TB:บทที่ 299 ไปกันเถอะ
“นายอยากจะเอาหรือไง นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร” ชายคนที่ดื่มเครื่องดื่มของเฉินหลงไปมองเฉินหลงอย่างดุร้ายและพูดไป
“ไม่รู้หรอก ผมไม่อยากรู้ด้วย ผมแค่อยากจะดื่มเครื่องดื่มของตัวเอง” สีหน้าของเฉินหลงยังคงใจเย็นอยู่ แต่มีร่องรอยความกลัวในสายตาเขา
พี่หม่าจับความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในสายตาเฉินหลงได้ ตอนแรกเมื่อเขาเห็นท่าทางใจเย็นของเฉินหลง เขารู้สึกได้ว่าคงท้าทายไม่ง่าย สุดท้ายแล้วในตอนนี้ที่ “นิวเวิร์ล” ออกมา คนหลายคนในจีนแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เขากลัวว่าเขาจะไปพัวพันกับเรื่องที่ยากจะจัดการเข้าได้ ตอนนี้เมื่อเห็นความกลัวในสายตาเฉินหลงแล้ว เขาก็โล่งใจ
“เอาล่ะ นายต้องการอะไร” ลูกพี่หม่าหยุดเดินและอยากจะพูดกับน้องชายต่อไป เขาเผชิญหน้ากับสายตาเฉินหลง
วันนี้เขาหลับสนิทมา แต่หัวหน้าเรียกให้เขามาเก็บค่าคุมครอง เขาหงุดหงิดมาก แล้วตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเฉินหลง พี่หม่าจึงใช้เฉินหลงระบายความโกรธ
“เขาดื่มเครื่องดื่มผม ซื้อมาให้ผมอีกอัน” เฉินหลงพูดไป สายตาของเขาหลบตาเบาๆ
“ฉันว่านายกินจากขวดนั้นดีกว่านะ” ลูกน้องหม่าจ้องตาเฉินหลงอย่างดุร้าย เขาหยิบขวดเครื่องมือขึ้นมาวางเบื้องหน้าเฉินหลง
เฉินหลงยืนขึ้น มองลูกน้องหม่าและกล่าวไป “ตอนนี้เป็นสังคมมีกฎหมาย นายไม่กลัวตำรวจหรือไงตอนที่ทำอะไรแบบนี้”
“ตำรวจหรือ นายคิดว่าเรากลัวตำรวจหรือไง ที่นี่คือที่ไหนกัน นี่ไชน่าทาวน์ เราคือกฎหมายของที่แห่งนี้ ดังนั้นฉันจะบอกนาย ว่าจงดื่มเครื่องดื่มไป หากว่าไม่ทำ ฉันจะเทน้ำนี่ลงปากนายเอง” ลูกพี่หม่ากล่าวกับเฉินหลงอย่างจองหอง
“ถ้าอย่างนั้น ออกไปข้างนอกกัน ที่นี่เป็นของเจ้าของร้านหลิว หากว่าไปทำอะไรฟัง เขาต้องไปซื้อมาอีก เจ้าของร้านหลิว ผมจะมาเอาของของผมทีหลัง ผมยังกินไม่เสร็จ” เฉินหลงกล่าว และหยิบเงินร้อยดอลลาร์ออกจากเสื้อและวางเงินลงบนโต๊ะ เขาเดินออกไปข้างนอก
เมื่อเขามองว่าเฉินหลงออกไปข้างนอกแล้ว ลูกพี่หม่าและพวกตามเขาออกไป
“ลูกพี่หม่า เขาเป็นคนจีนด้วยนะ เราสู้กับคนของเราไม่ได้” ในที่สุดเจ้าของร้านหลิวก็พูดกับลูกพี่หม่า
