บทที่ 338 เจ้าต้องรับนางเป็นลูกศิษย์
ภาพที่เห็นนั้นช่างทำร้ายจิตใจของทุกคนจริงๆ ! สาวงามที่สุดของสำนักไท่ชูของพวกเขา นางในฝันที่อยู่ในใจของผู้ชายนับไม่ถ้วน กลับสวมกระโปรงหนังสัตว์ วิ่งเข้ามาโดยเผยให้เห็นทั้งแขนและขา ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง หยุนหนีผ่านอะไรมากันแน่ ?
หากเป็นเมื่อก่อนทุกคนยังพอใจเย็นอยู่ได้ แต่ใครใช้ให้หลานจูเพิ่งจะโอ้อวดความงดงามของหยุนหนีกัน จงใจหาเรื่องเยาะเย้ยจุนจิ่ว ตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าไปฉาดใหญ่ หน้าชาจริงๆ !
ทุกคนต่างหันไปมองหลานจูด้วยความไม่พอใจทันที เจ้าบอกมาสิว่าเจ้าทำอะไรไม่ดี จำเพาะจะต้องเอาหยุนหนีมาเปรียบเทียบ จนตอนนี้จะต้องอับอายขายหน้าจนแทบจะต้องแทรกแผ่นดินหนีแล้ว !
นี่เป็นการข่มขู่จุนจิ่วแบบไหนกัน เห็นชัดๆ ว่าเป็นการเอาหน้าของพวกเขาส่งไปให้จุนจิ่วตบเอง ทั้งโกรธทั้งแค้น ซ้ำยังขายหน้าอีก หลายคนทนดูต่อไปไม่ได้อีกจึงค่อยๆ เบือนหน้าเดินหนีไป ไม่ช้าที่ตรงนั้นก็เหลือเพียงแค่หลานจูกับพี่น้องของนางที่ยืนผงะอยู่ที่เดิม
จุนจิ่วไม่หันไปมองหลานจูเลยสักนิด นางหันไปมองมู่จิ่งหยวนแล้วพูดว่า : “ศิษย์พี่มู่ พวกเราไปกันต่อเถอะ ?”
“ดี” มู่จิ่งหยวนเองก็รู้สึกตกตะลึงกับถาพที่เขาได้เห็นเมื่อครู่ แต่ก็สงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว มู่จิ่งหยวนหันไปยิ้มให้กับจุนจิ้วและชิงหยู่โดยไม่หันไปมองหลานจูเช่นกัน “ไปทางนี้กันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าเดินดูรอบๆ สำนักไท่ชูก่อน แล้วค่อยพาพวกเจ้าไปยังที่พัก”
หลานจูรวบรวมสติกลับมาได้ ยังคิดที่จะเข้าไปขวางจุนจิ่วเอาไว้ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบตาเข้าสายตาที่เย็นชาของจุนจิ่ว หลานจูก็ยืนตัวแข็งทื่อ เป็นสายตาที่น่ากลัวและเย็นชามากจริงๆ !
“หลานจู !” เมื่อได้ยินว่ามีคนตะโกนเรียกตนเอง หลานจูก็ตัวสั่น สักพักก็มีเหงื่อเปียกชุ่มไปทั่วแผ่นหลัง
สำหรับการที่ตนเองตกใจกลัวจนเหงื่อแตกเพียงเพราะถูกจุนจิ่วจ้องมองนั้น ทำให้หลานจูไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ยิ่งได้ยินสิ่งที่บรรดาพี่น้องของนางพูดว่า : เมื่อครู่คือศิษย์พี่หยุนหนีจริงๆหรือ ? ทำไมศิษย์พี่หยุนหนีถึงได้แต่งตัวเช่นนั้น !”
พูดง่ายๆ ว่า ดูไม่ได้เลยจริงๆ
“เป็นไปไม่ได้ ! นั่นไม่มีทางใช่ศิษย์พี่หยุนหนีแน่นอน ข้าจะไปหาศิษย์พี่หยุนหนีเพื่อมายืนยันเดี๋ยวนี้” หลานจูไม่ยอมเชื่อง่ายๆ นางพูดจบก็เดินไป รีบไปหาหยุนหนีเพื่อยืนยันว่าคนที่พวกเขาเห็นเมื่อครู่คือคนอื่น
ผู้หญิงที่งดงามชวนให้หลงใหลอย่างศิษย์พี่หยุนหนีจะไปใส่กระโปรงหนังสัตว์ได้อย่างไร ? อีกทั้งยังสกปรกเหมือนกับขอทานอีกด้วย ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน !
ปัง !
เมื่อหยุนหนีกลับเข้าไปถึงในห้อง ก็ยกมือขึ้นทุบโต๊ะไม้จื่อจินหนานที่มีราคาแพงจนแตกเป็นเสี่ยง นางเรียกสาวใช้ให้เข้ามาเตรียมน้ำสำหรับให้นางอาบด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง เมื่อคิดถึงภาพเมื่อครู่ที่ถูกพวกลูกศิษย์เห็นเข้า หยุนหนีก็หน้าบูดเบี้ยว “บ้าจริง !”
