บทที่ 185 เป็นศิษย์น้องของข้า
อู๋ซานขี่ม้าอยู่เบื้องหน้า เขาดูเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก นำยาลูกกลอนสองเม็ดกลืนข้ไปเพื่อเพิ่มพลัง เมื่อกำลังเก็บลงไปนั่นเอง หันกลับมาเห็นจูนจิ่วกระตุกคิ้วมอง เขายิ้มพลางนำออกมาอีกหนึ่งเม็ดยื่นมาเบื้องหน้าจูนจิ่ว “เสี่ยวจูนจิ่ว รู้ไหมว่านี่คือยาอะไรรึ?”
“…” จูนจิ่วปรายตามองอู๋ซาน สายตานั้นเห็นได้ชัดว่าราวกับมองคนโง่
“ยาวิเศษเด็กอายุสามขวบก็รู้จักยานี้” จูนเสี่ยวเหล่ยเอ่ยปาก น้ำเสียงอ่อนหวานแสดงความมั่นใจ และปรายตามองอู๋ซาอีกครั้ง อู๋ซานหัวเราะออกเสียง อย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้าน พลางควบม้าไปต่อ
พวกเขาเดินทางมาจนใกล้เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง อู๋ซานกระโดดลงจากรถให้พวกเขาเดินตามเข้าไปยังสำนักแห่งหนึ่ง อู๋ซานเอ่ยขึ้น “อู่จงยังอยู่อีกไกล ดังนั้นพวกเราต้องไปด้วยกลุ่มขนส่ง(จุดวาร์ป)”
“กลุ่มขนส่ง(จุดวาร์ป)?” จูนจิ่วหรี่ตา
เสียงหยูนเฉียวลอยมาข้างหู “ที่นี่ยังมีกลุ่มขนส่ง(จุดวาร์ป)หรือ?ข้านึกว่ามีแต่อู๋จงเท่านั้นที่มี”
“แน่นอนว่ามีเพียงอู๋จงที่มี นี่คือวิธีที่อู่จงใช้รับจำนวนลูกศิษย์ที่เหลือ ตั้งใจสร้างกลุ่มขนส่ง(จุดวาร์ป)ในกว่าสิบประเทศ เพียงสามารถส่งไปได้ที่เดียว นั้นก็คืออู๋จง พวกเจ้าจะได้เป็นศิษย์ของอู๋จงหรือไม่ ทั้งหมดต้องดูคะแนนที่แป้นอู๋จง” อู๋ซานเอ่ยปาก
ตอนนี้พวกเขาได้รับเลือกแล้ว นับว่าเตรียมจะเป็นลูกศิษย์ของอู่จงแล้ว แต่ที่อู๋จง ยังมีการสอบครั้งสุดท้ายรอพวกเขาอยู่
เมื่อเห็นอู๋ซานยืนอยู่ท่ามกลางลาน วางหินทิพย์ลงบนค่ายกลทีละก้อน ทีละก้อน นางมือหนึ่งอุ้มเสี่ยวอู่ อีกด้านแอบส่งเสียงไปยังโม่อู๋เยว่ “พวกเราจะโดยกลุ่มขนส่ง(จุดวาร์ป) เจ้าตามทันไหม?”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้ากำลังสงสัยในความสามารถของอาจารย์อย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงต่ำเกียจคร้านเอ่ย น้ำเสียงน่าดึงดูด ใกล้จนราวกับเอ่ยอยู่ข้างหูจูนจิ่วอย่างนั้น ให้นางอดไม่ได้ลูบหูตัวเอง
จูนจิ่วเอ่ยเสียงเย็น “พูดอย่างนี้ เจ้าคงไม่เคยเห็นระยะทางที่กลุ่มขนส่ง(จุดวาร์ป)ส่งไปได้ ไปเจอกันที่อู่จงเลยไหม?”
