เคร้งเคร้งเคร้ง
เสียงดาบโค้งกับโยวยิ่งปะทะกัน จูนจิ่วไม่มีทีท่าจะเหนือกว่าเลยสักนิด ถูกซิงโล่เฉินโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว สถานการณ์ยิ่งดูอันตราย
จ้องมองจูนจิ่วอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ซิงโล่เฉินยิ้มโหดร้าย “จูนจิ่ว ไม่มีลูกไม้แล้วสินะ เจ้ามันคนต่ำช้า คิดว่าพลังที่ใช้ยาเพิ่มการฝึกฝน ก็สามารถสู้กับข้าได้แล้วหรือ คิดว่าจะขู่พวกเราได้หรืออย่างไร เจ้าฝันไปแล้ว”
“ไหนเลยจะมีคนที่สามารถบรรลุสามชั้นในเวลาสามเดือนได้ เจ้าก็แค่แสร้งทำขึ้น ”ซิงโล่เฉินไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้เยาะเย้ยจูนจิ่วเลยสักนิด
ตอนที่เขาได้ยินคำพูดนี้จากปากหงยิง ซิงโล่เฉินก็หัวเราะออกมาทันที สามเดือนบรรลุสามขั้น จะเป็นไปได้อย่างไร ตำหนักไท่หวงของพวกเขายังไม่มีคนมีพรสวรรค์เช่นนี้เลย แม้จะเป็นพี่ชายเขา เร็วสุดก็ต้องใช้เวลาเป็นครึ่งปีจึงจะบรรลุหนึ่งชั้น
ดาบโค้งแหวกอากาศฟาดฟันลงมา ทุกดาบของซิงโล่เฉินนั้นอำมหิตมาก เคร้ง
ปะทะกันอีกครั้ง จูนจิ่วถูกแรงกระแทกจนรู้สึกชา เท้าทั้งคู่ของนางไถลไปกับพื้นห่างจากจุดเดิมกว่าห้าก้าวจึงหยุดลง จูนจิ่วนวดที่ข้อมือ ขมวดคิ้วเบาๆ “จูนจิ่วเจ้าอย่าหลบ ”ซิงโล่เฉินหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม แล้วก็พุ่งเข้ามาอีก
จูนจิ่วเงยหน้า มุมปากมีรอยยิ้มแฝงเลศนัย ในใจของซิงโล่เฉินกระตุกเบาๆ
นางไม่มีทางถอยหนีแล้ว ต้องเป็นการแสร้งทำแน่ๆ
ฟันดาบลงไป ทุกคนต่างก็กลั้นลมหายใจเอาไว้ จุดจบจะเป็นเช่นไร
พวกเขาต่างก็เบิกตากว้าง เกรงว่าจะพลาดเวลาสำคัญไป และตอนที่พวกเขาต่างก็เบิกตากว้างนั่นเอง จูนจิ่วกลับหายวับไปกลางอากาศ ดาบโค้งฟันอากาศ ใบหน้าของซิงโล่เฉินเผยแววมึนงง
คนเล่า
หนาวสันหลังขึ้นมาทันที ซิงโล่เฉินรีบหมุนตัวกลับไป แต่ก็ไม่พบอะไร และตอนนี้เอง ที่มีอาการเจ็บขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซิงโล่เฉินเจ็บจนต้องคลายมือที่มีดาบโค้งถืออยู่จนหล่นลงไป ตอนนี้เอง ตอนนี้เองที่เขาเพิ่งจะมองเห็นจูนจิ่วที่ปรากฏตัวอยู่ทางด้านขวาของเขาซึ่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขาได้ใจมาก จึงไม่มีการเตรียมป้องกันใดๆไว้เลย ในเมื่อจูนจิ่วถูกโจมตีจนประชิดตัวขนาดนั้นแล้ว เขาไม่รู้ว่า ที่จูนจิ่วทำไปก่อนหน้านี้จะเป็นการเจาะจุดอ่อนของเขา
พริบตาต่อมา ซิงโล่เฉินก็ต้องเบิกตากว้างมองมีดสั้นสีดำไร้เงาของจูนจิ่วที่ถืออยู่ในมือแทงมาทางลำคอของเขา ใจกระตุกวูบ ซิงโล่เฉินรีบเอามือขึ้นมาบังทันที ในช่วงวินาทีสุดท้ายเขาให้มือจับมีดโยวยิ่งเอาไว้ เลือดสดๆไหลตามมีสั้นและข้อมือลงไป โยวยิ่งคมกริบได้อย่างน่ากลัว
จูนจิ่วถอยหลังดึงมีดโยวยิ่งออก ไม่ว่าซิงโล่เฉินจะกำไว้แน่นแค่ไหน ก็จับมีโยวยิ่งไว้ไม่อยู่ แต่ทางกลับกันมีดโยวยิ่งที่ถูกดึงออกจากมือยิ่งทำให้ฝ่ามือเกิดแผลที่ใหญ่และลึกมากขึ้น เลือดไหลทะลักออกมามากยิ่งขึ้น
