ในขณะที่กำลังทำตัวไม่ถูกนั้น กู้ชิวอี๋ก็มองดูเขาด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง โพล่งถามขึ้นว่า “เฉินจื๋อข่าย!คุณรู้มาตั้งนานแล้วใช่ไหมว่าพี่เย่เฉินของฉันก็อยู่ที่จินหลิง?”
“หา? เอ่อ…อันนี้…” เฉินจื๋อข่ายไม่รู้จะตอบอย่างไรดีไปชั่วขณะ อึกๆอักๆพูดเหตุผลออกมาไม่ได้
กู้ชิวอี๋กัดฟันที่ขาวใสของตนเองหนึ่งที เอ่ยขึ้นอย่างโมโหมากว่า “คุณคนนี้นี่ช่างไม่ซื่อสัตย์จริงๆ ฉันตั้งแต่ต้นจนจบไปหาคุณสอบถามถึงที่อยู่ของพี่เย่เฉินมาตั้งหลายครั้งขนาดนั้น คุณต่างก็ไม่มีคำพูดจริงสักประโยค!“
เฉินจื๋อข่ายเอ่ยขึ้นอย่างทำตัวไม่ถูก “คุณกู้ นี่คุณเข้าใจผมผิดแล้วจริงๆครับ ผมก็เพิ่งรู้เมื่อก่อนหน้านี้ไม่นาน ไม่นึกเลยว่าคุณชายจะอยู่ที่จินหลิง ผมเป็นตัวแทนตระกูลเย่อยู่ที่จินหลิงมาตั้งนาน ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
เฉินตัวตัวที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถามขึ้นอย่างตกใจ “เรื่องบ้าอะไร?!ชิวอี๋ เธอว่าประธานเย่ เย่เฉินนั่น ก็คือพี่เย่เฉินที่เธอต้องการตามหามาโดยตลอด?”
กู้ชิวอี๋พยักหน้า เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “ถูกแล้วก็คือเขา!เจ้าคนเลวนี่ทำร้ายฉันให้ฉันหาอย่างทุกข์ทรมานมาก!”
เฉินตัวตัวเอ่ยขึ้นอย่างเซอร์ไพรส์สุดๆ “อัยยะ!งั้นก็ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!ในที่สุดเธอก็หาเขาจนเจอ งั้นไม่ใช่ว่าไม่ช้าก็จะสามารถแต่งงานได้แล้วหรอกหรอ? ฉันจำได้เธอพูดมาโดยตลอดว่า ขอเพียงแค่หาพี่เย่เฉินพบ เธอก็จะออกจากวงการบันเทิงในทันที จากนั้นก็จะแต่งงานมีลูกกับเขา”
ใบหน้าของกู้ชิวอี๋ก็แดงขึ้นมาในทันที เอ่ยขึ้นอย่างอับอายว่า “ฉัน…ฉันก็คิดแบบนั้น…แต่ว่า…แต่ว่าเจ้าคนเลวนั่นเขาแต่งงานแล้ว…”
“แม่งเอ๊ย!” เฉินตัวตัวระเบิดในทันที เอ่ยโพล่งออกมาว่า “ไอ้ลูกวัวอ่อนแอแซ่เย่นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือเขาไม่รู้หรอกหรอว่าเขามีการหมั้นหมายตั้งแต่เกิด? หรือว่าเขาไม่รู้หรอกหรอว่าเขามีคู่หมั้นที่สวยสุดๆคนหนึ่ง กำลังตามหาเขามาโดยตลอด? นึกไม่ถึงว่าจะกล้าแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น รอเขามาแล้ว เธอดูว่าฉันไม่ชี้หน้าด่าเขา!เป็นเฉินซื่อเหม่ยของสมัยนี้จริงๆ!”
