดปากพูดทำให้คำพูดที่ทุกคนอยากจะพูดถูกกลืนลงคอไป
แวบหนึ่งพวกเขารู้สึกว่าโม่อู๋เยว่กับจูนจิ่วทั้งคู่เหมาะสมกันมากส่วนพวกเขาก็กลายเป็นส่วนเกิน
หลังจากที่ตั้งสติกลับมาจากความวุ่นวายได้จู่ๆเฟิ่งเซียวก็ไปก้มหัวทักทายให้กับโม่อู๋เยว่เขาพูดว่า“ข้าชื่อเฟิ่งเซียวขอขอบคุณท่านณที่นี้ที่สั่งสอนเสี่ยวจิ่วทำให้เสี่ยวจิ่วไม่ต้องอยู่คนเดียวอีกท่านปกป้องเสี่ยวจิ่วได้เป็นอย่างดี”
ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้สักทีก่อนหน้านี้ที่จูนจิ่วอยู่ในจวนจูนล้วนถูกคนอื่นรังแกมาตลอดหลังจากที่กลับมาจากเมืองเฟิงหลัวนิสัยนางก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนแข็งแกร่งแถมยังมีวิชาแพทย์ติดตัวกลับมาอีกตอนนี้พอได้เห็นโม่อู๋เยว่เฟิ่งเซียวจึงคิดว่าเพราะจูนจิ่วได้พบกับโม่อู๋เยว่จึงทำให้นางเปลี่ยนแปลงไป
จูนจิ่วนึกไม่ถึงว่าเฟิ่งเซียวจะทำแบบนี้จึงรู้สึกสับสนขึ้นในใจเวลาเดียวกันนางก็ส่งสายตาไปหาโม่อู๋เยว่
อย่าทำให้นางขายหน้าล่ะ!
โม่อู๋เยว่เข้าใจได้ทันทีเขาเปลี่ยนดวงตากลับเป็นสีดำแล้วมองไปที่เฟิ่งเซียวพูดด้วยโทนเสียงที่เย็นและภาคภูมิใจโม่อู๋เยว่เปิดปากพูด“ไม่ต้องขอบคุณหรอกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นคนของข้าการปกป้องนางก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”
“สิ่งที่ควรขอบคุณก็ควรที่จะกล่าวขอบคุณ!”หลังจากที่เฟิ่งเซียวได้ยินคำพูดของโม่อู๋เยว่รู้สึกซาบซึ้งเสี่ยวจิ่วได้เจอกับอาจารย์ที่ดีขนาดนี้!
ทั้งจูนจิ่วหยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยมีสีหน้าที่สับสนแม้แต่จูนเสี่ยวเหล่ยที่มีอายุน้อยที่สุดก็ยังเข้าใจคำพูดที่โม่อู๋เยว่ต้องการจะสื่อทำไมเฟิ่งเซียวยังคิดว่าเขาเป็นอาจารย์ที่ดีอีกล่ะ?
เสี่ยวอู่กัดฟันหมาป่าสีดำนั้นทั้งๆที่อยาก“กิน”เจ้านายตัวเองอยู่แล้ว!
ทุกคนล้วนยืนอยู่ตรงทางเข้าสำนักจูนจิ่วอุ้งเสี่ยวอู่เดินเข้าไปก่อนเพื่อบอกให้พวกเขาเข้าไปคุยข้างในหลังจากที่ทุกคนนั่งล้อมรอบพวกเฟิ่งเซียวจึงเริ่มบอกข่าวให้จูนจิ่วรู้สำนักเทียนโจ้งมีเรื่องใหญ่แล้ว!แต่ว่ามันก็เป็นที่ดี!
เฟิ่งเซียวพูดขึ้นมาว่า“อู๋อจงจะมาคัดเลือกผู้ที่มีพรสวรรค์เป็นลูกศิษย์ก่อนกำหนดเสี่ยวจิ่วเจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากกว่าใครถ้าเกิดได้รับเลือกให้เข้าเป็นอู๋อจงมันก็เป็นเรื่องที่ดีมาก!”“แม่นางจูนอู๋อจงคือตัวแทนที่อยู่เหนือจงเหมินทั้งสิบแคว้นไม่ว่าจะเข้าเป็นศิษย์ของจงเหมินใดก็ล้วนเป็นเรื่องที่น่ายินดีแม่นางจูนเป็นนักกลั่นยาสามารถเข้าไปในตันจงนั้นเป็นสวนสวรรค์ที่เหล่านักกลั่นยาทั่วโลกใฝ่ฝันที่จะไปอยู่!”