บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ – บทที่ 198 ฆ่าปาดคอด้วยดาบ

บทที่ 198 ฆ่าปาดคอด้วยดาบ

บทที่ 198 ฆ่าปาดคอด้วยดาบ

“ดอกตงเตีย เอามาเดี๋ยวนี้” สายตาโลภมากร้อนแรงของจูนหยูนเสวี่ย นางขยับตัวพุ่งเข้ามาแย่งชิง หยูนเฉียวกับจูนเสี่ยวเหล่ยรีบร้องตะโกนบอกให้ระวังตัว

จูนจิ่วเงยหน้ามองด้วยสายตาดุดัน จูนหยูนเสวี่ยรวดเร็วมาก ทว่าอยู่ในสายตานางยังคงเร็วไม่พอ อยู่ดี เห็นเพียงแค่จูนจิ่วหมุนเอวเหวี่ยงต้นขาเตะเท้าออกทันที กรงเล็บของจูนหยูนเสวี่ยยังไม่ทันได้แตะเนื้อต้องตัวจูนจิ่ว กลับถูกเตะเข้าที่ท้องอย่างจัง จูนหยูนเสวี่ยร้องเจ็บปวดพร้อมลำตัวที่กระเด็นปลิวออกไป

มองนางด้วยความยิ้มเยาะเย้ย จูนจิ่วเก็บเท้ากลับมาที่เดิม พร้อมหมุนตัวกลับไปคว้าดอกตงเตียที่อยู่ในมือของหยูนเฉียว พลังทิพย์ก่อตัวขึ้นมาบนฝ่ามือแล้วตบเข้าที่หัวไหล่ของหยูนเฉียวหนึ่งที แรงฝ่ามือนี้กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด ทว่าหยูนเฉียวกลับต้องตกตะลึงลืมตากว้าง มองไปที่ดอกตงเตียที่ถูกจูนจิ่วตบจนละเอียด แปรเปลี่ยนเป็นแสงจุดเล็กๆห่อหุ้มตัวเข้าไว้ “แม่นางจูน?”

“เจ้าได้รับบาดเจ็บต้องออกไปก่อน” น้ำเสียงของจูนจิ่วเพิ่งจะจางหายไป ประกายแสงสีน้ำเงินเข้มหายวูบ หยูนเฉียวหายตัวไปทันที

ตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หยูนเฉียวมองไปรอบทิศ เขาออกมาแล้ว

กู่ซงเดินเข้ามาตบหัวไหล่ของเขา ด้วยน้ำเสียงที่ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยที่ผ่านด่านค่ายเขาวงกตเป็นคนแรก มารักษาบาดแผลก่อนเถอะ โชคดีที่มีการเตรียมนักกลั่นยาไว้ที่นี่ ถึงแม้จะเทียบกับจูนจิ่วไม่ได้ แต่ว่าก็พอใช้ได้ ”

ขณะที่พูด กู่ซงหมุนตัวกลับไปโบกมือไปทางอู๋ซาน “ศิษย์พี่อู๋ซาน มารักษาคนกันเถอะ”

อู๋ซาน “……”

แม่งเอ๊ย อย่าคิดว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดที่กู่ซงพูดเมื่อครู่ แต่เขาก็โต้ตอบกระไรไม่ได้เสียด้วย ก็เพราะเขาเองยังวิจัยตำรับยาที่จูนจิ่วกลั่นอยู่เลย ซึ่งผลสรุปก็คือเขาที่เป็นศิษย์ของเจ้าสำนักตันจงคนนี้ ยังไม่สามารถเทียบเคียงจูนจิ่วได้ ความอิจฉาริษยาทำให้คนเสียภาพลักษณ์ที่ดีได้

แต่สิ่งที่อู๋ซานยิ่งชื่นชมจูนจิ่วก็คือ เขาคิดว่าจูนจิ่วจะยอมเอาดอกตงเตียจากหยูนเฉียวแล้วชิงหนีออกมาก่อน ทว่าจูนจิ่วกลับไม่เอา และพูดอย่างง่ายดายว่าส่งหยูนเฉียวออกไปก่อน ความใจกว้างแบบนี้ยิ่งทำให้อู๋ซานชื่นชมเพิ่มขึ้นไปอีก

อู๋ซานเดินเข้ามา “นั่งลงเถอะ ข้าจะล้างบาดแผลให้เจ้า”

หยูนเฉียวยังคงรู้สึกสับสนวนวายอยู่บ้าง “แม่นายจูนล่ะ?”

