หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวแอบซุ่มอยู่นอกเมืองไท่ชู ในป่าลึกมีที่ลับแห่งหนึ่ง จูนจิ่วกับโม่อู๋เยว่เดินเข้าไป ราวกับเข้าไปในเขตแดนที่ไร้ผู้คน
มุมปากฉีกออกเล็กน้อย จูนจิ่วเหลือบมองโม่อู๋เยว่พูดในใจว่ามีพลังนี่มันดีจริงๆ นางเองก็สามารถไปมาอย่างไร้สุ้มเสียง แอบเข้ามาที่นี่ราวกับภูตผี แต่ที่เรียกว่าแอบเข้ามานั้นยังไม่เท่าโม่อู๋เยว่ที่เข้ามาอย่างเปิดเผย แต่ไม่มีคนมองเห็นเขาได้
พร้อมที่จะสร้างปัญหา จูนจิ่วถูหมัดถูมือ นางรอคอยนาทีที่พลังของตนที่จะขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด
ระหว่างครุ่นคิด ก็เดินเข้าใกล้กระโจม โม่อู๋เยว่เอ่ยขึ้น “ถึงแล้ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะฆ่าพวกเขา หรือแค่ก่อกวน”โม่อู๋เยว่มองสีหน้าของจูนจิ่ว เหมือนจะเป็นอย่างที่สองมากกว่า จูนจิ่วมุมปากโค้งขึ้น นิ้วมือนางกำลังเล่นโยวยิ่ง ยิ้มอย่างชั่วร้าย นางพูดว่า “ท่านรอดูเถอะ เทียงฉิวคิดว่าอย่างนี้ก็จะจับข้าได้ ความสุขของข้าคือชอบตบหน้าคน”
โม่อู๋เยว่เห็นจูนจิ่วโยนไฟเข้าไปในกระโจม มีผงที่ไม่รู้จักชื่อก็ถูกโยนเข้าไปเผาไหม้ด้วย
ไฟลูกใหญ่ดึงดูดความสนใจของหน่วยกล้าตายเทียงฉิว เพียงครู่เดียวหน่วยกล้าตายที่อยู่รอบๆนั้นก็เร่งมาที่นี่ จูนจิ่วยืนอยู่หน้ากระโจม มอืยังคงหมุนโยวยิ่งเล่นยิ้มอย่างเย็นชาอวดดี
นางเอ่ยขึ้นว่า “หนึ่ง สอง สาม ……”
นางกำลังนับ มีหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวมากันเท่าไหร่
และกำลังนับด้วยว่า มีหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวเข่าทรุกลงกี่คน ทำให้สูญเสียพลังการต่อสู้ เป็นถึงหมอเทวดาจูนจิ่ว การลงมือเพื่อทำลายศัตรูนั้นแบบไหนง่ายก็ทำแบบนั้น นางมีวิชาแพทย์เต็มมือ ไม่ใช่เรียนมาให้สูญเปล่า
ระดับรองลงมาจากนักจิตใหญ่ ไม่มีใครสามารถต่อต้านหมอกพิษของนางได้ ซึ่งก็พอดีเลย ที่นี่ไม่มีนักจิตใหญ่สักคน นิ้วหมุนวนหยุดลง จูนจิ่วกำโยวยิ่งก้าวเท้าอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์ นางเดินไปทางหน่วยกล้าตายของเทียงฉิว โยวยิ่งในมือร่ายรำปลิดชีวิตของพวกเขาทีละคน ไฟที่ลุกลาม ยังสู้ไม่ได้กับชุดกระโปรงแดงเปลวเพลิงของจูนจิ่วที่ปลิวสะบัดเป็นประกาย
โม่อู๋เยว่ยืนอยู่ที่เดิม สายตาจ้องมองนางตลอด มุมปากยิ้มร้าย
คนแล้วคนเล่า หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวที่อยู่ที่นี่ สุดท้ายจูนจิ่วก็เหลือไว้เพียงหนึ่งคน โยวยิ่งฟันหน้ากากออก ปลายนิ้วของจูนจิ่วมีเข็มเงินหนึ่งเล่ม เห็นจูนจิ่วเอาเข็มเงินขีดเขียนไปบนใบหน้าของหน่วยกล้าตายเทียงฉิว โม่อู๋เยว่ก็เดินเข้าไปดูอย่างอยากรู้ รอยยิ้มยิ่งลึกขึ้น
ทำไมเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ของเขาถึงได้น่ารักขนาดนี้
น่ารัก เจ้าสำนักศึกษาเทียนซู และพวกซิงโล่เฉินที่อยู่ห่างออกไปเห็นเพียงหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวที่รอดกลับมาหนึ่งคน ในใจมีแต่คำด่าหยาบคายมากมาย