“ไม่ ข้าไม่ต้องไปหาอู๋จง เพียงหาเจ้าให้พบ”
กรุ๊งกริ๊ง ~
กระดิ่งสีเงินบนข้อมือส่งเสียงดังขึ้น จูนจิ่วก้มลงมองดู ขมวดคิ้วไม่เอ่ยคำ นางลืมไป โม่อู๋เยว่ตามหานางด้วยสิ่งนี้ได้
อู๋ซานเอ่ยปาก “เข้ามากันหมดแล้วใช่ไหม พวกเราจะออกเดินทางแล้ว”
จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่แล้วนำเข้าไป นางมองไปรอบทิศ หินทิพย์ทั้งหมดเจ็ดก้อนเรียงซ้อนกัน ความเงาแววไม่ได้รวมเข้าไปด้วย แต่ล้อมรอบพวกเขาเอาไว้ จูนเสี่ยวเหล่ยและหยูนเฉียวขนาบซ้ายขวาของจูจจิ่วเอาไว้
อู๋ซานกวาดตามองพวกเขา กระตุกยิ้มร้าย “ระวังหน่อยนะ นั่งกลุ่มขนส่ง(จุดวาร์ป)ครั้งแรกจะเวียนหัวหน่อย”
เพียงคำพูดสิ้นลง แสงสีขาวสว่างแสบตาก็กลืนกินพวกเขาเอาไว้…
เมื่อเห็นลานว่างเปล่าแล้ว เหลืออยู่เพียงแสงสว่างที่ค่อยๆ มืดลง และหินที่แตกออก โม่อู่เย่วยกมือขึ้นท่วงท่าสบายๆ ท่าทางงดงามเจือเกียจคร้าน แต่เพียงชั่วเวลาเดียวกลับแหวกอากาศออกจากกัน เข้าก้าวเข้าไปภายในนั้น เหลิ่งยวนก้าวตามแล้วหายตัวไป
กลุ่มขนส่ง(จุดวาร์ป)?พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้ของหลอกเด็กเช่นนั้น
เมื่อนั้นจึงเรียกได้ว่าออกจากเมืองเทียนโจ้งไปสู่อู๋จงอย่างแท้จริง
ราวกับถูกมัดลงในเปลือกไข่กระไรอย่างนั้น หลังจากสั่นคลอนไปมา จึงลงมายังพื้นดินอีกครั้ง อู๋ซานร้ายกาจนัก มองไปด้วยสายตาชั่วร้าย เป็นจริงดังนั้น จูนเสี่ยวเหล่ยนั่งแผ่ลงบนพื้น ในตาเต็มไปด้วยดาววนไปวนมา หยูนเฉียวแย่ไปกว่านั้น อาเจียนลงตรงพื้นเลยทีเดียว
แต่เมื่อสายตาชั่วร้ายนั้นจ้องมองมายังจูนจิ่ว อู๋ซานถึงกับตกตะลึง “เอ๊ะ?”
จูนจิ่วยืนนิ่งอยู่อย่างปกติ ท่าทางสงบนิ่ง เมื่อเห็นเขามองมา จูนจิ่วประสานสายตาเย็นชามายังเขา นี่ช่างผิดธรรมดายิ่งนัก!อู๋ซานก้าวใหญ่ไปเบื้องหน้าจูนจิ่ว มองนางด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ “เสี่ยวจูนจิ่ว เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“นางเจ้ารู้สึกไม่สบายอย่าอดทนไว้ ใช้งานกลุ่มขนส่ง(จุดวาร์ป)ครั้งแรกต่างมีอาการอยู่บ้าง เจ้าอย่าเป็นลมไปก็แล้วกัน และยังเจ้าแมวน้อยในอ้อมอกเจ้าอีก มีอาการมึนไหม?ให้ข้าช่วยดูอะไรไหม?”
อู๋ซานสีหน้าจริงจัง เขาไม่อาจเชื่อเลยว่าจูนจิ่วจะไม่เป็นอะไร คิดถึงเมื่อตอนใช้ครั้งแรกตัวเขาเองก็อาเจียนเหมือนหยูนเฉียว ทำไมจูนจิ่วจึงไม่เป็นอะไรเลย?
จูนจิ่วได้ยินดังนั้นก็มองไปยังอู๋ซานอีกครั้ง เมื่อเห็นสายตาของนาง อู๋ซานรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกสงสัยว่าเป็นคนโง่หรือไม่อีกแล้ว จูนจิ่วเอ่ยเสียงราบเรียบ “ข้าไม่เป็นอะไร เสี่ยวอู่เอง มันหลับไปแล้ว”
เมื่อพูดไป จูนจิ่วบีบลงบนอุ้งเท้าของเสี่ยวอู่ เสี่ยวอู่พลันยืดตัวเอง ลืมตามองมายังจูนจิ่ว “เมี้ยว?”
อู๋ซี… ไม่! เป็นไปไม่ได้!
