TB:บทที่ 271 เยี่ยมเยือนครอบครัวคง
เมื่อเฉินหลงออกไปแล้ว ครอบครัวซ่งก็รู้สึกโล่งใจ
ในตอนนั้นเองที่ซ่งเทียนเจี่ยอ้าปากกล่าวคำคำหนึ่ง
“จากวันนี้ไป ตำแหน่งนายใหญ่แห่งสกุลซ่งจะเป็นของซ่งเจิ้ง”
จากสิ่งที่เฉินหลงกล่าวเมื่อครู่ ซ่งเทียนเจี่ยมองออกได้เลยว่าเฉินหลงไม่ได้มีความรู้สึกแย่ๆอะไรกับซ่งเจิ้ง อีกอย่างหนึ่งคือซ่งเจิ้งก็เป็นผู้สืบทอดคนโปรดของเขาเสมอมาด้วย และด้วยสาเหตุที่ว่าเขาไม่อาจอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อีก คงจะดีกว่าที่ในวันนี้จะกู้ชื่อคืนให้ซ่งเจิ้ง
“เนื่องจากว่านายท่านคนก่อนได้มอบหมายให้ผมเป็นหัวหน้าใหญ่ของสกุล ผมจะไม่ปฏิเสธ และในตอนนี้ ที่ทุกคนอยู่ที่นี่ในวันนี้ ผมจะกล่าวสองสิ่ง ในอนาคตนั้นสกุลซ่งจะต้องนึกถึงความต้องการหรือคำสั่งของนายใหญ่ อย่างแรกคือตั้งแต่วันนี้ไป สกุลซ่งจะต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้องและรักษากฎหมาย ผมจะลืมวิธีอย่างเก่าของสกุลไปให้หมด หากว่าใครกล้าที่จะทำผิดและก่อปัญหาที่เขาไม่ควรจะก่อ ผมจะตัดขาเขาคนนั้นและขับไล่ออกไปจากสกุลซ่ง อย่างที่สองจากวันนี้ไปสมาชิกทุกคนของสกุลซ่งจะต้องพยายามจะลงแรงพัฒนาพลังของตน เนื่องจากเมื่อเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเดิมแล้วจะไม่มีใครกล้ามาทำอะไรเรา
วันนี้พวกคุณคงเห็นพลังของเขาแล้ว เมื่อสองปีก่อนพลังของเขาอยู่ระดับเดียวกับผม ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่อยากให้ใครมาทำร้ายเขาได้ เขาจึงแข็งแกร่งดังที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ เขาคือเป้าหมายของพวกคุณ ผมไม่ได้หวังให้พวกคุณแข็งแกร่งอย่างเขา ทว่าผมหวังว่าพวกคุณจะพยายามให้ได้มากเท่ากับที่เขาทำ ตัวผมจะทำอย่างเดียวกัน” เมื่อได้ฟังคำของซ่งเจิ้งแล้ว เขาไม่สุภาพอีกต่อไป สกุลซ่งกลายมาเป็นเช่นนี้แล้ว หากว่าไม่ทำอะไรละก็สกุลซ่งคงจบสิ้น
หลังจากที่ซ่งเจิ้งกล่าวจบ เขาเห็นว่าไม่มีสมาชิกของสกุลซ่งคนใดออกตัวมาพูดอะไร เขาจึงว่าไปด้วยเสียงอันดัง “ได้ยินที่บอกหรือไม่”
“หากว่ามีใครมาดูแคลนเราโดยเจตนาละครับ” เด็กหนุ่มของสกุลซ่งถาม
“ทนไว้ แต่ถ้าทนไม่ได้ก็จงทนไว้ ถ้ายังชินชาอย่างบรรพบุรุษนายก็สามารถจะจองหองได้ นายจะสามารถทำตัวโง่ๆได้ แต่ตอนนี้บรรพบุรุษของเราไม่ได้สำคัญอะไรแล้วและไม่มีใครมาคอยปกป้องเรา ถ้ายังอยากจะท้าทายคนไปทั่วอย่างที่เคย สกุลซ่งคงถึงคราวสิ้นสุด” สิ้นคำซ่งเจิ้งพลันหงุดหงิดขึ้นมา
แม้ว่าเขาอยากจะทำสิ่งใดให้สกุลซ่ง แต่เขาก็ไม่ได้มีพอทั้งด้านกำลังหรือเกียรติภูมิ ในตอนนี้ด้วยท่าทีตอบรับของสกุลซ่งและคำถามที่ศิษย์หนุ่มถาม ทุกคนได้ลดความมั่นใจของตนลงไปแล้ว
