บทที่ 146 หินทิพย์ชั้นห้า นางขอน้อมรับ
ไหนที่บอกว่าจูนจิ่วพลังต่ำ? ไหนที่บอกว่าจูนจิ่วกลัวตาย? ไหนที่บอกว่าจูนจิ่วได้ของวิเศษมาโดยบังเอิญ? แม่งเอ๊ย นี่น่ะเหรอเรียกว่าพลังต่ำ? นี่น่ะเหรอเรียกว่ากลัวตาย? คิดฆ่าพวกเขาได้ในทุกๆนาที โหดเหี้ยมเลือดเย็นนับเป็นดาวเคราะห์ตัวร้ายเลยล่ะ
อย่าเอ๋อ อดไม่ได้ที่จะสงสัย นักจิตชั้นสามเป็นพลังที่จูนจิ่วแอบซ่อนเอาไว้ พลังจริงของนางแข็งแกร่งกว่า
นางไม่ได้โง่ ย่อมรู้ดีว่าจูนจิ่วต้องฆ่าหลัวหยางเสร็จแล้วถึงมาที่นี่ ซึ่งนางกลัวตาย วิงวอนขอร้องด้วยเสียงสั่น “ข้าขอร้องโปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้าขอร้องล่ะ ข้าจะไม่พูดออกไป นี่ข้ามีของวิเศษนะ ข้าจะให้เจ้าทั้งหมดเลย ปล่อยข้าไปดีไหม? ”
อย่าเอ๋อลวงเอาของในร่างกายด้วยความตื่นตระหนก สิ่งของมากมายกระจายอยู่บนพื้น อะไรก็มี
การตอบสนองของนางกระทบเสี่ยวอู่ให้โยก ทำให้ไม่พอใจแล้วกระทืบซ้ำนางอีกหลายที อย่าเอ๋อไม่กล้าขยับตัวอีก แต่นางยังคงร้องชีวิต น้ำตาแห่งความกลัวไหลรินไม่หยุด
จูนจิ่วหัวเราะเยาะ แล้วหยิบกระดาษและพู่กันออกมาจากมิติในสร้อยข้อมือ เมื่อเห็นนางสามารถหยิบกระดาษและพู่กันออกมาจากอีกที่หนึ่ง อย่าเอ๋อจำต้องตกตะลึง นี่มันพลังอะไร?
จูนจิ่วโยนกระดาษและพู่กันไปตรงหน้านาง “อยากมีชีวิตอยู่ ก็ต้องเขียนจดหมายถึงอาจารย์เจ้า บอกเขาว่า คนที่ฆ่าหลัวหยางตายชื่อจูนหยูนเสวี่ย แล้วก็ จูนหยูนเสวี่ยกำลังตามฆ่าเจ้า เจ้าคิดว่าอาจารย์เจ้าจะมาช่วยเจ้าไหม?”
“มาสิ น่าจะมา” อย่าเอ๋อสั่นไม่หยุด
นางหยิบกระดาษและพู่กันขึ้นมา แล้วนั่งเขียนอยู่บนพื้นเลย อย่าเอ๋อเกลียดจูนหยูนเสวี่ยมากที่จงใจปองร้ายพวกเขา คำร้องในกระดาษที่เขียนถึงจูนหยูนเสวี่ยไม่มีเรื่องโกหกเลย กลับมีการตีนมใส่ไจ่เสริมเข้าไปอีก อยากจะเอาพู่กันแทงจูนหยูนเสวี่ยให้ตายสมใจ
เสี่ยวอู่มองและสะบัดหูที กระโดดลงจากหลังของอย่าเอ๋อ เดินไปถึงตรงหน้าของจูนจิ่วแล้วถามว่า “เจ้านาย ทำไมไม่ฆ่านางโดยตรงล่ะ? ยังจะต้องเขียนจดหมายอีก”
“เจ้าลืมแล้วเหรอ ข้าเคยพูดไว้ว่าหลังจากที่ออกจากเขาปู้หวัง จะทำลายล้างตระกูลจูนไม่ใช่ไหม? ”
“เหมียวๆ อันนี่ข้ารู้ เจ้านายอยากให้สำนักเจี้ยนจงเป็นคนลงมือ?” เสี่ยวอู่ประหลาดใจ
จูนจิ่วส่ายหัว แล้วก็พยักหน้า ไม่ใช่ทั้งหมด นางคิดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วเรื่องแผนการที่จะทำลายตระกุลจูน ตอนนี้ก็แค่เติมไฟให้เสียหน่อย เหมือนห้อยมีดใบใหญ่ไว้บนหัวของตระกูลจูน อีกอย่างเรื่องนี้จูนหยูนเสวี่ยเป็นฝ่ายหาเรื่องเข้าตัวเองไม่ใช่เหรอ
บังอาจกล้าคิดยืมมือหลัวหยางและอย่าเอ๋อ ฆ่านางเพื่อชิงของวิเศษ หนี้เรื่องนี้ นางไม่ใช่เทวดาผู้ประเสริฐแน่นอนว่าต้องส่งกลับคืนไป
