บนศีรษะของพวกเขาต่างมีผ้าคลุมคลุมอยู่ มองไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่มองจากรูปร่างแล้ว มีทั้งชายและหญิง
ซิงโล่เฉินกับหงยิงเดินอยู่ข้างหน้าสุด สายตากวาดมองเหล่าลูกศิษย์ของเทียนอู่จงพวกนั้น มุมปากก็เผยรอยยิ้มชั่วร้าย ซิงโล่เฉินเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าล้วนบริสุทธิ์ ตอนนี้ก็ให้อาจารย์อาแห่งสำนักศึกษาเทียนอู่จงของพวกเจ้ามาปล่อยพวกเจ้าด้วยตนเอง”
กลุ่มคนที่คุกเข่าอยู่ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่พวกเขาก็ได้แต่อู้อี้ เห็นทีปากของพวกเขาก็คงถูกอุดเอาไว้ด้วย
จูนจิ่วมองไปทางซิงโล่เฉินกับหงยิงอย่างมีความหมายลึกๆ หงยิงจ้องนางเขม็งพร้อมเร่งเร้า “จูนจิ่วเจ้ายังยืนบื้ออยู่ทำไม ลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงพวกนี้ถูกจับมาเพราะเจ้า สมควรที่เจ้าจะเป็นคนปล่อยพวกเขาเป็นอิสระด้วยตนเอง”
คำพูดของหงยิงฟังเผินๆเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ถ้าฟังอย่างตั้งใจจะฟังออกมามีอะไรไม่ชอบมาพากล ชิงหยู่ระแวง เขาเดินขึ้นไปข้างหน้าและพูดว่า “ข้าเป็นเจ้าสำนักเทียนอู่จง ข้าต่างหากที่สมควรไป”
“ศิษย์พี่ ”จูนจิ่วรั้งชิงหยู่เอาไว้ นางไม่ได้อธิบาย เพียงแต่สายตามองไปทางเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู ซิงโล่เฉินและหงยิง และยังมีพวกลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงอย่างใช้ความคิดอยู่หลายรอบ
หงยิงยิ้มเย็น ทำให้เกิดความกลัว
หลังจากผ่านการสอบสวนในตำหนักใหญ่ ไม่มีใครกล้าดูถูกจูนจิ่วอีก
นางไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด ถูกด่าทอด้วยคำหยาบคาย ก็ไม่เคยตื่นตระหนกหรือขมวดคิ้ว ความคับข้องใจที่สะสมมานานก็ถูกชะล้างไปจนสิ้น ได้รับความบริสุทธิ์กลับคืนก็ไม่ได้ดีใจจนหลงระเริง นางช่างสงบยิ่งนัก ฉลาดยิ่งนัก หรือบางทีจะพูดว่านางช่างร้ายกาจยิ่งนัก
บุรุษกับสาวงามของสำนักศึกษาทั้งสามต่างก็อยู่ที่นี่แล้ว แต่ทั้งหมดก็ถูกจูนจิ่วเปรียบเทียบจนต่ำลงไป แม้แต่ซิงโล่เฉินกับหงยิงที่ว่าโหดเหี้ยมที่สุด ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกตบหน้า
เห็นจูนจิ่วไม่ขยับ พวกเขาก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไร ต่างก็แอบมองว่าจูนจิ่วจะทำอะไรกันแน่อย่างเงียบๆ รู้สึกไม่เข้าใจ ทำไมแค่การไปช่วยลูกศิษย์ของสำนักตัวเอง จึงได้เปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นหลายส่วน บรรยากาศคาดคั้นเหลือเกิน
เจ้าสำนักศึกษาเทียซูแววตาชั่วร้าย จูนจิ่วไม่มีทางรู้เด็ดขาด
ซิงโล่เฉินคิด แม้ว่าจูนจิ่วจะดูออกว่าคนพวกนี้คือตัวปลอม ปลอมแล้วอย่างไร มีคนยี่สิบกว่าคน นางคงไม่สามารถยืนยันด้วยการมองแวบเดียว อย่างไรก็ต้องแยกแยะกับตาตัวเอง ดึงเอาหมวกที่ปิดบังใบหน้าออกแล้วมองหน้าทีละคน
ขอเพียงจูนจิ่วเดินเข้าไป พวกเขาก็จะไม่แพ้ หงยิงควบคุมสีหน้าของตัวเอง แต่ในใจกลับรออย่างตื่นเต้น
นี่คือไม้ตายสุดท้ายของพวกเขาแล้ว
ลูกศิษย์ที่แท้จริงของสำนักเทียนอู่จงนั้นจับตัวไม่ได้ คนพวกนี้ล้วนเป็นหน่วยกล้าตายที่ดีที่สุดของเทียงฉิว ฝีมือสูงส่ง ลงมือโหดเหี้ยม รวดเร็วฉับไว ขอเพียงจูนจิ่วเข้าใกล้ เชือกที่ผูกพวกเขานั้นล้วนเป็นปมง่ายๆที่เลื่อนหลุดได้ ดิ้นรนจากพันธนาการได้ง่ายดายมาก อีกทั้งบนร่างของพวกเขายังพกเอายาสลบของนักกลั่นยาพิษเฟยชิงมาด้วย
ขอเพียงจูนจิ่วเข้าใกล้ ต่างก็กรูกันขึ้นมาไม่เชื่อว่าจะทำร้ายจูนจิ่วไม่ได้ ทำให้นางสลบก่อน จากนางก็รีบพานางหนี รอให้ออกจากสำนักศึกษาจื่อเซียวแล้ว ก็สลับสับเปลี่ยนตัวใช้ตัวปลอมเพื่อปิดบังเรื่องจริง ส่วนพวกเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู พวกเขาจะขัดขวางไว้เอง
เมื่อพวกเขาพุ่งออกไปหาจูนจิ่วที่บาดเจ็บเจียนตาย คงได้แต่เป็นห่วงเรื่องรักษานาง แต่อย่างไรก็คงจะรักษาไม่หาย และถึงแม้จะรักษาให้หายได้รอให้จูนจิ่วลืมตาตื่นขึ้นมาก็จะพบว่าเป็นตัวปลอม ถึงเวลานั้น พวกเขาก็ได้ทำการทรมาน เพื่อเค้นถามเบาะแสของสิ่งล้ำค่า
ขอเพียงจับตัวจูนจิ่วได้ ที่ถูกตบหน้าก่อนหน้าที่ ความล้มเหลวทั้งหมดล้วนไม่นับว่าไม่เท่าไหร่
หงยิงเร่งเร้าขึ้นอีกครั้ง “จูนจิ่วเจ้ายังยืนนิ่งอยู่ทำไม เจ้าไม่อยากช่วยพวกเขาหรือ หรือว่าเจ้ากลัวว่าพวกเขาคือตัวปลอม เช่นนั้นเจ้าก็ไปดูด้วยตาตนเอง หากเจ้าไม่อยากจะยอมรับ คิดว่าพวกเขาเป็นตัวปลอม เช่นนั้นข้าจะฆ่าพวกเขาซะ”
ไม่รู้ว่าหงยิงไปเอาธนูมาจากไหน ยิ้มอำมหิตจ้องไปยังคนกลุ่มนั้น นางไม่รังเกียจเลยที่จะใช้ยาแรงกับจูนจิ่ว
นางไม่เชื่อ ว่าจูนจิ่วจะไม่ตกหลุมพรางของพวกเขา
ในที่สุด จูนจิ่วก็ขยับตัว หงยิงกำลังตื่นเต้นดีใจ ในใจกำลังนับถอยหลังและนับก้าวที่จูนจิ่วเดินเข้าไป สุดท้ายนางเห็นจูนจิ่วเดินมาทางนาง หงยิงร่างแข็งทื่อ หรือว่านางจะทำเรื่องแดงแล้ว
จูนจิ่วยืนตรงหน้านาง ยื่นมือออกไป “ข้าจะไปดู เอาธนูมา”
หงยิงอ้าปากจะปฏิเสธ แต่พอเงยหน้าประสานสายตากับจูนจิ่ว หงยิงก็อดไม่ได้ที่จะตกอยู่ในภวังค์ชั่วครู่ เดิมทีนางก็ยังคงบาดเจ็บสาหัสอยู่ ยังไม่ดีขึ้นทั้งหมด พลังในการควบคุมตนเองอยู่ในช่วงที่เปราะบางที่สุด แม้จะแค้นจูนจิ่วแค่ไหน พอปะทะกับความกดดันด้วยพลังจิตของจูนจิ่ว การป้องกันก็พังทลาย
ซิงโล่เฉินรู้สึกไม่ชอบมาพากล เปิดปากคิดจะหยุดยั้ง แต่ว่าหงยิงได้เอาธนูให้กับจูนจิ่วก่อนแล้ว
เห็นดังนี้ ซิงโล่เฉินได้แต่ขมวดคิ้วประสานสายตากับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู น่าจะเป็นเพราะว่าพวกเขาตื่นเต้นเกินไป จูนจิ่วคงจะกลัวว่าหงยังจะฆ่าพวกเขา ฉะนั้นจึงได้เอาธนูไปเพื่อเป็นการป้องกัน เพิ่งจะคิดได้ถึงตรงนี้ ก็เห็นท่าทีของจูนจิ่ว นัยน์ตาของพวกเขาหดเกร็ง
ดึงสายยิงธนู ฟิ้ว
ธนูแหวกผ่านอากาศ ดอกเดียวทะลุใจ ทุกคนต่างมองอย่างตะลึง อ้าปากตาค้าง
จูนจิ่ว “ปลอม”
อะไรนะ เจ้าไม่มองเลยสักนิด ก็บอกว่าปลอมแล้ว
ทุกคนต่างมองกันอย่างมึนงง แล้วได้ยินเสียงธนูแหวกอากาศดังขึ้นอีก ลูกศิษย์ของเทียนอู่จงที่คุกเข่าอยู่ด้วยกันได้ยินเสียงธนู ต่างก็ตื่นตระหนกตกใจจนเบียดตัวรวมกันเป็นก้อน ปรากฏว่านี่ทำให้จูนจิ่วพอใจมาก สามารถยิงนัดเดียวได้นกสองตัว ดอกหนึ่งทะลุคอ ทำให้สองคนเสียบอยู่กับธนูดอกเดียว
ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว
จูนจิ่วไม่แม้แต่จะกะพริบตา ธนูบินออกไปนับไม่ถ้วน ทุกดอกตรงเข้าเป้า ยิงกี่ดอกก็เข้ากี่ดอก ทำให้เลือดสาดกระจาย ร่างไร้วิญญาณล้มทับกันบนพื้น
ทั้งลานกว้าง ไร้เสียงนกกา
ไม่เหลือสักชีวิตเดียว จูนจิ่วจึงเก็บธนู นางเปิดปากเอ่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือกและกระหายเลือด ราวกับจะดึงคนให้เข้าไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็งเพื่อแช่แข็ง
นางพูดว่า “ปลอมทั้งสิ้น ของลอกเลียนแบบไม่จำเป็นต้องให้สำนักศึกษาเทียนซูมาจัดการ ข้าจัดการเองได้ หวังว่าครั้งหน้าพวกท่านจะเบิกตาให้กว้างขึ้นอีกนิด อย่าบอดสนิทเช่นนี้อีก พวกมีตำหนิขนาดนี้ยังจะนับเอามาคุยว่าเป็นของดี เสียดายเวลาเสียดายทรัพยากร ”
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูหน้าเขียวคล้ำ นี่มันเป็นการด่าว่าแผนที่เขาวางไว้ ล้วนสิ้นเปลืองเวลาเปล่าๆทางอ้อม
เพี๊ยะๆๆ ซิงโล่เฉินกับหงยิงถูกตบหน้าอีกครั้ง ถูกตบจนทั้งสองคนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่นาน แพ้อีกแล้ว ทำไมจึงแพ้อีกแล้ว จูนจิ่วดูออกได้อย่างไรว่าคนพวกนี้คือตัวปลอม
การตบหน้าซ้ำๆกันครั้งนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าควรโกรธที่แผนที่ตนวางเอาไว้ล้มเหลว หรือว่าปวดใจที่ต้องสูญเสียอย่างหนักกับการตายของหน่วยกล้าตายของเทียงฉิว หรือว่าถูกตบหน้าคนคลั่งไปแล้ว
จี้อีหมิง“พี่สาวทั้งเจ๋งทั้งดูดีจริงๆเลย”
“เอ๋ ไม่รู้สึกหรือว่าข้าเลือดเย็นไร้ความรู้สึก ”จูนจิ่วมองไปทางจี้อีหมิงอยากหยอกล้อ จี้อีหมิงส่ายหน้ารัวๆ “นี่ล้วนเป็นตัวปลอม สมควรตายทั้งสิ้น พี่สาวท่านหล่อระเบิดเลย ฝีมือยิงธนูก็ดีมาก ข้าชื่นชมท่านจริงๆ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ”จูนจิ่วหัวเราะออกมา นางสะบัดมือโยนธนูไปใกล้เท้าหงยิง ยิ้มและมองไปยังพวกชิงหยู่ “เรื่องราวคลี่คลายแล้ว ไปเถอะ พวกเรายังทันกินมื้อเที่ยงนะ”
ทุ่มเทแรงใจทั้งหมด วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน แต่สุดท้าย ยังไม่ทันถึงเที่ยงก็ถูกเล่นจนยับเยิน
นี่มันยิ่งกว่าเรื่องสะเทือนขวัญของสังคมที่ตบลงมา ทำเอาพวกเขาต่างก็ชาไปหมด ทำได้เพียงใช้แววตาที่โหดเหี้ยมอำมหิตทั้งบิดเบี้ยว จ้องมองจูนจิ่วอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่จูนจิ่วไม่สะทกสะท้ายเลยสักนิด กลับโกรธจนตัวเองจะกระอักเลือด
หันหลังให้กับพวกเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูทั้งสามคน จูนจิ่วยิ้มเย็น นี่แค่เริ่มต้น ถ้าเล่นเทียงฉิวไม่ตายนับว่านางแ