เห็นเพียงใบหน้าของหน่วยกล้านายเทียงฉิวมีตัวอักษรเขียนไว้อย่างอวดดีว่า “จูนจิ่วมาเยี่ยมชมที่นี่ ”
ปัง
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูตบโต๊ะ “มีอย่างที่ไหน น่าโมโหนัก จูนจิ่วนังคนชั้นต่ำกล้าจองหองขนาดนี้ ไม่เห็นเทียงฉิวของข้าอยู่ในสายตาเลย”
“คนชั้นต่ำ ไม่ช้านางต้องได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำอวดดีไปแน่ ข้าจะให้นางได้ลิ้มรสการทรมานทุกรูปแบบ ให้รู้ถึงจุดจบที่กล้วล่วงเกินเทียงฉิวของเรา ”หงยิงโมโหจนหน้าเขียวคล้ำ กุมที่หน้าอกเอาไว้ ในลำคอมีกลิ่นคาวเลือดตีขึ้นมา
บาดแผลเพิ่งจะดีขึ้นบ้าง ทีนี้ถูกทำให้โมโหจนจะกระอักเลือดอีกแล้ว
ที่สำนักศึกษาจื่อเซียวพวกเขาถูกตบหน้าด้วยฝ่ามือไร้ตัวตนไปไม่รู้เท่าไหร่ จนกลายเป็นที่น่าขันของสำนักศึกษาจื่อเซียวกับสำนักศึกษาไท่ชูไปแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้จูนจิ่วเป็นคนทำทั้งสิ้น พวกเขาตายก็ไม่อาจลืมความแค้นนี้ได้
หงยิงมองไปทางซิงโล่เฉินที่หน้าดำไม่พูดจาสักคำ นางพูดว่า “ศิษย์พี่ซิง ท่านพูดบ้างสิ หรือว่าท่านไม่อยากจะฆ่าจูนจิ่วนังคนสารเลวนั่น”
“แน่นอนว่าอยากจะฆ่าให้ตาย แต่ถ้ายังไม่ได้ของล้ำค่า จูนจิ่วจะตายไม่ได้”ซิงโล่เฉินเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
ของล้ำค่า ของล้ำค่าอีกแล้ว
แววตาของหงยิงมีแววสงสัยกับโกรธเคืองแล่นผ่าน นางถามขึ้นว่า “ศิษย์พี่ซิง คอยแต่บอกว่าของล้ำค่า แต่ข้ากับอาจารย์ไม่เคยรู้เลยว่าเป็นของล้ำค่าอะไร สำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ สำคัญจนสามารถวางเรื่องที่จูนจิ่วเหยียดหยามเทียนซู กับเทียงฉิวไว้ทีหลังเลยหรือ”
ในสายตาของหงยิง หน้าตาของสำนักศึกษาเทียนซู และศักดิ์ศรีของนางสำคัญที่สุด
“หงยิง”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจงใจตะคอกหงยิง จากนั้นก็มองไปทางซิงโล่เฉินแวบหนึ่ง ที่จริงก็คือกำลังสงสัยว่าของล้ำค่าแท้จริงแล้วคืออะไร ถึงได้สำคัญนัก
ครั้งแรกที่เขารู้ว่าเป็นของล้ำค่า เป็นเมื่อสิบปีก่อนตอนที่ซิงโล่เฉินมาที่สำนักศึกษาเทียนซูครั้งแรก เขาเอาคำบัญชาของบุคคลสูงศักดิ์ผู้หนึ่งของตำหนักไท่หวงมาด้วย สั่งการชัดเจนว่าให้เทียงฉิวของเขาจับตัวนายน้อยของกองทัพเย่สิง และหาของล้ำค่ากลับมา
แต่สิบปีมานี้ เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไม่เคยรู้ว่าของล้ำค่านั้นคืออะไร
ดูออกถึงความสงสัยของหงยิงกับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู ซิงโล่เฉินเอ่ยเสียงเย็น “พวกเจ้ารู้แค่ว่า ของสิ่งนี้ไม่ใช่ของล้ำค่าธรรมดา สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของพวกเจ้า”
“สำคัญกว่าชีวิตข้า ”หงยิงไม่สามารถยอมรับได้
“หากหามันได้ พวกเจ้าก็จะได้เป็นแขกผู้มีเกียรติของคนผู้นั้น นี่หมายความว่าอย่างไรข้าคงไม่ต้องอธิบาย แต่หากหาไม่พบ เทียนซู เทียงฉิวก็คงต้องถูกทำลายล้างด้วยไฟโมโหของคนผู้นั้น เชื่อข้า ถึงเวลานั้นจื่อเซียวกับไท่ชูรวมกันก็ไม่มีทางปกป้องพวกเจ้าได้ ”