เสี่ยวอู่เข้าใจความหมายของจูนจิ่ว แต่ว่า การปล่อยอย่าเอ๋อไปแบบนี้ จะหากนางพบเจอคนจากสำนักเจี้ยนจง พอถึงเวลานั้นความจริงก็ต้องปรากฏน่ะสิ? จูนหยูนเสวี่ยมีความผิดก็จริง แต่คนที่ลงมือฆ่าคือเจ้านายนะ น่าแปลก
ตอนนี้อย่าเอ๋อเขียนเสร็จแล้ว เอากระดาษและพู่กันยื่นให้จูนจิ่วด้วยความระมัดระวัง “ข้าเขียนเสร็จแล้ว อาจารย์รู้จักลายมือข้าดี ข้ายอมทำตอนพี่เจ้าบอกแล้ว เจ้าปล่อยข้าไปดีไหม? ”
“ได้ เริ่มจากตอนนี้ เจ้าจงวิ่งเข้าไปตรงส่วนลึกของเขาปู้หวัง วิ่งตลอดห้ามหยุด สามวันหลังจากนี้หากข้าไล่ตามเจ้าไม่ทัน เจ้าก็เป็นอิสระ เข้าใจไหม?” น้ำเสียงนางเยือกเย็น พร้อมยิ้มหยันอย่างนางมารร้าย
อย่าเอ๋อไม่สงสัยคำพูดของจูนจิ่วเลยสักนิด นางคลานอยู่ที่พื้น พยักหน้าก็เหมือนการก้มหัวขับนับไม่ต่างกัน นางพูดว่า “ดีๆๆ เจ้าพูดแล้วนะ ขอแค่ข้าวิ่งสามวัน หากเจ้าไล่ไม่ทัน เจ้าจะปล่อยข้าไป”
“ใช่ ไม่ผิด”
“งั้นข้าวิ่งตอนนี้เลย?”
“วิ่งสิ” คำพูดของจูนจิ่วยังไม่ทันดับลง อย่าเอ๋อรีบลุกขึ้นมาทั้งกลิ้งทั้งคลานมุ่งไปในป่า จูนจิ่วกระดิกปลายนิ้ว น้ำไม่กี่หยดปลิวไปติดที่ลำตัวของอย่าเอ๋อ ซึ่งอย่าเอ๋อไม่รู้สึกตัวเลย ในใจนางคิดเพียงวิ่งอย่างเดียว วิ่งให้เร็ว
เสี่ยวอู่หันหน้ากลับไป เห็นจูนจิ่วเอาขวดที่ใส่เครื่องหอมดึงดูดสัตว์ไว้เก็บเข้าที่ มันเข้าใจในทันที
เสี่ยวอู่พูด “เจ้านายใช้เครื่องหอมดึงดูดสัตว์บนตัวนาง”
“ก็ใช่น่ะสิ ข้าไม่ได้หลอกนาง ขอเพียงแค่นางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ อดทนจนครบสามวัน นางก็จะเป็นอิสระ เพียงแต่ว่าข้าไม่มีเวลาไปวิ่งตามนางหรอก จึงให้พวกสัตว์ทิพย์ไปทำแทนซึ่งมันก็เหมือนกันแหละ ไม่ใช่หรือ? ”
“เหมียวๆๆ” เสี่ยวอู่ร้องเหมียวๆ ล้วนเป็นการชื่นชมจูนจิ่ว
จูนจิ่วยื่นมือไปหาเสี่ยวอู่ ซึ่งมันรีบสะบัดก้นไปมา กระโดดขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอดของจูนจิ่วทันที พวกเขาหันตัวกลับ เดินผ่านศพของหลัวหยางไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง แต่เมื่อเดินออกไปสองร้อยเมตร จูนจิ่วรีบยกมือจับใบไม้ที่พุ่งเข้าใส่ ใบไม้หนึ่งใบเหมือนกับมีดบินที่ปลิวทะลุผ่านอากาศมา
เวลาต่อมา มีเสียงเรียกน่ากลัวลอยผ่านมาจากทางไกล
ขณะเดียวกัน เสี่ยวอู่ก็กระโดดลงมา ทำราวกับเป็นระเบิดน้อย พุ่งตรงไปข้างหน้า จูนจิ่วเดินตามข้างหลัง เสี่ยวอู่พุ่งตัวไปก่อน ไม่เห็นคนแล้ว เหลือเพียงเศษผ้าที่ถูกมีดกรีดจนขาด บนเศษผ้ามีรอยเลือดเป็นวงกว้างติดดู
ใบไม้ที่ถูกใช้เป็นมีดบินปักอยู่บนกิ่งไม้ ข้างบนมีรอยเลือด คนนั้นกำลังบาดเจ็บ แต่ก็หนีไปอย่างง่ายดาย
เสี่ยวอู่โกรธมาก “นางหนีไปได้ เหมียว”
“เป็นจูนหยูนเสวี่ย นางไม่มีความสามารถอะไร แต่การหนีเอาตัวรอดนั้นที่หนึ่ง เอ๊ะ นี่คืออะไร” จูนจิ่วสังเกตเห็นถุงกระสอบอยู่ในพุ่มหญ้า เมื่อเก็บขึ้นมาก็หนักมากๆ เมื่อเปิดออกมาปรากฏว่าข้างในมีกล่องเล็กๆลายสวยงามและถูกล็อคเอาไว้