นางถูกขังอยู่ในภูเขาหนานโดยไร้เสื้อผ้า ต่อสู้ดินรนมาทั้งวันมิหน้ำซ้ำยังยอมละทิ้งความอายเพื่อออกไปล่าสัตว์ทิพย์ หยุนหนีถือว่าโชคดีอย่างมากที่ในตอนนั้นภูเขาหนานไม่มีคน ไม่เช่นนั้นนางคงจะถูกมองจนทะลุปรุโปร่งไปแล้ว จากนั้นต้องทนฝืนกับกลิ่นเหม็นเพื่อลอกเอาหนังสัตว์มาห่อหุ้มร่างกาย หยุนจิ่นทนฝืนกับความรู้สึกคลื่นไส้มาตลอดทาง ตอนกลางวันไม่กล้าออกมา จะแอบออกมาอย่างเร่งรีบในตอนกลางคืน
เมื่อเห็นสำนักไท่ชูที่ตั้งอยู่ที่ตีนเขาตรงหน้า หยุนหนีก็อดไม่ได้ที่จะรีบมุ่งตรงกลับมาโดยเร็ว แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่า หน้าเขาที่ปกติแล้วไม่ค่อยมีคน วันนี้กลับมีคนมารวมตัวกันมากมาย มิหนำซ้ำนางยังถูกเห็นเข้าอีกด้วย !
หยุนจิ่นตัดสินใจว่า ยังไงเสียนางก็ไม่มีทางยอมรับว่าเป็นนางได้ ! ไม่มีทาง !
เมื่อลงไปแช่ตัวในอ่าง นางก็ถูตัวอย่างรุนแรงถึงเจ็ดครั้ง อาบจนผหนังแทบจะถลอกออกมาหยุนหนีจึงยอมหยุด เมื่อได้ยินว่าหลานจูขอเข้าพบ หยุนหนีก็รีบปฏิเสธทันทีแล้วบอกว่าตนเองกำลังเก็บตัวอยู่ ไม่มีเวลารับแขก ต้องการอาศัยให้หลานจูเป็นผู้ไปปล่อยข่าว เพื่อเป็นการปฏิเสธว่าขอทานที่สวมกระโปรงหนังสัตว์คนนั้นไม่ใช่นาง แต่ตอนเกิดเรื่องมีคนมากมายขนาดนั้น ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่หยุนหนีสามารถควบคุมได้
นางไปพบผู้อาวุโสใหญ่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง หยุนหนีฝืนยิ้มแข็งทื่อ “ท่านปู่ ข้ากลับมาแล้ว”
“หยุนจิ่นเจ้าแพ้แล้ว จุนจิ่วกับชิงหยู่สามารถผ่านการแข่งขันลูกศิษย์มาได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังได้เข้ามาชั้นในสำนักแล้วด้วย” ผู้อาวุโสใหญ่เอามือไขว้หลัง หันหลังให้กับหยุนหนีจึงมองไม่เห็นสีหน้าอาการ แต่เมื่อได้ยินเสียงที่ทุ้มต่ำของเขาก็คิดว่าคงจะโกรธแล้ว
หยุนหนีได้ยินก็รู้สึกประหลาดใจ “เป็นไปได้อย่างไร ?” พวกเขากลับมาทันการแข่งขันหรือ ?
เป็นไปไม่ได้ ! ต่อให้จุนจิ่วและชิงหยู่จะรีบกลับมาขณะที่นางถูกสัตว์ทิพย์กักขังเอาไว้ พวกเขาก็ไม่น่าจะกลับมาทัน อย่างเร็วที่สุด การแข่งขันลูกศิษย์ก็น่าจะจบลงแล้ว พวกเขาไม่น่าจะมีโอกาส
เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสใหญ่พูด ใบหน้าก็หยุนหนีก็มืดหม่นราวกับก้นหม้อทันที มู่จิ่งหยวนยอมละเมิดกฎเพื่อพวกเขา ! หยุนหนีไม่เข้าใจ “ศิษย์พี่มู่ทำตัวเป็นมิตรกับจุนจิ่วและชิงหยู่มาโดยตลอด ถึงขนาดยื่นมือไปช่วยพวกเขาด้วยตัวเอง เป็นเพราะอะไรกัน ? หรือศิษย์พี่มู่จะรู้ว่าในมือของจุนจิ่วมีของล้ำค่าอยู่ ?”
“เป็นไปไม่ได้ คนเดียวที่รู้ว่าจุนจิ่วมีของล้ำค่าอยู่ในมือ มีเพียงแค่ข้าเทียงฉิวคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้พวกจุนจิ่วเข้ามาชั้นในสำนักแล้ว แผนการของพวกเราก็จะต้องเปลี่ยนแปลงสักหน่อย แต่หยุนหนี แต่เจ้ายังคงต้องพยายามตีสนิทกับจุนจิ่วให้ได้ ใกล้ชิดนางให้ได้ ถ้าทำให้นางเชื่อใจและเข้าหาเจ้าได้จะเป็นการดีที่สุด !”
