บทที่90 งานเลี้ยงมรณะ
หลังจากที่ออกจากตระกูลฉินแล้วนั้น วีจิ้งไห่ได้คิดอย่างรอบคอบ
ถ้าเขาจะล้างแค้นเย่เฉิน ยังต้องแย่งวงศ์ย่อยหอยมือเสือกลับมาจากเย่เฉินด้วย แต่ แค่นี้ยังไม่พอ!
ครั้งนี้ที่เขามาเมืองจินหลิง อยากหาผู้ศรัทธาสักกลุ่ม มาผู้สนับสนุน เพื่อเป็นตัวช่วยอีกทางให้กับธุรกิจของเขา
ดังนั้น เขาจึงคิดวางแผนทั้งสองทางเอาไว้อย่างสวยงาม
เอาเย่เฉิน มาเชือดไก่ให้ลิงดู ให้คนเมืองจินหลิงรู้ถึงความสำคัญ!
เย่เฉินกลับไม่รู้ ว่าตอนนี้อาจารย์วีกำลังวางแผนเอาตนมาบูชายัญ
พลบค่ำ เขากำลังเตรียมซื้ออาหารมาทำกับข้าว ทันใดนั้นก็ได้รับสายจากซ่งหวั่นถิง
หลังจากที่รับสายแล้ว เสียงของซ่งหวั่นเอาจริงเอาจัง พูดกับเย่เฉินโดยตรงว่า “อาจารย์เย่ วีจิ้งไห่ได้เชิญอาจารย์โบราณคดี ซินแสและซวนซวน จัดงานเลี้ยงที่ตระกูลหวัง ให้ฉันมาถามคุณว่าว่างไปไหม?”
“ตระกูลหวัง?ตระกูลหวังไหน?”
ซ่งหวั่นถิงกล่าว “ตระกูลระดับกลางตระกูลหนึ่ง พวกเขามีผู้ชายสืบทอดตระกูลสองคน หวังเหวินเฟยและหวังเหวินข่าย
“เขาทั้งสอง? ทำไมถึงได้จัดที่บ้านเขา” เย่เฉินถามอย่างแปลกใจ
ซ่งหวั่นถิงอธิบาย “ช่วงนี้ตระกูลหวังไม่ค่อยราบรื่น ลูกชายหวังเหวินข่ายและหลานชายหวังเหวินเฟยเกิดเรื่อง ธุรกิจของตระกูลหวังเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้นำตระกูลหวังจึงเชิญวีจิ้งไห่มา อยากให้เขาเปลี่ยนฮวงจุ้ยตระกูลหวังให้”
พูดพลาง ซ่งหวั่นถิงก็พูดต่อ “แต่ฉันเห็นวีจิ้งไห่เชิญพวกอาจารย์วีซวนซวนมา อาจเพราะไม่ใช่แค่อยากได้เงินจากตระกูลหวังเพียงอย่างเดียว อาจเพราะยังมีความคิดอื่นอีกด้วย”
เย่เฉินยิ้ม กล่าวอย่างไม่สนใจว่า “ในงานประมูลผมได้แย่งวงศ์ย่อยหอยมือเสือไป แล้วยังทำให้เขา
เย่เฉินยิ้มเล็กยิ้มน้อย แล้วพูดต่อ “แต่ครั้งนี้ผมจะไป ไปดูให้เห็นกับตาว่าเขาจะทำอะไร”
ซ่งหวั่นถิงเห็นเขาตกลง จึงพูดว่า “ได้ สถานที่คือตระกูลหวัง พรุ่งนี้เช้า พวกเราไปพร้อมกัน ฉันจะขับรถไปรับคุณ”
“โอเค”
……
เช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งหวั่นถิงขับรถมารับเย่เฉิน มุ่งหน้าไปที่ตระกูลหวัง
คฤหาสน์ตระกูลหวังตั้งอยู่ตีนเขานอกเมือง วิวทิวทัศน์สวยงาม
การ์เด้นพาวิลเลี่ยน ทั้งหมดสร้างแบบคลาสสิคโบราณ ตระกูลหวังใช้เงินกว่าร้อยล้านตกแต่ง ปกติใช่เพื่อรับรองแขก หรือปาร์ตี้กับเพื่อน ช่างทันสมัยและดึงดูดใจอย่างมาก
นอกศาลาข้างแม่น้ำ มีเก้าอี้ไม้ประดู่แดงสิบตัวตั้งอยู่ มีแขกที่ได้รับเชิญกว่าสิบคนมานั่งแล้ว พูดคุยกัน แป๊ปๆก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา
เป็นชายวัยกลางคนอ้วนเล็กน้อย นั่งอยู่ตรงกลาง เขาคือพ่อของหวังเหวินข่าย
และคนที่นั่งข้างเขา ก็คืออาจารย์วีวรจิ้งไห่
นอกจากสองคนนั้นแล้ว เย่เฉินยังเจอสองคนที่คุ้นเคยอีก หลี่ไท่หลายเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไห่ และคนที่มากับเขากัวหมิง
