คนหนีไปได้หรือ”น้ำเสียงที่ส่งมาอ่อนเบาดุจงูพิษขู่ฟ่อ แฝงแววชั่วร้าย
สีหน้าของซิงโล่เฉินเคร่งขรึมน่ากลัว เขาเหลือบมองคนที่มาใหม่ “นักกลั่นยาพิษเฟยชิง เจ้ามาทำอะไร”
นักกลั่นยาพิษเฟยชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน พูดว่า “ข้าได้ยินว่าจูนจิ่วเข้าเมืองมาแล้ว จึงมาดูโดยเฉพาะ แต่คิดไม่ถึงว่า มีเจ้าอยู่แต่จูนจิ่วยังหนีไปได้ ช่างโชคดีจริงๆ”
“หึ”คำรามในลำคอหนักๆ ใบหน้าของซิงโล่เฉินไม่น่าดูเอาซะเลย
หนีออกไปแล้ว ตั้งแต่เกิดมาครั้งนี้เป็นความอับอายที่เขายากจะยอมรับได้ ไม่เคยมีใครเคยหนีรอดเงื้อมมือของเขา ไม่เคยมี
แววตาของซิงโล่เฉินน่ากลัว เขาพูดว่า “ถูกต้อง จูนจิ่วก็แค่โชคดีในครั้งนี้ ครั้งหน้าแม้จะมีเทพต้าหลอคอยช่วยนาง ก็อย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้ เฟยชิง ถ้าเจ้าจะมาเพื่อหัวเราะเยาะข้าละก็ เจ้าไสหัวไปได้แล้ว ”
“ไม่ ข้ามาช่วยท่านต่างหาก”เฟยชิงพูด
เมื่อได้ยิน ซิงโล่เฉินก็มองเขาแวบหนึ่ง เฟยชิงพูดต่อว่า “อาการบาดเจ็บของหยุนหนีดีขึ้นมากแล้ว แต่เส้นเสียงนางถูกทำลายแล้ว ร่องรอยบนคอก็ไม่สามารถเลือนหายไปได้ แต่ข้าคิดว่าพวกท่านคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ อ๊ะ นางกินพิษกู่ของข้าไปแล้ว จะเชื่อฟังอย่างดี”
ซิงโล่เฉินไม่สนใจความเป็นความตายของหยุนหนีเลยสักนิด ที่เขาสนใจมีเพียงคำนั้นคำเดียว หยุนหนีจะเชื่อฟังคำสั่งอย่างดี
เหลือบมองนักกลั่นยาพิษเฟยชิงอย่างดูถูกและอวดดี ซิงโล่เฉินพูดว่า “วิชาฝึกตนชั้นที่สี่เล่า”
“ที่ข้าบอกจะช่วยท่านก็คือเรื่องนี้”เฟยชิงหยิบเอาหนังสือเล่มบางๆเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ซิงโล่เฉินรับไปเปิดดู เลิกคิ้วยิ้มเย็น “นี่คือของที่ผู้อาวุโสใหญ่ทรยศเทียงฉิว และอยากได้มาครอบครองหรือ ”
เฟยชิงส่ายหน้า เขาบอกกับซิงโล่เฉิน ที่ผู้อาวุโสใหญ่ต้องการคือวิชาจิต ไม่มีวิชาจิต ก็ไม่สามารถฝึกฝนวิชาฝึกตนได้
เฟยชิงพูดต่อเนื่องไปว่า “แต่นี่คือสิ่งที่พวกจูนจิ่วต้องการ เจ้าสามารถเพิ่มหมากในกระดานได้อีกหนึ่ง ปล่อยข่าวของวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ออกไป เชื่อว่าพวกจูนจิ่วแม้จะมีความอดทนมากแค่ไหน แต่ก็คงนั่งไม่ติดที่แน่ ”
สำนักศึกษาทั้งสามไล่ฆ่า จูนจิ่วพวกเขาสามารถหลบซ่อนได้
แต่ถ้าหาก คนของเทียนอู่จงถูกจับ บวกกับวิชาฝึกตนชั้นที่สี่อยู่ในมือพวกเขา จูนจิ่วยังจะซ่อนต่อไปอยู่หรือ แม้ว่านางจะทำได้ คนที่เป็นถึงเจ้าสำนักเทียนอู่จงอย่าชิงหยู่คงทำไม่ได้ ขอแค่พวกเขาเผยตัวตนออกมาเพียงนิดเดียว เทียงฉิวก็จะจับพวกเขาได้
พยักหน้า ซิงโล่เฉินเก็บหนังสือไว้เรียบร้อย ไอเย็นรอบตัวเขาน่าเกรงกลัว แววตาดุร้าย
“จูนจิ่ว”
นังคนชั้นต่ำที่ทำให้เขาได้ลิ้มรสความล้มเหลวเป็นครั้งแรก เขาซิงโล่เฉินของสาบานว่า ต้องจับนางให้ได้ จะทำให้นางอยู่ก็ไม่ได้ตายก็ไม่ได้
