TB:บทที่ 312 นักธุรกิจ
“คุณโอ เชิญนั่งก่อนสิครับ อาหารบนโต๊ะทุกจานเป็นอาหารจีน ผมไม่มั่นใจว่าจะถูกปากคุณไหม ” เฉินหลงกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มให้โอ ส่วนแจ็คและลูกน้องคนอื่นๆเป็นแค่ลูกน้อง ไม่แปลกที่เฉินหลงจะไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
“ด้วยความยินดีครับ จริงๆแล้ว ผมชอบอาหารจีนมาก และผมก็ชอบไปทานข้าวอาหารร้านอาหารจีนที่ไชน่าทาวน์ด้วยครับ” โอนั่งลงบนเก้าอี้ที่ยังไม่มีผู้ใดจับจองด้วยท่าทางสง่า จากนั้นหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบซี่โครงหมูชิ้นหนึ่งใส่ชามของตนแล้วกินมันเข้าไป
ในขณะที่โอกำลังเคี้ยวซี่โครงหมูชิ้นนั้น แจ็คและลูกน้องคนอื่นๆต่างพากันน้ำลายสอ
หลังจากที่โอกลืนซี่โครงหมูลงท้อง เฉินหลงก็ถามเขาด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ถูกปากคุณโอไหมครับ?”
“อืม… ความเปรี้ยวแต่ไม่ถึงกับฝาดของน้ำซอส และความหวานจากซี่โครงที่ทำให้คนทานไม่รู้สึกเลี่ยนจนเกินไป เป็นรสชาติที่เข้มข้นและกลมกล่อม น้อยมากที่ผมจะได้ทานซี่โครงหมูที่อร่อยแบบนี้” โอวางตะเกียบลงและชื่นชมซี่โครงหมูจานนี้ การที่เขาสามารถบรรยายความอร่อยของมันออกมา แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่เคยรับประทานอาหารจีนมาแล้วหลายครั้งหลายครา
“ถ้าคุณโอชอบทาน คุณจะทานมันอีกกี่ชิ้นก็ได้นะครับ ในงานฉลองของจีนมีทั้งเนื้อและไวน์ นี่คือไวน์คุนหลุน ไวน์ชั้นดีที่หายากมาก ผมอยากให้คุณได้ลิ้มลองมันดูสักครั้ง” จากนั้น เฉินหลงก็รินไวน์ในแก้วไวน์ที่ว่างเปล่า จากนั้นก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ
ในขณะที่เฉินหลงกำลังพูดอยู่นั้น หวู่เต่าเทียนได้เดินตรงมาทางคุณโอพร้อมกับไวน์คุนหลุนขวดเล็ก แล้วรินไวน์ลงในแก้วของคุณโอ
เมื่อเฉินหลงออกปากสั่งอะไร หวู่เต่าเทียนก็ยินดีทำตามคำสั่งของเฉินหลงทุกอย่าง เนื่องจากว่าเขาต้องการให้เฉินหลงสอนวิชานักรบแห่งทวยเทพให้
ส่วนหวู่ชิงหยางกับถังเต่าหู เฉินหลงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เขาไม่ได้ข่าวเรื่องนิกายเทวาจุติเลยหลังจากที่พวกเขากลับไป
คุณโอหยิบแก้วไวน์ของตนขึ้นมาชนแก้วกับเฉินหลง กระดกไวน์เข้าปากจนหมดแก้วในคราเดียว
คุณโอที่ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อกล่าวว่า “ไวน์ดี”
“คุณโอนี่ซื่อตรงจังเลยนะครับ พวกเรามาทานข้าวกันต่อเถอะครับ คุยไปทานไปดีกว่า” เฉินหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คุณโอนั่งลงและคีบซี่โครงมาใส่ในชามของตนอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะติดใจมันเข้าแล้วจริงๆ
ในตอนที่ทุกคนรับประทานอาหารไปได้สักพัก จู่ๆเฉินหลงก็พูดขึ้นมาว่า
“คุณโอครับ ผมขอถามได้ไหครับ ผมไม่เข้าใจว่าคุณมาทำอะไรที่นี่”
“เรื่องนั้น ผมได้ยินมาว่าคุณเฉินหลงเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยที่นี่เป็นครั้งแรก ผมจึงสงสัยว่าคุณจัดตั้งบริษัทจริงๆรึเปล่า” โอตอบคำถามด้วยรอยยิ้มแล้วจิบไวน์คุนหลุนไปหนึ่งอึก
ครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มลองไวน์คุนหลุน เขารู้สึกแสบบริเวณคอ ตามมาด้วยรสชาติของผลไม้ ทำให้ตอนนี้มีคนหลงรักไวน์คุนหลุนเข้าแล้ว
“ใช่แล้วครับ ผมเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยโดยหุ้นกับคุณแอนแดสจริๆ และผมได้รับอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้ทำการละเมิดกฎหมายให้เลย ไม่สิ คุณคงกำลังสงสัยว่าทำไมผมไม่ไปตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ประเทศตัวเองสินะครับ” เฉินหลงหันไปตอบโอด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ผมรู้ว่าบริษัทรักษาความปลอดภัยตั้งในประเทศจีนได้ แต่คือ คุณเฉินครับ คุณไม่รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในบริษัทของคุณไม่ใช่คนธรรมดาหรอครับ” คุณโอพูดเข้าประเด็นทันที
“อ้อ คุณคงจะมีปัญหากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของผมสินะครับ แต่ว่า ขอโทษนะครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจที่คุณต้องการจะสื่อ รบกวนคุณช่วยอธิบายมันให้ผมฟังอีกรอบได้ไหมครับ?” เฉินหลงเอ่ยถามคุณโอด้วยความสงสัย
“ครับ คือผมต้องการจะบอกคุณว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนในบริษัทของคุณล้วนเป็นอดีตทหารจากหน่วยรบพิเศษของเยอรมัน ไม่ทราบว่า คุณกำลังวางแผนก่อสงครามโดยการรวบรวมทหารหลายนายใช่ไหมครับ?” โอมองเฉินหลงแล้วตอบอย่างระมัดระวัง
“ผมว่าคุณโอคิดมากเกินไปแล้วครับ จุดประสงค์ของบริษัทรักษาความปลอดภัยของผมคือ การรักษาความปลอดภัยของนายจ้าง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด ผมขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทผม เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด นั่นคือที่มาของชื่อบริษัทผม และสุดท้ายนี้ ผมเป็นนักธุรกิจที่ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แน่นอนว่าเป้าหมายของผมคือเงิน!” เฉินหลงตอบด้วยรอยยิ้ม “โอ้ะ ไหนๆคุณก็รู้แล้วว่าพวกเขาทุกคนเป็นแค่ทหารผ่านศึก พวกเขาไม่ใช่ทหารแล้ว ตอนนี้หน้าที่ของพวกเขาคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทรักษาความปลอดภัยในเครือเว่ยหลงเท่านั้นครับ”
“ในเมื่อคุณเฉินว่าอย่างนั้น ผมก็จะเชื่อคุณ แต่ผมมีเรื่องที่อยากจะเตือนคุณเอาไว้คือ ได้โปรดอย่าลืมที่คุณบอกว่าคุณเป็นนักธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าวันหนึ่งคุณเกิดทำธุรกิจผิดกฏหมายขึ้นมา ผมจับคุณส่งเข้าคุกแน่นอนครับ” พูดจบ โอก็ยืนขึ้นทันที เขาได้ทำตามจุดประสงค์ของการมาที่นี่สำเร็จแล้ว ในตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องกลับแล้ว
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาๆ ไม่มีทางทำอะไรผิดกฎหมายอยู่แล้วครับ” เฉินหลงตอบ
“เต่าเทียน เดินไปส่งคุณโอ”
“ครับ”
เมื่อได้ยินคำสั่งที่ออกมาจากปากของเฉินหลง หวูเต่าเทียนจึงรีบตอบเขาในทันที
จากนั้น หวู่เต่าเทียนเดินนำพวกเขาไปที่ประตูทางออกและกล่าวลา