เห็นเย่เฉินเข้ามา หลี่ไท่หลายสองคนก็พยักหน้าทักทายเย่เฉิน
แต่หวังเจิ้งกางเหลือบตาดูเขา แล้วดูแคลน
เขาก็รู้ว่าหวังเหวินข่ายกับหวังเหวินเฟยเสียเปรียบเย่เฉิน ดังนั้นเมื่อเห็นเย่เฉิน ก็สีหน้าไม่ดี
เป่าฟู่กุ้ยยืนขึ้นต้อนรับ แล้วกล่าว “อาจารย์เย่ คุณซ่ง พวกคุณถึงแล้ว”
เย่เฉินพยักหน้า ยิ้มพลางกล่าว “มาทำความรู้จักอาจารย์แต่ล่ะท่านของแต่ล่ะสาขา”
คนวัยกลางคนใส่เสื้อคลุมยาวถามอย่างแปลกใจว่า “ท่านนี้คือผู้ซื้อที่ในงานประมูล จ่ายเงินในราคาร้อยล้านเพื่อซื้อวงศ์ย่อยหอยมือเสือใช่ไหม?”
เป่าฟู่กุ้ยยิ้มพลางแนะนำ “คืออาจารย์เย่”
“อะไรนะ? อาจารย์?” หวังเจิ้งกางเหลือบตาไปมองเย่เฉิน ยิ้มพลางกล่าวว่า “ตอนนี้คำเรียกอาจารย์นี้ จะไม่มีค่าแล้ว ไอ้สวะอะไรก็เป็นอาจารย์ได้ แต่อาจารย์วีที่มีความสามารถ กลับทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน”
เขาเพิ่งพูดจบ ทุกคนก็รู้สึกอึดอัด
หวังเจิ้งกางไม่ได้ดูถูกเขา แต่เพราะเย่เฉินไม่ว่าจะเป็นด้านอายุ ลักษณะท่าทาง ล้วนเรียกว่า “อาจารย์”ไม่ได้”
และอาจารย์แต่ล่ะท่านที่นั่งอยู่ เกือบจะเป็นคนที่มีหน้ามีตา ถ้าให้พวกเขากับเย่เฉินนั่งร่วมกัน เรียกว่า “อาจารย์” คนที่นั่งอยู่จำนวนไม่น้อยล้วนรู้สึกไม่พอใจ
วีจิ้งไห่ยืนขึ้น ยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา ผมใช้ที่ของตระกูลหวัง จัดงานเลี้ยง ก็เพราะอยากทานข้าวกับทุกๆท่าน ใครจะเป็นอาจารย์จริงหรือไม่นั้น ใครสร้างชื่อเสียงจอมปลอม เดี๋ยวก็รู้”
ทุกคนในงาน เมื่อได้ยินคำพูดของวีจิ้งไห่ ก็มีสีหน้าดูถูกเย่เฉิน
เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้ ถ้าไม่ใช่สร้างชื่อเสียงจอมปลอม แล้วจะเป็นอะไร
ซ่งหวั่นถิงขมวดคิ้ว เธอรู้ว่าวีจิ้งไห่ตั้งใจเจาะจงเย่เฉิน แต่ก็ไม่คาดคิด ว่าเมื่อเข้ามาบรรยากาศจะอึดอัดขนาดนี้
แต่สีหน้าของเย่เฉินกลับดูสงบ เดินไปยังที่นั่งของตัวเองอย่างไม่สนใจ ราวกับไม่ได้ยินสิ่งรอบข้างอย่างไรอย่างนั้น
หวังเจิ้งกางเห็นคนมาครบแล้ว จึงเริ่มกล่าวว่า “ในเมื่อทุกท่านมาพร้อมกันแล้ว งั้นผมจะบอกกับทุกท่านว่า วันนี้ที่อาจารย์วียืมสถานที่ของตระกูลหวังจัดงานเลี้ยงนั้น ข้อแรกคืออยากจะทำความรู้จักกับทุกท่าน ข้อสองคืออยากให้ทุกๆท่านได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน”
“รู้จักซึ่งกันและกันยังไง?” มีคนถาม
“แน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับศาสตร์ขั้นต่ำและขั้นสูงในแขนง”
ตอนนี้วีจิ้งไห่ได้ยืนขึ้น อธิบายว่า “ด้วยกฎง่ายๆ อย่างที่ทุกคนทราบในโลกซวนซวนของเรามีอยู่ด้วยกันห้าแขนง วิธีการฝึกเซียน การแพทย์ โหราศาสตร์ ฮวงจุ้ย ดูดวง พวกคุณสามารถเลือกแขนงที่ตนเองถนัด เพื่อเลือกคู่แข่งประลองฝีมือ!”