เมื่อได้ฟังคำของซ่งเจิ้ง คนในสกุลซ่งคนที่คุ้นชินกับชีวิตอย่างลูกหลานตระกูลผู้ดีเก่าก็เริ่มจะปรึกษากันด้วยเสียงต่ำ “ถ้าเป็นเช่นนั้น หน้าตาของสกุลซ่งคงไม่เหลือแล้ว”
“ไอ้คนไร้ประโยขน์ ไม่ได้ยินที่เจ้านายว่าหรือ หากมีใครกล่าวเช่นนั้นอีกรอบ คนคนนั้นคงไม่ได้เป็นสกุลซ่งอีกต่อไป” ในตอนนั้นเองที่ซ่งเทียนเจี่ยจ้องมองคนทั้งสองที่กำลังคุยกันอยู่อย่างรุนแรง เขาว่าไปเสียงดัง
ทำไมคนพวกนี้จึงไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันเลยสักคน พวกเขาทอดทิ้งบรรพบุรุษไปแล้ว อีกทั้งเสาหลักของสกุลก็ไม่อยู่แล้วด้วย พวกเขาไม่รู้หรือว่าการที่ตระกูลเช่นนี้จะอยู่รอดได้อีกครั้งนั้นยากเย็นเพียงไร
พวกเขาทุกคนจะอยากใช้ชีวิตอย่างเดิมได้อย่างไร ซ่งเทียนเจี่ยผิดหวังกับพวกเขาจริงๆ อีกทั้งเขายังผิดหวังในตัวเอง นี่น่ะหรือสกุลซ่งภายใต้การจัดการของเขา
ซ่งเทียนเจี่ยกล่าวไปเช่นนั้น แล้วพวกสมาชิกสกุลซ่งก็ไม่กล้ากล่าวอะไรอีก
“นายท่าน หากจะมีใครกล้าไม่ฟังท่านและไม่ทำตามกฎ ให้ผมหักขาพวกมันและโยนพวกมันออกไปจากสกุลซ่ง” ซ่งเทียนเจี่ยหันไปมองหน้าซ่งเจิ้งอีกครั้ง
เขายังรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับซ่งเจิ้งที่จะทำให้คนทั่วไปเชื่อเขา เขาจึงต้องแสดงการสนับสนุนอย่างสุดกำลังให้ซ่งเจิ้งด้วยการตอบรับคำของเขา
“ตอนนี้ ได้ยินฉันชัดหรือยัง” ซ่งเจิ้งจ้องมองคนในสกุลซ่ง
“ครับ ได้ยินชัดเจน”
บางคนว่า บ้างก็พยักหน้า
“ผมได้ยินไม่ค่อยจะชัดนัก”
“ได้ยินชัดแจ้งครับ”
ยังมีบางคนที่ไม่ยอมพูดอะไร
“ดังขึ้นอีก หากว่ามีใครกกินแล้วไม่มีกำลัง เขาคนนั้นจะไม่ได้กินอะไรในสกุลซ่งอีกเลย”
ซ่งเจิ้งพลันคำรามอย่างดัง
“ได้ยินชัดเจนครับ”
ซ่งเจิ้งก้าวไปข้างหน้า ดังที่เขาจะวางอำนาจของเขา ในขณะนั้นคนที่ไม่ยอมเปิดปากก็ทำได้เพียงรับชะตากรรมของตน
หลังจากที่เฉินหลงและคนทั้งห้าออกไปจากสกุลซ่งแล้ว เฉินหลงก็ชี้ไปยังเต๋ากวนหานและกล่าวว่า
“ตอนนี้ผมจะไปหาสกุลคง พวกคุณอยากไปด้วยกันไหม”
เต๋ากวงหานและคนทั้งสามรีบพยักหน้า คนที่แข็งแกร่งอย่างเฉินหลงได้เจอครั้งเดียวคงไม่มีทางเพียงพอ
เฉินหลงยิ้มและคนทั้งห้าก็ไปยังสกุลคง
ดูเหมือนว่าพวกตระกูลเก่าแก่จะชอบใช้ปราสาทเป็นที่อยู่อาศัย บ้านพักของสกุลคงจึงเป็นปราสาทเช่นกัน
ในตอนนั้นเองที่ประตูของสกุลคงเปิดออก คงหวันเต๋ายืนอยู่คนเดียวท่ามกลางสนามหญ้าใหญ่ เขาหันหน้าทางประตู
เขาเห็นท่าทีของคงหวันเต๋าแล้ว ปากของเฉินหลงก็เผยรอยยิ้ม เขาถือมีดดอกไม้ในมือ เขารู้อยู่แล้วว่าคงหวันเต๋าใช้มีด ดังนั้นแล้วในระหว่างที่เขามาที่นี่ เฉินหลงเปลี่ยน “ไม้เท้าแห่งพลัง” ของเขาเป็นมีดนรก ไม่ใช่ว่ามีดของคงหวันเต๋าทรงพลังมากหรือ เขาจึงต้องเอาชนะเขาด้วยมีด ทำให้เขาแหลกสลายไปด้วยสิ่งที่เขามั่นใจที่สุด
“ฉันไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งนายจะเป็นคนตัวน้อยๆที่มีพลังลมปราณ ในตอนนี้พลังของนายถึงระดับขั้น “หลอมรวมธรรมชาติ” แล้ว นายทำให้ฉันแปลกใจจริงๆ อีกประการหนึ่งคือฉันแปลกใจที่นายออกมาหาฉันจากบ้านสกุลซ่ง” คงหวันเต๋ามองเฉินหลง
เฉินหลงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณจะแปลกใจมากกว่านี้อีกถ้ารู้ว่าซ่งจิวเทียนเพื่อนเก่าบาดเจ็บสาหัสเพราะผมกับไม้เท้านี่ แล้วหลังจากนั้นผมก็บังคับให้เขาทำลายพลังของเขา”
หากไม่อยากแสร้งว่าโดนบังคับ เขาจะปล่อยให้ทำอย่างดีๆเอง
แน่นอนว่าหลังจากที่เขาได้ยินคำของเฉินหลงแล้ว คิ้วของคงหวันเต๋ายับย่น เขาไม่รู้ว่าที่เฉินหลงกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ ทว่าเฉินหลงออกมาจากบ้านสกุลซ่งและนั่นพิสูจน์ว่าสกุลซ่งก็หยุดเฉินหลงไว้ไม่ได้
“ไม่ว่าสิ่งที่นายพูดจะจริงหรือไม่ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันอยู่ดี ไม่ใช่ว่านายกำลังจะคืนของขวัญกลับให้ฉันหรือ ฉันอยู่ที่นี่แล้ว หากว่าอยากจะทำอย่างเดียวกันก็เอาเลย” คงหวันเต๋าละทิ้งความคิดของตนไปและวางมือไว้เบื้องหลังตน
“นี่คุณกำลังจะแข่งกับผมแบบมือเปล่าหรือ” ใบหน้าเฉินหลงประดับยิ้มติดตลก
ซ่งจิวเทียนแกล้งว่าเขาโดนบังคับและบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากไม้เท้าของเขา หากว่าคงหวันเต๋าทำอย่างเดียวกัน คงจะไม่สนุกเท่าไร
“เมื่อถึงเวลา ฉันจะจัดการแน่นอน” คงหวันเต๋าว่าอย่างอ่อนกำลัง
อย่างไรก็ตามแต่ แม้คงหวันเต๋าจะไม่ชักมีดของเขาออกมา ทว่าน้ำเสียงของเขาก็ไม่ได้ต่างไปเลย เขาไม่กล้าจะดูถูกกำลังของเฉินหลงแม้แต่น้อย
“เอาล่ะ มาลองดูกัน”
ด้วยท่วงท่าของมีดนรก เขาใช้ “ครกทุบกระหน่ำ” ฟาดฟันใส่คงหวันเต๋า
เขาเห็นกระบวนท่าของเฉินหลง ใบหน้าของคงหวันเต๋าพลันเปลี่ยนไป กระบวนท่านี้รุนแรงเกินไป ด้วยกระบวนท่านั้นคงหวันเต๋ารู้สึกได้ทันทีว่าเขาเป็นครกที่ตรึงอยู่กับที่และมีดของเฉินหลงเป็นสากยักษ์ใหญ่ดังภูเขา
และด้วยแรงของกระบวนท่านี้ การจะป้องกันยังยากเหลือเกิน
มีดของคงหวันเต๋าปรากฏขึ้นในมือเขา เขารับมือกับท่าของเฉินหลง
“กึ๊ง”
หลังจากการต่อสู้ที่ยากลำบาก คงหวันเต๋าที่โดนเฉือนก็ถอยกลับหลังสองก้าว
ในตอนนั้นเองที่คงหวันเต๋ามองเฉินหลงด้วยความหวาดกลัวในสายตา เขานับว่าเฉินหลงขึ้นมาเป็นระดับเดียวกับเขาแล้ว เขาไม่ได้คาดหวังว่าพลังของเขาจะแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคิดแบบนี้