บทที่ 306
เขาไม่พูดพร่ำทําเพลง รีบคุกเข่าตรงหน้าเย่เฉิน กล่าวด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับแสดงความเคารพอย่างจริงใจว่า “อาจารย์เย่ หากลุงวีมีอะไรที่ทำไม่ดี ขอให้อาจารย์เย่ชี้แนะ ลุงวีจะปรับปรุงแก้ไขทั้งหมด!”
เย่เฉินพยักหน้า มองลงไปที่เขา แล้วชี้ไปที่เว่ยฉางหมิงที่ยืนงุนงงอยู่ข้างๆ แล้วถามว่า “ชายคนนี้บอกว่า คุณเป็นพี่น้องร่วมสาบานของพ่อเขา ใช่เรื่องจริงหรือเปล่า?”
ลุงวีมองไปที่เว่ยฉางหมิงแวบหนึ่ง แล้วกล่าวทันทีว่า “เรียนอาจารย์เย่ พ่อเขากับผมเป็นคนบ้านเดียวกัน สามารถบอกว่าเป็นเพื่อนกันได้ แต่ไม่ใช่พี่น้องร่วมสาบานแน่นอน”
“ดี” เย่เฉินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เมื่อสักครู่ไอ้หมอนี่กับคู่รักของมัน ได้แอบอ้างชื่อของคุณเพื่อเยาะเย้ยผม ข่มขู่ผม แล้วยังจะทำร้ายให้ผมตาย คุณคิดว่าเรื่องนี้จะจัดการยังไงดี? ”
ลุงวีเข้าใจในทันที ที่เย่เฉินไม่พอใจตนเอง สาเหตุทั้งหมดมาจากเว่ยฉางหมิง
เขาตะโกนใส่เว่ยฉางหมิงด้วยความโกรธว่า “ไอ้สารเลว! แกล่วงเกินอาจารย์เย่ รีบคุกเข่าลง! ”
เว่ยฉางหมิงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
อะไรคืออาจารย์เย่? ทำไมถึงเรียกอาจารย์เย่?
มันก็แค่ไอ้ยาจกไม่ใช่เหรอ? คุณแก่จนเลอะเลือนไปแล้ว?
จากนั้น เขากล่าวตามสัญชาตญาณว่า “ลุงวี ไอ้นี่มันเป็นแค่ยาจกที่ไร้ประโยชน์? คุณเป็นคนที่สูงส่ง คุกเข่าให้เขา? คุณเป็นคนสนิทของตระกูลซ่ง! และอีกอย่างเขาได้ล่วงเกินคุณหนูใหญ่ของตระกูลซ่ง คุณควรจะฆ่าเขาถึงจะถูก!”
ลุงวีตัวสั่นด้วยความโกรธ
จะให้ตนเองฆ่าอาจารย์เย่? แม่งฉิบหายคุณมันบ้าไปแล้ว!
ชนชั้นสูงในเมืองจินหลิง ไม่มีใครไม่รู้จักเย่เฉินอาจารย์เย่?
คุณท่านใหญ่ของตระกูลซ่งก็ได้อาศัยเข็มวิเศษกับยาวิเศษ ร่างกายถึงได้ฟื้นฟูได้ดังเดิม!
ทุกคนใจตระกูลซ่ง ให้ความเคารพเย่เฉิน และปฏิบัติกับเขาราวกับเป็นเทพเจ้า!
ถึงตนเองจะมีฐานะสูงยังไง ก็ยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แม้แต่คนที่ดูแลกิจการและเป็นใหญ่ในตระกูลซ่ง ก็ยังยกย่องเขาเป็นเหมือนเทพเจ้า เมื่อตนเองได้เห็นเขาแล้ว ยิ่งต้องยกย่องเป็นเหมือนเทพเจ้าขึ้นไปอีก ต้องคุกเข่าก้มกราบถึงจะถูกต้อง!
คุณท่านใหญ่ของตระกูลซ่ง ผู้ที่เป็นหัวหน้าตระกูลซ่ง ตอนนี้ประโยคที่พูดบ่อยที่สุดคือ
“ชายชราอย่างฉันแทบรอไม่ไหว ไม่รู้ว่าปีไหนเดือนไหนตระกูลซ่งของฉัน ถึงจะได้เย่เฉินคนที่เป็นเสมือนมังกรในโลกมนุษย์ มาเป็นหลานเขยของฉัน……”
ฉะนั้น ในใจของลุงวี ฐานะของเย่เฉิน สูงกว่าคุณท่านใหญ่ของตระกูลซ่งเสียอีก!
