บทที่ 124 นรกไม่มีประตู เจ้ากลับพุ่งเข้ามา
เขาต้องได้ตัวจูนจิ่วเอาไว้!
เฟิ่งเทียนฉี่กระพริบตา และเก็บซ่อนความคิดสกปรกนั้นไว้ ใบหน้าของเขานั้นกลับมามีร้อยยิ้มที่อ่อนโยนอีกครั้ง เขาเอ่ยปากพูด ” แม้ว่าเจ้าจะไม่อยากเจอข้า แต่เราก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักเทียนโจ้งด้วยกันทั้งคู่ และคงเป็นโชคชะตาที่ทำให้เราได้พบกันในเขาปู้หว่งแห่งนี้ ”
” โชคชะตาอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นเวรกรรมที่พวกข้าต้องมาพบเจอพวกเจ้า ” กู่ซงกล่าวอย่างหยาบคาย สีหน้าของเฟิ่งเทียนฉี่ในตอนนี้นั้นเห็ดได้ชัดว่ามีความเกลียดชังกู่ซง
ใบหน้าของเฟิ่งเทียนฉี่นั้นนิ่งไม่ไหวติง ” เจ้าเป็นใครกัน? ข้ากำลังพูดกับจูนจิ่ว เจ้ากล้ามาแทรกได้อย่างไร? ”
” ข้า? ข้าก็คงจะดีกว่าหมาวัดที่กล้าหมายปองดอกฟ้าอย่างเจ้า? ไม่ได้ยินคำของจูนจิ่วหรือ? รีบไสหัวไปซะ ไม่เช่นนั้นพวกข้าคงต้องลงไม้ลงมือ ” กู่ซงสะบัดกำปั้น เปิดจุดชีพจร การบังคับพลังของนักจิตขั้นห้ากำลังจะเริ่มขึ้น
ด้วยการบีบพลัง ร่างกายของเฟิ่งเทียนฉี่และคนอื่นๆก็เริ่มแข็งตัวขึ้น
แข็งแกร่งมาก!
คนคนนี้มีพลังอะไรกัน? มีคนจำกู่ซงได้ มันน่าตกใจจนไม่อาจจะเชื่อ คนคนนี้ไม่ใช่สมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสำนักเทียนโจ้งพร้อมกับจูนจิ่วหรอกหรือ? เหตุใดจึงได้แข่งแกร่งเช่นนี้! แข็งแกร่งจนน่ากลัว จนทำให้พวกเขาไม่กล้าหาเรื่องกู่ซงอีกต่อไป
กู่ซงก้าวไปข้างหน้า กระแทกเฟิ่งเทียนฉี่ เขาเอามือกอดอก และขวางหน้าเฟิ่งเทียนฉี่ด้วยหลังแกร่ง กู่ซงยิ้มและกระพริบตาให้จูนจิ่วพลางเอ่ย ” จูนจิ่ว พวกเราไปกันเถอะ~ ”
จูนจิ่วก้าวไปข้างหน้า พร้อมนำเจ้าเสี่ยวอู่ออกไปก่อน ตามมาด้วยหยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ย
กู่ซงนั้นทรงพลังดังต้นไซเปรซ ขัดขวางเฟิ่งเทียนฉี่ด้วยความแข็งแกร่ง มองดวงตาที่ดุร้ายของเขา เห็นเช่นนั้นเฟิ่งเทียนฉี่ก็ถึงกับไม่กล้าขยับ ในใจพลางตกตะลึงกับพลังอันมหาศาลของกู่ซง พลันลืมว่าตนเองนั้นได้ขวางทางจูนจิ่วอยู่ แม้ว่าจริงๆแล้วเขาจะขวางไว้ไม่อยู่ก็ตาม
รอจนกู่ซงเดินลับไป เฟิ่งเทียนฉี่และลูกน้องอีกครึ่งหนึ่งจึงจะได้สติ ” รัชทายาท! ” แม่นางที่ชื่อหงอิงจ้องมองด้วยอารมณ์โกรธ นางเดินเข้ามาด้วยใจที่เต้นแรงดังคลื่นที่พร้อมจะทะลักออกมาจากเสื้อ นางเอ่ย ” เหตุใดองรัชทายาทจึงยกเห็ดหลินจือสีเลือดพันปีและแกนสัตว์ของสัตว์ทิพย์ขั้นสามให้พวกมัน? หากเรามีแกนสัตว์ขั้นสาม พลังนี้ก็คงจะเป็นของพวกเราแล้ว ”
“หุบปาก!” เฟิ่งเทียนฉี่ดตวาดด้วยอารมณ์บูดบึ้ง
สีหน้าของเขาหมองคล้ำหน้าเกลียด เขากำหมัดแน่น สายตาจ้องมองไปที่กลุ่มเจ้าพวกนั้นด้วยความโหดเหี้ยม ” ข้าบอกแล้ว จูนจิ่วคือฮองเฮาในอนาคตของข้า! พวกเจ้าทำอะไรนาง ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับข้า ”
” ศิษย์พี่เทียนฉี่ พวกข้ามิบังอาจ! ” ทุกคนพยายามจะอธิบาย แต่เฟิ่งเทียนฉี่กลับไม่ฟังแม้แต่น้อย
เช่นเดียวกับจูนหยูนเสวี่ย เขาก็จงรักภักดีต่อผู้ติดตามของเขา คนข้างกายจูนหยูนเสวี่ยล้วนเลื่อมใสศรัทธาเขา แต่คนข้างกายของเฟิ่งเทียนฉี่ล้วนแล้วแต่เคารพเขาเพียงเพราะตำแหน่งหน้าที่ ภายภาคหน้าหากต้องรับใช้แคว้นเทียนโจ้ง ปกครองบ้านเมืองเป็นฮ่องเต้ที่ทุกคนเคารพนับถือ เห็นทีจะมีหงอิงผู้นี้ผู้เดียวที่อยากจะเป็นฮองเฮาของเขา
เมื่อก่อนตอนที่จูนหยูนเสวี่ยยังอยู่ นางไม่มีโอกาส แต่ตอนนี้เฟิ่งเทียนฉี่กับจูนหยูนเสวี่ยแตกกันแล้ว นางยังไม่ทันได้เฉิดฉาย ก็ดันมีจูนจิ่วโผล่เข้ามาอีก!