“ค่ะ” หยุนจิ่นฝืนใจรับปากอย่างไม่เต็มใจนัก
ตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าเสื้อผ้าถูกเสี่ยวอู่ขีดข่วนจนขาด หยุนหนีรู้สึกแค่เพียงว่าจุนจิ่วนั้นชั่วร้ายเกินไป ทุกครั้งที่ปะทะกับนางก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ร่ำไป ถึงขนาดทำให้ตนเองต้องอับอายขายหน้า สูญเสียชื่อเสียง
ผู้อาวุโสใหญ่ : “หยุนหนี ปู่ตั้งใจจะรับจุนจิ่วเข้ามาอยู่ในชั้นสอง ถ้าหากเป็นไปได้นางก็อาจกลายเป็นศิษย์น้องของเจ้า”
“อะไรนะ ?” ท่านปู่ ท่านจะรับนางเป็นศิษย์หรือ !” หยุนหนีตกใจ
“ถูกต้องแล้ว บนตัวของจุนจิ่วไม่เพียงแต่มีของล้ำค่าที่คุณหนูหงยิงและครูใหญ่สำนักเทียนซูต้องการเท่านั้น แต่ยังมีของที่ปู่ต้องการอีกด้วย” ผู้อาวุโสใหญ่หันหลังกลับมา บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความละโมบ แววตาแอบแฝงไปด้วยความชั่วร้าย
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ไปดูการแข่งขันลูกศิษย์ด้วยตนเอง แต่เขาก็ได้ยินมาจากสายของเขา จุนจิ่วและชิงหยู่ต่อสู้กับพวกลูกศิษย์ ใช้เท้าเตะกระเด็นออกไปทุกทิศทุกทาง วิชาที่ใช้คือวิชาฝึกตนขั้นสูงสุดของสำนักเทียนอู่จง !
หยุนหนีได้ยินก็ยังคงไม่เข้าใจ “แล้วมันเป็นยังไง ?”
“หยุนหนี เจ้ารู้ว่าปู่พยายามที่จะฝึกวิทยายุทธส่วนหนึ่งมาตลอด แต่ก็ไม่ก้าวหน้าสักที” เมื่อหยุนหนีได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสใหญ่พูด ก็ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจทันที วิทยายุทธที่ท่านปู่พยายามฝึกฝน คงจะไม่วิชาฝึกตนนี่หรอกนะ ?
“เจ้าเดาถูกแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้า “อย่าคิดว่าสำนักเทียนอู่จงเป็นเพียงแค่สำนักเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกล แต่วิชาฝึกตนนี้ถือเป็นวิทยายุทธขั้นสูงสุด ถึงขั้นที่ผู้ที่สร้างวิทยายุทธนี้ขึ้นมาคือราชาทิพย์ผู้ยิ่งใหญ่ การฝึกฝนของปู่ชะงักอยู่ที่นักจิตใหญ่ชั้นหกนานแล้ว วิชาฝึกตนนี้เป็นโอกาสเพียงอย่างเดียวของปู่”
“แต่วิชาฝึกตนนี้สามารถฝึกได้แค่เพียงร่างกาย ไม่ใช่ฝึกพลังทิพย์”
“ผิดแล้ว สามขั้นแรกของวิชาฝึกตนคือฝึกเส้นเอ็นและกระดูก ส่วนขั้นที่สี่เป็นต้นไป จะมีแค่นักจิตใหญ่เท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้ แต่เมื่อไม่มีวิชาจิต ก็ลำบากสักหน่อย ถ้าหากปู่มีวิชาจิตแล้ว ก็จะสามารถบรรลุไปได้อีกไกล ถึงขนาดว่าถ้าหากสามารถฝึกฝนวิชาฝึกตนชั้นสี่ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ก็มีความหวังที่จะมีโอกาสไปถึงดินแดนของราชาทิพย์ได้” ผู้อาวุโสใหญ่พูด
หยุนหนีตกตะลึง วิชาฝึกตนเล็กๆ เช่นนี้ ร้ายกาจขนาดนั้นเชียวหรือ ? แต่หลังจากที่ตกใจ หยุนหนีก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา หากความสามารถของผู้อาวุโสใหญ่พัฒนาไปอีกขั้น ตำแหน่งของนางก็จะได้ถูกยกระดับขึ้นด้วยเช่นกนั อีกทั้งถ้าหากนางสามารถฝึกวิชาได้ด้วยล่ะก็ นางก็อาจจะมีโอกาสได้เจอกับราชาทิพย์ด้วย
ผู้อาวุโสใหญ่ : “หยุนหนี เจ้าจะต้องหลอกเอาวิชาจิตของสำนักเทียนอู่จงออกมาให้ได้ มีแค่วิชาจิตเท่านั้น ที่จะสามารถทำให้วิชาฝึกตนชั้นสี่สำเร็จได้”
“เข้าใจแล้ว ! ท่านปู่วางใจเถอะ หยุนหนีจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะเอาชนะจุนจิ่วให้ได้ เพื่อช่วยให้ท่านปู่ฝ่าฟันไปให้ได้