TB:บทที่ 298 เก็บค่าคุ้มครอง
เมื่อบาชเห็นปีเตอร์บาดเจ็บเช่นนี้ เขากล่าวไปว่า “ฟังนะ คุณจะต้องหาคนคนนั้นให้ผมนะ ผมคิดว่าพวกผู้พิพากษาจะให้เขาได้รับโทษที่เจ็บปวดที่สุด เข้าใจไหม”
ว่าจบบาชก็มองเชน รองผู้อำนวยการคณะผู้พิพากษา
“ใช่แล้ว ชายคนนี้ท้าทายโบสถ์แห่งแสง เขาจะต้องโดนลงโทษ” เชนพยักหน้า
จากนั้นบาชก็มองปีเตอร์ด้วยความเศร้าใจ คงไม่ง่ายหากจะหาอัศวินศักดิ์สิทธิอีกคน เว้นแต่เขาจะกลายเป็นคนพิการไปและนั่นทำให้บาชเศร้าเสียเหลือเกิน เขารู้ว่าอัศวินศักดิ์สิทธิทุกคนนั้นเป็นกำลังในการรบที่ทรงพลังของโบสถ์แห่งแสง เป็นกำลังชั้นหนึ่งเพื่อกวาดล้างพวกปิศาจนั่น นานมาแล้วโบสถ์แห่งแสงมีอัศวินอยู่สิบสองคน ตอนนี้ช่างยากลำบากเหลือเกินที่จะตามหาอีกสักคน ทว่ากลายมาเป็นเช่นนี้เสียแล้ว
“โถ” บาชถอดหายใจ “แล้วคุณจะโทษตัวเองที่มีชีวิตแย่ๆ”
แม้ว่าโบสถ์แห่งแสงจะช่วยเขาได้ แต่คงง่ายกว่าหากจะเปลี่ยนตัวผู้เข้ารับเลือกเป็นอัศวินมากกว่าจะช่วยเขา อย่างไรเสียตาของบาชเบิกกว่าขึ้นในทันที เนื่องจากเขาพบว่าปีเตอร์นั้นเปลี่ยนไป ความเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้บาชรู้สึกมีความสุขมากเหลือเกิน
อย่างไรก็ตามเขาไม่แน่ใจ แต่ทันใดนั้นเขาส่งเพื่อนของเขา คาดินัล คอบบ์ ให้มาหา
“คอบบ์ มานี้ มาดูเขาว่าเขาเป็น “ร่างแห่งแสงของนักบุญ” หรือไม่” บาชกล่าวอย่างตื่นเต้น
หลังจากได้ยินคำของคอบบ์ ใบหน้าของคอบบ์แสดงสีหน้าประหลาดใจเขาพลันมองปีเตอร์อย่างระมัดระวัง จากนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงความแปลกใจ “ใช่ ใช่ นี่คือ “ร่างแห่งแสง” จริงๆ แต่ปีเตอร์คนนี้คือ “ร่างแห่งแสง” งั้นหรอ”
“นี่จะต้องเป็นปาฏิหาริย์ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ หากว่าครุ่นคิดดูแล้ว ตอนที่ความศักดิ์สิทธิยังไม่ได้รับรู้ เครื่องมือศักดิ์สิทธิจึงนักว่าเขาเป็นพระผู้เป็นเจ้า ต้องเป็นเพราะกายภาพของปีเตอร์นั้นพิเศษนัก หลังจากที่ปีเตอร์โดนจับไป บางอย่างจะต้องเกิดขึ้นและกระตุ้น “ร่างแห่งแสง” ของปีเตอร์และ “ร่างแห่งแสง” ก็สัมฤทธิ์ผลอย่างยิ่งยวด” บาชรู้สึกตื่นเต้น
และคอบบ์ยังตื่นเต้นด้วย
หลังจากนั้น บาชและพวกของเขาได้เร่งกลับไปโบสถ์แห่งแสงภายในข้ามคืน