ทั้งสองที่สนทนากันอยู่ไม่รู้เลยว่า บนกำแพงเมืองมีจิ้งจอกจักรกลตัวเล็กๆเกาะอยู่ มันซ่อนตัวในที่ลับ ฟังพวกเขาคุยกันได้อย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ มองพวกเขาไม่คุยกันอีกแล้ว จิ้งจอกจักรกลจึงกระโดดวิ่งไปทางนอกเมืองไท่ชู
……
เสี่ยวหยิ่งบอกกับจูนจิ่วทุกคำไม่ตกหล่น สุดท้ายก็ถามนางว่า “จะทำอย่างไรดี”ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ผลักให้จูนจิ่วต้องจนตรอกไม่ต่อไม่ได้ ข้างหน้ามีสำนักศึกษาทั้งสามคอยไล่ฆ่า ข้างหลังมีเทียงฉิวไล่จับแล้วยังเอาวิชาฝึกตนชั้นที่สี่มาข่มขู่ ปัญหาทับถมกันเข้ามา จูนจิ่วจะทำเช่นไร
ชิงหยู่ขมวดคิ้วแน่น ”ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้ววิชาฝึกตนชั้นที่สี่จะตกอยู่ในมือพวกเทียงฉิว น่าโมโหจริงๆ”
อยู่ในมือผู้อาวุโสใหญ่ พวกเขายังพอเอากลับมาได้ แต่เทียงฉิว ยากเกินไป
“พวกเจ้าไม่เป็นห่วงสำนักเทียนอู่จงหรือ”เสี่ยวหยิ่งถามสิ่งที่ตนสงสัย ตอนนี้เทียงฉิวได้ส่งคนไปจับญาติพี่น้องผองเพื่อนของพวกเขาที่สองสำนักสิบแคว้นแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้คงเต้นเร่าเป็นมดบนกระทะร้อน แต่จูนจิ่วกับชิงหยู่กับนิ่งเฉยมาก
“พวกเขาจับพวกผู้อาวุโสเหอไม่ได้หรอก สำนักเทียนอู่จงไม่มีปัญหา แต่วิชาฝึกตนชั้นที่สี่ ”ชิงหยู่กำหมัดแน่น
นี่คือเพลงวิทยายุทธที่เขา กับศิษย์น้องต้องการฝึกฝน
ตอนนี้ ที่นี่มีพวกเขาแค่สามคน ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินมา ทำให้จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ใช่พวกฝู้หลินจ้าน แต่เป็นโม่อู๋เยว่ พอเห็นโม่อู๋เยว่ เสี่ยวหยิ่งก็กระโจนเข้าไปอยู่ในแขนเสื้อของชิงหยู่ทันที แอบจ้องมองเขาอย่างลับๆ
จูนจิ่วเลิกคิ้ว “อู๋เยว่”
“วิชาฝึกตนชั้นที่สี่ไม่ใช่ปัญหา ”โม่อู๋เยว่ไปหยุดอยู่หน้าจูนจิ่ว เขายิ้ม ชั่วร้ายมีเลศนัย
จูนจิ่วกะพริบตาไม่พูดอะไร ชิงหยู่กลับควบคุมไม่ได้รีบถามออกไป“ผู้อาวุโสโม่นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร หรือว่าท่านมีวิธีที่จะแย่งวิชาฝึกตนชั้นสี่กลับมา ”
“ไม่ต้องไปแย่ง วิชาฝึกตนชั้นที่สี่ที่พวกเจ้าต้องการอยู่นี่แล้ว”ระหว่างพูด ปลายนิ้วของโม่อู๋เยว่ก็มีลำแสงสองสายบินเข้าไปในระหว่างคิ้วของชิงหยู่กับจูนจิ่ว ด้วยความเชื่อใจที่มีต่อโม่อู๋เยว่ ทั้งสองต่างก็ไม่หลบ
ชั่วขณะที่ลำแสงซึมเข้าไประหว่างคิ้ว ในสมองก็มีบางสิ่งเพิ่มขึ้นมา
จูนจิ่วอ่านอย่างละเอียด เลิกคิ้วสายตาเผยแววประหลาดใจ ชิงหยู่ดีใจจนพูดออกมาว่า “นี่มันวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ไม่ผิดแน่”
“อู๋เยว่ ท่านเอาวิชาฝึกตนชั้นที่สี่มาได้อย่างไร”จูนจิ่วมองโม่อู๋เยว่ ประหลาดใจไม่หาย