“ไม่ต้องห่วงไป ฉันไม่ทำอะไรมากไปหรอก” พี่หม่าหันมามองเจ้าของร้านหลิวและกล่าวไป
เขาออกมาจากร้านค้า เฉินหลงหยุดเดิน
“ทำไมนายไม่วิ่งหนี” เขามองเฉินหลงที่หยุดเดินจริงๆ ลูกน้องหม่ามองที่เฉินหลงอย่างสงสัย
“ทำไมฉันถึงไม่วิ่งหนีน่ะหรือ ไม่ใช่ความผิดฉัน ทำไมฉันต้องวิ่งหนีด้วย” เป็นธรรมดาที่เฉินหลงจะมองลูกน้องหม่า
“นี่นายไม่กลัวเราหรือ” ลูกน้องหม่าล้อมเฉินหลงไว้
เฉินหลงมองคนพวกนั้นที่ล้อมเขาด้วยสายตาดูถูก ขณะที่มองลูกน้องของพี่หม่าและกล่าวไป “คนเยอะไม่ใช่ว่าจะชนะนะ บางทีคงทำให้บาดเจ็บไม่ได้แม้แต่ปลายผมเลย” สิ้นคำ รอยยิ้มลึกลับปรากฏบนหน้าของเฉินหลง
เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินหลงที่ไม่กลัวเขาแล้ว ใจของมาพลันเกิดความรู้สึกที่แย่
“หากว่าขอให้เขาขอโทษนาย เรื่องนี้จะจบลงเช่นนี้ได้หรือไม่” ลูกพี่หม่าพลันรู้สึกว่าคงดีกว่าหากจะไม่ทำให้อะไรๆแย่ไปกว่านี้ เนื่องจากคนที่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนทำร้ายพลันกลัวขึ้นมาเสียเอง
“หากมีใครมาทำแบบนี้กับคุณ คุณคิดว่าจะปล่อยให้ไปได้หรือ แน่สิ หากว่าตั้งใจจะดื่มเข้าไปก็ดื่มสิ แค่นั้นเอง” เฉินหลงเผยรอยยิ้ม
พี่หม่าค่อนข้างจะมองคนออก ก่อนที่เขาจะแสดงความกลัวออกมาอย่างรอบคอบ เขาเห็นแล้ว ว่าเฉินหลงจะมาทำร้ายเขา ถ้าเขาแข็งแกร่ง คนคนนี้จะต้องตาย แต่สำหรับคนแบบนี้เฉินหลงไม่อยากจะทำความเข้าใจและให้โอกาสแก้ตัว
เมื่อได้ยินคำของเฉินหลง ลูกพี่หม่าอดไม่ได้ที่จะลังเล เขาไม่ได้ขี้ขลาด เขาอยากจะดื่มเครื่องดื่มที่น้องของเขาดื่มไป แต่เขาคิดว่าคงกลืนไม่ลง
“พี่หม่า อย่าพูดกับเขา เอาสิ” เมื่อเห็นว่าพี่หม่าลังเลอย่างคาดไม่ถึง เขามีความคิดจะดื่มเครื่องดื่มของเฉินหลง น้องชายเริ่มจะไม่อดทนแล้ว
“หุบปาก” พี่หม่าตบหน้าลุกน้องของเขา
ตอนแรกลูกพี่หม่าลังเลเพราะเพราะลุกน้องของเขา ตอนนี้มันยังทำให้เรื่องบานปลายขึ้นอีก
หลังจากรับการตบหน้าแล้ว ลูกน้องหม่า เขายังคงนึกไม่ออกว่าทำไมเขาจึงจะโดนอัด
“แล้ว คุณตัดสินใจหรือยังละ” เฉินหลงมองลูกน้องหม่าด้วยยิ้มที่สบายๆ
“นี่นายจะสู้เราจริงๆหรือ” พี่หม่ายังพึ่งคำขู่เข่น