“คุณเฉิน คุณโอคนนี้ เขาดูเป็นอวดเก่งจริงๆ คุณอยากให้ผมส่งคนไปสังหารเขาไหมครับ?” หลังจากที่โอเดินออกไปจากห้องอาหาร แอนแดสก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ไม่จำเป็น อีกอย่าง ถ้าคุณฆ่าคุณโอไป เผลอๆอาจมีคุณเอ็ม คุณไอหรือคนอื่นๆโผล่ตามมาอีกก็ได้ อีกอย่าง ผมคิดว่าคุณโอคงพอใจไม่น้อย คุณอย่าไปรังแกเขาเลย ในเมื่อเขาไม่ได้มาหาเรื่องเราก่อน เราไม่ต้องไปสนใจเขา ตอนนี้พวกเราควรจัดการกับพวกโบสถ์แห่งแสงก่อน” ดูเหมือนว่าตอนนี้เฉินหลงจะถูกใจโอเข้าแล้ว นอกจากนี้ อีกฝ่ายไม่ได้มาหาเรื่องเขาก่อน เขาก็ควรปล่อยอีกฝ่ายไปเช่นกัน
“จริงอย่างที่คุณว่า เราไม่จำเป็นต้องสนใจเขาเลยสักนิด พวกเรา สมาคมแอนเดียนมีความสัมพันธ์อันดีกับสมาชิกในรัฐสภาหลายคน แค่แสดงให้เขาเห็นว่าเรามีอำนาจมากแค่ไหน แค่นี้เขาก็ไม่กล้ามายุ่งกับพวกเราแล้ว” แอนแดสกล่าว
ที่อังกฤษ นอกจากสมาคมแอนเดียนนั้นมีชื่อเสียงมากแล้ว พวกเขายังมีความสัมพันที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลอังกฤษอีกด้วย หากคุณต้องการจัดการบริษัทรักษาความปลอดภัยในเครือเว่ยหลงจริงๆ เห็นที คุณคงต้องชั่งน้ำหนักและคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ
“อืม ทานข้าวกันต่อเถอะ หลังทานเสร็จ ผมจะแวะเข้าไปที่บริษัทสักหน่อย ไม่รู้ว่าตอนนี้บริษัทดำเนินการไปถึงไหนแล้ว” เฉินหลงพยักหน้า
ประจวบเหมาะกับหวู่เต่าเทียนที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร
“บอส พวกเขากลับไปแล้ว”
“ดี นายเองก็มาทานข้าวสิ”
……
“บอสครับ คุณจะปล่อยเรื่องของหนุ่มชาวจีนกับบอร์แมนไปจริงๆเหรอครับ?” แจ็คเอ่ยถาม
“แล้วอย่างฉันจะไปทำอะไรคนพวกนั้นได้ล่ะ? ยอดฝีมืออย่างบอร์แมนก็เป็นคนของฝ่ายนั้น ถ้านายไม่มีกำลังมากพอ ก็เลิกหวังไปได้เลย นายไม่มีทางทำอะไรหมอนั่นได้แน่นอน ส่วนเฉินหลง นายไม่เห็นหรอว่าที่นั่นใครเป็นใหญ่ ขนาดคนจากสมาคมแอนเดียนที่อยู่ที่นั่นยังเกรงใจเขาเลย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาเป็นบอสของที่นั่น ขืนนายเข้าไปจับเขาสุ่มสี่สุ่มห้า นายไม่มีทางพาเขาไปถึงถานีตำรวจแน่ เพราะว่านายจะได้รับสายตรงจากจากสมาชิกรัฐสภาหลายท่านโทรมาสาปแช่งให้นายไปลงนรกและปล่อยตัวเขา และถึงแม้ว่านายจะปล่อยตัวเขาแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับนายต่อ คืนนั้นนายอาจจะถูกใครบางคนลอบฆ่าก็ได้ เฮ้อ… นายก็รู้ว่าฉันมีคนช่วยงานน้อยแค่ไหน ฉันยังไม่อยากเสียลูกน้องฝีมือดีไปตอนนี้หรอกนะ”
โอทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูภาพของผู้คนเดินสันจรไปมาตามถนน แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ในโลกนี้ยังมีคนที่เราไม่สามารถเข้าไปหาเรื่องได้เพียงเพราะพวกเขาเกิดมาพิเศษกว่าคนอื่น ส่วนพวกเรานั้นเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง นายคิดว่านายจะต่อกรกับพวกเขาได้ยังไงล่ะ? อย่างที่ผู้พันของเยอรมันว่า ตราบใดที่พวกเขายังไม่ทำผิดร้ายแรง ฉันก็ไม่ควรยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องของคนพวกนั้น….”
แจ็คถึงกับพูดไม่ออก เขาเหลือบมองโอแวบหนึ่ง สัมผัสได้ว่าโอเองก็จนปัญญากับเรื่องนี้เช่นกัน