หงอิงยืดอกอย่างไม่พอใจ และแสดงท่าทีที่น่าโมโหพร้อมเอ่ยขึ้น ” รัชทายาท นางนั่นมันไม่ได้มีใจให้แก่ท่าน ทั้งยังจิตใจอำมหิตเช่นนั้น เหตุใดท่านจึงอยากแต่งงานกับนาง? ”
” เจ้าจะรู้อะไร? นางคือจูนจิ่ว นางมีเสด็จปู่คอยหนุนหลัง! ”
แววตาของเฟิ่งเทียนฉี่โหดเหี้ยมอำมหิต เขากัดฟันกรอด ” ข้าจะต้องได้ตัวจูนจิ่ว เสด็จปู่ไม่ได้อยู่ที่เขาปู้หว่ง นี่เป็นโอกาสดีของข้า หากข้าได้จูนจิ่วมาไว้ครอบครอง หากนางตกเป็นของข้า นางก็หมดหนทางและต้องยอมจำนนต่อข้า ”
แต่เขามีโอกาสลงมือซะที่ไหน
ยังไม่ทันได้พูด จูนจิ่วนางก็ไปเสียแล้ว ซ้ำข้างกายยังมีกู่ซง ผู้มีพลังที่แข็งแกร่งจนน่าตกใจ เขาไม่มีโอกาสเลย แต่เฟิ่งเทียนฉี่ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“ รัชทายาท ถ้าหงอิงบอกว่า หงอิงสามารถช่วยให้ท่านทำสำเร็จได้ล่ะ? ”
“เจ้า?” เฟิ่งเทียนฉี่มองหงอิงด้วยความระแวง
หงอิงพยักหน้า ดวงตาของนางส่องประกายความอิจฉา รอยยิ้มมืดทึมที่ดูน่ากลัวนั้น นางกล่าว ” หงอิงมีวิธีที่จะทำให้รัชทายาทได้จูนจิ่วมาครอบครอง แต่ข้าต้องการที่จะทำข้อตกลงกับท่าน ถ้ารัชทายาทยินยอม ข้าก็เต็มใจที่จะทำ ”
“ข้อตกลงอะไร?”
