เรื่องราวผ่านมาอีกหลายวัน ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันในบล็อก ข่าวลือยังคงเหมือนวันเริ่มแรกไม่มีผิด บนสังคมออนไลน์ยังมีพวกขาจรที่ไม่รู้ความจริงมาด่าเธอ บอกว่าเธออิจฉาอี้อวิ๋นฉัง อิจฉาความสวยและฝีมือการแสดงของอี้อวิ๋นฉัง
ถึงแม้แฟนคลับของหลินหว่านจะไม่ค่อยเชื่อนัก แต่กระแสข่าวลือมาแรงขนาดนี้ บางส่วนก็ค่อยๆ หวั่นไหวไปบ้าง และยังมีบางส่วนที่เห็นว่าหลินหว่านมีฝีมือการแสดงดีก็ออกมาแก้ต่างให้เธอ เพียงแต่กระแสเสียงนี้เบาไปหน่อย จนแทบจะถูกหลงลืมไปได้เลย
พอดีกับในตอนนี้วงการบันเทิงไม่มีเรื่องน่าสนใจอื่น เรื่องของหลินหว่านกับอี้อวิ๋นฉังจึงกลายเป็นที่เม้าท์มอยด์หลังอาหารและของว่างของทุกคนไป ฝูงชนผู้กินแตงก็แค่ดูพอสนุก ส่วนพวกไม่สมหวังในชีวิตก็แค่ด่าหลินหว่านระบายเครียดไปเท่านั้น
สองวันนี้หลินหว่านไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วยังปล่อยให้ข่าวลือโจษจันกันไปทั่ว เธอไม่ได้ตกเป็นเป้าวิจารณ์เป็นครั้งแรก เรื่องพวกนี้สำหรับเธอในตอนนี้ เรียกได้ว่าไม่สะทกสะท้านเลยด้วยซ้ำ และไม่ทำให้เธอเป็นทุกข์ได้เลย เรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกเสียใจอย่างแท้จริงคือท่าทีของเซียวจิ่งสือต่างหาก
หลินหว่านคิดไม่ถึงเลยว่า เซียวจิ่งสือที่เธอรอให้มาหากลับไม่ได้มา คนที่มากลับเป็นอีกคน คนที่เธอไม่อยากพบหน้า
ฮั่วเทียนอวี่มาแล้ว
หลายวันนี้เธอเหมือนอยู่จุดศูนย์กลางลมพายุ จึงไม่ได้รับงานโฆษณาอื่นอีก อยู่อย่างสงบที่บ้าน ดูว่าอี้อวิ๋นฉังยังจะมาไม้ไหนอีก
แต่หลังจากอี้อวิ๋นฉังโพสต์ภาพถ่ายลงเวยปั๋ว กับหามือปืนรับจ้างมาโพสต์คลิปขึ้นเน็ตแล้ว ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรอีก นั่นทำให้หลินหว่านค่อยๆ สงบใจลงไปบ้าง ดูท่าว่าอี้อวิ๋นฉังคงทำได้แค่นี้เอง
“คุณมาได้ยังไง?”
หลินหว่านพอได้ยินเสียงเคาะประตู หัวใจก็กระตุกขึ้นเหมือนจะโบยบิน หวังว่าคนที่มาหาเธอจะเป็นเซียวจิ่งสือ แต่พอเธอเห็นหน้าฮั่วเทียนอวี่ หัวจิตหัวใจก็เหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็น
“ทำไม? ผมมาไม่ได้เหรอ?”
“ฉันไม่อยากเห็นคุณ”
ฮั่วเทียนอวี่เห็นว่าตอนที่หลินหว่านเปิดประตู ดวงตาเป็นประกายวาววับ เห็นได้ชัดว่าเปี่ยมด้วยความหวัง แต่พอเห็นว่าเป็นเขาสีหน้าก็เปลี่ยนไป หมองคล้ำลงในพริบตา ประกายแห่งความหวังที่เคยมีหายวับไป
ฮั่วเทียนอวี่เห็นท่าทีแบบนี้ของหลินหว่านยังจะมีอะไรไม่เข้าใจอีก หลินหว่านไม่ได้อยากเห็นเขา สาเหตุก็คือ…เธอน่าจะอยากพบคนที่ไม่ใช่เขาต่างหาก
คนคนนี้ไม่ต้องคิดเลย นอกจากเซียวจิ่งสือแล้วยังจะมีใครอื่นไปได้? พอเห็นท่าทีของหลินหว่านต่อเขา ฮั่วเทียนอวี่ก็ยิ่งเกลียดเซียวจิ่งสือมากขึ้นกว่าเดิม
“งั้นคุณอยากจะพบใคร? เซียวจิ่งสือ?”
“ผมว่าคุณถูกเขาหลอกแล้วล่ะ? คุณเห็นเวยปั๋วหรือยัง? คุณเห็นรึยังว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่? เขามันคุณชายเสเพลเจ้าชู้หลายใจ คนแบบนี้ จะมีค่าพอให้คุณรักที่ตรงไหนกัน!”
“ฉันจะถูกเขาหลอกหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณมาหาฉันทำไม?”
หลินหว่านพอฟังคำของฮั่วเทียนอวี่ หัวใจก็ปวดตุบ ตอนแรกที่เธอเห็นรูปถ่ายของอี้อวิ๋นฉังกับเซียวจิ่งสือ ก็รู้สึกเจ็บปวดเสียใจมาก แต่เธอยังปลุกปลอบใจตัวเองตลอดว่า เซียวจิ่งสืออาจไม่เป็นคนแบบนี้ แต่ทั้งหมดนี้ถูกฮั่วเทียนอวี่คุ้ยเขี่ยขึ้นมา ถ้าจะบอกว่าหลินหว่านไม่รู้สึกเจ็บเลยมันก็หลอกตัวเองเกินไป
หลินหว่านรู้ว่าฮั่วเทียนอวี่ชอบเธอมาตลอด ถึงกับยอมหลอกลวงเธอ จึงแน่นอนอยู่แล้วว่าฮั่วเทียนอวี่จะเกลียดเซียวจิ่งสือ และย่อมจะไม่ได้ยินคำพูดดีๆ เกี่ยวกับเซียวจิ่งสือจากปากเขาแน่
“ผมมาหาคุณ มาง้อขอคืนดีกับคุณ ผมต่างหากที่เป็นคนที่รักคุณจริง”
“ถ้าคุณมาหาฉันเพราะเรื่องนี้แล้วละก็ งั้นคุณก็ไปได้แล้ว เราไม่มีทางคืนดีกันได้หรอก”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? ให้โอกาสผมสักครั้งเถอะ ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมรักคุณมากกว่าเซียวจิ่งสือ”
“ไม่จำเป็น”
“คุณคิดดูสิ เซียวจิ่งสือเขารักคุณขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาไม่ได้รักคุณมากอย่างที่คุณคิดหรอก คุณรู้ไหม?”
พอหลินหว่านได้ฟังประโยคนี้ ก็เหมือนกระทบใจเธออย่างจัง หลายวันมานี้เธอเฝ้าสงสัยตัวเองอยู่ว่า แท้จริงแล้วเซียวจิ่งสือไม่ได้รักเธอเหมือนอย่างที่เธอคิด เขาแค่เห็นเธอเป็นของเล่นที่จะเรียกให้ไปหาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่แคร์ความรู้สึกของเธอเลยสักนิด
“มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
“คุณอย่าปากแข็งไปหน่อยเลย คุณดูสิตั้งหลายวันที่คุณเกิดเรื่อง หลายวันแล้วที่พวกบนเน็ตนั่นวิพากษ์วิจารณ์คุณอย่างไรบ้าง คุณไม่เสียใจเลยเหรอ? ทั้งหมดนี้มันเริ่มต้นจากไหนกัน? ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวจิ่งสือ?”
“เรื่องนี้อี้อวิ๋นฉังเป็นคนเริ่มต่างหาก เซียวจิ่งสือเขา…ไม่เกี่ยวด้วย”
ตอนพูดประโยคนี้หลินหว่านก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก ถ้าจะหากตัวต้นเหตุจริงๆ แล้ว ทั้งหมดนี้ต้นเหตุล้วนมาจากเซียวจิ่งสือทั้งนั้น
“คำพูดนี้คุณยังพูดออกมาได้อีกหรือ? ถ้าเซียวจิ่งสือรักคุณจริง เขาจะถ่ายภาพนั้นกับอี้อวิ๋นฉังหรือไง? เขายังจะให้อี้อวิ๋นฉังเอารูปแบบนั้นออกมาโพสต์ด้วย? คุณอย่าให้คำหวานหูของเซียวจิ่งสือทำให้หลงลืมตัวไปเลย!”