ตอนนี้ไอ้สารเลวเว่ยฉางหมิง ได้บอกแก่คนภายนอกว่า ตนเองและพ่อของเขาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แล้วยังแอบอ้างชื่อของตนเอง ล่วงเกินอาจารย์เย่ แม่งฉิบหายมันจะทำให้ตนเองเดือดร้อนชัด ๆ !
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เขาจึงรีบลุกขึ้นยืน ใช้มือฟาดไปที่หน้าของเว่ยฉางหมิงอย่างแรง แล้วก็หันหลังไปสั่งกับ รปภ. ว่า “พวกแก มากดให้เขาคุกเข่าลง! และก็ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขาด้วย! ”
เว่ยฉางหมิงไม่เคยคิดว่าลุงวีจะตบตนเอง กำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้สึกได้ถึงแรงที่กดลงมาจากไหล่ทั้งสองข้างทำให้เขาคุกเข่าลงบนพื้นอย่างควบคุมไม่ได้
เซียวเวยเวยตกใจมาก แม้ว่าเธอจะถูกกดคุกเข่าลงบนพื้นแล้ว เธอก็ยังอยู่ในภวังค์ยังไม่ได้สติ
ในขณะนี้ลุงวีวางมือลงบนพื้น เขาเงยหน้าขึ้นมองเย่เฉินและกล่าวด้วยความตื่นตระหนก “อาจารย์เย่ เป็นเพราะผู้น้อยคบเพื่อนแบบไม่ใส่ใจ ไม่คาดคิดว่าเพื่อนของผู้น้อยจะมีลูกชายที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี อาจารย์เย่โปรดมั่นใจ ผู้น้อยจะสอนบทเรียนให้เขา และให้เขารู้ถึงบทเรียนของการล่วงเกินอาจารย์เย่!”
เย่เฉินกล่าวอย่างเรียบ ๆ ว่า “ผมเป็นผู้น้อย เป็นผู้น้อยที่ไม่มีปากมีเสียง ไม่มีความสำคัญอะไร ล่วงเกินก็ได้ล่วงเกินไปแล้ว อีกอย่างเขารู้จักลุงวีอย่างคุณ ถึงผมจะโดนทำร้าย ผมก็ได้แต่อดทน!”
เมื่อลุงวีได้ยินประโยคนี้ เขารู้ได้ว่าเย่เฉินยังไม่ให้อภัยตนเอง ดังนั้นเขาจึงรีบก้มกราบสามครั้ง พร้อมกับกล่าวว่า “อาจารย์เย่ หากคุณมีอะไรไม่พอใจ คุณพูดออกมาได้เลย ถึงแม้ว่าจะทำให้ผู้น้อยวีพิการ ผู้น้อยวีก็จะทำให้ชัดเจนไม่คลุมเครือแน่นอน!”
เย่เฉินโบกมือ “ทำให้คุณพิการมันไม่จำเป็น ผมแค่อยากรู้ ถ้าหากคนอื่นล่วงเกินคุณหนูใหญ่ของพวกคุณ คุณจะทำอย่างไร? ”
จากนั้น เย่เฉินก็ชี้ไปที่บัตรสมาชิกVIPพรีเมี่ยมที่อยู่ในมือของเว่ยฉางหมิง และกล่าวกับลุงวีว่า “บัตรใบนี้คุณหนูใหญ่ของพวกคุณเป็นคนมอบให้ผมเอง สาเหตุที่ทำบัตรสมาชิกVIPพรีเมี่ยมนี้ขึ้นมา เพื่อแสดงว่าคุณหนูใหญ่ของพวกคุณความเคารพผม ซึ่งทำขึ้นให้ผมโดยเฉพาะ ถ้าบัตรสมาชิกVIPพรีเมี่ยมกลายเป็นชื่อโง่ๆ ผมขอถามคุณว่า มันหมายความว่าด่าคุณหนูใหญ่ของพวกคุณว่าโง่ใช่ไหม? ”
ลุงวีหันศีรษะไป กัดฟันและรอเว่ยฉางหมิง ท่าทางเคร่งขรึม มีแววสังหารอยู่ทั่วใบหน้า แล้วกล่าวถามว่า “คนแซ่เว่ย แกมีชีวิตอยู่นานจนเบื่อแล้วใช่ไหม??? ”
————