ไป๋เจี๋ยกุมอกที่ถูกกระแทกจนเจ็บ แต่ไม่กล้าเผยท่าทีโกรธแค้นออกมาแม้แต่น้อย เธอหยิบไอแพดออกมา เปิดหน้าจอดู IP ที่สืบมาได้ ก็หน้าซีดเผือดทันควัน
เนื่องจากเธอเห็นชัดเจนว่าที่อยู่นั้นเป็นบ้านพักของเธอ เธอร่างสั่นเทิ้ม อดดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายไม่ได้ พูดว่า “บางทีอาจมีคนมาที่บ้านเพื่อใส่ร้ายฉันก็ได้นะ? คุณไม่มีหลักฐานชี้ชัดอะไรเลยว่านี่เป็นฝีมือฉัน”
“ไม่ต้องเสแสร้งแล้วล่ะ เธอคิดว่าฉันสืบได้ IP แล้ว จะหาหลักฐานอื่นไม่ได้หรือ? เธอเป็นอะไรกันแน่? ปกติฉันก็ดีกับเธอไม่น้อยกระมัง?” หลินหว่านเบิ่งตากลมกว้างจ้องเธออย่างขุ่นเคือง โกรธจนหน้าแดงซ่านขึ้นมา
ไป๋เจี๋ยอ้าปากคิดจะพูดแล้วกลับกลืนลงท้องไป ก้มศีรษะอย่างอับจนในคำพูด “เรื่องนี้ฉันทำเองค่ะ”
“ทำไมต้องใส่ร้ายฉัน? เธอได้ประโยชน์อะไร? อยากได้ความเห็นใจเหรอ? เธอรู้สึกว่าความเห็นใจของมวลชนจะอยู่ได้นานสักแค่ไหนเชียว? เธอเห็นว่าทำแบบนี้จะช่วยให้มีชื่อขึ้นมาได้งั้นเหรอ?” หลินหว่านกอดอกพูดอย่างไม่เกรงใจ คล้ายกับเยาะหยันความคิดกลโกงแบบนั้นของเธอ
ไป๋เจี๋ยถูกทั้งสองคนจับจ้องอยู่ จึงก้มหน้าลงอย่างลำบากยากใจ จนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
หลินหว่านเว้นวรรคชั่วครู่ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอีกหลายส่วน พูดเน้นทีละคำว่า “อธิบายเรื่องนี้กับสื่อให้ชัดเจน ถ้าเรื่องนี้เธอทำไม่ได้ฉันก็มีวิธีให้เธออยู่ในวงการบันเทิงต่อไปไม่ได้”
ไป๋เจี๋ยเบิกตากว้าง เห็นท่าทางเธอพูดจริงทำจริงแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธได้อย่างไร
ถ้าหากเธอเรียกสื่อมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเธอเป็นคนทำ อย่างนั้นชื่อเสียงของเธอในวงการบันเทิงก็คงย่อยยับป่นปี้แน่ ต่อไปต่อให้มีละครหรืองานดีๆ เข้ามาก็ยากจะดึงชื่อเสียงตัวเองกลับมาอีก
พอนึกถึงตรงนี้ เธอก็ส่ายหน้า พูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ฉันไม่อยากทำแบบนี้ ฉันช่วยคุณแก้ข่าวเรื่องนี้ได้นะคะ”
“ไม่ได้ เธอเป็นคนทำก็ต้องยอมรับว่าเธอทำ ตอนที่เธอทำเรื่องนี้ก็น่าจะนึกถึงค่าตอบแทนที่ตัวเองต้องจ่าย รีบไปเรียกสื่อมา ไม่อย่างนั้นฉันจะใช้วิธีการของตัวเองเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป!” หลินหว่านรีบปฏิเสธข้อเสนอของเธอทันควัน
หลินหว่านเชื่อในคำพูดของเซียวจิ่งสือ รู้ว่าคิดจะแก้ปัญหาพวกนี้อย่างเด็ดขาด โดยทำให้ความยุ่งยากที่เกิดขึ้นน้อยลงได้ก็ต้องใช้วิธีเชือดไก่ให้ลิงดู ให้ทุกคนรู้ว่าเธอก็ร้ายได้
ถ้าหากแค่ไป๋เจี๋ยคนเดียวยังแก้ปัญหาไม่ได้ งั้นต่อไปยังจะรักษาตำแหน่งที่หนึ่งในวงการบันเทิงไว้ได้อีกรึไงกัน?
