TB:บทที่ 286 เอาสิ่งที่อยากได้ไปสิ
“หอมนี่ ไวน์ดี เอามาเร็วเข้า” หลังจากที่ดมกลิ่นหอมหวนของไวน์แล้ว ตัวกินไวน์ของอู๋ไท่เต๋าพลันพุ่งเข้ามาและไม่รอช้าที่จะพูดออกไป
เฉินหลงยิ้มและยื่นเหยือกไวน์ไปให้อู๋ไท่เต๋า
อู๋ไท่เต๋ารับเหยือกไวน์มาและดมไวน์นั้น กลิ่นของไวน์ทำให้ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าเมามายในทันใด แล้วเขาจึงหยิบเหยือกไวน์และดื่มไปอึกใหญ่
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้วิธีที่อู๋ไท่เต๋าใช้ เมื่อเขารินไวน์เข้าปากจากเหยือกใบใหญ่แบบนั้น เขาไม่แม้แต่ปล่อยให้มันรั่วไปไหนสักหยด
หลังจากดื่มไปสองสามอึกใหญ่ อู๋ไท่เต๋าวางเหยือกลงและกล่าวไป “ไวน์ดีนี่ นี่สิคือไวน์ดี ดีกว่าไอ้สีแดงพวกนั้น สีแดง สีเขียว และไวน์เขียวนั่นเกินไปที่จะดื่ม เอ้อ แล้วก็ ไวน์นี่ชื่ออะไรน่ะ”
“ไวน์คุนหลุน” เฉินหลงว่าเบาๆ
“ดี ดี” อู๋ไท่เต๋ากล่าวอย่างมีความสุข
สำหรับคนที่ไอคิวมีเพียงเท่ากับเด็กเจ็ดหรือแปดขวบ ตราบใดที่เขามีสิ่งที่ชอบแล้ว เขาจะพึงพอใจและมีความสุขเอามากๆ
“ดีพอให้ดื่มหรือ”
“ก็ อร่อยนี่” อู๋ไท่เต๋าถือเหยือกไวน์และพยักหน้าซ้ำๆ
“งั้นไวน์เหยือกนี้ผมจะให้คุณไป” เฉินหลงยิ้ม แล้วจึงแสดงสีหน้างงงวย เขากล่าวไป “โชคไม่ดีเลย ผมไม่มีไวน์ดีๆที่นี่ด้วยสิ แต่อย่างไร คุณก็สบายใจได้ว่าอาจารย์ลุงของคุณและผมจะเป็นเพื่อนกัน เขาจะต้องมีไวน์แบบนี้ที่นั่นแน่ บางทีอาจจะเพราะอาจารย์ลุงของคุณคิดว่าคุณชอบดื่มมากเกินไปจนกลัวว่าคุณจะดื่มไวน์ดีๆของเขาไปหมด เขาเลยไม่บอกคุณไง ดังนั้นคุณควรรีบกลับไปไม่เช่นนั้นอาจารย์ลุงของคุณคงจะดื่มไวน์ดีๆไปหมด”
“จริงหรือ ลุงเจ้าสำนักช่างลื่นไหลเสียจริง เขารู้ว่าอู๋ไท่เต๋าชอบดื่มไวน์ เขาไม่ให้ฉันดื่มเพราะเขามีไวน์ดีๆ ฉันจะต้องกลับไปและขอไวน์กับเขาแล้ว” เมื่อได้ยินคำไร้สาระของเฉินหลง อู๋ไท่เต๋าเชื่อเขาจริงๆ สุดท้ายแล้วก็เป็นผลของความฉลาดอย่างเด็กคนหนึ่งของอู๋ไท่เต๋า อีกทั้งเฉินหลงยังมีไวน์ที่ดีอยู่จริงๆด้วย จึงเป็นธรรมดาที่อู๋ไท่เต๋าจะเชื่อ “เอ้อ แล้วก็ ฉันขอให้นายมีชีวิตการแต่งงานที่มีสุขนะ”
จากนั้น อู๋ไท่เต๋าก็หยิบไวน์ไปสองเหยือกและจากไป
เขาเห็นว่าอู๋ไท่เต๋าเป็นคนง่ายดายเหลือเกินที่เชื่อเฉินหลงอย่างหมดใจ อู๋ห่าวชื่นชมวิธีการของเฉินหลงและยังโลภอยากจะได้ “เหล้าคุนหลุน” ด้วย
“เสี่ยวเฉินหลง นายยังมีไวน์ที่ทำในคุนหลุนอีกไหม” อู๋ห่าวยังเป็นคนชอบไวน์ที่เก่าแก่ด้วย เมื่อเขาได้กลิ่นไวน์ในตอนนี้ เขาจึงหยิบไวน์ขึ้นมา
“แน่นอนครับว่ามี”
“จริงหรือ เช่นนั้นช่วยหยิบมาให้สักเหยือกหน่อยนะ” เขากล่าวไปด้วยความอับอาย
“ได้สิครับ แต่วันนี่เป็นวันแต่งงานของผม ผมไม่ขี้เหนียวหรอก เดี๋ยวก่อนนะครับ ผมจะไปเอาไวน์มาให้คุณสักหน่อย” สิ้นคำเฉินหลงก็ไปยังด้านหลังของเวที
หลังจากนั้น เขาก็ถือเหยือกไวน์มากถึงสองร้อยเหยือก
เขาเห็นว่าเฉินหลงถือไวน์เหยือกใหญ่ออกมาแล้ว ใบหน้าของอู๋ห่าวพลันแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา
แม้อู๋ไท่เต๋าจะมาแผลงฤทธิ์เล็กน้อยในงานแต่ง แต่เฉินหลงก็แก้ไขได้อย่างเยี่ยมยอด ของขวัญที่ชินเทียนเต๋ามอบให้เฉินหลงไม่เพียงจะทำให้เฉินหลงดูน่าเกลียดและเสียหน้า แต่ยังจะทำให้งานแต่งสนุกขึ้นอีกด้วย อีกอย่างหนึ่งคือของขวัญนี่เฉินหลงได้มอบคืนไป เขาเชื่อว่าของนั่นจะทำให้นักดาบของชินเทียนเต๋ายุ่งได้
เฉินหลงชนะศึกแรกที่เขาสู้กับชินเทียนเต๋า
สามวันต่อมาหลังจากงานแต่งงานของเขา เฉินหลงออกไปกับจี้โม้ซี เทียซิน ลู่หง และพวกเต๋ากวงหานทั้งสี่ ดาบาร์ทั้งห้า พี่น้องโอโนะ แอนเดสและเครื่องสวมหัวที่เขาต้องการ แน่ล่ะว่าผู้คนและเครื่องสวมหัวทำงานแยกขาดจากกัน
ตอนแรก หวังหูต้องการจะไปกับเฉินหลงด้วย แต่เฉินหลงยังให้เขาพักอยู่ในจีนเพื่อช่วยเขาดูแลบริษัท เมื่อเขาได้ยินเฉินหลงว่าดังนั้น หวังหูทำได้เพียงเสียดายและไม่ยืนกรานอะไรต่อ
เฉินยี่ได้รับการตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่ง ดังนั้นพ่อแม่ของเฉินหลงจึงไปเมืองหลวงกับเฉินยี่ด้วย ส่วนที่ดินทางบ้าน เฉินหลงไม่ได้ให้เฉินต๋องทำงานต่อ กลับกันเขาเรียกเฉินตง(หุ่นยนต์)ไปปักกิ่งและปรับปรุงระบบ ฉะนั้นเขาจึงกลายเป็นผู้จัดการที่มีพรสวรรค์ เขาทำงานร่วมกับเจิ้งอี้ และซวีหมิงเหม่ยเพื่อจะบริหารจัดการให้เขา
เช่นเดียวกันนั้น ครอบครัวของเฉินหลงทั้งหมดต้องไปยังเมืองหลวง กู่เฟ่ยและลั่วเสวี่ยและเสี่ยวเฮยต้องไปยังเมืองหลวงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทายาทของกลุ่มปิศาจทั้งแปดได้หายไปแล้ว ไป๋ชิงเหวินลาออกจากโรงเรียนในเมืองเล็กๆนั้นไป จางเฟิงหยวนไม่ได้อยู่ในโรงแรมของเขา และหลินหยู่ก็ไม่ได้เอาหัวของหลินชามาให้เฉินหลง
แต่อย่างไรแล้ว สิ่งพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเฉินหลงในตอนนี้เลย เพราะว่าเขาต้องการจะไปตะวันตกเพื่อต่อสู้ และดูว่าโบสถ์แห่งแสงจะใช้กลเม็ดอะไรในตะวันตก อีกทั้งยังหาเรื่องไปด้วยระหว่างนั้น