“ไม่ใช่ว่าจะสู้กับคุณนะ พวกคุณต่างหากที่มาหาเรื่องผม ผมกินมื้ออาหารดีๆอยู่ในร้าน ทำไมคุณจึงเอาเครื่องมือของผมไปดื่มกัน ถ้าเป็นตอนเช้าตรู่ ผมคงโกรธจนฆ่าพวกคุณไปแล้ว” เฉินหลงไม่พูดกับพี่หม่าต่อไป เขาเตะท้องของคนพวกนั้นที่ดื่มเครื่องดื่มเขาไป
“ปัง”
ชายคนที่เฉินหลงชกกระเด็นออกไปราวกับเป็นรถบรรทุก
แน่นอนว่า เขาไม่โชคดีพอ น้องชายที่ยืนข้างหลังเขาก็โดนชกไปด้วยทีละคน
เมื่อเห็นเท้าของเฉินหลง ลูกพี่หม่ากลัวขึ้นมา เขาจึงไม่กล้าจะขยับตัว เขากลืนน้ำลาย
แล้วลูกน้องก็โดนเฉินหลงเตะลงพื้นไป เลือดเขาสาดกระเซ็น
สำหรับคนพวกนั้นที่พี่หม่าที่พามาร่วมด้วยนั้น พวกเขาล้มลงพื้นไปทีละคน พร้อมน้ำลายฟูมปาก
“นายจะดื่มไหม” เฉินหลงเตะลูกน้อง เขาจ้องพี่หม่าและกล่าวไป
“ดื่มสิ ดื่ม ฉันจะดื่มเลยตอนนี้” สิ้นคำ ลูกน้องหม่าพลันเปิดฝาออกและดื่มเครื่องดื่มทั้งหมดไปในเฮือกเดียว
หลังจากที่ดื่มไป เขาทำท่าเทเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาดื่มหมดแล้ว
“ดื่มเร็วๆหน่อย เสียเวลากินฉันชะมัด” สิ้นคำ เฉินหลงไปหาเจ้าของร้านหลิว
หลังจากที่เข้าไปในร้านอาหารแล้ว เฉินหลงกลับไปนั่งที่ที่นั่งของเขา และกิน “หมี่เกี๊ยว” ต่อ
“ตอนนี้พี่จะทำอะไรต่อหรือ พี่หม่า” ลูกน้องเขาถาม
“อะไรหรือ ยังอับอายไม่พอหรือที่พาพวกนั้นมาหาเรื่องฉัน ในกรณีนี้ฉันจะต้องบอกให้เจ้านายของให้รู้ อิทธิพลของ “นิกาย” ไม่ควรปล่อยให้ใครเหยียบย่ำ”
พวกเขาไม่มีกระจิตกระใจเก็บค่าคุ้มครองต่อ แต่ตรงไปแจ้งเรื่องนี้ให้เจ้านานเขาได้รู้ทันที
ในตอนนั้นเอง ผู้คนในร้านอาหารต่างมองเฉินหลงแบบไม่ดี
“ชายหนุ่ม นายสู้เก่งด้วยหรือ” เจ้าของร้านหลิวมองเฉินหลงด้วยความประหลาด
“ไม่หรอก ผมแค่สู้ได้ ยังมีคนแข็งแกร่งกว่าผมอีกมากในจีน ผมเป็นแค่คนธรรมดาๆ ในตอนนี้ที่มี “นิวเวิร์ล” มา ก็ยังมีคนอีกมากที่ทรงพลังกว่า” เฉินหลงกิน “หมี่เกี๊ยวต่อไป”
ตอนแรกเฉินหลงคือว่าเจ้าของร้านหลิวคงไม่ห่วงเรื่องตัวเขาอีกต่อไป แต่เขาคาดไม่ถึงว่าแม้แต่เจ้าของร้านหลิวจะกลัวไปด้วย เขากล่าวไปว่า “ชายหนุ่ม นายควรรีบไป แม้ว่านายจะแข็งแกร่งมาก แต่หัวหน้าของเขาแข็งแกร่งอย่างที่สุด นายไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาหรอก นายควรรีบไปเสีย”