“นั่นไง ยังอยู่ข้างใน ” มองตามนิ้วมือที่กู่ซงชี้ไป หยูนเฉียวมองเห็นกระจกน้ำ เขามองเห็นจูนเสี่ยวเหล่ยที่ตกตะลึงจนต้องมองดูซ้ายทีขวาทีไปหนึ่งรอบ เหมือนกำลังเอ่ยพูดกระไรสักอย่าง……

จูนเสี่ยวเหล่ยพูด “พี่สาวเก้า หยูนเฉียวล่ะ?”

“ผ่านด่านออกไปแล้ว” จูนจิ่วตอบนางด้วยเสียงเรียบนิ่ง นางรู้ดีว่าหยูนเฉียวอยากมอบดอกตงเตียให้กับนาง ทว่าสิ่งที่จูนจิ่วอยากได้ จะต้องเอามาได้ด้วยตัวเอง น้ำใจของหยูนเฉียวนางรับไว้แล้ว และนางจะจดจำไว้ในใจ

แค่นี้ก็ผ่านด่านแล้วหรือ?

ทุกคนตะลึงไปครู่หนึ่ง พวกเขารู้เพียงว่าได้รับดอกตงเตียแล้วถึงจะผ่านด่าน แต่กลับไม่รู้ว่าหลังจากที่ได้แล้วจะต้องทำกระไร การกระทำของจูนจิ่วเมื่อครู่และการหายตัวไปของหยูนเฉียว จึงถือเป็นการบอกขั้นตอนการผ่านด่านให้ แต่ว่าตอนนี้กลับไม่มีใครดีใจขึ้นมาได้

จูนหยูนเสวี่ยแยกเขี้ยวยิงฟัน กุมหน้าท้องไว้แล้วลุกขึ้นมา “จูนจิ่ว”

“ดอกตงเตียไม่มีแล้ว น่าเกลียดที่สุด จูนจิ่วเจ้าอย่าคิดว่าเจ้าส่งหยูนเฉียวออกไปแล้ว การที่ไม่มีดอกตงเตียพวกข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ? ฝันไปเถอะ วันนี้ทั้งแค้นเก่าและใหม่ ข้าขอคิดบัญชีกับเจ้าทั้งหมดเลย ทุกคนบุกไปให้หมด” มู่หรงหนันจีนโกรธจนกระทืบเท้า โบกมือนำคนพุ่งเข้าไป

จูนหยูนเสวี่ยปล่อยมือที่กุมหน้าท้องไว้ออก นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือกำดาบอันคมกริบไว้แน่นแล้วรีบพุ่งตัวออกไป นางไม่เชื่อหรอกว่า คนของพวกเขามากมายขนาดนี้ อีกทั้งแต่ละคนล้วนเป็นนักจิต จูนจิ่วยังจะชนะได้อีกหรือ?

จูนหยูนเสวี่ยช่างอ่อนหัดและคิดง่ายเกินไปจริงๆ

บีบหมัดแน่น สะบัดหมุนข้อมือ จูนจิ่วยกมุมปากขึ้นสูง หัวเราะอย่างถือดีไม่เกรงกลัว นางเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงโอ้อวด “จูนเสี่ยวเหล่ยถอยไปอยู่ข้างๆ เพื่อหลบหลีกลูกหลง”

“พี่สาวเก้าข้าสามารถช่วยได้”

