TB:บทที่ 267 เก็บหนี้
อาทิตย์หนึ่งต่อมา ในที่สุดเฉินหลงด็ได้เริ่มกระทำการจัด สกุลซ่งและสกุลคงเป็นหนี้เขาอยู่ และนี่คือเวลาที่พวกนั้นต้องจ่ายคืนเขาแล้ว
เช่นเดียวกับที่เขาให้สัญญากับเต๋ากวงหาน
ช่วงสองปีที่เฉินหลงออกจากโลกไป เต๋ากวงหานกลับไปยังเมืองหลวงด้วยความช่วยเหลือของยอดปรมาจารย์ทั้งเจ็ด
เรื่องการหายตัวไปของอย่างกะทันหันของเฉินหลง เต๋ากวงหานนั้นยังคงยึดถึงคำตกลงอยู่ เขารอให้เฉินหลงกลับมา ถึงกระนั้น คนทั้งเจ็ดที่เขาพามาด้วย มีเพียงสามคนและเต๋ากวงหานที่รออยู่เท่านั้น คนที่เหลืออีกสี่คนได้จากไปแล้ว ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ไม่เชื่อเต๋ากวงหานไปเสียหมด
เนื่องจาก “นิวเวิร์ล” ได้เกิดขึ้นมา คนทั้งสี่ที่ไปแล้วคิดว่าพวกเขาคงพัฒนาในนิวเวิร์ลได้มากกว่า แม้พวกเขาจะรู้สึกผิดทำอะไรเย็นชาไป แต่ทำไมพวกเขาต้องรอคนที่ไม่รู้จักให้กลับมาด้วยในเมื่อพวกเขามีที่ที่ดีกว่าให้ไป
เมื่อเฉินหลงกลับมาแล้ว เต๋ากวงหานได้พาคนทั้งสามมาหาเฉินหลง
ตอนที่พวกเขาเจอกัน เฉินหลงพบว่าพลังของเต๋ากวงหานเป็นระดับปรมาจารย์ชั้นสูงแล้ว และเขาอยู่ห่างจากระดับกำเนิดอีกไม่ไกล อย่างไรเสีย พลังของคนทั้งสามนั้นยังเลื่อนมาเป็นระดับต้นๆแล้ว แต่ก็ยังไม่ดีเยี่ยมเท่าเต๋ากวงหาน
คนทั้งสามชื่อว่าวู่ซ่ง เจิ้งเหลียงและซิงฮาน วู่ซ่งเป็นชายผอมที่มีรูปร่างทั่วๆไป เขาดูเป็นคนคงแก่เรียนอ่อนแอๆมากกว่า เขาอายุประมาณสามสิบปี
เจิ้งเหลียง อายุช่วงประมาณสามสิบปี ร่างกายเขาดูแข็งแรงใบหน้าเต็ม เขาพูดจาเชื่องช้า
ซิงฮานนั้นเด็กกว่า เขาอายุยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปี เขาหน้าตาและส่วนสูงปกติทั่วไป เขาดูสามัญธรรมดา
“วันนี้ ผมจะไปบ้านสกุลซ่ง จะมากับผมไหม” เฉินหลงมองวู่ซ่ง เจิ้งเหลียงและซิงฮาน พร้อมรอยยิ้มเท่ๆบนใบหน้า
คนทั้งสามอยู่กับเต๋ากวงหานได้ เพื่อรอเขา เฉินหลงประทับใจพวกเขา หากว่าพวกนั้นเต็มใจจะไปบ้านสกุลซ่งกับเขาด้วย เขาคงให้โชคดีๆเมื่อพวกเขากลับมา
สำหรับเต๋ากวงหานแล้ว เขากล้าแม้แต่จะฆ่าคนของสกุลซ่ง เขาจะไม่กล้าไปบ้านสกุลซ่งได้ด้วยตัวเองได้อย่างไรกัน
พวกวู่ซ่งทั้งสามคนมาอยู่เมืองหลวงได้เกินปีแล้ว แน่ล่ะ พวกเขารู้ว่าสกุลซ่งเป็นตระกูลแบบใด และเมื่อได้เห็นท่าทางของเฉินหลงแล้ว เขาคงไม่ได้ไปบ้านสกุลซ่งเพื่อรำลึกความหลังแน่นอน
ในตอนนั้นเต๋ากวงหานเหลือบมองเฉินหลงโดยไม่ได้กล่าวอะไร แม้ว่าเขาจะมองคนทั้งสามในแง่ดีแต่เขาเลือกทำด้วยตัวเองคงดีกว่า
หลังจากที่มองกันแล้ว พวกเขาต่างพยักหน้าและตกลงไป
