บทที่ 345 ยังคิดอยากจะยิงนัดเดียวได้นกสองตัว
หยุนหนีได้ยินก็นิ่งอึ้งไป ถามกลับผู้อาวุโสใหญ่อย่างไม่เข้าใจว่า “ท่านปู่ ไปเชิญนักกลั่นยาพิษมาตอนนี้ทำไมกัน ”
“เฟยชิงนักกลั่นยาพิษตอนนี้อยู่ที่ห้องกลั่นยาซานเซิ่ง เจ้าไปเชิญเขาด้วยตัวเอง ไปบอกเฟยชิงว่า ที่ข้ามียาพิษที่ร้ายกาจมากตัวหนึ่ง อยากถามเขาว่ารู้จักหรือไม่”
ผู้อาวุโสใหญ่เร่งหยุนหนี “ทำไมเจ้ายังยืนนั่งอยู่เล่า รีบไปเร็วเข้า”
“ได้ได้”หยุนหนีสีหน้าขาวซีด นางไม่กล้ามองศพของผู้ดูแลหวางที่กองอยู่กับพื้นรีบหันหน้าจากไปอย่างรวดเร็วทันที
เหลือเพียงผู้อาวุโสใหญ่อยู่ในเรือน พยายามอดกลั้นต่อความอยากจะอาเจียน เขาจ้องไปที่ศพของผู้ดูแลหวาง สีหน้าทั้งสยองแล้วก็มีรอยยิ้มประหลาดเกิดขึ้นพร้อมกัน จนกระทั่งหยุนหนีไปเชิญนักกลั่นยาเฟยชิงมาแล้ว จุดประสงค์ของผู้อาวุโสใหญ่จึงได้เปิดเผยออกมา
ผู้อาวุโสใหญ่จ้องไปยังเฟยชิง พูดว่า “นักกลั่นยาพิษ เจ้าลองเข้ามาดูสิว่าพิษในร่างนี้คือพิษอะไร ”
นักกลั่นยาพิษไม่ได้สนใจผู้อาวุโสใหญ่ หยุนหนีมาเรียกเขากะทันหัน เฟยชิงสีหน้าไม่สบอารมณ์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม แต่พอเข้ามาในเรือนแล้วเห็นศพของผู้ดูแลหวาง ดวงตาของเฟยชิงก็เผยประกายระยิบระยับอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ภาพของศพที่เน่าเฟะเหม็นคลุ้งที่อยู่ในสายตานั้น ราวกับสมบัติล้ำค่าชิ้นใหญ่
เฟยชิงเดินเข้าไปกึ่งนั่งลงข้างกองเนื้อเน่าเปื่อย เขาสวมถุงมือแล้วยื่นมือออกไปจับเนื้อที่เน่าเปื่อยขึ้นมา พลางถามผู้อาวุโสใหญ่ว่า “คนคนนี้ตายเมื่อไหร่”
“หนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้“
“ฮึ เหลือเชื่อมาก ชั่วยามเดียว แต่ลักษณะการเน่าเปื่อยเหมือนผ่านไปสองเดือนแล้ว”เฟยชิงพูด
ได้ยินดังนั้นแล้วผู้อาวุโสใหญ่ก็ยิ่งตกใจ เขาพูดต่อว่า “คนคนนี้เป็นผู้ดูแลนอกสำนักของสำนักศึกษาไท่ชู ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วยามพวกข้าเห็นเขาจากคนเป็นๆค่อยๆเน่าเปื่อยจนมีสภาพเช่นนี้ เขาถูกพิษทำให้ตาย นักกลั่นยาพิษเจ้าเป็นถึงนักกลั่นยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสำนักศึกษาทั้งสาม รู้หรือไม่ว่าคือพิษอะไร”
ทั้งตกใจทั้งกลัวทั้งอยากรู้ จิตใจของผู้อาวุโสใหญ่เป็นอย่างนั้นจริงๆ
เขาสยองที่จูนจิ่วสามารถกลั่นยาพิษที่น่ากลัวและร้ายแรงขนาดนี้ได้ เกรงว่าวันหนึ่งจูนจิ่วจะวางยาพิษร้ายแรงนี้กับตัวเขาเอง แล้วก็อยากรู้และโลภที่อยากจะได้ยานี้เป็นของตัวเอง
ยาพิษร้ายแรงขนาดนี้หากได้มาอยู่ในมือแล้วละก็ สายตาของผู้อาวุโสใหญ่มีแววทะเยอทะยานโลภมาก ถ้าเช่นนั้นคงไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขา แม้แต่เจ้าสำนักศึกษาทั้งสามก็คงไม่กล้า และรอให้เขาได้วิชาจิตมา เพื่อฝึกฝนเป็นวิชาฝึกตนระดับสี่ เขาก็จะกลายเป็นที่หนึ่งในสำนักศึกษาทั้งสามแล้ว