ทั้งเจ็บทั้งโมโห ซิงโล่เฉินโมโหจนเกิดแรงปะทะเข้าที่ใจมือซ้ายกำหมัดซัดไปทางจูนจิ่ว “จูนจิ่ว”
ปัง
จูนจิ่วก็ใช้มือด้านซ้ายเหมือนกัน จับกำปั้นของซิงโล่เฉินเอาไว้ พลังที่แล่นพล่านอย่างรุนแรงทั้งสองปะทะกัน เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ล้อมอยู่รอบตัวพวกเขาทั้งสองคน ทำให้เกิดพายุพัดจนคนที่อยู่รอบๆตรงนั้นต้องยกมือขิ้นมาบังหน้าเอาไว้
“ฟู่”มุมปากของจูนจิ่วมีรอยเลือดไหลออกมา
ซิงโล่เฉินหัวเราะชั่วร้าย “จูนจิ่ว พลังหมัดนี้ของข้าคงยากจะต้านได้สินะ”เขาได้รับบาดเจ็บภายนอก แต่จูนจิ่ว ด้วยหมัดนี้ ซิงโล่เฉินมีความมั่นใจว่าจะทำให้อวัยวะภายในของจูนจิ่วปริแตก เจ็บจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่
แต่พอเห็นปฏิกิริยาของจูนจิ่วแล้ว ใบหน้าของซิงโล่เฉินก็แข็งทื่อรอยยิ้มโหดเหี้ยมจางหายไป
เห็นเพียงจูนจิ่วเก็บมือกลับไป เช็ดเลือดที่มุมปากออกไปเบาๆสบายๆ ที่มุมปากมีรอยเลือดเพียงจางๆเท่านั้น แต่ไม่ได้ลดความงามของนางลงเลย กลับยิ่งเพิ่มความงดงามที่ดูเย็นชามากขึ้น จูนจิ่วยิ้ม ยิ้มให้กับซิงโล่เฉิน
นางเปิดปากเอ่ยขึ้นว่า “ข้าต้องขอบคุณเจ้า ที่ช่วยให้บรรลุ”
อะไรนะ
หมัดเมื่อครู่ของซิงโล่เฉินนั้นโหดมาก แต่จูนจิ่วก็ไม่ได้ด้อยกว่า นางฝึกฝนวิชาฝึกตนจนถึงชั้นที่สี่แล้ว เดิมทีนี่ควรจะเป็นการฝึกฝนของนักจิตใหญ่
ร่างกายของจูนจิ่วไม่ได้มีพลังน้อยไปกว่าซิงโล่เฉินสักเท่าไหร่ ฉะนั้นนางจึงกล้ารับหมัด พลังอันรุนแรงอันตรายของซิงโล่เฉินได้ส่งผ่านเข้าไปในร่างกาย ถ้าเป็นคนอื่นคงต้องอวัยวะแตกซ่าน แต่นางไม่ใช่ การโจมตีของหมัดนี้ ทำให้ปากขวดในร่างของนางแตกกระจาย
ซิงโล่เฉินยังคงอยู่ในอาการแข็งทื่อนิ่งอึ้ง รอยยิ้มของจูนจิ่วยิ่งลึกขึ้น น้ำเสียงเยือกเย็นได้ใจ
“ข้าบรรลุนักจิตชั้นแปดขั้นสูงสุด ซิงโล่เฉินเจ้าก็มีความชอบในความสำเร็จนี้ด้วย ครั้งนี้ตอบขอบใจเจ้าจริงๆที่ช่วย “สั่งสอน ” ”
ฟู่ ซิงโล่เฉินโมโหในใจจนเกือบจะกระอักเลือดออกมา
เขาไม่เชื่อว่าหมัดของตัวเองไม่เพียงจะทำร้ายจูนจิ่วไม่ได้ ยังช่วยให้นางบรรลุอีก แต่ไม่ว่าจะถลึงตาโตแค่ไหน ความจริงเรื่องที่จูนจิ่วบรรลุเมื่อครู่นั้นก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว
ถ้าหากเป็นการใช้ยาเพื่อเพิ่มพลังฝึกฝน คงบรรลุไม่ได้รวดเร็วเช่นนี้ ป้าบป้าบป้าบ ซิงโล่เฉินนอกจากจะรู้สึกเจ็บที่หน้าแล้ว ยังอยากกระอักเลือดด้วย สามเดือนบรรลุสามขั้นนั้นเป็นเรื่องจริง ยังสามารถบรรลุได้ระหว่างการต่อสู้อีกด้วย
จูนจิ่วไม่ใช่คนแล้ว
การประลองครั้งนี้ เขาอยากจะทรมานและสั่งสอนจูนจิ่ว ผลสุดท้ายกลับเป็นจูนจิ่วที่เหยียบเขาบดขยี้ไปกับพื้น เปลี่ยนเป็นนางที่ได้หน้าตาชื่อเสียงไป เงยหน้ามองไปทางชิงหยู่ และพวกมู่จิ่งหยวนที่ต่างก็มีสีหน้ายินดีปรีดา ซิงโล่เฉินก็ริมฝีปากสั่นเทา ไม่พูดอะไรสักคำ