ไป๋เจี๋ยเห็นว่าท่าทีของหลินหว่านไม่ยอมรับคำปฏิเสธจากเธอแน่ จึงได้แต่ผงกศีรษะอย่างไม่เต็มใจนัก “ได้ ฉันรับปากคุณ”
เธอยื่นมือสั่นระริกหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาบรรดาสื่อใหญ่เพื่อเปิดงานแถลงข่าว
พอได้ฟังข่าวนี้ พวกสื่อพากันรีบมายังสถานที่เปิดงานแถลงข่าว ราวกับกลัวว่าจะพลาดละครฉากเด็ด
พอเห็นสายตาวาววับดุจเสือหิวของพวกสื่อกับกล้องมากมายที่ด้านล่าง ไป๋เจี๋ยกัดริมฝีปาก พูดเสียงเบาอย่างข่มใจว่า “วันนี้ที่ฉันให้ทุกคนมานี่ ก็เพื่อแก้ข่าวลือที่เกิดขึ้นบนเน็ต ฉันต้องอธิบายเรื่องนี้ค่ะ”
“อธิบายอะไรเล่า คุณไม่ใช่คนที่ถูกทำร้ายนั่นหรอกเหรอ? ทำไมต้องให้คุณจัดงานแถลงข่าวด้วย?”
“คุณไป๋ คุณถูกคนบีบบังคับหรือเปล่า? ทำไมถึงออกมาพูดเองล่ะ?”
พวกสื่อหลายคนเฉลียวฉลาด เห็นท่าทางเธอดูเหมือนจำใจมา ก็อดไม่ได้คิดจะถามเรื่องให้ชัด
ไป๋เจี๋ยดวงตาเป็นประกายวาบ ขอบตาแดงขึ้นมาทันที แต่กลับส่ายหน้าปฏิเสธที่พวกเขาคาดเดา
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนอื่น แค่ตัวฉันเองที่รู้สึกผิด ดังนั้นจึงออกมาพูดเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดว่า เรื่องที่หลินหว่านถูกใส่ร้าย คลิปที่รังแกฉันนั้นเป็นการเข้าใจผิดตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่รังแกฉันเป็นอีกคนหนึ่ง ฉันไม่ตั้งใจโพสต์คลิปนี้ออกมา ทำให้หลินหว่านเสื่อมเสียชื่อเสียง เป็นความผิดฉันเอง ต้องขอโทษอย่างมาก ณ ที่นี้ด้วย”
พอได้ยินคำพูดของเธอ พวกสื่อมองตากัน สีหน้าเห็นชัดว่าไม่เชื่อ ถ้าหากรู้ตัวว่าทำผิดจริง คิดจะยอมรับจริงๆ แล้ว ทำไมทำท่าน่าสงสารน้อยอกน้อยใจแบบนี้ อดกลั้นจนทนไม่ไหมต้องร้องไห้ออกมา?