เว่ยเลี่ยงกับเฉินจื๋อข่ายสบตากันแวบหนึ่ง สีหน้าของทั้งสองคนต่างก็เก้กังทำอะไรไม่ถูกเป็นอย่างยิ่ง
เว่ยเลี่ยงก็เพิ่งรู้ในเวลานี้เองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกู้ชิวอี๋และอาจารย์เย่ ในใจก็ต้องช็อคสุดๆเป็นธรรมดา
ในเวลานี้ ได้ยินเพียงแต่กู้ชิวอี๋เอ่ยขึ้นว่า “ตัวตัว อีกสักครู่ภรรยาของพี่เย่เฉินก็จะมาด้วยเช่นเดียวกัน ฉันรับปากกับพี่เย่เฉินแล้วว่าจะไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนบนโต๊ะอาหาร ดังนั้นถึงเวลาเธออย่าพูดจามั่วซั่วเด็ดขาด”
“นั่นจะได้ยังไงกันล่ะ!” เฉินตัวตัวเอ่ยขึ้นอย่างโมโหสุดขีด “อาศัยโอกาสที่เมียของไอ้เลวนั่นก็มาด้วยเหมือนกัน ก็ควรจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้ เอาเรื่องนี้พูดให้ชัดเจนต่อหน้าเมียของเขาไปเลย จะได้ทำให้เมียของเขารู้สึกตัวถอยเมื่อเห็นว่าสถานการณ์นั้นไม่สมควร ยังไงฉันก็ไม่เชื่อจริงๆว่า ผู้หญิงคนไหนจะกล้าแย่งสามีกับเธอกู้ชิวอี๋!”
“โอ๊ยไม่ได้!”
กู้ชิวอี๋เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังมาก “เรื่องนี้ฉันได้รับปากพี่เย่เฉินแล้ว หากเธอกล้าทำร้ายให้ฉันต้องผิดคำพูดแล้วล่ะก็ กลับไปฉันไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่!”
เฉินตัวตัวโพล่งออกมา “เฮ้ย กู้ชิวอี๋ เธอโง่ไปแล้วใช่หรือเปล่า? อาหารมื้อนี้คือโอกาสที่ดีที่สุดในการบีบภรรยาคนแรกของเขาให้จากไปเลยนะ เธอจะต้องคว้าเอาไว้ให้ดี ไม่เช่นนั้นอนาคตเธอจะต้องสายเกินไปที่จะเสียใจอย่างแน่นอน!”
“เธอน้อยๆหน่อย!” กู้ชิวอี๋เอ้ยขึ้นอย่างจริงจัง “ฉันคนนี้ให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญามาโดยตลอด เธอห้ามมาก่อความวุ่นวายให้กับฉัน”
“ก็ได้ๆ” เฉินตัวตัวเอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญา “เธอตัดสินใจแล้ว อนาคตก็อย่ามาเสียใจในภายหลังเป็นอันขาด”
ในเวลานี้เอง เย่เฉินและเซียวชูหรันก็ได้มาถึงด้านนอกประตูห้องรับรองพิเศษ
ก่อนเข้าประตูเซียวชูหรันยังคงถามเขาอยู่ว่า “แขกวีไอพีที่จะเจอคือใครกันแน่คะ ทำซะลับลมคมในขนาดนี้”
เย่เฉินหัวเราะพร้อมกับเอ่ย “คุณวางใจ เป็นหนึ่งในคนที่คุณอยากเจอมากที่สุดอย่างแน่นอน”
“คนที่ฉันอยากเจอมากที่สุด?” คิ้วที่งดงามของเซียวชูหรันเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเองยังคิดไม่ออกว่าตอนนี้ฉันอยากเจอใครมากที่สุด”
เย่เฉินหัวเราะขึ้นเล็กน้อย “เข้าไปไม่ใช่ว่าก็รู้แล้ว”
ในขณะที่พูด เขาก็เคาะประตูเบาๆ จากนั้นก็ผลักประตูห้องรับรองพิเศษเข้าไปทางด้านใน
เซียวชูหรันแวบเดียวก็มองเห็นภายในห้องรับรองพิเศษอันหรูหรา กู้ชิวอี๋นั่งอยู่ทางตรงข้ามประตูห้องพอดี เธอตกตะลึงจนตาค้างภายในวินาทีนั้นในทันที!
“แม่เจ้า คือกู้ชิวอี๋? คือกู้ชิวอี๋จริงๆ?”