บทที่ 204 คิดถึงข้าหรือ?
“กลับไปก่อน?” ผู้อาวุโสถูฉีมองไปทางจูนจิ่ว สีหน้าไม่เข้าใจ
จูนจิ่วพยักหน้า กางมือออกแสดงท่าทาง “บนร่างกายข้าเต็มไปด้วยเลือด ให้รออยู่ตรงนี้เฉยๆมันรู้สึกทรมานยิ่งนัก”
ทุกคนมองไปที่นาง ต่อให้จะเป็นชุดกระโปรงแดงก็ยังดูออกว่าสีเข้มขึ้นหลายระดับ หยูนเฉียวและกู่ซงยืนอยู่ด้านข้างของจูนจิ่ว ยังได้กลิ่นคาวเลือดที่ฉุนจนแสบจมูก กู่ซงหันหน้าไปทางผู้อาวุโสถูฉี “ท่านปู่ถูฉี ไหนๆจูนจิ่วก็ผ่านด่านแล้ว น่าจะปล่อยนางกลับไปอาบน้ำได้นะ มิเช่นนั้นจะต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้?”
ต่อด้วยจูนเสี่ยวเหล่ย เหยียนไห่ และกูซูหยิง เดินตามออกมาจากลำแสงประกายทอแสง บนร่างกายของพวกเขาไม่เพียงแต่มีเลือดเท่านั้น ทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
เมื่อผู้อาวุโสถูฉีเห็นเช่นนั้น ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “กลับไปก่อนเถอะ เมื่อการแข่งขันเสร็จจะประกาศแจ้งให้พวกเจ้าไปที่วิหารใหญ่ แต่ว่าห้ามออกไปจากอู๋อจงโดยเด็ดขาด ผู้ที่ฝ่าฝืนต่อให้จะผ่านด่านแล้วก็ย่อมสามารถตัดสิทธิ์ของพวกเจ้าออกไปได้ ”
“ได้” จูนจิ่วตอบกลับอย่างนิ่งเฉย แล้วหลังเดินจากไปเลย
พวกเหยียนไห่ตะลึงไปครู่หนึ่ง เพิ่งจะรู้ว่าสามารถกลับไปอาบน้ำทำแผลก่อนได้ จึงรีบจากไปทันที เพียงไม่นานทุกคนเดินจากไปกันหมด กู่ซงรู้สึกกลัดกลุ้มใจอยู่บ้าง “ท่านปู่ถูฉี ข้าไปกับพวกเขาด้วยได้ไหม?”
“เจ้าเป็นศิษย์ที่เข้าร่วมการแข่งขันหรือ?” ผู้อาวุโสถูฉีเหลือบตามองกู่ซงทีหนึ่ง กู่ซงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วลูบปลายจมูกแก้เขินพร้อมเดินกลับไปยืนอยู่ที่เดิม
ค่ายเขาวงกตยังไม่เสร็จสิ้น ผู้อาวุโสถูฉีเปิดใช้กระจกน้ำอีกครั้ง โดยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากจูนจิ่วเลย กระจกน้ำปรากฏภาพเหตุการณ์ในค่ายเขาวงกตอย่างชัดเจนอีกครั้ง เพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่มีจูนจิ่วแล้ว จนทุกคนรู้สึกว่ามันช่างน่าเบื่อยิ่งนัก
การตอบสนองของคนภายในวิหารเห็นได้ชัดมากที่สุด
ท่านชิงพูดขึ้นมาโดดๆ “ยังเหลืออีกสิบกว่าคนรอที่ผ่านด่าอยู่น มีคนไหนที่พวกท่านชอบเป็นพิเศษไหม?”
“มู่หรงหนันจินกับจูนหยูนเสวี่ยพอฝืนได้” ผู้อาวุโสสำนักหุ้นหยวนมองดูภาพในกระจกน้ำ ซึ่งภาพเหตุการณ์ในกระจกที่ขึ้นถี่หน่อยเห็นจะเป็นมู่หรงหนันจินกับจูนหยูนเสวี่ย คนอื่นๆคุณภาพยังไม่ถึง ทว่าเมื่อลองคิดๆดู สองคนนี้พ่ายแพ้ต่อจูนจิ่วอย่างง่ายดาย จิตใจรู้สึกสับสน
เมิ่งจื้อหยวนเจ้าสำนักตันจงอดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองไปทางเหอซ่าน “ท่านเหอ ข่าวลือของจูนจิ่วที่แคว้นเทียนโจ้งเป็นเรื่องจริงหรือ?”
เหอซ่านพูด “หากเจ้าสำนักเมิ่งอยากจะทราบเรื่อง ควรไปตรวจหาความจริงด้วยตัวเองจะดีกว่า การฟังจากปากคนอื่น ไม่ควรเชื่อทั้งหมด ”
“ท่านเหอท่านไม่ใช่คนอื่นนะ” ท่านชิงมองไปทางเหอซ่านด้วยอาการตกตะลึง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เหอซ่านยังดูยกยอจูนหยูนเสวี่ยและเหยียบย่ำจูนจิ่วอยู่เลย ทำไมผ่านไปพริบตาเดียวกลับไม่พูดอะไรอีก?