เธอต้องถูกคนบังคับแน่ วงการบันเทิงน้ำลึกเกินไป หลินหว่านเป็นถึงดาราใหญ่เป็นไปได้ว่าจะบังคับข่มขู่เธอ
งานแถลงข่าวของไป๋เจี๋ยพอออกมาแล้ว ทุกคนไม่มีใครเชื่อ มีเพียงแฟนพันธุ์แท้ของหลินหว่านที่ยังเชื่อเธออยู่
พอเห็นงานแถลงข่าวของไป๋เจี๋ย บนเน็ตไม่เพียงไม่มีคนพูดแทนหลินหว่าน กลับมีแต่เสียงด่าดังกระหึ่ม พูดว่าเธอเป็นผู้หญิงมากเล่ห์เจ้ามารยา ใช้วิธีการข่มขู่ทำให้นักแสดงตัวเล็กๆ ต้องยอมจำนน
ภายในห้องพักคนไข้ หลินหว่านมองดูคลิปงานแถลงข่าวของไป๋เจี๋ยแล้วสายตาเย็นเฉียบขึ้นทุกที
คนที่สมองดีรู้จักคิดล้วนแต่ดูออกว่า เธอมีท่าทางจำใจ ไม่ได้รู้สึกผิดต่อการกระทำของตัวเองจริงๆ แต่กลับเหมือนเป็นผู้ถูกทำร้าย มิน่าเล่าผู้คนจึงรู้สึกว่าเธอต่างหากที่เป็นคนเลว
คราวนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เรื่องที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดถูกใส่ร้าย ยังต้องมาถูกคนเข้าใจผิดถึงขนาดนี้ ใครเล่าจะทนได้
“ผู้หญิงคนนี้เห็นชัดเลยว่าข่มขู่ไป๋เจี๋ย เห็นท่าทางเธอไม่ยินยอมพร้อมใจแบบนี้ ก็รู้แล้วว่าเธอไม่ยินดีที่จะทำนี่นา”
“นี่มันเรื่องจริงอะไรกัน? เกรงว่ามีแต่ไป๋เจี๋ยคนเดียวที่รู้ได้ หลินหว่านไม่ใช่ถือตัวว่ามีเซียวจิ่งสือหนุนหลัง สามารถข่มขู่คนได้หรอกเหรอ? แต่มวลชนมีตาดูหรอกนะ พวกเราไม่เชื่อเธออีกแล้ว”
คอมเมนต์ทุกข้อความบนเน็ต ทำให้หลินหว่านต้องกำหมัด สาบานว่าจะต้องคืนความยุติธรรมให้ตัวเองให้ได้
เธอหยิบโทรศัพท์โทรหาไป๋เจี๋ย พอมีคนรับสายก็พูดว่า “ดีมาก นี่คืองานแถลงข่าวของเธอสินะ”
“ทำไมหรือคะ? ฉันก็แก้ข่าวไปแล้ว คุณยังจะให้ฉันทำยังไงอีก?” ไป๋เจี๋ยกอดอก ถามกลับอย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ราวกับว่าหลินหว่านต่างหากที่เป็นฝ่ายไร้เหตุผล
หลินหว่านไม่พูดไร้สาระกับเธออีก พูดเสียงเย็นว่า “นี่เป็นการกระทำของเธอเองนะ รอดูไปเถอะ ฉันจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเอาขึ้นเน็ต ถึงเวลานั้นดูว่าผู้คนจะเชื่อเธอหรือว่าเธอหลักฐานของฉัน”
พูดจบ หลินหว่านก็วางสายไปโดยไม่ลังเล
พอได้ฟังเสียงวางสายจากอีกฝ่าย ไป๋เจี๋ยก็ตึงเครียดจนถูมืออยู่ไปมา ราวกับคาดเดาว่าหลินหว่านจะใช้วิธีอะไรนำหลังฐานออกมา
นอกจาก IP ที่เธอยอมรับว่าเธอเป็นคนทำแล้ว ไม่น่าจะมีหลักฐานอื่นกระมัง?
พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจที่หนักอึ้งของเธอก็ผ่อนคลายลงบ้าง ความรู้สึกตื่นเต้นจนตึงเครียดก็หายวับไป หลังฐานทั้งหมดไม่มีแล้ว คราวนี้หลินหว่านจะไปโดดแม่น้ำฮวงโหยังไงก็ล้างไม่สะอาด
เธอปลอบใจตัวเองแล้ว อดไม่ได้หัวเราะออกมา “ฮึ ก็แค่ดิ้นหนีตายเท่านั้นเอง ฉันแถลงข่าวแก้ไปแล้วนี่ มวลชนไม่เชื่อเธอเองแล้วจะให้ทำยังไงได้เล่า?”
หลังจากวางสายไปแล้ว หลินหว่านคิดได้วิธีการหาคลิปที่อี้อวิ๋นฉังรังแกไป๋เจี๋ยฉบับสมบูรณ์ออกมา แล้วโพสต์ขึ้นเน็ต คลิปคราวนี้ชัดเจนยิ่งกว่าที่ไป๋เจี๋ยโพสต์อีก หลักฐานพยานพร้อมมูล
เธอไม่เชื่อหรอกว่าคลิปแบบนี้ ผู้คนจะยังเชื่อคำพูดของไป๋เจี๋ยอยู่อีก