ซิงโล่เฉินพูด
หลอกล่อบวกกับการข่มขู่ เจ้าสำนักเทียนซูกับหงยิงมองตากัน ต่างนิ่งเงียบไป
ซิงโล่เฉินพูดต่อว่า “ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไป ก็ต้องได้ของล้ำค่ามา ของล้ำค่าสิ่งนั้นอยู่ที่ตัวจูนจิ่ว ข้าสามารถยืนยันได้ แน่นอน”
กำหมัดแน่น จนเสียงดังกรอด ใบหน้าของซิงโล่เฉินมีแววแค้นเคือง ไม่พอใจ ไอสังหารและชั่วร้ายปะปนกัน จูนจิ่วเป็นคนแรกที่หนีจากเงื้อมมือเขาได้ และเป็นคนแรกที่กล้าตบหน้าทำให้เขาอับอาย
เขาจะจดจำไว้
แม้จะไม่มีของล้ำค่า เขาก็จะทำให้จูนจิ่วตายอย่างทรมานที่สุด
“การส่งคนแอบซุ่มที่นอกเมืองไท่ชูของพวกเราล้มเหลวแล้ว จะเข้าไปจับคนในเมืองไท่ชูไม่ได้เด็ดขาด เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูสอบสวนหยุนหนีแล้ว ต้องรู้แล้วว่าในสำนักศึกษามีคนของเราเป็นสายลับอยู่ คิดจะลงมือในสำนักศึกษาไท่ชู แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ”หงยิงพูด
ซิงโล่เฉิน “เช่นนั้นก็ให้นางมาเอง”
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับหงยิงนิ่งอึ้ง ใบหน้าเห็นได้ชัดว่าสงสัยไม่เข้าใจ จูนจิ่วต้องหลบพวกเขาสิไม่ว่า จะมาถึงหน้าประตูเองได้อย่างไร
ซิงโล่เฉินยิ้มเย็น เอ่ยเสียงต่ำ “ข้าจะเขียนจดหมายไปที่ตำหนักไท่หวง รายงานแผนการของข้า ถึงเวลาพวกเจ้าก็จะรู้เอง วิชาฝึกตนขั้นที่สี่อยู่ในมือข้า จูนจิ่วต้องมาด้วยตนเองแน่ ”
ซิงโล่เฉินอุบเรื่องแผนการของเขาเอาไว้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจูนจิ่วได้วิชาฝึกตนขั้นที่สี่มานานแล้ว ยังคงคิดว่า จะสามารถอาศัยหมากนี้ในการข่มขู่ดึงดูให้จูนจิ่วมาได้
……
อีกฝั่งหนึ่ง ในสำนักศึกษาไท่ชู
พอพวกจูนจิ่วกลับมา เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูก็เรียกเข้าพบทันที จูนจิ่วกับชิงหยู่รีบไปหา ที่ประตูลานบ้านเห็นมู่จิ่งหยวนที่กำลังรอพวกเขาอยู่ เห็นพวกเขาเดินมา มู่จิ่งหยวนก็ยิ้มจางๆอย่างสง่า พยักหน้าให้กับพวกเขา “กลับมากันแล้ว”
“ศิษย์พี่มู่ฟื้นฟูได้ดีมาก”จูนจิ่วมองมู่จิ่งหยวนแวบหนึ่ง วิเคราะห์สภาพร่างกายของเขาทันที
รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งดีใจ มู่จิ่งหยวนหันไปคำนับจูนจิ่ว “นี่ล้วนเป็นเพราะบุญคุณของศิษย์น้องจูนจิ่วที่ช่วยชีวิตเอาไว้ ขอเพียงเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ให้เรียกใช้ได้ตลอดจะไม่ขัดคำสั่งเลย เข้าไปเถอะ ท่านปู่รอพวกเจ้าอยู่ ”
เข้าไปในเรือน สิ่งแรกที่เห็นคือในเรือนเต็มไปด้วยสมุนไพรตัวยาต่างๆ
เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูลูบหนวด ยิ้มมองจูนจิ่ว “นี่คือของขวัญชดใช้ที่เข้าใจพวกเจ้าผิด เลือกเอาตามใจชอบ จูนจิ่วเจ้าเป็นนักกลั่นยา สมุนไพรพวกนี้เจ้าพอใจหรือไม่ ”
“พอใจ”จูนจิ่วพูดตรงๆ เงยหน้ามองไปทางเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู นางพูดว่า “แต่เจ้าสำนักเรียกข้ากับศิษย์พี่มา คงไม่ได้แค่จะมอบสมุนไพรให้กระมัง”
“เจ้านี่มัน ฉลาดเกินไปแล้ว