” หากท่านได้ตัวจูนจิ่ว ท่านจะต้องมอบเห็ดหลินจือสีเลือดพันปีและแกนสัตว์ทิพย์ขั้นสามให้แก่พวกข้า และในภายภาคหน้าท่านจงอย่าลืมล่ะว่าข้าได้ช่วยเหลือท่านเอาไว้ในครั้งนี้!” หงอิงต้องการเห็ดหลินจือสีเลือดพันปีและแกนสัตว์ทิพย์ขั้นสาม พวกมันสามารถทำให้นางเป็นที่หนึ่งของกลุ่มได้อย่างมั่นใจ และนางยังได้ข่าวมาว่า ตันจงที่นั่นต้องการเห็นหลินจือสีเลือดพันปี หากใครสามารถนำเห็ดหลินจือสีเลือดพันปีมามอบให้แก่ตันจงได้ ไม่เพียงจะได้รับของรางวัลมากมาย แต่ไม่แน่อาจจะยังสามารถเป็นนักกลั่นยาในตันจงได้อีกด้วย
แต่หงอิงนางก็รู้ตัวเองดี เป็นนักกลั่นยานั้นไม่ใช่ทางของนาง เช่นนั้นนางจึงเตรียมแผนสอง นางมองเฟิ่งเทียนฉี่ และใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนยั่วยวนเขา
เฟิ่งเทียนฉี่มีความสุขมาก ” ดี!ตราบใดที่เจ้าสามารถช่วยข้าได้ รอให้ข้าได้บัลลังก์ซะก่อน เจ้าจะได้เป็นสนมเอกของข้า เจ้าว่าอย่างไร? ”
“ วิเศษมาก ข้าหงอิงคงต้องขอขอบใจท่านจริงๆ 。”
ดูสิ จูนหยูนเสวี่ยก็แค่นางสนมเอก หงอิงนางคงไม่ได้เลวร้ายไปกว่าจูนหยูนเสวี่ยหรอก สำหรับจูนจิ่ว องรัชทายาทก็ไม่ได้ชอบนางมากนัก เขาสนใจเพียงแค่ไท่ซ่างฮ่องผู้อยู่เบื้องหลังของจูนจิ่วเท่านั้น เป็นฮองเฮาแล้วอย่างไร หรือหงอิงนางจะสู้กับเด็กตัวเล็กๆไม่ได้เชียวหรือ
หงอิงหัวเราะด้วยความพึงพอใจ และภาคภูมิใจในความชั่วร้าย นางวางนิ้วลงบนไหล่ของเฟิ่งเทียนฉี่ และเขย่งปลายเท้ากระซิบข้างหูเฟิ่งเทียนฉี่ด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เมื่อได้ยินคำพูดของหงอิง เฟิ่งเทียนฉี่ก็แสดงสีหน้าบ้าคลั่ง เขากอดจูบหงอิง และหัวเราะด้วยความชอบใจ จูนจิ่ว เจ้าถูกลิขิตให้เป็นคนของข้า!ข้าจะรอดูว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีไปได้อย่างไร?
……
เมื่อออกมาจากหุบเขา จูนจิ่วเห็นหยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยกำลังทำท่าสะบัดไปมา นางจึงเลิกคิ้วและถาม ” พวกเจ้าทำอะไรกัน? ”
” สลัดความโชคร้ายทิ้ง แม่นางจูนเจ้าไม่ลองดูบ้างล่ะ?ได้พบเจอเฟิ่งเทียนฉี่มันช่างน่าขยะแขยงยิ่งนัก ”
” อืมๆ ใช่ ! ” จูนเสี่ยวเหล่ยพยักหน้าเห็นด้วย
คนก็อยู่ส่วนคน สัตว์มันก็อยู่กับพวกสัตว์ด้วยกันเองจริงๆ คุณธรรมของเฟิ่งเทียนฉี่เป็นอย่างไร คนรอบกายมันก็เป็นเช่นนั้น ไร้ยางอาย น่าขยะแขยง และยังทำทีว่าตนเองถูกอยู่ตลอดเวลา
จูนจิ่วยิ้มเยือก ” ไม่ต้องใส่ใจ พวกเราไปกันเถอะ ”
” ดี! ”
ปรากฏว่าพวกจูนจิ่วยังไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่นัก ก็พบกับหางน้อยที่ติดตามพวกเขามา ที่สลัดเท่าไรก็ไม่หลุด แม้ว่าทุกคนจะจ้องมองมันจนจะขาดใจ
เหลิ่งยวนพูดในความมืดว่า ” มันเป็นกลุ่มคนของเฟิ่งเทียนฉี่ ”
” ฟืด ” จูนจิ่วสูดหายใจลึกๆ นางลดสายตาลง และยิ้มอย่างเลือดเย็นที่มุมปาก ในขณะนั้น ยกเว้นเจ้าเสี่ยวอู่คนอื่นๆรอบกายจูนจิ่วล้วนรุ้สึกกลัว หยูนเฉียวและอีกสามคนล้วนตัวสั่นเทา แววตาแสดงออกถึงความหวาดกลัว
ช่างเป็นไสยเวทย์ที่น่ากลัวยิ่งนัก!
จูนจิ่วลืมตาขึ้น ดวงตาเย็นยะเยือกที่กลิ้งกลอกดังหุบเหวที่มืดสนิท นางยกมุมปากขึ้นพลางเอ่ย ” สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไม่มีประตูเจ้ากลับเลือกที่จะพุ่งเข้ามา เห็นที คงเป็นความผิดข้าที่ปล่อยเฟิ่งเทียนฉี่ไป ”
เมื่อเห็นเฟิ่งเทียนฉี่หนีไป นางทั้งรู้สึกเกลียดและขยะแขยงแต่ก็ไม่ได้ลงมืออะไรกับเขาไป แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเฟิ่งเทียนฉี่จะแอบติดตามอยู่
จูนจิ่วมองหยูนเฉียว ” พวกเจ้าแสร้งทำเป็นว่ามองไม่เห็น และเดินต่อไป ข้าอยากจะรู้นัก ว่าเฟิ่งเทียนฉี่มันคิดจะทำอะไร?” เมื่อมองดูสีหน้าของจูนจิ่ว หยูนเฉียวและคนอื่นๆต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน และเป็นที่รู้กันว่าเฟิ่งเทียนฉี่นั้นไม่รอดแน่!