แววตายิ่งร้อนรนขึ้น ผู้อาวุโสใหญ่พูดว่า “เป็นอย่างไร พบอะไรบ้างหรือไม่ ”
เฟยชิงเกือบจะพลิกร่างเน่าเปื่อยไปมาครบหนึ่งรอบแล้ว เขาเก็บชิ้นส่วนขึ้นมาไม่น้อยเพื่อเอากลับไปทดลอง ยืนขึ้นมองไปทางผู้อาวุโสใหญ่ เฟยชิงหัวเราะอย่างเย็นชา เขาพูดว่า “พิษนี้ข้าไม่เคยเจอมาก่อน ต้องเป็นพิษชนิดใหม่ที่กลั่นขึ้นมาแน่ๆ ผู้อาวุโสใหญ่บอกข้าได้หรือไม่ว่าพิษนี้ใครเป็นคนวาง”
หยุนหนีชิงตอบก่อน “เป็นหมอเทวดาจูนจิ่ว”
“หมอเทวดาจูนจิ่ว หึข้ารู้จักนาง”หรี่ตาลง เฟยชิงขู่ฟ่อราวกับงูพิษ
ตอนมาถึงสำนักศึกษาไท่ชูแรกๆ เขาก็ได้ยินชื่อเสียงแล้ว มีหมอเทวดาจูนจิ่วคนหนึ่ง วิชากลั่นยานั้นไม่ธรรมดา กระทั่งมีคนบอกว่าเขามีที่นี่ก็เพราะนาง เดิมทีเฟยชิงไม่สนใจสักนิด แต่ตอนนี้เห็นพิษที่ร้ายกาจเช่นนี้ เฟยชิงเปลี่ยนความคิดแล้ว เขาเลียริมฝีปาก ยิ้มอย่างชั่วร้าย“ข้าจะกลับไปศึกษายาพิษนี้ดูดีๆ น้ำใจของผู้อาวุโสใหญ่ข้าเฟยชิงจะจดจำไว้ ”ระหว่างพูด เฟยชิงก็มองไปที่หยุนหนี ประสานสายตากับเขา หยุนหนีสะดุ้งถอยหลังไปสองก้าว
ชื่อของนักกลั่นยาพิษเฟยชิง ทุกคนต่างเคารพทุกคนต่างเกรงกลัว
เขาฆ่าคนเป็นผักปลา ชื่นชอบการใช้ยาพิษทรมานคนเป็นที่สุด โหดเหี้ยมอำมหิต เป็นงูพิษที่ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
เฟยชิงพูดต่อไปว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ต้องการยาทิพย์ใหญ่หนึ่งเม็ด ข้าจะเก็บตัวกลั่นยาดีๆ หลังจากข้ากลั่นเสร็จแล้ว ข้าจะนัดพบกับหมอเทวดาจูนจิ่วคนนั้น ฮ่าๆๆๆ”
ยิ้มอย่างชั่วร้าย บวกกับภาพร่างเน่าเปื่อยสะอิดสะเอียนอยู่เต็มห้อง ไอเย็นพุ่งขึ้นมาทำให้ขนลุกไปทั้งร่าง
สุดท้ายเฟยชิงก็เก็บชิ้นส่วนเน่าเปื่อยทุกอย่างกลับไปด้วย ผู้อาวุโสใหญ่สั่งให้คนเข้ามาเก็บกวาด เขาพาหยุนหนีไปยังห้องสมุดที่อยู่ข้างๆ
ตอนนี้เองหยุนหนีจึงได้ถามคำถามที่คาใจ “ท่านปู่อยากจะให้เฟยชิงมาตรวจสอบยาพิษ แต่เฟยชิงกลับสนใจแต่จูนจิ่ว นางคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเราจะหาเบาะแสของล้ำค่าได้อย่างไร แล้วยังมีวิชาจิตด้วย”
“อย่าใจร้อนไปเลย ทั้งหมดอยู่ในมือของปู่แล้ว นี่เป็นสำนักศึกษาไท่ชู เฟยชิงไม่กล้าจะลงมือกับจูนจิ่วอย่างโจ่งแจ้ง แต่วันนี้ข้าให้เฟยชิงติดหนี้บุญคุณข้าครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้กลั่นยาทิพย์ใหญ่ ให้ข้าได้บรรลุนักจิตใหญ่ ”ผู้อาวุโสใหญ่พูด เขาวางแผนไว้แล้ว นักกลั่นยาพิษเฟยชิงร้ายกาจอำมหิต หากไม่มีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แล้วก็ไม่สามารถเรียกใช้งานเขาได้ นี่มันพิษร้ายแรงที่ไม่เคยพบมาก่อน แน่นอนว่าต้องดึงดูดเฟยชิงและใช้โอกาสนี้กลั่นยาทิพย์ใหญ่ให้ จากนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็มองไปที่หยุนหนี “รอจนเฟยชิงลงมือกับจูนจิ่ว ข้าจะยื่นมือช่วยนางเอง”