“ไม่ต้อง ก็แค่เศษขยะเพียงไม่กี่คนยังไม่พอให้ข้าอุ่นร่างกายเลย ทว่าเจ้าไม่ได้อยู่เฉื่อยๆ เจ้าต้องลืมตาดูไว้ให้ดี เพื่อวิเคราะห์ท่วงท่าของข้า อีกเดี๋ยวข้าจะมาทดสอบเจ้า” จูนจิ่วพูด

จูนเสี่ยวเหล่ยพยักหน้าด้วยความจริงจัง “ได้เลย”

จะมากเกินไปแล้ว เย่อหยิ่งทะนงตนยิ่งนัก

กลับเปรียบเทียบพวกเขาเป็นเศษขยะ? ยังไม่พอให้จูนจิ่วอุ่นร่างกาย น่าเกลียด พวกเขาล้วนผ่านการคัดเลือกศิษย์ดีเด่นจากสิบประเทศ เป็นผู้มีความสามารถที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี พูดของจูนจิ่ว ทำให้ทุกคนโกรธโมโหโดยสิ้นเชิง ดวงตาแดงก่ำ จ้องมองจูนจิ่วด้วยสายตาน่าเกลียดน่ากลัว พุ่งตัวลงมือพร้อมกัน

ตูม

จูนจิ่วกำหมัดแน่น ปะทะเข้าอย่างจังกับบุคคลหนึ่ง คะชะ ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน ตั้งแต่หมัดจนถึงแขนของเขาถูกแรงระเบิดใส่จนแหลกสลาย ราวกับว่าสิ่งที่ปะทะเข้ากับเขาไม่ใช่หมัดที่อ่อนช้อยงดงามของจูนจิ่ว แต่เป็นเหล็กที่แข็งแกร่งหนาแน่น

เสียงดาบฟาดฟัน

ดาบเย็นเยือกลอบจู่โจมจากทางด้านหลัง จูนจิ่วถีบปลายเท้าด้วยท่วงท่างดงามอ่อนช้อย ป๋ายเย่ถูกชักออกมา ป๋ายเย่ที่เรียวยาวงดงามเหมือนงานฝีมือชั้นเลิศ ฟาดฟันลงไปที่ดาบเย็นเยือกจนขาดสะบั้น แรงดาบยังไม่เพียงพอ จึงถูกฆ่าปาดคอด้วยดาบ มีเพียงรอยดาบเส้นบางๆ และตามด้วยเสียงตูมล้มลงไปที่พื้น พร้อมกับเลือดสดที่ค่อยๆไหลออกมา

จูนจิ่วยังไม่ยอมหยุด พลังทิพย์ก่อตัวขึ้นที่ดาบป๋ายเย่ เหวี่ยงฟันดาบออกไปในแนวนอน บูม แรงดาบสะเทือนผ่านทุกคน จนทิ้งรอยดาบลึกลงบนกำแพงสีเขียวเข้ม ตูบๆ มีคนล้มลงไปสองสามคน

มู่หรงหนันจีนเห็นดังนั้นแล้วทั้งโกรธและตกตะลึง เขาร้องเสียงดัง “ฆ่านางซะ”

“ขอรับ” สองฝาแฝดร่วมมือกันพุ่งเข้าไป

สายตาของจูนจิ่วเยือกเย็นโหดร้าย มองจากด้านบนลงด้านล่างไปที่สองสองฝาแฝด นางหัวเราะเยาะเย้ย “รนหาที่ตาย? ข้าจัดให้พวกเจ้าเอง”

ฆ่าปาดคอด้วยดาบ ชั่วขณะนั้นไม่มีใครเห็นชัดว่าจูนจิ่วทำได้กระไร ตอนที่ดึงสติกลับมาได้ สองฝาแฝดกลายเป็นศพร่างกายเย็นเฉียบบนพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาเบิกตากว้างมาก เห็นชัดว่าต่อให้จะตายไปแล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองตายด้วยดาบของจูนจิ่วได้ยังไง

ดวงตาที่ทำให้คนกลัว จูนจิ่วเหลือบมองไปที่คนสองคนที่กำลังยืนอยู่ มู่หรงหนันจีนกับจูนหยูนเสวี่ย

สู้ไม่ไหวก็หนีสิ วิ่ง

เมื่อเห็นว่าคนของตัวเองถูกฆ่าตายจนหมด มู่หรงหนันจีนไม่ทันได้ทุกข์ใจหรือโกรธโมโห เขากลับหมุนตัววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ทว่าพอวิ่งไปได้แค่สองก้าว เบื้องหน้ามีเงาดำเคลื่อนตัวผ่านไป เมื่อเห็นว่าเป็นจูนจิ่ว เพียะ แรงตบหน้าเสียงดังทำให้มู่หรงหนันจีนหมุนตัวไปตั้งสองรอบ เห็นด้วยตาเปล่า ใบหน้าข้างขวาของเขาบวมแดงขึ้นมาทันที

มู่หรงหนันจีนร้องเจ็บปวด “โอ๊ย จูนจิ่วเจ้ากล้าตบหน้าข้าหรือ”

เพียะ

โดนตบหน้าอีกครั้ง แรงมือไม่เบา ใบหน้าข้างซ้ายของมู่หรงหนันจีนบวมขึ้นมาเช่นกัน ชั่วพริบตาเดียวใบหน้ากลับกลายเป็นหมูไปแล้ว พูดก็พูดไม่ชัดเจน

จูนจิ่วยกมุมปากขึ้นสูง ตบปัดมือเบาๆ “ตบไปแค่สองทีเองก็บวมแล้วหรือ ดูท่าหน้าของเจ้ายังหนาสู้กำแพงเมืองไม่ได้หรอก ดูท่าแล้วเจ้าตาบอดเสียมากกว่า ที่ไม่รู้จากการประมาณตน”

จูนจิ่วกำลังพูดย้อนคำพูดอวดเก่งของเขาเมื่อครู่ มู่หรงหนันจีนตกใจกลัวจนอยากร้องแล้ว เขาจะไปรู้ได้กระไรว่าจูนจิ่วเก่งขนาดนี้ นำกำลังคนมาตั้งมาก ล้วนถูกฆ่าตายจนหมด จูนหยูนเสวี่ยพูดไม่ผิด จูนจิ่วเป็นตัวซวยและเป็นประเภทที่น่าหวาดกลัวที่สุด

กลัวว่าจูนจิ่วจะฆ่าตัวเอง มู่หรงหนันจีนรีบเอ่ยปากพูดทันที “อย่าฆ่าข้าเลย จูนจิ่วเจ้าเป็นนักกลั่นยาไม่ใช่หรือ? ข้าขอใช้สูตรยาแลกเปลี่ยนกับการที่เจ้ายอมปล่อยข้าไป ข้าจะเอาสูตรยาให้เจ้า ”

“สูตรยา?”

“ใช่ๆ อันนี้ข้าซื้อมาจากงานประมูล ราคาสูงลิบลิ่ว ถ้าเจ้าฆ่าข้า มันไม่คุ้มเสียหรอก ปู่ข้าเป็นถึงผู้อาวุโสสำนักตันจง เขาจะต้องแก้แค้นให้ข้าแน่นอน เจ้าปล่อยข้าไปเสียจะดีกว่า สูตรยาเป็นของเจ้า” ใบหน้าที่บวมเหมือนหมู ร้องขอชีวิตโดยไม่คิดลังเลเลยสักนิด

มู่หรงหนันจีนคิดในใจ “บุรุษชายชาตรีต้องยืดได้หดได้ รักษาชีวิตไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตายที่นี่ ชื่อเสียงเขาจะโด่งดังไปทั่วใต้ฟ้าได้กระไร? อีกอย่างล้างแค้นกับจูนจิ่วสิบปีก็ยังไม่สาย ในเมื่อสู้จูนจิ่วไม่ได้ ภายหลังเขาสามารถอาศัยวิชากลั่นยาในการกดดันและล้างแค้นให้สมใจ”

จูนจิ่วรับสูตรยามาดู นางหัวเราะออกมา “ยาปรุงจิต?”

บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

Status: Ongoing
None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท