TB:บทที่ 255การเตรียมความพร้อม
“น้องเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังกังวลสิ่งใดอยู่ ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า ข้าเชื่อว่าภายใน 20 ปีเจ้าผ่านไปถึงระดับปรมาจารย์แห่งดวงดาวได้ แม้ว่าเจ้าจะทำไม่สำเร็จริงๆ ข้าก็จะไม่ถือโทษโกรธเจ้า ” เซี่ยงอวี่มองและพูดกับเฉินหลง
“เอาละ ข้าจะหาสาเหตุของปัญหาเรื่องการสืบสกุลของชาวคุณหลุนก่อนปัญหาเรื่องกองทัพสัตว์บุกขนาดเล็กที่เข้ามารุกรานในปีที่ผ่านมาและจะช่วยชาวคุณหลุนต่อต้านกองทัพสัตว์บุกจะมาในปีต่อไปด้วย หลังจากที่กำจัดพวกกองทัพสัตว์บุกในปีถัดมาได้แล้ว ข้าหวังว่าท่าน พี่เซี่ยงอวี่จะบอกวิธีที่จะทำให้ข้ากลับไปยังโลกเดิมได้นะครับ” เฉินหลงพยักหน้า
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าเซี่ยงอวี่ไม่ได้เป็นชายที่ไม่รักษาคำพูด” เซี่ยงอวี่พูดอย่างจริงจัง
หลังจากที่นัดหมายกับเซี่ยงอวี่เรียบร้อยแล้ว เฉินหลงก็ออกจากห้องไป
เฉินหลงยังคงยืนอยู่ข้างนอกห้อง เขาคิดและเลือกที่จะไม่กลับมายังวิหารศักดิ์อีก หากเขาทำตามที่พูดไม่ได้ ครั้งนี้ เฉินหลงไม่ได้ทิ้งสิ่งใดเอาไว้เลย เขาเพียงเหาะออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ไปตัวเปล่า
ครึ่งเดือนต่อมา เฉินหลงก็กลับมายังหุบเขามด เนื่องจากเขาต้องแก้ไขความลับเรื่องการสืบพันธุ์ของชาวคุณหลุน ซึ่งเขาก็คิดว่าลูกศิษย์ของเขาเป็นตัวเลือกที่ดีสุดในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้
“อาจารย์ อาจารย์คิดว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้จริงๆหรือ?” เมื่อได้ฟังสิ่งที่เฉินหลงพูดว่าต้องการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการสืบพันธุ์ของชาวคุณหลุน ไป่ไท่ฮางก็รู้สึกประหลาดใจ
“นั้นน่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากนาย” เฉินหลงพูดจริงจัง
“อาจารย์ ไม่ว่าอาจารย์ต้องการอะไร เพียงแค่สั่งข้ามา ข้าก็จะทำให้ทุกอย่าง” ไป่ไท่ฮางก็พูดกลับไปอย่างจริงจัง
หลังจากที่เฉินหลงได้เริ่มศึกษาระบบร่างกายของชาวคุณหลุนบนหุบเขามดแล้ว
เนื่องจากต้องแก้ไขปัญหาเรื่องการสืบพันธุ์ของชาวคุณหลุน ไป่ไท่ฮางเพียงคนเดียวจึงไม่สามารถช่วยทำให้การวิจัยของเขาสำเร็จได้ ดูเหมือนว่าเฉินหลงจะต้องหาอาสาสมัครที่เป็นชาวคุณหลุนจำนวน 12 คนมาวิจัยเพิ่มเพื่อสอบถามและศึกษาระบบในร่างกายเพิ่มเติม ที่นี่มีชาวคุณหลุนทั้งชายและหญิงและพวกเขาทั้งหมดก็มีร่างกายที่แข็งแรงซึ่งสามารถเป็นตัวช่วยให้กับเขาได้เข้าใจถึงร่างกายของชาวคุณหลุนได้มากขึ้น
ด้วยความช่วยเหลือของชาวคุณหลุน ในไม่ช้าคุณหลุนก็พบถึงสาเหตุแล้วว่าทำไมชาวคุณหลุนถึงประสบปัญหาในด้านการสืบพันธุ์
ดูจากยีนที่ปรากฏส่วนใหญ่ ก่อนที่ชาวคุณหลุนจะเลื่อนขั้นมาถึงระดับขอบเขตกำเนิด ร่างกายของพวกเขาทุกคนแข็งแรงและสามารถสืบพันธุ์ได้ปกติ แต่ทว่าตราบใดที่ชาวคุณหลุนยกระดับพลังของตนมาถึงขอบเขตกำเนิด แก่นแท้หรือจิตวิญญาณในร่างกายของพวกเขาก็จะเปลี่ยนเป็นพลังงานที่แข็งแกร่งโดยอัตโนมัติซึ่งมันทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์
หลังจากที่พบสาเหตุของปัญหาแล้ว เฉินหลงได้ใช้เวลาครึ่งปีในการฝึกและสร้างวิธีการผนึกแก่นแท้ หากชาวคุณหลุนตั้งใจฝึกวิชาเฟิงจิง (唪经) ภายในเวลาหนึ่งเดือนพวกเขาก็จะสามารถสืบพันธุ์และมีทายาทได้เป็นปกติ แม้แต่คนที่สำเร็จวิชาไปจนถึงขั้นขอบเขตกำเนิดก็จะสามารถมีทายาทได้
หลังจากที่เฉินหลงได้คิดค้นและสร้างวิชาผนึกแก่นแท้ออกมาได้แล้ว มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่ทางวิหารศักดิ์สิทธิ์อยากจะหาคนมาทดลอง
สองเดือนต่อมา ข่าวเรื่องวิชาผนึกแก่นแท้ของเฉินหลงได้แพร่กระจายไปถึงหูของชาวคุณหลุน
หลังจากที่แก้ไขปัญหาเรื่องการสืบสกุลของชาวคุณหลุนได้แล้ว เรื่องต่อไปที่เฉินหลงจะทำก็คือต่อสู้กับกองทัพสัตว์บุกขนาดเล็กที่เข้ามารุกรากชาวคุณหลุนซึ่งเขาต้องใช้เวลาสองสามเดือนกับอีก 10 วันในการจัดการกับปัญหานี้
สิ่งที่เฉินหลงต้องการจากเรื่องนี้ก็คือเรียนรู้ที่จะรู้จักตัวเองและรู้จักคู่ต่อสู้เพื่อที่จะฝึนตนให้สามารถต้านการโจมตีของสัตว์อสูรนับร้อยๆครั้งได้
ก่อนที่กองทัพสัตว์บุกพวกนี้จะมา สิ่งแรกที่เฉินหลงต้องการรู้ก่อนคือ สัตว์ประหลาดพวกนี้เป็นกองทัพสัตว์บุกประเภทใด จากนั้นเขาถึงจะรู้วิธีป้องกันตัวเองถูก
จากข้อมูลที่เฉินหลงศึกษามาพบว่าโดยปกติแล้วพวกมันเป็นสัตว์อสูรระดับ 8 และอาจมีสัตว์อสูรระดับ 9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของสัตว์พวกนี้ปะปนมาด้วย หนึ่งในกองทัพสัตว์บุกพวกนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่ประหลาดซึ่งพวกมันดูไม่ค่อยแข็งแรง อย่างไรก็ตาม เมืองคุณหลุนแห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์หน้าตาแปลกประหลาดมากมาย เหล่าสัตว์อสูรไม่ว่าจะเป็นพวกที่บินอยู่บนฟ้า วิ่งอยู่บนพื้น ที่โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินหรือแม้กระทั่งที่กำลังว่ายน้ำมาอยู่ แน่นอนว่าเมื่อสัตว์ประหลาดพวกนี้โจมตี พลังแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ก็จะปรากฏขึ้นมาในทันที
เวลานี้ ทางด้านวิหารศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ส่งกองกำลังทหารไปรักษาการณ์แทนที่เมืองน้อยใหญ่เรียบร้อยแล้วเพราะคนในเมืองเหล่านั้นพากันไม่ต่อสู้กับสัตว์พวกนี้
ความจริงแล้ว เมื่อดูความแข็งแกร่งของชาวคุณหลุนบวกกับอำนาจของเซี่ยงอวี่และวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้วสามารถกวาดล้างสัตว์ประหลาดพวกนี้ไปได้ แต่ที่แปลกมากก็คือใครจะไปรู้ว่าการกระทำและเหตุการณ์เช่นนี้จะเป็นคำสั่งชี้ขาดจากผู้มีอำนาจบางคนที่สั่งลงมาเพื่อสร้างความบันเทิงเท่านั้น หากมีใครไปทำลายความสามารถของพวกสัตว์อสูรและฝ่าฝืนกฎของเกมส์นี้ ก็จะมีสิ่งที่ทรงอำนาจปรากฎตัวขึ้นและแม้แต่เซี่ยงอวี่ยังไม่อาจสู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น การที่มีสัตว์ประหลาดพวกนี้ดำรงอยู่ทำให้ชาวคุณหลุนเชื่อมาเสมอว่าหากพวกเขาไม่มีพลังพวกเขาอาจจะถูกจับกินได้
หลังจากที่รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว สิ่งที่เฉินหลงทำได้ดีที่สุดก็คือเข้าช่วยเหลือชาวคุณหลุนอย่างเต็มที่
ครึ่งปีก่อนที่กองทัพสัตว์บุกพวกนี้จะมา เฉินหลงได้ขอให้วิหารศักดิ์สิทธิ์ออกคำสั่งให้ชาวคุณหลุนที่เป็นพวกชาวบ้านที่อยู่ในเมืองเล็กและที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้อพยพเข้าไปในเมืองใหญ่ภายในเวลาครึ่งปีเพื่อที่จะรวบรวมกองกำลังต่อสู้กับพวกกองทัพสัตว์บุก หลังจากที่น้ำลดระดับลงและเริ่มมีกองทัพสัตว์บุกบุกรุกเข้ามา สิ่งที่เฉินหลงเคยขอให้ทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ทำไปนั้นทำให้ตอนนี้เมืองใหญ่มีกองกำลังที่แข็งแกร่งจนสามารถเข้าช่วยเหลือหมู่บ้านในเมืองได้หลายแห่ง และที่ประชาชนทุกคนต่างต้องทำตามคำสั่งของทางวิหารเนื่องด้วยว่าหากมีใครฝ่าฝนคำสั่งก็จะถูกทางการลงโทษเจ็ดชั่วโคตร
ทันทีที่ออกคำสั่งลงไป ชาวคุณหลุนทั้งหมดก็ต่างพากันรวบรวมกองกำลังทันทีและเมืองบางแห่งก็ได้ให้ความช่วยเหลือหมู่บ้านน้อยใหญ่ให้ย้ายมารวมกองกำลังกันในเมืองใหญ่
ไม่มีใครหรือผู้ใดกล้าขัดคำสั่งจากทางวิหารศักดิ์สิทธิ์
เวลาที่เหล่าสัตว์อสูรจะบุกมายิ่งเข้าใกล้มาเรื่อยๆ ทั้งเมืองใหญ่เมืองเล็กต่างก็เริ่มสร้างเกราะป้องกันเมือง ในขณะเดียวกันก็ได้เตรียมพลทหารที่แข็งแกร่งพร้อมทั้งมีความสามารถในการต่อสู้ไว้พร้อมโจมตีแล้ว
ชาวคุณหลุนทุกคนล้วนแต่ฝึกวิชาต้าลี่ฉุยของเซี่ยงอวี่ ซึ่งเซี่ยงอวี่ก็เป็นเจ้าแห่งดินแดนตะวันออกที่มีพละกำลังที่สามารถฉุดภูเขาทั้งลูกได้ โดยปกติแล้วพลังต้าลี่ฉุยของเขานั้นไม่ได้ธรรมดาอยู่แล้ว เมื่อรวมกับร่างกายที่แข็งแกร่งสมกับเป็นชาวคุณหลุนของเขาเข้าไปด้วย ยิ่งทำให้เขาดูทรงพลังขึ้นไปอีก