หยุนหนี “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านปู่ยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว ทั้งทำให้เฟยชิงกลั่นยาทิพย์ใหญ่ให้เรา แล้วยังสามารถวางกับดักให้กับจูนจิ่วได้ด้วย ภายหน้าหากพวกเรายื่นมือเข้าไปช่วยนางก็จะติดหนี้ชีวิตพวกเรา”
“ถูกต้อง ”ผู้อาวุโสใหญ่ลูบเคราหัวเราะ เมื่อถึงเวลาทวงบุญคุณ มีหรือจะเอาวิชาจิตมาไม่ได้
เพื่อให้แผนการสำเร็จ เขาจะดีกับจูนจิ่วให้มากๆ ใจคนก็สร้างจากเนื้อ ไม่เชื่อว่าจะไม่มีวันใจอ่อนได้ เมื่อได้วิชาจิตมา จากนั้นก็หาเบาะแสของสิ่งล้ำค่า ตอนนั้นจูนจิ่วคงถูกเขาจัดการได้ตามใจ
ผู้อาวุโสใหญ่หรี่ตา เขาเอ่ยว่า “หยุนหนี เดี๋ยวเจ้าเข้าไปเลือกของล้ำค่าในคลังเก็บของปู่แล้วส่งไปให้จูนจิ่ว ไม่ต้องมีค่ามากมายนัก ทางที่ดีคือเอาสิ่งที่นางจำเป็นต้องใช้ตอนนี้ดีที่สุด”
“สูตรยาดีหรือไม่ ท่านปู่ตอนแรกพวกเราต้องการเอาใจเฟยชิง ได้รวบรวมสูตรยาไว้หลายสูตร”หยุนหนีพูด
“ดี เจ้าไปเลือกสูตรยาสองสูตรแล้วก็หินทิพย์อะไรพวกนี้ด้วย ใช่แล้ว ต้องส่งไปให้จูนจิ่วด้วยความเอิกเกริกยิ่งใหญ่ คนรับรู้ยิ่งมากก็ยิ่งดี”หยุนหนีไม่เข้าใจว่าคำพูดสุดท้ายของผู้อาวุโสใหญ่หมายความว่าไง แต่นางก็พยักหน้ารับว่าเข้าใจแล้ว
……
ในสำนักศึกษาไท่ชู ตั้งแต่จูนจิ่วกับชิงหยู่เข้าสู่สำนักศึกษา มีคนจำนวนไม่น้อยคอยจ้องมองพวกเขา ยื่นคอยาวเพื่อจับตาดู
จนบัดนี้ที่หยุนหนีส่งของล้ำค่ามาให้กับจูนจิ่ว ราวกับพายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำเพียงช่วงเวลาสั้นๆหนึ่งก้านธูปก็รู้กันทั่วทั้งสำนักศึกษา ทุกคนต่างอิจฉา ริษยาและเต็มไปด้วยความเป็นศัตรู แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร ก็ไม่กระทบต่อจูนจิ่วแม้แต่น้อย
หลังจากสงบสุขได้สองวัน จูนจิ่วกับชิงหยู่ก็ออกเดินทางไปที่ห้องสมุดของสำนักศึกษาไท่ชูพร้อมกัน
ในมือมีป้ายคำสั่ง ทั้งสองเข้าสู่ห้องสมุดได้อย่างง่ายดาย เงยหน้าขึ้นมอง ห้องสมุดภายในทั้งหมดแบ่งออกเป็นชั้นนอกกับชั้นใน ชั้นนอกนั้นไม่จำกัดจำนวนครั้ง ลูกศิษย์ทุกคนต่างก็เข้าไปค้นอ่านได้ แต่ชั้นใน เจดีย์สูงเจ็ดชั้นนั้นมีเพียงเจ้าสำนักหรือเหล่าผู้อาวุโสเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาต จึงจะสามารถเข้าไปได้
จูนจิ่วกับชิงหยู่ผ่านการแข่งขันลูกศิษย์ มีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะเข้าไปได้
ลูกศิษย์ที่อยู่ในห้องสมุดชั้นนอกนั้นมีไม่น้อย พวกเขาคอยจดจ้องพวกจูนจิ่วอยู่ ความอิจฉาเอ่อล้นออกจากดวงตา ชิงหยู่กวาดตามองแล้วเยาะว่า“มีแค่คนไร้ประโยชน์เท่านั้นที่จะอิจฉา”