สมควรตาย สมควรตาย สมควรตาย
เห็นจูนจิ่วไม่สนใจเขาเลยสักนิด หมุนตัวเดินออกไป ความโมโหในใจของซิงโล่เฉินพุ่งทะยานไปถึงจุดสูงสุด เขาคลายการกดทับพลังฝึกฝนที่แท้จริง นักจิตใหญ่ชั้นสาม จ้องมองเงาหลังของจูนจิ่วอย่างโหดเหี้ยม ซิงโล่เฉินถ่ายทอดพลังอย่างลับๆแล้วส่งออกไป
จูนจิ่วคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ ไม่มีทาง เขาจะให้นางจ่ายค่าตอบแทนให้สาสม จากนั้นก็มีเสียงปังดังสนั่น ที่ลอยออกไปไม่ใช่จูนจิ่วแต่เป็นซิงโล่เฉิน หงยิงร้องเสียงหลง “ศิษย์พี่ ”หงยิงพุ่งเข้าไป เห็นเพียงซิงโล่เฉินที่สลบไปแล้ว ปากยังคงกระอักเลือดไม่หยุด หงยิงแค้นมาก หันไปถลึงตามองจูนจิ่ว “จูนจิ่วนังคนชั้นต่ำ เจ้าทำอะไรกับศิษย์พี่ข้า”
จูนจิ่ว ??
ป้าฟางยืนออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เปิดปากพูดว่า “ซิงโล่เฉินถูกพลังของตัวเองตีกลับ ไม่เกี่ยวข้องกับจูนจิ่ว ยังจะเสียเวลาอยู่ที่นี่ทำไม ยังไม่รีบพาเขาไปรักษาอีก”ป้าฟางยืนออกมาปกป้องจูนจิ่ว หงยิงก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่นางยังคงจ้องจูนจิ่วด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แสดงให้เห็นว่านางจะไม่ยอมรามือแน่ หงยิงได้แต่นำร่างที่สลบและได้รับบาดเจ็บของซิงโล่เฉินจากไป
มองเงาหลังของพวกเขาที่จากไป ป้าฟางหันกลับมามองจูนจิ่ว สีหน้าซับซ้อน เมื่อครู่นางเห็นซิงโล่เฉินจะลอบทำร้ายจูนจิ่ว แต่ว่านางยังไม่ทันได้ยื่นมือเข้ามาขวาง ก็มีคนช่วยจูนจิ่วไว้ก่อน ไม่เพียงแต่จะสลายพลังลอบโจมตีของซิงโล่เฉินเท่านั้น ยังโจมตีจนเขากระเด็นออกไป ด้วยพลังนักจิตใหญ่ชั้นเก้าของนาง กลับมองไม่เห็นว่าใครกันแน่ที่ลงมือ
เป็นใครกัน
ลูกศิษย์เหล่านี้คงไม่มีทาง หรือว่ายังมีคนคอยคุ้มกันจูนจิ่วอย่างลับๆอยู่ ในใจของป้าฟาง ยังคงสงสัยไม่หยุด
“ป้าฟาง ท่านจะสั่งการพวกเราไม่ใช่หรือ ”จูนจิ่วเอ่ยเสียงเย็น เรียกสติของป้าฟางกลับมา ป้าฟางเพิ่งจะพบว่า นางเอาแต่จ้องมองจูนจิ่วอยู่นานแล้ว
รีบละสายตาออก ป้าฟางพูดว่า “ข้าได้จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าต้องปฏิการกันเป็นกลุ่ม ข้าจะให้แผนการฝึกฝนกับพวกเจ้า ซิงโล่เฉินกับหงยิงเป็นกลุ่มเดียวกัน จ้าวเชียงกับฝู้หลินจ้านเป็นหนึ่งกลุ่ม ฝู้หลินซวงกับชิงหยู่เป็นหนึ่งกลุ่ม จี้อีหมิงกับมู่จิ่งหยวนเป็นหนึ่งกลุ่ม ”
จี้อีหมิงสีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาไม่ถูกกับมู่จิ่งหยวน
แต่เขายังถามต่อด้วยความอยากรู้ว่า “แล้วพี่สาวเล่า ก็จูนจิ่วไง นางอยู่กลุ่มเดียวกันกับใคร ”
ป้าฟางมองไปทางจูนจิ่วอีกครั้ง แววตาลึกล้ำ เอ่ยอย่างห่างเหินไร้ความรู้สึกใดๆว่า “จูนจิ่ว นางคนเดียวเป็นหนึ่งกลุ่ม จำสมาชิกกลุ่มของพวกเจ้าให้ดี การแข่งขันทั้งหมดต่อจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบ การประเมิน การทำภารกิจคะแนนทั้งหมดของพวกเจ้าจะถูกเอามารวมกัน