เมื่อเห็นว่าทุกคนตกลง ใบหน้าของเฉินหลงเผยรอยยิ้ม เขากล่าวไปว่า “ดีล่ะ งั้นไปกันเลย” เมื่อทั้งห้าคนออกไปแล้ว พวกเขาถึงข้างหน้าคฤหาสน์ของสกุลซ่ง นี่เป็นครั้งที่สองที่เฉินหลงมาที่นี่ ครั้งที่แล้วมีคนบังคับเขามา ครั้งนี้เฉินหลงมาเก็บหนี้
เมื่อเฉินหลงมาอยู่เบื้องหน้าสกุลซ่งอันยิ่งใหญ่แล้ว ประตูก็เปิดออกก่อนที่เฉินหลงและคนอื่นจะเคาะประตู ซ่งเจิ้งเป็นผู้เปิดประตูเช่นเคย พลังของเขายังเป็นเป็นระดับปรมาจารย์ขั้นสูง ดูเหมือนว่าแม้จะมี “นิวเวิร์ล” แต่พลังระดับกำเนิดคงมีขอบเขต เป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะผ่านพ้นพลังนี้
“คุณเฉิน โปรดเข้ามาครับ”
ในตอนนี้ที่เขาเผชิญหากับเฉินหลง ใจของเจิ้งมีแต่ขมขื่นและขมขื่น ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว พลังของเขาเคยเท่ากับเฉินหลง แต่ในตอนนี้เฉินหลงไม่รู้ว่าห่างชั้นเขาไปขนาดไหนแล้ว
“พี่ซ่ง นี่มารอผมหรืออะไรกันครับ” เฉินหลงเดินไปในคฤหาสน์และกล่าวไปข้างๆซ่งเจิ้งว่าเขาเพิ่งมาถึงหน้าบ้านสกุลซ่ง บ้านสกุลซ่งเปิดประตูออกเพื่อต้อนรับแขก เห็นได้ชัดว่าเขาพูดกับเฉินหลงเหมือนเขาจ้องมองเฉินหลงอยู่ จะว่าตามจริงแล้ว เฉินหลงมีความประทับใจดีๆกับซ่งเจิ้ง หากว่าเขาไม่ใช่สมาชิกบ้านซ่งแล้ว เฉินหลงรู้สึกจริงๆว่าพวกเขาคงเป็นเพื่อนกันได้
“คุณเฉิน คุณล้อเล่นแล้ว” ซ่งเจิ้งยิ้มอย่างเขินอาย เขาไม่บอกว่าใช่หรอกที่ว่าเขาจ้องดูเฉินหลงอยู่น่ะ
เฉินหลงยิ้มและไม่พูดอะไร
เขาพร้อมด้วยเต๋ากวงหานและอีกสามคน เฉินหลงตามซ่งเจิ้งไปยังที่ที่เขาเจอซ่งเทียนเจียเมื่อคราวก่อน ซ่งเทียนเจียยังคงนั่งบนเก้าอี้ของเขา
ในที่เดียวกันนั้น ซ่งเทียนเจียและเฉินหลงพบกันอีกครั้ง ความต่างคือซ่งเทียนเจียยังเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงในตอนนั้น ตอนนี้มีพลังระดับกำเนิดแล้ว ส่วนเฉินหลงก้าวเข้าสู่ระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ”
“คุณเฉิน ครั้งนี้ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณอยู่ที่นี่” ซ่งเทียนเจียนั่งบนเก้าอี้ของเขาและมองมา
“ขอให้ตาแก่ซ่งจิวเทียน(เหมือนครั้งก่อนตอนในถ้ำแปลผิดคิดว่าคนเดียวกันกับซ่งเทียนเจีย ขอโทษค่ะ)ออกมาหน่อย สองปีก่อน ตาแกนั้นต้องการฆ่าผม แต่ผมหนีไปได้ อย่างที่ผมพูดไปแล้วว่าผมจะมาเอาคืนทีหลัง ตอนนี้ผมมาเพื่อจ่ายค่าความใจดีเมื่อปีนั้น” เฉินหลงว่าอย่างเย็นชา
“เฉินหลง ไม่มีใครปฏิเสธแน่ว่านายเป็นอัจฉริยะ แม้จะแบบนั้นหากว่านายยังต้องการจะสะสางเรื่องที่มีกับตาเฒ่าจิวเทียนแล้ว ยังอีกห่างไกลนะ ดังนั้นนี่ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก” ซ่งเทียนเจียขมวดคิ้วเล็กๆ