หลินหว่านมองดูท่าทีตื่นเต้นจนกระตือรือร้นของฮั่วเทียนอวี่ ราวกับว่าเซียวจิ่งสือเป็นภูเขาเพลิงทะเลดาบ [1] ส่วนเขานั้นเป็นพระเอกขี่ม้าขาวที่มาช่วยชีวิตสาวน้อยคนนั้น ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อให้เธอได้หลุดพ้นจากทะเลทุกข์กระนั้น
หลินหว่านเองไม่ลืมว่า ฮั่วเทียนอวี่แต่เดิมนั้นหลอกลวงเธอไว้อย่างไร เพราะเธอจำอะไรไม่ได้ ก็บอกว่าเขาเป็นแฟนเธอ ทั้งยังทำรุ่มร่ามกับเธออีก ตอนนี้ยังหวังว่าจะใช้ฐานะผู้ช่วยเหลือเธอสอดมือเข้ามา มันทำให้หลินหว่านรู้สึกน่าหัวเราะอยู่บ้าง
“คุณไม่ต้องมายุ่ง”
ฮั่วเทียนอวี่เห็นว่าหลินหว่านยังไม่รู้สึกตัวอีก ก็ร้อนใจขึ้นมาบ้าง แต่เขายังพูดชักแม่น้ำทั้งห้าอย่างอดทน
“คุณดูสิ เรื่องนี้ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว คนพวกนั้นพากันด่าคุณ ข่าวลือบนเน็ตคุณก็โดนด่าอยู่ฝ่ายเดียว พวกเขาไม่มีใครอยู่ข้างคุณเลย อันที่จริงทางแก้เรื่องนี้มันง่ายมาก แค่เซียวจิ่งสือออกมาแก้ข่าวก็ได้แล้ว แต่นี่มันกี่วันแล้ว? เซียวจิ่งสือออกมาแก้ข่าวรึยัง? ไม่มีสินะ”
หลินหว่านหันหน้าหนี ไม่มองฮั่วเทียนอวี่ ฮั่วเทียนอวี่ยังเข้าใจว่าหลินหว่านหวั่นไหวใจแล้ว จึงรีบโหมตีเหล็กเมื่อยังร้อน พูดพล่ามต่อไป
“ดังนั้น คุณมาคบกับผมดีกว่า ผมจะดีกับคุณเอง อย่างน้อยก็ดีกว่าเซียวจิ่งสือนั่น”
“งั้นเหรอ?”
หลินหว่านแค่นหัวเราะ มองสำรวจฮั่วเทียนอวี่
ฮั่วเทียนอวี่ดูไม่ค่อยเหมือนกับเมื่อก่อนที่เธอเคยเห็นนัก ไม่ดูมอมแมมเหมือนเมื่อก่อน แต่สวมชุดสูท ดูแล้วไม่ใช่ของถูกแบบที่ยับย่นไปทั้งตัวอีก ผมเผ้าก็จัดแต่งมาอย่างดี แต่งตัวดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูสะอาดสะอ้าน เป็นผู้เป็นคนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ฮั่วเทียนอวี่ไม่ได้ยินน้ำเสียงเยาะหยันของหลินหว่าน ยังเข้าใจว่าหลินหว่านโน้มเอียงมาทางเขาแล้ว จึงหมุนตัวรอบหนึ่งแล้วพูดกับหลินหว่านว่า “ใช่เลย คุณดูผมตอนนี้สิ คุณชอบเงินของเซียวจิ่งสือไม่ใช่เหรอ? แต่ตอนนี้ผมก็มีหน้าที่งานการมีหน้ามีตา เซียวจิ่งสือให้คุณได้ผมก็ให้คุณได้ ดังนั้น มาอยู่กับผมเถอะ”
——
[1] ภูเขาเพลิงทะเลดาบ หมายถึง สถานที่อันตรายถึงตายได้