“ข้าเสียเวลาไปนิดหน่อย ค้นหามาจากวิญญาณของผู้อาวุโสใหญ่ เทียงฉิว เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูได้วิชาฝึกตนชั้นที่สี่ไปก็ไม่เป็นไร พวกเขาไม่มีวิชาจิตก็ฝึกฝนไม่ได้ ตอนนี้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าก็มีแล้ว ไม่ต้องถูกเขาข่มขู่อีก “
โม่อู๋เยว่บอกจูนจิ่ว วันนั้นเขาจับวิญญาณของผู้อาวุโสใหญ่ไป ทำการตรวจค้นดวงวิญญาณ ได้หาวิชาฝึกตนชั้นที่สี่มาจากความทรงจำของวิญญาณผู้อาวุโสใหญ่ และได้ทำการเปรียบเทียบเพื่อให้แน่ใจ แล้วจึงเอาออกมามอบให้นาง
แววตามีแสงวาบผ่าน จูนจิ่วยิ้ม “ตอนนี้เทียงฉิวไม่มีข้อได้เปรียบแล้ว”
“แล้วพวกเราจะกลัวพวกเขาทำไม คิดวิธีไปพบกับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู ก็จะสามารถคลี่คลายทุกสิ่งได้ ”ชิงหยู่พูด
“พวกเราไม่สามารถไปพบเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูได้”จูนจิ่วส่ายหน้าปฏิเสธ นางพูดว่า “หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวจับตาเมืองไท่ชูเอาไว้ ยังมีซิงโล่เฉินก็อยู่ที่นั่น พวกเราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายเข้าไป อีกอย่างมีพวกเขาอยู่ คงทวงคืนความบริสุทธิ์ของพวกเราได้ยากมาก ”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรกันดี ศิษย์น้องข้าล้วนฟังเจ้าทั้งนั้น ”
“ไปจื่อเซียว ”จูนจิ่วทำการตัดสินใจ
ไปพบกับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูโดยตรงนั้นเป็นไปไม่ได้ ไม่สู้ใช้ทางอ้อมเป็นสำนักศึกษาจื่อเซียว แม้ว่าในสำนักศึกษาจื่อเซียวจะมีสายลับของเทียงฉิว ก็ไม่เป็นไร เทียงฉิวคิดว่าจับจุดอ่อนพวกเขาได้แล้วจะสามารถข่มขู่พวกเขาได้ สุดท้ายก็ไม่มีประโยชน์อะไร
จูนจิ่วจะไม่เปิดเผยให้รู้ ก็ให้เทียงฉิวคิดเองเออเองไปก่อน นางจะวางแผนอย่างลับๆ
ครั้งนี้ นอกจากจะคืนความบริสุทธิ์ให้ตัวเองแล้ว ยังจะให้เทียงฉิว “ประหลาดใจ”
ตอนไม่ลงมือก็ดูปกติ แต่ถ้าได้ลงมือแล้วต้องสั่นสะท้านขนานใหญ่
มุมปากเผยรอยยิ้มมีเสน่ห์ โม่อู่เยว่จ้องจูนจิ่วแล้วพูดว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะโต้กลับแล้วหรือ”
“ถูกต้อง เทียงฉิวลอยหน้าลอยตามานานแล้ว ถึงเวลาให้พวกเขาได้ตีลังกากลับหัวกันแล้ว ”หยุดไปชั่วครู่ แววตาของจูนจิ่วเยือกเย็นกระหายเลือด เย็มเย็น “นี่แค่เป็นการเริ่มต้นเดินเข้าสู่ความพินาศของพวกเขาเท่านั้น ”
ศัตรูคู่อาฆาต เช่นนั้นต้องถอนรากถอนโคน ไม่เช่นนั้นจะเป็นเสี้ยนหนามคอยตำใจ
พยักหน้า โม่อู๋เยว่น้ำเสียงหลงใหลเอ็นดู “ดี ”ทำให้เต็มที่ ทุกสิ่งมีเขาคอยช่วยเหลืออยู่
จูนจิ่วกลับเข้าไปในรอยแยกของหุบเขา หลังจากบอกการตัดสินใจของตัวเองกับฝู้หลินจ้านและฝู้หลินซวงแล้ว ฝู้หลินจ้านดีใจเป็นที่สุด รีบช่วยชิงหยู่พามู่จิ่งหยวนออกเดินทางทันที