แต่ว่านี่ไม่ได้เป็นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับจูนจิ่ว หยิบเข็มออกมาหนึ่งเล่ม ครู่เดียวก็ทำการปลดล็อคได้แล้ว พลังที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ทะลุออกมา พลังจิตเข้มข้นจนรู้สึกกดดันทางจิตส่งผลทำให้อากาศบริเวณรอบๆหยุดนิ่งไป แสงที่เจิดจ้าแสบตา ทำให้จูนจิ่วและเสี่ยวอู่ต้องหรี่ตาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เสี่ยวอู่หรี่ตาจนจะเป็นเส้นเดียว “อันนี้มันคืออะไร?”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“หินทิพย์ชั้นห้า” น้ำเสียงที่คุ้นเคย ฟังดูทุ้มต่ำแอบแฝงความเซ็กซี่เย้ายวน
จูนจิ่วปิดฝากล่องลง กระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาที่โดนแสงเมื่อครู่ นางหันหน้ากลับไปมองบนต้นไม้ที่มีปีศาจตนหนึ่งนั่งอยู่ “เจ้าดูฉากละครฟรีไปอีกหนึ่งรอบ ควรจะจ่ายค่าตั๋วนะ?”
“ค่าตั๋ว?”
เจ้าปีศาจที่อยู่บนต้นไม้หายตัวมายืนอยู่ตรงหน้าจูนจิ่ว ก่อนที่จูนจิ่วยังไม่ทันรู้สึกตัว เขากุมมือนางไว้แล้วยกขึ้น และใช้ริมฝีปากบางที่ชอบกระตุกยิ้มมีเลศนัยนั่นจูบลงบนหลังมือของจูนจิ่ว
ตรงจุดนั้นมีรอยแผลที่นางไม่รู้ว่าไปโดนที่ไหน โดยเลือดที่ซึมออกมาถูกโม่อู๋เยว่ดูซับไป
เสียงแหบแห้งเร้าใจคน ถามนางด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย “ค่าตั๋วแบบนี้พอหรือไม่?”
จูนจิ่ว “……”
“เหมียวๆๆ” เสี่ยวอู่กระโจนเข้าไป ทำให้ชุดของโม่อู๋เยว่มีรอยสกปรก ในเมื่อสู้ไม่ไหว ยังไงซะก็ต้องทำให้โม่อู๋เยว่ชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป รีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อ อย่ามาเดินตามเจ้านายข้า
เสี่ยวอู่ที่ได้ฟังคำพูดของจูนจิ่ว ก็รู้ได้ว่าโม่อู๋เยว่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว มันโกรธมากจนขนฟูพอง ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ใจ โม่อู๋เยว่จะต้องเห็นภาพที่มันใช้เล็บเท้าสั่งสอนอย่าเอ๋อแล้วแน่ๆ มันเก่งมากใช่มั้ยล่ะ? โม่อู๋เยว่น่าจะต้องรู้จักกลัวเสียบ้าง
มองข้ามเสี่ยวอู่ไป ยกเท้าปัดเสี่ยวอู่ออกไปเบาๆ โม่อู๋เยว่กระตุกยิ้มตรงมุมปากพร้อมมองไปที่จูนจิ่ว “หินทิพท์ชั้นห้าสำหรับที่นี่นับเป็นของหายาก คนทั่วไปทั้งชีวิตก็ไม่เคยได้พบเห็นสักชิ้น หินทิพย์ชั้นห้าก้อนนี้ เพียงพอสำหรับนักจิตที่จะฝึกฝนตั้งแต่ระดับหนึ่งจนถึงระดับนักจิตใหญ่ ”
จูนจิ่วยกคิ้วขึ้นสูง นางคิดว่านางรู้แล้วแหละว่าตระกูลจูนยอมสละสิ่งใด เพื่อให้หมาป่าร้ายตนนี้ลงมือแทน
แต่ทว่าสำหรับผลตอบแทนอันเลอค่าชิ้นนี้ ตกอยู่ในมือนาง ไม่รู้ว่าหากจูนหยูนเสวี่ยรู้เข้าว่าด้วยความชะล่าใจของตนทำให้หินทิพย์ชั้นห้าสูญหายไป ไม่รู้ว่าจะโกรธจนกระอากเลือดแล้วเป็นลมไปไหมนะ? จูนจิ่วหัวเราะเบาๆ จากนั้นเก็บกล่องเข้าที่ หินทิพย์ชั้นห้า นางขอน้อมรับ