ตอนนี้ ปีเตอร์เป็นสิ่งล้ำค่ากว่าความศักดิ์สิทธิเสียอีก เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา
หลังจากพักผ่อนคืนหนึ่งที่หอคอยจงฮัว เฉินหลงออกมาจากหอคอยจงฮัวแล้วไปซื้อของในไชน่าทาวน์ สุดท้ายก็เป็นเรื่องดีเหลือเกินที่ได้เจอคนชาติเดียวกันบ้าง อย่างเช่นคนจีนในประเทศต่างแดน
เฉินหลงเดินเข้าไปในร้านอาหารที่น่าจะดำเนินการโดยชาวเชาชานที่อพยพมา เขาสั่งอาหารเช้า และนั่งลงตรงโต๊ะที่หันหน้าเข้าถนน
“หนุ่มน้อย นี่เป็นการมาไชน่าทาวน์ครั้งแรกหรือ” หลังจากกินอาหารเช้า เจ้าของร้านมาคุยกับเฉินหลงด้วยภาษาจีนติดสำเนียง
เจ้าของร้านเป็นชายอายุราวห้าสิบปี เขามีใบหน้ากลมที่ประดับรอยยิ้มตลอดเวลา
เมื่อเขาพูด เนื้อบนใบหน้าอ้วนจะขยับไปด้วย นี่ช่างน่าสนใจจริงๆ
แม้ว่าสำเนียงของเจ้าของร้านจะไม่ชัดเอาเสียมาก แต่เฉินหลงยังคงเข้าใจได้อยู่
“ใช่แล้วครับ นี่คือการมาต่างประเทศครั้งแรกที่ผมไปไชน่าทาวน์” เฉินหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“กินช้าๆหน่อย” หลังจากที่หลิวกล่าวคำนั้นไป เขาก็ไปทักทายลูกค้าคนอื่น
ไชน่าทาวน์นั้นคล้ายกับที่ธรรมดาอื่นๆทั่วไปในจีน มีร้านรวงบนสองฝั่งถนนที่ขายสินค้าทุกประเภท
ในตอนนั้นเอง เฉินหลงพบว่าคนบางคนในช่วงอายุยี่สิบปีเดินผ่านร้านบางร้านไป เจ้าของร้านจะให้เงินพวกเขา ดูเหมือนว่าคนพวกนี้คงเก็บค่าคุ้มครอง
แน่นอนว่าเฉินหลงเป็นเพียงคนที่ผ่านเข้ามาที่นี่ พวกคนที่เก็บค่าคุ้มครองพวกนั้นจะเก็บเงินตราบใดที่เขาไม่ไประรานคนอื่น
อีกอย่างหนึ่งคือคงจะดีหากได้เห็นความผิดพลาดของคนพวกนี้ เจ้าของร้านค้ายังมีความสุขอย่างมากที่จะให้เงินด้วย เฉินหลงไม่อยากไปทำลายอะไรทั้งนั้น
ก่อนที่เฉินหลงจะมา ชายหนุ่มเหล่านั้นเข้ามาที่ร้านของหลิว
“คุณหลิว ผมขอให้ธุรกิจมั่งคั่งและมีเงินทองมากมาย” ชายที่เป็นผู้นำเดินเข้ามาในร้ายและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ผมไม่คิดว่าคราวนี้พี่หม่าจะมาเก็บเองนะ นี่คือกำไรของเดือนนี้” หลิวพังจื่อว่า และยื่นซองสีแดงให้มาคนลูกพี่
ลูกพี่หม่ารับซองสีแดงด้วยรอยยิ้ม เขาเปิดซองและนับเงิน
จากนั้นเขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เจ้าของร้าน ตั้งแต่เดือนนี้ไป การคุ้มครองเพิ่มขึ้นอีกยี่สิบเปอร์เซ็นจากเดิมนะ ฉะนั้นคุณเลยขาดไปอีกสี่ร้อย”