เฉินหลงได้สอนวิชาให้กับชาวคุณหลุนเพิ่มอีกอย่าง นั้นก็คือวิชา กายวัชระ ของดาบาร์ นับตั้งแต่ที่ชาวคุณหลุนมีวิชากลั่นกายบริสุทธิ์ พวกเขาก็ต้องพบเจอกับสัตว์อสูรตัวเล็กๆพวกนี้เพิ่มขึ้น ส่วนวิชาระฆังทอง วิชานี้มีไป่ไท่ฮางเป็นผู้ถ่ายทอดต่อให้กับชาวคุณหลุน หากวิชานี้ได้ถูกถ่ายทอดไปยังชาวคุณหลุนพวกเขาก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเฉินหลงได้ถ่ายทอดวิชาอีกอย่างให้กับไป่ไท่ฮางซึ่งเป็นวิชาที่เฉินหลงคิดว่าเหมาะสมกับไป่ไท่ฮาง นั้นก็คือ วิชาหมัดพลังเวทย์เฉียนจินของหวังเฉียนจินพลังของหวังเฉียนจินนั้นมีมากแต่เมื่อนำมาเทียบกับชาวคุณหลุนแล้ว มันก็ถือว่าไม่แย่นัก วิชานี้เป็นวิชาหมัดพลังเวทย์ของเฉียนจินที่ไป่ไท่ฮางจะได้ใช้และมันก็เป็นพลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ตอนนี้เขาเป็นนักล่าระดับหกแล้วและด้วยหมัดพลังเวทย์เฉียนจิน เขาจึงสามารถฆ่านักรบระดับเจ็ดซึ่งมีระดับพลังที่สูงกว่าเขาได้
“อาจารย์ ข้าจะควบคุมหมัดพลังเวทย์เฉียนจินได้ไหม?” หลังจากที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาหมัดพลังเวทย์เฉียนจินมาจากเฉินหลงแล้ว ไป่ไท่ฮางก็มองไปหน้าที่เฉินหลงและถามด้วยความตื่นเต้น
พลังของวิชานี้เหมาะกับร่างกายของไป่ไท่ฮางมาก ด้วยพลังของหมัดเวทย์บวกกับวิชาระฆังทองระดับที่ 11 มันจึงทำให้เขาสามารถสังหารเหล่ากองทัพสัตว์บุกพวกนี้ได้
“ทักษะการต่อสู้ของเจ้าถือว่าอยู่ในระดับดี แต่ระดับพลังยังคงต่ำอยู่ ข้าหวังว่าเจ้าจะเพิ่มระดับพลังจนสามารถเป็นนักรบระดับที่ 7 ได้ก่อนที่พวกกองทัพสัตว์บุกจะบุกเข้ามา ด้วยวิธีนี้เจ้าก็จะสามารถต่อกรกับพวกสัตว์อสูรได้แล้ว ” เฉินหลงพูดพร้อมกับตบไปที่บ่าของไป่ไท่ฮาง
“อาจารย์ไม่ต้องห่วง ข้าคิดว่าระดับพลังของข้าจะต้องเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่ 7 ได้แน่” ไป่ไท่ฮางเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“อืม ข้าเชื่อในตัวเจ้า” เฉินหลงพยักหน้า
เฉินหลงมั่นใจในตัวของไป่ไท่ฮางเสมอ เมื่อเขามีความมั่นใจขนาดนี้ เขาคงสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นนักรบระดับ 7 ได้ก่อนที่สัตว์อสูรจะบุกเข้ามาได้แน่
ในขณะที่เวลาผ่านไป ตอนนี้ก็ยิ่งเหมือนเข้าใกล้เวลาที่เหล่าสัตว์อสูรกำลังจะบุกเข้ามาแล้ว ชาวคุณหลุนทุกคนในเมืองคุณหลุนต่างเริ่มตื่นตระหนกกันมากกว่าเดิม
สิบวันก่อนที่เหล่าสัตว์อสูรพวกนี้จะมา ไป่ไท่ฮางได้ออกจากหุบเขาแสนลูกไปฝึกตนจนทำให้ในตอนนี้พลังของเขาได้มาถึงระดับ 7 และวิชาระฆังทองคำของเขาก็มาถึงระดับ 12 แล้ว
เมื่อเฉินหลงเห็นพลังของไป่ไท่ฮาง เขาก็พยักหน้าอย่างพอใจและจากนั้นก็รีบมุ่งไปยังเมืองใต้ดินพร้อมกับไป่ไท่ฮาง