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน หวังหงและอู๋ฮ่าวมายังบ้านสกุลซ่งด้วยกัน เพื่อสร้างความจริงใจและความสงบสุขกับสกุลซ่ง ไม่เช่นนั้นสกุลซ่งคงโดนทำลายไปแล้ว ซ่งจิวเทียนไม่มีทางเลือกนอกจากจะแข็งข้อกับหวังหงและอู๋ฮ่าว ฉะนั้นวันนี้เขาคงทนกับเฉินหลงไปก่อน
“หากว่าจิวเทียนไม่ออกมาวันนี้ อย่าโทษว่าผมรังแกคนที่อ่อนแอกว่าเลยนะ” เฉินหลงใช้อาวุธชี้ไปที่ซ่งเทียนเจีย นั่นคือไม้เท้าแห่งพลัง
สองปีก่อน ซ่งจิวเทียนและคงหวันเต๋าร่วมมือกันฆ่าเขา พวกเขาได้ทอดทิ้งศีลธรรมไป วันนี้หากว่าตาแก่ซ่งจะไม่ออกมา เฉินหลงคงถือโอกาสของสกุลซ่งนี้ แล้วเปลี่ยนสี่ตระกูลดังแห่งเมืองหลวงให้กลายเป็นสามตระกูล
“เฉินหลง อย่าไร้ความละอายไปเลย ไม่คิดหรือไงว่าพวกเรากลัวนายอยู่แล้ว หากว่ามีความละอายอยู่คุณหวัง คุณอู๋ บอกไว้แล้วว่าพวกเราจะไปก่อกวนนายไม่ได้ นายคิดว่าประตูของบ้านสกุลซ่งจะเข้าใกล้ได้ง่ายๆหรือไง” ในฐานะนายใหญ่แห่งสกุลซ่ง ซ่งเทียนเจียยังต้องวางมาดอยู่
“คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับผม ให้ตาแก่นั่นออกมา” สิ้นคำ เฉินหลงเดินเข้าไปหาซ่งเทียนเจีย
แล้วพลังชีวิตแห่งการหลอมรวมธรรมชาติจึงจับซ่งเทียนเจียไว้
แม้ว่าบรรยากาศบนโลกจะเบากว่าที่อาณาจักรคุนหลุน แต่เป็นพลังของซ่งเทียนเจียด้วยที่อ่อนแอด้วย การควบคุมพลังหลอมรวมธรรมชาติของเฉินหลงได้ตรึงซ่งเทียนเจียไว้ที่นั้นเสียแน่น
ซ่งเทียนเจียที่รับพลังการหลอมรวมธรรมชาติไว้ ตื่นตกใจ
ตอนแรก ซ่งเทียนเจียคิดว่าแม้เขาจะสู้กับเฉินหลงไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาคงจะสู้ได้สักสองสามกระบวนท่า ถึงกระนั้น เขาไม่คาดว่าพลังของเฉินหลงจะแข็งแกร่งพอจะบี้เขาได้เหมือนมด นี่ช่างเลวร้าย
เฉินหลงเดินไปหาซ่งเทียนเจีย เขาคว้าปกเสื้อซ่งเทียนเจียขึ้นมา ยกตัวเขาขึ้นจากเก้าอี้ราวกับไก่ตัวหนึ่ง แล้วจึงโยนไปด้านข่าง เฉินหลงกล่าวไป “ซ่งจิวเทียน โปรดรีบออกมา ไม่เช่นนั้น ผม เฉินหลง จะเผาบ้านสกุลซ่งของพวกคุณให้ราบเป็นหน้ากลองเลยวันนี้”
เมื่อเห็นการกระทำที่องอาจของเฉินหลง พวกเต๋ากวงหานทั้งสี่ที่เข้ามากับเฉินหลงต่างก็มีสีหน้าว่าเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้แม้แค่คิด
พวกเขารู้ว่าซ่งเทียนเจียเป็นระดับกำเนิด แต่เบื้องหน้าเฉินหลง เขายังอ่อนดั่งไก่ตัวหนึ่ง ไก่อ่อนที่จะโดนเฉินหลงเฉือนเมื่อไหร่ก็ได้
ใบหน้าของซ่งเจิ้ง มีความรู้สึกอันชมชื่นด้วย เขาได้กล่าวไปแล้วว่าหากท้าทายเฉินหลงไม่ได้ ก็อย่าทำเสียดีกว่า แต่ถึงกระนั้นพวกนายใหญ่แห่งตระกูลและพวกผู้อาวุโสเบื้องบนก็ไม่ฟังเขา ในตอนนี้เมื่อคนพวกนั้นมาแล้วและพลังเขาช่างร้ายกาจเหลือเกิน นี่แหละคือผลที่พวกเขาต้องการ