เมื่อเจอเย่เฉินแล้ว หลี่เสี่ยวเฟินปรากฏสีหน้าที่ดีใจและตื่นเต้น
เธอริบวิ่งไปหาเย่เฉิน ก็เหมือนตอนแต่ก่อน เธอใช้สองมือไปจับแขนของเย่เฉินไว้ พูดอย่างหวานหยาดเยิ้มว่า: “พี่เย่เฉิน ทำไมพี่ถึงไม่มาเยี่ยมที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี่เลย?”
เย่เฉินโดนเธอจับแขน ไม่เพียงไม่รู้สึกอึดอัด แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพี่ขายคนหนึ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงที่รักใคร่ว่า: “ฉันออกไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ฉันไม่มีหน้ากลับมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อหาพวกเธอ”
หลี่เสี่ยวเฟินได้ยินแบบนี้แล้ว เธอเริ่มมีเส้นเลือดฝอยปรากฏขึ้นในดวงตาและพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า: “ป้าหลี่ก็บอกพวกเราแล้วว่าหลังจากที่นายออกไป นายก็ไปทำงานก่อสร้าง พี่ทำงานเหนื่อยและยังคอยส่งเงินให้ป้าหลี่อีก เพื่อให้ป้าหลี่ซื้อสมุด ซื้อเสื้อผ้าและซื้อของกินให้พวกเรา แต่พี่ไม่ได้กลับมาดูฉันเลย หลายปีผ่านไปแล้ว ฉันไม่ได้เจอพี่อีกเลย…….”
พูดไปน้ำตาก็ค่อยๆหยดลงมา เธอพูดต่อว่า: “ตอนที่ป้าหลี่ป่าย เห็นป้าหลี่บอกว่าพี่ไปเยี่ยมป้าบ่อยมาก แต่พี่จะไปเยี่ยมป้าตอนที่พวกเรากลับไปแล้ว พี่ตั้งใจที่จะหลบหน้า ไม่อยากเจอพวกเราพี่รู้มั้ยว่าพวกน้องๆ จะรู้สึกเสียใจแค่ไหน……”
เมื่อเย่เฉินได้ยินแบบนี้แล้ว เขาถอนหายใจอย่างหดหู่
หลังจากที่เขาออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กแล้ว ก็ไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเลย หลังจากนั้นเขาทำงานอยู่ที่สถานที่ก่อสร้าง หนึ่งปีสามร้อยหกสิบห้าวันไม่ได้หยุดไม่ได้พักเลย เงินที่ได้มานอกจากจะเอามาซื้อข้าวกินแล้ว ก็ส่งมาให้ป้าหลี่หมดเลย
ที่เขาไม่อยากกลับไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะว่าตอนนั้นเขามีชีวิตที่หดหู่มาก เขาไม่อยากให้น้องๆที่ยังไม่ได้เข้าไปในสังคมต้องมาเห็นสภาพที่ผิดหวังท้อใจของตัวเขา กลัวจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้พวกน้องๆ
และต่อมาตัวเขาได้แต่งงานเข้าไปอยู่ที่บ้านของฝ่ายหญิง และเป็นลูกเขยแต่งเข้าชื่อดังของจินหลิง แบบนี้เขายิ่งไม่มีหน้ากลับไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เมื่อได้ข่าวว่าป้าหลี่ป่วย เขาเป็นห่วง เศร้าใจ และใส่ใจมากกว่าใครๆ
เขายังไม่มีหน้าไปเผชิญหน้ากับเพื่อนๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเท่าไหร่
แต่หลังจากนั้นถึงเขาจะได้เงินจากตระกูลเย่หนึ่งแสนล้าน และยังได้ตี้เหากรุ๊ป แต่ช่วงเวลานี้ป้าหลี่ไม่ได้อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลย เขาเลยยังไม่ได้กลับไป
ตอนที่เย่เฉินรวยแล้ว เขามีความคิดที่จะบริจาคให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาโดยตลอด ก็รอให้ป้าหลี่กลับมาแล้ว ตัวเขาเองจะไปหาเหตุผลและข้ออ้างที่เหมาะสม เพื่อจะบริจาคเงินจำนวนมากมายให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ที่วันนี้เขารับปากทุกคนว่าจะมาจัดงานเลี้ยงต้อนรับป้าหลี่ นอกจากอยากเจอป้าหลี่แล้ว ยังอยากจะหาวิธี ว่าสามารถใช้วิธีไหนที่สามารถบริจาคเงินจำนวนมากให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โดยที่ไม่ถูกสงสัย
เซียวซูหรันมาสถานเลี้ยงเด็กกับเย่เฉินเป็นครั้งแรก เป็นครั้งแรกที่เธอเจอหลี่เสี่ยวเฟินเช่นกัน
เธอตกใจไปกับความสดใสและร่าเริงของหลี่เสี่ยวเฟิน และอีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าหลี่เสี่ยวเฟินคนนี้ดูสนิทสนมกับสามีตัวเองมากเกินไป
แต่เธอก็ปลอบใจตัวเอง ถึงอย่างนั้นเด็กผู้หญิงคนนี้แต่ก่อนก็เป็นเด็กที่โตมาพร้อมกับเย่เฉิน เธอคงถือว่าเย่เฉินเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆของเธอเอง จะสนิทสนมก็ไม่แปลก
เย่เฉินเห็นว่าหลี่เสี่ยวเฟินร้องไห้ไม่หยุด ก็เลยเอ่ยปากพูดว่า: “เสี่ยวเฟิน หลายปีที่ผ่านมาพี่มีชีวิตที่ไม่ค่อยดี พี่ก็เลยไม่อยากให้น้องเห็นสภาพที่ผิดหวังท้อใจของพี่ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้พี่มีชีวิตที่ดีขึ้น และมีหน้ากลับมาเจอพวกเธอสักที”
ระหว่างที่พูด เขาดึงมือของเซียวซูหรันมาพูดแล้วยิ้ม: “มา พี่จะแนะนำให้เธอรู้จักนะ คนนี้คือพี่สะใภ้ของเธอ เป็นไงบ้าง สวยมั้ย?”
เซียวซูหรันถูกเย่เฉินดึงมือไปกะทันหัน ใจของเธอรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย ถึงเธอและเย่เฉินจะแต่งงานกันมาแล้วสามปี แต่ความจริงก็คือพวกเธอไม่ค่อยมีช่วงเวลาที่ใกล้ชิดกันเลย
แต่เธอก็ไม่ได้ดึงมือกลับไป และปล่อยให้เขาจับอยู่แบบนั้น
หลี่เสี่ยวเฟินมองไปที่เซียวซูหรัน ตอนแรกในแววตาของเธอยังมีความเศร้าโศกอยู่ ตอนนี้ได้กลายเป็นความอิจฉา
เธอมองไปที่เซียวซูหรันแล้ว เธอก็อดรู้สึกละอายไม่ได้ว่าตัวเองไม่ได้หน้าตาดีเหมือนคนอื่น