เฉินหลงและภรรยาของเขาไม่ได้ไปทางเครื่องบิน แต่ไปยังเซียงไฮและนั่งเรือสำราญสุดหรู โอเชียนพาราไดซ์ไป
ท้ายที่สุดเฉินหลงก็เพิ่งแต่งงาน การไปอังกฤษคราวนี้นับว่าเป็นทริปฮันนีมูน ทว่าแค่ไปกับคนอีกนิดหน่อยเท่านั้น
บนเรือสำราญ แอนเดสตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขามายังจีนเมื่อสองสามเดือนก่อน แม้ว่าทุกๆวันเขาจะเพลิดเพลินกับอาหารเลิศรส และการกินอย่างยาวนานจนเหนื่อยจะกินก็ตาม
โอเชียนพาราไดซ์จะเป็นที่พักเพียงชั่วครู่หนึ่ง แล้วเรือสำราญจะออกเรือไปตามที่นักท่องเที่ยวได้ซื้อตั๋วและขึ้นเรือมาไป
หลังจากที่เรือสำราญออกไปแล้ว แอนเดสได้กล่าวกับเฉินหลงอย่างตื่นเต้นว่า “คุณเฉินหลง คุณเคยขึ้นเรือสำราญไหมครับ”
“ครั้งเดียว” เฉินหลงพยักหน้า
ครั้งล่าสุดเฉินหลงโดนลั่วฮุ่ยบังคับให้ขึ้นเรือสำราญมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้เดินทางไปจนจบ แต่เขาก็ขึ้นเรือไม่ใช่หรือไง
“ใช่แล้ว เมื่อเราออกไปในท้องทะเลเปิด พวกเราก็สามารถจะสนุกสานาบนเรือสำราญนี่ได้ คุณเฉินหากว่าคุณมีภรรยาที่สวยแล้วคุณคงไม่ลืมสาวสวยคนอื่นไปนะ อย่างไรเสียมีคาสิโนขนาดใหญ่บนเรือสำราญนี่ ฉะนั้นเราควรจะไปเล่นพนันกันบ้างเล็กน้อย” แอนเดสกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
แม้แอนเดสจะเป็นพ่อมดศาสตร์มืดแต่เขาก็สนใจในเรื่องทางโลกอยู่
ตัวตนที่แอนเดสใช้นั้นเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยจากอังกฤษ
“ได้สิ” เมื่อเป็นเรื่องการพนัน เฉินหลงก็สนใจเช่นกัน
ไม่มีทางที่เฉินหลงจะทำเงินได้มากในทุกๆครั้งที่เขาเล่นการพนัน ยิ่งไปกว่านั้นคือเฉินหลงไม่ชอบสายตาที่นักท่องเที่ยวบางคนมองจี้โม้ซี หากว่าพวกเขามีโอกาสเขาจะชนะและได้เงินพวกนั้น อีกทั้งยังสอนบทเรียนให้พวกนั้นด้วย
“ไม่ใช่ว่านี่เป็นแค่เรือสำราญหรือ ช่างเยี่ยมจริง ไม่เคยเห็นหรือไง” เมื่อเห็นว่าคนพวกนั้นที่ตื่นเต้นเมื่อมองเรือสำราญใหญ่แล้ว เฉินหลงจึงพูดในใจ
ในความเป็นจริงแล้วหากในตอนนี้เฉินหลงไม่ได้ร่ำรวยและเขาไม่ได้นั่งเรือสำราญมา เขาคงเป็นเหมือนคนข้างล่างพวกนั้นแน่นอนที่สนุกสนานกับการมองดูเรือสำราญลำใหญ่ เนื่องจากเป็นเช่นนั้นเขาจึงคิดถึงเรื่องในอนาคตดีกว่า และปล่อยให้คนอิจฉาเขา
ด้วยเสียงของหวูด เรือสำราญค่อยๆเคลื่อยสู่ทะเลช้าๆ
หลังจากที่เรือสำราญได้ออกไป คนของเฉินหลงก็แยกกันไป อย่างไรแล้วก็มีสิ่งบันเทิงจำนวนมากบนเรือนี้ หากว่าคุณชอบสาวสวย คุณก็ไปสระว่ายน้ำและมองหาได้ บางทีคุณจะได้เจอใครมาใช้เวลายามค่ำคืนร่วมกันได้