“แต่ค่าคุ้มครองเคยเป็นสองร้อยดอลลาร์ต่อเดือน” หลิวไม่เข้าใจ
“เจ้าของร้านหลิว ผมคงทำอะไรไม่ได้ ช่วงนี้ราคาทุกอย่างขึ้นไปหมด ค่าคุ้มครองก็ต้องขึ้นไปด้วย ไม่เช่นนั้นเราทั้งหมดคงต้องดื่มจากพวกตะวันตก”
หลัวพังจื่อไม่มีทางเลือกนอกจากหยิบเงินมาอีกสี่ร้อยดอลลาร์และเอาไปให้พี่หม่า
“ผมหวังว่าเจ้าของร้านหลิวจะมีธุรกิจที่มั่งคั่ง หากว่าเดือนหน้าเราไม่ทำแบบนี้ เจ้าของร้านหลิวก็จะต้องชดเชยเงินให้พอนะ” พี่หม่าหยิบเงินและพร้อมจะออกไป
ในตอนนั้น น้องชายของพี่หม่ามองดูขวดเครื่องดื่มที่ยังไม่ดื่มอาหารบนโต๊ะของเฉินหลง เขาหยิบขึ้นมาถือไว้ และเปิดฝาขวดออก ดื่ม แล้วจึงตั้งไว้บนโต๊ะของเฉินหลง เขาพร้อมจะตามพี่มาออกไป
“รอก่อน” เฉินหลงว่า
หากเขาไม่มาทำให้เขารำคาญ เฉินหลงคงไม่อยากมีปัญหา แต่คนของเขาคนหนึ่งทำตัวด้อยค่าและดื่มเครื่องมือของเฉินหลงไป นั่นทำให้เฉินหลงไม่พอใจเท่าไหร่
พี่หม่าหันและจ้องมองเฉิน เขากล่าวว่า “นายพูดกับฉันหรือ”
“ไม่ ไม่ เขาเรียกผมไม่ใช่พี่หม่า” เจ้าของร้านหลิวรีบพูดไป ในขณะเดียวกันเขาก็ขยิบตาให้เฉินหลง
เมื่อหลิวเห็นว่าน้องชายของพี่มาดื่มเครื่องดื่มของเฉินหลงไป เขารู้ว่าเฉินหลงคงโกรธแน่ เขารู้ด้วยว่าเฉินหลงมาที่นี่เป็นครั้งแรก เขาเกรงว่าเฉินหลงจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเสี่ยวหม่า เขารีบพูดแทนเฉินหลง
“เจ้าของร้านหลิว ผมไม่ได้เรียกคุณ ผมเรียกเขา นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ โปรดอย่าพูดอะไร” หลิวพังจื่อนั้นมีเจตนาดี เฉินหลงรู้ดี แต่เพราะน้องชายของพี่หม่าพร้อมจะท้าทายเขา เขาต้องชดใช้
เมื่อได้ยินที่เฉินหลงว่าเช่นนั้นแล้ว เจ้าของร้านหลิวจึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและเดินออกไป หากจะกล่าวแบบนั้นก็คงช่วยอะไรไม่ได้
“นายบอกฉันว่าให้รอสักครู่ นายมีอะไรหรือจะพูดกับฉันหรือ” พี่หม่าเดินไปข้างๆเฉินหลง และมองเฉินหลงอย่างดุๆ
เฉินหลงมองพี่หม่าอย่างใจเย็นและพูดไป “ผมไม่ได้มีอะไรจะพูด ผมมีเรื่องจะพูดกับน้องคุณ เครื่องดื่มนี่เป็นของผม หากว่าเขาอยากจะดื่ม เขาก็ซื้อเองได้ หากว่าเขาไม่ได้ยากจนแล้วทำไมเขาต้องเอาเครื่องดื่มผมไป คุณต้องคืนค่าเครื่องดื่มให้ผมด้วย”