เหอซ่านไม่ได้ตอบคำถามของคนที่ประหลาดใจ เขาเงยหน้ามองไปทางโจ่ฉีที่มีสีหน้าสับสน ก่อนหน้าที่กระจกน้ำจะแตกสลาย พวกเขาไม่รู้ว่าจูนจิ่วทำอะไรกับจูนหยูนเสวี่ย ตอนนี้เห็นจูนหยูนเสวี่ยมีท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งรู้สึกว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากล
สภาพจิตใจแลดูหนักหน่วงขึ้นมา เหอซ่านรู้สึกว่าเขายังต้องปรึกษาหารือกับโจ่ฉี เรื่องแผนการที่ยกยอเข้าข้างจูนหยูนเสวี่ยมันยังสามารถใช้ได้อีกไหม?
……
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง จูนจิ่วรีบโบกมือลาจูนเสี่ยวเหล่ยพวกเขา หมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง ทันทีที่ปิดประตูลงเจ้าแมวขนขาวปุยวิ่งเข้าสู่อ้อมกอด มันใช้เล็บเกี่ยวที่เสื้อผ้าของจูนจิ่วอย่างเบามือ ใช้หัวคลอเคลียที่คางของจูนจิ่วพร้อมร้องเหมียวๆ
มุมปากเผยรอยยิ้มเอ้นดู จูนจิ่วกอดเสี่ยวอู่ไว้พร้อมลูบเบาๆ “คิดถึงข้าแล้วหรือ?”
“เหมียว” แน่นอนอยู่แล้ว
“คิดถึงอยู่แล้ว” ทั้งแล้วและคนพูดพร้อมกัน ทำเอาจูนจิ่วและเสี่ยวอู่ตะลึงไปครู่ เงยหน้ามองไปทางโม่อู๋เยว่ จูนจิ่วกระพริบตาถี่ๆ
โม่อู๋เยว่เดินมาทางจูนจิ่ว นัยน์ตาสีทองอร่ามดุจดั่งดวงดาวที่ทอแสงบนฟากฟ้า เขากระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วพูดว่า “ไม่พบเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์วันเดียว เหมือนไม่พบกันสามปี”
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในค่ายเขาวงกต ใช้เวลาไปสามวัน คำเปรียบเปรยของโม่อู๋เยว่ ทำเอาจูนจิ่วยกคิ้วขึ้นสูง “เวลาช่างผ่านไปไวจริงๆ” จีบนางเหรอ? ไม่ตกหลุมพรางหรอกนะ
ก๊อกๆ มีคนเคาะประตูเสียงเบาๆ จูนจิ่วเดินไปเปิดประตู ปรากฏว่าเป็นคนรับใช้ที่มาส่งน้ำร้อน เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่คำสั่งของถูฉีถูกส่งมาถึง พวกเขาก็รีบเตรียมการทันที จากนั้นให้ข้ารับใช้เข้าไปเตรียมน้ำ จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่ไว้และยืนเฉียงมองไปทางโม่อู๋เยว่
สำหรับเรื่องที่ภายในห้องมีปีศาจรูปงามที่เป็นหายนะระดับแคว้นอยู่ด้วยนั้น ข้ารับใช้ทำเหมือนไม่เห็นอะไร เมื่อเตรียมน้ำเสร็จ โค้งคำนับให้กับจูนจิ่วแล้วจากไป
จูนจิ่วปล่อยตัวเสี่ยวอู่ลงไป เดินไปยังด้านหลังของฉากกั้นจากนั้นเริ่มถอดเสื้อผ้าทันที ข้างบนเต็มไปด้วยเลือด สวมใส่บนร่างกายไม่สบายกายเลยสักนิด เมื่อเงยหน้ามองข้ามผ่านฉากกั้น จูนจิ่วมองไปทางโม่อู๋เยว่แล้วพูดว่า “พวกเจ้าดูการแข่งขันตลอดเลยหรือ?”
“เหมียวๆ” นายท่าน เหลิ่งหยวนตรวจสอบรายชื่อและที่อยู่ของกองทัพเย่สิงได้แล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวอู่ จูนจิ่วเดินเข้าไปในอ่างอาบน้ำพอดี เมื่อได้ยินเช่นนั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางแช่น้ำผ่อนคลายร่างกายตัวเองในนั้น “รายชื่อล่ะ?”
“อยู่นี่” โม่อู๋เยว่สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ นิ้วมือเรียวยาวที่สวยดั่งหยกถือม้วนหนังสือหยกไว้หนึ่งแผ่น
โม่อู๋เยว่ขยับริมฝีปาก เขาก้มศีรษะลงใช้ลิ้นเลียข้างแก้มของจูนจิ่ว เลียตรงใบหน้าที่มีคราบเลือดติดอยู่ ซึ่งแข็งตัวไปแล้ว เลียทีละนิดๆ จนสะอาดสะอ้าน จูนจิ่วหยุดหายใจ
โม่อู๋เยว่เป็นฮอร์โมนเคลื่อนที่ได้ ต่อให้จะกระทำต่อคนที่เงียบสุขุมเพียงใด ก็ไม่อาจต้านทานต่อสิ่งเย้ายวนเช่นนี้ได้ จูนจิ่วสูดหายใจเข้าลึกๆ ตามสัญชาตญาณร่างกายจะเอนไปทางด้านหลัง ทว่าระยะห่างยังไม่ทันได้ดึงห่างออกไป มือข้างหนึ่งโผล่เข้ากอดรัดเอวที่เปลือยกายของนางไว้
จุมพิตแนบชิดบนริมฝีปากของจูนจิ่ว สิ่งที่เห็นในม้วนหนังสือหยกเมื่อครู่ ตอนนี้มลายหายไปจนสิ้น ในหัวเหลือเพียงความรู้สึกจากจุมพิตที่โม่อู๋เยว่มอบให้