“เพื่อให้เป็นทางการ เรื่องเงินมีตระกูลหวังเป็นผู้สนับสนุน ทุกๆการประลองฝีมือจะมีเงินรางวัลให้ห้าล้าน ใครชนะก็รับห้าล้านไป ผู้แพ้ก็มีค่ารถจำนวนห้าหมื่นให้”
กฎนี้ถือว่าสมเหตุสมผล แล้วยังได้เงินอีกด้วย คนจำนวนไม่น้อยพยักหน้า
ปกติคนซวนซวนจะต่างคนต่างอยู่ จะไม่เผยไผ่ของตัวเองให้ใครให้ ผู้ที่มางานเลี้ยงในคืนนี้ล้วนเป็นซวนซวนที่มีความสามารถ ทุกคนแข่งขันกัน ไม่เพียงรู้ถึงข้อมูลของอีกฝั่ง แล้วยังได้เงินรางวัลอีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
“ทำเพียงรู้จักซึ่งกันและกันแค่นั้น?” เย่เฉินยิ้มอย่างเหยียดหยาม เขาไม่คิดว่าการที่วีจิ้งไห่จัดงานเลี้ยงในวันนี้ เพียงพิสูจน์ฝีมือของเขา
แต่หลังจากที่หวังเจิ้งกางและคนอื่นๆถกเถียงกันเสร็จแล้วนั้น ก็กล่าวต่อว่า “แต่ ถ้าเพียงแค่เงินรางวัล เกรงว่าจะไม่พอดึงดูทุกท่าน เพราะทุกท่านล้วนเป็นผู้ร่ำรวย ไม่น้อยกว่าหลักล้านแน่นอน”
“ดังนั้นเพื่อกระตุ้นทุกท่าน ยังมีอีกหนึ่งเงื่อนไข นั่นคือผู้ชนะจะเลือกเอาห้าล้านไป หรือเอาสิ่งของของผู้แพ้ได้!”
“และถ้าผู้ชนะคนสุดท้าย คือภาคใต้ซวนซวน ทุกท่านในภาคใต้ทั้งหมด จะต้องให้เกียรติเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ถ้าได้รับการยินยอมจากเขาก่อน!”
เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนก็เงียบลง
จากนั้น ก็ได้มีเสียงดังกังวานขึ้นมาอีกครั้ง คนจำนวนไม่น้อยเริ่มแสดงความไม่พอใจออกมา ถกเถียงกันไม่หยุด
“แล้วถ้าอีกฝั่งเป็นผู้เลือก แล้วดันเลือที่อีกฝั่งไม่ถนัดล่ะจะทำยังไง?”
“ที่หนึ่งซวนซวนภาคใต้ นี่มันแย่งถิ่นกันเลยนี่หน่า?”
“ตลกไปมั้ย เข็มขัดคาถาภาคใต้ของเรา ฉันเป็นคนทำมันขึ้นมา ตอนนี้ต้องฟังคำสั่งของคนอื่น มันไร้สาระชัดๆ ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ มีคนที่ไม่ได้อยู่ภาคใต้ด้วยมั้ย?”
ทุกคนถกเถียงกัน ไม่คาดคิดว่างานเลี้ยงนี้จะเป็นงานเลี้ยงมรณะ ที่วีจิ้งไห่อยากซวนซวนภาคใต้รวมกัน!