อู๋ซีมึนงงและตะลึงอยู่หลายวินาที จึงเรียกสติกลับมาได้ พยายามสงวนท่าทีกลับมาดังเดิม เขาเอ่ยขึ้น “พักผ่อนพอหรือยัง?ตอนนี้ตามข้ามาได้ กว่าจะถึงอู๋จงยังต้องเดินอีกระยะหนึ่ง”
“ได้แล้ว” จูนเสี่ยวเหล่ยลุกขึ้น โอนเอนเล็กน้อยก่อนจะยืนได้อย่างมั่นคง หยูนเฉียวกินยาเข้าไปสองเม็ด จึงกดอาการอยากอาเจียนภายในได้ สีหน้าของเขาซีดขาว ดูแล้วอ่อนแอไม่มีแรง ใจของอู๋ซานนิ่งขึ้นแล้ว
นี่ถึงจะเป็นอาการปกติ!จูนจิ่วนางเพี้ยนไปแล้วหรือกระไร?
“ในสิบประเทศนี้ จะผ่านการทดสอบจากสำนัก เหล่าบรรดาลูกศิษย์ที่อยู่ในรายชื่อจะรวมตัวกันที่ลานอู๋จง เมื่อพวกเจ้าคนครบแล้ว จะเข้าไปทดสอบพร้อมกัน การทดสอบนี้ จะมีเหล่าผู้อาวุโสในอู๋จงมาให้คะแนนด้วยตนเอง”
อู๋ซานเอ่ยต่อไป “การทดสอบจะผ่านหรือไม่ นั่นไม่สำคัญ ได้รับความสนใจจากบรรดาผู้อาวุโสนั่นจึงจะสำคัญที่สุด ยกตัวอย่างเช่นจูนหยูนเสวี่ย ได้รับความเมตตาจากท่านเหอเทียนอู่จงแม้การแข่งขันจะพ่ายแพ้ แต่ก็ยังคงมายังเวทีอูจง”
เรื่องเหล่านี้พวกจูนจิ่วเองรู้ดีอยู่แล้ว พวกเขาไม่ใช่เด็กอายุสามขวบ ยังจะเชื่อถือความถูกต้องอะไรกันอีก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีจูนจิ่ว จูนหยูนเสวี่ยไปอู่จงก็คงได้ฟาดกันเลือดตกยางออก ไม่มีอะไรแตกต่าง
แต่อู๋ซางที่อยากเห็นทั้งสามคนกระโดดโลดเต้นด้วยความคับแค้น กลับต้องผิดหวังอีกครั้ง
เขาลูบเคราด้านล่าง ส่ายหน้าถอนหายใจ ลูกศิษย์รอบนี้ ช่างยุยงยากเสียจริง จากนั้นจึงเงยหน้ามองไปยังเบื้องหน้า “มาถึงเวทีอู๋จงแล้ว นำบัตรประจำตัวพวกเจ้าเข้าไป หาห้องพักจากชื่อของเจ้า รอจนเมื่อลูกศิษย์จากทั้งสิบประเทศมาถึง จะมีคนบอกพวกเจ้าเองว่าต่อไปต้องทำอะไร”
พูดไป อู๋ซางก็มองไปทางจูนจิ่วแย้มยิ้ม เขายื่นบัตรหนึ่งออกไป กะพริบตาแล้วเอ่ย “เสี่ยวจูนจิ่วนี่คือแผ่นป้ายจากศิษย์พี่ข้า หากมีใครแกล้งพวกเจ้า เพียงเจ้านำแผ่นป้ายนี้ขู่พวกมัน ศิษย์พี่ในตันจง รอวันมาถึงของเจ้าอยู่~~”
“เชิญกลับไม่ส่ง” จูนจิ่วไม่ได้ปฏิเสธแผ่นป้าย แต่ท่าทีเย็นชาของนาง ก็ทำให้อู๋ซานไม่อาจรู้ได้ว่านางยินยอมจะมาตันจงหรือไม่
ไม่มีนักกลั่นยาคนใดไม่อยากมาตันจงนี่!ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้ส่งกิ่งต้นมะกอกให้แล้ว แต่จูนจิ่วไม่ใช่คนธรรมดา จะใช้วิธีธรรมดารับมือไม่ได้ อู๋ซานคิดแล้วคิดอีก จึงเอ่ยเสริม “เสี่ยวจูนจิ่ว หากเจ้ายอมมาตันจง ข้าจะเชิญอาจารย์รับเจ้าเป็นศิษย์ เป็นศิษย์น้องหญิงของข้า”
“เฮือก!” เสียงพ่นลมดังลอยมา
จูนจิ่วหันหน้ากลับไป มองเห็นสตรีนางหนึ่งจ้องมองมายังพวกเขา ราวกับนางได้ยินสิ่งที่อู๋ซานเอ่ยเมื่อครู่ เมื่อเห็นว่าพวกนางเห็นเข้า สตรีนางนั้นพลันตกใจจนหันหน้ากลับวิ่งออกไป